ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8
โอตี่วางหูโทรศัพท์มือถืออย่างช้าๆ สีหน้าไม่กังวลเท่าไหร่แล้วบอกกับเบ็ตตี้ที่อยู่ข้างๆ
“สงสัยต้องเก็บขยะอีกชิ้นนึงแล้ว”
เบ็ตตี้พยักหน้าเข้าใจความหมาย
พนักงานคนที่มีพิรุธวิ่งไปจนมุมแล้วเกิดชกต่อยกับไทเล็กน้อย พนักงานคนนั้นสู้ไทไม่ได้เขาคว้าเอาของใกล้มือปาใส่ไทแล้ววิ่งหนีออกไปข้างนอก ไทวิ่งตามไปติดๆ ฉัตรกับคู่หูมองเห็นไทวิ่งไล่พนักงานคนนั้นไปแต่ไกล
“เฮ้ย นั่นไง ไปช่วยไอ้ไทเร็ว”
ฉัตรกับคู่หูวิ่งตามไป
ไม่ห่างจากท่าเรือมากนัก ปลายฟ้าจอดรถมอเตอร์ไซค์ของเธอที่หน้าร้านตึกแถวข้างถนน ไม่นานนักหนูเอมก็เดินนับเงินออกมาแล้วบอกว่า
“เฮ้อ หมดซะที ไปพี่ปลายฟ้าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า หนูเอมเลี้ยงเอง”
“ได้เลย กำลังหิวพอดี จัดให้หนักเลยนะ”
“แน่นอน”
ปลายฟ้าขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
พนักงานคนนั้นวิ่งมาที่ลานจอดรถ ไทวิ่งตามมาติดๆ พนักงานวิ่งมาที่รถกระบะ แล้วเปิดประตูเข้าไปหมายจะขับออกหนี แต่ไทวิ่งมาทันแล้วดึงตัวเอาไว้
“จะไปไหน”
อย่างไม่ระวัง พนักงานเอื้อมมือไปหยิบประแจเลื่อนในรถแล้วหันกลับมาฟาดเข้าที่ใบหน้าของไทอย่างจัง ไททรุดลงไป คิ้วแตกเลือดอาบ พนักงานขึ้นรถขับออกไป
ฉัตรกับคู่หูเห็นจึงรีบวิ่งเข้าไปหมายจะขวางแต่ไม่ทัน ฉัตรชักปืนออกมาหมายจะยิงยางแต่ยิงได้นัดเดียวแต่ไม่โดน นัดที่สองปืนขัดลำ
“โธ่เว้ย” รถขับไปตามทาง ฉัตรสั่งคู่หู “ทางออก”
ไทลุกขึ้นตามไปด้วย
พีทนั่งเอาขาพาดโต๊ะอยู่ในสำนักงานอย่างใช้ความคิด ไม่ห่างกัน ผู้จัดการเก็บเอกสารต่างๆ อยู่ เสียงปืนดังขึ้น
พีทไหวตัว
“ใครยิงปืน”
พีทรีบวิ่งออกมาข้างนอก ผู้จัดการตามมาติดๆ
พนักงานคนนั้นขับรถมาที่ทางออก ฉัตรกับคู่หูมายืนขวางเอาไว้ แล้วยิงปืนใส่ไปที่รถของพนักงานที่กำลังพุ่งเข้ามา พนักงานหลบกระสุนแล้วตัดสินใจพุ่งชนเพื่อที่จะฝ่าออกมาให้ได้ ฉัตรกับคู่หูหลบกับไปคนละทางกลิ้งไปกับพื้น
รถของพนักงานออกมานอกถนนได้ และอย่างไม่ระวัง ปลายฟ้าขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดี หนูเอมนั่งในไซด์คาร์พนักงานเห็นรถของปลายฟ้า เขาพยายามหักหลบ แต่ไม่ทัน รถของเขาเฉี่ยวชนที่ด้านหน้า รถของปลายฟ้าพลิกคว่ำไป
ปลายฟ้ากับหนูเอมกระเด็นออกจากรถกลิ้งไป รถของพนักงานเสียหลักไปชนกับเสาไฟฟ้าจนเขาสลบไป
ฉัตร คู่หู ไทรีบวิ่งออกมา พีทมองเห็นปลายฟ้าสีหน้าตื่นตระหนกรีบวิ่งเข้าไปหา
“ปลายฟ้า”
ฉัตรเห็นหนูเอมกลิ้งลงไปอยู่ที่ข้างทางจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
“หนูเอม เรียกรถพยาบาลเร็ว”
หนูเอมมีเลือดไหล แต่ยังไม่หมดสติ เธอมองหน้าฉัตรแล้วเรียกชื่อก่อนจะหมดสติไป
“ป๋าฉัตร”
พีทพยายามเขย่าตัวปลายฟ้าให้รู้สติ แต่ปลายฟ้าหลับสนิทไม่ได้สติ ที่ศีรษะมีเลือดไหล ไทยืนอยู่กับที่สีหน้าตะลึง
“ปลายฟ้า หนูเอม”
ที่โรงพยาบาลหนูเอมนอนหมดสติอยู่บนเตียงคนไข้ ฉัตรอยู่ข้างๆ มีหมอและพยาบาล ดูอาการ
“อาการหนูคนนี้ไม่เป็นอะไรมาก แค่ฟกช้ำและศีรษะแตกนิดหน่อย หมอให้ยานอนหลับแล้วจะได้พักผ่อนมากๆ”
หมอบอกอาการหนูเอมกับฉัตร ฉัตรโล่งใจแล้วถามถึงปลายฟ้า
“ขอบคุณครับหมอ เอ่อ แล้วอีกคนล่ะครับ”
“คนไข้อีกคนนึงอาการยังน่าห่วงครับ ตอนนี้ยังไม่ได้สติคงต้องอยู่ในไอซียูไปก่อน”
ฉัตรรับรู้สีหน้าวิตก หมอเดินออกไป คู่หูเดินเข้ามาฉัตรรีบถาม
“ไอ้หมอนั่นเป็นยังไงบ้าง”
“แขนหัก ฟกช้ำนิดหน่อย ผมให้ตำรวจเฝ้าเอาไว้แล้วเดี๋ยวฟื้นมาคงสอบปากคำได้”
ฉัตรรับรู้มองหนูเอมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
ปลายฟ้านอนอยูในห้องไอซียูโดยมีเครื่องช่วยหายใจและยังไม่ได้สติ พีทยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าสลด เขาเป็นห่วงปลายฟ้าอย่างจริงจัง
“โธ่ ปลายฟ้า”
พยาบาลเข้ามาเช็คสัญญาณชีพตามปกติแล้วเชิญพีทออกไป
“รบกวนออกไปได้แล้วค่ะ”
พีทเดินออกมาข้างนอกตรงมาบริเวณที่นั่งพัก ไทยืนอย่างสงบและนิ่ง ในใจเป็นห่วงปลายฟ้าเขาจึงถามพีท
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
พีทไม่ตอบทำท่าโมโหใส่ไทแล้วกระชากคอเสื้อจับไทกระแทกกับข้างฝา
“เพราะนาย เพราะนายคนเดียว ถ้านายไม่วิ่งไล่ไอ้หมอนั่น ปลายฟ้าคงไม่เป็นแบบนี้หรอก เพราะนาย เพราะนาย”
พีทจับไทกระแทกกับข้างฝาตามจังหวะคำพูด ไทไม่ได้ตอบโต้ เขาก็รู้สึกตัวว่าผิด ฉัตรกับคู่หูผ่านมาเลยรีบเข้ามาห้าม
“อะไรกันนี่คุณ พอได้แล้ว พอ”
ฉัตรจับทั้งคู่แยกออกจากกัน พีทเสียใจทำอะไรไม่ได้เขาหันหน้าเข้ากำแพงแล้วทุบอย่างเจ็บใจ
“โธ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้”
ไทถอนหายใจแล้วเดินหันหลังจากไป จังหวะนั้นประตูลิฟต์เปิดออก แป้งรีบออกมาจากลิฟต์ แป้งหันไปมองฝั่งไทเห็นด้านหลังไทแต่จำไม่ได้ แล้วหันมาอีกข้างจึงมองเห็นพีท แป้งรีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณพีทยายฟ้าเป็นยังไงบ้างคะ”
ไทหันกลับมาจึงพีททรุดนั่งลงที่เก้าอี้ มีแป้งคอยสอบถาม ฉัตรกับคู่หูแยกเดินจากไป ไทเดินลับมุมตึกไป
ที่หน้าโรงพยาบาล เบ็ตตี้ปรากฏกายขึ้นแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
หนูเอมนอนหลับอยู่บนเตียงในสภาพมีผ้าพันศีรษะและแผลฟกช้ำตามตัวสองข้าง แป๊ดกับฉัตรนั่งดูอาการอย่างเป็นห่วง
“ไม่น่าเลย หนูเอมเอ๊ย”
“เอ็งนั่นแหละไม่น่าเลย ไม่น่าปล่อยให้หนูเอมออกมา”
ฉัตรต่อว่าแป๊ด แป๊ดไม่ยอมจึงเถียงแบบใส่อารมณ์ ข้ามหนูเอมที่กำลังหลับไปมา
“ก็ข้าจะไปรู้ได้ยังไงวะว่ามันจะเป็นแบบนี้”
“อ้าว ไม่รู้ก็ยิ่งต้องระวังอย่าประมาทสิวะ”
“เอ็งพูดดีๆ นะใครประมาท ไอ้คนขับรถต่างหากที่ประมาท”
“ถ้าเอ็งไม่ให้หนูเอมออกมาจะเกิดเรื่องไหม”
“แล้วถ้าไอ้คนขับรถไม่ประมาทจะเกิดเรื่องไหม”
“เอ็งอย่ามาเถียงข้างๆ คูๆ นะ
ฉัตรฉุนและเอาชนะไม่ได้จึงเอื้อมมือไปบีบคอแป๊ด แป๊ดบีบตอบ
“เอ็งนั่นแหละผิด”
“เอ็งนั่นแหละ”
ทั้งคู่ยื้อกันไปยื้อกันมาจนหนูเอมตื่น หนูเอมเห็นฉัตรกับแป๊ดบีบคอยื้อกันไปมาจึงรำพึงออกมาเบาๆ
“ฝันร้ายอีกแล้วหรือนี่”
หนูเอมหลับต่อ พยาบาลเข้ามามองทั้งคู่งงๆ
“ทำอะไรกันคะ”
แป๊ดกับฉัตรหยุดกึก ยิ้มให้พยาบาลแห้งๆ แล้วทำตัวปกติ
เรียวขับรถให้นันณภัสนั่งมาตามทางหลังจากเลิกงานแล้ว นันณภัสมีท่าทางเหนื่อย เธอพยายามโทรศัพท์หาไทแต่ไม่มีสัญญาณจึงถอนหายใจ เรียวมองนันณภัสจากกระจกมองหลังจึงตัดสินใจถามออกมา
“ยังติดต่อนายไทไม่ได้หรือครับ”
“อืม แปลกคนจริงๆ ทำไมหายไปเฉยๆ นะ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้เลย”
เรียวรู้สึกสงสารนันณภัส เพราะรู้ว่านันณภัสคิดยังไงกับไท แต่เขาไม่พูดในสิ่งที่เขาเห็นมา
“บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างมั้งครับ”
“นายหัดมองคนในแง่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ผมไม่เคยมองคนในแง่ร้ายเลย”
“จริงหรือ ฉันเห็นนายคอยมองคนโน้นคนนี้ดูระแวงไปหมด”
นันณภัสพูดด้วยน้ำเสียงดีขึ้น เรียวรู้สึกดีทั้งคู่สนทนากันอย่างสบายใจ
“อาชีพผมบังคับให้ต้องทำแบบนั้น”
“จะว่าไปอาชีพอย่างนายก็น่าสนุกดีนะ ว่างๆ ฉันจะลองเป็นบอดี้การ์ดดูบ้าง”
เรียวมองกระจกหลัง เห็นนันณภัสมีสีหน้าจริงจัง แต่ดูมีความสุข เขายิ้มอย่างสบายใจเมื่อเห็นคนที่เขารักมีความสุข
“แล้วคุณพัดจะเป็นบอดี้การ์ดให้ใคร”
“อืม ให้นายมั้ง เอาไหมเราลองมาแลกตำแหน่งกันสักวันดีไหม ฉันคุ้มครองนาย นายทำงานแทนฉันคงสนุกดีนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงว่าจะทำให้งานคุณพัดเสียเปล่าๆ”
“แล้วนายไม่กลัวฉันทำงานนายเสียหรือ ฉันต่อสู้ไม่เป็นยิงปืนก็ไม่เป็น” นันณภัสหัวเราะแล้วนึกอะไรได้ “อืมวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ทานข้าวข้างนอกดีกว่า”
เรียวรับคำสั่ง เขายิ้มอย่างพอใจที่ได้อยู่สองต่อสองกับนันณภัส
ไทหลบมานั่งที่สวนหย่อมของโรงพยาบาล พีทเดินมาทางข้างหลัง เขามองไทเห็นว่าไทมีท่าทางเสียใจ พีทอยากขอโทษแต่พูดไม่เป็น
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น”
ไทหันมามองพีท พีทเดินอ้อมมานั่งข้างๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้โกรธคุณ คุณคงชอบเธอมากสินะ”
พีทอมยิ้มในใจเบิกบาน
“แน่นอน คนนี้แหละฉันเอาจริง”
“เธอโชคดีมากเลยนะ”
“แน่นอน คิดดูสิผู้หญิงอีกเป็นร้อยอยากคบหากับฉัน แต่ก็ต้องอกหักไปตามๆ กัน แต่มันก็แปลกไอ้คนที่ชอบ
เขาก็ไม่ชอบเรา แต่ไอ้คนที่เรากลับไม่ชอบเจอเอา เจอเอา”
“แต่ผมว่าวันนึงเธอก็ต้องชอบคุณเองนั่นแหละ”
ไทฝืนความรู้สึกเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา
“รอให้เธอฟื้นก่อนเถอะ” แป้งเดินมาแต่ไกล พีทเห็นจึงรีบขอตัว “นายตามสบายนะ ฉันจะหาอะไรกินอยู่แถวๆ นี้ล่ะ”
พีทลุกไปหาแป้ง ไทมองตามแล้วคิดอะไรบางอย่าง
เย็นวันเดียวกันนั้นที่สนามไดรฟ์กอล์ฟ โอตี่หวดลูกกอล์ฟขวับออกไปแล้วทำเป็นป้องมือดูด้วยท่าทางยียวน “โฮลอินวัน หลุม 19” มังกรเดินเข้ามาพร้อมด้วยอาเพียว มังกรนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ “Hi ! Dad have a seat .”
“ได้ข่าวว่าเด็กทำพลาดหรือ”
“รู้ข่าวเร็วจังนี่”
“แกคิดว่าฉัน แชแม้ (ตาบอด) หรือไง หาลิ่วล้อมันต้องรอบคอบหน่อย”
“แหม ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะขโมยรถของบริษัทลุงบุ๊นไปขายให้ไอ้พวกอาเจียงใช้ทำงาน แต่มันก็ทำให้ตำรวจงงไปงงมาพักนึงเชียวนะ”
“แต่ตอนนี้ตำรวจอาจไม่งงไปงงมาแล้วก็ได้”
“นั่นสิ ตำรวจอาจจะงงว่าจู่ๆ ไอ้บ้านั่นมันเกิดตายขึ้นมาได้ยังไง”
โอตี่หัวเราะแล้วเดินไปไดร์ฟกอล์ฟต่อ
ส่วนที่โรงพยาบาล พนักงานตื่นขึ้นมาในตอนหัวค่ำ เขาแขนหักแล้วถูกใส่กุญแจมือไว้กับเตียง เขาพยายามจะปลดกุญแจมือแต่ทำไม่ได้ ที่หน้าห้องมีตำรวจนอกเครื่องแบบสองคนเฝ้าอยู่ ตำรวจคนหนึ่งจะออกไปซื้อกาแฟ
“ผมจะไปซื้อกาแฟ พี่จะเอาหรือเปล่า”
“เอาสิ คาปูชิโน่นะ”
ตำรวจพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ตำรวจอีกคนจึงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ สักครู่มีพยาบาลเดินเข้ามา ตำรวจลุกด้วยความนอบน้อม
“มาตรวจหรือครับ”
“ค่ะ”
“เชิญครับ”
ตำรวจเปิดประตูให้พยาบาล พนักงานได้ยินเสียงก๊อกแก๊กที่ประตูจึงแกล้งหลับ
ตำรวจกับพยาบาลเดินเข้ามา ตำรวจไขกุญแจมือพนีกงานแล้วยืนเฝ้า พยาบาลจะตรวจคนไข้รู้สึกเกรงใจ
“อีกนานค่ะ คุณตำรวจออกไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันใส่กุญแจมือเอาไว้อย่างเก่าเอง”
“ได้ครับ”
ตำรวจออกไป พยาบาลลงมือตรวจพนักงานที่หันหลังให้ พนักงานคนนั้นลืมตาอย่างรวดเร็ว
เบ็ตตี้ปลอมตัวเป็นหมอสวมแว่นสายตาเดินมาตามทาง ในมือถือแฟ้ม เธอสวนกับตำรวจที่กำลังเดินไปซื้อกาแฟ ทั้งคู่ไม่ได้ผิดสังเกตกัน
ขณะนั้นตำรวจอีกคนยังคงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เฝ้าอยู่หน้าห้อง สักครู่ประตูเปิดออกเห็นพยาบาลเดินออกมา แต่ดูมีพิรุธ เธอพยายามหลบหน้าตำรวจ ตำรวจทักแบบไม่ละสายตาจากหนังสือพิมพ์
“เสร็จแล้วหรือครับ”
“อืม”
พยาบาลตอบรับในลำคอแล้วเดินไปที่ลิฟต์จึงเห็นว่าเป็นพนักงานคนนั้น ตำรวจลดหนังสือพิมพ์มองตามเห็นด้านหลัง แล้วส่ายหน้า
“พยาบาลที่นี่หยิ่งเป็นบ้า”
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 (ต่อ)
พนักงานที่ปลอมเป็นพยาบาลเดินมาที่ลิฟต์ พนักงานยืนรอลิฟต์ใจพะวง มองซ้ายขวา ระวังตัวตลอดเวลา ประตูลิฟต์เปิดออก เขารีบก้าวเข้าไป
จังหวะเดียวกับประตูลิฟต์ตัวข้างๆ เปิดออก เบ็ตตี้ในคราบหมอเดินออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปที่ห้องของพนักงานทันทีเพื่อจะสังหารปิดปาก
หลังจากออกจากห้องปลายฟ้าไทเดินมาตามทางตรงมาที่ลิฟต์ชั้น 8 เขายืนรอลิฟต์สักครู่ลิฟต์ก็มาถึง ประตูเปิดออก ภายในลิฟต์มีคนเต็ม ตรงกลางมีคนไข้นั่งอยู่บนรถเข็น มีคนเข็นยืนอยู่ ริมสุดด้านหนึ่งเป็นพยาบาล และมีคนยืนอีกสองสามคนจนดูแน่นลิฟท์ ไทแทรกเข้าไปยืนริมสุดอีกด้านหนึ่ง ประตูลิฟต์ปิดลง
เบ็ตตี้ในมาดหมอเดินเข้ามาที่หน้าห้อง ตำรวจที่เฝ้าอยู่ลุกขึ้นยืน
“อ้าว หมอ”
ตำรวจจะเข้าไปไขกุญแจมือให้แต่เบ็ตตี้ปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร แค่ดูอาการนิดหน่อย ตามสบายเถอะ”
ตำรวจรับรู้แล้วนั่งลงเหมือนเดิม
“ครับผม”
ตำรวจรับรู้แล้วนั่งลงเหมือนเดิม
“คาปูชิโน่ได้แล้วครับ หมอมาตรวจเหรอ”
“อืม แต่แปลกแฮะ ไม่ยักจะมีผู้ช่วย”
“สงสัยแฟนไม่ให้มามั้ง”
เบ็ตตี้เปิดประตูห้องเข้าไป พอเข้ามาในห้องเบ็ตตี้เห็นพยาบาลในสภาพมีผ้าห่มคลุม มีเทปกาวแผ่นใหญ่ปิดปากถูกใส่กุญแจมือคล้องไว้ที่เตียงแล้วโดนมัดอีกชั้นหนึ่งกำลังร้องอื้ออ้าดิ้นรน เบ็ตตี้มีสีหน้าตระหนกเล็กน้อย แล้วเรียกตำรวจ
“คุณตำรวจคะ ผู้ต้องหาหนีไปแล้ว”
ขณะนั้นไทยังคงอยู่ในลิฟต์ที่แน่นและกำลังเลื่อนลงมาชั้นล่าง ไทมองไปรอบๆ ตามประสา เขาไปสะดุดกับพยาบาลที่ปลอมตัวเห็นว่ามีผ้าพันแผล จังหวะหนึ่งพยาบาลเงยหน้าขึ้นมาไทจ้องมองอย่างจัง ทั้งคูสบตากันแล้วรู้ว่าใครเป็นใคร ต่างคนต่างยึกยัก คนหนึ่งจะหนีแต่คนหนึ่งจะจับตัวแต่คนในลิฟต์ยังแน่นต่างฝ่ายจึงยังทำอะไรไม่ได้
พยาบาลปลอมจ้องว่าเมื่อไหร่ลิฟท์จะถึงชั้นหนึ่ง ไทก็เช่นกัน
ตำรวจนอกเครื่องแบบรีบออกมาจากห้องคนไข้ สีหน้าตระหนกแล้วรีบวิทยุรายงาน
“ว.4 ว.4 ผู้ต้องหาหลบหนี ผู้ต้องหาหลบหนี”
ตำรวจวิ่งไปที่ลิฟต์ เบ็ตตี้แววตาเข้มแล้วรีบวิ่งไปที่บันไดหนีไฟ
ที่ห้องหนูเอม หนูเอมฟื้นแล้วนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเตียงเพราะไม่พอใจแป๊ดกับฉัตร
“น่าจะคอหักตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมาฟังคนกัดกัน เอ๊ย ทะเลาะกัน”
แป๊ดกับฉัตรสะดุ้งแล้วทำท่าดีกันด้วยการเอามือเกี่ยวก้อยกันซึ่งดูน่าเกลียดกว่าน่ารัก
“ดีกันก็ได้”
โทรศัพท์มือถือฉัตรดังขึ้นฉัตรรับสาย สีหน้าตระหนก
“ว่าไง หา ปิดล้อมให้หมดเร็ว” ฉัตรวางสาย “เรือหายแล้วมึง ไอ้แป๊ดล็อคประตูซะ ผู้ห้องหาหนี ดูหนูเอมดีๆ นะ”
ฉัตรผลุนผลันออกไป แป๊ดลุกไปล็อคประตู หนูเอมมีสีหน้างงๆ
ฉัตรเดินไปตามทางกับคู่หู อย่างรวดเร็ว สายตาสอดส่ายหาผู้ต้องหา
“หนีไปเมื่อไหร่”
“ไม่นาน”
สีหน้าฉัตรคิดแล้วเดินเลี้ยวไป
“ทางนี้”
เบ็ตตี้วิ่งลงมาทางบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว เธอถอดชุดหมอทิ้งตามทางแล้วประกอบปืนสั้นขนาด 6 นิ้วติดปลอกเก็บเสียง
ภายในลิฟต์ขณะนั้นไทกับพนักงานที่ปลอมเป็นพยาบาลกำลังดูเชิงกันอยู่และเมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง ประตูเปิดออก พนักงานดันรถเข็นกระแทกไทแล้วกระโดดออกมาด้วยความเร็ว ไทพยายามฝ่าคนออกมาจนได้แล้วรีบวิ่งตามไป
“อย่าหนีนะ”
ผู้คนมองตามงงๆ
พนักงานที่ปลอมเป็นพยาบาลวิ่งหนีออกมานอกโรงพยาบาลแล้วตรงไปที่สวนหย่อม ไทวิ่งตามไปติดๆ ห่างออกไป ฉัตรมองเห็นจึงอ้อมไปดักอีกทาง คู่หูตามไปด้วย
พนักงานวิ่งมาที่สวนหย่อมไทวิ่งมาทันเกิดการชกต่อยต่อสู้กัน แต่พนักงานสู้ไม่ได้จึงหาของปาใส่ไทแล้ววิ่งต่อไปอีกหน่อย ไทเสียจังหวะแล้ววิ่งตามไป เมื่อไปถึงตัวมันก็พบว่ามันจับคนไข้หญิงกลางคนเป็นตัวประกันและเอาขวดน้ำอัดลมข้างๆ ตีให้เป็นปากฉลามแล้วจ่อที่คอตัวประกัน ไทหยุดชะงัก
“อย่าเข้ามานะโว้ย ถอยไป”
“ใจเย็น ใจเย็น ถอยแล้ว”
พนักงานพยายามลากคนไข้หมายจะไปให้พ้น ฉัตรกับคู่หูวิ่งเข้ามาสมทบทั้งคู่มีปืน
“นายแกเป็นใคร ถึงทิ้งให้ลูกน้องต้องมาอยู่ในสภาพนี้ แกเชื่อฉันเหอะ นายแก ทิ้งแกแล้ว” ไทบอก พนักงานเริ่มลังเล
“ไม่จริง นายข้ากำลังมาช่วย”
“ถ้าแกมอบตัวให้การเป็นประโยชน์ ฉันจะกันแกไว้เป็นพยาน ไม่ติดคุก”
“ฉันไม่ยอมหรอกโว้ย”
จู่ๆ ก็มีกระสุนพุ่งเข้าข้างศีรษะของพนักงานอย่างแม่นยำเลือดกระเซ็นแล้วล้มลงสิ้นใจทันที ทุกคนตะลึงยกเว้นไทที่มองหาที่มาของกระสุนได้อย่างรวดเร็ว เบ็ตตี้อยู่ในมุมที่ไม่ห่างนัก เธอเห็นว่าไทเห็นเธอแล้วเบ็ตตี้จึงรีบวิ่งหนีไป ไทวิ่งตามทันที
“มันอยู่นั่น”
เบ็ตตี้วิ่งหนีมาที่ด้านหลังของโรงพยาบาลซึ่งเป็นเขตที่กำลังก่อสร้าง มีนั่งร้านตั้งไว้ ไทวิ่งตามมาทันแล้วเกิดการต่อสู้กัน เบ็ตตี้สู้พลางหนีพลาง ไทเป็นต่อแล้วกำลังจะจับเบ็ตตี้ได้แต่แล่วจู่ ก็มีลูกปืนตกลงข้างเท้าของไท ไทหยุด นิ่งมองที่มาของปืนแต่ไม่เห็นเพราะมันมืด เบ็ตตี้รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงอาศัยช่วงนี้วิ่งหลบออกมา ไทจะวิ่งตามแต่มีลูกปืนยิงมาสกัด และคนยิงปืนก็คือโอตี่ เขาสวมแว่นอินฟาเรดและยิงแม่น สีหน้าสนุกสนาน
เบ็ตตี้วิ่งมาขึ้นรถ โอตี่ทำท่าวันทยาหัถต์อย่างยียวนแล้วขึ้นรถขับออกไป ไทรู้สึกเจ็บใจ ฉัตรกับคู่หูวิ่งมาถึงแล้วถาม
“มันไปไหนแล้ว”
“ขึ้นรถไปแล้ว ไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าทำไมตำรวจต้องมาทีหลังทุกเรื่องเลย”
ไทเดินจากไป ฉัตรสะอึกเมื่อถูกเหน็บ
พีทเดินคุยมากับแป้งบริเวณหน้าโรงพยาบาล
“ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องของปลายฟ้าคุณไม่ต้องห่วงนะ ผมจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเอง”
“คุณพีทนี่แมนจังเลย ใจดีด้วยแหมนี่ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าสาธารณะนะ แป้งจุ๊บให้รางวัลไปแล้ว” พีทหน้าเหย
“ไม่เป็นไรมั้งครับ ผมกลัวอ้วก”
แป้งได้ยินไม่ถนัด
“กลัวอะไรนะคะ”
“เอ่อ กลัวคุณแป้งอายเขาน่ะครับ”
“แหม น่ารักจัง ปกป้องศักดิ์ศรีให้ด้วย ยื้อ น่าหยิกจัง”
ไทยืนมองอยู่ห่างๆ เขารอจังหวะที่จะเข้าไปหาพีท
“แป้งกลับก่อนนะคะ”
“ตามสบายครับ”
แป้งแยกจากไป ไทรีบเดินเข้าไปหาพีท
“ท่าทางเพื่อนของแฟนคุณจะชอบคุณมากนะ มีหยิกมีหยอกกันด้วย” พีทเขิน
“ขืนพูดอีกฉันต่อยนายจริงๆ ด้วยเอาเด่ะ” ไทหัวเราะเมื่อเห็นว่าพีทอาย ตำรวจวิ่งผ่านไปหลายนาย พีทสงสัย
“มีอะไรกันหรือ”
“เรื่องมันยาว ไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”
เรียวขับรถมาส่งนันณภัสที่บ้าน เรียวมองนันณภัสเดินเข้าบ้านอย่างมีความสุข อาฮวดมองดูเรียวอยู่อีกมุมหนึ่ง อาฮวดเข้าใจความรู้สึกของเรียวจึงเดินไปตบไหล่
“อาฮวด”
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับ พอดีคุณพัดไปทานข้าวเลยมาส่งค่ำไปหน่อย”
อาฮวดพอใจในคำตอบของเรียวแล้วพูดดักคอ
“คืนนี้คงฝันดีสินะ”
เรียวรู้สึกเขิน อาฮวดเดินจากไป เรียวเรียกไว้
“อาฮวดครับ”
“มีอะไรหรือ”
“มีคนติดตามคุณพีทแล้วหรือครับ”
“อืม ฉันลืมบอกไปนายคงเห็นแล้วใช่ไหม เอาไว้ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ฉันไปพบท่านประธานก่อน”
อาฮวดเดินจากไป เรียวเรียกไว้อีก
“อาฮวดครับ” เรียวจะบอกเรื่องไทเกี่ยวกับเรื่องของนันณภัสแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่บอก
“มีอะไร”
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ”
อาฮวดเดินจากไป เรียวมองตามในใจครุ่นคิด
บุ๊นนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องลับ อาฮวดเดินเข้ามาบุ๊นสอบถามแบบไม่ได้มองหน้า
“วันนี้มีเรื่องที่ท่าเรือหรือ”
“ครับ”
“ตาพีทไปเกี่ยวอะไรด้วย”
อาฮวดพูดความจริงกึ่งปกป้องพีท
“คงไม่เกี่ยวอะไรครับ แต่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ” บุ๊นรู้สึกโล่งใจ
“ดีแล้ว เกลือคงเป็นหนอนสินะ”
อาฮวดคำนับรับคำ
“ครับ แต่ผมคิดว่าไม่ใช่คนของคุณเจียงหรอก”
“ฉันรู้ เงินกับอำนาจมันแยกกันไม่ออกจริงๆ บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้” อาฮวดจะเดินออกไป บุ๊นนึกอะไรได้จึงเรียกไว้ “พรุ่งนี้นัดมังกรมาดื่มน้ำชาด้วยกันหน่อย ไปเตรียมรถด้วย”
อาฮวดรับรู้
ไทขับรถมาส่งพีทที่คอนโด
“ผมว่าช่วงนี้คุณระวังตัวหน่อยก็ดีนะ ไม่รู้ว่าใครกำลังจ้องทำอะไรอยู่”
ไทพูดเตือนพีท แต่พีททำท่ายโส
“จะต้องระวังไปทำไม มีนายอยู่ทั้งคน” ไทยิ้มรับไม่พูดอะไรต่อ “พรุ่งนี้นายมารับฉันแต่เช้าหน่อย”
“เขาเปิดให้เยี่ยมตอน 10 โมงเช้า” ไทบอกอย่างรู้ทัน พีทเขินที่ไทรู้ทันจึงพูดกลบเกลื่อน
“ก็ ฉัน จะไปซื้อของเยี่ยมก่อนนี่”
ไทยิ้มแล้วรับคำพร้อมเดินจากไปแล้วพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า
“ได้ครับ เฮ้อ คนหลับจะกินอะไรได้นะ”
พีทมองไทแบบเซ็งและเกลียดคนรู้ทันแล้วขึ้นห้องไป
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 (ต่อ)
คืนเดียวกันนั้นที่ผับแห่งหนึ่ง โอตี่นั่งจิบเครื่องดื่มอย่างผ่อนคลาย ข้างๆ มีสาวๆ เคลียคลอ เบ็ตตี้นั่งตรงข้ามท่าทางผ่อนคลายเหมือนกัน
“แหม ยังยิงไม่หายมันเลย”
“มือตกไปเยอะนี่”
“ใครบอก ถ้าฉันจะยิงจริงๆ นัดแรกมันก็หัวกระจุยแล้ว”
“ทำไม”
“ไอ้หมอนี่ ใจถึง ฝีมือดี ถ้าใครได้มันมาร่วมงานเหมือนติดปีกให้เสือ”
“ใครจะแปรพักตร์กันง่ายๆ”
“ไม่รู้สิ ความรู้สึกของฉันมันบอกว่าวันหนึ่งมันต้องมาสยบแทบเท้ารับใช้ฉัน”
โอตี่บอกอย่างมั่นใจแล้วกระดกเครื่องดื่มอย่างอารมณ์ดี
ที่โรงพยาบาล แป๊ดพาหนูเอมเดินมาที่หน้าห้องไอซียู หนูเอมมีสายน้ำเกลือมาด้วย ภายในห้องไอซียู ปลายฟ้ายังคงหลับสนิท แต่สัญญาณชีพปกติ หนูเอมมองปลายฟ้าสีหน้าเศร้า แป๊ดพลอยเศร้าไปด้วย ฉัตรเดินเข้ามาช้าๆ แล้วตบไหล่ปลอบใจแป๊ด
“พี่ปลายฟ้า ฟื้นเถอะนะ หนูเอมเสียพี่ชายไปคนนึงแล้วอย่าให้เสีย พี่สาวไปอีกคนเลย”
ฉัตรหน้าเศร้าสงสารหนูเอมในใจนึกอยากบอกเรื่องไทแต่ตัดสินใจไม่บอก
ที่บ้านพักตากอากาศของบุ๊น ภายในห้องๆ หนึ่งมีคนป่วย โคม่านอนอยู่บนเตียง เขาหลับไม่รู้สึกตัว ที่หัวนอนมีเครื่องวัดสัญญาณชีพ และอุปกรณ์ให้อ๊อกซิเจนและมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
อาฮวดพาบุ๊นมาที่บ้านพักตักอาการ บุ๊นเดินเข้ามาในห้องที่มีคนไข้ ส่วนอาฮวดรออยู่หน้าประตู บุ๊นเดินมาหาคนที่นอนป่วยอยู่แล้วเอื้อมมือมาจับมือคนป่วยด้วยสีหน้าอ่อนโยนและเห็นใจ
วันต่อมาที่ร้านน้ำชาแห่งนี้เป็นร้านกาแฟเก่าๆ สมัย 50-60 ปีมาแล้ว สภาพตึกดูเก่า แต่ก็มีคนมานั่งกินกันอย่างหนาตา ส่วนใหญ่เป็นคนจีนแก่ๆ ที่มีความทรงจำกับที่นี่ บางคนก็นั่งเล่นหมากรุกจีน บุ๊นนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านมีอาฮวดคอยดูแล สักพักมังกรก็เดินเข้ามากับอาเพียว มังกรทักทายพลางขอโทษ
“สวัสดีครับพี่ใหญ่ ขอโทษทีครับที่มาสาย”
บุ๊นเชื้อเชิญแล้วโบกมือให้อาฮวดหลบออกไป
“ไม่เป็นไร แกก็มาสายทุกครั้งจนชินแล้วล่ะ นั่งก่อน”
มังกรสะอึกนิดๆ เมื่อบุ๊นเหน็บแนม เขารู้ว่าบุ๊นมักชอบแสดงท่าทีที่เหนือกว่า มังกรโบกมือให้อาเพียวออกไป
“นึกยังไงถึงนัดที่นี่”
“ก็แค่อยากนึกถึงความหลังครั้งเก่าๆ”
เถ้าแก่เจ้าของร้านเอากาแฟมาเสิร์ฟแล้วชื่นชม
“แหม วันนี้มังกรเหนือเสือใต้ให้เกียรติมาถึงที่นี่เชียวหรือครับ”
“สบายดีนะอาฟ้ง”
“ครับๆ สบายดีครับเถ้าแก่บุ๊น ตามสบายนะครับ”
เถ้าแก่จากไป บุ๊นมองตาม
“ดูสิ อาฟ้งขายกาแฟตั้งแต่หนุ่มๆ ตอนนี้ก็ยังขายกาแฟอยู่”
มังกรมีแววตาสงสัย ไม่เข้าใจความหมายของบุ๊น แต่คิดว่าคนอย่างบุ๊นมันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่
“อาฟ้งคงไม่รักความก้าวหน้าน่ะสิ”
“เปล่าเลย คนอย่างอาฟ้งเป็นคนรู้จักประมาณตัว รู้ว่าตัวเองจะไปได้แค่ไหน และทำได้ดียังไง เขาถึงอยู่มาตั้ง 50 กว่าปี” มังกรสะอึกในคำพูดของบุ๊น “ส่วนไอ้คนที่ไม่รู้จักตัวเอง ทะเยอทะยานอีกไม่นานก็จบ”
คำพูดนี้มังกรรู้เลยว่าบุ๊นหมายถึงตัวเขา ๆ จึงเปลี่ยนเรื่อง
“ก็ประมาณนั้นแหละ เฮ้ .เราสองคนก็ผ่านอะไรมามากมาย ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้”
“มานั่งที่เก่าๆ ทำให้ฉันนึกถึงคนเก่าๆ อย่างนายมนัส แล้วก็ใครอีกหลายคน”
มังกรนึกสักครู่แล้วจำได้
“นายกเทศมนตรีมนัสที่เคยอยู่ที่ปากช่องเมื่อก่อนนี้หรือ”
“ใช่ ไม่รู้เดี๋ยวนี้เป็นยังไงบ้าง”
“เห็นว่าได้เมียเป็นชาวเวียดนาม แล้วก็เงียบไปเลย”
บุ๊นแววตาฉลาดแบบรู้ทัน
“เงียบหรือโดนเก็บเงียบก็ไม่รู้สินะ เอา ไม่มีอะไรหรอก มา ดื่ม”
บุ๊นชวนดื่มกาแฟสีหน้านิ่งและยิ้ม มังกรแววตาครุ่นคิดถึงคนชื่อมนัส
ไทขับรถให้พีท มาจอดที่หน้าโรงพยาบาล พีทลงจากรถอย่างรีบร้อนแล้วเร่งไท
“เร็วๆ หน่อยได้ไหม”
ไทหยิบข้าวของเต็มไม้เต็มมือไปหมดมีดอกไม้ช่อใหญ่ด้วย ไทถือเดินมาหาพีทอย่างพะรุงพะรัง พีทเดินนำหน้า ไทเดินตามไปตามทาง
ที่ทางเดินของโรงพยาบาลแป๊ดเข็นรถพาหนูเอมออกมาสูดอากาศ หนูเอมมีท่าทางเกรงใจแป๊ด
“ที่จริงหนูเอมเดินเองก็ได้ ไม่เป็นต้องลำบากแม่แป๊ดเลย”
“เอาน่า นั่งให้แม่แป๊ดเข็นน่ะดีแล้ว ขาจะได้หายเร็วๆ”
หนูเอมเงียบและจำยอม แป๊ดเข็นต่อไป
พีทเดินนำหน้าไทมาตามทาง ไทยังคงถือของพะรุงพะรัง
“ซื้อของอย่างกับจะมาทำบุญ”
“เฉยเถอะน่า แบบนี้เขาเรียกว่า มาสร้างความประทับใจ เข้าใจป่ะ ตามมาอย่าบ่น”
ไทเดินตามไปแล้วเห็นแป๊ดเข็นรถให้หนูเอมอยู่เบื้องหน้ากำลังตรงเข้ามา สีหน้าไทตระหนกเล็กน้อยเขาพยายามหลบหน้าและเอาดอกไม้บังหน้าเอาไว้ ทั้งหมดเดินผ่านกันไป หนูเอมรู้สึกสะดุดอะไรบางอย่างจึงหันหลังไปดูเห็นหลังไทไวๆ แป๊ดสงสัย
“มีอะไรหรือ”
“หนูเอมเหมือนเห็นพี่ไทค่ะ”
แป๊ดรีบหันขวับไปดู ไทเดินลับตัวตึกไปพอดี
“ไม่เห็นมีใครเลย ไป ไปชมสวนกันดีกว่า อากาศกำลังสดชื่น”
แป๊ดเข็นรถต่อไป หนูเอมไม่ติดใจ
อีกด้านหนึ่งโอตี่กำลังว่ายน้ำเล่นในสระว่ายน้ำของสปาในสนามกอล์ฟของมังกร มังกรเดินมาตามขอบสระแล้วมานั่งบริเวณที่นั่งข้างสระ อาเพียวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“พี่ใหญ่ต้องการเปิดศึกกับฉัน”
“จะให้ผม เอ่อ”
อาเพียวกำลังจะพูดว่าเก็บ แต่มังกรแทรกเข้ามา
“ไม่ต้อง พี่ใหญ่พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง หรือว่ายังมีใครอีก”
โอตี่ว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วเกาะของสระคุยกับมังกร
“Goog morning Dad เป็นอะไรดูหน้าตายุ่งเชียว”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดถึงคนเก่าๆ”
โอตี่มีสีหน้าสงสัย
ทางด้านบุ๊น ระหว่างอยู่ในรถ บุ๊นยังคิดถึงเรื่องมังกรจึงสอบถามความคืบหน้าจากอาฮวด
“ได้เรื่องคนที่ท่าเรือบ้างไหม”
“ดูประวัติก็เป็นคนธรรมดา เปลี่ยนงานมาบ่อย ก่อนมานี่ก็เคยทำบริษัทก่อสร้างของท่านมังกรครับ”
“อืม เคยทำงานกับมังกรด้วยหรือ เขาเริ่มรุกแล้วสินะ” บุ๊นคิดแผนในใจ “ฉันอยากจะคุยอะไรกับนายไทหน่อย”
“ได้ครับ”
“ยังไม่ต้องไปบริษัทนะ ฉันจะแวะทำธุระที่ธนาคารก่อน”
อาฮวดมีสีหน้าสงสัย คนขับรถเลี้ยวรถตรงสี่แยก
มังกร โอตี่ และอาเพียวคุยกันที่สระน้ำแล้วมาคุยต่อที่สโมสร
“แสดงว่านายมนัส อะไรนี่สำคัญน่าดูสิแด๊ด”
“เขาก็มีส่วนที่ทำให้เราได้ที่ดินพันกว่าไร่แถวปากช่องนั่นแหละ” โอตี่แปลกใจ
“เอ๊ะ ไม่ยักรู้ว่าแด๊ดมีที่ดินนั่นด้วย”
“มี แต่มันได้มาแบบไม่ค่อยถูกต้องไหร่ หลังโฉนดเป็นชื่อพี่ใหญ่คนเดียว เราตกลงกันว่าจะมาแบ่งโฉนดกันภายหลัง แต่...” โอตี่เดาได้ทันที
“ลุงบุ๊นเบี้ยว”
“ยังไม่ถึงขนาดนั้น คนอย่างพี่ใหญ่ถ้าไม่แน่ใจอะไรก็ยังไม่แบเบอร์”
“แล้วตอนนี้นายมนัสที่ว่าน่ะอยู่ที่ไหนหรือแด๊ด”
“ฉันให้อาเพียวฝังไปตั้งนานแล้ว”
“อ้าว แล้วจะต้องมานั่งกังวลทำไม”
“นายมนัสยังมีลูกสาวอีกคน”
“เหรอ สวยไหม”
โอตี่มองหน้ามังกรแบบสงสัย มังกรมีแววตาเจ้าเล่ห์
รถของบุ๊นจอดที่หน้าธนาคาร บุ๊นกับอาฮวดเดินออกมาจากธนาคารในมือของบุ๊นมีซองใส่เอกสารขนาดใหญ่
ทั้งคู่ขึ้นรถ บุ๊นนั่งแล้วแง้มสิ่งที่อยู่ในซองออกมาดูเห็นว่าเป็นโฉนดที่ดินใบเก่า
“ออกรถ”
รถขับออกไป คนของมังกรซุ่มมองอยู่
ไทเอาดอกไม้และของเยี่ยมวางไว้ที่เก้าอี้หน้าห้องไอซียู เขานั่งคนเดียวรอพีท ในใจเขาอยากจะไปเยี่ยมปลายฟ้า ห่างออกไปไม่มาก พีทยืนมองปลายฟ้าที่หน้าห้องกระจกเพราะยังเข้าไปเยี่ยมไม่ได้ เนื่องจากหมอกำลังเปลี่ยนสายน้ำเกลือต่างๆ อยู่
“ปลายฟ้า ตื่นมานะ ผมจะเป็นคนแรกที่คุณลืมตาขึ้นมาเห็น” พีทยังคงยืนอยู่ที่หน้าห้องไอซียู พอดีหมอเดินออกมา พีทสอบถาม “ขอโทษครับคุณหมอ เพื่อนผมเป็นยังไงบ้าง”
“คนไข้อาการดีเป็นปกติดีทุกอย่างครับ เพียงแต่หลับอยู่เท่านั้น”
พีทไม่เข้าใจ
“คุณหมอหมายความว่าอะไรครับ”
“คุณเคยเห็นหรือได้ยินเรื่องคนนอนสลบไปสี่ห้าวันไหม”
“เคยครับ”
“นั่นแหละเคสเดียวกัน”
พีทมีสีหน้าดีใจ
“แสดงว่าเพื่อนผมจะฟื้นใช่ไหม”
“ครับ ขอตัวก่อนนะ”
หมอเดินจากไป พีทจะเข้าไปเยี่ยม พอดีฉัตรกับคู่หูเดินมาพอดี
“อ้าว คุณพีท กำลังอยากจะเจอตัวอยู่พอดีเลย”
ไทเห็นฉัตรเขาจึงเลี่ยงออกไป
“แต่ผมไม่ได้อยากเจอตัวผู้กองซะหน่อย”
“เอาน่า ไปคุยกันหน่อย ผมอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องพนักงานคุณนั่นแหละ”
ฉัตรดึงมือพีทไป พีทยอมไปแบบไม่เต็มใจ
เมื่อฉัตร คู่หูและพีทเดินจากไปไทก็เดินออกมาจากเหลี่ยมของตึก สีหน้าเขาคิดอะไรบางอย่าง
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 8 (ต่อ)
ไทเข้ามาในห้องไอซียู เขาก้าวเข้ามายืนข้างๆ เตียงปลายฟ้าแล้วมองปลายฟ้าแบบสงสาร ไทเอาหูฟังที่พ่วงจากไอพอด ใส่ให้ปลายฟ้าแล้วกุมมือเธอเอาไว้
“ฉันอยากได้ยินเธอเล่นเพลงนี้อีกนะ”
ปลายฟ้าสวมหูฟัง มีเสียงเพลงจากหูฟังลอดออกมาพร้อมกับภาพเหตุการณ์เก่าๆ ที่เกี่ยวกับปลายฟ้าเล่นเชลโล่เพลงนี้
อย่างไม่น่าเชื่อ ปลายฟ้าเริ่มขยับและเผยอเปลือกตาขึ้น มือปลายฟ้ากระดิก ไทมีสีหน้าแปลกใจ ปลายฟ้าลืมตาที่กำลังสะลึมสะลือแล้วเธอก็เห็นใบหน้าของไทเป็นภาพเบลอ ไทรู้สึกตัวจึงรีบออกไปข้างนอกทันทีทิ้งไอพอดกับหูฟังเอาไว้ที่หูปลายฟ้า ปลายฟ้าสะลึมสะลือ รำพึงแล้วหลับต่อ
“หัวหน้า”
พีทกำลังยืนคุยกับฉัตรและคู่หู หมอและพยาบาลรีบเดินผ่านไปอย่างร้อนรน พีทสงสัยแล้วถามพยาบาลคนที่เดินมาคนสุดท้าย
“มีอะไรหรือครับ”
“คุณปลายฟ้าฟื้นแล้วค่ะ”
พีทปากอ้าตาค้างดีใจสุดขีดกอดฉัตรแบบลืมตัว
“ไชโย ขอตัวก่อนนะหมวด”
พีทรีบวิ่งตามไป ฉัตรมองตามด้วยความโล่งใจที่ปลายฟ้าฟื้น
“ไอ้ไทมันรู้หรือยังวะเนี่ย”
ที่ห้องไอซียู ปลายฟ้าฟื้นขึ้นมาแต่เธอยังสะลึมสะลืออยู่ พยาบาลกำลังปลดสายต่างๆ เพื่อเตรียมตัวย้ายห้องพีทโผล่เข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่ายังไม่ตาย”
“ตามสบายนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน จะเตรียมย้ายห้องให้ค่ะ”
พยาบาลเดินออกไป พีทจะเดินเข้าไปหาปลายฟ้าแต่แป๊ด หนูเอม เปิดประตูเข้ามาซะก่อน หนูเอมวิ่งเข้ามาหาปลายฟ้าและกอดกันกลม
“พี่ปลายฟ้า ฟื้นแล้วหนูเอมดีใจจังเลย”
“หนูเอมเป็นยังไงบ้าง พี่ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ หนูเอมห่วงพี่ปลายฟ้าจะตาย กลัวจะไม่ตื่น”
แป๊ดกับพีทยืนอยู่ใกล้ๆ
“ตื่นสิ พี่จะต้องตื่นเพื่อรอเจอหัวหน้าไง เออนี่ พี่ฝันถึงหัวหน้าด้วยนะ ฝันว่าหัวหน้าเอาเพลงมาให้ฟัง”
พีทสังเกตว่าปลายฟ้ามีสีหน้าสุขสดชื่นเมื่อพูดถึงคนที่ชื่อหัวหน้า จึงอยากรู้จักหน้าตามันจริงๆ
“แสดงว่าพี่สองคนมีจิตสื่อถึงกัน”
“พี่ชาย หัวหน้าน่ะใครหรือ” พีทถามแป๊ดเบาๆ
“อ๋อ เขาชื่อไทเป็นหัวหน้าของหนูปลายฟ้าที่เคยทำงานด้วยกันที่สวนสัตว์น่ะ”
แป๊ดแยกไปหาปลายฟ้า พีทมีสีหน้าครุ่นคิด มองปลายฟ้า
ไทนั่งผ่อนคลายอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล เขาดีใจที่ปลายฟ้าฟื้น
“ตื่นซะทีนะยายบ๊องส์ หัวกระแทกขนาดนั้นคงไม่บ๊องส์ไปกว่าเก่านะ”
ไทนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
พีทเดินคิดถึงคนที่ชื่อหัวหน้ามาตามทางแล้วมาที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน เขาบอกแคชเชียร์ แคชเชียร์รับรู้แล้วหยิบเอกสารการเงินให้ดู พีทรับรู้แล้วยื่นบัตรเครดิตให้ แคชเชียร์รับไปแล้วเลี่ยงไปข้างๆ พีทยืนรอ
“ผมต้องการห้องคนไข้ที่ดีที่สุดนะครับ เอาแบบเดอลุกซ์เลย”
“ตอนนี้ห้องแบบนั้นของเราเต็มหมดเลยค่ะ เหลือแต่ห้องธรรมดา”
“อย่างนั้นขอไปพักฟื้นที่บ้าน แต่ขอจ้างพยาบาลไปดูแลได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ แต่คงต้องรอปรึกษากับคุณหมอก่อน”
พีทรับรู้ พยาบาลคนที่ห้องไอซียูเดินมาหาพีทในมือเธอมีไอพอดกับสายหูฟังมาด้วย
“คุณคะ” พยาบาลยื่นหูฟังกับไอพอดให้พีท
“ของคุณหรือเปล่าคะ ติดอยู่ที่หูคนไข้ก่อนจะฟื้น ขอตัวนะคะ”
พีทรับเอาไว้แบบงงๆ พยาบาลจากไปเขาครุ่นคิดและนึกถึงคำพูดปลายฟ้า
“ตื่นสิ พี่จะต้องตื่นเพื่อรอเจอหัวหน้าไง เออนี่ พี่ฝันถึงหัวหน้าด้วยนะ ฝันว่าหัวหน้าเอาเพลงมาให้ฟัง”
พีทมองหูฟังอย่างสงสัยขาคิดอะไรได้บางอย่างแล้วกำหูฟังแน่นด้วยความโกรธ
ไทยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเขารู้สึกผ่อนคลาย พีทเดินเข้ามาหา
“อ้าว คุณพีทจะกลับแล้วหรือครับ”
พีทมีสีหน้านิ่งจริงจัง เขาไม่สนใจคำถามของไทและคิดจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง พีทยื่นสายหูฟังให้ไท
“นายลืมของแน่ะ”
ไทมองดูสายหูฟังกับไอพอดแล้วยิ้ม เขารับมันมาโดยไม่เอะใจ
“ขอบคุณครับ”
“นายไม่เคยเห็นบอกฉันเลยว่านายเคยทำงานที่สวนสัตว์ “หัวหน้า”
ไทหยุดกึกหันมามองพีท เขาพอเดาเรื่องราวได้แต่กวนกลับไป
“ก็คุณไม่ได้ถาม”
“นายเป็นอะไรกับปลายฟ้า”
“ก็แค่เป็นเพื่อนร่วมงาน”
“แต่ท่าทางปลายฟ้าไม่ได้คิดแค่นั้น”
“เรื่องนี้คุณต้องไปถามเจ้าตัวเอง”
ไททำท่าจะเดินจากไป พีทรั้งไว้
“ทำไมนายออกมาโดยไม่บอกเธอ”
“เรื่องนี้ผมไม่จำเป็นต้องตอบ”
ไทเดินจากไป พีทพูดตามหลัง
“ปลายฟ้าอยากพบนาย”
“แต่ผมไม่อยากพบเขา” ไทตอบโดยไม่หันมามอง
“นายแน่ใจหรือว่าไม่อยากพบเธอจริงๆ”
“ถ้าผมอยากผมก็เจอไปนานแล้ว ผมไปรอที่รถนะ”
ไทเดินจากไป พีทกระชากไทมาต่อยเข้าเต็มกราม
“ไอ้คนโกหก”
ไทเซไป พีทตามซ้ำ ไทตอบโต้เบาๆ ส่วนใหญ่จะปิดป้อง เหตุการณ์ดำเนินไปสักครู่ อาฮวดก็โผล่เข้ามาล็อคพีทเอาไว้
“พอ พอได้แล้ว นี่มันอะไรกัน”
พีทหยุดหอบ ในใจยังโกรธ เขามองไทตาขวาง ไทมองอาฮวดแล้วเดินจากไป
“งั้นก็อย่าได้เจอกันอีกเลย”
พีทบอกตามหลัง อาฮวดถอนหายใจ
ลิลลี่นั่งทำงานอยู่ในห้อง เอกสารกองเต็มโต๊ะอย่างไม่มีระเบียบ ท่าทางลิลลี่จะปวดหัวเพราะทำงานที่ไม่ถนัด
“ทำไมตัวเลขมันเยอะแบบนี้เนี่ย โอยทำยังไงก็ไม่ลง ยังมีกองนี้อีกยังไม่ได้ตรวจเลย โธ่เว้ย”
ลิลลี่เลิกคิดแล้วทิ้งตัวหงายกับเก้าอี้มองเพดานพักสมอง เสียงเคาะประตูดังขึ้นนันณภัสเปิดประตูเข้ามา
“อะไรจ๊ะ ลิลลี่บ่นอะไรอยู่”
ลิลลี่เห็นนันณภัสแล้วรู้สึกดีใจ
“เจ๊พัด โอย ลิลลี่หัวจะแตกอยู่แล้ว ทำไมมันยากแบบนี้ ลิลลี่ไม่อยากทำแล้วนะ”
ลิลลี่เดินไปนั่งที่โซฟา นันณภัสปลอบใจ จับเอกสารบนโต๊ะ
“ไม่เอาน่าลิลลี่ แค่นี้ก็จะยอมแพ้ซะแล้ว”
“ก็ลิลลี่เบื่อนี่ เบื่อๆๆ”
“ถ้าไม่หัดทำเมื่อไหร่จะเป็น”
“ก็ได้ นายเรียวล่ะ”
“อยู่ที่ห้องแน่ะ มีอะไรหรือ”
ลิลลี่อยากใกล้ชิดเรียวจึงออกอุบาย แล้วเดินไปหานันณภัสที่โต๊ะทำงาน
“นี่จะเที่ยงแล้ว ไปทานข้าวกันดีกว่า”
“อืม จริงด้วย ไปสิ ไปทานที่ไหนดีล่ะ”
“ให้นายเรียวพาไปแล้วกัน”
ส่วนบุ๊นเมื่อกลับมาบ้าน บุ๊นก็เข้ามาที่ห้องลับ บุ๊นมองออกไปที่หน้าต่างอย่างครุ่นคิด สักครู่ก็หันกลับมานั่งที่โต๊ะแล้วเปิดซองที่เอามาจากธนาคารแล้วหยิบโฉนดออกมา เขาพินิจมันอย่างครุ่นคิด ในใจเขามีอะไรบางอย่างกับโฉนดฉบับนี้
ทางด้านปลายฟ้า เมื่อออกจากห้องไอซียู พีทก็ย้ายเธอมาอยู่ที่ห้องเดอลุกซ์ของโรงแรมระดับห้าดาว พยาบาลกำลังตั้งสายน้ำเกลืออยู่ พลางบอกปลายฟ้า
“ยาอยู่ตรงนี้นะคะถ้าปวดศีรษะก็ทานได้เลย ต้องการอะไรเพิ่มก็เรียกดิฉันนะคะ ดิฉันพักอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง”
ปลายฟ้ารับรู้แล้วมองไปรอบๆ รู้สึกว่ามันหรูหราเกินไป
“ขอโทษนะคะนี่โรงพยาบาลหรือโรงแรมคะเนี่ย ทำไมมันหรูหราอย่างนี้”
“นี่เป็นห้อง เดอลุกซ์ ของโรงแรมค่ะ ห้องวีไอพีที่โรงพยาบาลของเราเต็มค่ะ” ปลายฟ้าตกใจ
“งั้นคงแพงน่าดูสิคะ ใครให้มาพักที่โรงเรมเนี่ย ฉันหายแล้ว ฉันขอกลับบ้านดีกว่า ไม่ไหวหรอก จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย”
ปลายฟ้าบ่นและกระวีกระวาดจะเก็บของ แต่พยาบาลห้ามเอาไว้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แฟนคุณเป็นคนจัดที่นี่ให้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดแฟนคุณเป็นคนดูแลค่ะ สบายใจได้”
ปลายฟ้างง
“แฟน ใครเป็นแฟนฉัน”
พีทโผล่เข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อโตและของเยี่ยมไข้มากมาย
“ก็ผมนี่ไง ไม่ต้องห่วงนะ นอนให้สบายเลย”
“ตามสบายนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
พยาบาลเดินออกไป พีทจะเดินเข้าไปหาปลายฟ้า แต่ปลายฟ้าสกัดไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้นเลย ไม่ต้องเข้ามาใกล้ฉัน พูดมาดีๆ ใครเป็นแฟนนาย”
“ก็คุณไง ตอนนี้เขารู้กันทั่วทั้งโรงพยาบาลแล้วมั้งว่าคุณเป็นแฟนผม”
“ไอ้บ้า”
ปลายฟ้าคว้าสิ่งของใกล้ตัวขว้างใส่พีท พีทหลบเป็นพัลวัล
“นี่แน่ ไอ้คนเลว คนฉวยโอกาส ไปแก้ข่าวเดี๋ยวนี้นะ”
ปลายฟ้าปาสิ่งของแบบไม่มองหน้า พอดีแป้งเข้ามาเจอกล่องใส่ทิชชู่เข้าเต็มหน้า
“โอ๊ย”
ปลายฟ้าเห็นว่าเป็นแป้ง จึงหยุดและขอโทษ
“อุ๊ย โทษทีแป้ง”
พีทยืนสงบเสงี่ยมวางตัว ปลายฟ้ามองพีทแบบบ่งบอกว่าพีทไร้มรรยาท พีทรู้สึกจึงขอตัวออกไป
“ผมขอตัวสักครู่ ไปจัดการเรื่องห้องพักก่อน”
แป้งวิ่งเข้ามาหาปลายฟ้าและกอดกันกลม
“ฟ้า โห ฉันคิดว่าแกต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา รอให้จ้าชายมาจุมพิตซะแล้ว”
แป้งโผเข้ามากอดปลายฟ้า
“แป้ง ฉันก็คิดว่าแกหนีตามผู้ชายไปแล้วซะอีก”
แป้งมองไปรอบๆ เห็นว่าห้องหรู
“บ้า แหม ไฮโซจริงนะ ห้องหรูเชียว”
“แกคิดว่าฉันอยากอยู่ห้องนี้หรือไง นายเทพบุตรของแกนั่นแหละเจ้ากี้เจ้าการ” แป้งทำท่าปลื้มพีท
“ฉันบอกเขาเองล่ะว่า Love me love my dog รักฉันต้องรักหมา เอ๊ย รักเพื่อนของฉันด้วย เอาเถอะน่าไม่ได้จ่ายเงินเองซะหน่อย”
“แหวะ จะอ้วก เออ นี่แกมารับฉันกลับบ้านใช่ไหม ไปเร็ว ช่วยกันเก็บของฉันอยากกลับบ้านเต็มที่แล้ว”
ปลายฟ้าทำท่าจะลุกแต่แป้งห้ามเอาไว้
“ยัง ยังกลับไม่ได้ เมื่อกี้ก่อนเข้ามาฉันคุยกับหมอเจ้าของไข้แก เขาบอกว่าแกต้องนอนที่นี่อีกวันสองวันเพื่อดูอาการ”
ปลายฟ้ารู้สึกเซ็งเอาหมอนปิดศีรษะแบบไม่อยากได้ยิน ถ้าอยู่ต่อคงต้องเจอนายพีททุกวันแน่
“โอ๊ย เบื่อ เอาอย่างนี้ แกมานอนเป็นเพื่อนฉันได้หรือเปล่า” แป้งยิ้มเจ้าเล่ห์
“แกไม่บอกฉันก็จะขอแกนอนที่นี่อยู่แล้ว หรูซะอย่างนี้ถือว่ามาพักร้อนก็แล้วกัน”
ปลายฟ้ายิ้มออกมาได้
ติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 9