xs
xsm
sm
md
lg

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 3

คืนเดียวกันนั้น ปลายฟ้าเล่นเดี่ยวเปียโนในโรงแรมหรูเป็นดนตรีคลาสสิค ด้านหน้าโรงแรมรถของพีทวิ่งมาจอดเอี๊ยด พีทลงจากรถอย่างเท่ห์กับผู้หญิงของเขา บริกรรับกุญแจจากพีทแล้วเอารถไปจอด

พีทเดินเข้ามาในโรงแรมแล้วเดินตรงไปที่ส่วนคอฟฟี่ช็อปที่ปลายฟ้าเล่นดนตรีอยู่ เป็นจังหวะที่ปลายฟ้าลาผู้ชมแล้วลงจากเวทีหันหลังเดินเข้าไปข้างใน
“สำหรับเวลาของดิฉันก็หมดลงเท่านี้นะคะ สักครู่พบกับวงต่อไปค่ะ”
พีทเดินมานั่งที่โต๊ะ ทั้งคู่ไม่ได้เจอกัน พีทสั่งเครื่องดื่ม
“บรั่นดี”
“ว้อดก้าน้ำส้ม”
“ดื่มเสร็จเราจะไปที่ไหนกันดี”
ผู้หญิงทำตายั่วยวน
“ที่ไหนก็ได้ที่มีเราสองคน”
“ผมก็คิดอย่านั้น”
บริกรมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม
“ดื่มค่ะ”
พีทดื่มรวดเดียวสีหน้ายิ้ม มองผู้หญิงแบบหยาดเยิ้ม
“เอามาอีกแก้ว”
บริกรรับรู้แล้วเดินออกไป แต่มือไปปัดถูกแก้วน้ำหกใส่พีท
“อุ๊ย ขอโทษครับท่าน”
“ไม่เป็นไร วันนี้ฉันอารมณ์ดี ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะ”
พีทลุกไปห้องน้ำ

ปลายฟ้ามารับเงินที่ออฟฟิศ
“ขอบคุณนะคะ”
“ค่ะ ด้วยความยินดี”
“ถ้ามีอะไรก็เรียกหนูได้นะคะ” ปลายฟ้าเดินออกมานับเงิน “มีแบบนี้ทุกวันก็ดีสินะ”
ปลายฟ้าเอาซองเงินใส่เป้ไว้แล้วเข้าห้องน้ำ ขณะนั้นพีทอยู่ในห้องน้ำชายที่ติดกัน เขาเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆแล้วล้างหน้า พีทเช็ดหน้าเสร็จแล้วเดินออกมาโดยลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องน้ำ พอนึกได้จึงกลับเข้าไปเอาโทรศัพท์แล้วออกมา แต่คราวนี้เขาออกมาพร้อมกับปลายฟ้าที่ออกมาอีกห้องหนึ่ง พีทจำปลายฟ้าได้จึงทักเธออย่างดีใจ
“คุณนั่นเอง”
ปลายฟ้าหน้าเสียนึกถึงตอนที่หลอกพีท
“แฮ่ คุณนั่นเอง”
“ย้ายบ้านเร็วจังนะครับ ตอนเช้าผมไปหาไม่เจอแล้ว” พีทประชด ปลายฟ้าเซ็ง
“ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก”
“โลกกลม หรือบุพสันนิวาส กันน้า”
“ขอโทษนะฉันจะกลับแล้ว”
“ให้ผมไปส่งอีกไหม”
“ฉันมีรถมา”
“งั้นผมขับตามไปก็ได้”
แต่แล้วผู้หญิงของพีทก็เดินเข้ามาหาแล้วเกาะแขนพีทแสดงความเป็นเจ้าของ
“คุยกับใครอยู่หรือคะ”
พีทเซ็ง แต่ไว้ฟอร์ม
“เพื่อนเก่าน่ะ”
“ค่ะ แต่กำลังจะเลิกคบกันแล้ว ไปก่อนนะคะ”
ปลายฟ้ายิ้มเยาะแล้วจากไป พีทเซ็งแต่ยิ้มออกมา
“เราต้องเจอกันอีกแน่”
ผู้หญิงที่มากับพีททำหน้างงๆ

ผู้จัดการคนที่จ่ายเงินให้ปลายฟ้าคุยกับพีท
“อ๋อ...ผู้หญิงคนนั้นหรือครับ เขามาแทนนักดนตรีที่เล่นประจำน่ะ ปกติจะเป็นนิสิตจากวิทยาลัยดนตรีมาเล่น แต่วันนี้เห็นว่าติดสอบ เลยส่งคนนี้มาเล่นแทน ทำไมครับเล่นไม่ดีหรือ”
“เปล่าหรอกครับ ตรงกันข้ามเล่นได้ดีมาก อยากจะติดต่อไปเล่นที่ผับผมน่ะครับ”
พีทโกหกเพื่อหลอกถาม
“งั้นลองไปถามที่ ชมรมดนตรีที่วิทยาลัยดูสิครับ เผื่อจะรู้ที่ติดต่อ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณมีผับด้วยหรือ”
ผู้หญิงที่มากับพีทถามอย่างแปลกใจ

วันต่อมาพีทมาที่วิทยาลัยดนตรี เขาเดินผ่านพวกนิสิตเหมือนคนแปลกหน้า เขาเดินถามคนมาเรื่อยจนมา
ถึงห้องชมรมดนตรีแจ๊ส แล้วเจอหัวหน้าชมรม พีทรีบเข้าไปถาม
“น้องครับ รู้จักผู้หญิงที่ไปเล่นดนตรีที่โรงแรมริมทะเลไหม”
หัวหน้าชมรมนึกสักครู่
“อ๋อ ยายพิ้งค์”
“คนที่หน้าตาสวยๆ น่ะนะ”
“ยายพิ้งค์เนี่ยนะ ทั้งสิวทั้งอ้วน สวยตรงไหนพี่ หรือแถวบ้านพี่ชอบของแปลก” พีทเกาหัว
“ไม่ใช่ เอ่อ คนที่ สวยๆ เล่น เอ่อ จะบอกยังไงนะ เอาเป็นว่าสวย น่ารัก พี่ชอบ ที่ไปเล่นแทนใครสักคนน่ะ”
“อ๋อ พี่ปลายฟ้ารึเปล่าเพราะว่าวันนั้นชู้รักเค้าจะไปเล่นดนตรีแทนมั้ง”
“นั่นแหละ เขาพักอยู่ที่ไหนรู้ไหม”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะเป็นบ้านพักแถวอ่างเก็บน้ำฝั่งนู้นหรือเปล่าหรือริมทะเลอะไรสักอย่างนี่แหละ”

สีหน้าพีทพอมีความหวัง

ที่บ้านสอนดนตรี แม่กำลังเตรียมอาหารว่างจะเอาไปให้บอสกับปลายฟ้าที่ห้องดนตรี ขณะเดินมาที่ห้องได้ยินเสียงเปียโนบรรเลงเป็นเพลงอย่างไพเราะแม่รู้สึกแปลกใจ

เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องแล้วมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นบอสนั่งนิ่งเล่นเปียโนอย่างตั้งใจ ถัดไปมีปลายฟ้านั่งคู่อยู่ด้วย แม่แทบไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย”
มือข้างหนึ่งของปลายฟ้าถือเครื่องช๊อตไฟฟ้าจี้ไว้ที่เอวของบอส นี่เองเป็นสาเหตุให้บอสนิ่ง
“ดีมาก เล่นไปเรื่อยๆ ไม่อย่างนั้นโดน”
ปลายฟ้ากัดฟันพูดเบาๆ แล้วกดเครื่องช๊อตไฟฟ้าให้มีไฟขึ้นเสียงดังซื๊ด บอสกลัวแล้วตั้งใจเล่น
“ครูคนนี้เก่งจริงๆ”
แม่บอกอย่างพอใจ

นันณภัสเซ็นเอกสารจนเสร็จ แล้วเรียกเลขาเข้ามาเอาทางอินเตอร์คอม
“มาเอาได้แล้ว” เลขาเข้ามา นันณภัสสอบถาม “วันนี้มีอะไรต่อ”
“มีประชุมกับแขกต่างประเทศที่โรงแรมตอน 10 โมงค่ะ”
“ให้เตรียมรถเลยไหมครับ”
เรียวมายืนรอ นันณภัสรู้สึกเซ็งที่ต้องมีเรียวตาม เธอดูเวลามันต้องเดินทางแล้วเธอจึงพยักหน้า
“ได้เตรียมรถเลย เดี๋ยวฉันลงไป”
เลขาออกไป นันณภัสเก็บของบนโต๊ะ ที่จอทีวีในห้องเปิดสารคดีสัตว์อยู่ มันเป็นภาพจระเข้กำลังกระชากเหยื่อที่เป็นพวกกวางลงน้ำ เธอมองมันก่อนจะปิดแล้วรำพึงพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าหน้าที่สวนสัตว์หรือ”

ที่สวนสัตว์ จระเข้กระโจนขึ้นมากินอาหาร ไทยืนอยู่บนสะพานท่าทางทะมัดทะแมงและระวังข้างๆ เขามีพนักงานอยู่ด้วย
“ทำไมบ่อนี้มันดุนักนะไหนลองโยนโครงไก่ลงไปซิ” พนักงานโยนโครงไก่ลงไปจระเข้ในบ่อแย่งกันกินจนน้ำกระจาย ไทมองดูอย่างหวาดเสียว “ท่าทางมันจะไม่อิ่ม นายลองโดดลงไปซิ”
พนักงานชะงัก
“เฮ้ย พี่ล้อเล่นป่าว เฮียนี่” ไทหัวเราะ
“ล้อเล่นน่า สงสัยต้องเพิ่มปริมาณอาหารแล้วล่ะ”

ขณะนั้นพีทขับรถมาตามชายหาด เพื่อหาที่อยู่ของปลายฟ้าตามที่หัวหน้าชมรมบอกแต่ก็ไม่เจอจึงจอดรถดื่มดื่มเครื่องดื่ม พีทใช้ความคิดแล้วพูดคนเดียวแบบให้กำลังใจตัวเอง
“สงสัยคนนี้จะเอาจริงโว้ยนายพีท ทำไมต้องมาเหนื่อยตามหาด้วยวะ เอาสิ จะไม่เจอก็ให้มันรู้ไป”
พีทสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

รถของนันณภัสมาจอดเทียบที่หน้าโรงแรม นันณภัสกับเรียวเดินออกมาจากรถเข้าไปในโรงแรมมีพนักงานต้อนรับผู้หญิงเดินมารับนันณภัส
“ทางนี้ค่ะคุณพัดคุณปีเตอร์รออยู่แล้ว เชิญค่ะ”
พนักงานเดินนำนันณภัสไปเรียวจะตามไปด้วยแต่นันณภัสสั่งห้าม
“นายรออยู่ที่นี่แหละเสร็จธุระแล้วจะเรียก”
เรียวรับฟังแล้วเดินเตร่ไป พนักงานสาวพานันณภัสเดินผ่านลิฟต์ไป
“อ้าวไม่ได้ประชุมที่ชั้นฮอไลซอนหรือ”
“พอดีคุณปีเตอร์เปลี่ยนสถานที่เป็นชั้นพาราไดซ์การ์เด้นค่ะ”
เรียวเดินเล่นไปเรื่อยแล้วเจอประชาสัมพันธ์สาวคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณเรียวมาคนเดียวหรือคะ”
“เปล่าครับมากับคุณพัดตอนนี้กำลังขึ้นไปประชุมกับคุณปีเตอร์ครับ”
ประชาสัมพันธ์สงสัย
“เอ๊ะ คุณปีเตอร์เลื่อนเป็นพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ทำไมไม่มีคนแจ้ง” เรียวรู้สึกผิดสังเกตจึงเดินไปที่ผู้จัดการที่กำลังดูแลลูกค้าอยู่ “แขกของคุณพัดที่ชื่อปีเตอร์เลื่อนนัดหรือ”
“เอ น่าจะใช่นะหรือว่าจำผิดเดี๋ยวดูให้ครับ”
ผู้จัดการเดินมาที่สมุดที่เคาน์เตอร์ เรียวมองไปรอบๆ แล้วพบใครคนหนึ่งมองมาทางเขาแล้วหลบวูบไป เรียวรับรู้สีหน้าไม่ปกติเขาเดินไปที่ห้องน้ำ ชัชเดินเข้าห้องน้ำแล้วหายเข้าไป เรียวตามเข้าไป ชัชชักปืนออกมาแล้วจะเข้าไปยิงเรียวแต่แล้วก็ไม่พบ เขาเปิดดูห้องน้ำทุกห้องแต่ไม่มี อย่างไม่ระวังเรียวโดดลงมาจากข้างบนเพดานแล้วเกิดต่อสู้กันจังหวะหนึ่งเรียวเห็นในหน้ามันแล้วนึกขึ้นได้
เรียวชะงักเป็นจังหวะให้ชัชหนีไปได้เรียวจะตามไปแต่นึกถึงนันณภัสเลยต้องปล่อยมันไป
“คุณพัด”
ผู้จัดการรีบดินมาหาเรียวแล้วบอก
“คุณปีเตอร์เลื่อนนัดจริงๆ น่ะครับ”
เรียวหน้าเสีย
พนักงานพานันณภัสเดินมาตามทางที่จะไปพาราไดซ์การ์เด้นท์ เรียวสังหรณ์ใจแล้วรีบไปที่ห้องคอนโทรลวงจรปิด พนักงานพานันณภัสเดินไปตามทางเดิน เรียวย้อนเทปให้ประชาสัมพันธ์ดูคนที่มารับนันณภัส
“คนนี้เป็นพนักงานที่นี่หรือเปล่า”
พนักงานที่ห้องเพ่งดูแล้วแน่ใจ
“ไม่ใช่นี่ครับ”
เรียวเห็นนันณภัสเดินไปในสวนจากล้องวงจรปิดจึงถาม
“ที่ไหน”
“สวนพาราไดซ์การ์เด้นท์ครับ”
เรียวรีบออกไปทันที
นันณภัสเดินมาถึงในสวนพาราไดซ์การ์เด้นท์ แววตาพนักงานฉายแววเจ้าเล่ห์
“เชิญค่ะ เดี๋ยวรอมิสเตอร์ปีเตอร์ตรงนี้สักครู่นะคะ เดี๋ยวไปตามมาให้ค่ะ”
นันณภัสเข้าไปรอพนักงานปิดประตู
นันณภัสนั่งรออยู่ในห้องพลางมองวิวด้านนอกอย่างสบายใจจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก
“มิสเตอร์ปีเตอร์”
นันณภัสหันกลับมาปรากฏว่าไม่ใช่ปีเตอร์แต่เห็นนักฆ่าหน้าตาย
“สวัสดีครับคุณพัด”
นักฆ่ายกปืนขึ้นจะยิง นันณภัสตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ นักฆ่าไม่ทันระวังจังหวะนั้นเรียวเข้ามาล็อคมือของมันแล้วชูปืนขึ้นฟ้าปืนลั่นไปที่เพดานหนึ่งนัด ด้วยความเร็วเรียวหันกระบอกปืนยิงใส่ตัวมันไปสามนัดขาดใจตายตรงนั้น
“นี่ นี่ มันอะไรกัน”
นันณภัสถามด้วยความตกใจ
“มาเร็ว”
เรียวพานันณภัสวิ่งออกไปถนนด้านหลังโรงแรมโดยไม่ลืมก้มเก็บปลอกกระสุนไปปลอกหนึ่ง นักฆ่าผู้หญิงคนที่พานันณภัสมาที่สวนตรงมาหาเรียวแล้วยิงใส่

เรียวพานันณภัสวิ่งหลบมาทางถนนด้านหลังโรงแรมซึ่งเป็นถนนแคบและมีถังขยะกำบัง

รถของบุ๊นวิ่งไปบนถนนอย่างรวดเร็ว อาฮวดนั่งข้างๆ

“สั่งก๊อปปี้วงจรปิดย้อนหลังทั้งหมด”
“ครับ”
อาฮวดกดโทรศัพท์ไปที่โรงแรม บุ๊นมีสีหน้าเคร่งเครียด

ที่โรงพยาบาล พยาบาลกำลังทำแผลให้นันณภัสที่ถลอกที่ข้อศอก แล้วพาออกมาที่หน้าห้องทำแผล บุ๊นเดินเข้ามาพอดี
“เป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดีที่เรียวช่วยไว้ทัน”
สีหน้าบุ๊นสบายใจขึ้น ฉัตรเดินออกมาจากห้องเรียวหลังจากสอบปากคำเสร็จ ฉัตรตรงมาหานันณภัสพอดีเจอบุ๊น เขาคำนับทำความเคารพแล้วแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมนักสืบฉัตร จากหน่วยสืบสวนพิเศษ ขอสอบปากคำคุณนันนภัสหน่อยครับ”
“ยินดีค่ะ”
“ตามสบาย”
บุ๊นพยักหน้ารับแล้วเดินจากไป

ขณะนั้นมีผู้สื่อข่าวมารอทำข่าวอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล
“จากการยิงถล่มคุณนันณภัส ลูกสาวนายบุ๊น นักธุรกิจใหญ่อย่างอุกอาจที่โรมแรมของตัวเองกลางกรุง นั้นขณะนี้นางสาวนันณภัส ได้มารักษาตัวที่นี่ เรากำลังรอเธออยู่คิดว่าสักครู่คงจะออกมาค่ะ”
ผู้สื่อข่าวรายงานสดและยังคงรอออยู่หน้าโรงพยาบาล

พยาบาลกำลังพันแผลให้เรียว อาฮวดอยู่ในห้องด้วยเขามาดูเรียวก่อนที่บุ๊นจะตามเข้ามา
“พอรู้ไหม พวกมันเป็นใคร”
“ท่าทางเป็นมืออาชีพครับ”
“เคยเห็นหน้าไหม”
“ไม่ครับ ไม่เคยเห็นพวกมันในธรรมเนียบมือปืนมาก่อน” เรียวหยิบปลอกกระสุนออกมาให้ดู “นี่ปลอกกระสุนของพวกมัน”
อาฮวดดูอย่างพิจารณาแล้ววิเคราะห์
“นอริงโก 11 มม. ทำในจีน”
“พี่ฮวดคิดว่ามันเป็นพวกไหนกันแน่”
“มีแก๊งเดียวในเมืองไทยที่ใช้ปืนจีน”
“เส็ง ราชวงศ์” บุ๊นบอก อาฮวดคิดเหมือนบุ๊น
“ผมนึกว่าเลิกไปนานแล้ว ซะอีก”
“สมัยก่อนมันเคยเป็นลิ่วล้อมังกรอยู่หลายปี”
บุ๊นแววตาเข้ม แค้น บอดี้การ์ดคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบอาฮวด แล้วส่งแผ่นก๊อปปี้วงจรปิดให้ อาฮวดพยักหน้ารับรู้แล้วบอกบุ๊นพร้อมกับส่งแผ่นก็อปปี้ให้
“นี่แผ่นก๊อปปี้วงจรปิดครับ เอ่อ นักข่าวมารอที่หน้าโรงพยาบาลเต็มเลยครับ ผมว่าเราออกข้างหลังจะดีกว่า และทางที่ดี คุณพัดไม่ควรจะนั่งรถคันเดิม”
ฮวดพาบุ๊นตามบอดี้การ์ดคนที่มาบอกออกไป

ขณะนั้นฉัตรสอบปากคำนันณภัสเสร็จพอดี
“ขอบคุณมากนะครับคุณนันณภัส ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมผมจะมาสอบปากคำอีกครั้ง”
ฉัตรหยิบเปิดกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดออกแล้วหยิบนามบัตรยื่นให้นันณภัส
“ยินดีค่ะ”
เรียวเปิดประตูเข้ามายืนมองนันณภัส
“คุณพัด เชิญครับ”
นันณภัสเดินออกจากห้อง
ที่ทางเดินไปที่จอดรถ เรียวเดินเคียงข้างนันณภัส เขามีผ้าพันแผลพันที่หน้าอกไปจนถึงไหล่ แล้วเอาสูทคลุมไว้ สีหน้าเขาดีใจที่นันณภัสปลอดภัย
“ขอบใจนะ”
เรียวพยักหน้าเล็กๆ แล้วเดินคู่กันไปดูเท่ห์

ฉัตรกับตำรวจคู่หูเดินมาที่กลุ่มนักข่าวที่หน้าโรงพยาบาล กลุ่มนักข่าวชะเง้อเตรียมสัมภาษณ์ ฉัตรกับคู่หูเดินฝ่าฝูงชนออกมา นักข่าวสอบถามทันที
“อาการคุณพัดเป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรนี่ครับ”
“ผู้กองคิดว่าเป็นฝีมือใครคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบนะ เอาไว้ดูพยานหลักฐานก่อน ขอตัวนะ”
ฉัตรกับคู่หูเดินไปที่รถ ทั้งคู่ขึ้นรถปิดประตู ฉัตรบ่น
“ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง แล้วจะสืบยังไงวะ”
“พวกคนดังก็อย่างนี้แหละ ชอบมีลับลมคมใน”
“ไม่ต้องออกความเห็นขับรถไป เดี๋ยวเจอร้านเครื่องเขียนจอดให้ด้วย”
“ทำไม จะเตรียมตัวสอบหรือ”
“ลูกสาวฝากซื้อสีกับพู่กัน”
คู่หูสตาร์ทรถขับออกไป

ลานจอดรถหลังโรงพยาบาลมีรถวิ่งมาจอดเทียบสองคัน บุ๊นกับอาฮวดยืนอยู่ เรียวเดินมากับนันณภัสแล้วขึ้นรถไป บุ๊นเพยิดหน้าให้อาฮวดขึ้นไปกับเรียว รถของนันณภัสขับออกไป บุ๊นเดินไปขึ้นรถอีกคัน เขาเข้าไปนั่งแล้วสั่ง
“ออกรถ”

รถบุ๊นวิ่งไปตามถนน กำลังตรงไปบ้านของมังกร สีหน้าบุ๊นคิดหนักเมื่อนึกถึงสิ่งที่คุยกับอาฮวดและเรียว
“นอริงโก 11 มม. ทำในจีน”
“พี่ฮวดคิดว่ามันเป็นพวกไหนกันแน่”
“มีแก๊งเดียวในเมืองไทยที่ใช้ปืนจีน”
“เส็ง ราชวงศ์” บุ๊นบอก อาฮวดคิดเหมือนบุ๊น
“ผมนึกว่าเลิกไปนานแล้ว ซะอีก”
“สมัยก่อนมันเคยเป็นลิ่วล้อมังกรอยู่หลายปี”

บุ๊นแววตาเข้ม แค้น

รถของบุ๊นวิ่งเข้ามาที่บ้านของมังกร บ้านมังกรอยู่ในสนามกอล์ฟ มังกรกำลังไดร์ฟกอล์ฟอยู่เขาเห็นรถของบุ๊นวิ่งเข้ามา มังกรมีสีหน้าแปลกใจ

มังกรกำลังเตรียมน้ำชาอยู่ในห้องนั่งเล่น บุ๊นเดินเข้ามา สีหน้ามังกรดูสบายๆ
“มาถึงนี่ พี่ใหญ่มีอะไรหรือครับ”
“พัดถูกลอบยิง”
มังกรตกใจนิดหน่อย
“หา รู้ตัวไหม”
“พอจะรู้แต่ไม่แน่ใจ”
มังกรรินน้ำชาให้บุ๊น มือสั่นนิดๆ เพราะเสียงบุ๊นดูน่ากลัว
“น้ำชาครับ”
บุ๊นพยายามมองตามังกร
“ยังนึกไม่ออกว่ากลุ่มไหน แกพอจะนึกออกบ้างไหม”
“โอ๊ย พี่ใหญ่ ผมยังไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวนี้มันมีกี่กลุ่มกี่ก๊ก”
บุ๊นเริ่มไม่ค่อยพอใจ
“แน่ใจหรือ”
“ครับ สมัยนี้มือปืนมันเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร ซุ้มไหนเป็นซุ้มไหน”
“ท่าทางรู้ดีนี่ นึกไม่ออกสักชื่อนึงเลยหรือ”
บุ๊นแววตาเข้ม เขารุกไล่
“ผมได้ไปยุ่งกับพวกนี้ที่ไหนกัน วันๆ ก็ยุ่งอยู่กับธุรกิจ”
“แต่แกยังใช้บริการ เส็ง ราชวงศ์อยู่นี่”
มังกรตีหน้าซื่อจนบุ๊นหมั่นไส้
“ไม่นี่ครับ ผมก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งในวงการนานแล้ว ไม่รู้จริง”
บุ๊นรู้ว่ามังกรโกหก เขาเริ่มเสียงเข้ม
“ทำไมมีคนเขาบอกว่า มันมาป้วนเปี้ยนอยู่กับแกล่ะ”
“ก็...เอ่อ...มีบ้าง เวลาเงินขาดมือ แต่มันก็นานมาแล้วนะ”
“ตอนนี้มันอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้จริงๆ”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่เชื่อล่ะ”
แววตามังกรแข็งขึ้น
“พี่ใหญ่พูดแบบนี้เท่ากับว่าสงสัยผมหรือ”
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะสงสัยทุกคน”
“พี่ใหญ่สงสัยฉัน มีหลักฐานหรือเปล่า เราก็ผ่านอะไรมาจนปูนนี้แล้ว จะพูดจาอะไรให้มันสมกับวัยหน่อย นี่ฉันเห็นว่าเราเป็นพี่น้องกันนะ” มังกรเริ่มเสียงดังบ้าง
“ทำไม ถ้าไม่ใช่พี่น้องแล้วจะทำไม”
“ใครจะไปทำอะไรคนอย่างนายบุ๊นได้ล่ะ แต่พี่ใหญ่อย่านึกนะว่าฉันตาบอด ใครทำอะไรหรือหมกอะไรเอาไว้ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้นะ”
มังกรกับบุ๊นจ้องหน้ากัน แววตาเข้มทั้งคู่ อย่างไม่ทันระวังบุ๊นเดินมาที่โต๊ะเอามือกวาดน้ำชาตกพื้นเสียงดัง สีหน้าเขาเอาจริงแล้วท้าทาย
“อย่าให้ฉันรู้นะว่าใครรู้แล้วไม่บอกฉัน หรือสิ่งที่ฉันให้มันยังไม่พอ อย่าให้ฉันต้องเปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นฮวงซุ้ยก็แล้วกัน”
บุ๊นเดินออกไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นมังกรมองตามในใจแค้น อาเพียวเดินสวนเข้ามาแล้วมองหน้ามังกรเหมือนว่ารอรับคำสั่ง
“ให้คนตามดูไว้”
“ครับ”

อาฮวดมาหาพีทที่คอนโดแต่ไม่เจอ ขณะนั้นพีทจอดรถนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่ท่าเรือห่างออกไปเห็นแมนชั่นของปลายฟ้าอยู่ไกลลิบๆ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพีทรับสาย
“ว่ายังไงครับเจ็กฮวด”
“นายอยู่ที่ไหน”
“ทำไม”
“ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีรีบกลับมาที่คอนโดก่อนครับ”
พีทมีท่าทางเบื่อ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ฉันเอาตัวรอดได้”
“แต่...”
“ไม่แต่ ฟังช้าๆ ชัดๆ อย่า...มา...ยุ่ง...กับ...ฉัน....” พีทวางสายทันที “ยุ่งอะไรกันนักหนาวะ”

ไทนั่งอยู่ที่ท่าเรือเหงาๆ คิดเรื่องบุ๊นกับเรื่องนันณภัส ฉัตรกับแป๊ดเดินมาหาไทในมือฉัตรมีเบียร์ ส่วนแป๊ดมีกับแกล้มพวกสแน็ค
“อ้าวไอ้ไท มานั่งทำมิวสิคอยู่นี่เอง”
“ซึ้งอะไรนักหนาหรือ”
“เปล่า ฉันแค่มานั่งคิดอะไรเพลินๆ”
“กินเบียร์ไหมล่ะ”
“เอาอีกแล้ว ชวนกินเหล้ากินเบียร์อีกแล้ว” แป๊ดต่อว่าฉัตร
“เฮ้ย ไอ้ไทมันไม่ใช่เด็กแล้วนะ กินได้”
“ข้ารู้แล้ว แต่ที่ข้าทักน่ะ กลัวเปลือง”
“ถุย ไอ้หน้ากระเพาะม้าเอ๊ย”
แป๊ดหัวเราะชอบใจ
“น้าล้อเล่นน่ะไท หมั่นไส้ไอ้หล่อฉัตรมัน ดูสิหน้ามันอย่างกับเทวดา หล่อตายแล้วมึง ว่างๆ ไปปลูกผมหน่อยนะ ครึ่งกบาลแล้วมึงน่ะ”
“เรื่องของกู นี่ไทเอ็งมีอะไรหรือเปล่าวะถึงมานั่งซึ้งคนเดียวที่นี่”
“ผมไม่เข้าใจ ว่าชีวิตคนเราเริ่มต้นเมื่อไหร่”
ไทรู้สึกคิดถึงนันณภัส
“เริ่มตั้งแต่คลอดและอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย มาตรา 15 ประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์เขาว่าไว้”
“ขอบคุณครับท่านอัยการ ถุย เอามันเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยสิวะ”
ไทยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ข้าล้อเล่น ข้าไม่รู้หรอก แต่รู้ว่าแม้ว่าข้าจะผ่านอะไรมาเยอะ ชีวิตของข้าเริ่มต้นเมื่อข้ามีความรัก”
“เอ็งเคยมีความรักกับเขาด้วยหรือ”
“มีสิ ก็หนูเอมไง ขัดอยู่ตลอด วันแรกที่ข้าเจอเขา ข้าก็รู้ว่าชีวิตข้าได้เริ่มต้นแล้ว เริ่มที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดเพื่อเขา”
“ข้าก็เหมือนกัน เออ เอ็งถามทำไมวะ หรือว่าอยากมีเมีย”
“โอ้ย จะบ้าหรือ ผู้หญิงที่ไหนจะมาเอาฉัน ฉันก็ถามไปอย่างนั้นแหละ กินเบียร์กันดีกว่า”

ทั้งหมดนั่งกินเบียร์ยกเว้นไท

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 3 (ต่อ)

คืนนั้นนันณภัสนั่งอยู่ที่ระเบียงชั้นบนเธอรู้สึกผ่อนคลาย สักครู่เธอเดินออกไปนอกห้อง เรียวนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกคอยอารักขา เรียวได้ยินเสียง ในมือเตรียมอาวุธแต่ไม่ได้ชักออกมาเมื่อเห็นเป็นนันณภัสจึงโล่งใจ

“นายเรียว”
“คุณพัดจะไปไหนหรือครับ”
นันณภัสพูดดีกับเรียวไม่เหมือนเมื่อก่อนเธอไม่รู้สึกรำคาญแต่เห็นว่าเรียวเป็นห่วงจริง
“ฉันอยากไปเดินเล่น”
นันณภัสเดินออกไปเรียวเดินตามเขายังสวมสูทแบบไม่ใส่เสื้อข้างในเพราะพันแผลไว้
“คุณพัดนี่แน่จริงๆ แกร่งกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก”
“จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ฟูมฟาย สั่นกลัว หรือย้ายไปอยู่ต่างประเทศสักพัก มันไม่มีประโยชน์หรอก สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ต้องยอมรับมัน และอยู่กับมันให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
“คุณไม่กลัวหรือ”
“กลัว ใครๆ ก็คงต้องกลัว เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ยังมีนายอยู่ข้างๆ ก็พอข่มใจไม่ให้กลัวไปได้บ้าง”
“คุณพัดจะเดินเล่นใช่ไหมครับ เชิญครับ”

พีทนั่งดื่มที่คอกเทลเลาจญ์มีนักเลงแต่งตัวดีสองคนดินเข้ามานั่งด้วยท่าทางนิ่งและเอาจริง
“ขอโทษนะครับ”
“นายมีธุระอะไรไม่ทราบ”
“ผมไม่มีหรอกแต่พี่เต๋ามี”
พีทหวั่นๆ เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วนึกสักครู่
“ไปบอกพี่เต๋านะว่าฉันไม่ว่างวันหลังค่อยคุยก็แล้วกัน”
“เห็นทีจะไม่ได้น่ะสิครับผมว่าเชิญคุณพีทดีกว่า”
นักเลงเอาปืนมาจี้ที่เอวพีท พีทมีสีหน้าจำยอม

ไท แป๊ด ฉัตรนั่งกินเบียร์จนหมด แป๊ดจึงขอตัว
“ดึกแล้วข้าขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้ข้าต้องทำงานแต่เช้า”
“ข้าด้วย วันนี้ทำไมอิ่มเร็วนักวะ เอื๊อก ไปไอ้ไท กลับบ้านกัน”
“ไม่ล่ะครับ ผมอยากเดินเล่นอีกสักพัก”
ฉัตร แป๊ดรับรู้ ทั้งหมดแยกกัน

นักเลงพาพีทนั่งรถที่เบาะหลังและคุมตัวเข้ม
“จะไปที่ไหนกันไม่ทราบ”
“ถึงแล้วก็รู้เอง”
รถขับมาเรื่อยๆ แล้วมาติดไฟแดงที่สี่แยก ท่าทางพีทดูกังวล อีกมุมหนึ่งปลายฟ้าขับเวสป้ามาแล้วติดไฟแดงพอดี เธอจอดรถรอเลี้ยวขวา ฝั่งรถพีทไฟเขียว เขาขับตรงไป อย่างไม่คาดฝันพีทเห็นปลายฟ้าติดไฟแดงอยู่
“เฮ้ยนั่น”
พีทถูกควบคุมตัว เขาจึงได้แต่เหลียวมองปลายฟ้าที่ขี่เวสป้าวิ่งจากไป พีททำหน้าเซ็งและโมโหอุตส่าห์เจอจนได้เสือกมีกรรมมาบังอีก

รถที่รับพีทมาวิ่งมาจอดที่ท่าเรือ มีกลุ่มคน ราว 10 คนรวมพี่เต๋าด้วยมายืนขวาง นักเลงสองคนลงไปจากรถ พีทยังคงนั่งอยู่ในรถ สักพักพีทจึงลงจากรถเตรียมรับมือ ฝ่ายตรงข้ามเป็นแก๊งลูกเต๋า มีพี่เต๋าเป็นหัวหน้ากับลูกน้องเป็นสิบ พีทมองหน้าพี่เต๋าแววตาเข้ม เขาพับแขนเสื้อเตรียมลุย
“วันนี้แก๊งลูกเต๋า มาทำอะไรกันเนี่ย ดูสิ เต็มไปหมดเลย”
“แกคงรู้ใช่ไหมว่าพวกฉันโดนทลาย”
“ก็พอรู้มาบ้าง”
“และก็รู้อีกใช่ไหม ว่ามันรั่วมาจากใคร”
“รู้ เอ๊ย ไม่รู้ ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะพี่เต๋า”
“ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเล่านิยาย ยังไงฉันก็ต้องตามเก็บคนที่รู้เรื่องนี้ทุกคนอยู่แล้ว”
พีทหน้าเข้มเตรียมรับมือ
“เรื่องมันแล้วไปแล้วน่าพี่ จะมาลื้อฟื้นทำไม งวดหน้าผมลดราคาของให้ครึ่งนึงก็ได้”
“ขอบใจในความเอื้อเฟื้อ แต่ฉันคงปล่อยแกไว้ไม่ได้”
สิ้นเสียงหัวหน้า ลูกน้องก็เข้ามาลุย พีทตรงเข้าต่อสู้ด้วยหมัด แต่อีกฝ่ายมีทั้งไม้ โซ่ ฯลฯ พีทต่อยไปได้สองสามคนก็โดนบ้าง เขาอึดพอที่จะสู้ต่อไป
อีกมุมหนึ่งไท เดินมาตามทางจะกลับบ้าน พีทชกต่อยอย่างบ้าเลือด เขาเริ่มโดนหนักขึ้น พีทยิ้มบ้วนเลือดออกจากปาก
“มีฝีมือแค่นี้หรือ”
หัวหน้าที่มองดูอยู่นานเห็นว่าพีทท้าทายจึงลงมือด้วยตัวเอง พีทอ่อนแรงแล้วทรุดลงไปในที่สุด พีทนอนที่พื้นถนนพยายามจะลืมตาดูแต่เขาก็หมดสติลง
“เอามันไปทิ้ง”
หัวหน้าสั่ง พีทถูกหามไปที่ท่าเรือแล้วโยนลงน้ำ ไทอยู่ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเหตุการณ์ เขาเห็นพีทถูกโยนลงน้ำทั้งที่สลบอยู่ ไทจึงโดดน้ำลงไปช่วยพีท
ไทคว้าตัวพีทไว้ได้ แล้วพาโผล่ขึ้นมาข้างเสาสะพานในมุมมืด เพื่อความปลอดภัย

แป้งออกจากร้านเดินนับเงินออกมาหาปลายฟ้าที่รออยู่
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ”
“เออ โทษทีนะ พอดีพวกกะดึกดันมาสายน่ะ เลยต้องวานแกมารับเลย เมื่อยจังเลย รู้งี้ไปสอนดนตรีแบบแกดีกว่า”
“โหย ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน่ะ”
“ว่าแต่…”
“ของชอบของแกใช่เปล่าทำงานอย่างเก่าน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาทนอดๆ อยากๆ กัน”
แป้งหัวเราะเห็นด้วยกับปลายฟ้า
“นี่แกทำอะไรน่ะเล่นเอ็มหรือ”
“ฉันไม่เสียเวลาไปกับเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นหรอก เอาเวลามาหางานหาเงินเลี้ยงปากท้องดีกว่า”
แป้งนั่งลงมาดู
“แล้วได้หรือยังล่ะ”
“ยังเลย เฮ้ย นี่ นี่ ได้งานแล้ว ดูสิ แป้ง”
“งานอะไรของแก”
“ที่สวนสัตว์ Goody Zooเขารับสมัครงานพาสไทม์ด้วย”
“อย่าบอกนะว่าแกจะไปทำงานที่สวนสัตว์”
“ฉันก็จะบอกแกนี่แหละว่าฉันจะไปทำงานที่สวนสัตว์”
“แกเลี้ยงสัตว์เป็นกับเขาด้วยหรือตั้งแต่คบกันมาฉันยังไม่เคยเห็นแกให้อาหารสัตว์กินเลย”
“นี่ จะกินเองยังไม่พอเลย จะเอาที่ไหนไปเลี้ยงสัตว์ แต่ตอน เด็กๆ ฉันเคยเลี้ยงแมว นะ เลี้ยงหนูแฮมเตอร์ เลี้ยงกระรอก เลี้ยงปลา ด้วยนะ”
“แล้วตอนนี้ไปไหนหมดแล้วล่ะ”
“ตายหมดแล้ว อดตายด้วยนะ”
“เวรกรรม ฉันว่าแกอย่าหาเรื่องดีกว่า”
“ไม่ ยังไง ฉันก็จะลองไปสมัครดู เชอะ ปิด เป็นอันจบข่าว”

ปลายฟ้าปิดโน๊ตบุ๊คเป็นอันจบข่าว

กองไฟกำลังลุกโชน ในถ้ำบนหน้าผาที่มองลงมาเห็นเมืองทั้งเมืองดูสว่างไสว ไทนั่งเหม่อมองดูเมืองอยู่ที่ปากถ้ำ พีทนอนสลบอยู่ข้างหลังเขาร่างกายและหน้าตาของเขาอ่วม บอบช้ำไปทั้งตัว สักพักพีทเริ่มสำลักและรู้สึกตัว ไทหันไปดู

“นี่คุณ นอนพักก่อนก็ได้นะ คุณเป็นยังไงบ้าง”
พีทไม่ค่อยพอใจในคำพูดของไท เขาบาดเจ็บหนักเสียงแทบไม่มี
“อุย นายเป็นใคร”
“ผมชื่อไท”
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
“มันโยนนายลงน้ำ”
พีทสีหน้าบอกว่าฉุน
“พวกมันกะเอาถึงตายเลยหรือ”
“นายไปมีเรื่องกับใคร จะให้ผมแจ้งตำรวจไหม”
“ไม่...รู้ไปก็เท่านั้น”
“ผมว่าคุณพักก่อนดีกว่านะ คุณไม่ใช่คนแถวนี้ แล้วคุณมาป้วนเปี้ยนที่นี่ทำไม”
พีทนึกถึงปลายฟ้าทำให้ลืมความแค้นไปได้
“ฉันมาตามหาเพื่อน”
“แล้วเจอหรือเปล่า”
“เจอ เอ๊ะ ไม่ ฉันเจอแต่ไม่ได้คุยกัน” ไทนึกขัน
“อะไรกัน เจอเพื่อนแต่ไม่ได้คุยกัน ท่าทางจะเป็นเพื่อนผู้หญิงสินะ” ไทพูดแบบรู้ทันพีทเขินๆ
“ประมาณนั้น”
“นายจะกลับบ้านยังไง”
พีทคิดแล้วล้วงกระเป๋าไปมาไม่มีเงินสักบาท
“นายมีเหรียญบ้างไหมล่ะ”

อาฮวดนั่งอยู่ที่ที่พัก เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสาย
“สวัสดีครับ”
พีทพูดอย่างดีใจน้ำเสียงไม่ปกติ มีไทพยุงอยู่
“เจ็กฮวด”
พีทมีสีหน้าดีใจที่อาฮวดรับสาย
“ผมว่าคุณควรจะไปหาหมอ” ไทบอกอย่างเป็นห่วง
“ตู้ปิดแล้ว”
พีทหมายถึงหมอนวด แล้วเขาก็หลับตาจบการสนทนา พีทนั่งพิงตู้โทรศัพท์แบบหมดใจเขาบาดเจ็บมาก
ไทเดินวนไปมาข้างๆ สักพัดรถอาฮวดก็มาจอดอาฮวดลงมาเห็นพีทแล้วตกใจ
“นายน้อยเป็นยังไงบ้าง” อาฮวดทำท่าจะถามแล้วมองไปที่ไทอาฮวดจำไทได้เขาพยายามมองตาไทแล้วคิด “นายนั่นเอง”
“ยังไม่ต้องถาม คนนี้เขาช่วยฉันไว้”
พีทบอก อาฮวดมองไทแล้วควักเงินให้
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรหรอกถือว่าเป็นค่าเช่าเครื่องมือก็แล้วกัน”
ไทไม่สนใจและเดินจากไป พีทมองไทแบบสงสัยและไม่เข้าใจ ว่ามันเป็นคนดีหรือหยิ่ง อาฮวดพยุงพีทขึ้นรถแล้วขับออกไป

อาฮวดพาพีทมาส่งที่คอนโด
“คราวนี้พวกไหนนายน้อย”
“ช่างเถอะน่า เรื่องมันแล้วไปแล้ว”
พีทตัดบทเพราะไม่อยากบอก แต่อาฮวดยังซักไซร้
“ทำไมถึงไม่อยากบอก”
“และทำไมถึงอยากรู้นักหนาล่ะ”
“แค่อยากรู้ว่าเป็นพวกที่ผมคิดหรือเปล่า” พีทมองอาฮวดแบบสงสัย
“ไม่ใช่หรอกมั๊ง”
อาฮวดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับนันณภัสแต่ไม่อยากบอกเพราะกลัวพีทจะไปกันใหญ่
“นายคงต้องพักสักระยะ อย่าเพิ่งออกไปไหน พวกมันอาจจะไม่แน่ใจว่าตายก็ได้”
“ขอบคุณมาก เจ็กฮวด”
“พักผ่อนซะ”
อาฮวดดูเก็บโน่นเก็บนี่ หันมาอีกทีพีทหลับไปแล้ว เขามองพีทอย่างเอ็นดู แล้วเดินไปสำรวจประตูให้เรียบร้อยแล้วกลับมานอนที่โซฟา เขาปัดแล้วเอาผ้าปู พลางเอาปืนใส่ไว้ใต้หมอนแล้วล้มตัวลงนอน โทรศัพท์เรียกเข้า อาฮวดรับ
“ครับท่านประธาน คุณพีทอยู่ที่คอนโดครับ...ครับ...ทุกอย่างเรียบร้อย”
อาฮวดวางสาย

บุ๊นวางสายโทรศัพท์มือถือที่คุยกับฮวดเมื่อสักครู่แล้วเดินเข้ามาในห้องลับที่เขาชอบใช้ประชุมงานส่วนตัว เขาเปิดทีวี ในทีวีมีข่าวนันณภัสพัดถูกยิง
“เมื่อเที่ยงวันนี้ได้มีการลอบยิง นางสาวนันณภัส ลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ที่โรงแรมของตัวเอง โดนมือปืนได้ปลอมตัวและแฝงมาในรูปของพนักงาน ซึ่งการยิงครั้งนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ และที่สำคัญยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ภาพจากวงจรปิด ที่ได้มาจากสถานที่เกิดเหตุ เชิญชมค่ะ”
ในภาพข่าวมีภาพโรงแรมในส่วนต่างๆ และสถานที่ที่ถูกลอบยิง
บุ๊นปิดทีวีสีหน้าเข้ม แล้วเอาดีวีดีก๊อปปี้วงจรปิดใส่เครื่องแล้วเปิด เขามาทรุดนั่งที่หน้าทีวีอย่างตั้งใจ ในมือมีรีโมท เขาเลื่อนเดินหน้าถอยหลังไปมาแล้วใช้ความคิด
ที่จอทีวีมีการย้อนภาพและเดินหน้าตามรีโมท สีหน้าบุ๊นตั้งใจมาก เขาต้องการรู้ว่าใครทำ และเขาก็สันนิษฐานในใจ

วันต่อมาพีทตื่นขึ้นมาเขาลุกไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวท่าทางเขาไม่ไหวแต่ฝืน อาฮวดเข้ามาในมือมีโจ๊ก และปาท่องโก๋ อาฮวดแซว
“ออกไปไหนหรือครับ”
พีททรุดนั่งท่าทางยังเจ็บ
“เปล่า ความเคยชินน่ะ”
“นี่อาหารเช้า ผมให้คนเอารถมาจอดไว้ข้างล่างแล้ว ผมต้องไปก่อนมีอะไรก็โทรมานะครับ”
อาฮวดเดินออกไปกำลังจะพ้นประตูพีทเรียก
“เดี๋ยวเจ็ก”
อาฮวดหันมาสีหน้ามีเมตตา
“เรื่องนี้ไม่ถึงหูท่านประธานหรอก นายจะไม่บอกจริงๆ หรือว่าฝีมือใคร”
พีทรู้สึกขอบคุณอาฮวดแล้วบอก
“แก๊งลูกเต๋า”
อาฮวดรับรู้แล้วเดินออกไป
“แก๊งลูกเต๋า”
“เดี๋ยว ขอบคุณเจ๊กฮวด”
“ครับ”
ระหว่างทางไปที่ลิฟต์อาฮวดโทรศัพท์สั่งลูกน้องทันที

“เดี๋ยวพาพวกแวะไปเยี่ยมแก๊งลูกเต๋ากันหน่อย”

ปลายฟ้าแต่งตัวแบบซาฟารี มายืนที่หน้าสวนสัตว์ด้วยความมั่นใจเธอเดินเข้าไปในสวนสัตว์ เครนขึ้นเห็นความกว้างใหญ่กับคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ปลายฟ้านั่งตรงหน้าพี่ธง เธอดูสดใส พี่ธงอ่านใบสมัครแล้ววุฒิการศึกษาของเธอด้วยสีหน้าคิดหนัก พี่ธงเปิดรูปผลงาน Portforio ของปลายฟ้า ซึ่งมีภาพถ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานเลย ปลายฟ้ารู้สึกภูมิใจแล้วอธิบาย

“ดาวประจำโรงเรียน”
“หนู”
“เซลโล่”
“หนู”
“ร้องเพลงปลาทอง”
“นี่ถ่ายตอนเป็นลีดฯสมัยประถมค่ะ น่ารักไหม นี่ก็ถ่ายกับอั้ม ดาราดัง รู้จักไหมคะ เกี่ยวกับสัตว์ก็มีนะคะ เปิดไปอีกหน้าสิ”
พี่ธงเปิดไปอีกหน้าเห็นว่ามีปลายฟ้าถ่ายกับ แมว ถ่ายกับตุ๊กตาสัตว์ และมาสคอทสัตซ์ต่างๆ พี่ธงทำหน้าเซ็งแต่เกรงใจ เมื่อเปิดไปอีกหน้าพบรูปปลายฟ้า ตอนเป็นเด็ก ไม่ใส่เสื้อผ้า
“นี่ใครน่ะ”
ปลายฟ้าชะโงกดูแล้วตกใจ
“น่ารักใช่มั้ยล่ะคะ โตมาก็ยิ่งหน้าตาดีไปกันใหญ่เลย” ปลายฟ้าหัวเราะแก้เขินแล้วดึงสมุดกลับมา
“นี่น้องกำลังเรียนดนตรีอยู่นี่ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับสัตว์ตรงไหนเลยแล้วจะดูแลสัตว์ได้หรือครับ”
“เกี่ยวสิคะ ดนตรีนะคะช่วยกล่อมจิตใจได้อย่างดีเลย งั้นหนูถามอะไรหน่อยเวลาพี่ฟังดนตรีแล้วสบายใจไหมคะ”
“ก็สบายใจดี เวลาเหงาๆ ก็เอาดนตรีมาเล่น”
“นั่นไง เห็นไหม ขนาดพี่ยังเชื่อว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ดีเลย อีกอย่างนะคะ คนที่เรียนดนตรีจะเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน รักธรรมชาติ รักสัตว์ รักเด็ก รักพ่อเด็ก เอ๊ย อันหลังนี้ไม่ใช่ค่ะ สรุปแล้วนะคะ หนูน่ะเหมาะกับงานแบบนี้มากที่สุด”
พี่ธงฟังจนเคลิ้มแล้วตัดสินใจ
“ก็ได้ พี่ตกลงรับน้อง เข้าทำงาน ว่าแต่น้องชื่ออะไรนะ อ๋อ ปลายฟ้า ชื่อเพราะดีเดี๋ยวเธอไปหาคนที่ชื่อไทนะแล้วเขาจะแจกงานให้เอง เรามีที่พักให้ด้วยนะ วันไหนเลิกค่ำจะพักก็พักได้”
ปลายฟ้าดีใจยิ้มกริ่ม
“ขอบคุณค่ะ”

ปลายฟ้าเดินมาตามทางของสวนสัตว์เธอเดินดูสัตว์สองข้างทาง เธอพยายามหาไทแต่ไม่รู้จักจึงถามคนงานที่ดูมอมแมม ซึ่งสวมหมวกหลุบใบหน้าเนื้อตัวมอมแมมกำลังก้มเอาอาหารให้สัตว์อยู่
“พี่คะ พี่ชื่อไทหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ...ขอโทษนะ รู้จักคุณไทไหม”
ชายคนนั้นก้มหน้าอยู่แล้วถาม
“ไทไหน ที่นี่มีหลายไท”
ปลายฟ้าคิดมันก็จริง ดันลืมถามนามสกุลมาด้วย
“นั่นสิไทไหนนะ ไทกอมั้ง ที่มือหงิกๆ อย่างนี้น่ะ” ปลายฟ้าทำท่ามือหงิกแบบล้อเลียน ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นไท สีหน้าเขาไม่ดี “ฉันล้อเล่นน่ะ นี่นายอย่าไปบอกนายไทนะ เอาไว้ล้อกันสองคน คนอะไรชื่อไทกอ” ปลายฟ้าหัวเราะ “ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าไทไหน เห็นผู้จัดการบอกว่าอยู่แถวนี้น่ะ”
ไทนิ่งแล้วมองดูปลายฟ้าหัวจรดเท้า
“เธอตามหาเขาทำไม”
“ฉันเป็นพนักงานพาสไทม์เพิ่งมาทำงานใหม่ ผู้จัดการสั่งให้ฉันมารับงานจากหัวหน้าไท ไหน เขาอยู่ไหนล่ะ”
ไทเฉยหน้านิ่ง
“ฉันนี่แหละ ไทกอที่เธอตามหา” ไททำมือหงิกให้ดูด้วย
ปลายฟ้าปากอ้าตาค้าง ซวยละกู แล้วทั้งคู่ก็แปลกใจเพราะเคยเจอกันมาแล้ว
“นาย นั่นเอง ฉันไม่เคยถามชื่อนายเลยนี่เนอะ นายเป็นหัวหน้าที่นี่หรือ ดีจัง”
ไทนิ่งในใจรู้สึกดีแต่วางตัว
“ฉันก็เป็นทุกอย่างนั่นแหละ”

ไทเดินนำปลายฟ้ามาที่โรงอนุบาลลูกเสือระหว่างทางก็เดินคุยกันมา ไทสงสัยในชุดที่ปลายฟ้าสวมมาวันนี้
“นี่เธอจะมาเลี้ยงสัตว์หรือมาล่าสัตว์เนี่ย”
“เอ้า นี่ชุดซาฟารีแอฟริกาเลยนะ อุตส่าห์ดีไซน์มา ใส่อย่างนี้แหละสัตว์มันจะได้กลัวเกรงเรา หัวหน้าไม่รู้อะไรซะแล้ว”
ไทปล่อยให้ปลายฟ้าบ้าไปคนเดียวแล้วสอบถาม
“ไม่เคยมีประสบการณ์เลี้ยงสัตว์ มาเลยใช่ไหมเนี่ย พี่ธงหลับหูหลับตารับเข้ามาได้ยังไงนะ”
ปลายฟ้ายิ้มแย้มกระล่อน
“พี่เขาไม่ได้หลับหูหลับตารับนะลูกพี่เขาตั้งใจรับจริงๆ”
“ช่างเถอะ ไหนไหนก็รับมาแล้ว ตอนเด็กๆ เคยเลี้ยงสัตว์อะไรบางไหม”
“เด็กๆ หรือ ก็แมวไง เป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันถนัดที่สุดเลยลูกพี่”
ไทยิ้มสีหน้าพอใจ
“จริงหรือ กำลังอยากได้คนดูแลแมวพอดีเลย”
ปลายฟ้ายิ้มอย่างภูมิใจแล้วเดินเข้าไปในโรงกับไท จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของปลายฟ้าดังออกมา
ในโรงเสือ ปลายฟ้ากอดไทและหลบอยู่หลังไท เพราะแม่เสือขู่คำรามคนแปลกหน้า
“ว้าย ช่วยด้วย สะ..สะ...เสือ “
“ตกใจอะไรนักหนา มันอยู่ในกรง”
“แต่ฉันกลัวนี่ลูกพี่”
“ไหนบอกว่าเคยเลี้ยงแมวไง”
“นี่มันไม่ใช่แมวแล้ว”
ไทหัวเราะอย่างพอใจ

เวลาผ่านไป ปลายฟ้ายืนอุดจมูกหน้ามุ่ยอยู่หน้ากรงเสือ
“ทำไมคนสวยอย่างฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย”
ไทเอาชุดทำความสะอาดกรงมาให้ เขาวางแล้วยื่นไม้ถูพื้นให้
“เอ้า ทำความสะอาดกรงซะ นี่ไม้กวาด เสร็จแล้วเอาน้ำฉีดให้สะอาดล่ะ”
“เฮ้ย ทำไมสกปรกอย่างนี้ล่ะ”
“จะทำไหม ไม่ทำจะได้หาคนใหม่”
“ทำก็ได้”
ปลายฟ้ารับไม้ถูพื้นไปหน้าตามุ่ย
“นึกว่าเป็นเชลโล่ก็แล้วกัน เอ้า สีซะเล่นให้เพราะๆ นะ”
ไทหัวเราะขันๆ แล้วเดินจากไป
“เชอะ นึกว่าจะถอยหรือไม่มีทาง เฮ้อ พวกแกกินอะไรกันนะ อึถึงได้เหม็นขนาดนี้”
ปลายฟ้าลงมือล้างขัดกรง

ปลายฟ้าเดินโซเซเข้ามาที่ห้อง เนื้อตัวมอมแมม แป้งกำลังกินมาม่าอยู่ เห็นปลายฟ้าแล้วอุดจมูก
“แกไปทำอะไรมา อื้อหือ เหม็นเป็นบ้าเลย”
“ก็ไปทำงานน่ะสิ”
“ที่สวนสัตว์เขาใช่แกไปขนขยะหรือไง”
“ยิ่งกว่านั้นอีก โอย สารพัด”
“ทำไมมันเหม็นสาบแบบนี้ฉันว่าแกอย่าไปทำเลย ดูทรงแล้วไม่รอดแน่ อีกอย่างฉันอาจจะนอนหลับไม่ตื่นเพราะกลิ่นของแก”
ปลายฟ้ามีสีหน้ามุ่งมั่น
“เออว่ะท่าทางจะไม่ไหว งานหนักกว่าหินอีก ดูมือนักดนตรีของฉันสิ ต้องวางเชลโล่ไปจับไม้ถูพื้น ไม่ได้ ถ้าฉันถอดใจ นายนั่นก็จะดูถูกฉัน หาว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เฮ้อ แต่คิดดู มันคงไม่เสียศักดิ์ศรีเท่าไหร่ เนอะ” ปลายฟ้าฮึดขึ้นมาอีก “ไม่ได้ไม่เอาดีกว่า ฉันทนให้หัวหน้าหัวเราะเยาะในความไม่เอาไหนของฉันไม่ได้ ฉันต้องสู้ ฉันต้องพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าฉันทำได้ สู้ๆ”

ปลายฟ้าทำแขนแบบสู้ สู้ สีหน้ามั่นใจ

วันต่อมา ขณะที่ไทกำลังเตรียมอาหารสัตว์อยู่ที่รถขนอาหารเพื่อจะเอาไปให้สัตว์ตามปกติ พี่ธงเดินเข้ามาหา

“โอเค รถออกเสร็จแล้ว ขอบใจมาก”
“จะออกไปให้อาหารสัตว์หรือไท”
“ครับวันนี้ว่าจะให้แต่เช้าหน่อย”
พี่ธงมองหาปลายฟ้า
“พนักงานใหม่เป็นยังไงบ้าง ป่านนี้ยังไม่มาหรือ”
“ครับ”
สิ้นเสียงไท ปลายฟ้าก็ตะโกนมาแต่ไกล
“สวัสดีตอนเช้าลูกพี่ กู๊ดมอร์นิ่งค่ะ”
ไทกับพี่ธงรับรู้
“รอตั้งนาน นี่ฉันกะจะจุดธูปเรียกอยู่แล้วนะ”
“โธ่ลูกพี่ ฉันไม่ได้มาสายนะ ลูกพี่มาเช้าเองต่างหาก ไป ไป ไป ทำงานได้แล้ว”
ไทกับปลายฟ้าขึ้นรถขับออกไป พี่ธงมองตามนึกขำในความติงต๊องของปลายฟ้า

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่บ้านบุ๊น นันณภัสแต่งตัวออกจากบ้านจะไปทำงาน บุ๊นนั่งดื่มชาอยู่ถามลูกสาว
“จะไปทำงานแล้วเหรอลูก”
“ค่ะ”
“หยุดพักสักวันสิลูก”
“ก็อยากจะหยุดนะคะแต่งานกำลังเร่งค่ะ พัดหยุดไปวันนึงงานอาจจะช้าไปถึงครึ่งเดือนก็ได้ พัดไปนะคะ”
บุ๊นมองนันณภัสอย่างเข้าใจแต่สายตาเป็นห่วง นันณภัสยิ้มให้บุ๊นแบบสบายใจ เรียวกับอาฮวดเดินเข้ามา นันณภัสส่งเอกสารให้เรียวถือแล้วเดินนำออกไป เรียวกำลังจะเดินตามไปแต่บุ๊นเรียกไว้
“เรียว”
สายตาบุ๊นบอกเรียวว่าให้ดูแลนันณภัสดีๆ โดยไม่มีคำพูด เรียวเข้าใจแววตาเขาจริงจังและโค้งให้บุ๊น
“ไม่ต้องห่วงครับ”
เรียวเดินออกไปโดยไม่ลืมมองอาฮวด อาฮวดพยักหน้าให้ บุ๊นยืนขึ้นมองตาเรียวกับนันณภัสจนกระทั่งรถแล่นออกไป
“ตาพีทเป็นยังไง”
“อยู่คอนโดครับ”
บุ๊นรับรู้แต่สายตายังกังวล
“ได้เรื่องคนยิงบ้างไหม”
“กำลังให้คนตามอยู่ครับ”
บุ๊นส่ายหน้าช้าๆ เดินไปที่หน้าต่าง อาฮวดนึกอะไรจึงบอกเป็นนัยๆ
“คุณเจียงท่าทางจะไม่พอใจเรื่องโรงแรมมากครับ”
“อย่างนั้นหรือ”
บุ๊นฟังอาฮวดแล้วคิดบางอย่าง

ส่วนที่สวนสัตว์ไทขับรถพาปลายฟ้ามาให้อาหารสัตว์
“นี่เธอ นั่งมานานลงได้แล้ว”
“มา จะให้ฉันทำอะไรบ้าง”
“เอ้า เอาอาหารให้มัน ไม่ต้องมากนะ”
“อ้าวไม่มากแล้วมันจะอิ่มหรือ” ไททำหน้าเซ็ง
“นี่เธอเป็นกวางหรือถึงได้รู้ว่ามันอิ่มหรือไม่อิ่ม”
“ก็มันน้อยนี่”
“นอกจากพวกพืชแล้วเดี๋ยวต้องให้อาหารเสริมมันอีก เอาแค่พอประมาณก่อนเข้าใจไหม”
ปลายฟ้ามีท่าทางเข้าใจ ไทขับรถออกไปต่อ
ไทขับรถพาปลายฟ้ามาที่กรงอูฐ อุฐมีท่าทางฟึดฟัดจนปลายฟ้ากลัว
“นี่มันไม่กัดฉันแน่นะลูกพี่”
“ไม่หรอก” ปลายฟ้าเบาใจแล้วเอาอาหารไปให้ “แต่ถ้ามันไม่พอใจ มันก็จะเตะเลย คนเลี้ยงคนที่แล้วซี่โครงหักไปสามซี่ ลาออกกลับบ้านไปเลย”
ปลายฟ้าตกใจรีบกระโดดออกมาเกาะมือไท
“แล้วก็ไม่บอก โธ่ ดูสิปล่อยให้เข้าไปซะใกล้เชียว”
ไทหัวเราะชอบใจ
“เอาน่า เรามีประกันให้อยู่แล้วไม่ต้องกลัวหรอก”
“ลูกพี่เอาไว้ใช้คนเดียวเถอะ ไป ไปต่อจะได้เสร็จๆ”
ไทชอบใจมองปลายฟ้าแบบเอ็นดู แล้วขับรถไปต่อ ครางวนี้ไทพาปลายฟ้ามาที่กรงงู ไทลงจากรถแล้วหันไปมองปลายฟ้า ปลายฟ้ากอดกระบะรถไว้แน่นสีหน้าเอาจริง
“ไม่” งูเลี้อยยั้วเยี้ยในกรงน่าขยะแขยง “ไม่ ไม่เด็ดขาด ฆ่าฉันเลยดีกว่า”
ไทส่ายหน้าแล้วเอาอาหารให้งูเอง
“ไม่ลองหน่อยหรือ พวกเนี้ยมันน่ารักทั้งนั้นเลยนะ”
“น่ารักก็ขอแต่งงานไปเลยไป อย่ามายุ่งกับฉัน”
ปลายฟ้าเกาะกระบะรถแน่น
พอเสร็จจากให้อาหารงู ไทพาปลายฟ้ามาที่ล่ามช้าง ปลายฟ้ามีท่าทางเหนื่อยอ่อนเมื่อเห็นอาหารมากมายที่กองอยู่
“นี่ยังจะให้อาหารอีกหรือ ของเก่ายังกินไม่หมดเลย”
ไทหยิบเครื่องมือทำความสะอาดส่งให้
“ใครบอกล่ะว่าจะให้อาหาร โน่นเก็บขี้มันโน่น”
มีขี้ช้างกองไว้มากมาย ปลายฟ้ามีสีหน้าตกใจในใจนึกรังเกียจ
“เก็บขี้ช้างเนี่ยนะ อ้วก”
“จะออกก็ได้นะจะได้รับคนใหม่”
ปลายฟ้าฮึดสู้
“ไม่ ฮือ ทำไมต้องเป็นเรานะ”
ปลายฟ้าเอาผ้ามาปิดจมูกแล้วเริ่มทำงาน ไทยืนมองอมยิ้ม

ทางด้านนันณภัส ระหว่างอยู่ในรถนันณภัสถามเรียวอย่างเป็นห่วง
“แผลเป็นยังไงบ้างเรียว”
“ไม่เป็นอะไรมาก อีกสองสามวันก็หายแล้วครับ”
“อาชีพอย่างนายนี่เสี่ยงนะ ทำไมไม่หาอาชีพอย่างอื่นทำล่ะ”
“ผมรักอาชีพนี้ครับ และก็เต็มใจที่จะดูแลความปลอดภัยให้คุณพัดตลอดไป”
ความหมายของเรียวคือเขาหลงรักนันณภัส แต่นันณภัสเข้าใจถึงความซื่อสัตย์ รถวิ่งผ่านโบสถ์ของซิสเตอร์ไป

นันณภัสมองโบสถ์แล้วคิดอะไรบางอย่าง

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 3 (ต่อ)

ปลายฟ้านั่งสับปลาตรงกรงแมวน้ำอย่างเซ็งในความเหม็น ไทกำลังดูแลและเล่นกับมันอย่างสนิทสนมซึ่งเป็นการฝึกเล็กๆ น้อยๆ ให้แมวน้ำ ปลายฟ้าเห็นแล้วอยากลองเปลี่ยนตำแหน่ง

“นี่ลูกพี่ ฝึกแมวน้ำน่ะยากไหม”
“ไม่ยากหรอก แค่รักและเข้าใจพวกมัน ใจเย็น ก็พอจะฝึกให้มันทำตามเราได้แล้ว”
ปลายฟ้าตาโตรีบวางมีดแล้วเดินมาที่ไทตรงหน้าแมวน้ำ แมวน้ำถอยออกไปอย่างไม่คุ้น
“ง่ายอย่างนั้นเลยหรือ อย่างนั้นฉันขอฝึกมันบ้างสิ ฉันจะแสดงโชว์กับเขาบ้าง”
“ยังไม่ได้หรอก พวกนี้ยังไม่คุ้นกับเธอ”
ปลายฟ้าหน้าจ๋อย ไทพอเข้าใจจึงปลอบพร้อมกับเล่นกับแมวน้ำไปด้วย
“ทำไมถึงอยากฝึกแมวน้ำล่ะ”
“ก็อยากเลื่อนตำแหน่งบ้างเด่ะ จะให้สับปลาให้มันทั้งชีวิตหรือไง ฝึกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ปลายฟ้าบอกเสียงอ่อย
ไทหัวเราะเบาๆในความไร้เดียงสาของปลายฟ้า
“ฝึกไม่ได้ก็เป็นผู้ช่วยครูฝึกก็ได้นี่”
“จริงหรือลูกพี่” ปลายฟ้ายิ้มออกมา
“จริงสิ แต่ยังไงก็ต้องให้อาหารมันอยู่ดี”
ปลายฟ้าหน้าเบ้ แต่ก็ดีใจ
“ว้า แต่ก็ช่างเถอะ มันจะได้คุ้นกันมากๆ ไง”
“เดี๋ยวฉันไปเตรียมก่อนนะเสร็จแล้วไปเจอที่กรงเสือ”
ปลายฟ้ายืนตะเบ๊ะแบบทหาร
“Yes sir”

ส่วนพีทหลังจากเกิดเรื่องพีทยังนอนระบมอยู่ที่คอนโด เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นที่หัวเตียง พีทรับสาย
“ว่าไงโจ” โจนั่งอยู่ที่อู่
“แกรู้ข่าวหรือยัง”
“ข่าวอะไร”
“แก๊ง 3 เคไง โดนถล่มซะราบเลย ไม่รู้ว่าเจอดีอะไรเข้าไป ดีสมน้ำหน้า แกจะเข้ามาอู่หรือเปล่า”
“ไม่ล่ะ อยากนอนพักสักสองวัน ดูแลอู่ด้วยล่ะ โอเค บาย”
พีทวางสายแล้วรำพึงสีหน้ายิ้มๆ
“เจ๊กฮวด”

ที่สวนสัตว์ ผู้คนต่างทยอยเดินเข้าไปชมในส่วนที่เลี้ยงเสือ ไม่ห่างกันนักหนูเอมเดินมาตามทางเรื่อยๆประมาณว่าเดินเล่นฆ่าเวลาจะเข้ามาดูเสือแล้วหนูเอมก็เห็นว่าข้างหน้ามีกระเป๋าถือใบหรูวางอยู่บนเก้าอี้สนามแต่ไม่มีเข้าของ
หนูเอมเดินเข้ามาหยิบกระเป๋าดู แล้วเปิดดูข้างในมีเงินเป็นปึกหนูเอมตาโต
“โอ้โห เงินเป็นฟ่อนเลย กระเป๋าใครหว่า”
หนูเอมถือกระเป๋าไว้ในมือแล้วมองหาเจ้าของ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินผ่านมา
“ใช่กระเป๋าพี่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ”
ทั้งคู่เดินผ่านไปหนูเอมหันซ้ายขวาเห็นมีคนเดินมาอีกคนหนึ่งเป็นหญิงกลางคน
“ขอโทษค่ะ นี่ใช่กระเป๋าคุณป้าหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ”
หญิงกลางคนเดินจากไป หนูเอมใช้ความคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับกระเป๋า
“ไม่เป็นไร เอาไปประกาศหาเจ้าของดีกว่า”
หนูเอมกำลังจะเดินไป แต่มีมือมากระชากกระเป๋าหนูเอมออกไปตามด้วยน้ำเสียงโมโห
“นี่เธอ เอากระเป๋าฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้หัวขโมย นี่”
คุณนายกับเพื่อนวัยไล่เลี่ยกันยืนกอดกระเป๋าแล้วจ้องหน้าหนูเอมอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ดูซิหัดขโมยของ”
“นั่นสิ จับส่งตำรวจซะดีไหมเนี่ย”
“หนูเปล่าขโมยนะคะ”
หนูเอมหน้าซีดตกใจ

ปลายฟ้าเดินฮัมเพลงมากับเพื่อนร่วมงานผู้หญิงสองคน ทั้งสองคนเป็นคนงาน ในมือทั้งสามคนถือพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด
“นี่ปลายฟ้าจะไปทำที่ไหนต่อ”
“หัวหน้าสั่งให้ไปทำที่กรงเสือ”
“อ้อ แล้วตอนบ่ายอย่าลืมไปเข้าอบรมพนักงานใหม่นะ”
“ไม่ลืมหรอก ฉันไปก่อนนะ” ปลายฟ้าเดินแยกไป ห่างออกไปปลายฟ้าเห็นคนจับกลุ่มกันอยู่ “ทำอะไรกันน่ะ”
ปลายฟ้าเดินเข้าไปดู

หนูเอมตกอยู่ในวงล้อมของไทยมุง คุณนายกับเพื่อนยังข่มขู่หนูเอม
“ไปเลยไปหาตำรวจเลย”
บรรดาไทยมุงพลอยคิดว่าหนูเอมเป็นคนขโมยไปด้วย
“หนูไม่ได้ขโมยนะคะ”
ไม่มีใครเชื่อคุณนายดึงมือหนูเอมจะเอาไปพบตำรวจแต่ปลายฟ้าเข้ามาแทรกเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“พี่คะช่วยหนูด้วย”
“เธอเป็นใคร” คุณนายถามปลายฟ้าเสียงห้วน
“เอ่อ หนูเป็นเจ้าหน้าที่ที่นี่ค่ะ”
“งั้นดีเลย ช่วยจับเด็กคนนี้ไปส่งตำรวจที มันขโมยกระเป๋าฉัน”
ปลายฟ้ามองหน้าหนูเอมแบบไม่เชื่อในคำพูดคุณนาย หนูเอมส่ายหน้าเสียงอ่อยน่าสงสาร
“หนูไม่ได้ขโมยนะคะมันวางอยู่บนเก้าอี้หนูกำลังจะถามหาเจ้าของ”
“ใจเย็นๆ นะหนู ฉันเชื่อหนูนะ นี่คุณนายคะลองสำรวจทรัพย์สินดูสิคะว่าอยู่ครบหรือเปล่า”
คุณนายสำรวจสักครู่แล้วบอก
“ครบ”
“แสดงว่าหนูคนนี้ไม่ได้ขโมย เอาล่ะ เลิกแล้วต่อกันนะ”
“จะบ้าหรือ ทรัพย์สินอยู่ครบไม่ใช่ว่านังหนูคนนี้ไม่ได้ขโมย อาจเป็นเพราะฉันมาเห็นก่อนน่ะสิเลยไม่ได้หยิบอะไรไป นี่เธอเข้าข้างกันเป็นพวกกันหรือเปล่าเนี่ย”
ปลายฟ้าเลือดขึ้นหน้า
“ว่ายังไงนะ แบบนี้ก็สวยน่ะสิ”
หญิงกลางคนที่หนูเอมถามว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าหรือเปล่า เดินเข้ามาแล้วบอกความจริง
“เดี๋ยวค่ะ หนูคนนี้ไม่ได้ขโมยหรอกค่ะ เขาตามหาเจ้าของกระเป๋าจริงๆ เมื่อกี้เขายังถามฉันอยู่เลยว่าใช่กระเป๋าของฉันไหม”
คุณนาย ปลายฟ้าและหนูเอมมองหน้ากัน
“น้องไม่เป็นอะไรนะ งั้นเดี๋ยวเราไปทางนี้ดีกว่า”

ปลายฟ้าบอกแล้วพาหนูเอมออกไป

ปลายฟ้าพาหนูเอมมาที่กรงเสือ ปลายฟ้าอุ้มลูกเสืออย่างชำนาญแล้วป้อนนม หนูเอมนั่งข้างๆ รู้สึกดีกับปลายฟ้า

“ขอบคุณพี่มากนะคะที่ช่วยหนูเอมไว้”
“ไม่เป็นไร”
“หนูชื่อหนูเอม พี่ชื่ออะไรหรือคะ”
“พี่ชื่อปลายฟ้า”
“ปลายฟ้า ชื่อเพราะจัง อืม ทำไมพี่ชื่อปลายฟ้าล่ะคะ”
ปลายฟ้ายิ้มแล้วค่อยๆ พูด
“ก็เพราะความฝันพี่มันอยู่ที่ปลายฟ้าน่ะสิ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำพี่กำลังใช้เป็นบันไดไต่ไปหาความฝันอันสดสวย อันเลิศหรู อันแสนเพริดพริ้ง แล้วนี่หนูเอมมาเที่ยวเหรอ แล้วมากับใครล่ะ”
“หนูมาหาพี่ชายที่นี่ค่ะ”
“อ๋อ หาพี่ชายเหรอ”
“พี่ชายหนูเอมน่ารักนะคะ เท่ห์ สมาร์ท ใจดี ยิ้มก็สวย”
ปลายฟ้าทำหน้าเบ้
“ที่นี่มีคนแบบนี้ด้วยหรือ”
ไทเดินเข้ามา
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะ”
“พี่ไท นี่ไงคะพี่ปลายฟ้า พี่ชายหนูเอมที่หนูเอมบอก”
ปลายฟ้ามองไทแล้วทำหน้าเบ้ ไทงง
“เอ๊ะ รู้จักกันด้วยหรือ”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
หนูเอมยิ้มให้ปลายฟ้า
“จัดของให้น้าแป๊ดเรียบร้อยแล้ว ไป พี่ไปส่งที่บ้าน”
ไทบอกกับหนูเอม ทั้งหมดยิ้มแย้ม ไทพลอยยิ้มแย้มไปด้วยปลายฟ้าลอบมองไทมีความสุข
“เดี๋ยวพาทิกเกอร์ไปนอน พี่ซื้อขนมที่หนูเอมชอบมาฝากด้วยน้า”
“พี่ไทใจดีที่สุดเลย”

บ้านเจียงที่เซี่ยงไฮ้ เจียงนั่งทำงานดูเอกสารอยู่บนโต๊ะลูกน้องเข้ามารายงานโดยพูดเป็นภาษาจีนกลาง
“มันไม่ตาย (ไห่ เม้ เย้ว เสื่อ)”
เจียงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แววตามีแผน
“มันสงสัยใครบ้าง”
“ไม่ครับ”
เจียงแววตาคิดและมั่นใจ
“จองตั๋วให้ด้วย ฉันจะไปเมืองไทย”
ลูกน้องรับคำ เจียงมีความคิดบางอย่าง

ที่บ้านมังกร มังกรกำลังนั่งดูหุ้นอยู่โดยมีอาเพียวอยู่ข้างๆ
“เออ ช่วงนี้ดีจริงๆ หุ้นขึ้นทุกตัวเลย ทั้งพลังงาน ทั้งก่อสร้าง อย่างนี้ค่อยมีกำไรหน่อย” ทนายวันชัยเดินเข้ามาหามังกรเพื่อเอาเอกสารเกี่ยวกับสัญญามาให้ดู “อ้าว ทนายวันชัย นั่งก่อน นั่งก่อน สัญญาก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกเรียบร้อยไหม”
“เรียบร้อยครับ ผมเอามาให้ท่านอ่านตรวจทานก่อน นี่ครับ”
มังกรรับไปแล้ววางเอาไว้
“เดี๋ยวว่างแล้วผมจะอ่านนะ”
“ครับ เสร็จแล้วผมจะได้นัดไปเซ็นกันเลย”
มังกรหันไปเรื่องอื่น
“เออ พอรู้ไหมว่า พี่ใหญ่กับไอ้สองพี่น้องเอียน รอยคุยเรื่องอะไรกัน”
“เอ่อ ไม่ทราบครับ แต่ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญ เสร็จธุระแล้วผมกลับก่อนนะครับ มีงานต่ออีกหลายที่”
“ตามสบาย”
ทนายวันชัยลุกออกไป มังกรคิดแล้วยิ้ม อาเพียวสงสัย
“ท่านบุ๊นจะทำอะไรกันแน่ครับ”
“สองพี่น้องนี่ เป็นระดับเลขาสมาคมโรงแรมโลก หรือว่าพี่ใหญ่จะหาคนซื้อโรงแรม”
“แล้วทำไมท่านถึงไม่ขายให้คุณเจียงล่ะครับ”
“ฉันแค่สงสัย ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าจะขาย บางทีพี่ใหญ่อาจจะทำอย่างอื่นก็ได้ คนคนนี้อ่านยาก แต่ถ้าจะขายจริงๆ เรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้ถึงมือคุณเจียงล่ะ ส่งคนตามประกบพี่ใหญ่ไว้แล้วรายงานฉันทุกระยะ”
“ครับ”

ส่วนไท เขาพาหนูเอมมาส่งที่บ้านโดยมีปลายฟ้าตามมาด้วย
“ขอบใจนะไท” แป๊ดบอก
“ไม่เป็นไรครับ”
“ไป หนูเอมไปช่วยแม่แป๊ดทำงาน”
แป๊ดกับหนูเอมเดินเข้าไปในบ้าน ปลายฟ้ายิ้มรับแล้วถามไท
“หนูเอมนี่น่ารักดีนะ เดี๋ยวลูกพี่จะไปไหนต่อ”
“ฉันจะออกไปซื้อพวกหลอดไฟ มาเปลี่ยนตามจุดที่หลอดขาดน่ะ”
“จะรบกวนให้ช่วยพาไปส่งของหน่อย” ปลายฟ้าบอก ไททำหน้าสงสัย
“ของอะไร”
“ยาไอซ์มั้ง เหอะน่า ไป ไป”

ไทขับรถมาตามถนนโดยมีปลายฟ้านั่งข้างๆ
“นี่หัวหน้า ตกลงหัวหน้า เจอปลายทางของหัวหน้าหรือยัง”
ไทยิ้มในใจนึกถึงเมื่อปีที่แล้ว
“ไม่รู้สิ ฉันอาจจะยังหามันไม่เจอก็ได้หรือบางทีฉันอาจจะไม่รู้จักว่ามันอยู่ตรงไหน แล้วเธอล่ะ”
“รู้ไหมว่าปลายทางของชีวิตมันอยู่ตรงไหน นี่ มันอยู่ที่ใจ ถ้าใจมันพอ มันก็ถึง แต่ถ้าใจมันยังโหยหาบางทีหาจนตายก็ยังไม่เจอ”
ไทคิดตามแล้วขำ
“อีกแล้ว แม่นักปรัชญา ฉันเสร็จธุระแล้วว่าธุระของเธอมา”

“ได้เลย ขอบคุณนะ”

ไทขับรถมาจอดหลังร้านที่แป้งทำงาน ปลายฟ้ายืนรอแป้งกับไท

“อย่าบอกนะว่าจะมาคุ้ยขยะหาของเก่า”
“ทำไม แย่งหมากินก็แย่งมาแล้ว”
“เฮ้ย จริงหรือ”
ปลายฟ้าหัวเราะ ส่ายหน้า นึกในใจว่าไทเชื่ออะไรง่ายจริงๆ โดยเฉพาะผู้หญิง ขณะนั้นแป้งเดินถือถุงดำออกมา
“เอ้า วันนี้มีสองถุง”
แป้งบอกกับปลายฟ้า แต่แล้วเธอก็สะดุดตาเมื่อเห็นไท แป้งจึงถามปลายฟ้าด้วยสายตา
“นี่หัวหน้าฉัน พอดีอาศัยรถเขามา” ปลายฟ้าบอกกับแป้ง
“หล่อจัง แกนี่โชคดีจริงๆ นะ ชีวิตมีแต่หนุ่มหล่อๆ รายล้อม ดูฉันสิ ชีวิตเหี่ยวเฉาทั้งวัน”
แป้งนำสายตาให้ดูเข้าไปที่ร้าน เพื่อนร่วมงานแป้ง มีแต่ตี๋ บางคนก็ดำ
“จริงด้วย ฉันไปล่ะนะ”
ไทยิ้มให้แป้ง
“วันหลังมาอีกนะหัวหน้า”
แป้งทำตามหวานใส่ไท ไทกับปลายฟ้าเดินกลับมาขึ้นรถ
“เพื่อนเธอนี่น่ารักดีนะ” ไทบอกกับปลายฟ้า
“อย่าให้มันเมาก็แล้วกัน”

ไทกับปลายฟ้าถือถุงขนมปังมาที่โบสถ์ ปลายฟ้าอธิบาย
“ขนมปังพวกนี้อีกสองวันมันก็หมดอายุแล้ว เขาคิดว่าพวกคนรวยภูมิคุ้มกันต่ำอาจจะเป็นอันตรายเขาก็เลยเอามาทิ้งฉันเสียดาย เลยเก็บอามาให้เด็กกำพร้าที่นี่บ่อยๆ”
ไทรู้สึกว่าปลายฟ้าเป็นคนน่ารักขึ้นมาทันที
“แล้วเธอไม่เก็บไว้กินบ้างหรือ”
“ทุกวัน กินทุกวัน ตอนนี้ฉันจมูกโด่งขึ้นมากกว่าปีที่แล้วเลยเห็นไหม”
ปลายฟ้าบอกแล้วหัวเราะ ทั้งคู่เดินมาพบกับซิสเตอร์มารี
“ทำไมเงียบ ไปไหนกันหมดนะ”
“เด็ก เร็ว อ้าว ปลายฟ้า”
“สวัสดีค่ะคุณแม่ หนูเอาขนมปังมาให้”
“สวัสดีครับคุณแม่”
ไททักซิสเตอร์มารี
“แหม วันนี้มีแต่คนใจบุญ”
“ทำไมหรือคะ”
“วันนี้มีพวกคนจากบริษัทจ้าวหยางที่เขาจะมาสร้างศูนย์การค้าที่นี่ เขามาเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ น่ะสิ ตอนนี้เด็กๆ กำลังอร่อยกันอยู่ที่โรงอาหารแน่ะ จะเข้าไปร่วมกับพวกเขาไหม”
“ไม่ดีกว่าครับ ต้องกลับไปทำงานต่อ”
ปลายฟ้ายิ้มแล้วเห็นด้วยกับไท
“งั้นแม่ไปก่อนนะ”

ซิสเตอร์มารีมาที่โรงอาหาร พอเดินเข้ามาก็เห็นนันณภัส เรียวและลิลลี่ กำลังแจกของให้เด็กๆ ตามโต๊ะที่เด็กกินอาหาร นันณภัสท่าทางมีความสุข เรียวลอบมองนันณภัสบ่อยๆ
“เป็นไงเจ๊ อิ่มบุญบ้างไหม” ลิลลี่ถามนันณภัส
“อืม รู้สึกดีนะ มาทำบุญแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“เด็กพวกนี้น่าสงสารนะคะ”
“เขาจะน่าสงสารไปกว่านี้อีกถ้าเขาไม่มีโอกาส พี่ว่าจะตั้งกองทุนมาสนับสนุนพวกเขาให้เรียนหนังสือด้วย”
เรียวแจกหุ่นยนต์ให้เด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“ว่าไงพระเอก เอ้า..นี่ของเธอ ชอบไหม”
“ชอบครับ”
“โตขึ้นอยากเป็นอะไรล่ะ”
เด็กมองเรียวอย่างชื่นชม
“เป็นอย่างพี่ครับ” เรียวหัวเราะ
“แล้วรู้หรือว่าพี่เป็นอะไร”
“ไม่รู้ครับ แต่รู้ว่าพี่ต้องเป็นคนดีแน่ๆ”
เรียวหยุดกึกคิดตามที่เด็กพูด เด็กพวกนี้ช่างไร้เดียงสาจริง เขาเป็นคนดีจริงๆ แบบที่เด็กบอกหรือ เรียวกลบเกลื่อนด้วยการขยี้ศีรษะเด็กเบาๆ
“ใช่ เป็นอะไรก็ช่างขอให้เป็นคนดีนะ”
ซิสเตอร์มารีเดินมาหานันณภัสกับลิลลี่
“วันนี้เด็กๆ มีความสุขเหลือเกิน ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้มีโอกาสจะมาบ่อยๆ นะคะคุณแม่”
ซิสเตอร์มารีรู้สึกยินดีและอิ่มเอม
“เอ่อ คุณพัดครับ ต้องไปที่อื่นต่อแล้วครับ” เรียวเข้ามาบอกนันณภัส
“จริงสิ งั้นคงต้องขอลาคุณแม่แล้วล่ะค่ะ”
“ตามสบายทุกคน ขอพระเจ้าจงสถิตย์แก่ทุกคนนะ”

นันณภัส เรียวและลิลลี่จากไป

เรียวพานันณภัสและลิลลี่มาที่สวนสัตว์ ท่าทางนันณภัสดูมีความสุขขณะให้ถั่วฝักยาวกวาง

“น่ารักจังเลย เอ้า กินซะ น่ารักเนอะเจ๊พัด” ลิลลี่บอกอย่างชอบใจ
“อืม เอานี่ มากินตรงนี้”
ทั้งคู่ให้อาหารกวางอย่างสนุกสนาน เรียวจ้องนันณภัสตลอดแววตาเขาไม่เหมือนบอดี้การ์ดที่กำลังปฏิบัติงาน
พี่ธงเดินผ่านมาเห็นนันณภัสจึงรีบเข้าไปทักอย่างนอบน้อม
“อ้าวคุณพัด มาอยู่ที่นี่เอง”
“พอดีพัดเห็นว่ายังไม่ถึงเวลานัดเลยมาดูสัตว์ไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นเชิญเลย”
เรียวทำท่าจะตามไป แต่ลิลลี่ดึงแขนเอาไว้
“จะไปไหน เจ๊เขาไปคุยธุระแค่นี้เอง ไม่ต้องตามไปหรอก มาเป็นบอดี้การ์ดฉันซักชั่วโมงดีกว่า นะ ไป ไป ทางโน้นกัน”
ลิลลี่ดึงเรียวไปกับตัวเอง เรียวมองตามนันณภัสแต่ไม่เห็นว่ามีอะไรจึงไปกับลิลลี่

พี่ธงเดินคุยมากับนันณภัสจนถึงหน้าสำนักงาน
“ยินดีครับคุณพัด ถ้าเจ้านายคุณพัดสนใจจริงๆ เราก็จะยินดีจัดหานกและเทคโนโลยีการดูแลให้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทางเจ้านายดิฉันยินดีจ่ายเต็มที่”
“ครับ ขอบคุณครับ เอ่อ เดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่พาไปถ่ายรูปที่สวนนกนะครับ”
ไทเดินเข้ามาในสำนักงานพอดี
“พี่ธง”
“อ้าวไท”
“คุณ...”
“อ้าว คุณนั่นเอง”
“มาจะแนะนำให้รู้จักคุณพัด เลขาของบริษัทเจ้าหยางที่จะมาทำศูนย์การค้าที่นี่”
พี่ธงบอก ไทกับนันณภัสหันมาเจอกัน ไทยิ้มอย่างดีใจที่ได้เจอนันณภัส
“ผมรู้จักกันแล้วครับ”

ไทพานันณภัสมาที่กรงนกแล้วอธิบาย
“การทำกรงนกแบบเปิดเนี่ยค่าใช้จ่ายสูงมากครับ”
“ทางเจ้านายฉันไม่ชอบกักขังค่ะ ถ้าจำเป็นเราก็จะทำให้นกสะดวกสบายที่สุด”
ไทยิ้มแล้วชวนเดินต่อ
“นกพวกนี้ดูแลไม่อยากครับ ส่วนใหญ่เป็นนกเขตร้อนเหมาะกับอากาศบ้านเรา แค่รักษาอากาศให้บริสุทธิ์ก็พอ” นันณภัสพยักหน้ารับแล้วสนใจกับการถ่ายรูปนก “ว่ากันว่า นกเป็นรูปแบบของชีวิตที่ล้ำเลิศ สมรรถนะและความงดงามของนกจึงทำให้บรรดานักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนคนธรรมดาทั่วโลกต่าง นั่งเฝ้ามองสัตว์ปีกชนิดนี้มาทุกยุคสมัย บางคนถึงขั้นอยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้ามีชีวิตอย่างนก ท่าทางคุณจะชอบพวกมันมากนะ”
“ค่ะ พวกมันน่ารักดี”
“เอ่อ .แล้วคนนำชมล่ะครับ”
นันณภัสไม่พูด แต่ส่ายหน้ายิ้มแล้วเดินต่อไปเก็บอาการเขิน

เรียวกับลิลลี่ยืนอยู่ที่รถ เรียวดูนิ่งแต่ในใจร้อนรนแล้วมองไปในสวนสัตว์เห็นนันณภัสกับไทเดินออกมาด้วยกันอยู่ไกลๆ
“คุณพัดๆ ไม่จำเป็นต้องทำใหญ่หรือใช้โครงสร้างแบบนี้ก็ได้นะครับ ลองเลือกจำนวนนกที่จะเลี้ยงก่อนแล้วค่อยมาดูขนาดกัน”
“แหมวันนี้ได้ความรู้เยอะเลยนะคะ”
นันณภัสเล็งกล้องถ่ายรูปกรงระยะไกล ไทเอาโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วถ่ายภาพนันณภัสไว้พอดีกับนันณภัสหันมาเห็น
“จะถ่ายไปทำไม ไม่สวยหรอก”
“แค่เก็บไว้เป็นที่ระลึกน่ะครับ”
นันณภัสไม่ได้ว่าอะไร ไทหันไปมองที่กรงนกแล้วกำลังจะอธิบายจังหวะนั้นนันณภัสถ่ายรูปไทอย่างรวดเร็ว ไทไม่ทันตั้งตัว
“ถ่ายทำไม ยังไม่ทันตั้งตัวเลย”
“หายกัน”
นันณภัสยิ้มอย่างน่ารัก ไทยิ้มอย่างพอใจ

รถยนต์คันเก่าๆ จอดอยู่ตรงข้ามบริษัทของบุ๊น คนขับรถเป็นหนุ่มวัย 25 ปี เขาจ้องมาที่หน้าบริษัทของบุ๊นจนกระทั่งบุ๊นเดินออกมาหน้าบริษัท พร้อมกับนายธนาคารใหญ่คนหนึ่ง
“ขอบคุณมากจะครับ วันหลังคงต้องขอคำแนะนำอีก”
“ยินดีครับ”
สายสืบที่นั่งอยู่ในรถฝั่งตรงข้ามเอากล้องถ่ายภาพติดเลนส์ระยะไกล ถ่ายภาพบุ๊นไว้ทุกอิริยาบถ รถของนายธนาคารมาจอดเทียบ นายธนาคารขึ้นรถไป อาฮวดเอารถมาเทียบ บุ๊นขึ้นรถขับออกไป สายสืบถ่ายรูปเสร็จแล้วโทรศัพท์รายงาน
“พี่เพียว มันขับรถออกไปกับนายแบงค์”
“ตามไป”
สายสืบขับรถเลี้ยวกะทันหันแล้วรีบขับตามไป

นันณภัสนั่งรถอยู่เบาะหลังกับลิลลี่ เรียวขับรถให้ นันณภัสท่าทางมีความสุข เรียวมองนันณภัสจากกระจกมองหลัง
“ทำไมคุณพัดไม่บอกว่าคุณพัดเป็นเจ้าของบริษัทล่ะครับ”
เรียวถามขึ้นมา นันณภัสแปลกใจว่าทำไมเรียวถึงรู้
“นายรู้ได้ยังไง” เรียวยิ้มแทนคำตอบ “ฉันก็คิดอย่างที่นายคิดนั่นแหละ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ขืนฉันบอกไปเขาก็คงไม่กล้านั่งคุยกับฉันหรอก”
“แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องรู้นะครับ”
“รอให้ถึงวันนั้นก่อน”

ลิลลี่มองสองคนแบบไม่เข้าใจว่าคุยอะไรกัน

ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 3 (ต่อ)

คืนนั้นกว่าปลายฟ้าจะกลับถึงที่พักแป้งก็หลับไปแล้ว แต่พอปลายฟ้าเปิดไฟแป้งก็รู้สึกตัว แป้งถามแบบงัวเงีย

“กลับมาแล้วหรือ”
“อืม”
“พรุ่งนี้แกไปมหาวิทยาลัยหรือเปล่า”
“ไป ฉันว่าจะไปแต่เช้าก่อนไปทำงานที่สวนสัตว์”
“งั้นดูรายชื่อฉันด้วยนะว่าฉันมีสิทธิ์สอบชิงทุนหรือเปล่า”
“ได้ นี่แก”
แป้งหลับปลายฟ้าเก็บข้าวของ ปลายฟ้าดับไฟแล้วเปิดไฟอ่านหนังสือที่โต๊ะเขียนหนังสือ เธอเอาเงินที่ได้มาในวันนี้มานับแล้วเอาเงินใส่กล่องใบสวยที่เธอเอาไว้เก็บเงิน ภายในกล่องมีเงินไม่มากนักสีหน้าปลายฟ้าเหนื่อยแต่ยังมีร่องรอยแห่งความสุข
“เมื่อไหร่จะเต็มเนี่ย เฮ้อ ปลายฟ้า มันช่างไกลเหลือเกิน จะต้องเดินทางอีกนานเท่าไหร่น้า ถึงจะถึงซะที”
ปลายฟ้ามองออกไปนอกหน้าต่างหาสุดขอบปลายฟ้า แล้วปิดไฟ ทุกอย่างมืดลง

วันต่อมาปลายฟ้าเดินเข้าในมหาวิทยาลัยดนตรี ระหว่างทางปลายฟ้าเดินสวนกับนักศึกษารุ่นน้องสองสามคน รุ่นน้องมองหน้าปลายฟ้าแล้วยิ้มซุบซิบกันแล้วเดินผ่านไป ปลายฟ้ามองงงๆ มีนักศึกษาอีกกลุ่มเดินสวนมาก็ทำแบบเดียวกัน ปลายฟ้าสงสัยแล้วสำรวจตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า แล้วพบว่าไม่มี ทุกอย่างเรียบร้อยดี
“มองอะไรกันนะ เอ ซิปก็รูดนี่ กระดุมก็ติดครบ หรือว่าวันนี้เราดูสวยกว่าทุกวัน”
ปลายฟ้าคิดเข้าข้างตัวเองแล้วเดินต่อไป ข้างหน้าเห็นเป็นบอร์ดมีนักศึกษามุงดูอยู่ ปลายฟ้าเลยเดินไปดูกับเขาบ้าง
ที่บอร์ด ปลายฟ้าแหวกคนเข้ามาดู ผู้คนที่ดูบอร์ดเห็นปลายฟ้าจึงแหวกทางให้ แล้วปลายฟ้าก็เจอสาเหตุที่ทุกคนมองเธอแปลกๆ เพราะที่บอร์ดมีโปสเตอร์รูปของพีทใบใหญ่ติดอยู่และมีข้อความเขียนไว้ว่า “ผู้ชายคนนี้ ทั้งคิดถึงและอยากพบหน้าคุณปลายฟ้ามาก กรุณามาพบเขาด้วยก่อนที่หัวใจของเขาจะสลาย”
ปลายฟ้าฉุนแล้วดึงรูปออกมา
“อีตาบ้า หนอย เล่นอย่างนี้เลยหรือ ฮึ่ม”
ปลายฟ้าเดินไปตามทางด้วยความฉุนฉียว ในมือเอาโปสเตอร์ไปด้วยเมื่อผ่านถังขยะเธอก็เอามันทิ้งลงไป
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคนจับกลุ่มกันดูบอร์ดอีกเธอรีบวิ่งไปดูเห็นว่ามีโปเตอร์แบบเดียวกันติดเอาไว้อีก เธอฉีกมันออกด้วยความฉุน
“จะบ้ากันใหญ่แล้ว”
ปลายฟ้าเดินเอาไปทิ้งถังขยะที่มุมตึกและเมื่อเงยหน้าขึ้นกำลังจะเดินขึ้นตึกก็เห็นว่ามีโปสเตอร์แบบนี้ติดเต็มไปหมด

พีทยืนหันหลังอยู่ที่ท้ายรถของเขาตรงที่ลานจอดรถ ปลายฟ้าเดินตรงเข้ามาด้วยความฉุน
“นี่ นายทำไมต้องทำแบบนี้”
พีทหันหน้ามาในมือเขามีดอกไม้ช่อโต ใบหน้าพีทยังมีรอยช้ำและพลาสเตอร์ปิดแผลบางส่วน เขายิ้มอย่างเท่ห์ที่สุด
“ผมนึกแล้วว่าคุณต้องโกรธ ถึงได้เตรียมดอกไม้มาขอขมา เอ้ย ขอโทษไง”
ปลายฟ้าไม่ตลกด้วย
“ทำไมนายต้องทำแบบนี้”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วจะได้พบคุณหรือ”
“นายได้พบฉันแล้วนี่นายหมดธุระแล้วใช่ไหม เอาล่ะ งั้นอย่าทำแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“ก็ผมอุตส่าห์เอาดอกไม้มาขอโทษแล้วไง”
ปลายฟ้าปัดดอกไม้หล่นพื้น
“ฉันไม่ใช่ของเล่นของใครที่จะมาตบหัวแล้วลูบหลัง นายนึกว่านายรวยแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้หรือ ใช่นายมีเงิน มีรถแพงๆ ขับ มีเงินซื้อดอกไม้ช่อเป็นพัน เพื่อมาขอโทษผู้หญิง ฉันคิดว่าฉันไม่ใช่คนแรกหรอกที่นายทำแบบนี้ นายกลับไปเถอะที่นี่เป็นสถานศึกษาไม่ใช่ที่ที่จะมาอ่อยหญิง แล้วเอาดอกไม่เฮงซวยของนายกลับไปด้วย”
ปลายฟ้าใส่เป็นชุด พีทยืนงง แล้วปลายฟ้าก็เดินจากไป พีทมองตามในใจคิดว่าไม่เคยเจอแบบนี้เลย นักศึกษาสาวสวยเซ็กซี่เดินผ่านมาสองคนแล้วชำเลืองมองพีทอย่างอ่อยเหยื่อ
“รถน่านั่งนะคะ”
พีทถึงกับเซ็ง
“เสียใจครับ ที่นั่งเต็มแล้ว”

ทางด้านเจียงเมื่อเดินทางถึงเมืองไทยเจียงก็คุยโทรศัพท์ทันที
“ได้แล้วเจอกัน” เจียงวางสายโทรศัพท์สีหน้านิ่ง แล้วสั่งคนขับรถ “ไปโรงแรมเลคกาซี่ รีเวอร์”

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่สวนสัตว์ ไทซ้อมการแสดงแมวน้ำ ในท่าทางต่างๆ ปลายฟ้านั่งมองไทอยู่บนอัฒจรรย์
ไทซ้อมแสดงแมวน้ำได้ตามที่เขาต้องการท่าทางเขาพอใจแล้วมองมาที่ปลายฟ้า ปลายฟ้าปรบมือให้ ไทกวักมือเรียกปลายฟ้าให้ลงมาช่วยฝึก

ปลายฟ้ายิ้มได้ลืมเรื่องพีทไปพักหนึ่ง

เมื่อถึงการแสดงจริงมีคนดูเต็มอัฒจรรย์ การแสดงผ่านไปหลายชุดผู้คนปรบมือด้วยความพอใจ สีหน้าไทกับปลายฟ้ายิ้มแย้ม และเมื่อการแสดงจบลงไทเปลี่ยนชุดแล้วฮัมเพลงอย่างมีความสุข เขาเดินผ่านไปที่กรงแมวน้ำ ปลายฟ้าหน้าหงิก ฉีดน้ำใส่เพื่อระบายอารมณ์

ไทเดินผ่านไปแล้ว แต่ถอยกลับมามองปลายฟ้า ปลายฟ้าฉีดน้ำมาโดนไท ไทสะดุ้ง
“เฮ้ย ดูบ้างสิ ไม่เห็นหรือไง”
“เห็น ขอโทษ” ปลายฟ้าบอกเสียงห้วน
“นี่เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย เห็นหงุดหงิดหน้าบูดตั้งแต่ทำมาทำงานแล้ว ทะเลาะกับแฟนมาหรือไง”
“มีให้ทะเลาะก็ดีสิ”
“หัดควบคุมอารมณ์บ้างสิ งานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว”
“ครจะไปอารมณ์ดีร้องเพลงทั้งวันได้อย่างหัวหน้าล่ะ เป็นไงแฟนให้หอมแก้มหรือไง”
ไทสะอึกนึกในใจว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
“ทำงานไป ฉันไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว”
ไทเดินออกไป ปลายฟ้ายังแค้นพีท แล้วฉีดน้ำอย่างแรง
“นึกว่ารวยแล้วจะมาข่มเหงกันง่ายๆ หรือ คอยดูเถอะเจออีกครั้งแม่จะไม่ไว้หน้าเลย”

ที่อู่รถพีท โจนั่งเล่นเกมส์ในคอมพ์อยู่ ลูกน้องทำงานตามปกติ สักครู่มีโทรศัพท์มาโจรับสาย
“ได้สิครับเฮีย ครับ รับรองสวยสดหยดย้อยทุกคัน ครับ สวัสดีครับ”
โจววางสายแล้ว เอาปากกาเขียนบางอย่างที่บอร์ด พีทเข้ามาพอดี
“สั่งของหรือ”
“ใช่ หน้าไปทำอะไรมาวะ”
โจแกล้งทำแต่พีทไม่ค่อยอยากเล่นด้วย
“เออ มีคนจัดให้ รอดมาได้ก็บุญแล้ว ใครสั่งแมคคอแรน”
“เฮียโส่ย สั่งให้ลูกชาย”
“ก็โอเค แต่ขานี้เขี้ยวต่อแล้วต่ออีก”
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะพูดอะไรต่อ ฉัตรกับคู่หูก็ขับรถเข้ามาในอู่ พีทมองเห็นแล้วรู้ว่าเป็นตำรวจเพราะเห็นบัตรที่ห้อยคอ
“สวัสดีครับคุณพีท ผมนักสืบฉัตรและนี่คู่หูผม”
ฉัตรมองไปรอบๆ อู่รถ
“รถสวยๆ ทั้งนั้นเลยนี่ เอ เสียภาษีถูกต้องหรือเปล่าน้า”
ไม่ยักรู้ว่าหน่วยสืบสวนพิเศษ มีหน้าที่ตามเก็บภาษีด้วย มีอะไรหรือครับคุณนักสืบฉัตร”
พีทเล่นลิ้นแบบไม่กลัว
“ผมก็พูดไปอย่างนั้น พูดไปตามที่คิด”
“ว่าธุระของคุณมาดีกว่า”
“ได้ คุณคงรู้เรื่องแก๊ง 3 เคแล้วใช่ไหม”
พีทมองหน้าโจแล้วทำไม่รู้เรื่อง
“ก็พอจะได้ยินมาบ้าง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
“เห็นว่าคุณค้าขายกับแก๊งนี้ด้วยนี่”
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนี่เขามาซื้อผมก็ขายตามระบบธุรกิจ”
ฉัตรมองหน้าพีท
“หน้าคุณไปโดนใครซ้อมมาไม่ทราบ”
“ผมซ้อมมวย พอดีซ้อมหนักไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร มีข้อมูลอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ”
ฉัตรยื่นนามบัตรให้พีทแล้วเดินจากไป
“ผมจะโทรไปนะครับ”
พีทบอกแล้วขยำนามบัตรทิ้ง

ที่โรงแรมเลคกาซี่รีเวอร์ เจียงยืนมองโรงแรมไปรอบๆ แล้วรู้สึกชื่นชอบในการตกแต่งภายใน เขามีความหลังกับที่นี่ สีหน้าเขาอิ่มเอมอยากเป็นเจ้าของมัน ระหว่างนั้นบุ๊นเดินเข้ามาในโรงแรมอย่างสง่าตามหลังด้วยอาฮวด พนักงานโรงแรมต่างโค้งคำนับทำความเคารพเรียกท่านประธานตลอดทาง
“สวัสดีครับท่านประธาน คุณเจียงกำลังเดินดูรอบๆ โรงแรมจะให้ผมไปตามไหมครับ”
บุ๊นยกมือ ระหว่างทางสายสืบของมังกรคอยมองอยู่
บุ๊นมองเห็นเจียงยืนดูโรงแรมอยู่ไม่ห่างไปนัก เขาเดินตรงไป อาฮวดตามไปด้วยอย่างไม่ห่าง สายตาของอาฮวดคอยดูแลความปลอดภัยอย่างถ้วนถี่แม้ว่าบุ๊นจะไม่ได้สั่งก็ตาม เจียงเห็นบุ๊นเดินมาแต่ไกล เขาแสร้งทำสีหน้ายิ้มแย้มทั้งๆ ที่ในใจอยากจะยิงบุ๊นทิ้ง
“สวัสดีคุณบุ๊น”
บุ๊นเดินเข้ามาเจียงจับมือทักทาย
“ไม่เป็นไรครับ คุณเจียง ต้องขอโทษด้วยที่วันประชุมผมไม่ได้ไป”
“แต่วันนี้ก็มาแล้วนี่ คุยธุระกันเลยดีไหม”
“เอาสิ เชิญ”
บุ๊นผายมือให้เจียงเดินไปที่นั่งในมุมที่สวย ระหว่างเดินไปนั่งเจียงมองไปรอบแล้วกล่าวชม
“ที่นี่ยังสวย สง่าเหมือนเดิม”
“ผมพยายามรักษามันไว้ให้คงความดั้งเดิมให้มากที่สุด”
“ขอบคุณ”
ทั้งคู่เดินมานั่งที่โต๊ะ บอดี้การ์ดของแต่ละคนยืนออกไประวังห่างๆ มีพนักงานมาเสิร์ฟน้ำชา
“เชิญดื่ม”
“เชิญนั่ง คุณบุ๊นคงได้รับข้อเสนอที่ผมจะซื้อโรงแรมนี้แล้วใช่ไหม”
“ได้รับแล้ว แล้วก็ทราบมาว่าคุณเสนอราคาค่อนข้างจะสูงเลยทีเดียว แต่...”
“แต่อะไร น้อยไปหรือ ผมเพิ่มให้อีกก็ได้ คุณบุ๊นว่ามาเลย”
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา มันติดอยู่ที่ว่ามีอีกหลายคนที่เขาอยากจะได้เหมือนกันน่ะสิ”
“เรื่องนั้นผมรู้ ผมก็เสนอราคาให้มากกว่าคนอื่นไปแล้วนี่”
“มันก็ใช่ ผมก็รู้สึกเกรงใจคุณเจียงอยู่เหมือนกัน แต่สำหรับคนบางคนผมก็ลำบากใจที่จะปฏิเสธเหมือนกัน”
เจียงนึกฉุนในใจและอยากรู้
“ใคร”
“คุณเจียงอย่าไปรู้เลย”
“แหม ทำการค้ามันก็เหมือนการรบนั่นแหละรู้เขารู้เรามันก็รบชนะ”
“ผมไม่อยากให้คุณไปรบราฆ่าฟันกับมังกรหรอกนะ”
“มังกรหรือ” เจียงแปลกใจ เพราะมังกรเคยบอกเขาว่ามังกรจะคุยกับบุ๊นให้เขา แต่ทำไมกลับเป็นแบบนี้ได้
“เอ เรื่องนี้ผมเคยขอร้องคุณมังกรให้ช่วยคุยกับคุณบุ๊นเหมือนกัน เขาอยากได้เพราะว่าจะมาขายให้ผมหรือเปล่า”
“ไม่ เขาบอกว่าของแบบนี้ไม่น่าอยู่ไกลมือตระกูล อีกอย่างเขาให้ราคามากกว่าคุณ แล้วจะให้ผมทำยังไง”

เจียงแสดงความไม่พอใจชัดเจน แต่ออกอาการนิ่งสีหน้ากึ่งคิดกึ่งโมโห อาฮวดมองอย่างระวัง บุ๊นยิ้มในใจ

ต่อจากตอนที่แล้ว

เจียงนั่งรถกลับหลังจากที่ได้คุยกับบุ๊น เขาไม่พอใจมังกรที่เป็นนกสองหัว

“มังกร ไอ้อสรพิษเฒ่าเอ๊ย ทำเป็นเห็นอกเห็นใจ ที่แท้ก็อยากได้เหมือนกัน อาชาง”
คนติดตามที่ชื่ออาชางน้อมรับ
“ครับนาย”
“ฉันไม่ต้องการมีคู่แข่ง”
อาชางรับคำและเข้าใจความหมายแววตาเขาเข้ม

บุ๊นยืนเหม่อมองออกไปที่แม่น้ำอยู่มุมหนึ่งของโรงแรม สีหน้าเขาพอใจ อาอวดยืนอยู่ข้างๆ
“มุมนี้นี่สวยจริงๆ”
“แบบนี่คุณเจียงกับท่านมังกรจะไม่ผิดใจกันหรือครับ”
บุ๊นยิ้มเหมือนไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
“มันเป็นเรื่องของธุรกิจที่พวกเขาจะต้องตกลงกันเอง”

เย็นวันนั้นหลังจากเสร็จงานปลายฟ้ามานั่งพักที่ริมบ่อปลาแล้วโยนอาหารให้ไปพลางในใจคิดเรื่องพีทแล้วน้อยใจที่เกิดมาจนต้องดิ้นรนต่างๆ นานาแต่กลับถูกคนรวยๆ มาทำเหมือนเป็นของเล่น ไทเดินเข้ามาข้างหลังท่าทางเขาเห็นใจปลายฟ้า
“อารมณ์ดีหรือยัง”
ปลายฟ้าหันมาเห็นเป็นไทเธอรู้สึกมีกำลังใจที่ได้เห็นหน้าเขา
“ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะหัวหน้า เพียงแต่คิดว่าคนรวยๆ ทำไมต้องเห็นเราเป็นสิ่งของ นึกจะทำยังไงกับเราก็ได้”
“แล้ววันหนึ่งถ้าเธอรวยเธอจะทำแบบนั้นไหมล่ะ”
“ไม่ ฉันไม่ทำเด็ดขาด”
“นั่นเพราะว่ารวยจนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก มันอยู่ที่คน อยู่ที่พื้นฐานของคนต่างหาก ความรวยน่ะมันเป็นแค่เครื่องมือที่จะสนับสนุนให้เขาทำอะไรได้ง่ายขึ้น”
ปลายฟ้าคิดตามไทและเข้าใจ
“จริงของหัวหน้า เวลาฉันจะทำอะไรแต่ละทีมันติดขัดไปหมด เพราะไม่มีเครื่องมือหรือใครมาสนับสนุนนี่เอง”
ไททรุดนั่งข้างปลายฟ้า ปลายฟ้ารู้สึกอบอุ่น
“เพราะฉะนั้น เราควรจะอยู่ในสังคมของเรา ขืนไปวุ่นวายในสังคมของเขา เราเองก็รังแต่จะปวดใจ ไปกลับบ้านเถอะงานเลิกแล้ว”
“ครับผม”
ปลายฟ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วออกอาการทะเล้นเหมือนเดิม

อีกด้านหนึ่งขณะนั้นพีทนั่งดื่มอยู่ที่บาร์ริมทะเล โจเดินเข้ามาหาแล้วตบไหล่ พร้อมกวาดสายตามองไปรอบๆร้าน
“เฮ้ยพีท นึกยังไม่มานั่งดื่มที่นี่วะ”
“เบื่อโรงแรม เบื่อแสงสี อยากสัมผัสธรรมชาติบ้าง”
“โอ้โห นี่แกโดนอัดซะประสาทกลับเลยหรือวะ”
พีทไม่สนใจคำเสียดสีของโจ เขาเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้ย คนเรามันก็ต้องมีมุมมิวสิคบ้างสิวะ”
“เออ พ่อเคป๊อบ หล่อตายแล้วแก น้องครับเบียร์เหยือก” โจหันไปสั่งเด็กเสิร์ฟ เด็กเสิร์ฟเดินเอาเบียร์มาเสิร์ฟ “แม่โว้ย น่ารักเป็นบ้าเลย ให้โอกาสแกก่อน เหยือกหน้าฉันค่อยจีบ”
“เนี่ยนะน่ารัก แหมอยากให้แกเห็นน้องปลายฟ้าเด็กใหม่ของฉันจริงๆ น้องคนนี้ตกทะเลไปเลย”
“ไอ้โม้ แน่จริงพามาโชว์สิวะ”
“ไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนจีบอยู่โว้ย ไม่เกินอาทิตย์รับลองติดแหง๊ก”
“อยากเห็นแล้วสิพ่อคัสโนว่า ฉันจะรอ อาทิตย์หน้าถ้าไม่เห็นแกควงน้องปลายฟ้ามา แกเลี้ยงฉันอานแน่ เออเกือบลืม พี่ฮุยเขาอยากคุยด้วย”
“ฮุย ฮุยแก๊งปังตอเหรอ คุยเรื่องอะไรวะ”
“ไม่รู้แต่บอกว่าเจรจาธุรกิจ”
พีทยักคิ้วรับอย่างยียวน

อาเพียวขับรถให้มังกรนั่งมาที่บริษัท อาเพียวเลี้ยวรถเข้ามาในประตูทางเข้าระหว่างนั้นมีรถคันหนึ่งตามมาแล้วตรงไป คนขับรถคันนั้นเป็นผู้ชายผิวขาวแบบคนจีนเขายกโทรศัพท์รายงาน
“มันเข้าไปในบริษัทแล้ว”

มังกรเดินเข้าไปในบริษัท ผู้คนต่างทำความเคารพ ด้านหน้ามีรปภ. ตรวจตราอยู่ 2 คน ท่าทางบึกบึน

ที่ร้านพิซซ่าของแป๊ด

“คุณ...”
แป๊ดอ่านทวนออเดอร์โดยมีหนูเอมช่วยจัดของ แป๊ดเตรียมพิซซ่ามาใส่รถจักรยานเพื่อจะเอาไปส่ง
“เดี๋ยวแม่แป๊ดมานะ เฝ้าร้านดีๆ ล่ะ”
“ค่ะ แม่แป๊ด
แป๊ดขี่รถจักรยานออกไปหนูเอมกลับเข้าไปในร้าน

ถนนด้านหน้าบริษัทของมังกร นักฆ่าในชุดเรียบร้อยก้าวเข้ามาแล้วมองไปในบริษัทของมังกรกำลังหาโอกาสเข้าไปข้างใน นักฆ่าเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรักษาอย่างเข้มแข็ง มีการตรวจตราและแลกบัตรอย่างเข้มงวด สีหน้านักฆ่าใช้ความคิด
แป๊ดขี่จักรยานส่งพิซซ่ามาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าบริษัทมังกร แป๊ดขี่จักรยานมาจอดไม่ห่างจากนักฆ่านัก นักฆ่าหันไปมองหลังจากดูลาดเลาอยู่นาน แป๊ดมองเงยขึ้นไปที่ตึกข้างๆ ตึกของมังกร นักฆ่ามองมาที่แป๊ด แป๊ดถอดผ้ากันเปื้อนที่มีชื่อร้านติดแล้วถอดหมวกวางไว้ที่รถ แล้วจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย
“บริษัทหรูซะด้วย”
แป๊ดเดินขึ้นไปบนตึก นักฆ่าเดินมาที่รถจักรยานของแป๊ดแล่วเอาพิซซ่าและผ้ากันเปื้อนกับหมวดไป

นักฆ่าเดินเข้ามาในบริษัทของมังกร เขาแต่งตัวเป็นคนส่งพิซซ่า
“มาติดต่อใครครับ” รปภ.สอบถาม
“มาส่งพิซซ่าครับ”
รปภ.สำรวจท่าทางของนักฆ่า
“ไม่มีใครสั่งนี่ครับ”
นักฆ่าทำเป็นดูกระดาษจดข้อความ
“แต่ผมอยากให้”
รปภ.ดูแล้วไม่น่ามีพิรุธอะไร จึงวิทยุเข้าไปบอกบอดี้การ์ดด้านใน บอดี้การ์ดด้านในอนุญาต

มังกรอยู่ในห้องทำงานแต่ทำหมึกเละมือจึงเดินเข้าไปล้างในห้องน้ำ ขณะนั้นนักฆ่าอยู่ในลิฟท์แล้วเอาปืนออกมาจากกล่องพิซซ่า เขาห่อมันไว้ด้วยฟรอยด์ถึงตรวจไม่พบ นักฆ่าเอาที่เก็บเสียงใส่ปืนเตรียมพร้อม
ลิฟต์เปิดออกนักฆ่าเดินถือพิซซ่ามาที่หน้าห้องมังกรซึ่งมีเลขาอยู่หน้าห้อง
“ส่งพิซซ่าหรือคะ เอ ไม่ได้สั่งนี่คะ”
“ครับ แต่ผมอยากให้”
นักฆ่ายิงปืนเก็บเสียงใส่เลขาตายคาที่ พนักงานสาวอีกคนเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์แล้วร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ นักฆ่ายิงใส่เธอทันที
ภายในห้องอาเพียวได้ยินเสียงแล้วระวังเขาเดินจะมาที่ประตู นักฆ่าเปิดประตูเข้าไปพอดี นักฆ่าเห็นอาเพียว จึงยิงใส่อาเพียวทันที อาเพียวกลิ้งหลบไปที่โซฟาแล้วส่งสัญญาณ
“นายระวัง”
มังกรกำลังเปิดประตูห้องน้ำออกมา แล้วเห็นนักฆ่า เขารีบปิดประตู นักฆ่าชักปืนอีกกระบอก ยิงเข้าใส่ประตูห้องน้ำอย่างไม่ยั้ง ลูกกระสุนทะลุประตูทุกนัดแต่ถูกมังกรที่ฝ่ามือหนึ่งนัด มังกรทรุดลงหลบ
“โอ๊ย โธ่เว้ย”
มังกรพยายามหาปืนตอบโต้แต่ไม่มีเขาหัวเสีย อาเพียวยิงตอบโต้นักฆ่า
ด้านล่าง รปภ. ได้รับรายงานจากคนที่มาเจอศพเลขาและพนักงานอีกคนจึงรีบวิ่งขึ้นมาคนละทิศคนละทาง
ทั้งหมดวิ่งมาตามทางเดินมาที่ห้องมังกร อาเพียวยิงถูกที่หัวไหล่ด้านขวาของนักฆ่า นักฆ่ายิงสู้กับอาเพียวไม่ได้จึงหนีออกมาหน้าห้องแล้วเจอกับรปภ. เขายิงเปิดทางแล้วหนีไปทางบันไดหนีไป อาเพียวรีบเข้าไปดูมังกรเห็นว่าถูกยิงอาเพียวหน้าเสีย
“นาย”
แววตามังกรฉายความแค้นออกมา
“อย่าให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป”
บรรยากาศภายในบริษัทดูวุ่นวายมีการเปิดเสียงกริ่งเตือนภัยดังลั่น

แป๊ดส่งพิซซ่าเสร็จเดินมาที่จักรยานแล้วพบว่าผ้ากันเปื้อนกับหมวกพร้อมพิซซ่าที่เหลือหายไป
“เฮ้อ ขโมยสมัยนี้”
แป๊ดบ่น ขณะนั้นมีเสียงกริ่งดังมารปภ.วิ่งกันพล่านด้านหน้าบริษัทมังกร แต่แป๊ดไม่รู้เรื่องจึงขี่จักรยานออกไป

มังกรนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลโดยมีหมอกับพยาบาลดูอาการ เขาพันแผลที่มือเรียบร้อยแล้ว อาเพียวอยู่ไม่ห่าง
“กระดูกแตกน่ะครับ คงต้องนอนที่นี่สักคืนนึงก่อนหมอจะได้ดูอาการให้ละเอียดอีกครั้งนะครับ”
มังกรรับรู้ หมอกับพยาบาลเดินออกไป พอพ้นประตูมังกรก็ถามอาเพียว
“ได้ตัวไหม”
“ไม่ได้ครับ”
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มันแน่มากที่กล้ามายิงฉันถึงถิ่น ลองส่งคนสืบดูซิ”
“ครับ”
เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งคู่หยุดสนทนา ฉัตรเดินเข้ามากับคู่หู ฉัตรแนะนำตัว
“ขออนุญาตนะครับ ผมผู้กองฉัตร หน่วยสืบสวนพิเศษ เป็นยังไงบ้างครับคุณมังกร”
มังกรไม่ค่อยอยากยุ่งกับตำรวจ
“ก้อนิดหน่อย พวกคุณนี่จมูกดีจริงๆ”
“ทราบไหมครับว่าเป็นใคร”
“ถ้าผมรู้ว่าเป็นใคร คงไม่ต้องถึงมือผู้กองหรอกมั้ง ขอโทษนะ ผมอยากพักผ่อน”
“ผมก็แค่ตามมาดู แต่ยังไงกฎหมายก็ต้องอยู่เหนือกฎหมู่วันยังค่ำ ขอให้หายเร็วๆ นะ”
เสียงโทรศัพท์ของคู่หูดังขึ้น เขารับสายแล้วบอกฉัตร
“พยานบอกว่ามือปืนถือพิซซ่ามาด้วย คาดว่าจะซ่อนปืนไว้ในพิซซ่าแล้วถอดผ้ากันเปื้อนกับหมวกที่มีชื่อร้านเอาไว้ด้วย”
“รู้ชื่อร้านไหม”
“มีชื่อร้านอยู่ในผ้ากันเปื้อน”
ฉัตรพยักหน้ารับรู้แล้วลามังกรอีกครั้ง
“ไปเอาตัวมาสอบปากคำ แล้วพบกันนะครับคุณมังกร”
ฉัตรกับคู่หูออกไปมังกรสั่งอาเพียว
“ฉันอยากเจอไอ้หมอนี่ก่อนตำรวจ”
“ได้ครับ” อาเพียวจะออกไป
“เดี๋ยว เรียกโอตี่กลับมาด้วย”
อาเพียวรับรู้แล้วเดินออกมา ลิลลี่รีบวิ่งสวนเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วง
“ป๊า เป็นยังไงบ้าง” ประตูปิดลง

ที่บ้านบุ๊น บุ๊นนั่งอยู่ที่โต๊ทำงานมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าอิ่มท่าทางสบายใจ อาฮวดเดินเข้ามารายงาน
“ทราบเรื่องหรือยังครับท่าน”
“รู้แล้ว” อาฮวดสีหน้าสงสัยและกังวล “ก็บอกแล้วไง มันเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องตกลงกันเอง เอารถออกไป”
อาฮวดรับคำ

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแป๊ดถูกนำตัวมาสอบสวนที่หน่วยสืบสวน คู่หูฉัตรกำลังสอบปากคำแป๊ดอยู่ในห้องสอบสวน ขณะที่ไทกับหนูเอมรออยู่หน้าห้องด้วยท่าทางเป็นกังวล
“แม่แป๊ดจะติดคุกไหมคะพี่ไท”
“ไม่หรอก แม่แป๊ดไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
หนูเอมมองเข้าไปในห้อง หนูเอมและไทเห็นแป๊ดมีสีหน้าโมโหแป๊ดลุกขึ้นมากระชากคอเสื้อคู่หูของฉัตร
ไทส่ายหน้าเซ็งๆ
“แต่เอ่อ ทำไปแล้วล่ะ”
หนูเอมและไทมองหน้ากันเซ็งๆ หนูเอมมีสีหน้าวิตก ฉัตรเดินเข้ามาพอดี หนูเอมเข้าไปกอดและขอร้องฉัตรเสียงเศร้า
“ป๋าฉัตร ป๋าฉัตรต้องช่วยแม่แป๊ดนะ”
“น้าแป๊ด เข้าไปเกี่ยวกับเขาได้ยังไง” ไทถามฉัตร
“ก็ข้ากำลังจะไปถามมันนี่แหละ”
ฉัตรพูดจบคู่หูก็เดินหน้ามุ่ยออกมาสมทบ
“ได้อะไรบ้างไหม”
“ได้สิครับ ได้รอยนี่ไง ไม่ติดเป็นเพื่อนพี่ผมวิสามัญไปแล้ว”
คู่หูเปิดคอเสื้อให้ดูเห็นว่ามีรอยแดงจากการถูกบีบคอแล้วเดินจากไป ฉัตรมองตาม
“ไอ้นี่ บ้ารึเปล่าวะ”
“อย่าซ้อมผู้ต้องหานะ”
ไทรรีบบอก ฉัตรเดินเข้าไปในห้อง แป๊ดลุกขึ้นมาต่อว่าอย่างรุนแรง
“ไอ้ฉัตร เอ็งให้ลูกน้องจับข้ามาทำไม”
“ใจเย็น ก็เอ็งเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมนายมังกรนี่ ก็เลยต้องเชิญมาสอบปากคำนิดหน่อย”
แป๊ดเลือดขึ้นหน้า
“นิดหน่อยหรือ ข้าอยู่ในนี้มาสามสี่ชั่วโมงแล้วเนี่ยนะนิดหน่อย เอ็งรีบปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
ฉัตรก็โมโหเหมือนกันแล้วหยิบผ้ากันเปื้อนกับหมวกที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุขึ้นมา
“แล้วชุดของร้านเอ็งไปตกอยู่ในที่เกิดเหตุได้ยังไง”
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่า มีคนหยิบไป”
“ปัญญาอ่อนหรือไง อยู่ดีๆ คนมันจะหยิบไปได้ยังไงของอยู่กับตัว”
แป๊ดเกาศีรษะจนยุ่งไม่รู้จะพูดยังไง ที่หน้าห้องหนูเอมมองทั้งคู่สีหน้าไม่ค่อยดีเกรงว่าแป๊ดจะถูกซ้อม
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่รู้เรื่อง”
แป๊ดบอกพร้อมกับโยนผ้าคลุมหน้า
“แม่แป๊ดจะถูกซ้อมไหมคะพี่ไท” หนูเอมถามไท
“คงไม่มั้ง”
ในห้องแป๊ดเลือดขึ้นหน้าแล้วตรงเข้าบีบคอฉัตร
“นี่เอ็งไม่เชื่อข้าใช่ไหม นี่แน่ะ”
“เอาสิวะ”
ทั้งคู่เข้าบีบคอกัน แต่ท่าทางแป๊ดเหนือกว่า ไทกับหนูเอมตกใจรีบเปิดประตูเข้าไปห้าม

“เฮ้ย หยุดครับ น้าฉัตรอย่าซ้อมผู้ต้องหาสิ”

โปรดติดตาม "ดุจตะวันดั่งภูผา" ตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น