ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 7
ฉัตรนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตอนที่ถามไทว่าตกลงจะไปทำงานกับบุ๊นแน่หรือ แต่ไทตอบไม่ตรงคำถาม
“ฉันอยากให้สวนสัตว์อยู่อย่างเดิม ทุกคนทำงานเหมือนเดิม มีความสุขแบบพี่แบบน้องทุกวัน”
“ไอ้การเสียสละเนี่ย มันก็เป็นการดีนะ ว่าแต่จะมีเลี้ยงฉลองไหมเนี่ย”
“ฉันไม่อยากบอกให้ใครรู้ ฉันขอไปเงียบๆ อยากให้ทุกคนคิดว่าคนที่แก้ปัญหาได้คือท่านประธาน อีกอย่างอาชีพแบบผม มันก็ไม่ควรจะพบใครอีกแล้ว”
ฉัตรตบไหล่ไทแบบปลอบใจ
“ข้าเข้าใจ เอ็งคงไม่อยากให้ใครเป็นห่วง แล้วข้าจะบอกพวกเราว่ายังไง”
“ไม่ต้องบอกอะไร แล้วทุกคนก็จะลืมผมไปเอง”
“แล้วเอ็งมาบอกข้าทำไมวะ”
“ไม่รู้สิ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เอ็งอยากจะฝากไปบอกใครบางคนหรือเปล่า”
สีหน้าไทครุ่นคิดกึ่งยอมรับในสายตาของฉัตร
“พักนี้พี่ไทชอบทำอะไรแปลกๆ คอยดูนะถ้าหนูเอมเจอจะไม่ยกโทษให้เลย”
หนูเอมต่อว่าไท ขณะที่ปลายฟ้ารู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงไท ฉัตรค่อยๆ อ้อมแอ้มบอกออกมา
“เอ่อ คือไอ้ไทมันไปทำงานที่อื่นแล้ว มันบอกป๊าแค่นี้แหละ”
“พี่ไท”
ปลายฟ้าทำหน้าเศร้า
ไทเดินออกมานอกระเบียงยืนมองท้องฟ้าและทะเลที่มืดมิด ในใจคิดถึงปลายฟ้า เขามองไปที่เส้นปลายฟ้า
“ปลายฟ้า ลาก่อนนะยายต๊องหวังว่าเธอคงไปถึงปลายฟ้านะ”
ไทยืนมองอยู่ตรงนั้นก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง
คืนเดียวกันนั้นขณะที่แป้งนอนหลับอยู่บนเตียง ปลายฟ้าเดินออกมาที่ระเบียงในใจคิดถึงไทแล้วตัดพ้อ
“หัวหน้านะหัวหน้า ไปก็ไม่บอกกันสักคำ ฉันคิดถึงนะ ไปที่ไหนก็ไม่บอก ช่างเถอะวันหนึ่งเราคงจะได้พบกันอีก” ปลายฟ้าให้กำลังใจตัวเองแล้วตะโกนออกไปเสียงดัง “ลาก่อน โชคดีนะหัวหน้า ขอให้หัวหน้าโชคดี แล้วพบกันนะ”
มีกระป๋องน้ำอัดลมลอยมาที่ปลายฟ้าสองสามกระป๋องตามด้วยเสียงด่า
“หนวกหูโว้ย จะตะโกนหาป้าเอ็งหรือ คนจะหลับจะนอน”
ปลายฟ้าหน้าเจื่อนแล้วหลบเข้ามานอน
“อูย ไม่เห็นเหมือนซีรี่ส์เกาหลีเลย นอนดีกว่า”
วันต่อมาไทขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าคอนโดพีท เขาเดินเข้ามาข้างใน อาฮวดนั่งรออยู่ที่ล๊อบบี้
“นายมาสาย”
“ลุงมาเช้าเองต่างหาก”
ไทต่อปากต่อคำไปนิดหน่อย แล้วทั้งคู่เดินไปที่ลิฟต์ ระหว่างอยู่ในลิฟต์อาฮวดเตือนไท
“คุณพีทอาจจะรำคาญเพราะไม่ค่อยชอบให้ใครติดตาม แต่นั่นแหละหน้าที่นาย ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับคนอย่างพวกเรา หวังว่านายคงจะไม่มีปัญหาอะไร”
“ผมไม่มี แต่เกรงว่านายของลุงน่าจะมี”
อาฮวดคิดแบบไทแล้วไม่พูดอะไร
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง ขณะนั้นพีทนอนหลับอยู่บนเตียงกับคู่ขา พีทได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วรู้สึกรำคาญ
“โอย ใครวะมากวนแต่เช้าเลย คนจะหลับจะนอน นี่เธอไปดูซิ”
คู่ขางัวเงียแล้วลุกไปเปิดในสภาพเปลือยกายแต่มีผ้าห่มคลุมไป ผมเผ้ากระเซิง คู่ขาพีทเปิดประตูออกเห็นว่าเป็นไทกับอาฮวดยืนอยู่หน้าห้อง
“มาหาใคร”
“คุณพีท”
คู่ขาเปิดประตูให้เข้ามา หล่อนพอใจหน้าตาของไทจึงทำสีหน้ายั่วยวน
“เชิญ”
อาฮวดพาไทเดินเข้าไปที่เตียงนอน คู่ขาเข้าห้องน้ำไป พีทนอนงัวเงียยังไม่ลืมตาแล้วถามคู่ขา
“ใครมา”
“เค้าชื่อไท ท่านประธานสั่งให้มาดูแลคุณพีท”
พีทลืมตาโดยอัตโนมัติแล้วผุดนั่งท่าทางเรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าอาฮวด มองหน้าไทแล้วพยายามนึกแล้วจำได้
“บอดี้การด์หรือ มาผิดที่แล้ว เอ๊ะ ฉันจำนายได้นายเคย...”
“ช่วยชีวิตคุณไว้”
ไทเน้นน้ำเสียง พีทรู้สึกเหมือนถูกทวงบุญคุณยังไงไม่รู้แล้วตัดบท
“ฉันขออาบน้ำก่อน”
อาฮวดมองหน้าไทแล้วเดินออกไปนอกห้อง
“ฉันไปก่อน”
อาฮวดบอกกับไท คู่ขาพีทออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอทำท่ายั่วยวนไทอย่างเซ็กซี่ แล้วกระซิบข้างหูไท
“คืนนี้เจอกันไหม”
“ได้ แต่ต้องขออนุญาตสามีผมก่อนนะ”
ไทยิ้มแล้วเดินจากไป
อีกด้านหนึ่งขณะนั้นปลายฟ้าแต่งตัวจะไปทำงานแล้วรู้สึกเซ็ง จึงทิ้งตัวลงบนที่นอน แป้งแต่งตัวสวยอยู่ที่หน้ากระจกแล้วเตือนปลายฟ้า ที่ยังนอนเล่นอยู่บนเตียง
“นี่ยัยฟ้า ตื่นได้แล้ว”
“ฉันอยากจะลาออกแล้ว”
แป้งทาลิปสติกเปื้อนปากด้วยความสะอึกในคำพูดปลายฟ้า
“อะไรนะ ลาออกเหรอ จะบ้าหรือ แกอุตส่าห์ฝ่าฟัน จนทำได้ แล้วจะมาทิ้งง่ายๆ ได้ยังไงล่ะ แกไม่สงสาร พวกลิง ค่าง บ่าง ชะนี ยีราฟ ลูกน้องแกหรือ”
“ไม่มีหัวหน้า มันเหมือนขาดอะไรไปไม่รู้ ไม่มีกระจิตกระใจทำงานเลย”
“นั่นแน่ ฉันว่าแกต้องแอบชอบหัวหน้าแกแน่ๆ เลย ใช่ไหม”
“บ้าเหรอ ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียหน่อย”
แป้งหันไปแต่หน้าต่อ ปลายฟ้าหลบตาแป้ง แล้วเปลี่ยนเรื่อง
“วันนี้วันหยุดแกไม่ใช่หรือ จะไปไหนล่ะ”
“แกจำบริษัทที่ฉันไปถ่ายแบบยกทรงได้ไหมล่ะ นั่นแหละเขาเรียกฉันไปเทสงาน”
ปลายฟ้ามีสีหน้าตื่นเต้น
“ไปด้วยเด่ะ เผื่อคราวนี้ฉันจะเข้าตาบ้าง รอเดี๋ยวนะ”
แป้งพยักหน้ารับ แป้งดูแลความเรียบร้อยของใบหน้ามีเสียงปลายฟ้าดังเข้ามา
“เรียบร้อยแล้ว ไปกันเลย”
แป้งหันไปดูปลายฟ้าแล้วทำหน้าเหยเมื่อเห็นหน้าอกปลายฟ้าตูมออกมา ปลายฟ้ายืนยิ้มน่ารัก
พีทแต่งตัวเสร็จแล้วเดินออกมานอกห้องลงลิฟต์มาชั้นล่าง พีทจะเดินไปข้างหน้าแต่เปลี่ยนใจไปออกข้างหลังเพื่อหนีไท
“จะเดินอ้อมให้ลำบากทำไมครับ”
เสียงไทดังขึ้นด้านหลัง พีทหันหน้ามาเจอไทแล้วเซ็ง ไทยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่มีใครบอกนายเลยหรือว่าฉันไม่ชอบให้คนมาติดตามดูแล”
“มี”
“อ้าว ก็รู้นี่”
“มันเป็นหน้าที่ ถ้าไม่ชอบคุณก็มองผมเป็นอย่างอื่นก็ได้”
พีทชะงักแล้วยิ้มคิดจะแกล้งไท
“งั้นเป็นหมาละกัน”
ไทมองหน้าพีทสีหน้าจริงจัง
“จะให้เห่าก่อนกัดหรือกัดเลยล่ะ”
พีทตกใจคิดไม่ถึงที่ไทจะต่อคำแบบนี้
“เฮ้อ ไปได้แล้ว”
พีทเดินนำไทไปที่รถ ไทเดินตามไป
ไทขับรถไปตามหน้าที่ พีทนั่งท่าทางรำคาญ
“นายไม่มีงานอื่นทำหรือไง”
“มี”
“อ้าว ก็ไปทำอย่างอื่นสิ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เดินด้วยกันมันเหมือนคู่เกย์ยังไงไม่รู้” ไทยิ้มมุมปาก
“แต่งานนี้เงินดี”
“ป๊าฉันจ่ายนายเท่าไหร่ ฉันให้อีกสองเท่าเอ้า เอาไปเป็นก้อนเลย แล้วไปให้ไกลจากฉันเลย”
“ถ้าพ่อคุณจ่ายให้เท่าของชีวิตเขา คุณจ่ายไหวไหมล่ะ” ไทหันมาแววตาเข้ม พีทอึ้งแล้วนึกถึงความเป็นห่วงของบุ๊น แต่ยังพยศ “คุณพีทจะไปไหนครับ”
“ไปเก็บเงิน”
ไทพยักหน้ารับแล้วขับรถพุ่งไป
นันณภัสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต๊ะทำงาน “สวนสัตว์รอด ต่างชาติผิดหวังอดเทคโอเวอร์” นันณภัสมีสีหน้า
สงสัยและดีใจระคนกัน
“นายไทจะว่ายังไงนะนี่”
นันณภัสตัดสินใจยกโทรศัพท์มือถือโทรไปหาไท แต่ได้ไม่ติด มีสัญญาณให้ฝากข้อความ
“กรุณาฝากหมายเลขโทรกลับ...”
นันณภัสวางสายสีหน้าสงสัย ลิลลี่เดินเข้ามาหานันณภัสด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เจ๊พัด นี่เมื่อเช้าไปช็อปปิ้งมาเลยซื้อนี่มาฝาก”
ลิลลี่หยิบที่คาดผมแปลกๆ เก๋ๆ
“ที่คาดผมเนี่ยนะ”
“นี่ไม่ใช่ที่คาดผมธรรมดานะ รุ่นนี้ดังจะตาย เลดี้ กาก้า ยังใช้เลย”
“ดูมันตลกยังไงพิกล”
“เออน่า ใส่ไปเหอะ อีกหน่อยจะมีเยอะกว่านี้อีก เพราะถ้าคอมเพล็กซ์เสร็จ ลิลลี่จะสั่งเข้ามาขายที่ร้านกิ๊ฟของลิลลี่”
เรียวเคาะประตูแล้วเข้ามา ในมือมีถุงใส่เสื้อสูท ลิลลี่ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นเรียว
“มีอะไรหรือนายเรียว”
“เสื้อที่คุณพัดสั่งให้ไปรับครับ”
“แขวนไว้ตรงนั้นแหละ”
เรียวเอาเสื้อสูทไปแขวนเอาไว้ที่ที่เคยแขวน แล้วจะออกไป แต่ลิลลี่เรียกเอาไว้
“เดี๋ยวสินายเรียว นี่ฉันซื้อนี่มาฝากนายด้วย” ลิลลี่หยิบเอาหมวกปานามาสีดำออกมา “เป็นไง สวยไหม”
“สวยครับ”
“หมวกจะสวยมันต้องอยู่ที่ศีรษะ เอ้า สวมซะ”
เรียวมองหน้านันณภัส นันณภัสเพยิดหน้าแล้วยิ้ม เธอก็อยากดูเรียวสวมหมวกเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง
เรียวสวมหมวก นันณภัสยิ้ม ลิลลี่พอใจ
“เป็นไงดูดีขึ้นตั้งเยอะ” นันณภัสเดินมานั่ง
“จริงด้วย เหมาะกับนายจริงๆ นั่นแหละ”
เรียวเขินนันณภัส แล้วจะถอดหมวกออกลิลลี่ห้ามเอาไว้
“เดี๋ยว”
ลิลลี่เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปคู่กับเรียว
“ทำท่าเท่ๆ หน่อยนะ” เรียวดูดีลิลลี่แก้มชิดกับเรียวราวกับถ่ายรูปกับคนรัก ถ่ายเสร็จแล้วลิลลี่พอใจ “ขอบใจ ไปได้แล้ว”
เรียวออกไป นันณภัสมองลิลลี่อย่างเอ็นดูแล้วเมินหน้ากับกิริยา สีหน้ากังวลที่โทร.หาไทไม่ติด ลิลลี่ตั้งรูปเป็นหน้าจอในโทรศัพท์
“นายไท ทำไมโทร.หาไม่ได้นะ”
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ไทขับรถมาจอดที่หน้าศาลเจ้าจีนแห่งหนึ่ง วันนี้มีคนมาไหว้สองสามคน พีทลงจากรถแล้วสั่งไท
“ลงมาสิ ที่นี่แหละ”
ไทคิดไม่ถึงว่าจะเป็นที่นี่ ดูบรรยากาศมันไม่ค่อยจะดี แล้วก้าวลงไป
“ขอโทษครับ”
พีทเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ไทเดินตามดูทางหนีทีไล่
“พี่เฟยแกงค์กวนอูติดค่าของฉันนานแล้ว วันนี้คงได้ฤกษ์เสียที”
พีทพาไทเดินเข้ามาจนถึงลานบ้านสองข้างเป็นห้องแถว มีนักเลงที่เฝ้าอยู่สองสามคนแล้วเดินออกมาขวาง
พีทมีท่าทางไม่กลัว ไทระวังตัว
“พี่เฟยอยู่ไหม”
“มีธุระอะไร”
“ฉันถามแกก่อน”
ลูกน้องมองหน้าพีทแล้วระวังตัว พี่เฟยเดินออกมาท่าทางยิ้มแย้ม
“อะ อะ พี่พีท วันนี้ให้เกียรติมาเยี่ยมผมถึงนี่เลยหรือ”
“ไม่ต้องมาพูดมาก ฉันไม่ค่อยอยากมาหรอก ถ้าไม่จำเป็น. ฉันจะมาเก็บเงินค่าของของฉัน”
ลูกน้องพี่เฟยเดินออกมาล้อมหน้าล้อมหลัง ไทเตรียมตัวรับมือ
“ผมว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต่อรองเลยนะ รอให้พร้อมกว่านี้ดีไหม” ไทเตือนพีท
“ทำไม นายปอดแหกหรือ ไหนบอกว่าเป็นมือดีไง เจอแค่นี้ทำแหย” ไทไม่ตอบโต้ เขายินดีรับสถานการณ์แม้ว่าจะไม่เต็มใจ “ว่ายังไง ฉันไม่มีเวลามากนะพี่เฟย จ่ายๆ มาฉันจะได้กลับ”
“ช่วงนี้มันฝืดๆ หน่อย เงินตั้งเกือบล้าน ขอเวลาหน่อยสิ”
“แกเอาของไปตั้งสามเดือนแล้วนะ ไม่ได้หรอก ยังไงวันนี้ฉันต้องเอาเงินไปให้ได้”
พี่เฟยมองไปทางลูกน้องสายตาบอกให้เตรียมตัว ไทมองหาทางหนีทีไล่
“ได้ งั้นพี่เฟยจัดให้” สิ้นเสียงพี่เฟย ลูกน้องก็เข้ามารุมอัดไทกับพีท “จัดชุดครอบครัวให้เลย”
ไทไม่ใช้ปืนเขาต่อสู้อย่างเก่งกาจสามารถสยบคนได้สองสามคน พีทปวกเปียกแต่ก็สู้ ไทต้องคอยช่วยเหลือและทำให้เขาถูกอัดในบางครั้ง ลูกน้องพี่เฟยวิ่งมาสมทบอีกหลายคน ไทมองทางหนี แล้วจูงพีทวิ่งเข้าซอยเล็กๆ ที่ไม่ใช่ทางที่เข้ามา
“หนีก่อน”
“ไม่เท่าไหร่หรอกน่า” พีทกะจะไม่หนีแต่เจอชกเข้าไปเต็มหน้า “โอ๊ย ไอ้เวรเอ๊ย”
ไทลากพีทเข้ามาในซอยเล็กๆ เขาสู้พลางถอยพลาง ไทวิ่งไปในซอยพร้อมกับจูงพีทไปด้วย มีคนขี่จักรยานตรงเข้ามาไทกับพีทหลบได้ แต่รถพุ่งเข้าไปชนลูกน้องที่ตามมาทำให้เสียจังหวะ ไทกับพีทมาถึงทางตัน
“เอาไงดี บอดี้การ์ดหน้าหล่อ”
“ไปทางนี้”
ไทพาพีทวิ่งเข้าในบ้านคนแถวนั้น คนในบ้านต่างแปลกใจและงงว่าเข้ามาได้ยังไง ไทออกมาทางหลังบ้านแล้วลัดเลาะมาจนถึงรถที่จอดเอาไว้ ทั้งคู่รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกน้องพี่เหยตามมาไม่ทัน
ไทจอดรถเอี๊ยดในสถานที่ที่ปลอดภัยข้างถนน พีทยิ้มด้วยความพอใจ
“ มันจริงๆ โว้ย นายนี่เก่งเหมือนกันนี่ ฝีมือไม่เบาเลย”
ไทมีสีหน้าไม่พอใจหันมาจับคอเสื้อพีทมากระแทกกับรถแล้วกดเอาไว้พลางสั่งสอน
“นายเป็นบ้าอะไร”
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” พีทหน้าเสียนิดหน่อยแต่ยังโอหัง “ก็มาทวงหนี้ไง”
“สำหรับผม แบบนี้เขาเรียกว่ามาหาที่ฝังศพ ผมไม่รู้ว่าคุณโง่หรือคุณบ้า แต่ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีก” พีทหน้าซีดเกรงแววตาของไท “เพราะ คุณกับผมอาจจะไม่โชคดีแบบวันนี้อีก”
พีทเหลือบไปเห็นปืนของไท
“นายมีปืน ทำไมไม่ยิงมันเลยล่ะ”
“แค่นี้ยังเดือดร้อนไม่พอหรือ”
ไทจ้องตาพีทเข้มแล้วค่อยๆ ปล่อยพีทอย่างเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถประจำที่คนขับ
พีทจัดคอเสื้อให้เข้าที่ หน้าเสียมองไทแบบไม่เข้าใจ แล้วเข้าไปนั่งในรถ ทั้งคู่ไม่ได้พูดกัน ไทขับรถออกไป
ปลายฟ้าเดินหน้าอกตูมมาตามถนนกับแป้งหลังจากไปที่โมเดลลิ่งมาแล้ว ปลายฟ้าบ่น
“สงสัยดวงฉันคงจะไม่ถูกกับไอ้งานนางแบบแน่ๆ ดูสิคราวที่แล้วบอกว่าอกเล็กพอทำมาตูมบอกว่าหน้าสวยไปอยากได้หน้าแบบคนใช้ พอ พอ เลิก ฉันจะไม่มาเหยียบวงการนี้เด็ดขาด”
“แหม ของแบบนี้มันอยู่ที่ดวงดูฉันสิสวยจะตายดันมามองว่าฉันหน้าคนใช้ ก็เลยได้งาน”
แป้งปลอบ ปลายฟ้าทำใจแล้วยินดีกับแป้ง
“เออ อีกหน่อยแกก็คงเป็นดารา”
“แล้วคุณพีทก็จะมีแฟนเป็นดารา”
แป้งหัวเราะ ปลายฟ้าเซ็งไม่อยากบอกความจริงให้แป้งรู้ ระหว่างนั้นทั้งคู่เดินผ่านบริษัททัวร์เห็นป้ายรับสมัครงาน ปลายฟ้ารู้สึกสนใจ
“เฮ้ยแป้ง ที่นี่รับสมัครงานด้วย”
ทั้งคู่มองหน้ากัน
“บางมีฉันอาจจะถูกโฉลกกับงานทัวร์ก็ได้”
“แสดงว่าแกจะออกจากสวนสัตว์ชัวร์แล้ว”
“อืม ไม่มีหัวหน้า ฉันรู้สึกว่าฉันไม่อยากทำงานที่นั่นแล้ว เดี๋ยวฉันจะแวะไปลาพี่ธง”
โทรศัพท์มือถือแป้งมีสายเข้า แป้งตาโตเมื่อมองเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา
“คุณพีท”
“ฉันไปล่ะ”
ปลายฟ้าเซ็งไม่อยากรับรู้เรื่องพีทจึงรีบเดินเข้าไปสมัครงาน
พีทพาไทมาที่อู่ของเขา โจนั่งทำงานรับสายลูกค้าอยู่ โจวางสายแล้วมองไท พีทแนะนำ
“ ไท ป๊าฉันส่งมาดูแล”
ไทมีท่าทางนอบน้อมโจทึ่ง
“แม่เจ้าโว้ย เดี๋ยวนี้เลื่อนขั้นแล้วหรือ มีคนคอยดูแลด้วย ต่อไปต้องเรียกดอนพีทแล้ว เชิญนั่ง”
โจดึงมือพีทจูบที่แหวนแบบพวกมาเฟียอิตาลีเขาทำกัน
“ดอนหอยหลอดน่ะสิ จะบ้าหรือแกก็รู้ว่าฉันรำคาญจะตาย”
พีทพูดแบบไม่สนใจความรู้สึกของไท โจยังเกรงใจแทน
“แล้วหน้าแกไปโดนอะไรมา”
“เออ ไปเก็บเงินพี่เฟย”
“แล้วได้ไหม”
“ได้ แล้วก็ได้ทดสอบฝีมือคน ฉันไปพักผ่อนข้างในนะ” ไทจะเดินตามพีทไปแต่พีทหันมาบอกว่า “นายอยู่นี่แหละไท โจฝากดูแลเขาด้วยละกัน”
พีทบอกแล้วเดินไปข้างหลังทันที โจมีสีหน้าสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไรเขาหันมาปลอบใจไท
“อย่าไปถือสามันเลยไท มันเป็นแบบนี้แหละ ไปทานน้ำกันก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
ไทนั่งแล้วมองไปรอบๆ เห็นช่อดอกไม้วางกองเอาไว้ที่มุมหนึ่ง โจเอาเครื่องดื่มกระป๋องมาให้แล้วเห็นว่าไทคงสงสัยจึงอธิบาย
“น้ำ ไอ้พีทมันบ้า ซื้อดอกไม้ให้หญิงแทบทุกวันแต่ไม่กล้าให้ แล้วก็กลายเป็นสุสานอยู่ตรงนี้แหละ ผมก็ว่าจะเอาไปทิ้งแล้วล่ะ”
ไทรับรู้แต่ไม่ได้ใส่ใจเขาดื่มน้ำแล้วถามโจ
“เออ นาย ปกติคุณพีทเขาพักผ่อนนานไหม”
“พักผ่อนหรือ ที่ไหน”
“ก็ข้างหลังไง”
โจเพิ่งเข้าใจแล้วบอกความจริง
“ข้างหลังเป็นห้องน้ำและที่เก็บของ แล้วก็มีประตูออกไปข้างนอกได้ สงสัยป่านนี้มันไปถึงไหนแล้วล่ะ”
ไททำหน้าเซ็งคิดในใจว่าวันหนึ่งพีทต้องเจอดีจากเขาแน่
นันณภัสมาที่สวนสัตว์ เธอนั่งคุยกับพี่ธงในสำนักงาน
“ยินดีด้วยนะคะคุณธงที่ที่นี่ไม่ต้องถูกเทคโอเวอร์ วันนี้ไทไม่อยู่หรือ”
“ไทเขาไปทำงานที่อื่นแล้วล่ะครับ”
นันณภัสตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงความตื่นเต้นอะไร
“หรือคะ แล้วเขาไปทำงานที่ไหนคะ”
“เขาไม่ได้บอกเอาไว้ครับ ไอ้หมอนี่มันแปลก ตอนมาที่นี่ก็แบบนี้ ตอนไปก็ไม่ทิ้งล่องลอยไว้เลย ผมว่าวันหนึ่งไทต้องกลับมา”
พี่ธงบอกอย่างมั่นใจ
“นกที่พัดเลือกอยู่ในแผ่นนี้นะคะยังไงคงต้องรบกวนด้วย ขอตัวก่อนนะคะ”
นันณภัสเปิดประตูเดินออกไป แล้วเจอปลายฟ้าที่กำลังเข้ามาทั้งคู่มองหน้ากัน
“คุณนั่นเอง มาหาหัวหน้าหรือ หัวหน้าไม่อยู่หรอก”
“คุณธงบอกฉันแล้วล่ะ เธอคงรู้สินะว่าหัวหน้าเธอไปทำงานที่ไหน”
ปลายฟ้าทำท่าทางเป็นต่อและจะแสดงให้เห็นว่าไทให้ความสำคัญกับเธอมากกว่า
“อ๋อค่ะ แต่ตอนนี้หัวหน้ายังไม่อยากบอกใคร คงอยากพักผ่อนสักพักน่ะเอาไว้ฉันเจอแล้วฉันจะบอกนะว่าคุณมาหา”
“ขอบใจนะ”
นันณภัสยิ้มให้แล้วเดินจากไปอย่างสง่า ปลายฟ้ามองตาม เมื่อนันณภัสไปไกลแล้วปลายฟ้าจึงลดท่าของความเป็นต่อลงเหลือแต่ความเศร้า
“เชอะ ยังไงหัวหน้าก็ต้องเห็นฉันดีกว่าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้”
ปลายฟ้าเปิดประตูเข้าไปหาพี่ธง
พีทนั่งทานอาหารกับแป้งที่ร้านอาหารริมทะเล แป้งรู้สึกสบายๆ กับบรรยากาศ
“นึกยังไงคะถึงชวนแป้งมาทานข้าว”
“ผมเบื่อๆ เหงาๆ น่ะครับ”
บริกรเอาไวน์มาเสิร์ฟและรินให้
“โห ยังกลางวันอยู่เลย แป้งคงไม่ไหวหรอกค่ะ เชิญคุณพีทเถอะค่ะ”
พีทไม่บังคับเขาจิบไวน์และมองแป้ง
ที่ร้านพิซซ่าของแป๊ด หนูเอมนั่งเซ็งคิดถึงไทอยู่ในร้านทำท่าฟึดฟัด แป๊ดจัดขนมอยู่รู้สึกรำคาญ
“หนูเอม ลูก นี่หนูเอมเป็นอะไรน่ะ”
“คนใจร้าย”
แป๊ดสะดุ้ง แล้วเข้าใจ
“คิดถึงไอ้ไทมันหรือ”
“คนแบบนั้น ใครจะไปคิดถึง อยากไปไหนก็ไปเลย ไม่เห็นสนใจเสียหน่อย” แป๊ดรู้ว่าหนูเอมปากแข็ง ปลายฟ้าเดินเข้ามา “พี่ปลายฟ้า”
“สวัสดีค่ะ น้าแป๊ด หนูเอมเป็นไง”
“เดี๋ยวหนูเอมไปเอาน้ำมาให้นะคะ”
“หนูเอมเป็นไรคะ”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ กำลังจะใจสลาย เฮ้อ ความรักหนอความรัก มันก็เป็นเช่นนี้ล่ะ”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ ใจกำลังจะสลาย” แป๊ดสงสัย
“ว่าแต่งานวันนี้ไม่ทำงานหรือ”
“ลาออกแล้วค่ะ”
“อุ๊ยตาย อย่าบอกนะว่าไอ้ไทออกเลยออกบ้าง”
ปลายฟ้าพูดไปแบบไม่ตรงกับใจ
“ก็ประมาณนั้น หนูยังไม่เก่ง ไม่มีหัวหน้าคอยแนะนำ กลัวจะไปถ่วงพวกพนักงานเขาน่ะค่ะ”
“ถ้าว่างๆ ก็มาช่วยน้าส่งขนมก็ได้นะ น้ากำลังอยากได้คนช่วย”
“เอาสิคะ”
“นี่มาก็ดีแล้ว อยู่เป็นเพื่อนหนูเอมหน่อยนะ เดี๋ยวน้าจะไปส่งของก่อน”
“ค่ะ”
ปลายฟ้ากับหนูเอมเดินไปข้างหลังบ้าน
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ทางด้านพีทกับแป้ง ไวน์หมดไปหนึ่งขวด แป้งเริ่มตาเยิ้มแสดงว่าแป้งดื่มอีกตามเคย พีทเริ่มแผนการ
“เสียดายนะที่เพื่อนคุณไม่มาด้วย วันนี้ไม่ใช่วันหยุดเขาหรือครับ”
“โอ๊ย ทำงานอะไรกันคะ ยายฟ้าเพิ่งตกงาน กำลังหางานทำอยู่เลย” พีทรู้สึกเป็นห่วง
“เหรอครับ แล้วคุณปลายฟ้าเขาจะไปทำอะไรล่ะครับ”
“ก็รับจ๊อบไปเรื่อยเปื่อย ฟ้าเขารอสอบไปเรียนที่ออสเตรียค่ะ” บริการเอามาเสิร์ฟอีกขวด แป้งโบกไม้โบกมือไม่เอา “แป้งพอแล้วค่ะ เดี๋ยวกลับบ้านไม่ไหว”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”
“โอ๊ย ไม่ได้ เอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“คุณแป้งรังเกียจผมหรือครับ”
แป้งปฏิเสธอย่างจริงใจ
“เปล่านะคะ แต่ว่ายายฟ้าเขาสั่งเอาไว้น่ะค่ะว่าห้ามบอกคุณว่าพักที่ไหน ต้องขอโทษด้วยนะคะ” พีทยิ้ม แป้งดื่มต่อ
“ไม่เป็นไรครับ”
ปลายฟ้าดื่มเครื่องดื่มกับกินเค้กที่หนูเอมเอามาให้
“อร่อยจังเลย”
หนูเอมสีหน้าเหม่อลอยแล้วบอกปลายฟ้า
“หนูเอมทำเองค่ะ”
ปลายฟ้าหยุดมองหน้าหนูเอมแล้วเข้าใจ
“คิดถึงหัวหน้าหรือ”
“ค่ะ หนูเอมอยากมีพี่ชาย พี่ไท ไม่รักหนูเอมแล้วใช่ไหมคะพี่ปลายฟ้า”
ปลายฟ้ารู้สึกสงสารหนูเอม ตัวเองในใจก็ไม่ต่างไปจากหนูเอม แต่ก็ปลอบใจ
“หัวหน้าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง เชื่อพี่สิ หัวหน้าไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอก วันหนึ่งเขาก็จะกลับมา พี่เชื่อ”
ปลายฟ้าบอกอย่างมั่นใจ
แป้งนั่งตาเยิ้มมาบนรถพีท พีทขับรถมาตามถนนโดยมีแป้งคอยบอกทาง
“ไปอีกค่ะ ไปอีก” พีทขับไปตามทางที่แป้งบอก “จอด ถึงแล้ว ตรงนี้ล่ะค่ะทางเข้าบ้าน” พีทขับรถมาจอดตรงข้ามกับที่พักปลายฟ้า “อย่าไปบอกยายฟ้านะ”
แป้งย้ำแล้วลงจากรถเดินข้ามถนนไป ท่าทางเซไปเซมา พีทมองตาม กระหยิ่มใจแล้วขับรถออกไปอย่างมีความสุข
พีทมานั่งดื่มเบียร์ที่ร้านริมทะเลที่เคยมานั่ง มีพวกคนงานอู่และคนงานท่าเรือ มานั่งดื่มพอสมควร พีทดื่มมาพอสมควรแล้ว เบียร์หมดขวด พีทสั่งใหม่
“น้อง เบียร์ขวดนึง”
สักครู่มีมือเอาเบียร์มาเสิร์ฟให้ แต่มันเป็นมือผู้ชาย พีทมองตามมือขึ้นไปเห็นเป็นไท
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“คุณโจบอกว่ามีไม่กี่ที่ที่คุณจะไป”
พีทพยักหน้ารับรู้แล้วชวนนั่ง
“นั่งก่อนสิ นายนี่มันตื้อไม่เบาเลย”
“ผมรับเงินมาแล้ว”
พนักงานเอาเบียร์มาเสิร์ฟไท พีทมองทะเลแล้วนึกถึงปลายฟ้า
“นายมีแฟนไหม”
ไทส่ายหน้าแล้วดื่มเบียร์
“ถามทำไม”
“อยากได้คำแนะนำมั้ง ถ้านายชอบใครสักคนนายจะทำยังไง”
“คงทำในสิ่งที่เขาชอบ”
พีทมองหน้าไทเขาคิดว่านี่คงเป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน
“วันนี้เลิกงานแล้ว นายกลับไปได้แล้ว ที่พักฉันอยู่แค่นี้เอง”
“ผมทราบครับ แต่งานยังไม่เสร็จ”
พีทมองหน้าไทท่าทางอ่อนใจ
“นายนี่ดื้อจริงๆ”
ไทยังคงนั่งอยู่กับพีท พีทนั่งดื่มเบียร์ต่อ
คืนนั้นปลายฟ้าเดินเล่นเรื่อยเปื่อยมาตามถนน ข้างทางเป็นร้านหนังสือแบบตึกแถว มีหนังสือโชว์เอาไว้เธอมองไปที่แผงเห็นมีคู่มือฝึกพูดภาษาจีนด้วยตัวเอง จึงหยิบมันขึ้นมาแล้วลองเปิดอ่าน แล้วตัดสินใจซื้อ
“บางทีอาจจะได้งานใหม่ก็ได้ เท่าไหร่คะ”
“99 บาทครับ”
ปลายฟ้าส่งเงินให้คนขาย
หลังจากส่งพีทที่คอนโดแล้ว ไทขับรถกลับที่พัก ไทเปิดประตูบ้านเข้าไปแล้วเปิดไฟ มีปืนมาจ่อข้างหลัง ไทมีสีหน้าตกใจและระวังตัว อย่างไม่ทันระวัง ไทหันกลับไปสยบปืนในมือของไอ้หมอนั่นได้อย่างรวดเร็ว แล้วใช้ปืนจี้มันบ้างพร้อมเปิดไฟด้วยความรวดเร็ว ไฟเปิดออกเห็นว่าผู้บุกรุกคืออาฮวด ไทสงสัย อาฮวดยิ้ม
“ลุง”
“นายนี่ไม่เลวจริงๆ”
“คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ถ้านิ้วผมไวกว่านี้ ลุงไปนอนฮวงซุ้ยแล้ว” อาฮวดหัวเราะพอใจ
“ได้ข่าวว่าวันนี้คุณพีทพาไปบู๊มาหรือ” ไทพยักหน้ารับ “คุณพีทก็แบบนี้แหละ บางทีก็ต้องค่อยสอนๆ กันไป ง่วงหรือยัง”
“ยัง”
“ไปหาน้ำขิงร้อนๆ ซดกันไหม”
ไทตกลง อาฮวดเดินนำออกมา ไทเดินตาม ทั้งคู่เดินลงไปข้างล่าง
ปลายฟ้าเดินเข้าไปในห้อง แป้งเพิ่งจะนอนจึงยังไม่หลับ
“กลับแล้วหรือ”
“อืม”
“ฉันเอาเค้กมาฝาก อยู่บนโต๊ะแน่ะ ได้งานใหม่หรือยังล่ะ”
ปลายฟ้าเดินไปตรงที่วางเชลโล่แล้วเช็ดถูมัน
“ยัง แต่ก็ช่างเถอะ ใกล้จะสอบแล้ว ฉันว่าจะเริ่มซ้อมเป็นจริงเป็นจังเสียที”
“ซ้อมที่นี่มีหวังคราวนี้โดนตู้เย็นทุ่มใส่บ้านแน่”
ปลายฟ้าใจลอยเช็ดเชลโล่ไปเรื่อยเปื่อย
“ฉันคงไปซ้อมที่คณะแหละ แกนอนเถอะ ฉันจะอาบน้ำแล้ว”
ปลายฟ้าลุกออกไปแป้งคลุมโปงหลับไป
อาฮวดนั่งกินบัวลอยน้ำขิงอยู่กับไทที่ตลาดโต้รุ่ง
“คุณพีทของลุงนี่ เอาเรื่องน่าดู”
“คุณพีทไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดหรอก นายลองดูเขาดีๆ แล้วนายก็จะเห็น อยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจเขาแค่ไหน”
“ท่าทางพ่อคงระอาน่าดู”
“เรียกว่าเป็นห่วงมากกว่า ส่วนพี่สาวเขาน่ะ ท่านประธานดูจะให้ความสำคัญกว่าเพราะ ขานั้นเอางานเอาการวันๆ ทำแต่งาน”
ไทซดบัวลอยน้ำขิงท่าทางไม่แยแส
“ผมไม่ได้อยากเข้าใจเขา ผมแค่ทำตามหน้าที่ก็พอ”
“นายนี่แปลกนะ มีคนมากมายอยากมาทำงานกับฉัน แต่นาย...”
“ไม่แปลกหรอก มีคนอีกมากมายที่อยากให้ผมไปทำงานด้วย แต่ผมก็ต้องมาทำงานกับลุง”
“ทำไม”
“ไม่รู้สิ ชาติก่อนเราคงกรวดน้ำคว่ำขันมาด้วยกันมั้ง”
อาฮวดมองไทแบบไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขานัก แต่ก็รู้สึกว่าไทเป็นคนดี
ปลายฟ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จรู้สึกสบายตัวแล้วมายืนรับลมที่ระเบียง ในใจคิดถึงไทและอนาคตข้างหน้า อีกด้านไทก็กำลังเดินขึ้นมาที่ห้องพัก ปลายฟ้าเดินเข้าห้องไป จังหวะเดียวกับที่ไทเดินขึ้นมาแล้วตรงไปที่ห้องแล้วเข้าห้องไป
ปลายฟ้ากึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ไทเปลี่ยนชุดจะเข้านอน เขาหยิบเอาหนังสือดุจตะวัน ขึ้นมาอ่านหน้าต่อจากหน้าที่พับเอาไว้ ในใจรู้สึกหนักใจในหน้าที่ จังหวะหนึ่งก็คิดถึงปลายฟ้า
ปลายฟ้าอยู่บนเตียง เธอนอนไม่หลับจึงหยิบเอาสายเชลโล่ที่ไทเคยให้ขึ้นมาดูเพื่อนึกถึงไท ทำให้มีกำลังใจขึ้น
“หัวหน้าไปอยู่ไหนนะ” ปลายฟ้าพลิกตัวนอน แล้วหลับตาที่หัวนอนมีซองใส่สายเชลโล่วางอยู่
“ฝันดีนะหัวหน้า”
วันต่อมานันณภัสมาหาพี่ธงแต่เช้า ทั้งคู่เดินคุยกันมาตามทาง
“ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะครับว่า จู่ๆ เจ้าไทเขาก็ไปแบบไม่ร่ำไม่ลา”
“แปลกจัง คุณธงพอจะทราบปูมหลังเขาบ้างไหมคะ อย่างเช่นเป็นที่ไหนมีพ่อแม่พี่น้องหรือเปล่า หรือหนทางที่จะติดต่อเขาได้ อะไรแบบนี้ค่ะ”
“ไม่เลยครับ จะว่าไปแล้วผมรู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้าไทเขาน้อยมาก ทั้งๆ ที่ทำงานกันมาก็นานพอสมควร”
“ช่างเถอะค่ะ งั้นฉันขอตัวก่อน”
“ผมจัดเจ้าหน้าที่คนใหม่ที่จะประสานงานเรื่องนกแทนเจ้าไทให้แล้วนะครับ มีอะไรก็เชิญนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
นันณภัสเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก
นันณภัสเดินกลับมาที่รถ เรียวเดินอยู่ข้างๆ เรียวรู้เรื่องทั้งหมดแล้วจึงเสนอความคิด
“จะให้ผมตามหาเขาไหมครับ”
นันณภัสหยุดกึกในใจคิดอยากทำอย่างที่เรียวบอกแต่ต้องไว้ตัวจึงกลบเกลื่อนไป
“จะไปตามหาเขาทำไม ไม่จำเป็นเลยนายเรียว เรื่องนกคุณธงเขาก็หาคนมาจัดการแทนให้แล้ว ไปกันเถอะ”
เรียวเปิดประตูให้นันณภัสเข้าไปนั่งเขารีบมานั่งด้านคนขับมองนันณภัสผ่านกระจกมองหลัง เห็นสีหน้านันณภัสไม่สบายใจ
“ดูสีหน้าคุณพัดไม่ค่อยสบายใจเลย”
“วันหนึ่ง วันหนึ่ง ฉันมีเรื่องคิดมากมายหลายอย่างจะให้ยิ้มตลอดเวลาหรือไง ไป ออกรถได้แล้ว”
นันณภัสกลบเกลื่อนด้วยเสียงที่ดุ เรียวขับรถออกไป
ขณะนั้นไทขับรถให้พีทนั่งมาตามถนน
“จอดหน้าร้านขายดอกไม้ข้างหน้าหน่อยซิ”
พีทบอก ไทจอดรถตรงหน้าร้านพอดี พีทเปิดประตูลงไป
“รอเดี๋ยวนะ”
พีทเข้าไปในร้านขายดอกไม้ ไทรออยู่ในรถ ไทมองไปรอบๆแบบผ่อนคลายแล้วสายตาเขาไปสะดุดกับป้ายโฆษณารับสมัครคนงานเพื่อจะเข้าไปทำงานในคอมเพล็กซ์ของบริษัทจ้าวหยางที่อยู่ห่างจากร้านขายดอกไม้ไปเล็กน้อย เขาลงไปยืนอ่านมัน ในใจคิดถึงนันณภัส
ไม่นานนักพีทก็ออกมาจากร้านขายดอกไม้พร้อมดอกไม้ช่อใหญ่ เขาเดินมาหาไทแล้วตบไหล่
“ไปได้แล้ว” พีทเห็นว่าไทอ่านป้ายอย่างสนใจจึงแซวเล่น “ทำไม สนใจงานที่นี่หรือ ฝากให้เอาไหม บริษัทเนี้ยพี่สาวฉันเป็นเจ้าของ”
“เปล่าครับ แค่ยืนอ่านฆ่าเวลา”
ไทไม่ได้เอะใจเรื่องที่พีทบอก เขาคิดว่าพี่สาวของพีทคงเป็นคนจีนอ้วนๆ ที่ทำแต่งาน ทั้งคู่มาที่รถแล้วขับออกไป
“ไปที่อู่”
ที่วิทยาลัยดนตรี ปลายฟ้าเดินมาที่ห้องซ้อมดนตรี เห็นว่ามีรุ่นน้องซ้อมอยู่ก่อนจึงนั่งรอ รุ่นน้องผู้หญิงคนที่เคยแนะนำงานให้มานั่งคุยด้วย
“อ้าวพี่ปลายฟ้า มาซ้อมดนตรีหรือคะ”
“ใช่ คราวนี้ต้องเอาจริงซะที มีใครซ้อมต่อหรือเปล่า”
“จริงๆ แล้วหนูนี่แหละค่ะ แต่ไม่เป็นไร พี่ซ้อมไปก่อนก็ได้”
ปลายฟ้าพยักหน้ารับด้วยอารมณ์ดี
ไทกำลังขับรถพาพีทไปที่อุ๋ แต่แล้วจู่ๆ พีทก็เปลี่ยนใจ
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปวิทยาลัยก่อนดีกว่า”
ไทหยุดรถเอี๊ยดสีหน้าสงสัย สีหน้าพีทรู้สึกผิด เขามองดอกไม้ก่อนจะสารภาพออกมา
“ฉันซื้อดอกไม้ที่ร้านนี้เกือบทุกวัน เพื่อเอาไปให้ผู้หญิงคนนึง แต่เขาไม่เคยรับดอกไม้ของฉันเลย ฉันเลยคิดว่าฉันจะไม่เอาไปให้เธอแล้ว”
ไทรู้สึกเห็นใจจึงพูดปลอบใจ
“ทำใจได้ก็ดีแล้วนี่ คนเขาไม่ชอบเราก็อย่าไปสนใจเขาเลย เอาดอกไม้ไปบูชาพระดีกว่า”
“ใครบอกนาย ฉันหมายความว่าฉันจะไม่เอาไปให้เขาด้วยตัวเอง แต่นายต้องเป็นคนเอาไปให้”
“อย่ามามั่ว เรื่องนี้ผมไม่อยากไปเกี่ยวข้องด้วย”
“นายเป็นลูกจ้างนะ” พีทมองหน้าไทสีหน้าเอาจริงแววตาแข็ง แล้วก็อ่อนโยนลง “นะ ขอร้องล่ะ นะ”
ไทมองพีทล้วนึกถึงคำของอาฮวดที่เล่าเรื่องพีทเมื่อคืน เขาหัวเราะเบาๆ
“ก็ได้”
พีทยิ้มอย่างพอใจสีหน้าแสดงความขอบใจ
ไทขับรถเข้ามาจอดรถที่ลานจอดรถของวิทยาลัยดนตรีแล้วถามพีท
“จะให้เอาไปส่งที่ไหน”
“เข้าไปที่นี่”
“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าหน้าตาเป็นยังไง”
“เข้าไปเดี๋ยวนายก็รู้เอง”
พีทชี้เส้นทางให้ ไทหยิบดอกไม้ลงจากรถไป ไทเดินไปที่ห้องซ้อมดนตรีพร้อมดอกไม้
ไทเดินมาถึงห้องซ้อมดนตรีแล้วต้องตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่เขาต้องเอาดอกไม้ของพีทมาให้คือปลายฟ้า
ติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 7 (ต่อ)
ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 7 (ต่อ)
ไทเดินมาหยุดที่ห้องซ้อมดนตรี แล้วไทก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าผู้หญิงที่เขาต้องเอาดอกไม้ของพีทมาให้ปลายฟ้าปลายฟ้ายังคงเล่นเชลโล่ไปเรื่อยๆ ไม่ได้มองออกมา
“ปลายฟ้า” ไทรำพึงออกมาเบาๆ ไทหันไปมองรุ่นน้องของปลายฟ้าที่รอซ้อมดนตรีอยู่จึงตัดสินใจฝากดอกไม้เอาไว้ปลายฟ้า “น้องครับ ช่วยฝากดอกไม้ให้ผู้หญิงคนนั้นด้วย”
รุ่นน้องยังไม่ทันรับปาก ไทก็วางดอกไม้ไว้ข้างๆ แล้วเดินจากไปทันที รุ่นน้องมองตามงงๆ
“พี่ปลายฟ้าใช่ไหมครับ”
“ครับ”
พีทรอไทอยู่ที่รถอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย เขาลุ้นว่าปลายฟ้าจะรับดอกไม้หรือเปล่า สักครู่ไทเดินเข้ามาพีทถามด้วยความร้อนรน
“เป็นไง เธอรับดอกไม้หรือเปล่า”
ไทจำเป็นต้องโกหก
“รับ”
“แล้วเธอว่าไงบ้าง”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ จะไปกันหรือยังครับ” ไทตัดบทเดินเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ พีทปล่อยตามใจไท ในใจเขาลิงโลดและอารมณ์ดี เขาขึ้นไปนั่งบนรถ “ไปไหนต่อ”
“อืม ไปหาพี่สาวฉันดีกว่า ไปบริษัทจ้าวหยาง”
ไทรู้สึกคุ้นชื่อบริษัทนี้ดีเพราะนันณภัสทำงานอยู่ที่นั่น
ปลายฟ้าซ้อมดนตรีเสร็จแล้วเดินออกมานอกห้อง รุ่นน้องที่รอซ้อมต่อถือดอกไม้เอาไปให้
“สุภาพบุรุษรูปหล่อฝากมาให้ค่ะพี่”
“สุภาพบุรุษหรือ”
ปลายฟ้ารู้ดีว่าต้องเป็นพีท เธอพลิกการ์ดที่แนบมากับดอกไม้ดู เห็นว่าเป็นพีทจริงๆ ปลายฟ้าทำท่าไม่แยแส แต่เธอก็รับดอกไม้แล้วเดินจากไป รุ่นน้องเข้าไปซ้อมดนตรี ปลายฟ้าเดินมาเจอถังขยะเธอทิ้งดอกไม้ลงถัง
“สุภาพบุรุษจิ้งจอกน่ะสิ เชอะ”
ปลายฟ้าเดินไปอย่างไม่สนใจดอกไม้
ไทขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของบริษัทจ้าวหยาง พีทลงจากรถแล้วสั่ง
“นายไปรอตรงส่วนรับแขกตรงนั้นนะ ฉันจะไปหาพี่สาวก่อน” ไททำสีหน้าแบบไม่ค่อยไว้ใจ
“หาพี่สาวแน่นะ”
“แน่สิ ฉันไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้นายหรอกน่า”
พีทเดินจากไป ไทตรงไปเตร่แถวส่วนรับรอง เขามองสถานที่ไปมา พนักงานสาวคนหนึ่งเดินผ่านมา ไทจึงเรียกสอบถาม
“ขอโทษนะครับ”
“มีอะไรหรือคะ”
“ไม่ทราบว่าที่นี่มีพนักงานชื่อพัดหรือเปล่าครับ”
พนักงานสาวงง
“พัดไหนคะชื่อจริงชื่ออะไร ที่นี่มีพัดเป็นสิบคนเลยนะคะ”
“เอ่อ คนที่ สวย ดูดีๆ น่ะครับ”
พนักงานสาวรู้สึกรำคาญ
“พนักงานที่นี่ดูดีทุกคนล่ะค่ะ ขอตัวนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
พนักงานสาวเดินจากไป
พีทเดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานนันณภัส เมื่อถึงหน้าห้อง ริน พนักงานที่กำลังท้องราว 7 เดือนกว่าก็เปิดประตูสวนออกมา แล้วทักพีทด้วยความนอบน้อม พีทรับรู้แล้วเดินเข้าไปในห้อง ภายในห้องนันณภัสกำลังสั่งงานเรียวเสร็จพอดี
“เอกสารนี้สำคัญมาก นายช่วยส่งให้ถึงมือท่านด้วยนะ”
“ครับ”
“หวัดดีเจ๊”
นันณภัสกับเรียวหันไปเห็นเป็นพีท เรียวนอบน้อม
“คุณพีท”
“พีท นั่งก่อนสิ” นันณภัสเดินไปนั่ง “ไปได้แล้วนายเรียว บอกรินเอาเครื่องดื่มเข้ามาให้ด้วย”
เรียวออกไป พีทสังเกตว่านันณภัสดูงานยุ่ง
“งานยุ่งหรือเจ๊”
“ยุ่งสิ ตอนนี้เราเริ่มติดต่อธุรกิจกับจีนมากขึ้น งานก็เลยล้น ไหนจะคอมเพล็กซ์อีก”
พีทยิ้มอย่างภูมิใจในตัวพี่สาว
“หญิงเหล็กก็แบบนี้แหละ”
รินเอาเครื่องดื่มเข้ามาให้แล้วออกไป นันณภัสมองตามแล้วถอนใจ
“นี่เดือนหน้ารินเขาก็จะลาคลอดแล้ว ต้องหาคนมาประสานงานกับเมืองจีนอีก”
“ก็เปิดรับสมัครสิครับ”
“ก็ว่าอย่างงั้น แต่แค่ทำพาสไทม์นะ เพราะคุณรินคลอดเสร็จเขาก็จะมาทำงานตามเดิม ทีนี้ว่าธุระของพีทมา”
พีทยิ้ม เพราะธุระของเขาก็คือมาปรึกษาเรื่องผู้หญิง
ไทยังคงเตร็ดเตร่รอพีทอยู่ที่เดิม เรียวลงมาทำงานตามที่นันณภัสสั่ง เขามองเห็นไทแต่ไกลและสะดุดกึก สีหน้าแปลกใจ
“นายไท” เรียวหลบให้พ้นสายตาไท พอดีพนักงานคนหนึ่งเดินผ่านมา เรียวจึงเรียกถาม “มานี่ซิ”
“คะ คุณเรียว”
“นายคนนั้นมาทำอะไร”
พนักงานมองไปเห็นไท เธอจึงยิ้มและอธิบาย
“อ๋อ มากับคุณพีทค่ะ”
เรียวรับรู้ พนักงานจากไปแต่เรียวยังไม่ไปทำงานตามที่นันณภัสสั่งแต่คอยสังเกตการณ์อยู่ ในใจรู้สึกเป็นกังวลหากไทได้เจอกับนันณภัส
นันณภัสเดินออกจากห้องพร้อมกับพีท
“อยากรู้จังว่า ใครคือสาวผู้โชคดีที่พีทเอาดอกไม้ไปให้”
“เอาน่าเจ๊ ไว้ให้ผมแน่ใจว่าจะจริงจังกับคนนี้ก่อนแล้วจะพามาแนะนำ” พีทคุยโวทั้งที่ความจริงมันตรงกันข้าม
“ผมกลับก่อนนะเจ๊”
“ไปสิ พี่กำลังจะลงไปข้างล่าง ไป พี่ไปส่งที่รถ”
ทั้งคู่เดินมาด้วยกัน พีทยกโทรศัพท์โทรสั่งไท
“ฉันกำลังจะลงไป”
“เห็นว่าคุณพ่อส่งคนมาขับรถให้หรือ”
พีทตอบแบบเซ็งๆ
“ครับ ผมรำคาญจะตายแต่ไม่อยากขัด”
ลิฟต์เปิดออก นันณภัสกับพีทเดินออกจากลิฟต์จะไปลานจอดรถ ขณะนั้นไทเดินไปที่รถพอดี นันณภัสกับพีทเห็นหลังไทไวๆ ไทเข้าไปในนั่งรถ นันณภัสเดินไปกับพีทตั้งใจจะไปส่งพีทที่รถแต่เรียวเรียกนันณภัสเอาไว้
“คุณพัดครับ”
นันณภัสพีทหันขวับ นันณภัสแปลกใจ
“อ้าว นายเรียว ยังไม่ไปอีกหรือ”
“พอดีผมเอ่อ ลืมถามเส้นทางน่ะครับ” นันณภัสนึกขึ้นได้
“เออ จริงสิ พีทพี่ส่งแค่นี้นะ”
“ไม่เป็นไรเจ๊ ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
นันณภัสรับรู้แล้วคุยกับเรียว พีทเดินตรงไปที่รถ พอพีทขึ้นรถไทก็ขับรถออกไป เรียวพยายามชำเลืองมองตามไทตลอดเวลา เมื่อเห็นรถไปแล้วเขาจึงโล่งใจ
อีกด้านหนึ่งที่ทำงานฉัตร ฉัตรกำลังนั่งถอดประกอบปืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน คู่หูเดินเข้ามานั่งแล้วส่งเอกสารให้
“เอ้า อ่านซะ”
“อะไร”
“ผลการพิสูจน์พาหนะที่ใช้ยิงนายบุ๊น”
“ไม่อ่านหรอก รีบรายงานมาเลย หรืออยากโดนสั่งขัง” ฉัตรบอกอย่างรำคาญ
“เป็นรถที่ขโมยมา”
“โธ่ โจรที่ไหนมันจะใช้รถของมันก่อคดีวะ มันก็ต้องขโมยมาทั้งนั้นแหละ ไอ้วัวถึก”
“แต่มันเป็นรถจากท่าเรือของนายบุ๊นเองนะ”
ฉัตรสะดุด หยุดคิดแล้วมองหน้าคู่หูอย่างสงสัย
พีทเดินนำไทมาที่สำนักงานของบริษัทบริเวณท่าเรือ ที่เก็บตู้คอนเทนเนอร์ ระหว่างทางเขาพบโอตี่ เบ็ตตี้และกลุ่มลูกน้องอยู่ไกลๆ เขาเดินนำไทไป ขณะนั้นโอตี่กำลังตรวจสอบของจากตู้คอนเทนเนอร์ มันเป็นเครื่องในวัวที่สั่งนำเข้ามาจากออสเตรเลีย พีทเดินเข้ามาแล้วทักทายโอตี่อย่างยียวน
“ว่ายังไง คุณชายโอ สั่งเครื่องในมาเป็นตู้ๆ ขนาดนี้จะเปิดร้านอีสานคลาสสิคหรือไง”
โอตี่หันมาแล้วยียวนตอบ
“แหม นึกว่าใคร ที่แท้ลูกชายที่ไม่เอาไหนของลุงบุ๊นนี่เอง ฉันก็ค้าขายของฉันไปเรื่อย ดีกว่าคนบางคนที่ลอยไปลอยมาไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำเป็นอยู่อย่างเดียวก็คือทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน” โอตี่หัวเราะเบาๆ พีทรู้ตัวว่าถูกเหน็บแนมจึงรู้สึกอายแล้วเอาชนะ
“แกว่าใคร”
“อะไรกัน นี่โง่ขนาดยังไม่รู้ตัวเลยหรือว่าฉันว่าแกนั่นแหละ”
เบ็ตตี้และลูกน้องคนอื่นนึกขัน พีทโกรธกำหมัดแน่นหมายจะเข้าไปซัดโอตี่สักหมัด เขาเงื้อหมัดต่อยออกไป
“ไอ้เลว เอ๊ย”
โอตี่หลบทันแล้วกลับตัวเอาไม้เท้าหมายจะฟาดพีท มือของไทมารับขวับแล้วจับไม้เท้าไว้แน่น สีหน้าไทจริงจังขณะจ้องหน้าโอตี่ สีหน้าโอตี่จริงจังจ้องหน้าไท
“เดี๋ยวนี้ถึงกับต้องเลี้ยงสุนัขเอาไว้รับหน้าเลยหรือ”
ไทฉุนสุดขีดเขาเงื้อมือจะชกโอตี่ เบ็ตตี้กับลูกน้องคนอื่นรุมเข้ามา จังหวะนั้นก็มีเสียงฉัตรตะโกนเข้ามา
“กำลังปาร์ตี้อะไรกันอยู่มิทราบ มีทั้งพระเอก ผู้ร้าย”
ฉัตรกับคู่หูเดินเข้ามา ทุกคนมองไปที่ฉัตร
“ไม่มีอะไรหรอกคุณตำรวจ เราแค่มาตรวจสินค้า ไม่มีอะไรแล้ว พวกเรากลับ”
โอตี่เดินนำหน้าลูกน้องออกไป ไทนิ่งทำเป็นไม่รู้จักฉัตร ฉัตรมองไทแล้วก็ทำเป็นไม่รู้จัก
“ผมก็แค่มาตรวจตู้คอนเทนเนอร์ของผมเหมือนกัน ไป กลับว่าแต่วันนี้ผู้กองมีอะไรครับ”
พีทชวนไทกลับหมายจะออกไปจากที่นั่น แต่ฉัตรท้วงไว้
“เดี๋ยว ที่นี่คุณเป็นเจ้าของใช่ไหม”
“ใช่”
“อย่างนั้นเราคงต้องคุยกันหน่อย”
พีทกับไทมองหน้าฉัตรอย่างสงสัย ฉัตรยิ้มยียวน
พีททรุดนั่งลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์
“อะไรนะ ป๊าผมถูกลอบยิง ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ฉัตร คู่หู และผู้จัดการนั่งล้อมกันอยู่ในสำนักงาน ไทรออยู่ข้างนอก
“จะไปรู้คุณหรือ ที่ผมมาก็อยากจะมาบอกว่ารถที่ผู้จัดการคุณแจ้งหายไว้น่ะ เป็นรถที่คนร้ายขโมยไปก่อเหตุดักยิงพ่อนายและนอกจากนี้แล้วผมก็ยังจะมาสอบปากคำเพิ่มเติมว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับคนที่นี่หรือเปล่า”
“ตามสบายเลย ผมก็อยากจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน นี่ผู้จัดการไปทยอยเรียกคนงานมาเลยไป”
ผู้จัดการรับคำแล้วรีบรุดออกไปทันที ฉัตรสั่งคู่หู
“แกสอบปากคำไปก่อนนะ ขอไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวฉันมา”
ฉัตรเดินออกมาข้างนอกแล้วส่งสายตาให้ไทไปพบที่ห้องน้ำ ไทรับรู้แล้วค่อยๆ เดินตามไป
ฉัตรเดินเข้ามาในห้องน้ำ ไทเดินตามเข้ามา ฉัตรล้างมือ เดินเข้าไปดูรอบห้องด้วยมาดสายสืบแล้วถามไท
“เป็นยังไงบ้างไอ้ไท”
“ก็ดีครับ มีอะไรกันหรือ”
ฉัตรมีท่าทางหนักใจแล้วเตือน
“ก็เรื่องลอบยิงนายบุ๊นสะบัดนั่นแหละ สงสัยคนในนี้จะเป็นหนอน นายบุ๊นเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา ฉันว่าแกถอนตัวเถอะ”
ไทมองกระจกสีหน้าเข้ม
“รับเงินเขามาแล้วจะให้ชิ่งได้ยังไง หรือถ้าฉันไปจริงๆ เขาคงไม่ปล่อยฉันไว้หรอก”
“ก็จริงของเอ็ง ขึ้นหลังเสือแล้วนี่หว่า เอาเถอะ ยังไงก็ระวังตัวเอาไว้ก็แล้วกัน เออ แล้วไม่ต้องให้พวกมันรู้ว่าเรารู้จักกันเดี๋ยวเอ็งจะหมดความไว้ใจซะ”
ไทรับคำเตือนด้วยใจจริง
“ครับน้า เอ่อ คนที่บ้านว่าเรารู้จักกันเป็นยังไงบ้าง”
“หมายถึงใคร”
“ทุกคน”
ฉัตรมองหน้าไทสีหน้ายิ้มแบบไม่ค่อยเต็มใจ
“ก็ดี ถ้าจะให้ดีกว่านี้เอ็งควรจะไปเยี่ยมพวกเขาบ้าง”
พูดจบฉัตรก็เดินออกไป ไทยืนครุ่นคิดที่หน้ากระจก
ที่ร้านพิซซ่าแป๊ด แป๊ดกำลังจัดพิซซ่าที่ลูกค้าสั่งเพื่อที่จะเอาไปส่ง หนูเอมคอยตรวจเช็คตามรายการ
“คุณวรรณา คุณสมร”
“มาแล้วๆ ช่วยแม่หน่อย”
“เรียบร้อยหมดแล้วค่ะแม่แป๊ด แม่แป๊ดไปส่งได้แล้ว” แป๊ดสะอึก
“ตกลงใครเป็นแม่เป็นลูกเนี่ย น่ะสั่งอย่างกะแม่แป๊ดเป็นลูกจ้างเลย หนูเอมนั่นแหละไปส่ง” หนูเอมอิดออด
“หนูเอมไม่อยากไปนี่ แม่แป๊ดไปส่งเองนะ”
“เอ้าก็ได้ อยู่เฝ้าร้านดีๆ ล่ะ”
แป๊ดเตรียมตัวไปส่งพิซซ่า ปลายฟ้าเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีทุกคน”
หนูเอมรีบมาหาปลายฟ้าแล้วถามเรื่องไททันที
“พี่ปลายฟ้า ได้ข่าวพี่ไทหรือเปล่าคะ”
ปลายฟ้าส่ายหน้าสีหน้าเศร้านิดๆ
“ยังเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงหัวหน้าก็ต้องติดต่อมา โห น้าแป๊ดจะไปส่งของหรือคะ”
“ก็มันเป็นหน้าที่ ไหว้วานใครหน่อยก็ไม่ได้”
แป๊ดทำท่าน้อยใจหนูเอม ปลายฟ้าอาสาด้วยความเต็มใจ
“หนูไปส่งให้เอาไหมคะ”
“ด้วยความเต็มใจ เอ้า นี่ รายการและแผนที่”
“หนูเอมไปด้วยค่ะ”
แป๊ดส่ายหน้าแบบเซ็งในตัวหนูเอม ในใจนึกถึงไท
“ไหนเมื่อกี้บอกไม่ไปไง”
“หนูเอมอยากไปกับพี่ปลายฟ้า”
“เอ้า ไป”
ปลายฟ้าฝากเชลโล่ไว้กับแป๊ดแล้วออกไปส่งพิซซ่ากับหนูเอม
ที่สำนักงานท่าเรือของพีท พีทและผู้จัดการ อยู่ดูการสอบปากคำพนักงานของเขา จนคนสุดท้ายออกไป ฉัตรก็เข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง” ฉัตรถามคู่หู
“ไม่มีอะไร ผิดสังเกต แต่ผมบันทึกเทปการสอบปากคำไว้แล้ว”
พีทเย้ยฉัตร
“บอกแล้วลูกน้องผมซื่อสัตย์จะตาย”
ไทอยู่ด้านนอกเห็นทั้งหมดคุยกันแต่ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ยินเสียง ขณะนั้นมีมีพนักงานชายวัย 20 เศษคนหนึ่งมาด้อมๆ มองๆ ท่าทางมีพิรุธแล้วเดินจากไป ไทเลี่ยงตามไปช้าๆ
“ผมจะลองเอาเสียงการสอบปากคำลูกน้องคุณเข้าเครื่องจับเท็จดู ไป กลับได้แล้ว ขอตัวนะครับท่านสุภาพบุรุษ ขอบคุณสำหรับการร่วมมือ”
“ยินดีเสมอ”
ฉัตรกับคู่หูเดินออกมาจากสำนักงาน
พนักงานที่ทำลับๆ ล่อๆ เดินมาที่โทรศัพท์สาธารณะของโรงงานแล้วหยอดเหรียญโทรออกด้วย สีหน้าตื่นๆ
“นาย นายต้องช่วยผมนะครับ พวกมันสงสัยแล้ว”
ไทเดินมาข้างหลังแล้วสะกิด
“ทำอะไรน่ะ”
พนักงานทิ้งหูแล้ววิ่งหนี ฝ่ายโน้นยังได้ยินเสียง
“อย่าหนีนะ”
ไทวิ่งไล่ตามไป
ติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 8