หยกเลือดมังกร ตอนที่ 5
“คนที่เป็นห่วงแก เขาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว และก็เล่าหมดทุกอย่างรวมทั้ง...เรื่องนี้ด้วย”
ธงรบชกหน้าทันที หยกถึงกับเซเพราะแรงหมัด
“ฉันว่าฉันควรจะจับแกโยนเข้าคุกซะดีกว่า แกจะได้ไม่ออกมาเพ่นพ่านทำร้ายจิตใจคุณ กิ่งเหมยอีก...ไอ้กุ๊ย!”
ธงรบตามเข้าไปกระชากคอจะซ้ำ แต่หยกสวนกลับแล้วแลกหมัดสู้กับธงรบกันไปมา ระหว่างนั้นผู้การสมิงเดินเข้ามาเห็นว่าตำรวจที่กำลังเล่นงานหยกคือธงรบหลานชายตัวเอง
“ธงรบ...นี่แกเองเหรอ”
ผู้การสมิงหนักใจไม่คิดว่าหลานจะมาเกี่ยวข้องกับสายของตัวเอง เลยจำเป็นต้องหาทางจัดการ...หยกกับธงรบแลกหมัดกันไปมา เสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยง !กระสุนปืนเฉี่ยวหัวธงรบไปไม่กี่เซ็นต์ ธงรบรีบกระโจนหลบแล้วชักปืนออกมายิงตอบโต้กลับไปหลายนัดจนทุก อย่างนิ่งสงบ ทั้งคนที่ลอบยิงธงรบและหยกต่างพากันหายไปอย่างรวดเร็ว
“โธ่เว้ย” ธงรบตะโกนอย่างหัวเสีย
ตงยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบหลังจากฟังเก่งเล่าเรื่องหยกจบ
“เท่าที่ฉันฟังจากไอ้เก่ง แล้วฟังจากแก ไอ้หยกคนนี้มันก็น่าสนใจ แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ฉัน จับได้ว่ามีสายของตำรวจเข้ามาแฝงตัว พวกแกคิดว่าฉันควรจะไว้ใจใครได้อีก”
“เอ่อ...ถ้าเสี่ยคิดว่าไอ้หยกไม่น่าไว้ใจ ผมจัดการเขี่ยมันไปให้ก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้เสี่ย พอใจ ผมจัดให้ได้หมด”
“งั้นแกโทรตามให้มันมาหาฉัน...ตอนนี้เลย”
ตงพูดไปแล้วก็หันมาหมุนปืนที่วางอยู่บนโต๊ะแววตาร้ายเหี้ยม
ผู้การสมิงกับหยกย้ายมาเจอกันใหม่ที่ใต้ทางด่วน
“หมวดธงรบเป็นหลานชายของผู้การเหรอครับ” หยกหน้าเหวอเมื่อรู้เรื่องจากผู้การ
“ใช่...เป็นตำรวจฝีมือดี ทำงานตรงไปตรงมา เคยขอให้ฉันเอาเข้าหน่วยเพื่อจะมาช่วย งานฉัน แต่เขาไม่เหมาะกับหน่วยงานของฉัน ไม่เหมือนกับเธอ”
“ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นหลานผู้การหรือเป็นตำรวจฝีมือดีมาจากไหน แต่ถ้าเขายังตาม รังควาญผม เขาจะทำให้แผนของเราเสีย”
“เอาเป็นว่าฉันจะพยายามหาทางกันเขาให้ห่างจากเธอ”
หยกนิ่งไปแล้วหันมาจับกรามที่โดนธงรบชกไป ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หยกเอามาดูพบว่าเป็นเบอร์ ของกิจชัย หยกกดรับสาย
“ว่าไง...เสี่ยอยากเจอฉันเหรอ”
ผู้การสมิงหันมาสนใจ
“ได้...ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หยกวางสายแล้วหันมาหาผู้การ
“ได้ยินแล้วนะครับผู้การ...โอกาสเข้าถึงตัวเขามาถึงแล้ว”
“คงเพราะเรื่องเมื่อคืนนี้ มันถึงต้องการเจอเธอ” ผู้การสมิงเข้าไปจับบ่าอย่างเป็นห่วง “อย่าประมาท นะหยก ไอ้เสี่ยตงไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้รักษาชีวิต ของเธอเอาไว้เป็นอันดับแรก”
“ครับ...ยังไงผู้การก็จัดการเคลียร์เรื่องหลานชายให้ด้วย ถ้าเขายังสงสัยผมอยู่ ผมมีหวัง ถูกเปิดโปงแน่”
หยกพูดเสร็จก็สวมหมวกกันน็อคแล้วบิดมอเตอร์ไซค์ออกไป
หยกเดินเข้ามาในห้องเห็นตงนั่งอยู่กับกิจชัย หน้าของกิจชัยดูกระอักกระอ่วน เหงื่อแตก ผุดเป็นเม็ดๆ หยกยกมือไหว้
“สวัสดีครับเสี่ย”
“นั่งก่อนสินายหยก”
หยกรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในห้องนี้ จากท่าทางร้อนรนและดูไม่ปกติของกิจชัย
“เฮ้ย...เสี่ยเรียกให้นั่งก็นั่งสิวะ มื้อนี้เสี่ยเขาตั้งใจเลี้ยงเหลาแกกับฉันเลยนะเว้ย”
หยกหันไปมองตงที่พยักหน้ารับ หยกจึงขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงตรงข้ามกับกิจชัยที่ใต้โต๊ะ กิจชัยกำปืนเอาไว้แน่น แถมมือยังสั่นอีกต่างหาก หยกมองหน้ากิจชัยสงสัยพิรุธ
ก่อนหน้านี้...กิจชัยวางสายโทรศัพท์ที่เพิ่งโทรหาหยก
“ผมโทรตามไอ้หยกมาแล้วครับ อีกเดี๋ยวมันก็คงมาถึง”
“ดี...งั้นก็เอานี่ไป”
ตงยื่นปืนให้กิจชัยที่รับมาอย่างสงสัย
“แกบอกฉันว่าแกทำตามที่ฉันสั่งได้หมดใช่มั้ย”
“ใช่ครับเสี่ย”
“งั้นถ้าฉันเห็นว่าไอ้หยกมันไม่น่าไว้ใจ ฉันจะสั่งให้แกเก็บมันต่อหน้าฉัน แกก็ทำได้โดย ไม่มีปัญหาใช่มั้ย”
กิจชัยอึ้ง
“เสี่ย”
“ว่าไง”
“ได้ครับ”
พนักงานเสิร์ฟรินชาใส่แก้วให้หยกเสร็จ ตงพยักหน้าให้ออกไป
“ไอ้กิจชัยเล่าให้ฉันฟังเรื่องเมื่อคืนนี้แล้ว แกเป็นคนจัดการเก็บไอ้กวงใช่มั้ย”
หยกนิ่งไปแล้วมองหน้ากิจชัยก่อนจะตอบ
“ครับเสี่ย”
“แกรู้รึเปล่าว่าแก๊งค์ของไอ้กวงไม่ใช่แก๊งค์กระจอกๆ นอกจากไอ้กวงแล้วยังมีแก๊งค์อื่น ที่เป็นพรรคพวกเดียวกับมันอีก”
“ผมพอจะได้ยินมาเหมือนกันครับเสี่ย”
“ถ้าแกรู้ งั้นที่แกฆ่ามันก็เท่ากับแกกำลังหาเหาใส่หัวให้ฉัน” ตงตบโต๊ะเสียงดัง “และคนที่ทำ ให้ฉันเดือดร้อน ฉันก็ไม่ควรจะเก็บมันไว้ใช่มั้ย”
สิ้นเสียงสั่งกิจชัยลุกพรวดยกปืนเล็งไปที่หยกทันที หยกอึ้งรีบลุกขึ้นแต่เก่งเข้ามาเอาปืนจ่อหยกจากข้างหลัง
“อยู่เฉยๆดีกว่า...ยังไงแกก็หนีไม่รอด ถ้าไม่ตายเพราะลูกปืนฉันก็ตายเพราะลูกปืน พวกแก”
หยกนิ่งไปมองหน้ากิจชัยที่เล็งปืนมาที่ตน ท่าทางของกิจชัยดูหนักใจ
“ฉันขอโทษนะไอ้หยก...ฉันต้องฟังคำสั่งเสี่ย ถ้าเสี่ยไม่ไว้ใจใคร ฉันมีหน้าที่ต้องจัดการ”
นิ้วกิจชัยแตะที่ไกปืน หยกจ้องเขม็งขณะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย !!
ดุจแพรเข้ามาในภัตตาคารอาหารจีน แต่ระหว่างกำลังเข้าไปด้านใน ลูกน้องของตงรีบมาขวาง
“ขอโทษด้วยครับคุณหนู...เสี่ยกำลังติดธุระอยู่”
“ธุระอะไร”
“เอ่อ...ผมไม่ทราบครับ”
“งั้นก็หลบไป ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับป๋า”
“ไม่ได้ครับ...ต้องรอให้เสี่ยเสร็จธุระก่อน”
ดุจแพรมองหน้าลูกน้องของพ่ออย่างไม่พอใจแล้วทำทีเป็นยอมถอยกลับ แต่พอลูกน้องตายใจเธอก็รีบเดินดิ่งไป ต่อทันที ทำเอาลูกน้องตกใจ
ในห้องส่วนตัว กิจชัยจ่อปืนใส่หยกที่ไม่มีสีหน้าสะทกสะท้าน
“รออะไรอยู่ไอ้กิจชัย หรือว่าแกไม่กล้าฆ่ามัน”
กิจชัยหน้าเครียดนิ้วแตะไกมือสั่นๆ หยกพูดขึ้นนิ่งๆ
“ฉันรู้ว่าแกต้องทำตามคำสั่ง แต่แกน่าจะรู้ดีว่าระหว่างอยู่ในคุกฉันเป็นยังไง ถ้าฉันจะแก้ แค้นแก ป่านนี้แกคงไม่มีโอกาสกลับมาทำงานกับเสี่ยหรอก”
กิจชัยนิ่งไป หยกหันไปหาตง
“เสี่ย...เหตุผลเดียวที่ผมหันหลังให้พวกตำรวจ เพราะผมไม่เชื่อว่าความยุติธรรมจะทำให้ ผมอยู่รอดได้ ผมอยากมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้เหมือนอย่างเสี่ย ผมจะได้เอาไปแก้ แค้นพวกตำรวจที่ไม่เคยช่วยเหลืออะไรผมเลย”
ตงฟังคำพูดของหยกอย่างสนใจ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะดัง
“ฮ่าๆ ไอ้หยก ดูๆไปแกมันเหมือนกับฉันตอนหนุ่มๆไม่มีผิด สายตาแบบนี้แหละที่ทำให้ จับกังแบกข้าวสารอย่างฉันก้าวขึ้นมาเป็นเสี่ยตงได้อย่างทุกวันนี้”
กิจชัยงง
“เอ่อ...เสี่ยครับ ตกลงจะให้ผมฆ่ามันมั้ย”
ตงหยุดหัวเราะมองหยกตาต่อตา ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็ง
ดุจแพรดินเข้ามาถึงหน้าห้อง ลูกน้องตามเข้ามาห้าม
“อย่าครับคุณหนู...เดี๋ยวพวกผมจะโดนเสี่ยเล่นงาน”
“ฉันไม่ให้พวกเธอเดือดร้อนหรอก...หลบไป”
ดุจแพรผลักลูกน้องพ่อให้หลบทางแล้วเปิดประตูเข้าไป ในห้องไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยกกับกิจชัยนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับตง ดุจแพรชะงัก
“นายหยก...นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เขามาคุยงานกับป๋า แล้วลูกล่ะ...มาทำอะไรที่นี่”
“มีเรื่องงานจะมาคุยกับป๋าค่ะ มีคนเขาลือกันว่าที่ดุจได้งานใหญ่ไปทำ เพราะมีมือดีลาก คู่แข่งไปซ้อมจนต้องยอมถอนตัว”
หยกหันไปหาดุจแพร
“ขอโทษด้วยนะครับคุณหนู เรื่องนั้นผมก็ได้ยินมา แต่มันก็เป็นแค่การปล้นทรัพย์ธรรมดา ไม่ได้เกี่ยวกับเสี่ยหรอกครับ”
ดุจแพรมองหนเหยก
“เธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“คดีนี้อยู่บนโรงพักเจ้าทุกข์ก็แจ้งความไว้ ถ้าคุณหนูไม่เชื่อ จะให้ผมพาไปโรงพักก็ได้ จะได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวคนอื่นครหาว่าคุณหนูใช้แผนสกปรกทำธุรกิจ”
ตงตัดบท
“อ้อ...ป๋าลืมแนะนำไป เห็นว่าลูกอยากให้ป๋าตอบแทนนายหยกที่ช่วยชีวิตลูกไว้ ป๋าก็ เลยย้ายให้เขาไปช่วยงานลูก ถ้าอยากใช้ให้เขาทำงานอะไรก็บอกได้เลย ลูกน้องป๋า คนนี้ไว้ใจได้”
“ผมยินดีรับใช้คุณหนูครับ”
ดุจแพรมองหยกอย่างแปลกใจที่อยู่ๆ พ่อก็ให้เขามาช่วยงาน
หยกกับกิจชัยมาส่งเสี่ยตงที่รถที่จอดรอรับหน้าร้าน ตงหันมาพูดกับหยก
“ที่ฉันให้โอกาสแก เพราะเห็นว่าแกมีความทะเยอทะยานเหมือนฉันตอนหนุ่มๆ ถ้าแกจง รักภักดีกับฉัน โอกาสก้าวหน้ามีแน่ แต่ถ้าแกคิดไม่ซื่อกับฉัน...หรือแม้แต่ลูกสาวฉันล่ะก็ นรกมาเยือนแกกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแกแน่...ไอ้หยก”
“ครับเสี่ย...ผมจะทำงานให้เสี่ยอย่างเต็มที่”
ตงรับฟังแล้วเข้าไปนั่งในรถ เก่งช่วยปิดประตูให้แล้วเข้าไปนั่งหน้าคู่กับคนขับ รถแล่นออกไป หยกมองตามไปได้ครู่กิจชัยก็เข้ามาตบบ่า
“โชคดีของแกจริงๆเลยว่ะ นอกจากจะทำให้เสี่ยไว้ใจได้ เสี่ยยังมอบหมายหน้าที่ดูแล คุณหนูให้อีก คารมไม่เบาเลยนะไอ้หยก”
หยกหันมาจ้องหน้ากิจชัยเขม็งเหมือนจะเอาเรื่อง กิจชัยหน้าตื่น
“เฮ้ย...อย่ามองฉันแบบนี้สิวะ ที่ฉันจำเป็นต้องขายแก เพราะถ้าไม่ทำ ฉันก็ต้องโดนเสี่ย เล่นงาน ลืมๆไปเถอะวะ”
หยกกำหมัดอยากจะชกหน้ามันซะจริง แต่จังหวะนั้นมองผ่านกิจชัยไปที่ดุจแพรซึ่งออกมาจากร้าน
“ฉันไม่ว่าแกหรอก แต่ต่อไปนี้ฉันคงไว้ใจอะไรแกไม่ได้อีกแล้ว”
หยกตอกหน้ากิจชัยแล้วเดินกระแทกไหล่ตามดุจแพรไป กิจชัยมองตามอย่างเจ็บใจ
“ไอ้หยก ได้ดีแล้วทำลืมกู...มึง!”
รถดุจแพรแล่นมาตามถนน ดุจแพรมองผ่านกระจกหลังเห็นหยกขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาตลอดทาง เธอสงสัยเลยขับจอดข้างทาง หยกตามมาจอดต่อท้าย ดุจแพรรีบลงจากรถเข้าไปถามทันที
“เธอตามฉันมาทำไม”
“เสี่ยสั่งให้ผมช่วยดูแลคุณหนู”
“ดูแลฉัน...ฉันดูแลตัวเองได้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาตามฉันตลอดเวลาหรอก”
“คุณหนูรู้ใช่มั้ยเรื่องที่มีคนคิดเล่นงานเสี่ยอยู่”
“ฉันรู้...ไม่งั้นป๋าคงไม่มีลูกน้องเดินตามเป็นพรวนแบบนี้หรอก”
“ใช่ครับ...เสี่ยถึงไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนูเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...”
หยกเดินไปเปิดประตูรถ
“คุณหนูไม่ต้องสนใจว่าผมจะตามคุณหนูอยู่ ทำเป็นว่าไม่เห็นผมอยู่ในสายตา แล้วเชิญ คุณหนูใช้ชีวิตตามปกติ”
ดุจแพรมองหยกอย่างไม่ค่อยพอใจ เพราะชอบใช้ชีวิตอิสระ หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ หยิบแว่น ดำมาสวมแล้วยิ้มร้าย
“อยากตามนักใช่มั้ย...ตามให้ทันแล้วกัน”
ดุจแพรเข้าเกียร์แล้วแตะคันเร่ง ก่อนจะออกตัวล้อฟรีพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว หยกมองตามแล้วยิ้มเยาะ
“พวกคุณหนูเอาแต่ใจ สงสัยต้องโดนสั่งสอนสักหน่อย”
ดุจแพรขับรถมาตามถนนอย่างเร็ว มองผ่านกระจกหลังเห็นหยกขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลัง
“ยังกล้าตามมาอีกเหรอ...ดูถูกฉันเกินไปแล้ว”
ดุจแพรแตะคันเร่ง เร่งความเร็วขึ้นกว่าเดิม รถแล่นฉิวทิ้งห่างไป หยกขี่มอเตอร์ไซค์ตามเห็นว่ารถดุจแพรทิ้งห่างไปก็หักเลี้ยวออกจากถนนหลัก
ดุจแพรขับรถมาจอดที่ลานจอดรถหน้าอาคาร ฟิตเนส เธอยิ้มเยาะชอบใจที่หลุดจากหยกมาได้
“เชอะ...ต่อไปจะได้ไม่กล้าตามฉันอีก”
ดุจแพรยิ้มชอบใจในฝีมือตัวเองได้ครู่ เสียงหยกก็ดังแทรกเข้ามา
“รับกาแฟสักแก้วมั้ยครับคุณหนู”
ดุจแพรชะงักหันขวับไป เห็นหยกนั่งดูดกาแฟเย็นอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์ มือหนึ่งดูดของตัวเอง อีกมือถือแก้ว กาแฟของดุจแพร
“ผมมาถึงนานแล้วครับ เลยแวะไปซื้อกาแฟมาให้ก่อน”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่”
“เสี่ยให้ผมคอยดูแลคุณหนู ผมก็ต้องรู้เรื่องของคุณหนูบ้างสิครับ” ชายหนุ่มยื่นแก้วกาแฟให้ “นี่ครับกาแฟร้านโปรดของคุณหนู”
หยกยิ้มกวนๆให้ ดุจแพรรู้สึกไม่ชอบใจ
“ไม่ ! ฉันไม่กิน”
ดุจแพรสะบัดหน้าเดินออกไป แต่หยกเดินตามไปบอก
“ผมจะรอคุณหนูอยู่ข้างนอกนี่นะครับ”
ดุจแพรหงุดหงิดหันขวับทันที เลยชนกับหยกที่เดินตาม หน้าทั้งคู่เกือบชนกัน แก้วกาแฟหกเลอะเสื้อผ้าของเธอ
“ขอโทษครับคุณหนู...ผมไม่ตั้งใจ”
หยกรีบเช็ดเสื้อให้ดุจแพร แต่มือไปถูกหน้าอกอย่างไม่ตั้งใจ
“ตาบ้า...แตะอั๋งฉันเหรอ”
ดุจแพรตบหน้าหยกจนหน้าหัน
“ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”
ดุจแพรถอยไม่อยากให้เขาเข้ามาใกล้ ระหว่างนั้นมานพเข้ามาเห็นพอดีเลยเข้าใจผิดกระชากไหล่หยกมาชก เปรี้ยงจนล้มลงไป
“ไสหัวแกไปให้พ้นเลย ถ้าเห็นว่าแกมายุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีก ฉันกระทืบแกตายแน่”
หยกจ้องหน้ามานพเขม็ง เช็ดเลือดมุมปาก ดุจแพรพยายามจะอธิบาย
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ...เขาไม่ใช่...”
ดุจแพรพูดไม่ทันจบ หยกรีบพุ่งตัวเข้าไปซัดกับมานพแลกหมัดกันไปมา ดุจแพรยิ่งตกใจ
“หยุดนะ...บอกให้หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้!”
ดุจแพรตะโกนสุดเสียง ทำเอามานพกับหยกพากันชะงัก
“นายหยก…กลับไปได้แล้ว ถ้าฉันยังเห็นนายอีก ฉันจะบอกป๋าให้ไล่นายออก”
หยกนิ่งไปแล้วแกะมือมานพที่จับคอเสื้อตัวเองอยู่สะบัดออก ดุจแพร ไล่
“ไปสิ”
หยกยอมเดินไปที่มอเตอร์ไซค์กลับไปตามที่เธอสั่ง ดุจแพรหันมามองมานพที่ได้เลือดซิบๆมุมปาก
ในฟิตเนส ดุจแพรช่วยเอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่มุมปากให้มานพ
“ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ ผมไม่ทราบว่าไอ้หมอนั่นเป็นคนของพ่อคุณ เห็นแต่มันกำลัง ลวนลามคุณผมก็เลย...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ขอบคุณมากที่เป็นห่วงฉัน”
“ผมก็แค่อยากให้คุณเชื่อว่า ผมไม่ใช่ผู้ชายที่คุณไว้ใจไม่ได้”
มานพพยายามหยอดคำหวานให้เธอไว้ใจ จนดุจแพรนิ่งไป
“แต่ถ้าคุณเห็นว่าผมไว้ใจได้แล้ว เราไปหาอะไรทานกันมั้ยครับ”
“วันนี้ฉันคงต้องขอตัว ขอไว้เป็นโอกาสหน้าแล้วกัน ขอบคุณนะคะ...คุณมานพ”
ดุจแพรออกไป มานพมองตามผ้าเช็ดหน้าที่เธอทิ้งไว้ให้ซับเลือดยังอยู่ในมือ มานพกำมันไว้แน่นแล้วมองตาม สายตาร้ายลึก
“ลงทุนเจ็บตัวซะขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอหลุดมือไปหรอก”
มานพดูร้ายเอาเรื่อง ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ดวงแขอยู่ที่โรงสีโทรตามมานพ
“ตานพ...นี่แกอยู่ไหน”
“ผมก็มาทำงานไงครับแม่”
“แกไม่ต้องมาโกหก...ฉันอยู่ที่โรงสี”
มานพชะงักไป
“แม่ไปทำอะไรที่นั่น”
“ฉันมีคนที่อยากแนะนำให้แกรู้จัก”
“ผมไม่ว่างหรอกแม่ ถ้าแม่อยากให้เขามาช่วยงานที่โรงสีก็ให้เขาทำไปเลย จะทำอะไรก็ ได้ ขอให้ผมมีกำไรเอาไปให้พ่อเห็นก็พอ”
“ตานพ...เพราะแกดีแต่เที่ยวเตร่มั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไง พ่อแกถึงไม่ยอมยกสมบัติให้ซะที ถ้าอยากพิสูจน์ให้พ่อแกเห็นว่าแกเก่งกว่าเขา แกต้องรีบมาที่นี่...เดี๋ยวนี้ !”
ดวงแขวางสายไป โหงวเดินเข้ามา
“นี่น่ะเหรอสายเลือดของฉัน ดีแต่ทำตัวไร้ประโยชน์ ฉันไม่น่าปล่อยให้เธอเลี้ยงมัน เลยจริงๆ”
“หุบปากแกไปเลยไอ้โหงว แกรับปากฉันแล้วว่าแกจะไม่ให้ตานพรู้กำพืดที่แท้จริงตัวเอง”
“แต่ฉันก็เป็นพ่อมันจริงๆ”
“ถึงตานพจะมีสายเลือดแกอยู่ในตัว แต่แกคิดเหรอว่าคนอย่างตานพจะยอมรับพ่อที่ ออกมาจากคุกแถมยังพิการมีแต่ตัวอีก”
“ก็ได้...ฉันจะเป็นสมองให้มัน ช่วยให้ลูกชายฉันจัดการเขี่ยไอ้เล้งลงจากบัลลังค์”
โหงวบอกอย่างมั่นใจ
เจ้าสัวเล้งอยู่ในห้องทำงาน กับนนท์ที่มารายงาน
“พวกที่ช่วยให้ไอ้โหงวมันหนีรอดไปได้ เป็นลูกน้องของเสี่ยตงเหรอ”
“ครับเจ้าสัว ผมตรวจสอบดูแล้ว ที่มีเรื่องวุ่นวายกันในเล้าจ์เพราะลูกน้องของเสี่ยตง กำลังมีปัญหากับเสี่ยกวงที่โดนยิงตาย”
“สันดานไอ้โหงวมันไม่ต่างจากอสรพิษ ถึงมันจะรอดไปได้ แต่มันไม่หยุดจ้องหาทางเล่น งานฉันแน่”
“งั้นผมจะไปพาตัวเด็กหนุ่มที่เล่นงานเจ้าสัวมาให้ เผื่อมันจะรู้ว่าไอ้โหงวอยู่ที่ไหน”
“ไม่ต้อง...ฉันว่าฉันไปคุยกับไอ้เสี่ยตงมันเองดีกว่า ไม่ได้เจอหน้ามันมานานแล้ว อยากรู้ เหมือนกันว่าเดี๋ยวนี้มันยังเป็นไอ้หมาบ้าอยู่รึเปล่า”
เจ้าสัวเล้งบอกนนท์อย่างตัดสินใจที่จะไปพบตง
ภายในโรงสี...มานพมองโหงวที่เดินลากขาเป๋ๆเข้ามาพร้อมกับดวงแข
“แม่...ไอ้เป๋นี่น่ะเหรอที่แม่บอกจะช่วยให้ผมเอาชนะพ่อได้”
โหงวไม่พอใจ
“คุณมานพ ผมชื่อโหงว อย่ามาเรียกผมว่าไอ้เป๋”
มานพเข้าไปผลักไหล่โหงวจนเซอย่างดูถูก
“ลำพังตัวแกเองยังเดินไม่ทันคนอื่น แล้วฉันจะ ไว้ใจให้แกมาช่วยฉันได้ยังไง” มานพหันไปบอกดวงแข “แม่ทำผมเสียเวลาจริงๆ”
มานพรีบเดินออกไปอย่างหัวเสีย ดวงแขพยายามเรียก
“เดี๋ยวสิตานพ...ตานพ”
“ให้เป็นหน้าที่ฉันดีกว่า”
โหงวชักปืนออกมา ดวงแขเห็นเข้าก็ตกใจ
“แกจะทำอะไรตานพ”
“ฉันปล่อยให้เธอเลี้ยงมันจนเสียนิสัยพอแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะสอนให้มันเก่งอย่างพ่อที่แท้ จริงของมันบ้าง”
โหงวผลักดวงแขจนเซไม่ให้ขวางทางแล้วเดินตามมานพไป
“ไอ้โหงว...แกอย่าทำอะไรลูกนะ” ดวงแขร้องบอกอย่างกังวล
มานพกลับมาที่รถเปิดประตูเข้าไปนั่งที่คนขับ ระหว่างนั้นโหงวเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับเข้ามา นั่งหน้าตาเฉย
“ไอ้เป๋...แกตามฉันมาทำไม ลงไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้”
โหงวไม่สนใจเอาปืนชี้หน้า
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกฉันว่าไอ้เป๋”
มานพอึ้ง
“นี่แก...”
“ขับรถไปตามที่ฉันบอก”
“ไป...ไปไหน”
“ไปเหอะน่า...แล้วฉันจะทำให้แกเห็นว่าฉันจะช่วยให้แกยิ่งใหญ่กว่าไอ้เล้งได้ยังไง”
มานพนิ่งไป โหงวเอาปืนจ่อแล้วยิ้มร้าย มานพจำเป็นต้องสตาร์ทรถขับออกไป
ตงนุ่งผ้าขนหนูเดินเข้าห้องอบซาวน์น่า ที่หน้าห้องซาวน่าหรูหราแห่งหนึ่ง โดยมีลูกน้องเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง...ตงตักน้ำราดลงหินเพิ่มอุณภูมิให้ห้องร้อนมากขึ้นกว่าเดิม แล้วนั่งพักผ่อนอย่างสบายก่อน จะได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี แกยังดูแลตัวเองดีเหมือนเดิมนะ...ไอ้ตง”
ตงหันไปเห็นแล้วชะงัก
“ไอ้เล้ง...นี่แกเองเหรอ”
“ทำไมวะ...ฉันว่าฉันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเท่าไหร่”
“แกไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก ดูยังไงก็ยังเป็นไอ้เล้ง มังกรวารีที่มีแต่คนเกรงขามเหมือนเดิม”
“ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเกรงใจฉัน อย่างน้อยก็มีไอ้หมาบ้าตงที่มันไม่เคยก้มหัวให้ฉันเลย”
ตงกับเจ้าสัวเล้งนิ่งไปแล้วมองตากันเหมือนจะเอาเรื่อง แต่อยู่ๆทั้งคู่ก็หัวเราะลั่นอย่างเพื่อนสนิท
มานพจอดรถที่ริมถนนหน้าศาลเจ้า พอลงจากรถได้ก็มองไปรอบๆอย่างแปลกใจ
“นี่แกให้ฉันพามาที่นี่ทำไม”
“แม่แกก็บอกแล้วไง ว่าฉันคือคนเดียวที่จะช่วยทำให้แกยิ่งใหญ่กว่าไอ้เล้ง เพราะฉะนั้น แกไม่ต้องถาม ทำตามที่ฉันบอกอย่างเดียว” โหงวพูดไปก็เอาปืนอีกกระบอกโยนให้
มานพรับปืนมาอย่างงงๆก่อนจะใช้ปืนนั้นจ่อไปที่โหงว
“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งแกด้วยวะไอ้เป๋”
โหงวยิ้มรับก่อนจะแบมืออกมาเห็นว่ามีลูกกระสุนอยู่ในมือ มานพอึ้งลองลั่นไกก็พบว่าปืนไม่มีลูก
“ฉันยังต้องสอนแกอีกมาก เหมือนที่ฉันเคยสอนให้ไอ้เล้งมันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ รับรอง ว่าแกจะต้องเก่งกว่ามัน”
มานพชะงัก
“หมายความว่ายังไง...แกเนี่ยนะเคยทำให้พ่อฉันยิ่งใหญ่มาแล้ว”
โหงวมองมานพแล้วยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์
ในศาลเจ้า...โหงวจุดธูปไหว้เทพเจ้าทำตัวเป็นปกติดูไม่มีพิรุธ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้มานพไหว้เทพเจ้าด้วยแล้ว เริ่มเล่าให้มานพฟังระหว่างมานพไหว้เทพเจ้า
“ตระกูลมังกรวารีของแกไม่มีทางยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้อย่างทุกวันนี้หรอก ถ้าไม่มีฉันอยู่เบื้อง หลังคอยทำงานสกปรกเก็บกวาดพวกที่พยายามขัดขวางไม่ให้ตระกูลแกขึ้นมาใหญ่”
“แกเป็นมือปืน”
“เรียกแบบนั้นมันดูกระจอกไป ฉันเป็นมือขวาให้อากงแกต่างหาก จนเขาเริ่มอยากวาง มือและต้องการดันไอ้เล้งให้ขึ้นมาแทนที่ ตอนหนุ่มๆไอ้เล้งมันก็เหมือนแกนี่แหละ เป็น ลูกเจ้าสัวเอาแต่เที่ยวเตร่ เลี้ยงมาเฟียจับกังไว้เป็นพวก จนพ่อมันต้องสั่งให้ฉันลากตัว มันมาดัดนิสัยเพื่อให้รับช่วงต่อธุรกิจ”
มานพฟังแล้วมองหัวจรดเท้าโดยเฉพาะขาข้างที่เป๋อย่างดูถูก
“ถ้าแกอวดอ้างว่าเป็นถึงคนที่ สอนพ่อฉันมา ฉันก็ขอเดาว่าพ่อฉันคงไม่ปลื้มแกเท่าไหร่ แกถึงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้”
โหงวจิกตามองมานพที่ดูถูกเขา แล้วเข้าไปกระชากคอเสื้อมาตะคอกใส่หน้า
“ไอ้เล้งมันไม่รู้จักสำนึกบุญคุณฉันต่างหาก มันคิดแต่จะหวงสมบัติของมันไว้คนเดียว ทั้งๆที่ฉันควรจะต้องมีสิทธิด้วย”
“อ๋อ...แกก็เลยคิดจะใช้ให้ฉันยึดสมบัติพ่อมาเพื่อแบ่งให้แก”
“อายุฉันก็ขนาดนี้แล้ว เงินทองไม่ใช่ประเด็น...ฉันอยากเห็นมันเจ็บปวดมากกว่า”
“แต่ฉันเป็นลูกชายของเขา แกคิดว่าฉันจะเล่นงานพ่อตัวเองเหรอ”
“ไอ้หนู...ฉันอยู่ในคุกมาเป็นสิบๆปี ฉันอ่านสายตาคนออก สายตาแบบนี้แกอยาก สั่งสอนพ่อแกใจจะขาดอยู่แล้ว”
มานพชะงักไป มองหน้าโหงวอย่างอดแปลกใจไม่ได้ที่โหงวอ่านเขาขาด
เจ้าสัวเล้งกับตงมีสาวๆมานวดคลึงให้อย่างสบายตัว
“วันที่ลูกน้องฉันจัดการไอ้กวง แกอยู่ที่เล้าจ์ด้วยเหรอ”
“ฉันตามล่าตัวไอ้โหงวอยู่ เกือบจะได้ตัวมันอยู่แล้ว แต่ลูกน้องแกมาขวางซะก่อน”
“ลูกน้องฉัน...คนไหน”
“เด็กหนุ่มฝีมือดี ท่าทางฉลาด”
ตงคิดอยู่ครู่
“แกคงหมายถึงไอ้หยก มันเพิ่งเข้ามาทำงานให้ฉัน คงไม่รู้จักว่าแกเป็นใคร เอาเป็นว่าฉันจะถามมันเรื่องนี้ให้”
“ถ้ามีโอกาส ฉันอยากคุยกับมันตามลำพัง ไม่อยากทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาแก เพราะ ตอนนี้แกคงคิดการใหญ่ ถึงได้กล้าเก็บไอ้กวง”
“ฉันไม่เหมือนแกนี่หว่าไอ้เล้ง แกวางมือจากวงการไปได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าสัวใหญ่โต ส่วนฉันยังเป็นได้แค่เสี่ยต๊อกต๋อย...ถ้าโอกาสมันมาให้ขึ้นไปใหญ่อย่างแกบ้าง ทำไมฉัน จะไม่คว้าไว้”
“งั้นฉันก็อยากเตือนแกไว้หน่อย พวกแก๊งค์4จ้าเวหาที่หนุนหลังไอ้กวงอยู่มันไม่ธรรมดา ระวังตัวไว้บ้างก็ดี ถึงเมื่อก่อนแกอาจจะเคยได้ชื่อว่าหมาบ้าตงฟัดไม่เลือกหน้า แต่ตอน นี้มันไม่ใช่ยุคของเราแล้ว”
เจ้าสัวเล้งตบบ่าตงแล้วเดินออกจากห้องนวดไป ตงมองตามสายตาเปลี่ยนไปเป็นหมั่นไส้แทน
“มันไม่ใช่ยุคของแกคนเดียวต่างหากล่ะ...ไอ้เล้ง”
มานพอยากรู้ต่อว่าโหงวมีแผนทำอะไร ถามอย่างสงสัย
“ถ้าฉันยอมเชื่อว่าแกทำให้ฉันยิ่งใหญ่กว่าพ่อได้ งั้นก็บอกมาว่าพาฉันมาที่นี่ทำไม”
โหงวมองหน้ามานพอยู่ครู่ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับมานพที่มาไหว้เจ้าพร้อมกับลูกน้องอีก 2 คนทั้งหมดดูท่าทางเป็นพวกมาเฟีย มานพมองตามก่อนจะหันมาถาม
“พวกนั้นเป็นใคร”
“บันไดขั้นแรกที่จะช่วยให้แกไต่เต้าขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อแข่งกับไอ้เล้ง”
มานพชะงัก
“เจ้าพ่อ”
โหงวยิ้มร้าย ยื่นแม็กกาซีนปืนที่บรรจุกระสุนไว้เต็ม
“ไปรอฉันที่ตรอกข้างๆ ถ้ามีใครหลุดออกไป จัดการยิงมันเลย”
มานพอึ้งตกใจ
“นี่...นี่แกจะให้ฉันยิงคนเหรอ”
“ถ้าแกไม่ยิง แกก็ตายอยู่ที่นี่ “
“ไม่...ฉันไม่ทำ”
“แกอย่ามาทำเป็นมือสะอาด ไม่เคยฆ่าคนตายมาหน่อยเลยมานพ ลองได้ผ่านมาครั้งนึง แล้ว ครั้งต่อไปมันก็ไม่ได้ยากนักหรอก”
มานพหน้าตื่น
“นี่แก...แกรู้ได้ยังไง”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันรู้ได้ยังไง สำคัญอยู่ที่แกต่างหากว่าอยากยิ่งใหญ่กว่าไอ้เล้ง รึเปล่า” โหงวผลักไหล่ “ไปได้แล้ว”
มานพยืหนักใจอยู่ครู่ มองปืนในมือแล้วรีบเดินออกไป
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 5 (ต่อ)
อาม่ากับกิ่งเหมยเดินคุยกันเข้ามาหน้าศาลเจ้า
“ไหนจะช่วยอาม่าขายปาท่องโก๋ ไหนจะช่วยดูแลศาลเจ้าต่อไปนี้อาม่าว่าลื้อไม่ต้องช่วย แล้วล่ะอาเหมย”
“ทำไมล่ะอาม่า”
“อาม่าเสียดายความรู้ที่ลื้อเรียนมาน่ะสิ เก่งๆอย่างลื้อน่าจะไปได้ดีกว่านี้ อย่ามาจมปลัก อยู่กับอาม่าที่นี่เลย”
“แต่ถ้าเหมยไปทำงานข้างนอกแล้วใครจะดูแลอาม่าล่ะ”
“อาม่าเลี้ยงลื้อมาได้ตัวคนเดียว แล้วทำไมจะดูแลตัวเองไม่ได้”
ระหว่างคุยกันนั้น มานพที่รีบร้อนออกมาเดินชนอาม่าจนล้ม แต่เขาไม่ขอโทษสักคำกลับตวาดใส่
“โธ่เว้ย...เกะกะชะมัด”
กิ่งเหมยไม่พอใจ
“อ้าวคุณ...คุณนั่นแหละจะรีบร้อนไปไหน ชนคนแก่ล้มไม่มีขอโทษสักคำ”
มานพไม่สนใจต่อปากต่อคำรีบร้อนออกไป
“นี่...ว่าแล้วยังหนีอีก...กลับมานะ”
“ช่างอีเถอะอาเหมย...อาม่าไม่เป็นอะไร”
กิ่งเหมยบ่น
“คนสมัยนี้มันแล้งน้ำใจจริงๆ”
กิ่งเหมยช่วยพยุงอาม่าพาเข้าไปข้างในศาลเจ้า แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดๆกันหลายนัด ปังๆ
“อาม่า...หลบก่อนเร็ว”
กิ่งเหมยพาอาม่าไปหลบหลังรูปปั้นสิงโตหน้าศาลเจ้าอย่างตกใจ ระหว่างนั้นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับมานพวิ่งหนีเอา ตัวรอดออกมา ตามหลังด้วยโหงวที่ไล่ยิงจนชายหนุ่มต้องหนีเตลิด กิ่งเหมยพาอาม่าก้มตัวหลบจนเสียงปืนเงียบ จึงค่อยชะโงกหน้าออกมาดู
“พวกนั้นคงจะไปกันแล้ว อาม่าโทรเรียกตำรวจนะ เหมยจะเข้าไปดูข้างใน”
“อาเหมย...อาเหมย”
กิ่งเหมยรีบเข้าไปข้างในศาลเจ้า อาม่าหน้าซีดตกใจเป็นอย่างมาก
กิ่งเหมยรีบเข้ามาในศาลเจ้ามองดูรอบๆไม่เห็นอะไร จนมาสะดุดเท้ากับศพชายฉกรรจ์ 2 ศพที่เพิ่งถูกยิงตายนอน อยู่ที่พื้น กิ่งเหมยตกใจร้องเสียงหลง อาม่ารีบตามเข้ามาเห็นเข้าก็ตกใจไปด้วย สองย่าหลานกอดกันกลัวตัวสั่น
มานพรออยู่ในตรอก ระหว่างนั้นชายหนุ่มจากในศาลเจ้าวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา มานพรีบชักปืนออกมาตามที่โหงวสั่งไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ถ้าแกขยับ ฉันยิงแกจริงๆ”
“พวกแกเป็นใครวะ...แล้วใครจ้างแกมา ถ้าปล่อยฉันรอดไป ฉันจะให้เป็นสองเท่า”
มานพกำปืนแน่นลังเล
“พ่อฉันเป็น 1 ในหัวหน้าแก๊งค์ 4 เจ้าเวหา ฉันให้เงินแกได้จริงๆ”
มานพยังนิ่งไม่ลดปืน ระหว่างนั้นโหงวตามเข้ามา
“รออะไรอยู่ล่ะมานพ...ถ้าแกมัวแต่กลัวอยู่แบบนี้ ก็อย่าหวังเลยว่าสมบัติของไอ้เล้งจะ ตกเป็นของแก มันจะเหยียบแกให้อยู่ใต้เท้ามันไปจนตาย”
มานพนิ่วหน้าคิดนิ้วแตะไกเตรียมยิง ชายหนุ่มตื่นกลัว
“ยะ...ยะ...อย่า...อย่า”
แววตาของมานพเปลี่ยนไปเป็นดุดันจริงจังพร้อมนิ้วที่ลั่นไก ...เปรี้ยง! ชายหนุ่มโดนกระสุนเจาะอกล้มลงแต่ยังหายใจรวยรินพยายามกระเสือกกระสนจะคลานหนี
“ถ้าแกอยากเก่งกว่ามัน แกต้องโหดกว่ามัน”
มานพได้รับการกระตุ้นสันดานดิบจากโหงวจนเริ่มติดใจในการฆ่าคน มานพเดินตามเหยื่อแล้วเข้าไปลั่นไกต่อ เนื่องอีกหลายนัด...เปรี้ยงๆ จนชายหนุ่มตายคาที่ มานพหัวเราะเสียงดัง
“สมบัติของมังกรวารีจะต้องเป็นของฉันคนเดียว”
โหงวมองมานพที่เริ่มมีความโหดร้ายขึ้นมา ชอบใจที่สามารถเปลี่ยนมานพได้
ค่ำนั้น หยกกำลังก้มหน้าก้มตาโซ้ยบะหมี่กินอย่างลวกๆอยู่กับอ่างคนละชาม อ่างเล็งหมูแดง ในชามของหยกแล้วออกอุบาย
“อะ...อะ...ไอ้หยก...ดู...ดู...โน่น มะ...มะ...หม่ำ จ๊กมก”
หยกเหลียวหันไปมองนอกร้านไม่เห็นมีอะไร อ่างเลยจัดการคีบเนื้อหมูแดงในชามหยกมาใส่ชามตัวเอง
“ไหนล่ะน้า...ไม่เห็นมีอะไรเลย”
หยกหันกลับมาเห็นหมูแดงในชาม โดนอ่างจัดการไปเรียบร้อย
“น้า...เล่นอย่างนี้เลยเหรอ”
หยกขำอ่างก่อนจะเลื่อนชามบะหมี่ของตัวเองให้
“ทั้งชามเนี่ยฉันยกให้น้าเลย ฉันอิ่มแล้ว”
“ยะ...ยะ...อย่าล้อเล่นนะเว้ย”
“ไม่ได้ล้อเล่น ฉันอิ่มแล้วจริงๆ วันนี้ฉันไปกินอาหารเหลามาแล้ว”
“อะ...อะหารเหลาเลย...ข้า...ข้าอยากกินมั่ง อยาก...อยากกิน...หู...หูฉลาม”
“ไว้ฉันจะพาน้าไปกินเอง”
ระหว่างนั้นสลึงรีบขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าๆเข้ามา
“ไอ้หยก...อยู่ที่นี่เอง หาซะทั่วเลย”
“มีอะไรเหรอน้า”
“ที่ศาลเจ้ามีเรื่องน่ะสิวะ”
“เรื่องอะไร”
สลึงไม่ค่อยสบายใจ หยกสงสัย
หน้าศาลเจ้าชาวบ้านไทยมุงยังจับกลุ่มคุยกันเรื่องเหตุการณ์ยิงกันตายที่ศาลเจ้า ศพของพวกที่ถูกยิงตาย ถูกเจ้าหน้าที่มูลนิธิเอาขึ้นรถ มีตำรวจมาถ่ายภาพที่เกิดเหตุ หยกรีบแหวกกลุ่มเข้าไปอย่างเป็นห่วงกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยได้ยินเสียงเรียกพอเห็นหยกก็น้ำตาซึมโผเข้าไปหาทันที
“หยก!”
กิ่งเหมยร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะยังไม่หายตกใจกลัว หยกเป็นห่วงมาก
“ไม่เป็นไรนะกิ่งเหมย โดนลูกหลงรึเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง”
“ฉันกับอาม่าไม่เป็นอะไร…แต่ว่าฉันเห็นคนตาย”
กิ่งเหมยจะร้องไห้ออกมาอีก หยกลูบหัวแล้วโน้มให้ซบอก
“ไม่เป็นไร แค่เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ระหว่างนั้นส้มเช้งเข้ามา
“กิ่งเหมย ตำรวจบอกว่าหมวดธงรบกำลังมาถึง เขาจะสอบปากคำเธอกับอาม่าเอง”
หยกบอกหญิงสาว
“เห็นอะไรก็บอกเขาไปนะ เขาจะได้ตามจับคนร้ายได้”
อาม่าได้ยินหยกบอกกิ่งเหมยก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเข้าไปจับแขนกิ่งเหมย
“อาเหมย มานี่กับอั้วหน่อย”
“อะไรเหรออาม่า”
“มาเถอะน่า”
อาม่าดึงแขนกิ่งเหมยพาเข้าไปข้างในศาลเจ้า หยกกับส้มเช้งมองตามอย่างงงๆ
อาม่าพาตัวกิ่งเหมยเข้ามาด้านในศาลเจ้าที่ปลอดคน ท่าทางอาม่าดูจริงจังมาก
“ถ้าตำรวจถามอะไร ลื้อต้องบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
กิ่งเหมยแปลกใจ
“อ้าว...ทำไมล่ะอาม่า”
“อั้วไม่อยากให้ลื้อเข้าไปเกี่ยวข้องกับพวกมาเฟียน่ะสิ”
“แต่นี่มันคดีฆ่าคนตายนะอาม่า ถ้าเราไม่บอกว่าใครเป็นคนยิง แล้วตำรวจจะจับคน ร้ายได้ยังไง”
“อั้วไม่สน รู้แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเรา อยู่เฉยๆน่ะดีแล้ว เข้าใจมั้ย”
“แต่อาม่าคะ”
“ลื้อไม่ต้องมาเซ้าซี้ ลื้อต้องทำตามที่อั้วสั่ง ไม่อย่างนั้น อั้วจะต้องพาลื้อหนีไปที่อื่นอีก”
กิ่งเหมยแปลกใจ
“หนี...หนีอะไรคะอาม่า”
อาม่าชะงักไปที่หลุดพูดออกมา
“อาม่าคะ...อาม่ากำลังหนีอะไร”
“เปล่า...ไม่มีอะไร” อาม่าจับแขนหลานสาวมาบีบแรงอย่างจริงจังมาก “ทำตามที่อาม่าสั่ง ไม่รู้ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ย”
กิ่งเหมยเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลของอาม่าแล้วสงสัย ระหว่างนั้นหยกที่ตามเข้ามาได้ยินทั้งคู่คุยกัน ไม่ใช่แค่กิ่งเหมยคนเดียวที่สงสัย หยกเอง ก็รู้สึกสนใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับอาม่า
ธงรบพยายามถามย้ำกิ่งเหมย
“ลองนึกดูดีๆอีกทีนะครับ ทำใจให้สบาย ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว รูปพรรณของคนร้าย มีอะไรบ้าง เอาเท่าที่คุณพอจะนึกออก”
กิ่งเหมยนิ่งไป หันไปมองอาม่านิดนึงก่อนแล้วปฏิเสธ
“ฉันไม่เห็นอะไรเลยค่ะหมวด ฉันกับอาม่าอยู่ข้างใน พอได้ยินเสียงปืนก็ไม่กล้าออกไปดู”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ คนร้ายอาจจะมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้ก่อน คุณอาจจะเห็นคนที่ดู แล้วน่าสงสัย”
“ไม่ค่ะ ไม่มีใครที่น่าสงสัยเลย ที่เห็นก็มีแต่คนคุ้นเคยแถวนี้ทั้งนั้น”
ธงรบหันไปหาอาม่า
“แล้วอาม่าล่ะครับ”
“อั้วก็ไม่เห็น ไม่รู้ว่าพวกที่ตายเป็นใครด้วย”
ธงรบจะถามอีกแต่หยกเข้ามาขัด
“ผมว่าพอได้แล้วล่ะ ยังไงพวกเขาก็ไม่เห็นอะไร ยิ่งคุณถามมากจะยิ่งทำให้อาม่าเครียด เดี๋ยวก็ได้ส่งโรงพยาบาลอีก”
ธงรบหันมามองหยกสายตานิ่งๆ ก่อนจะหันมาบอกกิ่งเหมย
“ผมพยายามช่วยคุณอยู่นะครับกิ่งเหมย ไอ้พวกที่ลงมือฆ่าคนกลางศาลเจ้าแบบนี้ได้ มันต้องไม่ธรรมดา ถ้าผมรู้ว่ามันเป็นใครแล้วจับตัวมาได้ คุณจะยิ่งปลอดภัย”
หยกขัดขึ้น
“แถวนี้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอกหมวด กิ่งเหมยพาอาม่าไปนอนพักเถอะ”
กิ่งเหมยหันไปพยุงอาม่าพาเข้าไปข้างในบ้าน ธงรบหันมามองหน้ากับหยกอย่างไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่
หยกกำลังจะกลับแต่ถูกธงรบที่ตามมาเรียกไว้
“เดี๋ยวนายหยก”
“ผมไม่ใช่คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ถ้าคิดจะสอบปากคำผมล่ะก็ เสียเวลาเปล่า”
“ฉันไม่ต้องสอบปากคำแกหรอก เพราะคงไม่ได้อะไรจากคนอย่างพวกแก”
“ช่วยระบุให้มันชัดหน่อยได้มั้ยครับหมวดว่า ประชาชนคนธรรมดาอย่างผมเป็นยังไง”
“เป็นพวกกุ๊ยไง”
หยกจ้องธงรบเขม็ง
“ฉันว่าแกปกป้องคุณเหมยไม่ได้หรอก เพราะถ้าแกยังอยู่ในปลักกับไอ้พวกกุ๊ยข้าง ถนน แกนั่นแหละที่จะทำให้เธอต้องเจอแต่เรื่องเดือดร้อน”
ธงรบยิ่งตอกย้ำอย่างจริงจังด้วยการเข้าไปนิ้วจิ้มอกหยก
“แล้วถ้าฉันสืบรู้ว่าการที่กิ่งเหมยโกหก บอกไม่รู้ไม่เห็นเรื่องวันนี้เพราะต้องการปกป้องแก ล่ะก็ ฉันเล่นแกหนักแน่ไอ้กุ๊ย”
ธงรบผลักอกหยกแล้วเดินออกไป หยกมองตามเจ็บใจรู้สึกได้เลยว่าหมวดธงรบพยายามจ้องเล่นงานเขา
วันใหม่...หยกมาหากิ่งเหมยที่หน้าบ้านแต่ไม่เจอพบแต่ส้มเช้ง
“วันนี้ไอ้กิ่งเหมยมันไม่ไปขายปาท่องโก๋หรอก มันได้งานทำแล้ว”
หยกแปลกใจ
“กิ่งเหมยมีงานทำแล้วเหรอ งานอะไร”
“งานสุจริต ที่ๆคนดีๆเขาทำกัน”
หยกฉุนกึก
“อย่ามากวนประสาทฉันนะส้มเช้ง”
“โอ้ย...ใครเขาอยากกวนประสาทแก เดี๋ยวนี้แกมันพวกนักเลง ขืนไปทำให้แกอารมณ์ไม่ดี มีหวังโดยแกเล่นน่ะสิ”
“แต่ฉันเป็นห่วงกิ่งเหมยนะ”
“ห่วงเหรอ...หึ...ฉันเห็นมีแต่แกนั่นแหละที่ทำให้มันร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
ส้มเช้งกอดอกเชิดหน้า มองหน้าหยกแบบไม่ยอมบอกอะไรทั้งนั้นจนหยกต้องยอมเป็นฝ่ายเดินออกไป...หยกออกไปได้ครู่กิ่งเหมยก็เดินออกมาจากบ้านแต่งตัวพร้อมสำหรับการออกไปทำงานข้างนอก
“เสียงแกเถียงกับใครน่ะส้มเช้ง ดังโหวกเหวกไปถึงในบ้านเลย”
“ไม่มีอะไรหรอก หมาน่ะ มันมาทำตัวเกะกะอยู่แถวนี้ฉันก็เลยไล่ไป”
“ฉันเพิ่งรู้นะว่าเดี๋ยวนี้แกทะเลาะกับหมาด้วย”
“แกเนี่ย...ไอ้บ้า”
ส้มเช้งตีแขนเย้า ระหว่างนั้นอาม่าตามออกมา
“อาเหมย...ลื้อลืมกระเป๋า”
อาม่าเอากระเป๋าออกมาให้
“ขอบคุณค่ะอาม่า”
“ตั้งใจทำงานนะ อีกหน่อยลื้อจะได้ดิบได้ดี ไม่ต้องมาช่วยอาม่าขายปาท่องโก๋อยู่แต่ใน ตรอกนี่”
“ค่ะอาม่า”
“สายแล้วแก...รีบไปเถอะ” ส้มเช้งเร่ง
กิ่งเหมยยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วตกใจ
“ว้าย...สายแล้วจริงๆด้วย ไปนะคะอาม่า...ส้มเช้งดูแลอาม่าให้ฉันด้วยนะ”
“ย่ะ”
กิ่งเหมยรีบออกไปอย่างรีบร้อน
กิ่งเหมยรีบร้อนออกมารอรถเมล์ แต่ไม่มีรถเมล์มาสักคัน มองดูเวลาแล้วก็ยิ่งร้อนใจ
“เสนองานวันแรกก็สายแล้ว เสร็จแน่เลยเรา”
ไม่ทันขาดคำ หยกโฉบมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดตรงหน้า
“ได้ยินว่าได้งานทำแล้ว ให้ฉันไปส่งเธอแล้วกัน”
กิ่งเหมยนิ่งไป มองหน้าเขาแล้วอึกอักนึกถึงที่เขาทำร้ายจิตใจเธอด้วยการดึงเธอไปจูบก็ไม่พอใจ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเรียกแท็กซี่ไปเอง”
“วันนี้รถติดนะ ไปแท็กซี่จะทันเหรอ” ชายหนุ่มยื่นหมวกกันน็อคให้ “นึกว่าฉันเป็นมอเตอร์ไซค์รับ จ้างก็แล้วกัน”
กิ่งเหมยตัดสินใจรับหมวกกันน็อคมาสวมแล้วซ้อนท้าย หยกออกตัวพุ่งทะยานออกไป
เจ้าสัวเล้งเดินเข้ามาที่ห้องโถง เห็นดวงแขกำลังคุยกับคนใช้ที่กำลังยกถาดเครื่องดื่มกับของว่าง
“เดี๋ยวเอาของว่างไปให้คุณมานพแล้วตามฉันไปที่ครัวด้วยนะ”
“ค่ะคุณนาย”
จำปาถือถาดของว่างออกไป เจ้าสัวเล้งสงสัยเข้ามาถามดวงแข
“วันนี้วันทำงานของมานพไม่ใช่เหรอ ทำไมยังอยู่บ้านอีก”
“คุณ...เอ่อ...คือ...”
ดวงแขไม่ทันจะแก้ตัวให้ลูกชาย เจ้าสัวเล้งไม่พอใจรีบเดินออกไป
มานพอยู่ในสระว่ายน้ำ กำลังออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำจนเสร็จและขึ้นจากสระเอาผ้ามาคลุมตัว จำปาเอาของว่างพร้อมเครื่องดื่มมาวางที่โต๊ะ แต่เจอเจ้าสัวเล้งที่ตามเข้ามาไล่
“เอาออกไป”
จำปาชะงักมองดวงแขที่ตามเข้ามา ดวงแขพยักหน้ารับให้ทำตามที่เจ้าสัวสั่ง จำปารีบเอาถาดของว่างออกไปอย่าง รู้ว่าต้องเกิดเรื่องแน่ มานพเดินสวนกับจำปาอย่างสงสัย
“อ้าว...แล้วจะเอาเครื่องดื่มฉันไปไหน”
“นี่น่ะเหรอที่แกบอกว่าจะพิสูจน์ให้ฉันเห็นว่าแกจะเก่งได้อย่างฉัน”
“พ่อ”
เจ้าสัวเข้าไปกระชากคอเสื้อ
“ฉันไม่ได้เตือนแกเล่นๆนะมานพ ถ้าแกทำให้โรงสีนั่นไม่มีกำไร ก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมให้แกเข้ามาบริหารธุรกิจต่อจากฉัน”
มานพจ้องหน้าพ่ออย่างเอาเรื่องพร้อมกับแกะมือออก
“ก่อนที่พ่อจะมาโวยวายใส่ผม พ่อควรจะดูนี่ซะก่อน”
มานพเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างสระยื่นให้ดู
“เปิดดูสิครับพ่อ พ่อจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ดีแต่ลอยไปลอยมาอย่างที่พ่อดูถูก”
เจ้าสัวสงสัยเปิดดูข้อมูล บัญชีในแฟ้มสิ่งที่เขาเห็นในนั้นทำให้อดแปลกใจไม่ได้ต้องย้อนถาม
“แกทำได้ยังไง”
“ผมมีสายเลือดของพ่ออยู่ในตัว ผมก็ต้องเอาสิ่งดีๆมาจากพ่อสิครับ แต่ที่มันต่างกันก็คือ สมัยนี้ผมทำงานไม่เหมือนพ่อ”
มานพดึงเอาแฟ้มคืนจากมือพ่อแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เจ้าสัวมองตามอย่างแปลกใจ ดวงแขเข้ามาแตะแขน
ดวงแขตามเจ้าสัวเล้งเข้ามาในห้องทำงาน
“ลูกเราเขาตั้งใจทำงานจริงๆนะคุณ สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เชื่อฉันเถอะค่ะ ดูเขาอยู่ ห่างๆแล้วให้โอกาสเขา ไม่นานหรอก เขาจะต้องทำให้คุณภูมิใจ”
เจ้าสัวยังนิ่งคิด
“คุณคะ...เขาเป็นสายเลือดคนเดียวที่เหลืออยู่ของคุณนะ เขาต้องไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่”
เจ้าสัวไม่ได้ตอบอะไร ระหว่างนั้นนนท์เคาะประตูขอเข้ามา
“มีอะไร”
นนท์เอาหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ยื่นให้เล้งดู พาดหัวข่าวพร้อมกับรูปเป็นภาพชายหนุ่มที่ถูกยิงตายที่ศาลเจ้า
“หนุ่ม นักเรียนนอกลูกชายเจ้าสัวการ์เม้นต์ชื่อดัง ถูกยิงตายปริศนากลางศาลเจ้า”
ดวงแขมอง รู้ดีว่าข่าวนั้นเกี่ยวกับอะไร เจ้าสัวหันมาไล่ดวงแข
“เธอออกไปได้แล้ว”
“ค่ะคุณ”
ดวงแขออกไป เจ้าสัวเล้งยังไม่วางตาจากภาพข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์...ดวงแขเดินออกมาจากห้องเจอมานพที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้ามา
“พ่อไม่ผิดสังเกตอะไรใช่มั้ยครับแม่”
“ก็เกือบไป แต่แม่กล่อมให้เขาไว้ใจแกแล้ว”
มานพยิ้มชอบใจ
“ไอ้เป๋ที่แม่แนะนำผมให้รู้จัก ฉลาดใช้ได้ แค่ไม่กี่วันมันก็หาวิธีแต่งบัญชีทำ ให้ไอ้โรงสีเน่าๆนั่นมีกำไรขึ้นมาได้”
“เห็นรึยังล่ะตานพ...ถ้าแกเชื่อแม่กับเขาล่ะก็ ทุกอย่างจะต้องเป็นของแกแน่นอน”
“ครับแม่...ผมชักติดใจแล้ว” มานพยิ้มอย่างพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เจ้าสัวเล้งละสายตาจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมา มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเป็นกังวล
“เด็กหนุ่มที่ถูกยิงตายเป็นลูกชายของพิราบดำ 1 ใน 4 แก๊งค์จ้าวเวหา กลุ่มมาเฟียที่มี อิทธิพลมากที่สุดในตอนนี้ หึ...ไอ้ตง แกมันรนหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเองแล้ว”
“แล้วจะมีผลอะไรกับเรารึเปล่าครับเจ้าสัว”
“สงครามเมื่อเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีใครอยู่อย่างสบายได้หรอกนนท์”
เจ้าสัวเล้งทอดถอนใจ
ในห้องวีไอพี ภัตตาคารอาหารจีน ตงอึ้งไปเมื่ออ่านข่าวเจอการตายของลูกชายพิราบดำ
“ฝีมือใครวะ”
ไม่ทันขาดคำเสียงเอะอะโวยวายจากข้างนอกดังเข้ามา ประตูห้องถูกเปิดออก เจ้าสัวเกาพร้อมลูกน้อง 5-6 คนเอาปืนจ่อเก่งกับลูกน้องตงเข้ามา
“เจ้าสัวเกา!”
ตงรีบลุกขึ้นพร้อมเล็งปืน แต่กลับถูกลูกน้องของเจ้าสัวเกาแย่งปืนไปจากมือกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะ คนน้อยกว่า ตงหน้าเครียดจ้องเขม็งกับเจ้าสัวเกาแห่งแก๊งค์พิราบดำ
ที่หน้าภัตตาคารกิจชัยกำลังมาหาตง แต่ระหว่างนั้นเห็นพวกลูกน้องเสี่ยเกาคุมเชิงเอาปืนจ่อลูกน้องตงอยู่หน้าร้านพอดี กิจชัยอึ้งรีบถอยหลบอย่างตกใจ
“เวรแล้วไง...”
กิจชัยเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมามองข่าวเดียวกันแล้วหน้าเครียด
หยกจอดมอเตอร์ไซค์หน้าคอนโด กิ่งเหมยรีบลงจากรถอย่างรีบร้อนโดยลืมถอดหมวกกันน็อค หยกเลยเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยวกิ่งเหมย”
“มีอะไรอีก”
หยกตามเข้ามา เอามือเคาะหมวกกันน็อคที่เธอลืมถอด
“โอ๊ย...นี่...ฉันเจ็บนะ”
“รีบจนลืมแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นขำหรอก”
กิ่งเหมยจะถอดหมวกกันน็อคแต่ถอดไม่ค่อยออก
“มาฉันถอดให้”
หยกช่วยปลดสายรัดให้อย่างเป็นห่วง กิ่งเหมยเผลอมองหน้าเขา
“ขอบใจ”
“บอกฉันหน่อยได้มั้ยว่าเธอมาทำงานอะไรที่นี่”
“รุ่นพี่ฉันเขารับงานตกแต่งภายในให้ลูกค้า แต่เขาทำไม่ทันก็เลยเรียกให้ฉัน มาช่วย”
“งานดีนี่...เธอจะได้ใช้ฝีมือที่เธอเรียนมาซะที สู้ๆนะขอให้ลูกค้าชอบงานของเธอ”
ชายหนุ่มจับบ่าหญิงสาวบีบให้กำลังใจ กิ่งเหมยพยักหน้ารับแล้วยิ้มก่อนจะรีบเดินเข้าไปในคอนโด หยกมองส่งตามไปได้ครู่ก็ได้ยินเสียงกระแอมดังมาจากข้างหลัง
“นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมวันนี้ไม่มีคนมาตามกวนใจ ที่แท้ก็มีหน้าที่สำคัญกว่านี่เอง”
“คุณหนู”
ดุจแพรเดินมากดเรียกลิฟต์ข้างในโถงคอนโด หยกเดินตามเข้ามาด้วย
“ตามฉันมาทำไม...ฉันไม่ฟ้องป๋าหรอกว่านายทิ้งงานมาอยู่กับแฟน”
“เธอเป็นเพื่อนผมครับคุณหนู”
ดุจแพรขำเยาะ
“เหรอ...ถ้ามีผู้ชายมามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นล่ะก็ ฉันโกรธแน่ถ้ามาบอก ว่าเป็นแค่เพื่อน”
หยกไม่พอใจเอามือกันไม่ให้ดุจแพรเข้าไปในลิฟต์ในจังหวะที่ลิฟต์มาพอดี แถมยังมองหน้าเธอเขม็ง
“แล้วสายตาที่ผมมองแบบนี้ล่ะ จะบอกผมได้มั้ยว่าผมรู้สึกอะไรกับคุณหนู”
ดุจแพรชะงักเมื่อหยกยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอจนจมูกแทบจะชนจมูกเธออยู่แล้ว หญิงสาวใจเต้นตึกตัก
“เงียบไปทำไมล่ะครับ...หรือว่าดูไม่ออกเหรอว่าผมคิดอะไรกับคุณหนู”
ดุจแพรโกรธผลักเขาให้พ้นทางแล้วรีบเดินเข้าไปในลิฟต์
“ฉันมีนัดกับอินทีเรียร์ที่จ้างให้มาตกแต่งห้องไว้สำหรับขายให้ลูกค้า สงสัยว่าจะเป็น ผู้หญิงของเธอ แต่ในเมื่อเธอมายั่วโมโหฉันแบบนี้ ฉันว่า...งานนี้คงไม่ราบรื่นแล้วล่ะ”
ดุจแพรยิ้มกวนๆใส่แล้วกดปิดลิฟต์ หยกตกใจรีบกดเรียกให้หยุด
“คุณหนู...คุณหนู”
หยกหน้าเสีย รู้สึกเป็นห่วงกิ่งเหมยขึ้นมา
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 5 (ต่อ)
ในห้องคอนโดที่ดุจแพรเคยมาดูไว้ รุ่นพี่ของกิ่งเหมยดูภาพวาดการตกแต่งห้องที่กิ่งเหมยวาดมาให้ดูแล้วครุ่นคิด
“เป็นไงบ้างคะรุ่นพี่ พอจะใช้ได้รึเปล่า”
“พี่ชอบมากนะ แต่ไม่ค่อยเหมือนกับที่พี่บรีฟให้แกไปเลย ลูกค้าไม่ได้อยากได้แบบนี้”
“แต่เหมยเห็นว่าถ้าเพิ่มเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจเข้าไปด้วย ห้องจะดูอบอุ่นน่าอยู่กว่า”
“พี่เห็นด้วย แกมันมีฝีมืออยู่แล้ว แต่งานแรกถ้าไม่ทำตามใจลูกค้า พี่กลัวจะชวดน่ะสิ”
กิ่งเหมยหน้าเสียไป ระหว่างนั้นดุจแพรเข้ามา
“ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
“สวัสดีครับคุณดุจ”
“สวัสดีค่ะ” ดุจแพรมองกิ่งเหมย “นี่คงเป็นอินทีเรียร์คนใหม่ที่จะแนะนำให้ใช่มั้ยคะ”
“ครับ...กิ่งเหมยเป็นรุ่นน้องผม”
“สวัสดีค่ะคุณดุจแพร”
ดุจแพรมองกิ่งเหมยแล้วยิ้มเหมือนมีเลศนัย
“ขอฉันดูผลงานเธอหน่อยสิ จะได้ตัดสินใจว่าควร จะจ้างเธอมั้ย”
กิ่งเหมยชะงักดูไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมา รุ่นพี่พยักหน้าให้ลองเสี่ยงดู กิ่งเหมยจึงยื่นแบบร่างที่วาดเอาไว้ให้ดุจแพรรับไปดู เธอมองภาพร่างอย่างครุ่นคิด
หยกกดเรียกลิฟต์ให้ลงมาเพื่อจะตามขึ้นไป ระหว่างนั้นมีชายใส่สูทชุดดำสองคนเข้ามาท่าทางดูมีพิรุธ พวกมันแยกย้ายกันไปคนละทาง คนหนึ่งขึ้นบันไดหนีไฟ อีกคนแยกไปรอข้างนอก หยกมองชายสองคนนั้นอย่างไม่ค่อยไว้วางใจตามสัญชาติญาณ จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น เขากดรับสาย
“ไอ้หยก...แกอยู่ไหนวะ”
“ฉันมาทำธุระ”
“ธุระอะไรของแกวะ ตอนนี้กำลังเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ไอ้พวกแกงค์พิราบดำมันยกพวกบุก มาเอาเรื่องเสี่ยถึงที่แล้ว”
“แก๊งค์พิราบดำ…อย่าบอกนะว่าพวกมันสงสัยว่าเสี่ยเป็นคนสั่งฆ่าลูกชายมัน”
“ก็เออน่ะสิวะ...งานนี้มันล้างแค้นเสี่ยแน่”
หยกฟังแล้วชะงัก นึกสงสัยชายชุดดำสองคนที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ เขารีบกดตัดสายทิ้งทันที
ประตูลิฟต์เปิดออก หยกรีบออกมามองหาตัวชายชุดดำที่เห็นที่โถงฉันล่าง เขาเห็นมันเพิ่งเดินออกมาจากประตูบันไดหนีไฟ พร้อมกับเตรียมปืนพร้อมไปเล่นงานดุจแพร หยกไม่รอช้ารีบ ตามเข้าไปเล่นงานมันจากข้างหลัง ใช้เพียงมือเปล่าจับมือมันบิดแล้วเสยเข้าปลายคางจนมันสลบเหมือด หยกลากตัวมันไปซ่อนไว้หลังประตูหนีไฟ แล้วรีบไปเตือนดุจแพรเพราะยังมีพวกของมันเหลืออีก
กิ่งเหมยรอลุ้นว่าดุจแพรจะชอบงานตัวเองรึเปล่า รุ่นพี่ถามดุจแพร
“เป็นยังไงบ้างครับคุณดุจ”
“ไม่ใช่อย่างที่ฉันบรีฟไปเลยนี่”
รุ่นพี่ยังไม่ทันจะตอบกิ่งเหมยก็รีบแก้ตัวแทน
“เป็นความผิดของฉันเองค่ะ รุ่นพี่ไม่ได้สั่งให้ทำ ฉันตัดสินใจของฉันเอง”
“เธอคิดทั้งหมดนี่เองคนเดียว”
“ค่ะ”
“งั้นฉันต้องขอชมเลยว่า เธอเก่งมาก ผลงานของเธอถูกใจฉันจริงๆ และถ้าฉันไม่ได้เธอ มาทำงานด้วยล่ะก็ ฉันคงต้องเสียดายแน่”
กิ่งเหมยดีใจโล่งอก แต่ระหว่างนั้นหยกรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างผลีผลาม
“คุณหนู...คุณต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
“อะไรของนาย ฉันยังไม่เสร็จธุระ”
“แต่ผมรอไม่ได้ คุณหนูต้องไปกับผมเดี๋ยวนี้”
หยกเข้าไปจับแขนจะดึงตัวออกไป แต่โดนดุจแพรสะบัด ท่ามกลางความแปลกใจของกิ่งเหมย
“อ๋อ...คิดว่าฉันจะแกล้งแฟนนายใช่มั้ย ถึงจะมาพาฉันออกไป”
กิ่งเหมยตกใจ
“หยก! หมายความยังไง”
“ไม่มีอะไรหรอกกิ่งเหมย” หยกหันมาที่ดุจแพร “พูดกับคุณมันเข้าใจยาก ขี้เกียจพูดด้วยแล้ว”
หยกเข้าไปจับดุจแพรอุ้มพาดบ่าทันที ดุจแพรตกใจร้องโวยวาย
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ ไอ้บ้า...ฉันบอกให้ปล่อย”
กิ่งเหยมเข้าห้าม
“หยก...ปล่อยคุณดุจแพรเถอะ”
หยกหันมาสั่งเสียงแข็ง
“เธอต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะกิ่งเหมย”
“ทำไมล่ะหยก”
หยกขึงขัง
“ไม่ต้องถาม...ไปจากที่นี่ซะ”
หยกขึ้นเสียงจริงจังกับกิ่งเหมยแล้วรีบแบกพาตัวดุจแพรออกไปด้วยกัน
ในภัตตาคารอาหารจีน...ตงกับเจ้าสัวเกาจ้องหน้ากัน ฝ่ายตงอยู่ในสภาพถูกปืนจ่อ
“อั้วว่ามีอะไรก็นั่งจิบน้ำชาคุยกันดีๆไม่ดีกว่าเหรอเจ้าสัว ตอนนี้เราไม่ใช่พวกกุ๊ยเหมือน เมื่อก่อนแล้วนะ”
“ใช่...พวกอั้วน่ะไม่เหมือนเมื่อก่อน มีแต่ลื้อนั่นแหละไอ้ตง ที่ยังทำตัวเป็นกุ๊ยจับกัง ใช้วิธี สกปรกเป็นหมาลอบกัด”
เก่งเถียงแทน
“เสี่ยไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าลูกชายเจ้าสัว”
เจ้าสัวเกาไม่พอใจหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องจัดการใช้ปืนตบหน้าเก่งจนเลือดกบปาก
“สั่งให้ลูกน้องลื้อหุบปาก ไม่งั้น...อั้วจะเลาะฟันมันออกมาทั้งปาก”
“เจ้าสัว...อั้วยอมรับว่าคนของอั้วจัดการไอ้กวงมันจริงๆ เพราะมันพยายามข้ามเขตมา แย่งที่ทำกินของอั้ว แต่สำหรับลูกชายลื้อ อั้วไม่รู้ไม่เห็น ไม่ใช่ฝีมืออั้ว”
“ลูกชายอั้วถูกยิงตายเหมือนหมาข้างถนน ไอ้วิธีการหมาๆแบบนี้ มันก็มีแต่ลื้อคนเดียว”
“งั้นถ้าลื้อคิดว่าเป็นฝีมือของอั้วจริงๆ ลื้อจะรออะไร...ยิงอั้วสิวะ ยิงเลย”
เจ้าสัวเกาขึ้นไกปืนเตรียมเหนี่ยว แต่ตงไม่มีอาการสะทกสะท้านจ้องเขม็งที่หน้าเจ้าสัวเกา
“แต่อั้วจะบอกลื้อไว้อย่างนะ ถ้าอั้วคิดจะเปิดสงครามกับ 4 เจ้าเวหาของพวกลื้อจริงๆ อั้วจะปล่อยให้พวกลื้อมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ทำไมตั้ง 20 กว่าปี ในเมื่ออั้วกับไอ้เล้ง สามารถฆ่าพวกลื้อได้”
เจ้าสัวเกานิ่งมองหน้าตงอย่างตัดสินใจก่อนจะลดปืนลง
“เรื่องนี้อั้วไม่จบง่ายๆแน่ สงครามเริ่มขึ้นแล้ว ในเมื่อลูกชายอั้วตายก็ต้องมีคนตายชดใช้”
เจ้าสัวเกาเก็บปืนแล้วพาลูกน้องออกไป ตงถอนหายใจหวุดหวิดถูกเล่นงาน
หยกแบกดุจแพรพาดบ่าพาออกมาที่บริเวณสระว่ายน้ำของคอนโด
“ปล่อยฉัน...ไอ้บ้า...บอกให้ปล่อย...ปล่อยฉันนะ” ดุจแพรโวยวายลั่นไม่หยุด
หยกยังไม่ยอมปล่อย ดุจแพรเลยกัดหลังเข้าอย่างแรงจนร้องเจ็บรีบปล่อย
“นี่คุณ !...ผมเจ็บนะ”
“ก็นายกล้าดียังไงถึงมาทำกับฉันแบบนี้”
“มันเป็นหน้าที่ที่ผมต้องช่วยเหลือคุณ”
“ช่วยเหรอ...ช่วยอะไร”
“คุณอย่ารู้เลยดีกว่า” หยกเข้าไปจับข้อมือ “รีบไปจากที่นี่เถอะ”
“ไม่ ! ฉันว่านายคิดหาเรื่องฉันมากกว่า”
“อย่าสำคัญตัวคุณผิดไปหน่อยเลยคุณหนู ถ้าไม่ใช่หน้าที่ที่เสี่ยสั่งมา ผู้หญิงอย่างคุณ นี่แหละที่ผมไม่อยากจะเฉียดใกล้ที่สุด”
ดุจแพรอึ้ง
“นายหยก!”
ดุจแพรโมโหผลักหยกตกลงไปในสระน้ำทันที
“ฉันก็เกลียดผู้ชายแบบนายที่สุดเหมือนกัน”
ดุจแพรรีบเดินออกไป ทิ้งให้หยกอยู่ในสระน้ำ
“คุณหนูไปไม่ได้…มันอันตราย…คุณหนู”
ดุจแพรหัวเสียเดินออกมาที่ทางเดินปากบ่นเรื่องหยกไม่หาย
“คนบ้า...ที่ฉันเคยชื่นชมว่านายเป็นคนดีเคยช่วยชีวิตฉัน ฉันขอคืนคำ”
ดุจแพรมากดเรียกลิฟต์จะกลับ แต่ระหว่างนั้นชายชุดดำที่ถูกส่งมาจัดการดุจแพรเปิดประตูออกมาจากบันได หนีไฟ มันเห็นดุจแพรกำลังยืนรอเรียกลิฟต์อยู่เลยชักปืนออกมาจะยิง แต่โชคดีดุจแพรหันไปเห็นพอดี
เปรี้ยง!
เสียงปืนดัง ดุจแพรก้มหลบได้อย่างหวุดหวิด กระสุนไปโดนแจกันแตก เพล้ง มือปืนจะยิงซ้ำแต่ดุจแพรรีบวิ่งหนีย้อนกลับไปหาหยกที่สระว่ายน้ำ มือหนึ่งยื่นเข้ามาดึงตัวไว้ เธอตกใจจะร้องแต่เป็นหยกนั่นเอง
“ชู่ว์...มานี่”
หยกรีบดึงตัวดุจแพรไปด้วยกันท่ามกลางอาการตกใจของเธอ...ชายชุดดำถือปืนตามเข้ามามองหาดุจแพรไปรอบๆบริเวณสระว่ายน้ำแต่หาตัวไม่เจอ...หยกพาดุจแพรลงมาหลบอยู่ใต้น้ำ กลั้นหายใจตัวชิดกับขอบสระ หยกทำสัญญาณมือให้ ดุจแพรอยู่นิ่งๆ ไม่อย่างนั้นโดนเก็บแน่นอน...
บนขอบสระชายชุดดำกวาดปืนเดินหารอบๆสระ ยังไม่ออกไป ดุจแพรเริ่มกลั้นหายใจไม่ไหว ส่ายหน้าบอกหยกว่าอยากจะขึ้นไปหายใจ แต่หยกส่ายหน้าปฏิเสธ ดุจแพรอึดอัดมากส่ายหน้าว่าจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว หยกเลยตัดสินใจดึงเธอมาแล้วประกบปากช่วยแบ่งลมหาย ใจให้ ดุจแพรอึ้งไปที่โดนประกบปาก...บนสระชายชุดดำเห็นว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่แถวนี้จึงผละออกไป หยกผละริมฝีปากออกจากดุจแพรที่อึ้งๆอยู่
ตงพยายามโทรหาทั้งดุจแพรและหยก แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
“ทั้งลูกสาวฉัน ทั้งไอ้หยก ติดต่อไม่ได้เลยสักคน”
กิจชัยรีบบอก
“แต่ไอ้หยกมันรู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเสี่ย ผมว่ามันต้องพยายามหาทางช่วยคุณหนูอยู่ แน่นอนครับ”
ตงกระชากคอเสื้อกิจชัยมาตะคอก
“ก็ลองมันช่วยลูกสาวฉันไม่ได้สิ...มันโดนฉันเอาลูกปืน ยัดปากมันแน่”
ตงเหวี่ยงกิจชัยกระเด็นแล้วหน้าเครียดเป็นห่วงลูกสาว
หยกช่วยพยุงดุจแพรขึ้นจากสระตัวเปียกโชกด้วยกันทั้งคู่ หญิงสาวมีอาการสำลักน้ำ ชายหนุ่มจะช่วยดูให้แต่ ถูกเธอปัดมือ
“อย่ามาถูกตัวฉัน...มันเกิดอะไรขึ้น พวกนั้นเป็นใคร”
“ไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะรู้ตอนนี้”
“ชีวิตฉัน ทำไมฉันจะรู้ไม่ได้”
“ไว้ติดต่อเสี่ยได้ เสี่ยจะอธิบายให้คุณฟังเอง แต่ตอนนี้ผมต้องดูแลคุณจนกว่าจะแน่ใจ ว่าคุณปลอดภัยแล้ว”
หยกเข้าไปจับแขนดึงดุจแพรให้ลุกขึ้น
“จะพาฉันไปไหน”
“ไม่ต้องถาม...ตามผมมาก็พอ”
หยกจับแขนพาดุจแพรออกไปกับเขา
กิ่งเหมยกลับมาที่ศาลเจ้า อาม่าถามทันทีเมื่อพบหน้า
“ตกลงว่าลื้อได้งานทำแล้วเหรออาเหมย”
“ค่ะอาม่า”
ส้มเช้งดีใจ
“ดีใจด้วยนะแก...ฉันกับอาม่านั่งรอลุ้นอยู่ที่นี่จนฉี่จะเล็ดอยู่แล้วเนี่ย”
“ทุเรศน่าอาส้มเช้ง เป็นสาวเป็นนาง”
“แหม...อาม่าคะ...ส้มเช้งเห็นอาม่าวิ่งเข้าวิ่งออก ไหว้ทั้งเทพเจ้า ทั้งเซียน แล้วไหนจะฟ้า ดินอีก แบบนั้นไม่เรียกว่าลุ้นเลย”
“ก็อั้วอยากให้หลานอั้วได้งานทำดีๆ เจอผู้ชายดีๆ แต่งงานแต่งการไปจะได้สุขสบาย ยิ่งได้ไปอยู่ต่างประเทศด้วย อั้วยิ่งสบายใจ”
“โห...ยัยเหมย อาม่าแกเนี่ยขอเยอะขอแยะ ขอแบบไม่ให้เหลือของดีๆมาถึงคนอื่นเลย”
กิ่งเหมยขำๆ
“แกนี่ก็...อาม่าคะ ใจคอจะผลักไสเหมยไปไหน แค่เหมยทิ้งอาม่าไปหางานทำก็รู้สึกผิด จะแย่อยู่แล้ว”
“ลื้อไม่ต้องมารู้สึกผิดอะไร อาม่ามีหน้าที่เลี้ยงลื้อให้ได้ดิบได้ดี ถ้ามีโอกาสลื้อต้องคว้า เอาไว้ สัญญากับอาม่านะอาเหมย”
ส้มเช้งสะกิด
“สัญญากับอาม่าไปเถอะแก ไม่งั้นวันๆเอาแต่นั่งคุกเข่าไหว้ฟ้าดินทั้งวันแน่”
“ค่ะอาม่า เหมยจะตั้งใจทำงาน”
อาม่ายิ้มดีใจดึงหลานสาวมากอดอย่างสบายใจ แต่กิ่งเหมยกลับมีสีหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องของหยกกับดุจแพร
กิ่งเหมยมาถามหาหยกที่ร้านมอเตอร์ไซค์ อ่างหันมาบอก
“ไอ้...ไอ้หยกน่ะเหรอ ยัง...ยัง...ยังไม่เห็นมัน...กะ...กลับ...กลับมาเลย”
“เหรอจ๊ะน้า ไม่เป็นไรจ้ะ”
“มะ...มะ...มีธุระ...อะ...อะ...อะไรกับมัน...เหรอ”
“เปล่าหรอกจ้ะ...ฉันไปนะ”
กิ่งเหมยเดินออกไปได้ครู่ ระหว่างนั้นสลึงกลับเข้ามาจากซื้อโอเลี้ยงแต่มาจากอีกทาง
“เฮ้ย...ไอ้อ่าง เอ็งต้องไม่เชื่อข้าแน่ๆ เมื่อกี้นี้ข้าเห็นไอ้หยกมันพาสาวที่ไหนก็ไม่รู้ซ้อนท้าย มอไซค์มัน หายขึ้นไปที่ห้องมันสองต่อสอง”
“ผะ...ผะ...ผู้หญิงที่ไหนวะ”
“ข้าจะไปรู้ได้ไงวะ รู้แต่อย่างแจ่ม แหล่มเลย ไอ้เรื่องเจ้าชู้นี่ สงสัยมันได้มาจากข้าเต็มๆ ฮ่าๆ”
“ขะ...ข้าต่าง...ต่างหากเว้ย”
กิ่งเหมยยังไม่ได้ออกไปไหนยังอยู่หน้าร้านได้ยินทุกคำพูด
ดุจแพรตามหยกเข้ามา เห็นสภาพบนดาดฟ้าที่มีต้นไม้ที่หยกเลี้ยงไว้เต็มพื้นที่
“นี่...ที่นี่เป็นที่พักของนายเหรอ”
“คนอย่างผมแค่นี้ก็เรียกว่าหรูหราแล้ว แต่สำหรับคุณหนูอาจจะมองว่ามันก็แค่ห้องเช่า กระจอกๆ”
“นี่...ฉันยังไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยนะ ฉันจะบอกว่าสวยดีต่างหาก”
“ที่ผมต้องพาคุณหนูมาที่นี่ เพราะอย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัยที่สุด”
“แล้วทำไมถึงไปส่งฉันที่บ้านไม่ได้”
“ถ้าผมไปส่งคุณตามลำพัง ระหว่างทางอาจจะเจอพวกมันอีก”
“แล้วฉันจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่”
“โทรศัพท์มือถือของเราเปียกน้ำใช้การไม่ได้ แต่ข้างในมีโทรศัพท์บ้าน คุณหนูโทรตาม ให้เสี่ยมารับได้ ผมไม่คิดตังค์”
ดุจแพรมองไปที่ห้องพักแล้วเชอะใส่หยก ก่อนจะรีบเดินเข้าไป
ดุจแพรพยายามจะโทรออกจากเครื่องโทรศัพท์บ้าน แต่โทรไม่ได้เลยจนหยกตามเข้ามา
“เธอล้อฉันเล่นรึเปล่านายหยก โทรศัพท์ของเธอใช้ไม่ได้”
หยกสงสัยเดินเข้ามาลองกดโทรออกอยู่ครู่แล้วนึกขึ้นได้
“สงสัยจะโดนตัด”
“นี่...กับไอ้แค่ค่าโทรศัพท์บ้านนายยังลืมจ่ายเนี่ยนะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมป๋าถึงปล่อยให้นาย มาดูแลฉัน”
หยกนิ่งไปแล้วขยับเข้าไปใกล้ จนหน้าแทบจะชนดุจแพร เพราะต้องการพูดเน้นๆใส่
“คุณหนูครับ...ถ้าผมมันไม่ได้เรื่อง ป่านนี้คุณหนูกลายเป็นศพอยู่ที่คอนโดนั่นแล้ว”
ดุจแพรชะงักเพราะหยกยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้มาก จนทำให้เธอนึกไปถึงเหตุการณ์ใต้น้ำที่โดนเขาประกบปาก
“ถะ...ถอยไปห่างๆได้มั้ย”
“ทำไมครับ”
“ก็ฉัน...ฉัน...ฉันจะ...ฮัด...ฮัดชิ้ว!”
ดุจแพรจามเสียงดังใส่หน้าหยกเต็มๆ น้ำลายเต็มหน้าเขาเลยทีเดียว หยกอึ้งขบกรามเจ็บใจ
“สมน้ำหน้า…ตัวฉันเปียกๆยังให้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์นายอีก หวัดก็ถามหาฉันน่ะสิ”
หยกเอามือเช็ดหน้าอย่างเซ็งๆ
“เดี๋ยวจะหาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน”
หยกพูดห้วนๆแล้วเดินเข้าไปข้างใน ดุจแพรมองตามแล้วแอบยิ้มชอบใจ
“สมน้ำหน้า…ชิ”
หยกเอากล่องเก็บเครื่องมือมารื้อค้นหาโทรศัพท์มือถือเก่าๆ จนเจอมือถือเก่าตกรุ่นที่ไม่ได้ใช้แล้วเอามาเปลี่ยนซิมจากเครื่องเดิมที่เปียกน้ำ ระหว่างนั้นเสียงดุจแพรเรียกดังขึ้น
“นายหยก...นายหยก!”
หยกทำหน้าเซ็ง
“อะไรของคุณอีก”
หยกหันไปเห็นดุจแพรหลบอยู่หลังประตู ชะโงกมาแต่หน้าและครึ่งตัวที่สวมเสื้อยืดของเขา
“ไหนนายบอกจะหาเสื้อผ้ามาให้ฉันเปลี่ยน แล้วทำไมมีแค่เสื้อยืดตัวเดียว”
“ทั้งบ้านผมที่พอหาให้คุณใส่ได้ก็มีแค่นั้นนั่นแหละ ถ้าไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่อะไรเลย”
“ตาบ้า! ดูละครมากไปรึเปล่า ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ไปหาเสื้อผ้าให้ฉันมาเดี๋ยวนี้”
“ก็บอกแล้วไงว่าทั้งบ้านมีเท่านั้น อย่าเรื่องมาก”
“นี่นาย!”
“ผมกำลังจะโทรตามให้เสี่ยมารับคุณกลับ จะโทรเองหรือจะให้ผมโทร”
“ฉันใส่เสื้อยืดตัวเดียวจะออกไปได้ยังไงล่ะ”
“งั้นอยู่แต่ในนั้นแหละ...ไม่ต้องออกมา แต่ระวังหน่อยนะ แถวนั้นแมลงสาบมันเยอะ”
หยกหยิบโทรศัพท์เก่าลุกเดินออกไปหาที่โทรศัพท์ ดุจแพรชะงักสังหรณ์ไม่ค่อยดี
“แมลงสาบเหรอ...”
หญิงสาวหันรีหันขวาง
หยกเดินออกมาคุยโทรศัพท์แถวๆดาดฟ้า
“คุณหนูปลอดภัยดี แต่ตอนนี้ฉันให้มาหลบอยู่ที่บ้านกับฉันก่อน แกบอกเสี่ยให้มารับ กลับไปได้”
หยกกดปิดสายไปไม่ทันไรเสียงกรีดดังลั่น ดุจแพรวิ่งหน้าตื่นออกมาโวยวาย
“ช่วยด้วย...อี๋...แมลงสาบ...เอาออกไปที...เอาออกไปเร็ว...อี๋”
หยกเข้าไปหาแมลงสาบตามตัวดุจแพร ทั้งๆที่เธอยังสวมเสื้อยืดตัวเดียวโชว์เรียวขางามๆ
“อยู่เฉยๆสิคุณ ดิ้นเป็นกุ้งเต้นแบบนี้ ผมจะหามันเจอได้ไง”
“ฉันอี๋มันนี่...เอาออกไปเร็ว”
หยกเห็นแมลงสาบไต่อยู่ข้างหลังเลยช่วยปัดให้
“มันไปแล้ว”
“ไปแล้วแน่นะ”
“ผมจะโกหกทำไม เสียงคุณมันแสบแก้วหูผมจะตาย”
ดุจแพรโกรธ
“เพราะนายนั่นแหละ สกปรก อยู่เข้าไปได้ยังไง ทั้งบ้านมีแต่แมลงสาบ”
“ตอนผมอยู่ไม่เห็นมันจะออกมาทักทายผมเลย สงสัยมันจะชอบคุณ”
“นายหยก”
ดุจแพรชี้หน้า หยกยิ้มกวนๆให้ ก่อนจะมองทั้งตัวที่เธอใส่เสื้อยืดตัวเดียว
“ไอ้บ้า...ปิดตาไปเลยนะ ฉันจะฟ้องป๋าว่านายใช้สายตาลวนลามฉัน”
ดุจแพรผลักเขาให้ไปห่างๆแล้วรีบกลับเข้าไปแต่เดินไม่ทันระวัง สะดุดบัวรดน้ำที่วางพื้น
“ว๊าย!”
หญิงสาวกำลังจะล้ม หยกรีบเข้าไปประครองเอาไว้ ทั้งคู่ล้มลงไปที่พื้น ชายหนุ่มทับลงบนตัวหญิงสาวหน้าชิดกัน สบตากันนิ่งไป ก่อนที่เสียงของกิ่งเหมยจะ แทรกเข้ามา
“หยก!”
ทั้งสองหันไปเห็นกิ่งเหมย รีบผละออกจากกัน ดุจแพรตบหน้าเขาทันที...เพี๊ยะ! แล้วกลับเข้าไป ในห้อง หยกจับแก้มที่ชาๆแล้วมองมาที่กิ่งเหมยที่รู้สึกหน้าชาๆไม่ต่างจากเขา แล้วผละไปจากที่นั้นทันที
ตงมารับดุจแพรที่หน้าตึก โดยมีลูกน้องตามมาอีกหลายคน
“ป๋า” ดุจแพรวิ่งเข้าไปหา
“ไม่เป็นอะไรนะลูก ปลอดภัยดีนะ”
“ค่ะป๋า”
ตงหันไปมองหยกที่เดินมาส่ง
“ขอบใจแกมาก”
“หน้าที่ของผมอยู่แล้วครับเสี่ย”
หยกตอบตงแล้งมองไปที่ดุจแพร ทั้งคู่มองตากันนิ่งจนตงสงสัย
“มีอะไรเหรอดุจ”
“เอ่อ...เปล่าค่ะป๋า ดุจอยากกลับบ้านพักผ่อนแล้ว”
ดุจแพรรีบเข้าไปนั่งในรถ ตงเข้ามาตบบ่าหยก
“แกคงไม่ได้พูดอะไรให้ลูกสาวฉันรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ใช่มั้ย”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 5 จบตอน
“ผมทราบครับเสี่ย คุณหนูรู้แต่ว่าเสี่ยทำธุรกิจที่สุจริต”
“ดีมาก...แกมันเป็นคนหัวไวและฝีมือดี ฉันถึงไว้ใจให้ดูแลลูกสาวฉัน” ตงนิ่งไปครู่แล้ว ออกแรงจิกมือลงที่บ่าหยกอย่างเน้นๆ “แต่หน้าที่ของแกมีแค่นั้น อย่าได้คิดมากไป กว่านี้ เข้าใจใช่มั้ย”
“ครับเสี่ย”
ตงยิ้มให้อย่างดูน่าเกรงขาม ก่อนจะตามเข้าไปนั่งในรถให้ลูกน้องขับพาออกไป ดุจแพรมองหยกผ่านกระจกรถ เห็นแววตาที่เขามองเธอแล้ว ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำจนต้องหลบตาเขา
หยกเดินมองหากิ่งเหมยมาตามทางในตรอกจนมาถึงร้านมอเตอร์ไซค์ อ่างเห็นก็รีบเข้าไปถาม
“อะ...อะไอ้หยก...ผะ...ผะ...ผู้หญิงที่เอ็ง...หิ้ว...หิ้วมา...ใคร...ใครวะ”
“หมายความว่าไงน้า”
สลึงยิ้มล้อ
“อ๊ะๆ อย่ามาตีหน้าโง่แข่งกับน้าหน่อยเลยไอ้หลานชาย น้าเห็นกับตาว่าเอ็งหิ้วสาวขึ้น บ้าน มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกน้าเลย”
หยกนึกได้
“อ๋อ...นั่นไม่ใช่แฟนฉันหรอก ลูกนายจ้างฉัน”
“ไม่...ไม่เชื่อ ลูก...ลูกนายจ้าง...ที่...ที่ไหน...จะ...จะซ้อน...ซ้อนมอไซค์...เอ็งวะ”
“เรื่องมันยาว ไว้ฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง ว่าแต่พวกน้าเห็นกิ่งเหมยรึเปล่า”
สลึงกับอ่างโพล่งออกมาพร้อมกัน
“เห็น”
“อยู่ไหน”
สลึงกับอ่างชี้พร้อมกัน แต่ชี้กันไปคนละทาง ทำเอาหยกมึน
“นี่พวกน้าเห็นจริงรึปล่าเนี่ย...ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
หยกเริ่มหัวเสียรีบออกไปตามหาเอง อ่างมองตามแล้วเกาหัวสงสัย
“ไอ้สองคนนี่มันเล่นอะไรกันวะ ตามกันไปตามกันมาอยู่นั่นแหละ”
บรรยากาศตลาดนัดยามค่ำคืน...กิ่งเหมยนั่งรับจ้างดรออิ้งให้ลูกค้าอยู่ หยกตามเข้ามา
“ได้งานดีๆทำแล้ว จะมานั่งทำงานแบบนี้ทำไม”
กิ่งเหมยนิ่งไม่ตอบอะไร ดรออิ้งรูปให้ลูกค้าไปอย่างไม่สนใจ หยกเลยเข้าไปไล่ลูกค้าหน้าตาเฉย
“ไปหาร้านอื่นเถอะ เจ้านี้เขาไม่รับวาดรูปให้ใครแล้ว”
ลูกค้าเหวอๆงงๆ
“ไปสิ”
ท่าทางหยกเหมือนนักเลงจะเอาเรื่อง ลูกค้ากลัวเลยรีบลุกหนีทันที กิ่งเหมยไม่พอใจ
“หยก...เธออย่าเอานิสัยอันธพาลมาใช้กับฉันนะ”
“แต่ฉันต้องคุยกับเธอ”
“ฉันไม่เห็นว่าเรามีเรื่องอะไรต้องคุยกัน”
“มีสิ...ก็ที่เธอขึ้นไปเห็นฉันกับ...”
หยกนิ่งไปไม่พูดต่อแต่จับข้อมือกิ่งเหมยขึ้นมา
“กลับบ้านไปคุยกันดีกว่า”
กิ่งเหมยสะบัด
“ไม่ ! เรื่องของเธอจะทำอะไรมันไม่เกี่ยวกับฉัน”
กิ่งเหมยผลักอกเขาจนเซแล้วรีบถือกระดานวาดรูปออกไป หยกมองตามชักเริ่มหงุดหงิด...หยกเดินตามกิ่งเหมยท่ามกลางชาวบ้านที่มาเดินซื้อของ
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย...ฉันบอกให้หยุด”
กิ่งเหมยไม่ฟังเร่งฝีเท้าเดินต่อ หยกเลยรีบแซงไปขวางทาง
“เธอเดินหนีฉันไม่ได้หรอก ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนฉันก็จะตามไปทุกที่”
กิ่งเหมยโกรธ
“อันธพาล !”
“คำก็อันธพาล สองคำก็อันธพาล ถ้าเธอยังเดินหนีฉันอีก ฉันจะอันธพาลให้ดูจริงๆ”
“เธอจะทำอะไรฉัน”
“ก็ลองเดินหนีอีกสิ”
กิ่งเหมยกับหยกมองหน้ากัน หญิงสาวผลักไหล่เขาแล้วจะเดินต่อเลยถูกชายหนุ่มจับมือไว้แน่นไม่ยอมให้ไป
“ปล่อยนะ...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
ชาวบ้านเริ่มมุงเข้ามา หยกตีหน้าโหดเอาเรื่องตะโกนเสียงดัง
“ไม่ต้องมายุ่ง ผมกำลังง้อแฟนอยู่!”
กิ่งเหมยอึ้ง
“หยก...นี่เธอ”
ชาวบ้านผู้ชายคนหนึ่งขยับจะเข้ามาช่วยกิ่งเหมย
“ไอ้น้อง...เป็นแฟนกันจริงรึเปล่า”
“ไม่เชื่อเหรอ...นี่ไง”
หยกรวบตัวกิ่งเหมยมากอดแน่นๆชิดตัวจนหน้าแทบจะชนกัน กิ่งเหมยตกใจ
“ปล่อยฉันนะหยก...ปล่อย”
“รูปถ่ายคู่ของเราสมัยเรียนฉันยังเก็บไว้ในกระเป๋าตังค์ ต้องโชว์ให้ชาวบ้านดูมั้ยเธอถึง จะยอมหยุด”
กิ่งเหมยชะงักนิ่งไปตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา พวกชาวบ้านเห็นกิ่งเหมยไม่พูดอะไรเลยเริ่มสลายตัว
“ไปๆ! พวกเรา...หนุ่มสาวเขาจะง้อกัน อย่าไปยุ่งเลย”
พวกชาวบ้านถอยออกไปจนหมด หยกยิ้มกวนๆใส่ กิ่งเหมยที่หน้าหงิกโกรธจัด
กิ่งเหมยเอากระดานวาดรูปไล่ตีหยกมาที่ริมน้ำ
“ฉันเกลียดเธอ...นี่แน๊ะ...นี่แน๊ะๆ!”
“พอได้แล้ว ฉันเจ็บนะกิ่งเหมย”
“เธอเอาฉันไปพูดแบบนั้นกับคนอื่น แล้วต่อไปฉันจะมองหน้าใครได้ยังไง”
“ไม่เห็นจะยาก ก็ให้เข้าใจอย่างที่พูดไปนั่นแหละ”
“เธอมันคนเห็นแก่ตัว”
กิ่งหมยฟาดกระดานวาดรูปเข้ากลางหลังจนหยกเจ็บหลังแทบแอ่น แล้วอยู่ๆเธอก็นิ่งไปและถอยไปนั่งที่ม้า นั่งน้ำตาคลอ หยกเห็นแล้วรู้สึกผิด
“กิ่งเหมย...ฉัน...”
กิ่งเหมย ร้องไห้
“ไม่ต้องมายุ่ง ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เธออีกแล้ว...ไปให้พ้นจากชีวิตฉันนะหยก ไปให้พ้นเลย...ฮือๆ”
หยกไม่สนใจว่าเธอจะผลักไส เขาขืนตัวดึงเธอมากอดเอาไว้แน่น
“ฉันขอโทษ...ฉันยอมรับว่าทำเกินไปแต่เพราะฉันแคร์ความรู้สึกของเธอ ฉันไม่อยากให้ เธอเข้าใจฉันผิดนะ”
“เธอโกหก...ถ้าเธอแคร์ความรู้สึกของฉันจริงๆ เธอคงไม่เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้หรอก”
หยกนิ่ง
“บอกฉันมาสิหยก...ทำไม...ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป”
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนไปหรอก บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนจริงๆของฉันก็ได้”
กิ่งเหมย อึ้ง
“งั้นก็หมายความว่า ฉันอยู่กับเธอมาตั้งแต่เด็ก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรู้จักเธอเลย”
หยกนิ่งไป
“งั้นก็เชิญเธอสนุกกับการทำร้ายจิตใจฉันไปเถอะ สักวันถ้าฉันมีทางไปจากชีวิตเธอได้ เมื่อไหร่ ฉันจะไป...ฉันพูดจริงๆนะหยก”
กิ่งเหมยสะอื้นไห้แล้วผลักหยกวิ่งร้องไห้ออกไป
กิ่งเหมยร้องไห้เสียใจออกมาแล้วหยุดปาดน้ำตาก่อนจะรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับประสาทการมองเห็น ภาพรอบๆ ตัวเธอแสงสว่างเริ่มลดลง ทำให้เธอมองเห็นไม่ชัด สายตาเลือนลางเห็นทุกอย่างลางไปหมดและได้ยินแต่เสียง เรียกจากหยก
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยมองหาไม่เจอ
“หยก...หยก...เธออยู่ไหน”
กิ่งเหมยพยายามเดินหาแต่เท้าไปสะดุดพื้นทำให้ลงไปล้มที่กลางถนน รถคันหนึ่งขับพุ่งตรงมาที่เธอ กิ่งเหมยพยายามจะลุกแต่ไม่ขึ้น แสงไฟหน้าจากรถสาดเข้าหน้า เสียงบีบแตรดังลั่น หยกวิ่งเข้ามาเห็นเธอกำลังจะถูกชนเลยรีบวิ่งเข้าไปช่วย รถวิ่งผ่านไป หยกพากิ่งเหมยล้มลงที่ข้างทางหวุดหวิดเกือบจะถูกรถชน เขารีบหันมาดูก็พบว่าเธอหมดสติไป
หยกอุ้มกิ่งเหมยเข้ามาในบ้านวางลงบนเก้าอี้ตัวยาวเอาหมอนมารองหัวให้ อาม่าเห็นเข้าก็ตกใจ
“อาเหมยเป็นอะไรไป...อาหยก”
“อยู่ๆเหมยก็ล้มลงไปกลางถนน เกือบถูกรถชนครับอาม่า”
อาม่าตกใจ
“หา !...แล้วไปทำยังไงอาเหมยถึงล้ม”
หยกนิ่งไป
“อาม่าครับ...คือ”
หยกหน้าตารู้สึกผิดจนอาม่าเห็น
“เพราะลื้ออีกแล้วใช่มั้ย ลื้อหาเรื่องทำให้อาเหมยโกรธอีกแล้วใช่มั้ย”
“ผมขอโทษครับอาม่า”
อาม่าเสียใจตีหยกไม่หยุดมือ
“อาหยก...ทำไมลื้อถึงได้เป็นคนแบบนี้ ใจคอลื้อทำไมถึงได้ชอบทำให้อาเหมยเสียใจ”
“ผมขอโทษครับอาม่า”
“ไปให้พ้น...อย่าเข้ามาใกล้หลานอั้วอีก...ไป”
“แต่ขอให้ผมช่วยดูแลกิ่งเหมยไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่.. .อั้วไม่อยากเห็นลื้อเข้าใกล้อาเหมยอีก...ไปสิ...ไป!”
อาม่าผลักไสให้หยกออกไปจนเขาต้องยอมถอย อาม่าหันไปดูแลหลานสาวอย่างเป็นห่วง
หยกเดินออกมาที่หน้าประตูแต่ยังสามารถมองเห็นในบ้านได้ผ่านทางหน้าต่าง เขาเห็นอาม่าเอาอ่างน้ำชุบผ้าบิดหมาดๆเช็ดหน้าเช็ดตาให้กิ่งเหมยด้วยท่าทางที่ห่วงใยมาก
“อาเหมย...เวรกรรมอะไรของลื้อ...อาม่าสัญญาว่าจะไม่ให้ลื้ออยู่ใกล้ๆพวก คนเลวๆอีก อาม่าสัญญา”
หยกได้แต่มองภาพนั้นอย่างรู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุให้กิ่งเหมยต้องเสียใจ
วันใหม่...หยกหิ้วถุงโจ๊กยืนอยูหน้าประตูอยากจะเอาเข้าไปให้กิ่งเหมย แต่เจอส้มเช้งมายืนอยู่ข้างหลัง
“แกมายืนเกะเกะอะไรตรงนี้หา...ไอ้หยก”
“ฉันซื้อโจ๊กมา จะเอามาให้กิ่งเหมย”
“ฉันว่าแกเอากลับไปกินเองเถอะ อาม่าเขาต้มโจ๊กให้มันกินแล้ว”
“แต่ฉันมีรังนกมาด้วย”
“โอ้โห...ท่าทางคงอยากให้มันหายโกรธแกมากนะเนี่ย ถึงกับลงทุนซื้อรังนกมาเลย
แต่ฝัน ไปเถอะไอ้หยก แกมันไม่รู้จักคำว่าสำนึกดี ตอนแกติดคุกมันเป็นห่วงแกทุกอย่าง แต่พอ แกออกมาแล้วนี่สิ...วันๆแกเคยทำอะไรตอบแทนมันบ้าง”
หยกนิ่งไประหว่างนั้นอาม่าเดินออกมา
“ส้มเช้ง...ยาจีนที่อั้วให้ลื้อไปซื้อมาได้รึยัง”
“ได้สิอาม่า”
ส้มเช้งชูห่อยาให้ดู
“ได้แล้วก็เอาเข้ามาสิ จะยืนทู่ซี้อยู่หน้าบ้านทำไม”
ส้มเช้งหางตามองหยกแล้วรีบเดินเข้าไปในบ้าน
“อาม่าครับ...ผมเอาโจ๊กกับรังนกมาฝากให้กิ่งเหมย”
“ลื้อเป็นห่วงอาเหมยจริงๆเหรออาหยก”
“ครับอาม่า”
“ถ้าลื้อเป็นห่วงจริงๆ ลื้อก็ควรอยู่ห่างๆอาเหมย เพราะอั้วจะไม่ยอมให้หลานสาวของอั้ว เข้าใกล้ไอ้พวกกุ๊ยเด็ดขาด”
“อาม่า” หยกอึ้ง
ส้มเช้งเอายาจีนที่ซื้อมาเทใส่หม้อดินอยู่ในครัว กิ่งเหมยเข้ามาถาม
“อาม่าสั่งให้แกไปซื้อยาจีนมาต้มให้ฉันกินอีกใช่มั้ยเนี่ย”
“แกก็รู้อาม่าแกเกลียดยาฝรั่งยิ่งกว่าอะไร”
“แล้วอาม่าไปไหนล่ะ”
“อยู่หน้าบ้าน กำลังไล่ตะเพิดไอ้หยกไม่ให้มายุ่งกับแกอีก แกไม่ต้องโผล่หน้าไปหรอก โดนอาม่าไล่เดี๋ยวมันก็ไปเอง”
กิ่งเหมยเป็นห่วงหยกจะออกไป ส้มเช้งรีบหันมาดึงไว้
“แกจะไปไหน...อาม่าทำอย่างนั้นน่ะดีแล้ว เพราะมันไม่ใช่เหรอที่ทำให้แกต้องเสียใจมา ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แล้วนี่ยังเกือบจะทำให้แกโดนรถชนอีก”
“หยกไม่ได้ทำนะส้มเช้ง หยกช่วยฉันไว้ต่างหาก”
กิ่งเหมยแกะมือเพื่อนแล้วรีบออกไป
หยกมองหน้าอาม่า
“ทำไมล่ะครับ ทั้งๆที่ผมรู้จักกิ่งเหมยมาทั้งชีวิต หรือเพราะอาม่ากำลังหนีอะไรอยู่ ถึงต้อง คอยปกป้องกิ่งเหมย”
อาม่าชะงัก
“นี่...ลื้อรู้ได้ยังไง”
“ผมได้ยินอาม่าพูดหลายครั้งแล้ว ถ้าอาม่าต้องการความช่วยเหลือ ผมรู้จักคนที่สามารถ ช่วยอาม่าได้”
“ลื้อไม่ต้องมายุ่งเรื่องของอั้ว ลำพังตัวลื้อเองถ้ายังไม่เลิกเข้าไปยุ่งกับไอ้พวกกุ๊ย สักวันลื้อ ก็คงไม่ได้ตายดี...คนที่รักลื้อจะต้องร้องไห้เสียใจเพราะลื้อ...ไปซะอาหยก”
กิ่งเหมยรีบเข้ามา
“อาม่า...อาม่าอย่าไล่หยกนะ”
“เข้าบ้านไปอาเหมย”
กิ่งเหมยชะงัก
“แต่ว่า...”
หยกหน้าเศร้า
“ทำตามที่อาม่าบอกเถอะกิ่งเหมย”
“หยก !”
“อาม่าพูดถูกแล้วครับ อยู่ใกล้พวกนักเลงชีวิตมันไม่มีทางดีขึ้นหรอก”
หยกพูดแล้วก็หันหลังให้ทุกคนแล้วเดินจากไป กิ่งเหมยใจหาย
“หยก...หยก”
กิ่งเหมยจะตาม แต่อาม่าจับแขนไว้ไม่ยอมให้ตามไป
คมทวนไม่พอใจพวกกิจชัย กับพวกลูกน้อง 3-4 คนที่พากันเข้ามา
“ออกไปให้พ้นจากบ้านฉัน ก่อนที่พวกแกจะโดนฉันกระทืบเรียงตัว”
“นักมวยแก่ๆอย่างพวกแกเนี่ยนะ กลัวตายเลยว่ะ...ฮ่าๆ เฮ้ย...ไปดูสิว่ามีอะไรเอาไป ขายแทนหนี้มันได้บ้าง”
ลูกน้องกิจชัยจะเข้าไปในบ้าน อ่างรีบเข้าไปขวางคนหนึ่งแล้วใช้เชิงมวยซัดมันจนหมอบ
“นะ...นักมวยแก่ๆ อย่าง...อย่างข้านี่แหละ จะ...จะหักขา...นัก...นักเลงกระจอก...อย่าง...อย่างพวกเอ็ง”
“แก !...อย่าคิดว่าเป็นพ่อไอ้หยกแล้วจะใจอ่อนให้นะเว้ย เป็นหนี้คนอื่นเขาถึงเวลา ใช้หนี้ก็ต้องจ่ายหนี้สิวะ”
“ข้าไม่เคยคิดเบี้ยวหนี้ แต่ไอ้ดอกเบี้ยมหาโหดที่มันคิดทบแล้วทบอีก มันเกินไปเว้ย”
“ฉันไม่สน ไม่รับรู้ด้วยว่าแกไปตกลงกับเจ้าหนี้เขายังไง เขาจ้างให้ฉันมาทวงหนี้ ฉันก็มา และวิธีการทวงหนี้ของฉันก็ตรงไปตรงมา มีต้องจ่าย ถ้าไม่มีก็ต้องเอาอย่างอื่นมาจ่าย”
“งั้นถ้าพวกเอ็งแตะต้องสมบัติในบ้านนี้แม้แต่ชิ้นเดียว...เอ็งได้รู้แน่ว่าหมัดของข้ายังหนัก อยู่รึเปล่า”
กิจชัยไม่สนใจพยักหน้าให้ลูกน้องของมันเข้ารุมล้อมคมทวนกับอ่าง พวกมันเข้ารุมพร้อมๆกันแต่ก็สู้เชิงมวยของ คมทวนกับอ่างไม่ได้ พวกมันโดนทั้งหมัดเข่าศอกเล่นงานจนงอม คมทวนกระชากคอเสื้อลูกน้องกิจชัยคนหนึ่งขึ้นมาจากพื้นกำลังจะง้างหมัดจบ แต่เสียงขึ้นไกปืนจากปืนในมือ ของกิจชัยดัง...กริ๊กอยู่ที่หลังศีรษะคมทวน
“ก็ได้วะไอ้แก่...ฉันเชื่อแล้วว่าฝีมือของพวกแกยังใช้การได้อยู่ แต่ในเมื่อแกยังต้องใช้ หนี้...เพราะฉะนั้นอะไรที่ใช้หนี้ให้เขาได้ แม้แต่ชีวิตแก ฉันก็ต้องเอาไป”
กิจชัยใช้ปืนจ่อคุมตัวคมทวนออกไป อ่างจะตาม
“ยะ...ยะ...อย่านะเว้ย”
พวกลูกน้องที่เหลือเอาท่อนไม้ฟาดเข้าหลังศีรษะของอ่างทีเดียว อ่างทรุดหมดสติ
หยกเข้ามาที่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ เห็นร้านเงียบเชียบก็แปลกใจ
“หายไปไหนกันหมด”
ไม่ทันขาดคำสลึงก็ช่วยพยุงอ่างที่ได้รับบาดเจ็บเลือดยังอาบหัวเข้ามา
“น้า! เกิดอะไรขึ้น ไปมีเรื่องกับใครมา”
“ข้าน่ะเปล่ามี แต่ไอ้อ่างน่ะสิ โชคดีที่ข้าไปเจอ ไม่งั้นนอนจมกองเลือดไปแล้ว”
“ใครทำน้า”
“ไอ้...ไอ้...พวก...กิจชัย”
“มันทำน้าทำไม”
อ่างนิ่งไปไม่กล้าพูด หยกเลยยิ่งสงสัย
“น้า...มันเล่นงานน้าทำไม บอกฉันมาสิ”
“ข้า...ข้า...บอก...บอกไม่ได้”
“ทำไมล่ะน้า”
สลึงมองหน้าอ่าง
“ไอ้อ่าง...ข้าว่าเรื่องมันถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องบอกมันแล้วว่ะ เราคงช่วยพี่คมทวน ปิดมันไม่ได้แล้ว”
หยกชะงัก
“น้าหมายความว่ายังไง...พ่อกำลังปิดอะไรฉันอยู่”
สลึงกับอ่างมองหน้ากันตาปริบๆ หยกอยากรู้มาก
ในสนามมวยเถื่อน พวกนักพนันส่งเสียงเชียร์พนันขันต่อนักมวยที่กำลังซัดกันกลางเวที คมทวนถูกกิจชัยพาตัวเข้ามาพร้อมพวกลูกน้องตามประกบ
“เอ็งพาข้ามาที่นี่ทำไม”
“ใช้หนี้ไงไอ้แก่”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็แกมันคุยโวโอ้อวดไว้นักไม่ใช่เหรอว่าถึงจะแก่แต่ฝีมือเอ็งยังไม่ตก ในเมื่อแกยังหาเงิน มาใช้หนี้ให้เจ้าหนี้เขาไม่ได้ ฉันก็ต้องหาทางทำให้แกมีเงินน่ะสิวะ ไอ้แก่”
กิจชัยเอาด้ามปืนทุบหลังคมทวน แล้วผลักเข้าไปกลางวงมวยเถื่อนที่มีนักชกท่าทางฝีมือดีรออยู่
“เห็นแก่ๆแบบนี้ แต่ลายมันยังไม่หมด ไม่ต้องออมมือ ซัดได้ไม่ต้องยั้ง”
คมทวนชะงักหันไปมองกิจชัย นักมวยที่รออยู่แล้วปรี่เข้ามาซัดด้วยหมัด คมทวนซวนเซไปทางลูกน้องกิจชัย
“หนี้แกที่ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้เขาไม่ใช่น้อยๆ ถ้างัดฝีมือออกมาแล้วเอาชนะไอ้พวกนี้ให้ได้ เยอะๆล่ะก็ นอกจากแกจะไม่ได้ใช้หนี้แล้ว แกยังไม่ได้ออกไปจากที่นี่อีกด้วยนะ ไอ้แก่”
กิจชัยผลักคมทวนให้เข้าไปกลางวงอีกครั้ง เสียงเฮเชียร์ลั่น คมทวนหนักใจ
หยกถึงกับตกใจเมื่อรู้จากปากพวกน้าๆ
“พ่อน่ะเหรอ ไปกู้เงินจากพวกเงินกู้นอกระบบ”
“ก็เออน่ะสิ พวกข้าเตือนพี่คมทวนแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีทางหาเงินไปจ่ายธนาคาร บ้านที่ เคยเอาไปจำนองไว้ก็ต้องโดนยึด”
“พ่อเอาบ้านไปจำนองไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องเลย”
“ตั้ง...ตั้งแต่แม่...แม่เอ็งตาย เอ็ง...เอ็ง...คิดว่าพ่อ...พ่อเอ็งจะ...จะหาเงินจากไหน...มา...มา ส่งเสียเอ็งล่ะ”
“ลำพังสอนมวยเด็กๆ มันไม่พอยาไส้หรอกนะไอ้หยก หนี้พ่อเอ็งมันก็เลยทบต้นทบดอก มาเรื่อย”
“พ่อ!”
หยกเจ็บใจตัวเองและเป็นห่วงพ่อมากรีบหุนหันออกไป
คมทวนเอี้ยวตัวหลบหมัดคู่ชกก่อนจะสวนกลับเข้าแสกหน้าทีเดียวคู่ชกล้มหมดสติ ส่วนคมทวนเหนื่อย หอบ กิจชัยหัวเราะชอบใจ มีคนเอาเงินพนันที่คมทวนชกชนะเมื่อครู่มาให้ กิจชัยนับดู
“เพิ่งได้ครึ่งเดียวเองว่ะไอ้แก่...แกต้องออกแรงมากกว่านี้แล้วล่ะ ฮ่าๆ”
คมทวนเจ็บใจเหนื่อยหอบ
หยกลากคอเด็กแว้นท์ลูกน้องกิจชัยมากระแทกกำแพงเกรี้ยวกราดถาม
“มันพาพ่อฉันไปไหน!”
“ไม่...ไม่รู้”
หยกไม่เชื่อชกหน้าแล้วตามด้วยชกเข้าท้องอีกจนมันจุกตัวงอ เด็กแว้นท์คนอื่นจะเข้ามาช่วย แต่โดนหยกคว้าท่อ เหล็กมาชี้หน้าอย่างเอาจริง
“ใครรู้ก็บอกมา ไม่อย่างนั้นฉันเลาะฟันพวกแกออกมาแน่”
หยกฟาดเข้ากลางหลังคนที่ทรุดไปจนหมดสติ พวกที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก