แรงเงา ตอนที่ 3
คืนนั้นมุตตาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำนั่งหน้ากระจกเงากำลังหวีผมอยู่ในห้องพักของโรงแรมม่านรูด เจนภพเข้ามานั่งเบียดจูบซอกคอ มุตตาหน้าแดง เจนภพหอมอย่างพอใจ
“จนป่านนี้แล้ว ยังจะอายผมอยู่อีก”
“ก็...ตา”
“ผมรู้ว่าตารักผมมาก ตามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้ผม แต่ผม ผมแทบไม่มีอะไรมาตอบแทนตาเลย”
“ทำไมต้องพูดแบบนี้ล่ะคะ ความรักที่แท้คือการให้ ไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรอกค่ะ”
“ผมรักตาเหลือเกิน ถ้าผมไม่ใช่แค่ข้าราชการ ผมคงมีอะไรให้ตาได้มากกว่านี้”
“อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ เพียงแค่ ผ.อ.รักตาเหมือนที่ตารัก ผ.อ.ก็พอแล้ว”
“ผมสัญญาตา ผมสัญญา” เจนภพซุกไซ้มือไม้เปะปะ “อ้อ ตา”
“คะ”
“ตาเริ่มกินยาแล้วใช่ไหม”
มุตตาอึ้งไปนิดหนึ่งแล้วพยักหน้า
“คนดี เราจะได้ไม่ต้องห่วงว่ามีอะไรผิดพลาดจ้ะ”
“ค่ะ”
“แล้วอีกอย่าง ตาอย่าทำตัวผิดปกติ เคยทำยังไงก็ทำอย่างนั้น อย่าแต่งตัวหรูนักสร้อยนี่ก็อย่าใส่ คนจะผิดสังเกตเปล่าๆ”
“ตาแค่อยากใส่มาให้หัวหน้าดู”
เจนภพยืนขึ้น ห้อยสร้อยมุกมาหน้ามุตตา แล้วใส่ให้
“ผมก็เห็นแล้วไงจ๊ะ เห็นแล้วว่าเวลาตาใส่แค่สร้อยเส้นนี้แล้วสวยแค่ไหน”
เจนภพดึงมุตตาลุก มือปลดสายรัด เสื้อคลุมมุตตาลงไปกองกับพื้น
คืนนั้นเจนภพขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข แต่ทันทีที่เจนภพก้าวเข้าไปในบ้าน ก็มีแจกันใบหนึ่งถูกทุ่มมาแตกกระจายตรงหน้า เจนภพกระโดดถอยอย่างตกใจ
“เฮ้ย”
นพนภายืนหอบหน้าเครียดอยู่กลางห้อง
เจนภพก้าวเข้าไปในบ้าน แจกันใบหนึ่งถูกทุ่มมาแตกกระจายตรงหน้า เจนภพกระโดดถอยด้วยความตกใจ
“เฮ้ย”
นพนภายืนหอบเครียดอยู่กลางห้อง เจนภพกวาดสายตามองเห็นสร้อยคำ ต้อง ต่อ ต้อมนั่งอยู่บนโซฟา แต้ว ยายแหวงนั่งอยู่ที่พื้น
“โธ่ คุณนภาใจเย็นๆ ค่ะ”
“นี่มันอะไรกัน” เจนภพถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ของหายคุณแม่เลยพลิกบ้านหา แจกันมันขวางหูขวางตาก็เลยทุ่มทิ้งเล่นๆ”
“ทำไมทำอย่างนี้ล่ะคุณ”
“ทำไม แจกันฉันซื้อมาเอง เงินฉัน ฉันจะทุ่มอีกกี่ใบก็ได้” เจนภพเดินหลีกเศษแจกัน สีหน้าเย็นชาขึ้นเมื่อนพนภาพูดเรื่องเงิน นพนภามองเจนภพแล้วยิ่งพาล “แล้วที่กลับมาป่านนี้ ไปติดสัดอยู่ที่ไหน”
สร้อยคำสะดุ้ง เจนภพหน้าแดง ต้องยิ้มเยาะ ต่อปรายตามองพ่อ ต้อมตาโตประมวลข้อมูลใหม่
“นี่คุณพูดอะไร ลูกก็นั่งอยู่นี่”
“จะเป็นอะไรไป ยังไงมันก็มีเลือดแม่ค้าครึ่งหนึ่ง ไม่ได้มีเลือดผู้ดีเก่าเหง้าผู้ดีถึงต้องมาทำสนิมสร้อย”
“ติดสัด” ต้อมทวนคำ
สร้อยคำตะครุบปากต้อมร้อง “ไม่เอาลูก” เจนภพมองหน้านพนภา นพนภาอึ้งไปนิดแล้วเชิด
“แล้วอะไรหาย”
“สร้อยมุกเส้นใหม่ของฉัน ซื้อที่งานเมื่อวันก่อนไงคะ”
เจนภพนั่งลง ตีหน้าซื่อ
“ไปซื้อตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เลย”
“ฮึ สร้อยมุกทะเลแดง มุกคัดทุกเม็ด ที่สำคัญเม็ดใหญ่ล้อมเพชรตั้งเจ็ดชั้น ขนาดเขาลดให้ 20 เปอร์เซนต์ ยังปาเข้าไปตั้งแสนห้า”
“อะไรนะ แสนห้า” เจนภพตกใจ
“ก็ใช่นะซี แสนห้า ว่าไงนังแต้ว”
แต้วสูดน้ำมูก ยายแหวงน้ำตาเอ่อ
“หนูไม่รู้เรื่อง”
“แต้วน่ะมันอยู่มาตั้งแต่ยายต้องยังไม่เกิด ไม่เคยมีอะไรหาย ยายแหวงก็ไว้ใจได้” สร้อยคำบอก
“ค่ะ อิฉันใจซื่อมือสะอาด ค่ากับข้าวไม่เคยเม้มซักบาทค่ะ”
“นี่ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเป็นละครน้ำเน่า ฉันไม่ได้ว่าแก 2 คนเอาไป ฉันแค่ถามว่าเห็นบ้างไหม ฉันน่ะไว้ใจแกกว่านังต้องอีก”
“ตาย ดีนี่คะ คนใช้ไม่สงสัยมาสงสัยลูก หนูไม่เอาไปหรอกค่ะ เครื่องเพชรแม่แต่ละชิ้นน่ะใครเห็นก็คิดว่าของปลอม”
“อย่ามาทำปากจัดแฟชั่นโฟกัสกับฉัน”
“แล้วไอ้ต่อน่ะ ไม่สงสัยบ้างหรือคะ”
“บ้า ผมจะเอาไปทำอะไร”
“เอาไปใส่เองมั้ง แกชอบไม่ใช่หรือ”
ต่อโกรธเม้มปากตาวาว ต้องยิ้มสะใจ แต้วมอง
“แกอย่ามาชักใบให้เรือเสีย ยายต้อมล่ะลูก เอาไปเล่นหรือเปล่า”
“ไม่เล่น ติดสัด”
“ว้ายลูก ไม่เอาค่ะ” สร้อยคำร้องห้ามอย่างตกใจ
“ต๊าย จับมือใครดมไม่ได้ซักคน”
“ไม่ลองดมมือพ่อบ้างหรือฮะ”
เจนภพสะดุ้งมองลูกชายตาเขียว ต่อมองตอบแบบไม่เกรง
“นี่แกอย่ามาพูดอะไรมั่วๆ ไอ้ต่อ นี่คุณผมนึกออกแล้ว คืนนั้นคุณกระดกเข้าไปไม่รู้กี่แก้ว ไปทำตกในงานแล้วล่ะ”
“ไม่จริง ตอนกลับบ้านอยู่ในรถ ฉันยังเอามาดูอยู่เลย”
“งั้นก็ลืมไว้ในรถ เสร็จไอ้ชมไปแล้วล่ะ”
“ว้าย จริงด้วย ไอ้ชม”
นพนภาวิ่งออกไป ทุกคนมองตามอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียใจ เจนภพโล่งใจแต่อีกใจก็ยังอึ้งกับราคาของสร้อยมุก ต้อมเริ่มวิ่งร่อนร้องติดสัดอยู่เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง
วันต่อมา วีกิจและสร้อยคำนั่งบนเก้าอี้หวาย บัวกับแต้วนั่งบนที่นั่งขอบเทอเรซกำลังหั่นเครื่องเมี่ยงคำ วีกิจห่อเครื่องเมี่ยงหยอดน้ำปรุงส่งให้สร้อยคำกิน
“จริงๆ นะคะ ถ้าคุณสร้อยไม่ห้ามไว้ หนู ยายแหวง พี่ชมจะลาออกยกแผงเลย”
“อย่ามาทำใจน้อยเลย ลาออกไปใครเขาจะให้เงินเดือนดีเหมือนบ้านนี้”
“นี่แหละค่ะ ข้อดีของคุณนภา ฮึ สร้อยมุก สร้อยเหม็นอะไร หนูไม่เคยเห็นซักนิด”
บัวขำตะครุบปากไว้ สร้อยคำนิ่วหน้าทั้งดุทั้งขำ
“แกนี่ปากคอ เดี๋ยวยายต้อมก็จำไปอีก”
แต้วยิ้มแห้ง วีกิจคิดอะไรบางอย่างแต่ก็สรุปเองว่าเป็นไปไม่ได้
“สร้อยมุกหรือฮะ แปลกจริง”
เช้าวันต่อมาที่ห้องทำงานเจนภพปิดม่านจนมืด มีเพียงไฟกิ่งที่ผนังเปิดไว้สลัวราง เจนภพกอดมุตตาดันไปติดตู้เอกสารแล้วจูบลูบไล้ มุตตาตัวสั่น ตู้เอกสารดังกึกกัก แล้วเจนภพก็ดึงมุตตามาที่โต๊ะทำงานดันมุตตาให้นั่งบนขอบโต๊ะ มือวางบนหัวเข่า มุตตาจับรั้งมือไว้
“อย่าค่ะ ผ.อ.”
“ตา ผมอยู่ใกล้ตาไม่ได้เลย ตาทำให้ผมร้อนรุ่มไปหมด”
เจนภพขยับมือมุตตาผวา มีเสียงเคาะประตู ทั้งคู่ผงะจากกัน
ที่หน้าประตู แจงจิตถือแฟ้มยืนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบสนิท ภายในห้องเจนภพเปิดไฟพลางสวมเสื้อนอก มุตตารูดม่านพลางกลัดกระดุมเสื้อ
“เข้ามาได้”
แจงจิตถอนใจน้อยๆ เปิดประตูเข้าไป เจนภพนั่งเก้าอี้ มุตตานั่งเก้าอี้เล็กในมือมีสมุดโน้ตเล็ก
“เพิ่มหัวข้อนี้ในการประชุมฝ่ายคราวหน้าด้วย”
“ค่ะ”
แจงจิตส่งแฟ้มให้เจนภพ เจนภพทำเป็นเปิดดูอย่างสนใจ
“นี่ค่ะ เอกสารสำหรับการประชุมย่อยตอนบ่ายสาม”
มุตตาออกไป เหลือบดูแจงจิต แจงจิตไม่สนใจ มุตตาปิดประตูลง แจงจิตมองเจนภพแล้วส่ายหน้าปลงๆ
วันเดียวกันนั้น เนตรนภิศในชุดหรูเนี้ยบนั่งอยู่กับแจงจิตภายในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง แจงจิตดูเมนูแล้วสะดุ้งกับราคาอาหาร บริกรยืนเชิดอยู่
“อุ๊ย สั่งไปเถอะค่ะ ฉันเลี้ยงเอง” เนตรนภิศบอก
“เอาอาหารชุดก็แล้วกัน ชุดเอค่ะ” บริกรเดินไป “ไปร่ำรวยมาจากไหนคะ คุณนภิศ”
“คุณอมรกับเพื่อนเขาพาไปทัวร์นครวัดค่ะ แต่ฉันกลัวแดดก็เลยไม่ไปไหน หลบอยู่แต่ใน...”
“บ่อน”
“เขาเรียกคาสิโนค่ะ แหม หรูใช้ได้นะคะ ไม่เท่ามาเก๊าแต่ไม่แพ้แถวเก็นติ้งไฮแลนด์เลยนะคะ ก็ได้มานิดหน่อยค่ะ”
แจงจิตถอนใจ
“คุณนภิศคะ คุณเตือนคุณนภาหรือยังเรื่องเด็กมุตตา”
“อ๋อ ยังค่ะ”
เนตรนภิศยกมือลูบแก้ม ดวงตาวาววูบหนึ่ง
“อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ช่วงนี้พี่นภามีปัญหาเรื่องธุรกิจน่ะค่ะ เรื่องลูกหนี้ที่เอาที่มาจำนองดื้อแพ่งอะไรซักอย่างก็เลยอาละวาดแว๊ดๆ ทั้งวัน ฉันเลยกลัวลูกหลง”
“เฮ้อ แต่ยังไงก็น่าจะรีบบอกคุณนพนภาได้แล้วนะคะ”
“ทำไมหรือคะ หรือว่าแม่เด็กนั่นเสียท่าพี่เขยฉันไปแล้ว”
“เรื่องแบบนี้ใครจะไปรู้แน่ล่ะคะ ไม่ได้ตามไปเกาะขอบเตียงดูนี่” เนตรนภิศหัวเราะ “ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องเกิดราว แกเป็นเด็กดี ยังใสยังซื่อ ไม่รู้เล่ห์มนุษย์”
“ก็ไม่เห็นต้องกลัวนี่คะ ถ้าเด็กดีใสซื่ออย่างที่ว่า”
“ไอ้ซื่อกับเซ่อนี่ มันอยู่ใกล้กันนิดเดียวเท่านั้นล่ะค่ะ”
“คุณแจงคะ คุณแจงก็รู้ฤทธิ์พี่นภาดี ถ้าไปบอกเขา ต่อให้พี่เขยฉันกะเด็กนี่ยังไม่มีอะไร พี่นภาต้องมาฉีกอกเด็กนี่แน่ ลงท้ายก็หมดอนาคตแบบแม่ชีกายสิทธิ์นั่นเปล่าๆ”
“เอ แต่ยังไงก็ต้องบอก คุณไม่บอกฉันบอกเอง”
“อุ๊ย อย่าเพิ่งเลยค่ะ ใจร่มๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวเกิดเราเข้าใจผิดไปเองจะเสียหายหลายล้าน อุ๊ย ฉันนึกออกแล้ว เอายังงี้ไหมคะ”
เนตรนภิศอ่อนหวาน แต่ดวงตากลับวางแผนการบางอย่าง
วีกิจนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ปริมทำงานอยู่ใกล้ๆ ประสิทธิ์ชัยเดินเข้ามานั่งหมิ่นๆ บนโต๊ะวีกิจ พลางกระซิบกระซาบ
“เฮ้ย ไอ้กิจเห็นหรือยังวะ”
“เห็นอะไร”
“มีมาใหม่อีกคนโว๊ย เห็นว่าจะมาอยู่ฝ่ายเราแต่เป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวว่ะ”
“ทำไม สวยเหรอ”
“สเป็คเลยว่ะ เด็กๆ ปากนิด จมูกหน่อย ใสซื่อ”
“แล้วแฟนเอ็งล่ะ”
“ตอนนี้โสดอีกแล้วโว๊ย”
ปริมเงี่ยหูฟังสุดความสามารถ ประสิทธิ์ชัยเหลือบดู
“ไม่ไหวว่ะ โสดเฉพาะกิจแบบเอ็งนี่ เด็กใหม่นี่ชื่ออะไรวะ”
“ชื่อน้องนกว่ะ ชื่อจริงชื่ออะไรไม่รู้ คุณปริม คุณรู้ไหม” ประสิทธิ์ชัยหันไปถามปริม
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง วันๆ ทำแต่งาน คุณสิทธิ์จ้องจะงาบอีกแล้วล่ะซี”
“เฮ้ย เปล่า ผมออกจะเป็นคนดี ถามให้วีกิจมัน”
ประสิทธิ์ชัยใส่ไฟ ปริมตาโต วีกิจอึ้งแต่ก็ตามน้ำ
“อะไรกันคะ เดี๋ยวอี เอ๊ย ยายมุตตา เดี๋ยวจะเด็กใหม่อีกเหรอ”
“สมัยนี้เขาต้องมีสำรองไว้เยอะๆ ไม่ใช่หรือครับ”
ปริมรู้ว่าวีกิจแกล้งพูด
“ฮึ ถ้าคุณเป็นคนแบบนั้นจริง ฉันเลิกคบดีกว่า”
“โธ่ เข้าชื่อในเวทติ้งลิสต์ไปก่อนเถอะครับ”
ปริมตาเขียวค้อนทั้งประสิทธิ์ชัยและวีกิจ
แจงจิตยืนอยู่ข้างรัชนก เด็กสาววัย 20 หน้าตาไม่สวยมากแต่สดใส ตาคม แต่งหน้าบาง แต่งตัวเรียบร้อย มุตตา ทิพอาภา อรพิมอยู่ตรงหน้า
“นี่รัชนกเพิ่งมาใหม่ที่นี่ นี่มุตตา นี่ทิพอาภา นี่อรพิม”
รัชนกย่อตัวไหว้ มุตตา ทิพอาภารับไหว้อย่างดี แต่อรพิมรับไหว้ส่งๆ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณรัชนก”
“เรียกนกว่านกเถอะค่ะ คุณมุตตา”
“เรียกพี่ พี่ตาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”
“น้องนก เรียกพี่พี่ทิพดีกว่าค่ะ”
อรพิมมองดูความอ่อนหวานของรัชนกอย่างรำคาญ
“เรียกฉัน คุณอรพิมก็แล้วกัน”
รัชนกงงไปนิด แต่ยิ้มสู้
“ค่ะ เอ้อ นกเพิ่งมาอยู่ใหม่ มีอะไรก็ช่วยแนะนำด้วยนะคะ”
“อุ๊ย ไม่มีอะไรจะแนะนำหรอกจ้ะ ท่าทางหนูก็ไม่โง่ อยู่ๆ ไปก็เป็นงานเองแหละ” อรพิมบอก
“เอ้าพอ แม่คุณ...ไปหนู ฉันจะพาไปแผนกอื่น”
แจงจิตพารัชนกออกไป
“นังแม่มดยูฮี อยู่ดีไปแขวะเด็กทำไม” ทิพอาภาหันไปถามอรพิม
“ไม่รู้ เห็นปุ๊บก็ไม่ชอบขี้หน้า ไม่ถูกชะตา”
“เธอนี่จริงๆ นะ หนูนกดูซื่อจะตาย”
“ใช่ ดูซื่อๆ น่ารักออก”
“อุ๊ย ยังงี้แค่ดูซื่อย่ะ แต่เนื้อในฉันไม่ชัวร์ นังเด็กคนนี้หูตาแพรวพราว ไม่เหมือนหล่อน หล่อนน่ะทั้งซื่อทั้งซีดจริง แต่นังนี่มันซีดบีบี”
“อคติแล้ว”
“ใช่ น่ารักจะตาย ยังกะสาวเกาหลี หล่อนอิจฉาเด็กน่ะซี”
“ก็ใช่น่ะซียะ สวย ใส ตาโต หนองโพใหญ่ หมั่นไส้”
“หนองโพใหญ่ อะไรน่ะ อ๋อ...ฉันรู้แล้ว นังลามก” ทิพอาภาต่อว่าอรพิม
1 อาทิตย์ต่อมา รัชนกถือถาดอาหารเดินหาที่นั่งผ่านโต๊ะวีกิจ ประสิทธิ์ชัย ปริม
“คุณนก นั่งนี่ไหมครับ” ประสิทธิ์ชัยเอ่ยชวน
“ต๊าย หวาน ใส คลื่นไส้” ปริมบอกอย่างหมั่นไส้ รัชนกชะงัก
“คุณพูดอะไรน่ะ”
ปริมชูแก้วสไปร์ทให้ดู
“ก็นี่ไงคะ โฆษณาว่าไม่มีแคลอรี่ แต่มีสารพิษหรือเปล่าไม่รู้”
รัชนกยิ้มแหยเดินต่อไป มุตตานั่งอยู่กับอรพิม ทิพอาภา ทั้งคู่ลุกขึ้นพอดี รัชนกเดินเข้าไปหา
“ไปหล่อนไปกักตุนสแน็คยามบ่าย”
“พี่ตา นกนั่งด้วยได้ไหมคะ”
“เชิญค่ะ เป็นไงคะ ทำงานมาอาทิตย์นึงแล้ว”
รัชนกนั่งลงยิ้มประจบ
“ก็ดีค่ะ ไม่ดีอยู่เรื่องเดียว คุณปริมน่ะค่ะชอบแขวะนกอยู่เรื่อยเลย มีคนบอกว่าเขาหึงคุณวีกิจ แต่คุณวีกิจเป็นแฟนพี่ตาไม่ใช่หรือคะ”
“อีกแล้ว พี่กับคุณกิจเป็นเพื่อนกันค่ะ เพื่อนสนิท”
“นี่พี่ตาตอบแบบดาราหรือเปล่าคะ”
“เพื่อนจริงๆ ค่ะ ช่วงนี้ก็เลยห่างๆ กัน ไม่ค่อยได้กินข้าวหรือไปไหนมาไหนด้วยกันแล้วค่ะ แต่ใครๆ ก็ยังเข้าใจผิดอยู่”
“เอ แต่นกว่าพี่ตาไม่ได้กลัวใครๆ เข้าใจผิดหรอก พี่ตากลัวแค่ใครบางคนเข้าใจผิดมากกว่า”
“ใครบางคน ใครกันคะ”
“ก็แฟนตัวจริงของพี่ตาน่ะซีคะ นกรู้พี่ตาต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ เลย”
แววตามุตตาพราวระยิบระยับ รัชนกมองอย่างดูท่าที
อีก 5 นาทีจะบ่ายโมงแต่ห้องทำงานยังว่างอยู่ มีเพียงมุตตากับรัชนกที่กินผลไม้อยู่ที่โต๊ะมุตตา รัชนกพลิกดูนิตยสาร
“พี่ตารู้ไหมคะ นกแทบไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่เลย ที่ใส่มาทำงานก็วนอยู่ไม่กี่ตัว พี่ตาช่วยเป็นเพื่อนซื้อเสื้อกับนกหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ซีคะ เมื่อไรดี”
“เย็นนี้เลยได้ไหมคะ พรุ่งนี้นกต้องไปงาน”
“แหม แต่เย็นนี้พี่มีนัดพอดี”
“กับใครเอ่ย”
มุตตายิ้มตาพราว
“เอาอย่างนี้ค่ะ ขอพี่โทรไปเลื่อนนัดหน่อยนึง”
มุตตากดมือถือ รัชนกมอง
ขณะนั้นเจนภพขับรถอยู่ มือถือดัง เจนภพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหน้าจอขึ้นชื่อ แจงจิต 1 เจนภพยิ้ม
“ฮัลโหลตา”
“วันนี้ตาขอไปซื้อของหน่อยนะคะ”
“ซื้อของหรือ”
“ซื้อเสื้อน่ะค่ะ ไปเป็นเพื่อนน้องนก”
“แล้วเราสองคนจะยังไงดี”
“ก็ ไปรับตาที่หอตอน 2 ทุ่มดีไหมคะ”
“โอเคจ้ะ”
มุตตาวางโทรศัพท์ลง
“คิดว่าเลื่อนนัดใครที่แท้ก็คนพิเศษของพี่ตาน่ะเอง แต่ว่าทำไมพี่ตาพูดเหมือนเขารู้จักนกเลย”
มุตตาใจหายวาบ
“ก็ พี่เคยเล่าเรื่องน้องนกให้เขาฟังน่ะซีคะ”
รัชนกยิ้มอ่อนหวาน มุตตาคลายกังวลลง
คืนนั้น มุตตาแต่งตัวสะสวยนั่งอยู่กับเจนภพที่สวมแว่นสีชาพรางใบหน้าอยู่ในผับแห่งหนึ่ง มุตตามองดูรอบๆ ตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ตาทีหลังรอผมในซอยดีกว่าไปยืนตรงเซเว่นแบบนั้น สว่างก็สว่าง คนก็เยอะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ข้างในมันมืดค่ะ แล้วก็พวกวินมอเตอร์ไซค์นั่งกินเหล้ากันอยู่ ตากลัว”
“โธ่ ผมจะไปรับตาที่หอ ตาก็กลัวมีพวกหูผีจมูกมดแล้วนี่จะนัดกันยังไง” มุตตานิ่งอึ้งมองเจนภพมีแววเจ็บช้ำ เจนภพอ่อนลง “คราวหลังผมไปรับตาที่หอนั่นแหละ จอดห่างมาหน่อย ดีไหมจ๊ะ”
“ก็ได้ค่ะ”
“วันนี้ไปซื้อของกับหนูนกอีกแล้วหรือ”
“ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังเรื่องนึงค่ะ”
“หมู่นี้ตาสนิทกับหนูนกจังนะ”
“แกน่ารักดีค่ะ ซื่อๆ พอแต่งเนื้อแต่งตัวเข้าก็สวยมากนะคะ”
“นายประสิทธิ์ชัยเขาตามจีบอยู่ไม่ใช่หรือ นายกิจมันเล่าให้ฟัง” มุตตาเงียบไปนิดเมื่อเอ่ยชื่อวีกิจ แต่เจนภพกลับคิดอะไรได้ “ก็ดีตาไปไหนมาไหนบ้าง ทำตัวเป็นปกติใครจะได้ไม่ผิดสังเกตเรื่องเราสองคน”
“ตาทราบดีค่ะ”
มุตตาประชดประชันเล็กๆ เจนภพพูดต่อ ดวงตามีแววอย่างหนึ่ง
“กับนายวีกิจก็เหมือนกัน พูดคุย ไปไหนมาไหนบ้าง หรือจะให้ไปรับไปส่งบ้างก็ได้”
“อะไรนะคะ”
มุตตาแปลกใจระคนโกรธ แต่เจนภพอธิบายอย่างใจเย็น
“นายกิจมันเป็นเด็กดี นิสัยดี มันเป็นเพื่อนที่ดีมากนะตา ตาไม่ต้องตัดขาดมันไปเลยหรอก”
“ตาก็ไม่ได้ตัดขาดนะคะ แค่ห่างๆ ออกมา”
“ตาไม่ต้องกลัวตากิจเข้าใจผิดหรอก มันรู้ว่าตาคบมันได้แค่เพื่อน”
“แต่ ผ.อ.”
“ผมรักตาแค่ไหน ผมก็เชื่อใจตาแค่นั้น ผมรู้ว่าในใจตามีผมคนเดียว ในใจผมก็มีแค่ตาคนเดียวเหมือนกัน” เจนภพกุมมือมุตตา มุตตายิ้มออกปลาบปลื้มน้ำตาเอ่อ ไม่เห็นแววตาสมใจของเจนภพ “ตาชอบที่นี่ไหม”
“อาหารอร่อย เพลงก็เพราะดีค่ะ แต่คนเที่ยวมีแต่ฝรั่งกับวัยรุ่น”
“เราจะได้ไม่บังเอิญไปจ๊ะเอ๋กับใครไง”
มุตตากับเจนภพมองเลยไป
“เอ๊ะ เด็กผู้หญิงคนนั้น คุ้นจังค่ะ”
“ไหนหรือ”
เจนภพมองตามสายตามุตตาจึงเห็นต้องในชุดกลางคืนคล้ายเสื้อหลวมคอถ่วงหลังถ่วงโชว์ไหล่หลัง ท่อนล่างเป็นกระโปรงที่สั้นจนหายไปในเสื้อ ต้องกำลังเต้นรำกับเด็กหนุ่มตัวบาง หน้าตาดี ผมเกาหลีปิดตาปิดแก้ม
“ยายต้อง” เจนภพอุทานออกมาอย่างตกใจ
“คุณต้องหรือคะ”
“ยายต้องยังไม่เต็ม 17 เลย เข้ามาได้ยังไง ให้ตาย ผมจะหลบไปก่อน ตาเรียกเช็คบิลที”
เจนภพรีบลุกผละไป
ต้องเต้นไปมา แจ็ค เด้กหนุ่มคู่เต้นของต้องหาโอกาสแตะเนื้อต้องตัวเป็นระยะ เจนภพเดินตามหลังบริกรให้บริกรบังไว้ แต่ทันใดบริกรแยกไปต้องหมุนตัวมาใกล้เจนภพ เจนภพชะงักใจหายวาบแล้วเห็นว่าต้องปรือตาเต้น แจ็คกระชากต้องหมุนมาหา เจนภพรีบหลบปรู๊ดออกไป
บริกรส่งบิลให้ มุตตาแง้มดูกระเป๋าเงิน แล้วดึงออกมาราว 3,000 บาทหมดกระเป๋าวางลงในถาด
แจ็คโอบต้องมาที่โต๊ะ ต้องปัดมือออก เพื่อนเกย์รูปหล่อหุ่นดีแต่สาวนิดหนึ่งเดินมารวมกลุ่ม
“นี่หล่อน 2 คนหายไปไหนมา”
“ไปเช็กหนังหน้า”
“มันตามญี่ปุ่นเข้าไปตะหาก”
คิมค้อนเล็กน้อย จัสทำท่าไม่พอใจ ต้องลุกขึ้นเต้นใหม่
“เต้นต่อเถอะ นี่ไอ้แจ็คไปห่างๆ ฉัน อย่ามาทำเป็นพวกถูไถในรถไฟฟ้า” ต้องมองมาเห็นมุตตา มุตตารีบก้มหน้าก้มตาหลบออกไป “อื๋อ แฟนพี่กิจนี่”
พอออกจากผับ เจนภพพามุตตามาต่อที่โรงแรมม่านรูด เจนภพและมุตตานั่งอยู่บนเตียง เจนภพลงมือปลดกระดุมเสื้อมุตตา มุตตาปัดมือ
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะตา โธ่ เรามีเวลาไม่มากนะ”
“เวลาอะไรคะ”
“เวลาหาความสุขของเราไง”
“เวลาหาความสุขของ ผ.อ.ต่างหากคะ ไม่ใช่ของตา”
“ตา นี่ตาเป็นอะไรไป”
มุตตาเบือนหน้าคับแค้น
“ผ.อ.ต้องการเพียงแค่นี้เองหรือคะ ไม่ว่าอะไรก็มาจบลงบนเตียง ตามีค่าเท่านี้เองหรือคะ”
“ตา ตาน่าจะรู้ว่าตามีค่าสำหรับผมแค่ไหน ผมรักตามากนะ”
“แต่ ตาไม่ชอบความรักแบบนี้ค่ะ นี่หรือคะความรักของ ผ.อ.”
เจนภพขยับเข้าชิดโอบกอดแผ่วเบา
“ผมรู้แต่ว่าผมรักตา ตาคือทุกสิ่งทุกอย่าง คือชีวิต คือลมหายใจของผม ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครนอกจากตา” มุตตาอ่อนลง เจนภพจูบซอกคอ “ตาเหมือนไฟที่เผาผลาญผม แล้วก็คือน้ำทิพย์ที่ดับไฟนั้นด้วย”
“ผ.อ.”
เจนภพยิ่งเคล้าคลึง ประคองร่างมุตตาเอนลง
มุตตานอนระทดระทวยสีหน้าเปี่ยมสุข เจนภพนั่งบนขอบเตียงกำลังสวมกางเกง ท่อนบนยังเปลือย
“ตาจ๋า ลุกขึ้นได้แล้ว”
“ทำไมคะ”
“เรากลับกันได้แล้ว ตาลุกขึ้นแต่งตัวเถอะ”
“นี่ยังไม่เที่ยงคืนเลย”
“ผมกลับดึกมาหลายคืนแล้ว วันนี้กลับเร็วบ้าง เขา...ใครๆ จะได้ไม่สงสัย แต่งตัวเถอะตา ผมจะไปส่ง”
มุตตากัดริมฝีปากตัวเอง
“ค่ะ ตารู้ค่ะว่าควรจะทำตัวยังไง”
เช้าวันต่อมา มุตตาแต่งชุดนอนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งโทรทัศน์เปิดละครน้ำเน่า มุตตาหยิบแผงยาคุมกำเนิดมาแกะกิน พรโผล่มาใกล้ๆ ถือถุงขนมมาด้วย
“อ้าว กินยาอะไรอยู่จ๊ะ” มุตตาสะดุ้งสุดตัวหน้าซีดเผือด แผงยากระเด็นตกไปที่เท้าพร พรหยิบมาพูดแกมหัวเราะ “ต๊าย ขวัญเอ๊ย ขวัญมา ขอโทษจ้ะ พี่เห็นประตูเปิดอยู่ก็เลยเข้ามาเลย เอ๊ะ นี่มันยาคุมนี่”
“ไม่ใช่นะคะ”
“อ๋อ รู้แล้ว” มุตตายิ่งตกใจ “นี่หนูกินรักษาสิวน่ะซี ได้ผลใช่ไหมหนู ช่วงนี้หนูถึงได้เปล่งปลั่งขนาดนี้” มุตตาลอบถอนใจโล่งอก พรนั่งลงบนเตียง “อียาตัวนี้พี่ก็เคยกิน แต่มันไม่ถูกกับพี่ สิวไม่ยุบ แต่นมใหญ่ พุงเพิงปลิ้น นังป้าฤดีมันคิดว่าพี่ท้อง ผัวไม่มีขืนท้องก็ตายซี”
“พี่พร มีอะไรหรือคะ”
“เอาขนมมาฝาก นี่น่ะเครปชาติหน้า” พรส่งถุงขนมให้ มุตตาพึมพำขอบคุณ “นี่ ประตูประต่างทำไมไม่ล็อค ระวังนะจ๊ะถึงจะหอพักหญิงก็เถอะ ฉันเห็นนังทอมฮะกับทอมเสี่ยเล็งเธอตาเป็นมันอยู่”
“แหม พี่พร”
“วันนี้พระเอกของตาไม่มารับไปไหนหรือ”
“เขาก็อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวเขาซีคะ เขาไม่ใช่พระเอกของตาหรอกค่ะ เป็นแค่หัวหน้าที่ที่ทำงาน”
“แหม หัวหน้าอะไรจะมาคอยเทคแคร์ลูกน้องขนาดนี้”
“แต่เขาแต่งงานแล้ว ลูกเมียก็มีด้วยกัน”
“คนแต่งงานแล้ว เขาก็หย่ากันโครมๆ ไม่เว้นแต่ละวัน ว่าแต่หนูเถอะรักเขาเข้าแล้วน่ะซี แต่ยังไงล่ะก็อย่าเพิ่งไปได้เปรียบเสียเปรียบกันนะหนู เล่นตัวไว้ก่อนพรสอนไว้” มุตตาอึ้ง พรไม่ได้สนใจนัก ตามองดูทีวี แล้วร้องอุทานคว้ารีโมทมาเพิ่มเสียง “อุ๊ย ฉะกันแล้ว”
ในโทรทัศน์ เมียน้อยเมียหลวงกำลังชี้หน้าด่ากัน
“ยังไงฉันก็เมียหลวง เมียตบเมียแต่ง เมียจดทะเบียน”
“งั้นก็เชิญกอดทะเบียนไว้เถอะ เพราะผัวเธอมีฉันกอดอยู่แล้ว”
“แก...นังหน้าด้าน”
“แกต่างหากที่หน้าด้าน ไม่ได้รักกันแล้วยังมาหวงก้าง ฉันต่างหากที่รักเขาหมดใจแล้วเขาก็รักฉัน ฉันคนเดียวเท่านั้น”
มุตตามองดูโทรทัศน์ หน้าเชิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนที่ 3 หน้า 2
แรงเงา ตอนที่ 3 (ต่อ)
ช่วงเวลาบ่ายสี่โมงใกล้เวลาเลิกงาน มุตตา ทิพอาภานั่งทำงานอยู่ อรพิมกำลังซับหน้าเตรียมเติมหน้าก่อนกลับ รัชนกแต่งตัวมีสีสันเข้ามาหามุตตา
“เกือบเสร็จหรือยังคะ พี่ตา”
“รออีกนิดค่ะ เหลือแค่ปริ้นท์แล้วเย็บเล่มก็เสร็จแล้ว”
“จะไปไหนกันหรือคะ” ทิพอาภาถามขึ้นมา
“ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังค่ะ คุณวีกิจจะเลี้ยงข้าว คุณสิทธิ์เลี้ยงหนัง”
“ต๊าย อย่างงี้ก็เดทคู่ซีคะ”
รัชนกหน้าแดง
“ไม่ใช่นะคะ นกกับคุณสิทธิ์ไม่ได้มีอะไรกัน”
อรพิมแสยะปากพลางเติมลิปสติก
“ต๊ายดีเหลือเกิน ยังไม่เลิกงานเลย เตรียมตัวเที่ยวกันแล้ว” รัชนกหน้าจ๋อย
“ยังมีหน้ามาว่าคนอื่น หล่อนน่ะแต่งหน้าเตรียมกลับก่อนตั้งชั่วโมง”
“ใครบอกยะ ฉันแต่งหน้านี่ก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง แขกไปใครมา มาติดต่อราชการจะได้เจริญหูเจริญตา”
อรพิมพูดไม่อายคน ทิพอาภาอ่อนใจ รัชนกกลั้นยิ้ม แต่มุตตากลับหม่นลง
วีกิจมองดูมุตตาที่เอาหลอดดูดคนน้ำมะนาวอย่างเลื่อนลอย
“คุณตาดูกังวล มีอะไรหรือเปล่าครับ”
วีกิจถามอย่างเป็นห่วง
“หรือคะ ก็คงเรื่องงานน่ะค่ะช่วงนี้งานมากจังเลย”
“ว้า เก็บงานใส่ลิ้นชักไว้ก่อนเถอะครับ เดี๋ยวจะดูหนังไม่สนุกเปล่าๆ”
“ก็ได้ค่ะ คุณกิจ”
มุตตาฝืนยิ้มแย้ม วีกิจเลื่อนขนมชวนให้ชิม รัชนกมองดูมุตตา
“ทำไม คุณนกไม่ชอบทานขนมนี่หรือครับ” สิทธิ์ชัยถามรัชนก
“ก็ทานแล้วนี่คะ”
“ผมเห็นคุณนกทานคำเดียวเอง”
รัชนกค้อนประสิทธิ์ชัย ประสิทธิ์ชัยใจพองโต
“ตกลงใจได้ยังครับจะดูหนังเรื่องอะไร” วีกิจถามขึ้นมา
“ให้ผู้หญิงเลือกก็ต้องดูหนังผู้หญิงซีคะ”
วีกิจนิ่วหน้านิดหนึ่ง
“จะดูเรื่องนี้จริงหรือฮะ”
“นกอยากดูค่ะ นางเอกสวยดีนกชอบจังเลย”
“แต่มันไม่ใช่หนังรักนะฮะ มันเป็นฟิล์มนัวร์ นางเอกก็ไม่ใช่นางเอกนะฮะแต่เป็นนางร้ายสุดๆ เลย”
“นั่นแหละค่ะ นกอยากดู”
“ดูนางเอกแสนดีมาเยอะแล้ว ดูนางเอกร้ายๆ บ้างก็ดีออกค่ะ”
มุตตาพูดด้วยความรู้สึกข้างใน
“ไป ไปซื้อตั๋ว ไอ้กิจ” ประสิทธิ์ชัยบอก
“เอ็งนั่นแหละไป”
“ไปกันทั้งคู่แหละค่ะ นกกับพี่ตาจะได้คุยอะไรหญิงๆ กันบ้าง”
“โอ ได้ฮะ”
วีกิจกับประสิทธิ์ชัยเดินไป มุตตาเลื่อนจานขนมให้รัชนก
“หนูนก ทานอีกนิดซีคะ”
“รู้ไหมคะพี่ตา ตอนเด็กบ้านนกจนมาก อย่าว่าแต่ขนมเลยค่ะ บางวันข้าวก็ไม่มีกินด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆ นกคิดว่าวันไหนนกมีเงิน มีงานทำ นกจะซื้อขนมดีๆ กินให้หายอยากแต่พอมีเงินเข้าจริงๆ นกกลับกินมันไม่ลงค่ะ”
“โถ หนูนก”
รัชนกน้ำตาคลอ มุตตาปลอบส่งทิชชู่ให้ รัชนกซับน้ำตายิ้มแหยๆ
“นกนี่ขี้แยจัง ต้องให้พี่ตามาปลอบ ทั้งๆ ที่พี่ตาต่างหากที่กำลังมีเรื่องในใจ” มุตตาชะงัก “พี่ตาต้องโกรธกับแฟนพี่ตามาแน่ๆ เลย”
“ไม่ได้โกรธหรอกค่ะ แค่มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย”
รัชนกสะดุ้ง หยิบโทรศัพท์ตัวเองมาดู
“ตาย พี่ชายนกยิงมาอีกแล้ว โธ่มือถือนกเงินหมดพอดีโทรกลับก็ไม่ได้”
“เอาของพี่โทรก่อนซีคะ”
“ขอบคุณค่ะ พี่ตา”
รัชนกรับโทรศัพท์มายิ้มขยับเบี่ยงตัวนิดหนึ่ง มุตตาเหม่อมองไปนอกร้าน รัชนกกดปุ่มสปีดไดอัลเบอร์ 1 ตามที่เคยเห็นมุตตากดเพื่อเช็กเบอร์
รัชนกเดินเรียบร้อยมา ผู้ชาย 2-3 คนมองตาม บ้างส่งสายตาเจ้าชู้ รัชนกก้มหน้างุด รัชนกก้าวเข้ามาในร้านกาแฟหรู ท่วงท่ากลับเปลี่ยนไปดูมั่นใจแข็งกระด้างขึ้น รัชนกมองหาแล้วเดินไปยังโต๊ะหนึ่ง นั่งลง แจงจิตและเนตรนภิศรออยู่
“ไง ได้ความว่ายังไงบ้าง รัชนก”
“นกสืบดูแน่นอนแล้วค่ะ พี่ตากับผ.อ.เจนภพ” แจงจิตลุ้น เนตรนภิศนิ่ง
“ยังไง”
“พี่ตากับ ผ.อ.เจนภพ ไม่มีอะไรกันค่ะ”
แจงจิตกึ่งโล่งอกดีใจกึ่งสงสัย
“หนูแน่ใจหรือ แล้วที่แอบโทรศัพท์กันอยู่บ่อยๆ ล่ะ”
“พี่ตามีแฟนแล้วค่ะ ทำงานอยู่บริษัทส่งออก แก่กว่าพี่ตา 4-5 ปี”
“แล้ว ผ.อ.”
รัชนกตาแป๋ว ไม่มีพิรุธใดๆ
“พี่ตาเล่าว่าถูก ผ.อ.จีบบ้าง หยอดบ้าง พี่ตาบอก ผ.อ.ตื้อเก่งมากค่ะ นกก็เตือนให้พี่ตาอยู่ห่างๆ นี่พี่ตาไม่ยอมให้แกไปส่งแล้วนะคะ”
“อือม์ พี่ก็เห็นวีกิจมารับมาส่งเหมือนเดิม”
รัชนกมีประกายตาแปลกๆ วูบหนึ่ง
“คุณวีกิจกับพี่ตากลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้วล่ะค่ะ”
“โอ๊ย โล่งอก”
“เห็นไหมคะ คุณแจง ถ้าเราตื่นตูมรีบร้อนไปบอกพี่นภา อะไรจะเกิดขึ้น”
“นั่นน่ะซีคะ เกือบไปแล้ว ฉันไม่น่าเป็นชะนีตื่นตูมเลย...แต่ยังไง หนูก็ช่วยดูๆ มุตตาต่อไปก็แล้วกัน”
“ทีแรกนกน่ะอึดอัดมากนะคะที่ต้องมาทำตัวเป็นสปายแบบนี้ แต่ตอนนี้พี่ตากับนกก็เป็นเพื่อนกันแล้วจริงๆ พี่ตาดีกับนกมากค่ะ”
“มุตตาเองก็โชคดีที่มีเธอมาเป็นเพื่อน อ้อ คุณนภิศคะ หมดธุระแล้วฉันขอตัวก่อนก็แล้วกัน ลาล่ะค่ะ”
แจงจิตไหว้เนตรนภิศ รัชนกรีบไหว้ เนตรนภิศรับไหว้อ่อนหวานกล่าวสวัสดีกัน
พอแจงจิตลุกออกไปเนตรนภิศมองรัชนกอย่างรู้กัน
“ยังไง”
“พี่ตากับ ผ.อ.คบกันจริงๆ ค่ะ แล้วก็ไม่ใช่แค่เริ่มต้น แต่มีอะไรลึกซึ้งกันแล้ว”
“ดีจริง”
“วันก่อนนกเห็นพี่ตาแอบซื้อยาคุม พอนกทักเข้าก็หน้าซีดบอกว่ากินกันไม่ให้เป็นสิว”
“อุ๊ย กินกันไม่ให้เป็นฝีในท้องมากกว่า”
“แล้วจะยังไงต่อไปคะ”
“รอให้มันรักใคร่พันพัวกันจนดิ้นไม่หลุดยิ่งกว่านี้ แล้วค่อยบอกนังพี่สาวฉัน ฉันอยากเห็นมันเต้นเร่าๆ ร้องกรี๊ดๆ ไม่มีความสุขอีกเลยในชีวิต” เนตรนภิศเลิกหวาน ตาวาว หน้าแสยะน่าเกลียด รัชนกมองตาแป๋ว “ส่วนเธอทำอะไรก็ได้ ที่ยุยงส่งเสริมให้นังเด็กโง่กับพี่เขยบ้ากามของฉันหน้ามืดตามัวยิ่งขึ้น”
“เฮ้อ หนักใจจัง”
รัชนกทำถอนใจ เนตรนภิศค้อน เลื่อนจานวางช็อคโกแลตเป็นคำๆ ให้
“อ้าว กินซะซี ช็อคโกแลตที่นี่ คำละร้อยนะจ๊ะ”
“อื๋อ นกไม่ชอบน่ะค่ะ” เนตรนภิศอึ้ง “นกชอบแบบดับเบิ้ลช็อคที่ใส่เหล้าด้วยมากกว่า”
อรพิมกำลังแขวนแฟ้มใส่ตู้ แล้วปรายตามาดูโต๊ะมุตตาที่รัชนกและทิพอาภามาสุมหัวกันอยู่
“หนูนก ดูๆ ไปก็เหมือนทงอีเลยนะคะ”
“แหม เขาระดับนางเอกอย่างนกก็แค่ตัวประกอบค่ะ”
อรพิมทำท่าจะแหวะ
“แหวะ ทงอี”
“พี่ตา เกือบเสร็จหรือยังคะ”
“เหลืออีกนิดเดียวค่ะ โอเคเสร็จแล้ว”
“เออ นี่ตา เราได้ซีรีส์ใหม่มาทั้งหวานทั้งเศร้าเดี๋ยวจะเอามาให้ยืมต่อ”
“จบเศร้าหรือเปล่าคะ ตาไม่อยากดูอะไรที่จบเศร้า”
“เศร้าแต่แฮปปี้เอ็นดิ้งจ้ะ ลงท้ายรักแท้ก็ชนะทุกสิ่ง” มุตตาหน้าชื่น รัชนกมอง อรพิมเดินเชิดมา “มีฉากสำคัญๆ ถ่ายที่เมืองเคียงจูด้วย”
“นี่เธอ ระวังกิมจิขึ้นสมองแล้วตายนะยะ”
วีกิจกับประสิทธิ์ชัยโผล่มา
“เลิกงานได้แล้วครับ เที่ยงแล้วไปกินอะไรข้างนอกกัน”
“คุณกิจจะเลี้ยงหรือคะ”
“นายสิทธิ์จะเป็นเจ้ามือครับ”
“ไปรวยมาจากไหนคะ ใต้ดินหรือบนดิน”
“หรือว่าหงส์ให้โชค”
“โธ่ ไม่ใช่ครับ แค่คุณหญิงแม่ผมโอนหุ้นให้มาจิ๊ดนึงก็เลยต้องฉลองกันหน่อย” รัชนกมองประสิทธิ์ชัย “เชิญน้องนกด้วยนะครับ คุณตาด้วย”
“ยินดีค่ะ” รัชนกตอบรับคำชวน
“คุณตาไปนะฮะ” วีกิจชวนมุตตา
“เอ้อ ตามีงานค้างอยู่น่ะค่ะ ผ.อ.มีประชุมช่วงบ่ายนี้ เอกสารยังไม่เสร็จเลย”
“ว้า” ประสิทธิ์ชัยทำเสียงผิดหวัง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมซื้อเทคโฮมมาฝากก็ได้ ไปกันเถอะครับ”
อรพิม ทิพอาภา วีกิจ ประสิทธิ์ชัย รัชนกออกไป มุตตากดโทรศัพท์มือถือ
“ตาออกไปรอข้างนอกนะคะ”
มุตตามองไปแล้วชะงักเมื่อเห็น รัชนกยืนตาแป๋วอยู่
“นั่นแน่ จับได้แล้ว”
“อะไรคะ”
“พี่ตาแอบนัดกะคนพิเศษนี่เองถึงไม่ยอมไปกับพวกเรา” มุตตายิ้มเจื่อนๆ “ถ้านกไม่ลืมกระเป๋าไว้ก็จับไม่ได้ไล่ไม่ทันนะคะนี่ แหม นกไม่บอกคนอื่นหรอกค่ะเรารู้กันแค่ 2 คน”
มุตตายิ้มออกตาพราว มองเลยไปแล้วหน้าซีดเผือดตัวแข็ง รัชนกงุนงงแล้วหันไปเห็นนพนภายืนเด่นอยู่
“อ้อ หนูน่ะเอง” มุตตายังคงอึ้ง นพนภาขมวดคิ้วมองดูรัชนก รัชนกรีบยกมือไหว้ มุตตาได้สติยกมือไหว้ตาม
“สวัสดีหนู นี่ใครล่ะนี่”
“นี่รัชนกค่ะ เพิ่งมาทำงานใหม่ อยู่ฝ่ายคุณกิจค่ะ”
“มาใหม่กันบ่อยจริ๊ง แปลกคุณแจงจิตไม่ยักบอก”
“เอ้อ นกเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราวน่ะค่ะ นกขอตัวก่อนนะคะ”
รัชนกแยกไป นพนภามองตามอย้างระแวงระไว
“หน้าตาน่าเอ็นดู” นพนภาหันกลับมาพูดกับมุตตา “ไงจ๊ะหนู ไม่ได้เจอกันเลย คราวนายกิจจัดงานวันเกิดหนู ฉันก็ไม่อยู่” นพนภาจับแขนมุตตาอย่างสนิทสนม มุตตาใจหวิวจะเป็นลม “งั้นขออวยพรวันเกิดย้อนหลัง ขอให้มีความสุขมากๆ นะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณนพนภา”
“ต๊าย เรียกจัดเต็มอะไรขนาดนั้น เรียกอานภาเถอะ”
เจนภพยิ้มร่าออกมาจากห้อง แล้วต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นนพนภา
“ตา ผมเสร็จ...เฮ้ย นภามาได้ยังไง”
“ทำไมจะมาไม่ได้คะ จะมารับคุณไปกินข้าว นี่กำลังคุยกับหนูมุตตาอยู่”
นพนภาปล่อยแขนมุตตาก้าวไปกอดแขนเจนภพ
“งั้นก็ไปซี เอ้อ มุตตาเตรียมเอกสารบ่ายนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะ”
มุตตากัดริมฝีปากกลั้นน้ำตารับคำ
“วุ๊ย จะมาขยันอะไรตอนนี้ ชวนหนูมุตตาไปด้วยกันซี อ้อ ตามตากิจด้วย”
“คุณกิจออกไปทานข้าวข้างนอกแล้วค่ะ”
“ตากิจนี่น่าตีกันจริง ทิ้งหนูตาไว้กินข้าวคนเดียวก็ได้ ไป งั้นเราไปกันสามคน”
นพนภามาโอบไหล่มุตตาเดิน แขนอีกข้างคล้องแขนเจนภพ มุตตาแทบเซซัง
ที่ร้านอาหาร นพนภาสั่งโน่นสั่งนี่อย่างเพลิดเพลิน ขณะที่มุตตานิ่งอั้น เจนภพมองมุตตาอย่างเวทนา นพนภาคีบอาหารให้มุตตาพลางชี้ชวนบอกสรรพคุณ นพนภาคีบอาหารป้อนให้เจนภพ เจนภพอึดอัด นพนภาหัวเราะคิกคัก
มุตตามองนิ่งคอตีบตันจนกินไม่ลง
รถเบนซ์ของนพนภาจอดเปิดไฟกะพริบอยู่หน้าตึกกระทรวง นพนภากอดแขนเจนภพ มุตตายืนตัวชาอยู่ตรงหน้า
“ภพคะ เดี๋ยวฉันจะเลยไปนวดหน้าพอสี่โมงครึ่งฉันจะกลับมารับ”
“อือม์”
นพนภาพูดกับมุตตา
“เดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้ กลับดึกกลับดื่นทุกวัน คราวหลังต้องวานหนูช่วยคุมความประพฤติแล้วล่ะ”
นพนภาพูดเล่น มุตตาสะอึกอึ้ง ประสิทธิ์ชัย รัชนกเดินมาได้ยินเต็มสองหู ประสิทธิ์ชัยอมยิ้ม รัชนกยิ้มดวงตาแปลกประหลาด นพนภามองรัชนกเขม็ง ประสิทธิ์ชัย รัชนกไหว้ นพนภาพยักหน้า
“หวัดดีจ้ะ นายสิทธิ์”
วีกิจ อรพิม ทิพอาภาเดินมาอีก อรพิม ทิพอาภารีบไหว้นพนภา
“อ้าว อานภา มาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ”
“มาตั้งแต่เที่ยง นี่เราน่ะไปกินอะไรถึงไหน”
“เจ้าสิทธิ์มันเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นฮะ”
“แล้วทำไมทิ้งหนูตาไว้คนเดียว แหม แฟนกันประสาอะไร เดี๋ยวฉันยุหนูตาให้ทิ้งเธอไปหาคนอื่นดีกว่า”
“เอ้อ ก็ตาเขาติดงานนะฮะ”
วีกิจตัดสินใจไม่ปฏิเสธ นพนภาชี้นิ้ว
“ทีหลังอย่าทำนะจ๊ะ อาไปล่ะ ภพคะฉันไปก่อนนะ สวัสดีจ้ะ สวัสดี”
นพนภารับไหว้แล้วขึ้นรถ นายชมขับออกไป
“วันนี้ใจดีจัง”
“วันนี้เป็นโหมดพระอุมาย่ะ”
มุตตาหมุนตัวเดินแกมวิ่งเข้าไปในตึก เจนภพเดินตามห่างๆ
มุตตาเดินมาตามทางเดินเท้าเริ่มซวนเซช้าลง เจนภพตามมาทัน
“ตา พูดกันก่อน”
“ไม่ค่ะ”
“เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยพูดกัน”
“ผ.อ.ลืมไปแล้วหรือคะ ว่าคุณนพนภาจะมารับ” เจนภพอึ้ง
“งั้นตากลับกับนายกิจนะ”
“ค่ะ”
“แล้วคืนนี้ผมจะโทรไป”
วีกิจ ประสิทธิ์ชัย อรพิม ทิพอาภา รัชนกเดินมา เจนภพรีบผละไป มุตตาวิ่งเข้าห้องน้ำ
มุตตาวิ่งถลาไปคุกเข่าหน้าชักโครก เกาะขอบโถอาเจียนออกมา ที่ห้องน้ำส่วนนอก ปริมเปิดประตูส้วมออกมา
“ต๊าย นี่ใครแพ้ท้องยะ อ้วกแตก อ้วกแตน” มุตตาเงยหน้าขึ้นน้ำตาไหลพราก ปริมยักไหล่ส่องดูตัวเอง รัชนกเดินเข้ามาปริมมองตาดุรัชนกทำตัวลีบ “นี่”
“คะ”
“ใครอ้วกแตกอยู่ในส้วมก็ไม่รู้ ต๊าย สงสารเหมด”
ปริมสะบัดหน้าเดินออกไป รัชนกไปเคาะประตูห้องส้วม
“พี่ตาคะ เป็นยังไงบ้างคะ”
มุตตาหน้าซีดออกมา ตาแดง
“พี่ไม่เป็นไรค่ะ”
มุตตาเดินมาหน้ากระจก มองดูเงาตัวเอง รัชนกก้าวมาเบื้องหลัง
“พี่ตาขา นกเป็นห่วงพี่ตา”
“พี่คงแพ้อาหารเท่านั้นเองค่ะ”
มุตตาล้างหน้า รัชนกมองอย่างห่วงใยแต่มุมปากกลับยิ้มนิดๆ
มุตตากลับมาที่ห้องทำงานแล้วเข้าอินเตอร์เน็ตคลิกดูแมกกาซีนออนไลน์ มีภาพครอบครัวสุขสันต์ของเจนภพ มุตตาดูขมขื่น
มุตตาเอาเอกสารไปวางหน้าเจนภพอย่างแผ่วเบาเย็นชา เจนภพยิ้มพูดทักแต่มุตตาเมินหน้าหนี
นพนภามารับเจนภพกลับบ้าน มุตตาก้าวมายืนริมหน้าต่างมองดูเจนภพกับนพนภาขึ้นรถ เจนภพขับรถออกไป
เย็นวันนั้นฝนตก พอเลิกงานวีกิจปิดคอมพิวเตอร์เก็บเอกสารลงกระเป๋า ปริมประจงแต่งหน้าอยู่ใกล้ๆ ประสิทธิ์ชัยแตะแขนรัชนก
“คุณนก กลับกันเถอะฮะ ท่าทางจะหนักขึ้นเรื่อยๆ”
“ค่ะ กลับก่อนนะคะ คุณวีกิจ พี่ปริม”
ประสิทธิ์ชัยยักคิ้วให้วีกิจแล้วถือร่มออกไปกับรัชนก
“คู่นี้เขาตกลงปลงใจกันแล้วหรือคะ” ปริมถามวีกิจ
“ไม่ทราบเหมือนกันฮะ”
“วันนี้มีเลี้ยงกันก็ไม่ยอมบอกฉัน ใจร้ายกันทุกคนเลย”
วีกิจใจอ่อน พูดปลอบใจ
“ก็คุณออกไปกินข้าวก่อนพักเที่ยง ไอ้สิทธิ์อยู่ๆ ก็ชวน ไม่ได้วางแผนไว้ก่อนหรอกฮะ”
“ฮึ ไม่เชื่อหรอก”
“ทำไมตกหนักขึ้นทุกที คุณปริมติดรถผมไปไหมฮะ”
ปริมดีใจเหมือนได้แก้ว
“ไปซีคะ”
“ถ้าไปก็อย่าใส่น้ำหอมเลยนะฮะ ผมเป็นภูมิแพ้” วีกิจบอกเมื่อเห็นปริมกำลังจะฉีดน้ำหอม
“ค่ะๆ ได้ค่ะ”
วีกิจลุกขึ้นเอาแฟ้มจำนวนหนึ่งไปเก็บในตู้เอกสาร โทรศัพท์ที่โต๊ะวีกิจดัง ปริมรับขึ้นมา
“ฮัลโหล”
มุตตาโทรอยู่ในห้องทำงาน
“ฮัลโหล คุณวีกิจล่ะคะ”
“มีอะไรหรือคะ”
“เอ้อ อยากขอติดรถไปด้วยน่ะค่ะ”
“เสียใจด้วยนะคะ เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ปริมวางโทรศัพท์ลงทำหน้านางร้าย วีกิจกลับมาที่โต๊ะ
“ใครโทรมาฮะ”
“ไม่ทราบค่ะ ผู้หญิงถามหาคุณสิทธิ์ก็เลยบอกว่ากลับแล้ว สงสัยเป็นกิ๊กหมายเลขสิบ”
“ไอ้สิทธิ์เอ๊ย เอ นี่คุณตากลับไปหรือยังนี่”
วีกิจยกโทรศัพท์ ปริมกดมือไว้
“ยกโขยงกลับกับพี่แจงจิตกันหมดห้องแล้วล่ะค่ะ แหม ห่วงจริงห่วงจัง”
“ขนาดคุณผมยังห่วง แล้วตาผมจะไม่ห่วงได้ยังไง” ปริมยิ้มแป้น เมื่อทบทวนคำพูดก็หน้าบึ้ง “อ้อ เดี๋ยวผมไปส่งที่ท่ารถตู้แค่นั้นนะฮะ ไม่ได้ไปส่งบ้าน”
ปริมเกือบร้องกรี๊ดออกมา
วีกิจสตาร์ทรถ ปริมยิ้มระริกระรื่นนั่งข้าง รถเคลื่อนออกไป มุตตาก้าวจากตัวตึกเอาแฟ้มพลาสติกบังศีรษะ ตะโกนเรียกเมื่อเห็นรถวีกิจ
“คุณกิจคะ”
วีกิจปรับกระจกส่องหลังไม่ทันเห็น ปริมชะงักรีบชี้ให้วีกิจมองไปอีกทาง
“อะไรติดกระจกคะ” วีกิจมอง
“ไม่เห็นมีอะไรนี่ฮะ”
รถผ่านมุตตา ปริมหันมายิ้มเยาะมุตตา มุตตาชะงักอึ้ง
“เป็นเมือกๆ ขาวขุ่น สงสัยจะขี้เปียก เอ๊ย ขี้นกเปียกน่ะค่ะ”
รถวีกิจเคลื่อนหายไปในม่านฝน มุตตาเปียกไปหมดทั้งตัว
ฝนตกลงมาเหมือนฟ้ารั่ว มอเตอร์ไซค์รับจ้างแล่นมา มุตตาซ้อนท้ายเสื้อเปียกรัดทรวดทรงเอาแฟ้มบังหัว คนขับมอเตอร์ไซค์ยิ้มในหน้า เบรกเป็นระยะให้มุตตาเบียดกระแทกกับหลัง
“อุ๊ย ขับดีๆ ซี”
“โถ จะให้ขับยังไงล่ะจ๊ะ”
คนขับเบรกอีก มุตตาเซแล้วขืนตัวไว้ มุตตาลงยืน คนขับตั้งรถมองดูอก มุตตาเอาแฟ้มมากอด
“บ้า ฉันจะลงตรงนี้ล่ะ”
“โธ่ ลงทำไมตรงกองขยะ หอคุณ ออกจะลึก”
“เอาเงินไป”
“ไม่เอาเงินได้เปล่า อยากเอาอย่างอื่น” คนขับก้าวมา มุตตากรีดร้องเอาแฟ้มฟาด คนขับคว้าข้อมือสองข้างยุดไว้ แฟ้มกระจายเกลื่อน “ดูผอมๆ ไม่คิดว่าซ่อนรูป แปะซิลิโคนหลอกกันละเปล่า”
มุตตาดิ้น คนขับลากมุตตาเข้ากองขยะ มุตตาร้องลั่นและพยายามดิ้นรน
“อย่านะ” คนขับลากมุตตาเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ แล้วเหวี่ยงมุตตาล้มลงไปนอนหงาย มุตตากระถดถอย “อย่าช่วยด้วย”
“ใครมันจะมาช่วย โอ๊ย”
ขาดคำคนขับก็เซล้มตะแคงไป วีกิจวิ่งเข้ามาแล้วเตะชายโครงของคนขับกระเด็นไป คนขับร้องลั่น หยิบไม้ได้หนึ่งท่อนวิ่งเข้ามาฟาดวีกิจ วีกิจหลบได้ทันท่วงทีแล้วชกกลับเต็มหน้าคนขับ คนขับหงายไป วีกิจวิ่งเข้ามาแล้วเตะอีก 2-3 ที คนขับวิ่งหนีกระเจิง วีกิจปาไม้ตามไป
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย” วีกิจรีบกลับมาที่มุตตา “มุตตา เป็นยังไงบ้าง”
วีกิจทรุดลงนั่งตรงหน้ามุตตาที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นกลัวตัวสั่น มุตตามองหน้าวีกิจแล้วโผเข้ากอดวีกิจร้องไห้โฮ วีกิจอึ้งไปก่อนจะกอดตอบมุตตา
“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครมาทำร้ายตาได้อีกแล้ว”
วีกิจลูบผมและหลังของมุตตาไว้
วีกิจมาส่งมุตตาที่หอพัก มุตตาอยู่ในชุดเสื้อคลุม ผมยังเปียก หน้าตาซีดเซียวนั่งซึมอยู่ที่ล็อบบี้ มือถือเครื่องดื่มร้อนๆ วีกิจใส่เสื้อกล้ามรับเครื่องดื่มร้อนๆ จากศรีและพร
“เสื้อเอาไปอบแห้งอยู่ค่ะ เดี๋ยวเดียวก็ใส่ได้แล้ว” พรบอก
“ขอบคุณครับ” วีกิจเดินกลับมาหามุตตา “ตา ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่พรบอกว่าไปบอกกับหัวหน้าวินไว้แล้ว
เจ้าคนที่ทำร้ายตามันต้องได้รับโทษแน่ๆ”
“คุณกิจมาช่วยตาได้ยังไง”
“ผมจะเอาหนังสือมาคืนคุณพอดีน่ะครับ มาถึงที่นี่แล้วได้ยินเสียงคุณร้องเลยวิ่งออกไปช่วย”
มุตตาน้ำตารื้น
“คุณกิจ ฉัน ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไง”
“ไม่ต้องหรอกครับ เห็นคุณปลอดภัยผมก็ดีใจแล้ว ต่อไปนี้ผมคงต้องมารับมาส่งคุณทุกวันแล้วล่ะ”
“ไม่รบกวนคุณกิจหรอกค่ะ คุณกิจคะ...”
“ครับ” มุตตานิ่งงันไป “มีอะไรไม่สบายใจ พูดมาเถอะครับ”
“ฉันไม่อยากไปทำงานอีกแล้ว”
“ทำไมครับ”
“ฉัน ฉันเบื่อคนที่นี่เต็มที ฉันอยากลาออก”
“แล้วคุณจะไปทำงานที่ไหน หรือว่าจะไปทำงานกับแฟนคุณ”
“อะไรนะคะ”
“โทษทีนะครับ ผมรู้จากคุณนกว่าตามีแฟนแล้ว เป็นนักธุรกิจ” มุตตามองวีกิจอย่างเจ็บปวด สะอื้นออกมา “ตา”
มุตตาร้องไห้ วีกิจดึงมุตตามากอดไว้ซบกับไหล่
“โทษครับ ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่า”
มุตตายังสะอื้นอย่างแรง วีกิจกอดไว้อย่างปลอบประโลม พรและศรีมองอย่างเศร้าใจ
มุตตานั่งหน้ากระจกเงาเปียกปอนไปหมดทั้งตัว ผมยุ่งรุ่ยร่าย มุตตาร้องไห้น้ำตาไหลพราก มือถือดัง มุตตากดรับสายด้วยดวงตาพร่าพราย
“ผ.อ.”
“พ่อเองลูก ตา”
แปลกพูดโทรศัพท์มือถืออยู่ที่บ้าน ขณะที่พิณกำลังทำบัญชี มีลูกจ้างยืนอยู่ พิณด่าลูกจ้างฉอดๆ มุตตาสะอื้นฮัก
“พ่อคะ พ่อ”
แปลกขมวดคิ้วตกใจ
“ยายตา เป็นอะไรไปลูก ร้องไห้ทำไม”
มุตตากลั้นสะอื้น
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ แต่หนูคิดถึงพ่อ คิดถึงบ้าน”
พิณชะงักเดินมาหาแปลก
“นังตาเป็นอะไร”
“โธ่เอ๋ย พ่อแค่ไม่ได้โทรมา 2-3 วัน ทำไมขี้แยจริงหรือว่ามีอะไรไม่สบายใจ”
“ค่ะ ก็เรื่องที่ที่ทำงานน่ะค่ะ”
“ไปมีเรื่องอะไรกับใครลูก เพื่อนร่วมงานหรือว่าหัวหน้า”
มุตตากัดริมฝีปาก
“หัวหน้าค่ะ”
“งั้นก็ต้องดูว่าเราผิดเองหรือเปล่า”
มุตตาน้ำตาไหลออกมาอีก
“หนูผิดเองค่ะ หนูผิดเอง”
“ใจเย็นๆ นะลูก ผิดไปแล้วก็แก้ตัวใหม่ อย่าทำผิดซ้ำอีก”
“ค่ะพ่อ”
แปลกยิ้มราวจะปลอบลูกผ่านโทรศัพท์ พิณทำหน้าเบ้
“ไหนทำเก่งจะไปรับราชการ จะอยู่ด้วยตัวเอง แป๊บเดียวร้องไห้ขี้มูกโป่ง” มุตตาได้ยินเต็มสองหู “ถ้าเป็นยายนินเขาไม่มานั่งร้องไห้อยู่หรอก เข้าไปปะฉะดะนานแล้ว ต่อให้หัวหน้าก็เถอะ”
“แกนี่นะ อย่าไปฟังลูก”
มุตตากัดริมฝีปาก เช็ดน้ำตา ใจที่คิดยอมแพ้เลิกรากลับแข็งกระด้างขึ้นใหม่
โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนที่ 3 หน้า 3
แรงเงา ตอนที่ 3 (ต่อ)
มุตตาเดินมาอย่างใจลอยไม่มีชีวิตจิตใจ ผ่านหน้าห้องดื่มกาแฟ เจนภพดึงมุตตาเข้าห้องไป
“ว้าย”
ปริมเดินมาในระยะห่างๆ เห็นแว่บๆ ตาโต
ภายในห้องห้องแพนทรี่ เจนภพจับต้นแขนมุตตาพยายามจ้องมองตา แต่มุตตาสะบัด
“ปล่อยตาค่ะ”
“ตา ตาเป็นอะไร ตาหลบหน้าผมมา 3 วันแล้วนะ”
“ยังต้องถามอีกหรือคะ”
“เรื่องวันนั้นล่ะซิ”
“ตาทนไม่ไหวแล้วค่ะ ที่เราต้องมาคอยโกหก คอยหลบๆ ซ่อนๆ เล่นละครกันอยู่แบบนี้”
“ตา ตาก็รู้อยู่ว่าเราจะให้ใครรู้ไม่ได้ ถ้ามีใครรู้มันจะไม่ดีกับตา ตาเป็นคนเสียนะไม่ใช่ผม”
“ใช่ ตาเป็นคนเสีย แต่ ผ.อ.เท่านั้นเป็นคนได้”
“ตา ตาก็บอกเองนะว่าตาไม่ต้องการอะไร ขอให้เรารักกันก็พอแล้ว และผมก็รักตาที่สุด”
มุตตาอ่อนลง มองเจนภพอย่างเจ็บช้ำ
“แต่คุณนพนภา คุณนพนภายังรัก ผ.อ.มาก”
“โธ่ อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นสิตา นพนภาเป็นอย่างนี้ เขากับผมไม่เคยรักกัน ไม่เคยมีเยื่อใย แต่เขาก็ชอบสร้างภาพออกสื่อว่าเรายังรักกันเหมือนจะตาย”
“ผ.อ.ไม่ได้รักเขาเลยหรือคะ”
“ผมกับเขาไม่เคยรักกัน แต่เขาเป็นแม่ของลูกที่ผมต้องทนอยู่ก็เพราะลูก ถ้าลูกโตอีกหน่อยก็ถึงเวลาซักที”
“ค่ะ”
มุตตาใจชื้นขึ้น กลับมาเชื่อทุกคำ เจนภพยิ้มในหน้า
“ตาต้องอดทนหน่อย ผมรักตาแค่ไหนตาก็รู้แต่ผมมีครอบครัวที่ผมต้องรับผิดชอบ ตารอหน่อยนะจ๊ะ”
มุตตาพยักหน้า เจนภพเข้าเคลียคลอมุตตาอ่อนระทวย
มุตตามีสีหน้าดีขึ้นขณะเดินมากับรัชนก
“วันนี้พี่ตาดูอารมณ์ดีจัง”
“แหม พี่ก็เป็นของพี่อย่างนี้”
ทั้งคู่เดินเลี้ยวมา ที่หน้าห้องทำงานวีกิจมีที่นั่งติดระเบียงขณะนั้นปริมนั่งอยู่กับเลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ วีกิจ ประสิทธิ์ชัย ทั้งหมดยืนฟังสิ่งที่ปริมเล่า
“จู่ๆ ก็มีมือผู้ชายมาดึงยัยมุตตาเข้าไป ฉันไปแอบฟังก็มีเสียงกึกกักๆ”
“ว้าย เป็นจังหวะรัก”
“จังหวะกัวระช่า”
วีกิจอึ้ง ประสิทธิ์ชัยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มุตตาหน้าซีดราวกระดาษ รัชนกเหลือบดู
“ฉันก็เลยซุ่มรออยู่ 5 นาที แล้วใครออกมาจากห้องรู้ไหม”
“ใครคะ”
“ต๊าย 5 นาทีเอง”
“นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ”
“นี่ จะฟังหรือเปล่ายะ”
“คุณอยากเล่าก็เล่ามาเถอะฮะ”
“ฉันเห็น ผ.อ.ออกมาน่ะซี แล้วอีกตั้งนานแน่ะยายมุตตาถึงเดินขาสั่นออกมา”
วีกิจโกรธและไม่เชื่อ
“อาภพน่ะหรือฮะ”
“นี่คุณฝันกลางวันหรือเปล่า”
นักรบ ฉกรรจ์เหลือบมาเห็นมุตตาก็สะดุ้ง สะกิดกัน
ต๊าย ฉันเห็นจริงๆ นะยะ”
“แต่ที่คุณเห็นน่ะอาจจะไม่จริงก็ได้”
เลอลักษณ์สะกิดประสิทธิ์ชัย ประสิทธิ์ชัยหันมาแล้วพูดโพล่ง
“คุณตามาแล้วก็ถามเสียเลยก็แล้วกัน”
ปริมหน้าซีดอึ้งไป มุตตาหน้าเผือด รัชนกกุมมือมุตตาไว้ดึงมา วีกิจมองมุตตาอย่างเห็นใจ
“คุณตา”
ปริมเชิดใส่ขึ้นมาใหม่ยิ้มเยาะ
“อ้อ ว่ายังไงล่ะ ที่ฉันเห็นน่ะจริงหรือเปล่า” มุตตาหน้าซีด “ผ.อ.กับเธอ”
“แล้วก็นกด้วยค่ะ” มุตตามองดูรัชนก ทุกคนมองดูรัชนก รัชนกเสียงอ่อน “ตายจริง ทำไมถึงเข้าใจผิดอะไรไปใหญ่โตขนาดนี้คะ ในห้องนั้นน่ะตอนแรกมีนกกับผ.อ.พอพี่ตาเดินผ่าน นกเองค่ะที่ดึงพี่ตาเข้าไป”
“กูว่าแล้ว เอ๊ย ผมว่าแล้ว”
ปริมอึ้ง ลังเลแล้วเถียง
“ไม่จริง มือผู้ชายชัดๆ มีเส้นเอ็น มีขน”
“พี่ปริมคงคิดอะไรอยู่ในใจถึงได้ตาฝาดน่ะค่ะ”
“ตาฝาดน่ะไม่เท่าไรหรอกฮะ แต่มาใส่สีตีข่าวแบบนี้ มีคนเสียหายนะครับ”
ปริมอัดอั้นลุกขึ้นมองรัชนกอย่างโกรธๆ รัชนกห่อไหล่หลบตา ปริมมองมุตตา มุตตาตั้งสติได้มองตอบอย่างเย็นชา ปริมยิ้มเยาะสะบัดพรืดเข้าห้องทำงานไป เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ยิ้มกระเรี่ยกระราด
“สลายตัว เร็วตัว”
ทุกคนสลายตัว วีกิจมองมุตตา
“คุณตาไม่เป็นไรนะฮะ”
“ตาไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณกิจ”
“คุณตาก็รู้อยู่แล้วว่าแผนกผมน่ะแทบจะเปลี่ยนชื่อเป็นแผนกกอสซิปอยู่แล้ว”
“อย่าไปสนใจเลยฮะ”
“ค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะฮะ”
วีกิจกับประสิทธิ์ชัยเข้าห้องไป มุตตามองรัชนก มีแววละอายกับขอบใจ
“หนูนก”
“พี่ตาไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ นกรู้ว่าพี่ตาไม่มีวันทำตัวอย่างงั้น”
มุตตานิ่งอั้นแล้วยิ้ม รัชนกกอดแขนมุตตา
“คุณปริมนี่ร้ายจังเลย พี่ตาต้องระวังตัวให้มากๆ นะคะ”
คืนนั้นวีกิจมาเที่ยวผับกับประสิทธิ์ชัยและกริบ กริบนั่งคุยกับวีกิจขณะที่ประสิทธิ์ชัยกำลังเล่นสนุกอยู่เบื้องหลัง
“เฮ้ย ตกลงไอ้สิทธิ์มันเป็นแฟนกับคุณรัชนกแล้วหรือ”
“ยังหรอกว่ะ มันคอยตามจีบอยู่เด็กเองก็ดูระวังตัว หวังว่าคงไม่หลงลมมันง่ายๆ”
“อ้าว ทำไมเป็นงั้น”
“มันคบกับใครจริงจังที่ไหนล่ะวะ เดี๋ยวๆ ก็เบื่อ ให้มันเจอกับพวกรักสนุกเหมือนกันน่ะดีแล้ว”
“คนอย่างไอ้สิทธิ์ มันต้องเจอผู้หญิงที่เอามันอยู่ แล้วแกล่ะคุณมุตตาแกว่ายังไง”
“แค่เพื่อน”
“แต่ไปรับไปส่งตลอด กินข้าวดูหนังกันอีก”
“ฉันเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ว่ะ ฉันรู้มาว่าตามีแฟนแล้ว เป็นนักธุรกิจแต่ยังไม่ยอมเปิดตัวซักที เห็นว่าคุณนกเป็นคนเดียวที่เคยเห็น”
“อืมม์ ก็ดีที่แกยอมรับสภาพ “แค่เพื่อน” ได้ คุณมุตตาเขาโชคดีแล้วที่มีเพื่อนอย่างแก”
กริบยิ้มให้อย่างจริงใจ วีกิจยิ้มตอบ
คืนเดียวกันนั้นที่บ้านเจนภพ นพนภาเดินลงบันไดมาผ่านส่วนนั่งเล่น ต้องยึดครองโทรทัศน์ดูรายการเพลงอยู่ ในจอเป็นนักร้องแนวเกาหลี หน้าหวาน สคราญโฉม
“ต๊าย นี่มันนักร้องอะไร ค่ายไหน มันถึงปั้นกะเทยมาเป็นนักร้องทั้งวงแบบนี้”
ต่ออยู่ที่โต๊ะกินข้าวมองมา ต้องมองแม่อย่างเบื่อหน่าย
“ใครว่าล่ะคะ นี่ผู้ชายแท้ทั้งวง แถมยังเป็นเสือผู้หญิงด้วย”
“ฉันไม่เชื่อ ดูอีคนนี้มันจิกตาไปถึงขมับ”
“งั้นตามใจเถอะค่ะ อยากเชื่ออะไรก็ตามใจ อย่างแม่น่ะต่อให้นั่งติดกะเทยแอ๊บแมนก็ดูไม่ออกหรอก”
นพนภานั่งลงข้างต่อ ต่อมองต้องตาเขียว ต้องยิ้มให้ แต้วส่งแฟ้มบิลค่าใช้จ่ายให้นพนภา นพนภาตาเบิกโพลง ลุกพรวดขึ้นใหม่
“ค่าโทรศัพท์สี่หมื่นสอง ว้าย ใคร ใคร โทรอะไร ยายต้องแกโทรไปเมืองนอกหรือ”
“นี่มันยุคอินฟร่าเน็ต ไม่มีใครเขาโทรกันหรอกค่ะ”
นพนภามองดูแต้ว ยายแหวงเอาของกินเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาวาง
“หรือว่าพวกแกฮะ โทรไปหาญาติข้างไหนที่บ้านนอกหรือเปล่า”
“วุ๊ย อิฉันสาวกรุงค่ะ ไม่มีหรอกญาติบ้านนอก”
“หนูน่ะมีญาติบ้านนอกค่ะ แต่หนูไม่คบมันมีแต่โทรมายืมเงิน”
“ว๊าย คนนั้นก็ไม่ได้โทร คนนี้ก็ไม่ได้โทร แล้วยังไง อีบริษัทโทรศัพท์มันโกงฉันหรือ”
ต่อเอาบิลมาดูรายละเอียด
“นี่มันโทรไปโหวตนักร้องรายการเรียลิตี้นี่ฮะ”
“หา ใคร”
“หนูรู้แล้วค่ะ ครั้งละสี่บาท หมื่นครั้งก็สี่หมื่น”
“ใคร อีคนไหน”
ต้อมเดินร่อนผ่านมา มือถือไมโครโฟนเด็กเล่น
“จะไปเป็นดาวโด่เด่บนฟากฟ้า”
“ไง รู้ตัวหรือยังคะ”
นพนภาหมดแรง นั่งแปะลงไป
“ยายต้อม ทำไมทำยังงี้ล่ะลูก”
ต้อมไม่สนใจ ร้องวี๊ดยาวคล้ายเปรตวิ่งไป แต้ววิ่งตาม
“คอยดูนะ แม่จะตัดค่าขนม ของล่งของเล่นไม่ต้องซื้อแล้ว รู้ไหมลูกต่อรายจ่ายในบ้าน พ่อแกไม่เคยควักซักสลึงเดียว”
“ต่อรู้ฮะ”
“พ่อแกน่ะไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลย แม่จ่ายอยู่คนเดียว ค่าใช้จ่าย ค่ากับข้าว ค่าคนใช้ ค่าน้ำ ค่าไฟ”
“แล้วมีค่าตัวพ่อทุกเดือนด้วยไม่ใช่หรือฮะ”
นพนภาอึ้ง มองลูกรักอย่างอึ้งๆ ต้องมองมา
“ก็พ่อแกตำแหน่งใหญ่ขึ้น มันก็ต้องทั้งเลี้ยงเจ้านายเลี้ยงลูกน้องน่ะลูก”
“หรือไม่ก็เลี้ยงนังเล็กๆ”
“เดี๋ยวนี้แม่คุมเข้มเรื่องรายจ่าย พ่อแกไม่มีเงินแบบนี้ คงไม่มีนังหน้าโง่คนไหนมาให้กินฟรีหรอก”
“อย่าเพิ่งรีบไว้ใจเลยฮะ”
ต่อมีแววขยะแขยง เจนภพก้าวเข้ามา
“นี่ จะนินทาผัวน่ะหาคนพูดด้วยไม่ได้แล้วหรือ ถึงไปปล่อยกับลูก”
“ฉันพูดเรื่องจริง เขาไม่เรียกนินทาหรอก”
ต่อไม่แยแสเจนภพเดินไป ต้องถอนใจปิดทีวีเดินไปอีกคน
“คุณใส่ไฟแบบนี้ ลูกมันถึงได้ไม่เคารพพ่อเคารพเชื้อ”
“ลูกมันทนความส่ำส่อนของพ่อมันไม่ได้ต่างหากล่ะ”
“อุตส่าห์กลับมาแต่หัววัน กลับต้องมาเจออย่างนี้”
“แหม อย่าโมโหโทโสไปเลยน่ะ ไป ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใจเย็นๆ ก่อน นี่ฉันได้สมาร์ทโฟนใหม่มา ตั้งสองหมื่นกว่า เครื่องเก่าคุณน่ะใช้มาจะปีแล้วเปลี่ยนใหม่ดีกว่า”
เจนภพนิ่ง ท่าทีอ่อนลง
นพนภาใส่ชุดนอนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เจนภพอยู่ที่เตียงกำลังลองดูมือถือเครื่องใหม่อย่างพอใจนพนภาลูบไล้ครีมไปตามใบหน้า
“ครีมตัวนี้เขาว่าเหมือนโบทอกซ์เลยนะคุณ ถ้าใช้ต่อเนื่องก็ไม่ต้องไปถ่งไปถอกแล้ว แหม แต่ยังไงก็ไม่เหมือนผิวสาวๆ เออ เห็นแฟนนายกิจแล้วอิจฉา เด็กคนนี้ผิว ซ๊วย สวยนะคุณ” เจนภพไม่ได้ยิน นพนภาหันไปดู “นี่คุณ ฉันพูดอะไรก็ตอบซี”
เจนภพก็ยังไม่ได้ยิน นพนภาปาแปรง แปรงผมเฉียดหัวเจนภพไป
“เฮ้ย อะไร”
นพนภาลุกพรวดขึ้นเดินมากระชากมือถือจากมือเจนภพ
“ต๊าย ทำยังกะเด็กๆ เห่อของเล่น ไหนดูซิโทรหาอีคนไหนบ้าง” นพนภากดเช็คเบอร์โทรออกโทรเข้าเจอชื่อ แจงจิต 1 “อะไรนี่ ทำไมมีแต่เบอร์ยายแจงจิต อะไรมีทั้งแจงจิต แจงจิต 1”
“อ้าว ก็เขามีสองเบอร์”
“แล้วทำไมโทรกันถี่ขนาดนี้ หรือว่าเดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมมาชอบเหี่ยวๆ แล้ว”
“ปูโธ่ ก็เขาเป็นเลขาผมก็ต้องติดต่อกันบ่อยซี เอ้า เมื่อกี้จะพูดอะไรกับผม”
นพนภาส่งมือถือคืนให้
“ฉันพูดเรื่องยายมุตตา”
“ทำไมหรือ”
“วันที่ไปกินข้าวกันถึงได้เห็นชัดๆ ว่าเด็กคนนี้สวยมาก”
“ใช่ สวยมาก”
“ยังไงก็อย่าลืมล่ะว่าแฟนหลาน เขกหน้าแข้งตัวเองเข้าไว้”
“พูดอะไรบ้าๆ ก็รู้อยู่ว่านายกิจรักของมันยังกะอะไรดี ไปรับไปส่งแทบทุกวัน”
“แต่ดูๆ แล้วก็พิลึก”
“ทำไม”
“ถามคำตอบคำยังกะหุ่นยนต์ญี่ปุ่น พูดด้วยก็หลบตาเป็นผีกระสือ ยังกะไปทำผิดคิดร้ายอะไรมา”
“คุณล่ะคิดมาก เด็กมันขี้อายน่ะซี ยิ่งคุณพูดถึงนายกิจไม่เว้นวรรค เด็กมันก็ยิ่งเขิน”
“โตจนป่านนี้ ยังไงก็ต้องมีผัว ไม่รู้จะมาเขินอะไร” เจนภพโล่งอก “อ้อ เดี๋ยวก่อน อีนังเด็กใหม่น่ะชื่ออะไร มันมาทำงานเมื่อไร ทำไมคุณไม่บอกฉัน”
“เด็กใหม่ไหน อ๋อ รัชนก ลูกจ้างชั่วคราวน่ะ”
“ชั่วคราว หรือทั้งชั่ว ทั้งคาว”
“จะบ้าเหรอ นี่เด็กดี ดูซื่อจะตาย”
“ใช่ มันหน้าซื่อ แต่หูตามันแพรวพราว แบบนี้น่ะมันพวกคันหู อย่าให้รู้นะว่าไปปั่นหูให้มัน”
“คุณนี่ เด็กนั่นมันแฟนนายประสิทธิ์ชัยมัน”
“เหรอ ต๊าย ดี มาหาคู่หาผัวกันในกระทรวงนี่เอง”
เจนภพโอบนพนภาไว้ ก่อนจะก้มลงจูบซอกคอ
“ช่างเขาเถอะน่า หอมจริง”
“อุ๊ย เกิดคึกอะไรขึ้นมาล่ะ” เจนภพลูบไล้ นพนภาผวามองหน้าเจนภพ “บางที ฉันก็สงสัยว่าคุณยังรักฉันอยู่ไหม”
“อยู่กันมาสิบเจ็ดสิบแปดปี ยังจะมาถามอะไรอีก ถ้าไม่มีคุณ ผมก็ไม่มีวันนี้”
“เพราะว่าฉันมีประโยชน์กับคุณน่ะซี”
“นภา คุณเป็นทั้งเมีย ทั้งแม่ของลูก คือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก คุณคือทุกสิ่งทุกอย่าง”
“อย่ามาหวานเลย”
“คุณคือลมหายใจของผม”
เจนภพซุกไซ้เคลียคลอ นพนภาลืมเลือนเรื่องคับข้องใจทุกอย่างหมด
วันต่อมา เจนภพ สรรค์ นั่งดื่มเบียร์กัน แอ๋วกับสาวใช้ทอมเอาจานกับแกล้มมาวาง แอ๋วนั่งลงด้วย สาวใช้ทอมก็ไปนั่งมองเจนภพเพลิน
“คราวนี้ คุณนภาไปไหนคะ”
“เหมือนเคยครับ ไปดูที่”
“ที่ไหนวะ ทางเหนือหรือเปล่า นี่ก็ปี 2012 เผื่อโลกแตก น้ำท่วมโลกขึ้นมาจริงๆ ข้าจะได้ไปเกาะเอ็งกินด้วย”
“เขาว่าทางเหนือก็ไม่รอดนะคะ ถ้าโลกแตกขึ้นมาจริงๆ”
“ไม่ใช่ทางเหนือหรอก ทางใต้”
“ทางใต้ หา ไม่กลัวโจรแบ่งแยกดินแดนหรือ”
“ไม่ใช่ คราวนี้ไปดูที่ที่นิวซีแลนด์”
สรรค์สำลักเบียร์ แอ๋วยกมือไหว้ท่วมหัว
“โอ๊ย แม่คุณ ยอดหญิงจริงๆ แหม เดี๋ยวต้องโทรไปฝากซื้อครีมรกแกะกันเหี่ยว”
“กันหรือแก้กันแน่จ๊ะ ถ้ากันก็ไม่ทันแล้วล่ะ แก้ก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า” สรรค์บอก
“ว้าย อีผัวบ้า เดี๋ยวไม่ทำให้กินเลย” แอ๋วหยิกสรรค์แล้วหยิบจานกับแกล้มลุกขึ้น แต่สาวใช้ยังนั่งพิศเพลินเจนภพอยู่ “อ้าว โทโมะ ไปซี เข้าบ้าน เหม่ออะไรอยู่”
“ฮะ ฮะ”
ทอมลุกขึ้นเข้าบ้านตามแอ๋วไป
“ชื่อโทโมะหรือวะ” เจนภพถามสรรค์
“เออ ในบัตรประชาชนชื่อทอมุก ไงวะไปขึ้นป้ายรับแก้ทอมซ่อมดี้หรือยัง”
“ไอ้บ้า”
“ไงวะ เมียไม่อยู่ หนูร่าเริง”
“ร่าเริงบ้าอะไร ตาหลบหน้าข้ามาเป็นอาทิตย์แล้ว”
“อะไรวะ ทำงานอยู่หน้าห้องแท้ๆ เสียชื่อหมด”
เจนภพนิ่งไป พูดจากใจจริง
“ตอนแรกข้าก็คิดว่าเล่นๆ แต่ตารักข้าจริงๆ เอ็งรู้ไหม ตาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากข้าเลย บางทีไปเที่ยวกันตาเป็นคนออกเงินด้วยซ้ำ”
สรรค์ทำตาปริบๆ
“เงินเดือนเด็กมันกี่บาทกันวะ เฮ้ย ถ้าเด็กรักเอ็งมากต่อไปก็เกิดเรื่องแน่ ช่วงนี้เด็กมันงอนเอ็ง เอ็งก็อาศัยจังหวะเฟดเลยซีวะ”
“ไม่ ข้าทิ้งตาไม่ได้ ข้าแคร์ตา ตาเป็นเด็กดีไม่เหมือนพวกที่ข้าเคยผ่านมา”
“เออใช่ แย่งหลานตัวเองมาทั้งที จะให้ทิ้งง่ายๆ ได้ยังไง”
“ไอ้บ้า”
วันต่อมา มุตตาแต่งตัวงดงามนั่งรถเคียงคู่มากับวีกิจ วีกิจเหลือบมองอย่างชื่นชมแต่ไม่มีสิ่งใดนอกจากความเป็นเพื่อน
“วันนี้คุณตาสวยจัง คุณตา”
มุตตามัวแต่หม่นเศร้าและเหม่อลอย วีกิจต้องเรียกซ้ำ
“คะ คุณกิจว่าอะไรคะ”
“ใจลอยไปถึงไหนฮะ ผมบอกว่าวันนี้คุณตาสวยจัง ชุดใหม่หรือฮะ”
“ซื้อมานานแล้วค่ะ แต่ไม่มีโอกาสใส่”
มุตตากระแทกเสียงนิดๆ ปรายตาคล้ายค้อนผู้ที่ไม่อยู่ในที่นั้น วีกิจงงๆ เล็กน้อย
“งั้นคุณตาทำถูกแล้วฮะ ไม่ต้องรอโอกาส เราก็ทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษได้”
“ไม่แน่หรอกค่ะ คุณกิจ สำหรับบางคนอาจไม่มีวันพิเศษเลยก็ได้”
มุตตามองเมินไป วีกิจมองอย่างครุ่นคิด
เมื่อถึงกระทรวงวีกิจกับมุตตาเดินมาด้วยกัน ประสิทธิ์ชัย รัชนก ปริมเพิ่งมาถึงหยุดรออยู่ รัชนกยิ้มสดใสต้อนรับ ปริมค้อนมุตตา
“ทำไมวันนี้มาสายวะ”
“ก็รอกันไปรอกันมานิดหน่อย”
“ขอตัวก่อนนะคะ มีงานค้างอยู่”
มุตตาแยกขึ้นบันไดไป
“ท่าทางจะรอคุณเธอแต่งตัวอยู่ล่ะซี” ปริมถามวีกิจนิ่ง
“แหม ใส่ชุดใหม่ทั้งทีก็ต้องช้าหน่อยซิคะ” รัชนกบอก
“หมู่นี้แต่งตัวอลังทุกวัน ไม่รู้เอาเงินเอาทองมาจากไหน ไอ้เราน่ะยากจนข้นแค้นจะซื้อชุดใหม่สักชุดต้องคิดแล้วคิดอีก”
ปริมพูดไป ต่างหูแชนเดอเลียร์ก็แกว่งไกว
“เพราะเอาเงินไปซื้อตุ้มหูหมดแล้วใช่ไหมฮะ”
“ฮื้อ บ้า” ปริมค้อนประสิทธิ์ชัย
“เท่าที่ผมรู้ ทางบ้านตาที่ต่างจังหวัดก็มีฐานะพอสมควร ไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นซื้อชุดใหม่ไม่ได้”
วีกิจพูดอย่างเย็นชา ปริมค้อน รัชนก ประสิทธิ์ชัยกลั้นหัวเราะ
มุตตานั่งพิมพ์งานช้าๆ ใบหน้าหม่นหมอง รัชนกเข้ามานั่งข้างๆ
“พี่ตา มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ตาดูเศร้าๆ”
“ไม่มีอะไรนี่คะ”
“ต้องมีแน่เลย หรือว่าพี่ตาทะเลาะกับแฟน”
มุตตาใจหาย
“เปล่านี่คะ ก็แค่ห่างๆ กัน”
“อย่าว่านกแส่เลยนะคะ แต่คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอยู่แล้วแค่พี่ตาต้องทำใจเย็นๆ ให้โอกาสเขาพูดบ้าง นี่เขาต้องตามง้อพี่ตาอยู่แน่เลย”
มุตตาตาวาวขึ้น หน้าชื่นขึ้นเล็กน้อย ตวัดสายตาไปทางห้องเจนภพโดยไม่รู้ตัว รัชนกตาแป๋ว
“หนูนกคิดอย่างนั้นหรือคะ”
“โธ่ ไม่ง้อพี่ตาแล้วจะง้อใครคะ”
มุตตาทำหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง แล้วก็รีบกลบเกลื่อน
“แหม ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ช่วงนี้พี่คิดถึงบ้าน พี่อยากกลับบ้าน ที่โน่นน่ะแสนสบาย ไม่เหมือนที่นี่”
“อี๋ย์ บ้านนอกน่ะหรือคะ น่าเบื่อจะตาย เป็นนก นกไม่กลับไปหรอกค่ะ”
มุตตานิ่งฟัง รัชนกยิ้มประจบ
หน้ามุตตาดูมีสีสันขึ้นขณะยืนรอลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดออก มุตตาก้าวเข้าไปประตูเลื่อนปิด แต่จู่ๆ มีมือๆ หนึ่งมาดันประตูไว้แล้วแทรกตัวเข้ามาประตูลิฟต์ปิดลง
“ตา”
มุตตาเชิดใส่เจนภพ
“มีอะไรจะสั่งดิฉันหรือคะ”
“อย่าทำตัวห่างเหินอย่างนี้ซิตา”
เจนภพกดปุ่มหยุดลิฟต์
“ยังไงเราก็ต้องห่างเหินกันต่อหน้าคุณนพนภาหรือใครต่อใครอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”
“โธ่ ตา ตาก็รู้ว่าวันนั้นก็เกือบเกิดเรื่อง” เจนภพดึงมือมุตตามาจูบ “แต่ผมไม่มีวันยอมให้ตาห่างเหินผมหรอก ตายกโทษให้ผมนะจ๊ะ”
“ผ.อ.”
“ยกโทษให้ผมนะจ๊ะ คนดี” มุตตาพยักหน้า เจนภพเข้าคลอเคลีย มุตตาบ่ายเบี่ยง “ตา เราไม่เคยไปไหนกันเลย”
“ค่ะ นอกจากอพาร์ทเมนท์รายคืนที่ไม่ต่างจากม่านรูด”
“ตา ทำไมพูดแบบนี้ ขอให้ตารู้ว่าผมรักตามากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ตา ลองวีคเอนด์นี้เราไปต่างจังหวัดกัน”
“คุณนพนภาเขาอนุญาตแล้วหรือคะ”
“โธ่ ตา ผมบอกแล้วว่าเขาไม่มีค่าอะไร ไม่เคยมีค่าเลยด้วยซ้ำ ผมมีแต่ตาเท่านั้น ตาคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก ตาคือทุกสิ่งทุกอย่าง ตาคือลมหายใจของผม”
เจนภพรวบมุตตาไว้ มุตตาอ่อนระทวย
เจนภพขยับยืนข้างหนึ่งของลิฟต์ จัดเน็คไท เสยผม มุตตาขยับไปอีกด้านพลางดึงเสื้อไม่ให้ยับประตูลิฟต์เปิดออก แจงจิตยืนอยู่ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา
“อ้อ คุณแจง” เจนภพก้าวออกมาหาแจงจิต มุตตารีบเดินแยกไป เจนภพยืนคุยกับแจงจิตกลบเกลื่อน “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ประชุมบ่ายนี้คงต้องเลื่อนไปครึ่งชั่วโมงค่ะ ช่างกำลังเติมน้ำยาแอร์อยู่”
“อ้อ ครับ มีอะไรอีกหรือเปล่าฮะ”
“มีค่ะ”
แจงจิตดึงทิชชู่จากกระเป๋าส่งให้
“ว่าไงครับ”
“แก้ม ผ.อ.เปื้อนอะไรไม่ทราบค่ะ เช็ดออกก่อนเดี๋ยวใครจะคิดว่ารอยลิปสติก”
เจนภพรับทิชชู่มามีอาการอึ้ง แจงจิตเมินมองไปเห็นมุตตาหยุดคุยกับรัชนกตรงทางเดิน แจงจิตครุ่นคิด
ที่ห้างสรรพสินค้า แผนกชุดว่ายน้ำสตรี มีหุ่นใส่ชุดอาบน้ำวันพีซแต่มีแหว่งเว้าจนดูโป๊ มุตตาถือชุดแบบเดียวกันอยู่ในมือ รัชนกยืนอยู่ข้างๆ มีชุดนอนบางคล้องแขน
“สวยจังเลยค่ะ พี่ตา”
“แต่พี่ว่ามันโป๊ไปหน่อย”
“ไม่โป๊หรอกค่ะ ผิวพี่ตาดีจะตาย โชว์ซะหน่อยเถอะค่ะ ยิ่งไปกะแฟนแบบนี้รับรองหลงเสน่ห์พี่ตาหัวปักหัวปำ ไปไหนไม่รอดแน่ค่ะ”
“ใครบอกว่าพี่ไปกับแฟน”
“นกดูตาก็รู้ค่ะ ตาพี่ตาวิบวับขนาดนี้ เอ นี่พี่ตาจะไปไหนนะคะ”
“สมุยค่ะ”
“น่าอิจฉาจัง”
พนักงานขายเดินเข้ามา ฉีกยิ้ม
“ตัดสินใจได้หรือยังคะ”
มุตตาดึงบัตรเครดิตออกมาอย่างลังเล
“เอาหมดนี่เลยค่ะ เสื้อคลุมตัวนั้นด้วยนะคะ” รัชนกดึงบัตรเครดิตมาจากมือมุตตา “เพื่อความสวย จะเป็นไรไปคะ”
รัชนกส่งบัตรเครดิตให้พนักงาน มุตตายิ้มแต่ดวงตากังวล
มุตตาหอบถุงเสื้อผ้าถุงรองเท้าเดินเข้าหอพักมาอย่างสดชื่น ฤดีโผล่พรวดขึ้นมาจากเคาน์เตอร์
“หนูมุตตา”
“คะ”
“วันนี้มันวันที่หกแล้วนะจ๊ะ”
“ค่ะ”
“ค่ะ แล้วเมื่อไรจะจ่ายจ๊ะ ฉันเห็นเธอจ่ายตรงเวลาทุกเดือนก็เลยไม่ทวง คิดว่าลืม ใจคอจะลืมไปจนสิ้นเดือนเลยหรือจ๊ะ”
“เอ้อ เดี๋ยวหนูไปกดเงินให้ค่ะ”
“จ้ะ”
มุตตาออกมาที่ตู้ ATM แล้วกดดูยอดเงิน จำนวนเงินคงเหลือ 1,912 บาท มุตตาใจหายเม้มปากแล้วกดยกเลิก ดึงบัตร ATM ออก เอาบัตรเครดิตออกมาแทน
“หนูตา ทำอะไรคะ” มุตตาสะอึกอึ้ง พรมายืนข้างๆ “ว้าย จะกดเงินบัตรเครดิตหรือคะ อุ๊ย มันหักยุบหักยิบ ดอกเบี้ยแพงกว่าแขกอีกนะคะ”
“แล้วจะยังไงดีคะ พี่พร”
“พี่มีแหล่งเงินกู้ ดีไม่ดีดอกไม่เสีย ก็ไอ้เสี่ยเจ้าของคาเฟ่ที่พี่ทำน่ะ มันขี้หลี ถ้าคนสวยๆ ไปยืมเงินมันล่ะก็ไม่ต้องมีอะไรค้ำ ดอกมันก็ไม่คิด”
พรพามุตตามาพบเสี่ยเจ้าของคาเฟ่
“สวยอย่างนี้ มาทำงานกับเสี่ยดีกว่า” เสี่ยเอ่ยชวน
“พ่อแม่หนูไม่ยอมให้ทำงานกลางคืนหรอกค่ะ”
“ก็มาทำกลางวัน ที่นี่มันเอ็นเต้อเทงเม้งคอมเผ็กไม่มีอะไรเสียหาย มีภัตตาคาง มีสปา”
“มีอาบอบนวด มีนวดแผนโบราณแนวกามสูตร” พรบอก
“ไอ้ย่า อาพร ลื้อก็พูดเกิงไป หนูมาทำกลางวันเป็นรีเซฟชั่งประชาสัมพันธ์ก็ได้”
“อ้าว ก็มาแย่งงานหนู่น่ะซี แหม หนูตาเขาเป็นข้าราชการตำแหน่งมั่นคงเลื่อนขั้นพรวดๆ เขาไม่มาทำงานแบบนี้หรอก”
“น่าเสียดาย เอ้า หนูเดือดร้อนมาเท่าไร”
มุตตาหน้าแดงแล้วซีดอับอาย
“สองหมื่นค่ะ”
“ปู้โธ่ คิดว่ามากมาย เสี่ยจะช่วยเอง”
“ใช่ เสี่ยเป็นคนใจบุญ สร้างพระหัวงู เอ๊ย พระนาคปรกบ่อยๆ”
เสี่ยเปิดกระเป๋าเอาเงินปึกใหญ่มานับ 20 ใบ
“แต่ลื้อต้องเป็นคนค้ำนะอาพอง”
“ค่ะ ถ้าหนูตาเบี้ยวก็มาหักเงินเดือนหนูได้เลย เอ๊ะ นี่หนูคงไม่เบี้ยวพี่นะ”
พรรับรองแล้วเกิดไม่แน่ใจ เสี่ยส่งเงินให้มุตตา มุตตารับ เสี่ยกุมมือมุตตาไว้ มุตตานิ่งอั้น
“แหม มือหนูนิ่ม”
“พอเสี่ย เดี๋ยวมือหนูตาช้ำ ค่าเสียหายจะเกินสองหมื่นนะ”
มุตตาดึงมือออกแล้วยกมือไหว้ เสี่ยหัวเราะคิก
เมื่อกลับมาห้อง มุตตานั่งอยู่หน้ากระจกเงานับเงิน 20,000 บาท น้ำตาเอ่อไหลพรากแล้วก็ปาดน้ำตาออก
ลุกขึ้นมามองที่เตียง บนเตียงมีบรรดาเสื้อผ้าที่ซื้อมา ชุดว่ายน้ำ ชุดชายหาด ชุดนอนเซ็กซี่ เสื้อคลุม แว่นตาวางอยู่
มุตตาปาดน้ำตาดูราวจะลืมเลือนความคับแค้นขมขื่นไปหมด
เจนภพพามุตตามาเที่ยวสมุยและเข้าพักที่รีสอร์ทหรูชายทะเล ลมยามเช้าพัดเข้ามาถึงเตียงนอน ท่อนบนมุตตาเปลือยเปล่านอนอยู่ในอ้อมแขนและแผงอกเปลือยเปล่าของเจนภพ
มุตตาลืมตาขึ้นจูบมือเจนภพแล้วขยับกายมองดูเจนภพอย่างลุ่มหลง แล้วเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าเจนภพแผ่วเบา เจนภพลืมตา
“ตา สุขสันต์ วันฮันนีมูนจ้ะ”
มุตตายิ้มดวงตาสุกปลั่ง
“ผ.อ.คะ ตามีความสุขจังเลย”
“ผมรู้ว่าตาต้องชอบที่นี่ ไม่งั้นไม่ลงทุนพามาหรอก ที่นี่แพงจะตายไป”
มุตตาไม่สนใจคำพูดเจนภพ เจนภพโอบกอดมุตตา
“ผ.อ.คะ ตาอยากมีลูกจังเลยค่ะ”
เจนภพสะดุ้งคลายมือ ขยับตัวมองหน้า มุตตามองตอบมีแววฝันแต่จริงจัง
“หา อะไรนะ”
“ตาอยากมีลูกค่ะ”
“อย่าพูดบ้าๆ นะตา นี่ นี่ตายังป้องกันอยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ” เจนภพแอบโล่งอก “ทำไม ผ.อ.ถึงว่าตาคิดบ้าๆ ผู้หญิงทุกคนอยากมีลูกกับคนที่ตัวรักแล้วทำไมตาถึงอยากมีลูกไม่ได้”
“ตา ผมรักตามากนะ ผมเข้าใจว่าตารู้สึกยังไง ตอนนี้ทุกอย่างมันซับซ้อนพอแล้วตาอย่าคิดให้มันวุ่นวายอีกเลย”
“ตาต้องรออีกนานแค่ไหนคะ”
เจนภพงง
“รออะไร”
“เมื่อไร ผ.อ.จะหย่ากับคุณนพนภาเสียที”
“ตา ลูกผมสามคนยังเด็ก ยังไร้เดียงสา แกสามคนเปราะบางมาก ผมไม่อยากทำร้ายจิตใจแก ตาต้องรอไปก่อนนะจ๊ะ” มุตตานิ่งอึ้งแล้วพยักหน้า เจนภพโล่งอกตระกองกอดไว้ “ให้ลูกผมโตกว่านี้อีกหน่อย จากนั้นตาก็จะมีลูกทีเดียว 3 คนไงจ๊ะ”
เจนภพหอมแก้มมุตตา มุตตาฝืนยิ้ม เจนภพแอบถอนใจอีก
เจนภพยืนอยู่ที่ระเบียงมุตตาตามออกมายืนเคียงข้าง เจนภพโอบมุตตาแล้วจูบซอกคอและเรือนผมโดยไม่รู้ว่าภาพทั้งหมดถูกแอบถ่ายด้วยกล้อง DVD ชั้นดี
เนตรนภิศส่องกล้องส่องทางไกลอยู่ ลดกล้องลงตาวาว
“ออกมาล้วงมาควักกันพอดี”
เนตรนภิศหันมา รัชนกอยู่ข้างๆ กำลังดูภาพในกล้อง DVD ที่อยู่ในมือชายหนุ่มร่างสูง หุ่นดี หน้าตาดูเป็นคนดี กล้องในมือนั้นติดเลนส์เทเลอย่างมืออาชีพ
“เชอะ อุตส่าห์มาซุกอยู่ในรีสอร์ทส่วนตัว ห้ามคนนอกเข้า คิดเหรอว่าจะพ้น” เนตรนภิศมาชะเง้อดูจอภาพ”ต๊าย ทำไมภาพเบลอนักล่ะ แน่ใจเหรอว่าพี่ชายของเธอน่ะมืออาชีพ”
รัชนกโอบเอวพี่ชายอย่างรักใคร่ พูดเสียงอ่อนหวานเหมือนเคย
“พี่ชายของนกน่ะมือสมัครเล่นค่ะ แต่ฝีมือน่ะเหนือกว่ามืออาชีพซะอีก”
“งั้นก็ถ่ายให้มันชัดๆ ซีจ๊ะ”
“ครับผม”
ศักดิ์ชายปรับโฟกัส ภาพในจอภาพชัดขึ้น เป็นจังหวะที่มุตตาหันไปทางอื่น แต่เจนภพหันมาทางกล้องเต็มหน้า
“คุณนภิศจะบอกคุณนภาเลยไหมคะ”
“ไม่รู้ซี เอาไว้ให้โอกาสเหมาะๆ กว่านี้ดีกว่า ตอนนี้พี่สาวฉันกำลังอารมณ์ดี อะไรทุกอย่างในชีวิตดีจนน่าอิจฉาไปหมด ฉันไม่อยากทำลายความสุขของพี่สาวฉัน”
เนตรนภิศพูดเรียบๆ อ่อนโยน ขัดกับดวงตาที่แพรวพราวสะใจ
เจนภพทานอาหารค่ำกับมุตตา
“พรุ่งนี้เราต้องกลับแต่เช้านะตา”
“พรุ่งนี้ยังเป็นวันหยุดอยู่ อยู่ต่ออีกไม่ได้เหรอคะ”
“ผมนัดกับเจ้าสรรค์ไว้ที่ชะอำน่ะ”
“งั้นตาไปชะอำด้วย”
“ไม่ได้ เจ้าสรรค์มันจะพายายแอ๋วเมียมันมาด้วย งานนี้ต้องตบตาเมียแก่กันหน่อย”
มุตตาถอนใจ เจนภพไม่ได้รู้สึกความน้อยเนื้อต่ำใจของมุตตา
คืนนั้น เจนภพนอนเปลือยเปล่ามีผ้าห่มปิดกลางตัวไว้ กำลังหลับสนิท ที่หน้ากระจกมุตตาถือแผงยาเม็ดคุมกำเนิดแกะออกมา 1 เม็ด หยิบขึ้นจะใส่ปากแล้วชะงักลดมือลง ทันใดมุตตามีแววสับสนบางอย่าง เธอแกะเม็ดยาออกทีละเม็ดจนหมดแผง
ที่โถชักโครก มุตตายืนนิ่งแล้วโปรยเม็ดยาลงในโถส้วม เม็ดยาร่วงพรูลง มุตตากดน้ำ เม็ดยาหมุนวนกับเกลียวน้ำหายไป เธอหันมามองดูกระจกเงาในห้องน้ำเงาสะท้อนนั้นมองตอบมาราวจะตั้งคำถาม
รถนพนภาแล่นมาจอดที่เทอเรซหน้าบ้าน นายชมลงมาจะเปิดประตูแต่นพนภาลงมาก่อนแล้วกางแขนออก
ต่อในชุดนักบอลโผผวามากอดแม่ นพนภาหอมแก้มซ้ายขวา ต้อมวิ่งมากระตุกกระโปรงนพนภา
“อุ๊ย ลูกจ๋า แม่คิดถึงจังเลย ว๊าย ยายต้อม เดี๋ยวกระโปรงหลุด”
“ก็เห็นหมีแพนด้า” นพนภาสะดุ้ง แต้วตามมาอธิบาย
“กำลังดูหลินปิงอยู่ค่ะ”
“อ้อ แล้วไป”
“เอาช็อคกาแลต เอาช็อคกาแลต เอาช็อคกาแลต”
นพนภาถอนใจ
“เดี๋ยวซีลูก ยายต้องล่ะ ไปแรดที่ไหนหรือเปล่า”
“อ๋อ วันนี้ไม่แรดค่ะ”
ต้องในชุดอยู่กับบ้านนอนเหยียดยาวโชว์ช่วงขาอยู่บนโซฟากำลังคุยโทรศัพท์ โทรทัศน์เปิดช่องรายการเพลงเช่นเคย นพนภาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านกรุยกรายเดินมา
“แม่เชื้อกลับบ้านมา มันจะทักซักคำก็ไม่มี” นพนภาหยุดดูภาพในจอ “เออ นักร้องคนนี้ค่อยยังชั่วหน่อย หล่อดี ดูเรียบร้อย ไม่เป็นจิ้งเหลนเหมือนคนอื่น”
ต้องขยับตัวเขม้นมองทีวี
“มันจะเหมือนได้ยังไงคะ นี่มีแค่หนึ่งเดียวคนนี้ค่ะ”
“อะไรยะ”
“แม่ก็ดูไหล่ซีคะ ไหล่แคบ แต่ตะโพกใหญ่”
“เออจริง”
“แล้วนั่นไม่ใช่แผงนมนะคะ นั่นพวงนมที่รัดเอาไว้”
นพนภาร้องสุดเสียง
“ทอม ว้ายตายแล้ว ค่ายเพลงสมัยนี้มันยังไงกันยะ”
“หนูว่าแม่ทำใจกว้าง ยอมรับความจริงบ้างเถอะค่ะ เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ทำใจได้เร็วหน่อย”
ต่อตาเขียวปัด ต้องยิ้มหวานกับน้องชายที่กำลังดูรองเท้ายี่ห้อดัง
“แกพูดอะไร หรือว่าแกจะบอกว่าแกจะหันไปเล่นดนตรีไทย”
“ไม่เกี่ยวกับหนูค่ะ”
“หรือว่าพ่อแก นี่แกไปรู้อะไรมา พ่อแกไปควงกะอีคนไหนใช่ไหม” ต้องทำตาปริบๆ
“แม่คะ กรุณาอย่าเป็นบ้าค่ะ หนูแค่พูดเรื่องความจริงทั่วๆ ไป”
นพนภาทิ้งตัวลงนั่ง มองดูต้อมกำลังกินช็อคโกแลตแก้มเปรอะ
“แล้วไป ว้าย ยายต้อมกินดีๆ ซีลูก ไหนเอามาแบ่งแม่บ้าง”
“ไม่”
“ต๊าย ทำไมงกอย่างนี้นะ”
“ช็อคกาแลต ช็อคการี”
นพนภาสะดุ้งสุดตัว แต้วกับยายแหวงเอาอาหารเย็นมาพอดี
“ยายต้อมไปเอามาจากไหน นังแต้วแกใช่ไหมไปพูดให้คุณต้อมได้ยิน”
“ไม่ใช่หนูค่ะ ภาษาโบราณล้านปี หนูจะพูดทำไม”
“แกเหรอ ยายแหวง”
“อิฉันสาวรุ่นใหม่ ไม่เจิด ไม่เลิศ ไม่พูดค่ะ”
นพนภาทำตาปริบๆ ต่อสะกิดแม่
“แล้วอีคนไหนมันพูด มาพูดให้เด็กให้เล็กได้ยิน น่าตบปากนัก”
“ต่อนึกออกแล้วฮะ”
“ใครลูก อีบ้าที่ไหน”
“คุณยายไงฮะ ไปค้างบ้านคุณยายคราวก่อน คุณยายดูเรยาแล้วอินชี้นิ้วด่าทีวีอยู่ตั้งนาน”
นพนภาอึ้งไป เจนภพเข้ามามีถุงของฝาก
“อ้าว คุณ มาแล้วหรือ ไหนว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง”
“ฉันตะหากยะที่ต้องถามว่ามาแล้วหรือ ไอ้เราได้กลับเร็วขึ้น หอบของมาเหมือนอีบ้า”
“อีบ้า” ต้อมพูดตาม
“โทรมาให้ไปรับไปช่วยขนของก็ติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์เครื่องละสามหมื่นแต่ใช้การใช้งานไม่ได้เหมือนปลัดขิก”
“ปลัดขิก”
แต้วตะครุบปากต้อมลากถูลู่ถูกังออกไป นพนภาดึงถุงที่เจนภพถือมาดู
“อ้อ หอยเสียบดอง ไปเสียบหอยที่ไหนมาล่ะ”
“ไปชะอำ”
“ไปสำเริงสำราญกะอีหอยเสียบที่ไหน”
“ไปกะไอ้สรรค์กับคุณแอ๋ว ไม่เชื่อก็โทรไปเช็คก็ได้”
เจนภพส่งมือถือให้ นพนภาเชิดใส่คว้ามือถือตัวเองมา
“ไม่ต้องท้า ฉันเช็กแน่ฉันไม่เช็กกะนายสรรค์หรอก ฉันเช็กกะคุณแอ๋วดีกว่า” นพนภากดโทรออก “คุณแอ๋วหรือคะ สนุกไหมคะ ภพเขาเล่าว่าไปเที่ยวกัน ค่ะ ค่ะ”
เจนภพยิ้ม
สรรค์ขับรถมาตามถนน แอ๋วพูดมือถือกับนพนภาอยู่ข้างๆ
“ค่ะ เพิ่งกลับมาจากชะอำ ไปกินข้าวร้านดังกันค่ะ แล้วก็ซื้อของฝาก นี่ก็เพิ่งเอาคุณภพไปหย่อนให้ที่บ้าน คิดว่าคุณนภายังไม่กลับ แหม ไม่งั้นก็เข้าไปเอาครีมรกแกะแล้ว ค่ะ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
แอ๋ววางหู ไม่ได้สังเกตว่าสรรค์มีอาการลุ้นบางอย่างแล้วโล่งใจ
“ต๊าย แค่ผัวมาเที่ยวชะอำกับเพื่อน ไปเช้าเย็นกลับก็ต้องโทรมาเช็ก เฮ้อ คุณนภาเอ๊ย อย่างงี้ต่อไปถ้าไม่เป็นบ้าก็คงเส้นโลหิตในสมองแตก”
สรรค์พยักเพยิด มีแววโล่งอก
มุตตาแต่งตัวเต็มที่หน้าตาสดใสหอบถุงของฝากพะรุงพะรัง มุตตาเดินสวนกับเลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ มุตตายิ้มให้แต่ทั้งสามคนเชิดใส่ มองหัวจรดเท้า มุตตางุนงงเดินไปทั้งสามซุบซิบกัน
ทิพอาภาและอรพิม กำลังสุมหัวอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของอรพิม อรพิมหน้าเครียดไม่มีแววเล่นอีก ทิพอาภาหน้าเผือด มุตตาเดินยิ้มสดใสเข้ามา อรพิมมองดูมุตตาแล้วหน้าเคร่ง ทิพอาภาหน้าเหย มุตตาวางถุงของฝากลง
“มีของฝากจ้ะ เยอะแยะเลย”
“นี่ ตาไปเที่ยวทะเลมาหรือ”
“จ้ะ ไปสมุย”
“สมุยจริงๆ ด้วย”
“ตาไปเที่ยวสมุยกับใครหรือ”
“กับเพื่อนจ้ะ ทำไมหรือ”
“เปล่า”
“นี่ กำลังดูอะไรกันอยู่”
“ดูคลิป มีคนฟอร์เวิร์ดมาเข้าทุกเครื่องเลย”
“เรื่องไม่ดีอีกแล้วล่ะซี ไม่ดูดีกว่า”
“ตา”
“เดี๋ยวนะจ๊ะ เดี๋ยวเอาของฝากไปให้ห้องโน้นก่อน”
มุตตาคว้าถุงอีกครึ่งหนึ่งเดินออกไป อรพิมมองตาม ทิพอาภาจะร้องไห้
มุตตาเดินสดใสเข้ามาในห้องทำงานวีกิจ ขณะนั้นปริม รัชนก ประสิทธิ์ชัย เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ กำลังสุมหัวดูคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะปริม
“นี่ ฉันดูมาสิบรอบแล้ว ฉันขอยืนยันว่าใช่”
“ถึงภาพจะเบลอ ถึงกล้องจะสั่นเหมือนเรื่องคัฟเวอร์ฟิลด์ แต่นี่สยองกว่ามนุษย์ต่างดาวบุกโลกอีก”
“ใช่ เพราะนี่มันมนุษย์ลวงโลก”
“ใช่แน่หรือคะ นกไม่อยากเชื่อ”
รัชนกหน้าซีด น้ำตาคลอ
“ผ.อ.น่ะเห็นหน้าชัด แต่ผู้หญิงนี่ไม่ชัวร์”
“ต๊ายไม่ชัวร์อะไร เห็นอยู่ชัดๆ ผ.อ.กะนังแสนดีมุตตา”
มุตตาชะงักกึกตาเบิกกว้าง ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง รัชนกหันมาพอดี
“พี่ตา”
ทุกคนหันขวับมาเห็นมุตตาแล้วมีท่าทีต่างกัน ประสิทธิ์ชัยอึ้งผสมผิดหวัง ปริมยิ้มเยาะเหยียดหยาม รัชนกน้ำตาหยดก้าวมาจับแขนมุตตา
“พี่ตา ไม่จริงใช่ไหมคะ เรื่อง ผ.อ.กับพี่ตา”
มุตตาส่ายหน้าพูดไม่ออก หมุนตัวไปปะทะกับวีกิจที่เข้ามา ถุงของฝากหล่นกระจาย
“ว้าย”
“อุ๊ย ขอโทษฮะคุณตา” วีกิจก้มลงเก็บถุงของฝาก “นี่ของฝากผมหรือฮะ คุณตาไปทะเลมาหรือ” มุตตาพยักหน้า “ไปกับใครเอ่ย”
มุตตาตัวชารีบเดินแกมวิ่งออกไป วีกิจงง
“ต๊าย อยากรู้หรือคะ ว่าไปกับใคร”
ประสิทธิ์ชัยก้าวมามองปริมอย่างขอร้อง
“อย่าเพิ่งพูดเลยฮะ”
“อะไรวะ เกิดอะไรขึ้น”
“ข้ามีอะไรให้เอ็งดู”
ประสิทธิ์ชัยเดินไปเปิดคอมฯ วีกิจเริ่มรู้สึกไม่ดี ก้าวไปดู
ภาพในจอคอมพิวเตอร์เป็นภาพที่ศักดิ์ชายใช้เลนส์ซูมถ่ายภาพเจนภพกับมุตตาบนระเบียงรีสอร์ท คลิปนี้ความยาวราว 1 นาที ภาพการกอดจูบคลอเคลีย ผมยาวของมุตตาและความเบลอของภาพทำให้ไม่ชัดนัก แต่มีจังหวะที่มุตตาหันไปทางอื่น แต่เจนภพหันมาทางกล้องและภาพได้โฟกัสเห็นหน้าเจนภพ
ช่วงเที่ยงทุกโต๊ะว่างเปล่ามีเพียงมุตตานั่งอยู่ที่โต๊ะดูคลิปในจอคอมพิวเตอร์หน้าเผือดซีด แจงจิตก้าวมาจากข้างนอก มองดูมุตตาอย่างเวทนาระคนเสียใจแล้วทำเฉยชา
“เที่ยงกว่าแล้ว ทำไมยังไม่ไปกินข้าว”
“ยังไม่หิวเลยค่ะ”
“พี่จะไปกินข้าวข้างนอก ไปกินเป็นเพื่อนพี่หน่อย”
มุตตาน้ำตาเอ่อ ลุกขึ้นมองแจงจิตอย่างขอบคุณ แจงจิตไม่พูดอะไร
เจนภพเพิ่งเข้ากองมาในช่วงบ่าย เดินมาตามทางเดินสวนกับวีกิจและประสิทธิ์ชัย
“ไง นายกิจ”
วีกิจมองเจนภพมีแววเย็นชาหมางเมิน ประสิทธิ์ชัยมีแววยิ้มๆ บางอย่าง
“อาภพเพิ่งมาหรือฮะ”
“พรุ่งนี้มีซิมโพเซียมที่ศูนย์สิริกิติ์ ไปเช็กความเรียบร้อยมา”
“อ้อฮะ แล้วก็อย่าลืมเช็กความเรียบร้อยทางนี้ด้วยก็แล้วกันฮะ”
“แกพูดอะไร”
“ช่างมันเถอะฮะ ผมต้องไปแล้ว”
“ผมขอตัวครับ ผ.อ.”
เจนภพงง วีกิจ ประสิทธิ์ชัยเดินแยกไป
มุตตาพยายามพิมพ์งานอย่างเลื่อนลอย อรพิมนิ่งเงียบ ทิพอาภาอึดอัด แจงจิตทำงานง่วน ทันใดปริม เลอลักษณ์ นักรบ ฉกรรจ์ก็เดินเข้ามา
“มาขอใช้เครื่องถ่ายเอกสารหน่อยนะ ห้องนู้นหมึกหมด”
“เชิญค่ะ”
ทิพอาภาลุกขึ้นช่วย คณะของปริมเข้าไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร
“อุ๊ย เครื่องฟิตสตาร์ทติดง่าย แหม ห้องนี้ดีจัง มีเครื่องใหม่ๆ เด็กๆ ไว้ให้เล่น ผ.อ.เลยเล่น เอ๊ย ใช้งานซะเพลินเลย”
มุตตาตัวชา อรพิมรู้แล้วว่าปริมไม่ได้มาถ่ายเอกสาร จึงลุกไปดู
“ซีอะไรกัน ถึงต้องยกม็อบมาหมดแผนก”
“อ๋อ หนังสือเวียนรณรงค์ให้ประหยัดน้ำน่ะ แต่ดูเหมือนคนบางคนออกจะประหยัดเกินเหตุไปหน่อยนะ”
“เกินเหตุยังไงคะ”
“กินน้อยใช้น้อยก็ประหยัดพอแล้ว แต่นี่ประหยัดถึงขั้นไปกินน้ำใต้ศอกคนอื่นมันประหยัดก็จริง แต่เปลืองค่ะ เปลืองตัว”
มุตตาหน้าซีด พลพรรครักปริมเฮคิกคัก อรพิมเท้าสะเอว
“ฉันว่าเธอเองก็ประหยัดน้ำลายไว้บ้างก็ดีนะ เพราะดูเหมือนคนบางคนน่ะปากเน่าพ่นอะไรออกมาก็เน่าหนอนไปหมด”
“อุ๊ยตาย องครักษ์พิทักษ์เมียน้อย”
แจงจิตลุกขึ้น
“แม่คุณแม่ทูนหัว ที่นี่มันแห้งๆ ดีอยู่ อย่าเอาน้ำลายมาท่วมขังเลย ไป ขนของกลับไปได้แล้ว”
ปริมจะตอบ เจนภพผลักประตูเข้ามา ทุกคนชะงัก
“สวัสดีค่ะ ผ.อ.เพิ่งมาหรือคะ” ปริมทักเจนภr
“ฮื่อ สวัสดี”
“ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับของฝากจากสมุย รสชาติดี้ดี มิน่าถึงแอบไปกินกันสองคน”
เจนภพชะงักไป รู้ขึ้นมาทันทีแล้วมองปริมนิ่ง
สักครู่ปริมหมดฤทธิ์หลบตา พยักเพยิดให้พลพรรคออกไป เจนภพมองมุตตา เห็นมุตตาหน้าซีด เจนภพหน้าเคร่ง แล้วเดินเข้าห้องทำงานปิดประตูลงมุตตาตัวชา
เย็นวันเดียวกันนั้นหลังจากทุกคนกลับไปหมดแล้ว เจนภพยืนนิ่งอยู่ในห้องทำงานภาพคลิปในจอคอมพิวเตอร์เปิดอยู่ มุตตายืนหน้าเผือดอยู่หน้าโต๊ะ
“คลิปนี่ แปลว่ามีคนแอบถ่ายเราที่รีสอร์ท นี่ตาบอกใครหรือว่าเราจะไปสมุย”
“ตาจะบอกใครได้ยังไงคะ” มุตตานิ่งไปนิดก็นึกออก “เว้นแต่หนูนก”
“เด็กนั่นน่ะหรือ”
“แต่ไม่ใช่แกหรอกค่ะ หนูนกไม่เชื่อด้วยซ้ำเรื่องคลิปนั่น”
“งั้นก็แปลว่ามีคนบังเอิญไปเห็นเราเข้า บ้าเอ๊ย คิดว่าระวังดีแล้วเชียว” เจนภพหงุดหงิดงุ่นง่าน “แล้วมันทำอย่างงี้มันต้องการอะไร จะแบล็คเมล์หรือ”
“ตาไม่ทราบค่ะ แต่ว่าตาจะทำยังไงดีคะ”
เจนภพมองมุตตาแล้วอ่อนลง ก้าวมาโอบ
“คลิปนี่มันไม่ได้ชัดเจนอะไร ตาก็อย่าไปยอมรับ ปฏิเสธเสียงแข็งเข้าไว้”
“ทำไมคะ”
“ตา เราจะเสียนะ เสียทั้งคู่ ตาน่ะเสียมากกว่าผมอีก ใครเขาจะมาเข้าใจเราสองคน” มุตตานิ่งอึ้งพยักหน้า “อย่าลืม ตาต้องทำไม่ใส่ใจ ไม่แยแส ทำตัวเป็นปกติ ใครพูดก็บอกว่าแค่คนหน้าคล้าย ตอนนี้เราต้องห่างกันสักพัก อ้อ ตาคงต้องใช้นายวีกิจให้เป็นประโยชน์แล้วล่ะ สนิทกับนายกิจให้มากขึ้น”
มุตตาเบิกตากว้าง เพิ่งรู้ว่าเจนภพยุให้คบวีกิจไว้ทำไม
“อะไรนะคะ”
“นายกิจเองก็คงสงสัย มันถึงได้มาแขวะผม แต่ตายืนยันกับมันว่าไม่ใช่มันเองชอบตาจะตาย มันคงเชื่อ”
“ไม่ค่ะ”
“หือม์ อะไรหรือตา”
“ตาจะไม่หลอกใช้คุณกิจ ให้มาเป็นฉากบังหน้าให้ ผ.อ.หรอกค่ะ”
เจนภพงงไป
“ก็ตามใจ”
“ตาจะกลับแล้วค่ะ”
“ตั้งแต่วันนี้ไปผมคงไปส่งตาไม่ได้แล้ว คงต้องเลิกเจอกันด้วยจนกว่าข่าวลือพวกนี้จะเงียบ ตาต้องอดทนนะจ๊ะตา”
“ค่ะ ตารู้ แต่ตาอดทนมานานแล้วนะคะ”
มุตตามองหน้าเจนภพแล้วหมุนตัวเดินจากไป เจนภพยุ่งยากใจ
ลานจอดรถดูเวิ้งว้างว่างเปล่ามุตตาเดินตัดลานจอดรถไป
ดวงอาทิตย์ใกล้ลับทิวไม้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงอมส้ม แสงนั้นทาบทับลงมาราวมุตตาเดินอยู่ในกองเพลิง
โปรดติดตาม "แรงเงา" ตอนที่ 4