อ.ก.พ.สธ.สั่งฟันเภสัชกรเพิ่มอีก 2 ราย “กมลาไสย-ฮอด” ไล่ออกตามมติ คกก.วินัยร้ายแรงฯ กรณีซูโดฯ ส่วนอีก 2 รายยังไม่แล้วเสร็จ คาด 1 เดือนรู้ผล ส่วนผิดไม่ร้ายแรง 23 รายแค่ตัดเงินเดือน
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง กล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกระทรวงสาธารณสุข (อ.ก.พ.) ที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการพิจารณาตามมติเบื้องต้นของ คกก.สอบสวนฯ ที่พิจารณาให้ไล่ออกไปแล้ว 4 ราย ว่า การประชุมครั้งนี้มีมติ คือ ให้ไล่ออกข้าราชการเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่ 1.เจ้าพนักงานเภสัชกรรมชำนาญการ รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากพบว่ามีการนำยาออกจากคลังยา และมีการจัดทำใบเบิกต่างๆ ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ในขั้นต้นเจ้าพนักงานรายนี้เคยรับสารภาพ แต่เมื่อถึงขั้นการสอบวินัยร้ายแรง กลับปฏิเสธ แต่จากการสอบสวนถือว่าผิดจริง และ 2.เภสัชกรชำนาญการ รพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นหัวหน้าคุม และสั่งให้ลูกน้องที่คุมสต็อกยาให้นำยาออกไปจากโรงพยาบาล โดยอ้างว่าจะนำกลับคืน ซึ่งในส่วนนี้ลูกน้องที่ทำตามก็จะมีความผิดด้วย แต่ไม่ร้ายแรง โดยลงโทษตัดเงินเดือน
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ยังเหลือการพิจารณากรณีความผิดทางวินัยร้ายแรงอีก 2 ราย คือ ผู้อำนวยการ รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และเภสัชกร รพ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งคาดว่า ภายใน 1-2 เดือนน่าจะทราบผล และจะนำเข้าที่ประชุม อ.ก.พ.อีกครั้ง โดยในโรงพยาบาล 2 แห่งที่ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ใช่เพราะล่าช้า แต่เป็นกระบวนการ เนื่องจาก รพ.ทองแสนขัน ก่อนหน้านี้ พบเพียงเภสัชกรที่มีความผิด แต่ภายหลังพบเพิ่มเติม จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในระดับจังหวัดเพิ่ม ส่วน รพ.นากลาง นั้น เป็นรพ.ที่พบปัญหาช่วงหลังสุด ทุกอย่างจึงเป็นไปตามขั้นตอน
“ในส่วนของการสอบสวนที่ รพ.ทองแสนขัน จะช้าหน่อย เพราะเพิ่งทราบว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ที่สำคัญ ต้องให้สิทธิผู้อำนวยการชี้แจง จึงอาจทำให้ล่าช้าได้ แต่ในส่วนของรพ.นากลางนั้น น่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์” รองปลัด สธ.กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรงจำนวน 23 รายนั้น เป็นการลงโทษตามฐานความผิด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับผู้อำนวยการ โดยแต่ละความผิดจะมีไม่รู้เรื่องเลย เพราะยาไม่เข้าระบบ ตรงนี้ถือว่าไม่ผิด หรือยาเข้าระบบจริง แต่ไม่ทราบ ก็มาจากการควบคุมกำกับไม่ดีพอ ทำให้ยาสูญหาย ตรงนี้ถือว่าผิด แต่ไม่ร้ายแรง มีทั้งรพ.อุดรธานี รพ.กมาไสย รพ.ภูสิงห์ รพ.ฮอด รพ.ภูสิงห์ รพ.นากลาง เป็นต้น โดยทางจังหวัดพิจารณาแล้วถือว่าไม่ร้ายแรง และลงโทษแรงสุดคือ ตัดเงินเดือน รองลงมาคือ ภาคทัณฑ์
“ในส่วนของความผิดฐานละเมิดที่ทำให้ยาสูญหายต้องมีการชดใช้นั้น เบื้องต้นพบยาหายไปจากโรงพยาบาลประมาณ 12 ล้านเม็ด รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ทางสำนักงานปลัดกระทรวงฯ โดยปลัด สธ.ได้มอบหมายให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาความผิดทางละเมิดขึ้น ว่า มีใครเกี่ยวข้อง และใครบ้างต้องชดใช้เท่าไร ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วก็จะส่งเรื่องมาให้ทาง สธ.แต่ที่สำคัญต้องส่งให้ทางกระทรวงการคลังด้วย เพราะเป็นเจ้าของเงิน ส่วนหากใครไม่ชดใช้ก็ต้องฟ้องกันต่อไป” รองปลัด สธ. กล่าว
ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า แม้ในส่วนของการสอบสวนผู้อำนวยการ รพ.ทองแสงขัน จะยังไม่เรียบร้อย เพราะยังต้องมีการสอบเพิ่ม เนื่องจากพบการร่วมลงชื่อในการสั่งยา โดยส่วนตัวแล้วเท่าที่ตนรู้จักและสอบถามเกี่ยวกับผู้อำนวยการ ส่วนใหญ่จะมีแต่คนบอกว่าท่านเป็นคนดี อาจเป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการ แต่คงไม่คิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องนี้คงต้องพิจารณาดีๆ
วันนี้ (27 ก.ย.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง กล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของกระทรวงสาธารณสุข (อ.ก.พ.) ที่มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.เป็นประธานการประชุม ซึ่งได้มีการพิจารณาตามมติเบื้องต้นของ คกก.สอบสวนฯ ที่พิจารณาให้ไล่ออกไปแล้ว 4 ราย ว่า การประชุมครั้งนี้มีมติ คือ ให้ไล่ออกข้าราชการเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่ 1.เจ้าพนักงานเภสัชกรรมชำนาญการ รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากพบว่ามีการนำยาออกจากคลังยา และมีการจัดทำใบเบิกต่างๆ ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ในขั้นต้นเจ้าพนักงานรายนี้เคยรับสารภาพ แต่เมื่อถึงขั้นการสอบวินัยร้ายแรง กลับปฏิเสธ แต่จากการสอบสวนถือว่าผิดจริง และ 2.เภสัชกรชำนาญการ รพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเป็นหัวหน้าคุม และสั่งให้ลูกน้องที่คุมสต็อกยาให้นำยาออกไปจากโรงพยาบาล โดยอ้างว่าจะนำกลับคืน ซึ่งในส่วนนี้ลูกน้องที่ทำตามก็จะมีความผิดด้วย แต่ไม่ร้ายแรง โดยลงโทษตัดเงินเดือน
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ยังเหลือการพิจารณากรณีความผิดทางวินัยร้ายแรงอีก 2 ราย คือ ผู้อำนวยการ รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ และเภสัชกร รพ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ซึ่งคาดว่า ภายใน 1-2 เดือนน่าจะทราบผล และจะนำเข้าที่ประชุม อ.ก.พ.อีกครั้ง โดยในโรงพยาบาล 2 แห่งที่ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ใช่เพราะล่าช้า แต่เป็นกระบวนการ เนื่องจาก รพ.ทองแสนขัน ก่อนหน้านี้ พบเพียงเภสัชกรที่มีความผิด แต่ภายหลังพบเพิ่มเติม จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงในระดับจังหวัดเพิ่ม ส่วน รพ.นากลาง นั้น เป็นรพ.ที่พบปัญหาช่วงหลังสุด ทุกอย่างจึงเป็นไปตามขั้นตอน
“ในส่วนของการสอบสวนที่ รพ.ทองแสนขัน จะช้าหน่อย เพราะเพิ่งทราบว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ที่สำคัญ ต้องให้สิทธิผู้อำนวยการชี้แจง จึงอาจทำให้ล่าช้าได้ แต่ในส่วนของรพ.นากลางนั้น น่าจะแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์” รองปลัด สธ.กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรงจำนวน 23 รายนั้น เป็นการลงโทษตามฐานความผิด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับผู้อำนวยการ โดยแต่ละความผิดจะมีไม่รู้เรื่องเลย เพราะยาไม่เข้าระบบ ตรงนี้ถือว่าไม่ผิด หรือยาเข้าระบบจริง แต่ไม่ทราบ ก็มาจากการควบคุมกำกับไม่ดีพอ ทำให้ยาสูญหาย ตรงนี้ถือว่าผิด แต่ไม่ร้ายแรง มีทั้งรพ.อุดรธานี รพ.กมาไสย รพ.ภูสิงห์ รพ.ฮอด รพ.ภูสิงห์ รพ.นากลาง เป็นต้น โดยทางจังหวัดพิจารณาแล้วถือว่าไม่ร้ายแรง และลงโทษแรงสุดคือ ตัดเงินเดือน รองลงมาคือ ภาคทัณฑ์
“ในส่วนของความผิดฐานละเมิดที่ทำให้ยาสูญหายต้องมีการชดใช้นั้น เบื้องต้นพบยาหายไปจากโรงพยาบาลประมาณ 12 ล้านเม็ด รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ทางสำนักงานปลัดกระทรวงฯ โดยปลัด สธ.ได้มอบหมายให้ทางจังหวัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาความผิดทางละเมิดขึ้น ว่า มีใครเกี่ยวข้อง และใครบ้างต้องชดใช้เท่าไร ซึ่งหลังจากพิจารณาแล้วก็จะส่งเรื่องมาให้ทาง สธ.แต่ที่สำคัญต้องส่งให้ทางกระทรวงการคลังด้วย เพราะเป็นเจ้าของเงิน ส่วนหากใครไม่ชดใช้ก็ต้องฟ้องกันต่อไป” รองปลัด สธ. กล่าว
ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า แม้ในส่วนของการสอบสวนผู้อำนวยการ รพ.ทองแสงขัน จะยังไม่เรียบร้อย เพราะยังต้องมีการสอบเพิ่ม เนื่องจากพบการร่วมลงชื่อในการสั่งยา โดยส่วนตัวแล้วเท่าที่ตนรู้จักและสอบถามเกี่ยวกับผู้อำนวยการ ส่วนใหญ่จะมีแต่คนบอกว่าท่านเป็นคนดี อาจเป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการ แต่คงไม่คิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องนี้คงต้องพิจารณาดีๆ