xs
xsm
sm
md
lg

กี่เพ้า ตอนที่ 14 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กี่เพ้า ตอนที่ 14 ตอนอวสาน


คืนนั้น เป็นคืนฝนตก ฟ้าแล่บแปลบปลาบ เห่วยเหอสวมเสื้อกันฝนแอบเดินไปตามทาง เพื่อจะไปที่ห้องดอกไม้

“ค่ำนั้นฝนตกหนัก ผมใช้ประตูที่สวนหลังบ้านแอบเข้าไปในห้องดอกไม้ ผมเจอเมย์ลีร้องไห้อยู่”
ภายในห้อง สุคนธาสวมชุดกี่เพ้าลายดอกโบตั๋นนอนร้องไห้อยู่ เหว่ยเหอเปิดประตูเข้ามา สุคนธาตกใจถาม
“อาเหว่ย คุณเข้ามาทำไม”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ เมื่อเช้าคุณชายใหญ่โทรหาผม เขาชวนผมหนีไปอเมริกา หนีการแต่งงาน”
สุคนธาดีใจถาม
“จริงหรืออาเหว่ย”
เหว่ยเหอพยักหน้า
“แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็เหมือนทำลายชีวิตของคุณชายใหญ่ เรื่องของผมกับคุณชายใหญ่มันผิดมาตั้งแต่ต้น คุณควรแต่งงานกับคุณชายใหญ่ซะ”
“ไม่ ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันเพิ่งบอกคุณพ่อคุณแม่แล้วว่าฉันจะแต่งงานกับหมิงเทียน ดูนี่สิ ชุดแต่งงานของฉัน ฉันเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว”
“ไม่ได้ คนทั่วไปรู้หมดแล้วว่าคุณเป็นคู่หมั้นของคุณชายใหญ่”
“แต่คุณชายใหญ่เขาเกลียดฉัน ฉันอยู่กับเขาไม่ได้ ฉันไม่แต่งยังไงก็ไม่แต่ง ออกไปซะออกไป” สุคนธาพูดพลางผลักเหว่ยเหออกไป

สุคนธาผลักเหว่ยเหอไปที่ประตูแล้วปิดงับเข้ามาโดยไม่ได้ล็อกห้อง เขาพยายามเรียก
“เมย์ลี คุยกันก่อน เมย์ลี”
เหว่ยเหอตัดสินใจไม่คุยกับสุคนธาแล้วเพราะกลัวคนจะมาเห็น จึงหันหลังรีบเดินออกไป
ตอนนั้นใครคนหนึ่งแอบอยู่เพื่อรอให้เหว่ยเหอไป

ภายในบ้านอาจือ เหว่ยเหอพูดต่อด้วยสีหน้าเศร้า อาจือตั้งใจฟัง
“เมย์ลีไม่ยอมคุยกับผม ผมต้องรีบกลับไปก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเจอเมย์ลี ผมไม่ได้ฆ่าเมย์ลี ผมไม่ได้ฆ่า”
“แม่เชื่อลูกจ้ะ”
อาจือจะยกมือประคองหน้าลูกชายด้วยความสงสาร แต่มือปัดไปโดนตะเกียบจนตกพื้น เหว่ยก้มเก็บตะเกียบให้
ทันใดนั้นสายตาของเหว่ยก็ก้มลงไปเห็นปิ่นปักผมที่วางอยู่บนพื้นใต้ซอกตู้ เหว่ยเก็บขึ้นมา
“ปิ่นของใครครับแม่”
อาจือคิด ภาพที่อาหัวพาเพกามาเจอครั้งแรก เพกามีปิ่นปักผมอยู่ที่หัว จือจำได้
“ของคุณพิ้งค์ เธอคงทำตกไว้วันที่มาช่วยแม่”
เหว่ยเหอมองปิ่นอย่างใช้ความคิด
“มีอะไรหรือลูก”
“ผมคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นปิ่นนี้มาก่อน”
“เห็นจากคุณพิ้งค์หรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ”
เหว่ยใช้ความคิดอย่างหนัก แล้วก็จำภาพที่เคยเห็นปิ่นนี้ได้

คืนนั้น เมื่อเหว่ยออกมาจากห้องสุคนธาและตัดใจไม่คุยเพราะกลัวคนจะมาเห็นตัวเองจึงหันหลังรีบเดินออกไป
เท้าเหว่ยเตะไปโดนปิ่นปักผมบนพื้น
เหว่ยเหอก้มลงมองแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจเพราะตอนนั้นอยากจะหนีออกจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้าให้เร็วที่สุด

เหว่ยเหอจำได้แล้ว
“ใช่แล้ว วันนั้นผมเห็นปิ่นนี้ตกอยู่หน้าห้องเมย์ลี”
“คุณพิ้งค์อาจจะซื้อปิ่นนี้มาจากที่อื่นแล้วบังเอิญเหมือนกัน”
“ผมต้องถามคุณพิ้งค์ให้รู้เรื่อง”
เหว่ยเหอจะเดินออกไป อาจือคว้าแขนลูกชายไว้
“ลูกจะไปไหน”
“ผมจะไปหาคุณพิ้งค์ ผมมั่นใจว่าเรากำลังจะเข้าใกล้ฆาตกรที่ฆ่าเมย์ลีแล้ว”
“ดึกแล้ว ไปพรุ่งนี้เถอะลูก”
“ไม่ได้ครับแม่ ผมต้องไปเดี๋ยวนี้”
“ถ้าถึงแล้วโทรหาแม่ด้วยนะลูก แม่เป็นห่วง”
เหว่ยเหอพยักหน้าแล้วรีบออกไปทางหลังบ้าน อาจือมองตามอย่างไม่สบายใจ

ดึกมากแล้ว เหว่ยเหอวิ่งมาตามทางในสวนแล้วแอบหยุดมองไปทางห้องดอกไม้ ที่ยังเปิดไฟอยู่
เขาหลบแอบเข้ามุมที่ปลอดภัยจากสายตาผู้คนแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพกา
ภายในห้อง เพกากำลังยืนคุยโทรศัพท์มือถือไอโฟนขาวปลอกลายดอกไม้ชมพูเครื่องประจำกับเดซี่
“ถ้าฉันได้ข้อมูลจากคุณอาภุมรีอาจจะมีอะไรชัดเจนขึ้นก็ได้”
โทรศัพท์อีกเครื่องที่ใช้โทรเฉพาะกับเหว่ยเหอที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น
“แค่นี้ก่อนนะเดซี่ ฉันมีธุระ”
เพกาวางสายจากเดซี่แล้วเอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะกดรับสายอีกเครื่องทันที
“ฮัลโหลเหว่ย”
เหว่ยเอามือป้องพูดเบาๆพร้อมกับสอดส่ายสายตาระวังตัวไปด้วย
“คุณออกมาหาผมที่สวนโบตั๋นหน่อยสิ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“ได้ ได้”
เพกาวางสายแล้วออกไปจากห้อง ถือมือถือเครื่องที่ใช้โทรคุยกับเหว่ยไปด้วย

เพกาเดินกึ่งวิ่งมาตามทางเดินอย่างร้อนใจเพื่อจะไปหาเหว่ยเหอที่สวนโบตั๋น เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าห้องลี่ผิง ก็ได้ยินเสียงของแตกดังโครมจากห้องคุณนายใหญ่ เพกาชะงักกึก แล้วลี่ผิงก็โผล่พรวดพราดออกมาจากในห้องเกือบจะชนกับเพกา ลี่ผิงร้องไห้สะอึกสะอื้น เพกาตกใจ
“คุณนายใหญ่เป็นอะไรคะ”
“คุณพี่บ้าไปแล้ว เธอช่วยฉันด้วย พาฉันออกไปจากตรงนี้ที”
เพกาลังเลแวบหนึ่งเพราะอยากจะไปหาเหว่ยเหอ แต่เห็นแก่มนุษยธรรมจึงตัดสินใจช่วยลี่ผิงก่อน
“ค่ะๆ”

เพกาประคองลี่ผิงลงมาชั้นล่าง

 
ในมุมที่หลบซ่อนตัว เหว่ยเหอคุยโทรศัพท์กับแม่ระหว่างยืนรอเสียงเบาๆ
 
“ผมมาถึงบ้านตระกูลเจ้าแล้วครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ เสร็จแล้ว ผมจะรีบกลับ”
เหว่ยเหอวางสายยืนรอเพกาแล้วได้ยินเสียงคนเหยียบใบไม้จากด้านหลัง
“คุณพิ้งค์”
เหว่ยเหอดีใจหันไป ก็มีมือผู้ชายจ้วงมีดใส่ท้องเห่วยเหอจนผงะ ตาเหลือก เขามองคู่กรณีด้วยแววตาสงสัย ไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่
คนร้ายดึงมีดออก เห่วยเหอสะดุ้งสุดตัว เลือดไหลรินเลอะเสื้อผ้าบริเวณจุดแทงและคมมีด เหว่ยเหอล้มลงกับพื้นแทบเท้าของ “ใครคนนั้น”

เพกาประคองลี่ผิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นมานั่ง
“คุณเยี่ยทำอะไรคุณนายใหญ่คะ”
ลี่ผิงร้องไห้บอก
“พอเหม่ยอิงไม่อยู่ บ้านนี้ก็ไม่มีความหมาย ฉันไม่เคยมีความหมายอะไรเลย”
ซิ่วหลานเดินเข้ามาเห็นอาการของลี่ผิงก็ตกใจ
“คุณนายใหญ่ คุณนายใหญ่เป็นอะไรคะ”
“ทะเลาะกับคุณเยี่ยค่ะ”
“หือ”
ซิ่วหลานอดแปลกใจไม่ได้เพราะตอนนั้นเหวินเยี่ยไม่ได้อยู่บ้าน เพกาไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของซิ่วหลาน
“อาซิ่ว ฝากดูคุณนายใหญ่ด้วยนะคะ”
“ค่ะ”
ซิ่วหลานรับคำ เพการีบเดินออกไปอย่างเนียนๆ
“คุณนายใหญ่จะดื่มอะไรร้อนๆหน่อยมั้ยคะ”
ลี่ผิงสะอื้นไม่ตอบใดๆ

บริเวณสวนโบตั๋น เพกาวิ่งเข้ามามองหาเหว่ยเหอแต่ไม่เห็นใคร เพกาเรียกเบาๆ
“เหว่ย อาเหว่ย”
เพกากดโทรศัพท์โทร.หาเหว่ยเหอ
“ปิดเครื่อง เมื่อกี้ยังโทรกันอยู่เลย”
เพกาแปลกใจ โทรศัพท์เครื่องประจำของเพกาดังขึ้นพอดี เพกาล้วงจากกระเป๋ามองหน้าจออย่างดีใจแล้วกดรับสาย
“ว่าไงคะคุณอา”

ภุมรีอ่านเอกสารภาษาอังกฤษตรงหน้า
“ลูกน้องของอา เช็กข้อมูลของวันนั้นแล้ว”
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“วันนั้นคุณเจ้าเหวินเยี่ยเขาขึ้นเครื่องบินเที่ยวนั้นจริงๆ”
“คุณเยี่ยไม่ใช่ฆาตกร”
“แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่าง”
“เรื่องอะไรคะ”
“จากข้อมูลที่ได้มามีคนตระกูลเจ้าอีกคนที่เดินทางช่วงเวลานั้น เขาออกจากอเมริกาก่อนกำหนด และเดินทางมาถึงฮ่องกงในเช้าวันเดียวกัน”
“ใครคะ”
“เจ้าหมิงเทียน”
เพกาคาดไม่ถึงลุกขึ้นยืนทันที
“คุณหมิงเทียน”
เพกานึกถึงอดีตทันที

หมิงเทียนเคยบอกเพกาว่า วันนั้นตนไม่อยู่ฮ่องกง

“เป็นไปไม่ได้ คุณหมิงเทียนบอกพิ้งค์ว่าวันนั้นเขาไม่ได้กลับฮ่องกง”
“เหรอจ๊ะ แต่ตามข้อมูลของสายการบินยืนยันนะว่า คุณหมิงเทียนขึ้นเครื่องบินกลับมา เรคคอร์ดของสายการบินก็ไม่น่าผิดพลาดด้วย พิ้งค์แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาไม่ได้โกหกพิ้งค์”
เพกาอึ้งและเงียบไป จนภุมรีต้องเรียก
“พิ้งค์ พิ้งค์จ๊ะ”
“คะคุณอา”
“พิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่า”
“พิ้งค์ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณคุณอามากนะคะ”
เพกาวางสายไปด้วยความสับสนไปหมด
“คุณหมิงเทียนกลับมาวันที่คุณเมย์ลีถูกฆ่า เขาโกหก ทำไมเขาต้องโกหก”
เพกานึกถึงคำพูดของหมิงเทียน
“ผมนี่แหละ ฆ่าเมย์ลี”
ภาพนิมิตที่เพกาเห็นว่าฆาตกรกำไลหยกหักตอนฆ่าเมย์ลี และเพกาเห็นว่ากำไลหยกของหมิงเทียนหัก

เพกาสับสน พยายามคิดหาเหตุผลซ้ำๆ
“ไม่จริง...เขารักคุณเมย์ลี เค้าสองคนกำลังจะแต่งงานกันด้วย คุณเมย์ลียอมดื้อกับคุณเยี่ย คุณนายใหญ่เพื่อเขา เขาจะฆ่าเธอทำไม หรือว่า...”
เพกานึกขึ้นได้
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่บังคับหนู หนูจะพูด คนทั้งฮ่องกงจะได้รู้ว่า คุณชายใหญ่ตระกูลเจ้า... เป็นเกย์”
สาเหตุนี้ที่หมิงเทียนบอกกับเพกาว่า
“สิ่งที่เมย์ลีพูด ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน เมย์ลีถึงต้องตาย”

หมิงเทียนเคยสัญญากับหมิงซานว่าจะปกป้องพี่ชาย
หมิงซานยื่นมือออกไปบอก
“มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน”
หมิงเทียนคิดเล็กน้อยแล้วแล้วยื่นมาจับบอก
“มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน”
“นี่คือคำสัญญาระหว่างเรา หมิงซาน หมิงเทียน”

หมิงซานเคยให้น้องชายปิดความลับของเขากับเหว่ยเหอ
“หมิงเทียนต้องปิดเรื่องพี่กับเหว่ยเป็นของความลับนะ ห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่ ห้ามบอกใครทั้งนั้น”
“ผมสัญญาครับต่อให้ผมต้องตาย ผมก็ขอตายไปกับความลับนี้”

หมิงเทียนเคยปิดหน้าร้องไห้ คร่ำครวญ
“เมย์ลี ผมขอโทษ ผมผิดเอง ผมผิดเอง”

“ผมนี่แหละ ฆ่าเมย์ลี”

 
เพกาแทบล้มทั้งยืนเพราะแน่ใจแล้วว่า หมิงเทียนเป็นฆาตกรตัวจริง
 

“คุณเองที่ฆ่าเมย์ลี”
จังหวะนั้น หมิงเทียนเข้ามามองหาเพกาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"คุณพิ้งค์ ผมไปหาที่ห้องดอกไม้ไม่เจอ นึกแล้วว่าต้องมาอยู่ที่นี่”
เพกาจะเดินกลับห้อง แต่หมิงเทียนคว้ามือไว้
“อ้าว อยู่ก่อนสิครับ”
เพกาสะบัดมือออกอยากจะร้องไห้ แต่พยายามกลั้นไว้ไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น
“ปล่อย”
หมิงเทียนตามแล้วคว้ามือไว้อีก
“คุณพิ้งค์ คุณเป็นอะไร”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ปล่อย”
หมิงเทียนไม่ยอม
“คุณเป็นอะไรก็บอกผมสิ มีอะไรก็พูดกันตรงๆ เหมือนที่ผ่านมาไง”
“ฉันเกลียดคุณ”
เพกาเดินออกไปปล่อยให้หมิงเทียนยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น

ภายในห้องดอกไม้ เพกาปล่อยโฮด้วยความเสียใจ เจ็บปวดที่ถูกหมิงเทียนหลอกให้รัก

หมิงเทียนยังยืนที่กลางสวน แหงนหน้ามองไปทางห้องดอกไม้ที่ปิดไฟลงอย่างมืดสนิท
“คุณพิ้งค์ คุณเป็นอะไร”

ภายในห้อง เพกานั่งอยู่หน้ากระจกท่ามกลางความมืด แล้วนึกถึงภาพในอดีตเดิมๆ
หมิงเทียนห้ามเพกาไม่ให้ขุดคุ้ยเรื่องการตายของสุคนธา แต่เพกาก็ยังยืนยันที่จะสืบเขายืนยันมาตลอดว่า เหลียงเหว่ยเหอเป็นฆาตกร

“คุณพยายามโยนความผิดให้เหว่ยเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง”

เพกานึกถึงเรื่องความรักระหว่างเธอกับหมิงเทียน แล้วน้ำตาไหลด้วยความผิดหวัง
“ที่คุณทำไปก็แค่จะให้ฉันตายใจจากคุณ แต่คุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย”
เพกานั่งเศร้าอย่างเดียวดาย

วันรุ่งขึ้น ภายในห้อง เพกาในชุดพร้อมเดินทางกำลังรูดซิบปิดกระเป๋าเดินทาง แล้วหันไปที่กระจกพลางพูด
“คุณเมย์ลี ฉันไม่ได้ทิ้งคุณ แต่ตอนนี้ฉันอ่อนแอเกินไป ฉันขอกลับไปตั้งสติใหม่ แล้วฉันจะกลับมาจับฆาตกรให้คุณ”
เพกายกกระเป๋าออกไปจากห้อง

เพกาลากกระเป๋าเดินทางลงมาจากบันได บริเวณโถงบันได หย่งซานเดินถือกล่องใส่กำไลหยกเดินมาจากทางห้องพิพิธภัณฑ์ เมื่อเห็นเพกาพร้อมกระเป๋าเดินทางก็ร้องทักอย่างแปลกใจ
“อ้าวคุณพิ้งค์จะไปไหนครับ”
“กลับกรุงเทพฯ ค่ะ งานฉันเสร็จแล้ว”
“แล้วจะกลับมาอีกไหมครับ”
“ไม่แน่ใจค่ะ”
หย่งซานพยักหน้ารับแล้วนึกขึ้นได้
“อ้อ เห็นวันก่อนคุณพิ้งค์สนใจกำไลหยกของตระกูลเจ้า ตอนนี้ผมได้มาครบแล้ว ผมขออวดคุณพิ้งค์เป็นคนแรกดีกว่า เผื่อว่าคุณพิ้งค์จะไม่มีโอกาสบินไปดูที่อเมริกา”
หย่งซานเปิดฝากล่องโชว์เพกา เพกาดูเพื่อรักษามารยาทแต่ไม่ได้สนใจมาก คิดว่าก็เป็นแค่กำไลหยกหลายๆ อัน
ทันใดนั้นเพกาก็เห็นกำไลหยกที่มีป้ายชื่อหมิงเทียนห้อยติดอยู่ แต่เป็นกำไลหยกที่ไม่แตก เพกามองอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ ทำไมกำไลหยกคุณหมิงเทียนไม่แตก”
“กำไลหยกคุณหมิงเทียนไม่เคยแตกนะครับ”
“แต่ฉันเห็นคุณหมิงเทียนสวมกำไลที่แตกอยู่นี่ค่ะ”
“อ๋อ กำไลวงที่แตกนั่นไม่ใช่ของคุณหมิงเทียนหรอกครับ แต่เป็นของคุณนายใหญ่”
เพกาอึ้งตะลึงงัน
“ของคุณนายใหญ่”
“ครับ สี่ห้าปีก่อน คุณนายใหญ่ไปทำอะไรมาก็ไม่ทราบ กำไลหยกเกิดแตก คุณเยี่ยสั่งให้ช่างทองซ่อมแซมกำไลจนสามารถนำมาสวมได้เหมือนเดิม แต่คุณนายใหญ่ก็ยังไม่พอใจ คุณหมิงซานก็เพิ่งจะตายไป กำไลเกิดมาแตกเสียอีก คุณหมิงเทียนเห็นคุณแม่กังวลมากก็เลยยอมเอากำไลตัวเองแลกกับคุณแม่แล้วเอากำไลที่แตกมาสวมไว้เสียเองเพื่อรับเคราะห์ร้ายต่างๆ แทนคุณนายใหญ่ ตามความเชื่อของคนจีนโบราณครับ”
เพกาหน้าซีดตกตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งรู้
“คุณนายใหญ่” เพกาพึมพำ
“คุณพิ้งค์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เพกายังไม่ทันตอบ โทรศัพท์มือถือเครื่องประจำก็ดังขึ้น เพกาหยิบขึ้นมามองหน้าจอเห็นว่าเป็นเบอร์ของอาจือ จึงเดินเลี่ยงออกมาจากหย่งซานแล้วรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลค่ะ อาจือ”
อาจือคุยโทรศัพท์กับเพกาด้วยมือถือเครื่องเก่าคร่ำ
“คุณพิ้งค์เจออาเหว่ยไหมคะ” อาจือถาม
เพกาพูดเสียงเบากลัวคนอื่นได้ยิน
“ไม่เจอค่ะ เมื่อคืนนัดฉันให้ออกไปพบ แต่เขาก็ไม่มา”
“ไม่จริง เหว่ยโทรมาบอกฉันว่าเขาอยู่ที่บ้านตระกูลเจ้าแล้ว เขากำลังรอคุณอยู่ แล้วทำไมคุณถึงไม่เจอเขา”
เพกาอึ้งแล้วคิด... เพกาออกมาแล้วเจอลี่ผิงมาขัดขวางไว้ เพการวบรวมความคิดแล้วพูดโทรศัพท์ต่อ
“อาจือรู้ไหมคะว่าเหว่ยจะคุยกับฉันเรื่องอะไร”
“เรื่องปิ่นปักผมที่คุณพิ้งค์ทำตกไว้ที่บ้านฉันค่ะ อาเหว่ยบอกว่าเขาเห็นปิ่นปักผมอันนั้นอยู่หน้าห้องคุณเมย์ลีในวันที่คุณเมย์ลีถูกฆ่า”
“ปิ่น”
เพกานึกถึงปิ่นปักผมที่ลี่ผิงมอบให้ เพกาแน่ใจในทันที

“คุณนายใหญ่”
 

 
ภายในห้อง ลี่ผิงสวมแว่นตานั่งปักผ้าอยู่ เพกาเปิดประตูเข้ามา ลี่ผิงหันไปมองเพกาอย่างแปลกใจ ลี่ผิงถอดแว่นถาม
 

“มีอะไรคะคุณพิ้งค์”
“เหว่ยอยู่ที่ไหนคะคุณนายใหญ่”
“เหว่ย ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ถ้าฉันรู้ ฉันคงให้ตำรวจไปลากคอมันมาเข้าคุกไป แล้ว”
“เหว่ยไม่ใช่ฆาตกร”
ลี่ผิงมีอาการตื่นเต้นถาม
“แล้วใคร เธอรู้แล้วเหรอ”
“คนที่ฆ่าคุณเมย์ลีคือคนที่จะไม่ยอมให้คุณเมย์ลีแฉว่าคุณหมิงซานรักผู้ชายด้วยกัน คนที่โทษว่า การตายของคุณหมิงซานเป็นเพราะเมย์ลีและที่สำคัญคนๆ นั้นคือคนที่กำไลหยกแตก ซึ่งบ้านนี้มีแค่สองคน คือ คุณเยี่ยและคุณ ตอนที่คุณเมย์ลีถูกฆ่าคุณเยี่ยไปต่างประเทศแล้ว แต่คุณยังอยู่ที่นี่”
ลี่ผิงหน้าตึงแล้วก้มหน้าปักผ้าต่อไป
“คุณนายใหญ่ กรุณาบอกฉันมาเถอะค่ะว่าเหว่ยอยู่ที่ไหน”
ลี่ผิงปักผ้าไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดของเพกา
“คุณนายใหญ่บอกฉันมาเถอะ หยุดทำร้ายคนอื่นสักทีเถอะนะคะ”
จู่ๆ ลี่ผิงก็ระเบิดอารมณ์กรีดเสียงแหลม
“ฉันไม่เคยทำร้ายใคร ฉันแค่ทำไปเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตระกูลเจ้าและหมิงซานเท่านั้น”
ลี่ผิงดวงตาแดงก่ำไม่พอใจ ตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เพกาตกใจกับท่าทางของลี่ผิงที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
“แต่คุณฆ่าเมย์ลี”
“ใช่ ฉันฆ่าเมย์ลี รู้แล้วเธอจะทำไม”
“ฉันจะช่วยให้เหว่ยหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา”
“ช่วยไม่ได้ ไอ้เหว่ยมันอยากเข้ามารับเคราะห์เอง คนลักเพศอารมณ์รุนแรงพอหมิงซานไม่เล่นด้วย แต่เลือกที่จะแต่งงานกับผู้หญิง มันก็เลยโกรธแค้นจน ต้องฆ่าเมย์ลี”
“แต่มันไม่ใช่ความจริง คุณรู้ดีว่าคุณหมิงซานเป็นเกย์ เขากับเหว่ยรักกัน”
“พอได้แล้ว ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องบัดสีพวกนี้”
“แต่มันเป็นความจริง ความจริงที่คุณหนีไปไม่พ้น”
“ได้สิ คนตายคือคนที่พูดความจริงไม่ได้อีกต่อไป ดูอย่างนังเมย์ลีสิ นังงูเห่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง หนอยแนะ...ฉันกับคุณพี่เลี้ยงดูมันมาอย่างดี แต่มันกลับเนรคุณจะเอาเรื่องหมิงซานไปเปิดเผยให้ทุกคนรู้ ฝันไปเถอะ”
ลี่ผิงสีหน้าโหดเหี้ยม ย้อนนึกไปถึงวันที่เกิดโศกนาฏกรรมในบ้าน

บริเวณห้องรับแขกโต๊ะมุกชั้นล่าง เย็นวันที่ฝนตกหนักอยู่เบื้องนอก เหวินเยี่ยกับลี่ผิงดูสมุดภาพเลือกชุดแต่งงาน ลี่ผิงปักปิ่นผมอันที่หมิงเทียนซื้อให้ด้วย หมิงซานนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ สุคนธาในชุดกี่เพ้าลายดอกโบตั๋นก้าวเข้ามาในห้อง
จังหวะนั้น ฟ้าผ่าดังเปรี้ยง!
“นี่เอาชุดอะไรมาใส่” เหวินเยี่ยถามเสียงเข้ม
สุคนธาสบตาเหวินเยี่ยอย่างกล้าหาญบอก
“ชุดแต่งงานของหนูค่ะ หนูจะแต่งงานกับคุณชายรอง”
ทุกคนในห้องตะลึง ลี่ผิงพูดขึ้น
“เพ้อเจ้ออะไรเนี่ยเมย์ลี กลับไปห้องดอกไม้ซะ”
“หนูไม่ได้เพ้อเจ้อค่ะ หนูกำลังยืนหยัดเพื่อตัวเองเป็นครั้งแรก คุณพ่อคุณแม่คะ หนูซาบซึ้งในพระคุณที่ชุบเลี้ยงหนู แต่ให้หนูตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานกับผู้ชายที่หนูไม่รัก หนูทำไม่ได้ค่ะ”
เหวินเยี่ยโกรธมากคิดไม่ถึงว่า สุคนธาจะกล้าขัดคำสั่ง ลี่ผิงพยายามคลี่คลายสถานการณ์
“แต่งไปก็รักเอง เชื่อแม่นะเมย์ลี”
“หนูไม่แต่ง หนูไม่แต่งงานกับคุณชายใหญ่ได้ยินมั้ยคะ”
เหวินเยี่ยฉุนโกรธตบโต๊ะเสียงดัง
“ขึ้นห้องไปเดี๋ยวนี้ ดูสิ ทำคุณพ่อโกรธแล้ว”
สุคนธาพูดกับหมิงซาน
“บอกคุณพ่อไปสิคะคุณชายใหญ่ ทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณไม่ได้ คุณเป็นอะไร”
หมิงซานหน้าซีด เมย์ลีจะเปิดโปงเรื่องเป็นเกย์
“ถ้าคุณชายใหญ่ไม่พูด ฉันจะพูดเอง คุณพ่อคะ ที่หนูไม่ยอมแต่งงานกับคุณชายใหญ่ เพราะว่า คุณชายใหญ่รักผู้ชายด้วยกัน”
ฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ามา ทุกคนนิ่งอึ้ง แม้ทุกคนจะรู้เรื่องนี้กันดีอยู่แก่ใจแล้วแต่ตกใจที่สุคนธากล้าดีและพูดมันออกมา เหวินเยี่ยตาลุกวาวลุกขึ้นชี้หน้าด่าด้วยมืออันสั่นเทา
ฝนข้างนอกยังตกอย่างต่อเนื่อง
“นังเด็กเมื่อวานซืน กล้าดียังไงถึงพูดแบบนี้”
สุคนธากลั้นใจสู้
“ความจริง ความจริงที่ทุกคนรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่มีใครกล้าพูด คุณพ่อคะ ขอร้องเถอะค่ะ อย่าดึงหนูหรือผู้หญิงคนไหนมาตกนรกทั้งเป็นเลยนะคะ”
“กลับไปห้อง ถอดกี่เพ้าชุดนี้ออก แกไม่มีวันได้แต่งงานกับหมิงเทียน ไม่มีวันเด็ดขาด”
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่บังคับหนูหนูจะพูด คนทั้งฮ่องกงจะได้รู้ว่า คุณชายใหญ่ ตระกูลเจ้าเป็นเกย์” “นังเมย์ลี!”
เหวินเยี่ยปราดเข้าไปตบหน้าสุคนธา ลี่ผิงร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ ไม่ต้องการให้สุคนธาทำกับหมิงซานแบบนี้
“ไม่ ไม่”
“แกออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไปซะ ก่อนที่ฉันจะโกรธแกจนไม่ให้อภัยแกชั่วชีวิต”

สุคนธาวิ่งร้องไห้ออกไป หมิงซานยืนช็อกอยู่ เหวินเยี่ยกับลี่ผิงตะลึงนิ่งงัน

กี่เพ้า ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)

ฝนเบื้องนอกยังกระหน่ำตกหนัก ฟ้าคำรามดังโครมครืน หมิงซานวิ่งร้องไห้มาขึ้นรถและขับรถออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้าอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องทำงานในคืนนั้น เหวินเยี่ยเครียดถึงขีดสุด หลังจากหมิงซานสารภาพว่าเป็นเกย์จริงแล้วผลุนผลันออกไป เยี่ยยังรับไม่ได้ยืนกัดกรามกรอด กำหมัดแน่น
“นังเมย์ลี นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง”

บนถนน หมิงซานร้องไห้ขับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง เขารู้สึกเสียใจที่พ่อไม่ให้อภัยที่เขาเป็นเกย์
เมื่อรถวิ่งแล่นพ้นหน้าผา รถคันหนึ่งขับสวนเข้ามา แสงไฟสาดสูงเข้ามา หมิงซานร้องเฮ้ยแล้วหักพวงมาลัยหลบอย่างแรงจนควบคุมรถไม่ได้ รถหมุนไปพุ่งชนภูเขาข้างทางอย่างแรงทำให้หมิงซานตายคาที่

ลี่ผิงนั่งเครียด ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดีกับเมย์ลีที่จู่ๆมาแฉกันแบบนี้ เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ลี่ผิงรีบเดินไปรับสาย
“หมิงซานอยู่ไหนลูก แม่โทรไปทำไมไม่รับ”
ต้นสายไม่ใช่เสียงหมิงซาน ลี่ผิงนิ่งฟังแล้วกรีดร้อง
“ไม่จริง ไม่ใช่หมิงซาน ไม่ใช่หมิงซาน”
ลี่ผิงยืนตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อน หูโทรศัพท์ร่วงจากมือเมื่อตำรวจโทรมาบอกว่า รถของหมิงซานชนภูเขา … ชีวิตจบสิ้นแล้ว
ด้านนอก ฟ้าผ่ารุนแรง ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ลี่ผิงร้องไห้โฮ ภายในห้อง
“หมิงซาน หมิงซาน ไม่จริง หมิงซานยังไม่ตาย” ลี่ผิงดึงทึ้งผมตัวเอง ทำให้ผมหลุดลุ่ย ปิ่นเกือบจะหลุดจากหัว
“ไม่จริง”
แววตาของลี่ผิงเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
“นังเมย์ลี”
ลี่ผิงลุกออกไปจากห้องเพื่อจะไปห้องดอกไม้

ลี่ผิงยังคงเล่าให้เพกาฟัง
“เมย์ลีเป็นต้นเหตุทำให้หมิงซานต้องตาย ถ้ามันยอมแต่งงานกับหมิงซาน ไม่เปิดโปงหมิงซาน หมิงซานก็คงจะไม่ขับรถออกไปตาย นังเมย์ลีต้องรับผิดชอบ”
“คุณก็เลยฆ่าเธอ” เพกาถาม
“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดถึงขนาดนั้น ฉันแค่อยากไปตบสั่งสอนมัน แต่พอฉันเห็นเหว่ยแอบเข้าไปในห้องดอกไม้”

คืนนั้น ฝนยังตกต่อเนื่องที่ด้านนอก ลี่ผิงสีหน้าโกรธจัด ผมเผ้าหลุดลุ่ย ปิ่นปักผมห้อยต่องแต่ง เห็นเหว่ยเหอในชุดกันฝนวิ่งเข้ามาที่ประตูดอกไม้ แล้วลองขยับลูกบิดประตูดู ปรากฏว่าเปิดได้จึงแอบย่องเข้าไปและปิดประตู ลี่ผิงเดินเบาไปที่ประตูหูแนบแอบฟังอยู่

ลี่ผิงเล่าต่อ
“ฉันก็รู้ทันทีว่าสวรรค์สั่งให้ฉันลงโทษพวกมัน ฉันรักเมย์ลี ฉันถึงยอมมอบความตายให้มัน แต่ไอ้เหว่ยคนที่ทำให้ลูกชายฉันเป็นพวกผิดเพศกลายเป็นตัวประหลาดของทุกคน ความตายมันง่ายเกินไป มันจะต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต”
“คุณฆ่าเมย์ลี แล้วโยนความผิดให้เหว่ยมันไม่ยุติธรรมเลย”
“เธอรู้ไหมพิ้งค์ สุภาษิตที่ว่า คิดใคร่ครวญช้าๆ แต่ลงมือรวดเร็ว มันไม่จริงเลยสักนิด ตอนนั้นฉันทั้งคิดเร็วลงมือเร็ว แล้วมันก็ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ"
ลี่ผิงหัวเราะอย่างสะใจ

ลี่ผิงแนบหูแอบฟังอยู่หน้าห้องดอกไม้ แววตาโรจน์คิดอะไรได้ก่อนหมุนตัวกลับไปทางห้องตัวเองอย่างเร็ว แรงหมุนทำให้ปิ่นบนหัวตกลงพื้นโดยที่ลี่ผิงไม่รู้ตัว
ลี่ผิงเข้ามาในห้องตรงไปคว้ามีดบนถาดผลไม้แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบเสื้อกันฝน ถุงมือดำ หน้าตาเหมือนของเหว่ยออกมา
จนเมื่อเหว่ยเหอถูกสุคนธาไล่ออกจากห้องและประตูปิดลง เหว่ยเหอกำลังจะออกไปแล้วเขาก็เห็นปิ่นปักผมของลี่ผิงตกอยู่บนพื้น เขามองแวบหนึ่ง แต่ไม่สนใจอะไรจึงรีบวิ่งออกไป
ลี่ผิงในชุดเตรียมพร้อมยืนแอบอยู่จนเห็นเหว่ยเหอลับตาจึงกระชับมีดในมือในชุดเสื้อคลุมกันฝนแบบเดียวกับเหว่ย ต่างกันแค่ชุดของลี่ผิงไม่เปียกน้ำฝน แถมหน้าตายังถูกปิดอย่างมิดชิด แววตาดุร้าย แล้วเข้าไปในห้องดอกไม้
ประตูห้องดอกไม้ปิดลง
ลี่ผิงในชุดมิดชิด เข้ามาในห้อง แล้วฆ่าเมย์ลีตายด้วยการแทงที่หน้าอก
หลังสุคนธาถูกฆ่า ประตูห้องเปิดออก ลี่ผิงสีหน้าเย็นชาในชุดกันฝนปิดหน้าวิ่งออกมาจากในห้องกำลังจะออกไป ก็เห็นปิ่นปักผมของตัวเองหล่นอยู่ที่พื้น จึงเก็บกลับไป

เพกาได้ฟังก็อึ้งอย่างคิดไม่ถึง
“คุณเมย์ลีรักคุณเหมือนแม่คนหนึ่ง คุณยังฆ่าเธอได้ลงคอ คุณใจร้ายมาก”
“มันไม่ได้รักฉัน ถ้ามันรักมันจะต้องแต่งงานกับหมิงซานตามคำสั่งของฉัน”
“คุณเมย์ลีไม่ได้รักคุณหมิงซาน”
“ความรักไม่มีในโลกมีแต่ความเหมาะสมเท่านั้น และเมย์ลีก็เหมาะสมเป็นเจ้าสาวของหมิงซานที่สุด ฉันฝึกให้เมย์ลีพร้อมรับใช้หมิงซาน เมย์ลีจะปรนนิบัติให้หมิงซานมีความสุขได้ ยังไงเขาสองคนก็จะต้องแต่งงานกันไม่มีใครขัดขวางได้ แม้กระทั่งความตาย”
“คุณทำอะไรเธอ”
“ฉันให้เมย์ลีเป็นหมิงฟุนของหมิงซาน”
“หมิงฟุน อะไรคือหมิงฟุน”
“เจ้าสาวผี”
“หา”
เพกาอึ้ง ส่วนลี่ผิงยิ้มมีความสุขนึกถึงสิ่งต่างๆที่ได้ทำเพื่อหมิงซาน ลูกชายสุดที่รัก

ภายในห้องดอกไม้ ซิ่วหลานร้องไห้แต่งตัวให้สุคนธา ศพของสุคนธาถูกสวมในชุดเจ้าสาวสีแดง
ลี่ผิงแต่งหน้าให้ศพ ปัดแก้มศพเป็นสีแดงระเรื่อ เขียนคิ้ว ทาตา ทาปากแดงแจ๋ จากใบหน้าศพที่ซีดขาวกลายเป็นมีสีสันขึ้นมา ลี่ผิงร้องไห้น้ำตาไหลจนต้องลงไปกอดศพสุคนธาไว้ ลึกๆแล้วมีความเสียใจในการกระทำของตัวเอง ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ตอนกลางวัน บริเวณห้องรับแขกโต๊ะมุกถุกดัดแปลงเป็นห้องจัดงานแต่งงาน บรรยากาศน่ากลัวสุดๆ ควันธูปเทียนลอยคลุ้ง เพื่อน ๆ ของเหวินเยี่ยที่มาถึงก่อนนั่งรวมกลุ่มกัน ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดเหมือนมางานมงคล เป่าหลินกับซิ่วหลานเดินเสิร์ฟชาจีนกับหมั่นโถ
อวี้เหลียนพาชายคนหนึ่งมา เหวินเยี่ยจับมือเพื่อนสนิท แม้ใบหน้าของผู้เป็นพ่อจะไม่มีน้ำตา แต่ก็ปรากฏริ้วรอยความทุกข์

“ขอบใจมากที่มา” เหวินเยี่ยบอก

ฝนเบื้องนอกยังกระหน่ำตกหนัก ฟ้าคำรามดังโครมครืน หมิงซานวิ่งร้องไห้มาขึ้นรถและขับรถออกไปจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้าอย่างรวดเร็ว

ภายในห้องทำงานในคืนนั้น เหวินเยี่ยเครียดถึงขีดสุด หลังจากหมิงซานสารภาพว่าเป็นเกย์จริงแล้วผลุนผลันออกไป เยี่ยยังรับไม่ได้ยืนกัดกรามกรอด กำหมัดแน่น
“นังเมย์ลี นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง”

บนถนน หมิงซานร้องไห้ขับรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูง เขารู้สึกเสียใจที่พ่อไม่ให้อภัยที่เขาเป็นเกย์
เมื่อรถวิ่งแล่นพ้นหน้าผา รถคันหนึ่งขับสวนเข้ามา แสงไฟสาดสูงเข้ามา หมิงซานร้องเฮ้ยแล้วหักพวงมาลัยหลบอย่างแรงจนควบคุมรถไม่ได้ รถหมุนไปพุ่งชนภูเขาข้างทางอย่างแรงทำให้หมิงซานตายคาที่

ลี่ผิงนั่งเครียด ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดีกับเมย์ลีที่จู่ๆมาแฉกันแบบนี้ เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ลี่ผิงรีบเดินไปรับสาย
“หมิงซานอยู่ไหนลูก แม่โทรไปทำไมไม่รับ”
ต้นสายไม่ใช่เสียงหมิงซาน ลี่ผิงนิ่งฟังแล้วกรีดร้อง
“ไม่จริง ไม่ใช่หมิงซาน ไม่ใช่หมิงซาน”
ลี่ผิงยืนตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อน หูโทรศัพท์ร่วงจากมือเมื่อตำรวจโทรมาบอกว่า รถของหมิงซานชนภูเขา … ชีวิตจบสิ้นแล้ว
ด้านนอก ฟ้าผ่ารุนแรง ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ลี่ผิงร้องไห้โฮ ภายในห้อง
“หมิงซาน หมิงซาน ไม่จริง หมิงซานยังไม่ตาย” ลี่ผิงดึงทึ้งผมตัวเอง ทำให้ผมหลุดลุ่ย ปิ่นเกือบจะหลุดจากหัว
“ไม่จริง”
แววตาของลี่ผิงเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น
“นังเมย์ลี”
ลี่ผิงลุกออกไปจากห้องเพื่อจะไปห้องดอกไม้

ลี่ผิงยังคงเล่าให้เพกาฟัง
“เมย์ลีเป็นต้นเหตุทำให้หมิงซานต้องตาย ถ้ามันยอมแต่งงานกับหมิงซาน ไม่เปิดโปงหมิงซาน หมิงซานก็คงจะไม่ขับรถออกไปตาย นังเมย์ลีต้องรับผิดชอบ”
“คุณก็เลยฆ่าเธอ” เพกาถาม
“ตอนแรกฉันก็ไม่คิดถึงขนาดนั้น ฉันแค่อยากไปตบสั่งสอนมัน แต่พอฉันเห็นเหว่ยแอบเข้าไปในห้องดอกไม้”

คืนนั้น ฝนยังตกต่อเนื่องที่ด้านนอก ลี่ผิงสีหน้าโกรธจัด ผมเผ้าหลุดลุ่ย ปิ่นปักผมห้อยต่องแต่ง เห็นเหว่ยเหอในชุดกันฝนวิ่งเข้ามาที่ประตูดอกไม้ แล้วลองขยับลูกบิดประตูดู ปรากฏว่าเปิดได้จึงแอบย่องเข้าไปและปิดประตู ลี่ผิงเดินเบาไปที่ประตูหูแนบแอบฟังอยู่

ลี่ผิงเล่าต่อ
“ฉันก็รู้ทันทีว่าสวรรค์สั่งให้ฉันลงโทษพวกมัน ฉันรักเมย์ลี ฉันถึงยอมมอบความตายให้มัน แต่ไอ้เหว่ยคนที่ทำให้ลูกชายฉันเป็นพวกผิดเพศกลายเป็นตัวประหลาดของทุกคน ความตายมันง่ายเกินไป มันจะต้องทุกข์ทรมานไปทั้งชีวิต”
“คุณฆ่าเมย์ลี แล้วโยนความผิดให้เหว่ยมันไม่ยุติธรรมเลย”
“เธอรู้ไหมพิ้งค์ สุภาษิตที่ว่า คิดใคร่ครวญช้าๆ แต่ลงมือรวดเร็ว มันไม่จริงเลยสักนิด ตอนนั้นฉันทั้งคิดเร็วลงมือเร็ว แล้วมันก็ได้ผลอย่างน่าเหลือเชื่อ"
ลี่ผิงหัวเราะอย่างสะใจ

ลี่ผิงแนบหูแอบฟังอยู่หน้าห้องดอกไม้ แววตาโรจน์คิดอะไรได้ก่อนหมุนตัวกลับไปทางห้องตัวเองอย่างเร็ว แรงหมุนทำให้ปิ่นบนหัวตกลงพื้นโดยที่ลี่ผิงไม่รู้ตัว
ลี่ผิงเข้ามาในห้องตรงไปคว้ามีดบนถาดผลไม้แล้วเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบเสื้อกันฝน ถุงมือดำ หน้าตาเหมือนของเหว่ยออกมา
จนเมื่อเหว่ยเหอถูกสุคนธาไล่ออกจากห้องและประตูปิดลง เหว่ยเหอกำลังจะออกไปแล้วเขาก็เห็นปิ่นปักผมของลี่ผิงตกอยู่บนพื้น เขามองแวบหนึ่ง แต่ไม่สนใจอะไรจึงรีบวิ่งออกไป
ลี่ผิงในชุดเตรียมพร้อมยืนแอบอยู่จนเห็นเหว่ยเหอลับตาจึงกระชับมีดในมือในชุดเสื้อคลุมกันฝนแบบเดียวกับเหว่ย ต่างกันแค่ชุดของลี่ผิงไม่เปียกน้ำฝน แถมหน้าตายังถูกปิดอย่างมิดชิด แววตาดุร้าย แล้วเข้าไปในห้องดอกไม้
ประตูห้องดอกไม้ปิดลง
ลี่ผิงในชุดมิดชิด เข้ามาในห้อง แล้วฆ่าเมย์ลีตายด้วยการแทงที่หน้าอก
หลังสุคนธาถูกฆ่า ประตูห้องเปิดออก ลี่ผิงสีหน้าเย็นชาในชุดกันฝนปิดหน้าวิ่งออกมาจากในห้องกำลังจะออกไป ก็เห็นปิ่นปักผมของตัวเองหล่นอยู่ที่พื้น จึงเก็บกลับไป

เพกาได้ฟังก็อึ้งอย่างคิดไม่ถึง
“คุณเมย์ลีรักคุณเหมือนแม่คนหนึ่ง คุณยังฆ่าเธอได้ลงคอ คุณใจร้ายมาก”
“มันไม่ได้รักฉัน ถ้ามันรักมันจะต้องแต่งงานกับหมิงซานตามคำสั่งของฉัน”
“คุณเมย์ลีไม่ได้รักคุณหมิงซาน”
“ความรักไม่มีในโลกมีแต่ความเหมาะสมเท่านั้น และเมย์ลีก็เหมาะสมเป็นเจ้าสาวของหมิงซานที่สุด ฉันฝึกให้เมย์ลีพร้อมรับใช้หมิงซาน เมย์ลีจะปรนนิบัติให้หมิงซานมีความสุขได้ ยังไงเขาสองคนก็จะต้องแต่งงานกันไม่มีใครขัดขวางได้ แม้กระทั่งความตาย”
“คุณทำอะไรเธอ”
“ฉันให้เมย์ลีเป็นหมิงฟุนของหมิงซาน”
“หมิงฟุน อะไรคือหมิงฟุน”
“เจ้าสาวผี”
“หา”
เพกาอึ้ง ส่วนลี่ผิงยิ้มมีความสุขนึกถึงสิ่งต่างๆที่ได้ทำเพื่อหมิงซาน ลูกชายสุดที่รัก

ภายในห้องดอกไม้ ซิ่วหลานร้องไห้แต่งตัวให้สุคนธา ศพของสุคนธาถูกสวมในชุดเจ้าสาวสีแดง
ลี่ผิงแต่งหน้าให้ศพ ปัดแก้มศพเป็นสีแดงระเรื่อ เขียนคิ้ว ทาตา ทาปากแดงแจ๋ จากใบหน้าศพที่ซีดขาวกลายเป็นมีสีสันขึ้นมา ลี่ผิงร้องไห้น้ำตาไหลจนต้องลงไปกอดศพสุคนธาไว้ ลึกๆแล้วมีความเสียใจในการกระทำของตัวเอง ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ตอนกลางวัน บริเวณห้องรับแขกโต๊ะมุกถุกดัดแปลงเป็นห้องจัดงานแต่งงาน บรรยากาศน่ากลัวสุดๆ ควันธูปเทียนลอยคลุ้ง เพื่อน ๆ ของเหวินเยี่ยที่มาถึงก่อนนั่งรวมกลุ่มกัน ทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสดเหมือนมางานมงคล เป่าหลินกับซิ่วหลานเดินเสิร์ฟชาจีนกับหมั่นโถ
อวี้เหลียนพาชายคนหนึ่งมา เหวินเยี่ยจับมือเพื่อนสนิท แม้ใบหน้าของผู้เป็นพ่อจะไม่มีน้ำตา แต่ก็ปรากฏริ้วรอยความทุกข์
“ขอบใจมากที่มา” เหวินเยี่ยบอก
เพการู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินจากลี่ผิงว่า หมิงเทียนไม่ได้กลับมาในวันที่สุคนธาถูกฆ่า
“พอหมิงเทียนรู้ว่าเมย์ลีจะต้องแต่งงานกับหมิงซาน เขาก็เลยเลื่อนกำหนดกลับฮ่องกงเร็วขึ้นหนึ่งวัน เขาควรจะมาถึงที่นี่ในวันที่เกิดเรื่อง ไม่งั้นเมย์ลีก็จะไม่ทำตัวน่ารังเกียจกับฉัน หมิงซานก็จะไม่ตาย ถ้าหมิงซานไม่ตาย นังเมย์ลีก็ไม่ต้องตายด้วย”
เพกาเริ่มกระจ่างหมดข้อกังขาเกี่ยวกับหมิงเทียนแล้ว
“แต่ชะตาฟ้าลิขิตมาแล้ว เครื่องบินของหมิงเทียนมีผู้โดยสารหัวใจวายต้องลงจอดฉุกเฉินที่เวกัส เครื่องเสียเวลาอยู่แปดชั่วโมงกว่าจะมาถึงฮ่องกง แต่พอมาถึง เขาไม่ได้กลับบ้านทันที รู้ไหมว่าเขาไปไหน”
“ไปรอจดทะเบียนสมรสกับคุณเมย์ลี”
“ใช่ เขารอเมย์ลีอยู่หลายชั่วโมง พอแน่ใจว่าเมย์ลีไม่มา เขาถึงยอมกลับบ้าน แล้วมารู้ว่าเมย์ลีกลายเป็นเจ้าสาวของหมิงซานไปแล้ว”

ลี่ผิงนึกถึงอดีต

อ่านต่อเวลา 17.00น.

วันที่หมิงเทียนเดินทางกลับมาจากอเมริกา เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่งมาที่สุสาน ซิ่วหลาน อี่เหวิน เจิ้นหลุนวิ่งกระหืดกระหอบตามไป

บริเวณหน้าสุสาน หมิงเทียนตะลึงมองรูปหน้าฮวงซุ้ยเป็นรูปหมิงซานกับสุคนธา ปากพร่ำเสียงดังว่า
“ไม่จริง”
“คุณหนูเมย์ลีตายแล้วจริง ๆ ค่ะ คุณชายใหญ่ก็ตายวันเดียวกัน” ซิ่วหลานบอก
หมิงเทียนเสียใจจนแทบเสียสติที่เรื่องร้ายมาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว
“เป็นไปได้ยังไงมันเกิดขึ้นได้ยังไง เมย์ลี เธอสัญญากับฉัน เธอจะแต่งงานกับฉัน ทำไมไม่อยู่รอ ทำไม”
หมิงเทียนร้องไห้โฮ
“พี่ใหญ่...พี่สัญญาจะดูแลผม แล้วพี่ก็มาทิ้งผมไว้คนเดียว ผมจะอยู่ยังไง โดยไม่มีพี่”
จังหวะนั้น เหวินเยี่ยกับลี่ผิงเดินมาถึง
เหวินเยี่ยดุหมิงเทียน
“หมิงเทียน กลับมาจากอเมริกาแล้ว ทำไมไม่เข้าบ้าน”
หมิงเทียนจ้องพ่อเขม็งด้วยความโกรธเกลียด หมิงเทียนพูดน้ำเสียงแข็งกร้าวตอบ
“สั่งให้คนเอาเมย์ลีของผมออกมาจากฮวงซุ้ยเดี๋ยวนี้ เมย์ลีไม่ใช่เจ้าสาวของพี่ใหญ่ เมย์ลีเป็นเจ้าสาวของผม”
“เลิกบ้าได้แล้วหมิงเทียน ถ้ายังมีชีวิตอยู่ พี่ใหญ่ของแกกับเมย์ลีต้องแต่งงานกัน เพราะฉะนั้น เมื่อมาตายไปพร้อมๆ กันอีกแสดงว่าฟ้าดินกำหนดแล้ว หมิงซานกับเมย์ลีต้องเป็นสามีภรรยากัน แม้ในปรโลก”
“ผมไม่สนใจไอ้พิธีหมิงฟุนบ้าบออะไรของคุณพ่อ เมย์ลียังไม่ได้เป็นภรรยาพี่ใหญ่เพราะฉะนั้น คุณพ่อต้องเอาเมย์ลีออกมา”
“หมิงเทียน...ฟังแม่นะ เราทำทุกอย่างถูกต้องตามประเพณี เมย์ลีเป็นภรรยาหมิงซานแล้วต้องอยู่กับหมิงซาน” ลี่ผิงว่า
“ผมจะพังสุสานเอาเมย์ลีของผมคืนมา”
หมิงเทียนหาไม้ข้างๆ อาละวาดทำลายสุสานอย่างบ้าคลั่ง ลี่ผิงร้องห้าม
“อย่า หมิงเทียน พอเถอะลูก”
“เมย์ลี ฉันจะเอาเธอออกมา เธอไม่ได้รักพี่ใหญ่ เธอไม่สมควรอยู่ตรงนี้”
พวกเหล่าคนรับใช้ห้ามหมิงเทียน
“คุณชายรอง ไม่เอานะคะ หยุดเถอะทั้งสองคนตายไปแล้วไม่มีประโยชน์แล้วค่ะ” ซิ่วหลานว่า
“ปล่อยมันให้มันบ้าซะให้พอ” เหวินเยี่ยบอก
เหวินเยี่ยไม่แยแสหมิงเทียนเดินหันหลังกลับไป หมิงเทียนมองพ่ออย่างเจ็บแค้น แล้วร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ใช้ไม้ตีสุสานต่อไป ดูน่าอเนจอนาถใจ

เพกาฟังเรื่องแล้วเศร้า
“หัวใจคุณทำด้วยอะไร ทำไมคุณไม่สงสารคุณหมิงเทียนบ้าง”
“ทำไมฉันจะไม่สงสาร หลังจากวันนั้นหมิงเทียนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ลูกที่เคยมาแหย่ฉัน มาทำให้ฉันหัวเราะไม่มีอีกแล้ว แต่ฉันก็เชื่อว่าเวลาจะช่วยรักษาหมิงเทียน"
“เวลาไม่ช่วยอะไร ตราบใดที่เขายังคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้คุณเมย์ลีตาย”
ลี่ผิงขัดขึ้นอย่างโมโห
“ช่วยสิ หมิงเทียนกำลังจะลืมเมย์ลีได้แล้ว ถ้าเธอไม่มาที่นี่ ไม่มาพูดเรื่องผีเมย์ลีบ้าบอนั่น เพราะเธอคนเดียว”
ลี่ผิงพุ่งเข้าไปผลักเพกาอย่างแรงจนหงายหลังล้มลง แล้วปราดเข้าไปจับหน้าเพกาอย่างอ่อนโยน
“ตอนฉันเห็นเธอครั้งแรก ฉันยอมรับว่าฉันดีใจมาก ฉันคิดว่าเมย์ลีกลับมาหาฉันแล้ว”
ลี่ผิงยังมีแววเศร้าคิดถึงสุคนธา
“เมย์ลีเป็นลูกของฉัน เมย์ลีเป็นของฉันเสมอมา ฉันฝันเห็นเธอบ่อยเหลือเกิน ฉันเคยตื่นขึ้นมาร้องไห้ ร้องจนรุ่งสางจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเพราะคิดเรื่องเมย์ลี”

“ฉันจงใจให้เธอไปอยู่ห้องดอกไม้ บางทีอาจเป็นเพราะฉันคิดถึงเมย์ลี … แต่เมื่อเธอบอกว่าเธอติดต่อวิญญาณเมย์ลีได้ เธอรู้ไหม ยานอนหลับอะไรก็ช่วยฉันไม่ได้เลย”
ลี่ผิงบีบปากเพกาเปลี่ยนอารมณ์เป็นเกรี้ยวกราดอีก

หลังจากวันนั้น ลี่ผิงอยู่ไม่เป็นสุข ภายในห้อง ผิงเวลาอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าสั่นเพราะกลัวเพกาเปิดโปง เดินไปเดินมาสักพักไปหยิบยานอนหลับมากินให้นอนและพยายามนอนลง สักพักเดินไปเดินมาอีก เหงื่อแตก กลัวเพกามาก ในที่สุด ผิงก็กวาดของบนโต๊ะทลายลงกับพื้น แทบกรี๊ดออกมา
“นังเพกา แกมันรนหาที่”

ลี่ผิงบีบปากเพกา ดวงตาของผิงดุดัน น่ากลัวจนเพกาสยอง
“ฉันเคยพยายามขู่ให้เธอเลิกพล่ามเรื่องเมย์ลี แต่เธอก็ไม่หยุด”
เพกานึกอดีตที่เกิดกับตนเอง มีดปักหนูตายอยู่ในห้องดอกไม้, ถูกขังไว้ในห้องซาวน่า ไปจนถึงเรื่องระเบิดรถ ที่เป็นสาเหตุให้อี่เหวินกับเม่งหงต้องตาย
“ทั้งหมดเป็นฝีมือของคุณ”
“ใช่ ถ้าเธอกลับเมืองไทยไปซะ ทุกอย่างก็จะจบ”
“แล้วที่กล้องวงจรปิดไม่เคยจับภาพคุณได้เลย”
“แค่จัดการตัดต่อภาพกล้องวงจรปิดมันไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่การจัดการกับเธอทำไมมันยากเย็นนัก เธอมันดวงแข็ง อาอี่กับแฟนถึงต้องมาตายแทน”
“คุณวางระเบิดรถอี่ อี่ไม่รู้อะไรด้วยเลย ทำไมคุณต้องฆ่าอี่”
“อี่เป็นคนของตระกูลเจ้า มันมีหน้าที่รับใช้ฉัน”
“คุณไม่มีสิทธิ์ฆ่าใคร”
เพกาผลักลี่ผิงจนกระเด็นล้มไปด้านหลัง เพกาลุกขึ้น
“ฉันจะบอกความจริงกับทุกคน เมย์ลี อี่ เม่งหงจะต้องไม่ตายฟรี ทุกคนจะต้องได้รับความยุติธรรม”
ลี่ผิงแสยะยิ้มบอก
“อย่าลืมเรียกร้องความยุติธรรมให้เหว่ยกับตัวเธอเองด้วยนะพิ้งค์”
เพกาหันตามสายตาของลี่ผิงไปด้านหลังจึงถูกมือผู้ชายเอามีดแทงท้องอย่างจัง
เพกาสะดุ้งสุดตัว ตาเหลือก มือผู้ชายดึงมีดออกจากท้อง เพกาทรุดล้มลงกับพื้นสลบไป

อาเฉินยืนอยู่เหนือร่างเพกา โค้งคำนับลี่ผิงด้วยความเคารพ

ช่วงที่ลี่ผิงคุยกับอาเฉินแล้วเหวินเยี่ยก็กลับมา ช่วงที่มีคนจะย่องเข้าไปฆ่าเพกา คนที่โทรรายงานตอนอี่เหวินขับรถออก คนที่แทงเหว่ยเหอ ทุกเหตุการณ์คือ อาเฉิน คนนี้

“ขอบใจมากนะอาเฉิน” ลี่ผิงบอก
“แค่นี้ยังเล็กน้อย ถ้าเทียบกับบุญคุณที่คุณนายใหญ่เลี้ยงดูครอบครัวผมมาตลอด ทุกข์ของคุณนายใหญ่คือทุกข์ของผมครับ”
“งั้นช่วยจัดการกับทุกข์ของฉันซะ ฉันจะได้มีความสุขจริงๆ สักที”
ลี่ผิงมองร่างเพกาที่นอนแน่นิ่งด้วยแววตาร้าย

ภายในห้องทำงานในบริษัท เจ้าฟาร์มาซี หมิงเทียนเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ใจพะวงคิดถึงแต่เพกาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหา แต่เพกาปิดเครื่อง
“ทำไมคุณพิ้งค์ปิดเครื่อง เค้าโกรธอะไรเรา”
หมิงเทียนตัดสินใจวางปากกา ปิดแฟ้มแล้วกดโทรศัพท์ภายในบอกเลขาฯ
“ยกเลิกนัดทั้งหมด ผมมีธุระ”
“ค่ะ คุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนลุกออกไปและหยิบไอแพดและมือถือไปด้วย

ภายในฮวงซุ้ย ในสุสานมีโลงศพของเมย์ลีกับหมิงซานตั้งคู่กัน อาเฉินอุ้มเพกาเข้ามาวางบนพื้น บนลำตัวเพกาเลือดไหลซึมอยู่ เหว่ยนอนคว่ำหน้ามีอาการสะลึมสะลือเพราะเสียเลือดมาก
เพกาสะลึมสะลือรู้สึกตัวขึ้นมาและพยายามประคองตัวเองลุกขึ้น แต่เจ็บบาดแผลที่ท้องเพกามองเห็นเหว่ยเหอ และพยายามเรียก
“เหว่ย อาเหว่ย”
“ให้พวกมันอยู่เป็นเพื่อนหมิงซานกับเมย์ลี พวกเขาจะได้ไม่เหงา แต่อย่าเสียงดังกันมากล่ะ หมิงซานไม่ชอบให้ใครกวนเวลานอน”
ลี่ผิงหัวเราะอย่างสะใจ
“ฆ่าฉันกับเหว่ยให้ตายซะเลยสิ เราจะได้ไม่ทรมาน”
“มันง่ายเกินไปพิ้งค์ ฉันอยากให้เธอทรมาน เธอทำให้ฉันเหน็ดเหนื่อยมามากรู้ไหม...ตั้งแต่เธอประกาศจับฆาตกร ฉันเหมือนคนตายทั้งเป็น ตอนนี้ตาเธอบ้าง ไปเถอะอาเฉิน ช่วยไปจัดการนังเหม่ยอิงให้ฉันที พวกตัวมารในชีวิตของฉันจะได้หมดไปสักที”
เพกาได้ยินคำพูดเรื่องจัดการเหม่ยอิง
ลี่ผิงและอาเฉินออกไปจากฮวงซุ้ย
อาเฉินปิดประตูบานใหญ่ของสุสาน ลี่ผิงล็อกกุญแจแล้วกลับตึก

ภายในฮวงซุ้ย เพกาตะโกนเรียกแต่ไร้ผล ลี่ผิงเดินไปแล้ว
“คุณนายใหญ่”
เหว่ยเหอขยับตัวด้วยท่าทางอ่อนแรง เพกาหันไปเห็นรีบคลานเข้าไปหา
“เหว่ย คุณเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงคุณมากเลยรู้ไหม”
เพกาพลิกร่างเหว่ยเหอขึ้นมา เขาเสียเลือดมากจนปากซีด ตาปรือ ใกล้จะตายอยู่แล้ว เพกาเห็นบาดแผลที่ท้องมีเลือด
“คุณถูกแทง”
“คุณพิ้งค์ ปิ่นปักผม”
“ฉันรู้แล้วเหว่ย คุณนายใหญ่เป็นคนฆ่าคุณเมย์ลี ทุกอย่างเป็นฝีมือของคุณนายใหญ่”
เหว่ยเหอรับรู้ความจริงก็อึ้งไป เหว่ยมองไปรอบๆ เห็นโลงศพสองโลงตั้งอยู่
“ที่นี่ที่ไหน”
“สุสานของคุณหมิงซานกับเมย์ลี”
เหว่ยเหอดีใจน้ำตาไหล
“คุณหมิงซาน”
เหว่ยเหอคลานไปที่โลงศพเห็นรูปหมิงซานแปะอยู่หน้าโลง เขาดีใจกอดโลงศพร้องไห้
“คุณหมิงซาน ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน คุณรู้ไหมว่าการมีชีวิตอยู่โดยที่ไม่มีคุณมันทรมานแค่ไหน”
เหว่ยเหอไอและกระอักเลือด เพกาเข้าไปประคองไว้
“เหว่ย อดทนไว้นะเหว่ย เราจะต้องออกไปจากที่นี่ เราจะต้องรอดด้วยกันนะเหว่ย”
เพกาตะเกียกตะกายไปที่ประตู ทั้งทุบ ทั้งตะโกน ทั้งๆที่เจ็บแผลที่ท้องเหลือเกิน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

เหว่ยหายใจหอบกอดโลงเอาไว้ สีหน้ามีความสุขที่ได้พบกับหมิงซาน

กี่เพ้า ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)

เย็นวันเดียวกัน หมิงเทียนเดินมาหาซิ่วหลานในมือถือไอแพดและไอโฟนมาด้วย ซิ่วกำลังเอาผักสดออกจากถุงใส่กาละมังเตรียมล้างน้ำ

“ซิ่วเห็นคุณพิงค์ไหม” หมิงเทียนถาม
“ไม่เห็นเลยค่ะ ซิ่วเพิ่งกลับจากตลาดค่ะ”
หย่งซานเข้ามาได้ยินที่หมิงเทียนกับซิ่วคุยกันจึงบอก
“คุณพิ้งค์กลับเมืองไทยไปแล้วครับ”
“ว่าไงนะ”
“ผมเจอคุณพิ้งค์เธอลากกระเป๋าเดินทางลงมา เธอบอกว่าเธอจะกลับเมืองไทยครับ”
หมิงเทียนตกใจเช่นเดียวกับซิ่วหลาน รีบเดินออกจากครัว ซิ่วหลานตามไปด้วย หย่งซานสีหน้างงๆ แปลกใจ

หมิงเทียนวิ่งเข้ามาในห้องดอกไม้ บรรยากาศห้องยังอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ตามโต๊ะทำงาน ชั้นวางของสะอาดกว่าปกติ ข้าวของน้อยชิ้น คงเหลือแต่ของที่ไม่จำเป็นต้องเอากลับเมืองไทยวางอยู่ ซิ่วหลานตามเข้ามา หมิงเทียนวิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้า
เสื้อผ้าของเพกายังอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง
“เสื้อผ้าก็ยังอยู่เหมือนเดิมนี่คะ”
หมิงเทียนงง ตกลงเป็นไงกันแน่ ลี่ผิงเข้ามาถาม
“มีอะไรกันเหรอ”
“อาหย่งซานบอกว่าคุณพิ้งค์กลับเมืองไทยไปแล้ว แต่เสื้อผ้าก็ยังอยู่เหมือนเดิม”
“หย่งซานท่าจะเลอะเลือนใหญ่แล้ว คุณพิ้งค์ไม่ได้กลับเมืองไทยสักหน่อย แต่เธอบอกแม่ว่าจะออกไปซื้อของ"
“แล้วทำไมต้องปิดโทรศัพท์”
“อาจจะอยู่ในที่อับสัญญาณมั้งหรือไม่ก็แบตหมด”
“แต่ปกติคุณพิ้งค์ไปไหนจะต้องบอกซิ่วทุกครั้งนะคะ”
“คนเราก็ต้องมีธุระส่วนตัวบ้างสิซิ่ว แม่ว่าลูกอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ คุณพิ้งค์เป็นคนเก่ง เธอดูแลตัวเองได้”
หมิงเทียนยังไม่สบายใจอยู่ดี
เสียงมือถือดังขึ้น หมิงเทียนดูเบอร์โชว์ก่อนรีบรับสาย
“ว่าไง”
เสียงพนักงานชายคนหนึ่งโทรจากมุมสงบ คนไม่พลุกหล่านภายในบริษัทเจ้าฟาร์มาซี
“บริษัทสาขาที่สิงคโปร์เกิดปัญหาครับ”
“ปัญหาอะไร”
“สต็อกสินค้าไม่ได้คุณภาพ ทางคุณโจวอยากให้คุณชายรองเดินทางไปสิงคโปร์ ประชุมด่วนตอนนี้ครับ”
“ตอนนี้เลยเหรอ”
ลี่ผิงยิ้มร้ายพอใจกับแผนการ

“ครับทางโน้นต้องการลายเซ็นคุณชายรอง ลูกค้าอยากเจอคุณชายรองด้วย คุณชายรองต้องเดินทางไปเองครับ นี่ผมกำลังจะเดินทางไปสนามบินจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้"
“ก็ได้ ไปเจอกันที่สนามบิน”
หมิงเทียนกดวางสายสีหน้าซีเรียส
“เดินทางด่วนหรือคะ ให้ซิ่วจัดกระเป๋าให้ไหมคะ” ซิ่วหลานบอก
หมิงเทียนพยักหน้า
“งั้นผมฝากคุณแม่ด้วยนะครับ ถ้าคุณพิ้งค์กลับมาให้โทรหาผมด้วย เดี๋ยวผมต้องไปเตรียมเอกสารก่อน”
“จ้ะ หมิงเทียนไม่ต้องห่วง”
หมิงเทียนออกไปพร้อมอาซิ่ว ลี่ผิงมีสีหน้าพอใจ

ภายในสุสานเวลาหัวค่ำ เพกากับเหว่ยเหอซึ่งถูกขังอยู่ในสภาพร่างกายย่ำแย่ เลือดไหลออกมากทั้งคู่ สีหน้าเหว่ยเหอซีดขาวเหมือนกระดาษ เขายังคงลูบโลงศพหมิงซาน ตาปรือใกล้จะตาย
“คุณหมิงซานเคยบอกจะไปรอผมที่ดวงจันทร์ ผมกำลังจะไปเจอคุณหมิงซานแล้ว”
“ไม่นะเหว่ย คุณต้องมีชีวิตอยู่ คุณหมิงซานต้องอยากเห็นเหว่ยได้ไปใช้ชีวิตที่อเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ ไม่ต้องหนีใคร อยากทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ”
“ทำอะไรดีล่ะ ตลอดชีวิตผมต้องการสิ่งเดียว คือ หมิงซาน เราอยู่ร่วมกันในโลกไม่ได้ เราก็จะไปอยู่ด้วยกันบนดวงจันทร์”
เหว่ยเหอแหงนหน้าไปทางช่องแสงด้านบนที่มีแสงจันทร์ลอดเข้ามา
เพลงพระจันทร์แทนใจของเหว่ยเหอและหมิงซานดังขึ้น เหว่ยเหอคล้ายจะหลับ เพการ้องไห้ออกมา
“คุณตายไม่ได้นะเหว่ย”
วินาทีสุดท้ายของเหว่ยเหอเริ่มต้นขึ้นแล้ว ดวงตาคู่นั้นใกล้หลับเต็มที
“พิ้งค์ อวยพรผมกับคุณหมิงซานหน่อยสิ”

“ไม่ ฉันไม่อวยพร คุณยังไปเจอคุณหมิงซานตอนนี้ไม่ได้ คุณต้องอยู่อีกนาน ต้องมีอนาคตสดใส ชีวิตคุณจะมีแต่รอยยิ้มแวดล้อมไปด้วยคนที่รักคุณ”

เพกาคลานเข้าไปกอดเหว่ยเหอที่ยิ้มให้เพกาอย่างอ่อนแรง

“ผมยิ้มแล้วนี่ไง ถึงเวลาที่ผมต้องไปแล้วล่ะ”
“อย่า..ได้โปรด อย่าทิ้งฉันไป”
รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า คำพูดสุดท้ายที่ออกมาจากปากเหว่ย คือ
“หมิงซาน”
เหว่ยเหอสิ้นใจตายในขณะที่ยังกอดโลงศพหมิงซาน
“เหว่ย”
เพกาดึงร่างเหว่ยเหอลงมาอยู่ในอ้อมกอด
“ไม่”
เพกาปล่อยโฮกอดศพเหว่ยเหอแล้วกรีดร้องออกมา เพการ้องไห้อย่างหนัก กอดศพเหว่ยเหอ
“อย่าทำแบบนี้กับฉัน อย่ามาตายเพราะฉัน ทำแบบนี้แล้วฉันจะอยู่ยังไง ไม่ เหว่ย ตื่น เหว่ย ตื่นฮือๆๆ”
เสียงร้องไห้โหยหวนของเพกา ดังลอดออกมาจากประตูที่ปิดตายของสุสาน แต่ไม่มีใครได้ยิน

ค่ำวันเดียวกัน ลมกรูเกรียวไปทั้งสวนโบตั๋น ดอกโบตั๋น ทุกกิ่งก้านสั่นไหวทั้งสวนราวกับจะแสดงอารมณ์ของสุคนธา วิญญาณเธอยืนอยู่กลางสวนโบตั๋นมองเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเจ้าด้วยความโกรธ เป็นครั้งแรกที่วิญญาณปรากฏตัวชัดเจนที่สุด แววตาที่เคยเลื่อนลอยกลับกลับฉายแววมุ่งมาดด้วยความเป็นห่วงเพกา

ภายในห้อง หมิงเทียนเตรียมโน๊ตบุ๊ก จัดเอกสาร ซิ่วหลานจัดกระเป๋าเดินทางใบเล็กเสร็จพอดี มีถุงใส่สูทด้วย
ลมกระแทกหน้าต่างเปิดออก เอกสารอย่างอื่นปลิวว่อน กลิ่นดอกโบตั๋นโชยแรงเข้ามา
“สงสัยจะมีมรสุมเข้า” ซิ่วหลานว่า
“กลิ่นดอกโบตั๋น” หมิงเทียนบอก
“ลมแรงอย่างนี้ก็ต้องมีกลิ่นสิคะ สวนโบตั๋นอยู่ถัดไปนี่เอง”
ซิ่วหลานรีบปิดหน้าต่างและเก็บเอกสารที่ปลิวหล่นพื้น หมิงเทียนครุ่นคิด และรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง

ภายในสุสาน เหว่ยเหอนอนตายอยู่ข้างโลงหมิงซาน เพกาพาตัวเองคลานไปตีที่ประตูและพยายามตะโกนบอกใครสักคน
“ปล่อยฉันออกไป ให้ฉันออกไป”
แต่ยิ่งเปล่งเสียงร้องดังมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บแผลมากเท่านั้น เพกาหน้าซีดเผือด ไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
เพกาหันไปมองรูปสุคนธาหน้าโลงศพ

“คุณเมย์ลีช่วยฉันด้วย อย่าให้ฉันตกเป็นเหยื่อของคุณนายใหญ่อีกคน ช่วยฉันด้วยนะคุณเมย์ลี”
รูปสุคนธาเหมือนจ้องมองมาที่เพกา

ภายในห้องนั่งเล่นติดกับห้องอาหารโต๊ะมังกร ลี่ผิงสวมแว่นนั่งปักผ้า ฮัมเพลงอย่างจีนอย่างอารมณ์ดีมีความสุขกำลังจะกำจัดมารชีวิตได้หมดแล้ว
หมิงเทียนหิ้วกระเป๋าเอกสาร ส่วนซิ่วหลานถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กและถุงใส่สูท ซิ่วหลานเดินนำหมิงเทียนกำลังจะออกไปหน้าบ้าน
วิญญาณเมย์ลีพยายามแสดงตัวโดยเคลื่อนผ่านหลังหมิงเทียน เมื่อเขาหันไปก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองมา แต่วิญญาณหายไป หมิงเทียนไม่เห็นอะไร นอกจากห้องโล่งๆ ซิ่วหลานหยุดเดินหันมาถาม
“มีอะไรเหรอคะ คุณชายรอง”
“ฉันรู้สึก...ช่างเถอะ”
หมิงเทียนเดินตามซิ่วหลานออกไปหน้าบ้าน

รถหมิงเทียนจอดอยู่โดยมีจิ้นหลุนยืนคอยนอกรถ หมิงเทียนกับซิ่วหลานเข้ามา อวี้หลุนรีบวิ่งไปรับกระเป๋าเอกสารและกระเป๋าเดินทาง-ถุงใส่สูทไปใส่ท้ายรถ ซิ่วหลานเปิดประตูรถด้านหลังให้หมิงเทียนขึ้น
“เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณชายรอง”
หมิงเทียนพยักหน้าจะขึ้นรถ ทันใดนั้นมีลมพัดแรงมาวูบหนึ่ง ลมพัดใส่เข้าหารถพาเอากลีบดอกโบตั๋นสีชมพูมาด้วย แล้วลมก็สงบลง หมิงเทียนหยิบกลีบดอกโบตั๋นขึ้นมาดูแล้วมองรอบตัว สายตาหมิงเทียนชะงักไปสะดุดด้านที่จะไปสุสาน
สายตาหมิงเทียนเห็นสุคนธายืนอยู่และมองมา เขาผงะและตกใจก่อนเพ่งมองดูอีกครั้ง
สายตาหมิงเทียนเห็นวิญญาณสุคนธายืนอยู่ห่างออกไปและเดินตรงทางเดินไปสุสานพร้อมยกมือกวักมือเบาๆ ช้าๆ
ซิ่วหลานและเจิ้นหลุนมองตามทิศทางของสายตาหมิงเทียน แต่ไม่เห็นอะไร
“มองอะไรครับคุณชายรอง”
หมิงเทียนเริ่มมั่นใจว่ามีอะไรบางอย่างก็บอกเจิ้นหลุน
“ฉันไม่ไปแล้ว”
หมิงเทียนจะเดินไปหาสุคนธา
“เอ้าแล้วงานล่ะคะคุณชายรอง เค้ารออยู่ที่สนามบินไม่ใช่หรือคะ”
หมิงเทียนบอกไม่ได้ว่าคืออะไร เขาเดินตรงไปหาสุคนธาที่รออยู่ วิญญาณสุคนธาเคลื่อนตัว ถอยห่างออกไปเพื่อนำทางไป หมิงเทียนเดินตาม
“คุณชายรองจะเดินไปไหนอาซิ่ว”
“ไม่รู้เหมือนกัน”

เจิ้นหลุนและซิ่วหลานหยุดยืนงงอยู่ตรงนั้นเอง

อ่านต่อเวลา 17.00น.

ลี่ผิงเดินถือสะดึงปักผ้ามองผ่านประตูกระจกออกไปเบื้องนอกก็ขมวดคิ้วฉับ ที่เห็นหมิงเทียน
เดินคนเดียวอย่างรวดเร็วไปทางสุสาน ลี่ผิงมีสีหน้าวิตกไม่พอใจขึ้นมาทันที
 
หมิงเทียนได้แต่กึ่งเดิน กึ่งวิ่งตามไปตามจุดที่วิญญาณชี้นำ จนวิญญาณเดินหายเข้าไปในสุสาน
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไมเมย์ลี”
 
ภายในสุสาน เพกาปรือตาขึ้น ลมหายใจหอบถี่นั่งพิงประตูทางเข้าสุสานอยู่ เหว่ยเหอนอนตายข้างโลงศพหมิงซาน สายตาของเพกา เห็นสุคนธายืนลางเลือนอยู่ตรงหน้า 
เพกายกมือขึ้นบอก
          “เมย์ลี ช่วย ฉัน ด้วย”
เพกาหมดแรง  มือตกหวืดกระแทกประตูเสียงดังแกร๊ก
 
หมิงเทียนได้ยินเสียงแว่วๆ หันขวับไปทางต้นเสียงตรงประตู 
          “เสียงอะไร”
หมิงเทียนเดินไป ใกล้จะถึงประตูด้านหลังสุสานแล้ว 
          “หมิงเทียน”
          เสียงลี่ผิงดังขึ้น หมิงเทียนหันไปหาลี่ผิงที่หน้าตาดุดัน ไม่พอใจที่หมิงเทียนมาใกล้ตรงที่ซ่อนเพกา
          “คุณแม่  คุณแม่มาทำอะไรแถวนี้ครับ”
“แม่ก็ตามลูกมาน่ะสิ แล้วลูกล่ะ มาทำอะไร”
          “เอ่อ...ผม ไม่มีอะไรครับ”
          “ไม่มีอะไรแล้วทำไมถึงไม่รีบไปสนามบิน  เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดี” 
          “ครับ” 
ลี่ผิงดันหมิงเทียนให้เดินออกไปจากตรงนั้น
ทันใดนั้นเกิดลมพัดวูบใหญ่ ลี่ผิงเซจะล้ม หมิงเทียนร้องเสียงดังประคองแม่
          “คุณแม่”
 
ภายในสุสาน เพกาได้ยินเสียงหมิงเทียน 
          “คุณหมิงเทียน”  
เพกาตะเกียกตะกายลุกขึ้นออกแรงเคาะประตู
          “คุณหมิงเทียน คุณหมิงเทียนช่วยฉันด้วย” 
 
ลมพัดแรงหายไปแล้ว  หมิงเทียนหันไปทางสุสานได้ยินเสียงเพกา
          “คุณพิ้งค์”
หมิงเทียนจะวิ่งไป แต่ลี่ผิงคว้าแขนหมิงเทียนไว้
          “กลับไปเดี๋ยวนี้หมิงเทียน”
          “คุณแม่ครับ เสียงคุณพิ้งค์”  
          “หมิงเทียน แม่สั่ง”
          เสียงเพกาดังจากในสุสานบอก  
“คุณหมิงเทียนช่วยฉันด้วย ฉันอยู่ในนี้”   
          “คุณพิ้งค์”
หมิงเทียนวิ่งไปทางประตูสุสานทันที ลี่ผิงมองตามอย่างไม่พอใจ
 
หมิงเทียนวิ่งเข้ามาที่ประตู  
          “คุณพิ้งค์ คุณอยู่ที่ไหน”
เพกาตะโกนบอกหมิงเทียน 
          “ฉันอยู่ในนี้”
หมิงเทียนหันไปทางประตูสุสานและมองผ่านช่องว่างระหว่างประตูเห็นเพกา
หมิงเทียนตกใจ
“คุณพิ้งค์”  
“ช่วยด้วยค่ะ”
“คุณถอยออกไปห่าง ๆ ประตู ผมจะพังประตูเข้าไป”
เสียงลี่ผิงดังขึ้น          
“หมิงเทียนหยุด”
หมิงเทียนหันไปเห็นลี่ผิงยืนถือมีด หน้าตาดุร้าย
          “ไปให้พ้น อย่ามายุ่ง” 
          หมิงเทียนตกใจถาม
“คุณแม่ นี่คุณแม่ขังคุณพิ้งค์เหรอ ขังทำไม”
          “แม่บอกว่าอย่ายุ่ง  กลับไปเดี๋ยวนี้”
          “ไม่ ผมจะช่วยคุณพิ้งค์”
          “เมื่อไหร่แกจะเลิกดื้อสักทีฮะหมิงเทียน เพราะความดื้อดึงของแก เรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ ถ้าแกไม่ดื้อจะเอาเมย์ลีไปเป็นของแก หมิงซานก็คงไม่ตาย แม่ก็จะไม่ต้องจัดการเมย์ลี”  
  หมิงเทียนอึ้ง 
          “คุณแม่ฆ่าเมย์ลี”
          “ใช่   แม่ฆ่ามัน นังเด็กนั่นทำให้พี่ใหญ่ของแกตาย เมย์ลีทรยศครอบครัวเรา มันสมควรตายแล้ว หมิงเทียนรู้ไหม เลือดของคนทรยศอย่างมันยังติดมือแม่อยู่เลย”
ลี่ผิงหัวเราะร่าเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่ง คุมสติตัวเองไม่อยู่

“มอบตัวนะครับคุณแม่ ผมจะหาทนายเก่งๆให้ ผมจะสู้คดีว่าคุณแม่เสียสติ”
“แม่ไม่ได้บ้านะหมิงเทียน แม่จะจัดการทุกคนที่สร้างความวุ่นวายให้กับครอบครัว  รวมทั้งนังพิ้งค์ด้วย”
จู่ๆ ต้นไม้แถวนั้นสั่นไหว ลมกรูเกรียว กลิ่นหอมดอกโบตั๋นล่องลอยมา พร้อมกลีบดอกโบตั๋นสีชมพูจำนวนหนึ่งแล้วลมก็สงบลง
“ดอกโบตั๋น”
ลี่ผิงหันไปดูเห็นวิญญาณสุคนธายืนอยู่ข้างหลังหมิงเทียนที่กำลังมองแม่ด้วยแววตาผิดหวัง เสียใจ นึกไม่ถึง ลี่ผิงไม่กลัวผี
          “นังเมย์ลี ฉันฆ่าแกไปแล้วนี่ แกยังไม่ตายอีกเหรอ”
 หมิงเทียนหันไปมองตามลี่ผิงแต่ไม่เห็นเมย์ลี  
          “แกทำให้หมิงซานตาย แกต้องตายตามไป แกต้องเป็นเจ้าสาวผีให้หมิงซานไปรับใช้หมิงซานในปรโลก”
ลี่ผิงพุ่งเข้าไปที่หมิงเทียนจะจ้วงแทงวิญญาณเมย์ลีที่อยู่ข้างหลัง  แต่หมิงเทียนหลบทัน 
          “คุณแม่”        
วิญญาณสุคนธาเลือนห่างออกไป 
          “นังเมย์ลี แกคิดว่าจะรอดเงื้อมมือฉันหรือ”  
ลี่ผิงวิ่งตามไปไล่แทงวิญญาณเมย์ลี 
          “คุณแม่”   
ในสุสาน เพกาไอกระอักเลือด หมิงเทียนละล้าละลังจะไปช่วยแม่หรือช่วยเพกาก่อน เสียงเพกาดังลอดออกมาอีก เขาตัดสินใจใช้เท้าถีบประตูหลายหน เอาหินแถวนั้นมาตีที่ล็อกประตูอีกหลายครั้ง     จนล็อกพังหมิงเทียนเปิดแล้วเข้าไปกอดเพกาที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของหมิงเทียน
“ไม่เป็นไรแล้ว คุณปลอดภัยแล้ว”
หมิงเทียนมองเข้าไปในสุสานเห็นศพเหว่ยเหอก็ตกใจ  
          “เหว่ย”   
          “ยังไม่ต้องห่วงฉันกับเหว่ย คุณไปดูคุณนายใหญ่ก่อนเถอะค่ะ”    
          “อดทนไว้นะคุณพิงค์  เดี๋ยวผมกลับมา”
เพกาพยักหน้า หมิงเทียนวิ่งออกไปทางที่แม่วิ่งไป เพกาอ่อนแรงเต็มที
 
บริเวณเนินแถวสุสาน วิญญาณสุคนธาปรากฏขึ้น ลี่ผิงถือมีดวิ่งไปจะแทง
“นังเมย์ลี แกต้องตายด้วยน้ำมือฉัน”
ลี่ผิงพุ่งตัวไปแทงทะลุร่างของสุคนธาที่ไม่มีตัวตนอยู่จริง ลี่ผิงสะดุดล้มหน้าคะมำ 
          “ว้าย”
 
ลี่ผิง กลิ้งตกลงเนินหลายตลบ หมิงเทียนตามเข้ามาเห็นเข้าพอดี
          “คุณแม่”   
ร่างของลี่ผิงกลิ้งลงไปยังเนินข้างล่าง ร่างหันหลัง หมิงเทียนรีบวิ่งลงไปดูแม่
          “คุณแม่”   
หมิงเทียนพลิกร่างลี่ผิงขึ้นมา  ปรากฏว่า มีดปักอยู่บนอกซ้ายในตำแหน่งเดียวกับที่สุคนธาโดน  เลือดแดงฉานเต็มร่าง
          “คุณแม่  คุณแม่อดทนไว้นะครับ  ผมจะพาคุณแม่ไปหาหมอ” 
          ลี่ผิงเสียงแผ่ว คลี่ยิ้มอย่างอ่อนแรง
“แม่ไม่ไป แม่จะไปหาหมิงซาน”  
 
อดีตผุดขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำที่สวยงามที่สุดของลี่ผิงคือกอดหมิงซาน 
“คุณพ่อไปนอนห้องนังเหม่ยอิง”
“ช่างเค้าเถอะครับ คืนนี้ผมจะนอนเป็นเพื่อนคุณแม่”
“หมิงซานลูกแม่”
ลี่ผิงซาบซึ้งตื้นตันซุกหาไออุ่นจากลูกชาย
 
ลี่ผิงคิดถึงหมิงซานจับใจ
          “หมิงซาน เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกแล้วลูก”
ลี่ผิงค่อยๆ สิ้นใจตายในที่สุด 
          “แม่”  
หมิงเทียนตะโกนลั่นกอดร่างแม่เอาไว้แน่นและร้องไห้อย่างสิ้นอาย 
เพกาประคองร่างอาบเลือดเข้ามามองภาพหมิงเทียนกับลี่ผิงด้วยความสลดใจ จู่ๆ เพกาหมดแรง  จึงเป็นลมล้มพับไปกับพื้น หมิงเทียนได้ยินเสียงก็หันขวับ
          “คุณพิ้งค์” 
 
          ในเวลาต่อมา เพกาบนอยู่บนเตียงเข็นที่ทางโรงพยาบาลส่งมา พยาบาลเข็นพาเพกาไปตามทางโดยมีหมิงเทียนเดินเกาะเตียงมองอย่างเป็นห่วง เพกาค่อยๆ ลืมตาอย่างอ่อนเพลีย ความรู้สึกเบาโหวง  พอเตียงเข็นแล่นมาจอดที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินกำลังจะเข้าไปในห้อง เพกาก็รวบรวมกำลังพูดเสียงเบาๆ
          “หมิงเทียน  หมิงเทียน”
          หมิงเทียนเอะใจ ขอให้บุรุษพยาบาลหยุดรถ หมิงเทียนก้มลงฟังเสียงแผ่วเบาของเพกา
          “แม่คุณส่งคนไปฆ่าเหม่ยอิง รีบไปช่วยเหม่ยอิงด้วย”
          เพกาพูดจบก็หมดสติไปอีกครั้ง บุรุษพยาบาลรีบเข็นเตียงเข้าห้องฉุกเฉินทันที หมิงเทียนรู้สึกไม่สบายใจรีบเอามือถือขึ้นมากดโทร. ออกหาตำรวจทันที เขารอสาย...
          “ขอพูดกับผู้กองหวังครับ  เรื่องด่วน”
 
          บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งในมาเก๊า เหม่ยอิงใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาเดินเมามาตามทางในโรงแรมเพื่อจะเข้าห้องพัก เหม่ยอิงเดินมาไขกุญแจห้องแล้วเข้าห้องไป

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

กี่เพ้า ตอนที่ 14 ตอนอวสาน (ต่อ)

ภายในห้อง เหม่ยอิงล้มแผ่หราลงบนนอน อาเฉินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในห้องก่อนหน้านี้โผล่ออกมาพร้อมมีดในมือ ก่อนจิกหัวเหม่ยอิงขึ้นมาเตรียมปาดคอ อดีตคุณนายรองตกอับดิ้นรนต่อสู้
“ไม่”
เหม่ยอิงต่อสู้ทั้งเตะถีบ ผลักและยื้อยุดกับอาเฉินอยู่บนเตียง
“แกเป็นใคร มาทำฉันทำไม”
อาเฉินคร่อมอยู่บนตัวเหม่ยอิงแล้วบีบคอด้วยมือข้างเดียว อีกมือถือมีดเงื้อขึ้นสูงเตรียมแทงลงมาที่ร่างของเหม่ยอิง
ประตูห้องถูกเปิดออก ตำรวจบุกเข้ามายิงอาเฉินจากด้านหลังเปรี้ยง อาเฉินตาเหลือก ล้มลงนอนตายในทันที เหม่ยอิงร้องกรี๊ดๆ

วันใหม่ ภายในโรงพยาบาลในฮ่องกง เพกาลืมตาเลือนรางเห็นแม่ยืนอยู่ พร้อมน้ำตารื้นเข้าไปหาลูก
“พิ้งค์...เป็นไงบ้างลูก”
“พิ้งค์” เพกาลำคอแห้งผาดพูดลำบากจะขยับตัว
“ค่อยๆนะลูก ลูกสลบไปหลายวัน หมอบอกว่าลูกปลอดภัยแล้วนะ”
เพกายิ้มแล้วหันไปเห็นช่อดอกไม้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง เพกามองแปลกใจ
“ของคุณเหม่ยอิงกับคุณเพ่ยเพ่ยเอามาเยี่ยมตอนลูกยังไม่ฟื้นน่ะจ้ะ พวกเขาฝากบอกว่า ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ”
เพกายิ้มรับ
“คุณหมิงเทียนเขาเฝ้าลูกทุกวันเลยนะ แต่วันนี้เป็นวันฝังแม่เขา ถ้าเขารู้ว่าลูกฟื้นแล้ว เขาจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
สีหน้าของเพกาเปลี่ยนเป็นเศร้าทันที
“แม่คะ พิ้งค์อยากกลับเมืองไทยค่ะ”
พร้อมอึ้งคาดไม่ถึงว่าเพกาจะพูดแบบนี้

ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจ้า เหม่ยอิงในชุดดำเดินออกมาจากในบ้านด้วยสีหน้าตาเศร้าหมองจากเรื่องลี่ผิงตายและเรื่องเหวินเยี่ยไม่ยกโทษให้ หลินเพ่ยตามมาเรียก
“คุณแม่คุณแม่จะไปไหนคะ”
“งานคุณนายใหญ่เสร็จแล้ว แม่ไม่อยากอยู่ให้คุณพ่ออึดอัด”
“คุณแม่ไปอยู่ที่คอนโดกับเพ่ยเพ่ยนะคะ เพ่ยเพ่ยอยู่คนเดียว เพ่ยเพ่ยไม่มีใคร”
“แต่แม่ไม่มีงานทำ แม่จะเอาอะไรเลี้ยงลูก”
หลินเพ่ยจับมือแม่บอก
“เพ่ยเพ่ยเลี้ยงคุณแม่เอง เพ่ยเพ่ยทำงานแล้ว ทำงานอยู่กับพี่รอง ที่ผ่านมาคุณแม่ดิ้นรนทุกอย่างเพื่อเพ่ยเพ่ย ชีวิตของเพ่ยเพ่ยต่อไปนี้จะทำเพื่อคุณแม่ เพ่ยเพ่ยไม่อยากเป็นคุณหนูตระกูลเจ้าแล้ว เพ่ยเพ่ยอยากเป็นแค่ลูกที่มีแม่อยู่ด้วยกันตลอดไป”
เหม่ยอิงน้ำตาซึมจับมือลูกแน่น
“จ้ะลูก”
เหม่ยอิงกับหลินเพ่ยกอดกัน
หมิงเทียนยืนยิ้มอย่างสุขใจมองจากมุมหนึ่งที่หน้าตึกที่เห็นสองแม่ลูกคิดได้
จังหวะนั้น โทรศัพท์มือถือของหมิงเทียนก็สั่น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล...อะไรนะครับ”
หมิงเทียนนิ่วหน้าไม่สบายใจอะไรบางอย่าง

เพกานอนลืมตาอยู่บนเตียง หมิงเทียนเปิดประตูเข้ามาอย่างเร็ว ปราดเข้าไปจับมือเพกา
“คุณพิ้งค์ ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่ตอนคุณฟื้น”
“คุณไปส่งคุณนายใหญ่ถูกต้องแล้วค่ะ”
“ผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะพิ้งค์”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ”
“ใช่สิคะ ถ้าฉันไม่ขุดคุ้ยเรื่องคุณเมย์ลี คุณนายใหญ่ อี่ เม่งหง เหว่ยก็คงไม่ตาย มีคนตั้งมากมายต้องเสียใจเพราะฉัน”
“เพราะเหตุนี้ใช่ไหม คุณถึงจะกลับเมืองไทย”
“ค่ะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันหนักเกินกว่าที่ฉันจะรับไหว”
หมิงเทียนแนบมือเพกากับแก้ม
“แบ่งมันมาให้ผม ผมจะอยู่กับคุณ เราจะอยู่ด้วยกัน ตลอดไป”
“คุณหมิงเทียนคะ เรื่องของเราเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณเยี่ยไม่ชอบฉันท่านจะไม่มีวันยอมรับฉัน"
“ผมจะพูดกับคุณพ่อเอง”
“แล้วเรื่องที่แม่คุณจะฆ่าฉัน ฉันเป็นต้นเหตุทำให้แม่คุณตาย ฉันทำให้ตระกูลเจ้าเสื่อมเสีย เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ตามมาหลอกหลอนเราไปตลอดชีวิต”
“อดีตเป็นครูไม่ใช่ผี”
เพกายิ้มบางๆบอก
“ใช่ค่ะ แต่ถ้าเราต่างยังเจ็บปวดกับอดีต ฉันขอให้เราแยกย้ายกันไปทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนดีกว่า เข้าใจฉันนะคะคุณหมิงเทียน"

หมิงเทียนพยักหน้าดวงตาจับจ้องเพกาไม่วางตา อยากจะร้องขอให้เธอไม่จากไป แต่ทำไม่ได้

ที่ประเทศไทย รถตู้โรงพยาบาลมาส่งที่บ้าน เพกายังมีแผลผ่าตัดที่ท้องทำให้เดินไม่สะดวก

บุรุษพยาบาลเข็นรถเพกาลงมามีพร้อมคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพกามองบ้านที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความคิดถึง

วันใหม่ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นตามลำดับ แต่เพกายังนั่งซึมอยู่ แฮรี่และเดซี่เดินตามพร้อมเข้ามา
“พิ้งค์....ดูซิ ใครมาเยี่ยม”
“ฮัลโหล ความสดใสของดอกเดซี่มาเยือนแล้วจ้า”
“คุณพร้อมบอก วันๆหล่อนนั่งเศร้า เรามาคุยกันเรื่องที่ทำให้สบายใจดีไหม” แฮรี่บอก
“ใช่ๆ” เดซี่ว่า
เดซี่ผายมือไปให้แฮรี่ยิ้มด้วยความมั่นใจ
“ตอนถูกแทง รู้สึกไงอ่ะ”
เดซี่เอาหมอนฟาดหน้าแฮรี่เปรี้ยง
“นี่ฉันหัวหน้าเธอนะ” แฮรี่บอก
“โอ๊ย...หัวหน้าที่ทำร้ายจิตใจแบบนี้ฉันไม่อยากนับถือหรอก ปากหรือเนี่ย จะพูดขึ้นมาทำไม"
เพกายิ้มออกมา
“เอ้าดู ยัยพิ้งค์ยิ้มจริงๆเห็นไหมล่ะ”
“พิ้งค์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เออนี่ คุณหมิงเทียนโทรมาไหม”
“ก็โทร แต่ไม่ค่อยได้รับสาย”
“ทำไมล่ะ”
“พิ้งค์แค่...อืม ไม่รู้สิ”
ทุกคนมองเพกาอย่างไม่สบายใจ

วันใหม่ ที่บริษัทเจ้าฟาร์มาซี หมิงเทียนนั่งเศร้า เหม่อ คิดเรื่องของแม่อยู่ในห้องทำงาน ทั้งที่มีงานอยู่ตรงหน้า หลินเพ่ยดูดีขึ้นกำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน เดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสารส่งแฟ้มให้หมิงเทียน
“นี่ข้อมูลที่พี่รองให้เพ่ยเพ่ยไปหามาค่ะ”
หมิงเทียนรับแฟ้มมา
“เก่งมากเพ่ยเพ่ย”
หมิงเทียนหมุนตัวกลับนั่งเศร้าเหม่อต่อ หลินเพ่ยเดินออกจากห้องด้วยความสงสารพลางคิด
“พี่รอง ที่ผ่านมาเพ่ยเพ่ยเข้าใจพี่รองดีแล้ว ต่อไปนี้เพ่ยเพ่ยขอให้ฟ้าดินจงช่วยให้พี่รองมีความสุขสมหวังเร็วๆนี้ และตลอดไป”

ที่บ้านชาวประมง จือร้องไห้ต่อหน้ารูปเหว่ยเหอ ซิ่วหลานกับอาหัวมายืนข้างๆ อาจือพลางปลอบ
“ทำใจเสียเถอะอาจือ การสูญเสียในบางครั้งก็อาจกลายเป็นเรื่องดีในระยะยาว” อาหัวบอก
“ลูกชายฉันตาย ฉันไม่เห็นว่าจะมีเรื่องดีตรงไหนเลยอาหัว” อาจือบอก
“แต่ฉันเชื่อว่ามี”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชาวบ้านสองสามคนเอาของมาให้
“พวกเราไปตลาดมาซื้อผักมาฝาก” ชาวบ้านคนหนึ่งบอก
“นี่ขนมเปี๊ยะ ฉันทำเอง” ชาวบ้านอีกคนว่า
“เอามาให้ฉันหรือ”
ชาวบ้านคนแรกบอก
“ใช่...ว่างๆ ขี้เกียจทำกับข้าวก็ไปกินบ้านฉันนะ คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ ไปก่อนนะ”
ชาวบ้านพากันออกไป อาจือดีใจนึกไม่ถึง
“อาจือเชื่อฉันหรือยัง”
อาจือยิ้มพยักหน้า
ซิ่วหลานมองรูปเหว่ยเหอ
“ถ้าวิญญาณอาเหว่ยรับรู้ เขาจะต้องมีความสุขมาก”
อาจือยิ้มทั้งน้ำตามองดูรูปลูกชาย

เพกานอนพักอยู่ที่บ้าน กำลังโทร.คุยกับซิ่วหลาน
“เพื่อนบ้านอาจือเปลี่ยนไปหรือคะอาซิ่ว”

ซิ่วหลานนั่งจิบชาคุยโทร.กับเพกา
“ค่ะ เมื่อก่อนไม่มีใครกล้าพูดกับอาจือเพราะกลัว กลัวอาเหว่ยไงคะ อาเหว่ยฆ่าคนตาย ใครๆก็กลัว”
“แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าอาเหว่ยไม่ใช่ฆาตกร”
“ค่ะ ทุกคนก็เลยหันมาคบกับอาจือเหมือนเดิม อาจือมีชีวิตใหม่ ถึงแม้จะไม่มีอาเหว่ย แต่อาจือได้สังคมคืนมา”
เพกา ดีใจจนลุกขึ้นนั่ง
“จริงหรือคะ”
“แม้แต่คนไม่รู้จัก พอเขารู้เรื่องที่อาเหว่ยช่วยคุณ เขาก็อยากรู้จักอาจือไปด้วย”
“ฉันนึกว่า อาจือจะลำบากเพราะฉันเสียอีก ฉันเอาอาเหว่ยคืนให้อาจือตามสัญญาไม่ได้"
“ที่คุณต่อสู้ไม่ได้เสียเปล่าอย่างที่คุณคิดนะคะ อาจือถามหาคุณทุกวัน มาเยี่ยมอาจือ ที่สำคัญ มาเยี่ยมคุณชายรองเสียทีสิคะ”
เพกาเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้าสร้อยในทันที

ข้างฝ่ายหมิงเทียนใช้เวลาหลายวันต่อมาไปยืนเหม่อคิดถึงเพกาไว้หลายสถานที่

อ่านต่อเวลา 17.00น.

วันใหม่ ภายในห้องทำงาน หมิงเทียนนั่งเหม่อเศร้า เหวินเยี่ยเดินเข้ามา เขาทั้งตกใจและแปลกใจ
“คุณพ่อ”
“แกไม่กลับบ้านเลยนะหมิงเทียน”
“ผม เอ้อ คิดถึงแม่ ยิ่งอยู่บ้านยิ่งคิดถึง”
เหวินเยี่ยมองอย่างเข้าใจและสงสาร
“คุณเพกาติดต่อมาบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ครับ”
“ทำไม ฉันคิดว่าแกกับเขารักกันซะอีก”
“ผมก็หวังว่าความรักของเราจะช่วยทำลายความรู้สึกเลวร้ายกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ฉันก็อยากทำลายความรู้สึกเลวร้ายของตัวเองเหมือนกัน แกช่วยพ่อหน่อยได้ไหม”
“คุณพ่อหมายความว่าไงครับ”
เหวินเยี่ยกลั้นสะอื้นบอก
“แม่แกโทษว่า เมย์ลีทำให้หมิงซานตาย แม่แกถึงฆ่าเมย์ลี แต่ความจริงแล้วคนที่ทำให้หมิงซานตายคือ ฉันเอง”
หมิงเทียนอึ้งไป
“หลังจากเมย์ลีเขาประกาศว่า เขาจะแฉหมิงซาน พ่อได้คุยกับหมิงซาน”

ค่ำคืนก่อนเกิดเหตุนั้น ภายนอกฝนยังคงตกหนัก เหวินเยี่ยด่าทอหมิงซาน
“หมิงซาน แกต้องไม่เป็นอย่างที่นังเมย์ลีมันพูด”
หมิงซานกลัวพ่อมากไม่กล้าพูด เหวินเยี่ยตวาดเสียงดัง
“บอกพ่อมาว่าแกเป็นผู้ชาย แกจะมีหลานชายสืบตระกูลเจ้าให้พ่อหลาย ๆ คน...พูดสิ”
หมิงซานน้ำตาร่วง ทำให้เหวินเยี่ยทวีความโกรธหมิงซานมากขึ้น
“ห้ามทำตัวอ่อนแอเหมือนผู้หญิง ลูกผู้ชายร้องไห้ได้แค่ 2 ครั้งในชีวิตคือวันที่พ่อกับแม่ตาย”
“ถ้าผมฆ่าตัวตายเพราะถูกบังคับให้แต่งงาน คุณพ่อคงไม่ร้องไห้ในงานศพผมสินะครับ”
“ใช่”
หมิงซานสะเทือนอารมณ์ สะอื้นไห้ เหวินเยี่ยมองด้วยแววตาชิงชังมากจนต้องเบือนหน้าหนี ทนดูลูกชายไม่ได้
“รังเกียจคนอย่างพวกผมมากหรือครับ เป็นเกย์นี่มันเลวร้ายกว่าเป็นฆาตกรโรคจิตอีกใช่ไหมครับ”
“แก แกพูดว่าแกเป็นอะไรนะ”
“คุณพ่อปฏิบัติกับเพศที่ 3 เหมือนไม่ใช่คน ผมกับเหว่ยเราเป็นคนนะครับ เรามีชีวิตจิตใจ เรามีความรัก มีความต้องการ เราสองคนอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนวันตาย”
“ไม่”
เหวินเยี่ยตะโกนลั่นเอามือฟาดไปที่โต๊ะเสียงดังจนกำไลหยกแตกเคร้งเป็นสองเสี่ยง เหวินเยี่ยจ้องลูกชายคนโตเขม็ง หมิงซานพูดทั้งน้ำตา
“คนเกิดมาเป็นอย่างผม ขยันและพยายามเป็นสองเท่าเพื่อให้คนรอบข้างยอมรับ ผมทำทุกอย่างให้พ่อกับแม่ให้ตระกูลเจ้ามาตลอด มองหน้าผม ผมไม่ใช่อะไรทั้งนั้นนอกจากเด็กคนหนึ่ง ลูกชายของคุณพ่อและคุณแม่....ได้โปรดให้อภัยผม”
หมิงซานอ้อนวอนขอร้อง เหวินเยี่ยส่ายหน้าอย่างใจร้าย
“แกทำให้ฉันผิดหวัง แกทำให้ตระกูลเจ้าถูกคนหัวเราะเยาะ แกทำลายสิ่งที่บรรพบุรุษและฉันสร้างมาด้วยชีวิต ฉันจะไม่อภัยแก ไม่มีวัน”
เสียงฟ้าผ่าดัง เสียงกึกก้องเข้ามาในห้อง
หมิงซานใจสลายสุดแสนเสียใจ เขาเบือนหน้าเดินร้องไห้ออกไปจากห้อง
เหวินเยี่ยเครียดถึงขีดสุด หลังจากหมิงซานสารภาพว่าเป็นเกย์จริงแล้วผลุนผลันออกไป ประมุขตระกูลเจ้ายืนกัดกรามกรอด โกรธเกรี้ยว กำหมัดแน่น
“นังเมย์ลี นังเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง”
เหวินเยี่ยเดินออกจากห้องไป

มาวันนี้ เหวินเยี่ยเศร้ารู้สึกผิดมหาศาลต่อลูกชายคนโตผู้ล่วงลับ
“หลังจากนั้นหมิงซานก็ขับรถออกไปจนเกิดอุบัติเหตุ แม่แกพูดถูก ฉันไม่สมควรเป็นพ่อใคร”
“เราทุกคนทรมานกับอดีตมากจริงๆ เราจะออกไปจากตรงนี้ยังไงดี ผมนึกไม่ออก”
“พ่อมีส่วนทำให้แม่แกเป็นแบบนี้ พ่อเป็นคนเริ่มต้นทุกอย่าง พ่อเองที่ทำให้ทุกคนตาย”
เหวินเยี่ยน้ำตาไหลรินและเริ่มร้องไห้หนักขึ้น หมิงเทียนอึ้ง การร้องไห้ของผู้ชายอีโก้จัดอย่างเจ้าเหวินเยี่ยเป็นเรื่องที่ลูกชายคนรองคาดไม่ถึงจริงๆ เสียงร้องไห้ของเหวินเยี่ยดังอยู่ในห้องนั้น สะเทือนหัวใจจนหมิงเทียนทำอะไรไม่ถูก
หมิงเทียนค่อยๆ ยกมือแตะบ่าพ่อ
“พ่อครับ ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณพ่อเคยทำอะไร ลืมมันซะเถอะครับ ถึงคุณพ่อจะไม่มีคุณแม่ ไม่มีพี่ใหญ่แล้ว แต่คุณพ่อยังมีผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ"

เหวินเยี่ยกอดลูกชาย หมิงเทียนกอดตอบ เหวินเยี่ยมองหมิงเทียนอย่างสุขใจ

วันใหม่ ที่ห้องนั่งเล่นบริเวณระเบียงชั้นบนของบ้าน เพกากำลังปักผ้าบนปลอกหมอน โดยใช้กล่องไหมของอาหัว สภาพจิตใจดีขึ้น

เสียงคนเดินมาข้างหลัง
“พิ้งค์บอกแล้วไงคะแม่ว่า พิ้งค์ไปหยิบเองได้ พิ้งค์ไม่เป็นไรแล้ว”
“ปักได้สวยนะ”
ไม่ใช่พร้อม แต่เป็นเสียงทักของเจ้าเหยินเยี่ย
“คุณเยี่ย”
เพกาตกใจที่เหวินเยี่ยมาเยี่ยมที่บ้าน เหวินเยี่ยยิ้ม แววตาเอ็นดูเพกาเหมือนลูก

บริเวณโถงรับแขกชั้นบน พร้อมยกกาแฟมาให้เหวินเยี่ย
“ขอโทษทีนะคะ ไม่มีน้ำชา”
“เปลี่ยนมาดื่มกาแฟบ้างก็ดี”
เพกาซึม ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนเพกาคนเดิม
“นี่ไม่ใช่เพกาคนเดียวกับที่ฉันเจอที่บ้านตระกูลเจ้า เพกาคนนั้นร่าเริง สดใส ต่อปากต่อคำ กล้าเถียงแม้กระทั่งกับฉัน”
“มีคนตายเพราะฉันตั้งหลายคน เหว่ย อี่ เม่งหง คุณนายใหญ่ ฉันไม่ควรขุดคุ้ยหาฆาตกรเลย"
“เมฆหมอกปกคลุมบ้านตระกูลเจ้ามาเนิ่นนาน เราทุกคนมีรอยยิ้มฉาบบนใบหน้า แต่เบื้องลึก ล้วนมีความทุกข์ไปคนละแบบ จนเมื่อเธอก้าวเข้ามา เธอเป็นแสงสว่างส่องทางให้พวกเราออกจากความมืดมน”
เพกาตะลึงคาดไม่ถึงกับคำชื่นชมของเหวินเยี่ย
“นอกจากมาเยี่ยม ฉันมีเรื่องสำคัญต้องมาเล่าให้เธอฟังด้วยตัวเอง”
“เรื่องอะไรคะ”

ช่วงที่เพกากลับเมืองไทยแล้ว วันหนึ่ง ที่สุสาน คนงานยกโลงศพสุคนธาออกจากสุสาน
“ฉันให้คนเอาโลงศพเมย์ลีออกมาทำพิธีเผาตามหลักศาสนาพุทธ”
อาหัววางชุดกี่เพ้าแดงดอกโบตั๋นไว้บนโลงศพของสุคนธา
“ผมภูมิใจในความเป็นนักสู้ของคุณหนูเสมอ” อาหัวบอก
คนงานแบกโลงเมย์ลีออกไป แล้วเอาโลงศพเหว่ยไปวางแทนที่ข้างโลงศพของหมิงซาน
“แล้วก็นำโลงศพอาเหว่ยไปวางแทนที่เคียงข้างหมิงซาน”
บริเวณด้านหน้าสุสาน เหวินเยี่ยนำทุกคนจุดธูป คำนับศพหมิงซานกับเหลียงเหว่ยเหอ ซึ่งตอนนี้รูปหน้าฮวงซุ้ยเป็นรูปคู่หมิงซานกับเหว่ยเหอ
“ส่วนอาจือ แม่อาเหว่ย ฉันรับผิดชอบดูแลค่ารักษาพยาบาลให้”
เหวินเยี่ยส่งซองเงินให้ อาจือคำนับลาเหวินเยี่ย เจิ้นหลุนเดินประคองอาจือไป ซิ่วหลานประคองอาหัวออกไป เหลือแค่พ่อกับลูกชายคนรองที่ยังอยู่ด้วยกัน
“คุณพ่อไม่กลัวคนมาเห็นรูปหน้าฮวงซุ้ย แล้วเอาไปติฉินนินทาหรือครับ”
“การสูญเสียผิง หมิงซาน ทำให้พ่อรู้ซึ้งว่าเกียรติยศชื่อเสียงไม่สำคัญเท่าความรักของคนในครอบครัว หมิงเทียน ถึงพ่อจะชอบดุด่า ทำเหมือนไม่สนใจแก แต่พ่อไม่เคยหลงลืมลูกชายคนเล็กจอมซนที่ชอบหนีไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน”
“คุณพ่อ”
หมิงเทียนกอดพ่อ สองพ่อลูกยืนมองฮวงซุ้ยหมิงซานกับเหว่ยเหอ แววตาเหวินเยี่ยที่เคยแข็งกร้าว ตอนนี้อ่อนลงไปมากเพราะทิฐิในใจมลายลง

วิญญาณของหมิงซานกับเหว่ยยืนอยู่คู่กันมองเยี่ยกับหมิงเทียนด้วยสีหน้ามีความสุข ทั้งคู่หันกลับมามองหน้าและยื่นมือจับกันก่อนจะเลือนหายไป

สีหน้าเหวินเยี่ยยิ้มอย่างมีความสุข เพกาหลั่งน้ำตาความปลื้มปิติ
“ในที่สุด เหว่ยกับคุณหมิงซานก็ได้อยู่ด้วยกัน”
“ลูกชายคนโตฉันสมหวังแล้วเหลือก็แต่ลูกชายคนเล็ก เธอจะช่วยให้หมิงเทียนสมหวังได้มั้ยเพกา”
“เอ้อ ฉันแค่อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเอง”
“ฉันเป็นเพียงนกนำสาส์นจากบ้านตระกูลเจ้า ชายหนุ่มคนหนึ่งรอคอยเธออยู่ทุกลมหายใจ เธอตัดสินใจเองแล้วกันนะ จะให้บ้านตระกูลเจ้ากลายเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ หรือเป็นเพียงที่พักพิงในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น”
เพกาครุ่นคิดจะตัดสินใจอย่างไรดี

วันใหม่ในกลางคืนในคฤหาสน์ตระกูลเจ้ามีหมอกสีขาวจาง ๆ ลอยละเลียดพื้นสนามหน้าบ้าน ในบรรยากาศวังเวง
ภายในห้องดอกไม้ ข้าวของของเพกาแทบจะไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่ หมิงเทียนนอนหลับตาซึมเศร้าบนเตียง เขารู้สึกที่นอนยวบลงจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นสุคนธาในรูปสวยนั่งอยู่บนเตียง เขาลุกนั่ง สุคนธามียิ้มบาง ๆ ให้หมิงเทียน ทั้งคู่กอดกัน
“ผมมีส่วนทำให้คุณตาย ผมรักคนอื่น ที่ไม่ใช่คุณ”
สุคนธาส่ายหน้าว่าไม่ใช่ความผิด เธอจับศีรษะหมิงเทียนแล้วจูบหน้าผากหมิงเทียนอำลา ร่างสุคนธาค่อย ๆ จางหายไปเหลือไว้เพียงดอกโบตั๋น 1 ดอก บนพื้น

หมิงเทียนสะดุ้งตื่น พบว่าตัวเองเข้ามาในห้องดอกไม้แล้วเผลองีบหลับไป หมิงเทียนเดินไปมองที่กระจกที่เกิดเป็นฝ้า มีตัวหนังสือเขียนคำว่า good bye
หมิงเทียนเห็นดอกโบตั๋นบนพื้น ก้มเก็บขึ้นมาเค้าไม่ได้ฝัน สุคนธามาจริงๆ สายลมอ่อนๆ สดชื่นพัดเข้ามาในห้อง หมิงเทียนยิ้มรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจพลางจูบดอกโบตั๋นนั้น
“ลาก่อน เมย์ลี”

วันใหม่ เวลากลางวัน บรรยากาศสดใส บริเวณหน้าตึกสีเหลืองของHongKong park หมิงเทียนในชุดสูทยืนรอใครบางคน ในมือถือช่อดอกไม้เจ้าสาว เพกาในชุดไหมไทยสีชมพูสำหรับการจดทะเบียนสมรสก็เดินยิ้มเข้ามา
“ผมเคยมาที่นี่ เพื่อรอคอยใครบางคน”
“เจ้าสาวของคุณ เมย์ลี เธอต้องมาในชุดกี่เพ้าสีเลือดนกลายดอกโบตั๋นที่สวยที่สุดในทศวรรษ"
“เขาไม่มา ไม่เคยมา”
“ฉันไม่ใช่เมย์ลี เห็นไหม ฉันไม่ใส่กี่เพ้า ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องจบเหมือนในอดีต”
หมิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมจะไม่เจ็บปวดกับการรอคอยอีกแล้ว”
เพกาพยักหน้า หมิงเทียนหยิบแหวนออกมาทำท่าจะใส่ให้เพกา
“อ๊ะ อย่าเพิ่ง”
หมิงเทียนงง
“คุณไม่เคย เอ่อ ไม่เคยพูดแบบว่า อะไรที่มันควรพูด แบบตรงไปตรงมาน่ะ”
“โธ่ แค่นี้อ่ะนะ ผมทำอะไรตั้งเยอะตั้งแยะต้องพูดด้วยหรือ”
เพกาทำงอน
“จะพูดหรือไม่พูดล่ะ”
“แค่พูดประโยคง่ายๆ โธ่ ทำไมจะพูดไม่ได้”
ว่าแล้วหมิงเทียนก็เข้าไปกระซิบข้างหูทำท่าเหมือนจะบอกรัก ...
“วันนี้ของคุณ สีชมพูหรือยังคะ” หมิงเทียนพูดต่อ
“อีตาบ้า ใครให้พูดประโยคนี้ นี่แน่ะนี่ ชอบแกล้งนัก”
เพกาพูดพลางหยิกตี หมิงเทียนหัวเราะร่าแล้วดึงเพกาเข้ามาใหม่ กระซิบคำรักแผ่วเบาที่ข้างหู เพกากอดชายคนรัก หมิงเทียนหอมแก้มเจ้าสาว
ฮ่องกงกลางสวนสวยในวันนี้ช่างงดงามเหลือเกิน

จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น