xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันทอแสง ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตะวันทอแสง ตอนที่ 3

ตรงบริเวณมุมกินข้าวและรับแขกของรีสอร์ตที่ระยอง จุดที่ห้าวถามพิมพรรณด้วยความแปลกใจ

“พิมจะพาเพื่อนผู้ชายมาดูงานที่รีสอร์ตเนี่ยนะ”
พิมพรรณขมวดคิ้วแล้วกินไป คุยกันไป
“ใช่ ทำไมพี่ห้าวต้องตื่นเต้นด้วย”
“ก็..ร้อยวันพันปีไม่เห็นพิมจะพาผู้ชายมาบ้าน .. ใช่คนที่พี่เจอที่โรงเรียนหรือเปล่า”
“ใช่..คนนั้นแหละ ค้าชื่อวาริช”
ห้าวพยักหน้ารับรู้แต่ยังถามด้วยความไม่วางใจ
“แล้วจะพาเค้ามาดูทำไม”
“เค้าอยากจะทำรีสอร์ต ก็เลยอยากดูว่าที่อื่นๆเค้าทำยังไงกัน พิมก็เลยชวนมาดูที่นี่”
“มุกจีบหญิงหรือเปล่า”
พิมพรรณชะงัก แอบเขิน
“บ้าน่ะพี่ห้าว อย่างพิมเนี่ยนะจะมีใครมาจีบ เค้าไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย คุยกับพี่ห้าวแล้วชักจะไปกันใหญ่ พิมกลับไปทำงานดีกว่า พี่ห้าวก็รีบๆอิ่มจะได้ขับรถไปส่งพิมที่โรงเรียน”
พิมพรรณรีบถือจานเดินชิ่งออกมา ห้าวมองตามนิดๆ แอบสังหรณ์ใจบางอย่าง

พิมพรรณเดินมาลับหลังห้าวมาก็แอบอมยิ้มนิดๆ อายๆ นึกถึงคำพูดของห้าวอีกครั้ง
“เค้าอยากจะทำรีสอร์ต ก็เลยอยากดูว่าที่อื่นๆเค้าทำยังไงกัน พิมก็เลยชวนมาดูที่นี่”
“มุกจีบหญิงหรือเปล่า”
พิมพรรณยิ้มอายๆ แล้วก็พยายามสบัดความคิดออกจากหัว
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
พิมพรรณพยายามจะไม่ใส่ใจ แต่ในใจลึกๆ ก็แอบตื่นเต้นไม่น้อย

ภายในบ้านภคพงษ์ รสายืนคุยกับสายใจและปุยนุ่นที่หน้าเรือนหลังใหญ่ รสาตอบสายใจด้วยความลำบากใจ
“รสขอปฎิเสธได้มั้ยคะ”
“ทำไมล่ะคะคุณรสา ทานด้วยกันเถอะค่ะ คุณภัคเธอกำชับป้าไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ให้ทำอาหารกลางวันเผื่อคุณรสาด้วย”
“เมื่อกี้ก็ยังโทร.มาย้ำกับป้าอีกนะคะ บอกว่าให้เชิญคุณรสามาทานให้ได้ คุณภัคกำลังขับรถกลับมาจากบริษัท พอมาถึงแล้วจะได้ทานเลย”
“แต่รสเกรงใจน่ะค่ะ อีกอย่าง...ก็เหมือนกับที่เคยบอกป้าใจน่ะค่ะ ทานข้าวกับคุณหนูป้าทีไร..รสทานไม่ค่อยสะดวกทุกที”
“ใหม่ๆก็แบบนี้ล่ะค่ะ พอทานกันบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน” สายใจบอก
รสายิ้มแห้งๆบอก
“ไม่ไหวมั้งคะป้า..นานๆทีดีกว่าค่ะ”
“พูดแบบนี้แสดงว่า ยอมรับคำเชิญแล้วใช่มั้ยคะ”
สายใจรวบรัด รสางง เลิกคิ้ว
“ก็คุณรสาบอกว่า..นานๆทานที งั้นครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งที่นานๆทีนะคะ”
ปุยนุ่นรีบสนับสนุน
“ใช่ค่ะ ป้าใจพูดถูก นะคะคุณรสาอยู่ทานเป็นเพื่อนคุณภัคเถอะค่ะ เธอไม่ค่อยเอ่ยปากชวนใครนะคะ”
รสาลังเล สายใจย้ำอีกที
“ทานเถอะค่ะคุณ..คิดซะว่าช่วยป้า ป้าจะได้ไม่โดนคุณหนูเอ็ด”
รสาครุ่นคิดด้วยความหนักใจ

ภคพงษ์ถามย้ำด้วยความแปลกใจ
“คุณยอมทานข้าวกับผมเพราะเห็นแก่ป้าใจ”
รสาตอบตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ
“ใช่ค่ะ ดิฉันไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพียงเพราะต้องการทำตามความสบายใจของตัวเอง”
รสานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารกับภคพงษ์ สายใจและปุยนุ่นยืนคอยบริการอยู่ไม่ห่าง ภคพงษ์ปรายๆตามาทางปุยนุ่นที่รีบก้มหน้ากลัวโดนด่า แต่สายใจยืนอมยิ้มนิดๆ ไม่กลัว
“ต้องการจะบอกว่า...ถ้าลำพังผมชวน คุณคงไม่มาทาน”
“ใช่ค่ะ”
ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆในความหาญกล้าที่รสายอมรับความจริง
“คุณไม่ต้องห่วง..แค่ทานข้าวกับผมไม่มีใครคิดไปทางชู้สาว”
รสาสะอึก รีบแก้ตัวทันที
“ดิฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น”
“ไม่ห่วงก็ดี จะได้ไม่มีข้ออ้างในการปฎิเสธครั้งต่อไป”
“ครั้งต่อไป”
“ใช่ ตลอดเวลาที่คุณทำงานที่นี่ ผมจะให้ป้าใจทำอาหารไว้ให้วันละ ๒ มื้อ คือ กลางวันและเย็น ถ้าผมอยู่ก็ทานด้วยกัน ถ้าผมไม่อยู่ก็เชิญคุณตามสบาย”
“ดิฉันยังไม่ได้รับปากนะคะ”
“แต่คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธ”
รสาชะงักกึก พูดไม่ออก ภคพงษ์หันไปสั่งทางสายใจและปุยนุ่นที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ห่าง
“ตักข้าวได้”
สายใจรีบส่งโถข้าวให้ ปุยนุ่นเดินไปทางภคพงษ์ก่อน ภคพงษ์ผายมือไปทางรสาทำนองว่า ให้เสิร์ฟแขก
ก่อน ปุยนุ่นเดินมาตักข้าวให้รสา
“ขอบใจจ้ะ”
ปุยนุ่นยิ้มแล้วก็หันไปตักให้ภคพงษ์ รสาก็รีบกินทันที ภคพงษ์ปรายตามองอย่างรู้ทันแล้วก็คิดในใจ อยากจะแกล้งต่อ

บริเวณหน้าบ้านภคพงษ์ รถของชีวินแล่นเข้ามา เปลี่ยนวิ่งไปเปิดประตูให้ ชีวินจอดรถที่มุมหนึ่งของบ้านแล้วเดินลงมา เปลี่ยนรีบวิ่งมาถาม
“คุณชีวินที่มาออกแบบสวนใช่มั้ยครับ”
ชีวินมองด้วยความแปลกใจนิดๆแล้วรับคำ “ครับ”
“คุณรสาให้ผมพาคุณไปรอที่เรือนหลังเล็ก คุณรสากำลังทานอาหารกลางวันอยู่กับคุณภัคน่ะครับ”
ชีวินชะงักนิดๆแอบหวง
“ผมขอรอที่หน้าบ้านนี่ดีกว่าครับ รสทานอาหารเสร็จจะได้ไปเรือนเล็กพร้อมกัน”
“ครับ จะให้ผมไปเรียนคุณรสาหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมโทร.บอกเอง”
“ครับ ผมชื่อเปลี่ยนนะครับ ผมเดินไปเดินมาแถวนี้แหละครับ ถ้าต้องการอะไรเรียกได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
เปลี่ยนรีบเดินไป
 
ชีวินนิ่งคิด ทั้งแปลกใจและไม่สบายใจที่รสากินข้าวอยู่กับภคพงษ์ ชีวินกดโทรศัพท์หารสาทันที

โทรศัพท์รสาดังขึ้น พอเห็นชื่อชีวินก็ยิ้มนิดๆ ภคพงษ์ปรายตามาเห็นเข้าพอดี ว่าจะไม่สนใจก็เลยสนใจขึ้นมาทันที

รสากลืนอาหารคำสุดท้ายแล้วก็เช็ดปาก ก่อนขอโทษภคพงษ์ที่พยักหน้ารับนิดๆ รสากดรับสาย
“วินมาถึงแล้วเหรอ”
ภคพงษ์ที่แอบฟังอยู่ก็ชะงัก ก่อนจะเชิดหน้านิดๆ ประมาณว่า อ๋อ..คนนั้นนั่นเอง รสาพูดโทรศัพท์อย่างมีความสุข
“จ้ะๆ ทานอิ่มแล้ว กำลังจะลงไป เดี๋ยวเจอกันจ้ะ”
รสาและชีวินต่างวางสาย

รสาเห็นภคพงษ์รวบช้อนก็รีบเอ่ยปากทันที
“ดิฉันอิ่มแล้วค่ะ ขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับอาหาร”
รสาหันมาทางสายใจและปุยนุ่นบอก
“ป้าใจคะ อาหารอร่อยมากค่ะ ขอบคุณนะคะ”
สายใจยิ้มรับแล้วบอก
“ด้วยความยินดีค่ะ”
รสาตั้งท่าจะลุกไป ภคพงษ์ก็พูดขึ้น
“เดี๋ยว... อยู่ทานของหวานก่อน”
“ขอบคุณแต่ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันอิ่มแล้ว”
รสาจะลุกไป แต่ภคพงษ์ไม่ยอม
“ของหวานวันนี้ ป้าใจตั้งใจทำมาก หาทานไม่ได้ง่ายๆ”
“เอ่อ...” รสาอึกอัก
“ใช่มั้ยครับป้าใจ”
“ใช่ค่ะ วันนี้ป้าทำขนมเสน่ห์จันทร์ กับทองเอกค่ะ”
ปุยนุ่นแทรกสาระแนขึ้น
“ป้าใจอบเทียนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน หอมมากเลยนะคะ”
รสาเริ่มลำบากใจ ภคพงษ์หันมาบอกสายใจ
“ปุยนุ่นรีบไปยกมาไป..คุณรสาคงจะอยากทานแล้ว”
รสาหันมามองหน้าภคพงษ์ที่พูดแบบเนียนๆ
“ค่ะ” ปุยนุ่นรับคำแล้วรีบเดินออกไปทันที
“ดิฉันยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะคะ” รสาพูดเบาๆกับภคพงษ์
“ผมเห็นคุณกลืนน้ำลาย ผมก็รู้แล้ว..หรือว่าคุณไม่อยากทานขนมที่ป้าใจตั้งใจเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน”
รสาสะอึกนิดๆ แล้วก็หันมามองหน้าสายใจที่ยืนอยู่ไม่ห่าง รสายิ้มให้สายใจแล้วก็พูดไม่ออก จำยอมนั่งกินต่อ
ภคพงษ์มองด้วยความพอใจ อมยิ้มนิดๆที่มุมปาก สายใจรู้สึกถึงความพิเศษบางอย่างของคนสองคน สายใจมองด้วยแววตาเอ็นดูตามประสาผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตมายาวนาน

ชีวินนั่งรออยู่ที่หน้าบ้านเริ่มแปลกใจที่รสามาช้า หันดูนาฬิกาอีกที รสาก็ยังไม่ออกมา ชีวินจะหยิบโทรศัพท์
มาโทร.ตามก็เกรงใจ

ขนมทองเอกและเสน่ห์จันทร์จานใหญ่วางอยู่กลางโต๊ะ ขนมในจานของรสาเหลืออีก ๒ ชิ้น รสาจิ้มเข้าปากและเคี้ยวอย่างไม่รีรอ ภคพงษ์ปรายตามาเห็นว่าหมดแล้วก็ถาม
“เพิ่มอีกมั้ย”
รสารีบบอก
“ไม่แล้วค่ะ”
“ไม่อร่อยเหรอคะ” สายใจถาม
“เปล่านะคะ อร่อยมากๆเลยค่ะ แต่ว่า..รสมีงานต้องรีบไปทำต่อน่ะค่ะ ก็เลยไม่อยากทานอิ่มมาก”
ภคพงษ์รู้ว่างานของรสาหมายถึงชีวินรออยู่
รสาบอกกับภคพงษ์
“ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
ภคพงษ์พูดแกล้งขึ้นอีก
“ถ้าอร่อยก็เอากลับบ้านไปด้วยสิ”
ภคพงษ์หันมาทางสายใจ
“ป้าใจครับ เดี๋ยวเอาขนมใส่กล่องให้คุณรสากลับบ้านไปให้หมดเลยนะครับ ผมทานแค่นี้พอแล้ว”
“ค่ะ”
“แต่...” รสาจะแย้ง
ภคพงษ์ไม่สนใจหันไปสั่งปุยนุ่นต่อ
“ปุยนุ่น ชงกาแฟมาให้ฉันกับคุณรสาด้วย”
รสาชะงัก หันมาทางภคพงษ์ ปุยนุ่นรีบรับคำ “ค่ะ”
ปุยนุ่นเดินออกไป ส่วนสายใจก็เดินเข้ามาหยิบถาดขนมออกไปใส่กล่อง
รสาพูดกับภคพงษ์
“แต่ดิฉันยังไม่ได้บอกเลยนะคะว่าจะอยู่ดื่มกาแฟกับคุณ”
“ถึงไม่ดื่ม คุณก็ต้องนั่งรอป้าใจเตรียมขนมใส่กล่องให้คุณอยู่ดี ผมสั่งกาแฟมาให้แก้เก้อ จะได้ไม่ต้องนั่งมองหน้ากันเฉยๆ หรือว่า..คุณอยากนั่งมองหน้าผมมากกว่า”
รสาที่กำลังมองหน้าภคพงษ์อยู่รีบเบนสายตาหนี แล้วก็เชิดหน้าขึ้น ภคพงษ์มองกริยาของรสาที่ทั้งหยิ่งและจองหองยิ่งรู้สึกสนุกที่ได้แกล้ง ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ แล้วก็คิดแผนต่อไปได้ ภคพงษ์หยิบโทรศัพท์ออกมา และกดข้อความบางอย่าง รสาปรายตามองนิดๆ คิด...

ภายในบริษัท ลงหลักปักฐาน พิทยายืนอยู่กลางบริษัท มองไปรอบๆแล้วก็หันมาถามคัพเค้ก
“ทำไมวันนี้ออฟฟิศเงียบๆ หายไปไหนกันหมด”
“ออกไปดูงานข้างนอกกันหมดเลยค่ะ”
“แต่ไอ้วินมันไม่มีงานไม่ใช่เหรอ มันหายไปไหน”
“ไปหาพี่รสที่บ้านคุณภคพงษ์ค่ะ เห็นว่าจะไปเตรียมงานออกแบบสวน”
พิทยาหันขวับมา
“ตั้งเดือนหน้ากว่าคุณภัคเค้าจะเริ่มจัดสวน แล้วมันจะรีบไปทำไมของมัน”
“ไปเฝ้าของรักของหวงมั้งคะ” คัพเค้กทำเป็นพูดลอยๆ
พิทยาผงะ
“อย่ามาทำเป็นพูดลอยๆ กรุณาลงรายละเอียดมาสิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว คัพเค้กไม่ยุ่ง ขอโทษจริงๆนะคะ แต่มันเป็นจรรยาบรรณในวงการค่ะ”
คัพเค้กพูดจบก็เดินหน้ามึนกลับไปทำงาน พิทยามองตาม
“แน้ มาทำเป็นมีจรรยาบรรณใส่ ตกลงจะรู้เรื่องมั้ย ขอถาม”
ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความเข้าที่เครื่องพิทยา พิทยารีบหยิบมาดูด้วยความเซ็ง แต่พอเห็นชื่อคนส่งข้อความก็ถึงกับตาโต

“คุณภัคพงษ์ !”

ภคพงษ์วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ และเงยหน้ามองรสาที่ยังนั่งเกร็งๆ เซ็งๆ อยู่ข้างๆ มีแก้วกาแฟวางอยู่คนละใบ

สายใจเดินเข้ามาพร้อมกับถุงขนมที่จัดให้อย่างสวยงาม รสายกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ”
สายใจรับไหว้แล้วบอก
“ขอบคุณคุณหนูเถอะค่ะ ป้าแค่ทำตามคำสั่งค่ะ”
รสาค่อยๆหันมามองภคพงษ์นิดๆ แล้วก็ขอบคุณแบบเสียไม่ได้
“ขอบคุณนะคะ”
ภคพงษ์ยิ้มรับที่มุมปากนิดๆ
“ด้วยความยินดี”
รสาหยิบถุงทำท่าจะเดินไป
“ดิฉันขอตัวนะคะ”
ภคพงษ์เรียกไว้
“เดี๋ยว !”
รสาชชักจะรำคาญ
“อะไรอีกคะคุณ ทั้งอาหาร ของหวาน กาแฟ ดิฉันก็ทานจนครบแล้ว คุณยังต้องการให้ดิฉันทานอะไรอีก”
“หมดเวลาอาหารแล้ว แต่คุณต้องออกไปทำธุระข้างนอกกับผม”
รสาเลิกคิ้ว แล้วก็ลุกตาม
“ทำธุระข้างนอก”
สายใจแอบมองหน้าภคพงษ์อย่างรู้ใจและรู้ความคิด
“ธุระอะไรไม่ทราบ ดิฉันเป็นมัณฑนากรนะคะ ไม่ใช่เลขา”
“ก็เพราะคุณเป็นมัณฑนากร คุณถึงต้องไปกับผม...เพราะผมจะออกไปดูเฟอร์นิเจอร์ที่จะใช้ในการตกแต่งเรือนหลังเล็ก”
รสางง
“ไปดูเฟอร์นิเจอร์”
“ใช่ และผมก็แจ้งให้คุณพิทยาทราบแล้วว่า วันนี้คุณจะออกไปดูเฟอร์นิเจอร์กับผม”
“คุณ..บอกพี่พิท บอกตอนไหนคะ”
“เดี๋ยวเค้าคงจะโทร.หาคุณเอง”
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือรสาก็ดังขึ้น รสาก้มลงมองหน้าจอขึ้นชื่อ พี่พิทตี้ รสาถึงกับชะงักด้วยความงง
“ผมจะออกไปรอที่หน้าบ้าน คุยเรียบร้อยแล้ว รีบตามไป จะได้ไม่เสียเวลา”
ภคพงษ์สั่งงานเสร็จก็เดินออกไปอย่างชิลๆ สายใจเดินตามออกไป ปุยนุ่นยังยืนอยู่ด้วยความอยากรู้ว่าใคร
โทร.มา สายใจหันมาลากปุยนุ่นไปด้วยความเอือมระอา
รสายืนอึ้งๆ งงๆ เหวอๆ เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ รสาหยิบมารับด้วยความเซ็ง
“สวัสดีค่ะพี่พิท”


ชีวินรับโทรศัพท์ด้วยความงงอย่างแรง
“รสจะออกไปดูของแต่งบ้านกับคุณภคพงษ์”
พิทยาคุยโทรศัพท์พลางเดินไปมา
“ใช่...”
ชีวินตั้งข้อสังเกตด้วยความไม่วางใจ
“แต่..บ้านยังซ่อมไม่เสร็จ ทำไมรีบไปดูเฟอร์นิเจอร์ มันข้ามขั้นตอนไปหรือเปล่าครับ”
พิทยาเดินมาถึงห้องทำงานถึงกับท้าวสะเอวโวย
“แล้วที่แกแจ๋นไปดูสวน ทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้สั่ง มันข้ามทั้งขั้นตอน ทั้งข้ามหัวฉันเนี่ย แคร์บ้างมั้ยหะ”
ชีวินหน้าเสียตอบเสียงจ๋อยๆ
“ขอโทษครับพี่..ผมก็แค่รักงาน อยากทำงาน เลยกระตือรือร้นมากไปหน่อย”
ชีวินให้เหตุผลน่าหมั่นไส้มาก ถึงมากที่สุด พิทยาด่าอย่างรู้ทัน
“นี่แกไม่ต้องมาทำเป็นพูดเอาความดีใส่ตัว อยากทำนักใช่มั้ยงานน่ะ ได้..พรุ่งนี้แกต้องส่งแบบสวนบ้านคุณภคพงษ์ให้ฉันดู ฉันมาออฟฟิศเก้าโมงเช้าต้องมีแบบวางอยู่บนโต๊ะ ถ้าไม่มีแกโดนตัดเงินเดือนแน่”
ชีวินเหวอไปทันที
“ส่งแบบพรุ่งนี้เช้า คืนเดียวเนี่ยนะ ใครจะไปทำทัน”
พิทยายิ้มเยาะ
“ก็ไม่มีไง แกจะได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ อยากทำงานนักไม่ใช่เหรอ ทำสิ จะมาโวยวายหาสวรรค์วิมานอะไร แค่นี้นะ”
พิทยาวางสายไปด้วยความสะใจ ชีวินวางสายไปด้วยความกลุ้มใจ

ด้านหลังชีวินเห็นรถของภคพงษ์ขับออกไป โดยมีรสาที่นั่งหน้าเซ็งๆอยู่ข้างๆ รสาหันมาเห็นชีวินพอดี รสารีบยกมือโบกให้แล้วก็ชูโทรศัพท์ให้ เหมือนกับจะบอกว่า “เดี๋ยวโทร.หา” ภคพงษ์ปลายตามามองอย่างแอบมันเขี้ยว ภคพงษ์เร่งเครื่องออกไปอย่างเร็ว
รสาหลังกระแทกเบาะตามแรงเร่งของรถ รสาแอบปรายตามามองภคพงษ์ด้วยความไม่พอใจ ภคพงษ์หน้านิ่งๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ชีวินมองตามตาละห้อย แล้วก็หันไปหยิบกระเป๋างานออกมาจากรถ..มองไปที่สวนหน้าบ้านที่ต้องทำใหม่ด้วย
ความละเหี่ยใจ
“เฮ่อ”

รถของภคพงษ์แล่นอยู่อย่างเร็วมุ่งตรงไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย ภายในรถ รสามองไปรอบๆ แล้วเริ่มไหวตัว
“คุณภคพงษ์...คุณบอกว่าจะไปดูเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมถึงมาทางนี้ นี่มันจะออกนอกเมืองแล้วนะคะ”
“ผมอยากซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านนอกเมือง”
รสาสะดุดกึก มองหน้า
“ร้านนอกเมือง ร้านไหนของคุณคะ”
“ยังไม่รู้”
“อ้าว... ยังไม่รู้ แล้วคุณลากฉันมาทำไมคะ”
“มาช่วยผมหา”
ภคพงษ์เร่งเครื่องไปอย่างแรง .. รสาได้แต่งงค้างอยู่อย่างนั้น

ชีวินกำลังสาละวนอยู่กับการวัดและถ่ายรูปสวน ทำงานไปก็มองโทรศัพท์มือถือไป มองหน้าประตูไป รอรสากลับมาอย่างน่าสงสาร

ป้ายชื่อราชบุรีบริเวณใกล้ๆ กับร้านขายโอ่ง รถภคพงษ์แล่นอยู่ รสามองซ้ายมองขวาแล้วก็หันมาโวย

“ถ้าคุณยังขับรถแบบไม่มีจุดมุ่งหมายแบบนี้ ดิฉันขอลงค่ะ”
“ลงตรงนี้”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วโทร.ให้คนอื่นมารับหรือไง”
“อาจจะใช่ หรือไม่ก็เรียกรถกลับเข้ากรุงเทพ ดิฉันไม่เข้าใจทำไมคุณต้องหาเรื่องแกล้งดิฉันแบบนี้”
“ทำไมถึงคิดว่าผมแกล้งคุณ”
“ก็มันไม่มีเหตุผลอื่น คุณคงไม่ชอบหน้าดิฉัน และพยายามทำทุกอย่างให้ดิฉันทนไม่ได้ และไม่ทำงานให้คุณ”
ภคพงษ์ขำนิดๆ)แล้งบอก
“คิดไปเองเป็นเรื่องเป็นราว”
“ถ้าดิฉันไม่ได้คิดไปเอง ช่วยตอบหน่อยสิคะว่าทำไมคุณถึงลากดิฉันมาถึงที่นี่”
รสาอารมณ์เดือดขึ้นเรื่อยๆ
“ผมบอกแล้วว่า..ผมต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์”
“เฟอร์นิเจอร์ อะไรของคุณคะ ต้องมาซื้อถึงที่นี่ ช่วยบอกหน่อยสิคะ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่” รสาเริ่มโกรธ
บริเวณข้างทางเห็นร้านขายโอ่งซึ่งมีโอ่งขนาดใหญ่วางอยู่ ภคพงษ์ยิ้มนิดๆ แล้วก็หันมาตอบหน้าตาเจ้าเล่ห์แอบกวนนิดๆ
“โอ่ง !”
รสาอึ้ง
“ผมต้องการโอ่ง !”
รสาขมวดคิ้วถาม
“คุณต้องการโอ่ง”
ภคพงษ์ยิ้มกวนๆ แล้วก็มองไปข้างหน้ายักคิ้วให้ดูรสาดูข้างหน้า รสามองตามเห็นโอ่งใบโตวางอยู่ และรถของภคพงษ์ก็หักเลี้ยวเข้าร้านโอ่งไปทันที รสาเซตามแรงเหวี่ยง
“ว้าย”

รถภคพงษ์แล่นเข้ามาจอดที่หน้าร้านโอ่งอย่างรวดเร็ว
ภคพงษ์ก้าวลงจากรถแล้วอมยิ้ม รสาเดินตามลงมาหน้างงๆ
“คุณภคพงษ์ คุณจะซื้อโอ่งจริงๆเหรอคะ”
“ใช่”
“แล้ว..คุณจะเอาไปไว้ตรงไหนของบ้านคะ”
“ยังไม่รู้”
รสาชะงักเท้าหยุดยืนอึ้งไป ภคพงษ์เดินนำเข้าร้าน พนักงานเดินเข้ามาหารสา
“ต้องการอะไรสอบถามได้นะคะ”
รสาหันมา..หน้ายังเหวอและอึ้งอยู่
“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ คือ...คนซื้ออยู่ทางโน้นค่ะ”
รสาพยักเพยิดไปทางภคพงษ์ด้วยความเซ็ง

บรรดาโอ่งสารพัดชนิดวางเรียงรายอยู่ในสนามบ้าง ตามทางเดินบ้าง ภคพงษ์เดินดูไปเรื่อยเปื่อย ท่าทางไม่ยินดียินร้าย มีพนักงานคอยพูดเสนอขายสินค้า
“ที่ร้านเรามีมากกว่าโอ่งนะคะ งานเซรามิค พวกอ่าง กระถางต้นไม้ หรือแจกันก็มีนะคะ ทางด้านโน้นจะเป็นที่แสดงขั้นตอนการปั้นโอ่ง และเครื่องเซรามิคค่ะ เราเปิดให้เข้าชมฟรีนะคะ จะลองไปดูมั้ยคะ”
รสาเดินตาม พอได้ยินก็พูดแทรกขึ้น
“ไม่เป็นไร”
รสายังพูดไม่จบ ภคพงษ์ก็แทรกขึ้นมาอีกที
“ดูครับ”
รสาชะงักหยุดพูดแล้วก็หันขวับมาทางภคพงษ์ที่ตอบด้วยสีหน้านิ่ง
“ผมอยากทราบเหมือนกันว่าเค้าทำกันยังไง”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานพูดแล้วก็เดินนำไป
ภคพงษ์เดินตาม รสายืนนิ่งอยู่กับที่ ความเซ็งเพิ่มทวีคูณ ภคพงษ์หันมา และผายมืออย่างสุภาพ
“เชิญครับ...”
รสามองหน้าภคพงษ์ ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจว่า นี่อยากดูจริงๆ หรือว่าอยากแกล้ง แต่ก็จำต้องส่ายหน้า
นิดๆด้วยความเซ็ง แต่ก็เดินตามพนักงานไปอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ลับหลังรสา ภคพงษ์แอบอมยิ้มนิดๆ ที่เอาชนะได้ และสนุกที่อยากจะชนะอีก ต่อไปเรื่อยๆ

ภายในห้องผลิตเครื่องเซรามิคและโอ่ง พนักงานกำลังทำงานอย่างชำนาญ พนักงานเดินนำเข้ามา ภคพงษ์และรสาเดินตามมา ภคพงษ์ทำหน้าเหมือนสนใจมากๆ รสามองไปคิดไปเดินตามไปด้วยความสงสัยอย่างมาก
“ขั้นตอนการทำโอ่งของเราเริ่มต้นจากการเตรียมดินค่ะ ดินที่เราใช้ทำโอ่งเราจะวางไว้ทางด้านโน้น เราต้องเตรียมดินให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะนำมาปั้น แล้วค่อยๆแยกมาเป็นก้อนๆ เพื่อขึ้นรูปทางด้านนี้”
พนักงานเดินนำไป ภคพงษ์เดินตามท่าทางสนใจมากๆ รสามองแล้วก็งง
“สนใจการทำโอ่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
ภคพงษ์ปรายตามามองรสาแล้วก็อมยิ้มที่เห็นรสากระฟัดกระเฟียดด้วยความอึดอัด
พนักงานนำชมการทำโอ่ง ภคพงษ์ฟังอย่างตั้งใจ แต่แอบยิ้มที่เห็นรสาไม่พอใจ รสาดูนาฬิกาเป็นระยะๆ ภคพงษ์หันมาเห็นก็สะใจนิดๆ

ชีวินวางของลงที่โต๊ะสนาม ปาดเหงื่อ แล้วก็ดูนาฬิกา
“ทำไมรสยังไม่กลับมาอีกนะ...ไปซื้ออะไรกันนานจัง”
ปุยนุ่นเดินมาพร้อมกับถาดเครื่องดื่ม
“คุณชีวินคะ ป้าใจให้เอาน้ำมาให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ ผมฝากขอบคุณคุณป้าด้วยนะครับ”
ปุยนุ่นตั้งท่าจะเทให้
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ชีวินรีบบอก
ชีวินรีบหันมาตักน้ำแข็ง เทน้ำเอง ระหว่างทำ ปุยนุ่นก็เปิดปากเม้าท์ตามนิสัย
“คุณชีวินกับคุณรสาขยันจังเลยนะคะ ครั้งที่แล้วที่คุณภัคต่อเติมเรือนหลังใหญ่ คนที่เค้ามารับทำ ไม่เห็นจะตั้งใจแบบนี้เลย บางคนทำแค่วันสองวันก็หายไปแล้ว ต้องเปลี่ยนคนทำตั้งเกือบสิบคนนะคะ กว่าบ้านจะเสร็จ”
“เกือบสิบคน”
“ค่ะ แต่ครั้งนี้ปุยว่าคงไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ คุณภัคดูเหมือนจะชอบคุณรสนะคะ”
ชีวินอึ้งไป ปุยนุ่นรู้สึกตัวว่าพูดผิดก็รีบแก้เอง
“ปุยนุ่นหมายถึง ชอบงานน่ะค่ะ”
ชีวินพยายามจะยิ้มตาม..แต่คำพูดของปุยนุ่นทำให้ชีวินแอบถอนใจหายเล็กน้อย...ชีวินหยิบแก้วน้ำมา
ดื่มด้วยความกังวล แล้วก็ถามค่อยๆแอบด้วยความอยากรู้
“แล้วทำไมปุยนุ่นถึงคิดว่าคุณภัคชอบรส เอ่อ..หมายถึงชอบงานของรสน่ะ”

ชีวินทำเป็นยิ้มๆ ถามด้วยอาการชิลๆ ทั้งที่ในใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ

ตะวันทอแสง ตอนที่ 3 (ต่อ)

เวลายามเย็นๆ รสาเดินตามภคพงษ์ด้วยสีหน้าอึดอัด พนักงานหันมาบอกภคพงษ์

“พอผ่านขั้นตอนทั้งหมด ก็จะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้เห็นอยู่ในโชว์รูมค่ะ .. ไม่ทราบว่า คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชาย สนใจสินค้าตัวไหนบ้างมั้ยคะ “
รสาสะดุ้ง รีบบอก
“ไม่ใช่คุณผู้หญิงหรอกค่ะ เป็นแค่ลูกจ้างของคุณผู้ชายน่ะค่ะ”
ภคพงษ์แอบปรายตามาทางรสานิดๆแอบเคืองที่รสารีบออกตัวว่าไม่ใช่คุณผู้หญิง
“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายสนใจอะไรเป็นพิเศษบ้างคะ ดิฉันจะได้พาไปชมสินค้า”
“แล้วแต่คุณรสา!เพราะเธอเป็นอินทีเรียตกแต่งบ้านให้ผม คุณลองปรึกษาคุณรสาดูนะครับว่าเธอต้องการอะไรบ้าง”
รสาหันขวับมาทางภคพงษ์พร้อมหรี่เสียงเบาๆ แต่หนักๆ
“แต่คุณเป็นคนอยากได้โอ่งนะ ในแบบของฉันไม่มีโอ่งสักหน่อย”
“แต่สินค้าของเราก็มีมากกว่าโอ่งนะคะ” พนักงานรีบบอกทันที
รสาหันมาทางพนักงาน อึ้ง พูดไม่ออก
“เอ่อ...คือ...”
รสาหันหน้ามาทางภคพงษ์ที่ยิ้มกวนอย่างสุภาพ รสาก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงมันแกล้ง หรือมันจริง
“เอาอย่างนี้มั้ยคะ เราเดินดูสินค้าไปรอบๆก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ เชิญค่ะ”
พนักงานผายมือเชิญ รสาอึ้งๆเพราะไม่อยากไป แต่ภคพงษ์ดันผายมืออีกคน แล้วพูดเสียงเบาๆ
“เชิญครับ อย่าเสียมารยาทสิคุณ”
รสาผงะออกห่าง มองหน้าพนักงานด้วยความเกรงใจแล้วก็จำใจต้องเดินไป ภคพงษ์มองตามแล้วก็ยิ้ม สนุกจัง

ฝ่ายชีวินสีหน้าเริ่มไม่สนุก
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ปุยนุ่นเปิดฉากเม้าท์ต่อ
“ขนาดนั้นเลยค่ะ ทั้งคุณพักตร์วิมล ทั้งคุณยูโฮะมาอาละวาด คุณรสาก็รับมือได้หมด แถมคุณภัคก็ยังเข้าข้างคุณรสาอีก ปกติปุยนุ่นยังไม่เคยเห็นคุณภัคเธอเข้าข้างใครเลยนะคะ”
“ทำไม”
“ปกติคุณภัคไม่ค่อยยุ่งกับใคร ใครทะเลาะกันอย่างมากก็เดินหนี ไม่มีใครที่จะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ แต่กับคุณรสาต่างกันมากเลยค่ะ”
ชีวินหน้าเสีย เริ่มเครียด
“อ้อ มีอีกอย่างหนึ่งนะคะ ปกติคุณภัคไม่ค่อยชอบทานอาหารร่วมโต๊ะกับใคร โดยเฉพาะทานที่บ้าน แม้แต่คุณเผด็จนานๆ ถึงจะเชิญสักครั้ง แต่กับคุณรสา ชวนทั้งกลางวัน ทั้งเย็น ถ้าวันไหนไม่อยู่ก็ให้ป้าใจทำไว้ให้ คุณภัคเธอให้เกียรติคุณรสามากๆเลยค่ะ”
ปุยนุ่นพูดด้วยความชื่นชมอย่างจริงใจ คิดว่าชีวินได้ยินแล้วน่าจะรู้สึกดี แต่ชีวินกลับหน้าเสียอย่างแรง เครียดคิดหนัก
“ปุยหล่ะโล่งอกแทนคุณรสาที่คุณภัคเธอปลื้ม เพราะถ้าไม่ปลื้ม แค่วันแรกก็ต้องไปแล้วล่ะค่ะ นี่อยู่มาได้ตั้งหลายวัน .. ปุยนุ่นหล่ะดีจั๊ย..ดีใจ”
ชีวินนิ่งอึ้งพูดไม่ออก หน้าตาเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนปุยนุ่นเริ่มสังเกตเห็นและสงสัย
“คุณชีวินไม่ดีใจเหรอคะที่คุณภัคปลื้มคุณรสา”
ชีวินสะอึก พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้มแห้งๆมองหน้าปุยนุ่น
“ก็....ดี มั้งครับ แหะๆๆ”
ชีวินหันหน้ามาอีกทางแล้วรอยยิ้มก็หายไป เหลือแต่ความหนักใจล้วนๆ

ภายในร้านขายโอ่ง บริเวณอ่างน้ำพุล้น ที่มีน้ำไหลพลั่กๆๆ ออกมา พนักงานพยายามเชียร์ รสายืนมองอยู่ ด้วยความหนักใจ
“อ่างน้ำล้นได้รับความนิยมมากนะคะ มีความหมายทางฮวงจุ้ยที่ดี วางไว้ในสวนก็เพิ่มความสีสัน เรามีหลายแบบให้เลือกนะคะ ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ สนใจสักอันมั้ยคะ”
รสาเหลือบมาทางภคพงษ์ที่ส่ายหน้านิดๆหลังพนักงาน รสาหันมาบอกด้วยความหนักใจ
“ไม่ค่ะขอบคุณ”
พนักงานยังไม่ยอมแพ้เสนอขายอีก
“แล้วอ่างบัวล่ะคะ สนใจมั้ยคะ”
รสาปรายตามาทางภคพงษ์ที่ส่ายหน้าอีก
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
พนักงานยังไม่ยอมหยุด เสนอต่ออีก
“กระถางแบบยุโรป เทอราคอตตา เราก็มีนะคะ”
ภคพงษ์ส่ายหน้า รสายิ้มแห้งๆ ตอบพนักงาน
“ไม่ค่ะ”
พนักงานนำเสนอสินค้าหลายหลากมากมาย แต่ภคพงษ์ก็แอบส่ายหน้า รสาก็ได้แต่ปฎิเสธด้วยความอึดอัดใจ พนักงานเสนอขายทั้งกระเบื้องปูพื้น โต๊ะเก้าอี้เซรามิค อ่างรองน้ำฝนเล็กใหญ่ กระถาง และอีกมากมาย

รสาได้แต่ปฎิเสธจนปวดใจ

นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น รสาเดินจนเหนื่อย พนักงานพูดจนหมดแรง ภคพงษ์มองนาฬิกาแล้วก็พูดขึ้น

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
รสาหันมาทางภคพงษ์ทันที
“เปลี่ยนใจอะไรคะ”
“ผมเห็นด้วยกับคุณ”
“เรื่อง...”
“เรื่องที่คุณไม่ได้ใส่โอ่งไว้ในแบบบ้าน”
“แล้ว...”
“ผมคิดว่า.. คุณควรจะใส่ของพวกนี้ลงไปในแบบก่อน แล้วครั้งต่อไปเราค่อยมาเดินดูกันอีกครั้ง”
รสาตาโตวาว
“เรา...ครั้งต่อไป... เนี่ยนะ”
ภคพงษ์บอกกับพนักงาน
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เสียเวลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“แต่เอ่อ...”
“กลับกันได้แล้ว”
ภคพงษ์เดินนำไป รสาได้แต่ยืนอึ้งเหวอ..
“อะไรกันเนี่ย”
รสาเชิดหน้าด้วยความโกรธแล้วก็เดินดุ่มๆ ตามไป กะโวยเต็มที่

ภคพงษ์เดินมาขึ้นรถด้วยหน้าตาชิลๆรสารีบจ้ำอ้าวเดินตามมา
“คุณภคพงษ์..คุณภคพงษ์”
ภคพงษ์หันมาขานหน้าตาย
“ครับ”
“คุณตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
“ผมตั้งใจจะมาซื้อเฟอร์นิเจอร์”
“ดิฉันไม่เชื่อ”
“แล้วคุณคิดว่าผมตั้งใจจะทำอะไร”
“คุณ..ตั้งใจจะแกล้งฉัน”
“ทำไมผมต้องแกล้งคุณ”
“นั่นคือสิ่งที่คุณต้องตอบดิฉัน”
“ผมไม่มีคำตอบ”
รสาเหวออีกรอบ ภคพงษ์หันหลังแล้วเดินขึ้นรถ
“ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอคะ”
ภคพงษ์เปิดประตูหันมายิ้มชิลแล้วตอบ
ก็..ไม่มีอะไรยาก”
รสามองตามด้วยความขัดเคืองใจ


รสาเสียงดัง!
“คนอะไรก็ไม่รู้กวนประสาทที่สุด”
รสาวางกระเป๋ากระแทกลงบนโต๊ะดัง โครม! พิทยานั่งอยู่ไม่ไกลถึงกับสะดุ้งโหยง ปรายตามามองด้วยแววตาเคืองๆ รสาบ่นต่อ
“เสียเวลาไปครึ่งวัน ไม่ได้ทำอะไรเลย”
ชีวินซึ่งนั่งอยู่ห่างออกไป มองรสาแล้วครุ่นคิด รสาหันมาทางพิทยา
“เพราะพี่พิทตี้นั่นแหละ”
“อ้าว...ฉันเกี่ยวอะไรด้วยหะ”
“ก็พี่พิทไฟเขียวให้เค้า รสก็เลยปฏิเสธไม่ได้ ถ้ารสทำงานไม่เสร็จทันเวลา ใครจะรับผิดชอบ”
“แค่ออกไปเป็นเพื่อนลูกค้าดูเฟอร์นิเจอร์จะโวยวายอะไรนักหนาหะ รสถ้าเธอทำงานไม่ทัน พี่เคลียร์กับคุณภัคเอง ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
“ถ้าพี่พิทตี้เคลียร์ได้ ผมว่าเคลียร์ตอนนี้เลยดีกว่าครับ” ชีวินพูดแทรกขึ้น
พิทยา รสาหันมาทางชีวิน
“เคลียร์อะไรของแก”
“ก็เคลียร์ให้เค้าเลิกจ้างรสไงครับ”
พิทยาสะดุ้ง เสียงห้าวขึ้นมาทันที
“อ้าว เฮ้ย ไอ้วิน ทำไมพูดงี้วะ”
“ก็ผมเห็นว่าตั้งแต่รับงานนี้มามีแต่ปัญหา บางทีนายภคพงษ์กับรสดวงอาจจะไม่สมพงษ์กันก็ได้นะครับ รีบๆแยกกันตอนนี้ ดีกว่าปล่อยให้เลยเถิด”
พิทยาขมวดคิ้ว
“นี่มันชักจะเข้าอารมณ์ส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงานแล้ว ไอ้วินเงียบไปเลย รีบๆก้มหน้าทำงาน อย่ามาชักใบให้เรือเสีย”
ชีวินจำใจต้องเงียบ แต่มองหน้ารสาที่นิ่งเงียบ คิดหนักด้วยความเป็นห่วง
พิทยาหันมาทางรสา
“รส พี่ว่า..คุณภัคเค้าก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องมากนิดหน่อย ตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ อย่าไปถือสา ถ้าเรานิ่งๆ เดี๋ยวเค้าก็เลิกหาเรื่องไปเอง”
ชีวินทนไม่ได้โพล่งขึ้นมาอีก
“แล้วถ้าเค้าไม่เลิกล่ะครับ”
พิทยาหันขวับส่งสายตามองอย่างดุ แล้วชี้นิ้วให้ก้มหน้าทำงานต่อ
 
ชีวินยิ้มจ๋อยๆ พลางมองหน้ารสาแล้วก็จำใจก้มหน้าทำงานต่อ รสาคิดหนัก

เวลากลางคืน หน้าบริษัทลงหลักปักฐาน รสาเดินหน้าเซ็งออกมา รสาคิดถึงคำพูดของพิทยาและชีวินดังแว่บเข้ามา

“รส พี่ว่า..คุณภัคเค้าก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องมากนิดหน่อย ตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ อย่าไปถือสา ถ้าเรานิ่งๆ เดี๋ยวเค้าก็เลิกหาเรื่องไปเอง”
“แล้วถ้าเค้าไม่เลิกล่ะครับ”
รสาครุ่นคิด
“คุณหนูเอาแต่ใจ”
รสาคิดถึงรูปที่เห็น รูปที่ตัดแม่ทิ้ง รสาคิด
“คุณหนูเอาแต่ใจ หรือ เด็กมีปัญหากันแน่”
รสาคิดแล้วก็ตัดสินใจยกโทรศัพท์โทรหาคัพเค้ก
“คัพเค้ก รสเองนะ มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย .. รสอยากรู้ว่าแม่ของนายภคพงษ์เค้าเป็นใคร มาจากไหน และตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ขอข้อมูลแบบเร็วที่สุด”
รสาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือด้วยความอยากรู้

เวลาเดียวกัน ที่เรือนหลังเล็ก แสงไฟสลัว เสียงเปียโนดังเศร้าออกมา ภคพงษ์นั่งเล่นเปียโนอย่างเดียวดาย
ภคพงษ์นึกถึงอดีต .. ภาพอดีตกลับคืนมาอีกครั้ง
เมื่อ 20 ปีก่อน ภคพงษ์ในวัย 7 ขวบกำลังเล่นเปียโนอยู่ มีสายใจยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงแก้วตกดังมาจากห้องทำงานพรต เพล้ง! ตามมาด้วยเสียงเหมือนคนล้มกระทบพื้น
ภคพงษ์หยุดเล่นเปียโน สายใจตกใจ อุทานออกมา
“คุณท่าน...”
ภคพงษ์รีบวิ่งไปทันทีด้วยสัญชาติญาณ ภคพงษ์รีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของพรตอย่างไม่คิดชีวิต
ภคพงษ์เปิดประตูห้องทำงานพรตเข้าไปเห็นพรตล้มลงที่พื้น ตาเบิกโพลง ข้างๆมีรูปรัชนีตกแตกวางอยู่ข้างลำตัว
“คุณพ่อ !”
ภคพงษ์รีบวิ่งมาหาพรตและพยายามเขย่าเรียกไป ร้องไห้ไป
“คุณพ่อครับ คุณพ่อเป็นอะไรครับ คุณพ่อตื่นสิครับ คุณพ่อ !”

บริเวณหน้าเมรุ...ภคพงษ์ใส่ชุดสูทสีดำยืนนิ่ง ข้างๆมีเผด็จ และสายใจยืนอยู่ ทุกคนเศร้า ภคพงษ์มองดูรูปของพรตที่ตั้งอยู่หน้าเมรุ และหันมาถามเผด็จ
“คุณอาครับ....คุณพ่อ...จะไม่กลับมาบ้านแล้วใช่มั้ยครับ...ผมจะไม่ได้เจอคุณพ่ออีกแล้วใช่มั้ยครับ”
เผด็จน้ำตาซึมๆไม่รู้ตอบยังไงได้แต่พยักหน้า และตอบสั้นๆ เบาๆ “ครับ”
สายใจน้ำตาร่วง..พยายามเม้มปากไม่ให้เสียงสะอื้นดังมา แต่น้ำตาไหลไม่หยุด ภคพงษ์มองรูปพรตแล้วก็คิด ตามประสาเด็ก
“แล้วคุณแม่ล่ะครับ...คุณแม่จะกลับมาหาผมหรือเปล่า”

หลังงานศพ รัชนีใส่ชุดสีสดใสเดินเข้ามาในห้องรับแขก ในบ้านหลังเล็ก ภคพงษ์ เผด็จและสายใจนั่งอยู่ข้างๆ ทุกคนยังอยู่ในชุดไว้ทุกข์ สายใจชะงักนิดๆที่เห็นรัชนีใส่ชุดธรรมดาเข้ามา
รัชนีเดินมานั่งที่เก้าอี้และหันมาบอกเผด็จ
“เชิญคุณเผด็จเปิดพินัยกรรมได้เลยค่ะ”
เผด็จพยักหน้ารับด้วยความอึ้งๆ
“ครับ”
รัชนีนั่งรอฟังด้วยความสนใจ ไม่ปลายตามามองภคพงษ์แม้แต่น้อย จิตใจจดจ่ออยู่กับพินัยกรรม
หลังเปิดพินัยกรรม ประตูเรือนหลังเล็กถูกเปิดออกอย่างแรง!!
รัชนีเดินออกมาด้วยหน้าตาหงุดหงิดและผิดหวังอย่างมาก ภคพงษ์วิ่งตามมาไม่ห่างพร้อมตะโกนเรียก
“คุณแม่ครับ...คุณแม่”
สายใจและเผด็จรีบเดินตามภคพงษ์มา ทั้งสามคนเดินตามรัชนีมาจนถึงหน้าบ้าน
“คุณผู้หญิงคะ..คุณผู้หญิงจะไปจริงๆเหรอคะ” สายใจถาม
“ในเมื่อคุณพรตยกสมบัติทุกอย่างให้ลูกชายของเค้า ทั้งเงิน หุ้นบริษัท บ้าน ที่ดิน แม้แต่เครื่องเพชร ไม่มีอะไรเป็นของฉันสักอย่าง คุณพรตทำกับฉันขนาดนี้ ฉันจะอยู่ทำไม !”
ภคพงษ์ได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองไม่ใช่ลูกของรัชนี
“แต่ถ้าคุณอยู่ดูแลคุณภัค คุณพรตก็ให้เงินคุณทุกเดือนนะครับ” เผด็จว่า
“ฉันไม่ใช่..พี่เลี้ยงเด็ก !!” รัชนีสวนขึ้นทันที
ภคพงษ์ตกใจ..มองหน้ารัชนีด้วยความงุนงง ตกใจ และไม่เข้าใจ สายใจโอบไหล่ภคพงษ์ด้วยความสงสาร
“งานแบบนั้น ให้สายใจทำไปก็แล้วกัน”
ภคพงษ์หน้าจ๋อยอย่างแรง
รัชนีหันมามองหน้าภคพงษ์แล้วตัดใจ
“ฉันฝากเธอสองคนดูแลด้วย”
รัชนีหันหลังแล้วก็เดินออกไป ภคพงษ์ตะโกนเรียกไว้ และถามด้วยความซื่อ
“คุณแม่ คุณแม่ ผมจะไปกับคุณแม่”
ภคพงษ์พยายามจะวิ่งไปหารัชนี เผด็จกับสายใจต้องรีบจับไว้
“คุณหนู / คุณภัค”
“คุณหนู อยู่กับป้านะคะ”
“ไม่เอา ผมจะไปกับคุณแม่ คุณแม่ คุณแม่ ปล่อยผม ปล่อย ปล่อย”
เผด็จกับสายใจไม่ยอมปล่อย ภคพงษ์พยายามจะดิ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ ภคพงษ์ร้องไห้เหมือนจะขาดใจ ได้แต่มอง
รัชนีเดินจากไป...อย่างไม่มีวันกลับมา
ภคพงษ์เห็นเบื้องหลังของรัชนีเดินไปอย่างเลือดเย็น ... นี่คือภาพสุดท้ายของแม่ที่เขาจำได้
ภคพงษ์มองรัชนี ด้วยน้ำตาเต็มเบ้า

“ฮือ...คุณแม่”

ภคพงษ์ดึงตัวเองกลับมา แววตาแข็งกระด้างขึ้น ไม่มีน้ำตาอีกต่อไป ภคพงษ์นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วยความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ลึกๆในใจ ภคพงษ์ยืนอยู่กลางห้องรับแขกที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ มีเปียโนหลังงามวางอยู่

ภคพงษ์ยืนมองรูปของพรตที่ติดไว้ที่ผนัง
“ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณพ่อถึงไม่ยอมแบ่งสมบัติให้ผู้หญิงคนนั้น”
ภคพงษ์พูดถึงรัชนีด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

เช้าวันต่อมา รสายื่นกล่องรูปส่งให้สายใจ
“รสเจอในห้องนอนที่เรือนหลังเล็กค่ะ กลัวจะหายในระหว่างการซ่อมแซม”
สายใจรับมา
“ขอบคุณค่ะ .. สงสัยจะเป็นกล่องของคุณหนูตั้งแต่สมัยเด็กๆน่ะค่ะ”
รสาคิดๆ แล้วก็ถามขึ้น
“ป้าใจคะ..ตั้งแต่รสมาทำงานที่นี่ รสเห็นแต่รูปของคุณพรต พ่อของคุณภคพงษ์ ยังไม่เคยเห็นรูปคุณแม่เลย ป้าใจพอจะมีมั้ยคะ รสอยากรู้จักไว้ ถ้าได้เจอท่านจะได้ทราบว่าเป็นใคร”
สายใจชะงัก...แววตาเศร้าลงอีกหนึ่งระดับ
“คุณรสาไม่ต้องกังวล มันคงไม่มีวันนั้น”
“ทำไมคะ หรือว่า..ท่านเสียไปแล้ว”
สายใจคิดนิดหนึ่งก่อนตอบ
“ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
สายใจตอบเพียงแค่นี้แล้วก็เงียบไป
รสาแปลกใจที่เห็นสายใจเงียบก็ไม่กล้าถามต่อ รสาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ


เช้าวันเดียวกัน บริเวณทะเลหน้าหาด รีสอร์ตพร้อม ห้าวถอดเสื้อมุดอยู่ใต้ท้องเรือเพื่อซ่อมเครื่อง พิมพรรณวิ่งลงจากบ้านหยิบรองเท้าใส่ไปตะโกนเรียกห้าวด้วยความรีบเร่ง
“พี่ห้าว พี่ห้าว พี่ห้าว พิมจะไปทำงานแล้วจ้ะ”
ห้าวโผล่ออกมาจากใต้ท้องเรือ ตัวมอมแมมไปด้วยน้ำมันเครื่อง
“รอแป๊บนะ พี่ไปอาบน้ำก่อน”
“หะ อาบน้ำ แต่พิมต้องรีบไปแล้วนะจ้ะ”
“เอาน่า..แป๊บเดียว ไม่ถึง 5 นาที”
ห้าวหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวแถวนั้นมาพาดคอ แล้วก็เดินไป พิมพรรณพูดไม่ออก ได้แต่ก้มดูนาฬิกาด้วยความร้อนใจ
“ทำไงดี มีประชุมกับผอ.ตอนเช้าด้วยสิ”
โทรศัพท์มือถือของพิมพรรณดังขึ้น พิมพรรณหันไปมอง

วาริชยืนคุยโทรศัพท์อยู่
“ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าบ้านพิมนะครับ”
พิมพรรณเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“หน้าบ้าน มาได้ยังไง มาทำอะไรคะ”
พิมพรรณถามด้วยความแปลกใจ

ห้าวกำลังอาบน้ำอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์มือถือดังขึ้น ห้าวรีบหันไปควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้มุมหนึ่งของห้องน้ำ
“พิม...พี่จะเสร็จแล้วเนี่ย แป๊บนึง หะ อะไรนะ พิมไปแล้วเหรอ ไปกันใคร”
“ไปกับเพื่อนน่ะ แค่นี้ก่อนนะพี่ห้าว ค่อยคุยกันใหม่”
พิมพรรณวางสายไปเลย
“อ้าว...พิม พิม วางไปแล้ว เพื่อน...ใคร”
ห้าวคิดด้วยความแปลกใจ

พิมพรรณนั่งอยู่ในรถวาริช
“พิมต้องขอบคุณวาริชมากนะคะ ที่ให้พิมติดรถมาด้วย”
วาริชตอบยิ้มๆ
“ด้วยความยินดีเลยครับ ผมเพิ่งมาทำธุระที่ตลาดน่ะครับ เสร็จธุระจะไปโรงเรียน พอดีขับผ่านมาเป็นป้าย บ้านพร้อมก็เลยลองเลี้ยวรถเข้ามาดูให้แน่ใจว่าเป็นพร้อมเดียวกันหรือเปล่า”
พิมพรรณตอบยิ้มๆอย่างมีความสุข
“แถบเนี้ยะ มีอยู่พร้อมเดียวนี่แหละค่ะ”
“สวยนะครับ... คือรีสอร์ตน่ะครับ สวยมาก”
พิมพรรณตกใจนึกว่าวาริชชมตัวเอง
“รสเป็นคนออกแบบค่ะ”
“รส เป็นใครครับ”
พิมพรรณยิ้มแล้วบอก
“เป็นคนสำคัญของพิมค่ะ เอาไว้ถ้าเจอ พิมจะแนะนำให้รู้จักค่ะ ไม่แน่นะคะ..วันที่วาริชมาเยี่ยมชมรีสอร์ตรสอาจจะอยู่ด้วย”
“ได้ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า..คนสำคัญของพิมจะหน้าตาเป็นยังไง”

พิมพรรณ์ยิ้มรับอย่างมีความสุข

ตะวันทอแสง ตอนที่ 3 (ต่อ)

รสาพยายามสตาร์ทรถ แต่ไม่ติด

“โธ่..นังกระป๋องลูกแม่ มางอแงอะไรตอนนี้”
รสาพยายามสตาร์ทอีก แต่ไม่ติดอีก
เปลี่ยนวิ่งมาหา ปุยนุ่น และสายใจ เดินตามมาห่างๆ
“คุณรสา รถเป็นอะไรครับ” รสาถาม
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ขับรถมาจากบ้านยังดีๆอยู่เลย จะขับไปเรือนเล็กสักหน่อย ดันมางอแงซะงั้น”
“ขอผมดูหน่อยนะครับ”
รสาลงจากรถ เปลี่ยนขึ้นสตาร์ทก็ไม่ติด
“ผมว่า..อาการไม่ค่อยดีเรียกช่างมาดีกว่าครับ เดี๋ยวผมโทร.ให้ช่างที่อู่ประจำของคุณภัคมาดูให้”
รสาอึกอักด้วยความเกรงใจ
“แต่...”
ปุยนุ่นกับสายใจเดินมาถึงพอดี
“ไม่ต้องแต่หรอกค่ะ เดี๋ยวให้ไอ้เปลี่ยนมันจัดการ โทร.ไปเลย บอกให้เค้ารีบจัดช่างมา” สายใจบอก
“ครับ” เปลี่ยนรีบวิ่งไปทันที
“ขอบคุณค่ะ”
รสาคิดๆแล้วก็เริ่มกังวล
“เย็นนี้แม่ต้องไปหาพี่พิมที่ระยอง .. อย่าเป็นอะไรมากนะกระป๋องลูกแม่”

เจ้ากระป๋องรสรสาถูกลากไปราวกับเศษเหล็ก รสายืนมองด้วยความอาลัย และเป็นห่วง ข้างๆรสามีกระเป๋าสะพายใบใหญ่ใบหนึ่งกับกระเป๋างานใบกลางอีกใบหนึ่ง
สายใจและเปลี่ยนยืนเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ
“ช่างเค้าบอกว่า..น่าจะสองสามวันถึงจะเรียบร้อยน่ะครับ เพราะอะไหล่รุ่นนี้มันหายาก ต้องใช้เวลานานหน่อย”
รสาหน้าจ๋อยบอก
“รสเข้าใจค่ะ”
“ถ้าช่วงนี้คุณรสจะต้องไปไหนมาไหน ให้เจ้าเปลี่ยนมันขับรถไปให้ก็ได้นะคะ ป้าจะเรียนคุณหนูให้ รถของที่นี่มีตั้งหลายคัน คุณหนูท่านอนุญาตอยู่แล้ว”
“ขอบคุณป้าใจที่เป็นห่วงนะคะ แต่รสใช้บริการรถประจำทาง หรือไม่แทกซี่ก็ได้ค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไร ... ขอบคุณพี่เปลี่ยนด้วยนะคะ ที่เป็นธุระลากเจ้ากระป๋องไปซ่อม”
“ด้วยความยินดีครับ”
“รสขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
รสาหันมาหอบกระเป๋าไป
“ผมช่วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้หนัก รสถือไปเองค่ะ ขอบคุณค่ะ”
รสารีบพูดด้วยความเกรงใจแล้วก็หอบของพะรุงพะรังไป เปลี่ยนกับสายใจมองด้วยความชื่นชม
“คุณรสาแกขี้เกรงใจจริงๆนะป้า ไอ้โน่นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่เอา ไม่เหมือนพวกผู้หญิงที่วิ่งไล่จับคุณท่าน ไอ้โน่นก็จะเอา ไอ้นี่ก็จะเอา เฮ่อ..บางทีผมเห็นมากรี๊ดๆที่บ้าน ผมยังเหนื่อยแทนเลย”
สายใจมองตามรสา ไม่พูดอะไร แต่เห็นด้วยกับเปลี่ยน

ปุยนุ่นวางกาแฟให้ภคพงษ์ที่อยู่ในชุดลำลอง ภคพงษ์หันมาถาม
“รถของคุณรสาเป็นอะไร”
ปุยนุ่นวางแก้วกาแฟแล้วคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก่อนจะสาธยายอย่างละเอียด ตามประสาขาเม้าท์
“เสียค่ะ สตาร์ทไม่ติด ป้าใจก็เลยให้พี่เปลี่ยนโทร.ตามช่างมาดู เค้าบอกว่าอะไหล่อะไรสักอย่างมันไหม้ แต่เค้าไม่มีอันใหม่ ต้องสั่ง ก็เลยต้องลากไปอู่ พออะไหล่มาก็ค่อยเปลี่ยนให้ค่ะ”
ภคพงษ์ดื่มกาแฟไป ฟังไป...ภคพงษ์ฟังแล้วก็แค่พยักหน้ารับทราบ
“คุณท่านอยากทราบอะไรเพิ่มมั้ยคะ ปุยนุ่นจะได้ไปถามพี่เปลี่ยนมารายงาน”
ภคพงษ์ยกมือห้ามเป็นการบอกว่าไม่ต้อง และไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“เอ่อ.. ไม่ต้อง... ใช่มั้ยคะ”
ภคพงษ์พยักหน้าแทนคำตอบ..
ปุยนุ่นต่อเอง “ใช่...”
ภคพงษ์สบัดปลายมือนิดๆ เป็นการบอกให้ออกไป ปุยนุ่นมองแล้วก็ตีความจากภาษาท่าทาง
“ให้ออกไป”
ภคพงษ์พยักหน้า ปุยนุ่นรีบก้มหน้าแล้วก็ถอยกรูดออกไป
“ค่ะๆ”

ปุยนุ่นออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ภคพงษ์นึกถึงรสา

ภายในเรือนหลังเล็ก กระเป๋าของรสาวางสุมอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขกที่เป็นห้องทำงานของรสา

แถบสีเฉดเหลืองพาสเทล ป้ายอยู่บนกำแพง 3-4 เฉด ในด้านที่มีแสงแดดส่องเข้ามา รสากำลังยืนดูเลือกว่าจะเอาเฉดไหนดี รสาชี้ไปที่สีแสงสว่างแล้วบอกช่าง
“ในห้องนั่งเล่น รสขอสีนี้นะคะ สดใสดี ส่วนห้องนอนข้างบน ขอสีนี้นะคะ สบายตาขึ้นมาหน่อย”
รสาบอกพลางชี้ที่สีครีม อมเหลืองน้อยๆ ช่างสีจดทันที
“ได้ครับ .. งั้นผมให้เด็กลงสีเลยนะครับ”
“ค่ะ”
ช่างสีพยักหน้ายิ้มรับแล้วก็เดินไป
โทรศัพท์มือถือรสาดังขึ้น
บริเวณหน้าห้อง ช่างสีเดินออกมา เห็นภคพงษ์เดินมาพอดี
รสาหยิบโทรศัพท์มาดู พอเห็นชื่อแล้วก็กดรับ
“พี่ห้าวว่าไงจ้ะ”
ภคพงษ์ชะงักเท้า “พี่ห้าว” และหยุดฟังต่อ เสียงรสาจากในห้องรับแขก
“ไม่ยุ่งจ้ะ คุยได้”

ห้าวคุยโทรศัพท์อยู่ในมุมสวย
“รสได้คุยกับพิมบ้างหรือยัง”
“ยังเลยจ้ะ .. มีอะไรหรือเปล่า ทำไมพี่ห้าวเสียงเครียดๆ”
ห้าวคิดแล้วก็พูดต่อ
“เมื่อเช้ามีคนมารับพิมที่บ้าน พิมบอกว่าเป็นเพื่อน พี่ว่าต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ”
รสาฟังแล้วก็คิด
“ถ้าเป็นผู้ชาย แล้วมันเป็นยังไงเหรอ ทำไมพี่ห้าวถึงได้ห่วง”
“ไม่รู้เหมือนกันบอกไม่ถูก มันเป็นแบบความรู้สึกน่ะ อธิบายไม่ได้ รู้แค่ว่ามันมีอะไรบางอย่างไม่น่าวางใจ”
“พี่ห้าวคิดมากไปเองหรือเปล่า รสว่าไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
ภคพงษ์ค่อยๆเดินเข้ามา และแอบมองรสา บังเอิญเห็นตอนคุยโทรศัพท์ไป ยิ้มไปมีความสุขก็แอบมันเขี้ยวใน
ใจไม่ชอบให้มีความสุข
“เอาอย่างนี้แล้วกัน เย็นนี้เลิกงานแล้ว รสจะรีบกลับระยองเลย”
“ไประยอง” … ภคพงษ์ได้ยินชัดเต็มสองหู
เสียงรสาดังมาจากในห้อง
“อาจจะดึกนิดหน่อย พอดีไอ้กระป๋องของรสมันงอแงง ตอนนี้ลากเข้าอู่ไปแล้ว รสต้องไปกลับรถตู้”
ภคพงษ์ฟังแล้วก็คิด... รสาคุยต่อ
“พอไปถึงรสจะรีบคุยกับพิมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ห้าวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“จริงๆนะ รสรีบกลับมาเลยนะ คือ..พี่เป็นห่วงพิมน่ะ อยากให้รสรีบมาคุยกับพิม”
“จ้ะ..รสเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้ามาเรียบร้อย เลิกงานปุ๊บ รีบไปหาจ้ะ พี่ห้าวก็อย่าเพิ่งคิดมาก มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ รสไปทำงานต่อก่อนนะ คืนนี้เจอกันจ้ะ”
“จ้ะ...เจอกัน”
ห้าววางสายไปอย่างมีความสุข

รสาวางสายแล้วก็หันหลังกลับมาจะทำงาน ข้างหลังไม่มีใคร ภคพงษ์ไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่ยืนอยู่แล้ว รสาทำงานต่อโดยไม่รู้เลยว่า บทสนทนาเมื่อครู่มีคนแอบฟังอยู่

ภคพงษ์เดินออกมาจากเรือนหลังเล็กแล้วก็อมยิ้มนิดๆ ในใจแอบคิดอะไรบางอย่างที่ทำให้อารมณ์ดี

รสาทำงานอย่างขะมักเขม้น เรือนหลังเล็กๆ ค่อยๆ มีชีวิตมากขึ้น ผนังเก่าๆ เริ่มมีสี หน้าต่างเก่าๆ เริ่มมีกรอบ ทาสี สวยงาม เพดานโล่งๆ เริ่มมีไฟเก๋ๆ มาติด
นาฬิกาผ่านเวลาจากบ่ายสาม – บ่ายสี่
รสาเดินทำงานอย่างตั้งใจ รสาเดินผ่านกองกระเป๋าที่วางอยู่ในห้อง
นาฬิกาผ่านเวลาจากสี่โมง – ห้าโมงเย็น
ช่างบางส่วนเริ่มทะยอยเก็บของกลับบ้าน
รสาปิดสมุดงานเก็บโต๊ะทำงาน อย่างรวดเร็ว รสาหันมาทางกระเป๋าเดินทาง แล้วก็แปลกใจที่กระเป๋าหายไป
รสามองซ้ายมองขวา กวาดสายตามองไปรอบห้อง แล้วก็หันไปถามหัวหน้าช่างที่ยืนอยู่แถวนั้น
“คุณประสิทธิ์คะ..เห็นกระเป๋ารสหรือเปล่าคะ รสวางไว้ตรงนี้น่ะค่ะ มีใครหยิบผิดไปหรือเปล่า”

กระเป๋ารสาวางอยู่ในรถตู้เป็นที่เรียบร้อย เปลี่ยนยืนรายงาน มีปุยนุ่นยืนสาระแนอยู่ไม่ไกล
“คุณภัคให้ผมกับปุยไปยกมาไว้ในรถตู้ และให้ผมทำหน้าที่ขับรถไปส่งคุณรสาครับ”
รสายืนฟังด้วยความแปลกใจ
“ไปส่ง”
“ครับ คุณท่านบอกว่า .. ต้องไปส่งให้ที่เลยครับ ห้ามส่งแค่หน้าปากซอยหรือว่าที่ท่ารถ”
รสาชะงักนิดๆ ขมวดคิ้วแปลกใจที่ภคพงษ์รู้ว่าจะไปต่างจังหวัด
“คุณรสาจะไปไหนเหรอคะ” ปุยนุ่นถาม
“รสจะไปต่างจังหวัดน่ะค่ะ แต่... รสไปเองก็ได้นะคะ พี่เปลี่ยนไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ” รสาพูดเสียงเบาพลางขยับตัวจะหยิบกระเป๋า
เปลี่ยนรีบเอาตัวมาขวาง
“ไม่ได้ครับ คุณท่านกำชับให้ผมไปส่งให้ได้ ไม่ว่าคุณรสาจะปฎิเสธยังไงก็ต้องไป ถ้าผมไม่ได้ไปส่ง ต้องโดนดุแน่ๆ”
รสาทำหน้าลำบากใจ
“แต่..ถ้ารสให้ไปส่ง รสก็ลำบากใจเหมือนกันค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงภคพงษ์ก็ดังขึ้น
“ผมอนุญาตแล้ว ไม่ต้องลำบากใจ !”
รสาหันไปตามเสียง ภคพงษ์เดินออกมาแล้วพูดกับรสา
“รถคุณเสียไม่ใช่เหรอ ให้เปลี่ยนไปส่ง จะได้ไม่ต้องนั่งรถประจำทาง”
รสาตอบด้วยความเกรงใจ
“ขอบคุณนะคะ แต่ดิฉันขอนั่งรถประจำทางไปดีกว่าค่ะ”
“เปลี่ยน..ปุยนุ่น ยกกระเป๋าคุณรสาลงจากรถ”
รสาทำหน้าโล่งอกที่ภคพงษ์เข้าใจ แต่แล้วภคพงษ์ก็พูดต่อ
“แล้วยกไปไว้ที่รถฉัน ... ฉันขับรถไปส่งคุณรสาเอง”
รสาเลิกคิ้วด้วยความตกใจ ปุยนุ่น เปลี่ยนรีบรับคำ
“ครับ/ ค่ะ”
ปุยนุ่นและเปลี่ยนรีบหิ้วกระเป๋าไปทันทีอย่างรวดเร็ว รสามองเลิ่กลั่ก
“เอ่อ..เดี๋ยวค่ะ”
ปุยนุ่น เปลี่ยน ไม่สนใจยกกระเป๋าไปเลย รสาทำอะไรไม่ถูกหันมาทางภคพงษ์
“คุณภคพงษ์”
ยังไม่ทันที่รสาจะได้พูดต่อ ภคพงษ์ก็แทรกขึ้นแล้วผายมือ
“คุณรีบไปไม่ใช่เหรอ...เชิญครับ”

รสาอึกอัก มองภคพงษ์ด้วยความลำบากใจ

ห้าวผูกผ้ากันเปื้อนกำลังล้างผัก หั่นผักอย่างขมักเขม้นอยู่ในครัว วิมลเดินมากับพร้อม ทั้งสองคนถือผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ปลอกหมอนที่แห้งแล้วมาด้วย เตรียมพับเก็บ วิมลเหลือบไปเห็นห้าวทำครัวก็ทักขึ้น

“ห้าว..เข้าครัวเองเลยเหรอหะ วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”
ห้าวเงยหน้าตอบยิ้มๆ
“พอดีฉันได้หมึกสดมาน่ะจ้ะก็เลยว่าจะทำหมึกมะนาว”
เสียงพิมพรรณแทรกเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“ของโปรดของของรสเค้าน่ะจ้ะ”
ห้าวหันขวับมา..พิมพรรณยิ้มๆ แซวๆ
“แหม..ก็นานๆรสจะกลับมาที ก็เลย..เอาใจเค้านิดนึง”
“อ่ะจ้ะ..เข้าใจ พิมน่ะเข้าใจพี่ห้าวเสมอ”
ห้าวยิ้มรับอย่างเขินๆทำตัวไม่ถูกที่โดนแซว พิมพรรณเข้ามาร่วมวง ช่วยวิมลพับผ้า
“เออจริงสิ..วันนี้หนูรสมานี่นา.. เห็นบอกว่างานยุ่ง ทำไมวันนี้ถึงได้ปลีกตัวมาได้”
“แต่มาก็ดีแล้ว พิมคิดถึงรสจะแย่ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ”
พิมพรรณพูดพลางอมยิ้มนิดๆ ห้าวแอบคิดดีใจที่พิมพรรณอาจจะเล่าเรื่องวาริชให้รสาฟัง
“เรื่องอะไรล่ะลูกเล่าให้พ่อกับแม่ฟังก็ได้นะ” วิมลว่า
พิมพรรณ ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วบอก
“เล่าให้พ่อแม่ฟังก็ไม่เข้าใจหรอกจ้ะ”
“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า” พร้อมบอกพลางหันมาทางวิมล
“งั้นก็ปล่อยให้เด็กๆ เค้าคุยกันเถอะแม่ เรามันแก่แล้ว”
พิมพรรณแอบจ๋อยนิดๆ
“อ้าว..งอนซะงั้น”
“ก็มันจริงนี่ เด็กสมัยนี้ไม่รู้มันเป็นอะไร พอมันมีอะไร พ่อแม่รู้เป็นคนสุดท้ายทุกที แต่พอมีปัญหาขึ้นมา พ้นพ่อแม่มันซะที่ไหน คิดแล้วก็น้อยใจเว้ย”
พิมพรรณจ๋อยหนักกว่าเดิมแล้วส่งสายตามาทางวิมล
“พ่อก็..ลูกแค่พูดเล่นๆ หัวๆ ทำอารมณ์ขึ้นไปได้”
พร้อมกระฟัดกระเฟียดบอก
“ก็มันจริงนี่”
พิมพรรณยิ่งจ๋อยหนัก ห้าวรีบช่วยทันที
“ฉันว่า..เอางี้ดีมั้ยจ้ะ อารมณ์ร่มๆกันก่อน เดี๋ยวน้องรสมา นั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า ถ้าพิมเค้าอยากเล่า เค้าก็เล่าเอง ที่จริงนั่งๆกันอยู่ตรงนี้ก็วัยรุ่นกันหมดทุกคนแหละ .. จริงมั้ยพิม”
พิมพรรณรีบรับมุกแต่ในใจก็ยังรู้สึกกังวลนิดๆ
“จริงจ้ะ”
พร้อมยังทำหน้านิ่ง ๆ งอน วิมลพยักหน้าให้พร้อมอารมณ์เย็นๆ พร้อมเห็นแววตาวิมลก็จำใจพยักหน้ารับ
“อื้อ!”
ห้าวรีบเปลี่ยนบรรยากาศ
“พิมรีบไปจัดโต๊ะไป พอรสมาจะได้กินกันเลย”
“จ้ะ”
พิมพรรณเดินเลี่ยงไป ห้าวมองตามแอบเป็นห่วงนิดๆ คล้อยหลังคนอื่น พิมพรรณครุ่นคิด และเริ่มรู้สึกมีกำแพงบางๆ ค่อยก่อตัวขึ้น รู้สึกว่าต้องระวังตัวในการจะพูดเรื่องส่วนตัว

บนถนนมุ่งไประยอง รถภคพงษ์แล่นอยู่ ภายในรถเห็นรสานั่งตัวลีบด้วยความอึดอัด ภคพงษ์หันมามองๆแล้วก็พูดขึ้น
“นั่งสบายๆก็ได้ นั่งตัวลีบทำไม”
“คือ..ดิฉันเกรงใจ ระยองไกลนะคะ คุณส่งดิฉันที่ท่ารถตู้ก็ได้”
“ไม่ได้ ผมไม่ชอบส่งคนไม่ถึงปลายทาง”
“ดิฉันไม่ถือ”
“แต่ผมถือ...”
รสานิ่งไปเม้มปากแน่น ภคพงษ์พูดต่อ
“คุณไม่ต้องเกรงใจ ขับรถแค่สองชั่วโมง ตอนผมอยู่อังกฤษขับรถเล่นข้ามเมืองยังนานกว่านี้”
รสาแอบหมั่นไส้นิดๆ ภคพงษ์ถามต่อ
“คุณรีบมั้ย นัดใครไว้หรือเปล่า”
“นัดค่ะ”
ภคพงษ์รอฟังต่อด้วยความอยากรู้
“ดิฉันนัดกับญาติๆไว้ค่ะ แต่พวกเค้ารู้แล้วว่าดิฉันรถเสีย ไม่ต้องเร่งรีบอะไร ดิฉันก็เลยอยากนั่งรถไปเองมากกว่า”
ภคพงษ์เงียบไม่ตอบโต้และยังขับรถไปเรื่อยๆ
“คุณภคพงษ์คะ..ดิฉันพูดจริงๆนะคะ ดิฉันขอขึ้นรถตู้กลับดีกว่าค่ะ คือดิฉันต้องซื้อของน่ะค่ะ”
“ซื้อของ”
“ค่ะ คือ ป้าดิฉันฝากซื้อพวกกะปิ แล้วก็ปลาหมึกด้วยน่ะค่ะ ถ้าไปรถตู้มันจะจอดที่ร้านขายพอดี พอลงจากรถฉันจะได้ซื้อเลย”
ภคพงษ์ตอบชิลๆ
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ ผมแวะให้คุณลงไปซื้อก็ได้”
“แต่มันเหม็นมากนะคะ กลิ่นกะปิ กลิ่นปลาหมึก...ถ้าใส่รถคุณ..มันจะเหม็นติดรถไปอีกนานเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร...ผมไม่ถือ”
รสาผงะที่โดนย้อนแล้วก็แอบจิกหางตาด้วยความหมั่นไส้
“แน่ใจนะคะ...ว่าไม่ถือ”

รสาท้าทาย ภคพงษ์ปรายตามามองด้วยหางตามารับคำท้าแบบไม่มีใครยอมใคร

รถภคพงษ์มุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง รถภคพงษ์จอดเทียบที่หน้าตลาด รสาเดินลงจากรถแล้วก็หันมาก้มถามภคพงษ์ที่นั่งอยู่ในรถ

“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ”
ภคพงษ์ไม่ตอบแต่ทำเป็นดูนาฬิกาข้อมือ ทำนองว่า...ให้รีบๆไปซื้อ รสายักไหล่ แล้วก็ยืดตัวขึ้นหันหลังให้ภค
พงษ์ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์นิดๆ

ที่ร้านขายของทะเลและของแห้ง รสาชี้นิ้วสั่งกระจาย ทั้งปลาหมึกแห้ง กะปิ กุ้งแห้ง เน้นกะปิ และปลาหมึก
รสาสั่งๆๆ พนักงานหยิบมารวมใส่ถุง รสาจ่ายเงิน แล้วก็แกล้งเปิดปากถุงให้กลิ่นกะปิ กลิ่นปลาหมึกกระจาย
ออกมา รสาก้มหน้าดมแล้วก็ผงะเพราะกลิ่น ก่อนจะยิ้มนิดๆ ด้วยความสะใจ

รถสปอร์ตคันหรูจอดอยู่ ภคพงษ์ยืนพิงรถรอรสาอย่างหล่อ รสาเดินหอบของมาเต็มสองมือ ภคพงษ์หันไปมองด้วยความแปลกใจ รสาทำหน้าเหมือนจะขอโทษที่เยอะ แต่แล้วก็อมยิ้มนิดๆ โดนแน่ๆ
ภคพงษ์เปิดรถให้รสา รสายัดของเข้าไปในรถ ในจังหวะที่ภคพงษ์ไม่ได้มองก็แกล้งขยับๆ ปากถุงเปิดออกให้กลิ่นมันโชยมาแบบเต็มๆ รสายิ้มสะใจ
รสาวางของแล้วก็นั่งประจำที่ ภคพงษ์ตามเข้ามานั่งในรถ พอเข้ามาปุ๊บก็ผงะนิดๆ เพราะกลิ่นมันแรงมากจริงๆ
รสามองแล้วก็อมยิ้มก่อนจะแกล้งตีหน้าเกรงใจ
“กลิ่นมันแรงใช่มั้ยคะ ดิฉันก็ว่าแล้ว...เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจากตรงนี้ดิฉันเรียกรถสองแถวไปเอง ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” รสาพูดพลางรีบหันไปหยิบถุงเตรียมเผ่น
“เดี๋ยว !” ภคพงษ์รีบพูดขึ้น
รสาชะงัก
“ไม่ต้อง..เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
รสา ทำเป็นขยับปากถุงกระพือกลิ่น
“แต่กลิ่นมันจะเหม็นมากนะคะ เนี่ยค่ะ เหม็นมากๆเลยค่ะ”
ภคพงษ์หันมาพร้อมรอยยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่กดปุ่มเปิดหลังคารถ ตื้ด !
หลังคารถสปอร์ตคันหรูถูกเปิดออกอย่างช้าๆ รสาอึ้งไป มองตามหลังคาที่ค่อยเปิดออกด้วยสีหน้าเจื่อน
“แค่นี้ก็ไม่เหม็นแล้ว”
“ค่ะ”
“กรุณารัดเข็มขัดด้วยครับ”
รสามองหน้าภคพงษ์ที่ยิ้มกริ่มปนกวน แล้วก็จำใจหันมาดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตามคำสั่ง ภคพงษ์อมยิ้มพอใจแล้วก็ขับรถออกไปจากลานจอดรถข้างตลาดอย่างเท่

ภายในบริษัทลงลหักปักฐานเย็นวันเดียวกัน พิทยากำลังตรวจงานออกแบบสวนของชีวินวางอยู่บนโต๊ะก่อนเงยหน้าขึ้นเรียก
“คัพเค้ก”
“ขา” เสียงคัพเค้กดังมาจากหน้าห้อง
คัพเค้กเดินเข้ามาในชุดจัดเต็มเช่นเคยจนพิทยาชะงัก
“แต่งตัวไม่เกรงใจฟ้าดิน ปวดตับจริงๆ ไปตามไอ้วินมาหาฉันหน่อย”
“ไปแล้วค่ะ”
พิทยาหันฟั่บมาถาม
“ไปตอนไหน ฉันเพิ่งสั่ง เธอยังไม่ขยับสักก้าว จะไปแล้วได้ยังไง”
“หมายถึงพี่วินน่ะค่ะ พอส่งงานให้บอสแล้วก็..ออกไปแล้วค่ะ”
พิทยาดูนาฬิกายังไม่ทันจะพูดอะไร คัพเค้กก็ตอบแทนทันที
“หกโมงครึ่ง หมดเวลางานนานแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเลย ไอ้วินมันจ่ายเงินเดือนให้เธอหรือไงหะ ถึงได้ปกป้องกันนัก ปกป้องยิ่งกว่าหัวเมืองชั้นใน แล้วเนี่ย..หมดเวลางานแล้ว เธอจะอยู่ให้เปลืองแอร์ทำไมหะ รีบๆกลับไปสิ”
“เอ๊า..อยู่ก็โดนด่า งั้น กลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
“เดี๋ยว !”
คัพเค้กหันมา พิทยาถามต่อ
“แล้วมันบอกหรือเปล่าว่ามันจะรีบไปไหน”

บริเวณภายนอกบ้านเถลิงยศ ชีวินถามปุยนุ่นด้วยความแปลกใจ
“รถโดนลากเข้าอู่ไปแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ลากไปตอนกลางวัน ช่างที่อู่ประจำของคุณภัคมารับค่ะ”
ชีวินคิด … ทำไมรสไม่โทร.บอก
“แล้วรสยังอยู่หรือเปล่าครับ”
“กลับไปตั้งนานแล้วค่ะ วันนี้คุณรสาขอเลิกงานเร็วกว่าปกติเพราะจะเดินทางไปต่างจังหวัดค่ะ”
“สงสัยจะไประยอง”
“ใช่ค่ะ ตอนแรกคุณภัคให้พี่เปลี่ยนไปส่ง แต่คุณรสาเกรงใจ”
ชีวินพยักหน้ารับรู้
“คุณภัคก็เลยขับไปส่งเองค่ะ”
ชีวินสะอึก
“คะ..ใครไปส่งนะครับ”
“คุณภคพงษ์ค่ะ คุณภัคขับรถไปส่งคุณรสาที่ระยองค่ะ”

ชีวินจุก..หน้าเสีย ใจหายวาบ ความหวาดหวั่นค่อยๆครอบคลุมจิตใจ

ตะวันทอแสง ตอนที่ 3 (ต่อ)

บนถนนริมหาดทางไปบ้านพร้อม รถของภคพงษ์ขับเปิดประทุนโต้ลมแล่นมาอย่างเท่ ภคพงษ์ใส่แว่นดำ ขับรถชิลๆ รสานั่งไม่ค่อยเป็นสุข เพราะผมตีไปมาตามแรงลมจนต้องคอยจับไว้ จนสุดท้ายต้องล้วงที่มัดผมมาจับผมรวบไว้แบบหยาบๆ แล้วก็งัดแว่นเรย์แบนเรโทรสีชามาใส่ ดูเก๋มีสไตล์ไม่เหมือนใคร

ภคพงษ์ถึงกับแอบหันมามองนิดๆ แล้วก็ยิ้มในความเก๋อีกแบบของรสา
รสาไม่ได้มองหน้าภคพงษ์ แต่หันหน้าไปทางทะเล มองทางแล้วก็ชี้ให้ภคพงษ์เลี้ยวไปทางบ้านพร้อม ภคพงษ์หมุนพวงมาลัยตามมือรสา

โทรศัพท์พิมพรรณดังขึ้น ระหว่างที่ช่วยห้าวจัดโต๊ะอาหารเย็น ในมุมสวยของบ้าน
“สงสัยรสจะโทรมา” พิมพรรณว่า
ห้าวหูผึ่งหันขวับมาทันทีแล้วรีบถาม
“รสหรือเปล่า”
พิมพรรณอมยิ้มนิดๆ หันมาตอบ
“ไม่ใช่จ้ะ เอ่อ..พิมไปคุยทางโน้นนะ”
พิมพรรณเดินเลี่ยงไป ห้าวหันมามองตาม
“ทำไมต้องเดินไปคุยที่อื่นด้วย.. มีพิรุธใหญ่แล้ว”
ห้าวมองตามด้วยความไม่วางใจ

วาริชยืนคุยโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มแสนดีอยู่ในบ้านเช่าขนาดกะทัดรัด ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
“สวัสดีครับ.. พิมยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ”
พิมพรรณเดินไปคุยไป
“ไม่ยุ่ง คุยได้ค่ะ”
วาริชยิ้มพอใจ
“ผมจะถามพิมเรื่องที่จะขอไปดูรีสอร์ตที่บ้านพิมวันอาทิตย์นี้ ไม่ทราบว่า..พิมยังสะดวกหรือเปล่า”
“สะดวกค่ะ มาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะคะ” พิมพรรณรีบบอกทันที
วาริชยิ้มกว้าง
“ขอบคุณครับ..พิมเนี่ย..ใจดีจริงๆเลย งั้นพรุ่งนี้ผมจะรีบไปหาพิมแต่เช้านะครับ”
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
พิมพรรณวางสายไปด้วยรอยยิ้มและมีความสุขแปลกๆ วาริชวางสายไปแล้วยิ้มพอใจแต่แอบซ่อนความเจ้าเล่ห์จนมองแทบไม่เห็น

พิมพรรณยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้รับรู้ถึงเล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ที่ด้านหลังพิมพรรณเห็นห้าวแอบยืนมองอยู่ ห้าวคิด...ทันใดนั้นก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาที่หน้ารีสอร์ต ห้าวหันไปมองแล้วก็เพ่งด้วยความแปลกใจ
“รถใครวะ”

รถสปอร์ตของภคพงษ์แล่นเข้ามาในรีสอร์ตพร้อม รสาหันมาบอกภคพงษ์
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันเดินเข้าไปเอง”
ภคพงษ์เห็นว่าประตูเปิดอยู่ก็พูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ประตูเปิดอยู่พอดี เดี๋ยวผมเข้าไปส่งข้างใน”
รสาพยายามจะเอ่ยปากห้าม
“เอ่อ”
ยังไม่ทันที่รสาจะได้พูดอะไร ภคพงษ์ก็ขับรถเข้าไปในบริเวณรีสอร์ตทันที
รถหรูของภคพงษ์ขับเปิดประทุนเข้ามาในรีสอร์ตเล็กๆอย่างแปลกแยก

วิมลและพร้อมยืนดูรถที่แล่นเข้ามาด้วยความแปลกใจ
“รถใครมาน่ะพ่อ ลูกค้าหรือเปล่า”
“เปล่านา ลูกค้าที่จองไว้บอกจะเข้าพรุ่งนี้เช้า เอ.. หรือว่าลูกค้าขาจร รถแพงซะด้วย”
ห้าวเดินมาสมทบเพ่งมองด้วยความสนใจ
“ผู้หญิงที่นั่งมาด้วยยังสวยอีกต่างหาก” ห้าวบอก
ห้าวยังจำรสาไม่ได้ ได้แต่มองอมยิ้มนิดๆ เพราะนึกไม่ถึง แต่แล้วแล้วก็ชะงักกึก..การเชื่อมต่อเริ่มทำงาน
“เฮ้ย...รส”
พร้อม วิมลพูดขึ้นพร้อมกัน
“หะ รสเหรอ”

รสาเดินลงจากรถ ภคพงษ์เดินตามลงมา พร้อมกับวิมลต่างคนต่างตกใจ
“หนูรสจริงๆ ด้วย” วิมลบอก
“มากับใครหว่า” พร้อมพูดขึ้น
ห้าวหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันที แล้วเดินดิ่งไปที่รถภคพงษ์ทันที วิมลกับพร้อมร้อง
“อ้าว ไอ้ห้าว อยู่ๆนึกจะไปก็เดินดุ่มไปซะงั้น” วิมลว่า
พิมพรรณเดินมาสมทบด้วยความแปลกใจ
“พ่อแม่มีอะไรกันเหรอจ้ะ ทำไมทำหน้าตื่นๆ”
วิมลพยักเพยิดไปทางรสา
“โน่น ดูโน่น”
พิมพรรณตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคน

“หะ รสมากับผู้ชาย”

รสากำลังจะหิ้วลงถุงของกะปิ ปลาหมึกอยู่หลังรถ ภคพงษ์กำลังจะช่วย

“ผมช่วย”
รสากำลังอ้าปากจะปฎิเสธ แต่เสียงห้าวดังแทรกเข้ามาก่อน
“ไม่ต้อง”
ภคพงษ์ชะงัก รสาหันไป ภคพงษ์ค่อยๆหันตาม ห้าวเดินทำหน้าแสดงความเป็นเจ้าของสุดฤทธิ์
“รส...พี่ช่วยถือเอง”
“ขอบคุณค่ะ” รสาส่งให้ถุงข้าวของให้และหันไปหยิบกระเป๋างานของตัวเอง
ห้าวมองหน้าภคพงษ์นิ่งๆ แอบเคืองๆ อย่างไม่วางใจ แต่ภคพงษ์มองหน้าห้าวอย่างสุภาพและเป็นมิตร พิมพรรณเสียงดังสดใสเข้ามา
“รส”
รสามองหน้าพิมพรรณแล้วก็รู้สึกบางอย่างจากสัญชาตญาณ
“พิม..วันนี้ดูสดใสร่าเริงผิดปกตินะ มีอะไรหรือเปล่า”
พิมพรรณชะงักนิดๆ แล้วก็เลี่ยงตอบไป
“ก็ดีใจที่รสมาไง” พิมพรรณหันมาพยักเพยิดทางภคพงษ์จนรสาต้องแนะนำ
“คุณภคพงษ์คะ นี่พี่ห้าวกับพิม ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันเองค่ะ พี่ห้าว พิม นี่คุณภคพงษ์ เป็นลูกค้าที่บริษัท รสรับซ่อมแซมบ้านให้คุณภคพงษ์อยู่น่ะจ้ะ”
ภคพงษ์ชะงักกับคำแนะนำว่าลูกค้าเล็กน้อย ก่อนทักทายอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ”
ห้าวมองตรงๆเหมือนรู้ทันแล้วบอก
“ลูกค้าบริษัทรสนี่ใจดีจัง ไม่ทราบว่า คุณขับรถมาส่งมัณฑนากรที่ต่างจังหวัดแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ หรือว่าสำหรับรสดูแลดีเป็นพิเศษ”
รสาสะดุ้งโหยงร้อง “พี่ห้าว”
ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ ยิ่งเห็นรสาเขินก็ยิ่งอมยิ้มมากขึ้น พิมมองอยู่พอดีก็อมยิ้มตาม

พร้อมกับวิมลยังยืนมองหนุ่มๆสาวๆคุยกันอยู่ที่เดิม
“อ้าวดูสิแม่..ทั้งยัยพิม ทั้งไอ้ห้าวเลยยืนคุยอะไรกันอยู่ตั้งนานสองนาน แล้วจะรู้เรื่องกันมั้ยเนี่ย”
“จะว่าไป ผู้ชายที่มากับหนูรส นี่ลักษณะดีเหมือนกันนะพ่อ ขนาดยืนอยู่ไกลๆ ยังเห็นหน้าขาวลอยเด้งออกมาเลย”
“เออจริง ยิ่งเปรียบเทียบกับไอ้ห้าวของเรา..มันช่างต่างกันราว ขาวกับดำ”
พร้อมพูดแบบปลงๆ ขำๆ

ห้าวพูดต่อแบบไม่สนใจความรู้สึก
“พี่อยากรู้จริงๆนะ เพราะมันดู..ใจดีผิดสังเกต”
รสาอึกอักพูดไม่ออก ภคพงษ์ตอบอย่างสุภาพ
“ที่ผมขับรถมาส่งเพราะเห็นว่ารถของคุณรสาเสีย ตอนแรกจะให้คนรถขับมาส่ง แต่คุณรสาเกรงใจไม่ยอม ผมก็เลยต้องขับรถมาส่งเอง”
“มันก็ยังไม่ใช่เหตุผลอยู่ดี”
พิมพรรณรีบห้าม
“พี่ห้าว พอ เถอะจ้ะ คุณภคพงษ์จะมาส่งด้วยเหตุผลอะไรก็ช่างเหอะน่า รสมาถึงโดยปลอดภัยก็พอแล้ว คุณภคพงษ์คะ ขับรถมาเหนื่อยๆ เชิญเข้าไปในบ้านก่อนนะคะ พิมจะได้แนะนำให้รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย”
ห้าวหันมาทางพิมพรรณส่งสายตาไปเชิญมันทำไม รสามองหน้าภคพงษ์ด้วยความเกรงใจ
“แต่ถ้าคุณไม่อยากเข้าไป ก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ไม่เป็นไร..พักสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน” ภคพงษ์พูดแล้วหันมาขอบใจพิมพรรณ
“ขอบคุณครับ”
“เชิญค่ะ ไปรส” พูดแล้วพิมพรรณก็ลากรสาไปทันที
ภคพงษ์เดินตามไปอย่างสุภาพ ห้าวมองตามด้วยแววตาเคืองแกมหมั่นไส้

ถุงกะปิ ปลาหมึกถูกวางลงบนโต๊ะ หน้าห้าวหันไปมองแขกผู้มาใหม่ด้วยความไม่วางใจ รสาแนะนำภคพงษ์กับวิมลและพร้อม
“คุณภคพงษ์คะ นี่คุณอาพร้อม และอาวิมล พ่อแม่บุญธรรมของดิฉันค่ะ”
ภคพงษ์ยกมือไหว้อย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ”
“อาพร้อม อาวิมลคะ คุณภคพงษ์เป็น ลูกค้าของที่บริษัทค่ะ” รสาแนะนำ ภคพงษ์ชะงักอีกรอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอบคุณมากนะคะที่ขับรถมาส่งหนูรสถึงที่นี่” วิมลบอก
“ด้วยความยินดีครับ”
ภคพงษ์พูดกับพร้อมและวิมลอย่างนอบน้อม พิมพรรณถึงกับยิ้มตามในความเรียบร้อย รสาเองก็แอบแปลกใจในความสุภาพของภคพงษ์เวลาอยู่กับผู้ใหญ่ มีแต่ห้าวที่ยืนกอดอกมองภคพงษ์ด้วยความหมั่นไส้
“แต่คราวหน้าคราวหลัง รสโทร.บอกพี่ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ขับรถไปรับเอง ไม่ต้องรบกวนคนอื่น เดี๋ยวจะเป็นบุญคุณให้เกรงใจ”
วิมล ห้าว พิมพรรณหันมาทางห้าวพลางเอ็ดด้วยสายตาให้หยุด ห้าวจำต้องเงียบด้วยความเกรงใจแต่ก็ยังไม่พอใจ
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมไม่ได้คิดว่าเป็นบุญคุณอะไร”
วิมล พร้อม พิมพรรณ ยิ้มกับคำตอบ..ผู้ดี๊...ผู้ดี รสามองภคพงษ์ประมาณสร้างภาพนะเนี่ย ห้าว..เบ้หน้าหมั่นไส้หนักเข้าไปอีก
พร้อมหันไปเห็นถุงกะปิก็หันมาถาม
“แล้วของพวกนี้ของใครหล่ะ ทั้งกะปิทั้งปลาหมึก ไปหอบมาจากไหนเนี่ย”
“คือ..รสจะซื้อไปฝากป้าอาภรณ์น่ะจ้ะ”
“เอ..ปกติถ้าแกจะเอาเพิ่มจะโทร.มาสั่งให้อาซื้อ ทำไมครั้งนี้ถึงให้รสซื้อ ไม่ยอมโทร.มาเอง สงสัยต้องโทร.ไปถามหน่อยแล้ว” วิมลว่าพลางทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือโทร.ออก
รสารีบบอก
“อาวิมลคะ ไม่ต้องโทร.หรอกค่ะ คือ ป้าไม่ได้สั่ง แต่รสอยากจะซื้อไปฝากเอง นานๆจะมีคนขับรถมาส่ง รสก็เลยแวะซื้อน่ะค่ะ”
ภคพงษ์มองรสาแล้วก็พอจะเข้าใจว่าคงจะตั้งใจแกล้ง ภคพงษ์มองรสาเต็มๆ ตาแล้วก็ยิ้มให้รู้ว่ารู้ทัน รสาได้แต่
ยิ้มรับ ทำเป็นไม่รู้ตัว ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“โธ่รส ทำแบบนั้น รถคุณภคพงษ์ก็เหม็นแย่”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คุณภคพงษ์..เค้าไม่ถือ” รสาย้อนเล็กๆ

ภคพงษ์ไม่ต่อปากต่อคำได้แต่ยิ้มรับอย่างแนบเนียน

พร้อมมองภคพงษ์ยิ้มให้อย่างถูกชะตา แล้วก็นึกได้

“เอ๊า...เราก็มัวแต่ชวนคุยเพลิน ลืมถาม คุณทานข้าวมาหรือยัง ถ้าไม่รีบอยู่ทานข้าวกับพวกเราก่อนสิ”
วิมลกับพิมพรรณพยักหน้าเห็นด้วย ห้าวชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจที่ชวน ภคพงษ์ไม่ตอบแต่หันมามองหน้ารสาที่จำใจต้องเอ่ยปากด้วย
“ถ้าคุณไม่รีบ...ก็อยู่ทานก่อนสิคะ เป็นการขอบคุณที่อุตส่าห์ขับรถมาส่ง”
ภคพงษ์ยิ้มรับด้วยความพอใจที่ทำให้รสาเอ่ยปากชวนได้แล้วก็ตอบอย่างสุภาพ
“ขอบคุณคุณอาและคุณรสานะครับที่ชวน”
รสาแอบเชิดหน้านิดๆ...
“แต่ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ครั้งหน้าไม่พลาด .. รีสอร์ตนี้น่ารักมาก ผมต้องกลับมาอีกครั้งแน่ๆ และไม่ได้มาในฐานะลูกค้าบริษัท”
รสาชะงักกึก มองหน้าภคพงษ์ที่มองตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันไปลาพร้อมและวิมลด้วยการยกมือไหว้สวยงาม
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ” พร้อมกับวิมลบอกพลางรับไหว้
ภคพงษ์หันมาทางพิมพรรณและห้าวแล้วยิ้มนิดๆ เป็นการลา ก่อนจะหันมาทางรสาอีกครั้ง รสามองตอบแล้วก็นึกขึ้นได้ พูดออกมาอย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
“ด้วยความยินดี”
ภคพงษ์เดินออกไป รสามองตามนิดๆ แอบแปลกใจในความสุภาพของภคพงษ์เหมือนอีกคนที่ไม่เคยเห็น ห้าวมองตามภคพงษ์ด้วยแววตาไม่วางใจอย่างแรง

ภคพงษ์เดินออกมาที่หน้ารีสอร์ต ทางด้านหลังภคพงษ์เห็นวิมล พร้อม พิมพรรณ ห้าวและรสา ทักทายพูดคุยกันด้วยความสนุกสนาน
“รส..วันนี้พี่ห้าวทำหมึกนึ่งมะนาวของโปรดรสไว้ด้วยนะ” พิมพรรณว่า
“จริงเหรอ โห..ลาภปากจริงๆ เพิ่งคิดถึงเมื่อกลางวันนี้นี่เอง ขอบใจมากนะจ้ะ”
“หมึกสดด้วยนะรส เนื้อเด้งๆ หวานๆเลย” ห้าวบอก
“โอ้ย ไม่ไหวแล้ว น้ำลายจะไหล กินเลยแล้วกันนะจ้ะ”
ทุกคนเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วก็เริ่มกินกันอย่างคึกคักท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นไปด้วยความสุข

ภคพงษ์เดินมาถึงที่ที่พอจะหลบได้ก็หยุดยืนมองด้วยความเศร้าลึกๆ

พร้อมนั่งอยู่หัวโต๊ะ วิมลจัดจานส่งให้ ห้าวยกอาหารมาจากในครัว รสาตักข้าว พิมพรรณแจกน้ำ บรรยากาศ
อบอุ่นมีความสุขแบบบ้านๆ
“รส ข้าวของอาพร้อมไม่ต้องเยอะนะลูก หมอให้ลดน้ำหนัก” วิมลบอก
“ลดเลิดอะไร วันนี้วันเดียวน่าแม่ ไอ้ห้าวมันทำอาหารรสจัดทั้งนั้น ให้พ่อกินข้าวนิดเดียว มันจะอร่อยอะไร รส ตักมาเลย”
“รสอย่าไปฟังลูก เชื่ออาตักแค่ทัพพีเดียวพอ”
“โอเคๆ ตักแค่ทัพพีเดียว อันเนี้ยอันเดียว...แต่หลายๆครั้งหน่อยนะ”
รสา พิมพรรณถึงกับขำออกมา วิมลหันมาตีพร้อมเบาๆ
“เจ้าเล่ห์นะพ่อเนี่ย”
“เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ เห็นแก่ความขำ รสเพิ่มให้เป็นทัพพีครึ่ง”
“เออๆ ค่อยยังชั่ว ขอแบบพูนๆนะ”
“จ้า”
รสาตักให้พร้อม วิมลส่ายหน้ายิ้มๆ ห้าวยกอาหารมาวาง
“กับข้าวมาแล้ว”
“เย้ !”
รสากับพิมพรรณตบมือรับ บรรยากาศสนุกสนานกันมาก

ภคพงษ์มองแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย เพียงครู่เดียว ภคพงษ์ก็หันหลังให้กับความสุขของคนอื่นและกลับไปคิดถึงความเศร้าของตัวเองในอดีตอีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนที่ภคพงษ์อายุแค่ 4 ขวบ
บนโต๊ะอาหารอันใหญ่โต มีอาหารวางอยู่ในจานหรู ภคพงษ์นั่งอยู่คนเดียว หัวโต๊ะว่างเปล่า ตรงข้ามไม่มีใคร
สายใจเข้ามาบอกภคพงษ์
“คุณหนูทานก่อนเถอะค่ะ คุณพ่อติดประชุมอีกนานกว่าจะกลับ”
“ผมไม่อยากทานข้าวคนเดียว”
“ทานเถอะนะคะ..นี่ก็ดึกมากแล้ว ทานนะคะ เดี๋ยวสายใจนั่งอยู่เป็นเพื่อน”
ภคพงษ์จำใจต้องพยักหน้ารับ สายใจตักข้าวให้
 
ภคพงษ์กินแบบไม่อยากจะกิน มองโต๊ะที่กว้างใหญ่ว่างเปล่า อย่างเงียบเหงา

ภคพงษ์ขับรถฝ่าความมืดกลับบ้านตามลำพัง หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต

ครั้งนั้นเด็กชายภคพงษ์นั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าว เพียงลำพังผ่านเวลา จนกระทั่งใส่ชุดดำหลังพรตตาย ภคพงษ์ขยับมานั่งที่หัวโต๊ะ แต่ก็ยังต้องกินคนเดียวอยู่ดี ภคพงษ์นั่งกินอาหารคนเดียว จากเด็กจวบจนโตมาเป็นภคพงษ์คนปัจจุบัน..ก็ยังนั่งกินข้าวคนเดียวอย่างเหงาๆ

ภคพงษ์ขับรถฝ่าความมืดออกไป คิดถึงภาพความสนุกสนานของรสาและครอบครัวเมื่อครู่
“เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ เห็นแก่ความขำ รสเพิ่มให้เป็นทัพพีครึ่ง”
“เออๆ ค่อยยังชั่ว ขอแบบพูนๆ นะ”
“จ้า”
“กับข้าวมาแล้ว”
“เย้ !”
รสากับพิมพรรณตบมือรับ บรรยากาศสนุกสนานกันมาก
รสายิ้มสดใส ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ...แอบคิดถึงรสา ท่ามกลางความทรงจำเลวร้ายเริ่มมีสิ่งดีๆงอกงามขึ้นในจิตใจ การมาระยองครั้งนี้ ทำให้เขาได้รู้จักกับตัวตนอีกมุมหนึ่งของรสา ได้เห็นความสดใส และความเป็นธรรมชาติ
เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของความรักที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นโดยที่ภคพงษ์ไม่รู้ตัว

บ้านพร้อมตอนกลางคืน รสายกจานที่กินแล้วเข้ามาในครัว เตรียมตัวกำลังจะล้าง ห้าวเดินตามเข้ามาพร้อมกับถาดใส่จานกับข้าว
“รสๆ ไม่ต้องจ้ะ เดี๋ยวพี่ล้างเอง”
“ไม่เป็นไรพี่ห้าว เดี๋ยวรสลุยชุดนี้เอง พี่ห้าวล้างชุดสองแล้วกัน”
ห้าวรีบเข้ามาดึงฟองน้ำไป
“ไม่ให้ล้าง...มาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะ ทั้งชุดหนึ่ง ชุดสอง พี่ห้าวลุยเอง”
รสามองๆเกรงใจ
“งั้นก็..ขอบใจจ้ะ”
รสายิ้มรับ ห้าว จดๆจ้องๆแล้วก็ถาม
“เออรส...ลูกค้ารสน่ะ เค้าไม่ได้จีบรสจริงๆนะ”
“จริงจ้ะ”
“ไม่จีบแล้ว ทำไมเค้าต้องมาส่งด้วย”
“เค้าก็แค่..อยากจะเอาชนะตามประสาคนไม่เคยแพ้น่ะ เรื่องมันยาวและไร้สาระ พี่ห้าวอย่าไปสนใจเลยจ้ะ เอาเป็นว่าที่เค้ามาส่งรส ไม่ใช่เพราะอยากมาส่งก็แล้วกัน”
ห้าวฟังแล้วเลิกคิ้วและยังไม่เข้าใจอยู่ดี รสานึกได้ หันมาถาม
“เออ พี่ห้าว แล้วเรื่องพิมที่จะให้รสถามน่ะ ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง แล้วจะให้รสถามอะไรบ้าง”
รสาถามถึงพิมด้วยความสนใจ

ภายในห้องนอนพิมพรรณ โทรศัพท์ของพิมพรรณดังขึ้น มีข้อความเข้า พิมพรรณหยิบมาดูหน้าจอขึ้นชื่อ “วาริช” … ที่ข้อความ “ฝันดีนะครับ...” พิมพรรณยิ้มนิดๆ มีความสุขแล้วก็พิมพ์กลับไป “เช่นกันค่ะ ” พิมพรรณกดส่งข้อความ พร้อมรอยยิ้ม
รสาเดินเข้ามาในห้องนอนพอดี เห็นพิมพรรณยิ้มอยู่คนเดียว รสาเริ่มหยั่งเชิง
“ดูมือถือแล้วก็ยิ้ม..มีหนุ่มส่งข้อความมาจีบล่ะสิ”
พิมพรรณยิ้มอายแล้วบอก
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะรส .. ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า”
รสาจับมือแล้วก็ลากพิมพรรณมานั่งประชันหน้า
“เล่ามาจะช่วยวิเคราะห์ให้ เริ่มต้นจาก เป็นใคร ชื่ออะไร มาจากไหน”
“ชื่อวาริช มาจากเชียงใหม่ มาติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้ห้องสมุดเค้าก็มาคุยด้วย มารับไปโรงเรียน โทร.มาหา ส่งข้อความมาบอกฝันดีอะไรทำนองเนี้ย”
“แล้วพิมรู้สึกยังไงกับเค้าล่ะ”
“พิมว่า..เค้าก็คงจะดีแบบนี้กับทุกคน เค้าคงไม่ได้มาจีบหรอก พิมเป็นผู้หญิงธรรมดา เรียบๆ อาจจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ ใครจะมาสนใจ”
รสาจับมือพิมพรรณ
“พิมน่ะน่ารักจะตาย นิสัยก็ดี อยู่ด้วยแล้วมีความสุข ถ้าจะมีหนุ่มมาจีบไม่เห็นจะแปลกเลย มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”
พิมพรรณยิ้มเขินๆ นิดๆ แล้วก็นึกได้
“เอ้อ..แล้วรสล่ะ...คุณภคพงษ์เค้าจีบรสหรือเปล่า”
รสาสะอึกกึก แล้วรีบบอก
“ไม่ได้จีบ รสว่าจริงๆแล้ว เค้าไม่ค่อยชอบรสหรอก คงไม่ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน”
“ครั้งแรกเลยเหรอ”
“ใช่..พิมจำผู้ชายที่ขี่เจ็ทสกีมาชนกับเรือของพี่ห้าวตอนโน้นได้มั้ย”
พิมพรรณคิดแล้วก็พยักหน้า
“จำได้ อย่าบอกนะว่า เค้าคือคุณภคพงษ์”
รสาพยักหน้า พิมพรรณตกใจ
“หะ จริงเหรอ โห..บังเอิญสุดอ่ะ”
“ใช่ .. รสก็ใส่เค้าไปซะเยอะตั้งแต่เจอกันตอนนั้น เค้าคงไม่พิศวาสรสหรอก อีกอย่างนะ..อย่างเค้าต้องดาราหุ่นเอ็กซ์ ๆ นักร้องหุ่นอึ๋มๆ หรือไม่ก็พวกไฮโซถึงจะเหมาะสม เค้าไม่มามองรสหรอก”
“แต่รสก็ทั้งสวยทั้งเก่ง หน้าที่การงานก็ดี ถ้าคุณภคพงษ์จะมาจีบก็ไม่เห็นจะแปลก มั่นใจในตัวเองหน่อยสิจ๊ะ”
รสาหลิ่วตารู้ทันแล้วก็จับหัวพิมพรรณโยกไปมา
“เดี๋ยวนี้ยอกย้อนนะจ้ะ”
พิมพรรณหน้าโยกไปมาตามแรงโยก
“โอ้ย ก็พูดจริงนี่ รส..วันมะรืนนี้วาริชจะมาเยี่ยมชมรีสอร์ต รสช่วยพิมต้อนรับเค้าหน่อยนะ”
“ได้เลย”
“ส่วนเรื่องคุณภคพงษ์ คราวหน้าพามาอีกนะ พิมจะได้ช่วยดูให้ไง..ว่าเค้าคิดยังไงกับรสกันแน่”
รสาสะอึก...แล้วก็ยิ้มกว้าง
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เพราะรสมั่นใจว่าคนอย่างนายภคพงษ์ เค้าไม่ได้คิดอะไรกับรสแน่ๆ ไม่ต้องให้พิมช่วยดู รสก็รู้อยู่แล้ว”

รสาตอบอย่างมั่นใจ ฟันธง ร้อยเปอร์เซ็นต์

โปรดติดตาม...ลุ้นรัก "รสา-ภคพงษ์" ตอนต่อไป
ตะวันทอแสง ตอนที่ 2
ตะวันทอแสง ตอนที่ 2
ภายในที่ทำงานตอนเย็น รสาทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ชีวินเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง “ไหวมั้ยรส มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” “ช่วยไปเอาของที่บ้านให้ก็พอจ้ะ รสโทร.บอกป้าภรณ์ไว้แล้ว” “ได้ งั้นวินรีบไปรีบมานะ” ชีวินยิ้มๆ แล้วก็รีบเดินออกไปด้วยความกุลีกุจอ รสามองตามนิดๆ ก่อนจะหันกลับมาเริ่มทำงาน โทรศัพท์มือถือรสาดังขึ้น เห็นชื่อพิมจึงรีบรับสาย “พิมว่าไง” เด็กนักเรียนระดับมัธยมกำลังเดินกลับบ้านกันเป็นกลุ่มๆ ภายในห้องสมุด พิมพรรณยืนโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานของบรรณารักษ์ “รสตกลงว่าเสาร์ อาทิตย์นี้ รสมาระยองหรือเปล่า” “ไม่ได้กลับไป มีงานเข้า” รสาตอบเสียงเหนื่อยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น