xs
xsm
sm
md
lg

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 12 จบบริบูรณ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 12 
เวลาผ่านไป เอมิกาคุยโทรศัพท์กับนงลักษณ์ด้วยสีหน้าอึ้งๆ
"คุณตั้มถามถึงฉัน?”
"อือ..เค้าบอกว่าเค้ามีเรื่องจะคุยกับแกเห็นแล้วสงสารว่ะ หน้าเขาจ๊อยจ๋อย ฉันถามว่ามีอะไรกับแกมั๊ย เค้าก็ไม่ตอบ"
เอมิกานิ่งเงียบ
นงลักษณ์ถามต่อ "แล้วเรื่องคุณตั้มแกจะทำยังไงต่อไปวะ"
เอมิกาได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม

เอมิกานั่งเหม่ออยู่ที่บ้านที่เชียงใหม่ สักพักอุทยานกับอัมพรก็เดินมาหา
"พอรู้ว่าลูกจะกลับมาอยู่บ้าน แม่เค้ารีบจัดห้องให้เราเองเลยน๊ะ" อุทยานบอก
เอมิกาหันมายิ้มให้อัมพร
"นี่ยัยเอม จะไม่เล่าให้แม่ฟังหน่อยเหรอว่าเรื่องที่หนูเขียนส่งประกวดเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร" อัมพรถาม
"เรื่องคนใช้คะ"
อัมพรกับอุทยานพูดพร้อมกัน "คนใช้!!?”
อุทยานกับอัมพรมองหน้ากันอย่างงงๆ
"แล้วหนูรู้เรื่องพวกนี้ได้ไง เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ" อัมพรว่า
"มันไม่น่าสนใจหรอกคะแม่ มันเป็นแค่เรื่องราวที่หนูเขียนเป็นบทละคร มันไม่มี ความจริง หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ"
เอมิกาเดินเข้าบ้านไป
"ยัยเอมเป็นอะไรทำไมดูซึมๆเหงาๆจังเลยคะ" อัมพรบอกสามี
"ดีเลย ถ้าบ้านเรามีแขก แกจะได้หายเหงา แกจะได้ช่วยผมรับแขก อาทิตย์หน้าผมว่าจะจัดงานเลี้ยงที่บ้าน"

พีรพลมองวเรศด้วยสีหน้าแปลกใจ ชื่นฤทัยก็นั่งอยู่ข้างๆ พีรพลด้วย
"ท่านผู้ว่าฯ อุทยานอยากเลี้ยงขอบคุณอา?” พีรพลทวนคำของวเรศ
"ครับ เรื่องที่คุณอาช่วยเกี่ยวกับงานพืชสวนเมืองหนาว ท่านก็เลยอยากเชิญครอบครัวคุณอาทุกคนไปร่วมรับประทานอาหารครับ" วเรศบอก
"ท่านผู้ว่าฯนี่น่ารักจริงจริ๊ง คุณพีช่วยท่านคนเดียว แต่เลี้ยงพวกเราทั้งบ้าน ว่าแต่เลี้ยงไหนจ๊ะหลานตั้ม"
ชื่นฤทัยกับพีรพลหันไปมองวเรศ

ณ จวนผู้ว่าฯ เชียงใหม่ อุทยานกับอัมพรกำลังเดินตรวจภายในห้องจัดเลี้ยง ทั้งสองชี้โน่นชี้นี่ดูความเรียบร้อย ระหว่างนั้นเอมิกาก็เดินออกมา อุทยานกับอัมพรหันไปทางเอมิกา
"เตรียมพร้อมสำหรับร้องเพลงต้อนรับแขกสำคัญของพ่อคืนนี้หรือยังลูก" อัมพรถาม
เอมิกาทำหน้าเซ็ง "เอมไม่อยากร้องเลยอ่ะค่ะคุณพ่อ"
"แขกกลุ่มนี้ของพ่อเขาเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก พ่ออยากทำให้แขกของพ่อประทับใจ ทำเพื่อพ่อหน่อยนะลูก" อุทยานขอ
เอมิกาพูดไม่ออก

วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส พีรพล หนูอ้อย อรทัย อเนก และแป๊ะเดินเข้ามาหาอุทยานกับอัมพรที่เดินออกมาต้อนรับ สมพิศ นาก จุ่น และบรรจงหอบของพะรุงพะรังเดินตามมาข้างหลัง ทุกคนยกมือไหว้อุทยานกับอัมพร อุทยานกับอัมพรรับไหว้
"สวัสดีครับทุกคน" อุทยานทัก
"โอ้โฮ..ขนอะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย?” อัมพรถาม
"ของฝากเล็กๆน้อยๆจากพวกเราค่ะท่าน" ชื่นฤทัยบอก

ทุกคนพยักหน้า อุทยานกับอัมพรยิ้ม
"ขอบใจมาก ไม่น่าต้องเสียเงินเสียทองซื้อมาเลย" อุทยานว่า
"ไม่ได้เสียซักแดงค่ะ ของเหลือจากงานวันเกิดปีที่แล้วของพี่ชื่น" อรทัยบอก
ทุกคนเหวอ ชื่นฤทัยหันขวับไปมองอรทัยที่หลุดพูดความจริงๆ อรทัยรีบกลับลำ
"เดี๊ยนพูดเล่นค่ะ ดูสิคะเชื่อกันหมดเลย เฮอะๆๆ"
ทุกคนหัวเราะชอบใจ ชื่นฤทัยกับอรทัยโล่งอก
"พวกคุณโชคดีที่มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้" อุทยานบอก
"ใช่ครับท่าน พวกเรามีกันอยู่แค่สามคนพี่น้องนี่แหละครับ จะทะเลาะกันไปทำไม จริงมั๊ยล่ะครับ" แป๊ะเห็นด้วย
ชื่นฤทัย แป๊ะ และอรทัยยิ้มปลื้ม อัมพรกับอุทยานยิ้มให้
"ผมขอบคุณคุณพีรพลมากนะครับที่ช่วยเป็นที่ปรึกษาโปรเจกพืชสวนเมืองหนาวให้คุณวเรศ รูปแบบงานทีทำมาเสนอน่าสนใจมากครับ" อุทยานบอก
พีรพลยิ้มรับ
"ผมไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นไอเดียหลานตั้มน่ะครับ" พีรพลบอก
วเรศยิ้มแล้วมองพีรพล
"อย่าถ่อมตัวเลยคุณพีรพล" อุทยานหันไปทางชื่นฤทัย "คุณพีเป็นคนเก่งมากนะครับคุณชื่น แถมยังเป็นคนซื่อตรง น้อยนักที่จะหาคนแบบนี้ได้ในสมัยนี้" ชื่นฤทัยภาคภูมิใจ
“ท่านชมผมมากเกินไปแล้วครับ" พีรพลบอก
พีรพลรู้สึกดีมาก เขาหันไปยิ้มให้กับชื่นฤทัย
ชื่นฤทัยบอกกับสามี "ฉันภูมิใจในตัวคุณจริงๆค่ะ"
พีรพลกับชื่นฤทัยยิ้มให้กันราวกับในโลกใบนี้มีกันแค่สองคน
นาก สมพิศ บรรจง จุ่นยืนทำตัวไม่ถูก อุทยานหันมาเห็นก็หันมาถามชื่นฤทัย
"นั่นคนของคุณชื่นใช่มั๊ยครับ"
สมพิศ นาก บรรจง จุ่นได้ยินอุทยานพูดถึงก็ยืนตัวลีบและเกร็ง ทั้งหมดรีบยกมือไหว้อุทยานอีกครั้ง
ชื่นฤทัยหันไปมอง "ใช่ค่ะ ช่วงนี้พวกเค้าทำงานกันเหนื่อย ชื่นก็เลยพามาเที่ยวด้วยคะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกท่าน"
"โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยคะคุณชื่น ว่าแต่เอาไปเก็บข้างในก่อนดีมั๊ยคะ ท่าทางจะถือกันไม่ไหวแล้ว" อัมพรหันไปทางคนใช้ของเธอ "คำปุย.." คำปุยเดินมาหา
"เชิญข้างในเลยครับ เชิญ เชิญ" อุทยานบอก
ทุกคนเดินเข้าไปด้านใน

เอมิกาแต่งตัวเสร็จแล้ว เสียงเคาะประตูห้องของเธอดังขึ้น เอมิกาเดินมาเปิดประตูก็เห็นคนใช้ยืนอยู่
"คุณนายให้มาเรียนคุณหนูว่าแขกมากันแล้วนะเจ้า" คนใช้บอก
"อีกไม่เกินสิบนาที ฉันจะออกไป" เอมิกาบอก
คนใช้เดินออกไป เอมิกาหันมาเช็คความพร้อมที่หน้ากระจกอีกครั้ง

เวลาผ่านไป ทุกคนมานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร อุทยานยังคุยอยู่กับวเรศ พีรพล ชื่นฤทัย สมพิศ นาก บรรจง และจุ่นตื่นเต้นกับบรรยากาศโดยรอบ
"อีกไม่นานจะมีการแสดงเล็กๆน้อยๆจากลูกสาวของผมเป็นการขอบคุณ" อุทยานบอก
"ลูกสาวของท่านเป็นนักแสดงเหรอคะ?” ชื่นฤทัยถาม
"ไม่ใช่ครับ แต่เค้าเรียนทางด้านการแสดง" อุทยานบอก
วเรศชะงักไปเล็กน้อย

เอมิกาเดินมาเตรียมขึ้นเวที เธอมองไปที่โต๊ะอาหารก็แทบช๊อคเพราะเห็นวเรศ ชื่นฤทัย พีรพล อรวิลาส หนูอ้อย แป๊ะ อรทัย อเนก นั่งอยู่กับอุทยานอัมพร เห็นบรรจง นาก สมพิศ จุ่น ที่เพิ่งเดินเข้ามาจับกลุ่มยืนอยู่ไกลออกไป
"คุณตั้ม!!!!??? มากันได้ไงเนี๊ย!!กรรมของเวร เวรของกรรมแล้วมั๊ยล่ะไอ้เอม..มากันหมดทั้งบ้าน ทำไงดีหละเนี๊ย!”
เอมิกายืนอยู่ที่ข้างเวทีด้วยสีหน้าตื่นเต้นมากๆ
เอมิกายกมือไหว้ "คุณพระคุณเจ้าขอให้ลูกรอดด้วยเถ๊ออออะ!!”
เอมิกาพ่นลมหายใจออกมาจากปากทันใดนั้น เสียงเพลง “ไว้ใจ๋ได้กา” ก็ดังขึ้น dancer เดินออกไปก่อน เอมิกาหัวใจแทบจะหยุดเต้นพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ทำไงดี...ถ้าไม่ออกไปเป็นเรื่องแน่ แต่ถ้าออกไปก็เป็นเรื่องอีก ไปทางไหนก็ตาย"
เอมิกาคิดๆๆแล้วก็หันไปเห็นร่มแดงที่เหมือนของ dancer วางอยู่ แล้วเธอก็คิดออก

สมพิศ บรรจง นาก และจุ่นยืนดูการแสดงบนเวทีอยู่ตรงมุมหนึ่ง
"มีการแสดงด้วยเว๊ย!” นากบอกทุกคน
ทุกคนยืนดูด้วยความตั้งใจ
วเรศ ชื่นฤทัย อรวิลาส พีรพล หนูอ้อย อุทยาน และอัมพรตั้งใจดูมาก แล้วเสียงร้องเพลงก็ดังขึ้น
"แต่ก่อนแต่ไน ไปแอ่วต่างได๋กัน เฮาก็ไปโตยกัน ตึงวันแสนม่วนใจ๋..”
เอมิกากางร่มปิดหน้าปิดตาเดินออกมา ทำเอาทุกคนแปลกใจ
"ลูกสาวท่านคนไหนคะ?” ชื่นฤทัยถาม
"คนถือร่มที่ร้องเพลงครับ" อุทยานบอก
ทุกคนชะงักแล้วจ้องไปที่คนถือร่มเป็นตาเดียวด้วยความชื่นชม
สมพิศ บรรจง จุ่น นากที่ยืนดูอยู่งง
สมพิศสงสัย "มันจะถือร่มปิดหน้าปิดตาทำไม?”
เอมิการ้องเพลงแล้วก็หมุนตัวเอาร่มปิดหน้าแล้วก็คอยลอบมองวเรศ ชื่นฤทัย พีรพล หนูอ้อยไปด้วย
"ปากแดงๆจะไว้ใจได้กา หน้าสวยๆจะไว้ใจได้กา แก้มขาวๆจะไว้ใจได้กา ตาหวานๆจะได้ไว้ใจได้กา"
เอมิกาหมุนตัวจะหันไปอีกทางก็เห็นสมพิศ นาก จุ่น บรรจงยืนมองอยู่ เอมิกาตกใจรีบเอาร่มปิดหน้าแทบไม่ทัน
"ใส่เอวลอย จะไว้ใจได้กา นุ่งสั้นๆจะไว้ใจได้กา อยู่เมืองไกล จะไว้ใจได้กา บ่ใจ้ข้าเจ้า จะไว้ใจได้กา"
ชื่นฤทัยกล่าวชม "ลูกสาวท่านเสียงไพเราะมากเลย แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นหน้าซักที"
"ลูกสาวดิฉันชอบทำอะไรแปลกๆแบบนี้ล่ะค่ะ เค้าเรียกว่าครีเอทีฟ" อัมพรบอก
วเรศนิ่งฟังเสียงของเอมิกาเพราะรู้สึกคุ้น เขาหันไปทางอรวิลาส
"อรว่าเสียงคุ้นมั๊ย"
"นั่นสิคะพี่ตั้ม อรก็ว่าเสียงคุ้นๆ"
เพลงจบ ทุกคนปรบมือ dancer เดินกลับเข้าไป เอมิการีบเดินตามเข้าไปแบบเนียนๆ แต่อุทยานเรียกเธอเอาไว้
"ยัยเอม..”
วเรศชะงักกับชื่อ “เอม”

เอมิกาหยุดกึกแล้วก็ทำเป็นไม่ได้ยิน รีบเดินเข้าไปต่อทันที
"อย่าเพิ่งเข้าไปลูก มานี่ก่อน" อัมพรเรียก
เอมิกาหน้าเสียสุดๆ แล้วคิดในใจว่า “ซวยแล้วกู” เอมิกาจำต้องเดินมาหาพ่อกับแม่โดยเอาร่มปิดหน้าไว้ ทุกคนมองเอมิกาด้วยความแปลกใจมาก
สมพิศ นาก บรรจง จุ่นมองตาม
"นั่นลูกท่านผู้ว่าฯเหรอ ท่าทางประหลาดๆนะเนี่ย" นากบอก
ทุกคนเห็นด้วย
เอมิกาเดินมาหยุดที่โต๊ะ ทุกคนพยายามจะมองหน้าเอมิกาแต่ก็ไม่เห็น อุทยานแปลกใจ
"ลูกคนนี้ เสียมารยาท หุบร่มเดี๋ยวนี้!!” อุทยานสั่ง
เอมิกาส่ายร่มไปมา วเรศยิ่งแปลกใจมาก
"ท่าทางลูกสาวท่านจะขี้อายนะครับ" วเรศบอก
"ปกติไม่ขี้อายนะคุณตั้ม เอม...”
เอมิกายังส่ายร่มไปมา
อัมพรสุดทน "มันจะมากเกินไปแล้วนะเอมิกา!!”
วเรศผงะกับชื่อ “เอมิกา” อัมพรดึงร่มออกทันที
ทันทีที่วเรศ อรวิลาส ชื่นฤทัย พีรพล แป๊ะ อเนก อรทัย หนูอ้อยเห็นหน้าเอมิกาก็แทบช็อค
ชื่นฤทัยตกใจ "ชะเอม...!!”
สมพิศ นาก จุ่น บรรจงก็ตกใจ ทั้งหมดอ้าปากค้างและตาถลน
"นี่ลูกสาวท่านเหรอครับ?” วเรศถาม
"ใช่ครับ..นี่เอมิกา ลูกสาวคนเดียวของผม" อุทยานบอก
ทุกคนเหวอสุดๆ วเรศรู้เลยว่าเขาเข้าใจผิดเอมิกามาตลอด เขานึกถึงตอนที่ต่อว่าเอมิกาว่าเธอเป็นเมียน้อยผู้ว่าฯ นึกถึงตอนที่โทรถามอุทยาน วเรศน้อยใจและโมโหที่เอมิกาไม่บอกความจริงให้เขารู้ เอมิกาจ๋อยสุดๆ และไม่กล้าสบตาวเรศ

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 12 (ต่อ)
หลังจากที่เอมิกาเล่าทุกอย่างให้พ่อกับแม่ฟังจนจบ เอมิกาก็ยกมือไหว้อุทยาน อัมพร ชื่นฤทัย พีรพล ขณะที่วเรศ อรวิลาส และหนูอ้อยยืนอยู่แถวนั้นด้วย ส่วนสมพิศ นาก บรรจง และจุ่นยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง
"เอมต้องกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่ คุณชื่น คุณพี คุณอร คุณอรทัย คุณอเนก คุณแป๊ะ คุณหนูอ้อย และ "เอมิกาหันไปมองวเรศที่ยืนหน้าเรียบเฉย "คุณตั้มด้วยนะคะ ที่เอมไม่ได้บอกความจริงว่าเอมเป็นใคร?”
วเรศหน้านิ่งมากจนเอมิกาใจเสีย แต่ชื่นฤทัยรีบพูดหวานใส่เอมิกาทันที
"ไม่เป็นไรเลยจ๊ะหนูชะเอม..เอ๊ย..หนูเอม น้าไม่ถือโทษโกรธเคือง น้าเข้าใจถึงความจำเป็นของหนูดีทุกอย่าง ไม่มีใครโกรธหนูเอมเลยใช่มั๊ย"
ทุกคนพยักหน้า ยกเว้นวเรศที่ยังยืนนิ่ง
"ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ไม่โกรธเอม" เอมิกาบอก
เอมิกาหันไปมองวเรศที่ไม่สบตาเธอเลย ยิ่งทำให้หัวใจของเอมิกาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"เฮ้อ ยัยเอมนะยัยเอม ทำอะไรไม่รู้จักคิด ทำไมถึงได้กล้าบ้าบิ่นแบบนี้ห๊ะ!" อุทยานว่า เอมิกาหน้าแหย อุทยานหันไปทางพวกชื่นฤทัย "ปกติลูกสาวผมทำอะไรไม่เป็นซักอย่างเลยนะครับ ขนาดจะซักผ้า ถูบ้าน ทำยังไงก็ยังไม่รู้ แล้วปลอมตัวไปเป็นคนใช้เนี่ยนะ? นี่ลูกผมได้สร้างความเดือดร้อนหรือความเสียหายอะไรให้ทุกคนรึเปล่า"
"ก็มีค่ะ" สมพิศบอก ทุกคนหันขวับไปมองสมพิศด้วยความตกใจ "ตอนมาเป็นคนใช้ใหม่ๆ คุณเอมทำข้าวของพังทู้กกกกวัน ซุ่มซ่ามเป็นที่หนึ่ง หยิบจับอะไรก็เสียหาย" สมพิศจะพูดต่อแต่นากรีบห้าม "ป้า..”
สมพิศหันมาทานาก "เดี๋ยวสิ ข้ายังพูดไม่จบ" สมพิศหันไปทางอุทยานกับอัมพร "แต่พอหลังจากนั้น..คุณเอมก็พยายามเรียนรู้จนสามารถทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดีค่ะ"
สมพิศ นาก บรรจง จุ่นยิ้ม เอมิกามองสมพิศด้วยความซาบซึ้ง
"ใช่ค่ะ แถมคุณเอมยังมีน้ำใจ ช่วยงานพวกเราด้วยนะคะ ทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่" บรรจงเสริม
"น้องชะเอม เอ้ย!คุณเอมยังล้างจาน ซักผ้า ปัดกวาดเช็ดถู เปลี่ยนผ้าปูที่นอนฮะ" นากบอก
"รดน้ำต้นไม้ กวาดใบไม้ แล้วก็เก็บอึให้ชายใหญ่ด้วยครับ" จุ่นเสริม
อัมพรงง "ชายใหญ่!!??”
"หมาของหนูอ้อยเองค่ะ" หนูอ้อยบอก
อัมพรกับอุทยานพยักหน้า
"ไม่เท่านั้นนะครับท่าน ลูกสาวของท่านยังแก้ไขสถานการณ์เก่งอีกด้วย ครั้งนึงแป๊ะเกิดปัญหาตอนจัดงานแฟชั่น ลูกสาวท่านเข้ามาจัดการจนทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี" แป๊ะเล่า
"แล้วก็ตอนที่อรต้องไปร้องเพลงการกุศล อยู่ดีดีเสียงอรก็หาย ลูกสาวท่านก็ช่วยร้องเพลงแทน แล้วให้อรลิฟซิ้งค์ตามค่ะ" อรวิลาสบอก
เอมิกายิ้มให้แป๊ะกับอรวิลาส
"นั่นยังแค่เบาๆนะคะ ลูกสาวท่านช่วยทำให้ฉันกับคุณอเนก" อรทัยหันไปมองหน้าอเนกแล้วยิ้มให้กัน "กลับมารักกัน"
อเนกโอบอรทัยเข้ามากอดแน่น
"และทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งไหนคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เลิฟยูนะจ๊ะ" อเนกบอก
อเนกจับคางอรทัย อรทัยยิ้มเขิน แล้วทั้งสองก็หันไปยิ้มให้เอมิกา อุทยานกับอัมพรรู้สึกดีมาก
"หนูเอมยังทำให้ครอบครัวของชื่นกลับมารักแล้วก็ดีกัน" ชื่นฤทัยบอก
ชื่นฤทัยหันไปมองแป๊ะ อรทัยและอเนก แล้วสามพี่น้องก็ยิ้มให้กัน
อรวิลาสหันไปยิ้มให้เอมิกาด้วยความซึ้งใจ ทั้งสองยิ้มให้กัน
หนูอ้อยพูดกับอุทยานและอัมพร "พี่เอมยังช่วยชีวิตหนูอ้อยไว้ด้วยนะคะคุณลุงคุณป้า"
"แล้วก็ยังเป็นคนที่กล้าหาญมากอีกด้วยครับ ท่านโชคดีมากที่มีลูกสาวอย่างนี้" พีรพลเสริม
อุทยานกับอัมพรหันไปมองเอมิกาด้วยความโล่งใจ เอมิกายิ้มออกมา

วเรศได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน วเรศหันหลังเดินออกไป ในขณะที่ทุกคนกำลังรุมล้อมชื่นชมเอมิกา
"ผมว่าเรามาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก เอ๊ย ที่ระลึกกันดีกว่านะครับ" อเนกหันไปบอกคำแป "ถ่ายรูปให้หน่อยนะจ๊ะ"
คำแปรับกล้องมาแล้วถ่ายรูปให้ทุกคน แล้วพีรพลก็นึกขึ้นได้
"เอ๊ะ..ตั้มหายไปไหน?”
เอมิกาหันไปมองหาวเรศด้วยความแปลกใจว่าวเรศหายไปไหน

วเรศเดินจ้ำมาตามทางด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง เสียใจและโมโห เอมิกาเดินออกมา พอเห็น วเรศเธอก็รีบวิ่งมาหา
"คุณตั้ม!”
วเรศหันไปเห็นเอมิกาเดินตามมา แต่เขาก็ไม่หยุดเดินกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เอมิกาวิ่งมาขวางหน้าเอาไว้ วเรศหยุดกึก
"มีอะไรกับผมเหรอครับคุณเอมิกา" วเรศถามด้วยน้ำเสียงห่างเหินจนเอมิกาใจเสีย
"ฉันรู้ว่าคุณโกรธฉัน"
วเรศพูดทันที "ใช่!! ผมโกรธคุณ โกรธมาก ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงไม่บอกผมว่าคุณเป็นลูกท่านผู้ว่าฯอุทยาน"
"ฉันคิดจะบอกคุณนะคุณตั้ม แต่มันยังไม่มีโอกาส"
วเรศยิ่งฉุน "โอกาสน่ะมี แต่คุณไม่คิดจะบอกผมมากกว่า" เอมิกาพยายามจะปฎิเสธแต่วเรศไม่ฟัง "คุณมันก็เป็นซะแบบนี้!! คุณไม่เคยนึกถึงจิตใจผมเลยว่าผมจะรู้สึกยังไง ผมเหมือนไอ้โง่ที่โดนคุณหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมเหนื่อย..เหนื่อยที่ต้องมานั่งคิดว่าอันไหนคือเรื่องจริง หรืออันไหนที่คุณกำลังเล่นละคร"
เอมิกาเริ่มฉุนที่วเรศต่อว่าเธอไม่หยุด "ฉันไม่เคยคิดว่าคุณเป็นคนโง่เลยนะคุณตั้ม ฉันบริสุทธิ์ใจกับคุณมาตลอด ลองนึกให้ดีว่าฉันเคยพยายามจะบอกความจริงกับคุณ แต่คุณไม่เชื่อ คุณต่างหากที่มองฉันในแง่ร้าย"
วเรศฉุนบ้าง "นี่กลายเป็นว่าผมผิด แล้วคุณเป็นคนถูกงั้นเหรอ!”
"หรือว่ามันไม่จริง ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน!!" เอมิกาบอก วเรศแทบจุก "เพราะที่ผ่านมาคุณไม่เคยไว้ใจ ไม่เคยเชื่อใจฉัน คุณมีแต่ว่าฉัน ดูถูกฉันต่างๆนานา คุณคิดว่าคุณเหนื่อยเป็นคนเดียวเหรอไง!" วเรศอึ้ง "และเพราะคุณเป็นคนแบบนี้ มันทำให้ฉันตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงให้คุณรู้ เพราะฉันอยากให้ทุกอย่างจบ เราจะได้ไม่ต้องมาเกี่ยวข้อง หรือมาเจอกันอีกทั้งชาตินี้และชาติหน้า"
เอมิกาพูดจบก็เดินหนีไป วเรศโกรธมากรีบเดินตามไปทันที
"หยุดเดี๋ยวนี้นะเอมิกา!! เธอจบแต่ฉันยังไม่จบ!”
เอมิกาเดินไปแล้วก็หันมาพูด "ก็เรื่องของคุณ!”
วเรศเข้ามาจับแขนเอมิกาแล้วดึงเอาไว้ เอมิกาหันมา
"กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน"
เอมิกาหยุดเดินแล้วหันมา "ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกต่อไปแล้ว พอกันที...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ฉันจะถือว่ามันเป็นฝันร้าย และฉันจะลืมมันให้เร็วที่สุด"
"อยากลืมฉันมากใช่มั๊ย"
เอมิกาตอบทันที "ใช่!!!”
วเรศดึงเอมิกามาจูบปาก เอมิตกใจสุดๆ พอได้สติเธอก็รีบผลักวเรศออกไปอย่างแรง
"จูบนี้จะทำให้เธอไม่มีวันลืมฉัน!!” วเรศบอก
เอมิกาจับปากตัวเองด้วยความเสียใจและโมโห ก่อนจะตบหน้าวเรศดังเพี๊ยะ วเรศได้สติ เขาหันมาทางเอมิกาที่ยืนน้ำตาไหลอย่างรู้สึกผิด
"คุณคิดผิดแล้วคุณตั้ม จูบของคุณจะยิ่งทำให้ฉันพยายามลืมคุณให้เร็วที่สุด" เอมิกาบอก
เอมิกาพูดจบก็หันหลังเดินออกไป วเรศกำมือแน่น
"เดี๋ยว..." วเรศเรียก เอมิกาหยุดเดินแต่ไม่หันมา "ที่คุณพูดว่าผมเกลียดคุณ ผมไม่เคยเกลียดคุณเลย ผมรักคุณต่างหากชะเอม" เอมิกาอึ้ง เธอหันขวับมามองวเรศ วเรศพูดต่อ "ยิ่งใกล้ชิดคุณ ผมก็ยิ่งรักคุณมากขึ้น แต่คุณก็ยังโกหกผม นี่เป็นสิ่งที่ผมเสียใจมากที่สุดและถ้าผมย้อนเวลากลับไป ผมจะขอที่จะไม่รู้จักคุณ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้"
เอมิกาอึ้งตะลึง วเรศพูดจบก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้เอมิกายืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง

เอมิกาเดินเศร้าอยู่ในสวนหน้าจวนผู้ว่าฯ เธอจับปากตัวเองพลางคิดถึงตอนที่โดนวเรศจูบ เมื่อคิดถึงคำพูดของวเรศก็ยิ่งเจ็บปวดและเสียใจมาก เอมิกาหยุดเดินแล้วเงยหน้ามองพระจันทร์ดวงกลมโตที่กำลังโดนเมฆมาบดบัง

วเรศก็เดินหน้าเศร้ามาตามทางด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ วเรศคิดย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่เจอเอมิกาที่บ้านชื่นฤทัย คิดถึงช่วงที่ทั้งสองคนมีวีรกรรมร่วมกัน ทั้งสองมีความสุขร่วมกัน
วเรศหยุดเดิน แล้วน้ำตาก็ไหลลงมา

วันต่อมา เอมิกาที่อยู่ที่บ้านยังคงเศร้าซึม
ตกกลางคืน วเรศที่สวมชุดนอนก็นั่งซึมอยู่ที่บ้านเช่นกัน

เช้าวันถัดมา อัมพรเดินมากับเอมิกา
"ลูกบินกลับกรุงเทพไปเลี้ยงส่งกับเพื่อนๆก่อนแล้วกันแม่จะรอคุณพ่อประชุม เสร็จแล้วจะบินไปเจอ แล้วอย่าลืมว่าไฟล์ทบินลูกห้าโมงเย็นนะ" อัมพรกำชับ
เอมิการับคำ "ค่ะแม่..”
ทันใดนั้นวิยะดาก็เดินเข้ามาเจออัมพรที่กำลังเดินมา โดยมีเอมิกาเดินตามต้อยๆ วิยะดาเห็นอัมพรก็ดีใจ
"คุณอัมพร..”
อัมพรเห็นวิยะดาก็ตรงรี่เข้าไปหา เอมิกาอึ้งมาก
"คุณวิยะดา ขึ้นมาเชียงใหม่เมื่อไหร่คะนี่" อัมพรถาม
"มาทำธุระเมื่อสองวันก่อนค่ะ พอเสร็จก็รีบแวะมาทักทายคุณอัมพร" วิยะดาบอก
"แหม เกือบแล้วนะคะ ถ้าคุณอุทยานไม่ติดประชุม ดิฉันคงต้องเดินทางไปกรุงเทพ พอดีลูกสาวต้องเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ" อัมพรบอก
อัมพรหันไปทางเอมิกา วิยะดาหันไปเห็นก็ชะงักเพราะจำได้
"นี่ยัยเอม..ลูกสาวฉันค่ะ" อัมพรแนะนำ
วิยะดาอึ้ง "ลูกสาว!!! ลูกสาวคุณอัมพรเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ"
เอมิกาตกใจสุดๆ เพราะจำได้ว่าเป็นแม่วเรศ เธอรีบยกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
วิยะดารับไหว้แบบงงๆ และรู้สึกแย่มาก
"มีอะไรรึเปล่าคะคุณวิยะดา หรือว่า..ลูกสาวฉันไปทำอะไรให้คุณ" อัมพรถาม
วิยะดาเงียบแล้วหันไปมองหน้าเอมิกา เอมิการีบพูด
"เอมจะไปทำอะไรคุณน้าได้ไงคะแม่ เราเพิ่งเจอกันครั้งแรก"
วิยะดาโล่งอกที่เอมิกาไม่ได้เล่าความจริงให้อัมพรฟัง
อัมพรเห็นด้วย "เออจริงด้วย"
วิยะดาหันไปยิ้มให้เอมิกาแล้วก็มองอย่างรู้สึกผิด
"ลูกสาวคุณอัมพรน่ารักมากเลยนะคะ" วิยะดาชม
เอมิกาหันไปยิ้มให้วิยะดา ทั้งสองคนยิ้มให้กัน อัมพรหันไปมองเอมิกาด้วยความปลาบปลื้ม เอมิกาไหว้ลาแล้วเดินออกไป

ปองเทพกับอรวิลาสผลัดกันป้อนเชอรี่ให้กันด้วยท่าทางสวีทสุดๆ ทันใดนั้นก็มีช้อนปามาตรงหน้า อรวิลาสกับปองเทพตกใจ เอมิกา นงลักษณ์ ชัยพร นั่งอยู่ในร้านด้วย
"ทำอะไรเกรงใจคนอื่นเค้าบ้างสิ อย่าลืมว่าพวกฉันนั่งอยู่ด้วย" นงลักษณ์ว่า
ปองเทพกับนงลักษณ์ยิ้มเขิน
"ฉันว่าแกสองคนไปจดทะเบียนกันเลยไป" นงลักษณ์ไล่
"ฉันกับคุณอรแต่งกันแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ แม่คุณอรบอกว่าต้องรอให้คุณอรเรียนจบก่อน แล้วนี่คุณอรก็กำลังจะเข้าปี 1 อีกตั้ง 4 ปีกว่าเราจะได้แต่งงานกัน" ปองเทพหันมาด้วยสีหน้าเศร้า
"โถๆๆๆ อย่าเศร้าไปเลยนะคะดาร์ลิ่ง เพราะยังไงเค้าก็รักตัวเองคนเดียว" อรวิลาสบอก ปองเทพยิ้มปลื้ม" เชอรี่อีกลูกนะ

ปองเทพพยักหน้า อรวิลาสป้อนปองเทพ นงลักษณ์กับชัยพรส่ายหัวอยากจะบ้าตาย แล้วทั้งสองก็หันไปเห็นเอมิกานั่งซึม
"แล้วนี่เป็นไรไปอีกอ่ะ" นงลักษณ์ถาม เอมิกาหันมา "พวกฉันมาเลี้ยงส่งแกไปเมืองนอกนะเว๊ย ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิ"
"ฉันยิ้มไม่ออก ต้องไปตั้ง 1 ปี" เอมิกาพูด
"แค่ปีเดียว เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว" ชัยพรปลอบใจ
"จริง สมัยนี้มีทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุค เฟซไทม์ สไกป์ เอมจะเหมือนมีพวกเราอยู่ด้วยตลอดเวลา" ปองเทพบอก
อรวิลาสพยักหน้าเห็นด้วย เอมิกาถอนหายใจ
"มีพวกแก แต่ไม่มี..." เอมิกากล้ำกลืนที่จะพูดออกมา "เค้า"
แล้วเอมิกาก็ร้องไห้ออกมากลางร้านไอติมทำเอาเพื่อนๆตกใจ และคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวจนเพื่อนๆ อาย
"เอมร้องไห้ทำไม?” อรวิลาสถาม
"ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณตั้มเค้ารักฉัน" เอมิกาบอก
ทุกคนตกใจ
"แล้วพวกแกคิดว่าฉันจะมีความสุขเหรอที่ฉันต้องไปโดยที่ยังไม่ได้บอกว่า ฉันเองก็รักเค้าเหมือนกัน" เอมิการ้องไห้หนักมาก
"เอมก็โทรไปหาคุณตั้มเลยสิ" ปองเทพบอก
"ฉันโทรไปเค้าไม่รับ บางครั้งก็ตัดสายทิ้ง ฉันไปโทรที่กระทรวง เค้าบอกว่าคุณตั้มลาพักร้อนไม่มีกำหนดกลับ ฉันจะทำยังไงดี?? ฮือๆๆ"
นงลักษณ์ ปองเทพ อรวิลาส และชัยพรมองเอมิกาด้วยความเห็นใจมาก
"ในเมื่อแกรู้ความรู้สึกของคุณตั้มเค้าแล้ว แล้วแกยังจะไปเมืองนอกอีกทำไม? ฉันไม่เข้าใจ”
ทุกคนเห็นด้วยกับนงลักษณ์
เอมิกาเศร้ามาก "เค้าโกรธฉันไปแล้ว เค้าไม่ฟังฉันเลย แล้วเค้าก็ยังบอกอีกว่าถ้าเป็นไปได้ เค้าก็ขอเลือกที่จะไม่รู้จักฉัน
ทุกคนมองเอมิกาด้วยความสงสาร
"แล้วพวกแกจะให้ฉันทนอยู่เพื่อเห็นคนที่ฉันรักเกลียดฉันได้ยังไง" เอมิกาบอก
ทุกคนมองเอมิกาด้วยความเข้าใจและเห็นใจ เอมิกาหันหน้าไปทางอื่นพลางน้ำตาไหล

ปองเทพกับอรวิลาสเดินแยกตัวออกมาหน้าร้าน
"ทำไงดีป่อง? ฉันอยากช่วยพวกเค้า" อรวิลาสบอก
"นั่นสิ ผมว่าท่าทางคุณตั้มคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอมกำลังจะไปเมืองนอกเย็นนี้” ปองเทพพูด
"คุณอรลองโทรหาคุณตั้มดูสิเผื่อคุณตั้มจะรับ"
อรวิลาสพยายามโทรแต่วเรศไม่รับสาย
"โทรติดแล้วแต่พี่ตั้มไม่รับสาย"
"แล้วจะตามหาคุณตั้มเจอได้ยังไง" ปองเทพอ่อนใจ
อรวิลาสหน้ามุ่ยมาก เพราะคิดไม่ออก แล้วทันใดนั้นอรวิลาสก็ร้องเสียงดังขึ้นมา
"ฉันคิดออกแล้ว" อรวิลาสบอก ปองเทพหันขวับ "ส่งเมสเสจไปทิ้งไว้ เผื่อพี่ตั้มจะเห็น"
อรวิลาสรีบกดเมสเสจเสียงแล้วพูด
"พี่ตั้มค่ะเอมกำลังจะขึ้นเครื่องไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าพี่ตั้มไม่อยากเสียเอมไป พี่ตั้มรีบมาที่สนามบินตอนนี้เลยนะคะ"
ปองเทพแย่งมือถือจากอรวิลาสไปพูดต่อ
"คุณตั้มครับ ผมรู้ว่าเอมทำไม่ถูก ที่ไม่บอกความจริงกับคุณ แต่ผมว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ ความรู้สึกของคุณสองคน เอมรักคุณนะครับคุณตั้ม แล้วคุณก็รักเอม ในเมื่อคุณสองคนรักกัน ทำไมถึงไม่คิดจะปรับความเข้าใจกันล่ะครับ"
อรวิลาสแย่งโทรศัพท์มาพูดอีก
"เอมจะไปไฟล์ทห้าโมงเย็นวันนี้ ถ้าพี่ตั้มยังรักเอม พี่ตั้มต้องไปนะคะ"
อรวิลาสพูดจบสองคนมองหน้ากันลุ้นว่าวเรศจะฟังข้อความหรือไม่



ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 12 (ต่อ)
วเรศกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเศร้าสุดๆ แล้วเขาก็เจอวิยะดาเดินออกมาพอดี วิยะดามีสีหน้าตื่นเต้น
"ตั้ม!" วิยะดาเรียก วเรศเงยหน้ามองแม่ "แม่เจอคุณอัมพร ก็เลยได้รู้ว่าหนูชะเอม" วเรศชะงัก "เอ๊ย ไม่ใช่สิ หนูเอม..เป็นลูกของคุณอัมพรกับท่านผู้ว่าฯ" วเรศยังนิ่ง "แม่งี้อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี..ทำหน้าไม่ถูก เพราะเคยไปพูดจาดูถูกหนูเอมเอาไว้ ดีนะที่หนูเอมไม่ได้เล่าให้คุณอัมพรกับท่านอุทยานฟัง"
วเรศได้แต่ยิ้มเจื่อนอย่างพูดไม่ออก
"แต่จะว่าไปโลกมันก็กลมนะลูก ลูกจำงานปาร์ตี้หน้ากากได้มั๊ย" วิยะดาถาม วเรศชะงักไปนิดนึง "หนูเอมคือคนที่แม่จะให้ลูกดูตัววันนั้น" วเรศอึ้ง "คุณอัมพรเพิ่งส่งรูปหนูเอมในงานวันนั้นมาให้แม่ดู"
วิยะดากดเปิดรูปเอมิกาจากมือถือแล้วยื่นให้วเรศดู วเรศเห็นแล้วก็ตกใจมาก เขานึกย้อนกลับไปตอนที่เต้นรำด้วยกันกับเอมิกา นึกถึงตอนที่วเรศเก็บรองเท้าของเอมิกา
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น วเรศก็แทบช็อค

วเรศกำลังขับรถมุ่งหน้าไปสนามบิน มือหนึ่งก็เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่นานก็มีมิสคอลขึ้นมาเพียบ แต่วเรศไม่สนใจ ทันใดนั้นก็มีเสียง voice mail ดังขึ้น วเรศเหลือบตามอง เขากดเปิดฟังผ่านทางสปีคเกอร์โฟนเสียงอรวิลาสก็ดังขึ้น
"พี่ตั้มค่ะเอมกำลังจะขึ้นเครื่องไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าพี่ตั้มไม่อยากเสียเอมไป พี่ตั้ม รีบมาที่สนามบินตอนนี้เลยนะคะ"
วเรศอึ้ง เขาตั้งใจฟังต่อ
เสียงปองเทพดังต่อ "คุณตั้มครับ ผมรู้ว่าเอมทำไม่ถูก ที่ไม่บอกความจริงกับคุณ แต่ผมว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ ความรู้สึกของคุณสองคน เอมรักคุณนะครับคุณตั้ม" วเรศชะงัก "แล้วคุณก็รักเอม ในเมื่อคุณสองคนรักกัน ทำไมถึงไม่คิดจะปรับความเข้าใจกันล่ะครับ"
วเรศเครียด เขาครุ่นคิดแล้วก็ใจหายที่ได้รู้ว่าเอมิกาจะไปแล้วจริงๆ
เสียงอรวิลาสดังต่อ "เอมจะไปไฟล์ทห้าโมงเย็นวันนี้" วเรศหันไปมองดูเวลาเห็นว่าบ่ายสามกว่าแล้ว "ถ้าพี่ตั้มยังรักเอม พี่ตั้มต้องไปนะคะ"
แล้วเสียงของทั้งสองก็เงียบไป วเรศช๊อคที่รู้ว่าเอมิการู้สึกยังไงกับเขา วเรศรีบบึ่งด้วยความเร็วมุ่งหน้าไปสนามบินทันที

อุทยาน อัมพร อรวิลาส ปองเทพ ชัยพร นงลักษณ์อยู่กับเอมิกา
"เหลืออีก 40 นาที เครื่องจะออก เข้าไปข้างในได้แล้วลูก" อุทยานบอกลูกสาว
เอมิกาพยักหน้าจะเข้าไป ปองเทพกับอรวิลาสตกใจหันไปมองหาวเรศแต่ยังไม่เห็นวี่แวว
ปองเทพกระซิบบอกอรวิลาส "ทำไมคุณตั้มยังไม่มาอีก"
อรวิลาสคิด "หรือว่าพี่ตั้มไม่ได้ข้อความ"
"ถ่วงเวลาเอมไว้ก่อน เผื่อคุณตั้มจะมาทัน"
ปองเทพกับอรวิลาสหันไปเห็นเอมิกากำลังร่ำลาอุทยานกับอัมพร แล้วอรวิลาสก็นึกอะไรออก
"อรว่าเรามาถ่ายรูปร่วมกันก่อนดีกว่านะคะ"
"จริงด้วยครับ จริงด้วย"
ทุกคนเห็นด้วย ปองเทพรีบเข้ามาจัดท่าทางให้ทุกคน

วเรศรีบเดินเข้ามาข้างใน เขามองไปรอบๆ แล้วก็รีบเดินจ้ำไปตามทาง สีหน้าของเขาร้อนรนกังวลใจมาก

ปองเทพยังคงจัดท่าทางให้เอมิกาอยู่เพื่อประวิงเวลา
"ป่อง..แกจะจัดอีกนานมั๊ย" นงลักษณ์ว่า "ทำหยั่งกะถ่ายแบบ รีบๆถ่ายได้แล้ว เดี๋ยวเอมเข้าไปไม่ทัน"
"เออเออ เสร็จแล้ว" ปองเทพบอก

ปองเทพเดินออกไปยกมือถือขึ้นมา
"ขอแปดแอ๊คนะคะ" อรวิลาสบอก
วเรศเร่งฝีเท้าเดินมาในสนามบิน แล้วเขาก็เริ่มวิ่งแต่กลับไปชนกับคนที่เดินถือของมาทำให้ข้าวของของคนนั้นหล่นกระจาย วเรศตกใจ
"ขอโทษครับ"
วเรศจำต้องช่วยเก็บของ
ปองเทพถ่ายรูปเสร็จ อุทยานกับอัมพรก็หันมาพูดกับเอมิกา
"ไปได้แล้วลูก ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาแม่ด้วยนะ" อุทยานกำชับ
"ค่ะ เอมไปนะคะคุณพ่อคุณแม่"
เอมิกาเข้ามากอดร่ำลาอุทยานกับอัมพร อรวิลาสกับปองเทพหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นงลักษณ์กับชัยพรหันไปเห็นก็สงสัย
"แกสองคนเป็นไร ฉันเห็นลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา" นงลักษณ์ถาม
"ฉันกับคุณอรใจหายที่เอมมันจะไปแล้วจริงๆ" ปองเทพบอก
ปองเทพกับนงลักษณ์หันไปมองหาวเรศแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว ทั้งสองคนจึงได้แต่ถอนหายใจ
วเรศช่วยเก็บของเสร็จแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที
เอมิกาเดินมาหาปองเทพ นงลักษณ์ ชัยพร และอรวิลาส
นงลักษณ์อวยพร "โชคดีนะเอม"
เอมิกาพยักหน้าแล้วโผเข้ากอดนงลักษณ์ แล้วก็ผละออกมากอดอรวิลาส
วเรศรีบวิ่งมาตามทางแล้วก็เจอกรุ๊ปทัวร์ วเรศต้องหยุดเพราะวิ่งไปต่อไม่ได้แต่สุดท้ายเขาก็พยายามเบียดแทรกผ่านไป เอมิกาหันมาพูดกับปองเทพและชัยพร
"เราไปนะ"
ปองเทพกับชัยพรพยักหน้ารับ เอมิกาหันหลังเดินเข้าไปข้างในด้วยท่าทางเศร้า ทุกคนยืนส่ง วเรศเบียดออกมาจากกรุ๊ปทัวร์ได้สำเร็จก็รีบวิ่งไปแต่กลับสะดุดล้มลงอีก วเรศเจ็บขาแต่ก็ฝืนลุกขึ้นวิ่งต่อไป เอมิกาเดินเข้าไปแล้วก็หยุดก่อนจะหันมามองทุกคนอีกครั้ง ทุกคนโบกมือลา เอมิกายิ้มเศร้าแล้วก็ตัดใจเดินเข้าไป
วเรศวิ่งพรวดพราดออกมามองหาเอมิกา อุทยาน อัมพร ปองเทพ อรวิลาส นงลักษณ์ ชัยพรเดินออกไปจากบริเวณนั้น วเรศหันมาอีกทีก็ไม่เห็นทุกคนแล้ว วเรศเดินมามองหาเอมิกาไปรอบๆ เขาเดินไปทุกที่ทุกมุม แต่ก็ไม่เห็นเอมิกา วเรศเดินมาหยุดที่ริมกระจกแล้วก็มองเครื่องบินลำที่กำลังบินขึ้นไปด้วยสีหน้าสิ้นหวังที่ตามเอมิกาไม่ทัน

หนึ่งปีผ่านไป เอมิกานั่งซึมอยู่ที่สวนหน้าบ้านผู้ว่าฯ ทันใดนั้นเสียงเอะอะก็ดังเข้ามาในบ้าน เอมิกชะงักมองออกไปด้วยความแปลกใจ เอมิกาเห็นปองเทพ นงลักษณ์ และชัยพรกำลังเดินเข้ามา
“เอม!!!!” ทั้งสามคนตะโกนเรียก
เอมิกาดีใจมากที่เห็นเพื่อนรักทั้ง3
“ป่อง ไอ้นง ไอ้ชัยโย !!”
เอมิการีบปราดเข้าไปหาเพื่อนรักทั้ง3ทันที
“นี่พวกแกมาได้ไง” เอมิกาถาม
“หนอย ยังมีหน้ามาถาม กลับมาตั้งแต่เมื่อวานทำไมไม่บอกพวกฉันห๊ะ” ปองเทพว่า
เอมิกาอึกอัก “ก็ฉันเจ็ทแล็คอยู่ กะว่าดีขึ้นแล้วจะโทรรายงานตัวกับพวกแกไง”
“แล้วแกไม่คิดจะบอกคุณตั้มเค้าบ้างเหรอเอม” นงลักษณ์ถาม
เอมิกาเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วพยายามทำเหมือนไม่สนใจ
“ฉันจะบอกเค้าเพื่ออะไร ฉันกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” เอมิกาว่า
“ถ้างั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย พวกเราก็ห่วงกลัวเอมจะเฮิร์ท เพราะตอนนี้คุณตั้มเค้าแต่งงานแล้ว” ปองเทพบอก
เอมิกาหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ว่าไงนะ คุณตั้มแต่งงานแล้ว!!”
“ใช่ กับลูกสาวท่านทูต สวย น่ารัก ชาติตระกูลดี ที่สำคัญ ไม่งี่เง่าด้วย” ปองเทพพูดต่อ
เอมิกาหลุดแสดงความไม่พอใจ “ก็ไหนบอกว่ารักฉันนักรักฉันหนา แค่ปีเดียวหนีไปแต่งงานเลยเนี่ยนะ คนหลายใจ ไม่มีความมั่นคงเอาซะเลย!!”
ปองเทพ นงลักษณ์ และชัยพรเห็นอาการของเอมิกาก็หลุดขำก๊ากกันออกมา
เอมิกาหันมามองเพื่อนทั้ง3ด้วยอาการเหวอ ก่อนจะนึกขึ้นได้จึงเอาเรื่องทันที
“นี่พวกแกอำฉันใช่มั้ย”
เอมิกาทั้งโกรธทั้งอายจึงจะเดินหนี
“เนี่ยๆ เอะอะก็เอาแต่หนีแบบนี้ ถ้าฉันเป็นคุณตั้มนะ ฉันจะไม่รอผู้หญิงอย่างแกเลย” ชัยพรบอก
เอมิกาได้ยินคำว่า “รอ” ก็ชะงักแล้วรีบหันขวับมาหาเพื่อนทั้ง3 ทันที
“ว่าไงนะ คุณตั้มเค้ายังรอฉัน?” เอมิกาถาม ทั้งสามคนพยักหน้ารับ “แต่เค้าปล่อยฉันไปเป็นปีๆโดยไม่ติดต่อไปเลยเนี่ยนะ รอภาษาอะไรของเค้าห๊ะ”
“ก็รออย่างคนที่รักเอมไง คุณตั้มเค้ายอมให้เอมไป แล้วก็ไม่เซ้าซี้เอม เพราะเค้าอยากให้เอมตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ เค้าเห็นแก่อนาคตเอมเค้าถึงทำแบบนั้น” ปองเทพบอก
นงลักษณ์เดินเข้ามาจับบ่าเอมิกาทั้งสองข้างแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฟังนะเว้ยเอม ผู้ชายอย่างคุณตั้มหาบนโลกนี้แทบไม่เจอแล้วนะเว้ย โน้นนน ต้องไปหาบนสวรรค์แล้ว แกจะปล่อยคนดีๆที่รักแกไปง่ายๆเพราะทิฐิบ้าๆ กับความงี่เง่าปัญญาอ่อนของแกเหรอวะ”
เอมิกาชะงักสีหน้าครุ่นคิด
“ถ้างั้นพวกแกคิดว่าฉันควรทำยังไง?”
ปองเทพ นงลักษณ์ และชัยพรหันมายิ้มให้กัน

เอมิกากำลังขับรถทางไกล จู่ๆ เสียงของเพื่อนทั้ง3ก็ดังขึ้นในความคิด
"ถ้าแกรักคุณตั้ม แกก็แค่ทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง หัวใจแกอยู่ที่ไหน แกก็ไปหามันซะ” ปองเทพบอก
"แล้วเจอเค้าก็อย่าไปงี่เง่าใส่เค้าอีกล่ะ” ชัยพรว่า
"ใช่ ไม่งั้นฉันจะยุคุณตั้มให้ไปจีบคนอื่นจริงๆด้วย” นงลักษณ์ขู่
ทันใดนั้นเองเอมิกาก็ขับรถไปจ่อท้ายรถคันหน้าที่ขับช้ามาก เอมิกาหงุดหงิดจึงกดกระจกลงแล้วตะโกนออกไป
"เร็วหน่อยพี่ คนจะรีบไปหาแฟน !”

เอมิกาลงจากรถแล้วรีบเดินพุ่งฉิวจะเข้าบ้านพักริมทะเลแต่แล้วเธอก็วกลับออกมาตั้งหลักใหม่ด้วยท่าทางไม่มั่นใจ
“ไหวมั้ยเอมิกา” เอมิการวบรวมกำลังใจ “โอกาสสุดท้าย ท่องไว้ อย่าป๊อด อย่าปอด!!”
เอมิกากำหมัดแล้วถอนหายใจหนักแน่น เธอเดินมาหน้าบ้านพักวเรศแล้วมองหาแต่ก็ไม่เจอ เอมิกาหันไปมองทางชายหาด

วเรศกำลังเตรียมของลงเรือสปีดโบ๊ทอยู่ที่ชายหาด เอมิกาเดินมาหาจากทางด้านหลัง
“สวัสดีค่ะ” เอมิกาเอ่ยทัก
วเรศหันมาเห็นเป็นเอมิกาก็อึ้งไปเพาะคิดไม่ถึงว่าเอมิกาจะมาหาถึงที่นี่ เอมิกามองวเรศแล้วยิ้มหวาน
วเรศทั้งคิดถึง ทั้งอึ้ง ทั้งดีใจแต่พอรู้สึกตัวก็รีบเก๊กแล้วทำเหมือนเอมิกาเป็นคนแปลกหน้า “คุณมาหาใครแถวนี้ไม่ทราบ”
วเรศแกล้งทำเป็นหันไปจัดของลงเรือต่อเหมือนไม่สนใจ
เอมิกาอึ้งที่เห็นวเรศทำเย็นชาใส่แต่ก็รับมุกต่อ “ดิฉันมาสมัครงานค่ะ”
“สมัครงาน? งานอะไร?”
“ดิฉันอยากสมัครงานในตำแหน่งคนรับใช้ค่ะ”
เอมิการีบปฏิบัติหน้าที่ด้วยการไปคว้าข้าวของที่วางอยู่บนหาดทยอยขนของลงเรือ
วเรศเก็กหน้าเข้มต่อ “ยากซักหน่อยนะ เพราะฉันเป็นคนเอาแต่ใจ” วเรศรีบไปแย่งของจากมือมาจากเอมิกาเหมือนจะไม่ให้เธอยุ่ง
เอมิกาหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ยังใจสู้ เธอรีบเดินตามวเรศไป “เผอิญว่าฉันเป็นคนอดทนค่ะ ต่อให้เอาใจยากแค่ไหน ฉันก็ทนได้”
วเรศพูดทุกอย่างที่คิดออกมาทั้งหมด
"เลิกปั่นหัวฉันซะทีได้ไม๊เอมิกา?!! เธอก็อย่างนี้ทั้งปี ไม่เคยคิดอะไรเลย ปล่อยให้ฉันเป็นบ้าอยู่คนเดียว ไม่นึกบ้างว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง"
เอมิกาชะงักแล้วพยายามจะอธิบาย
"คือว่าฉัน...”
วเรศสวนขึ้นด้วยการพร่างพรูความรู้สึกของตัวเองออกมา “ฉันอุตส่าห์ตามไปส่งเธอที่สนามบิน รู้มั้ยว่า คนที่ตั้งใจจะไปส่งแต่ไปทันไม่ได้ มันจะรู้สึกยังไง”
"ก็ฉัน....”
วเรศพูดต่อ "แทนที่จะติดต่อมาบ้าง แต่ก็ไม่มีเลยเธอใจร้ายมากรู้ไม๊”
เอมิกาชักเดือดขึ้นมาบ้างจึงสวนกลับไป
“นี่คุณตั้ม!!!คุณนะแหละใจร้าย ฉันไปเป็นปี คุณเองก็ไม่คิดจะติดต่อฉันไป เหมือนกัน!!”
“ก็ฉันไม่อยากรบกวนเรื่องเรียนของเธอเลยรอให้เธอติดต่อมาเอง เธอต่างหากที่ใจร้าย นึกจะไปก็ไปยังจะมาต่อว่าฉันอีก”
"โว๊ย ไปตกมันมาจากไหนห๊ะคุณตั้ม เจอหน้าฉันก็ใส่ใหญ่เลย คนอุตส่าห์ขับรถมาหาตั้งไกล ไม่ใช่เพื่อจะมาฟังคุณต่อว่านะ"
วเรศสะอึกเพราะเริ่มรู้สึกตัว
“ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้โคตรขี้งอนเลย ง้อเท่าไหร่ก็ไม่หาย ฉันถึงได้หนีไปเรียนต่อไง ถ้าคุณว่าฉัน คุณเองก็งี่เง่าเหมือนกันนั่นแหละ"
วเรศโดนต่อว่าก็ชักไม่พอใจขึ้นมาอีก
“งี่เง่าตรงไหนไม่ทราบ ฉันน่ะมีเหตุผลที่สุดแล้ว แต่เพราะเธอปลอมตัวมาปั่นหัวฉันต่างหาก ยังไม่รู้ตัวอีก"
"ก็ถ้าไม่จำเป็นจริงๆอยู่ๆใครจะบ้าไปเป็นคนใช้บ้านคนอื่น ต้องดูแลทุกอย่างทำงานตั้งแต่ซักผ้ายันล้างส้วม โว๊ยยยย เหนื่อยจริง ไม่คุยด้วยแล้ว!!”
เอมิกากระทืบเท้าเดินออกไปด้วยความโมโห วเรศรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรไม่คิดจึงรีบวิ่งตามไปง้อเอมิกาทันที
"อะไรๆเอมิกา!! อย่ามามั่วสิใหนบอกจะมาสมัครเป็นคนใช้ไง?”
เอมิกาชะงักเพราะรู้แล้วว่าวเรศเริ่มง้อ เธอแอบหยั่งเชิงวเรศอย่างงอนๆ
"แล้วไง คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ??”
"ไม่โกรธถ้าเธอยอมมาเป็นคนใช้ของฉันคนเดียว"
วเรศมองเหล่เพื่อหยั่งเชิงเอมิกา เอมิกาเองก็มองวเรศเหล่ๆเหมือนกัน
"อ๋อ ที่แท้ก็เพราะอยากได้ฉันเป็นคนใช้?”
"ใช่ เพราะตอนนี้ฉันกำลังต้องการคนใช้ แต่ไม่ใช่คนใช้ธรรมดานะ ฉันต้องการคนใช้...ชีวิตร่วมกัน"
เอมิกาแทบสำลักในมุกเสี่ยวของวเรศ เธอเผลอหลุดขำออกมาทันที

"ฮ่าๆๆ อี๋!!!!คุณตั้มพูดออกมาได้ไงอ่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าผู้ชายอย่างคุณจะพูดได้ขนาดนี้"
วเรศเขินจัดในคำพูดเสี่ยวๆของตัวเองจึงแก้เก้อด้วยการดึงเอมิกามากอดหน้าตาเฉย
“ฉันไม่ได้แกล้งพูดนะ" วเรศเริ่มพูดจริงจัง “ถามจริงเหอะ เธอรู้สึกอะไรกับฉันบ้างไม๊”
เอมิกาตื่นเต้นมากเพราะไม่คิดว่าวเรศจะเข้าเรื่องนี้ “ไม่รู้สึกแล้วจะมาถึงนี่ทำไมเล่า" เอมิกายิ้มเขิน "หัวใจของฉันมันไม่ได้อยู่ที่ฉันแล้วนี่ ฉันถึงต้องมาตามหามัน"
เอมิกามองวเรศอย่างมีความหมาย วเรศผละออกจากเอมิกาแล้วสบตาเอมิกาก่อนจะยิ้มออกมา
"แล้วมันอยู่ที่ไหนเหรอ" วเรศถาม
เอมิกาเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของวเรศ
"หัวใจของฉันอยู่ในนี้"
วเรศจับมือเอมิกา เอมิกาชะงัก
"ถ้าอย่างนั้นเราสองคนก็เหมือนกันน่ะสิ เพราะหัวใจของฉันก็ไม่ได้อยู่ที่ฉันแล้วเหมือนกัน"
"แล้วมันอยู่ที่ไหน?”
วเรศมองเอมิกาแล้วก็ยิ้ม
"มันอยู่ที่ผู้หญิงตรงหน้าฉัน"
วเรศกับเอมิกายิ้มกว้างให้กัน แล้ววเรศก็ยกมือขึ้นมาปัดผมเอมิกาก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจะจูบเอมิกา เอมิกาหลับตาเขินน แต่แล้ววเรศก็ผงะแล้วผละออกมา เอมิกาลืมตามองด้วยความแปลกใจ
"รอฉันก่อนนะ"
วเรศรีบวิ่งออกไป เอมิกามองวเรศด้วยสีหน้าแปลกใจว่าวเรศไปไหน

วเรศกลับมาพร้อมกับรองเท้าของเอมิกา เอมิกาตะลึงมาก
“เธอจำรองเท้าคู่นี้ได้รึเปล่า” วเรศถาม
เอมิกามองรองเท้าแล้วก็จำได้ เธอนึกย้อนกลับไปวันงานปาร์ตี้หน้ากาก ที่เธอทำรองเท้าหลุดไว้ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ
เอมิกาอึ้งมาก
“ทำไมรองเท้าฉันถึงไปอยู่กับคุณ?”
“เพราะฉันคือผู้ชายที่เต้นรำกับเธอในงานนั้น งานที่พ่อแม่เราจะจับคู่เราสองคนให้เจอกัน จริงๆแล้ววันนั้นเราเกือบจะได้รู้จักกันแล้วรู้ไม๊”
เอมิกาอึ้งมาก แล้วเธอก็ยิ้มออกมา
“มานั่งนี่ก่อน” วเรศบอก
วเรศพาเอมิกามานั่งที่ม้านั่ง แล้วเขาก็ย่อตัวลงตรงหน้าก่อนจะถอดรองเท้าส้นเตี้ยที่เอมิกาใส่อยู่ แล้วเอารองเท้าส้นสูงสวมให้เอมิกาด้วยความถะนุถนอม วเรศจับมือเอมิกาให้ลุกขึ้นยืน
“คราวนี้ก็หลับตา” วเรศบอก
เอมิกาหลับตา วเรศยื่นหน้าเข้าไปเอาปากแตะปากเอมิกา เอมิกาลืมตาขึ้นมา แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
“ฉันนึกว่าเธอจะลืมฉันไปแล้วซะอีก ตั้งแต่เธอไป ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงเธอเลยรู้มั้ย”
เอมิกาเห็นแววตาหวานเจี๊ยบของวเรศแล้วก็รู้สึกผิดมากๆ
"ฉันขอโทษนะที่อยู่ๆก็จากไปโดยไม่บอกคุณ ฉันนึกว่าคุณจะโกรธจนไม่ให้อภัยฉันแล้วเรื่องที่ฉันโกหกคุณมาตลอด”
"สัญญากับฉันนะว่าต่อไปนี้เราจะไม่แยกจากกันไปไหนอีก”
“ค่ะ..ฉันสัญญาวเรศ”
“ฉันรักเธอนะ เอมิกา”
“ฉันก็รักคุณค่ะคุณตั้ม”
วเรศกับเอมิกายิ้มให้กันอย่างมีความสุข แล้วทั้งสองก็กอดกันเสมือนว่าจะไม่มีวันพรากจากกันไปใหนอีก

จบบริบูรณ์
กำลังโหลดความคิดเห็น