xs
xsm
sm
md
lg

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 8
ชื่นฤทัยยิ้มด้วยความพอใจ
“เรื่องที่จะให้อรมาช่วยผมทำงาน ผมไม่มีปัญหา แต่ว่าเรื่องที่จะไปเชียงใหม่กับผม ผมว่าอย่าเลยครับ เพราะว่าผมต้องไปค้างคืน แล้วถ้ามีคนเห็นผมไปกับอรสองคน มันจะดูไม่ดีกับอรนะครับ” วเรศบอก
พีรพลเผลอหลุดปากออกมา “จริงด้วยสิคุณ เดี๋ยวใครๆจะมองว่าน้องอรเป็นผู้หญิงใจง่าย”
ชื่นฤทัยถลึงตาใส่พีรพล พีรพลจ๋อย
“ถ้างั้นก็ให้ชะเอมไปด้วย” ชื่นฤทัยบอก วเรศยิ่งเหวอหนัก ชื่นฤทัยรีบรวบรัดตัดความ “เอาแบบนี้แหละ”
วเรศพูดไม่ออกเพราะเครียดมาก

เอมิกามองหน้าอรวิลาสด้วยความตกใจมาก
“ฉันต้องไปเชียงใหม่กับคุณอรแล้วก็คุณตั้ม!!! ฉันไม่อยากไป” เอมิกาโวยวาย
“แล้วเธอคิดว่าฉันอยากไปเหรอ?! ฉันปฏิเสธไม่ได้ เพราะคุณแม่เล่นมัดมือชก ไม่รู้ล่ะยังไงเธอก็ต้องไปกับฉัน ฉันไม่มีวันไปกับพี่ตั้มสองคนหรอก เกร็งจะตาย” อรวิลาสบอก
“แต่ว่า..ไปเชียงใหม่”
“ไปเชียงใหม่แล้วไง?” อรวิลาสถาม
“ก็..ไม่แล้วไงหรอกค่ะ” เอมิกากังวลมาก “เพียงแต่..ฉัน...ฉันไม่ค่อยชอบเชียงใหม่”
“เคยไปมาแล้วเหรอถึงบอกว่าไม่ชอบ”
“อ่า คือ..ไม่เคยไปค่ะ ฉันแค่รู้สึก”
“อย่ามาแถข้างๆคูๆ เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องไป! นี่เป็นคำสั่งของคุณแม่ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า”
อรวิลาสพูดจบก็เดินออกไป เอมิกาอยากจะบ้าตาย
“ทำไมถึงมีแต่เรื่องนะ!!!”

ปองเทพกำลังคุยโทรศัพท์กับเอมิกา
ปองเทพมีสีหน้าตื่นตระหนก “เอมก็แกล้งป่วยสิ จะไม่ต้องไป”
เอมิกาหน้าเสีย
“มุขนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว ยังไงก็ต้องไป!” เอมิกาบอก
ปองเทพเครียดมาก
“แล้วถ้าเอมเจอพ่อแม่จะทำไง ความแตกแน่”
เอมิกาหัวเสีย
“จะแช่งกันทำไมเนี่ย?!!”
“เราไม่ได้แช่ง เราพูดจริง เอมจะเสี่ยงเหรอ?!”
เอมิกาเครียดมากๆๆ
“มันทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะป่อง ยังไงก็ต้องเสี่ยง!!”
ปองเทพครุ่นคิด

อรวิลาสกำลังจัดกระเป๋าอยู่ ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกหน้าต่าง อรวิลาสหันขวับไปมองเห็นปองเทพปีนบันไดขึ้นมาเกาะหน้าต่างก็ตกใจ
“คนใช้น้าแป๊ะ!!!”
อรวิลาสรีบมาเปิดประตู
“นายทำอะไร?!!”
“ผมโทรหาคุณอรตั้งหลายครั้ง คุณอรไม่รับสาย ผมก็เลยต้องมาหาคุณอร”
อรวิลาสนึกได้ “ฉันไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ มาหาฉันทำไม?!!”
“ผมรู้จากชะเอมว่าคุณอรจะไปเชียงใหม่กับคุณตั้ม”
“ใช่..”
“ผมว่าคุณอรควรใช้โอกาสนี้เผด็จศึกคุณตั้มซะเลย”
“พูดอะไร! ทะลึ่ง ฉันเป็นผู้หญิงนะ”
“เอ๊ย..ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมหมายถึง...คุณอรต้องทำให้คุณตั้มประทับใจให้ได้ ยิ่งได้ไปเชียงใหม่ เมืองที่มีวิวทิวทัศน์งดงาม บรรยากาศเป็นใจขนาดนี้ ไม่ควรปล่อยให้โอกาสดีดีแบบนี้หลุดไปนะครับ”
อรวิลาสคิดตามแล้วก็เห็นด้วย “แล้วฉันต้องทำยังไงถ้าไปแล้วฉันทำให้พี่ตั้มประทับใจไม่ได้ คุณแม่ต้องเล่นงานฉันอีกแน่ๆ?”
“ให้ผมคิดตอนนี้ ผมคิดไม่ออกหรอกครับ คุณอรคงต้องจัดการด้วยตัวเอง”
“ฉันทำไม่ได้หรอก”
ปองเทพแกล้งทำเป็นถอนหายใจ “นี่ถ้าผมได้ไปด้วย ผมจะจัดการทุกอย่างให้คุณอรเลยนะครับเนี่ย”
อรวิลาสมองปองเทพแล้วก็ครุ่นคิด

เช้าวันรุ่งขึ้น ปองเทพยืนยิ้มแฉ่งแบกเป้อยู่กับวเรศ ส่วนเอมิกายืนอึดอัดอยู่ข้างๆอรวิลาส
“น้าแป๊ะไปงานแฟชั่นวีคที่ฝรั่งเศส พอรู้ว่าอรจะได้ไปเชียงใหม่ ก็เลยฝากนายป่องให้ซื้อผ้าลายปักทางเหนือ เพื่อเอามาเป็นไอเดียคิดคอลเลคชั่นใหม่ น้าแป๊ะฝากบอกพี่ตั้มว่าขอให้นายป่องไปด้วย พี่ตั้มจะว่าอะไรมั๊ยคะ” อรวิลาสถาม
วเรศพูดแบบไม่ได้ติดใจอะไร “พี่ไม่ว่าหรอก ขึ้นรถได้แล้ว กว่าจะถึงเชียงใหม่ก็บ่ายแก่ๆโน่น”
วเรศเอากระเป๋าของอรวิลาสที่วางบนพื้นไปเก็บท้ายรถ ก่อนจะหันไปทางเอมิกาแต่วเรศไม่ค่อยกล้าสู้หน้าเธอนัก
“เอากระเป๋ามาสิ”
เอมิกาส่งกระเป๋าให้วเรศ วเรศรับมาแต่มือดันไปสัมผัสโดนมือของเอมิกา วเรศชะงักแล้วรีบดึงกระเป๋ามาเก็บ ก่อนหันไปทางปองเทพ
“ของผมไม่ต้องครับ ไว้กับตัวได้” ปองเทพรีบบอก
วเรศพยักหน้าแล้วปิดท้ายรถ ทั้งหมดขึ้นรถ วเรศกับอรวิลาสนั่งด้านหน้า ส่วนปองเทพกับเอมิกานั่งหลัง แล้ววเรศก็ขับรถออกไป

รถของวเรศแล่นออกสู่ถนนนอกตัวเมือง บรรยากาศภายในรถเงียบงันมากๆ อรวิลาสรู้สึกอึดอัดจึงหันไปพูดกับวเรศ
“ทำไมพี่ตั้มถึงไม่นั่งเครื่องบินไปล่ะคะ ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว”
“พี่เป็นคนไม่ชอบนั่งเครื่องบิน พี่ชอบขับรถไปเรื่อยๆ มันทำให้เราได้เห็นธรรมชาติ ดูแล้วเพลินตา สบายใจดี” วเรศบอก
อรวิลาสเบ้หน้าแล้วหันไปเห็นควายฝูงหนึ่ง
“ควายเนี่ยนะ ทำให้เพลินตา สบายใจ” อรวิลาสบ่น
วเรศเหล่มองอรวิลาสแล้วก็ส่ายหัว ปองเทพมองอรวิลาสอย่างไม่พอใจ
ปองเทพพึมพำ “คุณอรนะคุณอร สร้างภาพซักนิดก็ไม่ได้”
เอมิกาได้ยินแต่ฟังไม่ได้ศัพท์จึงถามขึ้น “พูดอะไร?”
ปองเทพหันมา “เปล๊า..”
เอมิกาสงสัย ปองเทพเปิดกระเป๋าแล้วหยิบซีดีออกมาแล้วยื่นหน้ามาตรงกลางระหว่างคนขับกับคนนั่งข้างๆ วเรศกับอรวิลาสตกใจ
ปองเทพยิ้มแฉ่ง “เปิดเพลงหน่อยได้มั๊ยครับคุณตั้ม”
วเรศพยักหน้า เขาหยิบซีดีจากปองเทพมาใส่ลงไปในช่องใส่แผ่นซีดี ไม่นานเสียงเพลงโรแมนติคก็ดังขึ้น อรวิลาสเหลือบมองปองเทพ ปองเทพขยิบตาให้เพื่อส่งซิก อรวิลาสจึงหยิบกล่องพลาสสิคในตะกร้าขึ้นมา
“หิวมั๊ยคะพี่ตั้ม อรเตรียมแอปเปิ้ลมาด้วย”
“พี่ไม่หิว อรทานเถอะ” วเรศบอก
อรวิลาสเหลือบมองปองเทพอีก ปองเทพขยิบตา เอมิกาเห็นปองเทพขยิบตาก็แปลกใจ ปองเทพรู้ว่าเอมิกามองก็แกล้งกระพริบตา
“ไม่รู้อะไรเข้าตา” ปองเทพบอก
ปองเทพยิ้มแหยๆ เอมิกาหันมองไปวิวนอกหน้าต่างเพราะไม่สนใจ

อรวิลาสหยิบแอปเปิ้ลออกมา
“พี่ตั้มทานเถอะค่ะ อรปอกเองกับมือ มาค่ะ อรป้อน” อรวิลาสยื่นไปตรงหน้า
“ไม่เป็นไร พี่ทานเองได้”
“ให้อรป้อนเถอะค่ะ”
เอมิกาหันมามองอรวิลาสกับวเรศเพราะรู้สึกขุ่นๆขึ้นมาในใจ อรวิลาสยัดแอปเปิ้ลใส่ปากวเรศ วเรศสำลัก
อรวิลาสตกใจ “ขอโทษค่ะพี่ตั้ม”
อรวิลาสรีบเอากระดาษมาเช็ดปากให้วเรศ เอมิการู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ไม่เป็นไรอร พี่เช็ดเอง” วเรศบอก
วเรศเอากระดาษมาเช็ดปากเอง พลันสายตาของเขาก็เหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง เขาเห็นเอมิกามองมาพอดีก็ชะงัก เอมิกาตกใจที่สบตากับวเรศเลยรีบหันไปทางอื่น ส่วนปองเทพเซ็งมากที่อรวิลาสทำไม่ได้ดั่งใจ

บรรจงแอบเปิดประตูเข้ามาในห้องนาก
“ค้นมันให้ทั่วห้อง เผื่อจะเจออะไรที่เล่นงานนังชะเอมมันได้” บรรจงบอกตัวเอง
บรรจงเริ่มค้นห้องนาก เธอเปิดตู้เพื่อดูตามเสื้อผ้าที่แขวนอยู่แต่ก็ไม่เจออะไร บรรจงมาดูที่โต๊ะเครื่องแป้งก็เห็นกระเป๋าเล็กๆ สำหรับใส่ครีมต่างๆ วางอยู่ บรรจงหยิบขึ้นมา
“ไม่ใช่ของพี่นากแน่ๆต้องเป็นของนังชะเอม ท่าทางจะเป็นของดีทั้งนั้น” บรรจงเปิดดม “มันมีปัญญาซื้อด้วยเหรอวะ?”
บรรจงแปลกใจ แล้วเขาก็บีบครีมออกมาทาแขนทามือด้วยสีหน้ามีความสุข ก่อนจะหันไปเห็นกระเป๋าที่ใต้เตียง บรรจงก้มลงไปมองใต้เตียง เธอชะโงกหัวเข้าไปเพื่อจะดึงกระเป๋าออกมาแต่ก็เอื้อมมือไม่ถึง ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง บรรจงหันขวับไปมองหน้าตาตื่น
นากเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยสภาพเหงื่อโทรมกาย บรรจงเอาตัวเข้าไปซ่อนอยู่ใต้เตียงด้วยหน้าตาตื่นตระหนกและตื่นเต้น
“ทำไมอากาศมันร้อนอย่างนี้!!” นากบ่น
นากยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดเหงื่อ
“ไม่ไหวแล้ว”
นากถอดเสื้อจนเหลือแค่ผ้าพันอก แล้วก็ค่อยๆ แกะผ้าพันอกออกจนหมด บรรจงเห็นดังนั้นก็ตกใจ แล้วเธอก็เห็นนากถอดกางเกงจนกางเกงมากองอยู่ที่ข้อเท้า นากเตะกางเกงกระเด็นมาใต้เตียงและปิดหน้าบรรจงพอดี บรรจงตกใจรีบเอากางเกงออก เธอยกมือปิดปากไม่ให้ร้องออกมา
นากแก้ผ้าเดินอยู่ในห้อง บรรจงเห็นก็รู้สึกสยดสยองมาก มือของเธอไปโดนกระเป๋าพอดี บรรจงรู้สึกว่าเจออะไรบางอย่างในกระเป๋า เธอหันหน้าไปมองแล้วใช้มือข้างเดียวรูดเปิดซิปกระเป๋าด้วยความยากลำบาก แล้วก็เอามือควานเข้าไป จนกระทั่งมือบรรจงไปจับโดนไอแพด
บรรจงชะงัก “อะไรวะ??!! ทำไมมันต้องเก็บเอาไว้ใต้เตียงด้วย แสดงว่าต้องเป็นของสำคัญ”
บรรจงกำลังจะหยิบออกมา แต่เจอแมลงสาปไต่ขึ้นหน้า บรรจงตาเหล่ตามองเห็นแมลงสาปที่เกาะอยู่ตรงจมูกก็แทบช็อค
“อ๊ายย”
นากตกใจมากที่ได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง เธอคว้าผ้าห่มบนเตียงขึ้นมาปิดตัว ไม่นานบรรจงคลานออกมาจากใต้เตียง นากแทบช็อค บรรจงสะบัดหัวจนแมลงสาปกระเด็นหายไป แล้วบรรจงกับนากก็มองหน้ากัน
ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน “อ๊ากกกกกก!!!!”
บรรจงกับนากแหกปากร้องไม่หยุด ทันใดนั้นสมพิศกับจุ่นก็เปิดประตูพรวดเข้ามา สมพิศเห็นนากในสภาพที่มีแค่ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่ากับบรรจงที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่และผมเผ้ายุ่งเหยิงก็ตกใจ
“แกสองคน...!!!”
จุ่นหึงขึ้นหน้า “แกทำอะไรน้องจง!!!”
นากส่ายหัวปฏิเสธและรีบยกมือบอกว่าเปล่าทำให้ผ้าห่มหล่นจากตัว บรรจง สมพิศ และจุ่นอ้าปากค้าง จุ่นถึงกับเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดแล้วก็เป็นลมหงายเงิบไปตรงหน้าประตู นากรู้ตัวจึง รีบดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวไว้แทบไม่ทัน

นากกับบรรจงเถียงกันไปเถียงกันมา โดยมีสมพิศกับจุ่นที่เอากระดาษอุดรูจมูกทั้งสองข้างนั่งอยู่ด้วย
“นังจงมันแอบเข้ามาในห้องฉัน!!” นากบอก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรมันเลยนะป้า” บรรจงแก้ตัว
“พี่นากอย่ามาโกหก พี่นากนัดฉันให้มาเจอ แล้วพี่นากก็ปล้ำฉัน”
“นังตอแหล..อย่าไปเชื่อมันนะป้า”
สมพิศพูดเสียงดัง “หยุด!!”
สมพิศตบโต๊ะดังปัง! นากกับบรรจงเงียบ
“พูดทีล่ะคน”
บรรจงจะอ้าปาก แต่นากรีบยกมือ
“ให้ฉันพูดก่อน ป้าก็รู้ว่าฉันกับมันไม่ถูกกัน แล้วฉันจะนัดมาที่ห้องทำไม? ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันซ่อนอยู่ใต้เตียง” นากหันไปทางบรรจง “แกเข้ามาในห้องฉันทำไมห๊ะ!”
บรรจงทำโวยวายกลบเกลื่อน “ป้าอย่าไปฟังพี่นาก พี่นากเค้านัดฉันให้มาที่ห้องจริงๆ ฉันมันซื่อก็เลยหลงเชื่อ แต่ที่ไหนได้” บรรจงทำเป็นบีบน้ำตา “พี่นากคิดจะปล้ำฉัน!!”
บรรจงพูดจบก็วิ่งออกไปเลยเพื่อหนีปัญหา
นากโมโห “นังสตอ..!! คนอย่างฉันไม่ตาต่ำปล้ำแกหรอกเว๊ย แน่จริงอย่าหนีสิวะ”
จุ่นลุกขึ้นยืน “ไอ้นาก!!” นากหันมา จุ่นพูดต่อ “แกทำให้น้องจงของฉันต้องเสียน้ำตา แถมยังทำให้ฉันเกือบเสียสติ เพราะเห็น....” จุ่นพูดไม่ออก “คนหรือไม้กระดานวะ”
นากฉุน “แล้วคิดว่าฉันไม่เสียหายเหรอไงที่ต้องให้คนอย่างแกเห็น...” นากพูดไม่ออกเหมือนกัน
“ฉันต่างหากที่เสียหาย ตาฉันจะบอดมั๊ยเนี่ย”
นากโกรธมากเลยเอานิ้วจิ้มตาจุ่นทั้งสองข้าง
จุ่นร้องเสียงหลง “อ๊ากกก!!”
“เอาให้มันบอดไปเลย ไอ้บ้า!”
นากเดินออกไป จุ่นร้องโวยวาย
“ป้า..ป้าช่วยฉันด้วย”
สมพิศส่ายหัวด้วยความเอือมระอาแล้วก็เดินออกไป จุ่นเอามือปิดตาเลยมองไม่เห็นจึงเดินไปชนโต๊ะชนเก้าอี้ทำให้เจ็บตัวอีก

บรรจงหัวเสียมาก เธอมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าในกระเป๋าใบนั้นมันคืออะไร?!!”

วเรศยังคงขับรถไปตามทาง ปองเทพหลับ อรวิลาสก็หลับ มีเอมิกาเพียงคนเดียวที่ไม่หลับ วเรศลอบมองเอมิกาผ่านทางกระจกด้านหน้าเป็นระยะๆ เอมิกาไม่รู้ตัวเพราะกำลังหันไปมองนอกหน้าต่าง
ปองเทพสัปหงกโงนเงนไปมา แล้วเขาก็เอนหัวมาซบไหล่เอมิกา เอมิกาตกใจ วเรศเห็นผ่านกระจกก็ชะงักแล้วกำพวงมาลัยแน่นด้วยความหึง วเรศจ้องทั้งคู่ผ่านทางกระจกมองหลัง เขาเห็นปองเทพไหลลงมานอนตักเอมิกาก็ถึงกับอึ้ง
เอมิกาชะงักพอเห็นวเรศมองมาเธอก็พยายามดันปองเทพออกไป
“ป่อง...ป่อง...” เอมิกาพยายามปลุก
ปองเทพไม่ตื่นแต่ละเมอพูดออกมา
“เอมจ๋า...เราคิดถึงเอม...”
เอมิกาตกใจจนแทบช็อคเพราะกลัวปองเทพหลุดพูดทุกอย่างออกมาเลยรีบเอามืออุดปาก
“ป่อง..ตื่น...ตื่นสิ...”
ปองเทพได้ทีก็จับมือเอมิกามาหอม วเรศหัวเสียมากจึงแกล้งเบรคอย่างแรงทำให้ปองเทพถลาตกเบาะ อรวิลาสก็สะดุ้งตื่น ส่วนเอมิกาตัวโยน ปองเทพตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นครับ?!!!”
“โทษที พอดีคันหน้าเบรคกะทันหัน” วเรศบอก
แล้ววเรศก็ขับรถต่อไป เอมิกามองวเรศอย่างรู้สึกแปลกๆเพราะเธอไม่เห็นว่ามีรถคันหน้าเลย

รถของวเรศมาจอดที่หน้าโรงแรม เอมิกา วเรศ ปองเทพ และอรวิลาสลงมาจากรถ พนักงานของโรงแรมมารับกระเป๋า พนักงานคนนั้นหันมาทางเอมิกา เอมิการีบหันไปทางอื่นแล้วก็ยกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง พนักงานมองอย่างงงๆ แล้วก็ยกกระเป๋าเข้าไป
เอมิกาขยับไปใกล้ปองเทพเพราะพูดเสียงเบา
“ป่องว่าจะมีคนรู้จักเรามั๊ยว่าเราเป็นลูกท่านผู้ว่าฯ”
ปองเทพขยับมากระซิบกับเอมิกา “มาอยู่โรงแรมนอกตัวเมืองขนาดนี้ มีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ไม่น่าเจอใคร?”
เอมิกาพยักหน้าเพราะสบายใจขึ้น
วเรศจับตามองเอมิกากับปองเทพอย่างไม่พอใจที่เห็นทั้งสองคนใกล้ชิดกัน

วเรศยื่นกุญแจห้องให้อรวิลาสที่ยืนอยู่กับเอมิกาและปองเทพ
“อรกับชะเอมอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนนายอยู่ห้องเดียวกับฉัน” วเรศบอก
วเรศพูดจบก็หันมาค้อนเอมิกาแวบหนึ่งแล้วก็เดินออกไปทำให้เอมิกาแปลกใจว่าวเรศเป็นอะไร?

ปองเทพกับวเรศเข้ามาในห้องแล้วก็เห็นว่าในห้องมีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง ปองเทพที่เมื่อยจากการเดินทางเผลอกระโดดไปนอนบนเตียงด้วยความลืมตัว
“สบายจังเลยเว๊ย”
วเรศผงะ ปองเทพพลิกตัวพอหันมาเห็นวเรศมองก็นึกขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นนั่งอย่างสำรวม
“นายนอนพื้น ฉันนอนเตียง” วเรศบอก
ปองเทพไม่พอใจ “ทำไมล่ะครับ เตียงออกตั้งกว้าง นอนสองคนก็ได้”
“เราไม่สนิทกัน..แล้วอีกอย่าง นายกับฉันเป็นเจ้านายกับลูกจ้าง”
วเรศพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำ ปองเทพกอดอกด้วยความหัวเสีย
“รอให้ถึงวันที่เอมเก็บข้อมูลเสร็จก่อนเถอะ ถ้าคุณรู้ว่าผมเป็นใคร แล้วจะหนาว..ว..ว”

อรวิลาสเอาชุดชาวเขาชาวดอยออกมาจากกระเป๋า เอมิกาเห็นแล้วก็เหวอ
“สวยมั๊ยชะเอม”
“ก็สวยดีค่ะ”
“เธอว่าถ้าพี่ตั้มเห็นฉันใส่ชุดนี้แล้วจะชอบมั๊ย”
“ไม่รู้สิคะ”
“ทำไมถึงไม่รู้?” อรวิลาสถาม เอมิกาเงียบ “ตกลงมันไม่สวยใช่มั๊ย?”
“ไม่ใช่ค่ะ มันสวย แต่ฉันไม่ใช่คุณตั้ม ฉันตอบแทนคุณตั้มไม่ได้ว่าเห็นคุณในชุดนี้แล้วจะรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ”
อรวิลาสเริ่มไม่มั่นใจ “แล้วตกลงมันดีหรือไม่ดีกันแน่ คนใช้น้าแป๊ะบอกว่าถ้าฉันใส่ชุดนี้ รับรองพี่ตั้มต้องชอบแน่ๆ”
เอมิกานิ่วหน้า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับป่องคะ”
เอมิกามองอรวิลาสด้วยความสงสัยมาก

เสียงมือถือของปองเทพดังขึ้น ปองเทพตกใจจึงรีบหันไปมองที่ห้องน้ำที่วเรศเดินเข้าไป เขาเห็นประตูยังปิดอยู่ก็รีบรับโทรศัพท์
“ว่าไงจ๊ะเอม..” ปองเทพฟัง “อยากเจอเราตอนนี้” ปองเทพยิ้มกริ่ม “คิดถึงใช่ม้า ได้สิ...เจอตรงไหน?”
ปองเทพวางสายแล้วเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แล้วเดินออกไปจากห้อง วเรศเปิดประตูออกมาเพราะได้ยินปองเทพคุยโทรศัพท์ก็เกิดความสงสัย

ปองเทพเดินมาหาเอมิกาที่ยืนรออยู่ เขาเดินเข้าสะกิดไหล่เอมิกาพร้อมยิ้มแฉ่ง เอมิกาหันมาด้วยหน้าโหดมาก ปองเทพถึงกับผงะและหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ใครทำอะไรให้เอมอารมณ์เสียมาเหรอ?” ปองเทพถาม
“ป่องคิดอะไรถึงทำตัวเป็นพ่อสื่อให้คุณอรกับคุณตั้ม?” เอมิกาถามกลับ
ปองเทพชะงัก “แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ในเมื่อคุณอรชอบคุณตั้ม”
“แต่มันเป็นเรื่องของพวกเค้า เราไม่เกี่ยว อย่าไปยุ่งหน่อยเลย”
วเรศที่แอบตามปองเทพมาหาที่ซ่อนเพื่อแอบดู แต่เขาก็ยังไม่ได้ยินที่ปองเทพกับเอมิกาคุยกัน
ปองเทพเริ่มไม่พอใจ “แล้วทำไมเอมต้องหัวเสียด้วย”
เอมิกาผงะและหน้าถอดสี “เราเป็นห่วงป่อง ถ้าเกิดคุณตั้มปฏิเสธคุณอร ป่องโดนคุณอรด่าแน่”
“แล้วทำไมเอมถึงมั่นใจว่าคุณตั้มจะปฏิเสธคุณอร?”
เอมิกาอึกอัก “ก็..เออ ท่าทางคุณตั้มดูจะไม่ได้มีใจให้คุณอรซักนิด”
“บางทีคุณตั้มอาจจะยังไม่รู้ตัวก็ได้” ปองเทพถามหยั่งเชิง “หรือว่าเอมไม่พอใจถ้าคุณตั้มกับคุณอรจะชอบกัน”
เอมิกานิ่งงันไปเพราะพูดไม่ออก ปองเทพมองเอมิกาอย่างจับผิด วเรศค่อยๆขยับเข้าไปใกล้เอมิกากับปองเทพจนพอที่จะได้ยินทั้งสองคนคุยกัน
“ทำไมเราต้องไม่พอใจ ถ้าคุณตั้มจะชอบคุณอรก็ดี เค้าสองคนเหมาะสมกันจะตาย” เอมิกาบอก
วเรศได้ยินเช่นนั้นก็จุก ทันใดนั้นก็มีมือมาจับที่ไหล่เขา วเรศตกใจหันไปก็เห็นอรวิลาสยืนอยู่ในชุดชาวเขาแบบจัดเต็ม
“อร!!!”
“ทำไมพี่ตั้มมาอยู่ตรงนี้คะ?”
วเรศอึกอัก
ปองเทพกับเอมิกาได้ยินเสียงอรวิลาส ทั้งสองหันไปเห็นวเรศก็ตกใจมาก ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็รีบเดินมาสมทบกับวเรศและอรวิลาส
“อ้าว?? มาอยู่ตรงนี้กันหมดเลย” อรวิลาสทัก
วเรศหันไปมองเอมิกาด้วยแววตาน้อยใจ เอมิกากับปองเทพทำหน้าไม่ถูกเพราะไม่รู้ว่าวเรศได้ยินอะไรบ้าง วเรศหันไปทางอรวิลาสแล้วแกล้งทำเสียงหวานใส่
“อรมาหาพี่ทำไมจ๊ะ”
“อรเห็นที่โรงแรมมีให้แขกทดลองปลูกข้าว อรก็เลยมาชวนพี่ตั้มไปค่ะ ชะเอม คนใช้น้าแป๊ะไปด้วยกันนะ”
เอมิกากับปองเทพได้แต่ยิ้มรับ

อรวิลาสหน้าตาตื่นเต้นมากที่ได้เห็นนาข้าว
“โอ้ว้าว...เพิ่งเคยเห็นนาข้าวใกล้ๆก็วันนี้เอง น่าตื่นเต้นจังเลยค่ะพี่ตั้ม”
อรวิลาสหันไปทางวเรศ พนักงานเอาต้นข้าวมาให้อรวิลาส วเรศ เอมิกาและปองเทพ
อรวิลาสถามทันที “ข้าวมันปลูกยากมั๊ยคะ”
“ไม่หรอก พี่เคยไปปลูกข้าวกับชาวบ้าน พี่จะสอนอรเอง” วเรศอาสา
อรวิลาสยิ้มแล้วก็ย่ำลงไปแต่โดนดินดูดเท้าทำให้เธอจะล้ม วเรศรีบเข้ามาประคองอรวิลาสเอาไว้ เอมิกามองวเรศด้วยความหมั่นไส้ วเรศรู้ว่าเอมิกามองเลยยิ่งแกล้ง
“ค่อยๆเดินนะจ๊ะ”
อรวิลาสรับคำ “ค่ะ”
วเรศพาอรวิลาสเดินไปหยุดตรงที่หนึ่ง แล้วก็สอนวิธีดำนาให้
“ทำแบบนี้นะอร..ปักต้นข้าวลงไปแบบนี้”
อรวิลาสทำตามแต่ทำไม่ถูก
“มาจ๊ะพี่ช่วย....”
วเรศจับมืออรวิลาส อรวิลาสยิ้มเอียงอายอย่างมีความสุข เอมิกาหัวเสียจึงจ้ำเดินลงไปในทุ่งนา ปองเทพเหวอ
“เอม...รอเราด้วย”

เอมิกาไม่รอ เธอเดินจ้ำๆๆ ไปไม่หยุด ปองเทพรีบตามมาจนทัน วเรศกับอรวิลาสยังช่วยกันดำนาอย่างใกล้ชิด เอมิกาเริ่มทนไม่ไหวจึงปักข้าวลงไปแบบไม่มองทำให้ต้นข้าวปักไม่อยู่ ปองเทพเห็นก็ทักขึ้น
“เอม...เละหมดแล้ว”
เอมิกาเห็นผลงานตัวเองก็ตกใจ วเรศกับอรวิลาสหันมามอง เอมิกาหันไปเห็นวเรศมองก็ชะงัก
อรวิลาสบอกวเรศ “อากาศร้อนจังเลยนะคะพี่ตั้ม”
วเรศหันมาเห็นอรวิลาสเหงื่อไหลก็เอาหลังมือซับเหงื่อให้เธอ อรวิลาสเขินอาย เอมิกายิ่งฮึดฮัดแล้วเดินจ้ำต่อไปแต่ขากลับติดดิน
“เฮ้ย!”
“เป็นไร?” ปองเทพถาม
“ขาติด”
ปองเทพเข้ามาช่วยยกขาแต่ออกแรงมากไปหน่อย ทำให้ทั้งปองเทพทั้งเอมิกาล้มลงไปก้นจ้ำเบ้าในทุ่งนาอย่างหมดท่า เอมิกาอายมากจึงรีบลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ไหว ปองเทพจะเข้าไปช่วย
“ชะเอม....ใจเย็น เราช่วยเอง”
ปองเทพพยายามจะช่วยแต่ก็ยิ่งทำให้เอมิกาล้มลงไปอีก เอมิกาสุดทนเพราะโมโหมาก
“ไม่ต้องยุ่งกับเราแล้ว!!”
ปองเทพเหวอที่โดนเอมิกาดุ เอมิกาเองก็อึ้งไปที่ตัวเองเสียงดัง แล้วเธอก็ค่อยๆลุกเดินออกไป ปองเทพรีบตามเอมิกาออกไป วเรศมองตาม
“ซุ่มซ่ามจริงๆยัยชะเอม มาปลูกข้าวกันต่อเถอะค่ะพี่ตั้ม” อรวิลาสชวน
วเรศหันไปช่วยอรวิลาสปลูกข้าวต่อแต่ในใจก็เป็นห่วงเอมิกา

ปองเทพรีบเดินตามเอมิกามาตามทาง เนื้อตัวของทั้งสองเต็มไปด้วยโคลน
“เอม!”
เอมิกาไม่สนใจ เธอปิดประตูใส่หน้าปองเทพดังปังจนปองเทพเหวอไป

เอมิกาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและกำลังเช็ดหัวให้แห้ง เธอมองตัวเองในกระจกที่เต็มไปด้วยฝ้าจากไอน้ำ ทันใดนั้นภาพที่วเรศใกล้ชิดอรวิลาสก็ปรากฎขึ้นมาในกระจก เอมิกาหัวเสียจึงเอามือปาดภาพนั้นทิ้ง ทำให้ฝ้าไอน้ำหมดไป เอมิกามองหน้าตัวเองด้วยแววตาสับสน

เอมิกากับอรวิลาสเดินมาด้วยกันตามทางเดินในโรงแรม เอมิกาหน้าเซ็งแต่อรวิลาสยิ้มแย้มมีความสุขมาก
“ชะเอม...เธอว่าพี่ตั้มเค้าเริ่มชอบฉันเหรอยัง?” อรวิลาสถาม
เอมิกาแทบสะอึก “ไม่ทราบค่ะ”
“แต่ฉันว่าพี่ตั้มต้องชอบฉันแล้วแน่ๆ เธอเห็นตอนที่ปลูกข้าวมั๊ย ปกติพี่ตั้มไม่เคยเอาใจใส่ฉันขนาดนี้เลยนะ นี่ถ้าคุณแม่รู้เข้าต้องดีใจแน่ๆ มีความสุขที่สุด”
อรวิลาสพูดจบก็เดินลัลล้าออกไป เอมิกาได้แต่ถอนหายใจ

อาหารมื้อค่ำเป็นแบบขันโตก พนักงานเดินนำเอมิกา อรวิลาส วเรศ และปองเทพเข้ามาตรงที่นั่งบนพื้น
วเรศหันไปบอกพนักงาน “ช่วยจัดอีกสองที่แยกออกไปให้ด้วยนะครับ”
ปองเทพกับเอมิกาหันไปมองวเรศด้วยความแปลกใจ
วเรศปรายตามองเอมิกา “เอมกับป่องจะได้นั่งกันสองคนอย่างสบายใจ ไม่ต้องอึดอัดที่มีนายจ้างนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย” วเรศพูดเพราะต้องการเตือนตัวเอง
ปองเทพผงะ ส่วนเอมิกาไม่พอใจมาก วเรศหันไปบอกอรวิลาส
“แล้วอีกอย่างเราจะได้ทานข้าวด้วยกันแค่สองคนไงจ๊ะ”
อรวิลาสยิ้มเอียงอาย พนักงานผายมือให้ปองเทพกับเอมิกา เอมิกามองวเรศด้วยแววตาตัดพ้อแล้วก็งอนนเดินออกไปกับปองเทพ วเรศแอบเสียใจแต่จำเป็นต้องทำแบบนี้

วเรศแกล้งทำเอาใจอรวิลาส เอมิกาหันไปมองด้วยแววตาเจ็บปวดแล้วก็หันมาปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริก อ่องกินไม่หยุดจนเต็มปาก ปองเทพเห็นสายตาเอมิกาที่มองวเรศก็อึ้งไป

เอมิกากับอรวิลาสนอนกันอยู่คนละเตียง อรวิลาสหลับไปแล้ว เอมิกายังไม่หลับ เธอพลิกตัวหันหลังให้อรวิลาส วเรศที่นอนอยู่ในห้องก็พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับเช่นกัน ปองเทพที่นอนบนพื้นนอนเอามือก่ายหน้าผากและมีสีหน้าคิดหนัก

เช้าวันต่อมาที่บ้านชื่นฤทัย บรรจงแอบมองเห็นนากหิ้วของเดินตามชื่นฤทัยไปที่รถ โดยมีพีรพลเป็นคนขับ ชื่นฤทัยนั่งด้านหน้า นากนั่งหลัง แล้วพีรพลก็ขับรถออกไป บรรจงมองตามแล้วยิ้มเพราะโอกาสกลับมาอีกครั้ง

บรรจงหัวเสียสุดๆ เพราะนากเอาแม่กุญแจอันเขื่องล็อคประตูหน้าห้อง
“บ้าเอ๊ย!!” บรรจงแค้น “คิดว่าแค่นี้จะขวางทางฉันได้เหรอ”
บรรจงทำหน้าเหี้ยม

มดแดงยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้บรรจง
“นี่จ๊ะน้องจง...กุญแจผีพ่อทุกสถาบัน เปิดได้ทุกแม่กุญแจ” มดแดงบอก
บรรจงยิ้มแล้วจะคว้ากุญแจ แต่มดแดงกลับไม่ให้ บรรจงชะงัก
“แต่พี่ว่าให้พี่ไปกับน้องจงด้วยดีกว่า เผื่อว่าน้องจงทำไม่ได้ พี่จะได้ช่วย”
บรรจงมองหน้ามดแดงที่แสร้งยิ้มจริงใจให้เธอ

บรรจงแอบพามดแดงเข้ามาในบ้าน มดแดงเห็นความใหญ่โตของบ้านชื่นฤทัยก็ตาโตเพราะชอบใจ เขารีบเอามือถือออกมาแอบถ่ายมุมต่างๆเอาไว้ทำให้ไม่ได้เดินตามบรรจงไป บรรจงหันมาเรียก
“พี่มดแดง!!”
มดแดงสะดุ้งแล้วรีบเก็บมือถือก่อนจะหันมา
“ทางนี้จ๊ะพี่” บรรจงบอก
มดแดงพยักหน้าแล้วรีบตามบรรจงไป

มดแดงกับบรรจงยืนอยู่หน้าห้องนาก
“แม่กุญแจแค่นี้ไขออกได้ง่ายๆสบายมาก” มดแดงบอก
บรรจงดีใจ
“ถ้างั้นฉันไปดูต้นทางให้พี่นะ”
มดแดงพยักหน้า บรรจงเดินออกไปดูต้นทาง มดแดงเอากุญแจออกมาเสียบเข้าไปในแม่กุญแจไม่นานก็ไขออกได้
“เสร็จแล้วจ๊ะน้องจง” มดแดงบอก
บรรจงหันมาหน้าบานแล้วรีบเดินมาหา “กุญแจผีของพี่สุดยอด!! ขอบใจนะจ๊ะ”
มดแดงยิ้มยืด บรรจงกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่มดแดงคว้ามือบรรจงเอาไว้
“แค่คำขอบคุณเองเหรอ”
บรรจงเอียงอาย “แล้วพี่อยากได้อะไรล่ะ”
มดแดงยื่นหน้าจะไปจุ๊บ แต่จุ่นเดินมาเห็นพอดีก็โมโหหึงขึ้นหน้าจึงเข้าไปกระชากไหล่มดแดงแล้วต่อยเปรี้ยงจนมดแดงหน้าหัน จุ่นเจ็บมือมาก ส่วนบรรจงตกใจ
“พี่จุ่น!!”
มดแดงหันมาพร้อมเลือดกำเดาที่ไหล มดแดงโกรธ “เลือด!!” มดแดงหันไปมองจุ่น “แกเป็นใครวะ?”
“ฉันเป็นแฟนน้องจง!” จุ่นบอก
บรรจงหน้าเสีย
“แกเป็นแฟน แต่ฉันเป็นกิ๊กเว๊ย” มดแดงว่า
จุ่นหันขวับไปมองบรรจง บรรจงทำหน้าไม่ถูก จุ่นโมโหมากจึงหันไปพูดกับมดแดง
“กิ๊กงั้นเหรอ?!!”
จุ่นเข้ามาจะต่อย มดแดงหลบแล้วถีบจุ่นจนหน้าไปกระแทกกำแพง จุ่นโมโหมาเข้ามารัวชกใส่มดแดง มดแดงหลบหวืดไปหวืดมาแล้วก็โดนหมัด จุ่นหัวเราะสะใจ มดแดงเข้ามาบีบคอจุ่น จุ่นตาเหลือก
บรรจงตะโกน “หยุดนะ...หยุด!”

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 8 (ต่อ)
มดแดงกับจุ่นไม่ยอมหยุด จุ่นจั๊กจี้รักแร้มดแดง มดแดงขำก๊ากจึงปล่อยมือ จุ่นเข้าไปต่อย มดแดงต่อยกลับ สองคนซัดกันเมามันส์และชนข้าวของจนพังระเนระนาด สมพิศออกมาเห็นก็ตกใจ
“เฮ้ย!!! นี่มันอะไรกัน?!!”
จุ่นกับมดแดงยังไม่หยุด สมพิศหันไปด่าบรรจง
“ทำไมไม่ห้าม ยืนเซ่ออยู่ทำไมห๊ะนังจง!!!”
“ฉันห้ามไม่ไหวหรอกป้า”
สมพิศคิดหาทางเลยแกล้งตะโกน
“ตำรวจ..ตำรวจมาเว๊ย!”
จุ่นกับมดแดงหยุดทันทีแล้วก็รีบหาที่หลบ ก่อนที่ทั้งคู่จะเห็นว่าไม่มีตำรวจ

สมพิศหันไปทางบรรจงที่นั่งก้มหน้างุด จุ่นนั่งข้างๆ ในสภาพหน้าบวมเยินมาก
“แกพาคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านทำไม!!” สมพิศถามบรรจง
บรรจงรีบคิดหาข้อแก้ตัว “พี่มดแดงเป็นเพื่อนกับนังชะเอมจ๊ะป้า”
สมพิศกับจุ่นชะงัก
“เพื่อนนังชะเอม!!” สมพิศทวนคำ
“จ๊ะ เค้าเป็นหัวหน้าวินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอย เค้าบอกว่าชะเอมมีของจะให้เค้า ก็เลยให้ฉันพาเข้ามาเอา”
“แล้วเอ็งก็เชื่อมัน! ทำไมเอ็งมันโง่แบบนี้! น้ำหน้าอย่างนั้น..ดูก็รู้ว่าไว้ใจไม่ได้” สมพิศว่า
“ฉันขอโทษจ๊ะป้า ต่อไปนี้ฉันจะไม่พาใครเข้ามาในบ้านเราอีกแล้ว ป้าอย่าบอกคุณชื่นนะ ไม่งั้นฉันโดนตัดเงินเดือนแน่เลย..นะป้านะ”
“ข้าไม่บอกคุณชื่นก็ได้..แต่...”
บรรจงนิ่วหน้ามองสมพิศด้วยความสงสัย

บรรจงหัวเสียมาก
“นังป้าขี้งก..ขอเงินเดือนฉันตั้ง 10% มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ฉันโดนตัดเงินเดือนหรอก”
บรรจงหงุดหงิดแล้วก็หันไปเห็นจุ่นกำลังทำหน้าบึ้ง บรรจงนึกขึ้นได้รีบเข้ามาทำเสียงอ้อน
“พี่จุ่นจ๋า...”
จุ่นกอดอกทำท่างอน บรรจงแบะปากแต่ก็จำต้องง้อ
“พี่จุ่นโกรธฉันเหรอ?” บรรจงถาม จุ่นไม่ตอบ “ฉันกับพี่มดแดงไม่ได้เป็นกิ๊กกันนะ เค้าชอบฉัน แต่ฉันไม่ชอบเค้า”
จุ่นหันมา “จริงอ่ะ”
“จริงสิ เค้าขี้ตู่เอาเอง ก็เพราะนังชะเอมนั่นแหละ ทั้งๆที่รู้ว่าฉันกับพี่เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่วายชงฉันกับพี่มดแดง”
จุ่นไม่พอใจ “ทำไมน้องชะเอมทำแบบนี้?!!”
“นังชะเอมมันเป็นโรคจิตเห็นคนรักกันไม่ได้ เป็นต้องทำให้แตกแยก ต่อไปนี้พี่จุ่นอย่าไปเข้าใกล้นังชะเอมมันอีกนะ ฉันเป็นห่วง”
จุ่นฟังบรรจงแล้วก็พยักหน้าเชื่ออย่างสนิทใจ บรรจงหันมาลอบถอนหายใจแล้วก็ยิ้มร้าย

ที่ร้านกาแฟ วเรศหันไปทางอรวิลาส เอมิกากับปองเทพยืนอยู่ด้วย เอมิกากับวเรศมองหน้ากันไม่ติด ส่วนปองเทพลอบมองทั้งคู่อย่างสังเกต วเรศเห็นปองเทพมองก็รีบหันไปพูดกับอรวิลาส
“อรรอพี่ในนี้ พี่จะเข้าไปคุยงานฝั่งตรงข้าม”
“ค่ะ เดินดีดีนะคะพี่ตั้ม อรเป็นห่วง”
อรวิลาสส่งยิ้มหวาน วเรศทำตัวไม่ถูกแล้วก็เดินออกไป อรวิลาสหันไปทางเอมิกากับปองเทพ
“เธอสองคนไปหาซื้ออะไรมาให้ฉันกินหน่อยสิ หิวจะตายอยู่แล้ว”
อรวิลาสเดินไปนั่ง เอมิกากับปองเทพเดินไปตรงเคาท์เตอร์ขายกาแฟ
รถคันหนึ่งแล่นมาจอดฝั่งตรงข้าม คนขับลงมาเปิดประตูหลัง อุทยานออกมาจากรถแล้วเดินเข้าไปในบริเวณที่จัดงาน

อุทยานอยู่กับวเรศและคนจัดงานคนอื่นๆ
“ได้คุณตั้มมาดูงานด้วยตัวเอง ทำให้ผมเบาใจไปเยอะ ผมมั่นใจว่างานต้องออกมาดีแน่ๆ” อุทยานชม
“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกครับท่าน” วเรศถ่อมตัว
“ไม่เก่งอะไรกัน ใครๆก็บอกว่าคุณน่ะเป็นมือขวาของท่านรัฐมนตรี” อุทยานบอก วเรศยิ้ม “พรุ่งนี้คุณต้องกลับกรุงเทพแล้วใช่มั๊ย”
“ครับ”
“ถ้ายังไงเย็นนี้ผมขอเลี้ยงข้าว ห้ามปฏิเสธ”
“ครับ”
“ห้าโมงเย็น ผมจะส่งรถมารับที่โรงแรม”
วเรศไหว้อุทยาน อุทยานรับไหว้แล้วก็เดินออกไป

อรวิลาสมองหน้าวเรศ เอมิกากับปองเทพก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
“เย็นนี้พี่ตั้มต้องไปทานข้าวบ้านท่านผู้ว่าอุทยานเหรอคะ?” อรวิลาสถามย้ำ
เอมิกาพรวดขนมที่กำลังกินออกมาใส่วเรศที่นั่งข้างๆ ไปเต็มๆ วเรศชะงักแล้วหันไปมองเอมิกา เอมิกาหน้าเสีย ปองเทพก็เหวอ
เอมิการีบเอากระดาษมาเช็ดให้ “ขอโทษค่ะ”
“ทำไมต้องตกใจด้วยที่รู้ว่าฉันจะไปทานข้าวบ้านท่านผู้ว่าฯ” วเรศสงสัย เอมิกาอึกอัก วเรศนึกขึ้นได้ “ฉันจำได้แล้ว เธอเองก็รู้จักกับท่านผู้ว่านี่”
ปองเทพหันขวับมองไปเอมิกา เอมิกาหน้าซีดเพราะนึกย้อนกลับไปตอนที่เธอโกหกวเรศ
อรวิลาสถามทันที “ทำไมเธอรู้จักท่านผู้ว่าฯ”
“ท่านเคยช่วยเหลือชะเอมน่ะอร อยากไปหาท่านกับฉันมั๊ย” วเรศถาม
เอมิกาเหวอไป อรวิลาสนึกขึ้นได้
“ไปสิชะเอม เดี๋ยวฉันไปด้วย”
เอมิการีบปฏิเสธอย่างลนลาน “อ่า มะมะไม่ไม่ไม่ค่ะ ไม่ไปค่ะ”
“ทำไม? เห็นเธอบอกว่าไม่ได้พบท่านนานแล้ว นี่มาอยู่ที่เดียวกับท่าน เธอน่าจะไปหาท่านบ้าง ไม่งั้นจะโดนหาว่าอกตัญญู”
เอมิกาพูดไม่ออก เธอเหล่มองปองเทพด้วยหน้าเสีย
อรวิลาสรีบสนับสนุน “จริงด้วย พี่ตั้มพูดถูก เธอต้องไป!!”
เอมิกาถึงกับแก้ตัวไม่ถูกและหน้าเสียมาก ปองเทพมองอย่างเป็นห่วง วเรศมองเอมิกาด้วยความสงสัย ส่วนอรวิลาสยิ้ม

อรวิลาสกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดใส่ เอมิกาหน้าเซ็งมาก
“ทำไมคุณอรต้องบังคับให้ฉันไปบ้านท่านผู้ว่าฯด้วยคะ” เอมิกาถาม
อรวิลาสหันมา “ฉันไม่ได้บังคับ ก็อย่างที่พี่ตั้มบอกว่าเธอควรไป ยิ่งท่านมีบุญคุณกับเธอมากแบบนี้”
“เอ่อ!!คุณอรแน่ใจเหรอคะว่าคุณอรทำเพื่อฉันจริงๆ”
อรวิลาสผงะแล้วหันมาทางเอมิกาก่อนจะทำเป็นโวยวาย
“ชะเอม..!! ฉันหวังดีกับเธอนะ พูดแบบนี้ออกมาได้ไง”
“ฉันคิดว่าคุณอยากไปกับคุณตั้ม ก็เลยใช้ฉันเป็นข้ออ้าง” เอมิกาบอก อรวิลาสหน้าถอดสี “ถ้าคุณไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันก็ขอโทษค่ะ แต่ยังไงฉันก็ขอยืนยันว่าฉันไม่ไป!!”
อรวิลาสหงุดหงิด “โอ๊ยยยย!!” เอมิกาสะดุ้ง “เธอเข้าใจถูกแล้ว ที่ฉันอยากให้เธอไป เพราะว่าฉันอยากไปทานข้าวกับพี่ตั้มด้วย ฉันอยากควงพี่ตั้มออกงาน เพื่อที่จะฉันจะได้ไปบอกกับแม่ได้เต็มปากว่าฉันทำตามที่แม่ต้องการได้แล้ว แม่จะได้เลิกด่าฉันว่าไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่องซักที!!!” อรวิลาสพูดเป็นชุด เอมิกาอ้าปากค้าง อรวิลาสชี้หน้าเอมิกา “และเธอต้องไป! ถ้าไม่ไป ฉันจะให้คุณแม่ไล่เธอออก!”
อรวิลาสพูดจบก็คว้าชุดเข้าไปในห้องน้ำ เอมิกาอยากจะบ้าตาย
“เอะอะก็ขู่ว่าจะไล่ออก!! จะทำยังไงดีเอมิกา”

เอมิกากับปองเทพเดินมาด้วยกันที่ล็อบบี้โรงแรม ทั้งสองมีสีหน้าล่อกแล่กมีพิรุธ ทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณที่วเรศกับอรวิลาสรออยู่ วเรศหันไปทางเอมิกากับปองเทพแล้วก็รู้สึกสองคนนี้มีท่าทางแปลกๆ แต่ยังไม่มีเวลาถาม
"รถที่ท่านผู้ว่าฯส่งมารับพวกเรา จอดด้านหน้าแล้ว รีบไปกันเถอะ" วเรศบอก
วเรศกับอรวิลาสเดินออกไป เอมิกากับปองเทพมองหน้ากัน แล้วปองเทพก็ส่งซิกโดยการพยักหน้า
เอมิกาทำเป็นนึกขึ้นได้ "แย่แล้ว!" วเรศกับอรวิลาสหันมามอง "ฉันลืมมือถือไว้บนห้อง ขอขึ้นไปเอาก่อนนะคะ"
วเรศกำชับ "เร็วๆล่ะ"
เอมิกาพยักหน้าแล้วก็รีบเดินออกไป ปองเทพมองตามเอมิกาอย่างลุ้นๆ

วเรศดูนาฬิกาก็เห็นว่าเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เขาเริ่มร้อนใจ
"ทำไมชะเอมขึ้นไปเอามือถือช้าจัง นี่เลทไปหลายนาทีแล้ว ให้ผู้ใหญ่คอยนานไม่ดี"
ปองเทพรีบอาสา "ผมขึ้นไปตามให้ครับ"
ปองเทพทำเป็นรีบเดินออกไป วเรศหงุดหงิด
"ชะเอมนี่ไม่รู้เวล่ำเวลาเลยนะคะพี่ตั้ม" อรวิลาสว่า
วเรศไม่พูดอะไรออกมา

ปองเทพเข้ามาหาเอมิกาในห้อง
"ท่าทางคุณตั้มกำลังจะหงุดหงิดแล้วล่ะ" ปองเทพบอก
"งั้นก็เริ่มแผนต่อไปเลย" เอมิกาว่า
ปองเทพพยักหน้า

เอมิกากับปองเทพเดินมาด้วยกัน วเรศหน้าบูดบึ้งใส่
"มากันซักที" อรวิลาสพูด
"คุณตั้มกับคุณอรไปก่อนเถอะค่ะ ฉันยังหามือถือไม่เจอ" เอมิกาบอก
วเรศสุดทน "มันจะอะไรกับมือถือนักหนา นี่เรานัดผู้ใหญ่เอาไว้นะ ไว้กลับมาค่อยมาหาต่อก็ได้"
"ไม่ได้ค่ะ แม่ฉันจะโทรมาคุยธุระสำคัญ ยังไงฉันก็ต้องหามือถือให้เจอก่อน"
วเรศหยิบมือถือออกมา "งั้นก็เอามือถือฉันโทรหาแม่ของเธอซะตอนนี้!”
เอมิกาอึ้ง เธอเหล่มองปองเทพแล้วก็หันมาทางวเรศ "เออ แม่ฉันต้องใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรมาน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นฉันโทรหาแม่ไม่ได้หรอก คือฉันกับแม่ติดต่อกันค่อนข้างลำบาก ถ้ายังไงคุณไปก่อนเถอะนะคะ"
"ไปกันเถอะค่ะพี่ตั้ม ไม่ต้องสนใจชะเอมหรอก เดี๋ยวให้คนใช้นายแป๊ะอยู่กับชะเอมก็ได้" อรวิลาสบอก
วเรศมองเอมิกาแล้วก็รู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่อยากซักมาก เขาเลยพยักหน้าให้อรวิลาสแล้วหันมาพูดกับเอมิกาอีกครั้ง
"รีบตามมาละ"
เอมิการับคำ "ค่ะ"
วเรศกับอรวิลาสรีบออกไป เอมิกากับปองเทพหันมามองหน้ากันพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก

รถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านผู้ว่าฯ วเรศกับอรวิลาสก้าวลงจากรถ ทั้งสองคนยกมือไหว้อุทยานกับอัมพร
"ไหนบอกจะมากันสี่คน" อุทยานทัก
"อีกสองคนเดี๋ยวตามมาครับ" วเรศบอก
"งั้นก็เชิญข้างในเถอะค่ะ" อัมพรผายมือให้
แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปข้างในด้วยกัน

วเรศกับอรวิลาสกำลังทานอาหารร่วมกับอุทยานและอัมพร
อุทยานมองหน้าวเรศด้วยความแปลกใจ "เค้าบอกคุณว่าผมกับคุณอัมพร เคยช่วยเค้าเอาไว้เหรอ?”
"ใช่ครับ" วเรศตอบ
"ขอชื่ออีกครั้งได้มั๊ยคะคุณตั้ม" อัมพรถาม
"ชื่อชะเอมครับ"
อัมพรกับอุทยานมองหน้ากันแล้วก็มีสีหน้าครุ่นคิด
"ชะเอม..." อัมพรพยายามนึก "เอ...ฉันไม่เคยได้ชื่อนี้มาก่อนเลยนะ หรือว่าคุณแอบไปช่วยใครไว้โดยที่ฉันไม่รู้"
อุทยานรีบปฏิเสธ "เปล่านะคุณ" อัมพรจ้องหน้าสามี "โธ่คุณอัมพรคุณก็รู้ว่าผมโกหกไม่เป็น" วเรศนิ่วหน้าเพราะชักแปลกใจ เขาลอบสังเกตปฏิกิริยาของอุทยาน "หรือบางทีผมอาจจะลืม ถ้าเห็นหน้า ก็น่าจะจำได้"
วเรศร้อนใจเพราะอยากให้ได้เจอกัน "อร..อรโทรถามนายป่องทีว่าชะเอมหามือถือเจอเหรอยัง"
อรวิลาสรับคำ "ค่ะ"

เสียงมือถือของปองเทพดังขึ้น ปองเทพเห็นชื่อก็หันขวับไปมองเอมิกา
"คุณอรโทรมาตามแน่ๆ ทำไง...”
เอมิกาคิด "รับสายไปก่อน"
ปองเทพกดรับสาย "ครับคุณอร"
"ออกมาจากโรงแรมเหรอยัง" อรวิลาสถาม
ปองเทพเหล่มองเอมิกา
"ยังครับ ชะเอมยังหามือถือไม่เจอ"
อรวิลาสหันไปบอกวเรศ
"ยังไม่ออกมาเลยค่ะพี่ตั้ม"
"พี่พูดเอง"
วเรศเอามือถือมาจากอรวิลาส แล้วก็หันไปบอกอุทยานกับอัมพร
"ขอตัวซักครู่นะครับ"

วเรศเดินออกไปพลางคุยไปด้วย
"นายป่อง..เรียกชะเอมมาคุยกับฉัน!”
ปองเทพยื่นมือถือให้เอมิกาพร้อมทำหน้าหวาดเสียว
"คุณตั้มจะคุยด้วย"
เอมิการับมือถือมาพูด "ค่ะคุณตั้ม"
วเรศพูดเสียงเบา
"เธอต้องมาหาฉันที่บ้านท่านผู้ว่าฯเดี๋ยวนี้!!”
"ฉันบอกคุณไปแล้วไงคะว่า...."
วเรศพูดสวนขึ้นมาทันที
"ฉันไม่สนใจว่าเธอจะหามือถือเจอหรือไม่เจอ และจะได้คุยกับแม่รึเปล่า ฉันสั่งให้เธอมา เธอก็ต้องมา เพราะฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่เธอพยายามถ่วงเวลา เพราะเธอไม่เคยรู้จักกับท่านผู้ว่าและคุณอัมพรอย่างที่เธอเคยเล่าให้ฉันฟังจริงๆ"
เอมิหน้าเสีย
"ฉะ..ฉัน...ฉันรู้จักท่านสองคนจริงๆนะคะ"
"แต่ท่านสองคนบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อเธอมาก่อนเลยในชีวิต"
เอมิกาอึ้งมากและถึงกับไปไม่ถูก
วเรศพูดต่อ "เธอต้องมายืนยันความบริสุทธิ์ใจให้ฉันเห็น ฉันให้เวลาเธอยี่สิบนาที เธอต้องมาให้ถึงบ้านผู้ว่าฯ"
วเรศวางสายทันที เอมิกาอึ้ง เธอหันไปมองปองเทพเพราะเครียดมากว่าจะทำยังไงดี?

วเรศกลับมานั่งที่โต๊ะ
"ชะเอมกำลังมาครับท่าน" วเรศบอก
อุทยานกับอัมพรยิ้ม

เอมิกาหันมาทางปองเทพอย่างนึกอะไรออก
"ต้องใช้ไม้ตายแล้ว"
ปองเทพมองเอมิกาด้วยความสงสัย

เสียงมือถือของอัมพรดังขึ้น อัมพรเห็นชื่อที่หน้าจอก็ยิ้มแล้วก็กดรับสาย
"ว่าไงลูก..”
อุทยาน วเรศ และอรวิลาสหันไปมอง
"ลูกอยู่เชียงใหม่?!!! มากับทางมหาวิทยาลัย" อัมพรฟัง "แต่กำลังจะขึ้นดอยคืนนี้" อัมพรหันไปมองอุทยาน "อะไรกัน!! โทรมาให้พ่อกับแม่ดีใจเล่นๆแล้วก็จะไปอีกแล้วเหรอ" อัมพรฟัง "ลูกมีเวลาหนึ่งชั่วโมง ลูกอยู่ไหนล่ะ เดี๋ยวแม่กับพ่อจะไปหา" อัมพรฟัง "แล้วเจอกันจ๊ะ"
อัมพรวางสายแล้วหันไปมองวเรศด้วยสีหน้าลำบากใจ
"ต้องขอโทษนะคุณตั้ม ผมคงไม่ได้เจอคุณชะเอมอะไรเนี่ยแล้ว นานๆจะได้เจอลูกซักที เพราะเค้ากิจกรรมเยอะ ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน" อุทยานบอก
"ไม่เป็นไรครับท่าน เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ"
วเรศรู้สึกเสียดาย

วเรศกับอรวิลาสกำลังเดินออกมาด้วยกัน วเรศหันมาทางอรวิลาสด้วยสีหน้าเซ็ง
"อรโทรบอกนายป่องว่าไม่ต้องมาแล้ว"
"อรส่งเมสเสจไปบอกเรียบร้อยแล้วค่ะ" อรวิลาสบอก
วเรศพยักหน้า อรวิลาสมองวเรศด้วยสีหน้าลังเล
"พี่ตั้มคะ" อรวิลาสเรียก วเรศหันมา "อรว่าเราอย่าเพิ่งกลับโรงแรมกันดีมั๊ยคะ คืออร..อยากไปเที่ยวในเมือง"
วเรศมองอรวิลาสแต่ไม่ตอบอะไร

เอมิกาเข้ามากอดอุทยานกับอัมพรด้วยความดีใจ ขณะที่ปองเทพยืนอยู่ข้างๆ
"คิดถึงพ่อกับแม่ที่สุดเลยค่ะ" เอมิกาอ้อน
ทั้งสามคนผละออกมาจากกัน
"เรานะเรา จะมาเชียงใหม่ทั้งที ก็ไม่โทรมาบอกก่อน แม่เตรียมตัวไม่ทันเลยเห็นมั๊ย" อัมพรว่า
"มันกะทันหันค่ะแม่ เอมกับป่องก็เพิ่งรู้เมื่อเช้า.." เอมิกาหันไปทางปองเทพ "เนอะป่องเนอะ"
"ใช่ครับใช่"
"มากันแค่สองคนเหรอ"
เอมิกาอึกอัก "มากันหลายคนค่ะ แต่ตอนนี้แยกย้ายกันไปซื้อของ"
อุทยานกับอัมพรไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
"แล้วนี่ทานอะไรกันมาเหรอยัง" อัมพรถาม
เอมิกาจับท้องตัวเอง "ยังเลยค่ะ รอพ่อกับแม่เลี้ยงอยู่นี่แหละค่ะ"
อัมพรยิ้ม "ถ้างั้นก็ไปหาอะไรทานกัน"
เอมิกากับปองเทพยิ้มแฉ่ง แล้วทั้งหมดก็เดินไปด้วยกัน

อรวิลาสลัลล้ามีความสุขในการเลือกซื้อของ ส่วนวเรศเดินตามหน้านิ่งๆ เพราะไม่มีอารมณ์ร่วม อรวิลาสเห็นก็หน้าเจื่อนๆ แต่เธอก็พยายามจับแขนวเรศดึงให้มาเดินด้วยกันตลอด อรวิลาสชี้ชวนวเรศให้ดูของต่างๆ เมื่อถึงร้านขายหมวกอรวิลาสก็เอาหมวกมาลองใส่ตัวเองแล้วก็ให้วเรศลองสวม พอผ่านร้านเสื้อ อรวิลาสก็เอาเสื้อมาทาบตัวเองและทาบให้วเรศ

เอมิกากับปองเทพกำลังกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่อุทยานกับอัมพรนั่งอยู่ด้วย
"ค่อยๆทานลูก เดี๋ยวติดคอ" อัมพรบอก
ทันใดนั้นเสียงมือถือของปองเทพก็ดังขึ้น ปองเทพหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วก็กดรับสาย
"ครับพ่อ" ปองเทพไม่ได้ยิน "ผมไม่ค่อยได้ยินเลยครับ" ปองเทพเอามือถือมาดูแล้วพูดต่อ "แป๊บนะครับ ในนี้สัญญาณไม่ดี" ปองเทพหันไปทางอุทยานกับอัมพร "ขอออกไปโทรศัพท์ข้างนอกซักครู่นะครับ"
ปองเทพเดินออกไป ทันทีที่เขาเดินไป อัมพรก็หันมาซักเอมิกาทันที
"ตกลงนายป่องนี่ตัวจริงใช่มั๊ย"
เอมิกาแทบสำลัก "ตัวจริงอะไรคะแม่"
"แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ตัวจริงของแม่ก็คือ...เราคิดจะแต่งงานกับคนนี้ใช่มั๊ย"
เอมิกาแทบสะอึก "โอ๊ยแม่คะ ป่องกับเอมเป็นเพื่อนกันเรื่องนี้ยังห่างไกลจากความคิดเอมมากเอมยังไม่ได้นึกอะไรทั้งนั้น"
ระหว่างนั้นก็มีพนักงานเดินมาชนเก้าอี้ที่อัมพรนั่งทำให้น้ำหกใส่อัมพร อัมพรตกใจ พนักงานหน้าเสีย
พนักงานรีบบอก "ขอโทษค่ะ"
"ไม่เป็นไรจ๊ะ แม่ไปห้องน้ำก่อนนะ แล้วจะมาคุยต่อ"
พนักงานรีบอาสา "เดี๋ยวหนูพาไปค่ะ"
อัมพรเดินตามพนักงานออกไป เอมิกาหันมาทางอุทยาน
"เอมว่าเอมรีบทานแล้วรีบไปดีกว่า" เอมิกาลนเพราะอยากรีบกลับ
อุทยานขำแล้วก็แกล้งแซว "ว่าแต่ลูกคิดจะแต่งงานกับนายป่องจริงรึเปล่า"
"คุณพ่อ!!”
อุทยานอมยิ้ม "พ่อพูดเล่นน่ะ ลูกยังเด็ก ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะ ไม่ต้องรีบแต่งงานหรอก อยู่เป็นเพื่อนพ่อแบบนี้ไปก่อนน่ะดีแล้ว"
เอมิกายิ้ม

วเรศกับอรวิลาสเดินมาด้วยกันที่บริเวณตรงข้ามกับร้านอาหาร ทั้งสองหิ้วถุงเต็มมือกันทั้งคู่ อรวิลาสเห็นร้านขายของน่ารักก็รีบบอกวเรศ
"แวะร้านนี้ก่อนนะคะพี่ตั้ม"
อรวิลาสเดินเข้าไปทันทีโดยไม่รอวเรศ วเรศเซ็งมาก อุทยานกับเอมิกานั่งอยู่ด้วยกันในร้านฝั่งตรงข้ามถนนแต่วเรศยังไม่เห็น
อุทยานเห็นเอมิกากินจนปากเลอะ
"จะจบมหาลัยปี 4 แล้ว ยังทานเป็นเด็กอยู่อีก" อุทยานว่า
อุทยานเอากระดาษเช็ดปากให้เอมิกาด้วยความเอ็นดู เอมิกาอมยิ้ม วเรศหันไปเห็นอุทยานกำลังเช็ดปากให้เอมิกาพอดีก็ชะงักเพราะตกใจมาก
"ท่านผู้ว่าฯ ชะเอม..." วเรศขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง "ตาไม่ได้ฝาด"
วเรศจ้องภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าอึ้งและตะลึงมากๆ แล้วเขาก็ตัดสินใจ

อุทยานตักกับข้าวให้เอมิกา
"ทานเยอะๆนะลูกนะ"
"ขอบคุณค่ะ คุณพ่อก็ทานเป็นเพื่อนเอมด้วยสิคะ มาค่ะเอมป้อน"
เอมิกาจิ้มอาหารขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าอุทยาน อุทยานกินจากส้อมของเอมิกา วเรศที่แอบมองอยู่หน้าร้านมีสีหน้านึกไม่ถึงสุดๆ
"ที่ไม่ยอมไปบ้านท่านผู้ว่าฯ เพราะแอบนัดเจอกับท่าน?"
วเรศลอบมองเอมิกาโดยมีสีหน้าผิดหวังอย่างแรง

เช้าวันถัดมา เอมิกาเดินลงมาจากโรงแรม เธอมองไปรอบๆ แล้วก็ยังไม่เห็นใคร
"ยังไม่มีใครลงมาอีกเหรอ?”
เอมิกาหันไปอีกด้านก็เจอวเรศยืนอยู่ก็ถึงกับผงะ วเรศเดินหน้านิ่งเข้ามาหา
"เช้านี้หน้าตาสดชื่นดีนะ"
เอมิกามองวเรศด้วยความแปลกใจว่าเขาจะมาไม้ไหน
"คุณต้องการจะบอกอะไรฉันรึเปล่า?” เอมิกาถาม
"แล้วเธอต้องการให้ฉันบอกอะไรล่ะ?” วเรศสวน
เอมิกางง "นี่คุณตั้ม...มีอะไรก็พูดมาตรงๆดีกว่าค่ะ"
"ฉันไม่อยากพูด" วเรศบอก เอมิกานิ่วหน้า "เรื่องบางเรื่องยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกแย่ เธอทำอะไรเอาไว้ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ แต่ทางที่ดี เธอควรจะมีสติ มีจิตสำนึก ว่าสิ่งที่กำลังทำมันสมควรหรือไม่"
เอมิกายิ่งเหวอหนักและงงเข้าไปใหญ่ ทั้งสองยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ ปองเทพกับอรวิลาสก็เดินลงมาพร้อมกัน อรวิลาสเดินเข้ามาควงแขนวเรศ ทำให้เอมิกาชะงักไปนิดนึง
"อรพร้อมออกเดินทางแล้วค่ะพี่ตั้ม"
วเรศหันไปยิ้มหวานกับอรวิลาส "ถ้างั้นก็ไปกันเลยจ๊ะ"
"ค่ะ"
วเรศปรายตามองค้อนเอมิกาแล้วก็เดินออกไปกับอรวิลาส ปองเทพเดินตาม แล้วเขาก็หันมาทางเอมิกาที่ยังไม่ยอมเดินตาม
"เอม..." ปองเทพเรียก เอมิกาหันมา "เป็นอะไรรึเปล่า"
"เปล่า..”
เอมิกากับปองเทพเดินออกไป แต่เอมิกาแปลกใจมากว่าวเรศเป็นอะไร

ที่บ้านชื่นฤทัย อรวิลาสยกมือไหว้วเรศ เอมิกากับปองเทพยืนอยู่ข้างๆ
"ขอบคุณนะคะพี่ตั้มที่มาส่ง ไว้เราไปเที่ยวกันอีกนะคะ อรมีความสุขมากเลย"
วเรศปรายตามองเอมิกาแวบนึงแล้วก็หันมายิ้มให้อรวิลาส "พี่ก็มีความสุขที่ได้ไปกับอรเหมือนกัน"
อรวิลาสเขิน
"พี่ไปนะ" วเรศบอก
วเรศขึ้นรถแล้วขับออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเอมิกาที่ยืนอยู่ตรงนั้น เอมิกาไม่เข้าใจ

เอมิกากำลังเอาเสื้อผ้าในกระเป๋ามาใส่ลงในตะกร้าผ้า นากนั่งยองๆอยู่ข้างๆ
"เที่ยวมาหนุกมั๊ยจ๊ะน้องชะเอม" นากถาม
"งั้นๆแหละพี่นาก" เอมิกาตอบ
ระหว่างนั้นจุ่นก็เดินมา เอมิกาหันไปจะยิ้มให้แต่จุ่นสะบัดหน้าเชิดใส่ทำเอาเอมิกาแปลกใจ เอมิกาหันไปถามนาก
"พี่จุ่นเค้าเป็นไร?”
นากมองเอมิกานิ่งไป

เอมิกามองนากด้วยสีหน้าตกใจ
"บรรจงบอกแบบนั้นกับป้าสมพิศ?!!!" เอมิกาย้ำ นากพยักหน้า "แล้วฉันจะไปรู้จักหัวหน้าวินมอไซด์หน้าปากซอยได้ยังไง"
นากตบเข่าฉาด "พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ไม่มีทางที่คนอย่างน้องชะเอมจะไปคบค้าสมาคมกับคนพวกนั้นได้ ถ้าเป็นนังจงยังว่าไปอย่าง" นากพูดแล้วก็นึกได้เอง "หรือว่า...”
"หรือว่าอะไรพี่นาก!!”
"ก่อนที่ไอ้หัวหน้าวินฯ มันจะเข้ามาในบ้าน นังจงมันแอบเข้ามาในห้องพี่" นากบอก เอมิกาชะงัก "โชคดีนะที่พี่เจอมันซ่อนอยู่ใต้เตียง"
เอมิกาหน้าซีดเครียดเพราะกลัวบรรจงเห็นไอแพด นากมัวแต่คิดเลยไม่ได้มองสีหน้าเอมิกาที่กำลังเหงื่อแตกพลั่ก
เอมิกาอึ้งมาก "แล้ว..เออ แล้วตกลงบรรจงเข้ามาในห้องทำไม? หรือว่าเค้าเข้ามาเอาอะไร...รึเปล่า??”
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเข้ามาทำไม? ส่วนที่ว่ามันเข้ามาเอาอะไร คงไม่ใช่หรอกน้องชะเอม เพราะว่ามันไม่ได้ถืออะไรออกไปนะ"
เอมิกาโล่งอกแต่ก็อดเสียวไม่ได้ เธอรู้สึกกังวลใจมากมาย

สมพิศ บรรจง และจุ่นกำลังจะกินข้าว เอมิกาพรวดพราดเข้ามาโดยมีนากที่หน้าตาตื่นเดินตามมาติดๆ บรรจง จุ่น และสมพิศหันไปมอง บรรจงมองเอมิกาแล้วก็เบ้หน้าหันไปทางสมพิศ
"ป้า..ฉันกับพี่จุ่นขอไปกินข้างนอกนะ แถวนี้บรรยากาศชักไม่ค่อยดีแล้ว" บรรจงบอก
บรรจงกับจุ่นจะเดินออกไป แต่เจอเอมิกาปราดมาขวาง
"อย่าเพิ่งไป"
บรรจงกับจุ่นชะงัก นากกับสมพิศเหล่มองกัน
"เธอโกหกทุกคนทำไมว่าฉันรู้จักกับหัวหน้าวินมอไซด์หน้าปากซอย" เอมิกาถาม
บรรจงถอนใจ "ชะเอม..พอซักทีเถอะ ฉันไม่สบายเลยนะที่ต้องช่วยเธอโดยการโกหกคนอื่น"
เอมิกาอึ้งมากที่บรรจงมาไม้นี้ "เธอต่างหากที่โกหก!! อย่ามาใส่ร้ายกัน!”
สมพิศ นาก และจุ่นมองเอมิกากับบรรจงสลับกันไปมา
"เฮ้อ...ชะเอม...ยอมรับมาเถอะว่าเธอสนิทกับพี่มดแดง" บรรจงบอก
"พี่มดแดงมดดำอะไรฉันไม่รู้จักทั้งนั้น"
"นังชะเอม...โกหกมันบาปนะเว๊ย" สมพิศบอก
"ป้าพูดถูก ยุคนรักให้เลิกกัน มันก็บาป!!” จุ่นเสริม
เอมิกางงมากและโมโหจนสุดทน "เลิกปรักปรำฉันซักที!!" เอมิกาคิดนิดนึง "เอางี้..ฉันจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฉันไม่ได้โกหก!”
ทุกคนมองเอมิกาด้วยความสงสัยว่าจะเธอทำยังไง

บรรจงหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องและรีบเอามือถือมากดโทรออก
"พี่มดแดง...ฉันบรรจงนะจ๊ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพี่!!”
บรรจงมีสีหน้าแย่สุดๆ

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 8 (ต่อ)
วเรศนั่งเหม่อลอยจนหมูที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มแปลกใจ
"ตั้ม..." หมูเรียก วเรศยังเฉย "ไอ้ตั้ม!!”
วเรศหันไปทางหมูด้วยหน้านิ่งๆ "ห๊ะ!”
"เป็นอะไรของแก มาถึงก็เอาแต่นั่งเงียบ จนฉันนึกว่านั่งอยู่กับก้อนหิน"
วเรศถอนหายใจเฮือกใหญ่
"กลุ้มใจเรื่องอะไร? บอกกันได้นะ" หมูบอก
วเรศมองหมูอย่างลังเลเล็กน้อย "ชะเอม.." หมูชะงัก "เป็น...." วเรศพูดติดขัด หมูลุ้นมาก "เป็น...”
"เป็นอะไรก็พูดมาสิวะ ปล่อยให้ลุ้นจนหายใจไม่ออกแล้ว เฮ้อ.." หมูดื่มน้ำ
"เป็นเมียน้อยท่านผู้ว่าอุทยาน!!”
หมูสำลักน้ำพรวดออกมาด้วยความตกใจสุดๆ แล้วก็รีบเช็ดปาก
"แกอย่าพูดจามั่วๆนะเว๊ย"
"คนอย่างฉันเคยพูดมั่วด้วยเหรอวะ" วเรศถามกลับ หมูนิ่งงันไป "ฉันเคยสงสัยชะเอมมาก่อนหน้านี้ แต่เค้าบอกฉันว่ามันไม่เป็นความจริง ฉันก็เชื่อ จนกระทั่งฉันเห็นกับตาที่เชียงใหม่" วเรศมีสีหน้าเสียใจอย่างเห็นได้ชัด "ฉันไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากเชื่อจริงๆ ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้ด้วย"
"ตั้ม..คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน เค้าอาจจะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วคนอย่างชะเอม ฉันว่ามันก็ไม่แปลก ถ้าเค้าจะเลือกทางนั้น"
"แต่มันไม่ถูกต้อง แกก็รู้"
"แล้วแกจะทำยังไง? ชีวิตใคร ชีวิตมัน เราไปบงการชีวิตใครไม่ได้หรอก"
วเรศกลุ้มใจ

บรรจง เอมิกา สมพิศ จุ่น และนากเดินออกมาที่หน้าบ้านด้วยกัน
"เดี๋ยวเราไปที่หน้าปากซอย ไปหาหัวหน้าวินมอเตอร์ไซด์คนนั้นด้วยกัน จะได้รู้กันไปว่าใคร" เอมิกาปรายตามองบรรจง "กันแน่ที่โกหก!!”
บรรจงลอบทำหน้าร้าย ระหว่างนั้นมดแดงก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าบ้าน ทุกคนไม่ได้สนใจ บรรจงมองมดแดงแล้วบุ๊ยใบ้ไปทางเอมิกา มดแดงหันไปมองก็ตกตะลึงกับความน่ารักของเอมิกา แล้วเขาก็รีบเดินตรงรี่เข้ามาหาเอมิกาโดยที่เอมิกาไม่ทันตั้งตัว
"น้องชะเอมจ๋า พี่ซื้อโจ๊กเจ้าประจำของน้องชะเอมมาฝากจ๊ะ"
เอมิกาตกใจที่จู่ๆ มดแดงก็เข้ามาโอบไหล่เธอทันที บรรรจงลอบยิ้ม จุ่น นาก และสมพิศชะงัก เอมิการีบผละออกจากมดแดง
"คุณเป็นใคร?!! รู้จักชื่อฉันได้ยังไง?!!”
มดแดงทำโวย "อ้าวน้องชะเอม..ทำไมพูดจาทำร้ายจิตใจพี่มดแดงแบบนี้ล่ะจ๊ะ เราเป็นอะไรกัน ก็รู้อยู่แก่ใจ"
นาก สมพิศ และจุ่นนากกับเอมิกาผงะ ”เนี่ยเหรอมดแดง?”
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพี่!! และเราก็ไม่ได้รู้จักกัน" เอมิกาพูดเสียงหนักแน่น
"น้องชะเอมคงอายที่พี่เป็นแค่วินมอเตอร์ไซด์ใช่มั๊ย!" มดแดงแกล้งตีหน้าเศร้า "มันน่าเศร้านัก พี่อุตส่าห์รักน้องชะเอม มอบหัวใจให้ทั้งดวง แล้วทำไมน้องชะเอมถึงทำกับพี่แบบนี้ พี่ทนอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"
เอมิกาอึ้งมากเมื่อเจอมดแดงซึ่งเจ้าพ่อดราม่าตัวจริงๆ มดแดงทำเป็นร้องไห้แล้ววิ่งออกไปราวกับเป็นนางเอกมิวสิค บรรจงลอบยิ้มด้วยความพอใจมาก
"นังชะเอม ข้าไม่นึกเลยว่าเอ็งจะเป็นคนขี้โกหกแบบนี้ เสียแรงที่ข้าไว้ใจ"
เอมิกาได้แต่อ้าปากค้าง สมพิศส่ายหัวแล้วก็เดินออกไป
"ป้ารอฉันด้วย" บรรจงเรียก
"พี่ไปด้วยจ๊ะน้องจง" จุ่นเดินตาม
เหลือนากคนเดียวที่ยืนอยู่ เอมิกาหันไปทางนาก
"พี่นาก..พี่ต้องเชื่อฉันนะ ฉันไม่รู้จักมันจริงๆ" เอมิกาบอก
"ไม่รู้สิน้องชะเอม ครั้งนี้มันทำให้พี่ลังเล" นากพูด
เอมิกาอึ้ง นากเดินออกไป เอมิกาอยากจะบ้าตาย มดแดงโผล่หน้าออกมามองเอมิกาแล้วก็ยิ้มพอใจ พร้อมกับครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง

ปองเทพฟังเอมิกาเล่าเรื่องทุกอย่างจนจบก็ฮึดฮัดเพราะรู้สึกโกรธแทน
"มันทำกับเอมแบบนี้ได้ไง!! เราจะไปเอาเรื่องมัน!!”
"อย่าป่อง!" เอมิกาคว้าแขนไว้ "ทำแบบนี้ เรื่องมันจะยิ่งไปกันใหญ่"
"แล้วเอมจะปล่อยให้เค้าใส่ร้ายเอมต่อไปแบบนี้เหรอ?”
เอมิกาถอนหายใจ "ใครจะมองเรายังไงก็ช่าง..เพราะเราไม่ได้จะทำงานที่นี่ไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว เราเข้ามาหาข้อมูลคนใช้เอาไปเขียนบท เพราะฉะนั้นเราจะรีบทำงานของเราให้เสร็จ แล้วจะได้ไปจากที่นี่ซักที ซึ่งเราว่ามันก็คงอีกไม่นานแล้วล่ะ"
เอมิกาหันไปมองปองเทพด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ปองเทพพยักหน้า

บรรจงกับมดแดงชนแก้วกันเพื่อฉลองความสำเร็จที่ร้านส้มตำ
"พี่มดแดงแสดงละครได้เก่งสุดๆ ตีบทแตกกระจาย ณเดชยังอาย บอยปกรณ์ยังชิดซ้าย หมากปริญยังต้องชิดขวา"
มดแดงหัวเราะชอบใจ "ฮ่าๆๆ พี่ไม่อยากจะคุยว่าพี่เคยเล่นเป็นตัวประกอบในหนังมาก่อน"
บรรจงตื่นเต้น "โอ้โฮ...แล้วพี่เล่นเป็นอะไร?”
"เป็นลูกน้องเจ้าพ่อ" มดแดงแสดงแอคติ้ง “เฮ้ย!!!”
บรรจงตั้งใจฟังต่อแต่มดแดงไม่พูดอะไรแล้ว "แล้วไงต่ออ่ะพี่ ฉันรอฟังอยู่"
"พี่พูดแค่นี้แหละ"
บรรจงเหวอแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
"เออ พี่มดแดงจ๋า แล้วพี่อยากได้อะไรเป็นค่าตอบแทนสำหรับเรื่องนี้จ๊ะ"
มดแดงทำหน้าเจ้าเล่ห์ เขาเข้ามากระซิบบรรจง บรรจงชะงัก
"เอางั้นเลยเหรอพี่...จะดีเหรอ?” บรรจงถาม
"แหม แค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้นแหละ น้องจงจะว่ายังไงล่ะ?”
"ก็ได้..ฉันจะช่วยพี่เอง"
"น้องจงน่ารักที่สุด"
มดแดงจับคางบรรจง บรรจงทำเอียงอาย ทันใดนั้นเสียงมือถือมดแดงก็ดังขึ้น
มดแดงกดรับสาย "ครับลูกพี่...ได้ครับ ที่ไหนครับ" มดแดงวางสาย "พี่ต้องไปแล้วจ๊ะ"
"พี่จะไปไหน?”
"ไปเก็บค่าคุ้มครอง"
บรรจงมองมดแดงด้วยความสงสัย

บรรจงเดินตามมดแดงกับลูกน้องเข้ามาในบ่อนด้วยสีหน้าตื่นตาตื่นใจมาก
"ไม่นึกเลยว่ากลางวันแสกๆจะมีบ่อนด้วย" บรรจงบอก
"น้องจงสนใจจะเล่นซักหน่อยมั๊ยล่ะ" มดแดงถาม
"ฉันไม่มีเงินหรอกพี่"
"เรื่องเงินไม่มีปัญหา พี่คุยกับเฮียเจ้าของบ่อนให้ได้"
บรรจงมองด้วยความสนใจมาก มดแดงทำหน้าเจ้าเล่ห์

มดแดงเอาปึกเงินวางบนโต๊ะ ตี๋ใหญ่หยิบเงินมานับแล้วก็หยิบแบงค์พันสี่ถึงห้าใบยื่นให้มดแดง
ตี๋ใหญ่พูดเสียงแหบๆแหลมๆ "ค่าเสียเวลาของเอ็ง"
มดแดงยิ้มร่าแล้วรีบรับเงิน "ขอบคุณครับพี่ตี๋ใหญ่"
ตี๋ใหญ่ถาม "แผนปล้นบ้านคุณนายชื่นฤทัยไปถึงไหนแล้ววะ?”
"ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีครับ ตอนนี้นังบรรจงมันกำลังติดเบ็ดที่ผมล่อเอาไว้ อีกไม่นานเกินรอครับ"
ตี๋ใหญ่ลุกขึ้นยืน
ตี๋ใหญ่ยังคงพูดเสียงแหบๆแหลมๆ "ดี..ถ้างานนี้สำเร็จเมื่อไหร่ เรารวยกันเละ" ตี๋ใหญ่หัวเราะเสียงแหลมแหบพร่า "ฮิๆๆๆๆ"
มดแดงหัวเราะตาม "ฮ่าๆๆๆๆ"
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ชื่นฤทัยกำลังดูรูปที่อรวิลาสถ่ายกับวเรศตอนไปเชียงใหม่บนไอแพดด้วยสีหน้าปลาบปลื้มมาก หนูอ้อยนั่งอยู่ด้วย
"กุ๊กกิ๊กน่ารักที่สุด" ชื่นฤทัยปลาบปลื้ม หนูอ้อยชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย "ท่าทางความฝันของแม่ใกล้จะเป็นจริง อีกไม่นานบ้านเราอาจจะมีงานใหญ่ งานแต่งงานของน้องอรกับหลานตั้ม"
อรวิลาสเขิน "คุณแม่อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ อรเขิลล"
หนูอ้อยหันมาทางชื่นฤทัย
"หนูอ้อยว่าพี่ตั้มดูฝืนใจถ่ายรูปกับพี่อรมากกว่า"
ชื่นฤทัยกับอรวิลาสหุบยิ้มแทบไม่ทัน
"หนูอ้อย..ลูกยังเด็กจะรู้เรื่องอะไร??” ชื่นฤทัยว่า
ชื่นฤทัยดึงไอแพดคืนแล้วก็ปิด ก่อนจะยิ้มปลาบปลื้ม

สมพิศกำลังเตรียมทำอาหารอยู่ในครัว บรรจงเหลือบมองแล้วก็หยิบน้ำมันมาเทลงถุงจนเกือบหมดขวด ก่อนจะรีบวางไว้ที่เดิม บรรจงมัดปากถุงทิ้งขยะแล้วทำทำเป็นหยิบขวดน้ำมันขึ้นมา
"ตายแล้วป้า" บรรจงร้อง สมพิศหันมา "น้ำมันจะหมดแล้ว"
สมพิศแปลกใจ "อะไรวะ เมื่อกลางวันยังเหลืออยู่ตั้งครึ่งค่อนขวด ใครแอบเอาไปใช้!!”
"แค่นี้ทำกับข้าวไม่พอหรอก ต้องออกไปซื้อ" บรรจงบอก
ระหว่างนั้นเอมิกาเดินมาพอดี บรรจงกับสมพิศหันไป
"นังชะเอม" สมพิศเรียก เอมิกาหันมา "ออกไปซื้อน้ำมันให้ข้าที"
เอมิกาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงแล้วก็ยอมเดินออกไป บรรจงยิ้มร้ายที่ทุกอย่างไปตามแผน


วเรศเดินไปเดินมาเพราะคิดหนักเรื่องเอมิกา
"ยังไงเราก็ต้องเตือนสติชะเอม ไม่ให้ทำแบบนี้ เราต้องไม่ให้ชะเอมทำผิดอีกต่อไป"
วเรศคิดๆๆ แล้วก็ตัดสินใจโทรหาเอมิกา

เอมิกายื่นเงินจ่ายค่าน้ำมันพืชให้คนขายที่ร้านขายของชำแล้วก็รับถุงใส่ขวดน้ำมันพืชมา ทันใดนั้นเสียงมือถือก็ดังขึ้น เอมิกาเห็นชื่อวเรศโทรมาก็ตัดสินใจไม่รับสายเพราะว่ายังงอนๆอยู่ แล้วเธอก็เดินออกจากร้านไป มดแดงกับลูกน้องที่อยู่บริเวณนั้นแอบมองตามเอมิกาก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กัน แล้วก็เอาผ้าปิดปากเพื่ออำพรางหน้าตา

เอมิกาเดินมาตามทาง เธอรู้สึกว่ามีคนเดินตามมาก็หยุดเดินแล้วหันขวับไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่เห็นใคร เอมิกาหันหลังเดินต่อ มดแดงกับลูกน้องเดินออกมาจากมุมมืดข้างทางแล้วเร่งฝีเท้าเดินตามเอมิกาไปทันที
เอมิกาได้ยินเสียงฝีเท้าก็รู้สึกใจไม่ดีเลยรีบวิ่ง ลูกน้องมดแดงวิ่งแซงมาขวางหน้าเอมิกาเอาไว้ เอมิกาหยุดกึกด้วยความตกใจ พอหันหลังจะหนีก็เจอมดแดงยืนอยู่ เอมิกาถึงกับผงะ
"อยากได้น้ำมันใช่มั๊ย อ่ะ..เอาไปเลย ฉันให้" เอมิกายื่นขวดน้ำมันให้
มดแดงเผลอ "ขอบใจ" มดแดงรับมาแล้วก็นึกได้ "เยยยย!!! ฉันไม่ได้อยากได้น้ำมัน!!”
มดแดงปาขวดน้ำมันทิ้งไปข้างทาง
"ฉันต้องการตัวแก!”
เอมิกาอึ้งแต่ทำใจดีสู้เสือ "จะเอาตัวฉันไปทำไม?!”
"แล้วคิดว่าผู้ชายต้องการผู้หญิงไปทำไมวะ? ฮ่าๆๆ"
ลูกน้องมดแดงหัวเราะตาม "ฮ่าๆๆๆๆ"
"แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิง ฉันเป็นกะเทย" เอมิการีบบอก
"ถ้างั้นก็มาให้ฉันพิสูจน์สิว่ากะเทยจริงหรือไก่กา"
มดแดงกับลูกน้องเข้ามาจะจับเอมิกา เอมิกาหดตัวหลบทำให้มดแดงกับลูกน้องกอดกันเอง ทั้งสองสะดุ้งตกใจ "เวยยยย!!!”
ทั้งคู่หันไปก็เห็นเอมิกาวิ่งไปแล้ว
"ตามมันไป!!” มดแดงสั่ง
มดแดงกับลูกน้องวิ่งตามเอมิกาไปติดๆ

วเรศขับรถมาตามทางด้วยสีหน้ากังวลใจที่เอมิกาไม่รับสายของเขา

ชื่นฤทัยมองสมพิศกับบรรจงด้วยความแปลกใจ อรวิลาสกับหนูอ้อยยืนอยู่บริเวณนั้น
"ชะเอมออกไปซื้อน้ำมันเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่กลับเข้ามา ก็เลยไม่มีน้ำมันทำกับข้าว" ชื่นฤทัยทวนคำ
สมพิศรับคำ "ค่ะ..”
"ทำไมชะเอมเหลวไหลแบบนี้" ชื่นฤทัยว่า
"ชะเอมไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้นนะคะ หรือว่าชะเอมจะเป็นอะไร" อรวิลาสกังวล
บรรจงสะกิดสมพิศ สมพิศส่ายหัว ชื่นฤทัยหันไปเห็นพอดีก็เอ่ยถาม
"ป้าพิศ บรรจง เป็นอะไร" ทั้งสองคนหันมามองชื่นฤทัย "มีอะไรก็พูดมาสิ"
"ถ้าป้าไม่พูด ฉันพูดเอง"
บรรจงหันไปทางชื่นฤทัยด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ทุกคนมองบรรจงด้วยความสงสัย

เอมิกาวิ่งหนีแต่บริเวณที่หนีบรองเท้าแตะกลับขาดทำให้เธอสะดุดล้มไปบนพื้นจนเข่าเป็นแผลและเลือดไหล
เอมิการ้องโอดโอย "โอ๊ย!!”
เอมิกาหนีไม่ทัน มดแดงกับลูกน้องเข้ามาจะจับตัวเอมิกา
เอมิกาตกใจมาก "อย่า!!”
เอมิกาดิ้นจนหลังแขนไปฟาดโดยหน้ามดแดงเต็มๆ มดแดงถึงกับมึนแล้วก็โมโห เขาหยิบมีดสั้นออกมา พร้อมกับคว้าแขนเอมิกาเอาไว้
"อย่าขัดขืน!!" มดแดงขู่ เอมิกาผงะที่เห็นมีด "ไม่งั้นแกตายแน่!!”
เอมิกาไม่กล้าขัดขืน
มดแดงสั่งทันที "ลุกขึ้น..”
มดแดงดึงเอมิกาให้ลุกขึ้นยืน
เอมิกากลัว "ฉันไหว้ล่ะพี่ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันเพิ่งเกิดมาได้ 20 ปี ยังมีอนาคตที่สดใสรอฉันอยู่ แล้วฉันก็ยังทำตามความฝันไม่สำเร็จ และที่สำคัญ ฉันเป็นลูกคนเดียว ถ้าฉันเป็นอะไรไป แล้วพ่อแม่ฉันจะอยู่ได้ยังไง?!!”
มดแดงรำคาญ "โว๊ยย!! เลิกพล่ามซักที ฉันไม่ฆ่าแกหรอก !”
เอมิกามองมดแดงด้วยความสงสัยและมีสีหน้าตื่นตระหนกมากๆๆ

วเรศยังขับรถมาตามทาง
เอมิกาตาโตเมื่อรู้ว่ามดแดงต้องการอะไร
"ไม่มีทาง!! ฉันไม่ยอม"
"ยังไงแกก็ต้องยอม!”
พูดจบมดแดงกับลูกน้องจะลากเอมิกาเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง แต่เอมิกาดิ้นสุดแรง
"ปล่อย..ปล่อย....!!”
เอมิกากัดแขนมดแดงแล้วก็ถีบลูกน้องของเขา ก่อนจะถอดรองเท้าแตะอีกข้างปาเข้าไปโดนหน้ามดแดง แล้วก็วิ่งหนีไปแบบเท้าเปล่า
"พยศแบบนี้ ฉันยิ่งชอบ อย่าให้มันหนีไปได้" มดแดงบอกลูกน้อง
ทุกคนไล่ตามเอมิกาไปติดๆ เอมิกาโดนมดแดงคว้าตัวเอาไว้ได้ เอมิกาหน้าเสียเพราะคิดว่าโดนแน่ๆ!!!
มดแดงหอบ "หนีฉันไม่พ้นหรอก!”
มดแดงยื่นหน้าไปจะจูบ เอมิกาสยองมากจึงรีบเอามือดันหน้าเขาเอาไว้ ทันใดนั้นก็มีแสงไฟรถสาดมา ลูกน้องมดแดงหน้าตื่น
"ลูกพี่ระวัง!!"
มดแดงหันไปเห็นรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามา เอมิกาตกใจรีบผลักมดแดงออกแล้ววิ่งหนี วเรศลงจากรถด้วยท่าทางโมโหสุดๆ เขาเข้ามาต่อยหน้ามดแดงอย่างแรง!!!
เอมิกาดีใจที่เห็นว่าเป็นวเรศ "คุณตั้ม!”
ลูกน้องเห็นวเรศต่อยมดแดงก็เข้ามารุม วเรศโดนชกไปสองหมัด เอมิกาตกใจ
"คุณตั้มระวัง!!”
วเรศหันมาซัดลูกน้องของมดแดงจนหมอบไปบนพื้น มดแดงเอามีดเข้ามาจะจัดการวเรศ แต่วเรศหลบได้ทัน มดแดงแทงมั่วจนหน้าคว่ำไปบนพื้น วเรศตามเข้าไปจัดการ มดแดงเห็นท่าไม่ดีก็ร้องบอกลูกน้อง
"เฮ้ย!! พวกเราหนี!!”
มดแดงกับลูกน้องรีบวิ่งหนี แต่ก่อนไปมดแดงเปิดประตูรถของวเรศแล้วดึงกุญแจรถออกมาปาทิ้ง วเรศตกใจ
"เฮ้ย!!!”
มดแดงกับลูกน้องรีบวิ่งหายไปในความมืด วเรศหัวเสียแล้วก็นึกได้
"ชะเอม...”
วเรศรีบหันไปทางเอมิกาที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว เขารีบเดินเข้ามาหา เอมิกายังไม่ทันพูดอะไร วเรศก็ดึงเอมิกาเข้ามากอดแน่นด้วยสีหน้าเป็นห่วงเอมิกาสุดๆ เอมิกาได้แต่ยืนอึ้งและปล่อยให้วเรศกอดไว้อย่างนั้น

เอมิกาเอาสำลีซับเลือดที่มุมปากให้วเรศที่มานั่งหลังรถ กล่องยา First aid ใบเล็กวางอยู่ไม่ไกล
"โชคดีนะคะที่ในรถคุณมีกล่องยา" เอมิกาบอก
"ฉันลืมเอาลงจากรถน่ะ" วเรศเจ็บ "โอ๊ย!!!”
เอมิกาเป็นห่วงวเรศมาก "ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณเจ็บตัว"
"จะขอโทษฉันทำไม? เจ็บแค่นี้ฉันทนได้ แต่ถ้าเธอเป็นอะไร ฉันจะทนได้ได้ยังไง?”
เอมิกาได้ยินเช่นนั้นก็เหวอ วเรศรีบเปลี่ยนเรื่อง
"เอ่อ!! เธอเองก็เจ็บเหมือนกัน"
วเรศมองเข่าเอมิกาที่มีแผลและเลือดซึม เขาเอาแอลกอฮอล์เทบนสำลีแล้วเช็ดแผลให้ เอมิการ้องลั่น
"โอ๊ยยยยยย!!!”
วเรศขำ "ร้องหยั่งกับถูกเชือด"
"ก็มันแสบนี่คะ"
วเรศตัดสินใจคุกเข่าบนพื้นตรงหน้าเอมิกา เอมิกาผงะ
"คุณตั้ม! คุณจะทำอะไร?”
"เฉยเหอะน่า"
เอมิกานิ่ง วเรศค่อยๆทำแผลให้เอมิกาแล้วก็เอาพลาสเตอร์มาแปะให้ เอมิกามองวเรศแบบเคลิ้มๆ จึงค่อยๆก้มหน้าลงไปจังหวะเดียวกับที่วเรศเงยหน้าขึ้นมาพอดี ทำให้ทั้งสองคนหน้าใกล้กันมาก ทั้งคู่ตกใจ วเรศรีบลุกขึ้นยืน ส่วนเอมิกาทำหน้าไม่ถูก
วเรศรีบเปลี่ยนเรื่อง "เออ...เราคงต้องเดินกลับบ้าน เพราะไอ้บ้านั่นมันโยนกุญแจรถฉันทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้"
"ได้ค่ะ"
เอมิกาลุกแต่เจ็บเข่าเลยเซ วเรศรีบเข้ามาประคองเอาไว้ เอมิกาเขินมากจนทำหน้าไม่ถูก
วเรศถาม "เดินไหวรึเปล่า"
"ค่ะ"
พอเดินไปอีกเพียงก้าวเดียวเอมิกาก็ทรงตัวไม่อยู่ วเรศเลยกอดเอวเธอไม่ยอมปล่อย
เอมิการีบพูด "ฉันเดินไหวจริงๆนะคะ"
"เห็นอยู่ว่าไม่ไหว ยังจะปากแข็งอีก" วเรศคิดเล็กน้อย "เอางี้...”
เอมิกามองวเรศด้วยความสงสัย

วเรศให้เอมิกาขี่หลังเดินมาตามทาง เอมิกาลอบมองวเรศอย่างรู้สึกดีมาก วเรศเองก็รู้สึกดีจนถึงกับลืมสิ่งที่เข้าใจผิดในตัวเอมิกาไป ทั้งสองลอบมองกันพลางอมยิ้ม ก่อนที่จะหันมาเจอหน้ากัน วเรศกับเอมิกาตกใจแล้วก็เก้อเขินไป
"เออ..คุณหนักมั๊ยคะ" เอมิกาถาม
วเรศตอบทันที "มาก"
เอมิกาหน้าเสีย "จริงเหรอคะ?”
วเรศแอบขำ เอมิกาได้ยิน
"คุณหลอกฉันเหรอ?” เอมิกาถาม
วเรศหัวเราะ เอมิกาอดยิ้มออกมาด้วยไม่ได้
"เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ไปแจ้งความ" วเรศถาม
เอมิกาชะงัก
เอมิกาคิดในใจ "ขืนแจ้งความ ก็ต้องลงบันทึกประจำวัน ขอดูบัตรประชาชนเรา มีหวังความแตก" เอมิกาพูดกับวเรศ "ค่ะ ฉันไม่อยากยุ่งยาก"
"เกิดพวกมันย้อนกลับมาทำร้ายเธออีก จะทำยังไง?”
"ฉันก็จะไม่ออกมาคนเดียว ถ้าต้องไปไหน ฉันก็จะหาคนมาเป็นเพื่อน"
"รับปากฉันว่าเธอจะทำอย่างที่พูด ฉันเป็นห่วงเธอมากนะชะเอม" วเรศบอก เอมิกาผงะ วเรศรู้สึกว่าหลุดปากเลยรีบแก้ตัว "ห่วงว่าถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมา จะเดือดร้อนคนอื่นเค้า เข้าใจไม๊"
เอมิกาเซ็ง "ค่ะ"
เอมิกาถอนหายใจ วเรศเองก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอกที่กลับลำได้ทัน

ที่บ้านชื่นฤทัย เอมิกานั่งอยู่ โดยมีวเรศ ชื่นฤทัย สมพิศ นาก จุ่น และบรรจงยืนอยู่ด้วย บรรจงมีสีหน้าผิดหวังมากที่เห็นว่าเอมิกาไม่เป็นอะไร
"โชคดีนะที่เธอกลับมาครบ 32” ชื่นฤทัยบอก
เอมิกายิ้ม
"เมื่อก่อนแถวบ้านเราไม่เคยมีโจรผู้ร้ายเลยนะคะคุณชื่น สมัยนี้คนมันใจโฉด" สมพิศหันมาทางบรรจง "ขึ้นมากจริงๆ" บรรจงถึงกับสะดุ้ง สมพิศถามบรรจง "เอ็งว่ามั๊ย?”
"เออ...ใช่ป้า...มันเลวจริงๆ" บรรจงตอบรับ
"น้องจงไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พี่จุ่นจะปกป้องน้องจงเอง"
เอมิกาเหลือบมองบรรจงด้วยความสงสัย
วเรศหันไปทางคนอื่น "ต่อไปนี้ถ้าทุกคนจะไปไหนมาไหน ก็ระวังตัวกันหน่อย ลองมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้ครั้งนึง ก็อาจจะมีครั้งที่สอง ครั้งที่สามตามมา ถ้ายังไงผมจะขอให้ตำรวจช่วยมาตรวจดู"
"ขอบใจมากนะหลานตั้ม" ชื่นฤทัยบอก
วเรศหันไปมองเอมิกาด้วยความเป็นห่วง เอมิกามองขอบคุณวเรศ

นากประคองเอมิกาเข้ามาในห้อง
"ค่อยๆนั่งนะน้องชะเอม"
เอมิกาหันไปทางนาก "พี่นากหายเคืองฉันแล้วเหรอ?”
นากชะงัก "พอพี่รู้ว่าน้องชะเอมเจออะไรมา พี่ก็เลยรู้ว่าพี่ไม่ควรเชื่อนังจงมันเลย"
"ทำไม?”
"ป้าพิศเล่าว่านังจงมันฟ้องคุณชื่นว่าที่น้องชะเอมออกไปนานเป็นชั่วโมงเพราะนัดเจอกับไอ้มดแดงหัวหน้าวินฯ" นากบอก เอมิกาผงะ "แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น"
"พี่นาก..ฉันไม่รู้จักคนชื่อมดแดงจริงๆ ฉันว่าคนที่รู้จักคือบรรจงต่างหาก และมันก็น่าสงสัยมากด้วยว่าทำไมบรรจงต้องบอกว่าเป็นฉัน และที่ฉันโดนเล่นงานหนักขนาดนี้ อาจเป็นฝีมือบรรจงด้วยก็ได้" เอมิกาบอก นากตกใจ "ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้โดนรังแกฝ่ายเดียวอีกแล้ว ฉันต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น เพื่อที่ฉันจะได้พ้นมลทิน"
"ถ้าอย่างนั้น พี่จะขอช่วยน้องชะเอมด้วยอีกคน"
เอมิกาพยักหน้าด้วยสีหน้าเอาจริง

วเรศนอนไม่หลับเพราะคิดหนักเรื่องเอมิกา เขาคิดถึงตอนที่เห็นเอมิกากินข้าวกับอุทยาน คิดถึงตอนที่ช่วยเอมิกาจากคนร้าย ตอนที่เขากอดเอมิกา ตอนที่เขาทำแผลให้เอมิกา ตอนที่เขาให้เอมิกาขี่หลัง
ทันใดนั้น เสียงแม่ของวเรศก็ดังขึ้นในหัว
"แม่อยากให้ลูกจำไว้เสมอว่าครอบครัวเราเป็นใคร? และลูกเป็นใคร? ถึงแม่จะไม่บังคับลูกเรื่องการเลือกคู่ชีวิต แต่ลูกต้องเลือกให้เหมาะสม"
แล้วเสียงที่เขาคุยกับหมูก็ดังขึ้น
"ตั้ม..คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน เค้าอาจจะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แล้วคนอย่างชะเอม ฉันว่ามันก็ไม่แปลก ถ้าเค้าจะเลือกทางนั้น"
วเรศแย้ง "แต่มันไม่ถูกต้อง แกก็รู้"
"แล้วแกจะทำยังไง? ชีวิตใคร ชีวิตมัน เราไปบงการชีวิตใครไม่ได้หรอก"
วเรศคิดหนัก สีหน้าของเขาทั้งสับสน ลังเล และกลุ้มใจว่าควรจะทำยังไงดี

เช้าวันรุ่งขึ้น บรรจงทำท่าทางลับๆล่อๆ และกำลังจะเดินออกไปจากบ้าน จู่ๆ จุ่นก็กระโดดมาขวางทาง บรรจงตกใจมาก
"น้องจงจ๋า!!!!”
"ว๊าย! พี่จุ่น ตกใจหมด"
"น้องจงจะไปไหนจ๊ะ"
"ฉัน..เออ..ฉันจะไปซื้อของ"
"พี่ไปด้วย"
"ไม่ได้!”
"น้องจงจำไม่ได้เหรอว่าคุณตั้มสั่งไม่ให้เราไปไหนมาไหนคนเดียว มันอันตราย"
"ฉันไม่โดนอะไรหรอก"
"ทำไม?”
บรรจงอึกอักแล้วก็ทำโวย "พี่นี่ถามมากจริง มันยังกลางวันแสกๆ ไม่มีใครกล้าทำอะไรหรอก แล้วอีกอย่าง ถ้าพี่ไปกับฉัน แล้วใครจะช่วยป้าพิศทำงาน มีหวังแกบ่นจนฉันหูชา ฉันขี้เกียจฟัง ฉันไปล่ะ"
บรรจงรีบรวบรัดตัดความแล้วก็เดินออกไป จุ่นเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่เข้าใจแล้วเขาก็เดินไป เอมิกากับนากโผล่หน้าออกมามองตามบรรจง แล้วทั้งสองก็หันมามองหน้ากัน

บรรจงเดินมาตามทาง เอมิกาใส่หมวก ใส่แว่นดำ แต่งตัวเป็นผู้ชายกับนากที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงใส่ที่คาดผมที่มีผมหยิกๆ ติดและสวมกระโปรงยาว ทั้งสองแอบตามบรรจงมาห่างๆ บรรจงหยุดเดิน เอมิกากับนากก็หยุดเดินด้วย
ไม่นานก็มีวินมอเตอร์ไซด์แล่นมา บรรจงรีบเรียกมอเตอร์ไซด์ให้จอด บรรจงขึ้นไปซ้อนท้าย เอมิกากับนากออกมาจากที่ซ่อน
"นังจงนั่งมอไซด์ไปแล้ว เอาไงต่อน้องชะเอม..”
พูดจบก็มีวินมอเตอร์ไซด์อีกคันแล่นมา เอมิการีบเรียก
"ซ้อนสามได้มั๊ยเพ่" เอมิกาถาม
"ได้เลยน้อง"
นากขึ้นไปก่อน แต่ดันนั่งหลังติดกับหลังคนขับ
"ทำไมนั่งงั้นล่ะพี่นาก" เอมิกาถาม
นากกระซิบ "เดี๋ยวนมติดหลังมันอ่ะ พี่เสียสาวพอดี"
เอมิกาอยากจะบ้าตาย แต่ก็ต้องนั่งประจันหน้ากับนากและนั่งกอดกัน นากทำสีหน้ามีความสุขสุดๆ แต่เอมิกาขนลุกไปทั้งตัว
"ตามมอไซด์คันหน้าไปเลยเพ่" เอมิกาบอก
รถมอเตอร์ไซต์แล่นออกไป

บรรจงลงจากมอเตอร์ไซด์แล้วจ่ายเงิน แล้วมอเตอร์ไซด์ก็ขับออกไป บรรจงหันไปมองรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนรู้จักก็โล่งอก เธอรีบเดินเข้าไปในตรอกแคบๆ รถมอเตอร์ไซต์ที่เอมิกากับนากนั่งแล่นมาถึงแล้วจอด แต่นากยังไม่ปล่อยเอมิกา
"พี่นาก..ปล่อยฉันได้แล้ว"
นากที่กำลังเคลิ้มจำต้องปล่อยเอมิกาด้วยความเสียดาย ทั้งสองคนรีบลงจากรถแล้วก็จ่ายเงิน คนขับขับมอเตอร์ไซด์ออกไป เอมิกากับนากมองหาบรรจง
"นังจงมันหายไปไหน"
เอมิกามองเข้าไปในตรอกแล้วก็ครุ่นคิด

บรรจงเร่งฝีเท้าเดินมาตามทางจนมาถึงหน้าบ่อน เธอเคาะประตูเป็นจังหวะ ไม่นานคนคุมบ่อนก็เปิดประตู บรรจงรีบเดินเข้าไปจังหวะเดียวกับที่เอมิกาและนากเดินมาถึงพอดี
"ไม่มีวี่แววนังจงเลย" นากว่า
เอมิกานิ่วหน้า "ไม่มีทางที่บรรจงจะเดินเร็วขนาดนี้"
เอมิกาหันไปมองรอบๆ เพื่อหาจุดสังเกต แล้วเธอก็เห็นประตูทางเข้าบ่อน เอมิกาหันไปมองหน้านาก
"หรือว่าบรรจจะเข้าไปในบ้านหลังนี้" เอมิกาสงสัย
นากหันไปมองตาม "บ้านใครล่ะนั่น?”
เอมิกากับนากมองด้วยความสงสัย

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 8 (ต่อ)
เอมิกากับนากด้อมๆ มองๆ อยู่ที่หน้าบ่อน ไม่นานทั้งสองก็เห็นคนเดินออกมา เอมิกากับนากก็รีบเข้าไปที่หน้าบ้านทันที เอมิกาเห็นว่าข้างในบ้านเป็นบ่อนก็ตกใจแต่ยังไม่ทันเดินเข้า คนคุมบ่อนก็รีบมาขวางแล้วรีบปิดประตูเพื่อไม่ให้เอมิกากับนากเห็น
“เฮ้ยเดี๋ยวเดี๋ยว!! จะไปไหน” คนคุมบ่อนถาม
เอมิกากับนากมองหน้ากันเหรอหรา
“ก็..เข้า เข้าไปเล่นไงพี่” เอมิกาบอก
คนคุมบ่อนมองเอมิกากับนากด้วยความสงสัย
คนคุมบ่อนถามทันที “เล่นอะไร?”
“ข้างในเค้าเล่นอะไร ก็เล่นแบบนั้นแหละจ๊ะพี่จ๋า”
“ที่นี่ไม่มีเล่นอะไรทั้งนั้น กลับไปได้แล้วไป!!”
เอมิกาฉุกคิดอะไรออกเลยหันไปคุยกับนาก
“อ้าว?? แล้วทำไมพี่มดแดงถึงบอกให้มาที่นี่ล่ะ” เอมิกาขยิบตาให้นาก
“เออนั่นสินะ” นากรับมุก
คนคุมบ่อนชะงัก “พี่มดแดงบอกพวกแกมาเหรอ”
เอมิกากับนากรีบพยักหน้า คนคุมบ่อนเปิดประตู
“งั้นก็เข้ามา”
เอมิกากับนากยิ้มดีใจแล้วก็รีบเดินเข้าไปด้านใน

เอมิกากับนากเดินเข้ามาข้างใน ทั้งสองมีสีหน้าตื่นตาตื่นใจมาก นากเห็นบรรจงกำลังเล่นไพ่อยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง นากรีบสะกิดให้เอมิกาดู เอมิกาหันไปเห็น
“นังจงมันชักจะเอาใหญ่แล้ว นี่ถ้าคุณชื่นรู้ว่ามันเข้าบ่อนล่ะก้อ มันโดนด่าเละ เผลอๆจะโดนไล่ออกด้วยซ้ำ” นากบอกเอมิกา
สักพักมดแดงก็เดินมาหาบรรจง ทั้งสองแสดงท่าทางสนิทสนมกัน เอมิกากับนากหันขวับมามองหน้ากัน
“ชัดเลยว่าบรรจงสนิทกับมดแดงจริงๆ” เอมิกาสรุป
เอมิการีบเอามือถือออกมาแล้วถ่ายรูปบรรจงกับมดแดงเอาไว้เป็นหลักฐาน
“ถ่ายเอาไว้เยอะๆเลยน้องชะเอม” นากบอก
ระหว่างนั้นคนคุมบ่อนอีกคนเดินมาเห็นเอมิกาถ่ายรูปก็ตกใจมาก เขารีบเข้ามากระชากแขนเอมิกา
“ทำอะไร!!!”
เอมิกากับนากตกใจ เสียงคนคุมบ่อนดังจนบรรจงกับมดแดงและคนอื่นๆหันไปมอง บรรจงเห็นเอมิกากับนากก็ชะงัก
“สองคนนั้นหน้าคุ้นๆ” บรรจงบอก
เอมิกาทำหน้าเหรอหรา
“ฉันไม่ได้ถ่ายอะไร?!! ฉันกำลังจะโทรศัพท์”
“ถ้างั้นเอาโทรศัพท์มาดู...” คนคุมบ่อนบอก
เอมิกาตื่นเต้นมาก นากก็กลืนน้ำลายดังเอื๊อก เอมิกาเหงื่อแตกทำให้หนวดที่ติดไว้หลุด นากเห็นเช่นนั้นก็ช็อค เอมิกายังไม่รู้ตัว คนคุมบ่อนเห็นก็อึ้ง บรรจงเห็นเอมิกาแบบไร้หนวดก็จำได้ทันที
“นังชะเอมกับพี่นาก!!”
คนคุมบ่อนรีบปล่อยแขนเอมิกาด้วยหน้าตาตื่นตระหนก
“แกเป็นใคร?!! หรือว่าแกจะเป็น..”
คนคุมบ่อนยังพูดไม่จบ ตำรวจก็บุกเข้ามา
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!! ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าหนี!”
ผู้คนในบ่อนแตกฮือทันที หลายคนแหกปากกรี๊ดกร๊าดแล้วรีบโกยแน่บไปคนละทิศคนละทาง มดแดงหนีไปโดยไม่รอบรรจง บรรจงทำหน้าเหรอหราเพราะตกใจ เธอเห็นเงินบนโต๊ะเลยรีบโกยก่อน คนคุมบ่อน 2 คนรีบวิ่งหนีออกไป เอมิกายังอึ้ง นากจับแขนเอมิกาแล้วบอก
“หนีเร็วน้องชะเอม”
เอมิกากับนากวิ่งหนี บรรจงโกยเงินเสร็จแล้วกำลังจะหนีแต่เจอตำรวจจับแขนไว้ บรรจงหันขวับมาด้วยสีหน้าเสียสุดๆ

เอมิกากับนากวิ่งออกมาด้วยกัน ทั้งสองหอบแฮ่ก
“น้องชะเอม..หยุดได้แล้ว”
เอมิกากับนากหยุดยืนหอบ เอมิกาดึงหนวดออก นากก็ถอดที่คาดผมออก แล้วเอมิกาก็นึกขึ้นได้
“แล้วบรรจงล่ะพี่นาก!!”
นากนิ่งไปพร้อมกับคิดว่าจริงด้วย

ชื่นฤทัยรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“ค่ะค่ะ..ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ขอบคุณนะคะ”
ชื่นฤทัยวางสายแล้วหันมาทางพีรพล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคุณ?” พีรพลถาม
“บรรจงถูกจับในบ่อน! ฉันต้องไปประกันตัว”
พีรพลอึ้งไป

เวลาผ่านไป ชื่นฤทัยนั่งลงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ พีรพลนั่งข้างๆ ส่วนบรรจงนั่งก้มหน้างุดอยู่ที่พื้น เอมิกา นาก จุ่น สมพิศแอบฟังอยู่ด้วยความอยากรู้ ชื่นฤทัยเริ่มต้นด่าบรรจง
“ตั้งแต่ฉันเกิดมาในบ้านหลังนี้ ไม่เคยมีใครในบ้านมีประวัติเสียหายมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องขึ้นโรงพักไปประกันตัว ขายหน้าเค้าจริงๆ”
บรรจงหน้าเสียสุดๆ เธอรีบยกมือไหว้
“จงขอโทษค่ะคุณชื่น จงไม่ได้ตั้งใจจะเล่นจริงจังเลยนะคะ แค่จะเล่นขำๆแก้เครียด”
“แล้วขำออกมั๊ยล่ะ” ชื่นฤทัยสวน บรรจงเงียบ “แค่คิดว่าจะเล่นการพนันมันก็ผิดแล้ว เธอทำให้ฉันหมดความไว้ใจในตัวเธอ ลองเล่นได้ครั้งนึง มันก็ต้องติดใจอยากเล่นอีก แบบนี้ไงเค้าถึงเรียกว่าผีพนันเข้าสิง เพราะว่ามันจะหยุดไม่ได้”
“แต่จงหยุดได้นะคะ จงให้สัญญาว่าจงจะไม่เล่นการพนันอีก”
“ฉันไม่เชื่อ เก็บข้าวของของเธอ แล้วออกไปจากบ้านฉันซะ”
พีรพลตกใจ
เอมิกา นาก สมพิศ และจุ่นก็ตกใจ ทั้งหมดมองหน้ากัน
บรรจงเหวอ “คุณชื่นไล่จงออกเหรอคะ?”
“คุณชื่น..ผมว่าให้โอกาสบรรจงเค้าอีกครั้งเถอะนะ” พีรพลบอก บรรจงรีบพยักหน้าเห็นด้วย “อย่าไล่ออกเลย”
บรรจงบีบน้ำตา “ถ้าคุณชื่นไล่จงออก จงก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้จะไปทำงานอะไร จงรักคุณชื่น รักทุกคนที่นี่”

ชื่นฤทัยใจอ่อน “หยุดร้องไห้ได้แล้ว! ฉันไม่ไล่ออกก็ได้ แต่ต่อไปนี้เธอห้ามเข้ามาในบ้านหลังนี้อีก” บรรจงชะงัก “เธอต้องอยู่แต่เฉพาะในครัวกับเรือนคนใช้เท่านั้น ฉันต้องกันไว้ก่อน เพราะเกิดวันนึงเธออาจจะหน้ามืดตามัวขโมยของในบ้านฉันไปขายเพื่อเอาเงินไปเล่นการพนัน”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณชื่น” บรรจงบอก
บรรจงโล่งอกแต่กำมือแน่นด้วยความโมโห

บรรจงโวยใส่เอมิกา นาก สมพิศกับจุ่นนั่งอยู่ด้วย
“เพราะแกคนเดียวนังชะเอม! แกพาตำรวจมาจับฉัน!”
เอมิกาเถียงกลับ “ฉันไม่ได้พาตำรวจไปจับเธอนะ”
“ฉันเป็นพยานได้ว่าน้องชะเอมไม่ได้ทำ!” นากบอก
“พี่ไม่ต้องช่วยมันเลย ฉันเห็นพี่กับมันในบ่อน แล้วหลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็มา”
จุ่นโมโหแทน “นี่น้องชะเอมกะเล่นงานกันให้ถึงตายเลยเหรอไง! น้องชะเอมใจร้าย”
“ฉันเปล่านะพี่จุ่น”
“ถ้าแกเปล่าพาตำรวจมา แล้วแกไปที่นั่นทำไม” บรรจงถาม
“ที่ฉันกับพี่นากตามเธอไป” เอมิกาเล่า บรรจงชะงัก “เพราะฉันต้องการพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าคนที่สนิทกับมดแดงคือเธอ ไม่ใช่ฉัน แล้วฉันก็ได้หลักฐานมาแล้วด้วย”
นากมองบรรจงเย้ยๆ บรรจงใจเสีย เอมิกาเอามือถือออกมากดเปิดรูปบรรจงกับมดแดงที่กำลังหัวเราะ คุย กันแบบถึงเนื้อถึงตัวให้สมพิศ จุ่น และบรรจงดู บรรจงเหวอ จุ่นอึ้ง สมพิศเพ่งมอง
“นี่แกกับไอ้มดแดงจริงๆนี่หว่า” สมพิศหันไปมองบรรจง
จุ่นหันไปมองบรรจงด้วยความเสียใจ บรรจงรีบอธิบาย
“ทุกคนอย่าไปเชื่อนังชะเอมมันนะ มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเห็น”
สมพิศตวาดลั่น “เลิกสตอได้แล้วนังจง!! ปั้นน้ำเป็นตัวเก่งจริงนะเอ็ง! ไอ้คนขี้โกหก!”
สมพิศด่าเสร็จก็เดินออกไป บรรจงหันไปทางจุ่น
“พี่ผิดหวังให้ในตัวน้องจงมาก น้องจง” จุ่นทุบอกตัวเอง “ทำร้ายจิตใจพี่”
จุ่นคว้าขวดน้ำบนโต๊ะขึ้นมาราดหัวตัวเองแล้วร้องลั่น
“โว๊ยยยยย!!”
จุ่นเดินออกไป บรรจงหันไปมองเอมิกากับนากด้วยแววตาเคียดแค้นมาก
“เราไปกันเถอะน้องชะเอม” นากบอก
นากกับเอมิกาเดินออกไป บรรจงกัดกรามแน่นด้วยความโมโห
“นังชะเอม..แกกับฉันอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”

หมูที่กำลังยกดัมเบลทำดัมเบลหล่นทับเท้าตัวเอง หมูร้องจ๊าก
“โอ๊ยยยย!!”
หมูรีบเก็บดัมเบลขึ้นมาแล้วมองหน้าวเรศด้วยความประหลาดใจและงงสุดขีด
“แกพูดให้ฉันฟังชัดๆอีกทีสิ”
“ฉันชอบชะเอม” วเรศบอก
หมูนิ่งไปประมาณสามวินาทีจนวเรศแปลกใจ
“ไอ้หมู..แกได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า”
หมูแตะหน้าผากวเรศ
“ตัวก็ไม่ร้อน...” หมูชูสองนิ้วขึ้นมาแล้วถามวเรศ “นี่กี่นิ้ว”
วเรศปัดมือหมูออก “ฉันไม่ได้ไม่สบาย ฉันมีสติ ฉันถึงพูดออกมา”
หมูกลืนน้ำลายเอื๊อก “ตกลงว่า..แกชอบชะเอมจริงๆ”
วเรศพยักหน้า “ฉันจะบอกให้เค้ารู้”
หมูเป็นห่วง “ตั้ม..แกคิดดีแล้วเหรอ? ชะเอมเป็นคนใช้ และที่สำคัญแกก็บอกเองว่าเค้าเป็นเมียน้อยท่านผู้ว่าฯอุทยาน ถ้าแกบอกรักชะเอม แล้วเกิดชะเอมมีใจให้แกด้วย แกมีปัญหากับท่านผู้ว่าฯแน่ แล้วไหนจะพ่อแม่แกอีก เค้าจะยอมรับได้เหรอ”
“ไอ้ที่แกพูดมา ฉันคิดทางแก้เอาไว้หมดแล้ว เรื่องพ่อกับแม่ฉัน ฉันรู้ว่าท่านคงรับไม่ได้ แต่ฉันก็เชื่อว่าฉันสามารถทำให้ท่านยอมรับได้ ส่วนท่านผู้ว่าฯอุทยาน ฉันจะเปิดอกถามท่านอย่างลูกผู้ชาย”
วเรศมีสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริงจนหมูถึงกับถอนหายใจออกมา
“ในเมื่อแกตัดสินใจแน่วแน่ขนาดนี้ ฉันก็ขอเอาใจช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นก็แล้วกัน”
วเรศยิ้มแต่แววตาของเขาก็ยังเป็นกังวล

อุทยานกำลังคุยโทรศัพท์กับวเรศ
“สวัสดีคุณวเรศ”
วเรศมีท่าทางลำบากใจและตื่นเต้นมาก
“ท่านสะดวกคุยมั๊ยครับ”
“ว่ามาได้เลย”
“เออ...ก่อนที่ผมจะพูด ผมต้องขอโทษท่านเอาไว้ก่อน ถ้าเกิดสิ่งที่ผมพูดออกมา จะทำให้ท่านไม่พอใจ”
อุทยานแปลกใจมาก
“คุณทำให้ผมตื่นเต้นนะเนี่ย”
วเรศสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก็พ่นออกมา
“ท่านมีคนอื่นนอกจากคุณอัมพรใช่มั๊ยครับ” วเรศตัดสินใจถาม
อุทยานหน้าถอดสี เขามองไปรอบๆ พอไม่เห็นอัมพรอยู่แถวนี้ก็รีบหาที่หลบเพื่อคุย
“คุณรู้ได้ยังไง?!”
วเรศชะงักไปนิดนึง
“ผมเคยเห็นท่านกับผู้หญิงคนนั้น” วเรศบอก
อุทยานหน้าตาตื่น
“ความลับไม่มีในโลกจริงๆ แต่ผมกับน้องคนนั้นไม่ได้มีอะไรกันนะคุณวเรศ ผมแค่ช่วยส่งเสียค่าเล่าเรียนน้องเค้าเฉยๆ น้องเค้าก็เป็นเด็กดีน่าสงสาร บ้านยากจน พ่อแม่ก็แก่แล้ว แถมยังต้องเลี้ยงน้องอีกตั้งหลายคน”
วเรศดีใจ
“ท่านไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอครับ”
“ไม่มีจริงๆ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันแล้ว เพราะว่าตอนนี้เค้ามีการมีงานทำ ชีวิตไปได้ดี”
วเรศยิ้มมีความสุข
“ผมเป็นคนรักครอบครัว รักลูกรักเมีย ผมไม่มีทางทำอะไรนอกลู่นอกทางเด็ดขาด แต่คุณก็เข้าใจหัวอกผู้ชายอย่างเราๆใช่มั๊ย ว่าบางครั้งมันก็มีใจอ่อนกันบ้าง เวลาเห็นผู้หญิงอ่อนแอ”
วเรศโล่งสุดๆ เหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ผมเข้าใจครับ เข้าใจดีเลยล่ะครับ”
อุทยานเองก็สบายใจ
“ถ้ายังไงเรื่องนี้ เก็บเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ”
วเรศวางสายด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

เช้าวันถัดมา ชื่นฤทัยหันไปทางวเรศที่มาคุยกับเธอที่บ้าน
“จะยืมตัวชะเอมไปทำความสะอาดบ้านพักชายทะเล?” ชื่นฤทัยถามย้ำ
“ครับ พอดีจะมีแขกของคุณพ่อมาจากต่างประเทศ ผมก็เลยอยากให้คนเข้าไปทำความสะอาดให้ก่อน”
“ได้สิ ถ้ายังไงก็ให้นากไปด้วยก็แล้วกัน จะได้เสร็จเร็วๆ”
วเรศอึ้งและไม่กล้าปฏิเสธ เขาถึงกับเซ็งที่ไม่ได้ไปกับเอมิกาแค่สองคน

ณ บ้านพักริมทะเล วเรศ เอมิกา และนากเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด วเรศลอบมองเอมิกาตลอดเวลา
“น้องชะเอมจะทำข้างนอกหรือข้างในจ๊ะ” นากถาม
“ฉันทำข้างนอกก็ได้พี่นาก”
เอมิกาเดินออกไป วเรศเห็นเป็นโอกาสดีเลยเดินตามเอมิกาไป นากไม่ได้สนใจอะไร

เอมิกาเปิดน้ำก๊อกใส่ถังน้ำแล้วยืนรอ วเรศยืนด้อมๆมองๆอยู่ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง เอมิกาปิดก๊อกน้ำแล้วหิ้วถังน้ำแต่ก็หนัก วเรศรีบเข้ามาช่วยถือทำให้มือของเขาไปจับโดนมือเอมิกา
“ฉันช่วย..”
เอมิการีบดึงมือออกมา วเรศหิ้วถังน้ำไปวางไว้ให้แล้วก็หันมา เอมิกามองวเรศอย่างงงๆ
“คุณตั้มมีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่าคะ”
วเรศอึกอักแล้วกลืนน้ำลาย
“เออ..คือ...ฉัน..”
เอมิการอฟัง ทันใดนั้นเสียงมือถือของเอมิกาก็ดังขึ้น วเรศเซ็ง เอมิกาหยิบขึ้นมาเห็นเป็นชื่อปองเทพก็ชะงัก
“เธอรับโทรศัพท์เถอะ” วเรศบอก
วเรศเดินออกไป เอมิกาเห็นวเรศเข้าไปในบ้านแล้วจึงกดรับสาย
“ฮัลโหล...”

ปองเทพกำลังโวยวายใส่เอมิกา
“ทำไมเอมไม่บอกให้เรารู้ว่าเอมไปทะเลกับคุณตั้ม?!! เอมทำแบบนี้กับเราอีกแล้วนะ”
เอมิการีบยกหูออกห่างเพราะเสียงปองเทพดังมาก
“จะตะโกนทำไม?!! อยากให้คนได้ยินเหรอไง?”
ปองเทพหน้างอ
“เออ..ให้ได้ยินกันทั้งบ้านไปเลย จะได้รู้กันซักทีว่าเรากับเอมเป็นแฟนกัน”
เอมิกาไม่พอใจ
“อย่าพาลนะป่อง เรามาทำงาน แล้วพี่นากก็มากับเราด้วย”
ปองเทพเหวอ
ปองเทพเสียงอ่อน “อ้าว?? พี่นากไปด้วยเหรอ”
“ก็เออสิ เราไม่ไปไหนกับคุณตั้มสองคนหรอก ไม่ต้องห่วง”
ปองเทพยิ้มสบายใจ “เฮ้อ..งั้นก็ค่อยยังชั่ว...เราขอโทษนะที่ใส่อารมณ์มากไปหน่อย”
“ไม่มากไปหน่อยหรอก มันมากๆๆๆๆเลยล่ะ แค่นี้ก่อนนะ เราจะได้รีบทำงานแล้วจะได้รีบกลับ”
“จ๊ะจ๊ะ บ๊ายบาย”
ปองเทพวางสายแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก

วเรศยืนมองเอมิกากับนากที่กำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้านด้วยสีหน้าครุ่นคิด
วเรศคิดในใจ “อีกไม่นานก็คงทำความสะอาดเสร็จแล้ว หลังจากวันนี้ คงยากที่จะหาโอกาสคุยกับชะเอม”
วเรศคิดหนัก “จะทำยังไงดีวะ?”
วเรศคิดแล้วก็หันไปเห็นเรือสปีทโบ๊ทลำหนึ่งจอดอยู่ แล้วเขาก็นึกอะไรออกทันที

วเรศเดินมาหาเอมิกาที่กำลังเช็ดกระจกอยู่ ส่วนนากถูพื้นอยู่ใกล้ๆ
“ชะเอม..” วเรศเรียก เอมิกาหันมา “ฉันจะไปลองเรือสปีทโบ๊ท เธอนั่งไปกับฉันหน่อยสิ”
“ฉันเหรอคะ?”
นากหันมา “ถ้าไงให้นากไปก็ได้นะฮะ”
“ให้ชะเอมไปกับฉันน่ะดีแล้ว นากอยู่ทำความสะอาดเถอะ เพราะนากทำเก่งกว่าชะเอม ชะเอมอยู่ไปก็เหมือนไม่อยู่”
“โฮ..คุณตั้ม ดูถูกกันเกินไปรึเปล่าคะ”
วเรศยิ้มๆ “ฉันล้อเล่น..รีบไปกันเถอะ จะได้รีบกลับ ฉันแค่อยากลองเครื่อง ขับไปไม่ไกลหรอก”
วเรศเดินออกไป ทันทีที่หันหลังเขาก็พ่นลมหายใจออกมา เอมิกาเดินตามวเรศออกไป นากไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

วเรศกำลังขับเรือสปีทโบ๊ทไปเรื่อยๆ เอมิกานั่งด้านหลัง เธอหันไปมองทิวทัศน์รอบๆ แล้วก็รู้สึกสดชื่น เอมิกาลุกขึ้นมายืนกางแขนโต้ลมด้วยสีหน้ามีความสุข วเรศหันไปเห็นเอมิกาที่กำลังหลับตาพริ้มผมสยายดูสวยงาม วเรศมองเอมิกาด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

วเรศจอดเรือที่เกาะแห่งหนึ่งแล้วหันไปทางเอมิกา
“ฉันขอพักที่นี่ซักแป๊บ แล้วเราค่อยกลับนะ”
“ค่ะ”
วเรศกระโดดลงจากเรือแล้วก็หันไปยื่นมือให้เอมิกา เอมิกาจับมือวเรศแล้วกระโดดลงมา แต่วเรศทรงตัวไม่อยู่ ทำให้เขาหงายหลังล้มลงไปในทะเลพร้อมกับดึงเอมิกาจนล้มลง วเรศคร่อมตัวเอมิกาเอาไว้ ทั้งสองคนชะงักไป เอมิการีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษค่ะ ตัวคุณเปียกเลย”
วเรศลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นไร ฉันมีเสื้อเปลี่ยนในเรือ”
วเรศเอื้อมมือมาหยิบเสื้อในกล่องที่อยู่บนเรือมาพาดที่ขอบเรือ แล้วก็ถอดเสื้อตัวเองออกมา เอมิกาเห็นวเรศถอดเสื้อก็หน้าแดงซ่าน เธอรีบหันหลังเดินขึ้นไปบนชายหาดทันที วเรศเปลี่ยนเสื้อเสร็จก็เดินตามเอมิกาขึ้นมา เอมิกาหันไปพูดกับเขา
“ที่นี่สวยจังเลยนะคะ” วเรศยิ้มอย่างเห็นด้วย เอมิกาถามต่อ “มันชื่อว่าเกาะอะไร?”
“เกาะรัก” วเรศตอบ
“เกาะรัก? คุณพูดจริงรึเปล่าเนี่ย”
“จริงสิ เกาะนี้มีตำนานด้วยนะ พ่อฉันเคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าหากคนที่รักกันได้มาเกาะนี้ด้วยกัน เค้าสองคนก็จะรักกันจนวันตาย”
“มีงี้ด้วยเหรอคะ?”
“อื้อ..พ่อกับแม่ของฉัน ท่านก็มาที่นี่ แล้วท่านสองคนก็รักกันมากจริงๆ ถ้าฉันมีคนที่ฉันรัก ฉันก็อยากพาเค้ามาที่นี่เหมือนกัน”
วเรศมองเอมิกาด้วยแววตามีความหมาย เอมิกาชะงักไปเพราะรู้สึกเขินเลยรีบหาเรื่องคุย
“คุณก็ชวนคุณอรมาสิคะ”
วเรศรีบบอก “ฉันไม่ได้รักอร...”
เอมิการู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“ฉันเห็นอรเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง”
เอมิกาทำเป็นหน้าตาย “อ้าวเหรอคะ? ฉันนึกว่าคุณกับคุณอรคบกันแล้วซักอีก เห็นจากที่เชียงใหม่”
วเรศรีบแก้ตัว “ฉันก็แค่ดูแลอรในฐานะน้องสาวไม่ได้คิดอะไรเกินเลย เพราะว่าฉัน..”
วเรศยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เอมิกาก็พูดขึ้นมา
“เราไปเดินเล่นทางด้านโน้นกันเถอะค่ะ”
เอมิการีบเดินออกไป วเรศถอนหายใจที่ไม่ได้พูดออกไปแล้วก็ตามเอมิกาไปติดๆ

วเรศกับเอมิกาเดินเล่นไปด้วยกันตามหาด เอมิกาหันมายิ้มให้วเรศ วเรศยิ้มตอบและคอยลอบมองเอมิกาตลอด แล้ววเรศก็อดใจไม่ไหวต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอมิกาเอาไว้ในทุกอิริยาบถโดยที่เอมิกาไม่รู้ตัว

นากกำลังซักไม้ม๊อบถูพื้นแล้วเธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศมืด นากเงยหน้าเห็นเมฆดำลอยมา เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
“คุณตั้ม...น้องชะเอม..” นากรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
นากรีบเอามือถือออกมาโทรหาเอมิกาแต่ก็ติดต่อไม่ได้ นากมีสีหน้าเป็นห่วงมาก

วเรศกับเอมิกาเดินมาด้วยกันตามทาง เอมิกาเพลิดเพลินกับธรรมชาติรอบข้างมาก วเรศมองเอมิกาแล้วก็ยิ้มอย่างรู้สึกดีที่ได้อยู่ด้วยกันสองคน ทันใดนั้นเอมิกาก็หยุดเดิน วเรศแปลกใจว่าเธอหยุดเดินทำไม
“ชะเอม..”
วเรศเดินมายืนข้างๆเอมิกา พอหันไปมองตามที่เอมิกามองก็ชะงักเพราะตกตะลึงไปกับความสวยงามของวิวทะเล
“วิวสวยมากเลยค่ะ” เอมิกาบอก
เอมิกาหันมายิ้มให้วเรศ วเรศเห็นรอยยิ้มของเอมิกาแล้วก็อดยิ้มตามออกมาด้วยไม่ได้ เอมิกาเหลือบไปเห็นพุ่มดอกไม้บนเกาะก็เดินเข้าไปเด็ดดอกไม้ไม่หยุด วเรศมองเอมิกาแล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“ชะเอม..”
เอมิกาหันมาทำให้ดอกไม้ที่ถืออยู่โดนหน้าวเรศ วเรศจามเสียงดังลั่น
“ฮัดเช้ย!!”
เอมิกาหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตาและท่าทางของวเรศ
“หัวเราะฉันเหรอชะเอม?!”
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
วเรศหันไปเด็ดดอกไม้ แล้วจี้ไปที่คอเอมิกา แต่เอมิกาไม่จั๊กจี้ วเรศหน้าแตก
“ไม่จักจี้เหรอ?” วเรศถาม
“ไม่ค่ะ”
เอมิกาทำหน้าเจ้าเล่ห์ วเรศค่อยๆถอยกรูด
“อย่านะชะเอม”
เอมิกาจั๊กจี้วเรศ วเรศขำก๊ากแล้วก็วิ่งหนี เอมิกาวิ่งไล่ตามไปติดๆ ทั้งสองวิ่งไล่กันไปแล้วก็เหนื่อยด้วยกันทั้งคู่
“หยุดก่อน ฉันไม่ไหวแล้ว” วเรศหอบ
เอมิกาก็หอบ “ฉันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
เอมิกาทิ้งตัวนั่งลงแล้วก็ล้มนอนแผ่ไปบนพื้น วเรศมองเอมิกาแล้วก็ล้มตัวลงไปนอนข้างๆ วเรศหันไปมองเอมิกาก็เห็นเอมิกานอนหลับตา วเรศค่อยๆขยับมือเพื่อจะจับมือเอมิกา วเรศรู้สึกตื่นเต้น
ทันใดนั้นฝนก็ลงเม็ด เอมิกาลืมตา วเรศหันไปมอง ไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก วเรศกับเอมิกาตกใจมาก วเรศกับเอมิกาลุกขึ้นยืน
“รีบหลบฝนก่อน” วเรศบอก
วเรศคว้ามือเอมิกามาจับ เอมิกาชะงัก วเรศรีบพาเอมิกาวิ่งหาที่หลบฝน เอมิกามองมือวเรศที่กระชับมือตัวเองอยู่ก็รู้สึกอบอุ่นมาก

นากยืนดูทีวีเห็นข่าวรายงานว่ามีพายุเข้า
“ขณะนี้ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคตะวันตก ลักษณะนี้จะทำให้เกิดฝนตกชุกหนาแน่น ลมกรรโชกแรง ชาวประมงงดออกเดินเรือทางทะเล และขอให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก.....”
นากหน้าเสีย เธอหันไปมองสายฝนตรงริมหน้าต่างด้วยสีหน้าวิตกกังวลมาก
“ป่านนี้ชะเอมกับคุณตั้มก็ยังไม่กลับมา...”

วเรศจับมือเอมิกาวิ่งเข้ามาหาที่หลบฝน ขณะที่ฟ้าร้องครืนครานอย่างน่ากลัว ทันใดนั้นกิ่งไม้ก็หักลงมา วเรศเห็นก็ตกใจ เขารีบดึงเอมิกามากอดแน่น กิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นเฉียดผ่านตัวเอมิกาไปนิดเดียว วเรศกับเอมิกาโล่งอกสุดๆ วเรศดึงเอมิกามามองด้วยความเป็นห่วง
“โดนอะไรรึเปล่าชะเอม” วเรศถาม
“ไม่ค่ะ”
“ฝนหนักขนาดนี้ เรายังเอาเรือออกไม่ได้ คงต้องหาที่หลบจนกว่าฝนจะซาก่อน”
เอมิกาพยักหน้า ใบหน้าของเธอซีดและดูหวาดกลัว วเรศกระชับมือเอมิกาแน่น
“มีฉันอยู่ด้วย เธอไม่ต้องกลัว”
เอมิกาพยักหน้า ทั้งสองสอดนิ้วเพื่อประสานมือกันแล้ววเรศก็พาเอมิกาเดินไปตามทาง ก่อนจะเห็นที่หลบฝนใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีใบไม้ใหญ่ยื่นออกมา
“ไปหลบฝนตรงนั้นก่อนเถอะ” วเรศชวน
วเรศพาเอมิกามานั่งหลบฝนด้วยกัน

ชื่นฤทัยลุกขึ้นยืนพรวดด้วยความตกใจ ทำให้พีรพลกับอรวิลาสแปลกใจไปด้วย
“ว่าไงนะ!! หลานตั้มกับชะเอมออกเรือไปด้วยกันจนป่านนี้ยังไม่กลับมา!! โทรติดต่อก็ไม่ได้”
พีรพลกับอรวิลาสตกใจ
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ชื่นฤทัยวางสายจากนากแล้วหันมาพูดกับพีรพลกับอรวิลาส “นากบอกว่าที่โน้นฝนตกแรงมาก จะทำยังไงดีคะ?”
“ผมจะโทรหาพี่ชายผมให้ช่วยบอกตำรวจน้ำออกตามหาหลานตั้มกับชะเอม” พีรพลบอก
ชื่นฤทัยพยักหน้า อรวิลาสกังวลใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น