เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 11
นภาตกใจตื่น... ลุกขึ้นจากฝัน เธอหันไปมองรอบๆ ตัวคล้ายงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"ฝัน" นภารำพึง
นภาเดินไปมองเชิงตะกอนที่มอดไฟแล้ว สีหน้าและแววตาดูเข้มแข็งขึ้น
“เมฆา... คุณจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับแล้วจริงๆ”
นภาสลดลงนิดหนึ่งและกำลังจะเดินออกไป แต่แล้วเธอรู้สึกว่ามีอะไรห้อยอยู่ที่คอ จึงลองจับดูพบว่าเป็นสร้อยคอที่ร้อยแหวนเงิน ซึ่งเธอฝันไปเมื่อครู่ว่าเมฆาเป็นคนมาสวมไว้ให้
"เมฆา"
นภามีสีหน้าแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นภาเดินเข้ามาหาผู้การอินทนนท์กับพวก ซึ่งกำลังเตรียมตัวจะออกเดินทางไปจากวัดนี้
"ฉันพร้อมแล้วค่ะผู้การ เราต้องเอาของสำคัญกลับคืนมา" นภาบอก
อินทนนท์ยิ้มยินดีบอก
“ผบ.นภากลับมาแล้ว”
ทุกคนที่กำลังเก็บข้าวของต่างหันมามอง นภาจ้องไปที่ทุกคนแล้วประกาศกร้าว
“ร่างกายของดอกเตอร์เมฆาอาจจะสูญสิ้นไปหมดแล้วจากโลกใบนี้ แต่จิตวิญญาณแห่งความดีของเค้า ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา ดอกเตอร์เมฆาคือศรัทธา คือสัญญลักษณ์ตัวแทนของความดีที่ไม่มีวันตาย พวกเราต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้องตลอดไป...”
นภามีสีหน้ามุ่งมั่น
วันเดียวกัน จักรเข้ามาหาวิญญู วิญญูจ้องหน้าจักรแล้วพูดขึ้น
“ฉันมีวิธีที่จะเอาวัชระมาจากไอ้แสงกล้า”
"ทำยังไง"
"แพรไพลิน... ผู้หญิงคนนี้จะทำให้เราได้ตรีศูลวัชระที่สมบูรณ์"
รถของเพชรแท้แล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน เธอเปิดประตูกำลังจะเดินลงมาจากรถทางเบาะหลัง
“มนุษย์ทุกคนมีบ่วงกรรม ... ความผูกพันในความรักจะทำให้พวกมันพลาด สูญเสียทุกอย่างให้กับเรา" วิญญูบอก
เพชรแท้เดินมาถึงประตูทางเข้า ดาหลากับสมุนเดินออกมา
"รองจักรเรียกฉันมาพบที่นี่"
“เชิญด้านนี้ดีกว่าค่ะ... ท่านวิญญูกำลังรอพบคุณอยู่”
เพชรแท้ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อรู้ว่าเป็นวิญญูไม่ใช่จักร แต่ก็เดินตามดาหลากับสมุนไปอีกทางหนึ่ง
เพชรแท้สีหน้าหวาดหวั่น อย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองบรรยากาศทางไปดูลึกลับน่ากลัว
เพชรแท้เดินเข้ามาภายในโถงของขมังเวทย์ ซึ่งมีบรรยากาศมืดสลัวขรึมขลังดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เธอมองไปรอบๆ ชักจะเริ่มกลัว ครั้นจะเดินหันหลังกลับออกไป แต่ประตูหน้ากลับปิดเต็มแรง...ปัง ! เธอเดินต่อไปด้วยแววตาหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
"รองจักร... ฉันมาแล้วค่ะ รองจักร"
เพชรแท้เดินต่อไป มีของด้านหลังเพชรแท้หล่น... โครม ! เธอผวาสะดุ้งสุดตัวหันไปมอง เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นเพียงของชิ้นหนึ่งหล่นลงพื้นเท่านั้น
เงามืดวูบมาทางด้านหลังเพชรแท้ เพชรแท้ตกใจหันขวับไปดู แต่ไม่พบอะไร แววตาหวาดกลัวมากขึ้น
“มาตรงเวลาจริงๆ ... คุณเพชรแท้” ขมังเวทย์บอก
“ท่านวิญญู... ทำฉันตกอกตกใจหมดเลย ทำไมถึงนัดฉันมาที่นี่ล่ะคะ”
เพชรแท้พูดพร้อมๆ กับหันหลังกลับมา แต่เห็นวิญญูไม่ชัดเพราะเขาอยู่ในมุมมืดลับแนวเหลี่ยมเสาออกไป
ขมังเวทย์น้ำเสียงเหี้ยมบอก
“เพชรแท้ ฉันมีเรื่องขอความช่วยเหลือ”
“ด้วยความยินดีเลยค่ะ มีอะไรบอกมาได้เลย”
ขมังเวทย์ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากเหลี่ยมเสา สภาพที่แท้จริงของวิญญูในตอนนี้อยู่ในชุด
ขมังเวทย์ เพชรแท้เบิกตาโพลงด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่ว่าจะยินดีหรือไม่ก็ตาม...เธอต้องทำ !”
ขมังเวทย์ตรงเข้าประชิดตัวเพชรแท้ที่หนีออกไปไม่ทัน กระชากร่างเพชรแท้มากอดไว้ตรงหน้า
ขมังเวทย์ถือลูกสะกดฝังเข้าไปที่ท้ายทอยเพชรแท้ที่ร้องลั่น
“โอ๊ย”
เพชรแท้เบิกตากว้างด้วยความเจ็บปวด
วันเดียวกัน ภายในทาวน์โฮม แพรไพลินกำลังเดินอยู่ภายในห้องทำงาน เสียงสัญญาณเตือนในคอมฯ ตั้งโต๊ะดังขึ้น แพรไพลินมากดดู ...เห็นข้อความเตือนวันเกิดแม่ “Today happy birthday Mom..”
แพรไพลินรำพึง
"วันเกิดแม่"
แพรไพลินนิ่งคิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับแม่แล้วสีหน้าเครียดมากขึ้น เพราะยังไม่เข้าใจกัน เสียงสัญญาณติดต่อทางเฟซไทม์ในคอมฯ ดังขึ้น แพรไพลินกดรับสายเห็นเป็นแสงกล้า
ภายในบริเวณเซฟเฮ้าส์แห่งใหม่ แสงกล้ากำลังใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกับแพรไพลินทางเฟซไทม์
สีหน้าแสงกล้าดูเป็นห่วงแพรไพลินเป็นอย่างยิ่ง
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไร... ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันควรจะถามคุณมากกว่าว่าเป็นยังไง สายของเนติเทคฯ แจ้งฉันว่าพวกคุณโดนถล่ม”
"ใช่... เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ"
"ทุกคนปลอดภัยดีใช่มั้ย"
“ปลอดภัยดี... แต่ไม่ทุกคน”
แพรไพลินตกใจถาม
“มีใครเป็นอะไร”
"ดอกเตอร์เมฆา...”
"ทำไม.. ท่านนายกฯเป็นอะไร"
แพรไพลินสีหน้าตกใจมาก
เพชรแท้ที่นั่งอยู่ทางเบาะหลัง สีหน้าแจ่มใสไม่เหมือนโดนลูกกลมสะกดอยู่ คนขับหันมาถาม
"กลับเข้าบ้านเลยใช่มั้ยครับ"
"แวะซื้อของก่อน วันนี้วันเกิดฉัน ฉันจะไปทานเลี้ยงฉลองที่บ้านแพรไพลิน"
คนขับรถชะงักด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะครับ”
“ไปแวะซื้ออาหารอิตาเลียนที่ร้านหน้าหมู่บ้านยายแพรฯ”
“เอ้อ... แล้วจะให้โทรแจ้งคุณแพรก่อนมั้ยครับ ว่าท่านกำลังจะเข้าไปหา”
"ไม่ต้อง... ฉันต้องการเซอร์ไพรส์ลูกสาว"
เพชรแท้ยิ้มแย้มท่าทางอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง
แพรไพลินถอนหายใจยาวเมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากแสงกล้าผ่านการคุยเฟซไทม์
"เท่ากับสิ่งที่เราทำลงไปทั้งหมดสูญเปล่า" แพรไพลินว่า
"ก็คงอย่างนั้น...แต่ก็ยังดีที่เรามีโอกาสได้สู้"
"ผบ.นภา เป็นยังไงบ้างคะ"
“กำลังใจดีมาก... เรากำลังจะทำภารกิจใหญ่อีกครั้งเพื่อชิงศาสตราวุธทั้งหมดกลับมา รวมทั้งเปิดโปงความชั่วร้ายของพวกมัน”
"ต้องการความช่วยเหลืออะไรบอกมาได้เลยนะ ฉันจะจัดการให้"
“ขอบคุณมาก... ผมส่งอีเมลไปแล้วครับ”
สีหน้าแพรไพลินที่ยังคงหม่นหมอง ตัดสินใจได้ไม่ขาดเรื่องเกี่ยวกับแม่ตัวเอง
แสงกล้ามองหน้าแพรไพลิน
“สีหน้าคุณเครียด...ดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรในใจรึเปล่า”
แพรไพลินอึกอักบอก
“เอ้อ... ไม่นี่คะ”
“อย่าปฏิเสธ... คุณปิดผมไม่ได้หรอก”
"คุณรู้?”
แสงกล้ายิ้มๆบอก
“ผมใส่ใจความรู้สึกของคนที่อยู่ในใจผมเสมอ มีอะไรไม่สบายใจเหรอ... เรื่องคุณแม่ใช่มั้ย"
“ก็ไม่มีอะไรมาก วันนี้เป็นวันเกิดคุณแม่ ฉันลังเลว่าควรจะทำยังไงดี”
“มีอะไรต้องลังเลอีก แม่ยังไงก็คือ แม่ ความผูกพันระหว่างคุณกับท่านไม่มีวันจะขาดกัน ดีซะอีกสิ.. วันนี้อาจจะเป็นวันเริ่มความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับแม่ก็ได้นะ”
"ฉันควรจะทำยังไงคะ"
“ลืมความขัดแย้งในอดีต เย็นวันนี้ไปหา ไปกอดท่าน ทานข้าวกับท่าน ทำให้คุณแม่รู้ว่าคุณไม่เคยลืมท่านเลย”
“แต่ว่าฉัน”
“ไม่มีอะไรสำคัญกว่าความเป็นครอบครัว เราควรจะดีต่อคนในครอบครัวในยามที่
ยังมีโอกาส ผมอยากจะเป็นคุณจะแย่ ได้มีโอกาสกอดแม่ในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่"
แพรไพลินนิ่งคิดเหมือนกำลังตัดสินใจ แต่ภายในความคิดคล้อยตามแสงกล้าอยู่มาก
“ยังไงซะ.. แม่ก็ยังคงรักคุณเสมอนะ แพรไพลิน”
เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน แพรไพลินขยับเดินไปมองทางหน้าต่าง แล้วหันมาบอกแสงกล้า
“คุณแม่ฉันมา...”
แสงกล้ายิ้มบอก
“เห็นมั้ย... แสดงว่าท่านก็คิดถึงคุณเหมือนกัน ปรับความเข้าใจกันซะนะครับ ผมเอาใจช่วย ขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของความเข้าใจระหว่างกัน โชคดีนะครับ”
"ขอบคุณค่ะ"
แพรไพลินกดปุ่มปิดระบบเฟซไทม์ ภาพแสงกล้าหายไปจากหน้าจอ เธอหันไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง เห็นเพชรแท้กำลังเดินลงมาจากรถ เธอนิ่งๆ เหมือนกำลังตัดสินใจ แล้วจึงตัดสินใจเดินออกไป ตั้งใจจะสานความสัมพันธ์ที่ดีกับเพชรแท้ในวันนี้
แพรไพลินเปิดประตูให้มองเพชรแท้ด้วยสายตาแปลกใจ ขณะที่เพชรแท้ยิ้มให้
เพชรแท้ยิ้มถาม
“จำได้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันอะไร"
“วัน...เกิดคุณแม่”
“เย็นนี้ขอทานข้าวกับหนูสักมื้อนะจ๊ะ เราจะทานเลี้ยงฉลองวันเกิดกันสองคนแม่ลูก"
“เอ้อ... ค่ะ”
เพชรแท้หันไปสั่งคนรถ
“เอาอาหารเข้าไปไว้ในครัว... เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
คนรถเดินค้อมตัวเข้าไปภายในบ้าน แพรไพลินมองตามของที่ยกเข้าไปด้วยสายตาแปลกใจมากขึ้นไปอีก
“แม่แวะซื้อมาจากร้านอาหารอิตาเลียนหน้าหมู่บ้าน มีแต่ของที่หนูชอบทั้งนั้นเลย เดี๋ยวมาลองดูกันนะ ว่าแม่ยังจำของที่หนูชอบได้หมดทุกอย่างรึเปล่า"
เพชรแท้โอบแพรไพลินเดินเข้าไปในบ้าน แพรไพลินมีสีหน้ากระอักกระอ่วนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเพชรแท้ที่ปฏิบัติต่อเธอในครั้งนี้
ภายในเซฟเฮ้าส์ใหม่ นภากำลังเรียกประชุมทีมงานทั้งหมด เพื่อปฏิบัติภารกิจแย่งชิงศาสตราวุธกลับมา
“รองจักรกับไอ้วิญญูมันต้องหาทางชิงวัชระของแสงกล้าไปแน่ๆ ฤกษ์การหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่ใกล้เข้ามาแล้ว" จ่าสมิงบอก
"เมื่อไหร่" ผู้การอินทนนท์ถาม
“สิ้นเดือนนี้.. ในวันที่ ดวงจันทร์ โลก และ ดวงอาทิตย์ ทำมุมอยู่ในองศาเดียวกัน”
“เราจะไม่รอให้มันเข้ามาหา แต่เราจะเปิดเกมรุกกับพวกมันเต็มรูปแบบ เปิดโปงรองจักรกับไอ้วิญญูให้ทุกคนรู้จักความเลวร้ายของพวกมัน" นภาว่า
“ด้วยวิธีไหนครับ ตั้งแต่ดอกเตอร์เมฆาป่วย รองจักรวางคนของตัวเองไว้ในทุกหน่วยงาน ถ้าจะเล่นงานตรงๆ คงลำบาก" แสงกล้าบอก
“รวิ.. ฉันจำได้ว่ารวิเข้ารับตำแหน่งในสำนักงานสืบฯ อย่างมีข้อกังขา” นภาว่า
ผู้การอินทนนท์คิดนิดหนึ่งแล้วจำได้บอก
“ใช่... ตอนนั้นรวิมีคู่แข่งอีกคนหนึ่งชื่อ ธารา แต่จู่ๆ ธาราก็ถอนตัวออกไปอย่างไม่มีเหตุผล"
นภาหันไปสั่งจ่าหวานกับดาบแหบ
“ส่งข่าวเข้าไปที่พวกของเราในสำนักงานสืบฯ ฉันต้องการข้อมูลส่วนตัวของรวิกับธาราอย่างละเอียดที่สุด”
“ถ้าเล่นงาน ผบ.รวิได้... โอกาสที่ไอ้พญามารจะเสร็จพวกเราก็มีมากขึ้น อุ๊บะ... ชักคันไม้คันมือ อยากอัดกับไอ้วิญญูซะแล้วสิ"
แสงกล้านิ่งคิด เมื่อสมิงพูดถึงวิญญู
อีกมุมหนึ่งในเซฟเฮ้าส์ใหม่ แสงกล้านิ่งคิดเรื่องราวของตัวเอง เขาจับวัชระที่แขวนอยู่บนคอ มองด้วยแววตาครุ่นคิด สมิงเดินเข้ามาทางด้านหลัง มองแสงกล้าที่กำลังใช้ความคิดอยู่
“ผมอยากเผชิญหน้ากับไอ้วิญญูอีกสักครั้ง” แสงกล้าบอก
"เพื่ออะไร" สมิงถาม
“ผมอยากเห็นแววตาของคนเลว... คนที่ฆ่าได้ทั้งอาจารย์ ทั้งศิษย์รุ่นพี่ที่ร่ำเรียนด้วยกันมา จิตใจมันทำด้วยอะไร”
สมิงชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วตอบน้ำเสียงราบเรียบแบบขอไปที
"จะเอาอะไรกับคนเลว ขึ้นชื่อว่าชั่ว มันทำได้ทุกอย่างแหละ"
“พ่อโชติฌาณของผมตายยังไง”
สมิงอึกอัก
“เอ้อ...”
“ผมต้องการรู้ว่าพ่อตายยังไง”
“ผมก็ไม่รู้... วันนั้นผมรีบไปบอกให้แม่หมวดหนีไปก่อน พอกลับมาที่บ้านพัก อาจารย์กับพ่อหมวดก็โดนฆ่าตายไปแล้ว”
แสงกล้าครุ่นคิดด้วยความเคียดแค้น
“ไอ้วิญญู... ฉันไม่มีวันให้อภัยแก แกต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่ทำไว้กับทุกๆ คน !”
แสงกล้าแววตาแข็งกร้าว สมิงจ้องแสงกล้าด้วยแววตาไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก
บนโต๊ะอาหารภายในทาวน์โฮม เพชรแท้กำลังทานอาหาร แพรไพลินท่าทางยังทำตัวไม่ถูกกับแม่ที่จู่ๆ มาดีกับเธอมากมาย ขณะที่เพชรแท้ยิ้มแย้มดูจริงใจ
“ทานให้เยอะๆ นะลูก หนูผอมเกินไปแล้วนะ”
“คุณแม่คะ...”
“ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะจ๊ะ ไม่เอาสิ.. วันนี้เป็นวันเกิดแม่ หนูต้องยิ้ม ห้ามทำหน้าอมทุกข์แบบนี้"
แพรไพลินยังคงนิ่งๆ เดาอารมณ์เพชรแท้ไม่ถูก
“แพร... แม่รู้ว่ากระทำผิดต่อหนูมาก บังคับหนูมาทั้งชีวิต แต่พอมีเรื่องที่เนติเนคฯ แม่ถึงได้ตระหนักว่าแม่รักหนูมากแค่ไหน ยังไงซะครอบครัวเราก็เหลือกันอยู่แค่สองคน แม่ไม่อยากเสียหนูไปจ้ะ”
แพรไพลินน้ำเสียงจริงจัง
“แม่คะ ที่ผ่านมา หนูขอโทษ”
เพชรแท้ชะงักมองหน้าแพรไพลินอย่างจริงจัง
“หนูเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป ไม่คิดถึงจิตใจของคุณแม่เลยสักนิด หนูสัญญาค่ะว่าต่อจากนี้ไป หนูจะคิดถึงตัวเองให้น้อยลง เข้าใจคุณแม่ให้มากขึ้น ให้โอกาสหนูแก้ตัวนะคะแม่"
เพชรแท้เดินเข้ามาดึงร่างแพรไพลินไปกอดไว้ เธอยังไม่กอดตอบเพชรแท้
"แม่ไม่เคยคิดโกรธหนูเลยนะแพร ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรามาเริ่มกันใหม่ แม่จะเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกให้มากขึ้น แม่จะเลิกบงการชีวิตหนู หนูยังคงเป็นลูกสาวที่น่ารักของแม่เสมอจ้ะ...แพรไพลิน”
แพรไพลินซึ้งใจกอดตอบเพชรแท้ เธอถึงกับน้ำตาซึม
“หนูรักแม่ค่ะ”
"แม่ก็รักหนูจ้ะ"
เพชรแท้ยิ้มแย้ม ดันร่างแพรไพลินออกมา เห็นเธอน้ำตาซึมจึงเช็ดน้ำตาให้
"ไม่เอาสิ... จะมาร้องไห้วันเกิดแม่ได้ไง ไม่เอา"
เพชรแท้เดินจูงแพรไพลินมาที่เค้กวันเกิดที่วางอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ
"เรามาเป่าเค้กวันเกิดดีกว่า... ฉลองความเข้าใจระหว่างเราสองคนแม่ลูก"
แพรไพลินจุดเทียนบนขนมเค้ก ยิ้มให้เพชรแท้แล้วร้องเพลง Happy Birthday ให้กับเพชรแท้
ทั้งสองคนร้องเพลง Happy Birthday to you (me)…
แพรไพลินกอดเพชรแท้บอก
“Happy Birthday to you…ขอให้คุณแม่มีความสุขมากๆ นะคะ”
เพชรแท้เป่าเทียนบอก
“ขอบใจมากจ้ะลูก...ขอบใจมาก"
เพชรแท้เดินไปหยิบมีดเล่มยาวจะเอามาตัดเค้ก
"มา... หนูเลือกเลยว่าจะเอาชิ้นไหน เดี๋ยวแม่จะตัดให้ชิ้นโตๆ เลย"
แพรไพลินยิ้มมีความสุข
“เอ.. เอาชิ้นไหนดีล่ะคะ ชิ้นไหนที่อ้วนน้อยหน่อย”
แพรไพลินยิ้มแย้ม ชี้เลือกไปที่ขนมเค้กอย่างมีความสุข จู่ๆ เพชรแท้ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง แววตาที่อ่อนโยนกลับกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าวขึ้น แพรไพลินไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่สนใจอยู่ที่การเลือกชิ้นขนมเค้ก
มือข้างที่ถือมีดของเพชรแท้เกร็งแน่น เงื้อมีดขึ้นเต็มที่ แล้วฟันลงมาเลือดหยดลงมาแดงฉานเต็มหน้าเค้ก แพรไพลินตกใจมาก หันไปมองและร้องเรียก
“แม่ !”
เพชรแท้ที่กำลังร้องกรีดร้องเสียงดังลั่น พร้อม ๆ กับเอามีดตัดเค้กปาดที่ข้อมือตัวเองอีกครั้ง จนเลือดไหลออกมา แพรไพลินตกใจมาก
"แม่คะ...ทำไมแม่ทำแบบนี้"
เพชรแท้กรีดร้อง เงื้อมีดจะปาดข้อมืออีก
“แม่คะ... หยุด หยุดเถอะค่ะแม่”
แพรไพลินตรงเข้าไปยื้อยุดมีดกับเพชรแท้ที่กำลังกรีดร้องเสียงดังและต่อสู้ตบตีแพรไพลิน
แพรไพลินจับเพชรแท้กอดไว้ บิดข้อมือจนในที่สุดสามารถแย่งมีดจากเพชรแท้ โยนทิ้งไปได้สำเร็จ
เพชรแท้โดนแพรไพลินจับเอามือไขว้หลัง แต่เลือดยังไหลไม่หยุด เธอดิ้นเต็มแรงพยายามจะให้หลุดจากการโดนจับ เพชรแท้กรีดเสียงร้องลั่น
“สงบสติอารมณ์เถอะค่ะแม่...แม่คะ"
ขณะที่เพชรแท้ดิ้น แพรไพลินเหลือบมองไปที่ท้ายทอย เห็นลูกกลมสะกดชัดเจนฝังอยู่
“แม่ !”
เพชรแท้หันขวับมามองแพรไพลิน แววตาที่อ่อนโยนกลายเป็นแววตาแข็งกร้าว พูดออกมาแต่เสียงเป็นวิญญู
“แม่แกจะคลุ้มคลั่งมากกว่านี้ ถ้าแกไม่ทำตามคำสั่งฉัน”
“วิญญู...”
“น่าดีใจที่ยังจำกันได้ หมอแพรไพลิน”
“ทำร้ายแม่ฉันทำไม แกต้องการอะไร”
“หมอน่าจะรู้นะว่าฉันต้องการอะไร... วัชระบนคอหมวดแสงกล้า”
จู่ๆ เสียงวิญญูก็หายไป เพชรแท้ที่กำลังจ้องหน้าแพรไพลินอยู่ แววตากลับมาดังเดิมแล้วกรีดร้องลั่นเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“โอ๊ย”
เพชรแท้สลบวูบล้มกองลงไปแทบพื้นทันที แพรไพลินรีบเข้าไปประคองไว้ เลือดที่ข้อมือของเพชรแท้ยังคงไหลรินออกมาไม่หยุด
แพรไพลินรีบหันไปหากล่องปฐมพยาบาล จะนำมาพยาบาลแม่ให้เลือดหยุดไหล
เสียงวิญญูดังกึกก้องไปทั่วบ้านทั้งหลัง
“ฉันต้องการวัชระจากไอ้แสงกล้า เอามามอบให้ฉันภายใน 7 วัน ไม่อย่างนั้น”
จู่ๆ เพชรแท้ที่สลบไม่ได้สติก็ตาลุกวาวขึ้นมา ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย"
เพชรแท้ร้องอย่างเจ็บปวดจนสลบไปอีกครั้ง แพรไพลินมองแม่ด้วยสายตาเป็นห่วงอย่างที่สุด
พยาบาลเข็นรถเข็นพาร่างที่ไร้สติของเพชรแท้เข้ามาในห้องพยาบาล บริเวณแขนและข้อมือของเพชรแท้ได้รับการปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว
พญ. แพรไพลิน นวิยากุลตรงเข้าตรวจความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้อง ล็อกแขนขาของเพชรแท้ไว้เพื่อความปลอดภัย กุ๊บกิ๊บตรงเข้ามาช่วยดูแล พร้อมๆ กับมองไปที่ร่างของเพชรแท้ด้วยความสงสัย
"เกิดอะไรขึ้นกับคุณเพชรแท้คะ"
แพรไพลินไม่ตอบแต่ออกคำสั่ง
“จัดพยาบาลเฝ้าไข้ 24 ชั่วโมง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้รีบแจ้งฉันทันที"
"ต้องล็อกข้อมือข้อเท้าไว้แบบนี้เลยเหรอคะ"
แพรไพลินสั่งต่อ
“ดูแลให้พยาบาลฉีดยาระงับประสาทตามเวลา อย่าให้พลาดนะ !”
“ค่ะ... แล้วทำไม”
กุ๊บกิ๊บจะพูดต่อ แต่แพรไพลินพูดสวนขึ้นทันที
“ฉันต้องการเวลาอยู่กับแม่สองคน”
แพรไพลินจ้องเขม็ง กุ๊บกิ๊บชะงักพูดไม่ออก
"เอ้อ... ค่ะๆ”
กุ๊บกิ๊บกับพยาบาลพากันออกไปจากห้องตามคำสั่งของแพรไพลิน พอกุ๊บกิ๊บกับพยาบาลเดินออกจากห้องไป แพรไพลินก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเพชรแท้ จ้องมองหน้าแม่ด้วยความรู้สึกรักและผูกพัน คิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับแม่ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี
แพรไพลินในชุดครุยยืนคู่กับเพชรแท้ ท่ามกลางช่างภาพและนักข่าวที่รุมกันถ่ายรูป เพชรแท้ปรายตามองแพรไพลินด้วยสายตาไม่ค่อยพอใจ แต่ระงับอาการเพราะอยู่ต่อหน้านักข่าว
เพชรแท้มีปากเสียงกับแพรไพลิน
"ทำไม.. จะยิ้มให้สมกับความภูมิใจไม่ได้เหรอ วันนี้เป็นวันจบปริญญาของแกนะ ฉันอุตส่าห์พานักข่าวไปทำข่าวตั้งมากมาย"
"หนูไม่ได้ต้องการแบบนั้น คุณแม่ทำไปก็เพื่อหน้าตา เพื่อฐานะทางสังคมของคุณแม่"
"แต่แกก็อยู่ในสังคม วันนึงแกต้องยอมรับ"
"ไม่มีทางค่ะ หนูจะไม่ทนกับชีวิตทุนนิยมอย่างคุณแม่ เงินไม่ใช่คำตอบของทุก ๆ เรื่อง ชีวิตคนน่าจะมีค่ามากกว่านั้น”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
“แพร แม่รู้ว่ากระทำผิดต่อหนูมาก บังคับหนูมาทั้งชีวิต แต่พอมีเรื่องที่เนติเนคฯ แม่ถึงได้ตระหนักว่าแม่รักหนูมากแค่ไหน ยังไงซะครอบครัวเราก็เหลือกันอยู่แค่สองคน แม่ไม่อยากเสียหนูไปจ้ะ"
แพรไพลินน้ำเสียงจริงจัง
"แม่คะ ที่ผ่านมา... หนูขอโทษ"
เพชรแท้ชะงักมองหน้าแพรไพลินอย่างจริงจัง
"หนูเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป ไม่คิดถึงจิตใจของคุณแม่เลยสักนิด หนูสัญญาค่ะว่าต่อจากนี้ไป หนูจะคิดถึงตัวเองให้น้อยลง เข้าใจคุณแม่ให้มากขึ้น ให้โอกาสหนูแก้ตัวนะคะแม่"
เพชรแท้เดินเข้ามาดึงร่างแพรไพลินไปกอดไว้ แพรไพลินยังไม่กอดตอบเพชรแท้
"แม่ไม่เคยคิดโกรธหนูเลยนะแพร ที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรามาเริ่มกันใหม่ แม่จะเป็นแม่ที่รักและเข้าใจลูกให้มากขึ้น แม่จะเลิกบงการชีวิตหนู หนูยังคงเป็นลูกสาวที่น่ารักของแม่เสมอจ้ะ...แพรไพลิน”
แพรไพลินกุมมือเพชรแท้ไว้ จ้องหน้าเพชรแท้ที่ยังไม่ได้สติอยู่เวลานี้
“แม่คะ... ถึงเรื่องราวระหว่างเราจะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่หนูก็รักแม่มากที่สุด หนูปล่อยให้แม่เป็นอันตรายไม่ได้"
แพรไพลินน้ำตาซึมเอ่อล้นดวงตา พยายามระงับความเศร้าโศกเสียใจ
แพรไพลินเดินเข้ามาตามทางเดิน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เธอเอาตัวพิงกำแพงด้านหนึ่ง แล้วค่อยๆ ทรุดตัวลง น้ำตาท่วมด้วยความเป็นห่วงแม่
ในคืนเดียวกัน ภายในห้องนอนของรวิ มีเสื้อผ้าหลายชิ้นของรวิกองอยู่ที่พื้น บนผนังสะท้อนภาพจากเตียงนอนแสงสวย เห็นภาพเงาสะท้อนการกอดรัดฟัดเหวี่ยงระหว่างรวิกับวิญญู
รวิดันร่างขึ้นมากอดวิญญูไว้ พลางหันมาคุยพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า
“ฉันดีใจ ที่ท่านอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ”
“ไม่มีอะไรให้ต้องอารมณ์เสีย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามความต้องการของเรา”
“ภารกิจของเราใกล้สำเร็จแล้วใช่มั้ยคะ”
“ใช่... เหลือเพียงแค่วัชระเพื่อมาประกอบตรีศูล พลังอมตะและอำนาจที่ยิ่งใหญ่จะเป็นของเราตลอดไป"
"เราจะจัดพิธีหลอมรวมศาสตราวุธที่ไหนคะ"
“ศาสตราวุธทั้งสี่ชี้เป้าให้เราแล้ว การหลอมรวมต้องเกิดขึ้น ณ ถ้ำใต้ภูผามหาคีรี แรม 15 ค่ำคืนเดือนดับ วันที่ ดวงจันทร์ โลก และ ดวงอาทิตย์ ทำมุมอยู่ในองศาเดียวกัน”
“ถ้ำใต้ภูผามหาคีรี”
“สถานที่ๆ ศาสตราวุธทั้งสี่ถูกสร้างขึ้น” วิญญูบอก
“แล้วรองจักรล่ะคะ เค้าทำเหมือนเจ้าของศาสตราวุธทั้งหมด”
"แล้วไง"
“ฉันไม่เชื่อว่าท่านทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น” รวิบอก
“จักรมันมีค่าเพียงเศษไม้ที่ใช้ค้ำ ทำให้ฉันได้ทุกสิ่งที่ต้องการ เราจะรื้อไม้ค้ำเมื่อไหร่ก็ได้"
"หมายความว่า...”
“ทันทีที่เราหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่สำเร็จ เศษไม้ที่ไร้ค่าจะถูกโยนทิ้ง”
วิญญูหันไปเชยคางรวิขึ้นจ้องหน้ามองด้วยแววตาพอใจ
“เธอจะได้สร้างผลงานจับนักการเมืองเลวเข้าคุก หลังจากนั้น เราจะยิ่งใหญ่ไปพร้อมๆ กัน รวิ"
วิญญูหันไปหยิบขวดคริสตัลใส ภายในใส่ไวน์สีเข้ม รินใส่แก้วสองใบ แล้วส่งแก้วใบหนึ่งให้รวิ
วิญญูชูแก้วของตัวเองขึ้น
"ดื่มให้กับความสำเร็จของเราสองคน"
รวิชูแก้วรับ
“แด่ความสำเร็จของเราค่ะ”
ทั้งสองคนยิ้มแล้วดื่มไวน์จนหมดแก้วก่อนโยนแก้วไวน์ทิ้งไปอย่างไม่แยแส ทั้งสองก้มลงกอดจูบกัน
บรรยากาศเต็มไปด้วยความพิศวาส
ขวดคริสตัลที่บรรจุไวน์สีเข้มนั้นมีบางสิ่งบางอย่างผสมอยู่
ภายในห้องทำงาน ดาหลาอ่านข้อมูลจากหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วหันมารายงานจักร
“เมื่อตอนเย็นดอกเตอร์แพรไพลินเพิ่งส่งคุณเพชรแท้เข้าโรงพยาบาล บันทึกคนไข้ระบุ ยังไม่มีทางรักษา"
“ฮึๆ ไสยศาสตร์ดำของวิญญูยังไว้ใจได้เสมอ” จักรบอก
“มั่นใจเหรอคะว่าแพรไพลินจะเอาวัชระมาให้เรา” ดาหลาถาม
“มันไม่ปล่อยให้แม่ตายอย่างทรมานหรอก อีกไม่นานเราจะได้ของมาครบทั้งสี่ชิ้น”
“แล้วท่านจะทำยังไงต่อไปคะ”
จักรนิ่งคิดนิดหนึ่ง สีหน้าและแววตาดูเหี้ยม
“ไอ้วิญญู มันเป็นหอกข้างแคร่ พร้อมที่จะแว้งกัดทรยศได้ตลอดเวลา ยังไงเราก็เอามันไว้ไม่ได้”
“แต่ท่านวิญญูมีไสยศาสตร์ดำ” ดาหลาว่า
“ยังไงมันก็ยังมีความเป็นคนอยู่”
จักรหยิบหลอดแก้วหนึ่งออกมาจากโต๊ะ ภายในบรรจุยาสีดำเข้ม
“ให้รู้ไปสิว่าส่วนที่เป็นคนของมันจะทนยาพิษชนิดร้ายแรงที่สุดได้ ฉันป้อนยาพิษให้มันกินทีละน้อยๆ โดยที่มันไม่รู้ตัว”
ที่แท้ ก็คือ ขวดคริสตัลไวน์ที่วิญญูเพิ่งรินทานไปกับรวิเมื่อครู่นี้
จักรแววตาเหี้ยม ส่องยาในหลอดแก้วนั้น
“ถูกกระตุ้นเมื่อไหร่ ยาพิษที่สะสมภายในร่างของมันจะออกฤทธิ์ ยังไงมันก็ไม่มีทางรอด”
เวลากลางวัน ภายในเซฟเฮ้าส์แห่งใหม่ ดาบแหบกับจ่าหวานกำลังจัดเตรียมอาวุธออกจากลัง
ด้านข้าง นภา อินทนนท์ แสงกล้า สมิง กำลังปรึกษางานกัน
โปรเจคเตอร์แบบพกพาฉายภาพตำรวจหญิงคนหนึ่ง พร้อมกับประวัติด้านข้าง
“คนของเราที่สำนักงานสืบฯ เพิ่งแจ้งเข้ามา ... ผู้กองธาราที่เคยเป็นคู่แข่งของรวิ หายสาปสูญไป หลังจากถอนตัวไม่รับตำแหน่ง ผบ.สำนักงานสืบฯ” แสงกล้าบอก
“ถูกฆ่าปิดปากแน่นอน” ผู้ว่าอินทนนท์ว่า
“นี่เราไม่มีทางทำอะไรพวกมันจริงๆ เหรอ” นภาพูดขึ้น
"ถ้าเล่นงานรวิไม่ได้ โอกาสที่จะสาวถึงตัวรองจักรคงยากขึ้น" อินทนนท์บอก
สมิงกดปุ่มปิดเครื่องฉายโปรเจคเตอร์โครมแบบไม่เกรงใจ อินทนนท์กับนภาหันขวับมาทางสมิง
“อย่าหาว่าสอนเลยนะผู้การ... ผ.บ. บางครั้งการสู้กับอิทธิพลมืดเนี่ย สุภาพนัก มักไม่ได้เรื่อง”
"หมายความว่าไงจ่า”
“ของพรรค์นี้มันต้องตาต่อตา .. ฟันต่อฟัน มันเถื่อนมา เราก็เถื่อนไป มันถึงจะสาสม”
นภามองหน้าสมิงด้วยแววตาครุ่นคิด
"จ่าพูดเหมือนมีวิธีจัดการกับพวกมัน"
จ่าสมิงยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วครับ ผบ. ความชั่วไม่มีวันกลบมิดหรอก”
วันใหม่ เวลากลางวัน ศพที่ถูกโบกปูนอยู่ในถังขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือน้ำแห่งหนึ่งในชนบท ชาวบ้านต่างมามุงดูกันเต็มไปหมด ตำรวจ, สำนักงานสืบฯ และ เนติเทคฯช่วยกันดึงถังปูนนั้นขึ้นมาจากน้ำ
CUT /
ถังปูนขนาดใหญ่โดนสกัดออก มีศพหญิงสาวอยู่ภายใน เจ้าหน้าที่เนติเทคฯกำลังพิสูจน์หลักฐานตามวิธีการ ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามารับรายงานจากเจ้าหน้าที่
“สภาพศพถูกเทปูนทับ ใบหน้าเละจนระบุไม่ได้ว่าเป็นใครครับ”
ตำรวจพยักหน้า เนติเทคฯอีกคนส่งหลักฐานให้ตำรวจนายนั้น
“พบเอกสารสำคัญในตัวศพ เป็นบัตรประจำตัวค่ะ”
ตำรวจคนนั้นรับบัตรประจำตัวขึ้นมาดูแล้วนิ่วหน้า
เวลากลางคืน วันเดียวกัน ยุทธการกำลังเดินขึ้นบันไดมาตามทางเดินในสำนักงานตำรวจ ตำรวจเดินผ่านแล้วทำความเคารพ ยุทธการพยักหน้ากำลังจะเดินเข้าห้องทำงาน แต่แล้วจู่ๆ ไฟดับพรึ่บไปทั้งสำนักงานฯ เขาชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วจึงเปิดประตูห้องเดินเข้าไป
ตำรวจปลอมคนนั้นยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องยุทธการ เหมือนไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าไป เมื่อตำรวจคนนั้นเสยหมวกขึ้นมานิดหนึ่ง... ปรากฏเป็นใบหน้าของแสงกล้าอย่างชัดเจน !
ยุทธการเดินเข้ามาในห้องทำงานตัวเองที่มืดสนิทเพราะไฟดับ แต่แล้วจู่ๆ ไฟก็เปิดสว่างขึ้น พร้อมๆ กับร่างนภาที่นั่งอยู่เบื้องหน้ายุทธการภายในห้องทำงาน เขาชะงักนิดหนึ่ง
“ผบ.นภา"
"ขอบคุณค่ะที่ยังจำฉันได้"
“คุณบุกเข้ามาที่นี่ทำไม”
"เพราะท่านเป็นคนอนุมัติให้จับฉันกับผู้การอินทนนท์ในข้อหาที่ไม่ได้ทำ"
“ก็หลักฐานของ ผบ.รวิ บ่งชี้อย่างนั้น”
"แล้วท่านเชื่อ"
“ถ้าเป็นผม... คุณคงต้องทำแบบนั้น ผมไม่เคยเชื่อว่า ผบ.นภากับผู้การอินทนนท์จะทรยศต่อประเทศ เพียงแต่ผมไม่มีทางเลือก"
“ตอนนี้ท่านมีทางเลือกแล้วค่ะ”
"จะให้ผมร่วมมือกับคนที่มีหมายจับอย่างคุณน่ะเหรอ"
“ขึ้นอยู่กับท่านใช้สมองหรือใช้หัวใจในการตัดสินปัญหา ฉันพร้อมบอกที่ซ่อนตัวท่านไปจับพวกเราได้ทุกเมื่อ”
ยุทธการนิ่งเหมือนกำลังใช้สมองคิด นภาจ้องเขม็งมาที่ยุทธการเหมือนกำลังรอคำตอบ
“คุณต้องการอะไร”
“ท่านคงได้รับรายงานแล้ว เมื่อเช้าวันนี้สำนักงานสืบสวนพิเศษกับเนติเทคฯพบศพฆาตกรรมอำพราง"
"ใช่"
“แล้วยังมีหลักฐาน บัตรประจำตัวระบุด้วยว่านั่นคือศพของผู้กองธาราที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน"
"เนติเทคกำลังชันสูตรอยู่ คงต้องรอหลักฐานจากดีเอ็นเออีกครั้ง"
"หลังจากธาราหายสาปสูญไป รวิก็ได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษทันที ด้วยการสนับสนุนโดยตรงจากนักการเมืองสายรองจักร"
“คุณกำลังจะบอกว่าสองคนนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยใช่มั้ย”
“ในทางการข่าว ท่านคงพอรู้ว่า รองจักร กับ ผบ.รวิ ทำงานไม่โปร่งใส”
“ทั้งคู่มีพฤติกรรมน่าสงสัย แต่เราไม่มีหลักฐานพอจะเล่นงาน”
“ขอเวลาฉันไม่เกิน 7 วัน คนชั่วต้องรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ แต่ท่านต้องร่วมมือกับฉันเพื่อบ้านเมืองของเรา"
"ยังไง"
“ตั้งหน่วยเฉพาะกิจ...ให้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านและคมศร สืบสวนและไล่ล่าการทำผิดกฏหมายของ รองจักร กับ ผบ.รวิ"
“แล้วหลักฐาน”
“พวกฉันมีหน้าที่หามาให้ท่านเอง”
นภาจ้องหน้ายุทธการเหมือนมีแผนการในใจ ยุทธการมองตอบ
เวลาเดียวกัน ภายในโรงพยาบาล เพชรแท้ที่ขาดสติร้องกรี๊ดเสียงดังลั่นห้องและดิ้นอยู่บนเตียง เหวี่ยงไปมาทั้งที่แขนและขาถูกล็อกติดกับเตียง พยาบาลกำลังดูแลอย่างโกลาหล พยายามฉีดยาระงับประสาทให้
ที่หน้าห้องพัก แพรไพลินมองผ่านกระจกเข้าไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะเป็นห่วงแม่มาก หมอคนหนึ่งยืนอยู่ข้างเธอมีสีหน้าเป็นกังวลไม่น้อยไปกว่ากัน
“อาการแย่ลงเรื่อยๆ จะให้ยาระงับประสาทไปตลอดคงไม่ไหวนะครับ” หมอว่า
"เราคงต้องแก้ที่สาเหตุ" แพรไพลินว่า
“แล้วหมอทราบสาเหตุแล้วเหรอ”
แพรไพลินไม่ตอบหมอ มองภาพแม่ที่คลุ้มคลั่งราวกับเสียสติ เธอน้ำตาคลอด้วยความเป็นห่วง
วงจรปิดขนาดเล็กบนเพดานห้องทำงานรวิ มีไฟแดงสว่างวาบเหมือนกำลังทำงานอยู่ พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับวิน ท่าทางเธอหัวเสียมาก เธอชี้หน้าวิน
"อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเนติเทคฯถึงไปพบศพนั่น"
"ชาวบ้านพบศพนั่นลอยขึ้นเหนือน้ำ"
"แต่แกบอกว่ากำจัดนังธาราไปแล้ว"
กล้องวงจรปิดไฟสว่างแดงวาบๆ โดยรวิไม่รู้ว่ากำลังถูกแอบถ่ายอยู่
"ศพนั่นไม่ใช่นังธาราแน่นอน"
“แต่มีบัตรประจำตัวนังธาราอยู่ในศพนั่น”
“ยังไงก็ไม่ใช่นังธารา ผมเผาทำลายศพมันเองกับมือ มีคนจงใจสร้างศพใหม่ขึ้นมาเพื่อโยงมาถึงพวกเรา”
"สืบให้รู้ว่าเป็นใคร ฉันไม่ยอมจนมุมเพราะเรื่องโง่ๆ แค่นี้หรอก"
รวิชะงักไปทันที รู้สึกได้ว่า ตัวเองกำลังติดกับดักอะไรบางอย่าง เหลียวมองรอบตัวแล้วเงยหน้าขึ้นเห็นกล้องวงจรปิดขนาดเล็กบนเพดานห้องตัวเอง
“กล้องวงจรปิด ห้องฉันไม่เคยมีกล้อง”
แล้วจู่ๆ คมศรก็นำกองกำลังตำรวจเฉพาะกิจอีกส่วนหนึ่งก็บุกเข้ามาภายในห้องของรวิ
“คมศร”
“คนทำชั่วทำเลวไม่มีวันหนีความจริงไปได้พ้น ในที่สุด ผบ.ก็สารภาพออกมาเอง”
คมศรหันไปทางตำรวจเฉพาะกิจ ทั้งหมดตรงเข้าคุมตัวรวิกับวิน
“ผบ.ร่วมมือกับผู้กองวิน ฆาตกรรมรองผบ.ธารา !”
“วงจรปิดนั่นเป็นของแก แต่แกไม่มีสิทธิทำแบบนี้”
“ผมได้รับคำสั่งจากท่านยุทธการ ให้นำหน่วยเฉพาะกิจพิเศษติดตั้งอุปกรณ์อิเลคโทรนิคเพื่อสืบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าผู้กองธารา”
คมศรแสดงใบหมายให้รวิ รวิรับมาดูแล้วนิ่วหน้า
“ทำดีได้ดี...ทำชั่วได้ชั่ว สุภาษิตนี้ยังเป็นความจริงเสมอนะรับท่านผบ.”
รวิสีหน้าไม่ดี แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ตรงนั้น
ภายใน ห้องส่งสกายนิวส์เน็ทเวิร์ค วันเดียวกัน ภาพนิ่งหน้า พ.ต.ต. หญิง รวิ อิงคพัฒน์เต็มจอ พร้อมกับตัวหนังสือกราฟิก “ผบ.สำนักงานสืบฯ พัวพันฆาตกรรมอำพราง”
น้ำใสเดินเข้ามาเหมือนกำลังจะวิเคราะห์ข่าว
"ข่าวการบุกจับผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษเมื่อเช้าวันนี้ กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน เมื่อหน่วยปราบปรามเฉพาะกิจบุกเข้าจับผบ.รวิกับพวกถึงในห้องทำงาน สำนักงานสืบสวนพิเศษ ด้วยข้อหาฆ่ารองผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษที่หายตัวไปเมื่อสองปีก่อน ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ผบ.รวิ ถูกพักงาน และถูกตั้งกรรมการสอบสวนทันที”
ภาพการให้สัมภาษณ์ของยุทธการกับนักข่าว...
"พลตำรวจตรียุทธการ วิหควัฒนากูร เปิดเผยว่าจะเร่งสอบสวนให้เร็วที่สุด และโดยในขณะนี้ ผบ.รวิถูกคุมตัวอยู่ที่สำนักงานสืบสวนพิเศษค่ะ”
จอทีวีในเซฟเฮ้าส์กำลังเปิดดูการวิเคราะห์ข่าวของน้ำใส นภาดูโทรทัศน์พลางหันมาทาง
อินทนนท์กับสมิง
“สอยลงได้ไปหนึ่ง หมดผบ.รวิไปซะคน พวกมันก็ไม่มีตำรวจสนับสนุน” สมิงบอก
“หวังว่ายุทธการคงจะสาวไปถึงตัววิญญูกับจักรนะ” อินทนนท์ว่า
นภากับสมิง
“แผนตาต่อตาฟันต่อฟันของจ่าได้ผล ฉันเริ่มมีความสุขกับการใส่ร้ายคนชั่วให้ได้รับโทษแล้วละสิ”
นภายิ้มขรึมๆ ด้วยความพอใจ
วิญญู จักร ดาหลากำลังดูข่าวที่รายงานต่อเนื่องโดยน้ำใส ทั้งสามคนสีหน้าไม่สบอารมณ์
น้ำใสในจอภาพ กำลังทำการวิเคราะห์ข่าวอย่างเร้าใจ
“ประเด็นที่ทีมการเมืองสกายนิวส์เน็ตเวิร์คตั้งข้อสังเกตก็คือ ผบ.รวิ ผู้บัญชาการสำนักงานสืบสวนพิเศษคนปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งจากสายการเมืองภายในพรรคไทธิวัตถ์ เชื่อกันว่าได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากนายจักร อมตฤทธา รักษาการนายกฯ คนปัจจุบัน”
จักรหันมามองหน้าวิญญูด้วยสีหน้าไม่พอใจ
น้ำใสกำลังทำการวิเคราะห์การเมืองในหน้าจอโทรทัศน์ โดยมีรูปวิญญูและจักร เป็นกราฟิก
ประกอบอยู่ทางด้านหน้า
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าผบ.รวิ ไม่ได้ทำงานคนเดียว เธอเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่ง ยังมีตัวละครการเมืองที่น่าสนใจอีก 2 คน.. รองจักรและที่ปรึกษาส่วนตัว นายวิญญู บางทีความเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมอาจจะกำลังถูกเปิดโปงเร็วๆ นี้ ในเบื้องต้นเราคงต้องฝากความหวังกับหน่วยปราบเฉพาะกิจของผู้การ
ยุทธการกันแล้วล่ะค่ะ ว่าจะสืบสวนโยงใยไปถึงผู้บงการได้หรือไม่"
จักรกดรีโมทปิดด้วยความไม่พอใจ หันไปทางวิญญู
“รวิเป็นคนของแก”
“ รู้แล้ว" วิญญูพูดเสียงนิ่ง
"ไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยเหรอ"
วิญญูแววตาแข็งกร้าว หันขวับไปมองจักร ก่อนจะเดินออกไป จักรกับดาหลามองตามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
รวิกับวินถูกควบคุมตัวอยู่คนละห้องกันในสำนักงานสืบฯ ทั้งสองคนสีหน้าเครียด รวินั่งนิ่งอยู่ภายในห้องคุมตัวฯ ขณะที่วินเดินกระสับกระส่ายเพราะหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้
บริเวณหน้าห้องควบคุมตัว ตำรวจที่นั่งเฝ้าทั้งสองคน ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดสังเกตุ เงาดำทะมึนทาบอยู่บริเวณพื้นหน้าห้องควบคุมตัว บังเกิดเป็นร่างวิญญูรางๆ ขึ้นโดยไม่มีใครมองเห็น ร่างนั้นแอบเข้าไปภายในห้องควบคุมตัวห้องหนึ่ง ที่วินโดนคุมขังอยู่
ภายในห้องควบคุมตัว วินกำลังเดินกระสับกระส่ายก่อนนั่งลงกับเก้าอี้ ถอนหายใจยาวด้วยความกลัดกลุ้ม แต่แล้วเหมือนกับเขาโดนอะไรบางอย่างทำร้าย วินก้มลงมองที่หน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจที่เกิดรอยบุ๋มลึกลงไปเรื่อยๆ เหมือนโดนทะลวงหัวใจ เลือดสาดไหลชุ่ม
วินตาเหลือกด้วยความตกใจ จะร้องออกมาแต่ร้องไม่ออก ปากปิดแน่นเพราะโดนอาคมบังคับ
วิญญูในภาพเลือนรางนั้นกำลังเอามือเข้าทะลวงหน้าอกวิน หัวใจวินถูกดึงออกมาจากร่าง เลือดไหลนองลงพื้น วินขาดใจตายอยู่ตรงนั้น... โดยร้องไม่ออกเลยสักแอะ
อีกห้องหนึ่ง รวินั่งนิ่งสีหน้าเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง ที่มุม หนึ่ง ร่างใสๆ ของวิญญูก้าวทะลุประตูเข้ามาภายในห้อง รวิหันขวับไปทันทีเหมือนรู้สึกได้ พลางยิ้มยินดีเดินเข้ามาหาวิญญู
"ท่าน ท่านมาช่วยฉันแล้ว"
วิญญูหันขวับไปทางกล้องวงจรปิดที่อยู่มุมบนของห้อง จ้องเขม็งไปที่ตรงนั้น วงจรปิดไฟฟ้าลัดวงจร...ไฟลุกพรึ่บ ! ทำงานไม่ได้ทันที ร่างวิญญูปรากฏชัดเจน เมื่อไม่มีกล้องวงจรปิด รวิตรงเข้าไปสวมกอดวิญญูทันที ด้วยความรักและผูกพันกับผู้ชายคนนี้
"ฉันลืมไปว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ในห้องนี้"
“ปล่อย... ฉันบอกให้ปล่อย”
วิญญูสะบัดตัวเองออกจากรวิ รวิมองวิญญูด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำไมท่านทำแบบนี้... อย่าบอกนะคะว่าเพราะฉันทำงานพลาด”
รวิมองหน้าวิญญูด้วยแววตาผิดหวัง นึกถึงความหลังที่เคยมีระหว่างเธอกับเขา
ในอดีต วิญญูเคยบอกเธอว่า
"ไม่ต้องเสียใจ ต่อจากนี้ฉันจะดูแลเธอเอง"
“ท่าน ท่านเป็นใคร... ทำไมถึงเมตตาฉัน”
"เพราะเธอเป็นเธอ"
รวิสีหน้างงถาม
“หมายความว่ายังไงคะ"
"ฮึ ๆ ฉันต้องการ ผู้ช่วย คู่คิด คนที่เกิดในวันโลกาวินาศ วันที่ โลก ดวงจันทร์ และ ดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน"
ปัจจุบัน วิญญูตรงหน้ารวิสีหน้าเรียบเฉยประหนึ่งไม่มีความรู้สึกผูกพัน แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
"ขอบคุณมากนะคะ ที่ทำให้ฉันก้าวขึ้นมาถึงวันนี้"
"คนมีความสามารถอย่างเธอ คู่ควรกับตำแหน่งนี้อยู่แล้ว"
"ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของท่านเลย... มีอะไรที่ฉันจะทดแทนท่านได้บ้างมั้ย"
"แล้วเธอจะรู้เองว่าควรจะทำอะไร ฮึ ๆ"
"ฉันยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน"
“ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เป็นตลอดไป”
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
วิญญูกำลังฝังลูกสะกดเข้าในศีรษะของรวิโดยเธอไม่รู้ตัว
“ต่อไปนี้... เธอกับฉันจะผูกพันกันไปตลอดชีวิต”
กลับมาที่ปัจจุบัน รวิจ้องหน้าวิญญูด้วยแววตาค้นหา
“ท่านเคยบอกว่าจะดูแลฉัน สัญญาว่าเราคือส่วนหนึ่งของกันและกัน เราจะดูแลกันตลอดไป”
“ฉันเคยหมายความอย่างนั้นจริงๆ” วิญญูบอก
“ทำไมท่านพูดแบบนี้”
“ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ ฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอุปสรรคในสิ่งที่ฉันต้องการทั้งชีวิต"
รวิคิดนิดหนึ่งแล้วนึกรู้
“ท่านกำลังจะเป็นเจ้าของศาสตราวุธทั้งสี่ ท่านไม่จำเป็นต้องมีฉันอีกต่อไปแล้ว”
วิญญูนิ่งจ้องหน้ารวิด้วยแววตาอำมหิต
“เธอไม่ควรจะทำงานพลาด”
วิญญูหันหลังกลับจะเดินออกไป รวิกอดรั้งเขาไว้ด้วยความรักอย่างจริงใจ
“ไม่นะ ท่านต้องไม่ทิ้งฉันนะ ฉันขาดท่านไม่ได้ ไม่นะคะ”
วิญญูจะดันร่างรวิออกไป แต่เธอแข็งขืนไม่ยอม วิญญูสะบัดมือขึ้นเหนือร่างรวิ บังเกิดแสงวาบขึ้นมา บริเวณศีรษะของรวิ ลูกสะกดที่ฝังอยู่ส่องประกายขึ้นวาววับ
รวิเอามือกุมหัวด้วยความเจ็บปวด ร้องขึ้นมาเบาๆ
“โอ๊ย”
วิญญูเดินออกไปอย่างไม่ใยดี ปล่อยให้รวิร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้น
ร่างใสๆ ของวิญญูเดินออกมาจากห้องโดยไม่มีใครเห็น เขาหยุดเดิน หลับตาส่งอำนาจเข้าควบคุมลูกสะกดในหัวของรวิ
เสียงรวิร้องโอดโอยเสียงดังลั่น
“โอ๊ย”
ตำรวจรีบเข้าไปในห้องทันที
รวินอนร้องเจ็บปวดอยู่ที่พื้นห้องราวกับหัวจะระเบิดออกมา ตำรวจตรงเข้ามา
“โอ๊ย”
ตำรวจวิทยุเรียก
“เรียกรถพยาบาลมาด่วน ผบ.รวิจะแย่แล้ว”
รวิดิ้นพราดทุรนทุรายมาก ฃ
บริเวณเซฟเฮ้าส์แห่งใหม่ในวันเดียวกัน ร.ต.ต. แสงกล้า อภิไชยกำลังจับวัชระในมือ จ้องมองอย่างตั้งใจ จ่าสมิงเดินเข้ามาจับที่ไหล่แสงกล้าบอก
"ตั้งใจ รวบรวมสมาธิตั้งสติให้มั่น ทำจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับวัชระ หมวดมีพลังในตัวมากกว่าที่คิด"
แสงกล้านิ่งมองวัชระ บังเกิดแสงสว่างวาบเหนือวัชระ
"พลังแห่งความดีนี้จะสามารถต่อสู้กับอำนาจไสยศาสตร์ดำของพญามาร"
แสงกล้าจ้องวัชระนั้น แสงสว่างบังเกิดรังสีสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ แสงกล้ายิ้มเหี้ยมดีใจ
แต่ในที่สุดวัชระก็ร้อนแดงวาบ จนแสงกล้าจับไม่อยู่ต้องทิ้งลงจากมือ
แสงกล้าสะบัดมือเพราะร้อน
"เกิดอะไรขึ้น"
"ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน สมาธิหมวดยังไม่เป็นหนึ่งเดียว"
"หมายความว่ายังไง"
"หมวดยังมีความแค้นอยู่ในจิตใจ"
“ผมต้องการแก้แค้นมัน มันฆ่าพ่อของผม”
"แต่พลังแห่งความดีไปกันไม่ได้กับความอาฆาตพยาบาท ถ้ายังขจัดกิเลสตัวนี้ไปไม่หมด หมวดจะยังไม่มีทางสู้กับพญามารได้แน่"
สมิงก้มลงหยิบวัชระแล้วส่งให้แสงกล้าอีกครั้ง
"พยายามใหม่... ผมมั่นใจว่าหมวดทำได้ มีแต่หมวดเท่านั้นที่จะสู้กับมัน...พญามารไสยศาสตร์ดำ !”
สมิงมองหน้าแสงกล้าด้วยแววตาเชื่อมั่น
ภายในห้องพักในโรงพยาบาล เพชรแท้ยังคงนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนเตียง กุ๊บกิ๊บตรวจดูขวดน้ำเกลือที่แขวนอยู่ข้างเตียง แล้วจึงหันมาบอกแพรไพลินที่ถือแฟ้มตรวจอยู่
“พยาบาลเพิ่งให้ยาระงับประสาทไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วค่ะ”
แพรไพลินปิดแฟ้มพลางถอนหายใจ
"ต้องให้ยาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
"หมอคงต้องหาทางรักษาให้ได้นะคะ ไม่งั้นคุณแม่แย่แน่ๆ เลย"
แพรไพลินสีหน้าไม่สบายใจ
เตียงรวิถูกเข็นมาตามทางเดินหน้าห้องฉุกเฉิน รวิยังคงร้องเจ็บปวดอย่างรุนแรง ในมือกุมหัวไว้
"โอ๊ย เป็นเพราะไอ้ลูกกลมสะกดวิญญาณนั่น เป็นเพราะมัน โอ๊ย”
รวิพยายามดึงรั้งบริเวณศีรษะตัวเอง เหมือนต้องการจะดึงเอาลูกสะกดออกมาจากหัวตัวเองให้ได้
พยาบาลที่เดินตามเตียงมารั้งมือเธอไว้ แต่โดนสะบัดเต็มแรงและยื้อกันอยู่
เตียงรวิถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
ร่างของรวิยังคงดิ้นด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงผ่าตัดในห้องฉุกเฉิน อุปกรณ์ช่วยชีวิตมีอยู่รายรอบ ด้านข้างเตียงเห็นมีมีดผ่าตัดวางเรียงรายกันอยู่ พยาบาลหลายคนพยายามรั้งร่างดิ้นพราดๆ ของรวิไว้
"ต้องเอามันออกมา เอาลูกสะกดวิญญาณออกมา"
พยาบาลพูดกับพยาบาลอีกคน
"ไปตามหมอมาเร็ว"
พยาบาลอีกคนรีบออกจากห้องผ่าตัดไป ส่วนที่เหลือพยายามยื้อยุดรวิไว้ไม่ให้อาละวาดมากไปกว่านี้
"วิญญู... ท่านทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันจะเอาชนะลูกสะกดวิญญาณให้ได้"
รวิเหวี่ยงเหล่าพยาบาลที่พยายามมาฉุดตัวเธอไว้จนกระจายไปคนละทิศละทาง คนนึงสลบเหมือดเพราะโดนรวิเอาหัวกระแทกกับฝาผนัง อีกคนหนึ่งโดนรวิเอาสันมือสับเข้าที่ต้นคอหลับกลางอากาศ
ในห้องฉุกเฉินเหลือรวิเพียงคนเดียว แม้จะเจ็บปวดแต่รวิกัดฟันหันขวับมาทางมีดผ่าตัดที่วางเรียงรายอยู่บนถาดข้างเตียงผ่าตัด
"ฉันจะเอาออกมาด้วยตัวของฉันเอง"
รวิคว้ามีดผ่าตัดเล่มหนึ่งขึ้นมา และ ร้องเจ็บปวดหัวอย่างรุนแรง แต่กัดฟันยกมีดขึ้นเหนือหัว กรีดเต็มแรงเข้าที่บริเวณที่ลูกสะกดวิญญาณฝังอยู่
"อ๊าก"
เลือดจากศีรษะรวิ...สาดลงบนพื้น !! ไหลนองไปทั่ว รวิหายใจหอบเหนื่อยอ่อน แต่ไม่สามารถเอาลูกสะกดออกมาจากศีรษะได้ รวิเสียงแผ่ว
"ท่าน ฉันรักท่าน ฉันจงรักภักดีกับท่านมาโดยตลอด ทำไมท่านต้องทำกับฉันแบบนี้ ทำไม"
รวิอยู่ในสภาพโคม่า เลือดไหลนอง น้ำตาไหลด้วยความเสียใจแล้วหมดสติไป
บริเวณโถงขมังเวทย์ วิญญูนอนอยู่บนแท่นชาร์จพลัง ลืมตาลุกโพลงรับรู้เรื่องราวของรวิ
“รวิ... เธอพยายามจะทำลายลูกสะกดวิญญาณทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
วิญญูนิ่งแววตาเครียด เพราะความจริงตัวเองก็ผูกพันกับผู้หญิงคนนี้อยู่ไม่น้อย
เช้าวันใหม่ ในห้องฉุกเฉิน รวินอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ภายในห้อง เธอได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว แต่ชีพจรเต้นอ่อนแรงมาก วิญญูปรากฏร่างยืนอยู่ข้างเตียง รวิที่อ่อนแรงหันมามอง
"ท่าน"
วิญญูมองรวิ สายตานิ่งเฉย
ทางเดินในโรงพยาบาล แพรไพลินเดินมากับหมอที่กำลังกล่าวสรุปให้ฟัง
“เมื่อคืนเราได้รับตัว ผบ.รวิ มา เธอคลุ้มคลั่งผ่ากระโหลกตัวเองออกเป็นทางยาวเหมือนต้องการเอาอะไรออกมา"
"แล้วพบอะไรมั้ยคะ"
“ไม่พบ.. แต่เลือดไหลออกมาไม่หยุด บาดแผลขนาดใหญ่มาก...มีผลกระทบโดยตรงต่อก้านสมอง”
แพรไพลินสีหน้าไม่ค่อยดี กำลังเดินตรงไปที่ห้องฉุกเฉินกับหมอ
วิญญูยืนจ้องหน้ารวิอยู่ รวิมองวิญญูด้วยแววตาเศร้า
"เธอไม่มีวันเอามันออกมาได้สำเร็จหรอก"
“ท่าน ฉันรักท่าน” รวิเสียงแผ่วเบามาก
“บางครั้งความรักเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอ.. ไม่สามารถทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้หรอกรวิ"
วิญญูตรงเข้ามาจับหน้ารวิ จ้องลงตรงที่ดวงตาของรวิ
“ขอบใจที่ทำทุกอย่างเพื่อฉัน และนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำเพื่อฉัน วิญญาณของเธอจะเพิ่มพลังความเป็นอมตะให้กับฉัน”
วิญญูจับที่หน้าผากรวิ บังเกิดแสงสว่างวาบคล้ายกำลังดูพลังชีวิตออกจากร่างเธอ ชีพจรรวิเต้นช้าลงเรื่อยๆ รวิจ้องหน้าวิญญูด้วยแววตาเศร้า คาดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องจบชีวิตลงด้วยน้ำมือคนรัก
แพรไพลินกำลังเดินใกล้เข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน พร้อม ๆ กับคุยกับหมอ
"คงมีแต่หมอเท่านั้นแหละครับ ที่จะช่วยชีวิตผบ.รวิให้กลับมาได้"
“อาการเป็นยังไงบ้างคะตอนนี้”
“อาการคลุ้มคลั่งหมดลงไปแล้ว แต่ชีพจรอ่อนมาก เป็นตายเท่ากัน”
แพรไพลินถอนหายใจด้วยความเครียด
“ขอฉันไปดูอาการพี่รวิหน่อยนะคะ”
แพรไพลินเดินเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน ที่ตอนนี้มีรวินอนหายใจรวยรินอยู่เพียงคนเดียว รวิอาการทรุดหนัก หรี่ตามองเห็นว่าเป็นแพรไพลิน
แพรไพลินมองเธอด้วยแววตาสงสาร
“พี่รวิ... ฉันมาช่วยพี่แล้ว”
“ช่วย” รวิเสียงแผ่วเบา
“อย่าห่วงไปเลย ฉันแยกออกระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องมนุษยธรรม ยังไงพี่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวแท้ๆ ของฉัน ฉันต้องช่วยพี่ให้ได้”
แพรไพลินหันไปตรวจอาการของเธอในเบื้องต้นเพื่อต้องการจะช่วย สายตารวิเริ่มพร่ามัวเพิ่มขึ้นๆ สัญญาณชีพจรอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แพรไพลินตรวจอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางด้านข้าง
"พี่รวิ... พี่ต้องเข้มแข็งผ่านวันนี้ไปให้ได้นะคะ เรายังมีเรื่องต้องปรับความเข้าใจกันอีกมาก"
แพรไพลินจับมือรวิไว้
“เราจะเริ่มต้นกันใหม่ ที่ผ่านมาฉันให้อภัยพี่จนหมดแล้วค่ะ”
รวิรับรู้ได้ แต่อาการแย่ลงเต็มที น้ำตาไหลออกมาด้วยตระหนักถึงความดีของแพรไพลินที่มีต่อเธอ
ทันใดนั้นชีพจรของรวิก็ลงต่ำลงจนเป็นเส้นตรง รวิหัวใจหยุดเต้น เสียชีวิตในที่สุด
แพรไพลิน พยายามเรียก
"ไม่... พี่รวิ... พี่รวิ"
แพรไพลินเศร้าน้ำตาคลอ มือยังคงจับรวิอยู่ เสียใจที่ไม่อาจช่วยอะไรได้แล้ว
วันเดียวกัน แต่ผ่านเวลามา บริเวณเซฟเฮ้าส์ใหม่ แสงกล้าได้รับการฝึกฝนจากสมิง แสงกล้าพยายามจ้องไปที่วัชระ แสงปรากฏบนวัชระนิ่งกว่าเดิม สมิงยิ้มพอใจ
แสงกล้ากำวัชระไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาจับปืนแล้วเหยียดตรงกำลังเล็งยิงไปยังจุดหมายเบื้องหน้า แสงกล้ากดไกยิงเปรี้ยงออกไป กระสุนวิ่งแหวกอากาศ พุ่งกระแทก ตรงเข้าไปยังเป้าหมายจุดดำตรงกลางเป๋ง สมิงยกนิ้วให้ด้วยความพอใจ
แสงกล้าจ้องไปที่วัชระในมือ กำไว้แน่น แล้วเหยียดปืนในมือไปเบื้องหน้าอีกครั้ง ตรงเป้าเห็นจุดดำมีรอยทะลุตรงกลางเมื่อครู่.... แสงกล้ายิงเปรี้ยงออกไป กระสุนวิ่งแหวกอากาศอีกครั้ง คราวนี้พุ่งตรงเข้ากลางเป้าหมาย ทะลุตรงพอดีรอยทะลุของจุดดำเมื่อกี้พอดี
สมิงยกนิ้วพอใจให้สองมือเลย
เวลากลางคืน แพรไพลินเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเศร้า เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความเครียดที่เกิดขึ้น กุ๊บกิ๊บตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าตกใจ
“หมอคะ... อาการคุณเพชรแท้ทรุดหนักค่ะ”
แพรไพลินตกใจ รีบออกไปกับกุ๊บกิ๊บ
เส้นกราฟชีพจรของเพชรแท้เต้นช้ามาก ด้านข้างเห็นแพรไพลินมองด้วยสายตาวิตก
"ให้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจแล้ว ไม่ได้ผลดีขึ้นเลยค่ะหมอ"
แพรไพลินสีหน้าไม่ค่อยดี มองหน้าแม่ด้วยความเป็นห่วง เสียงวิญญูดังก้องขึ้นในหัวแพรไพลิน
“เวลาของเพชรแท้ใกล้หมดแล้ว”
แพรไพลินหันขวับหาที่มาของเสียง
“แก"
"อะไรคะหมอ" กุ๊บกิ๊บถาม
แพรไพลินคิดได้จึงรีบกลบเกลื่อน
"เอ้อ.. เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"
“หมอก็เห็นแล้ว ถึงรวิจะผ่าเอาลูกสะกดวิญญาณออกไปได้ แต่ก็ยังอาการปางตาย ทางเดียวที่แม่ของหมอจะรอดได้ คือชิงวัชระจากแสงกล้ามาให้ฉัน หมอมีเวลาตัดสินอีกไม่นานหรอกนะ" วิญญูบอก
แพรไพลินอึ้ง น้ำตาคลอมองแม่ด้วยความเป็นห่วง พยายามระงับสติอารมณ์ไม่ให้ฟูมฟายมากไปกว่านี้ เพชรแท้ที่ยังคงหลับไหลไม่ได้สติ
แพรไพลินสูดลมหายใจเต็มแรง เช็ดน้ำตา สีหน้ามุ่งมั่นคล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เธอลุกขึ้นเดินออกไป
แพรไพลินเดินเข้ามาตามทางเดิน และกำลังโทรศัพท์หาแสงกล้า สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
"แสงกล้า... ฉันมีเรื่องด่วนจะปรึกษา พรุ่งนี้ออกมาพบกับฉันได้มั้ย"
แพรไพลินสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเหมือนกำลังหลอกให้แสงกล้าออกมาพบเพื่อวัชระ
วันใหม่ บริเวณเซฟเฮ้าส์ใหม่ จ่าหวานกับดาบแหบกำลังถอดประกอบอาวุธปืน ทำความสะอาดกันอยู่ ทำความสะอาดไปพลาง ทะเลาะกันไปพลาง
สมิงเดินเข้ามามองไปทางซ้ายทีขวาทีแล้วถามหา
"มีใครเห็นหมวดแสงกล้ามั้ย"
"ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว" ดาบแหบบอก
“ไปไหนวะ”
สมิงพยายามมองตามหา
ริมน้ำสวยแห่งหนึ่ง แพรไพลินยืนนิ่งมองสายน้ำที่กำลังไหลไปอยู่เบื้องหน้า นึกถึงเรื่องราวที่เธอที่จำเป็นต้องทรยศต่อแสงกล้าแล้วไม่สบายใจ
เธอหันไปมองที่มุมหนึ่ง เห็นแสงกล้ากำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นห่วงเธออยู่ไม่น้อย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้าตาคุณดูไม่สบายใจเลย”
แพรไพลินอึกอักบอก
“เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ”
"มีเรื่องกับคุณแม่เหรอ"
"เปล่าค่ะ"
แพรไพลินชำเลืองมองวัชระที่ห้อยคอแสงกล้า แต่พอแสงกล้าจ้องหน้าเธอ เธอก็รีบหลบสายตาเขาทันที
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”
“จำเรื่องที่เราคุยกันได้มั้ย คุณเคยบอกว่าไม่มีอะไรสำคัญกว่าคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแม่ เราควรจะดีกับท่าน ในยามที่ท่านยังอยู่บนโลกใบนี้”
“จำได้สิ... ผมยังนึกอิจฉาที่คุณยังมีแม่ให้กอด”
“วันเกิดของแม่ แม่มาหาฉันที่บ้าน เราคุยกันหลายเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างเราไม่เหลืออีกแล้ว ฉันรู้แล้วว่าแม่กับฉันผูกพันกันมากแค่ไหน”
“ฟังดูแล้วก็น่าจะดี คุณเศร้าทำไม”
“คุณจะทำยังไง... ถ้าความรักที่มีต่อคนๆ นึง อาจทำร้ายความรู้สึก ทำลายความเชื่อใจของคนอีกคนที่มีให้กับเรา”
แสงกล้ายิ้มๆบอก
“พูดยังกับคุณกำลังจะมีกิ๊ก”
“ฉันพูดจริงจังนะคะแสงกล้า คุณจะเลือกอะไร ระหว่างความรักต่อผู้มีพระคุณ กับความรักกับคนที่เราผูกพันกับเขามากที่สุด”
แสงกล้าจ้องหน้าแพรไพลินด้วยรู้สึกได้ว่าเธอมีอาการผิดปกติ และมีเรื่องรุมเร้าอยู่ในใจเธอ
"คุณแม่ห้ามไม่ให้คุณคบกับผม"
แพรไพลินพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เศร้าแล้วบอก
“เปล่าค่ะ.. ไม่ใช่ ขอกอดหน่อยได้มั้ย ฉันคิดถึงคุณค่ะแสงกล้า”
แสงกล้าอึ้งพูดไม่ออก แพรไพลินสวมกอดแสงกล้าไว้แน่นเหมือนไม่อยากจะเสียเขาไป
“ระหว่างเราสองคน... มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มากซะจนฉันต้องยอมรับความจริงว่ารู้สึกยังไงกับคุณ ฉันรักคุณค่ะ... แสงกล้า”
แพรไพลินจ้องหน้าแสงกล้า เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบเขา ทั้งสองคนเคลื่อนใบหน้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วเธอเหลือบมองไปที่วัชระที่แสงกล้าใส่อีกครั้ง คราวนี้แสงกล้าเริ่มไหวตัว
"คุณจ้องวัชระที่คอผมสองครั้งแล้ว"
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยากจะบอกคุณว่า ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก"
แพรไพลินดึงสเปรย์ขวดเล็กๆ ออกมาที่หน้าแสงกล้า ฉีดใส่หน้าแสงกล้าฟุ้งกระจาย
แสงกล้ามึนพยายามเบิกตามองหน้าแพรไพลินที่พร่ามัวไม่ชัด เขาล้มคว่ำลงไปทันที แพรไพลินรีบประคองร่างแสงกล้าไว้ไม่ให้ล้ม เธอค่อยๆ ประคองเข้าไปที่อีกมุมหนึ่ง
“ฉันต้องทำเพื่อแม่... คุณคงเข้าใจนะคะ”
แพรไพลินจ้องไปที่วัชระเส้นนั้นแล้วดึงสร้อยที่ห้อยคอวัชระของแสงกล้าออกมา
แพรไพลินเดินเข้ามาหยุดที่หน้าบ้านจักร เธอสูดลมหายใจเหมือนกำลังรวบรวมความกล้า ประตูบ้านค่อยๆ เปิดออกและตัดสินใจเดินเข้าไปภายในบ้าน
ภายในโถงขมังเวทย์ แพรไพลินส่งสร้อยที่มีวัชระของแสงกล้าให้วิญญู วิญญูยิ้มพอใจรับวัชระไป
“ดีมาก ดอกเตอร์แพรไพลินไม่ทำให้ผมผิดหวัง”
“หวังว่าคงทำตามสัญญา แม่ฉันต้องหาย”
"แน่นอน แต่ต้องหลังจากพิธีหลอมศาสตราวุธ"
"อะไรนะ"
“ผมไม่ทำอะไรโดยขาดหลักประกัน หมอต้องไปกับผม”
วิญญูดีดนิ้วที่หน้าแพรไพลิน ฉับพลันเธอหมดสติล้มฮวบลงไปทันที วิญญูรีบประคองเธอไว้
วิญญูชูวัชระในมือ แสงไฟจากภายในโถงตกกระทบกับวัชระบังเกิดเป็นประกายเจิดจ้า
บริเวณที่ศาสตราวุธแต่ละชิ้นที่วางเรียงรายกันอยู่ ตรีศูลวัชระ, อนันตคทา, จักระนารายณ์ และสังข์ไชยมงคล วิญญูเดินเข้ามาพร้อมกับวัชระในมือ
วิญญูเดินเข้าไปที่ตรีศูล วางประกอบประกบวัชระเข้าไปในตรีศูล บังเกิดแสงประกายเจิดจ้าวาบขึ้น มีแสงบางๆ ฉาบเชื่อมศาสตราวุธทั้งสี่เข้าด้วยกัน แสงสว่างส่องประกายสะท้อนเข้าไปยังใบหน้าของวิญญู
วิญญูยิ้มพอใจ มองศาสตราวุธทั้งสี่ทีละชิ้น
“เยี่ยมมาก...ในที่สุดเราก็ได้ศาสตราวุธมาครบทั้งสี่ชิ้นแล้ว” จักรบอก
วิญญูหันขวับไปมอง เห็นจักรเดินเข้ามาพร้อมกับดาหลา
"ทีนี้ก็เหลือรอเวลาที่จะหลอมละลายของทั้งหมด เมื่อนั้นอำนาจและความยิ่งใหญ่ทั้งหมด...ก็จะตกอยู่ในมือของฉัน" จักรบอก
วิญญูจ้องจักรด้วยความไม่พอใจ
"ฉัน"
จักรอึกอักนิดหนึ่งแล้วเปลี่ยนคำพูด
“อยู่ในมือเรา”
วิญญูพยักหน้าพอใจ หันไปสั่งดาหลา
"เตรียมคนให้พร้อม เราจะขนย้ายของทั้งหมดไปทำพิธีภายในวันพรุ่งนี้"
“จะขนย้ายไปที่ไหน” ดาหลาถาม
"ภายในถ้ำใต้ภูผามหาคีรี ที่ๆ สร้างศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้น อำนาจและความยิ่งใหญ่กำลังรอเราอยู่ที่นั่น"
วิญญูสีหน้าเข้ม พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สายตาจ้องไปที่ศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้นที่มีแสงประกายสะท้อนดูขรึมขลัง
นภากับพวกกำลังประชุมเรื่องที่จะเล่นงานจักรกับวิญญู
"พรุ่งนี้ก็จะถึงฤกษ์ที่จ่าสมิงเคยบอกใช่มั้ย" อินทนนท์ว่า
“ใช่ครับ... พรุ่งนี้เป็นคืนเดือนดับ วันที่ โลก พระอาทิตย์ และ ดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ถ้าพ้นพรุ่งนี้ไป...มันก็ต้องรออีกยาว เรามีเวลาเล่นงานพวกมันอีกหลายรอบ"
มุมหนึ่ง.. แสงกล้าเดินคอตกเข้ามา สมิงหันไปเห็นเข้า ก็มีสีหน้าแปลกใจที่เห็นอาการของแสงกล้า
"เป็นอะไร ทำไมหงอยเกินเหตุ"
"พวกมันได้วัชระไปแล้ว" แสงกล้าบอก
"อะไรนะ"
"พวกมันใช้ดอกเตอร์แพรไพลินเป็นเหยื่อล่อ เอาวัชระไปได้แล้ว"
ทุกคนมีสีหน้าตกใจ
บริเวณเจดีย์กลางน้ำ เวลากลางวัน วันเดียวกัน ศาสตราวุธทั้งสี่ถูกวางเป็นมุมเป็นเหลี่ยมใกล้ฐานเจดีย์ วิญญูยืนนิ่งจ้องไปที่ศาสตราวุธทั้งสี่ที่มีลำแสงพุ่งออกมาจากศาสตราวุธมากระทบร่างที่ยืนอยู่ตรงกลาง แล้วพุ่งตรงไปที่กลางลานด้านหน้า
บริเวณลานด้านหน้า แสงวาดเป็นแผนที่เส้นทางไปยังถ้ำใต้ภูผามหาคีรี
“ถ้าเดาไม่ผิด... ตอนนี้วิญญูกำลังใช้ศาสตราวุธชี้นำไปสู่ถ้ำใต้ภูผามหาคีรี เป็นเรื่องละทีนี้... คืนพรุ่งนี้ไอ้พญามารวิญญูหลอมรวมศาสตราวุธทั้งสี่แน่ๆ” สมิงพูดขึ้น
วิญญูสีหน้าเหี้ยม
เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นภาสีหน้าไม่ค่อยดีนักเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด หันมาถามสมิง
“จ่ารู้มั้ยว่ามันจะหลอมของทั้งหมดที่ไหน”
“ไม่รู้หรอกครับ ศาสตราวุธทั้งสี่จะชี้เป้าให้ผู้ครอบครองรู้เอง”
"เสร็จกัน...ถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้ยังไงว่าที่ไหน" อินทนนท์ว่า
แสงกล้าดึงโทรศัพท์ออกมาเห็นแผนที่ปรากฏอยู่บนจอภาพ มีจุดแสดงพิกัดสว่างวาบๆ
“ผมรู้ว่าพวกมันกำลังจะไปที่ไหน”
เมื่อตอนที่แพรไพลินมาพบแสงกล้าที่ริมน้ำสวย เธอกำลังพูดกับแสงกล้าอย่างจริงจัง
"ระหว่างเราสองคน... มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย มากซะจนฉันต้องยอมรับความจริงว่ารู้สึกยังไงกับคุณ ฉันรักคุณค่ะ.. แสงกล้า"
แพรไพลินจ้องหน้าแสงกล้า เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เหมือนจะจูบเขา ทั้งสองคนเคลื่อนใบหน้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วเธอเหลือบมองไปที่วัชระที่แสงกล้าใส่อีกครั้ง คราวนี้แสงกล้าเริ่มไหวตัว
"คุณจ้องวัชระที่คอผมสองครั้งแล้ว"
แสงกล้าแอบหยิบเครื่องติดตามตัวขนาดเล็กออกมา แอบใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านล่างของ
แพรไพลินโดยเธอไม่รู้ตัว
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันอยากจะบอกคุณว่า ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่มันไม่มีทางเลือก"
แพรไพลินดึงสเปรย์ขวดเล็กๆ ออกมาที่หน้าแสงกล้า ฉีดใส่หน้าแสงกล้าฟุ้งกระจาย
หน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของแสงกล้าที่พิกัดกำลังสว่างวาบๆ ตามแผนที่
"ผมผิดสังเกตกับอาการของแพรไพลิน เลยแอบติดเครื่องติดตามตัวไว้ ก่อนจะหมดสติไป"
“เรามีทางตามพวกมันเจอแล้วนภา” อินทนนท์บอก
นภาหันไปสั่งลูกน้อง
“ส่งพิกัดจีพีเอสนี้แจ้งไปที่คมศร ส่งกำลังสนับสนุนมาด่วนที่สุด เรากำลังจะเปิดสงครามครั้งสุดท้ายกับพญามาร ฉันจะพิสูจน์ให้ไอ้พวกชั่วนั่นเห็นว่า... ความดีไม่มีวันตาย”
นภาสีหน้ามุ่งมั่น ท่ามกลางความฮึกเหิมของทุกคน
ภาพอินเตอร์ลูดรายงานข่าวด่วนจากสกายนิวส์เน็ตเวิร์ค น้ำใส ภูมิภักดิ์ยืนรายงานข่าวอยู่ที่ตรงกลาง มีกราฟิกสวยงามอยู่ด้านหลัง พร้อมภาพข่าวจากสกู๊ปจริง
“ขอขัดจังหวะท่านผู้ชม...ด้วยข่าวด่วนนะคะ ขณะนี้มีรายงานว่าเกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นในแถบเอเชียตะวันออก ซึ่งมีความเร็วลมและอำนาจทำลายล้างรุนแรงมาก คาดว่าจะพัดเข้าชายฝั่งญี่ปุ่นภายในค่ำคืนวันนี้ นับเป็นพายุลูกที่ห้าในรอบปีนี้ ผลกระทบของพายุลูกนี้ ทำลายภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโดยตรงกับประเทศในภูมิภาคแถบนี้ทั้งหมดค่ะ"
ข่าวตัดเข้าภาพการทำลายล้างของพายุไต้ฝุ่น
“เป็นที่น่าสังเกตว่า เกิดภัยธรรมชาติขึ้นบ่อยครั้ง และถี่มากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่มหันตภัยสึนามิเมื่อปีก่อน ราวกับโลกนี้กำลังจะเกิดอาเพทที่เราคาดการณ์ไม่ได้เลย”
จอภาพขนาดใหญ่กลางสี่แยก มีภาพการเกิดภัยธรรมชาติดูน่ากลัว ผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่งของสถานีอื่นรายงานข่าวเช่นเดียวกัน
“เกิดพายุหิมะถล่มที่อเมริกาตะวันตก นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีที่เกิดหิมะตกในเขตทะเลทราย ในเบื้องต้นยังประเมินค่าความเสียหายไม่ได้ แต่น่าจะเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ ต่อระบบเศรษฐกิจรวมของทวีปอเมริกา”
ที่ห้องข่าวครอบครัวข่าว 3 มีภาพผู้สื่อข่าวที่มีชื่อกำลังรายงานข่าวมหาอุทกภัย มีภาพผู้คนเดือดร้อนมากมาย
อีกมุมหนึ่งของห้องส่งอีกแห่งหนึ่ง มีภาพผู้สื่อข่าวกำลังรายงานข่าวเศรษฐกิจด้วยสีหน้าจริงจัง
“จากความตกต่ำทางเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้มีการประมาณการว่า ทั่วทั้งโลกจะต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งขณะนี้ส่งผลกระทบแล้วกับตลาดหุ้นในทุกภูมิภาค ราคาหุ้นตกต่ำมากที่สุดเท่าที่เคยเปิดตลาดมา"
ภาพข่าวปรากฏภาพตลาดหุ้นที่ตกกระจาย ผู้คนดูสับสนอลหม่าน
ภายในอุโมงค์ มีแสงลอดลงมาเป็นสายริ้วดูสวยงาม เทวาศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้นกำลังถูกนำมาวางเรียงรายกันเป็นแนว ด้านหน้าเป็นบ่อหลอมรวมศาสตราวุธขนาดย่อมๆ เตรียมพร้อมสำหรับพิธีในตอนกลางคืน
“วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกตอนนี้ เกิดจากการครอบครองศาสตราวุธทั้งสี่ของเราใช่มั้ย”
วิญญูที่ยืนจ้องอยู่ที่ด้านหน้า หันไปมองจักรด้วยใบหน้าและแววตานิ่งๆ แต่ดุดัน
“อำนาจและบารมีที่ยิ่งใหญ่ กำลังจะเป็นของเรา”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีผลต่อทั่วทั้งโลก” จักรบอก
“อำนาจจะไม่หยุดแค่ที่นี่ เราจะยึดครองและปกครองผู้ที่อ่อนแอกว่าทุกคน โลกใบนี้จะกลายเป็นอาณาจักรเพียงหนึ่งเดียวของเรา ! อีกไม่นานหรอกจักร” วิญญูว่า
“วันนี้คือวันที่ฉันรอมาทั้งชีวิต” จักรว่า
“จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเที่ยงคืน มหาฤกษ์จะผิดเพี้ยนไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว"
“คิดว่าพวกมันจะยอมให้เราทำแบบนั้นง่ายๆ เหรอ”
“ฉันเตรียมต้อนรับพวกมันไว้แล้ว ทำตามคำสั่ง.. แล้วทุกอย่างจะสัมฤทธิ์ผล”
จักรเดินออกไปกับดาหลา วิญญูจ้องเขม็งไปที่ศาสตราวุธทั้งสี่ชิ้นและยิ้มอย่างพอใจ
จักร อมตฤทธาเดินเลี่ยงออกมาอีกมุมหนึ่งในที่ลับตาคนและไม่มีใครสังเกตเห็น เขาเปิดกระเป๋าสะพายออกและหยิบปืนขึ้นมากระบอกหนึ่ง หยิบกระสุนที่หัวกระสุนบรรจุยาพิษอย่างรุนแรงเตรียมไว้เล่นงานวิญญูหลังจากพิธีเสร็จสิ้น
ในอดีตเมื่อไม่นานนี้ จักรกำลังกำชับคุมดาหลา เอาไซริงค์ฉีดใส่ยาพิษลงบนหัวกระสุนยาพิษนั้นหลายนัด
จักรมองซ้ายมองขวาบรรจุกระสุนยาพิษใส่ลงไปในปืนกระบอกนั้นทีละนัดๆ แล้วเก็บปืนลงไว้ในกระเป๋า ซุกกระเป๋าไว้ที่มุมด้านหนึ่งที่คนมองไม่เห็นแล้วจึงเดินออกไป
นภา แสงกล้า นำกองกำลังมาอยู่ที่ภายนอก ส่องกล้องมองเข้าไปทางด้านใน อีกด้านหนึ่งคมศรตรงเข้ามาหากลุ่มของนภา
“กองกำลังสนับสนุนพร้อมแล้วครับ”
“เราจะบุกเข้าไปพร้อมๆ กัน ฉันกับสมิงจะบุกเข้าไปทางด้านหน้า ส่วนเธอกับแสงกล้านำกำลังเข้าไปทางด้านหลัง" นภาบอก
จ่าหวานหันไปทางสมิง ถามด้วยท่าทางหวาดๆ
“มีคำแนะนำเวลาต้องสู้กับไอ้พญามารมั้ยจ่า”
“นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้ ทำจิตใจให้บริสุทธิ์...แล้วจะมีโอกาสไปเกิดในชาติภพที่ดี"
“ไอ้เวรหมิง.. ไม่ให้กำลังใจกันเลย”
“ล้อเล่น เอาแบบจริงจังนะ มันเป็นจอมขมังเวทย์ สาดกระสุนเข้าใส่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะยิงไม่เข้า วิธีเดียวที่ล่อมันได้แบบเต็มๆ คือสู้แบบประชิดตัว ทุบให้น่วม ล่อให้ช้ำในตายไปข้างนึง”
แสงกล้าฟังสมิงอย่างตั้งใจ
“รู้สึกอะไรบ้างมั้ยหมวด” สมิงถาม
แสงกล้านิ่งๆตอบ
“ ไม่เลย... อาจเป็นเพราะผมไม่มีวัชระอยู่ด้วยก็ได้”
“ไม่หรอก... จำไว้นะหมวด วัชระอยู่ที่ใจ...สิ่งพวกมันได้ไปก็แค่วัตถุชิ้นหนึ่ง คุณค่าและปาฏิหาริย์ของความดียังอยู่ในตัวหมวด ไสยศาสตร์ขาวที่เกิดขึ้นแล้วจะยังคงอยู่... หมวดต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์”
แสงกล้าคิดตามสมิง
แสงกล้าเดินมาสมทบกับคมศรเพื่อจะบุกเข้าไปอีกทางหนึ่ง เขาหยุดมองหน้าคมศร
“ยินดีที่มีโอกาสต่อสู้ร่วมกัน” แสงกล้าบอก
“เช่นกันครับหมวด ถึงเราอาจจะเคยขัดใจกันเรื่องความรัก แต่วันนี้เราจะช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง” คมศรบอก
แสงกล้าส่งมือให้ คมศรจับมือกับแสงกล้าแสดงบรรยากาศแห่งมิตรภาพ
นภาจ้องไปเบื้องหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว กำลังบุกเข้าไปช้าๆ อีกด้านเห็นสมิงนำกองกำลังอีกส่วนหนึ่งบุกเข้าไปเหมือนกัน
นภานิ่วหน้าเหมือนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ มองไปรอบๆ แล้วลุกขึ้นยืนทันที เจ้าหน้าที่ลุกตาม
“พวกมันไม่ได้อยู่ที่นี่”
ทางด้านสมิงกับพวกลูกน้องก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองคนเก็บปืนแล้วรีบเดินเข้าไปทางด้านใน
แสงกล้ากับนภานำกำลังเข้ามาคนละด้าน ทั้งสองชะงักเมื่อเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้า แพรไพลินถูกมัดอยู่ทางด้านหนึ่ง บนตัวใส่แจ็กเก็ตที่เต็มไปด้วยระเบิด วงจรอีเลคโทรนิคระโยงระยางเต็มไปหมด คมศรเห็นเข้าก็ตกใจชะงักไปเช่นกันกับแสงกล้า
“แพรไพลิน”
“อย่าเข้ามา เราไม่รู้ว่าพวกมันจะจุดระเบิดเมื่อไหร่”
ขณะที่ทุกคนชะงักอยู่นั้น แสงกล้าไม่ฟังเสียงปราดเข้ามาหาแพรไพลิน
“อย่าเข้ามาแสงกล้า”
“ผมปล่อยให้คุณเป็นอันตรายไม่ได้”
คมศรชะงักเมื่อได้ยินแบบนั้น แสงกล้าร้อนรน รีบก้มดูระบบจุดระเบิดที่อยู่บนตัวแพรไพลิน
“ระบบจุดระเบิดทางไกล มีกลไกตรวจจับความร้อน... ระบบจะทำงานทันทีที่มีใครแตะแจ็กเก็ตตัวนี้”
แสงกล้าหันไปบอกทุกคน ทุกคนชะงัก
“ทุกคนออกไปข้างนอก...อยู่ในนี้ไม่ปลอดภัย ผมบอกให้ออกไป”
ขณะทุกคนกำลังละล้าละลังอยู่อย่างนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ท่ามกลางความตกใจของทุกคน แสงกล้าค้นพบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อแพรไพลิน เขาตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มารับ เปิดสปีคเกอร์
“ฮัลโหล”
“มาช้ากว่าที่คิด...หมวดแสงกล้า” จักรพูด
นภาหันไปกระซิบบอกกับคมศร
“วิทยุบอกผู้การอินทนนท์ สั่งให้เนติเทคฯจับสัญญาณมือถือ ตรวจเช็กว่าสัญญาณส่งมาจากไหน"
คมศรรีบวิทยุไปบอกเนติเทคฯตามคำสั่งของนภาทันที
นภาหันไปทางแสงกล้าทำสัญญาณมือวนๆ ให้แสงกล้าพูดไปเรื่อยๆ เพื่อรอเวลาจับสัญญาณ
“แกต้องการอะไร”
“ตามล่ากันมาตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอ คิดหาทางช่วยชีวิตคนรักก่อนดีมั้ย”
ระเบิดที่ผูกติดอยู่กับตัวแพรไพลินเต็มไปด้วยสายสัญญาณ ดูน่ากลัว
“ระบบจุดระเบิดบนตัวแพรไพลินไม่มีทางถอดสลักได้ เพราะทันทีที่มีความร้อนสัมผัส... ระเบิดจะทำงานทันที !”
แสงกล้ามองหน้าแพรไพลินด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองมองตากันด้วยความอาลัย
“ปล่อยฉันไว้ที่นี่เถอะแสงกล้า อย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงเพราะฉันอีกเลย”
จักรพูดต่อ
“น่าเสียดายที่ชีวิตไม่ง่ายอย่างนั้นเพราะตอนนี้ระเบิดทำงานแล้ว”
ระเบิดบนตัวแพรไพลิน สัญญาณตัวเลขนับเวลาถอยหลังสว่างวาบขึ้นบอกเวลาแค่ 30 วินาที..
แล้วตัวเลขก็ถอยหลังอย่างรวดเร็วทันที 29 ... 28 ...27 ...
“ลาก่อนทุกคน ยินดีมากที่ได้มีโอกาสต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ฮ่าๆๆ”
แสงกล้าขว้างโทรศัพท์ทิ้ง แล้วตรงไปยังระเบิดบนเสื้อแพรไพลิน จะหาทางปลดสลักระเบิดโดยไม่แตะ ในขณะที่เวลายังคงนับถอยหลังอยู่
“ไม่มีประโยชน์... รีบหนีไป”
แสงกล้าจับไหล่ทั้งสองข้างของแพรไพลินไว้ จ้องลงไปที่นัยน์ตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมไม่ยอมให้คนรักต้องตาย”
แสงกล้าปราดมองไปทั่วทั้งระบบระเบิด เห็นตัวเลขกำลังนับเวลาถอยหลังไปเรื่อยๆ
“คุณต้องปลอดภัย... แพรไพลิน”
“แสงกล้า... ใช้อำนาจแห่งไสยขาว”
แสงกล้าตัดสินใจตั้งจิต ส่งสายตาจ้องตรงไปยังระเบิดบนตัวแพรไพลิน
“ทุกอย่างอยู่ที่จิตใจ ... วัชระเป็นเพียงสัญลักษณ์ ความดีที่อยู่ในจิตใจหมวดต่างหากที่เป็นพลังที่แท้จริง"
ดวงตาของแสงกล้าจ้องมองไปที่ระเบิดบนตัวแพรไพลิน ตัวเลขดิจิตอลนับเวลาถอยหลังยังคงนับไปเรื่อยๆ และดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“หมวดต้องเชื่อมั่นและศรัทธาในความดี !”
แสงกล้าสูดลมหายใจ ตั้งใจเพ่งไปอีกครั้ง
“ความดีไม่มีวันดับสูญ”
แววตามุ่งมั่นของแสงกล้า ในที่สุดระบบของระเบิดบังเกิดเกล็ดน้ำแข็งเกาะขึ้นมาอย่างฉับพลัน และเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
ตัวเลขดิจิตอลที่ลดลงใกล้ 0 ลดช้าลง...ช้าลง... จนนิ่งสนิทที่เลข 1 เพราะโดนน้ำแข็งเกาะอยู่เต็ม
“คุณปลอดภัยแล้ว...แพรไพลิน”
บรรดาเจ้าหน้าที่และทุกคนต่างมีสีหน้าแปลกใจกับภาพที่เห็น สมิงหันมาบอกกับทุกคน
“ฤทธาไสยศาสตร์ขาวในตัวแสงกล้าแกร่งขึ้นอีกระดับแล้ว”
แสงกล้ารีบดึงเสื้อระเบิดออกจากตัวแพรไพลิน
นภามองบรรยากาศโดยรอบ สีหน้าไม่สบายใจ
“ที่นี่ไม่ใช่ถ้ำภูผามหาคีรี ... ถึงตอนนี้เราไม่มีทางรู้เลยว่าวิญญูจะหลอมศาสตราวุธทั้งสี่ที่ไหน"
นภาสีหน้าหนักใจ ขณะที่สมิงนิ่งครุ่นคิด
อีกมุมหนึ่งบริเวณห้องประชุม นภากับสมิงกำลังพยายามหาทางออกอยู่ แสงกล้าดูแลทำแผลให้แพรไพลิน ทั้งสองมองหน้ากันไม่ค่อยติดเพราะแพรไพลินยังรู้สึกผิดเรื่องที่โกหกแสงกล้า
“ขอบคุณค่ะ”
แสงกล้าพยักหน้ารับคำ หันไปหยิบจับเสื้อระเบิดที่วางอยู่ด้านข้าง หวังจะหาหลักฐาน
“ใครเป็นคนแตะเสื้อเกราะระเบิดตัวนี้เป็นคนสุดท้าย”
“วิญญูค่ะ”
ทันที่มือของแสงกล้าแตะไปที่เสื้อ เขาชะงักไปทันที
ใบหน้าแสงกล้าคล้ายรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่าง แสงแฟลชวาบเข้าบนดวงตาแสงกล้า...
เขาเห็นวิญญูกำลังยืนตระหง่านอยู่ที่ๆ หนึ่งริมน้ำ ด้านหลังเห็นเป็นเจดีย์เอียงริมน้ำ เกาะเกร็ดฯ
แสงกล้าเหมือนกับรู้แล้วว่า วิญญูกับพวกอยู่ที่ไหน แสงกล้ารีบเข้าไปหานภา
“ผมรู้แล้วว่าวิญญูอยู่ที่ไหน”
คมศรเข้ามาหานภา
“ผู้การอินทนนท์แจ้งที่อยู่รองจักร ตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือมาแล้วครับ”
คมศรส่งพิกัดบนกระดาษให้นภา
นภารับมาอ่าน
“สวนสนุกทางฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก”
ขณะเดียวกันปรอทกรอบนคอสมิงก็สั่นรัวเร็วอีกครั้ง สมิงยกขึ้นดู
“ปรอทกรอบอกว่าอยู่คนละทิศ... พญามารอยู่ที่อุทยานอะตอมมิคของสำนักงานปรมาณูแห่งชาติ !”
“แต่ผมรับรู้ได้ว่ามันอยู่ที่เจดีย์ริมน้ำ”
ทั้งสามคนจ้องหน้ากัน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไง จะตามไปทางไหนในสามทางดี
จ่าหวานกับดาบแหบหันมากระซิบกันสองคน
“เป็นเรื่องแล้วไงไอ้แหบ สามทิศแบบนี้จะเลือกตามที่ไหนก่อนดีล่ะ”
นภามองหน้าสมิงกับแสงกล้าเหมือนตัดสินใจได้ว่าจะทำยังไงดี
“เราจะตามล่ามันทุกที่ พร้อมๆ กัน”
สมิงกระชากถุงทะเลใบหนึ่งออกมาเปิดออกลง ที่พื้น เห็น อาวุธอาคมต่างๆ มากมาย
“ถึงเวลาแจกอาวุธเล่นงานพญามารกันแล้ว”
อาวุธของสมิงมี กริช 3 เล่ม, กระสุนอักขระ, ผ้ายันต์ศาสตราผืนใหญ่ขนาดคลุมตัวคนได้
ทางเข้าสวนสนุกฯ คมศรกับอินทนนท์กำลังนั่งอยู่บนรถที่วิ่งไปตามถนนที่มุ่งสู่สวนสนุกฯ
“คมศรแจ้งไปที่ผู้การอินทนนท์ ... ขอนำกำลังไปที่สวนสนุกทางฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก” นภาออกคำสั่งแบ่งกำลัง
ทั้งสองคนกำลังตระเตรียมอาวุธครบมือ โดยมีจ่าหวานกับดาบแหบ และเจ้าหน้าที่อยู่ในรถอีกคันหนึ่ง
แสงกล้ากับแพรไพลินอยู่บนเจ็ทสกีกลางแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปที่เกาะเกร็ดกลางน้ำ
“หมวดแสงกล้า... ไปที่เจดีย์กลางน้ำ” นภาบอก
“ฉันไปด้วย” แพรไพลินบอก
“ไม่ได้”
“ให้ฉันมีโอกาสได้ช่วยอะไรบ้างเถอะ”
“ไปด้วยกันเถอะ หมวดอาจต้องการการวิเคราะห์สถานการณ์ของดอกเตอร์แพรไพลิน”
แสงกล้ามองตรงไปด้านหน้า จุดหมายคือเจดีย์กลางน้ำ...
ทางเข้าอุทยานอะตอม นภาเดินเข้ามากับสมิงและเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง ด้วยท่าทางระแวดระวังเต็มที่
“จ่าสมิงไปที่อุทยานอะตอมมิคกับฉัน พวกเราจะติดต่อกันตลอดเวลาใครเจอไอ้วิญญู .. รีบวิทยุรายงานทันที !”
บนเจ็ทสกีกลางแม่น้ำ แสงกล้าเหลียวไปทางแพรไพลิน
“เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกัน”
“คงไม่ใช่ตอนนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือเราต้องขัดขวางวิญญู ไม่ให้หลอมศาสตราวุธทั้งสี่สำเร็จ"
“แต่ว่า”
“ฉันรู้ดีว่าที่ผ่านมาทำผิดอะไรไปบ้าง”
“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยนะ”
“เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบลง ฉันจะพิจารณาตัวเองค่ะแสงกล้า วันนี้เวลานี้... เราต้องมีสมาธิอยู่กับสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่”
แพรไพลินมองตรงไปยังเจดีย์กลางแม่น้ำเบื้องหน้า
แสงกล้าพูดไม่ออก จำต้องขี่เจ็ทสกีออกไปโดยไม่พูดเรื่องอะไรอีก
รอบทิศของเจ็ทสกีแสงกล้าแพรไพลิน ไกลออกไป...เห็นเรือและเจ็ทสกีของเหล่าร้ายโผล่ออกมา โดยแสงกล้าและแพรไพลินยังไม่รู้ตัว
บริเวณสวนสนุก ขบวนรถของคมศรและอินทนนท์เข้ามาถึง และวิ่งตรงไปเรื่อยๆ ตามทาง ผู้การอินทนนท์มองคมศรด้วยแววตาชื่นชม
“คมศร... เธอกำลังต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ถ้าดอกเตอร์เมฆายังอยู่ ฉันมั่นใจว่าเค้าต้องภูมิใจในตัวเลขาฯคนนี้แน่นอน"
“ผมทำทุกอย่างไปตามสัญชาติญาณครับ สังคมคงอยู่ไม่ได้... ถ้าเรายอมให้ความชั่วความเลวอยู่เหนือความดี"
อินทนนท์มองคมศรด้วยความชื่นชม คมศรกระชับปืนในมือเตรียมพร้อม
ฝ่ายนภากับสมิง และเจ้าหน้าที่กำลังบุกเข้าไปบริเวณอะตอมมิค ที่มีสถาปัตยกรรมรูปแบบแปลกๆ เรียงรายอยู่เต็มื บนอาคารแปลกๆ วิญญูยืนนิ่งอยู่ด้วยแววตาแข็งกร้าว
นภากับสมิงและเจ้าหน้าที่เห็น รีบกระชับปืนจะยิงเข้าใส่วิญญู แต่ไม่ทันแล้ว ระเบิดเพลิงหลายสิบลูกระเบิดตูมๆๆ เข้าใส่เจ้าหน้าที่จนตายร่วงและแตกกระเจิง
นภาส่งสัญญาณกับสมิงให้แยกกันโจมตีไปคนละทาง สมิงพยักหน้าเข้าใจ
วิญญูตรงเข้าจะเล่นงานนภา นภาประทับปืนยาวที่บรรจุกระสุนพิเศษ ยิงเข้าใส่วิญญูเหมือนกับที่เคยทำ กระสุนพุ่งตรงเข้าใส่วิญญู แล้วหยุดนิ่งกำลังจะแตกลงที่ตรงหน้าวิญญูเหมือนเคย แต่ฉับพลันร่างของวิญญูก็หายวับไปทันที กระสุนอาคมแตกแต่น้ำยาที่อยู่ด้านในไม่โดนวิญญู
“ฮึๆ คิดว่ามีปัญญาจะฆ่าฉันจริงๆ เหรอ”
วิญญูมาโผล่อยู่ที่อีกทางหนึ่ง สมิงหันขวับไปมอง
“อาคมบังกายของแก ใช้กับกระสุนอักขระไม่ได้ผลหรอก”
สมิงกระหน่ำยิงกระสุนอักขระเข้าใส่แบบไม่ยั้ง เปรี้ยงๆ ๆ กระสุนอักขระทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ร่างวิญญูจนสะท้านไปมา
“มุขเก่าๆ ใช้ไม่ได้ผลแล้วไอ้มงคล”
วิญญูหัวเราะก้องกังวานไปทั้งบริเวณ กระสุนอักขระพุ่งออกจากร่างแล้วตกร่วงกรู ทำอะไรไม่ได้
“ลองมุขใหม่ของฉันดูบ้างนะ ฮ่าๆ ๆ”
วิญญูแยกแตกร่างออกไปเรื่อยจนเข้ามาล้อมสมิงกับนภาเกือบสิบคนเป็นวงกลม นภายิงกระสุนในมือเข้าไปที่วิญญูคนหนึ่ง แต่เหมือนกับยิงใส่อากาศ... ไม่ถูกอะไร ร่างวิญญูนั้นสลายไป
วิญญูที่อยู่ทางด้านหลังนภา ตะปบเข้าที่กลางหลังนภาบังเกิดรอยแผลยาว เลือดพุ่งกระฉูด
“ผบ.นภา”
สมิงเข้าไปจะช่วยนภา แต่กลับโดนวิญญูอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ซัดสมิงจนล้มคว่ำ ร่างลอยเคว้งออกไปอีกทางหนึ่ง
“คราวนี้ก็เหลือแกคนเดียวแล้ว... แน่นักเหรอ”
วิญญูทั้งสิบคนที่รายล้อมนภาอยู่ ตรงเข้าไปเล่นงานยำใหญ่ใส่นภา จนร่างนภาถลาไปทางนี้ที ทางโน้นที สะบักสะบอมไม่มีทางต่อสู้ได้เลย
สมิงลุกขึ้นมาหยิบพดด้วงคู่ใจออกมา พร้อมๆ กับจ้องไปที่ปรอทกรอที่ตัวเองสวมอยู่
สมิงจ้องไปที่ร่างวิญญูร่างที่ 1 ปรอทกรอยังไม่ทำงาน สมิงส่งสายตามองไปอีกร่าง ปรอทกรอก็ยังไม่ทำงาน สมิงส่งสายตาไปยังร่างวิญญูที่อยู่ไกลออกไป คราวนี้ปรอทกรอสั่นรัวแรง
“กูรู้แล้วว่าตัวจริงมึงอยู่ที่ไหน...ไอ้พญามาร !”
สมิงดีดพดด้วงประจำตัวเต็มแรง พดด้วงเด้งอาคารอะตอมไปมาหลายต่อ จนกระแทกเข้าที่กลางหน้าผากของวิญญูร่างที่ไกลออกไป จนวิญญูล้มลง
ฉับพลันร่างสิบร่างที่แยกกันก็สลายไป เหลือเพียงวิญญูเพียงร่างเดียว
“มึงมีของเล่นใหม่ กูก็มีเหมือนกัน... พดด้วงสะกดมาร !”
พดด้วงที่ฝังอยู่ตรงกลางหน้าผากวิญญู ปรากฏแสงวาบๆ เหมือนสามารถตรึงร่างวิญญูไว้
วิญญูกัดฟันอีกเฮือกซัดลูกไฟเข้าใส่สมิงเต็มแรงจนพุ่งตรงเข้าเสยลำตัวสมิง ฝ่ายสมิงหลบไม่ทัน ลูกไฟเสยชนตัวลอยไปชนกับเสาด้านหนึ่ง โดนเหล็กเสียบทะลุน่อง จนสมิงร้องลั่น ไฟลุกโชนที่ลำตัว ต้องเป่ามนต์ลมกรรโชกแรงทำให้ไฟที่ลำตัวดับ
“อ๊าก”
สมิงหมดทางต้องนอนกองอยู่ตรงนั้น สมิงหยิบกริชออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ โยนให้นภา
“แทงมันที่หัวใจ.. เร็วๆ เข้า...ก่อนที่อาคมสะกดมารจะหมดฤทธิ์”
สมิงพูดจบก็หมดแรงสลบลงตรงนั้น นภารับกริชมาจากสมิงตรงเข้าไปแทงเข้าหัวใจวิญญู
วิญญูโดนแทงที่กลางหัวใจ แต่น่าแปลกที่กลับหัวเราะ !
“ฮ่าๆๆ ผบ.นภา...แกพลาดแล้ว !”
ฉับพลันร่างวิญญูกลับรางเลือนไป ไม่ใช่วิญญูแต่กลับกลายเป็นหุ่นพยนต์ไม่มีชีวิต นภาเห็นแล้วตกใจมาก
“หุ่นพยนต์... นี่ไม่ใช่ร่างจริงของไอ้วิญญู พวกมันไม่ได้อยู่ที่นี่ !”
ทันใดนั้นหุ่นพยนต์ไฟลุกพรึ่บ ! พร้อมๆ กับระเบิดเต็มแรง ตูม !จนร่างนภาปลิวหวือออกไป...
นภาหัวกระแทกเข้าที่อาคารด้านหนึ่งสลบไปทันที
บนเจ็ทสกี แสงกล้ามองไปรอบๆ ด้วยความหวาดวิตก เหล่าร้ายที่ขี่เจ็ทสกีและเรือเข้ามาใกล้
กระหน่ำยิงเข้าใส่เขากับแพรไพลิน เปรี้ยงๆๆ เขายิงต่อสู้ เหล่าร้ายโดนไปหลายดอกหลายคน แพรไพลินกระชากปืนออกมา ยิงต่อสู้กับเหล่าร้ายร่วมกับแสงกล้าอย่างเร้าใจ
แพรไพลินหันไปบอกแสงกล้า
“พวกมันมีเยอะกว่าเรา เราบุกเข้าไปที่เจดีย์ไม่ได้แน่ๆ”
“เรายังมีตัวช่วยของจ่าสมิง”
แสงกล้ากระชากผ้ายันต์ศาตราขนาดใหญ่ของสมิงออกมา
“ผ้ายันต์ศาสตรา”
แสงกล้าขว้างผ้ายันต์ศาสตราเข้าใส่เหล่าร้ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ เหล่าร้ายยิงเข้าใส่แสงกล้าอย่างเคย เปรี้ยงๆๆ
ผ้ายันต์ที่แสงกล้าขว้างออกไป ปลิวไสวรับกับสายลม บังเกิดคลื่นบางอย่างโดยรอบ ดึงกระสุนปืนของเหล่าร้ายที่กำลังพุ่งตรงเข้าใส่แสงกล้า เปลี่ยนทิศทาง...พุ่งเข้าไปรวมอยู่ในผ้ายันต์ผืนนั้น
เหล่าร้ายต่างตาเหลือกมองตามด้วยความตกใจ
แสงกล้าตะโกนลั่น
“ถึงเวลาเอาจริง !”
แสงกล้ายืนขึ้นบนเจ็ทสกี ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะ...ผ้ายันต์ปลิวไสวเข้ามายังมือของแสงกล้า
ฉับพลัน...แสงกล้าสะบัดผ้ายันต์ศาสตรา กระสุนของเหล่าร้ายทั้งหมดกลับพุ่งตรงเข้าไปยังร่างของเหล่าร้ายที่ยิงกระสุนเหล่านั้นออกมา โดนทุกคนแม่นราวจับวาง...
แสงกล้า แพรไพลินมองไปรอบๆ เห็นเหล่าร้ายโดนเล่นงานจนราบคาบ ไม่เหลือเลยแม้แต่คนเดียว