รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12
ข้าวตูเดินลงบันไดบ้านพร้อมกับพูดโทรศัพท์กับเพื่อนไปด้วย
“จ้ะจ้ะ กำลังจะออกจากบ้านแล้ว เดี๋ยวเจอกัน สั่งอะไรกินก่อนได้เลย ชั้นเลี้ยงเอง”
ข้าวตูเดินวางสายแล้ววางโทรศัพท์บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปเคาน์เตอร์เพื่อหากุญแจรถ
“กุญแจรถไปไหน”
ข้าวตูเดินออกไปหน้าบ้าน เธอเดินไปที่รถที่จอดอยู่แล้วขยับจะเปิดประตูรถแต่ก็เปิดไม่ได้
“สงสัยกุญแจอยู่ในรถพี่ธี ว๊า กุญแจบ้านก็อยู่ในรถด้วย เฮ้อ ให้พี่ธีเอามาให้ดีกว่า ไม่งั้นล็อคบ้านไม่ได้”
ข้าวตูเดินกลับเข้าบ้าน
จินดานั่งคุยกับลูกชายในห้องผู้ป่วย
“ธี”
ธีระรับคำ “ครับ”
“แดงไม่มาหรือ”
“อ๋อ วันนี้พี่แดงเค้างานยุ่งน่ะครับ อาจจะมาเยี่ยมแม่ไม่ได้”
จินดาพยักหน้า เสียงโทรศัพท์มือถือของธีระดังขึ้น ธีระหยิบมาดูเห็นว่าเป็นข้าวตูที่โทรมา
ข้าวตูรอให้ธีระรับสาย
จินดามองธีระ ธีระเหลือบมองจินดาแล้วตัดสินใจกดปิดเครื่อง
ข้าวตูชะงักเมื่อได้ยินเสียงปลายสายบอกว่าไม่มีสัญญาณ
“อ้าว ทำไมอยู่ๆถึงไม่มีสัญญาณ” ข้าวตูกดโทรออกซ้ำอีกครั้ง
“ใครโทรมา” จินดาถามลูกชาย
“ที่ทำงานน่ะครับ” ธีระตอบ
“ไม่พูดกับเค้าล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“งานยุ่งก็ไปเถอะ ไม่ต้องอยู่กับแม่”
“ไม่หรอกครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญกับผมมากกว่าแม่หรอก”
ธีระจับมือแม่ จินดายิ้มพร้อมทั้งกำมือลูกชายแน่น
ข้าวตูฝากเสียงทางโทรศัพท์
“พี่ธีโทรกลับตูด้วยมีเรื่องสำคัญ” ข้าวตูกดวางสายแล้วโทรหาเพื่อน “แกกินกันไปก่อนนะ ชั้นยังไปไม่ได้ รอกุญแจบ้านกับกุญแจรถจากแฟนก่อน เออ ไปแน่”
ข้าวตูวางสายแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะกินน้ำ
“ทำไมตู้เย็นไฟดับ”
ข้าวตูเดินไปกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟในบ้านแต่ก็ไม่ติด
“ไฟดับอีกแล้ว”
ข้าวตูเดินไปที่ตู้คัตเอาต์แล้วดันสวิตไฟ ไฟช๊อตที่ตู้ดังพรึ่บ
“ว้าย ...” ข้าวตูตกใจ ไฟที่คัตเอาต์ติดลุก “ไฟไหม้”
ข้าวตูวิ่งไปหยิบผ้าแล้วเอาผ้าตบไฟที่ลุกไหม้จนดับ
“นี่มันวันอะไรของเราเนี่ย” ข้าวตูกดโทรศัพท์หาธีระอีกครั้ง “ทำไมพี่ธีไม่เปิดเครื่องเนี่ย” ข้าวตูปิดโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ
กบเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด
“ทำไมแดงผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง ยังไม่ออกมาอีก”
“ใจเย็นพี่กบ เดี๋ยวคงออกมา” ธีระปลอบใจ
กบดูนาฬิกา “แต่นี่จะสี่โมงแล้วนะ ... ตายจริง พี่ลืมไปรับไตรตั้นที่โรงเรียน ธี พี่วานไปรับไตรตั้นหน่อยได้มั้ย ป่านนี้รอแย่แล้ว”
“ได้ครับ”
“งั้นรีบไปเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกครูประจำชั้นว่านายจะไปรับ”
“ครับ”
“พามาหาพี่ที่โรงพยาบาลเลยนะ”
“ได้ครับ ไม่ต้องห่วง”
ธีระเดินออกไปก่อนจะหันมามองกบ เขาเห็นกบชะเง้อมองเข้าไปในห้องผ่าตัด ธีระถอนใจแล้วหันเดินออกไป
ธีระเดินเลี้ยวออกมากดโทรศัพท์หาข้าวตู
เสียงโทรศัพท์ของข้าวตูดังขึ้น ข้าวตูมองเบอร์แล้วกดรับด้วยความโกรธ
“ฮัลโหล”
“โทษทีตู พี่ไม่ได้โทรกลับ”
“นี่ พี่ธีทำอะไรอยู่ ปิดเครื่องตั้งสามสี่ชั่วโมง ตูมีธุระสำคัญจะพูดด้วย”
“ขอโทษพี่อยู่กับแม่ ตูมีเรื่องสำคัญอะไร”
“ตูลืมกุญแจรถกับกุญแจบ้านไว้ในรถพี่ แล้วที่สำคัญคัทเอาต์ไฟดันชอต ไฟลุกด้วย”
“แล้วตูเป็นอะไรรึปล่า” ธีระถาม
“ไม่ค่ะ ดับทัน”
“พี่ขอโทษ”
“พี่ธีช่วยเอากุญแจบ้านกับกุญแจรถมาให้หน่อยได้มั้ย”
“ตอนนี้หรือ”
“ค่ะ”
“พี่ต้องไปรับไตรตั้นแทนพี่กบ เดี๋ยวรับไตรตั้นเสร็จแล้วพี่จะเอาไปให้ได้มั้ย”
ข้าวตูเริ่มโกรธมากขึ้นและเสียใจ
“ได้มั้ยตู” ธีระถามย้ำ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธีไม่ต้องมาแล้ว กว่าพี่ธีจะมาก็มืดพอดี ตูไม่ออกไปไหนแล้ว แค่นี้นะคะ”
ข้าวตูกดวางสายด้วยความโกรธ
ธีระวางสาย “เฮ้อ ดันมาลืมกุญแจวันนี้ซะอีก”
ธีระเดินออกไปจากโรงพยาบาล
ข้าวตูนั่งอยู่ในบ้านด้วยความโกรธ
“แม่ พี่สาว หลาน แล้วค่อยเป็นเรา นี่เราต้องเป็นคนสุดท้ายของพี่ธีงั้นหรือ”
ประตูห้องผู้ป่วยที่แดงพักอยู่เปิดออก ไตรตั้นวิ่งเข้ามาหาแดงที่นอนอยู่บนเตียง
“แม่ .. แม่ครับ แม่เป็นอะไร”
“แม่ไม่สบายลูก” แดงบอก
“อย่าเพิ่งกวนแม่เลยนะลูก ให้แม่นอนพักก่อน” กบบอกลูกชาย
“เป็นไงบ้างพี่แดง”
“อย่าบอกแม่นะว่าพี่ผ่าตัด” แดงขอ
“ครับ ไม่ต้องห่วง นอนพักเถอะ” ธีระบอก
“ไปลูก” กบดันตัวลูกชายออกไป
“แม่ครับ ตั้นไปนะ”
แดงพยักหน้า กบพาไตรตั้นออกไปจากห้อง แดงมองลูกชายจนประตูปิดแล้วจึงค่อยๆ หลับตา
ธีระ กบและไตรตั้นเดินออกมาหน้าห้อง
“หมอบอกว่าไงพี่กบ” ธีระถาม
“หมอบอกว่าต้องรอดูผลการตรวจชิ้นเนื้อก่อน” กบบอก
“ทำไมผมถึงโชคไม่ดี แม่ก็เจ็บ พี่แดงก็มาป่วย ยังไงก็ขออย่าให้พี่แดงเป็นอะไรมากกว่านี้เลย”
“พ่อครับ ตั้นหิวข้าว” ไตรตั้นบอก
“ไปกินข้าวกันก่อนนะ” กบชวนธีระ
“ครับ” ธีระตอบรับ แล้วทั้งสามก็เดินออกไป
ข้าวตูนั่งนิ่งอยู่ในบ้านที่มีเพียงแสงสลัวจากเปลวเทียนเล่มเล็ก ธีระเปิดประตูเข้ามาเห็นก็ชะงัก
“อ้าวตู บ้านไม่มีไฟหรือ”
“ค่ะ”
“แล้วไม่เรียกช่างมาดูหรือ” ธีระถาม
“เรียกแล้วค่ะ ช่างหมู่บ้านเค้าไม่อยู่” ข้าวตูบอก
“แล้วไม่เรียกช่างที่อื่นล่ะ”
“ตูไม่รู้จักใครเลยค่ะ พี่ธีก็รู้ว่าตูเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทย”
“พี่ขอโทษ พี่ลืมไป แล้วคัทเอาต์มัน ...” ธีระจะเดินไปดูที่คัทเอาต์
“อย่าเพิ่งทำเลยค่ะ มันไหม้หมดแล้ว”
“แล้วทำไมตูไม่ออกไปข้างนอกแล้วให้พี่ไปรับ มานั่งทำไมมืดๆ ให้ยุงกัด”
“ตูไม่มีกุญแจบ้าน ถ้าตูออกไปแล้วคนมาขโมยของจะว่าไงคะ”
ธีระชะงัก “จริงด้วย พี่ขอโทษ วันนี้พี่ก็ยุ่งทั้งวัน ไป เราออกไปกินข้าวกันดีกว่า”
“ไม่ล่ะค่ะ ตูสั่งพิซซ่ามากินแล้วค่ะ”
“แล้วเราจะนอนยังไง แอร์ก็ไม่มี ไปคอนโดพี่ดีกว่า”
“พี่ธีไปเถอะค่ะ ตูอยู่ได้”
“นี่ตูโกรธพี่หรือ”
“ไม่ค่ะ ตูเพียงแต่รู้สึกว่าพี่ธีให้ความสำคัญกับตูน้อยไป”
“มันไม่ใช่อย่างงั้นนะ วันนี้พี่ยุ่งทั้งวันจริงๆ”
“ใช่ค่ะ เรื่องของแม่ พี่สาว หลานพี่ พี่เขยพี่สำคัญมากกว่าตูไงคะ”
“ไม่เอาน่าตู เอาล่ะ พี่ขอโทษ พี่จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกไป ไปคอนโดพี่เถอะ ที่นี่ร้อนจัง”
“ตูไม่ไป ตูมาคิดดูแล้วตูว่าตูคงต้องยอมแพ้แม่พี่ธี”
“ไม่เอาน่าตู เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับแม่พี่ มันผิดที่พี่ ที่พี่ไม่เอากุญแจมาให้ตู”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ วันนี้ทั้งวันตูนั่งคิดถึงแต่เรื่องนี้ ตูโทรหาพี่ธี แต่พี่ธีปิดโทรศัพท์เพราะพี่ธีอยู่กับแม่ พี่ธีกลัวว่าแม่จะเสียใจ ตูก็เลยถามตัวเองว่าแล้วตูเป็นใคร แสดงว่าตูไม่มีความหมายกับพี่ธีเลย”
“ไม่เอาน่าตู ตูมีความหมายกับพี่นะ เพียงแต่ตอนนี้ ...”
“พี่ต้องดูแลแม่พี่ก่อน ใช่มั้ยคะ”
“แม่พี่ป่วยหนักนะตู”
“กลับกันถ้าเมื่อเช้าตูโดนไฟช็อตแล้วโทรหาพี่ธี พี่ธีจะทิ้งแม่พี่มาหาตูมั้ยคะ”
“พี่ก็ต้องมาสิ”
“แต่ตูชักไม่เชื่อแล้วล่ะค่ะ”
“ทำไมถึงไม่เชื่อพี่”
“ก็พี่ยังไปรับไตรตั้นก่อนที่จะมาหาตูเลย”
“ตู ไตรตั้นอยู่คนเดียวที่โรงเรียน พี่กบก็ไปรับไม่ได้ต้องรอพี่แดง พี่แดงเค้าเข้าห้องผ่าตัด เค้าวานให้พี่ไปรับ พี่ก็เห็นว่า ...”
“ก็นี่ไง สรุปว่าเรื่องของตูไม่สำคัญ”
“นี่ตูต้องการอะไรจากพี่เนี่ย” ธีระถาม
“ตอนนี้ตูไม่ต้องการอะไรจากพี่แล้ว กลับไปเถอะค่ะ”
“พี่ทิ้งให้ตูอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก”
ข้าวตูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วทำเป็นพูด
“ฮัลโหล ว่าไงคะคุณหมอ แม่คุณธีกำลังจะตายหรือคะ จะให้คุณธีรีบไปดูใจงั้นหรือคะ ... นี่ไงพี่ธี ถ้าหมอโทรมาแค่นี้ พี่ก็ทิ้งให้ตูอยู่คนเดียวได้แล้ว”
ธีระโกรธ
“กลับไปอยู่กับแม่พี่เถอะค่ะ ไม่ต้องมาสนใจตูอีกต่อไปแล้ว”
ข้าวตูหันกลับแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ธีระยืนนิ่งด้วยความโกรธ
“เดี๋ยวตู นี่ตูต้องการจบกับพี่แค่นี้ใช่มั้ย”
“พี่ธีก็ลองเอาไปคิดดูเองแล้วกัน”
ข้าวตูเดินขึ้นไปชั้นบน ธีระมองตามก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวแล้วหันเดินออกไปจากบ้านด้วยความโกรธ
ข้าวตูเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลงบนเตียงโดยที่น้ำตาไหลรินท่ามกลางความมืด
เวลาต่อมา ข้าวตูเก็บของใส่กระป๋า เธอหยิบรูปถ่ายธีระกับตัวเธอหลายรูปที่อยู่ในกรอบขนาด A4ออกมาดูแล้วก็น้ำตารินก่อนจะคว่ำรูปลง
ธีระนั่งอยู่ในห้องที่คอนโดของเขาโดยที่ในใจก็นึกถึงคำพูดของข้าวตูในวันนี้ไปด้วย
“ไม่ใช่หรอกค่ะ วันนี้ทั้งวันตูนั่งคิดถึงแต่เรื่องนี้ ตูโทรหาพี่ธี แต่พี่ธีปิดโทรศัพท์เพราะพี่ธีอยู่กับแม่ พี่ธีกลัวว่าแม่จะเสียใจ ตูก็เลยถามตัวเองว่าแล้วตูเป็นใคร แสดงว่าตูไม่มีความหมายกับพี่ธีเลย”
“ไม่เอาน่าตู ตูมีความหมายกับพี่นะ เพียงแต่ตอนนี้ ...” ธีระอธิบาย
“พี่ต้องดูแลแม่พี่ก่อน ใช่มั้ยคะ”
“แม่พี่ป่วยหนักนะตู”
“กลับกันถ้าเมื่อเช้าตูโดนไฟช็อตแล้วโทรหาพี่ธี พี่ธีจะทิ้งแม่พี่มาหาตูมั้ย”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ธีระก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วถอนใจยาว
“เป็นเพราะเรื่องของแม่อีกแล้ว พรุ่งนี้เราควรจะรีบไปขอโทษเธอ”
เช้าวันใหม่ รถธีระแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านข้าวตู ธีระหยิบดอกไม้ลงมาจากรถแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นป้าย “ขายด่วน ติดต่อสำนักงานหมู่บ้าน” แขวนไว้ที่หน้าประตู ธีระเข้าไปกดกริ่ง
“ตู .. ข้าวตู ...”
ธีระเห็นบ้านเงียบ เขากดโทรศัพท์หาข้าวตูแต่ก็ไม่มีคนรับ
ข้าวตูนั่งอยู่คนเดียวริมทะเล เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดัง แต่เธอนิ่งเฉยไม่ยอมรับสาย
ธีระรอฟังสัญญาณแต่ก็ไม่มีคนรับเขาจึงกดวางสายแล้วเอาดอกไม้เสียบไว้ที่หน้าประตูก่อนจะขึ้นรถขับออกไป
ธีระขับรถไปตามทาง แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาข้าวตูอีก
โทรศัพท์ของข้าวตูดัง ข้าวตูหันไปมองแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ แล้วเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอคุยกับธีระ
“วันนี้ตูเจอพี่เอก พี่เอกเค้าถามว่าเมื่อไหร่ตูจะแต่งงาน ตูก็เลยบอกว่าพี่ธีไม่ขอซะที”
ธีระนึกได้ “อย่างงั้นหรือ”
“พี่เอกเค้าก็เลยบอกว่า ให้ตูถามพี่ธีซะเลยว่าจะขอตูแต่งงานเมื่อไหร่ ..ว่าไงคะ เมื่อไหร่ดี”
“อืมม์”
“เอาไว้ให้คุณแม่หายก่อนใช่มั้ยคะ”
“คือ ...”
“หรือว่าปลายปีนี้ ตูจะได้เตรียมงาน ว่าไงคะ”
“พี่จะบอกตูว่าเราไม่แต่งได้มั้ย อยู่กันแบบนี้ แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้ว”
ข้าวตูอึ้ง “หมายความว่าพี่ธีจะไม่แต่ง”
“ไม่ใช่ไม่แต่ง ตูก็รู้ว่าถ้าแต่งไปแม่พี่ก็จะยิ่งโกรธ ตอนนี้แม่ก็ดีขึ้นกับพวกพี่แล้ว” ธีระบอก ข้าวตูยิ่งอึ้ง “ ... นะ”
ข้าวตูมองโทรศัพท์อีกครั้งแล้วตัดใจวางโทรศัพท์ลง
ข้าวตูบอกตัวเอง “ใช่ ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะยังไงแม่เค้าก็ต้องมาที่หนึ่งเสมอ”
ธีระที่ขับรถอยู่กดวางสายแล้วถอนใจ
“ไปไหนนะ”
โทรศัพท์มือถือดัง ธีระกดรับ
“ฮัลโหล”
กบพูดโทรศัพท์กับธีระที่ทางเดินในโรงพยาบาล
“ธี วันนี้มาอยู่เฝ้าแม่ได้มั้ย เพราะหมอจะให้แดงทำซีทีสแกนอีกที”
“ได้ครับ” ธีระตอบรับ
“รีบมานะ” กบย้ำ
“ครับ”
ธีระวางสายจากกบแล้วกดโทรศัพท์หาข้าวตูอีกที แต่ก็ไม่มีคนรับ ธีระจึงวางสาย
จินดาทำกายภาพอยู่ในห้องกายภาพบำบัด พยาบาลคอยให้จินดายกขาช้าๆ
“โอเคค่ะคุณป้า”
“เสร็จรึยัง” จินดาถาม
“เสร็จแล้วค่ะ เหนื่อยแล้วหรือคะ”
จินดาพยักหน้า ธีระเดินเข้ามาหา
“ลูกชายมาแล้วค่ะ” พยาบาลบอก
“วันนี้แม่ผมเป็นไงบ้างครับ”
“ดีขึ้นค่ะ” พยาบาลตอบ
“นี่เรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“ค่ะ กำลังจะพากลับห้อง”
“มาครับ ผมเข็นพาแม่ไปเอง”
ธีระเข้ามาเข็นรถให้จินดาไปตามทาง พยาบาลมองตามแล้วก็ยิ้ม
ธีระประคองแม่ขึ้นไปบนเตียง
“ขอน้ำหน่อย” จินดาบอก
ธีระหยิบน้ำขึ้นมาป้อนให้แม่
“อีกไม่นานแม่ก็จะเดินได้แล้วนะ” ธีระบอก
“ธี ...”
“ครับ”
“แดงไปไหน ไม่เห็นแดงหลายวันแล้ว”
“ช่วงนี้พี่แดงเค้างานยุ่งน่ะแม่ ลูกค้าสั่งของเยอะ”
“บอกแดงถ้างานยุ่งไม่ต้องมาหาแม่หรอก”
“อีกไม่กี่วันเค้าก็มาแล้ว” ธีระบอก
“ไม่เป็นไร แล้วลูกล่ะ”
“ผมมีบินพรุ่งนี้ พรุ่งนี้แม่อยู่กับพวกป้าช้อยนะ พี่กบเค้าจะพาหลานมาเยี่ยม”
จินดาพยักหน้า แล้วช้อย ใหญ่และภาก็เดินเข้ามา
“เป็นไงพี่จิน ไปออกกำลังกายรึยัง” ใหญ่ถาม
ธีระยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณป้า”
“หวัดดีจ้ะ” ช้อยตอบรับ
“พรุ่งนี้ผมมีบิน ฝากคุณป้าดูแลแม่ด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ” ช้อยบอก
“อ้อ ป้าฝากซื้อผ้าพันคอซักผืนได้มั้ย” ใหญ่ว่า
“ชั้นฝากซื้อกระเป๋าซักใบได้มั้ย อยากได้กระป๋าหนีบ” ภาเอาด้วย
ธีระตอบรับ “ได้ครับ”
“พวกแกนี่ กัปตันเค้าไปทำงานพวกแกยังจะไปฝากเค้าอีกหรือ” ช้อยว่า
“ไม่เป็นไรครับ ป้าช้อยอยากได้อะไร” ธีระถาม
“ไม่เอาล่ะ เอาแค่ขนมชอคโกแลตมากินก็พอแล้ว” ช้อยบอก
“ได้ครับ งั้นผมจะเอามาฝาก”
“จ้ะ”
“ผมไปนะครับแม่” ธีระบอก
“จ้ะ” จินดารับคำ ธีระเดินออกไป ทุกคนมองตาม
“พี่จินอย่าไปโกรธลูกเลยนะ เค้ามาเยี่ยมเช้าเยี่ยมเย็น” ใหญ่บอก
“ใครบอกว่าชั้นโกรธ” จินดาสวน
“งั้นที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนี่แกล้งงั้นหรือ”
ภาแซว จินดามองค้อน ทั้งกลุ่มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ธีระผลักประตูห้องที่แดงพักฟื้นเข้ามา กบนั่งอยู่ข้างเตียงแดง
“หวัดดีครับพี่กบ”
“อ้าวธี”
“พี่แดงเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่มั้ย” ธีระถาม
“นิดหน่อย แม่เป็นไงบ้าง”
“แม่ดีขึ้น พี่ไม่ต้องห่วง”
“แล้วหมอบอกมั้ยว่าแม่จะหาย”
“มันคงต้องใช้เวลา”
“สงสารแม่จังเลย” แดงร้องไห้
“อย่าไปคิดอะไรมากเลย พี่ว่าแดงดูแลตัวเองดีกว่า” กบบอก
“ใช่ ไม่ต้องห่วงแม่หรอก” ธีระพูด “ยังไงแม่ก็ต้องหาย พี่แดงก็ต้องหายพร้อมกัน” ธีระกุมมือพี่สาวเพราะต้องการให้กำลังใจ
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
หน้าบ้านข้าวตูมืดสนิท ธีระเดินเข้ามากดออดแล้วทุกอย่างก็เงียบ ธีระหยิบดอกไม้ที่เขาเสียบเอาไว้ตอนเช้าออกมาดูก็เห็นดอกไม้แห้งเหี่ยว ธีระถอนใจแล้วขึ้นรถขับออกไป
ธีระเดินมาตามทางเดินในสนามบิน นักบิน สจวตและแอร์โฮสเตสเดินตามมา ข้าวตูเดินเลี้ยวมาเห็นธีระก็ชะงัก ธีระมองเห็นข้าวตู ข้าวตูหันหลังแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกทาง
ธีระบอกลูกน้อง “พวกคุณเข้าไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
ธีระเดินตามข้าวตูไปอย่างรวดเร็ว
“ตู เดี๋ยวสิตู” ธีระเรียก ข้าวตูชะงัก “พี่โทรไปทำไมไม่รับสาย”
ข้าวตูนิ่ง ธีระพูดต่อ “ไม่เอาน่ะ อย่าทำอย่างนี้สิ พี่ขอโทษ”
“พี่ธีไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ตูไปทบทวนดูแล้วตูคิดว่าเราควรจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ตูกำลังจะกลับอเมริกาค่ะ”
“ไม่เอาน่าตู ไหนตูเคยบอกว่าตูเข้าใจเรื่องแม่พี่ ตูไม่สนใจว่าแม่จะชอบหรือไม่ชอบตูไม่ใช่หรือ”
“ใช่ค่ะ ตูเคยบอก เพราะตอนนั้นตูคิดว่าปัญหามันอยู่ที่แม่พี่ธีแต่ตอนนี้ตูรู้แล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวพี่ธีมากกว่า”
ธีระงง “ตัวพี่งั้นหรือ”
“ใช่ค่ะ บางทีพี่ธีอาจจะไม่รู้ตัวเอง”
“พี่ไม่เข้าใจ”
“พี่ธีต่างหากที่เป็นฝ่ายรักแม่และให้ความสำคัญกับแม่พี่มากกว่าใครๆ ทั้งหมด”
“ไม่จริงหรอกตู ที่พี่ทำอย่างงั้นก็แค่อยากให้แม่สบายใจ”
“นั่นล่ะค่ะ พี่ธีอาจจะคิดว่าเรื่องที่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น”
ธีระอึ้ง
“พี่อาจจะคิดว่าที่ผู้หญิงทุกคนไปจากพี่เป็นเพราะแม่พี่ แต่ที่จริงแล้ว ตูว่าสิ่งที่ทุกคนรับไม่ได้เป็นเพราะตัวพี่มากกว่า เพราะพี่เลือกที่จะอยู่ข้างแม่ อยู่กับแม่”
“แต่คำว่าแม่นะตู ถ้าเราไม่รักแม่แล้วเราจะ ... “
“ก็นี่ไงคะตูถึงต้องเป็นฝ่ายไป พี่ธีไม่ผิดหรอกค่ะ”
“ไม่ไปได้มั้ยตู พี่รักตูนะ”
“เอาไว้วันนึงที่ไม่มีแม่พี่ แล้วตูจะกลับมาหาพี่ ลาก่อนค่ะ ตูรักพี่ธี”
ข้าวตูเอื้อมมือมาแตะมือธีระ
“ถ้ามีรูทบินไปอเมริกาโทรกันบ้างนะคะ เผื่อจะได้กินข้าวกัน”
ข้าวตูหันหลังเดินออกไป
“ตู ...” ธีระเรียก ข้าวตูเดินไปสองก้าวแล้วหยุดก่อนจะหันมามอง ธีระพูดต่อ “ให้โอกาสพี่ได้มั้ย”
ข้าวตูยิ้ม “เชื่อตู วันไหนที่พี่ไม่มีแม่ แล้วเราค่อยคุยกัน”
ข้าวตูหันหลังเดินไปช้าๆ ธีระอึ้งแล้วมองตามอย่างสลดก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง
ธีระเดินเลี้ยวจากไป ข้าวตูหันมามองแล้วก็น้ำตารินไหล
“ตูรักพี่ธีนะคะ” ข้าวตูหันหน้าเดินออกไป
ธีระนั่งประจำที่นักบินแล้วดันคันเร่ง เขามองเห็นรันเวย์และเครื่องบินกำลังพุ่งขึ้น ธีระกดไฟหน้าจอแล้วเปิดสมุดการบิน เขาเห็นรูปข้าวตูที่ถ่ายคู่กับเขาเสียบอยู่ในนั้น ธีระชะงักมองแล้วก็เสียบรูปเก็บกลับไปแล้วปิดสมุด ธีระมองนิ่งไปข้างหน้า
ช้อยป้อนข้าวจินดาอยู่ในห้องผู้ป่วย
“เอานี่อีกคำนึง” จินดาอ้าปากรับ “เก่งมากพี่จิน” ช้อยชม
จินดาเคี้ยวอาหาร
“ของคาวเสร็จ ก็ตบฝรั่งซักชิ้นนะ” ภาบอก
ภาส่งฝรั่งป้อนแต่จินดาส่ายหน้า
“เอาน่า กินซักชิ้นจะได้ล้างปาก” ใหญ่คะยั้นคะยอ
จินดาอ้าปากรับพอเคี้ยวไปสักพักก็สำลักเพราะฝรั่งติดคอ
“ตายแล้วพี่ช้อย เอาน้ำมาเร็ว” ใหญ่ตกใจ
ช้อยส่งน้ำป้อนจินดา จินดาสำลักบ้วนน้ำออกมาเต็มหน้าเพื่อนๆ
“พี่จิน” ภาตกใจ
แล้วจินดาก็ชักตาค้างแล้วหงายหลังไป
“พี่จิน พี่จิน” ช้อยเรียก
“เฮ้ย พี่จินเป็นอะไร ไปตามหมอมาเร็ว ยัยภา” ใหญ่รีบบอก
ภาวิ่งออกไปจากห้องทันที
ภาวิ่งออกมาที่เคาท์เตอร์พยาบาล
“คุณพยาบาลคะ คุณพยาบาล”
ภาวิ่งเข้ามาคว้าแขนหนูดี พยาบาลสาวสวยที่กำลังยืนหันหลังเขียนชาร์ตในกระดานอยู่
“ไปดูคนไข้หน่อยค่ะ คนไข้สำลักชักตาตั้งอยู่ในห้องค่ะ”
“ห้องไหนคะ” หนูดีถาม
“ห้องนู้นค่ะ”
ภาลากแขนหนูดีวิ่งออกไป
หนูดีเปิดประตูห้องจินดาเข้ามากับภา ช้อยกับใหญ่กำลังรุมจินดาที่นอนหมดสติอยู่
“พี่จิน อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ” ช้อยว่า
“พี่จินต้องไม่ตายนะ” ใหญ่รีบบอก
หนูดีเข้ามาดูจินดา
“ถอยออกไปก่อนค่ะ”
“คุณพยาบาลต้องช่วยพี่จินนะคะ” ภาบอก
“คนไข้เป็นอะไรคะ” หนูดีถาม
“ไม่ทราบค่ะ” ใหญ่ตอบ “ทานข้าวต้มอยู่ดี ๆ แล้วก็ทานฝรั่งไปคำเดียวก็สำลักตาค้าง”
หนูดีเข้ามาปั๊มหัวใจจินดาทันที
“พี่จินต้องไม่ตายนะ” ช้อยพูด
“พี่จินฟื้นสิ” ภาร้องออกมา
หนูดีกดปั๊มหัวใจแล้วก็เป่าปากจินดา จินดาสำลักออกมา หนูดีหยิบออกซิเจนมาใส่ให้ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้แล้วจึงหันไปคว้าโทรศัพท์
“ต่อคุณหมอวิชิตด่วนค่ะ คนไข้ห้อง.... มีอาการน๊อคค่ะ”
“พี่จินเป็นอะไรคะ” ช้อยถามหนูดี
“ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ คุณป้าถอยออกไปก่อนนะคะ”
ช้อย ภา และใหญ่ถอยออกไป หนูดีหยิบเครื่องออกมาเสียบตามนิ้ว
กบกดโทรศัพท์อยู่ที่ทางเดินในโรงพยาบาล
“ธีหรือ”
ธีระพูดโทรศัพท์กับกบอยู่ที่ทางเดินริมถนนในต่างประเทศ
“ครับพี่กบ มีอะไรพี่ แม่เป็นอะไร”
“อยู่ๆแม่ก็สำลักอาหารแล้วก็ช๊อค” กบบอก
“แล้วไงครับ” ธีระถามต่อ
“แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แล้วนายจะกลับเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ครับ”
“แค่นี้นะ พี่โทรมาบอกให้นายรู้”
“ครับ พรุ่งนี้ลงเครื่องแล้วผมจะรีบไปโรงพยาบาล แล้วพี่แดงล่ะครับเป็นไงบ้าง” ธีระถาม
“หมอให้ยานอนหลับอยู่” กบบอก
“แล้วผลตรวจเป็นไงครับ”
“หมอยังไม่บอก แต่วันนี้ให้ไปตรวจซ้ำ”
ธีระถอนใจหนัก “ชีวิตผมช่วงนี้คงป็นช่วงที่แย่ที่สุด”
“มีอะไรหรือ”
“เอาไว้กลับไปค่อยคุยกันพี่กบ”
“อืมม์ แล้วเจอกัน” กบวางสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ธีระวางสายแล้วถอนหายใจ
จินดานอนหลับตานิ่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ช้อยนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียง
“ฮือ ฮือ ชั้นไม่น่าเอาน้ำให้พี่จินกินเลย”
“ชั้นต่างหากที่คะยั้นคะยอให้พี่จินกินฝรั่ง” ใหญ่ออกตัว
“ชั้นสิไม่น่าให้แกกินชิ้นใหญ่ แกเลยมาตายเพราะน้ำมือชั้น” ภาบอก
หนูดีเปิดประตูเข้ามา
“คุณพยาบาลคะ พี่จินตายแล้วค่ะ” ช้อยบอก
หนูดีตกใจ “หา ...จริงหรือคะ”
“ค่ะ เพิ่งตายเมื่อครู่นี้เอง ยังไม่ได้ร่ำลาก็ขาดใจซะแล้ว” ภาว่า
“พวกเราไม่น่าฆ่าพี่จินเลย” ใหญ่คร่ำครวญ
หนูดีวิ่งเข้าไปดูที่เตียงก็เห็นจินดานอนหลับ
“ยังหรอกค่ะ คุณป้ายังไม่ตายหรอก” หนูดีบอก
“แต่เมื่อกี้ตายไปแล้วนะคะ” ช้อยบอก
“ไม่ใช่หรอกค่ะ”
จินดาลืมตาตื่นขึ้นอย่างมึนงง
“ชั้นยังไม่ตายหรอก แม่ช้อย” จินดาพูด
ช้อยหันไปมอง “หา พี่จิน”
“นี่พี่จินยังไม่ตายหรือ” ภาดีใจ
“พี่จินฟื้นแล้วหรือ” ใหญ่ถาม
“ชั้นขอโทษนะพี่จิน พวกเราไม่น่าวางยาพี่จินเลย” ภาบอก
“ชั้นยังตายไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังไม่เห็นหน้าลูก” จินดาพูด
“หา...นี่พูดชัดขึ้นแล้วนี่” ช้อยว่า
“เออใช่ หลังจากฟื้นพูดชัดขึ้นเยอะเลย” ใหญ่เห็นด้วย
“พี่จินนะพี่จิน พวกเราตกใจกันใหญ่นึกว่าเสียพี่จินไปแล้วซะอีก”
“ขอโทษนะคะ” หนูดีแทรกขึ้น “หนูว่าให้คุณป้าได้พักฟื้นซักนิดดีกว่านะคะ”
“ไป ไป พวกเราให้พี่จินพักหน่อย” ใหญ่บอกเพื่อนๆ
“เราอยู่ข้างนอกนะพี่จิน” ช้อยบอกจินดา
“ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราจะไม่ไปไหน จะอยู่กับพี่จินจนวันตาย” ภาพูด
แล้วป้าทั้งสามก็เดินออกไป จินดาพูดกับหนูดี
“ขอน้ำกินหน่อย”
“ได้ค่ะ” หนูดีรินน้ำใส่แก้ว จินดามอง หนูดีป้อนน้ำให้ “ช้าๆนะคะคุณป้า”
จินดาดื่มน้ำเสร็จ หนูดีหยิบทิชชู่มาซับปากให้
“ขอบใจลูก” จินดาบอก
“คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ แน่นหน้าอกมั้ยคะ”
“ไม่จ้ะ” จินดายิ้มให้หนูดีแล้วเอ่ยถาม “หนูชื่ออะไร”
“หนูดีค่ะ คุณป้านอนพักนะคะ” หนูดีจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวจ้ะหนู”
“มีอะไรคะ”
“หนูเห็นลูกชายป้ามาเยี่ยมบ้างมั้ย”
“ยังเลยค่ะ”
“แล้วลูกสาวป้าล่ะ”
“ไม่มีนะคะ”
“แล้วลูกเขยล่ะคะ”
“ยังไม่มาค่ะ แต่เดี๋ยวก็คงมา คุณป้าพักเถอะค่ะ” หนูดีบอก
จินดาพยักหน้า หนูดีเดินออกไป จินดานึกถึงแดงแล้วก็แปลกใจ
“แดงมันเป็นอะไร ทำไมไม่มาเยี่ยมเรา”
ช้อยบอกกับเพื่อนๆ ที่หน้าห้องผู้ป่วย
“พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
“เออ มัวตกใจช๊อคเรื่องพี่จิน เลยลืมกินข้าวเลย” ใหญ่คิดได้
“ชั้นว่าไปกินชั้นบนกันมั้ย เค้าว่ามีศูนย์อาหารนะ” ภาชวน
“แต่มันแพงนะ ชั้นว่าไปกินข้างโรงพยาบาลเถอะ” ช้อยเสนอ
“ไม่ต้องห่วงพี่ช้อย มื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง” ภาบอก
“งั้นจะรอช้าทำไม ไปเลยน้องภา”
แล้วทั้งสามก็ลุกเดินออกไป
ลิฟต์เปิดออก คนไข้นอนอยู่บนเตียงรถเข็น บุรุษพยาบาลยืนอยู่ข้างๆ เตียง ป้าทั้งสามมอง
“ไปได้มั้ยคะ” ใหญ่ถาม
“เชิญครับ”
ป้าทั้งสามเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วลิฟต์ก็ปิด
ช้อยมองไปที่เตียงคนไข้แล้วก็ตกตะลึง
“หา ..” ช้อยหันไปสะกิดเรียกภา “ภา”
“อะไรพี่ช้อย” ภาถาม
“ดูสิ” ช้อยชี้ไปที่เตียงคนไข้
“ทำไม คนไข้ตายหรือ” ภาถาม
“ไม่ใช่ ดูสิ”
“ไม่เอา ชั้นไม่กล้าดู” ภาปิดตา
“น้องใหญ่ดูสิ” ช้อยบอกใหญ่
ใหญ่หันมองไปที่เตียงแล้วก็ตะลึง
“หา .. ยัยแดง”
“ใครนะ” ภาถาม
“ก็หันมามองสิ” ช้อยบอก
ภาหันมามองที่เตียง แดงลืมตามอง
“แดง” ภาตกใจ
แดงตกใจ “ป้าภา ป้าช้อย ป้าใหญ่”
“นี่หนูเป็นอะไรเนี่ย” ภาถาม
“นั่นสิ ทำไมต้องโกนหัวด้วยล่ะลูก” ใหญ่ถาม
“หนูเป็นเนื้องอกในสมองค่ะ” แดงบอก
“หมายความว่าที่หนูไม่ได้มาเยี่ยมแม่ก็เพราะ ...” ช้อยเริ่มเข้าใจ
“หนูขอร้องนะคะคุณป้า อย่าเล่าให้แม่ฟังนะคะ เดี๋ยวท่านจะยิ่งเป็นห่วงไม่สบายหนัก” แดงบอก
ช้อยรับคำ “จ้ะจ้ะ”
ลิฟต์เปิดออก บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงที่แดงนอนอยู่ออก
“ขอโทษครับ”
“แล้วนี่จะไปไหนลูก” ภาถาม
“ไปตรวจน่ะค่ะ อย่าบอกแม่นะคะ” แดงกำชับ
ใหญ่รับคำ “จ้ะจ้ะไม่บอก”
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงออกไป แดงหันมาย้ำ
“สัญญานะคะ”
ช้อย ภาและใหญ่รับคำพร้อมกัน “จ้ะ สัญญา”
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงออกไป
“นี่มันอะไรกันเนี่ยพี่ช้อย พี่จินก็ป่วยหนัก ยัยแดงดันมาเป็นเนื้องอกอีก” ภาตกใจ
“นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกัน” ช้อยว่า
“แสดงว่าช่วงนี้พี่จินดวงตกมากนะ” ใหญ่บอก
“เฮ้อ พูดแล้วกินข้าวไม่ลง” ภาพูด
“แต่ชั้นกินลงนะ ชั้นหิวมาก” ช้อยว่า
หมอกดดูภาพในจอคอมพิวเตอร์ ภาพCTสแกนสมองหลายภาพปรากฏขึ้น หมอกดดูแล้วถอนใจ กบกับแดงนั่งอยู่ในห้องตรงข้ามหมอ
“ผลการตรวจเป็นยังไงบ้างครับ” กบถาม
“ชิ้นเนื้อที่เราตรวจมันเป็นเนื้อร้ายครับ” หมอบอก
“มะเร็งหรือคะ” แดงถาม
“ครับ เป็นระยะเริ่มต้น”
“แล้วมันอันตรายมากแค่ไหนครับคุณหมอ” กบถาม
“ก็อันตรายนะครับ ในขั้นต้นนี่เราจะฉายรังสีดูก่อน”
“มีโอกาสหายมั้ยคะ”
“หมอยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ยังนับว่าโชคดีที่เราตรวจเจอก่อน หมอว่าอย่าเพิ่งวิตกอะไรมาก เราค่อยๆรักษากันไป”
“ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ”
แดงมองกบอย่างอึ้งๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา กบดึงภรรยาเข้ามากอด
“ต้องหายแดง เชื่อพี่ แดงต้องหายเป็นปกติ”
แดงพยักหน้าทั้งๆ ที่น้ำตารื้น
ช้อย ภาและใหญ่เปิดประตูห้องพักของจินดาเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี จินดามองทั้งสามแล้วถามขึ้น
“ไปไหนกันมา”
“กินข้าวจ้ะพี่จิน” ช้อยตอบ
“อร่อยมั้ย” จินดาถามต่อ
“ก็พอกินได้ แต่สู้ฝีมือพี่จินไม่ได้หรอก” ภาหยอด
“ใช่ แกงไก่ก็น้ำใสยังกะใส่หางกระทิ” ใหญ่ว่า
“เอาไว้ให้ชั้นออกจากโรงพยาบาลก่อนจะแกงให้กิน” จินดาบอก “ใครมีโทรศัพท์มือถือ ขอยืมหน่อยซิ”
“จะโทรหาใคร” ช้อยถาม
“จะโทรหานังแดงซะหน่อย ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลไม่เห็นหน้ามันเลย”
“แดงเค้าไม่ว่างหรอกพี่จิน” ช้อยบอก
“แต่ชั้นเป็นแม่มัน จะตายอยู่รอมร่อ มันจะไม่มาดูหน่อยหรือ”
“พี่จินนี่นะ พอพูดได้ก็ด่าลูกแล้ว แดงมันคงอยากมา แต่มาไม่ได้” ใหญ่ว่า
“ทำไมจะมาไม่ได้ ผัวมันมัดขาไว้หรือไง ขอโทรไปด่ามันหน่อย”
“อย่าไปด่ามันเลยพี่จิน ตอนนี้ตัวมันเอง ยังเอาตัวไม่รอดเลย” ภาหลุดปาก
จินดาชะงัก “แดงมันเป็นอะไรยัยภา”
ช้อยตีแขนภาทันที “ภา พูดอะไร”
“แดงมันเป็นอะไรพี่ช้อย” จินดาถาม
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ช้อยบอก
“ใช่ ไม่ได้เป็นอะไร ยัยภาเค้าหมายความว่าไหนจะลูก ไหนจะผัว ไหนจะงานที่ร้าน” ใหญ่พูด
“ใช่ ใช่ ช่วงนี้เค้าว่าขายดีมากนะ ต้นไม้ที่ร้านไม่เหลือซักต้นเลย” ภารีบสนับสนุน
“จริงหรือ” จินดาถาม
“ใช่จ้ะ พี่จิน หลังน้ำท่วมคนเค้าก็มากวาดซื้อต้นไม้กัน” ช้อยบอก
“แต่ถึงยังไง ชั้นก็อยากจะเจอมันซะหน่อย ขอยืมโทรศัพท์หน่อยแม่ใหญ่”
ใหญ่มองโทรศัพท์ “ว้าย ของชั้นแบตหมด”
“พี่ช้อยล่ะ” จินดาถาม
“ของชั้นก็แบตหมด” ช้อยบอก
“เมื่อกี้ชั้นเข้าส้วม เพิ่งทำตกลงไปในชักโครก” ภาบอก
“เป็นงั้นไป ชั้นเลยไม่ได้โทรหายัยแดงเลย” จินดาเสียดาย
ทันใดนั้นหนูดีก็เปิดประตูเข้ามา
“หนูดีจ๋า ขอป้ายืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยลูก” จินดาถาม
“คุณป้าจะโทรหาใครหรือคะ”
“จะขอโทรหาลูกสาวหน่อยจ้ะ”
ช้อย ภา และใหญ่พูดพร้อมกัน “อย่าให้ค่ะคุณพยาบาล”
หนูดีชะงัก จินดามองด้วยความสงสัย
“ทำไม พวกแกห้ามชั้นทำไม” จินดาถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร” ช้อยปฏิเสธ
“นี่ค่ะ” หนูดีส่งมือถือให้
“ขอบใจมากนะจ๊ะ”
จินดากดโทรออกหาแดง ทั้งสามป้ามองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
เสียงโทรศัพท์มือถือของกบดังขึ้น กบมองโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ ส่วนแดงนอนอยู่บนเตียง
“เบอร์ใคร” กบรับสาย “ฮัลโหล”
จินดาพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องผู้ป่วย
“กบหรือ”
“แม่หรือครับ”
“ใช่ ขอพูดสายกับแดงหน่อย”
กบหันมาบอกแดง
“แม่โทรมา”
แดงชะงักมอง ก่อนจะพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์จากกบ
“หวัดดีค่ะแม่”
“นี่ ยัยแดงแกหายหัวไปไหน แม่เจ็บจะตาย ไม่เห็นแกมาเยี่ยม แม่เลย” จินดาว่า
แดงพูดทั้งที่น้ำตาคลอ “หนูไปแล้วค่ะ แต่แม่หลับอยู่”
“แต่แม่ถามพยาบาลเค้าบอกไม่เห็นแกมาเยี่ยม แล้วนี่แกอยู่ไหน”
“อ๋อ หนูอยู่ร้านน่ะค่ะ”
“แล้วเย็นนี้แกจะมาเยี่ยมแม่มั้ย”
“เอ่อ หนูไปไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ แกมีธุระอะไร แม่คิดถึงไตรตั้นนะ พาไตรตั้นมาหาแม่หน่อย”
“ตั้นไปเข้าค่ายลูกเสือน่ะค่ะ”
“แล้วแกจะมาเยี่ยมแม่เมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้แล้วกันนะแม่”
“อืมม์” จินดาวางสายแล้วหันมาบอกเพื่อนๆ “นี่ไงพอเราโทรไปมันถึงบอกจะมาเยี่ยม”
ป้าทั้งสามฝืนยิ้ม
แดงวางสายแล้วน้ำตารื้น กบหันมาถามแดง
“จะไปได้ไงแดง ถ้าแม่เจอแดงสภาพแบบนี้แม่ต้องรู้นะ”
“พี่กบช่วยซื้อวิกให้หน่อยแล้วกัน ชั้นก็อยากไปเยี่ยมแม่ ชั้นคิดถึงแม่” แดงบอกแล้วก็ร้องไห้ กบพยักหน้ารับก่อนจะดึงแดงมากอดเพื่อปลอบใจ
ลิฟต์ในโรงพยาบาลเปิดออก ธีระในชุดกัปตันเดินออกมา
ธีระเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามา เขาเห็นหนูดีจากทางด้านหลังกำลังป้อนอาหารให้จินดาอยู่ จินดามองเห็นธีระก็ทักขึ้น
“ธี ลูกแม่”
“หวัดดีครับแม่”
หนูดีหันมามอง ธีระเข้ามากอดแม่
“แม่เป็นยังไงบ้าง”
“แม่หายดีแล้วลูก แล้วลูกล่ะ”
“ผมก็สบายดีครับ นี่แม่ทานข้าวอยู่หรือครับ”
“จ้ะ”
“มาครับ ผมป้อนให้ดีกว่า”
หนูดีหันมาส่งชามข้าวต้มให้ธีระ
“เชิญเลยค่ะ คุณป้าต้องทานให้หมดนะคะ แล้วนี่ยานะคะ” หนูดีหยิบยาส่งให้
“จ้ะ ขอบใจนะ”
หนูดีเดินออกไป ธีระตักข้าวป้อนแม่
“มาครับแม่” จินดาอ้าปากรับข้าว “อร่อยมั้ยครับ”
“อร่อยลูก”
จินดาเคี้ยวข้าวแล้วมองธีระ ธีระตักป้อนอีก
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ประตูห้องเปิดออก แดงก้าวเข้ามา ธีระหันไปมองก็เห็นแดงใส่วิกผมสั้นอยู่ในชุดปกติเดินเข้ามากับกบ
“แดง”
แดงเดินเข้ามากอดจินดา
“แม่”
แดงน้ำตารื้น ธีระกับกบมอง
“แกร้องไห้ทำไม แม่ยังไม่ตายซะหน่อย” จินดาว่า
“หนูคิดถึงแม่” แดงบอก
“หึ คิดถึง ถ้าแม่ไม่โทรไปแกก็ไม่มาเยี่ยม”
“แดงมาทุกวันนะครับ แต่แม่หลับ” กบบอก
“แกเหมือนกันเจ้ากบ ถ้าเมียไม่มาก็ไม่เห็นหน้า” จินดาว่า
“อย่าไปว่าพี่กบเลยครับ” ธีระจับมือแดง “พี่แดงโอเคใช่มั้ย”
แดงฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า
“วันนี้แม่ค่อยมีความสุขหน่อย ครอบครัวเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดไตรตั้นคนเดียว แล้วไตรตั้นกลับจากค่ายเมื่อไหร่” จินดาถาม
“อาทิตย์หน้าค่ะ” แดงตอบ
“อาทิตย์หน้าแม่ก็กลับบ้านแล้ว” จินดาบอก
“กินอีกคำนะครับแม่” ธีระตักข้าวป้อนอีก
“แม่อิ่มแล้วลูก”
“พี่แดงส่งยาให้แม่ที” ธีระขอ
แดงหยิบยาหยิบน้ำส่งให้ “นี่ค่ะแม่ น้ำ”
จินดาหยิบยาใส่ปาก จินดามองธีระกับแดงอย่างอุ่นใจ ธีระเหลือบมองกบก็เห็นกบสีหน้าไม่ดี
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
วิกผมสวมอยู่กับหุ่น แดงนั่งอยู่บนเตียง ธีระเดินเข้ามาจับมือพี่สาว
“พี่แดงอย่าท้อนะ ยังไงก็ต้องสู้” ธีระให้กำลังใจ
“พี่ไม่ท้อหรอก พี่จะสู้ให้ถึงที่สุด พี่จะต้องอยู่ดูไตรตั้นจนโตให้ได้” แดงบอก
“แล้วนายล่ะเป็นไงบ้าง พักนี้ไม่เห็นข้าวตูเลย” กบถาม
“ใช่ โทรไปก็ไม่เห็นโทรกลับ” แดงบอก
ธีระนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ
“เค้าเลิกกับผมแล้วครับ”
“จริงหรือธี เรื่องอะไรกัน” แดงตกใจ
“อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะแม่อีก” กบถาม
“ไม่ใช่แม่หรอกครับ เป็นเพราะผมเองมากกว่าที่เป็นฝ่ายรักและห่วงใยแม่มากกว่าเค้า”
“ตูเค้ารู้สึกอย่างงั้นหรือ” แดงถาม
“ครับ ถูกของเค้า ผมคงรักแม่มากกว่าอะไรทั้งหมด”
“ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นกับแกอีกแล้ว พี่สงสารแกจริงๆ” แดงว่า
“ว่าไม่ได้ ธีเค้าเลือกที่จะเป็นลูกที่รักแม่มากกว่าแฟน” กบบอก
“แล้วพี่กบล่ะครับ รักใครมากกว่ากัน” ธีระถามขึ้น
กบมองหน้าแดง “พี่หรือ ถ้าพี่อยู่กับเมียพี่ก็ต้องบอกว่ารักเมีย มากกว่าแม่แต่เวลาอยู่กับแม่พี่ก็บอกแม่ว่ารักแม่มากกว่าเมีย อย่าว่าพี่นะแดง”
“วันนี้แดงไม่ว่าใครอีกต่อไปแล้ว เพราะแดงไม่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่รักใครได้อีกนานแค่ไหน” แดงบอก
“อย่าคิดมากน่ะพี่แดง พี่แดงต้องหาย ใช่มั้ยพี่กบ”
“ใช่ พี่เชื่อว่าแดงต้องหาย” กบพูดหนักแน่น
กบและธีระหอมแก้มแดงคนละข้าง
หนูดีบีบเครื่องวัดความดันให้จินดา โดยที่มีม่านปิดล้อมรอบเตียงอยู่
“ความดันเป็นไงคะ” จินดาถาม
“ดีค่ะคุณป้า” หนูดีหยิบปรอทขึ้นมา “คุณป้าขาวัดไข้หน่อยค่ะ”
หนูดีเสียบปรอทใส่ปากจินดาแล้วเดินไปปลายเตียง
“คุณป้ายกขาหน่อยค่ะ”
หนูดีดึงถาดปัสสาวะออกมาแล้วเดินกลับมาดึงปรอทออกมาดู
“มีไข้มั้ยคะ” จินดาถาม
“ไม่มีค่ะ” หนูดีตอบ
หนูดีรูดม่านที่ปิดเตียงคนไข้ออกมา ธีระนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” หนูดีหันไปถามจินดา “บ่ายนี้คุณป้าอยากทานอะไรพิเศษมั้ยคะ เดี๋ยวหนูจะออกไปทานข้าวข้างนอก หนูจะซื้อมาฝาก”
“ไม่ล่ะจ้ะ หนูดี ขอบใจนะลูก”
“ค่ะ”
หนูดีเดินออกไป ธีระมองตาม
“พยาบาลคนนี้ดีจังดูแลแม่ดี๊ดี ลูกมีตังค์มั้ย ขอตังค์แม่ซักห้าร้อยแม่จะให้ทิปเค้า” จินดาบอก
“เดี๋ยวผมให้เองก็ได้ครับ” ธีระบอก
“เห็นหนูดีบอกว่าพรุ่งนี้หมอจะดูแม่อีกทีถ้าไม่มีอะไรแล้วก็จะให้กลับบ้านได้”
“แต่ผมอยากให้แม่อยู่อีกซักพักนะครับ ให้หมอเช็คให้แน่นอนก่อน”
“แต่แม่อยากกลับบ้านแล้วนะลูก” จินดาบอก
“แต่ถ้ากลับไปใครจะดูแม่ล่ะครับ อรก็ไม่อยู่แล้วด้วย”
“ไม่เป็นไร แม่ไปอยู่บ้านยัยแดงเค้าก็ได้”
“อย่าเลยครับ พี่แดงก็มีงานทั้งวันไม่มีเวลาดูแม่หรอก”
“แต่ที่จริงแม่ก็อยู่คนเดียวได้นะ ให้ยัยช้อยยัยภายัยใหญ่มาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้”
“พวกป้าช้อยเค้าคงมาอยู่กับแม่ไม่ได้ตลอดหรอกครับ ผมจะพยายามหาคนมาอยู่กับแม่ดีกว่า”
“ก็ตามใจลูก”
“แม่หิวรึยัง” ธีระถาม
“ยังหรอกลูก” จินดาถอนใจ “ลูกเลยต้องมาปวดหัวกับเรื่องของแม่”
“ไม่หรอกครับ เป็นหน้าที่ผมที่ผมต้องดูแลแม่ต่างหาก”
จินดาจับมือธีระแล้วก็หอมมือลูกชาย
ธีระเดินออกมาจากห้อง เขาเจอหนูดีกำลังเข็นรถยาออกมาจากห้อง ธีระเดินสวนแล้วก็ชะงัก
“ขอโทษครับ คุณพยาบาล ผมมีเรื่องจะถามหน่อย”
“อะไรหรือคะ” หนูดีถาม
“พอจะมีใครที่รับดูแลคนแก่ตามบ้านบ้างมั้ยครับ”
“ที่นี่ไม่มีหรอกค่ะ ต้องลองติดต่อตามศูนย์ดูแลคนชรานะคะ”
“ครับ ขอบคุณมาก แต่ถ้ามีใครสนใจฝากบอกให้หน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
ธีระเดินออกไป หนูดีมองตาม แล้วพยาบาลรุ่นพี่ก็เรียก
“หนูดี”
“ขา” หนูดีขานรับ
“ช่วยพี่ดูคนไข้ห้องนี้หน่อยจ้ะ”
“ค่ะ”
หนูดีเดินตามพยาบาลรุ่นพี่เข้าไปที่ห้องคนไข้
หนูดีถือถุงหมุสะเต๊ะเดินมาตามทางเดินหน้าห้องเช่าของเธอ แล้วก็มาหยุดหน้าห้องที่มีป้ายรับตัดเย็บเสื้อผ้าติดอยู่หน้าห้อง หนูดีเปิดประตูเข้าไป
หนูดีเปิดประตูเข้ามา แม่ของหนูดีกำลังเย็บชุดกระโปรงอยู่
“กลับมาแล้วหรือลูก”
“จ้ะแม่ หนูซื้อหมูสะเต๊ะมาฝากแม่ด้วย มากินข้าวกันเถอะแม่ หนูหิว” หนูดีเดินไปแกะหมูสะเต๊ะใส่จาน
“ลูกกินก่อนเถอะ แม่อุ่นขาหมูให้แล้ว”
“มากินพร้อมกันเถอะแม่”
“ไม่ได้ลูก เดี๋ยวสองทุ่มเค้าจะมาเอาชุดนี้แล้ว”
เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนจักรดังขึ้น แม่หยิบมากดรับ
“ฮัลโหล .. ค่ะ... ค่ะ เดือนหน้าใช่มั้ยคะ”
หนูดีมอง
“ค่ะค่ะ แล้วชั้นจะเอาเงินไปให้นะคะ ค่ะ” แม่กดวางสาย
“ใครหรือแม่”
“เสี่ยวิทย์น่ะสิ แกโทรมาถามเรื่องเงินที่เราไปกู้แก แกบอกให้เวลาแค่เดือนหน้า ถ้าไม่มีเงินไปคืน แกจะเอาเรื่อง”
“แล้วแม่จะหาเงินทันหรือ”
“ทันลูก แม่คุยกับลุงเชียรแล้ว เค้าจะให้แม่ยืมเงินไปใช้หนี้ก่อน”
“หนูอยากจะช่วยแม่จังเลย แต่ลำพังเงินเดือนหนูก็ไม่ได้มาก” หนูดีบอก
“ไม่ต้องหรอกลูก เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่แม่ แม่จัดการเองได้”
แม่หันไปเย็บผ้าต่อ หนูดีมองแม่แล้วพึมพัมกับตัวเอง
“หรือเราควรจะหางานพิเศษช่วยแม่อีกแรง”
เช้าวันใหม่ หมอวิชิตตรวจอาการของจินดา
“หายใจลึกๆครับคุณป้า ดีครับ มองบนซิครับ” หมอวิชิตมอง “โอเค อาการอัมพฤกษ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานคงหายสนิท”
“กลับบ้านได้แล้วใช่มั้ยคะ” จินดาถาม
“ได้ครับ ถ้าอยากจะกลับก็กลับได้แล้ว” หมอวิชิตหันมาบอกธีระ “แต่หมออยากให้มีคนอยู่ดูแลใกล้ชิดคุณป้าหน่อยนะครับเพราะแกอาจจะยังทำอะไรด้วยตัวเองไม่สะดวก”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”
ธีระยกมือไหว้ หมอวิชิตเดินออกจากห้อง พยาบาลเดินตามไป
“จันทร์อังคารชั้นอยู่เฝ้าเวรเอง” ช้อยอาสา
“งั้นชั้นก็ต้องพุธพฤหัส” ใหญ่บอก
“ส่วนชั้นก็เป็นศุกร์เสาร์” ภาพูด
“แล้ววันอาทิตย์ล่ะ ใครจะอยู่” ช้อยถาม
“วันอาทิตย์ไม่ต้องครับ ผมกับพี่แดงจะสลับกันมาอยู่กับแม่” ธีระบอก
“แดงจะดูได้หรือ ตัวเค้าเองก็แย่แล้วนะ” ช้อยหลุดปาก
จินดาถามทันที “แดงเป็นอะไร”
ใหญ่กับภารีบติง “พี่ช้อย”
“เปล่าจ้ะ ชั้นหมายถึงงานที่ร้านเค้าเยอะ เค้าจะมีเวลาดูหรือ” ช้อยพูดแก้
“ไม่เป็นไรครับ สรุปว่าวันอาทิตย์ผมอยู่ดูเอง” ธีระบอก
“ว่าแต่ใครจะเป็นคนเจาะน้ำตาล ชั้นกลัวเข็มจัง” ใหญ่ว่า
“ชั้นก็ตาไม่ดีนะ เจาะผิดเจาะถูกจะยุ่ง” ภาออกตัว
“เรื่องนั้นเดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ธีระบอกแม่ “แม่รออยู่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปจ่ายเงินข้างล่างก่อน”
“ไป ไปกัปตันไม่ต้องห่วง พวกป้าดูเอง” ใหญ่บอก
ธีระเดินออกไปจากห้อง
หนูดีนั่งทำงานพร้อมกับคอยชะเง้อมองธีระ ธีระเดินเลี้ยวออกมาแล้วเดินผ่านไป หนูดีรีบวิ่งตาม
“คุณธีระคะ”
ธีระชะงัก “ว่าไงครับ”
“ที่เมื่อวานคุณถามหาคนดูแลคุณป้า ได้คนรึยังคะ”
“ยังเลยครับ มีคนจะสมัครหรือครับ”
“ค่ะ”
“ใครหรือครับ”
“หนูดีเองค่ะ”
“งั้นก็ดีสิครับ คุณแม่คงดีใจที่ได้คุณไปดูแล”
“แต่ว่าหนูดีจะทำได้เฉพาะหลังเลิกงานแล้วก็วันหยุดวันอาทิตย์ นะคะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“แล้วหนูดีก็เพิ่งทำงานได้ไม่ถึงปีนะคะ อาจจะไม่เก่งมาก”
“ไม่มีปัญหาครับ ขอแค่มีใครที่พอจะมีความรู้ดูแลแกก็พอแล้ว”
หนูดียกมือไหว้ “ขอบคุณนะคะ”
“ผมสิครับ ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ ที่คุณจะช่วยดูแลคุณแม่”
ธีระยิ้มให้แล้วเดินออกไป หนูดีมองตามอย่างชื่นชม ธีระหันมามอง หนูดีส่งยิ้มให้
ที่บ้านจินดา จินดานั่งอยู่บนเตียงหน้าทีวี ธีระเอายามาส่งให้แม่ แล้วป้อนน้ำให้แม่ดื่ม
“พาแม่ไปฉี่ทีลูก” จินดาบอก
“ไปครับ”
ธีระประคองแม่ให้ลุกขึ้น จินดาก้าวเดินไปสองก้าวก็ปัสสาวะราดออกมา
“แม่ขอโทษลูก แม่อั้นไม่อยู่”
“ไม่เป็นไรครับ ไปห้องน้ำก่อน”
ธีระประคองแม่เข้าไปในห้องน้ำ ธีระเดินออกมาแล้วเดินไปหยิบเสื้อมาให้แม่เปลี่ยน เขาเดินเข้าไปช่วยแม่เปลี่ยนเสื้อ
“มาครับแม่ ผมช่วย”
ธีระหยิบม๊อบมาถูพื้นที่เปียกปัสสาวะของแม่ จินดานั่งมอง
“แม่สงสารลูกจังเลย ต้องมาเช็ดฉี่เช็ดอึให้แม่” จินดาบอก
“อย่าพูดอย่างงั้นสิครับแม่ ตอนผมเป็นเด็ก แม่ทำให้ผมเยอะกว่านี้อีก”
“แต่ตอนนี้ลูกโตแล้วเป็นถึงกัปตันขับเครื่องบิน แต่ต้องมาทำงานบ้านแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมดีใจมากกว่าที่ได้ดูแลแม่ แล้วเที่ยงนี้แม่อยากกินอะไรผมจะออกไปซื้อให้”
“อะไรก็ได้ลูก แม่กินไม่ค่อยลง”
“แต่แม่ต้องกินนะครับ แม่จะได้อยู่กับผมไปนาน ๆ”
จินดาน้ำตารื้น
“แม่รักลูกนะ”
“ผมก็รักแม่ครับ”
เสียงออดดังขึ้น จินดากับธีระชะงัก
“เดี๋ยวผมไปเปิดประตูก่อน”
ธีระลุกออกไป จินดามองลูกชายแล้วน้ำตาก็รื้นขึ้นมาด้วยความปลื้มใจ
ธีระเดินมาหยุดหน้าประตู เขาเห็นหนูดียืนหันหลังมองบ้านหลังอื่นอยู่
“หวัดดีครับ” ธีระทัก
หนูดีหันมายกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะ หนูดีมาสายไปหน่อย พอดีลงรถเมล์ผิดซอยน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญ”
ธีระเปิดประตูให้หนูดีเดินเข้ามา หนูดีเดินตามธีระเข้าบ้านไป
หนูดีเดินตามธีระเข้ามาในบ้าน จินดานั่งรออยู่
“คุณหนูดีมาแล้วครับแม่” ธีระบอก
“สวัสดีค่ะคุณป้า” หนูดียกมือไหว้
“หวัดดีจ้ะหนูดี” จินดารับไหว้
“คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ”
“จะว่าสบายดี เมื่อกี้ก็เพิ่งฉี่ราดไป”
“อ้าว หรือคะ คุณป้าต้องห้ามกลั้นปัสสาวะนะคะ”
“ไม่ได้กลั้นหรอกลูก มันอั้นไม่อยู่”
“แม่อยู่กับคุณหนูดีก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะเอาผ้าไปส่งซัก แล้วก็ซื้ออาหารเที่ยงมาให้” ธีระหันมาถามหนูดี “คุณทานอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“ทานได้ทุกอย่างนะครับ”
“ค่ะ”
ธีระยิ้มให้แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าจากตระกร้ามาใส่ถุง ก่อนจะหยิบถังขยะออกมาเพื่อนำไปเททิ้ง หนูดีมอง
“ขยะไม่ต้องเทหรอกลูก พรุ่งนี้ป้าภาเค้ามาเก็บเอง” จินดาบอกลูกชาย
“ไม่เป็นไรครับ”
ธีระเดินออกไป หนูดีถามจินดา
“แล้วมีใครเจาะดูน้ำตาลให้คุณป้าบ้างรึยังคะ”
“ยังเลยจ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวหนูเจาะให้นะคะ กระเป๋าอุปกรณ์อยู่ไหนคะ”
“รู้สึกจะอยู่บนโต๊ะน่ะลูก”
หนูดีลุกไปหยิบกระเป๋าสำหรับเจาะน้ำตาล พร้อมอุปกรณ์สำลีแอลกอฮอล์มาเจาะวัดระดับน้ำตาลให้จินดา
ธีระยกส้มตำไก่ย่างมาวางบนโต๊ะอาหาร
“มาครับแม่ กับข้าวเรียบร้อยแล้ว”
ธีระเข้าไปประคองแม่ให้ลงนั่งที่เก้าอี้ หนูดีเดินออกจากห้องน้ำ
“ทานข้าวครับ” ธีระบอก
หนูดีรับคำ “ค่ะ”
“นี่ราดหน้าปลาเต้าซี่ของแม่”
ธีระหยิบจานราดหน้าส่งให้ จินดาจะหยิบช้อนแต่ก็ไม่ถนัด
“มาครับ ผมป้อนดีกว่า”
ธีระตักราดหน้าป้อนแม่ แล้วหยิบทิชชู่เช็ดปากให้แม่ หนูดีมอง
“อีกคำนะแม่” ธีระบอก
ธีระตักราดหน้าป้อนแม่อีก เขาหันมาเห็นหนูดีกำลังมองอยู่
“ทานเลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ”
“อร่อยมั้ยครับแม่” ธีระถาม
“อร่อยลูก”
“งั้นกินอีกนะครับ” ธีระป้อนอีก “เย็นนี้กินข้าวต้มปลาจาระเม็ดดีมั้ยแม่ ผมจะไปซื้อให้ที่สะพานเหลือง”
“ได้ลูก ขอน้ำแม่หน่อย”
ธีระหยิบน้ำขึ้นมาป้อนให้ แล้วก็ตักอาหารป้อนอีก หนูดีเหลือบมองธีระกับจินดา
จินดานอนหลับอยู่บนเตียงหน้าทีวี หนูดีเดินออกมาที่ห้องรับแขก ส่วนธีระยืนอยู่ที่ระเบียง หนูดีลงไปนั่งที่โซฟา ธีระหันมามองแล้วเดินเข้ามาหา
“ขอโทษครับคุณหนูดี ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรคะ” หนูดีถาม
“เป็นไปได้มั้ยครับที่คุณจะมานอนค้างกับแม่ผม”
หนูดีทำหน้างง
“ผมหมายถึงว่าบางช่วงผมไม่อยู่ต้องไปบินสามสี่วัน ผมอยากให้มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ตอนกลางคืน”
“คุณธีจะไปเมื่อไหร่คะ” หนูดีถาม
“อาทิตย์หน้าผมมีบินไปบรัสเซล วันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กลับวันจันทร์ ถ้าคุณไม่มีภาระที่บ้าน ผมจะให้พิเศษอีกวันล่ะพันบาท”
หนูดีคิด “ก็ได้ค่ะ”
“งั้นผมให้คุณล่วงหน้าเลย นี่ครับห้าพัน”
ธีระหยิบเงินจากกระเป๋ามาส่งให้
“เอาไว้คุณกลับมาแล้วค่อยจ่ายก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขอบคุณค่ะ” หนูดียกมือไหว้แล้วรับเงิน
“ผมฝากดูคุณแม่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะออกไปธุระ แล้วเย็น ๆ ผมจะซื้อกับข้าวมาให้”
“ค่ะ”
ธีระเดินออกไป หนูดีมองเงินในมือด้วยความดีใจ
“ถ้าให้นอนทุกวันก็ดีสิ เดือนนึงจะได้ตั้งสามหมื่น” หนูดีพูดกับตัวเอง
ไตรตั้นนั่งทำการบ้านอยู่ที่ร้านต้นไม้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไตรตั้นรับสาย
“สวัสดีครับ ไตรตั้นรับจัดสวนครับ ... รอเดี๋ยวนะครับ” ไตรตั้นหันไปตะโกนเรียก “แม่ครับ เค้าจะถามเรื่องจัดสวนครับ”
แดงเดินออกมาจากด้านหลังร้านแล้วมารับโทรศัพท์ในท่าทางที่ดูไม่ค่อยสบายนัก
“ฮัลโหล ... ค่ะ ...ได้ค่ะ อีกชั่วโมงจะให้คุณกบโทรกลับนะคะ”
แดงวางสาย
“แม่ครับ ตั้นอยากกินโกโก้เย็นครับ”
“ได้ลูก เดี๋ยวแม่ชงให้”
แดงเดินไปในครัว สักพักเธอก็รู้สึกหน้ามืดและตาพร่ามัว แดงก้าวเดินไปอีกก้าวแล้วก็ล้มลง ไตรตั้นมองด้วยความตกใจก่อนจะวิ่งเข้ามาหาแม่แล้วเขย่าตัว
“แม่ แม่ครับ แม่เป็นอะไรครับ” ไตรหันไปเรียกคนในร้าน “พี่พจครับพี่พจช่วยแม่ด้วย”
ไตรตั้นวิ่งออกไปนอกร้าน จังหวะเดียวกับที่ธีระเดินเข้ามา
“น้าธีครับ ช่วยแม่ด้วยครับ”
“แม่เป็นอะไร” ธีระถาม
“ไม่รู้ครับแม่ล้มลงไป”
“แล้วแม่อยู่ไหน”
“อยู่นี่ครับ”
ไตรตั้นวิ่งนำธีระเข้าไป ธีระวิ่งตามมาก็เห็นแดงนอนอยู่กับพื้น
“พี่แดง ... พี่แดง” ธีระหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด “ส่งรถพยาบาลมาที่......ด้วยครับ”
“แม่ครับแม่ แม่ตื่นสิครับแม่”
ไตรตั้นเขย่าเรียกแดง แต่แดงก็ยังไม่ได้สติ
รถพยาบาลวิ่งมาตามถนน
แดงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล กบ ธีระและไตรตั้นอยู่ในห้องกับหมอ
“เป็นภาวะน้ำท่วมปอดครับ” หมอบอก
“เกิดจากอะไรครับ” กบถาม
“เป็นผลข้างเคียงจากการฉายรังสีน่ะครับ”
“แล้วอันตรายมากแค่ไหนครับ” กบถามต่อ
“โชคดีที่มาโรงพยาบาลทัน ไม่งั้นก็คงแย่เหมือนกัน หมออยากให้อยู่โรงพยาบาลสองสามวันเพื่อดูอาการนะครับ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณหมอ”
หมอเดินออกไปจากห้อง กบหันมาบอกธีระ
“โชคดีนะที่นายมา ไม่งั้นแดงคงแย่”
“แล้วเด็กที่ร้านไปไหนหมดครับ” ธีระถาม
“พอดีช่วงนี้งานมันเข้ามาเยอะ พี่เลยเอาคนไปช่วยหมด ไม่คิดว่าแดงจะเป็นอะไร” กบบอก
“จากนี้ไปผมว่าคงต้องมีคนดูแลใกล้ชิดพี่แดงหน่อยนะพี่”
“พ่อครับ เมื่อไหร่แม่จะตื่น” ไตรตั้นถาม
“อีกซักเดี๋ยวนะลูกให้แม่หลับซะหน่อย” เสียงมือถือของกบดังขึ้น “ฮัลโหล ... ครับ ... ครับ เดี๋ยวอีกซักชั่วโมงผมไปดูให้นะครับ” กบวางสายแล้วถอนใจ “ลูกค้าก็ดันมาเร่งงานตอนนี้ ธี พี่ฝากไตรตั้นซักคืนได้มั้ย เดี๋ยวพี่จะออกไปดูงานแล้วคืนนี้พี่จะมาเฝ้าแดงเอง”
“ได้ครับ”
“ตั้นจะนอนกับแม่” ไตรตั้นบอก
“ไปนอนกับคุณยายซักคืนนะลูก พรุ่งนี้พ่อจะไปรับ”
“แต่ว่า”
“อย่าดื้อสิลูก ตั้นเป็นเด็กดีไม่ใช่หรือ”
“ก็ได้ครับ”
“ฝากด้วยนะธี”
“ไม่ต้องห่วงพี่กบ” ธีระบอก
“ให้พ่อหอมที” กบหอมแก้มลูก “อยู่กับน้าธีนะลูก”
ไตรตั้นรับคำ “ครับ”
กบเดินออกไป ธีระมองแดงแล้วหันมาบอกไตรตั้น
“เดี๋ยววันนี้ไปนอนกับคุณยาย ตั้นอย่าบอกคุณยายนะว่าแม่ไม่สบาย”
“ทำไมบอกไม่ได้ล่ะครับ”
“เดี๋ยวคุณยายจะเป็นห่วงแม่ แล้วจะไม่สบายไปอีกคนน่ะสิ”
“ได้ครับ ตั้นจะไม่บอกคุณยาย”
“ดีมาก”
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
กลางดึก ไตรตั้นนอนลืมตาแล้วก็พลิกตัวไปมา จินดาที่นอนอยู่ข้างๆ มอง
“ตั้น นอนไม่หลับหรือลูก” จินดาถาม
“ครับ”
“คิดถึงแม่หรือ”
“ครับ”
“แม่เค้าไปเที่ยวกับเพื่อนอีกสองวันก็มาแล้ว”
“คุณยายครับ เวลาหมอฉีดยาคุณยายเจ็บมั้ย”
“เจ็บสิลูก”
“แม่ก็ต้องเจ็บเหมือนกัน สงสารแม่จังเลย”
“แม่เป็นอะไร” จินดาสงสัย
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้วฉีดยาทำไม”
“น้าธีไม่ให้บอกคุณยายครับ”
“ไม่ให้บอกว่าไง”
“ไม่ให้บอกว่าแม่ไม่สบายเดี๋ยวคุณยายเป็นห่วง”
จินดาอึ้ง
“แล้วแม่อยู่ไหน” จินดาถามต่อ
“อยู่โรงพยาบาล ที่เดียวกับคุณยายแหละครับ”
จินดาใจหาย
“ตั้นพูดจริงๆรึเปล่าลูก”
“จริงครับ คุณยายครับตั้นคิดถึงแม่ ตั้นอยากไปนอนกับแม่”
พูดจบไตรตั้นก็ร้องไห้ จินดาดึงตัวหลานเข้ามากอด
“อย่าร้องลูก พรุ่งนี้ยายจะพาไปหาแม่ .. แดง นี่ลูกเป็นอะไรเนี่ย”
จินดาพึมพัมกับตัวเองแล้วก็กอดหลานท่ามกลางความมืดมิด
ธีระป้อนน้ำให้แดงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
“เอาอีกหน่อยมั้ยพี่แดง” ธีระถาม
“พอแล้ว ขอบใจมากธี แล้วไตรตั้นล่ะ” แดงถามถึงลูกชาย
“อยู่กับแม่ ไม่ต้องห่วง”
“ธี ถ้าพี่เป็นอะไรไปฝากไตรตั้นด้วยนะ”
“พี่แดง ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ พี่แดงต้องหายนะ”
“พี่ชักไม่แน่ใจแล้ว” แดงบอก
“ไม่ พี่แดงจะต้องหายเชื่อผมสิ”
แดงมองน้องแล้วก็น้ำตาไหล กบเปิดประตูเข้ามา
“แดง หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” กบชะงักเมื่อเห็นว่าแดงร้องไห้ “แดงร้องไห้ทำไม”
“ไม่มีอะไรพี่กบ แดงแค่คิดถึงลูก”
“พรุ่งนี้เราก็ไปรับไตรตั้นกลับบ้านได้แล้ว” กบบอก
แดงพยักหน้า ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก แล้วไตรตั้นก็วิ่งเข้ามา
“แม่ครับ ..”
ธีระหันไปมองด้วยความตกใจ
“ไตรตั้น”
“แม่ ตั้นคิดถึงแม่” ไตรตั้นบอก
“นี่ลูกมากับใคร”
จินดาก้าวเข้ามาพร้อมไม้เท้าสามขาช่วยเดิน
ธีระตกใจ “แม่...”
แดงกับกบมองแม่ด้วยความตกใจ
จินดาเดินก้าวเข้ามามองแดงที่อยู่ในสภาพหัวโล้น แล้วจินดาก็อึ้งน้ำตาไหลริน
“นี่ลูกเป็นอะไร” จินดาเดินเข้ามาหาลูกสาวที่เตียง “บอกแม่ซิลูกว่าลูกเป็นอะไร” แดงร้องไห้แล้วโผเข้ากอดแม่
“แม่”
จินดาเขย่าตัวแดง “ลูกเป็นอะไรแดง บอกแม่ซิลูก”
“แดงเป็นเนื้องอกในสมองครับแม่” กบบอก
“แล้วทำไมพวกแกไม่บอกชั้น” จินดาถาม
“ผมขอโทษครับ เราแค่ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ” ธีระบอก
“แม่อย่าไปว่าพี่กบกับธีเลยนะ หนูเป็นคนบอกพวกเค้าเองว่าอย่าบอกแม่ หนูไม่อยากให้แม่กลุ้มใจ”
“แต่แกเป็นลูกแม่นะ มันเป็นหน้าที่ของแม่ ที่จะต้องรู้ว่าลูกมีทุกข์ มีสุขยังไง”
“ผมขอโทษครับแม่” กบพูด
ธีระหน้าสลด
“แล้วหมอว่าไง เค้าบอกจะมีทางรักษาหายใช่มั้ยลูก” จินดาถามต่อ
“ค่ะ แต่มันต้องใช้เวลา” แดงบอก
“ช่างมันเถอะลูก จะนานแค่ไหนก็ขอให้มันหาย ลูกต้องอดทนนะแดง แม่จะอยู่กับลูก ลูกของแม่จะต้องหาย”
แดงน้ำตาไหลแล้วโผเข้ากอดแม่
“ไม่ต้องห่วงครับแม่ พรุ่งนี้หมอก็ให้พี่แดงกลับบ้านแล้ว” ธีระบอก
“ไชโย้ ตั้นดีใจจริงๆ แม่จะได้กลับบ้านแล้ว”
ไตรตั้นกระโดดร้องด้วยความดีใจ ในขณะที่คนอื่นๆ พากันสลด
จินดาแกะส้มส่งให้แดง
“เอาอีกหน่อยมั้ยลูก”
“ไม่แล้วค่ะแม่” แดงตอบ
จินดาหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้แดง จากนั้นเธอก็ช่วยเปลี่ยนเสื้อให้ลูกสาว
เวลาผ่านไป แดงนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ จินดาขยับผ้าห่มให้ เธอมองลูกสาวแล้วก็ปาดน้ำตา
“ขอให้คุณพระคุ้มครองลูกของแม่ด้วย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ลูกของแม่ปลอดภัย ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกขอให้แม่รับเคราะห์นั้นแทนลูกด้วยเถอะ”
จินดาก้มลงจูบหน้าผากแดง แล้วก็ยืนมองด้วยน้ำตาที่ไหลริน จินดาหันมองออกไปนอกหน้าต่างห้องก็เห็นแสงสีส้มอ่อนๆ ทอประกายเข้ามา
กบยืนเหม่ออยู่ในโรงพยาบาลเพราะคิดถึงเรื่องของแดง ธีระเดินเข้ามาถาม
“กินข้าวกันมั้ยพี่กบ”
“ไม่ล่ะ นายไปเถอะ” กบบอก
“แต่ผมไม่เห็นพี่กบกินอะไรเลยนะตั้งแต่เที่ยง”
“พี่ไม่หิว” กบบอก
“มีอะไรรึเปล่าพี่กบ”
“ถ้าพี่เล่าอะไรให้ฟัง สัญญาว่าจะไม่บอกแดงกับแม่นะ”
ธีระรับคำ “ครับ”
“เมื่อกี้พี่คุยกับหมอ หมอบอกว่าอาการของแดงไม่ดีขึ้น ให้คีโมไปแล้วมันยังไม่ได้ผลที่พอใจ”
“มันคงต้องใช้เวลามั้งพี่กบ”
“แต่พี่กลัวจังเลย พี่กลัวว่าหมอจะรักษาแดงไม่หาย”
“ไม่น่ะพี่กบ ผมว่าต้องหาย”
“นายก็รู้ คนที่เป็นโรคนี้เปอร์เซ็นต์ที่หายน้อยมาก ถ้าแดงเป็นอะไรไป ... พี่ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
พูดจบกบก็น้ำตาไหลพราก จินดาเดินเข้ามาด้านหลังแล้วเอ่ยขึ้น
“แดงต้องไม่เป็นอะไร”
ธีระกับกบหันไปมองแล้วก็ชะงัก จินดาเข้ามาจับแขนกบ
“กบ แกฟังแม่นะ เมียแกต้องหาย แกจะอ่อนแอไม่ได้นะ แกยังมีไตรตั้นที่ต้องดูแล เราทุกคนต้องเข้มแข็ง”
“ใช่ พี่กบ เราทุกคนต้องเป็นกำลังใจให้พี่แดงนะ” ธีระบอก
“เชื่อแม่ แดงจะต้องหาย แดงจะไม่เป็นอะไร” จินดาย้ำ
“ขอบคุณครับแม่” กบโผเข้าไปกอดจินดา ธีระยืนมองแล้วก็น้ำตาซึม
ธีระเดินถือกาแฟกับแซนวิชเข้ามานั่งที่โต๊ะในร้านอาหารภายในโรงพยาบาล เขายกกาแฟขึ้นจิบแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่แม่เข้ามาถามพี่สาวของเขาก่อนหน้านี้
“บอกแม่ซิลูกว่าลูกเป็นอะไร”
“แม่” แดงโผเข้ากอดแม่แล้วร้องไห้
“ลูกเป็นอะไรบอกแม่ซิ”
ธีระนึกถึงคำพูดที่แดงบอกกับเขา
“ถ้าพี่เป็นอะไรไป ฝากไตรตั้นด้วยนะธี”
“ทำไมพูดอย่างนี้ พี่แดงต้องหายนะ” ธีระย้ำ
“พี่ชักไม่มั่นใจแล้ว”
ธีระนึกถึงคำที่กบบอกกับเขาหลังจากนั้น
“แต่พี่กลัวจังเลย พี่กลัวว่าหมอจะรักษาแดงไม่หาย”
เมื่อนึกึงเหตุการณ์ต่างๆ ธีระก็อยากจะร้องไห้ เขาพยายามควบคุมตัวเองด้วยการถอนหายใจแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ
หนูดีถือจานอาหารเดินเข้ามาในร้านแล้วก็ชะงัก เพราะเธอเห็นธีระนั่งเหม่ออยู่ลำพัง หนูดีเดินเข้าไปทัก
“สวัสดีค่ะคุณธี”
“อ้าว หนูดี ทานข้าวหรือ”
“ค่ะ”
“นั่งด้วยกันก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ” หนูดีนั่งร่วมโต๊ะ “พาคุณป้ามาหาหมอหรือคะ”
“เปล่าหรอก มาเยี่ยมพี่สาวน่ะ”
“ที่เป็นเนื้องอกในสมองน่ะหรือคะ”
ธีระพยักหน้าแล้วถาม “พอรู้มั้ยว่าโรคนี้มีโอกาสหายขาดรึเปล่า”
“เท่าที่ฟังรุ่นพี่พยาบาลคุยกันถึงเคสพี่สาวคุณธีเค้าก็ว่ามีนะคะ”
“โรคมะเร็งนี่ก็หายขาดได้เหมือนกันหรือ”
“ค่ะ อย่างแม่หนูดี ก็เคยเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนั้นหนูดียังเรียนมัธยมอยู่เลย แต่แม่ก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้นะคะ”
ธีระเริ่มสนใจ “หรือ แล้วคุณแม่คุณรักษาที่ไหน”
“ก็โรงพยาบาลรัฐนี่แหละค่ะ หนูดีว่าพี่สาวคุณธีก็น่าจะหายนะคะ เดี๋ยวนี้การรักษาและการให้ยาก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ ยิ่งคุณธีมีสตางค์หนูดีว่าโอกาสที่จะหายก็มีสูงนะคะ”
“จริงหรือ”
“ค่ะ หนูดีว่าอยู่ที่กำลังใจของคนป่วยด้วย ตอนที่แม่หนูดีรู้ว่าเป็นมะเร็ง แม่เข้มแข็งมากแม่บอกว่าแม่จะตายไม่ได้ ท่านจะต้องอยู่จนหนูดีเรียนจบแล้วได้แต่งงาน”
“แม่คุณคงรักและเป็นห่วงคุณมาก”
“ค่ะ เรามีกันแค่สองคน”
“แล้วคุณพ่อล่ะ” ธีระถาม
“พ่อเสียตั้งแต่หนูดีสามสี่ขวบแล้วค่ะ” หนูดีบอก
ธีระพยักหน้ารับรู้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของธีระก็ดังขึ้น “โทษนะ” ธีระพูดโทรศัพท์ “ฮัลโหล ...ได้ครับ เดี๋ยวเจอกัน ผมขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ” หนูดีรับคำ ธีระลุกขึ้น หนูดีทักออกมา “เดี๋ยวค่ะคุณธี”
“หือม์”
“หนูดีอยากจะบอกว่าคุณป้าก็รักคุณธีไม่น้อยกว่าแม่หนูดีนะคะ”
ธีระยิ้ม “ขอบใจ อ้อ แล้วก็ขอบใจอีกเรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องของแม่คุณ ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย” ธีระบอก
“อ๋อ ค่ะ” หนูดีรับคำ ธีระเดินออก หนูดีมองตามแล้วก็ยิ้มออกมา
จินดากำลังต้มรากบัวกระดูกหมูอยู่ในครัวที่บ้าน เธอตักน้ำซุปขึ้นมาชิมแล้วหันไปหยิบขวดน้ำตาลบนชั้น ทันใดนั้นจินดาก็หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
“โอ๊ย”
จินดาปล่อยขวดน้ำตาลตกลงพื้นจนแตก จังหวะเดียวกับที่ช้อย ใหญ่และภาเดินเข้ามาพอดี
“พี่จิน”
“พี่จิน เป็นอะไร” ช้อยตกใจ
“เปล่า จะหยิบขวดน้ำตาล แต่ตามันพร่า” จินดาบอก
“มา มาชั้นเก็บเอง” พูดจบใหญ่ก็หันไปหยิบไม้กวาด
“แล้วนี่ทำอะไร” ช้อยถาม
“ต้มซุปรากบัวไปให้ลูก”
“แหม ทำไมรักตาธีเหลือเกิน นี่ตัวเองไม่สบายยังจะทำกับข้าวให้ลูกกินอีก” ภาว่า
“ไม่ใช่ธีหรอก จะทำไปให้แดง” จินดาบอก
“นั่นยิ่งแล้วใหญ่ มันมีลูกมีผัวแล้วนะ ให้มันหากินเองเถอะ”
“ใช่ เราก็ยิ่งไม่สบายอยู่ เกิดหัวใจวาย ตายขึ้นมาจะทำยังไง” ช้อยบอก
“ตายสิดี ทุกวันนี้ก็ไม่อยากอยู่แล้ว” จินดาโพล่งออกมา
“จะรีบหนีไปไหน อยู่ด่าพวกชั้นอีกซักพักนึงเถอะ” ภาว่า
จินดาถอนใจ “เฮ้อ เห็นลูกเป็นอย่างนี้แล้วไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรอก”
“ทำไม กัปตันได้เมียใหม่อีกแล้วหรือ” ใหญ่ถาม
“ไม่ใช่ตาธี ยัยแดงไงเล่า” จินดาบอก
“แดงตั้งท้องอีกคนแล้วหรือ” ช้อยถาม
“นี่ ชั้นว่าพวกพี่ช้อยไม่ต้องมาปิดบังชั้นหรอก ชั้นรู้แล้วว่าแดงมันเป็นมะเร็ง” จินดาบอก
ช้อย ภาและใหญ่มองหน้ากัน
“แล้วรู้ได้ไง” ภาถาม
“เมื่อวานชั้นไปเยี่ยมมัน ถึงได้กลับมาต้มรากบัวให้มัน” จินดาเล่า
“พวกชั้นขอโทษนะพี่จิน ที่ไม่ได้บอกแต่แรก” ใหญ่พูด
“ชั้นไม่ว่าพวกเธอหรอก” จินดาบอก
“พูดแล้วก็สงสารแดงมันนะ ไม่น่ามารีบด่วนจากไปเลย” ช้อยพูด
“พี่ช้อย ทำไมพูดอย่างงั้นแดงมันยังไม่ตายนะ” ภาว่า
“ชั้นหมายถึงในไม่ช้า” ช้อยบอก
“แต่พี่ช้อยก็ไม่ควรพูดอย่างนี้นะ” ใหญ่ค้าน
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ คนเป็นมะเร็งกี่รายที่รอด ชั้นเห็นตายทุกคน” ช้อยยืนยัน
“จะว่าไปก็จริงของพี่ช้อยนะ พี่จินก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง จะได้ไม่เสียใจภายหลัง” ภาบอก
“ถ้ามีอะไรทำให้ชั้นแลกชีวิตกับลูกได้ ชั้นก็ยอมนะ เพราะชั้นคงทนเห็นลูกตายไม่ได้” จินดาร้องไห้
ใหญ่หันมาทำท่าตำหนิช้อยว่าไม่น่าพูด ช้อยหน้าเสีย ภารีบปลอบใจแม่จินดา
แดงตักต้มรากบัวขึ้นมากิน จินดานั่งมองลูกสาวด้วยความห่วงใย ช้อย ภา
และใหญ่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย ธีระกับกบนั่งห่างออกไป โดยที่ธีระกำลังพูดโทรศัพท์กับหมอ
“อร่อยมั้ยลูก” จินดาถาม
“อร่อยมากค่ะแม่” แดงตอบ
“นี่แม่ยังเหลืออีกครึ่งหม้ออยู่ในตู้เย็นนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปเยาวราชกับพวกป้าช้อย จะไปคุยกับซินแสว่ามีอะไรที่ต้มให้ลูกกินแล้วดีขึ้น”
“ไม่ต้องหรอกแม่” แดงบอก
“ไม่ต้องห่วงหรอกแดง พวกป้าจะดูแม่หนูอย่างดี พาแกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” ใหญ่พูด
“ใช่ อยู่แต่บ้านมันไม่แข็งแรง” ช้อยสนับสนุน
กบกับธีระเดินเข้ามา
“แดง ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ธีเค้านัดหมอที่เคยรักษาเพื่อนเค้าหายได้แล้ว” กบบอก
“หมอคนนี้เค้าเก่งใช่มั้ยลูก จะช่วยพี่แดงได้ใช่มั้ย” จินดาถามลูกชาย
“ต้องให้เค้าตรวจอาการก่อนครับแม่” ธีระบอก
“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะ”
“แม่ไปไหนครับ ตั้นไปด้วย”
ไตรตั้นวิ่งตามแม่ไป ทุกคนมองตาม
“กบทำถูกแล้ว อย่าไปยึดกับหมอคนเดียว ที่ไหนดี เราต้องลองให้หมด” ภาบอก
“แต่ป้าไม่อยากเสนออีกทางเลือกนะ” ช้อยโพล่งออกมา
“อะไรพี่ช้อย” จินดาถาม
“ถ้าครั้งนี้ไม่หาย ชั้นอยากให้กินยาหม้อ นะพี่จิน” ช้อยบอก
“เออใช่ ยาหม้อของหลวงปู่ที่เพชรบุรี เค้าก็ว่าดีนะ”
“ยาอะไรก็ได้ ขอให้ลูกชั้นหายเถอะ” จินดาบอก
กบกับธีระมองหน้ากันเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของแม่
หมอผู้หญิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแดง กบและธีระ
“ยาตัวใหม่ที่หมอจะให้” หมออธิบาย “หมอก็ไม่รับรองว่าจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ แต่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการทดลองมันก็ได้ผลดี แต่อาจจะมีผลข้างเคียงมากและราคาก็สูงมากด้วย”
แดงมองหน้ากบ
“เรื่องเงินผมไม่มีปัญหาครับ ขอให้ภรรยาผมหาย” กบพูด
“ถ้างั้นก็เชิญค่ะ”
หมอลุกเดินออกไป กบหันมาบอกแดง
“ไม่ต้องกลัวนะแดง”
“ขอให้พี่กบอยู่ข้างๆ แดงไม่กลัวหรอกค่ะ” แดงบอก
แดงหันมามองหน้าธีระ ธีระยิ้มให้กำลังใจ แดงเดินตามหมอออกไป
“อย่างน้อยเราก็มีหวังนะพี่กบ” ธีระพูด กบพยักหน้า
แดงนอนอยู่ในห้องปฏิบัติการณ์ หมอฉีดยาให้
กบเดินไปเดินมาหน้าห้องอย่างลุ้นๆ ธีระเดินเข้ามาส่งกาแฟให้
“ขอบใจ” กบบอก
กบรับกาแฟไปดื่มแล้วชะเง้อมองไปในห้อง ธีระก็มองเข้าไปเช่นกัน
เวลาผ่านไป หมอเดินออกมาจากห้อง
“เป็นไงครับหมอ” ธีระถาม
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ คงต้องนอนพักฟื้น เพื่อดูอาการ”
“ขอบคุณครับหมอ”
หมอเดินไป ธีระกับกบหันมามองหน้าอย่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
วันใหม่ที่บ้านของจินดา หนูดีรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินเข้ามาหาจินดา
“คุณป้าขาทานยาค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“วัดความดันหน่อยนะคะ”
“ได้ ได้” จินดาตอบ
หนูดีวัดความดันให้จินดา จินดามองหนูดี หนูดียิ้มให้
“แน่นไปมั้ยคะ” หนูดีถาม
“ไม่จ้ะ หนูเป็นพยาบาลมากี่ปีแล้วลูก” จินดาถาม
“ยังไม่ถึงปีเลยค่ะ”
“แล้วทำไมถึงอยากเป็นพยาบาล”
“ตอนหนูเด็กๆแม่หนูไม่สบายบ่อยๆ ไม่มีใครดูแลแม่ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูโตขึ้น หนูได้เป็นพยาบาล เวลาแม่แก่หนูจะได้ดูแลแม่ได้”
จินดายิ้ม “หนูนี่น่ารักจังนะ ถ้าชั้นเป็นแม่หนู ชั้นคงดีใจมากที่มีลูกกตัญญูแบบหนู”
“แต่คุณป้าก็โชคดีนะคะเพราะคุณธีเค้าก็รักและเป็นห่วงคุณป้ามาก”
“ใช่ ใครๆก็บอกว่าชั้นโชคดีที่มีลูกชายเป็นคนดี รักและห่วงใยดูแลแม่”
หนูดีนิ่งฟัง จินดาพูดต่อ
“สมัยเค้าเด็กๆนะเวลาชั้นไปทำผม เค้าต้องไปนั่งรออยู่กับชั้น ไปไหนไม่ได้ตามติดแม่ยังกะตังเม ส่วนพี่สาวเค้าก็เหมือนกัน รักแม่รักน้อง พอพ่อตายเค้าก็ดูแลน้องดูแลแม่มาตลอด” จินดาถอนใจ “เฮ้อ ไม่น่าโชคร้ายมาเป็นมะเร็งเลย”
“คุณป้าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลูกคุณป้าเป็นคนดี หนูเชื่อว่าพระต้องคุ้มครองค่ะ”
“ขอบใจนะลูก”
จินดามองหน้าแล้วยิ้มให้หนูดี ธีระเดินเข้ามา
“อ้าวธี พี่แดงเป็นไงบ้างลูก” จินดาถาม
“เรียบร้อยดีครับ หมอให้นอนพักฟื้น” ธีระตอบ
“แล้วหมอว่าไง”
“คงต้องรอดูผลของยาครับแม่ ผมซื้อขนมจีบซาลาเปามาให้แม่ครับ เดี๋ยวผมใส่จานให้”
ธีระเดินเข้าครัวไป
“หนูดี วานไปช่วยพี่เค้าหน่อย” จินดาบอก
“ค่ะ”
หนูดีลุกเดินตามธีระเข้าไปในครัว จินดายกมือไหว้พระ
“ขอให้แดงหายด้วยเถอะ”
จบตอนที่ 12