xs
xsm
sm
md
lg

รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 2

ตอนสายวันใหม่ พิมนั่งดื่มกาแฟอยู่กับเพื่อนๆ ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

“ไม่เอาน่า อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่” กุ๊กบอก
“แกว่าเรื่องเล็กหรือ ถ้าเค้ารักแม่เค้ามากกว่าชั้น ชั้นก็ไม่ควรแต่งงานกับเค้า” พิมยืนกราน
“นี่พิม แกกับกัปตันรักกันมาตั้งสามปี อยู่ๆจะไปหาเรื่องเลิกกันงั้นหรือ” แหม่มถาม
“ใช่ ผู้ชายดีๆแบบกัปตันหาไม่ได้ง่ายๆนะ ชั้นว่าเค้ารักแม่ดีกว่าไปรักผู้หญิงอื่นนะ” กุ๊กแสดงความเห็น
“แต่ชั้นแค่สงสัยถามเค้าดู เค้ากลับด่าชั้น หาว่าชั้นคิดร้ายกับแม่เค้า”
“แต่มันก็จริงนะ เป็นใคร ใครก็ต้องโกรธ ที่ไปว่าแม่เค้าแกล้งป่วย” แหม่มบอก
พิมถอนใจด้วยความเซ็ง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น พิมหยิบมามองเบ้หน้าแล้วก็ไม่ยอมรับสาย
“กัปตันหรือ” กุ๊กถาม
“อืมม์” พิมตอบห้วนๆ
“แล้วไม่รับล่ะ” แหม่มถาม
“ชั้นไม่อยากพูดกับเค้า” พิมบอก
“อย่าทำงอนไปหน่อยเลย เดี๋ยวเค้าไม่มาง้อแกจะยุ่งนะ” กุ๊กว่า
“ไม่ง้อก็อย่าง้อสิ”
กุ๊กกับแหม่มมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ขณะที่พิมยังคงงอน

ธีระรอให้ปลายสายรับโทรศัพท์อยู่นาน ก่อนจะกดปิดโทรศัพท์
“พี่พิม เค้ายังไม่ยอมพูดด้วยหรือครับ” วิทย์เอ่ยถาม
“อืมม์ ท่าทางจะโกรธนาน” ธีระบอก
“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละครับ ยังไงก็ขอเป็นที่หนึ่ง”
“แต่จะมาเอาชนะอะไรกับแม่ผม แกเป็นคนแก่ ถ้าผมให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนอื่นก็ว่าไปอย่าง”
“กับแม่นี่แหละครับสำคัญ กัปตันไม่เคยได้ยินเรื่องแม่ผัวกับลูกสะใภ้หรือครับ”
“แต่นั่นมันยุคเก่ามากนะวิทย์”
“ถึงจะเก่าแต่มันคลาสสิคนะครับ”
ชายทั้งสองหัวเราะให้กันแล้วจึงเดินเข้า CABIN CREW ไป

พิมเล่นอยู่กับสุนัขในสนามหน้าบ้าน
“กุ๊งกิ๊งมานี่เร็ว มาหาแม่เร็วลูก” พิมเรียกสุนัขของเธอ
ทันใดนั้น พจก็เดินออกมา
“ทำไมวันนี้อยู่บ้านลูก ไม่ออกไปไหนหรือ” พจถาม
“เดี๋ยวจะพากุ๊งกิ๊งไปตัดขนค่ะ เย็นนี้ไปกินข้าวเย็นกันมั้ยคะ”
“ก็ดีลูก” พจมองพิมก่อนจะเอ่ยถาม “พักนี้พ่อไม่เห็นนายธีมาหาลูกเลย งานยุ่งหรือ”
“ไม่รู้ค่ะ หนูไม่เจอเค้านานแล้ว”
พจชะงัก “หมายความว่ายังไงไม่เจอกัน เค้าถอดใจแล้วหรือ”
“หนูเลิกกับเค้าแล้วค่ะ”
“นี่ลูกพูดจริงหรือพูดเล่น” พจตกใจ
“จริงค่ะพ่อ พ่อสบายใจได้แล้วค่ะ เค้าจะไม่มาบ้านเราอีกต่อไปแล้ว”
พิมอุ้มสุนัขเดินออกไป พจยืนอึ้งอยู่สักพักสุนีย์ก็เดินเข้ามา
“เป็นอะไรคุณ” สุนีย์ถามสามี
“นี่คุณรู้เรื่องลูกกับนายธีรึยัง ลูกบอกว่าเลิกกันแล้ว”
“ชั้นรู้แล้ว คงสมใจคุณแล้วล่ะสิ”
“นี่คุณมาว่าผมเรื่องอะไร”
“ก็หรือไม่จริง คุณไม่ชอบนายธีนี่ หาว่าเค้าไม่ให้เกียรติคุณ ตอนนี้คุณต้องหาลูกเขยที่คุณชอบเองแล้วล่ะ”
สุนีย์เดินจากไป
“อ้าว นี่เป็นเพราะเราหรือ” พจรำพึงกับตัวเอง

นุ้ยเดินมาถึงหน้าห้องของกัปตัน เธอเคาะประตูห้องแล้วเปิดเข้าไป
“กัปตันคะ”
ธีระขานรับ “หือ”
“มีผู้โดยสารเค้าฝากจดหมายมาให้ค่ะ” นุ้ยส่งกระดาษให้
“ผู้ชายหรือผู้หญิง” วิทย์ถามทันที
“ผู้หญิงค่ะ สวยด้วยนั่งบิสสิเนสคลาส บอกว่าเป็นเพื่อนเก่ากัปตัน” พูดจบนุ้ยก็เดินออกไป ธีระเปิดจดหมายออกอ่าน
“หวัดดีค่ะ พี่ธี จำคิตตี้ได้มั้ยคะ น้องรหัส 120 ไงคะ ได้ยินพี่ธีประกาศว่าเป็นกัปตันเที่ยวบินนี้ดีใจจัง ถ้าว่างก็แวะมาคุยกันหน่อยนะคะ”
“แฟนเก่าหรือครับกัปตัน” วิทย์ถาม
“อืมม์ ... จะว่าใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้” ธีระบอก
“ยังไงครับกัปตัน”
“คือเค้าเป็นน้องรหัสสมัยเรียนน่ะ ผมเคยไปจีบเค้า แต่เค้ามีแฟนอยู่แล้ว”
“แล้วไงครับ” วิทย์ถามต่อ
“เค้าก็เลิกกับแฟนจะมาชอบกับเรา แต่เราดันไปเจอคนอื่นอีก”
“เค้าก็เลยเฮริท”
“อืมม์ ตอนนั้นเค้าโกรธและเกลียดผมมากหาว่าผมหลอกเค้าเพิ่งจะมาคุยกันตอนที่ผมเป็นผู้ช่วยกัปตันใหม่ ๆ เดี๋ยวผมจะไปทักเค้าซะหน่อย ฝากคุณช่วยดูเครื่องที”
“เชิญครับ” วิทย์บอก แล้วธีระก็เดินออกไปจากห้องกัปตัน

ธีระเดินเข้ามาในห้องผู้โดยสาร เขาหยุดยืนแล้วมองหา คิตตี้ สาวโฆษณาวัย 28 ปีหันไปเห็นก็เอ่ยทัก
“หวัดดีค่ะพี่ธี”
“หวัดดีคิตตี้” ธีระลงนั่งข้าง “ไปบรัสเซลหรือ”
“ค่ะ”
“ไปเที่ยวหรือไปทำงาน”
“ไป... จะบอกยังไงดี ไปรักษาแผลใจค่ะ”
“เลิกกับแฟนแล้วหรือ”
“ค่ะ เพิ่งเลิกก็เลยไม่อยากอยู่เมืองไทย แล้วพี่ธีล่ะคะกับแฟนที่เป็นแอร์เห็นว่าจะแต่งงาน แต่งรึยังคะ”
“ก็คงไม่นาน” ธีระบอก
“ยินดีด้วยนะคะ อย่าลืมแจกการ์ดล่ะ”
“ได้จ้ะ”
“แล้วพี่ธีต้องอยู่บรัสเซลกี่วันคะ” คิตตี้ถาม
“สองวัน”
“งั้นกินข้าวกันซักมื้อมั้ยคะ”
“เอ่อ”
“แฟนคงไม่ว่ามั้ง บอกว่าเจอเพื่อนเก่า”
“ไม่ว่าหรอก”
“งั้นพี่ธีโทรหาตี้ที่เบอร์นี้แล้วกันค่ะ”
คิตตี้ส่งนามบัตรให้ ธีระรับมาดูก่อนจะพูดกับเธอ
“แล้วเจอกัน”
ธีระยิ้มให้แล้วลุกเดินกลับไปที่ห้องกัปตัน คิตตี้มองตามด้วยความเสียดาย
“ถ้าวันนั้นเราไม่งอนซะหน่อย ป่านนี้คงได้เป็นแฟนพี่ธีไปแล้ว”

ที่ร้านอาหารไทย พจนั่งตักอาหารให้พิมแล้วพูดกับเธอ
“เอาลูก ลองนี่หน่อย”
“ไม่เอาแล้วค่ะพ่อ หนูอิ่มแล้ว”
“อะไรกัน ทำไมกินนิดเดียว”
“หนูไม่ค่อยหิวค่ะ”
“แม่ว่าช่วงนี้ลูกผอมไปนะ” สุนีย์บอก
“หนูลดน้ำหนักค่ะ ขืนอ้วนกว่านี้เค้าไม่ให้บินแล้ว”
พจน์มองลูกสาว
“นี่ลูกจะเลิกกับนายธีเค้าจริงหรือ”
“จริงสิคะ หนูบอกพ่อไปแล้วนี่”
“แม่ขอร้องน่ะ รักกันมาตั้งนาน แค่เรื่องนิดหน่อยอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยลูก”
“เอาล่ะ พ่อขอโทษ ที่พ่อเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ลูกไปบอกนายธีเค้าว่าพ่อให้อภัยแล้ว”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อค่ะ เป็นเรื่องระหว่างเค้ากับหนู ถ้าหนูพูดถึงแม่เค้าไม่ได้ก็อย่าอยู่ด้วยกันเลย”
“แม่ว่าลูกก็ตั้งแง่เกินไปแล้ว อย่าถือทิฐิอะไรกันเลย แค่ลูกยกหูโทรไปหาเค้า ทุกอย่างก็จบ”
“ไม่ค่ะ หนูมาคิดดูแล้ว ถูกของพ่อ เค้าควรจะให้เกียรติหนูบ้างหนูขอตัวไปห้องน้ำค่ะ”
พิมลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“ดีมั้ยล่ะ เป็นเพราะคุณคนเดียว หาเรื่องดีนัก” สุนีย์แขวะสามี
“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็แค่จะสั่งสอนนายธีให้มันรู้สำนึกบ้าง” พจถอนใจ “ยัยพิม ดันมาย้อนศรเราซะอีก”

หน้าห้องพักโรงแรม วิทย์ยืนรอคนอื่นๆ อยู่กับกิตซึ่งเป็นวิศวกรประจำเครื่อง
“ไปกินร้านเดิมหรือ” กิตเอ่ยถาม
“ก็ร้านเดิมสิถูกดี พี่กิตจะไปร้านไหน” วิทย์ถามกลับ
“หรือจะรอถามสาวๆดู เค้าอาจจะมีไอเดีย”
เป๊บกับนุ้ยเดินออกมาจากห้อง
“พร้อมรึยังพี่กิต” เป็บถาม
“พร้อมแล้ว” กิตบอก
“งั้นก็ไป” นุ้ยกล่าว
คนทั้งกลุ่มเดินตรงไปที่ลิฟต์
“แล้วกัปตันล่ะ” เป็บถาม
“กัปตันไม่ไป” วิทย์บอก
“ทำไม มีนัดกับแฟนเก่าหรือ” เป็บถาม
“ใช่”
“ถ้าพี่พิมรู้เกิดเรื่องนะ” นุ้ยพูด
“กัปตันกับยัยพิมเค้าเลิกกันแล้ว ไม่รู้หรือ” กิตบอก
“บ้าน่าพี่กิต เค้าแค่งอนกันเฉย ๆ” เป็บพูด
“ใช่ ผู้ชาย ชอบเข้าข้างกันเอง” นุ้ยแขวะ
“แต่ผมว่าถ้าพี่พิมรู้อาจจะมีหนาวนะ เพราะเค้าอาจจะลมพัดหวนกันก็ได้” วิทย์บอก
ลิฟต์เปิดออกแล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไป

ณ ผับแห่งหนึ่ง คิตตี้หยิบเฟรนส์ฟรายด์จิ้มซอสแล้วส่งให้ธีระ
“พี่ธี ลองเฟรนส์ฟรายนี่หน่อยสิคะ อร่อยนะ”
คิตตี้พยายามป้อนให้ ธีระรับมากินแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร
“อืมม์ อร่อยจริงๆ ตี้ลองหมูอบซอสนี่ดูสิ” ธีระชวน
“ไม่ล่ะค่ะ ของตี้ปลาทอดไม่รู้จะหมดรึเปล่า”
“แล้วตอนนี้ยังทำโฆษณาอยู่รึเปล่า”
“ทำค่ะ แต่ไม่ได้ทำประจำแล้ว เป็นฟรีแลนซ์”
“แล้วหนุ่มโฆษณาคนไหนที่ทำให้อกหัก”
“อ๋อ เค้าเป็นลูกเจ้าของสินค้าน่ะค่ะ”
“อย่างนี้ก็รวยน่ะสิ หล่อมั้ย”
“สู้พี่ธีไม่ได้”
“ทุกครั้งที่ตี้ชม พี่เขินจริง ๆ” ธีระบอก
“อ้าว ก็พี่ธีหล่อจริงๆนี่ หรือมีใครบอกว่าไม่หล่อ”
“ถึงหล่อ แต่บางทีก็ช่วยอะไรไม่ได้” ธีระพูดอย่างน้อยใจ
“พูดแบบนี้แสดงว่ามีปัญหากับแฟนสิ”
“ก็งอนๆกันอยู่”
“งั้นก็ดีเลย แฟนพี่กำลังงอน ส่วนตี้กำลังเฮริท เราสองคนมาเจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะสมจริง ๆ ดื่มค่ะ” คิตตี้ยกแก้วให้ชน “ขอให้ลมหนาวที่นี่แรงๆ”
ธีระงง “ทำไม”
“ถ่านไฟเก่าจะได้คุไงคะ”
ธีระยิ้มขำ คิตตี้หยิบเฟรนส์ฟรายด์จิ้มซอสแล้วป้อนให้ธีระ คิตตี้จะป้อนอีกชิ้น แต่ธีระส่ายหน้า
“ไม่เอาแล้ว”
“อีกชิ้นน่า”
ธีระอ้าปากรับ ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนิทสนม โดยที่คิตตี้จับมือถือแขนธีระอย่างสนิทสนม

พิมนั่งดูภาพวีทีอาร์ที่เตรียมไว้ฉายวันแต่งงานจากจอคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องนอน ในภาพเป็นตอนที่ธีระบอกรักเธอ พิมเผลอยิ้ม ภาพในวีทีอาร์จบที่คำว่า 'รักนิรันดร์' พิมมองแล้วถอนใจ เธอหยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นภาพธีระที่อยู่หน้าจอกำลังยิ้มให้
“ก็ได้ พิมจะยกโทษให้”
พิมกดโทรศัพท์ออกไปทันที

ธีระกับคิตตี้เดินคุยกันมาตามถนนที่สวยและสงบ
“ปีนี้ที่คณะเค้าจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ พี่ธีไปรึเปล่า” คิตตี้ถาม
“ยังไม่รู้เลยว่าจะว่างรึเปล่า” ธีระบอก
“พยายามให้ว่างสิคะ จะได้ไปรำลึกความหลังกัน”
ธีระมองหน้าคิตตี้แล้วยิ้ม
“นึกถึงตอนอยู่มหาลัย ที่พี่ธีเคยไปรอตี้หน้าหอแล้วตี้ไม่ลงมา พี่ธีตะโกนเรียกจำได้มั้ยคะ”
“จำได้ แม่บ้านหอเอาน้ำออกมาสาดไล่พี่ นึกแล้วยังขำ”

ที่บ้านของพิม พิมเดินฟังรอให้ปลายสายรับสายด้วยความแปลกใจ
“ทำไมไม่รับ”

คิตตี้พูดกับธีระขณะที่กำลังเดินมาด้วยกันที่ถนน
“พี่ธีคะ ถ่ายรูปกันมั้ยคะ”
“ได้สิ” ธีระหยิบมือถือออกมา “อ้าว แบตหมดพี่ลืมชาร์ตแบต”
“งั้นเอาของตี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะส่งรูปไปให้ หวังว่าแฟนพี่คงไม่ว่านะ”
“ไม่หรอก พิมเค้าไม่ได้เป็นคนขี้หึง”

พิมเดินไปมาด้วยความหงุดหงิด
“ทำไมไม่รับสาย หรือว่าโกรธเรา ถามวิทย์ก็ได้”
พิมกดโทรศัพท์ไปหาวิทย์ทันที

วิทย์กำลังนอนดูทีวีอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วิทย์กดรับ
“ฮัลโหล”

พิมพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องของเธอ
“วิทย์หรือ พี่พิมนะ”
“ว่าไงครับพี่พิม”
“กัปตันอยู่มั้ย ขอพูดสายกับกัปตันหน่อย”
วิทย์สะดุ้งแล้วหันมองกิตก่อนจะกระซิบบอก
“พี่กิต พี่พิมเค้าถามหากัปตัน บอกว่าไง”
“บอกว่าเค้าไปกินข้าวกับเพื่อน” กิตพูด
“กัปตันไม่อยู่ครับพี่พิม ออกไปทานข้าวกับเพื่อนครับ” วิทย์พูดใส่โทรศัพท์
“แล้ววิทย์ไม่ได้ไปกับเค้าหรือ” พิมถาม
“เอ่อ พอดีกัปตันเจอเพื่อนเก่าน่ะครับ เลยไปกินข้าวกับเพื่อน”
“ใครรู้มั้ย”
“ผมไม่รู้จักครับ” วิทย์บอก
“ผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้หญิงครับ”
พิมชะงัก “ผู้หญิงหรือ”
“ครับ เดี๋ยวถ้ากัปตันกลับมาผมจะให้โทรหาพี่พิมนะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่โทรหาเค้าเอง”
“ครับ”
วิทย์ปิดโทรศัพท์แล้วมองหน้ากิต
“พิมเค้าว่าไง” กิตถาม
“ไม่ว่าไง แต่ดูน้ำเสียงไม่ดี กัปตันจะด่าผมมั้ยเนี่ย” วิทย์กังวล
“ก็เราพูดเรื่องจริง เค้าไปเจอเพื่อน ไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่” กิตบอก

พิมเดินไปเดินมาในห้องพลางครุ่นคิดด้วยความหนักใจ
“เพื่อนเก่า ... ผู้หญิงด้วย ... ใครนะ”

ธีระเดินมาส่งคิตตี้ที่หน้าโรงแรม
“พี่ส่งตี้แค่นี้แล้วกันนะ”
“ไม่ขึ้นไปดื่มกาแฟซักแก้วหรือคะ” คิตตี้ถาม
“ไม่ดีกว่า นี่จะเที่ยงคืนแล้ว”
“งั้นพรุ่งนี้บ่าย ๆพี่ธีว่างมั้ยคะ ตี้จะชวนไปชอปปิ้ง”
“ไว้ตอนเช้าโทรอีกทีแล้วกัน” ธีระบอก
“ได้ค่ะ”
“กูดไนท์”
“เดี๋ยวค่ะพี่ธี”
คิตตี้คว้ามือธีระ ธีระชะงักแล้วมองหน้าเธอ
“ขอบคุณพี่ธีมากนะคะ ที่ช่วยให้ตี้หายเฮริทได้เร็วขึ้น”
“แค่ไปกินข้าวเนี่ยหรือ” ธีระงง
“ค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ตี้รู้ว่าตี้ยังมีคุณค่ากับผู้ชายอยู่”
“อะไร กะอีแค่เลิกกับผู้ชายทำให้เสียเซลฟขนาดนั้นเชียว”
“ตี้ไม่แน่ใจว่าทำไมเค้าถึงเลิกกับตี้”
“พี่บอกให้มั้ย พี่ว่าแฟนเก่าตี้ตาไม่ถึง”
“จริงหรือ”
“จริงสิ เอาล่ะ พรุ่งนี้โทรกันอีกที พี่ไปล่ะ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”

ธีระเดินจากไป คิตตี้มองตามอย่างเสียดาย




รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)

ธีระนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักที่โรงแรม สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ธีระกดรับ

“ฮัลโหล”
ปลายสายเงียบ ธีระมองเบอร์ก็เห็นเป็นเบอร์พิม
“พิม .. นั่นพิมหรือ”
ที่บ้านของพิม พิมถือโทรศัพท์เงียบเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง
“โทรมาแล้วทำไมไม่พูด” ธีระถาม
“หวัดดีค่ะ”
“พิมหายโกรธผมแล้วใช่มั้ย”
“หายแล้วแต่กำลังจะโกรธใหม่” พิมบอก
“โธ่ โกรธผมเรื่องอะไรอีก ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
“เมื่อคืนพิมโทรหาทำไมไม่รับสาย”
“ผมขอโทษ พอดีแบตมันหมด”
“แบตหมดหรือว่าไม่รับเพราะไปกินข้าวกับผู้หญิง”
“ผู้หญิงที่ไหน คิตตี้เพื่อนรุ่นน้องที่ผมเคยเล่าให้ฟังไง พอดีเค้านั่งเครื่องเที่ยวเดียวกับผม ก็เลยชวนกินข้าว”
“แต่คุณกับเค้าเคยชอบกันไม่ใช่หรือ” พิมถามต่อ
“นั่นมันสมัยเรียน ไม่เอาน่าอย่าหาเรื่องทะเลาะผมเลย ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้พิมโกรธผมอีก”
“พิมก็ขอโทษคุณด้วยที่พูดจาไม่ดีเรื่องคุณแม่คุณ”
“เอาเป็นว่าเราจะไม่ทะลาะกันอีกแล้วนะ”
พิมรับคำ “ค่ะ”
“อีกสองวันเจอกัน”
“ค่ะ”
“ผมรักคุณนะ”
“พิมก็รักคุณค่ะ”
ธีระปิดโทรศัพท์แล้วยิ้มดีใจ
พิมมองโทรศัพท์แล้วอมยิ้ม สุนีย์ยืนมองลูกสาวอยู่ก็พูดขึ้นมา
“แค่ลดทิฐิลง ความสุขมันก็จะกลับมา”
“ค่ะ แต่เราต้องทำให้เค้ารู้บ้างว่าเราก็สำคัญ” พิมบอก
“จ้า แต่อย่าให้มันมากนัก”
สุนีย์แซวแล้วเดินออกไป พิมยิ้มโล่งอกกับตัวเอง

ธีระแต่งตัวอยู่ในห้องพักของโรงแรม สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ธีระรีบมารับเพราะนึกว่าพิมโทรมา
“ฮัลโหล ...” ธีระชะงัก “อ้าว ... คิตตี้หรือ”
“นึกว่าแฟนโทรมาหรือคะ” คิตตี้ถาม
“จ้ะ”
“ตี้จะบอกว่าเที่ยงเจอกันที่ ... นะคะ”
ธีระชะงัก “เอ่อ ...”
“พี่ธีมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรค่ะ ตี้ไปคนเดียวได้”
“ว่างจ้ะ ไม่มีอะไร เดี๋ยวเที่ยงเจอกัน”
“ค่ะ”
ธีระกดวางสาย
“แค่ไปซื้อของพิมคงไม่ว่าอะไร” ธีระพูดกับตัวเอง

ยามบ่าย ธีระกับคิตตี้เดินดูของในตัวเมือง ทั้งสองเดินเข้าออกร้านค้าไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไป ธีระกับคิตตี้มานั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง นุ้ยกับเป๊บเดินผ่านมา
“เดี๋ยวนุ้ย” เป็บรีบบอกเพื่อน
“อะไร”
“ดูนั่นสิ กัปตันนั่งกินข้าวอยู่กับผู้หญิง”
นุ้ยมองตามสายตาเป๊บจนเห็นธีระนั่งอยู่กับคิตตี้
“เออ จริงด้วย” นุ้ยบอก
“กัปตันนี่ยังไง มีแฟนอยู่ทั้งคน มานั่งกินข้าวกับแฟนเก่า” เป็บงง
“ชั้นว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรกันแน่เลย เห็นพี่วิทย์บอกว่ากัปตันกลับมาดึก”
“งั้นชั้นว่าเราต้องบอกให้พี่พิมรู้ตัวนะ” เป็บเสนอ
“เออ งั้นเราถ่ายรูปส่งไปให้พี่พิมดูเดี๋ยวนี้เลย”
พูดจบ นุ้ยก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูป
“เดี๋ยว นุ้ย แต่ถ้ากัปตันรู้ว่าเราเป็นคนส่งรูป เค้าจะเล่นงานเรานะ”
“จะรู้ได้ไง ที่นี่มีคนไทยเดินเป็นร้อย ไม่ได้มีเราสองคนเมื่อไหร่”
นุ้ยยกโทรศัพท์ขึ้นมากดภาพ ธีระกับคิตตี้เอาไว้สองภาพ
“เรียบร้อย”
“ไปเร็ว” เป็บบอก
แล้วเป๊บกับนุ้ยก็รีบเดินจากไป

เวลาผ่านไป นุ้ยมายืนกดโทรศัพท์แล้วรอฟังเสียงปลายสาย
“ฮัลโหล พี่พิม”
พิมพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้านของเธอ
“ว่าไงนุ้ย”
“น้องมีเรื่องจะบอก อย่าว่าน้องนะ” นุ้ยเกริ่น
“มีอะไร”
“น้องเห็นกัปตันอยู่กับผู้หญิง เดี๋ยวน้องจะส่งรูปไปให้พี่พิมดู แต่พี่พิมอย่าบอกใครว่าน้องส่งไปนะ”
“อืมม์ ส่งมาเลย”
นุ้ยกดส่งรูปที่เพิ่งถ่ายไปให้พิม
พิมมองมือถือก็เห็นรูปธีระกับคิตตี้กำลังคุยกันอย่างสนิทสนม
“นี่ยังไปกินข้าวกลางวันกันอีกหรือนี่ ต้องถามให้รู้เรื่อง”
พิมกดโทรศัพท์ต่อสายออกไปทันที

ที่ร้านอาหาร คิตตี้ยกกาแฟขึ้นดื่มแล้วเอ่ยถามธีระ
“เดี๋ยวเราไปดูร้านกระเป๋ามั้ยคะ”
“ได้ งั้นพี่เช็คบิลนะ” ธีระบอก
ธีระหันไปบอกพนักงานให้เก็บเงิน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ธีระหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์พิม เขาชะงักก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล .. ว่าไงพิม”
คิตตี้มองอย่างสนใจ
พิมนั่งพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“นี่ธีอยู่ไหนคะ” พิมถาม
“อ๋อ ผมกินข้าวกลางวันน่ะ” ธีระบอก
“กินกับใครคะ”
“เอ่อ พอดีคิตตี้เค้าโทรมาชวนกินข้าวกลางวันน่ะ ก็เลยมานั่งเป็นเพื่อนเค้า”
“นี่ธีต้องเทคแคร์เค้าทุกวันเลยหรือ” พิมไม่พอใจ
“ไม่ใช่จ้ะ”
“แฟนหึงหรือคะ” คิตตี้ถามแทรกขึ้นมา
“เปล่า”
“ขอเซย์ฮัลโหลหน่อยสิคะ” คิตตี้บอก
“พิม คิตตี้เค้าจะคุยด้วยนะ”
ธีระส่งโทรศัพท์ให้คิตตี้
“หวัดดีค่ะพี่พิม คิตตี้นะคะ”
“หวัดดีค่ะ” พิมพูด
“ตี้เป้นน้องรหัสพี่ธีตอนอยู่มหาลัยน่ะค่ะ พอดีบังเอิญเจอกันก็เลยชวนทานข้าว พี่พิมไม่ว่าอะไรนะคะ”
“ตามสบายค่ะ ธีเค้าเคยเล่าเรื่องคุณให้ฟังแล้ว ขอคุยกับธีหน่อยค่ะ” พิมตัดบท
คิตตี้ส่งโทรศัพท์ให้ธีระ
“ว่าไงพิม”
“ไม่มีอะไรค่ะ พิมโทรมาแค่อยากรู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ แค่นี้นะคะ”
พิมวางสายทันที
ธีระชะงักเมื่อรับรู้ได้ว่าพิมไม่พอใจ
“ท่าทางแฟนพี่ธีจะหึงนะคะ” คิตตี้พูดขึ้น
“ไม่หรอก พี่เคยเล่าเรื่องตี้ให้พิมเค้าฟัง” ธีระบอก
“เล่าว่าไงคะ”
“ก็บอกว่ารู้จักกัน”
“แล้วบอกรึเปล่าคะว่าเคยรักกัน”
“บอก”
“แล้วเค้าไม่หึงหรือ”
“ไม่หรอก พิมเค้ามั่นใจในตัวพี่”
“เฮ้อ อิจฉาพี่พิมจัง”
พนักงานเดินเอาบิลเข้ามาส่งให้ธีระ ธีระวางเงินแล้วทั้งสองคนก็ลุกเดินออกไป

รูปธีระกับคิตตี้ปรากฏอยู่ในมือถือของพิมที่วางอยู่บนโต๊ะในร้านกาแฟ พิมนั่งอยู่กับแหม่มและกุ๊ก
“เฮ้ย ชั้นว่าชักไม่สวยแล้วนะพิม ดูจากในรูปเนี่ยมันสวีทกันเกินเพื่อนนะ” แหม่มบอก
“อ้าว ก็เค้าเคยเป็นแฟนเก่ากันนี่ ชั้นว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรกันแน่” กุ๊กเสริม
“แรงไปกุ๊ก เดี๋ยวไอ้พิมก็ช๊อคพอดี”
“ชั้นไม่ช๊อคหรอก ถ้าเค้ากล้าทำอย่างงั้นจริง ชั้นจะได้ไม่แต่งงานกับเค้า” พิมบอก
“ใจเย็นก่อน นี่เราแค่วิเคราะห์กัน เค้าสองคนอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“แต่ชั้นว่ากัปตันก็ควรจะให้เกียรติพิมหน่อยนะ อะไรกันจะแต่งงานอยู่แล้ว ยังไปกินข้าวกับแฟนเก่า”
“เค้าแค่บังเอิญเจอกันบนเครื่อง” แหม่มบอก
“ถึงจะบังเอิญก็เถอะ ถ้าเป็นชั้นเจอแฟนเก่า ชั้นก็ต้องเลี่ยง”
“ใช่ ถ้าไม่คิดอะไรกับเค้า ก็ไม่ควรจะไปไหนมาไหนกับเค้าหึ เรื่องนี้ต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่อง” แหม่มย้ำ

คิตตี้กับธีระเดินกลับเข้ามาในโรงแรมที่พัก
“พี่ธีรอเดี๋ยวนะคะ ตี้เอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องก่อน” คิตตี้บอก
“เดี๋ยวตี้ พี่จะบอกว่าพี่ลาตี้ตรงนี้นะ”
“อ้าว ไม่กินข้าวเย็นกันหรือคะ”
“ไม่ล่ะ เย็นนี้พี่ต้องกินข้าวกับลูกน้อง แล้วต้องคุยเรื่องงานกันด้วย”
“หมายความว่าตี้จะไม่ได้เจอพี่ธีแล้วใช่มั้ย”
“ใช่จ้ะ เพราะพรุ่งนี้พี่ต้องตื่นตีห้าไปแอร์พอร์ท”
คิตตี้มองธีระอย่างอึ้งๆ
“ก็ได้ค่ะ” คิตตี้จับมือธีระ “ขอบคุณพี่ธีอีกครั้งนะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนเที่ยวกับตี้”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปนะ”
“เดี๋ยวค่ะ”
ธีระหันมา คิตตี้ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม
“ตี้อยากให้พี่ธีรู้ว่าตี้ไม่เคยลืมพี่ธีเลยนะคะ”
ธีระอึ้ง “ขอบใจจ้ะ บ๊ายบาย”
ธีระก้าวขึ้นรถแท๊กซี่ออกไป คิตตี้มองตามด้วยความเสียดายก่อนจะหันเดินเข้าโรงแรมไป

ธีระนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ เขาแตะแก้มตัวเองแล้วยิ้มขำๆ กับตัวเอง ธีระมองออกไปนอกกระจกก็เห็นทิวทัศน์ในเมืองสวยงาม

เครื่องบินแลนดิ้งลงบนรัยเวย์ท่าอากาศยานในกรุงเทพฯ รถธีระเข้ามาจอดหน้าบ้านของจินดา ธีระถือของแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“กลับมาแล้วหรือลูก ... เหนื่อยมั้ย” เสียงของจินดาดังมาจากในบ้าน

จินดากับธีระโผเข้ากอดกัน แล้วจึงแยกตัวออกมาพูดคุยกัน
“เที่ยวนี้ผมไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากแม่นะ” ธีระบอก
“แม่ก็นึกว่าจะซื้อชอคโกแลตมาฝากแม่อีก”
“แม่ แม่กินของพวกนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ” ธีระบอก
“จ้ะ แม่รู้ แม่ก็พูดไปงั้นแหละ นี่เดี๋ยวเย็นนี้ออกไปกินข้าวนอกบ้านกันดีมั๊ยเดี๋ยวโทรชวนพี่แดงเค้าด้วย”
“เป็นพรุ่งนี้ได้มั้ยแม่ วันนี้ผมตั้งใจจะไปกินข้าวกับพิม”
“อ้าว แม่นึกว่าเลิกกันซะแล้ว” จินดาแปลกใจ
“ผมไม่เลิกกับเค้าง่ายๆหรอกแม่ ก็แค่งอนกันนิดหน่อย แล้วแม่เป็นไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิมลูก สบายดี”
“งั้นผมไปก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้ผมจะแวะมารับแม่ไปกินข้าว”
“อืมม์” จินดารับคำ
ธีระกอดแม่แล้วเดินออกจากบ้านไป อรเดินถือแก้วน้ำเข้ามาให้
“อ้าว คุณธีไปแล้วหรือคะ หนูไปเอาน้ำมาให้ยังไม่ได้กินเลย” อรถามจินดา
จินดาตอบรับสั้นๆ “อืมม์”
“แล้วคุณธีรีบไปไหนคะ อ๋อ สงสัยจะไปหาคุณพิมใช่มั้ยคะคุณยาย”
“แกหุบปากแล้วออกไปไกลๆ ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแก” จินดาโมโห
อรเดินถอยออกมามองอย่างงงๆ
“ทำไมมาลงที่เรา”
อรมองกลับไปก็แม่จินดากำลังถอนใจด้วยความหงุดหงิด

พิมเดินลงบันไดบ้านมาก็เจอธีระกำลังยืนรออยู่ เธอก้าวลงมาทำหน้าขรึมแต่ธีระยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือ
“ผมคิดถึงคุณจังเลย”
“คิดถึงแล้วทำไมไปกินข้าวกับผู้หญิงอื่น” พิมตัดพ้อ
“โธ่ ผมบอกแล้วไงว่าผมคิดกับตี้แค่น้องสาว แล้วเค้าก็กำลังอกหัก”
“คุณก็เลยไปช่วยดามใจ”
“ไม่ใช่ แค่ไปคุยเป็นเพื่อนเค้าเท่านั้นเอง”
“แน่ใจนะว่าแค่คุย ไม่ได้มีอะไรกับเค้ามากกว่านั้น”
“โธ่ สาบานได้ ผมรักคุณคนเดียว คุณไม่เชื่อใจผมหรือ”
พิมมองหน้าอย่างงอนๆ
“งั้นเอาอย่างนี้ พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันเลย คุณจะได้สบายใจ”
พิมมองจ้องหน้าธีระ ธีระยิ้มแล้วพยักหน้าง้อ
“นะ ไปจดทะเบียนกันพรุ่งนี้เลย”
พ่อกับแม่ของพิมยืนมองลูกสาวอยู่
“ทำอย่างงั้นได้ไง คนเค้าจะได้นินทาทั้งบ้านทั้งเมือง” พจโพล่งออกมา
ธีระสะดุ้ง “สวัสดีครับคุณพ่อ” พจมองหน้าธีระด้วยใบหน้าขึงขัง ธีระพูดต่อ “ผมแค่อยากให้พิมสบายใจ”
“ถึงยังไงก็ต้องมีงานนะลูก มันเป็นประเพณี ไม่งั้นญาติพี่น้องเค้าจะตำหนิเราได้” สุนีย์บอก
“ผมไม่มีปัญหาหรอกครับ อยู่ที่คุณพ่อมากกว่าว่าจะยอมยกพิมให้ผมอีกครั้งรึเปล่า”
“ว่าไงล่ะคุณ คราวนี้อยู่ที่คุณแล้วล่ะ” สุนีย์ถาม
พจมองสุนีย์ สุนีย์มองกลับ พจมองพิม พิมยิ้มให้แล้วพยักหน้า
“นะคะพ่อ”
พจมองหน้าธีระแล้วทำหน้าเรียบเฉย
“ให้โอกาสผมอีกซักครั้งนะครับคุณพ่อ” ธีระตื้อ
“ก็ได้ นี่ผมเห็นแก่ลูกสาวผมหรอกนะที่เค้ารักคุณมาก” พจบอก
“ขอบพระคุณคุณพ่อมากครับ ผมจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังในตัวผมอีก”
ธีระยกมือไหว้พจและสุนีย์ พิมและธีระยิ้มดีใจ

ที่บ้านของจินดา จินดาเอ่ยถามแดง
“อะไรนะ จะแต่งงานกันอีกหรือ”
“ใช่ คราวนี้แม่ห้ามป่วยห้ามตายนะ” แดงบอก
“ทำไม” จินดาถาม
“อ้าว ถ้าแม่เป็นอีกเค้าจะหาว่าแม่แกล้งน่ะสิ”
“เฮ่ย ไอ้เรื่องจะเป็นจะตายมันเลือกเวลาได้ที่ไหน”
“ผมว่าคราวนี้ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะแม่เพราะแม่ก็ดูแข็งแรงแล้ว” กบบอก
“แต่แม่ไม่ไปได้มั้ย” จินดาถาม
“อ้าว ทำไมล่ะ แม่เป็นแม่ ลูกชายแต่งงานไม่ไปได้ยังไง”
“ก็ชั้นไม่สบาย เดี๋ยวเกิดไปเป็นอะไรตายขึ้นมากลางงานเค้า เค้าจะมาด่าชั้นอีก”
“แม่ แดงว่าแม่เล่นแง่เกินไปรึเปล่า” แดงถาม
“เล่นแง่อะไร ไม่มีชั้น งานเค้าก็แต่งกันได้” จินดาบอก
“เอาล่ะแดง พี่ว่าเราอย่าเพิ่งเถียงกันเลย ออกไปกินอะไรกันดีกว่าจะได้ไม่กลับมืด” กบเสนอ
“กบไปเถอะลูก วันนี้แม่ไม่อยากกิน” จินดาบอก
“อ้าว แล้วเมื่อกี้ตอนหนูโทรมาแม่บอกหิว” แดงงง
“ตอนแกโทรมันหิว แต่ตอนนี้มันอิ่มแล้วนี่”
“ไปเถอะครับคุณยาย พ่อบอกจะพาไปกินสุกี้” ไตรตั้นคะยั้นคะยอ
“ตั้นไปเถอะลูก ยายอิ่มแล้ว” จินดาย้ำ
“งั้นผมไปก่อนนะครับแม่” กบบอก
“จ้ะ”
“แม่เอาอะไรมั้ยหนูจะซื้อมาฝาก” แดงถาม
จินดาตอบห้วนๆ “ไม่”
แดงกบมองหน้ากันแล้วเดินออกไป
“คุณยายไม่ไปกินข้าวกับเค้า แล้วจะกินอะไรคะ กับข้าวไม่มีนะ” อรสงสัย
“แกไปเอาขนมหม้อแกงในตู้เย็นมาให้ชั้น” จินดาสั่ง
“แต่คุณธีสั่งห้ามไม่ให้คุณยายกินนะคะ”
“ตอนนี้มันไม่สนใจชั้นแล้ว มันกำลังสนใจแต่เมียมัน แกไม่ต้องพูดมาก ชั้นกำลังหิว ไปเอามา”
อรเดินออกไป จินดาทำสีหน้าไม่พอใจ

ธีระกับพิมคุกเข่ายื่นการ์ดแต่งงานให้ผอ. ในห้องของผู้อำนวยการการบิน
“หวังว่าคราวนี้คงได้แต่งแน่นะ” ผอ. บอก
“รับรองครับท่าน ครั้งนี้ผมจะไม่ออกจากงานไปไหนเลยครับ” ธีระพูด
“ผมก็ขอให้คุณสองคนสมหวังมีความสุขกับชีวิตใหม่นะ แล้วพิมล่ะเห็นว่าจะลาออกจากงานเลยหรือ”
“ค่ะ พิมจะได้เป็นแม่บ้านให้ธีได้เต็มตัว” พิมบอก
“ตามใจ ผมก็ไม่ว่าอะไร เข้าใจคุณสองคนดี แต่กัปตันธีระผมไม่ให้ออกนะ”
“ไม่หรอกครับท่าน ผมรักอาชีพนักบินครับ” ธีระยืนยัน
“ดีมาก เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวนะ เพราะเดี๋ยวต้องไปประชุมที่กระทรวงคมนาคม”
“งั้นเราสองคนลาเลยนะคะ” พิมขอตัว
“ขอให้โชคดีมีความสุขนะ เจอกันวันแต่งนะ”
“ครับ ขอบคุณครับท่าน”
ธีระและพิมเดินออกจากห้องไป ผอ.หยิบการ์ดขึ้นมาดู

ธีระกับพิมเดินออกมาจากห้อง ผอ. ก็เจอเพื่อนพนักงานเข้ามาทักทาย
“เจอกันวันแต่งนะ” ธีระบอกเพื่อน
“ค่ะ” เพื่อนพนักงานรับคำ
“ไปให้ได้นะ แอม” พิมย้ำ
“ไปอยู่แล้ว”
“กัปตันคะ ขอให้กัปตันกับพี่พิมมีความสุขนะคะ”
พิมกับธีระยิ้มให้ทุกคน ทั้งสองโบกมือแล้วเดินออกไป

เช้าวันใหม่ ที่บ้านจินดา จินดา ป้าชดช้อย ป้าภา ป้าใหญ่นั่งรวมกลุ่มกัน
“ที่ชั้นเรียกพวกเธอมารวมตัวกันวันนี้เพราะต้องการความช่วยเหลือ” จินดาบอก
“ว่ามาเลย พี่จินดา จะให้ทำอะไรก็บอกมา” ช้อยพูด
“เรื่องงานบุญชั้นเต็มที่” ใหญ่เสริม
“ใช่ จะให้ชั้นทำบุญเท่าไหร่ก็ว่ามา” ภาบอก
“ไม่ใช่งานบุญแต่มันเป็นงานบาป” จินดาพูด
“แต่ถ้างานฆ่าคนชั้นไม่เอานะ ชั้นไม่อยากติดคุกตอนแก่” ชดช้อยรับปัด
“ไม่ใช่ ชั้นแค่ต้องการให้เราแยกน้ำออกจากปลา” จินดาบอก
“อุ๊ย พี่จินก็พูดจาวกวน ตกลงจะให้พวกเราทำอะไรกันแน่”
“นั่นสิ พูดเข้าเรื่องซะทีเถอะ”
จินดามองซ้ายขวาเมื่อไม่เห็นคนอื่นจึงพูดขึ้น
“คืออย่างนี้ ชั้นต้องการล้มงานแต่งงานของลูกชาย”
“หา จะดีหรือพี่จิน” ชดช้อยตกใจ “ชั้นว่าอย่าไปขวางเค้าเลยน่า เด็กมันรักกันก็ปล่อยมันไปเถอะ”
“นั่นน่ะสิพี่จิน ถึงพี่จินจะขัดขวางครั้งนี้ได้ ครั้งหน้าก็ต้องมีอีก” ใหญ่บอก
“ใช่ แล้วมันจะเป็นบาปกรรมของพวกเรานะ เราก็แก่มากแล้ว” ภาเห็นด้วยกับเพื่อนๆ
“หมายความว่าพวกเธอจะไม่ช่วยชั้นใช่มั้ย” จินดาไม่พอใจ
“ถ้าเป็นเรื่องงานบุญชั้นเอา งานบาปชั้นขอตัว” ภาลุกออกไปทันที
“ชั้นก็ขอตัว”
พูดจบใหญ่ก็ลุกตาม จินดาหันมามองหน้าภา
“อย่าว่าชั้นนะพี่จิน งานแบบนี้ชั้นไม่เอา”
ภาพุดแล้วเดินออกไป จินดามองตามอย่างโกรธๆ

“มิน่าเค้าว่าเพื่อนกินหาง่ายเพื่อนตายหายาก หึ ถึงยังไงชั้นก็จะต้องล้มงานนี้ให้ได้”







รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)

ที่บ้านของพิม พจรับของชำร่วยจากสุนีย์มาใส่พานพร้อมกับนับไปด้วย สุนีย์ส่งอันต่อไปให้พจช่วยนับ
“495 … 496 … 497 … 498 …….อ้าว ทำไมหายไปสองอัน เราสั่งมาห้าร้อยไม่ใช่หรือลูก” พจถาม
“ช่างมันเถอะค่ะพ่อ แขกอาจจะมาไม่ถึงห้าร้อยคนก็ได้” พิมบอก
“แต่แม่ว่าถึงนะ เดี๋ยวบ่ายนี้แม่จะไปเอาอีกสองอัน เหลือดีกว่าขาด” สุนีย์เสนอ
“ใช่ ถ้าไม่มีให้แขก อายเค้าตาย” พจรีบเสริม
ทันใดนั้น ธีระก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่”
“หวัดดีลูก” พจรับไหว้
“เป็นไงคะที่โรงแรมเรียบร้อยมั้ย” พิมถาม
“เรียบร้อยทุกอย่าง แต่ผมให้เค้าเปลี่ยนดอกไม้ตรงซุ้มทางเข้าหน่อย” ธีระรายงาน
“อ้าว กุหลาบขาวก็ดีแล้วนี่” สุนีย์บอก
“กุหลาบขาวยังอยู่ครับแต่ผมให้เค้าแซมกุหลาบชมพูเข้าไปด้วยจะได้มีสีสดใสหน่อย”
“แล้วมาลัยคล้องคอล่ะ” พจถาม
“พรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเค้าจะไปส่งที่โรงแรมครับ”
“สรุปว่าทุกอย่างพร้อมไม่มีปัญหาอะไร” พจถามอีกที
“ครับ”
เสียงโทรศัพท์มือถือของธีระดังขึ้น ธีระกดรับสาย
“ฮัลโหล”
อรพูดโทรศัพท์กับธีระอยู่ที่บ้านของจินดา
“คุณธีหรือคะ นี่อรนะคะ”
“มีอะไรอร”
พิมเหลือบมอง
“คุณยายอยู่โรงพยาบาลค่ะ” อรบอก
“อะไรนะ” ธีระตกใจ “แม่อยู่โรงพยาบาลหรือ แม่เป็นอะไร”
พิมชะงักที่ได้ยินเช่นนั้น พจกับสุนีย์ชะงักมองหน้ากัน
“คุณยายไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ เมื่อเช้าคุณยายไปโรงพยาบาลไปตรวจสุขภาพ แกบอกให้คุณธีไปรับแกหน่อย”
ธีระถอนใจด้วยความโล่งอก “ได้ เดี๋ยวชั้นไป แล้วทำไมแกไม่ไปกับคุณยาย”
“คุณยายบอกให้หนูเฝ้าบ้าน แกไปเองได้เพียงแต่ขากลับให้คุณธีไปรับแกหน่อย”
“เอาล่ะ เดี๋ยวชั้นไปรับเอง”
ธีระกดวางสาย
“คุณแม่เป็นอะไรหรือคะ” พิมถาม
“อย่าบอกว่าต้องยกเลิกงานแต่งงานนะ” พจสอดขึ้นมา
“ไม่ใช่ครับ คุณแม่แค่ไปตรวจสุขภาพ ท่านจะให้ผมไปรับกลับ”
“โอ๊ย แม่ใจหายไปอยู่ตาตุ่ม นึกว่าต้องยกเลิกงานแต่งเป็นครั้งที่สองแล้ว” สุนีย์บอก
“ขอโทษทีครับที่ทำให้ตกใจ”
ธีระยิ้มแล้วมองหน้าพจ พจถอนใจ
“งั้นผมขอไปรับแม่ก่อนนะครับ” ธีระบอก
“ฝากบอกคุณแม่พรุ่งนี้เจอกันที่งานนะ” พจพูด
“ครับ”
ธีระเดินออกไป พจ สุนีย์และพิมมองหน้ากันแล้วยิ้มขำ
“นึกว่าเอาอีกแล้ว” สุนีย์พูด
“ถ้าครั้งนี้ไม่ได้แต่ง พ่อว่าไม่ต้องแต่งอีกเลยนะพิม” พจบอก
“พ่อ ทำไมพูดอย่างนี้”

อรเปิดประตูบ้าน ธีระประคองแม่เดินเข้ามา
“แกไม่ต้องประคองแม่หรอก แม่ไม่ได้พิการนะ” จินดาบอก
“แล้วทำไมไม่ให้พี่แดงไปส่ง” ธีระถาม
“จะไปกวนเค้าทำไม เค้าก็งานยุ่งอยู่แล้ว แม่ไม่ได้เป็นอะไรแค่ไปตามนัดหมอเค้า นี่หมอเค้ายังบอกแม่เลยว่าทุกอย่างเพอเฟคดีหมด”
“ผมค่อยโล่งใจหน่อย พรุ่งนี้แม่จะได้ไปงานแต่งงานอย่างสบาย”
จินดามองหน้าลูกชายแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“แม่ยิ้มอะไร” ธีระถาม
“เปล่า แม่กำลังดีใจกับลูกที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับเค้าซะที” จินดาบอก
“จริงหรือครับ แม่อยากให้ผมแต่งงาน”
“จริงสิ พ่อแม่ที่ไหนจะไม่ดีใจที่ลูกได้แต่งงาน”
“ขอบคุณครับแม่”
ธีระโผเข้าไปกอดแม่ ส่วนจินดากลับยิ้มเจ้าเล่ห์

ณ โรงแรมที่จัดงานแต่ง ธีระกับพิมซึ่งอยู่ในชุดบ่าวสาวกำลังเดินก้าวขึ้นบันไดไป เพื่อนเจ้าสาวยืนรออยู่ปากทางเข้างาน ช่างภาพเข้ามาถ่ายรูป
“วันนี้พี่พิมสวยจังเลย” นุ้ยชม
“เจ้าบ่าวก็หล่อ” เป็บบอก
“แสดงว่าเหมาะสมกันใช่มั้ย” สุนีย์ถาม
กิ๊กรีบตอบ “ค่ะคุณแม่ เหมาะสมที่สุด”
“แล้วแขกมารึยัง” พจถาม
“ยังค่ะคุณพ่อ อีกชั่วโมงคงมา” แหม่มบอก
“งั้นเรามีเวลาว่างมาถ่ายรูปหมู่กันดีกว่า” พจชวน
“รอคุณแม่ธีก่อนดีมั้ยคะพ่อ จะได้ถ่ายร่วมกันสองครอบครัวเลย” พิมว่า
“แล้วคุณแม่จะมากี่โมงจ๊ะพ่อธี” สุนีย์ถาม
“เห็นว่าจะมาก่อนห้าโมงครับ” ธีระบอก
“อ้าว พูดถึงก็มาพอดี” พจพูดขึ้น
จินดาเดินเข้ามากับกบ แดง และไตรตั้น ธีระกับพิมรีบเดินเข้าไปรับ
“สวัสดีค่ะคุณแม่ พี่แดงพี่กบ” พิมยกมือไหว้
จินดารับไหว้ “หวัดดีจ้ะ”
“สวัสดีครับคุณแม่” พจยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะท่านนายพล คุณสุนีย์” จินดาทัก
“คุณแม่สบายดีนะคะ” สุนีย์ถาม
“สบายดีค่ะ” จินดาตอบ
“วันนี้คุณแม่สวยจังเลยค่ะ” พิมชม
“ขอบใจจ้ะ”
“ไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยดีกว่าครับแม่ ไปแม่” ธีระชวน
ธีระจะเข้าไปประคอง
“ไม่ต้องประคองแม่ พาเจ้าสาวไปลูก แม่ไปเองได้” จินดาบอก
ธีระยิ้มแล้วจับมือพิมก่อนจะหันหลังเดินไปที่งาน แดงกับกบเดินตาม ทุกคนหันหลังแล้วเดินออก จินดายืนมองตามหลังทุกคนแล้วนิ่งอึ้งก่อนจะเบิ่งตาค้าง กบกับแดงจูงลูกเดินไปที่งาน แต่แล้วแดงก็ชะงัก
“แม่ล่ะ” แดงถาม
ธีระชะงักหันไปมองก็เห็นแม่ตัวเองกำลังยืนอึ้งอยู่
จินดาตะโกน “ธี .. ช่วยแม่ด้วย”
จินดาล้มหงายหลังไป
ธีระร้องเสียงหลง “แม่”
พิมตกใจ “คุณแม่”
ธีระวิ่งเข้าไปหาแม่ตัวเองทันที จินดาม้วนตัวตีลังกาหงายลงพื้นแล้วกลิ้งตกบันไดไป
“แม่ ...”
ธีระวิ่งเข้ามาหาก็เห็นจินดานอนกองอยู่กับพื้นและมีเลือดไหล ทุกคนวิ่งกรูเข้ามา
กบร้องบอก “พาแม่ไปโรงพยาบาลเร็ว”
ธีระกับกบเข้ามาพยุงจินดาออกไป พิมยืนอึ้งก่อนจะหันไปมองหน้าพจกับสุนีย์
สุนีย์ตกใจ “นี่อะไรกันเนี่ย”
พูดจบสุนีย์ก็เป็นลมล้มกองลงไป
พิมตกใจ “แม่...”
“คุณ..” พจรีบเข้ามาประคอง
ทุกคนต่างก็วุ่นวายและโกลาหล

ประตูห้อง ICU เปิดออก บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่จินดานอนอยู่เข้ามา รถเข็นเลี้ยวเข้าไปในห้องICU ธีระยืนอึ้งอยู่หน้าห้อง เขามองหน้าพี่สาว ส่วนกบและไตรตั้นก็ยืนอยู่ด้วย
“นี่แม่เป็นอะไรเนี่ย อยู่ๆถึงล้มหงายไป” ธีระแปลกใจ
“หรือว่าแกจะเป็นลม” แดงสันนิษฐาณ
“แต่ตอนออกจากบ้านมา แกก็ยังดี ๆ อยู่นะ” กบบอก
“หรือว่าแม่จะแกล้ง”
“บ้าน่ะแดง พูดอะไรอย่างงั้น” กบว่า “ถึงแม่ไม่อยากให้ธีแต่งงานแกคงไม่เอาชีวิตเข้าเสี่ยงแบบนี้หรอก”
“ใช่ ชั้นว่าแม่ไม่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้หรอก” ธีระบอก
พยาบาลเดินออกมาจากห้อง ICU
“ตอนนี้แม่ผมเป็นไงบ้างครับ” ธีระถาม
“รอซักครู่นะคะ ตอนนี้หมอกำลังดูอยู่” พยาบาลบอก
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ธีระกดรับ
“ฮัลโหล พิมหรือ”
พิมยืนพูดโทรศัพท์อยู่หน้าประตูทางเข้างานแต่งงาน
“คุณแม่เป็นไงบ้าง”
“ยังไม่รู้เลย ตอนนี้หมอกำลังดูอยู่” ธีระตอบ
“แล้ว ...”
พิมมองหน้าพ่อกับแม่ที่ยืนฟังอยู่ด้วย
“ถามเค้าสิ” พจบอกลูกสาว
“แล้วธีจะกลับมางานรึยัง” พิมถาม
“เออจริงสิ ผมลืมไป พิมรออีกซักพักได้มั้ย ผมขอเจอหมอก่อน”
“ได้ค่ะ แค่นี้นะคะ” พิมวางสายไป
สุนีย์ถาม “ธีเค้าว่าไง”
“เค้าบอกอีกซักพักค่ะ เค้าขอคุยกับหมอก่อนว่าแม่เค้าเป็นอะไร”
“ต้องมาแน่นะ” พจย้ำ
พิมมองหน้าพ่อตัวเองอย่างหวั่นใจ

ธีระเดินไปเดินมาพร้อมกับมองเข้าไปในห้องICU แล้วเหลือบมองนาฬิกาเห็นเวลาจะสองทุ่มแล้ว
“พี่แดง พี่กบ ฝากดูแม่หน่อยนะ” ธีระบอก
“แกจะกลับไปงานใช่มั้ย” แดงถาม
“ใช่” ธีระตอบ
“ไปเถอะ คราวที่แล้วก็ไม่ได้แต่งทีนึงแล้ว คราวนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว” กบเห็นด้วย
“ถ้ามีอะไรก็โทรบอกผมเป็นระยะนะ ผมจะเปิดมือถือไว้”
“ไปเถอะ พี่อยู่ทางนี้เอง” แดงบอก
ธีระหันเดินจะไปแต่หมอออกมาพูดเสียงดัง
“ขอโทษครับ ใครเป็นญาตินางจินดาครับ”
ธีระชะงักหันกลับไปหาทันที
“ผมครับ” ธีระแหวกตัวพี่สาวกับพี่เขยเข้าไปหาหมอ
“คุณแม่เป็นยังไงบ้างครับหมอ” ธีระถามด้วยความกระตือรือล้น
“ตอนนี้คุณแม่คุณหัวใจเต้นไม่ปกติ” หมอบอก
“อันตรายมั้ยคะ” แดงถาม
“ก็ ... อยู่ในขั้นวิกฤติ” หมอบอก
“วิกฤติเลยหรือครับ”
“ใช่ครับ ตอนนี้คลื่นไฟฟ้าในหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ มีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้”
ธีระตกใจ “หา เสียชีวิตหรือครับ”
แดงจะร้องไห้
“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงครับ” กบถาม
“ในขั้นต้นเราให้ยาปรับการเต้นของหัวใจอยู่ แล้วก็ต้องเฝ้าดูอาการ 24 ชั่วโมงครับ”
“หมายความว่าปุบปับแม่อาจจะเป็นอะไรก็ได้งั้นหรือครับ” ธีระถาม
“ใช่ครับ ตอนนี้ผมแจ้งให้ทราบในขั้นต้นก่อน”
หมอเดินกลับเข้าไปในห้อง ธีระยืนมองหน้าแดงกับกบอย่างอึ้งๆ

พิมยืนรออยู่ที่หน้าประตูทางเข้างานแต่งกับพ่อและแม่ ญาติๆ เดินนำผอ.การบินเข้ามา โดยมีพนักงานหญิงในเครื่องแบบ 2 คนถือกล่องของขวัญเดินมาด้วย
“พี่พิมคะท่านผอ.มาค่ะ” ญาติของพิมบอก
“สวัสดีค่ะนาย” พิมยกมือไหว้ “ต้องกราบพระคุณนายมากนะคะที่มา”
“สวัสดีครับเสธ.พจ” ผอ. ทักทายพ่อของพิม
“สวัสดีครับท่านผอ” พจทักทายกลับ
“พอดีต้องไปอีกงานก็เลยรีบมาอวยพรงานคุณก่อน” ผอ. บอก
“ขอบพระคุณค่ะ”
“อ้าว แล้วกัปตันธีระล่ะ” ผอ. ถาม
“เอ่อ คือ ...” พิมอึกอัก
พิมเหลือบมองพ่อกับแม่ พจกับสุนีย์ก็มีสีหน้าอึดอัด
“เจ้าบ่าวไปห้องน้ำหรือ” ผอ. ถามต่อ
“คือ... เผอิญคุณแม่ธีเค้าเป็นลมตกบันไดน่ะค่ะ” พิมบอก
“หา .. ที่ไหน” ผอ. ตกใจ
“ด้านหลังท่านนี่แหละค่ะ” พิมชี้ไปที่ด้านหลังของ ผอ.
“มันยังไงกัน คราวที่แล้วก็ไม่สบายไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ ไม่รู้ดวงเป็นยังไง” สุนีย์บอก
“พี่พิมคะ พี่ธีโทรมาค่ะ” ญาติเอามือถือเข้ามาให้พิม
“ฮัลโหล ...”
ธีระยืนพูดโทรศัพท์อยู่ที่หน้าห้อง ICU.
“พิมหรือ”
“นี่คุณอยู่ไหนแล้วคะ ท่านผอ.มาแล้วกำลังรอคุณอยู่”
“พิม ฝากเรียนท่านผอ.ด้วยนะ ว่าผมต้องกราบขอประทานโทษท่านอีกครั้ง”
“หมายความว่าไงคะ” พิมงง
พจกับสุนีย์มองลูกสาว
“หมอบอกว่าตอนนี้แม่ผมอยู่ในขั้นวิกฤติมาก หัวใจเต้นผิดปกติอย่างรุนแรง” ธีระเล่า
“เอ่อ ...” พิมอึกอัก
“ช่วยเรียนคุณพ่อคุณแม่คุณทีนะว่าผมจำเป็นจริงๆ ผมต้องอยู่ดูแลแม่เพราะเค้าต้องการการตัดสินใจ”
“ให้พี่แดงกับพี่กบอยู่ก่อนไม่ได้หรือคะ” พิมถาม
“ไม่ได้หรอกพิม ผมอยากอยู่เพราะผมต้องรู้ว่าเราจะตัดสินใจรักษาท่านด้วยวิธีไหนต่อไป”
“แล้วงานแต่งล่ะคะ”
“อย่าโกรธผมเลยนะ ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดีแต่ผมทิ้งแม่ไปไม่ได้จริงๆ”
พิมน้ำตาไหลก่อนจะค่อยๆ ลดมือข้างที่ถือโทรศัพท์ลงช้าๆ
“ว่าไงลูก” สุนีย์ถาม พิมส่ายหน้า
“เค้าไม่มาหรือ” พจเอ่ยถาม
พิมส่ายหน้าแล้วร้องไห้ สุนีย์ปิดปากร้องไห้ ส่วนพจโกรธแล้วก็ส่ายหัว ผอ.เอามือเข้ามาตบไหล่พจเพื่อปลอบใจ พิมน้ำตาไหลโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วเดินออกจากงาน
“พิมจะไปไหนลูก” สุนีย์ร้องเรียก
พิมร้องไห้แล้วเดินลงบันไดไป
เพื่อนเจ้าสาวยกมือทำเป็นสัญลักษณ์กากบาทเพื่อบอกยกเลิกงาน เพื่อนเจ้าบ่าวตบหน้าผากแล้ว ส่ายหน้า

ธีระเดินไปเดินมาชะเง้อมองไปที่ห้องICU กบก็มองไปที่ห้อง ส่วนแดงร้องไห้กอดลูกชายแน่น
“แม่ คุณยายจะตายมั้ยครับ” ไตรตั้นเอ่ยถาม
“ไม่หรอกลูก” แดงบอก
“ตั้นรักคุณยาย ไม่อยากให้คุณยายตายเลย”
ทันใดนั้น หมอก็เปิดประตูออกมา
“แม่ผมเป็นไงบ้างครับหมอ” ธีระถาม
“ตอนนี้เราให้ยาปรับการเต้นของหัวใจอยู่ แต่การเต้นยังไม่สม่ำเสมอดี คงต้องรออีกซักระยะ”
“หมายความว่าแม่ยังไม่ดีขึ้นหรือครับ” กบถามต่อ
“ใช่ครับ”
“หมอคะ แม่จะตายมั้ยคะ” แดงถาม
“ตอนนี้ผมยังตอบอะไรไม่ได้นะครับ มันขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ว่าจะแข็งแรงมากน้อยแค่ไหน” หมอพูด
“แล้วคุณแม่มีสิทธิ์ที่หัวใจจะหยุดเต้นมั้ยครับ” ธีระถามต่อ
“ทุกอย่างเป็นไปได้หมดครับ”
ธีระอึ้งแล้วสบตากับแดง
“แล้วพวกเราเข้าไปดูได้มั้ยครับ” ธีระถาม
“เชิญครับ”
ทั้งหมดพากันเดินเข้าไปในห้อง ICU.

ภายในห้อง ICU. จินดานอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง เธอใส่ที่บล๊อคคอและมีเครื่องช่วยหายใจพร้อมทั้งสายระโยงระยางให้ยาอยู่
ธีระกับแดงร้องเรียก “แม่”
“คุณยาย .. คุณยายต้องไม่ตายนะครับ” ไตรตั้นบอก
ธีระยืนมองแม่แล้วน้ำตาก็ไหลริน
“แม่ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะ ผม พี่แดง พี่กบแล้วก็หลานอยู่ข้าง ๆ แม่นะ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะ”
จินดานอนนิ่งไม่รับรู้อะไร

พิมนอนร้องไห้อยู่ในห้อง สุนีย์เคาะประตูแล้วเปิดเข้ามา โดยมีพจเดินตามมาด้วย
“พิม ...”
พิมโผเข้าไปกอดแม่ “แม่คะ ... ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับหนูด้วย หรือว่าหนูกับธีไม่ใช่คู่กัน”
“อย่าคิดอย่างนั้นเลยลูก มันเป็นอุบัติเหตุ หมอก็บอกแล้วว่าแม่เค้าหัวใจเต้นผิดปกติ”
“แต่ทำไมต้องเกิดขึ้นวันนี้ด้วยล่ะคะ ทำไมไม่เป็นก่อนหน้าวันนี้หรือวันพรุ่งนี้ก็ได้”
“เรื่องเจ็บป่วยมันเลือกเวลาไม่ได้หรอกลูก” สุนีย์บอก
“ไม่ค่ะ หนูว่าแม่เค้าต้องแกล้ง เค้าไม่อยากให้ลูกชายแต่งงานกับหนู” พิมว่า
“อย่าพูดอย่างงั้นสิลูก มันไม่ดี ใครจะกล้าเสี่ยงชีวิตแกล้งหงายหลังตกบันได พวกเราก็เห็นอยู่กับตา”
“นั่นสิ พ่อก็เห็นด้วยกับแม่นะ แม่เค้าไม่ได้แกล้งหรอก มันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ พ่อว่าลูกอย่าไปคิดอะไรให้มันมากเลย แล้วพรุ่งนี้ก็ควรจะไปเยี่ยมแม่เค้าซะหน่อย” พจบอก
“หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกันหนู”
“เอาน่า แม่รับรองครั้งที่สามต้องไม่มีอะไรผิดพลาดแน่”
“ใช่ ถ้ามีอะไรผิดพลาดอีก พ่อว่าลูกไม่ต้องแต่งมันแล้ว” พจบอก
พิมมองหน้าพ่อกับแม่แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา




รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 2 (ต่อ)
กลางดึก จินดายังคงนอนอยู่บนเตียงในห้อง ICU. เธอขยับตัวลืมตาขึ้นอย่างเบลอๆ พยาบาลเดินเข้ามาเห็นจินดาลืมตาอยู่ก็ทัก
“อ้าว คุณป้า ฟื้นแล้วหรือคะ”
“นี่ ชั้นอยู่ที่ไหน โรงพยาบาลหรือ” จินดาถาม
“ใช่ค่ะ คุณป้าอยู่โรงพยาบาล” พยาบาลกดเรียกหมอ “คุณหมอคะ คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น” จินดาถามต่อ
“อย่าเพิ่งถามอะไรนะคะ เดี๋ยวคุณหมอมาแล้ว”
หมอเดินเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้างครับคุณป้า”
“เจ็บไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ” จินดาบอก
“คงระบมน่ะครับ ขอหมอตรวจดูหน่อยนะ”
หมอเปิดไฟฉายแล้วส่องดูตาจินดาทั้งซ้ายและขวา
“คุณป้าเหนื่อยมั้ยครับ” หมอถาม
“ไม่ค่ะ”
“ดีแล้วครับ แสดงว่ายาที่หมอให้ไปตอบสนองกับคุณป้า”
“นี่อิชั้นเป็นอะไรคะคุณหมอ”
“หัวใจเต้นผิดปกติน่ะครับ แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว คุณป้านอนพักเยอะๆนะครับ”
จินดาพยักหน้าแล้วหลับตา หมอเดินออกไป

หมอเดินออกมาหน้าห้อง ICU. โดยที่ธีระนั่งรออยู่กับแดง กบและไตรตั้น
“แม่เป็นยังไงบ้างครับหมอ” ธีระถามทันที
“ตอนนี้คลื่นหัวใจอยู่ในเกณฑ์ปกติแล้ว ผมจะลองปรับยาลดลง”
“หมายความว่าปลอดภัยแล้วใช่มั้ยคะ” แดงถาม
“ใช่ครับ ในขั้นต้นนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องดูอาการอีกสองสามวันเพราะมันอาจจะเป็นขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้”
“ขอบคุณครับ” ธีระพูด หมอเดินจากไป แดงโผเข้าไปกอดธีระ
“ขอบคุณคุณพระที่คุ้มครองแม่”
“คุณยายไม่ตายแล้วใช่มั้ยครับพ่อ” ไตรตั้นถาม
“คุณยายไม่เป็นอะไรแล้วลูก” กบบอกลูกชาย ธีระถอนใจยาวด้วยความโล่งอก

จินดานอนอยู่ในห้อง ICU. ธีระเปิดประตูเข้ามาก่อนจะเดินมาหยุดข้างเตียง เขาจับมือแม่
จินดาลืมตามอง
“ธี”
“แม่ปลอดภัยแล้วนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว” ธีระบอก
“แม่คิดว่าแม่จะไม่ได้กลับมาเห็นหน้าลูกซะแล้ว”
“ไม่หรอก แม่ต้องอยู่กับผมไปนานๆ หมอบอกว่าอีกสองวันแม่ก็กลับบ้านได้แล้ว”
“ทำไมอยู่ๆแม่ถึงเป็นโรคหัวใจ” จินดาสงสัย
“หมอบอกมันเป็นเพราะวัยน่ะแม่ คนแก่ส่วนใหญ่ก็มีโอกาสเป็นได้ผมว่าแม่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ แม่เพิ่งฟื้นนอนพักซะ เดี๋ยวตื่นมาค่อยคุยกัน”
จินดาพยักหน้าแล้วหลับตา ธีระเดินออกไป
จินดาเรียกไว้ “ธี”
“ครับแม่”
“ลูกอย่าทิ้งแม่ไปนะ” จินดาบอก
“ผมไม่ไปไหนหรอกครับแม่ แค่ออกไปนั่งข้างนอก ในนี้เค้าไม่ให้ญาติอยู่”
จินดาพยักหน้า ธีระเดินออกไป จินดาค่อยๆ หลับตาลง

ธีระเดินออกมานั่งหน้าห้อง ICU. เขากดโทรศัพท์ไปหาพิม
เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องของพิมดังขึ้น พิมเดินมาหยิบดูแล้วกดรับ
“ฮัลโหล”
“พิมแม่ผมปลอดภัยแล้วนะ”
“ค่ะ แล้วนี่คุณอยู่ไหนคะ”
“ผมอยู่โรงพยาบาล คืนนี้คงอยู่ที่นี่ทั้งคืน”
“คุณแม่ปลอดภัยแล้วกลับไปนอนที่คอนโดไม่ดีกว่าหรือคะ”
“ไม่ล่ะ พี่แดงเค้าพาลูกกลับไปนอนบ้าน ผมไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว กลัวว่าแกจะเป็นอะไรไปอีก”
“ค่ะ”
“ผมแค่โทรมาบอกพิม ไม่อยากให้พิมเป็นห่วง”
“ค่ะ ถ้าแม่คุณปลอดภัยดีแล้วก็โอเคนะคะ แค่นี้นะ แล้วพรุ่งนี้พิมจะไปเยี่ยม”
“จ้ะ” ธีระกดวางสาย
พิมปิดโทรศัพท์แล้วมองโทรศัพท์อย่างน้อยใจ

เช้าวันใหม่ พยาบาลเดินผ่านไป ธีระนั่งหลับอยู่หน้าห้องICU พิมเดินเลี้ยวเข้ามาแล้วเห็นธีระนั่งหลับ เธอจึงเดินเข้ามาหยุดมองก่อนจะลงไปนั่งข้างๆ
“ธี .. ธีคะ”
ธีระขยับตัวตื่น
“อ้าวพิม”
“ทำไมมานั่งหลับอยู่นี่”
“กี่โมงแล้วเนี่ย”
“เจ็ดโมงค่ะ”
“คุณมานานแล้วหรือ”
“เพิ่งมาเมื่อกี้ค่ะ” พิมบอก
“เข้าไปดูแม่มั้ย”
“ค่ะ”
ธีระลุกขึ้นแล้วเดินนำพิมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ICU

พิมเดินเข้ามาในห้อง ICU. เธอเดินเข้าไปหาจินดาแต่ก็เห็นจินดากำลังหลับสนิท พิมหยุดมองพลางนึกถึงคำที่ไตรตั้นบอกกับเธอ
“คุณยายไม่อยากให้แต่ง”
พิมมองจินดาแล้วก็นึกถึงถ้อยคำที่พ่อบอกเธอ
“เค้าไม่ได้แกล้งหรอกลูก มันเป็นอุบัติเหตุ” พจพูด
พิมมองจินดาก็เห็นแม่จินดาหลับสนิท
“แล้วหมอให้กลับบ้านได้เมื่อไหร่คะ” พิมถามธีระ
“หมอบอกต้องอยู่ดูอาการอีกสองสามวัน” ธีระบอก
พิมพยักหน้ารับรู้ “ออกไปข้างนอกดีกว่าชั้นไม่อยากรบกวนท่าน”
ธีระเดินออกไป พิมหันมองจินดาอีกครั้งอย่างติดใจสงสัยก่อนจะเดินตามออกไป

ธีระเปิดประตูออกมาจากห้อง ICU. โดยมีพิมเดินตามมา
“แม่กับพ่อจะมาเยี่ยมตอนเย็นนะคะ” พิมบอก
“แล้วคุณพ่อคุณโกรธผมรึเปล่า” ธีระถาม
“ไม่ค่ะ”
“ผมขอโทษพิมด้วยนะ ไม่น่าเกิดเรื่องกับแม่เลย”
“ธีคะ” พิมเอ่ย
“หือม์”
พิมมองหน้าธีระอย่างไม่แน่ใจว่าจะพูดออกมาดีรึเปล่า
“มีอะไรหรือ”
“คุณแน่ใจมั้ยคะว่าว่าคุณแม่เป็นโรคหัวใจจริง”
“จริงสิก็หมอบอกอย่างงั้น ทำไมพิมถามแบบนี้”
พิมนิ่งไม่ตอบอะไร ธีระมองหน้า
“นี่พิมคิดว่าแม่ผมแกล้งงั้นหรือ”
“ชั้นก็ไม่อยากคิดอย่างงั้นหรอกนะคะ แต่ทำไมแม่คุณต้องบังเอิญเป็นตอนวันแต่งงานของเราอีกแล้ว”
ธีระรู้สึกโกรธขึ้นมา
“เฮ้ย พิม คุณก็เห็นกับตานี่ว่าแม่ผมหงายหลังตกลงบันไดไป แล้วตอนนี้แม่ผมก็นอนอยู่ในไอซียู ผมว่าคุณอคติกับแม่ผมเกินไปแล้ว”
“ไม่ใช่นะธี”
“ผมเสียใจจริง ๆ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมีความคิดแบบนี้”
ธีระผละจะเดินไปแต่พิมคว้าแขนของเขาไว้
“เดี๋ยวสิธี”
“ผมว่าเราอย่าคุยกันเลย ผมขอตัว”
ธีระเดินกลับเข้าห้องไป พิมมองตามอย่างเสียใจและโกรธที่ธีระไม่ยอมฟังเธอ

ธีระเดินไปมาในห้อง ICU. เขามองแม่ตัวเองก็เห็นว่าแม่ยังหลับอยู่ ธีระนึกถึงถ้อยคำที่พิมถาม
“คุณแน่ใจมั้ยคะว่าคุณแม่เป็นโรคหัวใจจริง”
ธีระส่ายหน้าด้วยความโมโห สักพักจินดาก็ลืมตาตื่น
“ธีเอ๊ย”
“ครับแม่”
“ขอแม่กินน้ำหน่อย”
“นี่ครับ” ธีระหยิบน้ำมาป้อนให้ จินดาดื่มน้ำแล้วสำลัก
“ช้า ๆ แม่ ใจเย็น ๆ”
จินดาดื่มน้ำเสร็จก็หลับตาต่อ ธีระมองแม่แล้วนึกถึงสิ่งที่พิมพูดแล้วก็ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ

พิมนั่งกินกาแฟกับกลุ่มเพื่อนแอร์ เพื่อนๆ ช่วยกันออกความเห็น
“น้องว่าแม่กัปตันน่ะแกล้ง” เป็บบอก
“แต่ชั้นว่าไม่นะ ใครจะยอมเสี่ยงชีวิตตกบันไดให้คอหักตาย” อุ๋มแสดงความเห็น
“ไม่แน่ แกอาจจะรู้จักวิธีเก็บคองอเข่าก็ได้” แหม่มบอก
กุ๊กรีบค้าน “บ้าน่ะไอ้แหม่ม คนอายุ 70 ต่อให้เป็นนักยิมนาสติกก็อาจตายได้นะ”
“เอาล่ะ หยุดเถียงกันได้แล้ว บางทีชั้นอาจจะคิดมากไปเองก็ได้” พิมสรุป
“ใช่ อุ๋มว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า”
“นั่นสิ ชั้นว่าไม่มีใครบ้าทำแบบนั้นหรอก” กุ๊กบอก
“งั้นเอาอย่างนี้เราก็พิสูจน์กันอีกครั้ง” เป็บเสนอ
“พิสูจน์ยังไง” พิมถาม
“ก็แต่งเป็นครั้งที่สาม ถ้าแม่กัปตันไม่สบายอีกก็แสดงว่าเค้าไม่อยากให้กัปตันแต่งกับพี่พิมจริง ๆ”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน ชั้นเห็นด้วยกะไอ้เป๊บ” แหม่มบอก
“งั้นอันดับแรกพี่พิมต้องไปง้อกัปตันก่อน” อุ๋มบอก
“พี่น่ะหรือต้องไปง้อเค้า”
“ก็ใช่สิ แกดันไปใส่ร้ายแม่เค้าก่อน”
“งั้นหรือ” พิมย้อน
“อ้าว นี่ไม่รู้ตัวหรือ” แหม่มว่า
“ก็ได้ หวังว่าที่ชั้นคิดจะผิดนะ” พิมบอก
สาวๆ ทั้งกลุ่มหัวเราะออกมา

ธีระเดินออกจากลิฟต์ในโรงพยาบาล เขาเลี้ยวเดินจะไปห้องคนไข้แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคิตตี้เดินเลี้ยวสวนมา
“หวัดดีค่ะพี่ธี” คิตตี้ทัก
“อ้าว ตี้ นี่มาโรงพยาบาลทำไม”
“มาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะ แล้วพี่ธีล่ะคะ”
“แม่พี่ไม่สบายน่ะ”
“อ้าว หรือคะ เป็นอะไรคะ”
“หัวใจเต้นผิดจังหวะ”
“แล้วเป็นไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
“งั้นตี้แวะไปสวัสดีคุณแม่ได้มั้ยคะ”
“ได้สิ” พูดจบธีระก็เดินนำไป คิตตี้เดินตาม

ธีระเปิดประตูนำคิตตี้เข้ามาในห้อง ICU. ขณะที่จินดานอนอยู่บนเตียง
“แม่ ดูซิว่าใครมาเยี่ยม” ธีระบอก
จินดาถาม “ใครลูก”
“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณแม่จำหนูไม่ได้หรือคะ คิตตี้ไงคะ”
“คิตตี้ ?” จินดาสงสัย
“หนูเคยเป็นแฟนกับพี่ธีไงคะ”
“อ๋อ จำได้แล้วลูก แล้วไปไงมาไงถึงมาเจอกัน” จินดาถาม
“หนูมาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะ เลยเจอพี่ธี แล้วคุณแม่เป็นไงคะ”
“ดีขึ้นแล้วลูก แล้วนี่หนูแต่งงานรึยัง”
“ยังเลยค่ะ รอพี่ธีอยู่เนี่ย” คิตตี้แซว
“ถ้ารอพี่คงไม่ได้แต่งแล้วล่ะ” ธีระบอก
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง พิมเปิดประตูก้าวเข้ามาพร้อมดอกไม้และของเยี่ยม พิมชะงักเมื่อเห็นคิตตี้อยู่ในห้อง
“อ้าว พิม” ธีระทัก
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่ามีแขก” พิมบอก
“แขกที่ไหนกันล่ะคะพี่พิม คิตตี้เองค่ะ จำคิตตี้ได้มั้ยคะ”
พิมมองหน้าธีระ
“ที่วันนั้นพิมคุยโทรศัพท์ด้วยไง” ธีระบอก
“จำได้ค่ะ สวัสดีค่ะคุณแม่” พิมยกมือไหว้
“หวัดดีจ้ะลูก วันนี้ไม่มีบินหรือ” จินดาถาม
“ค่ะ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นมั้ยคะ”
“ดีขึ้นมากแล้วลูก เห็นหมอบอกว่าพรุ่งนี้จะให้กลับบ้าน” จินดาบอก
“จริงหรือแม่” ธีระดีใจ
“เดี๋ยวหมอมาลูกถามย้ำอีกทีแล้วกัน”
“งั้นตี้ขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ” คิทตี้บอก
“ทำไมรีบกลับล่ะลูก”
“ตี้มีธุระน่ะค่ะคุณแม่ ขอให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรงนะคะ” คิทตี้อวยพร
“จ้ะ ขอบคุณมากนะอุตส่าห์มาเยี่ยม”
“ไปล่ะค่ะพี่พิม”
พิมตอบรับสั้นๆ “ค่ะ”
คิตตี้หันมาจับมือธีระ พิมลอบมอง
“ไปนะคะพี่ธี เทคแคร์นะคะ”
พิมเหลือบมอง คิตตี้เดินออกไปจากห้อง

จินดาพูดกับพิม “แม่ขอโทษนะหนูพิม ทำให้งานแต่งหนูล่มอีกแล้ว”
พิมฝืนยิ้ม “ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่หรอกค่ะ”
“ขอบใจมากนะลูก ลูกเนี่ยน่ารักที่สุดเลย”
จินดายิ้มให้ พิมยิ้มตอบแล้วเหลือบมองธีระ ธีระมอง พิมยิ้มให้เหมือนไม่ติดใจอะไรเรื่องแม่ของเขาแล้ว

ธีระกับพิมเดินออกมาหน้าห้อง ICU.
“ผมดีใจนะที่พิมเข้าใจแม่”
“พิมขอโทษนะคะที่พูดไม่ดีกับคุณ” พิมบอก
“ผมรู้ว่าพิมเครียด เพราะถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครก็คงประสาทเสียกันทุกคน”
“ขอบคุณนะคะที่คุณเข้าใจพิม”
“เข้าใจสิ ผมรักพิมนะ”
ธีระจูบหน้าผาก พิมมองเขาแล้วยิ้ม ธีระเคลื่อนเข้ามาจะจูบปากแต่พิมยกมือขึ้นแตะปากเขาไว้
“เดี๋ยวค่ะ แล้วแฟนเก่าธีมาเยี่ยมคุณแม่ได้ไง” พิมถาม
“เจอกันที่โรงพยาบาลน่ะ ตี้เค้ามาเยี่ยมเพื่อนเค้า”
“รู้มั้ยคะว่าตอนที่เข้าไปในห้องพิมตกใจมากนะ คิดว่าธีเลิกกับพิมแล้วไปดีกับแฟนเก่า”
“พิมเนี่ยคิดอะไรฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว”
“ใครจะไปรู้ เห็นทำโกรธเรา ไม่พูดไม่จา”
“ผมเคยบอกแล้วไงว่าผมรักคุณคนเดียวและคุณคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมจะอยู่ด้วย”
“ชั้นก็รักคุณค่ะ”
ทั้งสองมองสบตากัน ธีระดึงพิมเข้ามากอดเอาไว้

เช้าวันใหม่ รถเข็นที่จินดานั่งถูกเข็นเข้ามาในบ้านของจินดา ธีระเข็นรถให้แม่นั่ง ส่วนแดงถือของจากโรงพยาบาลเดินตามมา
“หวัดดีค่ะคุณยาย หนูดีใจจริงๆที่เห็นคุณยายอีกครั้ง” อรทัก
จินดาถามทันที “ทำไม”
“ตอนแรกหนูนึกว่าคุณยายจะไม่ได้กลับบ้านแล้วซะอีก” อรบอก
“นี่ ไอ้อร แกพูดจาอะไรให้มันเป็นมงคลหน่อย” แดงว่า
“ขอโทษค่ะ”
“เอา เอาของไปเก็บห้องคุณยายซิ”
แดงส่งของให้ อรเดินออกไป ธีระพยุงแม่ขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
“แม่มานั่งนี่ก่อน” ธีระบอก
“เอาน้ำมั้ยแม่” แดงถาม
“ไม่ล่ะลูก แม่ว่าลูกไปทำงานกันเถอะไป แม่ไม่เป็นไรแล้ว”
เสียงออดดังขึ้น ทุกคนชะงักหันไปมอง
“ใครมา .. อรไปดูซิใครมา” แดงสั่ง
“ค่ะ” อรวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที

อรเปิดประตูให้ป้าช้อย ป้าภา และป้าใหญ่
“สวัสดีค่ะ คุณยาย” อรทัก
“ยายจินกลับมาแล้วหรือ” ช้อยถาม
“กลับมาแล้วค่ะ เชิญค่ะ” อรเดินนำทั้งสามเข้าบ้านไป

อรเดินนำ ป้าช้อย ป้าภา ป้าใหญ่เข้ามาในบ้าน
“คุณยายขามีแขกมาหาค่ะ” อรบอก
“ใคร” แดงถามขึ้น
“ชั้นเองแม่แดง” ช้อยบอก
“หวัดดีค่ะป้าช้อย ป้าใหญ่ น้าภา” แดงยกมือไหว้
ธีระยกมือไหว้ด้วย “หวัดดีครับ”
ช้อย ภา และใหญ่รับไหว้ “หวัดดีจ้ะ / หวัดดีลูก”
“แหม ขอกอดหน่อยซิคะกัปตันรูปหล่อ” ใหญ่บอก
ใหญ่เข้ามากอดเอวธีระ
“นี่ ยัยภาแกถ่ายรูปให้หน่อยซิจะเอาไปอวดหลาน”
“ทำยังกะนายธีเป็นดารา” ภาแซวแล้วเอามือถือถ่ายรูปให้
“หลานสาวเค้าอยากเป็นแอร์ ถ่ายไปอวดเค้าหน่อย ว่ารู้จักกับกัปตันการบินไทย”
“งั้นผมขอตัวนะครับ ฝากดูคุณแม่ด้วย” ธีระบอก
“เชิญจ้ะ” ช้อยบอก
“งั้นหนูไปนะแม่” แดงพูดกับจินดา
“ไปเถอะลูก” จินดารับคำ ธีระกับแดงเดินออกไปจากบ้าน

แดงกับธีระเดินออกมาจากบ้านของจินดา
“เห็นแม่หาย กลับมาอยู่บ้านได้ ค่อยโล่งอกนะพี่แดง” ธีระบอก
“อืมม์ นี่แม่ไม่สบายพี่ก็ลดไปสองโลนะ ไหนจะงานที่ร้าน ไหนจะห่วงแม่” แดงพูด
“ทำไงได้ เราดันมีกันแค่สองคนพี่น้อง ถ้ามีพี่น้องเยอะกว่านี้ก็ดี จะได้แบ่งกันดูแม่”
“แล้วเรื่องงานแต่งตกลงจะเอาไง จะแต่งอีกมั้ย” แดงถาม
“แต่งสิพี่แดง ไม่แต่งไม่ได้หรอก พ่อแม่พิมเค้าได้ด่าตาย”
“แต่จัดมาสองหนแล้วนะ แขกเค้าอาจจะเบื่อก็ได้”
“จะให้ทำไง เราไม่ได้แกล้งนี่”
“เอา งั้นก็ถือซะว่าซ้อมใหญ่แล้วกัน”
“ไป เดี๋ยวผมไปส่ง”
ธีระกับแดงเดินไปขึ้นรถ

ช้อย ภา และใหญ่นั่งล้อมคุยกับจินดาในบ้าน
“ตอนแรกพวกเรากะจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แต่นังอรเค้าโทรไปบอกว่ากลับวันนี้เลยไม่ได้ไป” ช้อยบอก
“ก็มันหายแล้วน่ะสิ จะอยู่ทำไมโรงพยาบาลเหงาจะตาย” จินดาว่า
ภามองซ้ายมองขวาเพราะกลัวใครได้ยินแล้วจึงเอ่ยถาม
“นี่พี่จินดา ถามหน่อยเถอะ ทำไมถึงลงทุนขนาดนี้ ถ้าตายไปจะว่ายังไง”
“ลงทุนอะไร” จินดางง
“อ้าว ก็หงายหลังตีลังกาลงมาจากบันไดไง” ภาบอก
“นั่นน่ะสิ ถ้าพลาดขึ้นมาคอหักตายเลยนะ” ใหญ่เสริม
“ใครบอกว่าชั้นแกล้งทำ อยู่ๆมันใจหวิววูบไป” จินดาบอก
“แน่ะ ยังจะมาโกหกอีก ชั้นรู้น่ะว่าพี่แกล้งเพื่อล้มงานแต่งลูกชาย” ช้อยบอก
“ชั้นเป็นจริงๆ ไม่ได้แกล้ง”
“จริงหรือ เห็นก่อนหน้านี้บอกจะวางแผนล้มงานแต่งงานเค้า” ภาแปลกใจ
“ใช่ แต่ยังไม่ทันเข้าแผน กะว่าเข้างานจะล่อทองหยอดฝอยทองให้มันช๊อคคางานเลย ดันมาวูบซะก่อน” จินดาบอก
ใหญ่ถามย้ำ “นี่ไม่ได้แกล้งจริงๆหรือ”
“วะ พูดยังไง ก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง”
ช้อยยกมือไหว้ “โอ๊ย เดชะบุญนะเนี่ยที่ไม่คอหักตาย”
“เห็นมั้ย ชั้นบอกไม่เชื่อว่าบาปกรรมมีจริง แค่พี่จินคิดจะล้มงานแต่งลูก พระท่านเลยผลักตกบันได” ภาบอก
“นี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์แค่สั่งสอนนะ ครั้งต่อไปชั้นว่าถึงชีวิตแน่ ๆ” ใหญ่เสริม
จินดามองค้อนเพื่อนๆ อรแอบฟังอยู่ไม่ไกล
“นี่คุณยายไม่ชอบคุณพิมขนาดนี้เลยหรือ ฮึ่ย น่ากลัวจริงๆ” อรพึมพำกับตัวเอง
ช้อยเดินเลี้ยวมาเจออร อรถึงกับสะดุ้ง
“นี่แกมายืนซ่อนตัวตรงนี้ทำไม” ช้อยถาม
“เปล่าค่ะ หนูจะมาถามพวกคุณยายว่าจะเอาอะไรปากซอยมั้ยคะ”
“ไม่เอาหรอก นี่ไง ชั้นซื้อเข้ามาเยอะแยะ แกเอาไปใส่จานซิ”
“ค่ะ” อรเดินออกไป ช้อยมองตามแล้วส่ายหน้า
“นังนี่ ท่าทางสอดรู้สอดเห็น”

จบตอนที่ 2 




กำลังโหลดความคิดเห็น