xs
xsm
sm
md
lg

พริกกับเกลือ ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พริกกับเกลือ ตอนที่ 12
 

ในครัว...ป๊อดเทชาในกาลงในกระปุกพลาสติกเล็กๆ แล้วรีบมัดปากถุงอย่างรวดเร็ว จากนั้นรีบเอากาไปล้างน้ำแล้วถูๆด้วยน้ำยาล้างจาน ล้างอย่างรวดเร็ว มารศรีเข้ามาขัดจังหวะ
 
“เทชาทิ้งทำไม”
“อุ๊ย...”
ป๊อดตกใจ รีบซ่อนกระปุกพลาสติก
“ฉันถามว่าทิ้งชาทำไม ทำไมไม่ให้คุณเศกกิน แล้วนั่นซ่อนอะไรไว้”
“เปล่าครับ”
ป๊อดรีบเอากระปุกใส่กระเป๋ากางเกงทันที
“เอามาดู”
มารศรีเข้าไปจะล้วงกระเป๋า
“ว้าย อย่าครับ จักกะจี้ เดี๋ยวจับผิดจับถูก”
“ไอ้ป๊อด!! บอกว่าเอาออกมาให้ฉันดู”
ศุวิมลเข้ามาขัดจังหวะ
“นี่คุณศรี...แม้แต่เด็กในบ้านก็ไม่คิดจะเว้นบ้างหรือไง”
มารศรีหันขวับไมอง
“คุณศุ!”
“ฉันรู้ว่าคุณเหงา แต่ควรจะยกเว้นบ้างนะ ทนไม่ไหว ก็ออกไปหาข้างนอก”
มารศรีไม่พอใจ กำมือแน่น
“อยากตบฉันใช่มั้ย เอาสิ!”
มารศรียิ้ม เย็น
“ไม่หรอก...เพราะฉันเพิ่งจะคิดได้ ว่าคุณคงเสียใจเรื่องที่คุณยอดชายไม่เอา เลยมาพาลลงกับฉัน”
ศุวิมลตบหน้ามารศรีซะเอง เปรี้ยง! ป๊อดตกใจ
“โอว...แรง!”
“อย่าได้มาวิจารณ์เรื่องของฉัน บอกอะไรให้นะ ว่าฉันพร้อมจะเป็นนังมารร้ายกับผู้หญิงร้ายๆอย่างเธอได้เสมอ เมื่อไม่ได้อยู่ในหน้าที่”
ศุวิมลเดินออกไป มารศรีมองศุวิมลอย่างโกรธแค้น ป๊อดมองๆ
“เจ็บมั้ยครับ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไปให้พ้น”
ป๊อดสะดุ้ง ตกใจ รีบวิ่งออกไปอย่างเร็ว ด้วยความโล่งใจที่หลุดพ้นมาได้ มารศรีเจ็บแค้น ทำอะไรไม่ได้

ใจดีนั่งร้องไห้ด้วยความอัดอั้น ยอดชายเข้ามาปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอก ใจดี ไม่ต้องร้องไห้”
“ฉันเจ็บใจ แล้วก็...เสียใจ”
“ที่ต้องตกงานโดยที่ไม่ทันตั้งตัวน่ะเหรอ”
“นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ที่เสียใจที่สุดคือ จี๊ดไม่ฟังฉันเลย”
“อาจจะยังไม่ถึงเวลา”
ใจดีถอนใจ
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะยอด ฉันกำลังจะทนไม่ไหวแล้วนะ ที่ไอ้เคนเลวอย่างนายเทวัญมันยังลอยนวลทำชั่วกับคนอื่นอยู่แบบนี้ เราจะทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ”
“ทำได้สิ เราต้องมั่นใจ...ว่าความดีจะต้องชนะความชั่ว แต่เราต้องไม่ท้อแท้ไปซะก่อน เราต้องอดทน”
“ฉันเอาใจช่วยเธอนะ”
“ขอบใจนะ ฉันจะไม่ยอมให้นายเทวัญมันทำสำเร็จหรอก”
ยอดชายมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“แล้วคุณศุล่ะยอด”
ยอดชายกลับมีสีหน้ายุ่งยากใจเข้ามาแทนที่

ศุวิมลนั่งอยู่ในร้านอาหารมหาวิทยาลัย ด้วยอาการเหม่อลอย นักศึกษาเดินผ่าน ยกมือไหว้ แต่เธอไม่ได้มอง นักศึกษาเดินจ๋อยออกไป เพื่อนอาจารย์เดินเข้ามาทัก
“อาจารย์คะ”
ศุวิมลยังไม่รู้ตัว
“อาจารย์คะ”
ศุวิมลสะดุ้ง
“คะ ขอโทษค่ะ”
“บ่ายนี้มีประชุมภาคนะคะ”
“ค่ะ ไม่ลืมค่ะ ขอบคุณนะคะอาจารย์”
“ค่ะ เอ่อ...ก๋วยเตี๋ยวอืดหมดแล้วนะคะ”
ศุวิมลมองชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง เห็นว่าอืดจริงๆ ยิ้มแหย เพื่อนอาจารย์ยิ้มให้ แล้วเดินแยกไป ศุวิมลมองชามก๋วยเตี๋ยว ถอนใจ หยิบตะเกียบจะกิน แต่แล้วก็มีมือเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวออกไป แล้วยื่นชามใหม่ให้ ศุวิมลตกใจ เงยหน้ามอง เห็นยอดชายยืนยิ้มอยู่
“ผมซื้อมาให้ใหม่ครับ”
ศุวิมลวางตะเกียบลง ลุกขึ้น คว้ากระเป๋าเดินออกไปทันที
“คุณศุ เดี๋ยวก่อนครับ”
ยอดชายตามไปตื้อ
“คุณศุ เดี๋ยวก่อน”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
ยอดชายเข้ามาดักข้างหน้า
“ฟังผมก่อนได้ไหม”
“ไม่ฟัง”
“งั้นมองหน้าผม”
“ไม่มอง”
ยอดชายเสียงดุ
“มอง”
ศุวิมลหันขวับ
“เอ๊ะ ! อย่ามาสั่ง”
“ไม่ได้สั่ง แต่บังคับ”
“เป็นใคร ดีแค่ไหน ถึงคิดว่ามีสิทธิ์มาบังคับฉัน”
“ถ้าไม่ดี ผู้หญิงที่เลือกมากอย่างคุณ ฉลาดอย่างคุณ จะยอมให้ความสนิทสนมกับผมอย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านี้หรือไง”
“แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันโง่ ที่เคยมองคุณดีกว่ากว่าความเป็นจริง”
“ใช่ ตอนนี้คุณโง่”
“เอ๊ะ”
“ก็ถ้าคุณเชื่อคนอย่างนายเทวัญ หรือมารศรี คุณก็โง่! และผมก็ผิดหวังมากที่คุณเป็นอย่างนั้น”
“ตกลงฉันผิดใช่มั้ย”
“ไม่รู้ แต่ผมไม่ผิด”
ยอดชายมั่นใจว่าตัวเองไม่ผิด จนทำให้ศุวิมลเริ่มหวั่นไหว
“จะเชื่อผม หรือเชื่อคนอื่น”
“ฉัน...”
“มองหน้าผม”
“อย่ากดดันฉันได้ไหม”
ศุวิมลเดินหนี ยอดชายมองตาม เหนื่อนใจ แต่ไม่คิดตามไปอีก ศุวิมลเดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสน

ยุพานั่งซึม แต๋วเอาน้ำมาให้ดื่ม โพ และลุงแปลงยืนมองอยู่อย่างสงสัย
“กินน้ำก่อนนะเจ๊ ใจเย็นๆก่อน” แต๋วปลอบ
“น้ำแค่แก้วเดียวทำให้เย็นไม่ได้หรอก”
“เอาน่า...อย่าเพิ่งเครียด”
ยุพาดื่มน้ำ เห็นโพและลุงแปลงมองอยู่ ชะงัก
“มองอะไร”
“เจ๊ขโมยกระเป๋าเงินคุณเทวัญจริงเหรอ”
ยุพาพยักหน้าแกนๆ
“อืม...”
“จริงเหรอ”
“ก็จริงนะเซ่ ถามเซ้าซี้”
ยุพาหันหนี โพและลุงแปลงเดินไปมองหน้าอีก ยุพาหันหนีอีก
“แต่ฉันว่าไม่ใช่แล้วล่ะ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี ลุงแปลง”
“มันให้เจ๊ทำอะไร แล้วเจ๊ไม่ทำตามคำสั่งมันใช่มั้ย เจ๊ถึงได้ถูกมันกล่าวหาและข่มขู่”
“เปล๊า!!!!”
ลุงแปลงแกล้งพูด
“ว่าจะให้ยืมเงินไปใช้หนี้ซะหน่อย เปลี่ยนใจแล้วล่ะ ไม่ชอบคนโกหก”
ยุพาลืมตัว
“ถ้าเจ๊มีเงินใช้หนี้ เจ๊ก็ไม่ต้องกลัวมันไล่ออกน่ะสิ”
โพ แต๋ว ลุงแปลงมองหน้าเจ๊ยุพาเป็นตาเดียว เจ๊ยุพาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอพูดความจริงในใจ หน้าเสีย ลุงแปลงถามเสียงเข้ม
“จะพูดได้หรือยัง”
ยุพาหนีลุงแปลง โพ และแต๋วทันที
“เจ๊ไม่รู้เรื่อง เจ๊ไม่พูด อย่ามาบีบบังคับเจ๊ โอย ไปให้พ้น”
โพ ลุงแปลง แต๋วเหนื่อยจะตาม หันมามองหน้ากัน ยังไม่สิ้นความสงสัย

ศยามนัดพบหมอเวทย์ แล้วส่งกระปุกใส่ชาให้ พลางอธิบาย
“มารศรีให้คุณพ่อดื่มทุกวัน อ้างว่าเป็นชาเพื่อสุขภาพ จะช่วยให้คุณพ่อดีขึ้น แต่ตั้งแต่ท่านดื่มมาก่อนจะป่วยหนักขนาดนี้ ผมเห็นท่านมีแต่อาการแย่ลง”
“เดี๋ยวลุงจะเอาไปเข้าแล็บตรวจเช็คดูนะ”
“ผมขอให้ทุกอย่างเป็นความลับนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง คุณดิ่ง”
“ขอบคุณครับ”
“เอ้อ...ไม่ไปเยี่ยมคุณหนูจี๊ดหน่อยเหรอ เมื่อเช้าลุงเพิ่งไปตรวจดูอาการแกมา”
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“คงจะเครียดมาก น่าสงสารนะ ทั้งๆที่พ่อแม่คืนดีกันแล้ว แต่ตัวเองกลับยังไม่มีความสุข”
“ถ้ายังมีผู้ชายคนนั้นอยู่ใกล้ตัว คุณจี๊ดก็ยังไม่มีความสุข”
“อย่าหาว่าลุงยุ่งเลยนะ แล้วคุณไม่คิดจะทำอะไรบ้างเลยเหรอ”
“ผมกำลังทำอยู่ครับ ลุงหมอ”
หมอเวทย์พยักหน้ารับรู้ ศยามคิดถึงจิตรวรรณ

เจตนาตบโต๊ะผาง อย่างไม่พอใจ จนรัตนาสะดุ้ง
“เกิดเรื่องฉาวโฉ่เม้ากันทั่วออฟฟิศแบบนี้ได้ยังไง แล้วมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง”
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันภาวนาว่าขออย่าให้เป็นเรื่องจริง”
“รู้ตัวใช่มั้ย ว่าใครเป็นคนเริ่ม”
“ตามตัวมาแล้วค่ะ รออยู่ด้านนอก”
“พาตัวเข้ามา”
รัตนาเดินไปเปิดประตู ยุพาเดินตัวลีบเข้ามา หน้าจ๋อยๆ
“ไปเอาข่าวลือทีไหนมาพูด ว่ายอดชายพาลูกสาวฉันเข้าโรงแรม”
“เอ่อ คือ..เอ่อ...ยุพา...เห็นกับตาค่ะ”
“เหลวไหล! ยอดชายไม่มีทางทำแบบนั้น เขากับจี๊ดเป็นเพื่อนรักกันมานาน”
จิตรวรรณเดินเข้ามาในห้องทำงานของเจตนา
“ยุพาพูดเรื่องจริงค่ะ”
เจตนาตกใจ
“ยัยจี๊ด!”
จิตรวรรณมีสีหน้าที่เรียบเฉย เพราะเตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี เจตนาบอกให้ยุพาออกไปก่อน แล้วถามจิตรวรรณทันที...
“พ่อไม่เชื่อ”
“ไม่มีใครเชื่อกันทั้งนั้นล่ะค่ะ แต่มันเป็นเรื่องจริง พี่เทวัญคือคนที่ไปช่วยจี๊ดเอาไว้ได้ทันเวลา”
“ยังไงพ่อก็ไม่เชื่อ ไปเรียกยอดชายมา”
รัตนาหันมาบอก...
“คุณยอดลาพักร้อนค่ะ กว่าจะครบกำหนดก็อีกสองสามวัน”
“คนที่ไมได้ทำผิด ต้องหนีหน้าทำไมล่ะคะ รอให้เขากลับมาก่อนก็ได้ ค่อยสำเร็จโทษกัน”
“รัตนา ไปออกประกาศ ถ้ามีใครในออฟฟิศพูดเรื่องยัยจี๊ดกับยอดชายอีก ฉันจะไล่ออก”
“ห้ามไฟไม่ให้มีควันได้ไงล่ะคะคุณพ่อ พูดกันไปเถอะ จี๊ดไม่แคร์ ดีซะอีก คนที่ทำผิดคิดชั่วจะได้ละอายแก่ใจบ้าง...”
“แต่มันทำให้คุณจี๊ดต้องเสื่อมเสีย”
“ฉันไม่มีอะไรจะเสีย ใครพูดได้ก็พูดไป จะคิดซะว่ามันคือวัคซีนที่จะทำให้ฉันแข็งแรงขึ้น จี๊ดไปทำงานนะคะคุณพ่อ”
จิตรวรรณลุกเดินออกไป สร้างความประหลาดใจแก่เจตนาและรัตนามากที่เห็นจิตรวรรณไม่อ่อนไหว

ยอดชายที่โทรมมากนั่งดูทีวีในห้อง ที่ข้าวของระเกะระกะ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ยอดชายเดินอย่างเซ็งๆไปเปิดประตู ศยามยืนอยู่
“อ้อ...คุณดิ่ง”
“แต่งตัว”
“จะให้ผมไปไหน”
“หมดเวลาเซ็งแล้วคุณยอด คุณต้องกลับไป เดี๋ยวนี้”
“ผมยังไม่พร้อม”
ศุวิมลเดินเข้ามาอีกคน ยอดชายประหลาดใจ
“ไหนบอกว่าตัวเองไม่ผิดไง แล้วหลบมาทำไมที่นี่”
ยอดชายดีใจ
“คุณศุ...”
ศุวิมลมองเข้าไปในห้อง
“แล้วนี่อะไร ห้องพักหรือที่ทิ้งขยะ สกปรก เละเทะไร้ระเบียบที่สุด”
ศุวิมลเดินเข้าไปในห้อง เปิดตู้เสื้อผ้า
“ไหนดูซิ มีชุดเหลือให้ใส่บ้างมั้ยเนี่ย อะไรกัน ไม่ได้ซักเลยหรือไง”
ยอดชายหันมายิ้มกับศยาม
“รีบๆเลย ก่อนที่น้องสาวผมจะบ่นยาว”
“ขอบคุณมากครับคุณดิ่ง”
“ผมไม่ได้ช่วยพูดโน้มน้าวอะไรยัยศุเลยนะ เขาคิดได้ของเขาเอง”
“ครับ”
ยอดชายหันมองศุวิมลด้วยสายตาอ่อยโยน และดีใจอย่างที่สุด ศุวิมลเห็นสายตาของยอดชายแล้วเขิน แต่กลบเกลื่อน
“จะไปแต่งตัวเอง หรือให้ฉันแต่งให้”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมจัดการเองได้”
ยอดชายรีบเดินเข้าไป มองหน้าศุวิมลนิดหนึ่ง ส่งตาหวานให้
“ดีใจที่สุดอ่ะ ใจสั่น ขนลุก”
“ท้องเสียก็รีบเข้าห้องน้ำเลยไป”
“เขาเรียกว่าอาการของคนกำลังสมหวังในความรัก ขอแค่คุณเข้าใจ ผมก็มีพลังออกไปกู้โลกได้สบายมาก”
“บ้า ไป๊!”
ศุวิมลทุบยอดชายที่รีบวิ่งเข้าไป ศยามเดินเข้ามาโอบไหล่ศุวิมล เห็นเธอมีความสุข ก็มีความสุขตามไปด้วย

จิตรวรรณนั่งทำงานทำงานอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
รัตนาเดินเข้ามา
“คุณจี๊ดคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”
“ใคร”
“เขาให้แจ้งว่า เป็นลูกค้าค่ะ”
“ลูกค้า มีชื่อหรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็ไม่ให้พบ”
ศยามเดินเข้ามา
“ไม่หยิ่งเกินไปหน่อยเหรอ ลูกค้าคือพระเจ้านะคุณ ง้อลูกค้าหน่อยสิ”
จิตรวรรณตกใจ
“นาย! รัตนา เรียก ร.ป.ภ.เดี๋ยวนี้”
“ขอเวลาสามนาทีเท่านั้น แล้วผมก็จะไป”
“ไม่มีทาง รัตนา ฉันสั่ง”
ศยามมองรำคาญ
“งั้นก็ได้.. ผมจะคุยกับคุณให้จบก่อนที่ร.ป.ภ.จะมา”
“รัตนา ไปตามมาเร็วๆ อย่าให้เกินหนึ่งนาที”
รัตนาแอบปาดเหงื่อ
“ค่ะ ไม่เกินหนึ่งนาทีค่ะ”
รัตนาปิดประตู จิตรวรรณเดินไปเปิดประตู ศยามเอื้อมมือไปปิดประตู จิตรวรรณดึงประตูให้เปิด ศยามเอื้อมไปปิด
“เอ๊ะ”
ศยามล็อกประตูเลย แล้วเอาตัวบังประตูไว้
“ล็อก”
“นายดิ่ง”
“เรียกใหม่”
“นายศยาม เปิดประตูเดี๋ยวนี้ จะทำอะไร”
“มาเจรจาธุรกิจกับคุณ ในฐานะลูกค้า”
“นายคือศัตรู ไม่ใช่ลูกค้า”
ศยามดึงตัวจิตรวรรณเข้ามาประชิด
“ไม่มีใครยอมให้ศัตรูอยู่ใกล้ได้ขนาดนี้หรอก คุณจี๊ด”
จิตรวรรณอึ้ง อ่อน ระทวยในอ้อมกอดของศยาม

ที่ป้อมยามหน้าออฟฟิศ รัตนายืนอยู่กับร.ป.ภ. รีรออยู่
“ให้เข้าไปได้หรือยังครับ”
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่ง อีกสัก สิบนาทีค่อยเข้าไป”
“โอเคครับ”
“ตอนเข้าไปที่ห้องคุณจี๊ด ก็ทำขึงขังหน่อยล่ะกัน อย่าไปแสดงให้คุณจี๊ดเห็นว่าเราสนิทสนมกับคุณดิ่ง”
“ครับผ้ม!!!”
“ดี”
รัตนายืนรอต่อไปกับร.ป.ภ. อารมณ์ดี ยิ้มๆ

จิตรวรรณยังอยู่ในอ้อมกอดของศยาม มองหน้าศยาม นิ่ง อึ้ง
“แล้วลูกค้าที่ไหนกัน มาเจรจาธุรกิจแล้วทำกันแบบนี้”
“ผมอยากรู้ว่าคุณจะมีใจรักในการบริการลูกค้าคนนี้หรือเปล่า”
“อย่ามาปากดีกับฉัน แล้วกรุณาให้เกียรติฉันด้วย ปล่อย”
“ผมให้เกียรติคุณเสมอนะคุณจี๊ด”
“นายจ้องจะทำร้ายฉันอยู่ตลอดเวลาต่างหาก และเมื่อมีโอกาสนายก็จะหาเศษหาเลยกับฉัน ทำไม...คิดว่าฉันมีใจให้นายหรือไง”
“แล้วมีหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“จริงเหรอ”
“จริง”
“พิสูจน์สิ ว่าไม่มีใจให้ผมจริงๆแล้วผม จะไม่ตอแยและแตะต้องตัวคุณอีก”
“ฉันทำให้นายเห็นไม่รู้กี่ครั้วต่อกี่ครั้งแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันเกลียดนาย”
“แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่เลยนะ”
จี๊ดอึ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเอามือโอบรอบคอศยาม และเบียดแนบชิดกันมากเหลือเกิน
“ดูสิ...เหมือนคนรักกัน แสดงความรักต่อกัน หลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายวันมากกว่านะ”
จิตรวรรณผลักศยามออกไปทันที ยืนถอยห่าง รักษาฟอร์ม ศยามยิ้มๆ
“ทำไมร.ป.ภ.ยังไม่มาอีกนะ”

มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์...เทวัญเดินเข้ามา ยอดชายเข้ามาขวาง ยิ้มให้ เทวัญพูดเย้ยๆ
“ยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ”
“ใช่...เพราะผมไม่มีทางให้คุณล้มผมได้ง่ายๆหรอก แค่แผนตื้นๆแค่นั้น ผมเอาอยู่”
“เหรอ”
“เดี๋ยวก็รู้”
ยอดชายเดินเย้ยเทวัญออกไป เทวัญเจ็บใจ

ในห้องทำงาน...จิตรวรรณชีนิ้วไล่ศยาม...
“ออกไปได้แล้ว นี่มันเกินสามนาทีแล้วนะ”
“ก็ร.ป.ภ.คุณยังไม่มา ผมก็ยังไม่ไป ยังไม่ได้คุยเรื่องงานของผมเลย”
“บริษัทฉัน...ไม่รับคุณเป็นลูกค้า”
“งั้นผมคงต้องไปคุยกับคุณพ่อคุณ”
“เรื่องนี้ ท่านให้ฉันตัดสินใจ”
ศยามเดินเข้ามาหา จิตรวรรณถอย
“อย่าเข้ามานะ อยู่ให้ห่างๆฉัน”
“งั้นฟังไว้ เอาไว้พิจารณา ผมมีออเดอร์จากเพื่อนสนิท ที่ต้องการรถยี่ห้อที่คุณเป็นผู้แทนจำหน่ายหลายคันอยู่ และจะสั่งทุกปีด้วย เพื่อเป็นรถประจำตำแหน่งให้กับผู้บริหาร...สนใจมั้ย”
“มาบอกฉันทำไม”
“ผมแค่อยากช่วยเพื่อนผม”
“แต่ฉันไม่...”
ศยามตัดบท
“ไม่ต้องห่วง...ผมไม่ได้ช่วยคุณ บอกแล้วว่าผมช่วยเพื่อนผม โอเค ไว้ค่อยให้คำตอบผมก็ได้ แต่อย่าช้านะ...เพราะมีคู่แข่งรอฉกอยู่เหมือนกัน”
ศยามก้าวเข้าหา จิตรวรรณถอยไปชนโต๊ะ เขาสืบเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงไปใกล้...
“เลิกแกล้งฉันสักที”
จิตรวรรณออกแรงผลักศยาม จนเซออกไป
“ออกไปให้พ้น! นายมันสกปรก ทั้งตัวและหัวใจ ฉันรังเกียจและขยะแขยงนายที่สุด และนายก็น่าจะรู้แล้วนะ ว่าคำตอบของฉันเรื่องออเดอร์ที่นายเอามาเสนอมันคืออะไร....ฉันไม่มีทางดีลกับนาย!”

จิตรวรรณมองศยามด้วยสายตาเกลียดชัง ศยามอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ผิดคาดอะไรกับคำตอบที่ได้รับ
 
อ่านต่อหน้า 2



พริกกับเกลือ ตอนที่ 12 (ต่อ) 
 

เทวัญเดินดุ่มๆเข้ามาหน้าห้องทำงานของจิตรวรรณ ยุพาเข้ามาขัดจังหวะไว้ก่อน
“คุณเทวัญคะ”
เทวัญกลัวใครจะมาเห็น
“บอกแล้วไง ไม่จำเป็นไม่ต้องมาคุยกับฉัน”
“ก็มันจำเป็นนี่คะ”
เทวัญหงุดหงิด ลากยุพาหนีหายไปจากหน้าห้องจิตรวรรณ รัตนามากับร.ป.ภ. เห็นเข้าพอดี เธอหันไปสั่งร.ป.ภ
“รออยู่ตรงนี้นะ อย่าให้ใครเข้าไปขัดจังหวะข้างใน ให้ฉันมาก่อนค่อยเข้าไป”
“ครับผม”
รัตนารีบตามเทวัญออกไป โดยให้ร.ป.ภ.อยู่หน้าห้องจิตรวรรณ

ศยามเผชิญหน้ากับจิตรวรรณ อยู่ภายในห้อง...
“คุณแน่ใจเหรอ ว่าจะไม่ดีลกับผม”
“ไม่เคยแน่ใจอะไรอย่างนี้มาก่อน”
“ทำไม”
“เพราะฉันไม่ไว้ใจนาย”
“และไม่ไว้ใจคุณยอดชาย แต่ไว้ใจนายเทวัญ”
“ใช่ จบมั้ย”
“จบแน่ เพราะสุดท้าย คุณจะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ความภาคภูมิใจในตัวเอง เพราะความดื้อ ที่ไม่ยอมฟังใคร....ไม่รู้จะนิยามตัวคุณว่าอะไรดี”
จิตรวรรณโมโหตวาดไล่
“กลับไปซะ”
“รู้แล้ว...คุณมันเป็นประเภท สวยแต่รูป จูบไม่หอม หรือไม่ก็ สวยแต่โง่ หรือไม่ก็...”
จิตรวรรณทนไม่ไหว ปาข้าวของใส่ศยาม
“แล้วตัวเองดีนักหรือไง ไม่ต้องมาสอนคนอื่น ออกไป” จิตรวรรณตะโกนลั่น “ร.ป.ภ.มาหรือยัง”
“ใจเย็นๆก่อน คุณ”
“ไม่เย็น” หญิงสาวยังขว้างของไม่หยุด ชายหนุ่มหลบพัลวัน “ไม่ออกไป ฉันเอานายตายแน่...ใครก็ได้ไปตามร.ป.ภ.มาที ชักช้า จะไล่ออกให้หมด”

ร.ป.ภ.ได้ยินเสียงจิตรวรรณ ยืนตัวเกร็งลังเล
“เอาไงดีวะ...ไม่เข้าไปก็ถูกคุณจี๊ดไล่ออก เข้าไปก็ถูกคุณรัตนาไล่ออก”
ร.ป.ภ. ตัดสินใจไม่ถูก

เทวัญพายุพามาที่มุมหนึ่งลับตาคน ยุพาแบมือ
“ขอรบกวนเบิกค่าใช้จ่ายหน่อยได้มั้ยคะ คือเจ๊ว่าจะลางานไปสักระยะน่ะค่ะเครียด ถูกเพ่งเล็งจากไอ้พวกฝ่ายเซอร์วิสน่ะค่ะ”
รัตนาแอบดูอยู่จากมุมหนึ่ง เทวัญหงุดหงิดมาก
“แค่นี้ โทรศัพท์เอาก็ได้”
“ไม่มีตังค์เติมเงินค่ะ”
“เอาเท่าไหร่”
“สัก...”
ยุพาชูนิ้วสิบนิ้ว
“หมื่นนึง”
ยุพาส่ายหน้า
“ไม่ใช่ค่ะ แสนนึง”
เทวัญไม่พอใจ
“มันจะมากไปหรือเปล่า”
“ไม่มากไปสำหรับสิ่งที่เจ๊ต้องสูญเสียเพื่อช่วยคุณหรอกนะคะ ไหนจะเสี่ยงคุก เสี่ยงตาราง เสี่ยงถูกรุมกระทืบ เสี่ยง...”
เทวัญตัดบท
“พอแล้ว เงินมากขนาดนี้ฉันไม่มีติดตัว เดี๋ยวจะโอนเข้าบัญชีให้”
ยุพาไหว้งดงาม
“ขอบพระคุณค่ะ แต่ตอนนี้ขอสักพันก่อนได้มั้ยคะ จะเอาไปเติมเงินมือถือ จะได้ส่งเมสเสจเลขที่บัญชีให้คุณเทวัญได้ไงคะ”
“ก็ได้”
เทวัญหยิบเงินส่งให้ยุพาอย่างไม่พอใจ ยุพาลั้ลลาโดยไม่เห็นสายตารอวันกำจัดของเทวัญ รัตนาแอบดูอยู่รีบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปเทวัญและยุพาไว้

จิตรวรรณผลักศยามไปที่ประตูดังโครม
“บอกให้ออกไป”
ร.ป.ภ.สะดุ้งเฮือกหลังจากได้ยินเสียงกระแทกประตู...ศยามเจ็บหลัง
“โอ๊ย”
จิตรวรรณตกใจ
“นายดิ่ง”
ศยามทำเป็นปวดที่หลัง
“โอย หลังผม...”
“เจ็บมากมั้ย”
ศยามพยักหน้า
“เอาไงดีล่ะ ก็บอกแล้ว อย่าทำให้ฉันโมโห...มานั่งนี่ก่อนมา”
จิตรวรรณพยุงไปนั่งที่เก้าอี้ ศยามลอบยิ้มนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อย
“หายหรือยัง”
ศยามหน้าเหวอ
“เฮ้ย คุณ เพิ่งจะมานั่งพัก จะหายปุ๊บปั๊บได้ไง”
“ออกจากแข็งแรงตัวใหญ่ แต่ใจเสาะ”
“ผมก็เจ็บเป็นนะ”
จิตรวรรณอึ้งๆ
“เหรอ...”
“เกลียดผมมากเลยใช่มั้ย”
“ใช่”
“ผมเข้าใจ...”
“ก็เหมือนกับที่นายเกลียดฉันนั่นแหละ”
ศยามสบตาจิตรวรรณ...เห็นความปวดร้าวอยู่ในแววตาของหญิงสาว
“ถึงได้ทำร้ายฉันทุกครั้งที่มีโอกาส...เมื่อก่อนกับฉันคงร้ายกับนายมากใช่มั้ย นายถึงได้เอาคืนฉันอย่างเจ็บแสบ โดยการยืมมือยอดชายมาทำลายฉัน”
“ไม่ ผม...”
จิตรวรรณตัดบท
“ไม่ต้องพูดหรอก นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่นี่คือสิ่งที่นายกำลังทำกับฉัน ฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ฉันอาจจะไม่อดทนมากไปกว่านี้อีกแล้ว...อย่ามาที่นี่อีก ต่อไปนี้ เราต่างคนต่างเดิน”
“แค่นี้จริงๆใช่มั้ย”
“ใช่”
จิตรวรรณสบตาศยามอย่างไม่หวั่นไหว...ศยามพยักหน้ายอมรับ ค่อยๆเดินไปเปิดประตู...ออกไปอย่างช้าๆ จิตรวรรณมองตามอย่างปวดร้าว เมื่อเขาปิดประตูลง หญิงสาวทิ้งตัวลงร้องไห้ พยายามตัดใจ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น จิตรวรรณรีบห้ามตัวเอง ปรับอารมณ์ รีบรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล....ค่ะ...คุณพ่อ”

ในห้องทำงานเจตนา...จิตรวรรณมองจอมือถือของรัตนา ซึ่งกำลังเปิดคลิปเทวัญส่งเงินให้ยุพา จิตรวรรณกดปิดวางมือถือลงบนโต๊ะเจตนา รัตนาหยิบคืนมา จิตรวรรณหันไปถามหน้านิ่ง
“แล้วไงคะ”
“พ่อจะเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้สอบสวน หาความจริง”
“ทุกคนต่างมีความจริงของตัวเอง ไม่ได้ผลหรอกค่ะคุณพ่อ”
“ยัยจี๊ด แกเป็นอะไร อย่างน้อย พ่อก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับยอดชาย”
“อย่าเลยค่ะ”
“นั่นเพื่อนรักของแกนะจี๊ด”
“เคยเป็นค่ะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
“ยัยจี๊ด อย่าทำตัวไม่มีเหตุผล”
“นี่เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆค่ะ จี๊ดขอโทษ ถ้าทำให้ทุกคนผิดหวัง”
เจตนาสบตากับรัตนาอึ้งกันไป หนักใจที่จิตรวรรณดื้อดึง
“จี๊ดขออนุญาตไล่ยอดชายออกจากงานนะคะ”
เจตนาชะงักอึ้ง
“จี๊ด”
“แต่ถ้าคุณพ่อไม่อนุญาต จี๊ดก็จะเป็นคนลาออกเอง”
เจตนาโมโห
“นี่ขู่พ่อเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ค่ะ จี๊ดทำจริง ขอตัวไปจัดการเคลียร์เรื่องวุ่นวายทั้งหมดก่อนนะคะ”
จิตรวรรณลุกขึ้นเดินออกไป โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น เจตนาหนักใจ
“รัตนา ทำไมยัยจี๊ดไม่ฟังอะไรบ้างเลย”
รัตนารู้สึกผิดปกติบางอย่าง
“ท่านคะ...บางที ตอนนี้...อาจจะต้องปล่อยให้คุณจี๊ดทำในสิ่งที่ต้องการไปก่อนดีกว่านะคะ น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งขวางเรือ”
“แต่ฉัน...เสียดายคนดีมีฝีมืออย่างยอดชาย”
เจตนาหนักใจมาก

ยอดชายคุยอยู่กับลุงแปลง โพ และแต๋วเรื่องเจ๊ยุพา ลุงแปลงยืนยัน
“ผมเห็นเจ๊ยุพาเพิ่งจะออกไปจากออฟฟิศเมื่อกี้เอง”
ยอดชายคิดๆ
“หนีพวกเราหรือเปล่า”
โพพยักหน้า
“อาจจะใช่”
แต๋วหันมาหายอดชาย
“คุณยอดชายคะ...แต๋วและทุกคนที่แผนกเซอร์วิสไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เจ๊ยุพาเอามาเม้ากันเลยนะคะ”
“ขอบคุณทุกคนมาก...ผมพลาดเอง...ไหวตัวไม่ทัน ไม่คิดว่า นายเทวัญจะกล้าวางแผนทำถึงขนาดนี้”
ลุงแปลงถอนใจ
“คุณหนูจี๊ดไม่น่าหูเบาถึงขนาดนี้”
“ไม่รู้สิ...ผมก็ไม่คิด ว่าจี๊ด...”
ยอดชายยังพูดไม่จบ จิตรวรรณเปิดประตูเข้ามา วางท่าเขื่อง
“เก็บของออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ยอดชาย เธอถูกไล่ออก”
ยอดชายและทุกคนตกใจ จิตรวรรณหน้าเคร่งเครียด จ้องยอดชายอย่างเอาเรื่อง ยอดชายพยายามแย้ง
“แต่จี๊ดยังไม่ได้...”
“ถึงยังไม่ได้สอบสวนเรื่องสกปรกที่เธอทำกับฉัน ก็มีเหตุสมควรให้ฉันไล่เธอได้อยู่ดี...”
ยอดชายเสียงแข็ง
“เหตุผลอะไร”
“ความผิดพลาดของฝ่ายบริการที่ทำให้ยอดลูกค้าลดลง แล้วไม่ส่งรายงานตามกำหนด หมายถึงเธอทิ้งงาน ไม่มีความรับผิดชอบ ฉันจ้างคนแบบนี้ไว้ในองค์กรต่อไปไม่ได้”
ยอดชายอึ้ง ผิดหวังกับจิตรวรรณมาก ทุกคนสงสารและเห็นใจยอดชาย แต่จิตรวรรณไม่สะทกสะท้านที่เห็นสายตาของยอดชาย

ยอดชายถือกล่องเก็บของส่วนตัวของตัวเองเดินออกจากห้องทำงาน ลุงแปลง โพและแต๋ว...ยืนส่งอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมช่าง และพนักงานคนอื่นๆ
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมจะไม่ลืมเลยว่าเคยได้รับน้ำใจและการสนับสนุนจากทุกคนมากแค่ไหน”
โพเห็นใจยอดชายมาก
“คุณไม่น่าจะยอม”
“แต่เขาคือคนจ่ายเงิน ไม่มีทางที่ผมจะชนะ...ในตอนนี้”
ลุงแปลงพูดออกมาอย่างเต็มใจมี่จะช่วยยอดชาย
“ให้ผมช่วยอะไร ก็บอกนะครับคุณยอดชาย ผมพร้อมเสมอ”
โพร่วมด้วย
“ผมก็เหมือนกัน”
“แต๋วด้วยค่ะ”
ยอดชายซาบซึ้งมาก
“ขอบคุณมากครับ...ผมมีเรื่องให้ทุกคนช่วยเหลือผมแน่นอน ลานะครับ”
ลุงแปลง โพ และแต๋วและพนักงานทุกคนยกมือไหว้ ยอดชายยิ้มรับทุกคน เดินออกไป อย่างอาลัยแต่จำเป็นต้องตัดใจ จิตรวรรณยืนมองยอดชายเดินจากไปอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเสียใจ เทวัญเดินเข้ามาหาใบหน้าเต็มไปด้วยความสะใจ สมใจ
“น้องจี๊ดเด็ดขาดมากเลยค่ะ ตอนแรกพี่คิดว่า น้องจี๊ดจะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ทำให้ใจอ่อน”
“คนอย่างจี๊ด ไม่ใจอ่อนให้กับความเลวหรอกค่ะ”
เทวัญสะอึก แต่ยิ้มกลบ
“ค่ะพี่รู้...เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงได้รักและภูมิใจในตัวน้องจี๊ดมาก”
“ค่ะจี๊ดรู้ ว่าพี่เทวัญคือคนเดียวที่รักจี๊ดอย่างจริงใจ ส่วนคนอื่น อย่าหวังว่าจี๊ดจะไว้ใจใครได้อีก”
เทวัญยิ้มดีใจมาก ที่จิตรวรรณไม่ติดใจหรือสงสัยอะไรเลย

ที่มุมหนึ่งลับตาคน ศยามเข้ามาหายอดชาย ลุงแปลง และโพ
“ไปทำงานกับผมมั้ย”
ยอดชายถอนใจ
“อย่าเลยคุณดิ่ง...ยิ่งผมไปทำงานกับคุณ จะยิ่งเป็นเหตุผลให้นายเทวัญใช้โจมตีพวกเรา”
ลุงแปลงเห็นด้วย
“ใช่ครับ ตอนนี้อะไรๆคุณเทวัญก็โยนให้เป็นความผิดของบริษัทคุณดิ่งทั้งนั้น”
โพเจ็บใจ
“แล้วคุณจี๊ดก็เชื่อ”
“แล้วคุณเจตนาล่ะ”
ยอดชายมั่นใจ
“ท่านไม่เชื่อหรอก แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้อำนาจบริหารอยู่ในมือจี๊ดทั้งหมด”
“ทั้งหมดนี้ทำให้เรามั่นใจได้ว่า นายเทวัญต้องการกำจัดพวกเราไม่ให้อยู่ใกล้ คุณจี๊ด”
ยอดชายติดใจสงสัยมาก
“จะว่าเพราะหึงอย่างเดียวก็ไม่น่าจะใช่”
“มันต้องมีเหตุผลมากกว่านั้น”
ศยามครุ่นคิดเรื่องเทวัญ เครียด รวมถึงทุกๆคนด้วย

ภายในห้องของโรงแรม...เทวัญนั่งรออยู่บนเตียง มารศรีเปิดประตูห้องเข้ามา ปิดประตู ยังยืนอยู่ที่ประตูไม่เดินเข้ามา
“ให้ฉันมาหาที่นี่ทำไม”
“มีเรื่องจะคุยด้วย”
“นัดที่อื่นก็ได้”
“ไม่ไว้ใจฉันหรือไง”
“ใช่”
“ตอนแรกก็ว่าจะไม่ แค่อยากนั่งคุยในที่ๆเป็นส่วนตัว สบายๆ แต่พอได้ยินเธอ พูด ชักจะมีอารมณ์”
เทวัญย่างสามขุมเข้าหา...
“อย่าเข้ามานะ”
“ไม่เอาน่า วัวเคยขาม้าเคยขี่ อย่าปฏิเสธเลย ฉันรู้ ว่าเธอก็ชอบ”
เทวัญรุกเข้าหามารศรีอีก ทันใดนั้น มารศรีก็ชักปืนขึ้นมาเล็งใส่ เทวัญชะงัก
“พูดดีๆไม่ฟัง ฉันก็จำเป็นต้องใช้ตัวช่วย”
“ใจเย็นๆก่อนน่า ฉันล้อเล่น”
“คนอย่างแก ไม่มีอารมณ์ขัน ฉันรู้ อยากจะคุยอะไรก็รีบๆคุย”
เทวัญไม่พอใจ ที่มารศรีใช้ปืนป้องกันตัวเอง หงุดหงิดที่ไม่ได้ แต่จำใจเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันรู้ว่าเธอยังติดต่อน้องชายฉันอยู่...ทำไม”
มารศรีอึ้ง...คิดหาคำตอบ ข้อแก้ตัว เทวัญยืนจ้อง รอคำตอบจากมารศรีอย่างเคร่งเครียด
“ฉันถาม”
มารศรีสะดุ้ง เทวัญอาศัยช่วงจังหวะที่เธอตกใจ รวบปืน รวบแขน จิกผมถามอย่างหื่น
“อย่าอวดเก่งกับฉัน เพราะเธอไม่มีทางชนะฉัน”
“ไอ้เทวัญ ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย ฉันเตือนเธอแล้วนะ ว่าให้เลิกยุ่งกับมัน แต่เมื่อเธอไม่เชื่อ ฉันก็จำเป็นต้องทำให้เธอ...รู้สึก”
เทวัญผลักมารศรีล้มลงไปบนเตียง
“อย่านะ”
เทวัญมองมารศรีอย่างหื่นกระหาย...แล้วทิ้งตัวลงไปหา
“อย่า ไม่” หญิงสาวร้อนลั่น

จิตรวรรณนั่งรอเทวัญอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของคอนโดเทวัญ ทันวิทย์เดินเข้ามาหา
“พี่จี๊ด อย่ารอพี่เทวัญเลย ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่”
“ติดต่อพี่เทวัญได้มั้ย”
“ไม่ได้ครับ”
จิตรวรรณพยักหน้า ทันวิทย์ถามอย่างสงสัย
“ทำไมพี่จี๊ดยังรักพี่เทวัญ”
จิตรวรรณอึ้ง ไม่คิดว่าทันวิทย์จะถามคำถามนี้
“เอ่อ...ไม่รู้สิ...ก็...รักอ่ะ”
“พี่จี๊ดแน่ใจได้ยังไง ว่าพี่เทวัญเป็นคนดีจริง สมควรที่พี่จะรัก”
“ทันวิทย์ ทำไมถามแบบนี้”
“แน่ใจหรือเปล่าครับ ว่าอยากจะแต่งงานกับพี่เทวัญจริงๆ”
เทวัญเปิดประตูผลัวะเข้ามา ทันวิทย์ชะงัก จิตรวรรณก็ชะงัก ทันวิทย์รีบเดินหนีเข้าข้างในไป เทวัญเห็นจิตรวรรณ...อึ้งๆ แต่ก็รีบยิ้ม ทักทาย
“น้องจี๊ด...มาหาพี่เหรอคะ”
“จี๊ดพยายามโทรหาหลายครั้ง แต่โทรไม่ติด”
“มือถือพี่แบตหมดนะค่ะ..มีอะไรคะ หน้าดูเจื่อนๆ”
“ไม่มีอะไรค่ะ...เอ๊ะ...”
หญิงสาวมองที่ไหล่เสื้อของเขา เทวัญงงๆ
“มีอะไรเหรอคะ”
“ทำไม...เสื้อขาดคะ”
เทวัญมองที่ไหล่เสื้อ เห็นรอยถูกดึงจนตะเข็บหลุด เขาชะงักนึกถึงเรื่องราวในห้องของโรงแรมเมื่อครู่ที่ผ่านมา...เขาปลุกปล้ำมารศรี แต่เธอต่อสู้ ดึงแขนเสื้อบริเวณไหล่จนมีรอยขาด...เทวัญนิ่งอึ้ง จิตรวรรณมองหน้าเขา
“ไปทำอะไรมาคะ”
“อ๋อ...คือ...พี่ถูกไอ้ชนะ เพื่อนพี่ไง น้องจี๊ดจำได้ใช่มั้ย มันแกล้งดึงจนเสื้อขาดเลย”
“พี่เทวัญไปเจอเพื่อนมาเหรอคะ”
“ก็ใช่สิคะ เดือนหน้าจะมีงานเลี้ยงรุ่น ก็เลยนัดเจอกันว่าจะทำอะไรกันดี น้องจี๊ดพูดเหมือนไม่ไว้ใจพี่ คิดว่าพี่นัดผู้หญิงเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ จี๊ดไม่ไว้ใจ ในเมื่อ เรากำลังจะแต่งงานกัน...หรือพี่เทวัญไม่อยากแต่งถึงทำให้จี๊ดไม่สบายใจแบบนี้”
“พี่ไม่เคยนอกใจน้องจี๊ด...พี่สาบาน”
เทวัญมองจิตรวรรณ จริงจังกับคำพูด...จิตรวรรณค่อยๆคลายยิ้ม
“จี๊ดเชื่อพี่เทวัญค่ะ ทานอะไรหรือยังคะ”
“ยังเลยค่ะ”
“จี๊ดทำให้ทานนะคะ”
เทวัญชะงักไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรนะคะ”
จิตรวรรณเดินยิ้มๆเข้าครัวไป
“น้องจี๊ด...ทำอาหาร”
เทวัญรีบตามจิตรวรรณเข้าไปอย่างแปลกใจ เหมือนโลกจะแตก...ทันวิทย์แอบฟังอยู่ใกล้ๆ คิดถึงมารศรีขึ้นมาทันที
“พี่เทวัญ...เสื้อขาด”
ทันวิทย์รีบเดินเข้าข้างใน

ค่ำนั้น มารศรีค่อยๆเดินอย่างอ่อนแรง ทรุดลงนั่ง เหม่อลอย คิดถึงขณะที่ถูกเทวัญข่มขืนอีกครั้ง
‘ปล่อยฉัน แกหลอกฉันใช่มั้ย แกหลอกฉันมาใช่มั้ย’
‘ไม่มีทาง มีครั้งแรก มันก็ต้องมีครั้งที่สอง...เธอมันโง่เองที่มาหาฉัน’
‘ไอ้เลว...อย่าทำอะไรฉัน อย่า’
เสียงในหัวของมารศรีหายไป หญิงสาวนั่งกุมหัว สะบัดไล่ความคิด

ศยามกำลังนั่งดูจอทีวีจากกล้องวงจรปิดในห้องทำงานที่ออฟฟิศลักชัวรี่คาร์ กล้องมุมที่ซ่อนอยู่ในห้องนั่งเล่นจับภาพมารศรีนั่งเครียดอยู่ ท่ามกลางจอมอนิเตอร์ที่จับภาพมุมต่างๆของบ้าน ทั้งห้องครัว ห้องนอนเศก มุมเตรียมเครื่องดื่ม มุมสนาม มุมหน้าบ้าน ศยามเพ่งมองมารศรีในกล้องวงจรปิด อย่างครุ่นคิด
มารศรี พยายามปาดน้ำตา คิดแค้น ทันใดนั้นเสียงมือถือของเธอดังขึ้น...เธอมองหน้าจอ เห็นชื่อทันวิทย์ มารศรีลังเลใจก่อนจะตัดสินใจไม่รับสาย ศยามมองภายในกล้องวงจรปิด เห็นมารศรีลุกขึ้นเดินออกไป ศยามพยายามมองไปที่จออื่นๆ เห็นมารศรีเดินผ่านมุมต่างๆของบ้าน ศยามนึกสงสัย มารศรีไม่ยอมรับสายของใคร

วันใหม่...ศยามคุยกับหมอเวทย์ที่มุมหนึ่งลับตาคน
“ไม่มีสารพิษอะไรในชานั่นเลยเหรอครับ ลุงหมอ”
“ใช่...หมอตรวจไม่พบอะไรเลย เป็นชาปกติ”
“ไม่น่าเป็นไปได้”
ศยามนึกคลางแคลงใจ

มารศรีนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงในห้องของโรงแรม ทันวิทย์ยืนกำหมัดแน่น ตัวสั่นด้วยความโกรธอยู่กลางห้อง พลางมองไปรอบๆห้อง
“ห้องนี้แหละ ที่เขา...ย่ำยีฉัน...อีกครั้ง”
“ไอ้พี่เลว”
“ฉันพยายามขอร้อง แต่เขาก็ไม่ฟัง ที่ฉันไม่ยอมรับโทรศัพท์เธอ เพราะฉันเจ็บจนคุยกับใครไม่ได้อีกแล้ว”
ทันวิทย์มองมารศรีอย่างสงสารจับใจ...ค่อยๆเดินไปหา
“ผมขอโทษ ผมขอโทษ”
“ทันวิทย์ คำขอโทษของเธอมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“ผมต้องทำยังไง ถึงจะช่วยคุณได้ คุณบอกผมมาสิ ผมทำให้คุณได้ทุกอย่าง”
“จริงเหรอ”
“ผมพูดจริงและทำจริงเสมอ ผมจะไม่ยอมทำให้คนที่ผมรักผิดหวัง”
“เด็กดีของฉัน...ฉันรักเธอมากที่สุดเลยรู้มั้ย”
มารศรีกอดทันวิทย์เอาไว้ จากนั้นๆค่อยเอื้อมมือไปเปิดกระเป๋าถือ แล้วหยิบปืนออกมา ทันวิทย์มองปืนอย่างตกใจ มารศรีเอาปืนใส่ในมือของเด็กหนุ่มอย่างช้าๆ
“อะไรครับ”
“เธอช่วยฉันได้...ด้วยปืนกระบอกนี้จ๊ะ”
ทันวิทย์ตะลึง
อ่านต่อหน้า 3
 



พริกกับเกลือ ตอนที่ 12 (ต่อ) 
 

จิตรวรรณเดินเล่นมากับเทวัญในสวนสวย
 
“พี่ดีใจมากเลย ที่มีวันแห่งความสุขแบบนี้กับน้องจี๊ดอีกครั้ง”
“จี๊ดก็ดีใจค่ะ”
เทวัญกุมมือจิตรวรรณเอาไว้
“น้องจี๊ด ถึงตอนนี้ เราสองคนพร้อมที่จะมีชีวิตเดียวกันได้หรือยัง”
“พี่เทวัญพร้อมหรือยังล่ะคะ”
“พี่พร้อมเสมอ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับน้องจี๊ด”
จิตรวรรณมองเทวัญอมยิ้ม...ศยามและยอดชายแอบมองดูอยู่มุมหนึ่ง ยอดชายมองทั้งสองอย่างหมั่นไส้
“อยากจะตะบันหน้ามันจริงๆ”
“ใจเย็นๆน่ะคุณยอด”
“ผู้ชายเลวๆมาแต๊ะอั๋งจี๊ดอยู่นะ คุณไม่เคือง ผมเคืองแทน”
“แล้วอย่างนี้ผมจะไว้ให้คุณคอยตามสะกดรอยตามนายเทวัญต่อไปได้ยังไง วันดีคืนดีเข้าไปต่อยหน้าเขา เสียแผนหมด”
ยอดชายจ๋อยลง
“จริง...ผมขอโทษ”
“เราอยู่เงียบๆของเราแล้วกัน เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา”
“ก็ได้”
ยอดชายตอบรับเซ็งๆ ศยามเฝ้ามองดูจี๊และเทวัญต่อไป ทั้งๆที่ใจปวดร้าว ศยามเห็นเทวัญยกมือจิตรวรรณขึ้นจูบ เขาลืมตัว เอามือทุบต้นไม้ด้วยความโกรธ
“อ้าว...แล้วบอกให้ผมใจเย็น”
ศยามยิ้มแหยๆ
“ขอโทษ...ผม...แค่...ตบยุง”
“ยุง”
ศยามไม่รู้ไม่ชี้ เฝ้าสังเกตการณ์จิตรวรรณกับเทวัญต่อไป ยอดชายมองศยามแล้วยิ้มรู้ทัน ว่าเขาหึงจิตรวรรณ

เทวัญยิ้มหวานให้จิตรวรรณ
“ว่าไงคะ น้องจี๊ดพร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวของพี่หรือยัง”
“พร้อมสิคะ...”
“ไชโย ดีใจที่สุดเลย”
“อย่าเพิ่งดีใจค่ะ คุณพ่อและคุณแม่คือคนที่พี่เทวัญต้องไปขออนุญาต นั่นคือด่านสำคัญ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ พี่จะรีบไปเรียนปรึกษาท่านทันที”
เทวัญรวบตัวจิตรวรรณเข้ามากอด...
“ขอบคุณนะคะ น้องจี๊ด ขอบคุณ”
“จี๊ดก็ต้องขอบคุณพี่เทวัญค่ะ ที่อดทนรอจี๊ด...”
จิตรวรรณกอดตอบเทวัญ หากแต่สายตาปวดร้าว ดิ่งมองภาพเทวัญกับจิตรวรรณอย่างเจ็บปวด ยอดชายมองศยามอย่างเห็นใจ ศยามทนดูไม่ไหว เดินหนีออกไป ยอดชายลังเล ในที่สุดก็รีบตามศยามไป

ศยามเดินหงุดหงิดมา ยอดชายตามมาติดๆ
“ทำไมล่ะคุณดิ่ง”
“อะไร ทำไม”
“ปล่อยจี๊ดไปให้คนชั่วไง”
“ผมไม่ได้ปล่อย คุณจี๊ดไปเอง”
“แต่คุณก็ไม่ได้สู้”
“ผมสู้อยู่ แต่สู้ในแบบของผม สู้เพื่อให้คุณจี๊ดรอดพ้นจากผู้ชายคนนั้น”
“แค่นั้นเองเหรอ”
“ใช่”
“แต่คุณรักจี๊ด ไม่งั้นคุณไม่หงุดหงิดแบบนี้”
“ผม...แค่...”
“ขี้เกียจพูดแล้ว ไปซุ่มโป่งของผมดีกว่า”
ยอดชายเดินกลับไปทางเดิม ปล่อยศยามเอาไว้...ศยามโมโหตัวเอง
“เว้ย ก็คนเขาไม่รัก เขาไม่รัก เขาไม่รัก”
ศยามเจ็บปวดกับความรู้สึกอยู่เพียงลำพัง

โพเปิดประตูเข้ามาในบ้านเช่าโทรมๆหลังหนึ่ง ในมือถือห่อข้าวและน้ำขวดมาด้วย มองหาใครบางคน
“ด้วง...ไอ้ด้วง ฉันเอาข้าวมาให้”
โพมองไปรอบๆ เห็นเพียงความว่างเปล่า จนโพนึกแปลกใจ ค้นหาไปรอบๆ
“ไอ้ด้วง อยู่หรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบรับ โพนึกร้อนใจ...
“อย่าบอกนะว่า...”
โพจะอกจากบ้าน เจอลุงแปลงเข้ามา โพตกใจ
“ลุงแปลง มาได้ยังไง”
“ข้าตามเอ็งมา เพราะนึกสงสัยมานานแล้ว ว่าเอ็งต้องรู้ ไอ้ด้วงหนีไปกบกานอยู่ที่ไหน แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
โพหน้าเสีย
“ฉัน...”
“ทำไมเอ็งต้องปกป้องมัน มันทำผิด”
“ฉัน...สงสารมัน”
“ยิ่งทำแบบนี้ ยิ่งเป็นการทำร้ายมัน ทางที่ถูกเอ็งต้องทำให้มันเปลี่ยนใจ ยอมมอบตัวสู้คดี จะได้มีพยานมีหลักฐานเอาผิดไอ้เทวัญ”
โพอึ้ง ลุงแปลงกล่อม
“คิดดูนะ โพ ข้าเข้าใจว่าเอ็งรักมัน แต่ถ้าเอ็งรักและหวังดีกับมันจริงๆ เอ็งต้องไม่ช่วยเหลือมันแบบนี้”
โพอึ้ง นิ่งคิด

ศยามนั่งหงุดหงิด ตัดสินใจ ลุกขึ้นจะกลับ แล้วพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายลึกลับใส่เสื้อมีฮู้ดสวมหัวแต่ท่าทางดูคุ้นตามาก
“หรือว่าจะเป็น...ไอ้ด้วง...”
ผู้ชายคนนั้นวิ่งหนีหายไปทางที่จิตรวรรณและเทวัญยืนอยู่ ศยามรีบวิ่งตามไปทันทีด้วยความไม่ไว้ใจ

เทวัญจูงมือจิตรวรรณจะเดินกลับ ยอดชายเดินตามแต่อยู่ในระยะห่าง ผู้ชายลึกลับเดินมาทิ้งระยะห่างพอสมควร ศยามวิ่งตามหลังมา ผู้ชายลึกลับมองหลังของเทวัญ มือหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฮู้ด ศยามเห็นแล้วใจคอไม่ดี รู้สึกเป็นห่วงจิตรวรรณ กลัวได้รับอันตราย รีบเร่งความเร็วเพื่อไปให้ถึงตัว ผู้ชายคนนั้นเริ่มวิ่งเข้าไปหาจิตรวรรณและเทวัญ ศยามตัดสินใจ ตะโกน
“คุณยอด จับมันไว้เร็ว”
ยอดชายตกใจ วิ่งออกมา จิตรวรรณและเทวัญตกใจ หันไป...เห็นศยามกำลังวิ่งไล่ชายลึกลับที่ใส่ฮู้ดซึ่งกำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตรงเข้ามา และเห็นยอดชายพุ่งออกมาด้วย ชายลึกลับกำลังจะใกล้เข้ามา จนใกล้ มือล้วงของบางอย่างออกมาจากกระเป๋า...ศยามตัดสินใจกระโดดตะครุบตัวชายลึกลับนั้น
“คุณจี๊ดระวัง”
จิตรวรรณตกใจ
“ว้าย”
เทวัญรวบตัวจิตรวรรณเอาไว้ ศยามตะครุบผู้ชายคนนั้น...ขึ้นคร่อม ล็อกตัวเอาไว้ ยอดชายรีบเข้ามากระชากฮู้ดออก เผยให้เห็นหน้าผู้ชายลึกลับ เป็นเด็กวัยรุ่น ศยามรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เป็นเครื่องเล่นไอพอดพร้อมหูฟัง ชายลึกลับโวยวาย
“อะไรของพี่ครับ...ผมมาวิ่ง...อะไรครับ”
ศยามและยอดชายสบตากัน ผิดหวัง...ที่ไม่ใช่อันตรายอย่างที่คิด เด็กวัยรุ่นรีบลุกขึ้น วิ่งหายไปทันที จิตรวรรณมองสองคนอย่างสงสัย
“นี่มันอะไร ทำไมนายสองคน...มาอยู่ที่นี่”
ศยามกับยอดชายนิ่งเงียบ เทวัญถามเสียงแข็ง
“แอบตามเรามา ใช่มั้ย”
“ตามมาทำไม”
จิตรวรรณตั้งใจมอง ศยามอึกอัก
“ผม...มาเดินเล่น...บังเอิญเจอคุณ แล้วก็...คิดว่าจะถูก...ทำอันตราย ไปเถอะคุณยอด”
ศยามรีบออกไป ยอดชายรีบเดินตามศยามไป จิตรวรรณมองตามสงสัยในการปรากฏตัวของเขา ในขณะที่เทวัญเริ่มร้อนใจ คิดว่าศยามและยอดชายต้องตามสะกดรอยตัวเองแน่ๆ

ศยามและยอดชายเดินมา ยอดชายยังสงสัยเด็กวัยรุ่นคนนั้นไม่หาย
“คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“นายเทวัญสร้างศัตรูไว้รอบตัว...ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นใครได้บ้าง แต่ผมเป็นห่วงคุณจี๊ด ไม่อยากให้ถูกลูกหลง”
“จี๊ดจะรู้บ้างมั้ยเนี่ย...ว่าคุณเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้”
“อย่ารู้เลย กลับเถอะ นายเทวัญคงไหวตัวทันแล้ว ว่าเราสะกดรอยตามมัน”
“แล้วจะเอาไงต่อดี”
ศยามครุ่นคิด วางแผนต่อไป

ค่ำนั้นศยามกำลังเดินเข้าบ้าน แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อพบว่าจิตรวรรณนั่งรออยู่ เมื่อเห็นเขา หญิงสาวลุกขึ้น
“มาแล้วเหรอ”
“คุณจี๊ด มาที่นี่ทำไม ไหนบอกว่าเราเป็นศัตรูกัน แล้วโผล่มาทำไม”
“เรื่องนั้นไว้ก่อน แต่ตอนนี้มีเรื่องสงสัย อยากจะถาม”
“เรื่องอะไร”
“นายสะกดรอยตามฉันกับพี่เทวัญทำไม”
“ผมบอกแล้วไง ว่าบังเอิญ”
ศยามเดินหนีเข้าไป จิตรวรรณเดินตาม
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ”
จิตรวรรณเดินตามศยามมามุมหนึ่งของบ้าน
“ไม่เชื่อก็ตามใจ”
“หยุดก่อนได้มั้ย”
“ไม่หยุด”
“งั้นฉันจะตามก้นนายไปอย่างเงี้ย”
“ตามเข้าห้องน้ำด้วยมั้ย”
“ตามแค่หน้าห้องน้ำ”
“ตามใจ”
ศยามเข้าห้องน้ำ ล็อกประตู จิตรวรรณรออยู่หน้าห้องน้ำ เก้ๆกังๆอยู่ ป๊อดเข็นรถเข็นเศกเข้ามา เห็นจิตรวรรณก็อึ้งกันไปหมด จิตรวรรณยกมือไหว้เศก
“สวัสดีค่ะ หนู...จี๊ดค่ะ พอดี หนูมีธุระต้องเจรจากับคุณศยามให้รู้เรื่องค่ะ แล้วก็...ถือโอกาสมาเยี่ยมท่านด้วยค่ะ คุณพ่อฝากมา ของฝากอยู่บนโต๊ะหน้าบ้านค่ะ”
เศกกับป๊อด อึ้ง
“แล้วพี่ดิ่งล่ะครับ”
ศยามเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“อยู่นี่ ไอ้ป๊อด ส่งแขก”
“ฉันยังไม่กลับ”
“เจ้าของบ้านไล่แล้ว ยังจะหน้า...”
ป๊อดตัดบท
“พี่ดิ่ง ไปว่าพี่เขาว่าหน้าด้านได้ยังไง สุภาพบุรุษเขาไม่พูดกัน ต่อให้ผู้หญิงจะหน้าไม่อาย ไร้สมบัติกุลสตรี ระริกระรี้ตามผู้ชายมาถึงบ้าน ขนาดเขาเข้าห้องน้ำยังจะยืนเฝ้า...”
จิตรวรรณฉุนกึกรีบขัดคอ
“อะแฮ่ม...เยอะ...”
ป๊อดยิ้มแหยๆ
“ขอโทษครับ”
“ฉันบอกให้แกไปส่งแขก ชักช้า ไล่ออก ไปครับคุณพ่อ ได้เวลาพักผ่อน”
ศยามตัดสินใจเข็นรถเศกออกไป จิตรวรรณเจ็บใจ แต่ยังมารยาทดี ยกมือไหว้ลาเศก
“สวัสดีค่ะ คุณอา...ขอให้แข็งแรงเร็วๆนะคะ”
ศยามไม่ฟัง เข็นรถเศกเข้าไปข้างใน จิตรวรรณจ๋อย ป๊อดเดินเข้ามายิ้มแฉ่งให้
“พี่นี่เอง...เคยได้ยินแต่ชื่อ สวยดีนะ แหม พี่ดิ่งเนี่ย...ร้าย”
“ใช่ ร้ายมาก แต่ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
จิตรวรรณเดินหนีออกไปอย่างเจ็บใจ ป๊อดรีบเดินตามไปส่ง พบกับศุวิมลพอดี
“คุณจี๊ด...”
จิตรวรรณยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณศุ”
“คุณจี๊ดมา...”
“มาเคลียร์ค่ะ แต่ยังไม่สำเร็จ ช่วยบอกนายดิ่งด้วยนะคะว่าฉันยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ จนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการ”
ป๊อดถอนใจ
“พูดดังขนาดนี้ พี่ดิ่งได้ยินหมดแล้วล่ะครับ”
ศยามแอบยืนฟังอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆกัน สะดุ้ง
“เหรอ...ได้ยินก็ดี แล้วฉันจะมาใหม่ เตรียมต้อนรับให้ดีแล้วกัน ไปนะคะคุณศุ”
จิตรวรรณปรายตาไปทางที่ศยามที่ยืนอยู่ แล้วรีบออกไป ป๊อดตามไปส่ง ศุวิมลยืนมอง งงๆ ศยามถอนใจ โล่งอก โดยไม่รู้ตัวว่าศุวิมลแอบย่องมาทางด้านหลัง
“พี่ดิ่ง”
ศยามตกใจ
“อะไร”
ศุวิมลมองพี่ชายอย่างคาดคั้น ศยามหลบตา

ศยามกับศุวิมลคุยกันที่มุมหนึ่งในบ้าน
“พี่ดิ่งมันอันตรายมากนะคะ คุณยอดก็นะ ปล่อยให้พี่ดิ่งทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นก่อนศุ เบาๆสิ เดี๋ยวมารศรีเข้ามาได้ยิน”
“ขอโทษค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รายนั้น พอมีตาป๊อดมาช่วย ก็หายหัวไม่ค่อยอยู่บ้าน ป่านนี้ไม่รู้ไปไหนต่อไหน”
“ทำให้พี่ไม่มีหลักฐานพอที่จะเอาผิดมารศรีได้ ว่าทำอะไรกับคุณพ่อบ้าง”
“ยัยนั่นมันร้าย ไม่เผลอตัวง่ายๆหรอก”
“ศุ...เก็บทุกอย่างเป็นความลับนะ อย่าเผลอตัวพูดออกไป ว่าพี่ทำอะไรบ้าง พี่ไม่อยากให้มารศรีรู้ตัว”
“พี่น่าจะบอกคุณจี๊ด ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“คุณจี๊ดกำลังมีอคติ พูดไปก็เท่านั้น”
“ก็ถ้าพี่ไม่พูด เธอก็จะยังคงอคติอยู่อย่างนี้”
“ให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังจะง่ายกว่าเปลี่ยนความคิดคุณจี๊ด”
“แต่ศุว่า...”
ศยามตัดบท เดินหนี ศุวิมลเซ็ง
“ก็ทั้งคู่นั่นแหละ ไม่พูดแล้วจะเข้าใจกันได้ยังไง”
ศุวิมลหงุดหงิด

จิตรวรรณเดินครุ่นคิดอยู่ในห้องนอน
“นายดิ่ง...นายดิ่ง...นายดิ่ง...นายกำลังจะทำอะไรกันแน่”

เทวัญเดินไปเดินมาหงุดหงิดอยูในห้องที่คอนโด
“ไอ้ดิ่ง ไอ้ยอดชาย คิดจะสะกดรอยตามฉันงั้นเหรอ ไม่มีใครเอาผิดฉันได้ ไม่มีทาง”
เทวัญกวาดของใกล้มือตกพื้น ทันวิทย์เดินออกมาจากข้างใน...โดยที่เทวัญมองไม่เห็น ทันวิทย์มองเทวัญอย่างโกรธแค้น มองที่ปืนในมือของตัวเอง ทันวิทย์มือสั่น ค่อยๆยกปืนขึ้น เล็งไปที่เทวัญก่อนจะค่อยๆเหนี่ยวไกปืน

มารศรีเพิ่งกลับจากข้างนอก เดินเข้ามานั่ง...มองมือถือในมืออย่างรอคอยผลจากทันวิทย์ เสียงมือถือดังขึ้น เธอใจเต้น รีบรับ คาดหวังว่าจะได้ยินผลอย่างที่ต้องการ
“ฮัลโหล...เป็นไงบ้าง...” มารศรีชะงัก ผิดหวัง “เฮียโจเหรอคะ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร พอดีฉันกำลังยุ่ง ไว้ว่างๆฉันค่อยไปแล้วกัน สวัสดีค่ะ”
มารศรีวางสาย นึกหงุดหงิด
“ทันวิทย์มัวทำอะไรอยู่นะ”

ทันวิทย์มือตก ไม่กล้าลั่นไก น้ำตาซึม อย่างเจ็บแค้นใจ เทวัญเข้ามายืนตรงหน้าทันวิทย์ มองมาอย่างโกรธแค้น
“ไอ้ทันวิทย์ ”
ทันวิทย์ตกใจ
“พี่เทวัญ”
“แกจะทำอะไร หา”
“ผม...”
เทวัญไม่ฟัง ต่อยเปรี้ยง ทันวิทย์ล้ม ปืนกระเด็นหลุดออกไป เทวัญเดินไปหยิบปืน
“แกคิดจะฆ่าฉัน...ด้วยปืนของนังมารศรี ใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ คุณมารศรีไม่เกี่ยว”
“ไอ้น้องโง่ ไม่รู้ตัวหรือไง ว่าแกกำลังถูกมันยืมมือทำร้ายฉัน หา”
เทวัญเงื้อมือจะตบอีก ทันวิทย์ยกมือไหว้ขอร้อง
“ผมขอร้องนะพี่ ปล่อยคุณมารศรีไปเถอะ พี่ทำร้ายเธอมามากพอแล้ว”
เทวัญอึ้ง
“คุณมารศรีเธอน่าสงสารนะพี่ ปล่อยเธอไปเถอะนะ เห็นแก่ผมเถอะนะ ผมทนเห็นเธอเสียใจเพราะพี่ไม่ได้อีกแล้ว”
ทันวิทย์เข้าไปกอดขาพี่ชายขอร้องเหมือนจะขาดใจ เทวัญมองน้องชายอย่างเดือดดาล เจ็บใจ และแค้นใจมารศรี
“แกตอบฉันมาก่อน นังมารศรีมันใช้ให้แกทำแบบนี้ ใช่มั้ย”
ทันวิทย์ร้องไห้ ส่ายหน้าไม่ยอมรับ แต่เทวัญไม่เชื่อ คิดแค้นเอาคืนมารศรี
“นังอสรพิษ แกได้เห็นดีกับฉันแน่”

เช้าวันใหม่...มารศรีคุยมือถืออยู่ที่มุมหนึ่ง
“ว่ายังไงทันวิทย์ สำเร็จมั้ย”
ทันวิทย์กำลังคุยมือถืออยู่ที่คอนโด
“ผมขอโทษ...ผมทำไม่ได้”
เทวัญที่ยืนอยู่ข้างๆแย่งมือถือมาพูด
“เธอกับฉัน เห็นจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้วนะมารศรี”
มารศรีตกใจ
“ไอ้เทวัญ”
“ไง ตกใจมากหรือไง...ไอ้ทันวิทย์มันไก่อ่อนเกินกว่าจะทำตามคำสั่งเธอได้”
“คำสั่งอะไร”
“ไม่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่อง เตรียมรอรับผลของการหักหลังได้เลย”
เทวัญเขวี้ยงมือถือทิ้ง หันไปชี้หน้าทันวิทย์
“จำไว้นะ ว่าฉันจะไม่มีโอกาสให้แกอีก ถ้าแกเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน ฉันจะฆ่าแกทิ้งซะ”
เทวัญเดินออกไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งทันวิทย์นั่งอึ้ง เครียด สับสน...มารศรีวางสาย เครียด คิดหาทางหนีทีไล่

ศยามนั่งทำงานอยู่ ก่อนจะวางมือไปเปิดผ้าคลุมมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด ดูสถานการณ์ในบ้าน ภาพในกล้องเห็นป๊อดกำลังป้อนข้าวเศก ศยามมองที่จออื่นๆเพื่อมองหามารศรี
“มารศรี...ไปไหน”
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ศยามรีบเอาผ้ามาคลุมจอมอนิเตอร์...
“เข้ามา”
เลขาของศยามเปิดประตูเข้ามารายงาน
“คุณ...”
เลขาพูดไม่ทันจบ มารศรีก็เดินเข้ามาเลย
“ฉันเองค่ะ”
ศยามอึ้ง...มารศรีไล่เลขาทันที
“ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ”
เลขาออกไป...ปิดประตู มารศรีเดินเข้ามาควงแขนทันที ศยามแกะมารศรีออกไป เดินหนีไปนั่งที่เก้าอี้
“ดิ่งคะ...”
“มารศรี...มีอะไร”
“คืนนี้คุณจะกลับบ้านกี่โมง”
“ถามทำไม”
มารศรียิ้มยั่วยวนให้เดินไปนั่งตักศยาม
“ศรี...ลงไปเถอะ”
“ไม่คิดถึงกันบ้างหรือไง”
“นี่มันที่ทำงานนะ”

จิตรวรรณเปิดประตูผ่างเข้ามา โดยมีเลขาทำหน้ายุ่งยาก ตามมาด้วย ศยามและมารศรีตกใจ จิตรวรรณเห็นภาพมารศรีนั่งตักศยามแล้วตกใจ และเสียใจ
 
อ่านต่อหน้า 4



พริกกับเกลือ ตอนที่ 12 (ต่อ) 
 

จิตรวรรณไม่พอใจที่เห็นมารศรีนั่งตักศยาม เลขาหน้าแดง อายแทน รีบเดินออกไป จิตรวรรณปิดประตูทันที

“ควรจะปิดประตูหน่อยนะ จะได้ไม่ประเจิดประเจ้อจนพนักงานจะเอาไปพูดได้ว่า....แม่ใหม่กับลูกเลี้ยงทำอะไรกัน”
ศยามรีบดันตัวมารศรีให้ลุกขึ้น
“เราไม่ได้ทำอะไรกัน” ศยามโต้
“ใช่” มารศรีเสริมทันที
“ชิ...อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ”
“คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้ เพราะคุณก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับที่นี่”
จิตรวรรณมองศยามเจ็บใจ มารศรีแอบยิ้มเยาะ พอใจที่จิตรวรรณกับศยามมีรอยร้าว
“คนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับที่นี่อย่างเธอ...มาทำไม” มารศรีถามไม่พอใจ
“ฉันมีธุรกิจที่ต้องเจรจากับคุณศยาม เรื่องงาน จะเกี่ยวข้องได้หรือยัง”
มารศรีไม่พอใจ จิตรวรรณมองมารศรีอย่างท้าทาย ส่วนศยามประหลาดใจที่จิตรวรรณอยากเจรจาเรื่องงาน

มารศรีออกมาจากห้องศยาม ปิดประตูอย่างแรงด้วยความไม่พอใจจนเลขาของศยามสะดุ้ง มารศรีหันไปตวาดเลขาของศยามลั่น
“มองอะไร ทำงานไปสิ”
เลขาของศยามรีบหอบเอกสารเดินหนีมารศรีไปทันที มารศรีเจ็บแค้นใจ
“แกไม่ได้มาแค่เรื่องงานแน่ นังจี๊ด”
มารศรีมองเข้าไปในห้องศยามอย่างเจ็บแค้น หมายจะเอาเรื่องจิตรวรรณ

ศยามมองหน้าจิตรวรรณ ย้อนถามอย่างแปลกใจ
“ทำไมจู่ๆก็เปลี่ยนใจ อยากทำธุรกิจกับผม”
จิตรวรรณมองกวนๆ
“เหรอ ฉันพูดอย่างนั้นเหรอ”
“คุณจี๊ด อย่าตีรวน”
“ไม่ได้รวน ฉันแค่บอกว่ามีเรื่องที่ต้องเจรจา ไม่ได้บอกว่าจะทำ”
“ตอนนี้คุณอยู่ในถิ่นผมนะ ระวังตัวหน่อย”
“อยากทำอะไรฉัน ก็ทำสิ”
จิตรวรรณมองศยามอย่างท้าทาย
“แตะยังไม่อยากแตะเล้ย แม้แต่ปลายเล็บ”
จิตรวรรณอึ้ง เสียใจและน้อยใจมาก ศยามซ่อนสายตาแห่งความเสียใจที่พูดออกไปอย่างนั้น
“เข้าเรื่องเถอะ จะได้ไปๆซะ ผมไม่อยากให้คุณทำตัวเป็นผีขี่คอผมอยู่แบบนี้”
“จะทำร้ายจิตใจกันให้ตายไปต่อหน้าเลยมั้ย นายดิ่ง”
“คุณเริ่มเอง”
“งั้นก็ตอบมานายสะกดรอยตามฉันและพี่เทวัญทำไม มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“แล้วคุณจะมาสนใจอะไรนักหนา”
จิตรวรรณเหลือบไปเห็นมุมที่วางกล้องวงจรปิด รู้สึกเป็นสิ่งแปลกปลอมเกินกว่าที่จะอยู่ในห้องทำงาน
“นั่นอะไร”
ศยามรีบขวาง
“จะมาวุ่นวายอะไรนักหนาในออฟฟิศผม ไปทำงานของตัวเองไป”
“เคยได้ยินมั้ย สำหรับผู้หญิงน่ะ ถ้าเรื่องส่วนตัวไม่เคลียร์ มันจะมีผลต่อการทำงานทันที เพราะฉะนั้น...นายต้องเคลียร์กับฉัน”
“ผมมีอิทธิพลกับชีวิตของคุณมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
จิตรวรรณอยากจะตอบว่าใช่ แต่ปากแข็ง
“ก็ตอบมาสิ”
“อยากได้ยินอะไร ความจริง หรือสิ่งที่อยากจะได้ยิน”
“ฉันต้องการความจริง”
“ผมสะกดรอยตามนายเทวัญ เพราะผมกำลังพยายามหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อใช้มัดตัวเขา ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผมและกับคุณ เป็นความจริงที่อาจจะไม่ได้อย่างใจคุณนัก เพราะคงไม่มีใครรู้สึกดีที่คนรักทำผิดคิดร้ายกับคนอื่น”
จิตรวรรณอึ้ง มองหน้าศยาม ด้วยสายตาที่อ่อนลง รู้สึกประทับใจที่ศยามมีความคิดที่ดี
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป เพราะพี่เทวัญไม่ใช่คนโง่ เขาคงคิดเองได้ โดยที่ฉันไม่ต้องไปบอกหรอก ว่าพวกนายกำลังตามเขาอยู่”
“ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะไม่รู้ คุณรู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว กลับไปบอกเขาด้วยว่าผมไม่ปล่อยเขาไว้แน่ ไม่เคยมีใครซุกเรื่องเลวๆไว้ใต้พรมได้นานนักหรอก มันจะต้องถูกเปิดเผยในไม่ช้า”
ศยามเดินไปเปิดประตู ให้จิตรวรรณออกไปข้างนอก
“เชิญ”
จิตรวรรณเดินจะออกไป หยุดที่ศยาม สั่งลา
“ความจริง นายก็เป็นคนดีนะ เสียอย่างเดียว คิดจะตีท้ายครัวพ่อตัวเอง แต่ก็นั่นแหละนะ ในโลกนี้ ไม่มีคนเพอร์ เฟ็กต์ นอกจากฉัน”
ศยามผลักจิตรวรรณออกไป
“อย่าหลงตัวเอง”
“ว้าย”
จิตรวรรณกระเด็นออกไปนอกห้อง ศยามปิดประตูโครม ถอนใจ เหนื่อยหน่ายกับจิตรวรรณ และมีความกังวลเรื่องเทวัญ

จิตรวรรณยืนอึ้ง หน้าง้ำอยู่หน้าห้องศยาม
“คนบ้า เสียมารยาท”
เลขาเดินเข้ามาพอดี อึ้ง หน้าเสีย นึกว่าถูกด่า จิตรวรรณรีบพูดแก้
“ขอโทษค่ะ ด่าคนข้างในค่ะ ไม่ใช่คุณ เอ่อ คุณมารศรีแม่เลี้ยงเขาน่ะ มาที่นี่บ่อยมั้ย”
“เรื่องส่วนตัวเจ้านาย ขออนุญาตไม่ตอบได้มั้ยคะ เสียมารยาทค่ะ”
“อุ๊ย”
จิตรวรรณหน้าแตก เหมือนถูกด่า ยิ้มเจื่อน รีบเดินออกไปทันที ศยามเปิดประตูโผล่หน้าออกมาถามเลขา
“ไปแล้วใช่มั้ย”
“คุณเขาน่ารักนะคะ”
ศยามมองตามจิตรวรรณ ยิ้ม เห็นด้วยกับเลขา มองไปข้างหน้า จิตรวรรณเดินงุดๆออกไป อย่างเร่งรีบ อารมณ์เสีย ชนพนักงานที่เดินผ่านไปมาวุ่นวาย ทิ้งภาพศยามยิ้มส่ายหัว
“ยัยคุณหนูนิสัยเสียเอ๊ย....เอาแต่อารมณ์เหมือนเดิม”
ศยามเห็นเลขาจ้องหน้ายิ้มล้อๆอยู่ ศยามหุบยิ้ม ทำหน้าขรึม ปิดประตูทันที

เทวัญออกจากคอนโด จะออกไปข้างนอก ยุพาที่รออยู่ เดินมาเรียกไว้
“คุณเทวัญคะ”
เทวัญไม่พอใจที่เห็นยุพา ลากไปหลบมุมทันที
“มาทำไมอีก ยังไม่ไปอีกหรือไง เงินก็โอนให้แล้ว”
“คือเจ๊เพิ่งจะนึกขึ้นได้น่ะค่ะ ว่า...จริงๆแล้วเจ๊ยังอยากได้อีกสักแสน”
“เจ๊ยุพา! กล้าข่มขู่ไถ่เงินผมเรอะ!!”
“ไถเถยอะไรกันคะ แค่ปรึกษา...แต่ถ้าไม่ให้ก็ไม่เป็นไรนะคะ เจ๊คงต้องไปปรึกษาคุณหนูจี๊ด หรือไม่ก็คุณดิ่ง หรือไม่ก็ตำรวจ”
เทวัญโกรธจนพูดไม่ออก ยุพายิ้มอย่างคนที่คิดว่าถือไพ่เหนือกว่า

ศยามยืนมองมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดในห้องทำงาน ขณะที่ยอดชายที่เพิ่งเข้ามา เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง
“ลุงแปลงบอกผมว่า...เจ๊ยุพาทำเรื่องลาพักร้อนไว้ และน่าจะไปต่างจังหวัดเพราะคนแถวนั้นเห็นแกหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มากไปด้วย”
“อาจจะหนีหน้าพวกเรา”
ยอดชายพยักหน้า
“ตามคำสั่งของนายเทวัญ”
“ตอนนี้...มันไหวตัวทันแล้ว คงตามมันยาก เจ๊ยุพาคือหลักฐานเดียวที่จะใช้เอาผิดมันได้”
“แล้วจะไปตามหาที่ไหน”
“เจ๊ยุพาเป็นคนพูดมาก เก็บความลับไว้ไม่อยู่หรอก ไม่แน่...อาจจะเผลอพูดบอกใครก็ได้”
“นั่นสินะ....ผมจะให้ลุงแปลงลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติม”
ยอดชายจะออกไป แต่ชะงัก หันมาคุยกับศยาม
“คุณศุบอกผมว่า คุณกำลังทำให้มารศรีตายใจ และเผยธาตุแท้ออกมา”
“ยัยศุเอ้ย เก็บความลับไม่เคยอยู่จริงๆ”
“อย่าไปโทษคุณศุเลยครับ เพราะเธอเป็นห่วง ไม่อยากให้คุณเอาตัวเข้าไปแลกขนาดนั้น และไม่อยากให้คุณจี๊ดกับคุณ...เข้าใจผิดกันมากไปกว่านี้”
“จะมีประโยชน์อะไร เมื่อคุณจี๊ดไม่ได้รักผม”
“จนป่านนี้ ผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าจี๊ดจะรักนายเทวัญ”
“เขากำลังจะแต่งงานกัน”
“ผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ว่าจี๊ดจะหูตามืดบอดแต่งงานกับนายเทวัญ”
“แต่...”
ยอดชายตัดบท
“ผมไม่ฟังเหตุผลคุณแล้ว ไปล่ะ”
ยอดชายเดินออกไป ศยามถอนใจ คิดถึงจิตรวรรณมาก

เช้าวันใหม่ที่บ้านจิตรวรรณ เทวัญแอบยืนคุยมือถือ...
“ผมอยากให้เฮียช่วยจัดลูกน้องให้ผม มีงานให้ทำ ขอบคุณมากเฮียเป็นพันธมิตรที่ดีของผมเสมอ”
เทวัญกดวางสาย ยิ้มพอใจ เสียงจิตรวรรณดังขึ้น
“ทำอะไรอยู่คะพี่เทวัญ”
เทวัญสะดุ้ง ตกใจ หันไป เห็นจิตรวรรณยืนยิ้มอยู่
“น้องจี๊ด”
“แอบคุยกับสาวที่ไหนหรือเปล่าคะ”
“จะมาพบพ่อแม่ของสุดที่รักเพื่อคุยเรื่องงานแต่งงาน พี่จะกล้าทำอะไรเลวๆแบบนั้นได้ยังไง”
“ปากหวาน อย่าให้จับได้แล้วกัน เอาตายแน่”
“ไม่มีทางจ๊ะ น้องจี๊ดจะไม่มีวันจับได้”
“มั่นใจตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“จ๊ะ เพราะพี่จะไม่มีวันทำแบบนั้นให้น้องจี๊ดเสียใจเด็ดขาด พี่มั่นใจ”
“คุณพ่อคุณแม่กลับมาแล้วค่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ ท่านรอเราอยู่”
เทวัญยิ้มเอาใจ โอบเอวจิตรวรรณไป จิตรวรรณลอบมองเทวัญอย่างไม่ไว้ใจ

วันดีดีใจมากที่เทวัญมาคุยเร่องงานแต่งงาน
“ในที่สุดก็ถึงวันนี้สักที รู้มั้ยจี๊ด ว่าแม่ภาวนาทุกคืน ขอให้ลูกกับเทวัญตกลงกันได้เร็วๆ ว่าควรจะแต่งงานกันได้แล้ว”
จิตรวรรณหันไปยิ้มกับเทวัญ ในขณะที่เจตนาไม่ค่อยเต็มใจ แต่พยายามเก็บอาการ วันดีสังเกตเห็นเจตนาที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เป็นอะไรไปค่ะคุณ”
“ผมไม่ค่อยสบาย”
เทวัญรู้สึกได้ทันทีว่าเจตนาไม่เห็นด้วย แต่จิตรวรรณมองพ่ออย่างเป็นห่วง
“ไปหาลุงหมอหน่อยมั้ยคะคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไร พ่อแค่ปวดหัวนิดหน่อย มาว่าเรื่องของเรากันต่อเถอะ แล้วคุณป้าของนายที่อยู่อเมริกาจะสะดวกมาคุยกับฉันและแม่ยัยจี๊ดได้วันไหน”
เทวัญอึ้ง พยายามนึกทบทวน เพราะจำไม่ได้ว่าเคยโกหกอะไรไว้ จิตรวรรณหันไปบอก...
“ก็คุณป้าลักษณา ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของพี่เทวัญที่อยู่ อเมริกาไงคะ พี่เทวัญเคยบอกพวกเราว่า จะให้ท่านมาสู่ขอจี๊ดกับคุณพ่อคุณแม่”
“อ๋อ...คุณป้าลักษณา เอ่อ...ครับ ผมจะโทรไปเรียนท่านคืนนี้ครับ ถ้าคุณท่าน และคุณแม่ไม่ขัดข้องอะไรเรื่องที่ผมกับน้องจี๊ดจะแต่งงานกัน”
วันดียิ้ม
“ฉันไม่ขัดข้องหรอก ยินดีมากที่จะได้ต้อนรับเธอมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว...คุณล่ะคะ ท่าทางดีใจมากกว่าฉันซะอีกนะ”
เจตนาหน้านิ่งมาก มองเทวัญอย่างครุ่นคิด จนเทวัญรู้สึกอึดอัด
“ผมไม่ขัดใจลูกอยู่แล้ว ถ้าลูกเห็นว่าดี ผมก็โอเค”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อคุณแม่ พี่เทวัญคะ โทรบอกคุณป้าให้มาเมืองไทยด่วนเลยนะคะ”
“ค่ะ น้องจี๊ด พี่จะรีบโทรหาท่าน”
จิตรวรรณยิ้มอย่างมีความสุข เทวัญทำเป็นยิ้มอย่างมีความสุข แต่ในใจรู้สึกอึดอัดและกังวล จิตรวรรณสังเกตเทวัญตลอดเวลา โดยที่เทวัญไม่รู้ตัว

เมื่อเทวัญกลับไปแล้ว จิตรวรรณยืนเครียด ครุ่นคิด เพราะเทวัญอึกอักเรื่องคุณป้าที่เมืองนอก เหมือนจำไม่ได้ จิตรวรรณรู้สึกได้ว่า มันคือความผิดปกติ
“ทำไมเหมือนจำไม่ได้”
เจตนาเดินเข้ามาหา...
“เรากำลังจะทำอะไร ยัยจี๊ด”
จิตรวรรณตกใจ ยิ้มกลบเกลื่อน
“ทำอะไร...ก็...กำลังจะแต่งงานไงคะ”
“ทำไมถึงอยากจะแต่งขึ้นมาตอนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น....”
จิตรวรรณตัดบท
“ก็มันถึงเวลาแล้วนี่คะคุณพ่อ จี๊ดขอตัวนะคะ จะไปโทรหาพี่เทวัญ”
“ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะจี๊ด ไม่มีใครเก่งไปหมดซะทุกอย่าง พ่อกลัวเราจะพลาด”
“คุณพ่อหมายความว่าอะไรคะ”
“เราจะทำอะไร พ่อไม่รู้ แต่อย่าทำด้วยตัวคนเดียว ชีวิตมันต้องมีผู้ช่วย ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหน ไม่มีใครได้ดีหรือเดินไปข้างหน้าได้โดยปราศจากคนคอยสนับสนุนนะ”
“คุณพ่อพูดอะไรแปลกๆ จี๊ดไม่เห็นจะเข้าใจเลย สงสัยจะไม่สบายหนัก”
จิตรวรรณมาแตะตัวเจตนา
“ไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ ไป จี๊ดพาไปส่งที่ห้อง”
เจตนาจับตัวจิตรวรรณเอาไว้ มองด้วยความรักและอ่อนโยน
“ฟังพ่อไว้บ้างก็ดีนะลูก”
“จี๊ดฟังคุณพ่อเสมอค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ จี๊ดจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังหรือเสียใจเพราะตัวจี๊ดอีก จี๊ดสัญญาไปแล้วนะคะ”
“พ่อจะพยายามไม่คิดมากนะ”
“น่ารักที่สุด ไปค่ะ”
จิตรวรรณจูงเจตนาเข้าบ้านไป นึกโล่งใจ ที่ไม่ต้องพูดความจริงออกมา

ทันวิทย์เปิดประตูห้องเมื่อมีคนมาเคาะประตู แล้วก็ต้องแปลกใจที่พบจิตรวรรณยืนอยู่
“พี่จี๊ด...พี่เทวัญไม่อยู่”
“พี่ถึงได้มาไง มีเรื่องอยากจะคุยเธอ”
“คุยกับผม”
ทันวิทย์มองจิตรวรรณ ประหลาดใจ แล้วถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบยังไง เมื่อเธอถามถึงป้าลักษณา
“ป้าลักษณาเหรอครับ”
“ใช่! ป้าลักษณาที่อยู่อเมริกา ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เหลืออยู่ของพวกเธอ”
“เอ่อ ครับ ท่านอยู่ที่อเมริกา พอดีนึกขึ้นได้ ผมมีซ้อมยูโด ขอตัวก่อนนะครับ”
ทันวิทย์เลี่ยงออกไปทันที จิตรวรรณมองตามอย่างไม่ไว้ใจ
“เธอมีเรื่องปกปิดฉันแน่ๆ ทันวิทย์”

ศยามยืนคิดถึงจิตรวรรณอยู่ภายในบ้าน ภาพของจิตรวรรณในความทรงจำซึ่งเป็นความประทับใจที่ดีเข้ามาในความคิด เขาเผลออมยิ้ม มีความสุข มารศรีเดินเข้ามา เห็นรอยยิ้มของศยาม มารศรียิ่งต้องการศยามมากขึ้น
“คิดถึงใครอยู่เหรอคะ ดิ่ง...”
“มารศรี”
มารศรีเดินมาโอบรอบคอศยาม
“ตอบคำถามฉันสิ ว่าคุณคิดถึงใคร”
“คิดถึง...ใครดีล่ะ”
“หรือจะให้ฉันเดา”
“เดามาสิ”
“ยัยคุณหนูจี๊ด”
“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ”
“ใช่ แล้วคุณจะปล่อยให้ฉันกอดอยู่แบบนี้เหรอ…ฮึ”
“ผมห้ามคุณได้เหรอ”
“คุณโกหกฉันไม่ได้หรอก”
“จริงเหรอ งั้นลองบอกอีกทีซิ ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอะไรอยู่”
มารศรีมองศยามด้วยสายตาหวานเยิ้มหยด โดยไม่รู้ว่า ทันวิทย์ยืนมองการกระทำของศยามและมารศรีจากมุมหนึ่งนอกบ้านด้วยความแค้นใจ

ค่ำคืนนั้น...มารศรีเดินมาหยุดที่เตียงนอน ซึ่งเศกนอนหลับอยู่ มารศรีมองเศกด้วยความขยะแขยง แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา…เธอลูบไล้ไปตามมัดกล้ามของศยามด้วยความคิดถึง...
‘คุณบอกฉันหน่อยสิ ว่าคุณคิดถึงฉัน...เหมือนกับที่ฉันคิดถึงคุณ’
‘ต้องให้พูดอีกเหรอ’
‘ดิ่ง....เราจะเป็นเหมือนเดิมกันได้มั้ย’
มารศรีค่อยๆโน้มเข้าไปใกล้ตั้งใจจะจูบศยาม กำลังจะประกบริมฝีปาก ศยามก็ขัดจังหวะขึ้นมา
‘แต่...มันจะไม่มีทางเหมือนเดิม’
มารศรีชะงัก
‘จะให้ฉันเชื่อคุณได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้...เรากำลังทำในสิ่งที่เราเคยทำเหมือนเดิม’
‘แต่คนละสถานภาพกัน มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ปล่อยผมเถอะ’
ศยามแกะมือมารศรีออก แล้วเดินออกไป

มารศรีคิดแล้วแค้น นึกชิงชังเศกขึ้นมา เธอค่อยๆหยิบหมอนหนุนหัวขึ้นมา มองไปที่เศกที่ยังนอนนิ่ง แล้วเงื้อขึ้นสูง
“แกควรจะตายไปตั้งนานแล้ว ไม่ควรอยู่เป็นก้างขวางคอฉันอย่างนี้ ฉันกับดิ่ง จะได้มีความสุขกันสักที ดิ่งรอฉันอยู่”
มารศรีมองเศกอย่างแค้นจัด ขณะเดียวกันศยามกำลังดูภาพเหตุการณ์นั้นผ่านโทรทัศน์วงจรปิด ด้วยไอแพด ภายในห้องนอน เห็นมารศรีกำลังเงื้อหมอนอยู่ข้างตัวเศกพอดี มารศรีกรีดร้องลั่น จะเอาหมอนลงกดหน้า แต่เศกลืมตา แทนที่มารศรีจะกดหมอนลงบนหน้าเขา เธอกลับวางลงบนที่เดิม
“ศรีทำคุณตื่นหรือเปล่าคะ”
ศกมองมารศรีอย่างหวาดระแวง มารศรีลงไปนอนซบอกของเศก
“ศรีขอโทษนะคะ ศรีเห็นหมอนมันยุบเลยเอามาทุบให้มันเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ศรีไม่ต้องการใช้หมอนแล้ว”
เศกนอนนิ่ง หวาดกลัว มารศรีลูบไล้ไปบนแผงอก...
“ฉันแค่ซ้อมความรู้สึกตอนที่ได้ฆ่าคุณจริงๆ ฉันอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง...ตื่นเต้นน่าดูเลย คุณรู้มั้ย”
เศกนอนนิ่ง น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ศยามมองภาพบนไอแพด รู้สึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของพ่อเป็นอย่างมาก

เช้าวันใหม่...จิตรวรรณรอรัตนาอยู่ในห้องทำงาน ไม่นานนักรัตนาเปิดประตูเข้ามา ถามอย่างแปลกใจ
“คุณจี๊ดมีอะไรคะ”
“ล็อกประตูด้วย”
“ค่ะ...” รัตนาทำตามคำสั่ง
“ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ และขอให้เธอเก็บเป็นความลับ”
“ความลับ”
“ถึงชีวิต...ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เพราะฉันคงทำมันคนเดียวไม่ได้แน่ ฉันคิดเธอคือคนที่จะสนับสนุนฉันได้”
“ขอบคุณค่ะ ที่ไว้วางใจดิฉัน”
รัตนายิ้มให้จิตรวรรณ ที่มองเธออย่างเชื่อมั่นและเบาใจ และเล่าถึงสิ่งที่เธอกำลังทำ
“ฉันกำลังจับตามองพี่เทวัญทุกฝีก้าว เพื่อหาหลักฐานที่จะมัดตัวเขาให้ดิ้นไม่หลุด ทำให้ฉันต้องทำตัวงี่เง่าแบบนั้น”
“คุณจี๊ดควรไปบอกความจริงกับคุณยอดชายและคุณใจดี”
“อย่าเลย ฉันไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันเป็นห่วงเพื่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ห่วงเธอนะ แค่คิดว่าเธอเป็นผู้ช่วยที่อยู่ใกล้ตัวฉันอยู่แล้ว พี่เทวัญคงไม่สงสัยอะไร หากเราจะช่วยกัน”
“เพื่อนรักคุณจี๊ดทุกคนรอคอยคำอธิบายอยู่นะคะ มันจะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าจะมีเพื่อนคอยเคียงบ่าเคียงไหล่ช่วยเหลือคุณจี๊ดให้คุณจี๊ดได้อุ่นใจมากกว่านี้”
จิตรวรรณนิ่งไปอย่างครุ่นคิด

จบตอนที่ 12

อ่านต่อตอนที่ 13 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.


กำลังโหลดความคิดเห็น