xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 9

หมอคุยกับหยกที่หน้าห้องตรวจหลังจากที่ตรวจเช็คคมทวนแล้ว

“พ่อเป็นความดันเหรอครับหมอ”
“ครับ...ความดันโลหิตสูง ค่อนข้างมากเลยทีเดียว ดีที่พามาถึงโรงพยาบาลเร็ว ไม่อย่าง นั้นอาจเสี่ยงเส้นเลือดในสมองแตกได้”
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพ่อเป็นโรคนี้” หยกรีบหันไปถามสองน้า “พวกน้ารู้มาก่อนรึเปล่า”
อ่างส่ายหน้า
“ข้าก็ไม่รู้”
“แต่หลังๆมานี่ข้าก็เคยเห็นพี่คมทวนบ่นๆเรื่องแน่นหน้าอกแบบนี้อยู่เหมือนกันนะ”
“แล้วทำไมน้าไม่มาบอกฉันล่ะ”
สลึงชะงัก
“อ้าว...ก็พี่คมทวนบอกว่าไม่เป็นอะไร ข้าก็เลยไม่ได้ใส่ใจนี่หว่า”
หยกถอนใจ
“โธ่น้า...น้าก็รู้ว่าพ่อฉันน่ะดื้อมากขนาดไหน”
หมอตัดบท
“เอาล่ะครับ...ถึงจะเพิ่งรู้ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไร คนไข้เพิ่งจะเริ่มมีอาการ ยังอยู่ในการควบ คุมดูแลได้ เพียงแต่คงต้องระวังเรื่องอาหารการกินแล้วก็เรื่องเครียดด้วย”
“ครับหมอ” หยกใจชื้นขึ้นมา เมื่อได้ฟังอย่างนั้น

ในห้องพักผู้ป่วย คมทวนนอนให้น้ำเกลือมีพยาบาลมาดูแลให้เรียบร้อยแล้วออกไปสวนกับหยกที่เข้ามา พร้อมกับอ่างและสลึง คมทวนรีบถามอ่างทันที
“ตกลงนี่ข้าต้องนอนที่นี่งั้นเหรอวะไอ้อ่าง”
“จ้ะพี่”
“ไม่เอาเว้ย...ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“ไม่ได้นะพ่อ...ความดันพ่อขึ้นสูง หมอต้องให้ยาปรับความดันแล้วต้องรอดูอาการพ่อให้ แน่ใจก่อน พ่อถึงจะได้กลับ”
คมทวนกังวล
“แต่ข้าไม่อยากทิ้งบ้านไว้นานๆ”
สลึงขัดขึ้น
“ฟังลูกมันบ้างเถอะพี่ ไอ้หยกมันห่วงพี่นะ อีกอย่างบ้านพี่ไม่มีอะไรให้ขโมยขึ้นหรอก”
“ข้าไม่ได้ขอความเห็นเอ็งเว้ย”
คมทวนจะลุกขึ้นด้วยความดื้อเอาแต่ใจ แต่หน้ามืดขึ้นมาจนเซหยกต้องรีบเข้าไปประคอง
“เห็นมั้ย...หมอพูดไว้ไม่มีผิด พ่อยังต้องนอนพักที่นี่ก่อน ถ้าไม่เชื่อฟังหมอ ไม่คอยระวังตัวเอง ทั้งโรคหัวใจ ทั้งเส้นเลือดในสมองแตกได้ถามหาพ่อแน่”
คมทวนนิ่งไปมองหน้าลูกชายที่เป็นห่วงแต่ก็ยังเคืองอยู่เลยปัดมือแล้วถอยไปนอนที่เตียงเอง อ่างกับสลึงเห็นท่าที ที่คมทวนมีต่อหยกแล้วพากันส่ายหน้า อ่างมองคมทวนก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“ฉันจะบอกให้นะพี่คมทวน พี่น่ะโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีลูกคอยเป็นห่วงแบบนี้ ถ้าเป็น อย่างฉันอย่างไอ้สลึงความดันทะลึ่งพรวดอย่างพี่ มีหวังนอนตายอยู่ในบ้านไปแล้ว”
“นั่นสิพี่...หมอสั่งไว้เด็ดขาดเลยว่าต่อไปนี้พี่ต้องพักผ่อนเยอะๆแล้วก็ห้ามเครียดด้วย”
“หมอสั่งไม่ให้ข้าเครียดงั้นเหรอ เรื่องเดียวที่จะไม่ทำให้ข้าเครียดจนเส้นเลือดในสมอง แตกได้ก็มีแต่ไอ้ลูกเนรคุณคนนี้เท่านั้นแหละ”
คมทวนตัดพ้อแกมประชดใส่หยก แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้
“ข้าจะนอนพักแล้ว เอ็งอยากไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็ไป”
หยกเห็นท่าทีที่พ่อมีต่อเขาแล้วก็อดเจ็บปวดเสียใจไม่ได้ อ่างกับสลึงต้องเข้ามาตบบ่าปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงนะไอ้หยก เดี๋ยวพวกน้าจะดูแลพ่อเอ็งให้เอง”
หยกหันไปมองหน้าอ่างแล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะมองพ่ออย่างเป็นห่วง

ดวงแขมาเคาะประตูเรียกมานพ แต่เงียบเชียบไม่มีเสียงตอบ
“ตานพ…ตานพ…ได้ยินแม่รึเปล่า...ตานพ”
เจ้าสัวเล้งเดินเข้ามา
“สายป่านนี้แล้วมานพยังไม่ตื่นอีกเหรอ”
ดวงแขชะงัก
“คุณ...เอ่อ...คือ...เมื่อคืนตานพกลับดึกมากค่ะ”
“กลับดึก...หรือว่ากลับเช้ากันแน่”
ดวงแขหน้าเสียเพราะกลับเช้า
“มันพยายามหลบหน้าฉันเพราะกลัวจะโดนฉันสั่งสอนมัน แต่ในเมื่อมันเป็นลูกฉัน มันจะ หนีหน้าฉันไม่ได้...นนท์”
“ครับเจ้าสัว”
นนท์เข้ามาที่ประตูห้องพร้อมเอากุญแจสำรองมาไข ดวงแขหน้าเสียรู้ว่าเจ้าสัวเล้งต้องไม่พอใจมานพอีกแน่ๆ นนท์ไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาพบมานพนอนเมาหมดสติเนื้อตัวเหม็นเหล้าคลุ้งไปหมด ขวดเหล้า เกลื่อนพื้น เจ้าสัวเล้งเห็นแล้วชักสีหน้าไม่พอใจ
“คุณคะ...ใจเย็นๆค่อยๆคุยกับลูกนะ” ดวงแขหน้าเสีย
“สภาพแบบนี้เนี่ยนะจะให้ฉันใจเย็นๆคุยกับมัน เธอไม่เห็นเหรอ ตัวมันเหม็นอย่างกับตก ถังเหล้ามา”
“ฉันจะเรียกเขาเองค่ะ” ดวงแขรีบเข้าไปเขย่าตัวเรียก “ตานพ...ตื่นสิ…ตานพ...แม่บอกให้ตื่น”
มานพงัวเงียยังไม่หายแฮงค์ เห็นหน้าแม่ก็โวยวายสะบัดแขน
“ไป! อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้นหน้า...ไป!”
“ตานพ...นี่แม่นะ”
“แม่...แม่เหรอ...” มานพมองหน้าดวงแขแล้วแสยะยิ้มอย่างชิงชัง “นังแพศยา...ฉันเกลียดแก”
มานพอาละวาดผลักดวงแขจนเซล้มไปชนโต๊ะ เจ้าสัวเล้งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโหไม่พอใจ
“ไอ้มานพ...นี่แกกล้าทำกับแม่แกแบบนี้ได้ยังไง”
เจ้าสัวเล้งเข้าไปกระชากคอ มานพมองหน้าเจ้าสัวเล้งอย่างชิงชังท้าทาย
“ทำไม…พ่อจะทำอะไรผม”
“แก!”
เจ้าสัวเล้งโกรธจัดผลักมานพไปทางนนท์ให้จับตัวไว้ แล้วสั่งเสียงดัง
“ลากคอมันออกไป ฉันจะทำให้มันเป็นผู้เป็นคน”
นนท์ล็อคตัวมานพที่เมาแอ๋พยายามขัดขืน
“ปล่อย...ปล่อยฉัน ไอ้ขี้ข้า...อย่ามาถูกตัวฉันนะเว้ย...ปล่อย”
นนท์ไม่สนใจล็อคตัวพามานพออกไป เจ้าสัวเล้งรีบตามไป ดวงแขตกใจ
“คุณ...อย่าทำอะไรตานพนะ...คุณ...คุณ”

นนท์ลากตัวมานพในสภาพมึนเมามาที่สระว่ายน้ำ
“โยนมันลงไป...ถ้าความรับผิดชอบชั่วดีของมันยังไม่กลับมาก็จับมันกดน้ำซะ”
มานพดิ้นขัดขืน
“ปล่อยฉันนะเว้ย...ไอ้ขี้ข้า”
นนท์ทำตามที่เจ้าสัวเล้งสั่งผลักมานพลงไปในสระว่ายน้ำ แล้วตามลงไปจับหัวมานพกดน้ำ ดวงแขตามมาเห็นเข้าก็ร้อง โวยวายเป็นห่วงลูก

“คุณ...นี่คุณจะฆ่าลูกเหรอ ปล่อยลูกเถอะ...ฉันขอร้อง”

เจ้าสัวเล้งกันไม่ให้ดวงแขเข้ามายุ่ง มานพโดนจับกดน้ำจนสำลักระร่ำระลัก

“แม่...ช่วย…ช่วยผมด้วย...แม่…”
“มานพ...มานพ…พอเถอะคุณ...อย่าทำกับลูกแบบนี้เลย”
เจ้าสัวเล้งยังใจแข็ง มองลูกน้องตัวเองจับมานพกดน้ำอยู่อีกครู่แล้วจึงสั่งให้หยุด
“พอได้แล้วนนท์ ลากตัวมันขึ้นมา”
นนท์หยุดตามที่สั่งเพราะมานพอยู่ในสภาพสำลักน้ำจนน่าเวทนา

กิ่งเหมยยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องนอน สายตาเธอพยายามเพ่งมองเงาตัวเองแต่พบว่าภาพเบลอ มองไม่ชัด เธอพยายามขยี้ตาแต่ก็ภาพก็ยังเบอลอยู่ เป็นสัญญาณว่าอาการของเธอเริ่มหนักขึ้น อาม่าเคาะประตู
“อาเหมย…อาเหมย...เสร็จรึยัง”
“เอ่อ...เสร็จแล้วค่ะอาม่า”
กิ่งเหมยรีบถอยจะเดินออกไปแต่ชนโต๊ะ เพราะสายตาที่มองไม่ชัดเห็นเพียงแต่ภาพเบลอๆ กิ่งเหมยต้องหยุดตั้งสติ พยายามไม่ให้มีพิรุธจนอาม่าจับได้จึงไปเปิดประตู
“ทำอะไรอยู่ตั้งนาน”
“เมื่อคืนวาดรูปดึกค่ะอาม่า วันนี้ก็เลยตื่นสาย”
“งั้นเดี๋ยววันนี้อาม่าขายของคนเดียวก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอาม่า เหมยช่วยอาม่าทอดปาท่องโก๋เอง”
อาม่าพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป กิ่งเหมยหน้าเสียใจคอไม่ดี

ในกระทะทอดปาท่องโก๋น้ำมันกำลังเดือดปุดๆ กิ่งเหมยยืนเพ่งมองหนักใจเพราะสายตาที่เริ่มพร่า เลือนมองเห็นไม่ชัด อาม่าที่ขายน้ำเต้าหู้อยู่ใกล้ๆหันมามองอย่างสงสัย
“เป็นอะไร...ยืนมองกระทะอยู่ได้ เอาปาท่องโก๋ลงไปทอดสิ เดี๋ยวก็ไม่มีขายลูกค้าหรอก”
“ค่ะ...อาม่า”
กิ่งเหมยตัดสินใจใช้ความเคยชินคลำหยิบแป้งปาท่องโก๋ที่หั่นไว้แล้วหย่อนลงกระทะทีละชิ้นๆ จนพลาดน้ำมัน กระเด็นโดนมือร้องเจ็บ อาม่าตกใจ
“ไอ้หย๋า...เป็นอะไรรึเปล่าน่ะอาเหมย”
“น้ำมันกระเด็นโดนมือจ้ะอาม่า”
“ไหน...อาม่าดูหน่อย ไอ้หย๋า ไม่ใช่น้อยๆเลยนะเนี่ย เดี๋ยวก็ได้พองทั้งมือหรอก ทำไม ไม่รู้จักระวัง”
“เหมยมองไม่เห็นค่ะอาม่า”
อาม่าชะงัก
“มองไม่เห็น”
กิ่งเหมยรีบแก้
“เอ่อ...เปล่าค่ะ เหมยกำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่ก็เลยไม่ทันมองค่ะอาม่า”
“ลื้อนี่นะ...ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ เอาอย่างนี้แล้วกัน ลื้อไม่ต้องมาช่วยอาม่าทอดปา ท่องโก๋แล้ว เข้าไปทายาแล้วเอาปาท่องโก๋ไปส่งลูกค้าก็แล้วกัน”
กิ่งเหมยรับคำแล้วเดินเข้าไปในบ้าน อาม่ามองตามแล้วส่ายหน้า...

นนท์พยุงพามานพขึ้นมาจากสระ มานพทรุดคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าสัวเล้ง ดวงแขรีบเข้าไปประคองลูกชาย
“ตานพ...ไม่เป็นอะไรนะลูก”
มานพยังมีอาการสำลักน้ำอยู่อีกนิดหน่อย เจ้าสัวเล้งเข้าไปดึงดวงแขให้ออกมาจากมานพ
“ทีนี้แกจะมีสติคุยกับฉันได้รึยังมานพ”
มานพเจ็บใจเงยหน้าจิกมองพ่อด้วยสายตาเคียดแค้น
“ถ้าพ่อเกลียดขี้หน้าผมนัก เรายังมี อะไรต้องคุยกันอีก”
“ฉันจะเกลียดขี้หน้าแกได้ยังไง ในเมื่อแกเป็นลูกฉัน”
มานพจ้องหน้า
“จริงเหรอพ่อ...มันไม่มีพ่อที่ไหนหรอกที่ทำกับลูกแบบนี้”
ดวงแขปราม
“ตานพ...พอได้แล้ว หยุดว่าพ่อแกเดี๋ยวนี้”
“ไม่!...ผมไม่หยุด ผมจะพูดความจริง เขาไม่เคยรักผม”
ดวงแขตัดสินใจตบหน้ามานพทันที เพราะไม่ต้องการให้ลูกชายพูดเรื่องความลับนั่นออกมา มานพอึ้ง ดวงแขหันไปบอกเจ้าสัวเล้ง
“คุณไปรอที่ห้องก่อนนะคะ...ฉันจะทำให้มานพสงบเอง เสร็จแล้วจะพาเขาไปกราบขอ โทษคุณ”
เจ้าสัวเล้งนั่งมองทั้งมานพกับดวงแข ก่อนจะยอมตามที่ดวงแขขอเดินออกไปพร้อมกับนนท์ ดวงแขหันมามองหน้า มานพแล้วถอนใจเฮือกใหญ่

ดวงแขเอาผ้าขนหนูมาห่มให้ลูกชายที่ตัวยังเปียกโชก แต่โดนมานพปัดมืออย่างไม่ใยดี
“แม่ไม่ต้อมาทำดีกับผม...ผมไม่มีวันยกโทษให้กับสิ่งที่แม่ทำ ผมไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิง อย่างแม่”
“ถ้าแกเกลียดฉันนัก แกกับฉันก็ตัดแม่ตัดลูกกันไปเลย ฉันจะไปให้พ้นหน้าแก จะไม่ให้ แกเห็นหน้าอีกตลอดชีวิต”
“ถึงไม่ให้ผมเห็นหน้า...ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเลิกโกรธแม่”
“แม่เข้าใจว่าสิ่งที่แกเห็นมันทำให้แกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดของแกมันไม่ เท่ากับที่ฉันต้องทนอยู่กับผู้ชายที่ฉันไม่ได้รักมาตลอดชีวิตหรอกมานพ”
ดวงแขพูดไปน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด มานพชะงัก
“แม่อยากให้แกฟังแม่อธิบายความจริงก่อนที่แกจะมาตัดสินว่าแม่เป็นผู้หญิงแพศยา ทั้งหมดที่แม่ทำลงไป แม่ไม่เคยทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อแกคนเดียว”
“มันก็แค่ข้ออ้าง...ผมไม่อยากฟัง”
“มันไม่ใช่ข้ออ้าง ตอนแกเล็กๆแกคงจำไม่ได้หรอกว่าแม่ต้องเลี้ยงแกมาอย่างยาก ลำบากแค่ไหน ผู้หญิงหากินอย่างฉันยอมจนได้ แต่ลูกฉันจะต้องสุขสบาย เขาจะต้อง ยิ่งใหญ่กว่าผู้ชายทุกคนที่เคยดูถูกแม่เขา”
ดวงแขน้ำตานองสองแก้ม มานพถึงกับอึ้งไป
“แม่…นี่แม่”
“แม่คิดโกหกเรื่องสายเลือดที่แท้จริงของแก ตั้งแต่ตอนที่เล้งรอดชีวิตจากแผนฆ่าล้าง โคตรของไอ้โหงวแล้ว เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยทำให้เราสองคนสุขสบาย”
มานพสนใจ
“ไอ้เป๋นั่นเป็นคนวางแผนฆ่าล้างโคตรตระกูลงั้นเหรอ”

เจ้าสัวเล้งซึ่งรออยู่ในห้องทำงาน ระหว่างนั้นนนท์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเข้ามาพบ
“เจ้าสัวครับ”
“ว่าไง”
“ผมได้ยินข่าวไม่ค่อยดีมาครับเจ้าสัว เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของพวกเสี่ยตง”
“ไอ้เสี่ยตงมันทำไม” เจ้าสัวเล้งถามอย่างสนใจ

หยกกลับมาที่บ้านพ่อหยิบรูปถ่ายของพ่อกับแม่ขึ้นมาดู ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงพ่อ ระหว่างนั้นกิ่งเหมย เข้ามาเพ่งมองที่หยกอย่างไม่แน่ใจเพราะเห็นเพียงเงารางๆ
“หยก...นั่นเธอใช่มั้ย”
“กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยจะเดินเข้าไปหาแต่สะดุดชนเก้าอี้ที่ขวางทางเพราะไม่เห็น หยกรีบเข้าไปช่วยประคองเอาไว้
“เป็นอะไรรึเปล่า...เธอมองไม่เห็นเหรอ”
“เปล่า...ฉัน...ฉันรีบเลยซุ่มซ่ามต่างหาก”
หยกมองกิ่งเหมยอย่างสงสัย เลยยกมือขึ้นโบกไปมาผ่านหน้าของเธอ แต่ก็ถูกเธอตีมือ

“นี่...ตาฉันยังมองเห็นอยู่ ยังไม่ได้บอด”

“ฉันเป็นห่วงเธอนะ ชวนไปรักษาก็ไม่ไป ถ้ามันบอดขึ้นมาเมื่อไหร่ หน้าฉันเธอก็จะไม่ได้ เห็นอีกนะ”
 

“เรื่องฉันเธอไม่ต้องสนใจหรอก ฉันมาที่นี่เพราะอยากรู้เรื่องน้าคมทวน พอดีฉันเอาปา ท่องโก๋ไปส่งให้พวกน้าที่ร้านมอเตอร์ไซค์แต่ไม่มีใครอยู่เลยลองโทรถาม”
“พ่อฉันเป็นโรคความดัน หมอต้องการให้พักผ่อนและดูแลตัวเองมากๆ”
หยกพูดไปก็รู้สึกเสียใจเดินไปนั่งอย่างเซ็งๆ
“ที่พ่อต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน ฉันดีแต่เอาปัญหามาทำให้พ่อต้องกลุ้มใจ บางทีถ้า ฉันบอกความจริงไป พ่ออาจจะสบายใจขึ้นก็ได้”
กิ่งเหมย สงสัย
“ความจริงอะไร”
หยกมองกิ่งเหมยแล้วอยากจะบอก แต่กิจชัยโผล่เข้ามาพอดี
“ไอ้หยก...หายหัวไปไหนมาวะ เสี่ยให้มาตามไปพบด่วน”
หยกนิ่งไปหนักใจเพราะรู้ว่าที่ตงเรียกตัวด่วนมาจากเรื่องอะไร
“ไม่มีอะไรหรอกกิ่งเหมย ฉันไปทำธุระก่อนนะ”
หยกจะออกไปแต่กิ่งเหมยจับข้อมือไว้
“เดี๋ยวสิหยก”
กิ่งเหมยกับหยกมองหน้ากันนิ่ง กิจชัยรำคาญ
“เฮ้ย...ถ้าเสี่ยให้มาตามแสดงว่าเรื่องด่วนสุดๆ อย่าทำให้เสี่ยไม่พอใจนะเว้ย”
หยกตัดสินใจแกะมือกิ่งเหมยแล้วเดินออกไปพร้อมกับกิจชัย กิ่งเหมยเป็นห่วงเรียกชื่อและจะตามแต่เพราะมอง เห็นแต่ภาพเบลอๆทำให้สะดุดล้ม

หยกตามกิจชัยเข้ามาในโกดังร้าง พบกับตงและพวกลูกน้องกำลังเตรียมพร้อมเปิดศึก ใหญ่ อาวุธทุกชนิดถูกขนมาเตรียมอย่างเต็มพิกัด ทั้งปืน ดาบ ขวานและสารพัด กิจชัยรีบบอกเอาหน้า
“เสี่ยครับ...ผมพาไอ้หยกมาแล้วครับ”
ตงหันมาที่หยกหน้าตาจริงจัง
“ฉันสั่งให้แกเตรียมพร้อมไว้แล้วแกหายหัวไปไหนมา”
“พ่อผมเข้าโรงพยาบาล”
“เป็นหรือตาย”
หยกชะงัก
“ถ้ายังไม่ตายก็ปล่อยให้นอนอยู่ที่นั่นไป เพราะแกรับปากฉันไว้แล้วว่าแกจะทำงานให้ฉัน”
ตงหันไปเอามีดพกจากเก่งแล้วยัดใส่มือหยก
“ตอนนี้ถึงเวลาที่แกต้องลงมือแล้ว ไปฆ่าไอ้เกาให้ฉัน”
“แต่ผมว่ายังไม่ใช่เวลาที่ควรจะลงมือนะครับเสี่ย ผมยังหาทางเข้าถึงตัวเขาไม่ได้”
ตงไม่สนใจกระชากคอเสื้อหยกมาตะคอกใส่หน้า
“ไอ้เกามันกล้าส่งมือปืนมาลอบกัดฉัน ฉันจะต้องเล่นมันตอนนี้เท่านั้น และฉันก็ไม่สนใจว่าแกจะต้องฆ่าพวกมันกี่คน ถ้าแก เชือดคอมันไม่ได้ ฉันนี่แหละจะเชือดคอแกเอง”
ตงผลักหยกไปทางกิจชัยกับพวกลูกน้องที่เตรียมพร้อมอาวุธในมือ
“เสี่ยมอบหมายหน้าที่สำคัญให้แกทำแล้ว แกต้องทำให้ได้ เพราะถ้าเจ้าสัวเกาเสร็จแก เมื่อไหร่ พวกข้าจะตามไปถล่มแก๊งค์พิราบดำให้ราบคาบเอง”
กิจชัยยิ้มร้ายพอๆกับพวกลูกน้อง ที่หน้าตากระเหี้ยนกระหือรือพร้อมตีรันฟันแทงสุดฤทธิ์ ตงออกคำสั่ง
“ไปได้แล้วไอ้หยก”

มานพได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากดวงแขก็นิ่งครุ่นคิด
“แม่จำเป็นต้องหักหลังไอ้โหงวเพื่อให้เล้งเชื่อว่าแกเป็นสายเลือดคนเดียวที่เหลืออยู่ ตอน แรกแม่คิดว่าไอ้โหงวคงตายในคุกแน่ แต่ในเมื่อมันรอดออกมาได้ เราก็ต้องยอมมันไป ก่อน ดีกว่าปล่อยให้มันเปิดโปงเรา”
“แต่ผมไม่มีวันยอมรับไอ้เป๋นั่นเป็นพ่อของผม”
“แม่รู้...คนอย่างมันเป็นพ่อใครไม่ได้หรอก แต่แกต้องไม่วู่วาม เพราะถ้าเล้งรู้ความจริง เล้งจะไม่ไว้ชีวิตแม่และแกจะอดทรัพย์สมบัติทุกอย่างของเล้งแน่นอน”
มานพมองหน้าแม่แล้วหันมาคิดหนัก ดวงแขจับบ่าลูกชายบีบแน่น
“ตานพ...ขอเพียงแค่เราได้ทุกอย่างของเล้งมาไว้ในมือ แม่สัญญาว่าที่ไอ้โหงวมันข่มเหง แม่ แม่จะแก้แค้นด้วยมือแม่เอง”
มานพตัดสินใจ
“ก็ได้ครับแม่...คิดๆดูแล้วมันก็ดีเหมือนกันที่วันนี้ผมได้รู้ความจริงว่าผมไม่ใช่ สายเลือดของพ่อ...ต่อจากนี้ไปผมจะได้ไม่ต้องกลัวบาปกลัวกรรม ถ้าจะทำลายคนที่ ผมยอมเรียกว่าพ่อให้ย่อยยับคามือ”

ดวงแขพามานพเข้ามาหาเจ้าสัวเล้งในห้องทำงาน
“คุณคะ...ตานพอยากขอโทษคุณ”
เจ้าสัวเล้งหันมามองมานพ ที่เดินเข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมพนมมือ
“พ่อครับ…ผมผิดไปแล้ว ผมมันโง่ที่คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ที่จริงแล้วผมมันไม่ได้ครึ่งของพ่อ ด้วยซ้ำ ผมอยากจะวัดรอยเท้าพ่อ แต่ไม่เคยดูตัวเองเลย...ถ้าพ่อจะเกลียดผม จะไล่ผม ออกจากบ้าน ผมก็พร้อมยอมทำตามที่พ่อสั่งแล้ว”
มานพบีบน้ำตาเสียใจเข้าไปกราบเท้า แล้วกอดขาเจ้าสัวเล้งที่เอาแต่ยืนนิ่ง
“คุณคะ...ตานพสำนักผิดแล้วจริงๆ ยกโทษให้ลูกเถอะนะคะ”
“พ่อครับ...ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ผมจะไม่โกหกพ่อ พ่อจะให้ผมทำอะไรผมจะทำตามพ่อ ทุกอย่าง ยกโทษให้ผมนะครับ”
“พอได้แล้วมานพ”
ดวงแขชะงัก
“คุณ !”
เจ้าสัวเล้งเสียงแข็งเหมือนจะไม่ยอมยกโทษให้ ก่อนจะจับตัวมานพให้ลุกขึ้น
“แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน สายเลือดของมังกรวารีจะต้องไม่อ่อนแอ แค่แกยอมรับ ผิดแล้วคอยทำตามที่ฉันสั่ง อนาคตของแกจะต้องได้ดีแน่นอน...รับปากพ่อสิมานพ”
“ครับพ่อ”
เจ้าสัวเล้งพอใจดึงมานพมาสวมกอด ดวงแขยิ้มรับ แต่เจ้าสัวเล้งไม่รู้ว่าสีหน้าของมานพที่กอดอยู่ข้างหลังเขานั้น มานพ จิกหน้ายิ้มร้ายพร้อมแทงข้างหลังเขาตลอดเวลา
“เอาล่ะ...ถ้าแกสัญญากับพ่อแล้ว ต่อไปแกต้องห้ามโกหกพ่อเด็ดขาด พ่อจะเคี่ยวเข็ญ แกให้แกเป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสมให้ได้”
“ครับพ่อ”
เจ้าสัวเล้งยิ้มรับแล้วตบบ่าลูกชาย
“ดูแลลูกด้วยนะดวงแข วันนี้ฉันมีธุระสำคัญต้องไปจัดการ”
“ค่ะคุณ”

เจ้าสัวเล้งสั่งแล้วออกไป สองคนแม่ลูกหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มร้าย

หยกมาพบกับผู้การสมิง ส่งข่าวเรื่องที่ตงกำลังจะเปิดศึกใหญ่ถล่มแก๊งค์พิราบดำให้ราบคาบ
“แสดงว่าไอ้เสี่ยตงต้องการจะให้แตกหักกันวันนี้”
“ผมมีเวลาไม่มาก ผู้การจะทำอะไรก็ต้องตัดสินใจตอนนี้เลย”
“งั้นคงต้องลงมือตามที่ไอ้เสี่ยตงสั่งเธอ หาทางบุกเข้าไปให้ถึงตัวแล้วพาตัวเจ้าสัวเกามา ให้ฉัน เราจะได้กันเอาไว้เป็นพยานเล่นงานไอ้เสี่ยตง”
“ลำพังผมคนเดียวคงเข้าไม่ถึงตัว”
“ไม่ต้องห่วงหมวดณรงค์จะตามไปช่วยเธอ”
หยกหันไปมองณรงค์ที่พยักหน้ารับให้ไว้วางใจฝีมือเขา
“ก็ดีครับผู้การ...งั้นผมมีเรื่องอยากจะถามผู้การ”
“ว่ามาสิ”
“ถ้างานนี้ผมสามารถปิดคดีของเสี่ยตงได้ เรื่องที่ผู้การรับปากผมไว้…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกหยก...เธอจะได้เกียรติยศของเธอคืนแน่นอน”
“ขอบคุณครับผู้การ...ผมเป็นห่วงพ่อ ไม่อยากให้ท่านต้องทนทุกข์เพราะคำโกหกของผม”
“ฉันเข้าใจ”
ผู้การสมิงตบบ่าเขาให้คลายกังวล หยกรู้สึกดีขึ้นเลยเดินไปขึ้นมอเตอร์ไซค์สวมหมวกกันน็อคบิดออกไปทันที

ตงเดินดูบรรดาลูกน้อง ที่กำลังเตรียมพร้อมอยู่กับอาวุธ แล้วหันไปสั่งกิจชัย
“กำชับพรรคพวกแกให้พร้อมเอาไว้ ได้ข่าวจากไอ้หยกเมื่อไหร่ พวกแกต้องถล่มพวก พิราบดำให้ราบคาบ”
“ครับเสี่ย”
ตงยิ้มชอบใจระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งกับนนท์เดินเข้ามา
“แกนี่มันไอ้หมาบ้าตงจริงๆ”
ทุกคนหันไปเห็นเจ้าสัวเล้งกับนนท์ พวกลูกน้องที่ไม่รู้จักชักปืนใส่กันเป็นแถว ตงต้องรีบห้าม
“เฮ้ย...เก็บปืนของพวกแกไป นั่นมันเจ้าสัวเล้ง...สหายรักของฉัน”
เจ้าสัวเล้งกับตงมองหน้ากันอย่างหยั่งเชิง

ตงกับเจ้าสัวเล้งคุยกันตามลำพัง มีแค่เก่งกับนนท์คุมเชิงอยู่ห่างๆ
“แกอยู่เฉยๆไม่เป็นเหรอไงวะไอ้ตง จะมีเรื่องฆ่ากันตายไปทำไม”
ตงทำเฉยไม่ยอมตอบ แต่หน้ากวนได้ใจมากๆ เจ้าสัวเล้งต้องเข้าไปชี้หน้าขึ้นเสียง
“นี่แกไม่ฟังฉันแล้วใช่มั้ยไอ้ตง”
ตงเข้าไปปัดมือเจ้าสัวเล้งที่ชี้หน้าอย่างไม่สนใจ
“ถ้าแกไม่ใช่คนที่ถูกไล่ยิง แกก็อย่ามาห้ามฉัน”
เจ้าสัวเล้งชะงัก
“แกหมายความว่ายังไง”
ตงไม่พูดอะไรหันไปพยักหน้าให้เก่งเอากระเป๋าใบหนึ่งมาเปิดซิบให้ดู พอเก่งหยิบท่อนแขนของมือปืนที่ ถูกตัดออกมาเห็นรอยสักพิราบดำชัดเจน เจ้าสัวเล้งตกใจ
“นี่มัน...”
“ใช่...ไอ้เกาส่งลูกน้องมันมาฆ่าฉัน แต่ดวงฉันยังไม่ถึงฆาต เพราะฉะนั้นต่อให้แกมา กราบตีนขอร้องไม่ให้ฉันฆ่ามัน ฉันก็ไม่หยุด”
“แกแน่ใจเหรอว่าเป็นฝีมือไอ้เกาจริงๆ”
“เห็นขนาดนี้แล้ว แกยังคิดเป็นอย่างอื่นอีกเหรอ”
“ถ้างั้นงานนี้แกก็คงไม่ได้อยากแก้แค้นไอ้เกาอย่างเดียว แต่แกกำลังคิดรวบอำนาจจาก พวกสี่เจ้าเวหาด้วย...ใช่มั้ยไอ้ตง”
ตงนิ่งไปครู่แล้วระเบิดหัวเราะชอบใจ
“ใช่...ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันอยากโค่นไอ้สี่ตัวนั่นลงมา เพราะพวกมันกินจนสุขสบายเกินไป สันดานมาเฟียจะให้มานั่งๆนอนๆ รอเลี้ยงลูกเลี้ยง หลานมันก็ไม่ต่างจากหมาแก่รอวันตาย”

“แต่แกจะทำให้มีคนตายเป็นเบือ...เหมือนเมื่อก่อน”
“แล้วไง...ทำอย่างกับทุกวันนี้คนมันตายกันน้อยลงงั้นแหละ แกไม่ต้องมาห้ามฉันแล้ว ถ้าแกอยากวางมือ อยากเป็นอาแป๊ะอยู่บ้านนั่งเลี้ยงหลานก็ตามใจ แต่สำหรับฉัน ฉันยังอยากยิ่งใหญ่อยู่เว้ย”
ตงยืนยันหนักแน่นแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับเก่ง เจ้าสัวเล้งมองตามอย่างหนักใจ

เจ้าสัวเล้งเดินกลับมาที่รถพร้อมกับนนท์ด้วยความรู้สึกหนักใจที่ห้ามความบ้าบิ่นของตงไม่ได้
“ถ้าปล่อยให้เสี่ยตงเปิดศึก พวกสี่เจ้าเวหาจะหาว่าเจ้าสัวให้ความร่วมมือกับเสี่ยตง”
“ใช่...เพราะฉันออกหน้ารับแทนไอ้ตงมาตลอด ขืนปล่อยไว้พวกนั้นก็จะเลิกให้ความนับ ถือฉัน และอาจจะหันมารุมเล่นงานฉันด้วย”
“แล้วเจ้าสัวจะทำยังไงครับ”
เจ้าสัวเล้งหนักใจ
“ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอะไรมาก พวกมันทุกคนกำลังบีบให้ฉันต้องเข้าร่วม สงครามครั้งนี้ด้วย”
“แล้วเจ้าสัวจะหยุดไม่ได้เลยเหรอครับ”
“ต้องได้สิ...ฉันไม่อยากให้มีการฆ่ากันตายอีกแล้ว”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้ากับนนท์แล้วเดินไปขึ้นรถพากันออกไป คล้อยหลังไปได้ครู่โหงวที่แอบตามมาได้ยินสิ่งที่เจ้าสัวเล้งพูดกับ นนท์ โหงวมองตามอย่างไม่ค่อยพอใจที่เจ้าสัวเล้งพยายามหยุดแผนการของตน
“ไอ้เล้ง…สอดไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะมึง”

ในโรงสี... โหงวมาพบกับดวงแขบอกเรื่องที่ตามสะกดรอยตามเจ้าสัวเล้ง
“นิสัยเล้งก็เป็นอย่างนี้นั่นแหละ คิดแต่ว่าทุกคนจะต้องฟังตัวเอง”
“ถ้าเรื่องธุรกิจของมัน มันอยากจะทำอะไรก็ช่างมัน แต่นี่มันกำลังจะขวางทางไม่ให้ไอ้ พวกนั้นลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง”
“และลองถ้าเล้งคิดจะห้ามด้วยตัวเอง เขาก็จะต้องทำให้ได้ด้วย”
โหงวหงุดหงิด
“ไอ้เล้ง…โธ่เว้ย!”
มานพเข้ามา
“ถ้าพ่อฉันอยากยุ่งกับเรื่องนี้นัก ก็ปล่อยให้เขายุ่งไปนั่นแหละ อย่าไปห้ามเลย”
ดวงแขชะงัก
“ตานพ”
“แกไม่รู้เรื่องอะไรหรอกมานพ ถ้าปล่อยไอ้เล้งเข้ามาขวางแผนการครั้งนี้ แกจะหาโอกาส ขึ้นมาใหญ่ไม่ได้อีกแล้ว”
มานพหางตามองโหงวอย่างไม่สนใจ
“ฉันรู้น่า แต่คนอย่างพ่อฉันถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ใคร หน้าไหนก็ห้ามไม่ได้ ยกเว้นซะแต่ว่า...ปล่อยให้เขายุ่งไปให้ถึงที่สุดแล้วใช้เขาให้เป็น ประโยชน์โดยที่ฉันไม่ต้องออกแรงทำอะไร”
โหงวอึ้งไป
“นี่แกหมายความว่า…”
มานพหันมามองหน้าโหงวแล้วยิ้มร้าย
บริเวณท่าเรือ เจ้าสัวเล้งยืนครุ่นคิดเคร่งเครียดอยู่ครู่ รถของเจ้าสัวปิง 1 ใน 4 หัวหน้าของแกงค์เจ้า เวหาแล่นเข้ามาจอด เจ้าสัวปิงลงจากรถแล้วเข้ามาทักทายจับมือกันอย่างสนิทสนม
“อั้วต้องขอโทษลื้อด้วยจริงๆที่ตามให้ลื้อมาพบอั้วกะทันหันแบบนี้”
“ไม่เป็นไรน่าไอ้เล้ง เรามันกากี่นั้งกัน ถ้าลื้อรีบร้อนตามอั้วมาด่วน นั่นย่อมแสดงว่าลื้อมี เรื่องสำคัญที่ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้า

“อย่างที่ลื้อสงสัยนั่นแหละ ปัญหาเก่าที่ยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างไอ้ตงกับไอ้ เกา มันกำลังบานปลาย”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 9 (ต่อ)

“ไอ้สองคนนี้ ใจคอมันคงไม่คิดจะจับมือกันอีกแล้ว”

“ลื้อใจเย็นก่อน อั้วไม่เชื่อว่าพวกเราจะคุยกันไม่ได้ ตอนนี้อั้วตามไอ้เห่ากับไอ้ฉางมาแล้ว พวกมันกำลังตีกอล์ฟอยู่ด้วยกัน เดี๋ยวก็คงจะมาถึง
“ก็ดี...ถ้าพวกเราไปก็ห้ามพวกมันด้วยตัวเอง ดูสิว่าพวกมันยังจะกัดกันอีกมั้ย”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้ารับ

มานพกับชาญจอดรถรออยู่ข้างถนนครู่ หนึ่งโหงวขับรถเข้ามาจอดต่อท้ายแล้วลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าที่มีปืนหลายกระบอกอยู่ในนั้น โหงวเอามาวางท้ายรถมานพแล้วหยิบให้กระบอกหนึ่งแบบพร้อมใช้
“ของพวกนี้ใช่เสร็จแล้วก็โยนทิ้งไปซะ รับรองว่าปัญหาตามมาไม่ถึงตัวแน่”
มานพเอาปืนขึ้นมาเช็คลำกล้องอีกกระบอกก็โยนให้ชาญนรับไป โหงวมองอย่างชื่นชม
“แกฉลาดมากไอ้ลูกชาย ฉันชอบวิธีการลอบกัดกำจัดพวก 4 เจ้าเวหาเพื่อล่อให้ไอ้เล้ง ลงสู่สงครามนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ สมกับที่แกเป็นสายเลือดของฉันจริงๆ”
มานพไม่ชอบใจคำพูดของโหงว หันเอาปากกระบอกปืนที่พร้อมใช้จ่อไปที่หน้าโหงว
“อย่ามาเรียกฉันว่าลูกชาย...ถึงแกจะเป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉัน แต่ก็อย่าหวังว่าฉันจะซาบซึ้ง”
“ใจเย็นๆ...แกอาจจะเคยพลั้งมือฆ่าคนตาย แต่การใช้ปืนไล่ยิงคนมันไม่เหมือนกันนะ วางปืนลงแล้วคุยกันดีๆ”
มานพจิกหน้ามองโหงวแล้วลั่นไก..เปรี้ยง! โหงวสะดุ้งตกใจ มานพไม่ได้ยิงใส่แต่ยิงขึ้นฟ้าเป็นการขู่
“แกไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ระหว่างแกกับฉันไม่มีความผูกพันกัน มากเกินไปกว่าคำว่า...หุ้นส่วน”
มานพลดปืนลงแล้วเหน็บเอว แล้วเดินกลับไปที่รถพร้อมกับชาญ โหงวมองตามขบกรามอย่างเจ็บใจ
“ต่อให้แกพยายามปฏิเสธยังไง…เลือดในตัวแกมันก็มาจากฉันอยู่ดี...มานพ”

รถเก๋งคันหรูที่เจ้าสัวเห่า กับเจ้าสัวฉางนั่งมาด้วยกันแล่นมาตามถนน รถนั้นขับตามรถลูกน้องที่ขับนำ โหงวขับรถตามมาเป็นคันที่ 3 ...ในรถสองเจ้าสัวคุยกันเรื่องที่จะไปพบกับเจ้าสัวเล้ง
“เสร็จธุระกับไอ้เล้งแล้ว ลื้อยังติดหนี้อั้วอยู่นะไอ้ฉาง”
“ไม่ต้องมาทวงหรอกน่า...เกมเมื่อกี้อั้วต่อให้ลื้อต่างหาก”
เจ้าสัวเห่ายิ้ม
“อย่ามาทำคุย...ฝีมือตีกอล์ฟลื้อกี่ปีๆก็ไม่เคยชนะอั้ว”
“ก็ลองชวนอั้วไปตีอย่างอื่นสิวะ รับรองลื้อสู้อั้วไม่ได้เหมือนกัน”
สองเจ้าสัวหัวเราะชอบใจ แต่ทันใดนั้นรถเบรคเอี๊ยดอย่างแรงเพราะถูกโหงวขับรถปาดหน้าคันแรกที่ขับนำ เจ้าสัวฉางตกใจ
“เฮ้ย...เกิดอะไรขึ้นวะ”
ลูกน้องคนขับไม่ทันตอบ เสียงปืนก็ดังขึ้นติดๆกันหลายนัด เพราะโหงวลงมาจากรถแล้วระดมยิงใส่คันแรกอย่าง ไม่ยั้งมือ
“เราถูกลอบยิงครับเจ้าสัว ก้มหัวไว้นะครับ”
คนขับรีบเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วขับพาสองเจ้าสัวหนีไปทันที โหงวยิงนัดสุดท้าย...เปรี้ยง ! ลูกน้องของสองเจ้าสัวที่ขับรถนำหน้าตายคาที่ โหงวหัวเราะชอบใจ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าลูกชายเรามันจะได้อย่างใจรึเปล่า…ฮ่าๆๆๆ”

ริมถนนอีกเส้นหนึ่งไม่ไกลจากจุดแรก มานพกับชาญจอดรถรออยู่ ระหว่างนั้นรถของสองเจ้าสัวขับมุ่ง ตรงมา มานพกับชาญรออยู่แล้ว
“ชาญ...จัดการ”
“ครับนาย”
ชาญเดินออกไปที่ริมถนนพร้อมเอาระเบิดมือออกมาถอดสลักแล้วโยนไปกลางถนน…ตู้ม !! เสียงระเบิดดังสนั่น รถที่สองเจ้าสัวนั่งมาต้องเบรคกะทันหันและหักหลบทำให้หมุนคว้างก่อนจะไปแน่นนิ่ง ชนเสาไฟฟ้าที่ข้างทาง มานพเตรียมพร้อมอยู่แล้วขึ้นไกปืนแล้ววิ่งเข้าไปเปิดประตูยิงใส่คนในรถพร้อมกับชาญ...เปรี้ยงๆๆๆๆๆ ทั้งคู่ระดมยิงใส่ไม่หยุดจนกระทั่งเสียงปืนเงียบ เจ้าสัวเห่ากับคนขับรถตายคาที่อยู่ในรถ ส่วนเจ้าสัวฉางยังไม่ ตายแต่เลือดโชกกระเสือกกระสนเปิดประตูคลานออกมาพยายามหนีสุดฤทธิ์ ชาญเดินตามจะตามไปยิงแต่มานพกันไว้
“ใจเย็นๆ...แผนของฉันมันยังไม่จบ”
มานพยิ้มร้าย มองเจ้าสัวฉางที่คลานกระเสือกกระสนอย่างเลือดเย็นก่อนจะเดินตามไปช้าๆ เจ้าสัวฉางคลานไปแล้วหยุดเพราะแทบจะหมดแรง นอนหายใจพะงาบๆ มานพเข้าไปจิกผมมันขึ้นมา
“อย่าเพิ่งใจเสาะตายเหมือนหมาข้างถนนแบบนี้สิครับเจ้าสัว”
“ลื้อ…ลื้อเป็นใคร”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ถ้า...ถ้าลื้อปล่อยอั้ว...อั้วจะให้ลื้อทุกอย่าง”
“แน่ใจเหรอว่าจะให้ได้ทุกอย่าง”
“ดะ...ได้…อั้ว...อั้วให้ได้หมด”
“งั้นก็น่าสน…เอาเป็นว่าฉันจะยอมปล่อยเจ้าสัวไป แต่เจ้าสัวต้องทำตามที่ฉันสั่ง...ว่าไง”
เจ้าสัวฉางรีบพยักหน้า

เจ้าสัวเล้งรออยู่กับเจ้าสัวปิงอยู่ที่ท่าเรือดูเวลา
“ป่านนี้ทำไมไอ้สองคนนั่นยังไม่มาอีก”
“ลื้อดันไปตามพวกมันตอนกำลังตีกอล์ฟ พวกมันก็คงรอตีให้เสร็จก่อนน่ะสิ”
“แต่ถ้าพวกเราตกลงเรื่องไอ้ตงกันไม่ทัน ไอ้เกาโดนเก็บแน่”
ระหว่างนั้นลูกน้องของเจ้าสัวปิง เดินเข้ามาพร้อมกับเอาโทรศัพท์มือถือมาให้แล้วคุยซุบซิบอะไรบางอย่างกับเจ้าสัวปิง
“ลูกสาวอั้วโทรมา เดี๋ยวอั้วขอไปรับสายก่อนนะ”
เจ้าสัวเล้งโบกมือให้เจ้าสัวปิงเดินคุยโทรศัพท์ เจ้าสัวปิงเดินห่างออกมาแล้วคุยสายสีหน้าเคร่งเครียด
“ไอ้ฉาง...เกิดอะไรขึ้น!”

มานพเอาโทรศัพท์แนบหูเจ้าสัวฉางแล้วเอาปืนจี้บังคับให้พูด
“พูด!”
เจ้าสัวฉางพยักหน้ารับ
“ลื้อ...ลื้อฟังอั้วให้ดีนะ...ไอ้ปิง...ไอ้เห่าตายแล้ว...ไอ้เล้งส่งคนมาลอบกัด พวกอั้ว”
เจ้าสัวปิงตกใจปากพูดสาย แต่หันไปมองทางเจ้าสัวเล้งที่ยืนหันหลังให้
“ว่าไงนะ…ลื้อเอาอะไรมาพูด…ตอนนี้อั้วอยู่กับไอ้เล้ง”
“ไอ้...ไอ้เล้งมัน…มันไว้ใจไม่ได้มันวางแผนตลบหลังเล่นงานพวกเรา ลื้อต้องรีบจัดการมัน”
มานพให้เจ้าสัวฉางพูดแค่นั้นก็ดึงโทรศัพท์คืนมากดปิดสาย
“หน้าที่ของแกหมดแค่นี้แล้วไอ้แก่”
มานพยกปืนจ่อนิ้วแตะไก เจ้าสัวฉางร้องขอชีวิต
“ไหน...ไหนลื้อบอกว่าจะไว้ชีวิตอั้ว”
“แก่ๆอย่างพวกแก ควรจะเลิกเป็นเจ้าพ่อได้แล้ว นี่มันเป็นยุคของคนรุ่นใหม่เว้ย”
มานพยิงเปรี้ยง! เจ้าสัวฉางตายคาที่ มานพหัวเราะชอบใจเสียงดัง

เจ้าสัวปิงหน้าเครียดเอาโทรศัพท์คืนให้ลูกน้อง ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งเข้ามาตาม
“ลูกสาวลื้อว่ายังไงเหรอไอ้ปิง ดูท่าทางลื้อไม่ค่อยดี”
“ไม่มีอะไรหรอกทะเลาะกับแม่ผัว ไม่รู้จะโทรมาระบายกับใครก็มาลงที่อั้ว”
“แม่ผัวลูกสะใภ้ ปัญหาโลกแตก เข้าข้างลูกสาว ลูกเราก็จะอยู่กับเขาลำบาก”
“ใช่”
“อั้วให้ลูกน้องเตรียมน้ำชาไว้ข้างใน เดี๋ยวเราไปรอพวกมันข้างในกันดีกว่า”
เจ้าสัวปิงเผยมือให้เล้งเดินนำ พอเล้งหันหลังให้เจ้าสัวปิงก็หันไปชักปืนจากเอวลูกน้องมาจ่อหลังเล้งทันที
“ไอ้เล้ง...ไอ้หมาลอบกัด”
เจ้าสัวเล้งชะงัก นนท์กับลูกน้องคนอื่นๆเห็นเหตุการณ์ไม่น่าไว้ใจก็รีบชักปืนออกมา

“ลื้อทำอะไรของลื้อ…ไอ้ปิง”

“ลื้อไม่ต้องมาทำตีหน้าซื่อ ลื้อวางแผนตามพวกอั้วมาเพื่อจะเก็บพวกอั้วให้หมด”

“อั้วไม่เคยคิดแบบนั้นกับพวกลื้อ”
“ไม่คิด...แล้วที่ไอ้เห่ากับไอ้ฉางถูกเก็บไปเมื่อกี้นี้มันหมายความว่ายังไง”
เจ้าสัวปิงโกรธจัดไม่รอคำตอบลั่นไกใส่ทันที…เปรี้ยง !! กระสุนเฉี่ยวแขนเจ้าสัวเล้งจนล้ม นนท์กับพวกลูกน้องเลย ต้องยิงตอบโต้ใส่พวกลูกน้องของเจ้าสัวปิง เสียงปืนดังขึ้นไม่หยุด เจ้าสัวปิงจะเข้าไปยิงซ้ำแต่เจ้าสัวเล้งฮึดขึ้นมาแย่งปืน สองคนยื้อแย่งกันไปมาจนเสียงปืนดัง...เปรี้ยงๆๆๆ เจ้าสัวปิงทรุดฮวบเพราะเป็นฝ่ายถูกยิงด้วยความไม่ตั้งใจของเจ้าสัวเล้งเพราะต้องการป้องกันตัว
“ไอ้ปิง…ไอ้ปิง”
“ไอ้…ไอ้เล้ง…ไอ้เจ้าเล่ห์”
เจ้าสัวปิงนอนตายคาที่ พวกลูกน้องของเจ้าสัวก็ถูกนนท์ยิงตายหมด เล้งยืนอึ้งมองมือที่เปื้อนเลือดอย่างงุนงง

บริเวณที่เกิดเหตุ ตำรวจเข้ามาเคลียร์พื้นที่ มีไทยมุงมามุงดูเหตุการณ์ยิงกันตายที่ริมถนน ธงรบเดินผ่านไทยมุงเข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุ ดูสภาพสองเจ้าสัวที่ถูกยิงตายในสภาพน่าอนาถ ธงรบหันไปถามจ่า
“เหตุเกิดนานรึยังจ่า”
“จากสภาพศพแล้วไม่นานครับหมวด...เพิ่งจะสดๆร้อนๆนี่เลย”
“แล้วมีพยานในที่เกิดเหตุรึเปล่า”
“ไม่มีครับ แถวนี้กล้องวงจนปิดก็ไม่มีด้วย”
ธงรบหันไปมองศพสองเจ้าสัว
“สองคนที่ถูกยิงตายนั่นไม่ใช่ธรรมดา”
“หมวดรู้จักเหรอครับ”
“รู้สิ…พวกหัวหน้าแกงค์มาเฟีย”
“งั้นนี่ก็คดีใหญ่เลยสิครับหมวด”
ธงรบไม่ทันตอบจ่า ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นผู้การสมิงยืนดูศพของสองเจ้าสัวสีหน้าเคร่งเครียดปะปนอยู่กับกลุ่มตำรวจที่กำลังทำงาน ธงรบรีบเดินเข้าไปหาทันที
“อาสมิงครับ”
ผู้การสมิงหันมามองธงรบแล้วไม่พูดอะไรรีบเดินออกจากที่เกิดเหตุ ธงรบรีบเดินตาม
“เดี๋ยวสิครับอา สองคนที่ตายนั่นเป็นถึงระดับเจ้าพ่อใหญ่ งานนี้คงต้องเป็นเรื่องใหญ่ ระหว่างแกงค์แน่”
“ฉันแค่ผ่านมาเห็นก็เลยแวะลงมาดู ฉันไม่รู้หรอกว่าแกกำลังพูดถึงอะไร”
ผู้การสมิงพยายามปฏิเสธ ธงรบยังไม่เลิกตื้อ
“อาครับ...ทั้งผมทั้งอาต่างก็รู้ดีแล้วทำไมไม่พูดความจริงออกมาซะที”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับแก…ฉันต้องไปทำงาน”
ผู้การสมิงเดินออกไปเลย ธงรบเจ็บใจคิดว่าคงปล่อยให้เขาไปเฉยๆไม่ได้แล้ว

หยกกับณรงค์นั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์บาร์ในโรงแรแห่งหนึ่ง ทำทีมานั่งดื่ม แต่ที่จริงกำลังเฝ้าสังเกตเจ้าสัว เกากับลูกน้องที่พากันเข้ามาพบกับแม่เล้าที่จัดหาหญิงสาวสวยระดับพริตตี้มาให้เจ้าสัวดูตัว
“เป็นยังไงคะเจ้าสัว...น้องเขาเพิ่งจะมาใหม่ ดิฉันเห็นว่าสเปคอย่างที่เจ้าสัวถามถึงก็เลย รีบพามาแนะนำตัวก่อน”
เจ้าสัวเกามองอย่างพิจารณา
“ใหม่จริงรึเปล่า ลื้อก็รู้ว่าอั้วไม่ชอบของไม่สดไม่ซิง”
“แหม...รสนิยมเจ้าสัวดิฉันรู้ดี ไม่มีเอาของย้อมแมวมาแนะนำให้หรอกค่ะ”
“ถ้าลื้อการันตี...อั้วก็โอเค”
เจ้าสัวเกายิ้มชอบใจเข้าไปลูบมือโอบไหล่
“ดูแลเจ้าสัวเขาให้ดีล่ะ เจ้าสัวเขาทิปหนักนะ”
หญิงสาวยิ้มรับแล้วควงแขนพาเจ้าสัวเกาเดินออกไปด้วยกัน โดยมีลูกน้องเดินตามประกบสองคน
หยกกับณรงค์มองตามแล้วหันมาคุยกัน
“ลูกน้องมันตามประกบตลอด...เข้าถึงไม่ใช่ง่ายเลย”
หยกกับณรงค์ครุ่นคิดหาทาง ระหว่างนั้นโทรศัพท์หยกดังขึ้น เขามองเบอร์แล้วรับสาย
“ผู้การ”
ผู้การสมิงกำลังขับรถมุ่งหน้าไปหาหยกกับณรงค์
“หยก...ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว สองในสี่หัวหน้าแกงค์เจ้าเวหาเพิ่งถูกยิงตาย”
หยกถึงกับตกใจ
“เมื่อไหร่ครับผู้การ”
“เพิ่งเมื่อครู่นี้เอง ใช่ฝีมือของไอ้ตงรึเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับผู้การ เสี่ยตงสั่งให้ผมจัดการเจ้าสัวเกาคนเดียว”
“งั้นก็คงเป็นฝีมือคนอื่นที่คิดเข้ามาแทรกแซงแย่งอำนาจกับไอ้เสี่ยตง”
“ผู้การจะให้ผมทำยังไงต่อครับ”
“ทำตามแผนที่ตกลงกันไว้ แต่เธอต้องระวังตัว ฉันคิดว่าคงไม่มีแค่เธอคนเดียวแล้วที่ถูก ส่งให้มาจัดการกับเจ้าสัวเกา”
“ครับผู้การ งั้นผมจะรีบลงมือให้เร็วที่สุด”
ผู้การสมิงมองผ่านกระจกหลัง เห็นรถของธงรบขับตามมา
“ฉันจะรีบตามไปสมทบกับเธอที่นั่น แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก ระวังตัวไว้นะหยก”
ผู้การสมิงวางสายไปแล้วมองกระจกเห็นธงรบยังตามมาไม่หยุด เขาหัวเสียเข้าเกียร์เร่งความเร็วหนี

หยกวางสายโทรศัพท์จากผู้การสมิงแล้วหันมาบอกณรงค์
“ผู้การโทรมาเตือนว่าอาจมีมือสังหารมาเล่นงานเจ้าสัวเกา เราต้องรีบชิงลงมือชิงตัว เจ้าสัวเกามาก่อน”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยเปิดทางให้แกเข้าถึงตัวเจ้าสัวเอง”
ว่าแล้วณรงค์หันไปคว้าแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมากระดกหมดแก้วแล้วเอาเหล้าในแก้วของหยกมาประพรม ให้ทั่วตัวให้เหมือนคนเมาเหล้ากลิ่นหึ่ง

เจ้าสัวเกาควงหญิงสาวขายบริการออกมาจากลิฟต์กำลังจะพาไปที่ห้องสูท แต่ระหว่างนั้นณรงค์ตามเข้ามาแกล้งเป็นเมามายโวยวาย
“น้องโบว์…ทำไมน้องโบว์ทำกับพี่แบบนี้”
พวกเจ้าสัวเกาชะงัก ลูกน้องรีบเข้ามาขวางกันเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้
“เฮ้ย...ถ้าเมาแล้วก็ไปเกะกะที่อื่น”
“คราย...ครายมาว่าข้าเมาวะ...พวกเอ็งนั่นแหละ...มาล่อลวงเมียข้า”
เจ้าสัวเกาชะงัก
“เมีย”
หญิงสาวหน้าเสียรีบบอก
“ไม่ใช่นะคะเสี่ย...หน้าอย่างนี้เนี่ยนะ ตายไปแล้วเกิดใหม่ยังไม่มีทางเห็นขาอ่อนหนูเลย”
“น้องโบว์...ทำไมพูดกับพี่แบบนี้ล่ะ”
ณรงค์เมาโวยวายเข้าไปใกล้ ลูกน้องคนนึงเลยต้องเข้าไปกันเอาไว้ เจ้าสัวเกาสั่งเสียงเข้ม
“ลากคอมันไป...อย่าให้มาเกะกะอั้ว”
“ครับเสี่ย”
ลูกน้องชกท้องณรงค์จนจุกแล้วหิ้วตัวพาลากออกไป ปล่อยให้เจ้าสัวเกาพาหญิงสาวเข้าไปในห้อง ทิ้งลูก น้องเฝ้าหน้าประตูคนเดียว

ณรงค์ถูกลูกน้องของเจ้าสัวเกา ลากตัวออกมาซ้อมที่ลานจอดรถ
“มานี่เลยไอ้ขี้เมา...หาเรื่องใส่ตัวมันต้องโดนแบบนี้”
ผู้การสมิงยังขับรถหนีการตามติดของธงรบที่ยังตามเขามาติดๆไม่ยอมเลิก ระหว่างนั้นณรงค์โทรเข้ามารายงานพอดี
“ว่าไงหมวด”
“ผมช่วยเปิดทางให้หยกเข้าไปถึงตัวเจ้าสัวเกาได้แล้วครับ...แต่ยังไม่เห็นตัวมือสังหารที่ ผู้การสงสัยว่าจะถูกส่งมาฆ่าเจ้าสัวเกาเลยครับผม”

“หัวหน้าแก๊งค์สองคนนั่นเพิ่งถูกเก็บไป ฉันมั่นใจว่าต้องมีส่งไปจัดการอีกคนแน่ๆ หมวด คอยสนับสนุนนายหยกด้วยแล้วกัน ผมคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก”

“ครับผู้การ”

ผู้การสมิงกดปิดสายแล้วมองไปผ่านกระจก ก่อนจะตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าข้างทางแล้วเบรคหยุดรถ ครั้งนี้ผู้การสมิงมีสีหน้า เอาจริงกับธงรบแล้ว...ธงรบขับรถมาจอดต่อท้าย ผู้การสมิงลงจากรถแล้วเดินเข้ามาหา
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย ทำไมแกไม่รู้จักฟังฉันบ้าง”
“ผมต้องการช่วยอาจัดการกับพวกมาเฟีย”
“นี่แกยังยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“ผมเข้าใจดีและอ่านตามเกมทันพวกมันมาตลอดครับ...ระดับหัวหน้าแกงค์ถูกยิงตาย แบบนี้ คดีใหญ่กำลังรอให้เราไปจัดการ ผมเชื่อว่าสายสืบที่ อาส่งเข้าไปล้วงข้อมูลพวก มันคงรับมือตามลำพังไม่ได้แน่”
ผู้การสมิงชะงัก
“นี่แก!”
“ครับอา...ผมรู้ว่าอาทำอะไรอยู่ ผมถึงมาขอเสนอตัวช่วย ให้ผมเป็นสายสืบอีกแรง รับรอง ว่าผมจะช่วยล้างบางพวกมันให้สิ้นซาก”
“แกนี่มันดื้อด้านจริงๆ ใช่...ฉันยอมรับว่าฉันกำลังทำคดีนี้อยู่ แต่ฉันจะไม่เลือกให้แกเข้า มาช่วยงาน”
ธงรบอึ้ง
“ทำไมล่ะครับอา”
“แกอยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไม”
“ครับ”
ผู้การสมิงทำนิ่งๆแล้วขยับเข้าไปใกล้จนธงรบเผลอ ผู้การสมิงก็ปล่อยหมัดเข้าหน้าจังๆทีเดียวธงรบทรุดฮวบมึน ผู้การสมิงเอา กุญแจมือมาจัดการล็อคข้อมือของธงรบกับมือจับประตูรถแล้วทิ้งเอาไว้อย่างนั้น ธงรบหน้าตื่น
“อา...อาครับ...อา!”

ลูกน้องเจ้าสัวเกาที่เหลืออยู่คนนึงยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ระหว่างนั้นหยกปลอมตัวเป็นพนัก งานโรงแรมเข็นรถเครื่องดื่มเข้ามา
“เดี๋ยว”
ลูกน้องมองอย่างสงสัยแล้วตรวจค้นตัวหยกเพื่อหาอาวุธ เมื่อไม่พบอะไรผิดปกติที่ตัวก็หันมาตรวจที่รถเข็น อาหาร เมื่อเปิดฝาครอบอาหารออกก็เจอมีดอยู่ในนั้น
“เฮ้ย...นี่แก!”
ลูกน้องเงยหน้าจะชักปืนแต่เจอหยกที่รอจังหวะอยู่แล้วใช้มือเปล่าจัดการปลดปืนแล้วชกเสยปลายคางทีเดียวลูกน้องเจ้าสัวเกาฟุบหมดสติ

เจ้าสัวเล้งกับนนท์มาถึงที่ล็อบบี้ นนท์ไปคุยกับฟร้อนท์แล้วกลับมาที่เจ้าสัว
“เจ้าสัวเกายังอยู่ที่นี่ครับ ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ”
“งั้นต้องรีบขึ้นไปเตือนมัน ก่อนที่ไอ้เกาจะถูกเก็บไปด้วยอีกคน”
นนท์กับเจ้าสัวเล้งพากันรีบเดินเข้าไปเรียกลิฟต์ ประตูลิฟต์ค่อยๆปิดช้าๆ ใบหน้าของเจ้าสัวเล้งดูเคร่งขรึมเอาจริงอย่างที่ ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนมังกรที่หลับใหลกำลังจะตื่นขึ้นมาประกาศศักดา
ภายในห้องสูท เจ้าสัวเการ้องครางสบายตัว ขณะที่นอนคว่ำหน้าให้พนักงานสาวสวยนวดตัวอยู่
“อ้า…ลื้อนี่นอกจากจะสวยแล้ว มือยังหนักถึงใจอั้วจริงๆ”
“ถ้าเจ้าสัวชอบแบบหนักๆ เดี๋ยวหนูจัดหนักให้อีกก็ได้นะคะ”
“เอามาเลย…อั้วชอบอยู่แล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ลื้อจัดหนักให้อั้วแล้ว ถึงทีอั้ว อั้วจะ จัดหนักให้ลื้อบ้าง...ฮ่าๆ”
เจ้าสัวเกาหัวเราะชอบใจโดยไม่รู้ว่าระหว่างนั้น หญิงสาวได้เอาเชือกที่ซ่อนอยู่ในมวยผมออกมา
“ได้เลยค่ะเจ้าสัว...งั้นหนูจัดหนักให้ก่อนเลยนะคะ”
หญิงสาวใช้เชือกรัดคอแล้วดึงเต็มแรง เจ้าสัวสะดุ้งเฮือกดิ้นพราดๆหน้าดำหน้าแดงจะขาดใจ ทันใดนั้นหยกเข้ามาพอดี หยกรีบเข้าไปขวางและต่อสู้กับมือสังหารสาว ทั้งคู่ฝีมือสูสีซัดกันไปมา หยกใช้มีดพกเล่นงานแต่มือสังหารสาวก็ปัดมีดได้ และมันก็ใช้เชือกรัดคอเล่นงานหยกจนเกือบจะขาดอากาศ หายใจ แต่หยกก็สามารถเอื้อมมือไปคว้าแจกันทุบหัวจนแน่นิ่ง หยกสูดหายใจเฮือกใหญ่เพราะหวุดหวิดตายก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงตัวเจ้าสัวเกาที่โงนเงนไม่ได้สติขึ้นแล้วพา ออกไปจากห้อง คล้อยหลังหยกไปไม่นานมือสังหารสาวได้สติรีบลุกขึ้นหยิบปืนจากกระเป๋าถือติดกระบอกเก็บเสียง ตามออกไปจัดการต่อ
หญิงสาวมือสังหารตามหยกกับเจ้าสัวเกาออกมาที่ทางเดินโรงแรม หยกกำลังจะพาลงลิฟต์แต่เจอมือสังหารยิงใส่ถูกเจ้าสัวเกาได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้นเจ้าสัวเล้งกับนนท์ขึ้นลิฟต์มาพอดี เจอเหตุการณ์ยิงกัน นนท์เปิดฉากช่วยยิงใส่มือสังหารสาวจนตายคาที่ หยกรีบฉวยจังหวะนั้นพาเสี่ยเกาลงทางบันไดหนีไฟ เจ้าสัวเล้งสั่งนนท์
“จัดการเคลียร์ทางนี้ด้วย...ฉันจะตามหมอนั่นไปเอง”
นนท์รับคำ เจ้าสัวเล้งรีบตามลงไปทางบันไดหนีไฟ หยกพยุงเจ้าสัวเกาออกมาที่ทางออกจากบันไดหนีไฟมาที่ลานจอดรถ แต่ต้องชะงักเพราะเจอเจ้าสัวเล้งไล่ตาม หลังพร้อมเอาปืนขู่
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละแล้วปล่อยเจ้าสัวเกามาให้ฉัน”
หยกชะงักหันไปเห็นเจ้าสัวเล้งยกปืนจ่อ หยกยังไม่ยอมปล่อยตัว
“ฉันรู้ว่าแกแค่มาทำงานตามที่เจ้านายสั่ง แกไม่ได้มีเรื่องบาดหมางส่วนตัวกับมัน เพราะ ฉะนั้นถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ทำตามที่บอก”
“ผมไม่ได้จะฆ่าเจ้าสัวเกา คุณไม่ควรเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้”
หยกไม่สนใจคำสั่งของเจ้าสัวเล้งพยายามจะพยุงพาเจ้าสัวเกาไปด้วย เจ้าสัวเล้งตวาด
“ฉันบอกให้หยุด”
หยกไม่ยอมหยุด เจ้าสัวเล้งเลยจำเป็นต้องลั่นไก...เปรี้ยง กระสุนเฉี่ยวแขนหยกจนได้เลือด หยกทรุดลงไปเพราะเจ็บ เลยต้องปล่อยเจ้าสัวเกาไปโดยปริยาย เจ้าสัวเล้งตามเข้าไปเอาปืนจ่อหน้าหยก
“แกเป็นคนมีฝีมือนะ อย่าให้ฉันต้องฆ่าเด็กหนุ่มที่มีอนาคตอย่างแกเลย”
หยกมองหน้าเจ้าสัวเล้งอย่างเจ็บใจ
“คุณกำลังทำผิดที่มาขวางทางผม”
“แกต่างหากที่เลือกเดินทางผิด”
เจ้าสัวเล้งใช้ด้ามปืนกระแทกต้นคอหยกทีเดียว ฟุบหมดสติ เจ้าสัวเล้งเลยเข้าไปช่วยประคองเจ้าสัวเกา
“ลื้อไม่เป็นอะไรแล้วนะ”
“ขอบใจลื้อมาก…อาเล้ง”
นนท์ตามเข้ามา
“เจ้าสัวครับ มือสังหารที่ถูกส่งมาฆ่าเจ้าสัวเกาตายแล้ว เลยไม่ทันได้ถามว่า ใครส่งมันมา”
“ไม่เป็นไร...ว่าแต่เคลียร์เรื่องกล้องวงจรปิดข้างในนั้นหมดแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“งั้นรีบพาไอ้เกาไปจากที่นี่ก่อน”
เจ้าสัวเล้งส่งเจ้าสัวเกาให้นนท์ไปพยุงต่อ นนท์หันไปที่หยกที่นอนหมดสติ
“แล้วคนของเสี่ยตงนี่ล่ะครับ เจ้าสัวจะเอายังไง”
เจ้าสัวเล้งนิ่งมองหยกที่หมดสติ
ผู้การสมิงรีบมาเจอกับณรงค์ที่ลานจอดรถ
“เป็นยังไงบ้างหมวด”
“นายหยกยังไม่พาตัวเจ้าสัวเกาออกมาเลยครับ”
“แต่นี่มันเลยเวลานัดไปนานมากแล้วนะ”
“ผมเองก็เป็นห่วงครับ แต่ไม่กล้าเข้าไปกลัวจะทำให้หยกถูกเปิดโปงได้”
ผู้การสมิงเริ่มเป็นห่วง เลยเอามือถือขึ้นมากดโทรติดต่อกับหยก แต่ติดต่อไม่ได้
“ติดต่อไม่ได้เลย”
ณรงค์สงสัย

“หรือว่าหยกจะโดนมือสังหารที่ผู้การสงสัยเล่นงานไปแล้ว”

ผู้การสมิงยิ่งเครียดตัดสินใจชักปืนออกมาแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที ณรงค์รีบตาม

ผู้การสมิงกับณรงค์เข้ามาพบพนักงานโรงแรมกับแขก กำลังมุงดูศพมือสังหารสาวที่ ถูกยิงตาย ผู้การสมิงกับณรงค์พากันแปลกใจ
“หลบหน่อยครับ...นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ผู้การสมิงแสดงบัตรให้ทุกคนดูแล้วเข้าไปตรวจดูศพ พบว่าถูกยิงตาย ในมือยังกำปืนแน่น
“สภาพเพิ่งตายเลยครับ หรือว่าจะเป็นมือสังหารที่ถูกส่งมา”
“ไปดูในห้องสิหมวด”
ณรงค์รับคำรีบเข้าไปดูในห้องแล้วรีบออกมา
“ทั้งหยกทั้งเจ้าสัวเกาหายตัวไปทั้งคู่เลยครับ”
ผู้การสมิงสงสัย
“นายหยก…เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่”

ในโรงสี ชาญเข้ามาบอกมานพ
“มือสังหารที่เฮียโหงวส่งไปจัดการเจ้าสัวเกาถูก เล้งฆ่าตายเรียบร้อยแล้วครับนาย”
“เป็นไปตามที่เดาไว้ไม่มีผิด สถานการณ์ตอนนี้กำลังบีบบังคับให้เล้งต้องลงมาสู้กับ ไอ้เสี่ยตงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ดวงแขแตะแขนลูกชาย
“เก่งมากนะมานพที่คิดเรื่องดีๆแบบนี้ได้”
“ขอบคุณครับแม่ ฆ่ามังกรตอนหลับยังไงมันก็ไม่สะใจเท่ากับเห็นมันถูกปลุกขึ้นมาให้ โดนเชือดตายคามือเราหรอก ฮ่าๆๆ”
มานพหัวเราะชอบใจ

ที่โกดังร้าง...กิจชัยกับพวกลูกน้องตัวเองเริ่มคันมือคันไม้เพราะต้องรอให้หยกส่งข่าวมาเรื่องจัดการกับเจ้าสัวเกา
“นั่งๆนอนๆรออยู่แบบนี้มันเซ็งเว้ย คันมืออยากลุยแล้ว”
“ป่านนี้ไอ้หยกยังไม่ติดต่อมา ไม่รู้มันทำงานพลาดรึเปล่า”
กิจชัยคุยโอ่
“นี่ถ้าเสี่ยใช้ข้าไปลงมือเองรับรองไม่ช้าแบบนี้แน่”
ระหว่างนั้น ตงเดินเข้ามาพร้อมกับเก่ง กิจชัยรีบเดินเข้าไปถามทันที
“เสี่ยครับ...ไอ้หยกหายไปนานจนน่าผิดสังเกตแบบนี้ ผมกลัวว่ามันจะพลาด”
ตงนิ่งคิด
“แล้วถ้ามันพลาดขึ้นมาจริงๆ พวกลูกน้องไอ้เจ้าสัวเกามันก็ต้องรู้ตัว แทนที่จะเราถล่ม พวกมันตอนเผลอง่ายๆจะกลายเป็นยากขึ้นมานะครับ”
“ฉันรู้น่า” ตงหันไปสั่งเก่ง “ส่งคนไปเช็คดูว่าไอ้หยกมันทำงานสำเร็จรึยังทำไมไม่ติดต่อมา”
“ครับเสี่ย”
เก่งรีบเดินออกไป ตงสงสัย

บริเวณโกดังท่าเรือของเจ้าสัวเล้ง...ในโกดังหยกรู้สึกตัวได้สติและพบว่าตัวเองถูกจับมัดตัวติดกับเก้าอี้มีนนท์เฝ้าอยู่ ส่วนแผลที่เล้งยิงเฉียดแขน ก็ได้รับการทำแผลให้เรียบร้อย
“เป็นไงไอ้หนุ่ม แกนี่มันดวงดีจริงๆที่เจ้าสัวไม่ฆ่าแกทิ้ง”
หยกมองนนท์อย่างสงสัย ระหว่างนั้นเจ้าสัวเกาที่ได้รับการปฐมพยาบาลแล้วเดินเข้ามา
“ไอ้นนท์...ลื้อออกไปข้างนอกได้แล้ว”
“แต่เจ้าสัวสั่งให้ผมเฝ้ามันไว้”
“มันโดนจับมัดแบบนี้ ต่อให้มีปีกมันก็หนีไม่พ้นหรอก”
“เจ้าสัวไม่ได้กลัวมันหนีแต่กลัวว่า…”
“กลัวอั้วจะเล่นงานมันเหรอ…” เจ้าสัวเกาหัวเราะ “อั้วไม่ฆ่ามันหรอก อั้วแค่อยากคุยกับมันเฉยๆ”
นนท์นิ่งไป เจ้าสัวเกาสั่งเสียงเข้ม
“ออกไปได้แล้ว”
นนท์จำเป็นต้องอกไปเพราะเจ้าสัวเกาสั่งจริงจัง คล้อยหลังนนท์ออกไปได้ครู่เจ้าสัวเกาก็ขยับเข้ามายืนมองหน้า หยกอย่างโกรธแค้น
“อั้วไม่เห็นด้วยเลยที่ไอ้เล้งมันลากคอลื้อมาด้วย แต่มาคิดๆดูแล้ว ต้องขอบใจไอ้เล้งมัน เพราะอั้วจะได้เล่นงานไอ้คนที่คิดฆ่าอั้วให้หายคันมือ”
เจ้าสัวเกาเปิดชายเสื้อออกมาเห็นว่าพกปืนมาด้วย หยกชะงักอึ้งไปมีหวังโดนเจ้าสัวเกาเล่นงานโดยไม่สามารถ ป้องกันตัวได้เพราะถูกจับมัดเอาไว้

ในบ้านตง...กิ่งเหมยมาถามหาหยกกับดุจแพร
“เธอติดต่อหยกไม่ได้เหรอกิ่งเหมย” ดุจแพรแปลกใจ
“ค่ะ...หลังจากที่ลูกน้องของพ่อคุณมาตามให้เขาไปทำธุระ เขาก็หายไปเลย”
“ป๋าฉันสั่งให้เขาไปทำธุระเหรอ…ธุระอะไร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย เดี๋ยวฉันลองโทร ถามป๋าฉันให้”
ดุจแพรกดโทรศัพท์โทรออกแต่ติดต่อไม่ได้
“ฉันติดต่อป๋าไม่ได้เหมือนกัน” ดุจแพรเริ่มสงสัย “ปกติป๋าไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ฉันนะ”
ดุจแพรพูดไปก็เห็นท่าทางของกิ่งเหมยดูใจคอไม่ดี
“ท่าทางเธอดูไม่ค่อยสบายใจ...หรือว่าธุระที่ป๋าสั่งให้หยกไปทำจะไม่ใช่เรื่องดี”
กิ่งเหมยมองหน้าดุจแพรแล้วยิ่งอึดอัดใจไม่กล้าบอก
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะคุณแพร ฉันจะลองหาทางติดต่อหยกเอง”
กิ่งเหมยจะออกไป แต่ดุจแพรสงสัยจึงรั้งไว้
“เดี๋ยว...หมู่นี้ป๋ามีเรื่องให้ฉันต้องสงสัยบ่อยๆเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...ฉันต้องรู้ให้ได้”
ดุจแพรบอกเสียงเข้ม

ดุจแพรพากิ่งเหมยมาถามลูกน้องพ่อ ที่เฝ้าอยู่ตรงสระว่ายน้ำแต่ไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
“อะไรกัน...พวกนายเป็นบอร์ดี้การ์ดของป๋า แต่ป๋าไปทำอะไรที่ไหนกลับไม่รู้เนี่ยนะ”
“ผมไม่ได้รับคำสั่งไม่ให้พูดอะไรครับ”
“แต่ฉันเป็นลูกสาวป๋า ฉันมีสิทธิ์รู้”
ลูกน้องเงียบไม่ตอบ
“นี่...ฉันบอกให้ตอบ”
ลูกน้องเอาแต่เงียบยืนเป็นหุ่น ดุจแพรหัวเสียเดินถอยกลับมาที่กิ่งเหมย
“ท่าทางแบบนี้แสดงว่าป๋า กำลังปกปิดเรื่องสำคัญไม่ให้ฉันรู้อยู่จริงๆ แต่เธอไม่ต้องห่วง นะกิ่งเหมย คนอย่างฉันถ้าอยากรู้แล้วล่ะก็…”

หยกโดนเจ้าสัวเกาชกจนหน้าหันเลือดกบปาก เพราะเจ็บแค้นที่ตงสั่งให้หยกมาฆ่า
“ลื้อมันก็แค่ไอ้เด็กเมื่อวานซืน คิดจะมาฆ่าอั้วมันไม่ง่ายหรอกเว้ย”
เจ้าสัวเกากระชากคอแล้วซ้ำอีกหมัดจนหยกโงนเงน เจ้าสัวเกาจิกผมยกหัวขึ้นมา
“จำใส่กะโหลกลื้อเอาไว้นะ อย่าซ่าส์กับรุ่นใหญ่”
เจ้าสัวเกาไสหัวหยกแล้วชักปืนออกมาจ่อหน้า หยกหน้าเสียคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแน่
“อั้วฆ่าลื้อแล้ว จะตัดหัวลื้อส่งไปให้ไอ้ตงดู”
เจ้าสัวเกานิ้วแตะไกปืน...เปรี้ยง หยกหลับตาปี๋คิดว่าโดนยิงไปแล้ว แต่เสียงปืนที่ดังขึ้นไม่ใช่ปืนของเจ้าสัวเกา เพราะเป็นเจ้าสัวเล้งที่เข้ามายิงปืนขู่ขึ้นฟ้า
“ถอยออกมาไอ้เกา”
“ไอ้เล้ง...ลื้อไม่ต้องมายุ่ง ไอ้ตงส่งมันมาฆ่าอั้ว อั้วไม่เก็บมันเอาไว้ให้เหม็นขี้หน้าหรอก”
“แต่อั้วเป็นคนช่วยชีวิตลื้อไว้ ลื้อต้องฟังอั้ว”
“เรื่องบุญคุณอั้วตอบแทนลื้อแน่ แต่เรื่องความแค้นอั้วขอจัดการเอง”
“อย่า !อั้วไม่ให้ลื้อทำอะไรมันเด็ดขาด”
“ไอ้เล้ง...ลื้อจะเก็บมันไว้ให้มันมาเล่นงานอั้วทีหลังเหรอไงวะ”
“อั้วรับรองว่ามันทำอะไรลื้ออีกไม่ได้แน่...ลื้อออกไปเถอะ เดี๋ยวอั้วจะคุยกับมันเอง”

เจ้าสัวเกานิ่งไปก่อนจะยอมลดปืนอย่างหงุดหงิดฮึดฮัดแล้วฝากหมัดเข้าหน้าหยกอีกสักทีก่อนเดินออกไป เจ้าสัวเล้งเข้ามายืนมองหน้าหยกที่เลือดกลบปาก นนท์เฝ้าอยู่ข้างๆ

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 9 (ต่อ)
 

ดุจแพรหน้าเหวี่ยงวีนกลับมาที่ลูกน้องพ่อที่ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งไม่รู้ร้อนรู้หนาว



“ตกลงจะไม่บอกฉันใช่มั้ยว่าป๋าฉันอยู่ที่ไหน”
ลูกน้องนิ่งเงียบ
“ฉันจะให้โอกาสเธอพูดอีกครั้ง”
ลูกน้องยังนิ่ง
“ได้...งั้นถ้าป๋ากลับมาเมื่อไหร่ฉันจะฟ้อง ป๋าว่าฉันถูกลูกน้องป๋าลวนลาม”
ลูกน้องอึ้ง
“คุณหนู! อย่านะครับ”
ดุจแพรยิ้มชอบใจเพราะได้ผล
“ทำหน้าตกใจขนาดนี้ แสดงว่านายรู้ใช่มั้ยว่าป๋าหวงฉันมาก หึ...ฉันจะเล่าให้ป๋าฟังยังไงดีนะว่านายลวนลามฉันยังไงบ้าง”
“อย่านะครับคุณหนู เรื่องแบบนี้เสี่ยไม่ฟังคำอธิบายของผมแน่”
“ใช่...เรื่องเสียหายกับลูกสาวป๋าไม่ฟังใครอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น...นายมีทางเลือกทางเดียว แล้ว...เข้าใจใช่มั้ย”
ลูกน้องหน้าเสีย
“ก็ได้ครับ...แต่ผมคงปล่อยให้คุณหนูไปเองไม่ได้ ผมต้องพาไป”
“ก็ได้”
ดุจแพรหันไปทำนิ้วโอเคให้กิ่งเหมยว่าสำเร็จแล้ว

เจ้าสัวเล้งช่วยเอาผ้ามาเช็ดเลือดที่ซิบๆมุมปากให้หยก เพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้ต้องการทำร้ายหยก
“คุณช่วยชีวิตผมไว้ทำไม”
“คนตายมันมีเยอะแล้ว ถ้าช่วยให้ตายน้อยลงก็ถือว่าฉันได้ทำบุญ”
“แต่คำว่าสัจจะมันไม่เคยมีในหมู่โจร”
นนท์ไม่พอใจเข้ามากระชากคอเสื้อหยก
“เจ้าสัวไม่ใช่โจร...ถ้าแกไม่ระวังคำพูด ฉันนี่แหละ จะจัดการแกเอง ไอ้กุ๊ย”
“นนท์!”
เจ้าสัวเล้งห้ามเสียงดังทำให้นนท์ต้องปล่อยมือ
“เอาเป็นว่าแล้วแต่เธอแล้วกันว่าอยากเชื่อคำพูดของฉันรึเปล่า ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้เรื่อง คำสั่งเก็บหัวหน้าแก๊งค์สี่เจ้าเวหา นอกจากเจ้าสัวเกาแล้ว เสี่ยตงได้สั่งให้ฆ่าคนอื่นด้วย รึเปล่า”
“ไม่มี...เสี่ยตงสั่งผมให้จัดการเจ้าสัวเกาคนเดียว”
“ไอ้เสี่ยตงมันอาจจะสั่งคนอื่นที่ไม่ใช่มันก็ได้นะครับเจ้าสัว”
หยกส่ายหน้ายืนยันเสียงแข็ง
“ไม่...เสี่ยตงสั่งให้ฉันจัดการเจ้าสัวเกาเพียงคนเดียว ไม่อย่างนั้นฉันจะถูกมือสังหาร ผู้หญิงคนนั้นไล่ฆ่าทำไม”
เจ้าสัวเล้งนิ่งคิดไปครู่
“ถ้าอย่างนั้นก็แน่นอนแล้วว่ากำลังมีไอ้โม่งชักใยเรื่องนี้อยู่ และมันพยายามเสี้ยมให้ฉันเป็นจำเลยของสงครามครั้งนี้...นนท์ เฝ้าไว้ ฉันต้องออกไปคุยกับไอ้เกา”
“ครับเจ้าสัว”
เจ้าสัวเล้งเดินออกไป หยกพยายามบิดข้อมือจากเชือกที่มัดแน่น แต่ก็ถูกนนท์เอามีดจ่อคอ
“อย่าพยายามเลย แกเคยเจอฝีมือเจ้าสัวมาแล้ว น่าจะรู้ดีว่าถ้าเจ้าสัวคิดจะฆ่าแก ภาย ในพริบตาแกได้หยุดหายใจแน่”

เจ้าสัวเล้งเดินออกมาที่หน้าโกดังพบกับเจ้าสัวเกาที่รออยู่
“ลื้อจะต้องไปสอบสวนมันทำไมให้เสียเวลา ฆ่ามันซะแล้วก็ตัดหัวมันส่งไปให้ตงดู มันจะ ได้รู้ว่ามัน ต้องเป็นศพต่อไป”
“ไม่...อั้วจะไม่ฆ่าไอ้เด็กนั่น”
เจ้าสัวเกาไม่พอใจมากชักปืนจ่อหน้าเล้งทันที
“งั้นก็แสดงว่าลื้อนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้ง หมด ลื้อร่วมมือกับไอ้ตงถล่มพวกอั้ว”
เจ้าสัวเล้งนิ่งมองแล้วขยับเข้าไปใกล้โดยไม่กลัวปืนที่จ่อหน้า
“ถ้าลื้อคิดว่าที่พี่น้องลื้อถูกฆ่าตายจนหมดเป็นเพราะฝีมืออั้วที่ฮั้วกับไอ้ตง...แล้วอั้วจะปล่อยให้ลื้อมายืนเอาปืนจ่อหน้าอั้วทำไมวะ...ไอ้เกา”
เจ้าสัวเกานิ่งไป ทั้งคู่จรดจ้องกันจนในที่สุดเจ้าสัวเกาก็ยอมลดปืนลง
“อั้วไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับลื้อ แต่มีคนอื่นที่กำลังเสี้ยมให้พวกเราฆ่ากันเอง”
“งั้นมันเป็นใคร”
“อั้วไม่รู้...แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันคงไม่ปลอดภัยสำหรับลื้ออีกแล้ว ถ้าลื้อยังอยาก มีชีวิตอยู่กับครอบครัว โดยไม่ต้องกลัวโดนเก็บเหมือนพี่น้องลื้อ ลื้อก็มีทางเลือกเดียว เท่านั้น”
เจ้าสัวเกามองเจ้าสัวเล้งอย่างสงสัย
“ทางเลือกอะไร”
เจ้าสัวเล้งแววตาจริงจัง
“ลื้อต้องไปจากที่นี่ให้อั้วดูแลเขตอิทธิพลของพวกลื้อ แล้วอั้วนี่แหละที่จะซัดกับ ไอ้ตงและหาตัวไอ้พวกที่ฆ่าพี่น้องของลื้อมาล้างแค้นให้เอง”
เจ้าสัวเกาอึ้งไป
“ไอ้เล้ง...นี่ลื้อ!”
“ใช่...ถึงเวลาที่มังกรวารีตัวนี้จะกลับมาผงาดอีกครั้งแล้ว”

เก่งเข้ามาบอกตงเรื่องหยกว่าลงมือไม่สำเร็จ
“ว่าไงนะ...ไอ้หยกทำงานพลาดเหรอ”
“ครับเสี่ย ตอนนี้มันกับเจ้าสัวเกาหายไปด้วยกันทั้งคู่”
“หายไปไหน”
“ผม...ผมไม่รู้ครับ”
กิจชัยเข้ามาใส่ไฟทันที
“เห็นมั้ยครับ...ไอ้หยกมันคงหักหลังเสี่ย ถ้าเสี่ยไฟเขียวให้ผมลุยตอนนี้เลย ผมจะไปถล่มแก๊งค์พิราบดำให้ราบคาบ แล้วจะตามล่าตัวไอ้หยกมาให้เสี่ยด้วย”
“ไอ้หยก!”
ตงเจ็บแค้นกำลังคิดว่าเป็นฝีมือหยกที่หักหลัง แต่ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เห็นเป็นเบอร์ของเจ้าสัวเล้งก็ แปลกใจ
เจ้าสัวเล้งยื่นโทรศัพท์ให้หยกเป็นคนพูดกับตง
“เสี่ย…นี่ผมเองนะครับ”
เจ้าสัวเล้งให้หยกพูดแค่นั้นแล้วก็ดึงโทรศัพท์มาพูดต่อเอง
“ไอ้ตง…แผนการส่งลูกน้องแกไปเก็บไอ้เกามันไม่สำเร็จหรอก”
ตงเจ็บใจ

“ไอ้เล้ง...นี่ฝีมือแกเองเหรอ”

“ฉันเตือนแกแล้วว่าให้หยุด แต่ในเมื่อแกไม่ฟัง ฉันก็ต้องหยุดความบ้าของแก”

ตงฉุน
“ไอ้เล้ง...แล้วแกจะเอายังไงวะ”
“สั่งให้ลูกน้องแกสลายตัวแล้ววางมือจากทุกอย่าง ตอนนี้คนของไอ้เกาทั้งหมดเป็นคน ของฉันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าแกไม่ฟัง รับรองว่าฉันไม่เอาแกไว้แน่”
ตงเจ็บใจแต่คั้นหัวเราะข่มกลับ
“ฮ่าๆ แกมันแน่มากไอ้เล้ง ฉันยอมรับว่าฉันประมาท มังกรหลับอย่างแกเกินไป แต่ลูกเต๋าที่ทอดออกไปแล้วมันก็ต้องรอดูว่าจะออกสูงหรือ ออกต่ำเท่านั้นเว้ย”
ตงตัดสาย เจ้าสัวเล้งนิ่งหนักใจ

ตงเดินหน้าตาเอาเรื่องมาที่พวกกิจชัยแล้วสั่งเด็ดขาด
“พวกแกฟังฉันให้ดี...ถึงเวลาแล้วที่พวกแกจะพิสูจน์ว่าที่ฉันส่งเสริมพวกแกมา ฉันไม่ได้ เสียเงินเสียทองโดยเปล่าประโยชน์ ชื่อของฉัน...เสี่ยตง!จะต้องเป็นที่จดจำ จะต้องมีแต่ คนเกรงกลัว ถ้าใครทำให้ฉันไม่ได้ ก็ไปจากที่นี่ซะ”
ตงถามความพร้อมของทุกคน แต่ไม่มีใครถอย กิจชัยรีบโอ่
“เสี่ยไม่ต้องห่วงครับ ผมนี่แหละที่จะทำให้ชื่อของเสี่ยเป็นที่จดจำ เฮ้ย…พวกเรา…ยอม ตายเพื่อเสี่ยเว้ย!”
พวกลูกน้องกิจชัยเฮรับเสียงดังลั่น ฮึกเหิมบ้าบิ่นสุดฤทธิ์ ตงเห็นแล้วยิ้มพอใจ
“งั้นก็ไปได้แล้ว...จัดการพวกมันอย่าให้เหลือ”
พวกกิจชัยพากันเฮโลบิดมอเตอร์ไซค์ออกไป เสียงเบิ้ลเครื่องดังสนั่น ตงหัวเราะ
“ไอ้เล้ง...ฉันรอวันนี้มานานแล้ว...วันที่ฉันจะยิ่งใหญ่กว่าแก”

เจ้าสัวเล้งลากคอเสื้อพาหยกมาที่รถจะพาออกไปด้วยกัน เจ้าสัวเการีบเข้ามาถาม
“ไอ้เล้ง...ลื้อจะพากันไปไหน”
“ไอ้ตงมันไม่เลิกสันดานเดิม ในเมื่อมันไม่ยอมหยุดตามที่อั้วขอ อั้วก็ต้องไปลุยกับมันให้ แตกหัก”
“งั้นอั้วไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอก แค่ลื้อไว้ใจให้อั้วดูแลทุกอย่างต่อจากลื้อ อั้วก็ขอบใจมากแล้ว”
“ลูกน้องอั้วทุกคนพร้อมทำตามที่ลื้อสั่ง แต่ลูกน้องที่เหลือของพวกเฮียอั้ว อั้วคงตามให้ มาช่วยลื้อไม่ได้”
“ไม่เป็นไร...อั้วเข้าใจว่าตอนนี้พรรคพวกที่เหลือของสี่เจ้าเวหากำลังไร้ที่ยึดเหนี่ยว เพราะ หัวหน้าถูกฆ่าตายหมด อั้วคงต้องใช้เวลาพิสูจน์ฝีมือกอบกู้กลับมา”
เจ้าสัวเกาพยักหน้ารับ เจ้าสัวเล้งตบบ่า
“เรือที่จะพาลื้อไปอยู่มาเก๊ากำลังมารับลื้อแล้ว จากนี้ไปลื้อไปใช้ชีวิตสงบๆกับครอบ ครัวของลื้อเถอะ ปล่อยให้หน้าที่สยบหมาบ้าอย่างไอ้ตง เป็นหน้าที่ของอั้วเอง”
เจ้าสัวเล้งบอกเจ้าสัวเกาแล้วพาหยกขึ้นรถแล้วออกไปพร้อมกับนนท์

ตงกับเก่งเดินมาที่รถพร้อมจะออกไป
“ถ้าคนของเจ้าสัวเการ่วมมือกับเจ้าสัวเล้ง เราจะไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบเหรอครับเสี่ย”
ตงหันมากระชากคอเสื้อเก่ง
“แกกลัวมันเหรอไง”
“เปล่าครับ...เพียงแต่ เราไม่จำเป็นต้องไปเผชิญหน้ากับมันตรงๆก็ได้”
“คนอย่างไอ้เล้งมันชอบเล่นซึ่งๆหน้าแล้วฉันก็อยากวัดกับมันตัวๆเหมือนเมื่อก่อน”
“งั้นผมจะเป็นคนลุยกับมันให้เสี่ยเอง”
“ไม่ต้อง !ถ้าแกรู้ว่าฉันได้ฉายาไอ้หมาบ้ามาได้ยังไง แกจะไม่พูดแบบนั้นเด็ดขาด”
“ครับเสี่ย ผมเข้าใจแล้ว แล้วเรื่องไอ้หยกที่เจ้าสัวเล้งจับตัวไว้ล่ะครับ”
“ช่างหัวมัน ม้าศึกใช้เสร็จแล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก”
เก่งพยักหน้ารับแล้วเปิดประตูให้ แต่ระหว่างนั้นรถของดุจแพรก็ขับเข้ามาจอดขวางหน้ารถ ดุจแพรรีบลงจากรถ พร้อมกิ่งเหมย
“ป๋า!”
ตงชะงักแปลกใจที่เห็นลูกสาว
“แพร...นี่ลูกมาที่นี่ได้ยังไง”
ตงหันไปเห็นลูกน้องที่สั่งให้เฝ้าไว้ที่บ้านเป็นคนขับรถพามาส่ง ก็ชักสีหน้าโมโห

ดุจแพรเดินตามพ่อเข้ามาด้านในพร้อมมีคำถามมากมาย
“ไหนป๋าสัญญากับแพรไว้ว่าจะไม่มีความลับอะไรกับแพรอีก แล้วนี่มันหมายความว่า ยังไงคะ”
ตงนิ่งเงียบไม่ตอบ
“ป๋า...ป๋าอย่าเอาแต่เงียบสิ คราวนี้แพรไม่ยอมแล้วจริงๆ ป๋าสั่งให้หยกไปทำงานอะไร ทำไมต้องปิดเป็นความลับด้วย”
ตงหัวเสีย
“ป๋าว่าแพรกำลังเข้ามาก้าวก่ายงานของป๋ามากเกินไปแล้ว...กลับไปซะ”
ตงจับแขนจะพาลูกสาวกลับไปที่รถ แต่เธอขืนไม่ยอม
“ไม่ค่ะป๋า แพรจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าป๋าจะพูดความจริง ป๋าต้องเลิกโกหกแพรซะที”
ตงชะงักมองหน้าลูกสาว แล้วหันไปที่กิ่งเหมยอย่างไม่พอใจ
“เธอ…ไหนเธอบอกฉันว่าจะไม่พูดไง”
“ฉันเปล่านะคะ ฉันไม่ได้บอกอะไรกับดุจแพรเลย ฉันแค่มาตามหาหยก”
ดุจแพรอึ้ง
“นี่พ่อโกหกแพรจริงๆใช่มั้ย” ดุจแพรเข้าไปทั้งเขย่าแขนทั้งทุบแขนพ่อ “ป๋าบอกมาเดี๋ยวนี้นะ ป๋ากำลังปิดบังอะไรอยู่...บอกแพรมาสิ...บอกมานะ”
ตงหงุดหงิดสุดๆตัดสินใจจับแขนลูกสาว กระชากลากดึงไปที่ลูกน้องแล้วผลัก
“พาลูกสาวฉันกลับไป ถ้าปล่อยให้ตามไปได้อีก ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด”
ตงสั่งแล้วเดินไปที่รถตัวเองพร้อมกับเก่ง ดุจแพรพยายามวิ่งตาม
“ป๋า...ป๋า ! กลับมานะ...ป๋า!”
ลูกน้องเข้ามาจับแขนดุจแพร
“พอได้แล้วครับคุณหนู ผมต้องพาคุณหนูกลับไป”
ดุจแพรไม่ยอมหันตบหน้าลูกน้องพ่อ
“ถ้าแกมาโดนตัวฉัน ฉันจะทำให้แกเจ็บตัว”
แต่ลูกน้องไม่กลัวจับแขนดุจแพรหมับ ดุจแพรพยายามทุบมันก็ไม่สะเทือนจนกระทั่งกิ่งเหมยเอาท่อน ไม้มาทุบข้างหลังมันทีเดียวสลบทรุดฮวบ
“เป็นอะไรรึเปล่าแพร”
ดุจแพรเข้าไปสวมกอดกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย…”
ดุจแพรกอดกิ่งเหมยแล้วร้องไห้เสียใจ กิ่งเหมยกอดตอบและลูบหลังปลอบใจ
“ฉันขอโทษ…ฉันไม่น่าเป็นสาเหตุให้เธอกับพ่อต้องทะเลาะกันเลย”
“ไม่หรอกกิ่งเหมย...ถึงเธอไม่ได้เริ่มให้ฉัน สักวันฉันก็คงต้องทำอย่างนี้เหมือนกัน”
“นี่เธอ...”
“ไปกันเถอะ…ถ้าเราตามป๋าไปตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าจะต้องเจอหยก” ดุจแพรบอกอย่างมั่นใจ

บริเวณท่าเรือ...เจ้าสัวเล้งยืนรออยู่กับหยก
“ตอนนี้ผมไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าสัวอีกแล้ว จะจับตัวผมไว้ทำไม”
“แกเป็นคนฉลาดแล้วก็มีฝีมือ บอกตรงๆนะฉันเสียดาย แกไม่น่าไปทำงานให้ไอ้ตง เพราะสันดานมันเห็นแก่ตัว คนที่อยู่กับมันไม่มีทางเจริญก้าวหน้า”

“เจ้าสัวพูดอย่างกับว่าคนที่อยู่ในวงการนี้ชีวิตจะมีคำว่าเจริญก้าวหน้าด้วย ผมเห็นมีแต่ ลงเอยด้วยคุกหรือไม่ก็ตายอย่างหมาข้างถนน”

เจ้าสัวเล้งแปลกใจมองหน้าอย่างสงสัย

“ถ้าคิดว่ามันไม่ดีแล้วเข้ามาเป็นลูกน้องไอ้ตงทำไม”
หยกนิ่งไปยังไม่ทันจะพูดอะไร นนท์ก็เข้ามา
“เจ้าสัวครับ...ผมพาคนของแก๊งค์พิราบดำมาแล้วครับ เจ้าสัวเล้งหันไปเห็นลูกน้องแก๊งค์พิราบดำหลายสิบคนอาวุธครบมือยืนดาหน้าเข้ามา
“ตอนนี้ทุกคนพร้อมฟังคำสั่งเจ้าสัวแล้ว”
เจ้าสัวเล้งพยักหน้ารับแล้วหันไปที่หยกอย่างให้โอกาส
“ฉันจะให้โอกาสแกได้เลือก ระหว่างฉันกับไอ้ตง แกจะทำงานให้ใคร”
หยกชะงักนิ่งไปมองเจ้าสัวเล้ง

โหงวมายืนครุ่นคิดรออยู่ที่มุมหนึ่งของโรงสี ครู่หนึ่งดวงแขตามเข้ามา
“แกมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน ทำไมต้องทำเป็นลับๆล่อๆด้วย”
ดวงแขพูดไปก็มีท่าทางไม่ไว้วางใจโหงว
“ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะหลอกเธอมาทำอย่างที่เคยทำหรอกน่า”
“ไอ้...ไอ้ทุเรศ”
ดวงแขจะเดินกลับไปโหงวรีบเดินไปขวาง
“อย่าเพิ่งไปสิ...ฉันอยากคุยกับเธอเรื่องอดีตของไอ้เล้ง”
ดวงแขสงสัย
“อดีตของเล้ง”
“ใช่...ฉันอยากรู้ว่า เธอจำผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตไอ้เล้งไว้ ตอนที่ฉันถล่มล้างโคตรไอ้เล้งได้ รึเปล่า”
“อยู่ๆมาถามฉันเรื่องนี้ทำไม”
“ตอบมาเถอะน่าว่าจำได้รึเปล่า”
ดวงแขนิ่งไปแล้วพยายามนึกอยู่ครู่
“ก็พอจะจำได้คร่าวๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นพนักงานเสิร์ฟใน โรงแรม เป็นคนพาเล้งหนีไปกบดานอยู่นาน”
“แล้วตอนที่เล้งกลับมาอยู่กับเธอแล้ว เล้งเคยพูดถึงผู้หญิงคนนั้นให้ฟังบ้างรึเปล่า”
ดวงแขนิ่งคิดพยายามนึกต่อ

ในอดีต...ค่ำคืนนั้น เจ้าสัวเล้งยืนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างมือกำหยกเลือดมังกรที่หักครึ่งคิดถึง แต่พราวแสงหลังจากที่เขารอดตายมาได้และโหงวถูกตำรวจจับไปแล้ว ดวงแขเข้ามา
“คุณคะ...มานพหลับไปแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ”
เจ้าสัวเล้งนิ่งเงียบไม่ได้ยิน
“คุณคะ...คุณ…”
เจ้าสัวเล้งได้สติ
“ดวงแข”
“คุณเป็นอะไรไปคะ หน้าตาดูเคร่งเครียดจัง”
“ไม่มีอะไรหรอก…ฉันก็นึกไปเรื่อยเปื่อย”
ดวงแขต้องการเอาใจ จึงเข้ามาลูบแขนลูบคอดูแลเอาใจสุดฤทธิ์
“ฉันเข้าใจค่ะว่าคุณเพิ่งจะผ่านเรื่องร้ายแรงมา แต่พายุที่พัดพาชีวิตคุณให้ต้องลำบาก มันพัดผ่านไปแล้ว คนที่ฆ่าลูกเมียคุณก็โดนจับไปแล้ว ฉันกับลูกก็อยู่กับคุณแล้ว คุณน่าจะมีรอยยิ้มให้ฉันบ้าง”
“เธอไม่ได้ผ่านความเป็นความตาย และการสูญเสียอย่างฉัน เธอไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวด มากขนาดไหน”
“ฉันทราบค่ะว่าคุณเจ็บปวด แต่ถ้าคุณไม่ผ่อนคลายลงซะบ้าง ตานพจะกลัวคุณจนไม่ กล้าเข้ามาหาคุณนะคะ”
“ตานพกลัวผมเหรอ”
“ค่ะ ก็ตั้งแต่คุณรอดชีวิตกลับมาคุณก็เอาแต่เหม่อ อารมณ์ก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย”
“ผมขอโทษ ผมมีเรื่องต้องให้คิด”
ดวงแขเข้าไปโอบกอดซบหน้าออดอ้อน
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะช่วยทำให้คุณผ่อนคลายเอง”
ดวงแขพูดไปก็เชยคางเขามาใกล้ๆแล้วจูบปากเบาๆสบตายั่วยวนสุดฤทธิ์ทำเอาเจ้าสัวเล้งนิ่งไป

ดวงแขนุ่งผ้าขนหนูเปลือยไหล่ผิวนวลเนียน ผลักเจ้าสัวเล้งที่ถูกจับถอดเสื้อเปิดอกล้มลงนอนรอบนเตียง เธอเข้ามาลูบไล้แผ่นอกแล้วซุกหน้าซอกไซร้ปลุกอารมณ์ให้เขาที่หลับตาเคลิ้ม เจ้าสัวเล้งหลับตากำลังเคลิ้มลืมตัวแต่ความรู้สึกแบบนี้กลับทำให้เขานึกถึงแต่ภาพของตัวเองกับพราวแสงจนทำให้ไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับดวงแข เจ้าสัวเล้งรีบลุกผลักดวงแขออกจากตัว
“พอได้แล้ว...ฉันไม่ต้องการ”
ดวงแขงง
“เป็นอะไรไปคะคุณ ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่าแล้วทำไมให้ฉันหยุด”
“ฉันทำไม่ได้”
“หมายความว่ายังไงว่าคุณทำไม่ได้”
เล้งตัดสินใจ
“เพราะฉันไม่ได้รักเธอ หัวใจของฉันให้คนอื่นไปแล้ว”
เจ้าสัวเล้งน้ำเสียงจริงจัง หันไปคว้าเสื้อมาสวมแล้วออกจากห้องไป ทิ้งให้ดวงแขหงุดหงิดอารมณ์เสีย

โหงวฟังเรื่องที่เล่าจากดวงแข แล้วก็ยิ่งคิดสนใจมาก ถามย้ำ
“มันพูดว่ามันไม่ได้รักเธอ เพราะมันมีคนที่มันรักอยู่แล้วงั้นเหรอ”
“ใช่...ฉันจำได้ดี เพราะตั้งแต่นั้นเล้งก็ไม่เคยแตะต้องตัวฉัน เห็นฉันเป็นเพียงแค่แม่ของ ลูกชายเขาเท่านั้น”
โหงวฟังแล้วหัวเราะชอบใจ เข้าไปลูบแก้มดวงแข
“อย่างนี้เอง...มิน่าล่ะตอนที่ฉันรื้อฟื้นเรื่องของเรา เธอถึงได้แสดงอาการถูกใจฉันซะเหลือ เกิน...ฮ่าๆ”
ดวงแขโกรธตบหน้าโหงวเพี๊ยะ!!
“หุบปากโสมมของแกไปเลยนะ ฉันไม่เหลือความ พิศวาส แกอีกแล้ว...ไอ้เป๋”
โหงวโดนตบหน้าก็โกรธจับแขนดวงแขมาบีบ จนดวงแขร้องเจ็บ
“ฉันเจ็บนะ…แกอยากให้ลูกฉันเข้ามาจัดการแกใช่มั้ย…ปล่อยนะ”
โหงวมองหน้าแล้วยอมปล่อย
“ที่ฉันยอมปล่อยเธอไม่ใช่เพราะกลัวไอ้มานพหรอกนะ แต่ฉัน อยากคุยเรื่องผู้หญิงคนนั้นให้จบ”
“ทำไมแกถึงต้องสนใจนังนั่นมันด้วย ก็ฉันได้ยินมาว่าคนของแกฆ่ามันตายไปแล้วนี่”
“ฉันก็คิดแบบนั้นตอนที่ลูกน้องฉันมาบอก แต่หลังจากที่ฉันไปเห็นอะไรดีมาๆ ฉันถึงได้รู้ ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตายทันทีอย่างที่เข้าใจ”
“แต่เล้งคิดว่ามันตายไปแล้ว แล้วนังนั่นมันจะเกี่ยวข้องอะไรกับเล้งอีก”
“เกี่ยวสิ...เพราะไอ้เด็กหนุ่มที่ฉันเคยเห็นมันพกหยกเลือดมังกรของไอ้เล้งมันเป็นลูกชาย ของผู้หญิงคนนั้น”
ดวงแขชะงักอึ้ง
“นี่...นี่แกจะบอกว่า…เล้ง มีสายเลือดที่แท้จริงหลงเหลืออยู่อีกเหรอ”
“ยัง…ฉันยังไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า ยังต้องสืบให้รู้มากกว่านี้ก่อน”

โหงวบอกไปแต่ครุ่นคิดสงสัย

บรรยากาศยามค่ำคืนของลานหน้าตลาดย่านชุมชน...ชาวบ้านกำลังจับจ่ายซื้อของกันอยู่
แต่ระหว่างนั้น เจ้าสัวเล้งกระชากคอเสื้อหยกลากตัวเดินนำลูกน้องแก๊งค์พิราบดำ ที่ยกขโยงมาหลายสิบแต่ละคนอาวุธครบมือดูน่ากลัว พวกชาวบ้านพากันแตกตื่นหอบลูกจูงหลาน ปิดร้านรวงวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะแก๊งค์มอเตอร์ไซค์ของกิจชัยขับ ยกขบวนเข้ามารวมกับลูกน้องของตง ตามหลังมาด้วยตงกับเก่งที่แหวกลุ่มออกมาเผชิญหน้ากับเจ้าสัวเล้ง ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็งอย่างกินกันไม่ลง สงครามระหว่างแก๊งค์กำลังใกล้ปะทุ...สถานการณ์ตึงเครียด
อีกด้านหนึ่งของตลาด ดุจแพรขับรถพากิ่งเหมยมาถึง
“ที่นี่แหละกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับจะตามดุจแพรไปแต่ระหว่างนั้นเจอพวกชาวบ้านพากันวิ่งหนีออกมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“พวกเจ้าพ่อมันกำลังจะมีเรื่องกัน ไปจากที่นี่เถอะนังหนู เดี๋ยวจะโดนลูกหลง”
ชาวบ้านรีบพากันหนี กิ่งเหมยเป็นกังวล ดุจแพรชะงัก
“เจ้าพ่อเหรอ”
กิ่งเหมยเป็นห่วงหยก
“ส่งฉันแค่นี้ก็พอค่ะ ฉันจะเข้าไปตามหาหยกเอง”
“ไม่ ! ฉันจะเข้าไป”
“แต่มันอันตรายนะคะ”
“พ่อฉันมาที่นี่ และเธอก็รู้ว่าจะเกิดอันตรายขึ้น...กิ่งเหมย พ่อฉันขอให้เธอปิดบังอะไรฉัน”
กิ่งเหมย ชะงักพยายามปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณดุจแพร”
“ฉันคิดว่าเธอเป็นเพื่อนฉันนะกิ่งเหมย…เธออย่าปิดบังฉันเลยได้มั้ย…ฉันขอร้อง”
ดุจแพรน้ำตาคลอเบ้าจนทำให้กิ่งเหมยอดสงสารไม่ได้
“อย่าทำให้ฉันต้องพูดเลยนะ”
“ขอร้องล่ะ...สงสารฉันเถอะ ถ้าพ่อมีเรื่องที่ปกปิดฉันอยู่จริงๆ ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่กับคำ โกหกอีก...นะกิ่งเหมย...ฉันขอร้อง...ขอร้องล่ะ”
ดุจแพรพูดจนดูน่าสงสารทำให้กิ่งเหมยอึดอัดใจ

เจ้าสัวเล้งกับเสี่ยตงเผชิญหน้ากันต่อหน้าลูกน้องทั้งสองกลุ่มที่รอระเบิดความรุนแรงใส่กัน
“ฉันจะขอเตือนแกอีกครั้งนะไอ้ตง เลิกมักใหญ่ใฝ่สูงแล้วหันไปทำมาหากินที่มันสุจริต ดีกว่า วันนี้จะได้ไม่ต้องมีการสูญเสีย ที่แล้วมาฉันจะยกโทษให้”
“เมื่อก่อนแกอาจจะใหญ่มีแต่คนเกรงใจ พูดอะไรแล้วต้องมีคนทำตามที่แกสั่ง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วไอ้เล้ง แกล้างมือไปนานจนไม่มีใครจำแกได้แล้ว”
“ใช่...ฉันเคยถอนตัวไปแล้ว แต่แกก็รู้จักฉันดี มังกรก็คือมังกร ต่อให้หลับไปเป็นพันปี ก็ยังกลับมาได้เสมอ”
“นี่ไง...ในเมื่อแกยังอยากกลับมาใหญ่ได้ แล้วทำไมฉันจะอยากใหญ่กว่าแกไม่ได้วะ ไอ้เล้ง”
“นี่แกเชื่ออย่างจริงๆเหรอว่าแกจะใหญ่กว่าฉันได้”
“ใช่!”
“งั้นฉันจะบอกให้แกฟังว่าบางครั้ง ความเชื่อ กับ ความโง่ มันก็มันก็เป็นเรื่องเดียวกัน”
ตงเจอเจ้าสัวเล้งสบประมาทแบบกรีดให้เจ็บใจก็ฉุนโกรธ
“ไอ้เล้ง!”
ตงเห็นหยกอยู่ข้างๆเล้งในฐานะเชลยก็สั่งหยกเสียงดัง
“ไอ้หยก ถ้าแกฆ่าไอ้เล้งได้ จะให้แกขึ้นมาเป็นมือขวาฉัน”
หยกชะงักกับคำสั่งของตง หันไปมองหน้าเจ้าสัวเล้งที่ผลักหยกไปทางตงแล้วถามต่อหน้า
“คนเก่งๆมีฝีมืออย่างแก ชีวิตมันจะไปทางไหน ไม่ต้องรอให้ฟ้าดินกำหนด แต่ต้องกำหนดด้วยมือของแกเอง”
หยกนิ่งตัดสินใจ ตงสั่งย้ำอีก
“ถ้าแกไม่จัดการไอ้เล้ง แกนั่นแหละที่จะต้องโดนเก็บ”
ตงหันไปเอาดาบจากลูกน้องโยนไปตกตรงหน้า หยกเลยตัดสินใจหยิบดาบขึ้นมาจ้องเขม็งไปที่เจ้าสัวเล้ง นนท์จะเข้าไปจัดการ เจ้าสัวเล้งกันไว้
“ไม่ต้อง กับไอ้หนุ่มคนนี้มันต้องฉันเอง”
เจ้าสัวเล้งหันไปรับดาบจากนนท์มาควงพร้อมรับมือกับหยก

ผู้การสมิงพยายามใช้โทรศัพท์ติดต่อกับหยกแต่ติดต่อไม่ได้
“หยก…เกิดอะไรขึ้นกับแกกันแน่”
สมิงบ่นไปอย่างเป็นห่วงระหว่างนั้นณรงค์เข้ามาตาม
“ผู้การครับ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“มีอะไรหมวด”
“ผมได้ข่าวมาว่าไอ้เสี่ยตง ยกพวกเตรียมเปิดศึกตะลุมบอนแล้วครับ”
“กับเจ้าสัวเกาน่ะเหรอ”
“เปล่าครับ ตอนนี้คนที่นำแก๊งค์พิราบดำไม่ใช่เจ้าสัวเกา แต่เป็นคนอื่น”
“ใคร”ผู้การสมิงสงสัย

หยกกับเจ้าสัวเล้งเข้าโรมรันวัดเชิงกันด้วยฝีมือทางเชิงดาบ ฝีมือของทั้งคู่สูสีกินกันไม่ลงในยกแรกๆ เจ้าสัวเล้งโชว์เหนือกว่ารับดาบหยกแล้วกระแทกศอกกลับหลังเข้าหน้าจนหยกผงะเลือดกำเดาไหล หยกฮึดแรงโถมโต้กลับไล่ฟันใส่ไม่หยุดจน เจ้าสัวเล้งกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกหยกฟันจนเสื้อขาดเรียกเลือดซิบๆจากเจ้าสัวเล้งจนได้ นนท์จะเข้าไปช่วย เจ้าสัวเล้งห้ามเสียงดัง
“ไม่ต้อง!”
เจ้าสัวเล้งหันมาเอาจริงกระชากเสื้อที่ถูกฟันขาดออกเปลือยท่อนบนโชว์รอยสักรูปมังกรสีสรรสวยงามและน่ายำเกรงที่แผ่นหลัง ทำเอาทุกคนที่เห็นถึงกับอดทึ่งในความสวยงามและน่าเกรงขามของรอยสักที่แผ่นหลังเจ้าสัวเล้งไม่ได้ ตงเองถึงกับหลุดเปรยเตือนหยกไม่ได้
“ไอ้เล้ง...นี่แก...ไอ้หยก ระวังตัวด้วย มังกรวารีมันฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว”
ไม่ทันขาดคำของตง เจ้าสัวเล้งควงดาบแล้ววิ่งเข้าใส่ คราวนี้หยกโดนของหนักเพราะเจ้าสัวเล้งจู่โจมหนักหน่วงจน ตั้งรับไม่ทันเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดนเล่นงานจนล่าถอยและสุดท้ายก็พลาดท่าโดนเจ้าสัวเล้งเอาดาบจ่อคอ
“ฉันเตือนแกแล้ว…ทิ้งดาบซะ”
เจ้าสัวเล้งกดดาบลงที่คอทำให้หยกต้องยอมทิ้งดาบ
“ฉันจะให้โอกาสแกเลือก…แกจะเลือกเดินทางไหน”
หยกนิ่งมองเจ้าสัวเล้ง ระหว่างนั้นตงหันไปพยักหน้าให้กิจชัยกับพรรคพวกเปิดศึกตะลุมบอน กิจชัยตะโกนลั่น
“เฮ้ย...ลุยเลยเว้ย”
พวกกิจชัยกับลูกน้องส่งเสียเฮโลดังลั่น...ทั้งสองฝ่ายลุยเข้าโรมรันพันตูกัน

ดุจแพรถึงกับอึ้งเมื่อกิ่งเหมยตัดสินใจบอกความจริงเรื่องตงเป็นเจ้าพ่อ
“นี่...นี่หมายความว่า...พ่อฉัน…เป็นเจ้าพ่ออย่างที่เขาลือกันจริงๆ”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 9 (จบตอน)

กิ่งเหมยเป็นห่วงความรู้สึกของดุจแพร
“คุณดุจแพร”
“กิ่งเหมย…แล้วเธอรู้ได้ยังไง”
“คือว่า…ฉันอยู่ในเหตุการณ์ที่มีคนจากแกงค์อื่นส่งมือปืนมาไล่ฆ่าพ่อคุณ นั่นก็เลยทำให้ วันนี้พ่อคุณต้องเปิดฉากแก้แค้น”
ดุจแพรเสียใจน้ำตาไหล
“แสดงว่าพ่อโกหกฉันมาตลอด ที่ฉันเคยคิดว่า พ่อเป็นคนดี เป็นคนที่ น่านับถือ มันก็คือคำโกหกหลอกลวง”
กิ่งเหมย พยายามปลอบใจ
“ฉันเชื่อว่าที่พ่อคุณต้องโกหกคงเพราะมีเหตุจำเป็น”
“มันไม่มีอะไรจำเป็นนอกจากพ่อเห็นแก่ตัวเองหรอก”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า...คุณควรกลับไปก่อนเพราะข้างในคงไม่ปลอดภัย”
“ไม่...ฉันจะไม่ยอมให้พ่อทำเรื่องเลวร้ายอีก”
ดุจแพรไม่ฟังคำเตือนของกิ่งเหมยหุนหันรีบเดินเข้าไป
“คุณดุจแพร”
กิ่งเหมยร้องเรียกและจะตามไปด้วยแต่อยู่ๆสายตาของเธอก็เกิดพร่าเลือนเป็นอาการบอดกลางคืนขึ้นมาทำให้ สะดุดล้มตามดุจแพรไม่ทัน

พวกลูกน้องของทั้งสองฝ่ายเข้าตีกันแลกหมัดแลกอาวุธกันอย่างบ้าคลั่ง บ้างล้มเจ็บ บ้างโดนรุมกระทืบ กิจชัยโชว์ฝีมือเล่นงานพวกพิราบดำที่เข้ามารุม ส่วนเก่งกับนนท์จับคู่แลกหมัดซัดกัน เจ้าสัวเล้งกับตงเข้ามาเผชิญหน้ากันแล้วตั้งท่าลุยเข้าใส่วัดกันด้วยเชิงหมัด ทั้งคู่ฝีมือสูสีกินกันไม่ลง หยกที่บาดเจ็บเพราะเพิ่งสู้กับเจ้าสัวเล้งไปเป็นฝ่ายถอยออกมายืนมองดูเหตุการณ์ตะลุมบอน ระหว่างนั้นเองดุจแพร โผล่เข้ามายืนตะลึงกับการตีรันฟันแทงของพวกนักเลง หยกเห็นดุจแพรก็เป็นห่วงรีบเข้าไปดึงตัวออกมาห่างๆ
“นี่คุณมาที่นี่ได้ยังไง…ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ปล่อยฉันนะหยก”
“ผมให้คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้ มันอันตราย”
ดุจแพรไม่ฟังผลักอกหยกแล้วต่อว่า
“เธอไม่ต้องมายุ่งกับฉัน เธอช่วยพ่อโกหกฉัน ไปให้พ้น”
ดุจแพรผลักหยกแล้วเข้าไปหาตงที่เพิ่งพลาดท่าถูกเจ้าสัวเล้งเล่นงานจนล้มกลิ้ง ตงตกใจที่เห็นลูกสาวโผล่มา
“แพร...นี่ลูกตามป๋ามาทำไม...ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ถ้าแพรไม่ตามมา แพรจะได้มาเห็นกับตาเหรอว่าป๋าโกหกแพร...ป๋าทำอย่างนี้กับแพร ได้ยังไง”
“นี่ไม่ใช่เวลามาถามอะไรแบบนี้ ออกไปจากที่นี่”
ระหว่างนั้นเองลูกน้องแกงค์พิราบดำคนหนึ่งชักปืนออกมาจะยิงตง เจ้าสัวเล้งหันไปเห็นก็รีบร้องห้าม
“อย่า!!”
เจ้าสัวเล้งห้ามเสียงดังแต่ไม่ทันแล้วกระสุนลั่น…เปรี้ยง! ดุจแพรถูกลูกหลงกระสุนโดนหัวไหล่ล้มลงในอ้อมกอดของเสี่ยตง
“แพร!”
เล้งเข้าไปเล่นงานลูกน้องที่เป็นคนยิงดุจแพร กระชากคอมาชกหน้าจนทรุดฮวบ ตงเจ็บใจจะเอาเรื่องแย่งปืนมาจากลูกน้องจะยิงเจ้าสัวเล้ง
“ไอ้เล้ง…มึงตาย!”
แต่ตงไม่ทันจะเหนี่ยวไก ระหว่างนั้นเสียงไซเรนรถตำรวจดังเข้ามา หยกรีบบอก
“เสี่ยครับ…ตำรวจมาแล้ว รีบพาคุณหนูไปหาหมอเถอะครับ”
ตงยังผูกใจเจ็บกับเจ้าสัวเล้ง จ้องหน้ากันอย่างไม่วางตา หยกเตือน
“รีบไปเถอะครับเสี่ย”
“ป๋า…ป๋า”
ดุจแพรร้องเจ็บจนน่าสงสาร ตงเลยต้องตัดสินใจสั่งเก่งที่เข้ามาช่วยพยุงดุจแพร
“พาลูกสาวฉันไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“ครับเสี่ย”
เก่งรีบช้อนตัวอุ้มดุจแพรจะพาออกไปแต่ดุจแพรจับแขนหยกเอาไว้
“หยก…กิ่งเหมยอยู่ที่นี่ เขาเป็นห่วงเธอ”
หยกอึ้งไปเมื่อรู้ว่ากิ่งเหมยอยู่ที่นี่ด้วย รถตำรวจเข้ามาถึงที่ พวกนักเลงพากันล่าถอยรวมทั้งเจ้าสัวเล้งและพวกกิจชัย

กิ่งเหมยเดินอยู่คนเดียวเพราะมองเห็นไม่ชัด ได้ยินแต่เสียงเอะอะโวยวาย
“หยก…หยก…เธออยู่ไหน…หยก”
ระหว่างนั้นพวกลูกน้องกิจชัยวิ่งหนีตำรวจผ่านเข้ามาก็ชนเธอจนล้ม กิ่งเหมยเจ็บลุกไม่ขึ้นแต่ได้ยินเสียงหยกเรียกเธอ
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย…เธออยู่ไหน…กิ่งเหมย”
“ฉันอยู่ทางนี้…หยก…หยก!”
แต่ระหว่างที่หยกกำลังจะเข้ามา กิจชัยก็โผล่เข้ามาล็อคตัวกิ่งเหมยเอาไว้แล้วเอามือปิดปาก
“แกโผล่มาจังหวะนี้ดีเลยนังกิ่งเหมย”
“แกจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ”
“อยู่เฉยๆ แล้วฉันจะปล่อยแกไปแน่”
กิจชัยยิ้มร้ายแล้วลากตัวกิ่งเหมยออกไปด้วยกัน คล้อยหลังไม่นานหยกเข้ามาแต่ไม่เจอกิ่งเหมยก็ยิ่งเป็นห่วง

กิจชัยล็อคตัวกิ่งเหมยเดินออกมาเจอกับตำรวจที่จะมาจับ กิจชัยใช้กิ่งเหมยเป็นตัวประกัน
“ถอยไป...ไม่งั้นนังนี่เจ็บตัวแน่...ถอยไปสิเว้ย”
ตำรวจไม่กล้าเข้าไปจับกิจชัย จำเป็นต้องปล่อยให้กิจชัยพาตัวกิ่งเหมยออกไปด้วยกัน ระหว่างนั้นหยกตามเข้ามาแต่ตำรวจไม่รู้ว่าหยกเป็นสายตำรวจเลยหันไปเล่นงานเข้าชาร์จตัวจับกดพื้น
“ปล่อย...ปล่อยผม...บอกให้ปล่อย ผมไม่ใช่พวกมัน...ปล่อยผม”
ตำรวจไม่ฟังจับหยกใส่กุญแจมือแล้วคุมตัวเอาไว้ ระหว่างนั้นผู้การสมิงกับณรงค์เข้ามาพอดี
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้”
ตำรวจมองผู้การสมิงอย่างสงสัยเพราะมานอกเครื่องแบบ ณรงค์ต้องเอาบัตรตำรวจให้ดู
“ถ้าไม่อยากมีปัญหา รีบทำตามที่ผู้การสั่ง”
ตำรวจรีบขอโทษแล้วส่งตัวหยกให้ณรงค์ ผู้การสมิงบอกกับตำรวจ
“ไอ้หมอนี่ผมจะจัดการเอง พวกคุณไปจัดการกับพวกที่เหลือ”
ตำรวจท้องที่รับคำสั่งแล้วพากันออกไป
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“รีบไขกุญแจให้ผมด้วยครับท่าน กิ่งเหมยกำลังตกอยู่ในอันตราย”
หยกยื่นมือให้ณรงค์ช่วยไขกุญแจมือให้แล้วรีบตามกิจชัยไป

กิจชัยล็อคตัวกิ่งเหมยหนีรอดออกมาได้ไม่มีตำรวจตาม
“ขอบใจนะนังกิ่งเหมย...นี่ถ้าแกไม่โผล่มาป่านนี้ฉันคงโดนลากคอไปโรงพักแล้ว”
“ปล่อยฉันซะทีสิ”

“ได้...ไม่มีปัญหา”

กิจชัยผลักกิ่งเหมยจนล้มลงไปที่พื้น

“ไปสิ...ร้องโวยวายจนขี้หูฉันจะเต้นระบำได้อยู่แล้ว ฉันปล่อยแกแล้วก็รีบๆไสหัวไปเลย”
กิ่งเหมยยันตัวลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่เพราะสายตามองทุกอย่างเลือนลางไปหมดทำให้เดินสะเปะสะปะเหมือน คนตาบอด จนกิจชัยเห็นแล้วอดสงสัยไม่ได้
“นี่แกเป็นอะไรของแกเนี่ย ฉันไม่ได้ไปทำอะไรแกสักหน่อย ทำเป๋ไปเป๋มาอย่างกับคนตา บอดงั้นแหละ”
กิ่งเหมยพยายามเดินแต่ก็สะดุดล้มมองไม่เห็น กิจชัยชักสนใจแกล้งทดสอบเอามือโบกหน้าไปมา แล้วแกล้ง จับหน้า กิ่งเหมยปัดแล้วหันไปตบวืดผิดทาง
“อย่ามายุ่งกับฉัน...ไอ้สารเลว”
“เฮ้ย...นี่แกมองไม่เห็นจริงๆด้วยนี่หว่า”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”
กิจชัยหัวเราะชอบใจ
“ฮ่าๆ อยู่ๆแกเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย น่าสมเพทเวทนาสุดๆเลยว่ะ นังกิ่งเหมย ฮ่าๆ”
กิ่งเหมย เจ็บใจจนน้ำตาคลอ
“ฉันบอกให้แกไสหัวไปให้พ้น อย่ามายุ่งกับฉัน”
กิ่งเหมยไล่ตีกิจชัยแต่ก็วืดไปวืดมา ยิ่งทำให้กิจชัยสนุกใหญ่
“ไม่เอาน่า...ตาแกมองไม่เห็นอะไรแบบนี้ขืนปล่อยให้กลับไปคนเดียวมีหวังโดนรถชนแน่ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวจะช่วยสงเคราะห์พาไปส่งบ้านให้ แต่บอกก่อนนะแกต้องจ่ายค่า จูงมือเป็นตัวแก ฉันถึงจะช่วย”
กิจชัยว่าแล้วก็รวบกิ่งเหมยมาลวนลาม กิ่งเหมยตกใจดิ้นรน
“อย่านะ...ปล่อย...ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย...หยก...ช่วยฉันด้วย”
กิจชัยลวนลามกิ่งเหมยอย่างเมามัน พอกิ่งเหมยดิ้นสู้มันก็ชกท้องจนทรุดหมดสติ
“เสร็จล่ะนังกิ่งเหมย”
กิจชัยกำลังจะปลดกระดุมกางเกง แต่หยกโผล่เข้ามาถีบมันกระเด็น
“อู้ยย…ไอ้หยก ! นี่แกรอดจากตำรวจมาได้ยังไงวะ”
หยกไม่สนใจตอบเข้าไปเรียกสติกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย…กิ่งเหมย”
หยกเรียกเท่าไหร่กิ่งเหมยก็ยังไม่ได้สติ
“ไอ้หยก บอกมาเดี๋ยวนี้นะเว้ย ตำรวจเต็มไปหมดแบบนั้น แกรอดจากตำรวจมาได้ยังไง”
หยกรำคาญกิจชัยที่ยังสงสัยไม่เลิก ลุกขึ้นมาหักนิ้วหน้าตาเอาเรื่องแล้วบุกเข้าไปประเคนทั้งหมัด เข่า ศอก เล่น งานมันด้วยเชิงมวยจนกิจชัยโงนเงนเลือดกบปาก
“ถ้าฉันเห็นแกแตะต้องกิ่งเหมยอีก ฉันจะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง”
หยกเตะเสยปลายคางกิจชัยทีเดียวสลบเหมือด แล้วเข้าไปช้อนตัวอุ้มกิ่งเหมยขึ้นมา

หยกอุ้มกิ่งเหมยที่หมดสติออกมาจากตึกร้างเจอผู้การสมิงกับณรงค์ที่ตามมา
“หยก...เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าสัวเล้งถึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แล้วเจ้าสัวเกาหายไป ไหน”
“ท่านอย่างเพิ่งมาถามอะไรผมตอนนี้ได้มั้ยครับผมจะทำรายงานให้ทีหลัง ตอนนี้ผมต้อง พากิ่งเหมยกลับก่อน”
ณรงค์จับบ่ารั้งไว้หวังดี
“ฉันจะพากิ่งเหมยไปให้เองเพราะผู้การมีเรื่องต้องการรู้จากนายอีกมาก”
หยกหันมาขึ้นเสียงใส่ณรงค์อย่างไม่พอใจ
“วันนี้ความหวังที่ผมจะไม่ต้องทำงานนี้ อีกมันพังลงไปแล้ว ขอให้ผมมีชีวิตส่วนตัวของผมบ้างได้มั้ยครับ”
หยกพูดไปแล้วไม่สนใจว่าผู้การจะว่ายังไง เขาอุ้มพากิ่งเหมยเดินออกไป ผู้การสมิงจับบ่าณรงค์ไม่ให้ตาม

“ปล่อยเขาเถอะหมวด”
ค่ำนั้น...อาม่านั่งดูวีดิโองิ้วเรื่องโปรดอยู่ ตาก็มองเวลาเพราะว่าค่ำๆมืดๆแล้ว
“ไปไหนก็ไม่รู้จักบอก เถลไถลเรื่อยนะอาเหมย ดูสิป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
อาม่าบ่นไป ระหว่างนั้นเห็นส้มเช้งชะโงกหน้าเข้ามาเมียงๆมองๆหลบไม่ให้อาม่าเห็น ก่อนจะบ่นกับตัวเอง
“ไอ้กิ่งเหมย...แกทำให้ฉันต้องหาเรื่องเดือดร้อนเรื่อยเลย เพื่อแกเลยนะเนี่ย”
ส้มเช้งพูดไปก็หยิบเอามือถือออกมาแล้วกดโทรออกเข้าเบอร์บ้าน
“สงสัยจะเป็นอาเหมย” อาม่ารับสาย “อาเหมย...นี่ลื้ออยู่ไหน ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับ”
อาม่าไม่ได้ยินเสียงปลายสายก็แปลกใจถามซ้ำ
“อาเหมย...นั่นลื้อรึเปล่า...ฮัลโหล...ฮัลโหล”
ระหว่างอาม่ากำลังยุ่งอยู่กับโทรศัพท์ ส้มเช้งรีบย่องผ่านหลังอาม่าแล้วเข้าไปในบ้านอย่างเงียบๆ
“ฮัลโหล...โทรมาแล้วไม่พูด จะกวนประสาทเหรอไง...ฮัลโหลๆ”
อาม่าเหลืออดขี้เกียจถามเลยวางหูไปก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูดังมาจากห้องกิ่งเหมย
“อ้าว...อาเหมย...นั่นลื้อกลับมาแล้วเหรอ”

อาม่ามาเคาะประตูเรียก
“อาเหมย...อาเหมย...อาม่าเห็นลื้อแว้บๆ ลื้อกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
ส้มเช้งที่แอบเข้าไปในห้องกิ่งเหมยรีบทำเป็นไอค่อกแค่กเอามือปิดปากให้เสียงที่พูดออกมาอู้อี้ๆ
“เข้ามาเมื่อกี้ตอนอาม่ากำลังโทรศัพท์อยู่จ้ะ”
“เหรอ...” อาม่าฟังเสียงแล้วสงสัย “ทำไมเสียงลื้อแปลกๆล่ะ”
ส้มเช้งรีบไอกลบเกลื่อนเสียงดังๆเข้าไว้
“เหมย...เหมยว่าไม่สบาย เจ็บคอค่ะอาม่า”
“ไม่สบายเหรอ...งั้นเปิดประตูให้อาม่าหน่อย อาม่าจะได้ดูว่าต้องเอายาอะไรให้ลื้อกิน”
ส้มเช้งรีบปฏิเสธ
“อย่าเข้ามาเลยอาม่าเดี๋ยวติดหวัด เหมยซื้อยามากินแล้ว ตอนนี้ง่วงมากเลย นอนพักเดี๋ยวก็หาย”
“แน่ใจนะ”
“จ้ะอาม่า”
“ก็ได้...นอนพักเยอะๆล่ะ”
อาม่าเตือนหลานสาวแล้วเดินออกไป ส้มเช้งเป่าปากโล่งอก

หยกคุยโทรศัพท์กับส้มเช้ง
“ขอบใจมากนะส้มเช้งที่ช่วยโกหกอาม่าให้”
“ไม่ต้องมาขอบใจฉันเลย ที่ฉันยอมช่วยเพราะไม่อยากให้ไอ้เหมยถูกอาม่าด่าต่างหาก เวลามันโดนด่าทีไรทั้งสงสารมัน สงสารตัวเองที่ห้ามไม่ให้มันยุ่งกับแกไม่ได้”

“ฉันขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้กิ่งเหมยต้องเจอเรื่องร้ายๆอีก”

“คำขอโทษของแกฉันได้ยินจนเบื่อแล้วเหมือนกัน รู้ไว้ด้วยนะว่าไอ้เหมยมันห่วงแกยิ่ง กว่าอะไร เพราะฉะนั้นแกต้องสัญญาว่าห้ามทำอะไรเพื่อนฉันเด็ดขาด”
“ฉันสัญญา กิ่งเหมยจะต้องปลอดภัย เพราะลมหายใจของฉันมีไว้เพื่อปกป้องกิ่งเหมย”
หยกคุยกับส้มเช้งเสร็จก็กลับเข้ามาที่ห้องพัก พร้อมอ่างน้ำกับผ้าเช็ดตัว ชุบน้ำบิดหมาดเช็ดหน้าเช็ดตาให้ อย่างเป็นห่วง ระหว่างนั้นกิ่งเหมยรู้ตัว
“หยก !”
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ฉันจัดการกับไอ้กิจชัยไปแล้วล่ะ”
“เธอทำอะไรมัน”
“ฉันไม่ได้ฆ่ามันหรอก...ก็แค่สั่งสอนให้มันเลิกยุ่งกับเธอ”
“แล้วเธอล่ะเป็นอะไรรึเปล่า”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
“เธออย่าโกหกฉันนะ...มาให้ฉันดูหน่อย”
กิ่งเหมยไม่ค่อยเชื่อพยายามใช้มือคลำตามตัวหยกเพราะสายตาพร่าเลือนมองไม่ชัด หยกสงสัย
“เดี๋ยว...นี่เธอมองไม่เห็นเหรอ”
กิ่งเหมยชะงัก
“ฉันยังพอเห็นอยู่บ้าง แต่ว่ามันเริ่มไม่ชัดมากขึ้นทุกทีแล้ว”
“หมายความว่าเวลาที่หมอบอกไว้ มันใกล้เข้ามาแล้วเหรอ”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับอย่างเศร้าๆ หยกสงสารจับใจ เลยจับมือเธอให้มาจับที่ต้นแขนที่มีผ้าพันแผลจากการที่ถูกเจ้าสัวเล้งยิงจนบาดเจ็บ
“ที่ฉันเจ็บก็มีแค่นี้เท่านั้น แต่เจ็บแค่นี้มันก็ยังน้อยเกินไปถ้าเทียบกับสิ่งที่เธอจะต้องเจอ”
กิ่งเหมยน้ำตาคลอเบ้าเสียใจ
“หยก...”
หยกดึงเธอมากอดแน่น
“ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปเพราะฉัน ฉันจะไม่ ให้อภัยตัวเอง มันจะต้องเป็นตราบาปติดอยู่ในใจฉันไปตลอดชีวิต”
“ที่ฉันต้องไปตามหาเธอเพราะฉันเป็นห่วงเธอ ฉันรู้ว่าเสี่ยตงต้องเรียกใช้ให้เธอไปทำเรื่อง อันตราย”
กิ่งเหมยมองหยกด้วยสายตาพร่าเลือน แล้วใช้สองมือประครองแก้มเขา
“ตอนที่ฉันตามหาเธอ ฉันเองก็กลัวเหมือนกัน แต่เมื่อฉันได้ยินเสียงเธอ ฉันก็รู้ว่าฉันต้อง ปลอดภัย”
หยกสบตาแล้วจับมือเธอมาแนบอก ทั้งคู่สบตามองกันอย่างใกล้ชิดจนแทบได้ยินเสียงหัวใจเต้น


ตงเดินไปเดินมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ส่งเสียงโวยวายเอะอะดังไปทั่ว
“ป่านนี้แล้ว ทำไมหมอยังไม่มา หายหัวไปไหนกันหมด”
พยาบาลเข้ามาบอก
“เรายังผ่าตอนนี้ไม่ได้ค่ะ ต้องตามให้อาจารย์หมอมาผ่าให้ เพราะกระสุนฝังอยู่ในจุดที่ เสี่ยงเป็นอัมพาต”
“แต่ลูกสาวฉันกำลังจะเป็นจะตาย ฉันรอไม่ได้เข้าใจมั้ย”
ระหว่างนั้นหมอเข้ามาพอดี
“หมอมาแล้วค่ะ”
ตงรีบเข้าไปกระชากคอเสื้อหมอมาสั่งเสียงแข็ง
“หมอต้องช่วยชีวิตลูกสาวผมให้ได้ ห้าม ทำให้ลูกสาวผมตายเด็ดขาด แม้แต่พิการก็ไม่ได้ด้วย”
หมอแกะมือตงแล้วตอบกลับอย่างสุภาพ
“ผมเป็นหมอ ผมต้องพยายามช่วยคนเจ็บอยู่ แล้วครับ”
หมอกับพยาบาลพากันเข้าไปในห้อง ตงเดินไปเดินมาเป็นห่วงหงุดหงิดงุ่นง่าน หันมาลงกับเก่งกระชากคอเสื้อเก่ง
“ลูกสาวฉันต้องไม่เป็นอะไร...แกเข้าใจมั้ย”
เก่งชะงัก
“เอ่อ...ครับเสี่ย...คุณหนูต้องปลอดภัยแน่นอนครับ”
ตงผลักเก่งจนเซแล้วหน้าเครียด


ในห้องผ่าตัด...ดุจแพรนอนหมดสติให้หมอผ่าตัดเอากระสุนออก เสียงกราฟชีพจรของเธอค่อยๆแผ่ว หมอลุ้นกับ การผ่าตัดช่วยชีวิตเพื่อยื้อเธอเอาไว้


หยกกับกิ่งเหมยนิ่งสบตากัน กิ่งเหมยใช้สองมือลูบใบหน้าของเขาสัมผัสด้วยความรู้สึกรักเขามาก ลมหายใจ ของทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนทำให้หยกเก็บความรู้สึกไม่ไหวเชยคางเธอมาจูบเบาๆ ครั้งนี้กิ่งเหมยไม่ได้ปฏิเสธเพราะเผลอปล่อยใจล่องลอยไปกับสัมผัสของเขา แต่เพียงชั่วครู่ก็เรียกสติตัวเองกลับ มาแล้วรีบดันตัวเขาออก
“เราไม่ควรทำแบบนี้นะหยก”
หยกชะงัก
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรล่วงเกินเธอ”
กิ่งเหมยไม่พูดอะไรรีบลุกจะกลับ แต่หยกคว้ามือไว้
“ถ้าจะกลับก็ไม่ต้องหรอก ค้างที่นี่เถอะ ฉันให้ส้มเช้งช่วยโกหกอาม่าให้แล้วว่าเธอไม่ สบายอยู่ที่บ้าน ถ้าโผล่ไปตอนนี้ความลับคงแตก คืนนี้ฉันจะออกไปนอนข้างนอกเอง”
หยกบอกกิ่งเหมยแล้วเดินออกไป



ตงรออยู่ข้างนอกห้องผ่าตัดอย่างกระวนกระวาย
“อะไรวะ...ป่านนี้แล้วทำไมยังเสร็จอีก”
“ใจเย็นนะครับเสี่ย...ผ่าตัดมันก็ต้องใช้เวลา”
ตงดึงคอเสื้อเก่งมาจ้องเขม็ง
“แกเตรียมตัวไว้เลยถ้าหมอช่วยลูกสาวไม่ได้ ฉันจะถล่มโรง พยาบาลนี่ให้เละเป็นโจ๊ก”

กำลังโหลดความคิดเห็น