รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 1
เครื่องบินโดยสารลำใหญ่พุ่งทะยานผ่านม่านฟ้าสีคราม จังหวะนั้นเสียงพูดของกัปตันดังทั่วห้องผู้โดยสาร
“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ผมกัปตันธีระ ขณะนี้เรากำลังลดระดับเพื่อนำเครื่องลงสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิครับ”
กัปตันธีระที่นั่งอยู่ในห้องนักบินบอกวิทย์ซึ่งเป็นผู้ช่วย
“กางล้อ”
“ล้อกางแล้วครับ” วิทย์บอก
ล้อเครื่องบินกางออก เครื่องบินกำลังจะลง ธีระถือคันบังคับด้วยใบหน้านิ่ง
“ห้าสิบฟิต .. สามสิบฟิต .. ยี่สิบฟิต .. ทัชดาวน์” วิทย์พูด
ล้อเครื่องบินแตะพื้นจนควันฟุ้งกระจาย
เครื่องบินยังคงเคลื่อนไปตามทาง เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในลานบินโบกธงให้สัญญาณ เครื่องบินค่อยๆ เคลื่อนเข้าที่จอด
ธีระซึ่งนั่งประจำอยู่ในห้องนักบินพูดประกาศ
“ขณะนี้เรานำเครื่องบินเข้าจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว ผมกัปตันธีระ และลูกเรือทุกคน ขอขอบคุณท่านผู้โดยสารทุกท่าน”
ธีระดึงหูฟังออกแล้วหันมาบอกวิทย์
“กู๊ดจ๊อบ”
“แธ้งกิ้ว เซอร์” วิทย์ตอบรับ
ที่ป้ายทางเดินออกของลูกเรือ พิมเดินมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนแอร์โฮสเตส
“โอ๊ย ไฟลท์นี้เหนื่อยจัง” แหม่มเพื่อนของพิมบ่น
เป๊ปเห็นด้วย “ใช่ ผู้โดยสารเต็มลำเลย”
“อย่าบ่น เรามีหน้าที่บริการนะจ๊ะ เดี๋ยวกลับบ้านเจอแฟนก็หายแล้ว” พิมบอก
“แหม ใครจะเหมือนพี่พิมล่ะคะ ได้บินคู่กับแฟนก็ไม่เหนื่อยน่ะสิ” นุ้ยแซว
“ใช่ มีหวานใจอยู่ใกล้ตัวตลอด” กุ๊กสนับสนุน
“ช่วยไม่ได้นี่ พวกเธออยากไม่มีแฟนเป็นกัปตันทำไมล่ะ” พิมว่า
เป๊บรีบพูด “อุ๊ย อย่าพูดดังค่ะ กัปตันธียืนรออยู่นั่น”
กลุ่มแอร์โฮสเตสมองไปก็เห็นธีระยืนรอพิมอยู่กับวิทย์ กลุ่มแอร์โฮศเตสเดินเข้ามาหา
“นินทาอะไรผม” ธีระถาม
“ใครบอกคะ” พิมถามกลับ
“อ้าว ก็เมื่อกี้ตอนเดินมาเห็นคุยกันเจี๊ยวจ๊าว พอเห็นผมก็เงียบเสียงกันหมด”
“ใช่ครับ แบบนี้ต้องนินทาพวกเราแน่ ๆ” วิทย์เสริม
“นินทากัปตันต่างหากไม่ได้นินทาเธอ” แหม่มบอก
“พี่วิทย์ไปส่งหน่อยสิ เป๊บไม่ได้เอารถมา”
“เสียใจด้วย วันนี้แฟนพี่มารับ” วิทย์หันมาพูดกับธีระ “ผมไปนะครับ อ้อ เกือบลืม นี่ครับช๊อคโกแลตของแม่กัปตัน”
วิทย์ส่งถุงชอคโกแลตที่ซื้อมาให้ธีระ
“ขอบใจวิทย์ ถ้าลืมล่ะแย่เลย แม่ผมต้องโกรธแน่”
“ไปก่อนนะพิม” กุ๊กลา
“บ๊ายบายค่ะพี่พิม กัปตัน” นุ้ยบอก
วิทย์และสาว ๆ แอร์โฮสเตสแยกย้ายออกไป
ธีระหันมาถามแฟนสาว “ทริปนี้เหนื่อยมั้ย”
“ไม่ค่ะ แค่ได้บินเที่ยวเดียวกับธี พิมก็หายเหนื่อยแล้ว ไปค่ะ”
“อ้อ เดี๋ยวผมขอแวะหาแม่ก่อนนะ”
“ค่ะ”
แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปคู่กัน
ณ บ้านไม้สองชั้นของจินดา แม่ของธีระมีระเบียงแลดูร่มรื่น รถของธีระแล่นเข้ามาจอด ธีระกับพิมถือของฝากเดินลงมาจากรถ
อร สาวใช้ประจำบ้านมองไปหน้าบ้านก่อนจะหันมาบอกจินดา
“คุณยายขา คุณธีมาแล้วค่ะ”
จินดาลุกขึ้นด้วยความดีใจ เธอเห็นธีระเปิดประตูเข้ามากับพิม
“หวัดดีครับแม่”
“กลับมาแล้วหรือลูก” จินดาดีใจ
“ครับ”
“หวัดดีค่ะคุณแม่” พิมยกมือไหว้
“หวัดดีจ้ะหนูพิม”
“ผมซื้อชอคโกแลตมาฝากแม่” ธีระบอก
“ของเก่ายังไม่หมดเลยลูก ซื้อมาอีกทำไม” จินดาถาม
“มันเก็บได้นานครับ” ธีระบอก
“นานอะไร พอเราเผลอไอ้อรก็ขโมยกินหมด” จินดาฟ้อง
“แหม คุณยายขา หนูไม่เคยขโมยนะคะ ถ้าคุณยายไม่อนุญาตหนูก็ไม่กินหรอก”
“อย่ามาต่อปากต่อคำ ไปเอาน้ำมาให้พี่เค้ากินซิ” จินดาสั่ง อรเดินออกไป จินดาหันมาถาม “เหนื่อยมั้ยลูก”
“ไม่เหนื่อยหรอกครับ”
“เอ๊ะ คราวนี้ลูกบินไปไหนนะ”
“ผมไปอังกฤษมาน่ะครับ”
“แล้วหนาวมั้ยลูก”
“นิดหน่อยครับ”
“ไหนขอแม่กอดหน่อยซิ”
จินดาดึงธีระเข้ามากอด พิมมองสองแม่ลูกแล้วก็ยิ้ม ธีระเหลือบมาเห็นพิมแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“มัวแต่คุยกับแม่จนเพลิน ลืมพิมไปเลย แม่ครับ พิมเค้ามีเรื่องสำคัญจะมาบอกแม่”
จินดาสงสัย “เรื่องสำคัญอะไรจ๊ะ”
“เราสองคนจะแต่งงานกันค่ะ” พิมบอก
จินดาถึงกับอึ้ง
“ครับแม่ จะได้มีหลานให้แม่ซะที” ธีระเสริม
“คิดดีแล้วหรือ” จินดาถาม
พิมชะงักเหลือบมองธีระ
“ทำไมแม่ถามอย่างงั้นล่ะ” ธีระงง
“แม่หมายความว่า แน่ใจกันแล้วนะ ไม่อยากให้แต่งแล้วเลิกกันทีหลัง” จินดาบอก
“ไม่หรอกค่ะคุณแม่ เราสองคนรักกันจริง ๆ “ พิมบอก
“เอา ถ้ารักกันจริงแม่ก็ไม่ขัดหรอก”
“ตกลงแม่อนุญาตแล้วนะ” ธีระถามย้ำ
“แหม แกพูดยังกะว่าถ้าแม่ไม่ให้แต่ง แกก็จะไม่แต่งอย่างงั้นล่ะ”
“ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่ายังไงแม่ก็ต้องอนุญาต” ธีระบอก
ธีระกอดหอมแก้มแม่ ส่วนพิมมองจินดา จินดามองสบตาแล้วยิ้มให้เหมือนไม่มีอะไร
เวลาผ่านไป ธีระกุมมือพิมเดินออกจากบ้านของจินดามาที่รถ
“เฮ้อ ตอนแรกพิมกลัวว่าคุณแม่คุณจะไม่ยอมให้คุณแต่งงานซะอีก” พิมโพล่งออกมา
“ผมบอกแล้วไงว่าแม่ผมไม่มีปัญหา แม่รักคุณจะตายไปเหลือแต่พ่อแม่คุณเถอะ” ธีระบอก
“พ่อแม่พิมไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ท่านกลัวว่าคุณจะไม่มาขอพิมมากกว่า”
“งั้นวันอาทิตย์นี้ผมจะไปคุยกับท่านนะ”
“ได้ค่ะ พิมดีใจจริงๆเลย”
“ผมก็ดีใจ”
ธีระหอมแก้มพิม พิมหอมตอบ ในขณะที่จินดายืนแอบมองลอดหน้าต่างอย่างไม่พอใจ
บ่ายวันใหม่ จินดานั่งกินอาหารอยู่กับแดง ลูกสาวคนโต กบซึ่งเป็นลูกเขย และไตรตั้นหลานชายวัย 6 ขวบ
“ดีใจจัง นายธีจะแต่งงาน คราวนี้แม่ก็สบายแล้ว ไม่ต้องห่วงน้อง” แดงบอก
“ใครบอกแกว่าชั้นอยากให้มันแต่ง” จินดาโพล่งออกมา
“นี่อย่าบอกนะว่าแม่หวงลูกชาย ไม่อยากให้มีเมีย” แดงถาม
“ก็ใช่สิ ชั้นยังรักมันไม่พอ”
“แม่ ธีมันอายุสามสิบกว่าแล้วนะ แม่ต้องปล่อยให้มันไปมีชีวิตเองได้แล้ว” แดงบอก
“ไม่ ยังไงมันก็เป็นลูกชั้น ต่อให้มัน60 มันก็ยังเป็นลูกแหง่ของชั้น”
“แต่ผมเห็นแม่ก็ชอบกับน้องพิมดีไม่ใช่หรือครับ ทำไมถึงไม่ยอมให้เค้าแต่งงานกันล่ะ” กบสงสัย
“ไม่ใช่ไม่ยอม แต่แม่ว่ามันเร็วไป ให้ตาธี40ค่อยแต่งก็ยังทัน”
“อุ๊ยแม่ ถึงวันนั้นผู้หญิงที่ไหนเค้าจะรอ แล้วเค้าก็รักกันมาตั้งสองสามปีแล้ว หนูว่าให้เค้าแต่งกันเหอะ” แดงสนับสนุน
“แกไม่ต้องมายุ่ง ไอ้ธีมันเป็นลูกชั้น ไม่ใช่ลูกแก”
“แล้วแม่บอกธีไปรึยังว่าแม่ไม่ให้แต่ง” แดงถาม
“ชั้นจะไปพูดอย่างงั้นได้ไง ชั้นเป็นผู้ใหญ่ แกน่ะแหละช่วยพูดให้แม่ที”
“ไม่เอาหรอกแม่ เรื่องแบบนี้หนูไม่ทำ” แดงว่า
“กบ งั้นแกช่วยพูดกับนายธีให้แม่หน่อยว่าอย่าเพิ่งรีบแต่ง”
“ผมพูดไม่ได้หรอกครับแม่ ผมเป็นแค่พี่เขย ถ้าแม่ไม่อยากให้แต่งแม่พูดเองน่ะแหละดีแล้ว” กบบอก
“งั้นตั้นบอกน้าธีให้มั้ยครับว่าคุณยายไม่อยากให้แต่งงาน” ไตรตั้นแทรกขึ้นมา
แดงดุ “ไตรตั้น”
“กินข้าวเถอะลูก อย่าไปยุ่งเรื่องผู้ใหญ่เค้า” กบบอกลูกชาย
จินดามองค้อนลูกเขยกับลูกสาวด้วยความขัดใจ
ลิฟต์ภายในคอนโดของธีระเปิดออก พิมถือถุงอาหารและผลไม้เดินมาถึงหน้าห้องของธีระ พิมกดออด ธีระเดินมาเปิดประตูและเห็นพิมจึงถามขึ้น
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะจ๊ะ”
“ของชอบของคุณทั้งนั้นแหละค่ะ” พิมบอก
พิมเดินเข้าไปในห้อง ธีระปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา
“ผมว่าถ้าเราแต่งงานกันผมต้องอ้วนเป็นหมูแน่เลย”
“ถ้าคุณอ้วนเป็นหมูเค้าก็ต้องปลดคุณจากกัปตันนะ” พิมบอก
พิมแกะอาหารใส่จาน
“นี่ ถ้าแต่งงานแล้วผมอยากให้คุณเลิกบินนะ” ธีระพูด
“ค่ะ พิมก็คิดอยู่เหมือนกัน จะปรึกษาคุณว่าพิมจะเปิดร้านกาแฟขายเค้กคุณว่าดีมั้ย”
“ดีจ้ะ พอเรามีลูก คุณจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกอยู่กับลูก”
“พูดถึงมีลูก พิมว่าถ้าเราแต่งงานกันแล้ว เราย้ายไปอยู่บ้านพ่อแม่พิมดีมั้ยคะ จะได้ให้ท่านช่วยเลี้ยง” พิมเสนอ
“ผมว่าอย่าดีกว่า ผมมีแพลนว่าจะปลูกบ้านเป็นเรือนหอของเราในที่ดินที่ติดกับบ้านแม่”
“จะดีหรือคะ”
“คุณกลัวว่าแม่จะจุกจิกใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงผมจะกั้นรั้วด้วยต้นไม้เพื่อแยกส่วนบ้านเรากับแม่ รับรองแม่ไม่มายุ่งหรอก”
“งั้นก็ได้ค่ะ” พิมบอก ธีระเดินเข้ามากอดพิมจากด้านหลัง
“คุณนี่น่ารักจริง ๆ ตามใจผมทุกอย่าง”
“ก็เพราะว่าพิมรักคุณน่ะสิคะ”
“ผมก็รักคุณ” พูดจบธีระก็หอมแก้มพิม
ธีระตักอาหารป้อนพิม ทั้งสองหยอกล้อกันด้วยความรัก เวลาผ่านไป พิมกับธีระมานั่งเล่นเกมด้วยกัน ทั้งสองคุยและหัวเราะด้วยกันขณะเล่นเกม ธีระนั่งดูทีวี ส่วนพิมนอนหนุนตักธีระ ธีระมองแฟนสาวแล้วลูบผมของพิมก่อนจะก้มลงหอมแก้มเธอ พิมลืมตามองแล้วหอมแก้มตอบ
เช้าวันใหม่ ธีระกับพิมนั่งอยู่ในบ้านของสุนีย์ แม่ของพิมและพลโทพจผู้เป็นพ่อของพิม
“จะแต่งงานจริงหรือลูก” สุนีย์ถามย้ำ
“จริงค่ะแม่” พิมบอก
“วันนี้ผมก็เลยมาเรียนด้วยวาจาให้คุณพ่อกับคุณแม่ทราบก่อน แล้วผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเป็นทางการอีกทีครับ” ธีระพูด
“ถ้าเธอสองคนมั่นใจ พ่อกับแม่ก็ไม่มีปัญหาหรอก” พจบอก
“ผมต้องกราบขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่มากครับ”
“อ้อ แต่อย่างนึงที่ผมต้องบอกคุณก่อนนะ ผมเองมีลูกสาวคนเดียวผมและแม่เค้ารักยัยพิมมาก หวังว่าคุณคงไม่ทำให้ลูกสาวผมเสียใจ” พจบอก
“ผมสัญญาครับ ผมจะรักและดูแลพิมไปจนวันตายครับ”
พิมมองธีระด้วยความปลาบปลื้ม
“แม่เชื่อจ้ะว่าพ่อธีจะไม่ทำให้ยัยพิมเสียใจหรอก” สุนีย์บอก
“แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณผิดคำสัญญา คุณคงรู้จักผมดีนะ” พจว่า
พิมท้วง “พ่อน่ะ ทำไมต้องมาขู่ธีเค้าด้วย”
“ก็ต้องปรามไว้ก่อนสิ” พจบอก
“คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับ คุณพ่อจะไม่ผิดหวังในตัวผม” ธีระย้ำ
“แม่ดีใจกับลูกจริง ๆ”
พิมโผเข้ากอดแม่กับพ่อ ธีระมองยิ้มอย่างสุขใจและปลาบปลื้ม
ที่สตูดิโอถ่ายรูปแต่งงาน ธีระกับพิมเดินเข้าเฟรมมาในชุดแต่งงาน ทั้งสองหันมามองกล้องแล้วยิ้ม
ธีระกับพิมถ่ายรูปคู่ซึ่งเป็นภาพทั้งสองในชุดแต่งงานจำนวนหลายภาพ
เช้าวันใหม่ พิมวิ่งลงทะเล ส่วนธีระวิ่งตามไปกอดพิมแล้วอุ้มขึ้นมาหมุน พิมกับธีระเดินจูงมือกัน รอยเท้าของพิมกับธีระปรากฏเป็นแถวยาวที่ชายหาด จากนั้นพิมกับธีระก็มานั่งกอดกันอยู่ที่ริมทะเล
วันต่อมา ที่ห้องในคอนโดของธีระ ภาพในวีทีอาร์เป็นภาพพิมกับธีระนั่งกอดกันอยู่ที่ทะเล ข้อความ รักนิรันดร์ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ ธีระกับพิมยืนดูภาพของวีทอาร์งานแต่งจากคอมพิวเตอร์
“เป็นไง พิมอยากแก้ไขตรงไหน” ธีระถาม
“ไม่เลยค่ะ พิมว่ามันน่ารักมาก ดูแล้วซึ้งจริงๆ อยากให้ถึงวันแต่งงานเร็วๆจังเลย” พิมบอก
“ผมก็เหมือนกัน”
ธีระจุ๊บแก้มพิม พิมโผเข้ากอดเขา ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทั้งสองชะงัก แล้วธีระก็กดรับ
“ฮัลโหล มีอะไรอร”
อรกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านจินดา
“คุณยายไม่ค่อยสบายค่ะ” อรบอก
“อ้าว แม่เป็นอะไร” ธีระตกใจ
“หนูก็ไม่ทราบค่ะ เห็นแกนอนทั้งวัน บอกไม่ค่อยสบาย”
“อ้าวหรือ งั้นเดี๋ยวชั้นจะไปดูเดี๋ยวนี้” ธีระวางสาย
พิมสงสัย “มีอะไรหรือคะ”
“เด็กที่บ้านโทรบอกว่าแม่ไม่สบาย ผมจะไปดูซะหน่อย”
“ไปค่ะ พิมไปด้วย”
ทั้งสองเดินออกไปจากห้องทันที
ที่บ้านของจินดา ธีระดึงปรอทออกจากปากของแม่มาดู ในขณะที่พิมกับอรยืนอยู่ในห้องด้วย
“ไข้ก็ไม่มีนะแม่” ธีระบอก
“แต่มันปวดเนื้อปวดตัว นี่ลูกมาก็ดีขึ้นเลย” จินดาพูด
“แหม คุณยายพูดยังกะคุณธีเป็นหมอ มาปุ๊บก็หายปั๊บ” อรแซว
“พูดมากนะแก” จินดาว่า
“คุณแม่ทานโจ๊กปลาหน่อยมั้ยคะ พิมซื้อโจ๊กปลามาฝาก” พิมบอก
“ไม่จ้ะ แม่ไม่หิว” จินดาบอก พิมถึงกับชะงัก
“ทานหน่อยสิแม่ พิมเค้าอุตส่าห์ซื้อมา” ธีระบอก
“แม่ไม่ชอบกินโจ๊กปลา”
“อ้าว แต่ผมเคยซื้อมาแม่ยังบอกอร่อยไง”
“แต่ตอนนี้แม่ไม่อยากกิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเอาเต้าฮวยน้ำขิงหน่อยมั้ยคะ ร้อนๆเลยค่ะ” พิมเสนอ
“ไม่ล่ะ แม่อยากนอนพัก”
พิมอึ้ง “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”
พิมขยับจะไป ธีระเดินตามแต่จินดาเรียกไว้
“เดี๋ยวธี”
“ครับ”
“อย่าเพิ่งไปลูก นั่งเป็นเพื่อนแม่หน่อย” จินดาขอ
ธีระรับคำ “ครับ”
พิมชะงักแล้วเหลือบมองหน้าธีระ
“งั้นพิมรอข้างนอกนะคะ”
ธีระพยักหน้า พิมเดินออกไปจากห้อง จินดามองตามแล้วหันมาถาม
“แล้วเรื่องแต่งงานไปถึงไหนแล้ว”
“ผมได้วันมาแล้วครับ กะจะมาคุยกับแม่อยู่เหมือนกัน” ธีระบอก
“เมื่อไหร่ลูก” จินดาถามต่อ
“วันที่ 28 เดือนหน้าครับ”
“ทำไมมันรวดเร็วอย่างงั้นล่ะ”
“เผอิญผมกับพิมขอลางานได้ช่วงนั้นพอดีครับ”
“ไม่ใช่รีบแต่งเพราะยัยพิมท้องนะ”
“ไม่ใช่ครับแม่ มันเป็นฤกษ์สะดวกน่ะครับ เพราะถ้าเลยจากนั้นไปผมกับพิมก็จะว่างไม่ตรงกัน”
“แต่แม่ว่าแกควรจะคิดให้ดีนะ เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่ อนาคตการงานของแกกำลังรุ่ง”
“ไม่เกี่ยวกับงานหรอกแม่ กัปตันส่วนใหญ่เค้าก็มีครอบครัวกันทั้งนั้น”
“แม่พูดจริงๆนะ แม่ยังไม่อยากให้แกแต่งด้วยซ้ำ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ ไหนวันนั้นเราคุยกัน แล้วแม่ก็เห็นดีด้วย”
“แม่ก็พูดไปอย่างงั้นแหละเพราะแฟนแกอยู่ด้วย” ธีระมองแม่ของตัวเองอย่างงงๆ “นี่ แม่ว่าอย่าเพิ่งแต่งเลยนะลูก บอกยัยพิมว่าถ้ารักกันจริงก็รออีกปีสองปีค่อยแต่ง”
“แม่ครับ จะปีหน้าหรืออีกสองปี ผมก็ต้องแต่งกับพิมอยู่ดี ยังไงผมก็ต้องแต่งแล้วล่ะครับ”
“หมายความว่าแม่เตือนอะไรแกไม่ได้ใช่มั้ย” จินดาน้อยใจ
“ไม่ใช่อย่างงั้นแม่ แต่ผมไปคุยกับพ่อแม่พิมเค้าแล้ว”
“แม่ไม่ได้บอกว่าไม่ให้แต่ง แกก็บอกเค้าว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อม”
“ผมทำอย่างงั้นไม่ได้หรอกแม่ ผู้หญิงเค้าเสียหายนะ”
ธีระพูดอย่างเด็ดขาด จินดามองลูกชายอย่างไม่พอใจ
พิมนั่งอ่านหนังสือรอธีระอยู่ที่ห้องรับแขก สักพักแดง กบและไตรตั้นก็เดินเข้ามา
“อ้าว พิม” แดงทัก
“หวัดดีค่ะพี่แดงพี่กบ” พิมยกมือไหว้
“มาเยี่ยมแม่หรือ” กบถาม
“ค่ะ” พิมรับคำ
“แล้วแม่เป็นอะไร” แดงถาม
“เห็นบอกว่าปวดหัวปวดตัว ตอนนี้คุยอยู่กับธีค่ะ” พิมบอก
“งั้นพี่เข้าไปดูแม่ก่อนนะ”
“อ้าว ไตรตั้น หวัดดีน้าพิมรึยัง” กบบอกลูกชาย
“หวัดดีครับ” ไตรตั้นยกมือไหว้
“งั้นอยู่กับน้าพิมนะ พ่อไปดูคุณยายก่อน” กบบอกลูกชาย
“ครับ”
แดงกับกบเดินเข้าไปในห้อง พิมดึงไตรตั้นมากอด
“ไหน ขอน้าหอมแก้มทีซิ”
“น้าพิมครับ” ไตรตั้นเรียก
“ว่าไงครับ”
“ตั้นมีความลับจะบอกน้าพิม”
“ความลับอะไร”
“คุณยายบอกว่าไม่อยากให้น้าธีแต่งงานกับน้าพิม”
พิมชะงักและถึงกับอึ้ง
“คุณยายบอกน้องตั้นหรือ” พิมถาม
“ครับ คุณยายบอกพ่อกับแม่”
พิมยิ่งอึ้ง ทันใดนั้นธีระก็เดินเข้ามาหา
“อ้าว ไตรตั้น คุยอะไรกับน้าพิม”
“ไม่บอก ตั้นไปหาคุณยายดีกว่า”
ไตรตั้นวิ่งออกไป ส่วนพิมยังอึ้งไม่หาย
“นายตั้นแกคุยอะไรกับคุณ”
“เปล่าค่ะ แกเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง แล้วคุณแม่คุยอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก แม่ถามว่าเราจะแต่งงานเมื่อไหร่ ผมก็บอกว่าสิ้นเดือน”
“แล้วท่านพูดอะไรอีกรึเปล่าคะ”
“ไม่มีนี่” ธีระบอก
“ไม่มีอะไรจริงๆนะคะ”
“จริงสิ ไป เราไปเตรียมเรื่องงานแต่งของเราต่อดีกว่า”
ธีระกอดพิมแล้วพาเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 2
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)
แดง กบและไตรตั้นอยู่ภายในห้องของจินดา
“ธีมันบอกแม่รึยังว่าจะให้ไปสู่ขอน้องพิมวันไหน” แดงถาม
“เห็นมันว่าอาทิตย์หน้า” จินดาตอบ
“แสดงว่าแม่ไม่ขัดขวางเค้าแล้วใช่มั้ยครับ” กบถามต่อ
“แม่จะไปขัดขวางอะไรได้ เดี๋ยวนี้แม่มันแก่แล้วจะพูดจะบอกอะไรก็ไม่มีใครเค้าฟังหรอก”
“ผมไงครับ ผมฟังแม่ตลอด แม่ให้หันซ้ายผมก็หันซ้ายบอกหันขวาผมก็หันขวา” กบแซว
“อย่าเวอร์ให้มันมากพี่กบ งั้นพรุ่งนี้หนูจะพาแม่ไปตัดชุดงานแต่งเค้านะ” แดงบอกแต่จินดาไม่ตอบอะไร “เออ ลืมเลยพี่กบ ยังไม่ได้เอาเครื่องแยกกากผลไม้ลงจากรถเลย ไปเอาลงมาทีจะได้ทำน้ำแอปเปิลให้แม่กิน”
กบกับแดงเดินออก ไตรตั้นมองหน้าคุณยายของเขา
“คุณยายครับ ตั้นมีคำถาม”
“คำถามอะไรลูก”
“แล้วคุณยายจะไปงานแต่งงานน้าธีมั้ยครับ”
จินดามองหน้าไตรตั้นแต่ไม่ได้ตอบอะไร
บ่ายวันใหม่ พิมเก็บแก้วจากห้องผู้โดยสารแล้วเดินถือถาดมาที่ห้องด้านหลัง เธอวางถาดก่อนจะเปิดน้ำเทแล้วยกขึ้นดื่ม พิมครุ่นคิดถึงจินดา แล้วก็คิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้...
“คุณแม่ทานโจ๊กปลาหน่อยมั้ยคะ พิมซื้อโจ๊กปลามาฝาก” พิมบอกจินดา
“ไม่จ้ะ แม่ไม่หิว” จินดาตอบ พิมถึงกับชะงัก
“ทานหน่อยสิแม่ พิมเค้าอุตส่าห์ซื้อมา” ธีระคะยั้นคะยอ
“แม่ไม่ชอบกินโจ๊กปลา”
“อ้าว แต่ผมเคยซื้อมาแม่ยังบอกอร่อยไง”
“แต่ตอนนี้แม่ไม่อยากกิน”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเอาเต้าฮวยน้ำขิงหน่อยมั้ยคะ ร้อนๆเลยค่ะ”
“ไม่ล่ะ แม่อยากนอนพัก”
พิมอึ้ง “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” สีหน้าจินดาดูเย็นชา...
พิมคิดถึงคำพูดที่ไตรตั้นบอกเธอ
“คุณยายบอกว่าไม่อยากให้น้าธีแต่งงานกับน้าพิม” ไตรตั้นบอก
พิมครุ่นคิด ทันใดนั้นกลุ่มเพื่อนแอร์โฮสเตสก็เดินเข้ามา
“ฝันหวานอีกแล้วพิม” กุ๊กแซว
“หือม์ ว่าอะไรนะ” พิมถาม
“เหม่อคิดอะไรอยู่” กุ๊กถามกลับ
“กำลังคิดเรื่องงานแต่งงานอยู่หรือพี่พิม” นุ้ยเอ่ยถาม
พิมตอบทันที “เปล่า”
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ใครๆเค้าก็อิจฉาแกทั้งนั้น กัปตันธีทั้งหนุ่มทั้งหล่อ”
“แต่ชั้นชักไม่แน่ใจแล้วว่าจะได้แต่งจริงรึเปล่า” พิมบอก
“อ้าว มีเรื่องอะไรคะ กัปตันเปลี่ยนใจกระทันหันหรือ” นุ้ยงง
“เปล่า”
“ถ้ากัปตันไม่เปลี่ยนใจ ทุกอย่างมันก็ต้องเดินหน้าแล้วสิ” กุ๊กบอก
พิมถอนใจ “ชั้นก็ภาวนาขอให้มันเป็นอย่างงั้น”
“นุ้ยว่าพี่พิมอย่าเครียดไปเลยน่า คนเป็นเจ้าสาวก็อย่างนี้แหละค่ะ พอใกล้วันแต่งเข้ามา มันก็สับสน กลัวจะไม่มีอิสระ”
“ใช่ อย่าเครียดไปเลย” กุ๊กสนับสนุน “ถ้าแต่งแล้วไม่ดีค่อยเลิก นุ้ย ผู้โดยสารเรียก”
นุ้ยกับกุ๊กเดินออกไป พิมนั่งลงแล้วถอนใจ
“เราอาจจะคิดมากไปเอง”
ประตูลิฟต์ของโรงแรมเปิดออก ธีระในชุดเจ้าบ่าวก้าวออกมาแล้วเดินไปตามทาง พนง.ทำความสะอาดหยุดมอง
“สวัสดีค่ะ” พนักงานทำความสะอาดทัก
“หวัดดีครับ”
ธีระเดินไปหน้าห้องพักก่อนจะแง้มประตูแล้วเปิดเข้าไป
ธีระเปิดประตูแง้มเข้ามา เขาเห็นเพื่อน ๆ ของพิมอยู่ในห้อง
“พี่ธี ...” นุ้ยเรียก
“ว๊าว กัปตัน วันนี้หล่อมากกก ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ” แหม่มบอก
“อิจฉาพี่พิมจังเลย” เป็บพูดขึ้น
“กัปตันคะ ยังเปลี่ยนใจทันนะคะ กุ๊กรออยู่”
“แกนี่มันหน้าด้านจริง ๆ ไอ้กุ๊ก กัปตันเค้าจะเข้าหอคืนนี้ ยังจะมาล่อเค้าอีก” แหม่มว่า
สาว ๆหัวเราะกันลั่น ช่างแต่งหน้าเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านใน
“เจ้าสาวเสร็จแล้วหรือ” ธีระถาม
ช่างแต่งหน้าตอบ “ค่ะ”
“ขอเข้าไปหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ” ช่างแต่งหน้าหลีกทางให้ธีระ
ธีระเปิดประตูเข้ามาเห็นพิมยืนมองกระจกโดยยืนหันหลังให้เขา ธีระเดินเข้าไปหา
“วันนี้คุณสวยมาก” ธีระชม พิมหันมายิ้มให้
“ในที่สุดวันที่พิมรอคอยมาทั้งชีวิตก็มาถึงจนได้” พิมบอก
“ผมบอกแล้วไง จะไม่มีอะไรมาทำลายความรักที่ผมมีต่อคุณได้หรอก”
“พิมรักคุณค่ะ”
“ผมก็รักคุณ” ธีระเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบพิม
รถกบแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านจินดา แดงเปิดประตูลงจากรถ ส่วนไตรตั้นกับกบนั่งอยู่ในรถ
“อยู่ในรถกับพ่อนะตั้น แม่ไปรับคุณยายก่อน คุณกลับรถรอได้เลย” แดงบอก
แดงเดินเข้ามาในบ้านและมาเจอกับอร
“โอ้โหคุณแดง แต่งตัวสวยยังกะเป็นเจ้าสาวเลยนะคะ” อรชม
“ขอบใจ คุณยายล่ะ” แดงเอ่ยถาม
“นอนอยู่ในห้องค่ะ”
“นอน หมายความว่าไง”
“คุณยายไม่สบายค่ะ” อรบอก
แดงสงสัย “เป็นอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ นอนตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ไม่กินอะไรเลย”
“อ้าว แล้วทำไมแกไม่โทรบอกชั้น”
“คุณยายสั่งห้ามค่ะ” อรบอก
“แกนี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ” แดงเดินเข้าไปที่ห้องของจินดา
แดงเปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแม่ของเธอนอนนิ่งโดยที่มีน้ำนองอยู่ที่พื้น
“แม่ .. แม่” แดงเรียก
“คุณยายคะ” อรเรียกด้วย แดงเข้าไปเขย่าตัวจินดา แต่จินดาก็ยังนอนนิ่ง
“แม่ แม่เป็นอะไร ทำไมไม่พูดกับหนู”
“อุ๊ย คุณยายฉี่แตกด้วยค่ะ คุณยาย”
“แม่ แม่”
“คุณยายตายแล้วหรือคะ โธ่ คุณยาย ... ไม่จริง คุณยายต้องไม่ตาย”
“แกจะบ้าหรือ ไปเรียกคุณกบมาเร็ว” แดงสั่ง
อรวิ่งออกไป แดงยังคงเขย่าเรียกแม่ด้วยความตกใจ สักพักกบก็วิ่งเข้ามา
“มีอะไร” กบถาม
“แม่น่ะสิ ทำไมแม่ไม่รู้สึกตัว”
“ผมว่าเรียกรถพยาบาลก่อนดีกว่า” กบเสนอ
พิมกับธีระยืนคุยกับเพื่อนๆ อยู่ในห้องจัดงานของโรงแรม สักพักญาติของพิมก็เดินเข้ามาบอก
“น้องพิม อีกครึ่งชั่วโมงลงไปในงานได้แล้วนะ”
พิมตอบรับ “ค่ะ”
แหม่มถือแชมเปญเดินเข้ามาให้
“พิมเอาแชมเปญหน่อยนะ”
ธีระรีบท้วง “อย่า อย่า เดี๋ยวเมา”
“นิดเดียวน่ากัปตัน จะได้รีแลกซ์หน่อย” แหม่มบอก
“ดีเหมือนกันค่ะ จะได้หายตื่นเต้น”
พิมรับแชมเปญไป เพื่อนๆชนแก้ว ทันใดนั้นช่างภาพก็เข้ามา
“ขอโทษครับขอคู่บ่าวสาวกับเพื่อนๆมาถ่ายรูปทางนี้หน่อยครับ”
“ดี ดี ดี” บรรดาเพื่อนๆ ส่งเสียงเฮฮา
“กัปตันนั่งนี่เลยครับ เจ้าสาวนั่งคู่ เพื่อน ๆยืนล้อมเลยครับ” ช่างภาพจัดแจง
ธีระกับพิมยืนคู่กัน เพื่อน ๆ เข้ามาล้อม ทันใดนั้นญาติของธีระก็วิ่งเข้ามา
“พี่ธีคะ พี่ธี โทรศัพท์ด่วนจากพี่แดงค่ะ”
ธีระงง “ใครนะ”
“พี่แดงพี่สาวพี่ธีน่ะค่ะ” ญาติส่งโทรศัพท์ให้ธีระ
“ฮัลโหล มีอะไรพี่แดง”
แดงยืนพูดโทรศัพท์กับน้องชายอยู่ที่โรงพยาบาล
“แม่ไม่สบายมาก นี่พี่พาแม่มาโรงพยาบาล”
ธีระตกใจ “แม่เป็นอะไร”
พิมหันไปมองธีระ
“ยังไม่รู้เลย หมอกำลังตรวจอยู่” แดงบอก
“แล้วเป็นหนักมั้ย” ธีระถามต่อ
“ตอนที่พี่ไปรับแกที่บ้านแกหลับไม่มีสติเลย”
“จริงหรือ”
แดงมองเห็นหมอเดินออกมาจากห้องก็รีบบอกน้องชาย
“แค่นี้ก่อนนะธี เดี๋ยวได้เรื่องยังไงพี่จะโทรกลับไปหานะ”
“อืมม์” ธีระวางสายอย่างอึ้งๆ
“คุณแม่เป็นอะไรคะ” พิมถาม
“ยังไม่รู้เลย แต่พี่แดงบอกว่าแกไม่ได้สติตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” ธีระบอก
“แล้วยังไง” แหม่มถามต่อ
ธีระกังวลใจ “เอ่อ ...”
“ต้องไปดูมั้ยคะ”
“จะไปได้ยังไงพิม งานกำลังจะเริ่ม” กุ๊กบอก
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง อยู่โรงพยาบาลแล้วนี่” นุ้ยเสริม
“ใช่ เดี๋ยวเลิกงานค่อยไปดูอีกทีก็ได้” เป็บสนับสนุน
ธีระเครียดจัด พิมจับมือธีระแล้วถาม
“คุณโอเคมั้ยคะ”
ธีระพยายามควบคุมความกังวล “โอเคจ้ะ เอ่อ เดี๋ยวผมขอโทรเช็คพี่สาวอีกทีนะ”
ธีระเดินเลี่ยงไปกดโทรศัพท์ต่อสายไปหาแดง
กบเดินไปเดินมาหน้าห้องไอซียู เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กบกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“หมอบอกรึยังพี่กบว่าแม่เป็นไงบ้าง” ธีระถาม
“ยังไม่รู้เลย แดงกำลังเข้าไปคุยกับหมอในห้องไอซียู”
“หา ...อยู่ห้องไอซียูเลยหรือ” ธีระตกใจ
“ใช่ ก็ตอนมาถึงแม่ไม่รู้สึกตัวเค้าเลยเอาเข้าไอซียู” กบบอก
“แล้วเท่าที่พี่กบดูแม่เป็นอะไรมากรึเปล่า” ธีระถาม
“พี่ก็ไม่รู้นะ แต่จนป่านนี้แกยังไม่ฟื้นเลย” กบบอก แดงเดินออกมาจากห้องICU “เดี๋ยวนะธี แดงออกมาแล้ว” แดงเดินเข้ามาหา กบจึงส่งโทรศัพท์ให้ “แดง ธีโทรมา”
“ฮัลโหล ธี”
“หมอว่าไงพี่แดง” ธีระถาม
พิมชะเง้อมองธีระก็เห็นธีระหน้าเครียด ส่วนทางด้านหลังของพิมเพื่อนๆ กำลังคุยและหัวเราะกัน
“หมอบอกน้ำตาลขึ้นสูง แม่เลยช๊อคหมดสติ” แดงบอก
“ช๊อคหรือ”
“ใช่ แต่แกไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่ดูแม่เอง แค่นี้นะ”
ธีระวางสาย พิมเดินเข้ามาหา
“หมอว่าไงคะ” พิมถาม
“แม่อยู่ห้องไอซียู” ธีระบอก
“เป็นหนักเลยหรือคะ”
“คิดว่าหนักนะ เอ... แม่เป็นอะไรเนี่ย อยู่ ๆ ถึงช๊อคหมดสติ”
ญาติพิมเดินเข้ามาเรียก
“น้องพิม คุณธี ได้เวลาลงไปข้างล่างแล้วค่ะ”
“ค่ะ” พิมมองหน้าธีระ
“พิมลงไปรับแขกก่อนได้มั้ย ผมขอรอโทรศัพท์พี่แดงแป๊บเดียว” ธีระบอก
“ค่ะ คุณอย่าเครียดนะ”
“ไม่ ผมไม่เครียดหรอก ผมแค่อยากรู้ว่าแม่เป็นอะไร”
ทันใดนั้น เพื่อนๆ ของพิมก็เดินเข้ามาหา
“ไป พิม งั้นเราลงไปกันก่อน” แหม่มชวน
“กัปตันตามไปนะคะ” นุ้ยบอก
“อืมม์ ลงไปก่อน ขอรอโทรศัพท์แป๊บเดียว”
พิมและเพื่อน ๆ เดินออกไปจากห้องและเหลือธีระอยู่เพียงลำพัง ธีระเดินไปเดินมาอย่างเคร่งเครียดก่อนจะตัดสินใจกดโทรศัพท์ต่อสายออกไป
แดงซึ่งอยู่ในห้อง ICU รับสาย
“ฮัลโหลธี”
“ว่าไงพี่แดง แม่ฟื้นรึยัง” ธีระถาม
“ยัง หมอบอกว่าตอนนี้หัวใจแม่เต้นอ่อนลง”
“หัวใจเต้นอ่อนลงหรือ” ธีระตกใจ
“ใช่ ตอนนี้ต้องให้ออกซิเจน”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิแดง เดี๋ยวธีก็ตกใจหรอก” กบปราม
“ก็ชั้นพูดจริงนี่ เดี๋ยวเกิดแม่เป็นอะไรแล้วไม่บอกมัน มันก็ด่าชั้นสิ”
ธีระได้ยินเสียงแดงกับกบพูดกันก็ถึงกับอึ้ง เขาปิดโทรศัพท์แล้วหันเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
ธีระเปิดประตูออกมาเจอพิมยืนอยู่หน้าห้อง
“พิมขึ้นมาตามคุณ รองสมภพมาแล้วค่ะ” พิมบอก
“เอ่อ พิมบอกรองสมภพได้มั้ยว่าแม่ผมป่วยหนัก” ธีระพูด
“ป่วยหนักหรือคะ”
“พี่แดงบอกหัวใจแม่เต้นอ่อนมาก ผมอยากไปดูแม่”
“แล้วทางนี้ล่ะคะ” พิมถาม
“พิมรับแขกไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา” ธีระบอก พิมอึ้ง “ผมฝากด้วยนะ” ธีระถอดหูกระต่ายส่งให้พิม
ธีระวิ่งออกไป พิมยืนมองตามอย่างเคว้งคว้าง แหม่มกับกุ๊กเดินสวนเข้ามา
“พิม นั่นกัปตันไปไหน เห็นบอกว่าเดี๋ยวกลับมา” แหม่มถาม
“เค้าไปดูแม่ บอกว่าอาการไม่ดี” พิมบอก
“อ้าว แล้วงานแต่งงานล่ะ” กุ๊กแปลกใจ
“เดี๋ยวเค้ากลับมา” พิมบอก
แหม่มกับกุ๊กมองหน้ากันอย่างงงๆ ส่วนพิมทั้งงงทั้งอึ้งและเป็นห่วงธีระ
ธีระวิ่งมาตามทางเดินในโรงพยาบาล เขาเลี้ยวไปที่ห้องไอซียูก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
ธีระเปิดประตูเข้ามาเจอแดงกับกบอยู่ในห้อง
“อ้าว ธี” กบทัก
“นี่แกมาทำไม แล้วงานแต่งงานล่ะ” แดงถาม
“ไม่เป็นไรครับ ผมให้พิมเค้ารับแขกไปก่อน แม่เป็นไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลย” แดงบอก
ธีระโผเข้าไปที่เตียง เขาเห็นแม่นอนไม่ได้สติโดยมีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่
“แม่ นี่ธีนะ ธีมาแล้ว”
“แกไม่รู้สึกตัวหรอก พี่ว่าแกกลับไปงานเถอะเดี๋ยวคนจะรอ” แดงบอก
“แต่แม่กำลังป่วยหนักนะ พี่จะให้ผมทิ้งแม่หรือ”
“แล้วงานแต่งงานล่ะ ถ้าแกไม่ไป เจ้าสาวจะว่าไง” แดงท้วง
“พิมเค้าเข้าใจ ผมให้เค้าบอกแขกว่าแม่ป่วยหนัก”
เสียงโทรศัพท์มือถือของธีระดังขึ้น ธีระกดรับ
“ว่าไงพิม”
พิมยืนโทรศัพท์อยู่ในห้องที่ไม่มีใครอยู่
“คุณแม่เป็นไงบ้างคะ ฟื้นรึยัง”
“ยังเลย” ธีระบอก
“แล้วคุณจะกลับมางานกี่โมงคะ”
“ยังไม่รู้เลย พิมรออีกซักพักได้มั้ย ผมอยากให้แม่ฟื้นก่อน”
พิมแกล้งถาม “หรือเราจะยกเลิกงานไปก่อนดีมั้ยคะ”
“ยกเลิกทำไม”
“ก็ถ้าคุณไม่อยู่ มันก็ไม่มีประโยชน์”
“จริงสินะ ผมขอโทษด้วย งั้นคุณบอกยกเลิกแขกไปก่อนนะ แล้วเราค่อยนัดเลี้ยงกันใหม่อีกที”
พิมถึงกับอึ้งเพราะไม่คิดว่าธีระจะยกเลิกงานแต่งจริงๆ
“นะพิมนะ ยกเลิกงานแต่งไปก่อน เพราะถ้าผมไปงานแล้วแม่ยังไม่ฟื้น ผมก็คงไม่มีความสุขหรอก”
“สรุปว่าคุณจะไม่กลับมางานแต่งงานใช่มั้ยคะ” พิมถามย้ำ
“ใช่จ้ะ ขอบคุณมากนะที่พิมเข้าใจ” ธีระบอก พิมอึ้ง “ฝากขอโทษแขกแทนผมทีนะ ถ้าแม่ฟื้นผมจะรีบกลับไปหาคุณ”
“ค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ”
ธีระกดปิดโทรศัพท์ด้วยความโล่งอก เขาหันมาบอกแดงกับกบ
“เดี๋ยวพิมเค้าจะยกเลิกงานไปก่อน”
พิมปิดโทรศัพท์โดยที่ยังไม่หายอึ้ง ทันใดนั้นพ่อกับแม่ของเธอก็เดินเข้ามา
“กัปตันเค้าว่าไงลูก นี่ท่านประธานก็มาแล้วนะ”
“เอ่อ พ่อคะ แม่คะ”
“ว่าไงลูก”
“หนูต้องขอยกเลิกงานก่อนนะคะ”
“อะไรนะ นี่ลูกพูดอะไร”
“แม่ธีเค้าไม่สบายมากค่ะ ตอนนี้อยู่ไอซียู”
“แต่นี่มันงานแต่งงานของลูกนะ จะมายกเลิกง่ายๆงั้นหรือ”
“นั่นน่ะสิลูก แม่ว่ารออีกซักพักเถอะ ให้ตาธีรีบมา มาซักชั่วโมงก็ยังดีน่ะ” สุนีย์บอกลูกสาว
“เค้าคงไม่มาหรอกค่ะ”
พจโกรธจัด “นี่เค้าไม่เห็นความสำคัญของลูกงั้นหรือ”
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะค่ะพ่อ” พิมบอก
“ชั้นว่าใจเย็นก่อนดีกว่าคุณ อย่าให้เป็นเรื่องเลย ลูกแน่ใจนะว่าตาธีจะไม่กลับมา”
“ค่ะ เดี๋ยวหนูลงไปบอกแขกเองค่ะ” พูดจบพิมก็เดินออกไป
“มันทำอย่างนี้มันไม่ให้เกียรติเรานี่หว่า” พจไม่พอใจ
“มันเป็นเหตุสุดวิสัยน่าคุณ เค้าไม่ได้แกล้งหรอก” สุนีย์บอก
อ่านต่อหน้า 3
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)
จินดายังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ธีระนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมทั้งจับมือแม่ในขณะที่น้ำตาคลอ
“แม่ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะ แม่ได้ยินธีมั้ย”
จินดายังหลับไม่รู้เรื่อง ธีระมองแม่อย่างห่วงใยพร้อมกับบีบมือแม่ไปด้วย จินดาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองหน้าธีระ
“ธี ...”
“แม่ ...” ธีระเรียก
“ธีลูกแม่”
“แม่เป็นยังไงบ้าง แม่เจ็บตรงไหน”
“แม่เจ็บไปทั้งตัว อย่าทิ้งแม่ไปนะลูก” จินดาบอก
“ครับแม่ ธีไม่ทิ้งแม่ไปไหนหรอก ธีจะอยู่กับแม่ตรงนี้”
จินดามองลูกชายแล้วก็น้ำตาริน ทันใดนั้นแดงก็เปิดประตูเข้ามา
“พี่แดงแม่ฟื้นแล้ว”
แดงวิ่งเข้ามาหาแม่ “แม่ แม่จ๋า นี่แดงจ้ะ แม่เป็นไงบ้าง”
“แม่เหนื่อย” จินดาตอบ
“นี่หมอรู้รึยัง” แดงถาม
“ยังเลย พี่แดงอยู่กับแม่นะ ผมจะออกไปบอกหมอ”
“แม่ไม่เป็นอะไรแล้วนะ เดี๋ยวหมอมาแล้ว”
ธีระปล่อยมือจากแม่ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปโดยที่น้ำตาไหลออกมาด้วยความโล่งใจ
พิมนั่งมองกระจกในห้องที่โรงแรม เธอค่อยๆ ดึงดอกไม้ที่คาดผมตัวเองออก ก่อนจะยกไวน์จิบแล้วนึกถึงที่ธีระบอก
เสียงธีระดังขึ้นมาในความคิด “คุณบอกยกเลิกแขกไปก่อนนะ แล้วเราค่อยเลี้ยงกันใหม่อีกที”
พิมมองกระจกอย่างน้อยใจ ทันใดนั้นธีระก็เปิดประตูเข้ามา
“พิม”
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ” พิมถาม
“ปลอดภัยแล้ว” ธีระบอก
“แล้วหมอบอกมั้ยคะว่าเป็นอะไร” พิมถามต่อ
“แม่เป็นเบาหวาน น้ำตาลขึ้นสูงก็เลยช๊อค เราก็ตกใจซะแทบแย่ นึกว่าเป็นอะไรร้ายแรง”
“ยังดีค่ะที่เป็นแค่เบาหวาน”
“ผมต้องขอโทษนะ แล้วคุณล่ะเป็นยังไงบ้าง แขกบ่นมั้ย”
“ไม่หรอกค่ะ ทุกคนเข้าใจว่าเป็นแอคซิเดนท์”
“แล้วพ่อแม่คุณล่ะ ท่านต้องโกรธผมแน่เลย”
“พ่อก็มีโมโหนิดหน่อย พรุ่งนี้คุณรีบไปกราบขอโทษท่านแล้วกัน”
“จ้ะ ... เฮ้อ ไม่น่ามีเรื่องเลย”
“แล้วคุณทานอะไรรึยัง สั่งอะไรขึ้นมาทานมั้ยคะ พิมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเหมือนกัน”
“คุณทานเถอะ เมื่อกี้ผมทานที่โรงพยาบาลมาแล้ว”
“งั้นก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ”
“ไม่ล่ะ ผมแค่มาเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวจะกลับไปโรงพยาบาลอีก”
“ไหนบอกว่าปลอดภัยแล้วไงคะ”
“ใช่ ปลอดภัย แต่ไม่มีใครนอนเป็นเพื่อนแม่ พรุ่งนี้พี่แดงกับพี่กบเค้าต้องไปทำงาน”
พูดจบธีระก็หยิบชุดใหม่เข้าห้องน้ำไป พิมมองตามอย่างอึ้งๆ เพราะทั้งผิดหวังทั้งน้อยใจ ธีระเดินออกมา
“คุณให้กุ๊กหรือแหม่มมานอนค้างเป็นเพื่อนคุณแล้วกันนะ”
พิมรับคำ “ค่ะ”
“พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
ธีระหอมแก้มพิมในขณะที่พิมยังไม่หายอึ้ง ธีระหันหน้าจะเดินออกแล้ว
“พิมไม่โกรธผมนะที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ธีระถาม
“จะโกรธได้ไงคะ มันเป็นเรื่องเจ็บป่วยนี่คะ”
“ขอบคุณนะที่คุณเข้าใจผม”
ธีระหอมแก้มพิมอีกทีแล้วเดินออกไป พิมมองตามแล้วน้ำตาก็ซึมเพราะอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่ห้องพักในโรงพยาบาล จินดาลืมตาขึ้น ในขณะที่แดงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา
“แดง” จินดาเรียก
แดงลุกเดินมาหา “จ๋าแม่ แม่จะเอาอะไร”
“แม่จะถามว่างานแต่งงานของน้องเป็นยังไงบ้าง”
“ธีกับพิมเค้ายกเลิกงานไปก่อน”
“หมายความว่ายังไม่ได้แต่งกันงั้นหรือ”
“จ้ะ ธีมันเป็นห่วงแม่ก็เลยยกเลิกงานแต่งอยู่เฝ้าแม่”
“แสดงว่าธีมันรักแม่มากกว่าผู้หญิง” จินดาพูดอย่างปลาบปลื้ม
แดงมองหน้าจินดา
“แกมองหน้าแม่ทำไม”
“ที่แม่ป่วยเพราะไม่อยากให้ธีมันแต่งงานรึเปล่า” แดงถาม
“แกจะบ้าหรือ ชั้นเกือบตาย เยี่ยวแตกเยี่ยวแตน นึกว่าชั้นแกล้งหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ก็หนูเห็นแม่บ่นๆว่าไม่อยากให้ธีมันแต่งงาน”
“ชั้นไม่ลงทุนเสี่ยงชีวิตขนาดนั้นหรอก”
“ใครจะไปรู้ แม่น่ะพิษสงเยอะจะตาย”
“นี่แกว่าชั้นหรือ”
ธีระเปิดประตูเข้ามา แดงกับจินดาชะงัก
“นี่แม่ดีขึ้นแล้วหรือ” ธีระถาม
“ดีขึ้นแล้วลูก แต่พี่สาวแกจะทำให้แม่ตายอีกรอบ” จินดาฟ้อง
“มีเรื่องอะไรพี่แดง”
“ไม่มีอะไร คุยกันเล่นๆ แกมาก็ดีแล้ว พี่กลับก่อนนะไปนะแม่ พรุ่งนี้เจอกัน”
“ไปเหอะ ชั้นไม่อยากเจอแก” จินดาออกปากไล่
แดงมองค้อนก่อนเดินออกไป ธีระเดินเข้ามาหาแม่ของเขา
“ทะเลาะอะไรกันแม่”
“มันหาว่าแม่สำออย”
“พี่แดงเค้าคงว่าเห็นแม่หายดีแล้วก็เลยล้อเล่น” ธีระบอก
จินดาจับมือธีระ “นี่ลูกกินอะไรมารึยัง”
“กินแล้วครับ แล้วแม่ล่ะหิวมั้ย”
“ไม่หิวหรอกลูก”
“งั้นแม่นอนพักนะ”
จินดามองหน้าลูกชายอย่างชื่นใจก่อนจะยกมือของเขาขึ้นมาหอม “ลูกรักของแม่”
ธีระยิ้มแล้วมองแม่ จินดายิ้มให้ด้วยความรักเต็มหัวใจ
ชุดเจ้าสาวแขวนอยู่ในห้องพักที่โรงแรม พิมนอนอย่างอ้างว้างอยู่ในห้องเพียงลำพัง
ส่วนธีระนอนหลับอยู่ในห้องพักที่โรงพยาบาล จินดานอนมองธีระแล้วก็อมยิ้ม
“ในที่สุดลูกก็ยังเป็นของแม่”
เช้าวันใหม่ พจกำลังพูดโทรศัพท์กับผู้บัญชาการ
“ผมต้องกราบขอประทานโทษท่านด้วยครับ ที่ทำให้ท่านเสียเวลาไปงานลูกสาวผม”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ถ้าได้วันแต่งใหม่ก็โทรมานะ” ผู้บัญชาการตอบ
“ขอบคุณครับท่าน”
สุนีย์นั่งฟัง พจวางสาย
“ท่านผบ. คงเข้าใจนะคะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” สุนีย์บอก
“แต่ผมสิผมไม่เข้าใจ ผมว่านายธีไม่ให้เกียรติเรา ไม่เห็นหัวเราสองคน”
“อย่าไปมองเค้าอย่างงั้นเลย เค้าคงตกใจกลัวว่าแม่เค้าจะเป็นอะไร”
“เป็นอะไรกะอีแค่น้ำตาลขึ้น ถ้าถูกรถชนแล้วเป็นตายเท่ากันผมจะไม่ว่าซักคำ”
ทันใดนั้น พิมก็เดินเข้ามา
“พ่อคะ ธีเค้ามากราบขอโทษพ่อกับแม่ค่ะ”
พจกับสุนีย์หันมาเห็นธีระกำลังเดินตามพิมเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่”
พจมองอย่างโกรธเคืองก่อนจะเมินหน้าหนี
“เชิญจ้ะ แล้วคุณแม่เป็นยังไง” สุนีย์ถาม
“ปลอดภัยแล้วครับ หมอขอดูอาการอีกวันสองวันถึงจะให้กลับบ้านครับ”
“กะอีแค่โรคเบาหวาน คุณถึงกับยกเลิกงานแต่งงานลูกสาวผม คุณเห็นลูกสาวผมเป็นยังไง” พจถาม
“เอ่อผม .. “ ธีระจะอธิบายแต่พจพูดขึ้นมาอีก
“คุณรู้มั้ยว่าแขกของผมที่มางานเป็นใครบ้าง ทั้งรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ อธิบดี ผู้ว่าการท่า คุณรู้มั้ยว่าผมเสียหายแค่ไหน ใครๆเค้าก็เอาเรื่องนี้ไปพูดกันเป็นเรื่องตลก”
“พ่อคะ พ่อฟังธีก่อนสิคะ” พิมบอก
“ลูกไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” พจว่า พิมหน้าเสีย “ผมจะบอกให้คุณรู้นะตั้งแต่ผมเกิดมาจนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการ ยังไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับผม”
“ให้ผมอธิบายได้มั้ยครับ”
“คุณไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น คุณกลับไปซะ ผมไม่ยกลูกสาวให้คุณแล้ว”
“คุณพ่อครับ”
“คุณกลับไปได้แล้ว” พจย้ำ
“แม่คะ ช่วยพูดกับพ่อหน่อยสิคะ” พิมขอ
สุนีย์ขยับจะพูด “เอ่อ ...”
“ผมพูดคำไหนเป็นคำนั้น” พจพูดแล้วก็เดินจากไป ธีระอึ้งและเครียด พิมมองหน้ามองแม่อย่างขอความช่วยเหลือ
“แม่ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยนะ” สุนีย์บอก “คุณพ่อกำลังโกรธ รอให้ท่านอารมณ์เย็นกว่านี้ แล้วแม่จะลองคุยให้นะ”
“ผมกราบขอบพระคุณคุณแม่มากครับ บอกคุณพ่อนะครับว่าผมไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้”
“แม่เข้าใจ เอาล่ะ แม่ว่าคุณกลับไปก่อนแล้วกัน” สุนีย์บอก
สุนีย์พยักหน้าให้พิม พิมมองหน้าธีระ
“งั้นผมลาคุณแม่นะครับ”
ธีระยกมือไหว้แล้วเดินออกไปจากบ้าน พิมเดินตามไปส่ง สุนีย์มองตามด้วยความหนักใจ
ธีระเดินออกมาที่หน้าบ้าน พิมเดินตามมาส่งที่รถ
“ไม่ว่าพ่อจะพูดยังไง ชั้นก็จะแต่งงานกับคุณนะคะ” พิมบอก
“ผมก็จะทำให้คุณพ่อคุณให้อภัยผมให้ได้” ธีระพูด
พิมโผเข้ากอดธีระ ทันใดนั้นพจก็โผล่หน้ามาเรียกจากชั้นบน
“พิม เข้าบ้านได้แล้ว”
พิมกับธีระถึงกับชะงัก ธีระมองพ่อ แต่พจหันหน้าเดินออกไป
“อย่าท้อนะคะ” พิมให้กำลังใจ
“จ้ะ ผมไปนะ”
ธีระเดินออกไป พิมมองตามแล้วถอนใจด้วยความเครียด
ธีระยืนเหม่ออยู่ที่ร้านขายต้นไม้ของแดงกับกบ กบเดินเข้ามาส่งเครื่องดื่มให้
“ดื่มอะไรเย็นๆก่อน”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วทำไมไม่อธิบายให้พ่อน้องพิมเค้าเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องแอคซิเดนท์” กบถาม
“ผมพยายามพูดแล้ว แต่พ่อเค้าไม่ฟังอะไรเลย”
แดงเดินเข้ามาสมทบ
“เป็นเพราะแม่แท้ ๆ ป่วยวันไหนไม่ป่วยดันมาป่วยวันแต่ง”
“อย่าไปว่าแม่เลยพี่แดง แม่ไม่ได้แกล้งนี่” ธีระบอก
“แล้วน้องพิมล่ะ เค้าเข้าใจรึเปล่าว่าแม่เราป่วยจริง”
“เข้าใจ พิมเค้าก็รู้ว่าแม่รักเค้า แม่จะแกล้งทำไม”
“เอาน่ะ ถ้าแฟนเราเข้าใจซะอย่าง เรื่องพ่อตาก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่พี่ว่าธีหมั่นไปตื๊อ ซื้อของไปฝากบ่อยๆ เดี๋ยวพ่อเค้าก็ใจอ่อนเองแหละ” กบเสนอ
“ใช่ ดูอย่างพี่กบสิ ตอนแรกแม่เกลียดขี้หน้าจะตาย พอจับทางถูกซื้อของกินของฝากมาให้บ่อย ๆ แม่ก็ตัวอ่อนปากอ่อน ยกพี่ให้เลยเห็นมั๊ย” แดงบอก
ธีระฝืนยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับคำ
อรหยิบยาเบาหวานแล้วเดินเอามาให้จินดาที่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน
“คุณยายขาถึงเวลาทานยาแล้วค่ะ”
“ชั้นเพิ่งกินไปนะ” จินดาบอก
“นั่นมันยาตอนเช้าค่ะ นี่มันยากลางวัน” อรพูด
“ความจริงชั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ต้องกินแล้วล่ะ”
“อ้อ นี่แสดงว่าวันนั้นคุณยายแกล้งไม่สบายเพื่อไม่ให้คุณธีแต่งงานหรือคะ”
“แกจะสอดรู้เกินไปแล้วนังอร”
“อ้าว ก็เมื่อกี้คุณยายพูดเองว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“ชั้นบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
“เป็นมากเป็นน้อยคุณยายก็ต้องกินยาค่ะ เดี๋ยวหนูถูกดุ นี่ค่ะ”
อรส่งยาให้ จินดารับยามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ อรส่งน้ำให้ แล้วเสียงออดของบ้านก็ดัง
“ไปดูซิใครมา” จินดาสั่ง
อรเดินออกไปดู จินดารีบเอายาทิ้งถังขยะ
อรเดินออกมาดูที่หน้าบ้านก็เห็นยายชดช้อย ป้าภา ย่าใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของจินดากำลังถือถุงอาหารยืนอยู่ที่หน้าประตู อรเดินมาเปิดประตูให้
“หวัดดีค่ะ คุณยายชดช้อย หวัดดีค่ะป้าภา หวัดดีค่ะคุณย่าใหญ่”
“ยายจินอยู่รึเปล่าไอ้อร” ช้อยถาม
“อยู่ค่ะ นี่ซื้ออะไรกันมาเยอะแยะคะ” อรถาม
“ก็ของเยี่ยมน่ะ” ใหญ่บอก
“มาค่ะ หนูช่วยถือ เชิญในบ้านเลยค่ะ”
ทุกคนเดินเข้าบ้านไป
กลุ่มเพื่อนของจินดาเดินเข้าไปส่งเสียงเรียกดังขรม
“พี่จิน”
“ชั้นอยู่นี่” จินดาตะโกนบอก
จินดาลุกมาต้อนรับ
“ไหนบอกว่าไม่สบาย ไม่เห็นทรุดเลย” ช้อยงง
“นั่นน่ะสิ เห็นว่าน๊อคเข้าโรงพยาบาล พวกเรานึกว่าไม่รอดซะแล้ว” ภาบอก
“นั่นน่ะสิ นี่ดูปกติ สดชื่นกว่าเก่าอีกนะ” ใหญ่ว่า
“ก็มันไม่ได้เป็นอะไรมาก คนมันพูดกันไปเอง มา มา เชิญ”
ทุกคนเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขก
“ชั้นซื้อผัดไท หอยทอดกับข้าวเหนียวทุเรียนมาฝาก” ช้อยบอก
“เออ กำลังอยากกินพอดี นังอรเอาไปใส่จานซิ” จินดาสั่ง
“คุณยายขาหมอเค้าห้ามกินทุเรียนนะคะ” อรบอก
“หมอเค้าบอกกินได้คำสองคำ อย่าพูดมาก ไปใส่จานมาเร็ว ๆ” จินดาเร่ง
อรถอนใจอย่างระอาก่อนจะเดินถือของกินออกไป
“พี่จินนี่โชคไม่ดีจริงๆ ดันมาเจ็บวันที่ลูกชายจะแต่งงาน” ภาบอก
“แต่ชั้นว่าเป็นโชคดีมากกว่า” จินดาพูด
ทุกคนชะงักมองหน้าจินดา
“นี่อย่าบอกนะว่าป่วยการเมือง ไม่อยากให้ลูกชายแต่งงาน” ช้อยพูดดัก
จินดาอมยิ้ม “ก็ทำนองนั้น”
“จริงหรือ” ใหญ่ถาม
“แสดงว่าที่เยี่ยวแตกนี่ แกล้งทำงั้นหรือ” ภาถามต่อ
“เปล่า มันเป็นจริง แต่ชั้นตั้งใจให้เบาหวานมันขึ้น” จินดาบอก
ช้อยสงสัย “ทำยังไง”
“ก็กินของหวานเยอะๆน่ะสิ แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกนะ ว่ามันจะถึงขั้นช็อค”
“นี่โชคดีนะที่ไม่ตาย” ใหญ่บอก
“แหม พี่จินนี่สุดยอดแม่ผัวจริง ๆ” ภาแซว
“แล้วจะหวงลูกชายไปถึงไหน เห็นว่าลูกสะใภ้ก็ออกสวย เป็นถึงลูกสาวนายพลไม่ใช่หรือ”
“ก็ไม่ได้รังเกียจเค้าหรอก แค่ยังไม่อยากให้แต่งตอนนี้” จินดาบอก
“แบบนี้ก็เข้าตำราลูกข้าใครอย่าแตะล่ะสิ”
ทั้งหมดหัวเราะเสียงดัง
เสียงอรดังเข้ามา “มาแล้วค่ะ”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าพูดดัง เดี๋ยวนังอรมันปากสว่างไปบอกลูกชายชั้น”
อรถือถาดอาหารเดินเข้ามา
“มาแล้วค่ะ ข้าวเหนียวทุเรียน ก๋วยเตี๋ยวผัดไท หอยทอด คุณยายขาอาหารพวกนี้มันอันตรายนะคะ”
จินดาย้อนถาม “แล้วทำไม”
“หนูกลัวว่าคุณยายจะเป็นอะไรอีกน่ะสิคะ” อรบอก
“ถ้าชั้นตายแกไม่ดีใจหรือ แกจะได้ไม่ต้องดูแลชั้นไง ฮะ ฮะ ฮะ”
จินดาหัวเราะชอบใจ อรมองค้อน กลุ่มเพื่อนของจินดายิ้มขำ
พิมเดินผ่านผู้โดยสารมาที่ส่วนเตรียมของพนักงาน พิมดึงเก้าอี้สำหรับแอร์โฮสเตสออกมานั่ง แหม่มยืนเซ็นต์เอกสารอยู่บนเคาน์เตอร์ ส่วนเป๊บยืนจัดของ
“ตกลงได้วันแต่งงานใหม่รึยังพี่พิม” เป็บถาม
“ตอนนี้ต้องเบรคไว้ก่อน พ่อไม่ยอมให้แต่ง” พิมบอก
“อ้าว ทำไมล่ะ คุณพ่อโกรธกัปตันหรือ” แหม่มเอ่ยถาม
“อืมม์”
“จะว่ากัปตันก็ไม่ได้นะพี่พิม แม่เค้าไม่สบายจริง ๆ นี่” เป็บบอก
พิมมองหน้าเพื่อน “แล้วถ้าแม่เค้าแกล้งไม่สบายขึ้นมาล่ะ”
แหม่มงง “แกพูดอะไรของแกวะ”
“ชั้นก็แอบคิดน่ะ” พิมบอก
“ทำไม แม่กัปตันเค้าไม่ชอบพี่หรือ” เป็บถาม
“พี่ก็ไม่รู้ ก่อนหน้านี้เค้าก็ดีกับพี่ทุกอย่าง แต่พอบอกว่าจะแต่งงานกับธี แม่เค้าก็ดูแปลก ๆ”
“แกคิดมากไปรึเปล่า” แหม่มถาม
“แต่มันก็อดคิดไม่ได้นะแก ทำไมอยู่ๆแม่เค้าต้องเข้าโรงพยาบาลวันที่เราแต่งงานด้วย”
“แต่เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยใครจะไปรู้ล่วงหน้า” เป็บบอก
“นั่นสิ ชั้นว่าแกอย่าคิดมากเลย คิดดีกว่าว่าทำยังไงให้คุณพ่อหายโกรธกัปตัน”
พิมมองหน้าเพื่อนๆ เพื่อนพากันเดินออกไป พิมถอนใจ
“หรือเราจะคิดไม่ดีกับแม่เค้า... ใช่ เราไม่ควรคิดร้ายกับเค้า”
รถของพจเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน พจก้าวลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ทหารเวรเดินตาม
ธีระที่อยู่ในเครื่องแบบกำลังนั่งคุยอยู่กับสุนีย์อยู่ที่ห้องรับแขก
“ไปธิเบตมาหรือลูก” สุนีย์ถาม
“ครับคุณแม่ พอดีไปเจอหญ้าตัวหนอนที่นั่น เค้าบอกว่าทานแล้วดีกับสุขภาพ ผมก็เลยซื้อมาฝากครับ” ธีระบอก
“งั้นเดี๋ยวพ่อเค้ามาธีก็ให้เค้าเองเลย”
พจเดินเข้าบ้านมาเห็นธีระก็ชะงัก
“สวัสดีครับ คุณพ่อ” ธีระยกมือไหว้
“คุณมีธุระอะไร” พจถามห้วนๆ
“ผมเพิ่งกลับจากธิเบตน่ะครับ เลยเอาหญ้าตัวหนอนมาฝากคุณพ่อ”
ธีระส่งให้แต่พจไม่รับ
“ขอบใจ แต่ผมว่าคุณเอากลับไปเถอะ ผมแพ้สมุนไพร” พจบอก
พจจะเดินเลี่ยงไป
“คุณพ่อครับ ผมอยากจะขอโอกาสคุณพ่ออีกซักครั้งได้มั้ยครับ” ธีระพูด พจชะงักมอง “ผมรู้ตัวว่าผมทำผิดมากกับครอบครัวคุณพ่อแล้วก็พิม แต่ผมอยากจะขอความกรุณาจากคุณพ่อ จะให้ผมทำอะไรก็ได้ครับเพื่อล้มล้างความผิดครั้งนี้”
“ผมว่าคุณกลับไปเถอะ เพราะเราพูดเรื่องนี้กันจบแล้ว”
พูดจบพจก็เดินขึ้นชั้นบน ธีระอึ้งก่อนจะหันมาสบตาสุนีย์
“อย่าเพิ่งถอดใจ มาบ่อย ๆ พ่อเค้าชอบให้คนเดินเข้าหาเค้า”
“ครับ” ธีระส่งห่อหญ้าตัวหนอนให้สุนีย์ “คุณแม่ลองต้มทานดูนะครับ มันดีต่อสุขภาพจริง ๆ”
“ขอบใจจ้ะ”
ธีระเดินออกไป สุนีย์มองห่อหญ้าในมือแล้วถอนใจ
ธีระเดินออกมาขากบ้านก็เจอกับพิมที่เพิ่งกลับจากการไปบิน
“อ้าว ธี จะมาหาพ่อทำไมไม่บอกพิมล่ะคะ” พิมทัก
“ผมอยากคุยกับท่านส่วนตัวมากกว่า” ธีระบอก
“แล้วพ่อว่าไงคะ”
“ท่านไม่ให้โอกาสผมเลย ผมควรจะทำยังไง ท่านถึงจะให้อภัยผม”
“พิมว่าคุณอย่าเพิ่งใจร้อนเลย พ่อเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ให้เวลาท่านซักนิด แล้วพิมจะค่อยๆคุยกับท่านเอง”
ธีระคว้ามือพิมขึ้นมา “คุณรู้นะพิม ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน แล้วก็อยากใช้ชีวิตร่วมกับคุณ”
“พิมรู้ค่ะ ... เชื่อพิมนะคะ อีกไม่นานพ่อต้องหายโกรธคุณ”
พิมให้กำลังใจ ธีระพยักหน้ารับแต่ยังหนักใจอยู่
สุนีย์ยืนต้มหญ้าตัวหนอน เธอเทหญ้าใส่ถ้วย พิมที่เปลี่ยนชุดแล้วมายืนอยู่ข้างๆ
“เอาไปให้พ่อเค้าลูก พ่อเค้าจะได้หายโกรธตาธี” สุนีย์บอก
“แม่คะ แม่ว่าธีเค้ารักแม่เค้ามากกว่าหนูมั้ยคะ” พิมเอ่ยถาม
“ทำไมถามอย่างงั้นล่ะลูก แม่ใครใครก็ต้องรัก ส่วนลูก เค้าก็ต้องรักลูกสิ ไม่งั้นเค้าจะแต่งงานกับลูกทำไม”
“หนูแค่ถามเพื่อความมั่นใจ”
“อย่าคิดมากเลยลูก เรื่องแบบนี้เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน”
“ค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะ”
“แล้วกับตาธีล่ะรักใครมากกว่ากัน” สุนีย์แกล้งถาม
“แม่น่ะ” พิมยิ้มอายก่อนจะถือถ้วยซุปหญ้าตัวหนอนเดินออกไป
พจนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก พิมถือถ้วยซุปหญ้าตัวหนอนเข้ามา
“พ่อคะ แม่ต้มซุปหญ้าตัวหนอนมาให้พ่อค่ะ” พิมบอก
“พ่อบอกแล้วไงว่าพ่อแพ้สมุนไพร”
“มันไม่ใช่สมุนไพรนะคะพ่อ มันเป็นเห็ดชนิดนึงค่ะกินแล้วบำรุงร่างกาย พ่อจะได้แข็งแรงอยู่กับลูกไปนานๆ” พจมองหน้าพิม พิมพูดต่อ “มาค่ะ หนูป้อนให้”
“ไม่ต้อง พ่อกินเอง”
พจรับถ้วยซุปไปตักเข้าปาก
“เป็นไงคะ” พิมถาม
“อืมม์ รสชาติดีเหมือนกัน” พจบอก
“พ่อกินเยอะๆนะคะ แพงมากนะเนี่ย”
“เท่าไหร่”
“บอกแล้วพ่อจะตกใจ กล่องนึงเป็นแสนนะคะ”
“จริงหรือลูก” พจตกใจ
“จริงค่ะ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าพ่อกินแล้วดี เดี๋ยวธีบินไปธิเบตหนูจะให้เค้าซื้อมาให้พ่ออีก”
“นี่ลูกมาเอาใจพ่อ เพื่อให้พ่อยกโทษให้แฟนงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะพ่อ หนูรู้ว่าธีเค้าก็ทำไม่ถูก แต่เรามองมุมกลับสิคะ ถ้าวันนั้นเป็นพ่อเข้าโรงพยาบาล หนูก็ต้องขอยกเลิกงานแต่งเหมือนกัน”
“ไม่ต้อง ถึงเป็นเรื่องจริง ลูกก็ไม่ต้องห่วงพ่อ ไม่ต้องยกเลิกงานแต่ง” พจบอก
“พ่อขา หนูเข้าใจค่ะว่าพ่อเป็นชายชาติทหาร แต่พ่อจะให้ธีเค้าเหมือนกับพ่อไม่ได้นะคะ” พิมพูด พจนิ่งไม่ตอบ “นะคะพ่อ ให้อภัยเค้าซักครั้งถือว่าเห็นแก่ลูก ลูกรักเค้านะพ่อ”
“ไม่ ถ้าพ่อยกโทษให้มัน มันก็จะไม่หลาบจำ มันก็จะไม่เห็นคุณค่าของลูก เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว” พจยืนกราน พิมถอนใจกับความขึงขังของพ่อ เธอลุกจะเดินออกไปแต่พจเรียกไว้ “เดี๋ยวพิม”
“คะ”
“แล้วไม่ต้องให้ใครซื้อไอ้เห็ดหนอนนี่มาให้พ่ออีกนะ”
“ค่ะ”
พิมรับคำแล้วเดินออกไป พจมองตามก่อนจะหันมาตักซุปกินต่อ
รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 1 (ต่อ)
เห็นพิมเดินหน้าเศร้ากลับมา สุนีย์เอ่ยถาม
“พ่อว่าไงลูก”
“เหมือนเดิมค่ะ หนูไม่เข้าใจพ่อเลย พ่อจะเอาชนะเค้าเรื่องนี้เพื่ออะไร ธีเค้าก็มาขอโทษพ่อแล้ว”
“เอาน่ะ ใจเย็นลูก ให้ตาธีหมั่นมาตื๊อ ไม่นานพ่อเค้าก็ต้องใจอ่อนเชื่อแม่” สุนีย์บอก พิมถอนใจอย่างเซ็งๆ
อรเปิดประตูบ้านออก ธีระขับรถมาจอด พิมกับธีระลงจากรถ ทั้งคู่ถือของกินเดินเข้ามา
“หวัดดีค่ะคุณธี คุณพิม” อรทัก
“แม่ล่ะ” ธีระถาม
“อยู่ข้างในค่ะ”
พิมกับธีระเดินเข้ามาในบ้าน จินดาเดินออกมารับ
“หวัดดีครับแม่” ธีระโผเข้าไปกอดแม่ พิมมองตาม
“หวัดดีค่ะคุณแม่” พิมยกมือไหว้
“หวัดดีจ้ะหนูพิม”
“คุณแม่สบายดีนะคะ” พิมถาม
“ดีแล้วจ้ะ หนูพิมมาก็ดีแล้ว แม่อยากจะขอโทษที่แม่เป็นต้นเหตุทำให้งานแต่งงานของหนูล่ม”
“อย่าพูดอย่างงั้นเลยค่ะคุณแม่ เรื่องเจ็บป่วยของคุณแม่สำคัญกว่าค่ะหนูเข้าใจดี”
“ถ้าหนูเข้าใจแม่ก็โล่งอก แม่กลัวว่าหนูจะคิดว่าแม่สำออย” จินดาบอก
“ไม่หรอกครับแม่ พิมเค้าไม่มีวันคิดอย่างงั้นหรอกครับ”
“ขอบใจมากลูก หนูพิมนี่น่ารักจริง ๆ”
จินดาดึงพิมเข้ามากอด พิมเหลือบมองอย่างโล่งอก
“แม่ครับ ผมว่ามาทานติ่มซำดีกว่าครับ เจ้านี้อร่อย” ธีระชวน
“มาลูก มา”
จินดาเดินกอดพิมเข้าไปในห้องอาหาร
รถของกบแล่นเข้ามาจอด อรวิ่งออกมารับ แดงเปิดประตูหยิบของที่ซื้อมาฝากแม่ลงมาด้วย
“เอา นังอรมายกของเร็ว”
“ค่ะ คุณแดง” อรรับคำ
กบมองเห็นรถธีระจอดอยู่หน้าบ้าน
“นี่คุณธีมาหรือ” กบถาม
“ค่ะ กำลังทานขนมจีบซาลาเปากะว่าที่สะใภ้ค่ะ” อรบอก
“อ้าว คุณพิมมาด้วยหรือ” แดงถาม
“ใช่ค่ะ อุ๊ยวันนี้คุณยายดูเลิฟคุณพิมมากเลยค่ะ กอดรัดฟัดเหวี่ยงเดี๋ยวหอมซ้ายหอมขวา”
กบสงสัย “หมายความว่าไง”
“ก็วันนี้คุณยายดูอารมณ์ดี พูดลูกจ๊ะลูกจ๋ากะคุณพิมทุกคำเลยค่ะ”
“เอาล่ะ อย่าพูดมาก เอาของเข้าบ้านได้แล้ว” แดงสั่ง
กบบอกลูกชาย “ลงมาไตรตั้น”
“ครับพ่อ”
ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน
ไตรตั้นวิ่งเข้ามาเห็นจินดา พิม และธีระกำลังนั่งกินติ่มซำกันอยู่
“สวัสดีครับ คุณยาย”
“อ้าว หลานรัก มาให้ยายหอมหน่อยเร็ว” จินดาหอมแก้มไตรตั้น
“สวัสดีครับ น้าธี สวัสดีครับน้าพิม”
“วันนี้แต่งตัวหล่อจังครับ” พิมทัก
กบกับแดงเดินตามเข้ามา โดยมีอรถือของตามมา
“หวัดดีครับพี่กบ” ธีระทัก
“หวัดดีค่ะพี่กบ พี่แดง” พิมยกมือไหว้
กบกับแดงรับไหว้ “หวัดดีจ้ะ”
“พี่แดงมากินติ่มซำเร็ว” ธีระชวน
“กำลังหิวอยู่พอดี” แดงบอก
กบกับแดงลงไปนั่งที่โต๊ะ
“ตกลงได้ฤกษ์ใหม่รึยังน้องพิม จะแต่งกันวันไหน” แดงถาม
พิมชะงัก “เอ่อ .. “ พิมมองหน้าธีระ
“คงต้องเลื่อนไปอีกซักพักน่ะพี่กบ ตอนนี้ไม่ว่าง” ธีระบอก
“ดีแล้วล่ะลูก เลื่อนไปซักหน่อยก็ดี อีกปี สองปีก็ได้นะ” จินดาสนับสนุน
พิมชะงักแล้วก็รู้สึกสะดุดใจ เธอเหลือบมองหน้าจินดา
“ไม่ถึงปีหรอกครับแม่ ผมว่าน่าจะอีกสองสามเดือน” ธีระบอก
“อีกสองสามเดือนแม่ก็ยังไม่รู้นะว่าแม่จะหายดีรึยัง” จินดารีบบอก
“แม่คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ โรคเบาหวานถ้าคุมน้ำตาลอยู่ ก็จบแล้ว” กบพูด
“แต่หนูว่าคุณยายต้องระวังนะคะ ถ้าคุมไม่อยู่เกิดไปฉี่แตกกลางงานเค้าจะยุ่งนะคะ” อรเสริม
จินดาว่า “ไม่เกี่ยวกับแก อย่าปากยาว”
อรหน้าจ๋อย
“แต่ตั้นว่าน้าธีกับน้าพิมคงไม่ได้แต่งหรอกครับ” ไตรตั้นโพล่งออกมา
“อ้าว ทำไมพูดอย่างงั้น ทำไมน้าถึงจะไม่ได้แต่ง” ธีระงง
“ก็เพราะว่าคุณยายไม่อยากให้แต่งใช่มั้ยครับคุณยาย”
จินดาสะดุ้ง พิมชะงักมองหน้าธีระ กบกับแดงสบตากัน
แดงดุ “ไตรตั้นพูดอะไร”
“ตั้นพูดจริงๆ ก็คุณยายเป็นคนบอกพ่อกับแม่ พ่อกับแม่จำไม่ได้หรือครับ”
กบกับแดงชะงักแล้วเหลือบมองหน้ากัน ทั้งคู่มองพิมก็เห็นพิมอึ้ง
“แล้วตั้นก็บอกน้าพิมไปแล้วด้วย ใช่มั้ยครับน้าพิม”
พิมฝืนยิ้ม
“อย่าไปฟังลูก ไตรตั้นมันพูดไร้สาระ แม่ไม่เคยพูดเลยนะ” จินดารีบปัด
“ใช่จ้ะ พิมอย่าไปฟังนะ เดี๋ยวนี้ตาตั้นชอบพูดจาเลอะเทอะ” แดงเสริม
“มานี่ มานี่ พ่อว่าออกไปข้างนอกกับพ่อดีกว่า” กบชวนลูกชาย
“ไม่ ตั้นไม่ไป ตั้นจะกินขนมจีบ”
“ไป ไป ผู้ใหญ่เค้าจะคุยกัน” กบบอก
กบอุ้มไตรตั้นออกไป พิมมองหน้าธีระ ธีระยิ้มให้เพราะไม่ติดใจกับคำพูดของไตรตั้น
“มา มา มากินขนมจีบต่อ เด็กสมัยนี้มันแก่แดดจริง ๆ พูดจาอะไรเลอะเทอะไปหมด” จินดาชวน
“สงสัยจะดูทีวีมากไป ชอบจำจากทีวีมาพูด น้องพิมกินเยอะๆ นะจ๊ะ” แดงชวน พิมฝืนยิ้ม
พิมนั่งเหม่ออยู่ในห้องที่คอนโดของธีระ เธอนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวัน ธีระเดินออกจากห้องน้ำ
“ผมว่าเย็นนี้เราไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า ก่อนที่ผมจะไปส่งคุณ” ธีระบอก พิมยังเหม่อ ธีระมองแล้วเรียก “พิม ...”
“หือม์”
“เป็นอะไรรึเปล่า ผมเห็นคุณเงียบๆตั้งแต่อยู่บ้านแม่”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“ไม่จริง ผมรู้ว่าคุณมีเรื่องอะไรในใจแต่ไม่ยอมบอกผม” ธีระบอก พิมมองหน้าธีระอย่างอึดอัดใจไม่กล้าพูด “บอกผมมาเถอะ อีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ผมไม่อยากให้เราสองคน มีความลับต่อกัน”
พิมมองหน้าธีระ ธีระพยักหน้าให้เธอพูด
“เมื่อวันแต่งงานของเรา คุณคิดว่าแม่คุณแกล้งป่วยมั้ย” พิมตัดสินใจถาม
ธีระชะงัก “ทำไมคุณคิดอย่างงั้น ตอนผมไปโรงพยาบาลแม่อยู่ห้องไอซียู หมอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนะพิม แม่ผมจะแกล้งเพื่ออะไร”
“พิมก็ไม่รู้ แต่บางทีแม่ธีอาจจะไม่อยากให้ธีแต่งงานกับพิมก็ได้”
“ผมรู้แล้ว นี่คุณไปเชื่อที่ไตรตั้นพูดงั้นหรือ ไตรตั้นเพิ่งอายุหกขวบเด็กก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”
“แต่พิมว่าเค้าไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อยนะ เพราะก่อนวันแต่งงานเราเค้าก็บอกพิมว่าแม่ธีไม่อยากให้ธีแต่งงานกับพิม”
“ผมว่าคุณกำลังสับสนนะพิม ผมรู้ว่าคุณอาจจะไม่พอใจที่ผมยกเลิกงานแต่งงานกลางครัน แต่ผมว่าคุณไม่ควรใส่ร้ายแม่ผม”
“พิมไม่ได้ใส่ร้ายแม่คุณนะคะ พิมแค่สงสัย”
ธีระไม่พอใจ “แต่ผมว่าคุณไม่ควรสงสัยเรื่องเลวร้ายแบบนี้นะ”
พิมเริ่มโกรธ “คุณจะบอกว่าแม่คุณจะไม่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้หรือ”
“นี่พิม คุณกำลังไม่ให้เกียรติแม่ผมอยู่นะ”
“แล้วคุณล่ะ คุณให้เกียรติชั้นกับพ่อแม่ชั้นบ้างมั้ย”
“นี่คุณกำลังเข้าข้างพ่อคุณใช่มั้ย คุณก็เลยมาหาว่าแม่ผมแกล้งป่วยเพื่อยกเลิกงานแต่งงาน ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความคิดแบบนี้”
“ชั้นก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้ชายอย่างคุณจะรักและเทิดทูนแม่จนไม่ลืมหู ลืมตา”
“อย่าพูดอย่างนี้นะพิม”
“แล้วชั้นพูดผิดตรงไหน”
“เอาล่ะ ผมว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่า”
“ใช่ เลิกกันเลยก็ได้นะ ชั้นไม่คิดเลยว่าคนอย่างคุณจะงี่เง่า จะไม่ฟังความเห็นของชั้น” พิมคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกไป
“ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะพิม .. เดี๋ยวสิพิม”
พิมเดินออกประตูไป ธีระวิ่งตาม
พิมวิ่งลงบันไดคอนโดมา ธีระวิ่งตาม
“พิม ...” ธีระตะโกนเรียก เขาเห็นพิมวิ่งลงบันไดไป “พิม ... พิม ... ฮึ่ย ... คิดได้ไงเนี่ยว่าแม่เราแกล้ง ... ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
ธีระเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความโมโห
สุนีย์กับพจนั่งกินข้าวอยู่ในบ้าน สักพักพิมก็เดินเข้าบ้านมา
“อ้าว พิม มากินข้าวลูก” สุนีย์เอ่ยชวน
“ไม่ล่ะค่ะ”
“วันนี้มีหมูชะมวงด้วยนะลูก” พจบอก
“พ่อทานเถอะค่ะ หนูไม่หิว” พิมเดินขึ้นห้องไป
“เป็นอะไร” พจแปลกใจ
“สงสัยจะโกรธคุณน่ะสิ” สุนีย์บอก
“ผมไปทำอะไรให้”
“ก็คุณไม่ยอมให้อภัยตาธี”
“ผมบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้กับผม”
พจตัดบท สุนีย์มองสามีอย่างเหนื่อยใจ
พิมเดินเข้ามาในห้อง เธอวางของแล้วกระแทกตัวลงนั่งบนเตียงด้วยความโมโห ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
พิมหยิบโทรศัพท์มาดูเห็นรูปธีระอยู่ที่หน้าจอ
“ถ้ารักแม่มากกว่าเรา ก็อยู่กับแม่ไปจนตายเถอะ” พิมพูดแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
ธีระวางสายโทรศัพท์อย่างเซ็งๆ
อรหยิบขนมหม้อแกงออกจากตู้ไมโครเวฟแล้วถือจานขนมหม้อแกงออกจากครัวเดินมาให้จินดา
“คุณยายขานี่คุณยายจะทานขนมหม้อแกงจริงหรือคะ” อรถาม
“จริงสิ ไม่จริงชั้นจะให้แกไปเวฟทำไม” จินดาบอก
“แต่คุณธีกับคุณแดงเค้าสั่งห้ามไม่ให้คุณยายกินขนมหวานนะคะ”
“แล้วตอนนี้เค้าอยู่รึเปล่า”
“ไม่อยู่ค่ะ”
“เค้าไม่อยู่เค้าก็ไม่รู้ นอกซะจากว่าแกจะปากสว่าง” จินดาตักขนมหม้อแกงเข้าปาก “หม้อแกงเผือกนี่มันอร่อยจริง ๆ”
จินดาตักขนมกินคำสอง อรมองอย่างหน่ายใจ จินดาตักคำที่สาม ทันใดนั้นธีระก็เดินเข้ามา
“กินอะไรอยู่ครับแม่”
จินดาสะดุ้ง “อ๋อ เอ่อ ... “
ธีระเดินเข้ามามอง
“ขนมหม้อแกงหรือ แม่กินไม่ได้นะ มันมีแต่น้ำตาลกับกะทิเดี๋ยวเบาหวานขึ้นล่ะตายเลย”
อรอมยิ้ม
“ก็นังอรน่ะสิ มันบอกแม่ว่ากินคำสองคำไม่เป็นไร” จินดารีบโทษอร
อรสะดุ้ง
“อ้าว อร นี่แกไม่รู้เรื่องหรือ ชั้นบอกว่าไม่ให้คุณยายกินของหวาน” ธีระว่า
อรพูดไม่ออก “เอ่อ”
“แกไม่ต้องเถียงคุณธีเค้า เอา มาเอาขนมหม้อแกงไปกินซะ”
อรเดินมาหา จินดาขยิบตาให้
“นี่ ไอ้อร ถ้าวันหลังแกเอาของหวานให้ชั้นกินชั้นจะด่าแกให้ดู”
อรมองค้อนจินดาแล้วหยิบจานหม้อแกงเดินออกก่อนจะแอบบ่นกับตัวเอง
“คุณยายนี่แสบจริง ๆ”
“แม่ก็อย่ากินอะไรซี้ซั้วนะ แม่ต้องระวัง เดี๋ยวเกิดช๊อคสลบขึ้นมาอีกมันยุ่งนะ” ธีระบอก
“แม่รู้ เมื่อเช้าแม่เจาะเลือดแล้วน้ำตาล 98 กำลังดี ไม่สูงไม่ต่ำแล้วนี่มาคนเดียวหรือ หนูพิมล่ะ”
“เค้าไม่ได้มาครับ”
จินดามองหน้าลูกแล้วเห็นสีหน้าไม่ดี “ทะเลาะกันหรือลูก”
“นิดหน่อยครับ”
“เรื่องอะไร เรื่องแม่รึเปล่า” จินดาถาม
“เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะครับ”
ธีระถอนใจ จินดาลอบมอง
“นี่ไง แม่ถึงติงว่าอย่าเพิ่งรีบแต่งงาน เห็นมั้ย ยังไม่ทันอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกันแล้ว”
“มันก็ต้องมีบ้างแหละแม่ คนเราอยู่ด้วยกัน”
“แต่แม่อยู่กับพ่อแกมายี่สิบปี จนพ่อแกตาย แม่ไม่เคยมีปากเสียงกับพ่อเค้าเลยถ้าแกกับแฟนยังไม่มั่นใจกันจริงๆ ก็ชะลอไว้ก่อนเถอะ มันไม่เสียหายอะไรนี่”
“ไม่หรอกครับ ผมกับพิมรักกันดี” ธีระบอก
“งั้นก็ตามใจลูก แม่มันแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”
“อย่าพูดอย่างงั้นสิแม่ แม่ต้องอยู่กับผมไปนานๆนะ”
ธีระสวมกอดจินดา
“ก็เพราะลูกนี่แหละ ถึงทำให้แม่มีกำลังใจอยู่” จินดาบอกลูกชายที่รักสุดหัวใจ
ติดตามอ่าน "รักคุณเท่าฟ้า" ตอนที่ 2 พรุ่งนี้