xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันทอแสง ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตะวันทอแสง ตอนที่ 1

ภายในสวนสวยของร้านอาหารหรูตอนค่ำวันนั้น ถูกใช้เป็นงานแต่งงานเล็กๆ ตกแต่งออกมาในบรรยากาศแสนอบอุ่น ‘รสา เรืองอรุณรอง’ เดินเข้ามาตรงหน้างาน ในชุดราตรีสั้นสีสดใส ไม่หวานจนเกินไปนัก ดูทะมัดทะแมง สดใส และโดดเด่นเกินใครๆ

จังหวะนั้นเสียงของ ‘ชีวิน ภักดิ์ดำรง’ ดังขึ้น
“รสา”
รสาหันไปตามเสียงเรียก เห็นชีวินเดินมาหาในชุดสูทเก๋ ไม่เป็นทางการเกินไป แต่เท่กำลังดี
“วิน”
ชีวินเดินยิ้มร่าเข้ามาหาพลางบอกชม “สวยจัง”
“ขอบใจ” รสาพูดพลางยิ้มรับ
“เพื่อนๆ อยู่ข้างในกันหมดแล้วทุกคนรอรสอยู่”
รสายิ้มพลางส่ายหน้าแล้วควงแขนชีวินแบบไม่คิดมาก ชีวินยิ้มแก้มปริเพราะหลงรักรสาอยู่ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในงาน ...เสียงเพื่อนๆทักทายดังเข้ามา
“รสๆ เฮ้ย ไอ้รสมาแล้วเว้ย”
รสายิ้มให้เพื่อนๆ ชีวินยิ้มมีความสุข

พนักงานเปิดประตูร้านอาหารแล้วโค้งคำนับให้ “ภคพงษ์ เถลิงยศ” ที่เดินเข้ามาคู่กับ “พักตร์วิมล พาเวลล์” ในชุดเซ็กซี่ เก๋ไก๋ แบรนด์เนมทั้งตัว แต่งหน้าเข้ม
พักตร์วิมลยิ้มเชิดๆ เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่าฉันเหนือกว่าผู้หญิงทุกคน
ภคพงษ์เดินเข้าร้านอาหารด้วยบุคลิกอันสง่างาม สุภาพ แต่แฝงไว้ด้วยความถือตัว ความหล่อหรูดูเป็นผู้ดีของภคพงษ์แผ่กระจายไปทั่วงานจนสะกดทุกสายตาของคนในร้านอาหาร สาวๆ มองตามกันเป็นทาง พักตร์วิมลรีบถือวิสาสะแสดงความเป็นเจ้าของจับมือภคพงษ์มั่บ! ทันที
ภคพงษ์ชะงักนิดๆ แล้วค่อยๆ คลายมือพักตร์วิมลออกอย่างสุภาพ ก่อนจะจับเปลี่ยนมาเป็นคล้องแขนแทน
พักตร์วิมลชักสีหน้านิดๆ แอบเสียดายที่ภคพงษ์ไม่หลวมตัวให้จับมือ พักตร์วิมลควงแขนภคพงษ์แสดงความเป็นเจ้าของแล้วก็เดินเชิดเคียงคู่กันไปที่โต๊ะอาหาร

ชีวินส่งแก้วเครื่องดื่มให้รสาที่กำลังยืนอยู่มุมหนึ่งของงาน
“เห็นเม้าท์ไม่หยุดตั้งแต่มา คอคงจะแห้ง วินเอามาให้สองแก้วเลย”
“รู้ใจที่สุด ขอบใจจ้ะ”
รสารับมาทั้งสองแก้วแล้วก็ดื่มพรวดๆๆ จนหมดแก้วแรก
“เอ้าๆ ใจเย็นๆ”
รสาไม่ฟังเสียงยกอีกแก้วขึ้นดื่มตามทันที ชีวินเห็นแล้วก็ขำด้วยความเอ็นดู
“ฮึๆๆ เบาๆ เดี๋ยวสำลัก”
ชีวินพูดจบ รสาก็สำลักจริงๆ พรวด! แค้กๆๆ ในลำคอ
“นั่นไง ว่าแล้ว”
ชีวินรีบหันไปหยิบกระดาษมาเช็ดปากให้เพราะมือของรสาสองข้างถือแก้วน้ำอยู่พลางขำไปด้วย
“เอ้าดูสิ อุตส่าห์แต่งหน้ามาสวยๆ เลอะหมดแล้ว ฮึๆๆๆ”
รสายังไอแค้กๆๆ และยิ้มแห้งแล้วเจื่อนๆไปด้วยอาย ชีวินมองด้วยสายตาเอ็นดูทั้งสงสาร

ภคพงษ์เดินนำพักตร์วิมลมาที่โต๊ะริมหน้าต่าง มุมสวยแต่ยังไม่นั่ง ด้านหลังเห็นพนักงานกำลังใช้มือถือถ่ายรูปกับพักตร์วิมลกับแขกอย่างคึกคัก มีแขกอีกสามสี่คนยืนต่อคิวจะถ่ายรูปอยู่ข้างๆ
ภคพงษ์ยืนอยู่ริมหน้าต่างมองทอดสายตาในสวนเห็นงานแต่งงาน ภคพงษ์มองไปเรื่อยๆ และก็หยุดที่รสาซึ่งยืนไอนิดหน่อยอยู่ที่มุมเดิมโดยมีชีวินคอยเช็ดปากให้ ภคพงษ์รู้สึกสะดุดตากับความสวยเป็นธรรมชาติของรสา
เสียงพักตร์วิมลดังมาจากข้างหลัง
“ขอโทษนะคะภัค พอดี แฟนละครน่ะค่ะ”
พักตร์วิมลชะงักเมื่อเห็นงานก็มองเหล่ภคพงษ์แล้วโพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นจนออกนอกหน้า
“งานแต่งงาน !...น่ารักจังเลยค่ะ”
พักตร์วิมลรีบเดินมาสมทบ ระหว่างที่พักตร์วิมลยืนตื่นเต้นอยู่ ภคพงษ์ก็หันเบี่ยงตัวมานั่งที่โต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกล ภคพงษ์เลื่อนเก้าอี้ให้อย่างสุภาพ
“เชิญครับ”
พักตร์วิมลหน้าเสียนิดๆ ที่ภคพงษ์ไม่สนใจเรื่องงานแต่งงานเลยจำใจเดินตามมานั่ง
“ขอบคุณค่ะ”
พักตร์วิมลนั่งลง ภคพงษ์เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม ระหว่างที่ภคพงษ์เดินไป พักตร์วิมลแอบบ่นเบาๆ
“รีบชิ่งเชียว!!”
พอภคพงษ์นั่งปุ๊บ พักตร์วิมลแล้วก็รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแฉ่งได้อย่างรวดเร็วและแนบเนียนทันทีสมกับเป็นนักแสดง

ที่ด้านนอกของร้านอาหาร ชีวินมองรสา
“โอเครึยัง”
รสาพยักหน้าแล้วบอก
“โอละ..ขอบใจจ้ะ”
เพื่อนๆ 2-3 คนเดินมาเห็นพอดี
“รส วิน หลบมาสวีตกันที่นี่เอง” เพื่อนคนที่ 1 บอก
เพื่อนทั้งสามคนเดินเข้ามาสมทบกับชีวินและรสา เพื่อนคนที่ 2 แซว
“ว่าไงยัยรส เมื่อไหร่จะถึงคิวเธอกับวิน”
ไม่รู้สิ..วินเค้าไม่เห็นมาขอสักที” รสาพูดเล่นๆพลางยิ้มขำ
“แหม..ทำเป็นพูด ถ้าวินไปขอจริงๆ จะยอมแต่งเหรอ” ชีวินพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง
รสายังไม่ทันจะตอบ เพื่อนแถวหน้าเวทีก็ตะโกนขึ้น
“ใครกลัวขึ้นคานรีบรับดอกไม้ได้แล้วจ้า”
เพื่อนที่ยืนอยู่กับรสารีบหันมาคว้าข้อมือรสา
“รสไปเร็ว”
“อ้าว..เฮ้ย!”
รสาตกใจเล็กๆ แต่ก็ไหลไปตามแรงดึงของเพื่อนๆ ชีวินมองตามแอบลุ้น
 
เสียงสาวแท้สาวเทียมวี๊ดว้ายกระตู้วู้สนุกสนานดังล้ำออกมาจากสวน

เสียงจากสวนทำให้พักตร์วิมลหันไปมองสาวๆ ที่กำลังอออยู่หน้าเวทีรอรับดอกไม้ ก่อนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“เจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้แล้วค่ะภัค”
ภคพงษ์ไม่สนใจงานแต่งงาน แต่ยื่นรายการอาหารให้พนักงานหลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย
“เห็นพนักงานบอกว่าเป็นงานแต่งงานของพวกสถาปนิกกับอินทีเรีย งานก็เลยเก๋ๆ .. ถ้าแพตแต่งงาน แพตก็อยากจัดงานในสวนเหมือนกันนะคะ” พักตร์วิมลพูดพลางแอบเหล่มองภคพงษ์
ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ เข้าใจจุดมุ่งหมายแต่ไม่ต่อความ พักตร์วิมลได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แอบเซ็งที่ภคพงษ์ไม่รับมุก
ภายนอก … รสาพยายามจะยืนอยู่หน้าๆ แต่ก็โดนเบียดตกลงมาเรื่อย ชีวินยืนลุ้นพลางบอก
“รส รับมาให้ได้นะ”
“แหะๆ” รสายิ้มแห้งๆตอบ
เจ้าสาวโยนดอกไม้
คนแย่งช่อดอกไม้ที่ลอยมากันอย่างมากมาย แต่สุดท้ายมันก็ลอยมาอยู่ในมือรสา ตุ๊บ ! รสารับมาด้วยความอึ้ง เพื่อน ๆ หันมาแสดงความดีใจ
“รส! ยัยรสได้ดอกไม้ !! รสดีใจด้วยนะ”
ทั้งเพื่อนสาว เพื่อนเกย์แต่งแมน และเพื่อนผู้ชายต่างเข้ามาสวมกอดแสดงความยินดีกับรสากันอย่างคึกคัก
เสียงดนตรี เสียงกรี๊ดกร๊าดดังจนภคพงษ์ต้องหันไปมองเห็นรสากอดกับเพื่อนผู้ชายที่มาแสดงความยินดีอย่างเป็นกันเอง กอดกับคนโน้นที คนนี้ทีอย่างมีความสุข สุดท้าย...รสากอดกับชีวินที่เดินมาแสดงความยินดี มองผ่านสายตาของภคพงษ์คิดว่า รสาเป็นสาวเปรี้ยวกอดกับผู้ชายไปทั่ว ภคพงษ์มีแววดูแคลนเล็กๆ ในความก๋ากั่นนั้น

รสาเดินถือช่อดอกไม้มาหาชีวิน ทั้งสองคนยิ้มให้กัน ชีวินยกนิ้วเหมือนจะบอกว่าเก่งมาก รสายิ้มรับ ทันใดนั้น
เสียงของ พิทตี้ หรือ “พิทยา พิศเพลิน” ก็ดังขึ้น
“ฉันมาช้าไม่ทันรับดอกไม้เหรอเนี่ย”
รสากับชีวินหันไปเห็นพิทยาแต่งตัวเนี้ยบกริบเดินเข้ามาในงาน น้องๆในงานยกมือไหว้กันเป็นทาง
“พี่พิทสวัสดีค่ะ / พี่พิทตี้หวัดดี้ / พี่พิททททท..ดีค่ะ / พี่พิท !”
พิทยาเดินส่งยิ้มให้เหมือนดารากำลังเดินอยู่บนพรมแดง
“สวัสดีจ้ะ สวัสดี”
พิทยาเดินมาหารสากับชีวิน
“ถ้าเอาผ้า7สี7ศอกมาผูกรอบพี่พิทคงกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยนะเนี่ย ยกมือไหว้กันทั้งงาน” ชีวินบอก
“ใช่ ฉันเป็นทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็เป็นเจ้านายแกด้วยไงไอ้วิน !”
“โอ๋... ผมพูดเล่นน่ะครับ”
ชีวินสำนึกทำเป็นบีบนวดอย่างเอาใจแล้วพูดต่อ
“อย่าโกรธเลยนะครับท่านหัวหน้า”
พิทยาทำเคลิ้ม หันหลังให้ชีวินนวดหันหน้าไปทางภคพงษ์
“ดีๆ นวดไปอย่าหยุด เออๆ นั่นแหละ ลงมาหน่อยสะบักๆ เอออออ...ดี”
รสายิ้มๆแล้วส่ายหน้า
พิทยาลืมตาขึ้นแล้วก็พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
“อร้ายย!! นั่นมันคือ...”
รสากับชีวินถึงกับมองตามด้วยความสงสัย
“คืออะไร” รสาถาม
“คือ แพต - พักตร์วิมล”
รสามองด้วยความแปลกใจ พักตร์วิมลทานข้าวอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง พิทยาพูดต่อ
“นางดังระดับซุป’ตาร์เลยนะจะบอกให้ คนที่ควงมาด้วยน่าจะเป็นไฮโซ เพราะเค้าชอบคบแต่พวกคนรวยๆ”
“โอโห้ .. พี่พิทนี่สนใจข่าวเม้าท์ดาราตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” รสาอึ้งไม่คิดว่าพิทยาจะสนใจเรื่องพรรค์นี้
“เลขาฉันรายงานทุกอย่าง แต่ไฮโซคนนี้ท่าทางคุ้นๆ น่าจะเป็นคนดัง แต่นึกไม่ออก”
รสาหันไปมองอีกที เห็นภคพงษ์หันด้านข้าง แต่ยอมรับว่า ความหล่อทอเป็นประกาย
“ดูท่าทางหยิ่งชะมัด นี่ถ้ารสต้องไปนั่งกินข้าวด้วยคงกลืนไม่ลง”
รสาย่นจมูกใส่แล้วก็หันกลับอย่างไม่สนใจ พอหันกลับมา ภคพงษ์ก็หันมาเห็นรสายืนหันหลังอยู่เลยไม่ได้เห็นว่า ต่างคนต่างมองกันอยู่

บริเวณหน้างานในตอนค่ำ รสาในอาการเพลียๆกับชีวินกำลังเดินอยู่เหมือนจะกลับ รสาเดินอย่างสบายใจ ชีวินมองแล้วก็อมยิ้ม รสาหันมาเห็นพอดี
“คิดอะไร ทำไมมอง แล้วยิ้ม”
“คิดถึงรสตอนเด็กๆ”
“เหรอ คิดว่าไง”
“ก็คิดว่า ผู้หญิงคนนี้แปลกดี มองใครก็มองตรงๆ ไม่มีการชำเลืองมอง แอบมอง หรือหลบตาใครเลย วิเคราะห์ได้ว่าเป็นคนที่มีพลังใจเข้มแข็งและบริสุทธิ์กว่าคนทั่วไป”
“เกินไป..รสก็แค่เด็กบ้านนอก คนบ้านนอกเค้าก็มองตรงๆอย่างนี้ทั้งนั้น”
“อ้อ..มีอีกอย่างนึง วินคิดว่ายัยคนนี้พูดเพราะดี มีหางเสียง แต่บทจะลุยใครขึ้นมา ก็ลุยไม่เลือก”
รสาขำแล้วบอก
“เดี๋ยวนี้ลดไปเยอะแล้ว กลัวคุณลูกค้ารับไม่ได้ คุณเจ้านายด่าตายเลย ไป! ดึกแล้ว กลับเหอะ”
ทั้ง 2คนจะเดินออก แต่ชีวินนึกได้ ชะงักถาม

“ดึกแล้วจะขับรถไหวมั้ย จะให้วินไปส่งหรือเปล่า แล้วพรุ่งนี้เช้าวินค่อยไปรับมาเอารถที่นี่”
“อย่าเลย พรุ่งนี้รสต้องไประยองแต่เช้า วินไม่เปลี่ยนใจไปกับรสแน่เหรอ”
รสาพูดแล้วเอาไหล่มาดันๆ
“พิมเค้าถามถึงนะ”
ชีวินมองหน้าอย่างรู้ทันแล้วก็ดึงผมหางม้าที่รสามัดรวบไว้ข้างหลัง
“ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่สื่อเลย”
“โอ้ย”

อีกมุมหนึ่งภคพงษ์เดินมาพอดี ภคพงษ์ปรายตาไปเห็นรสากับชีวินหยอกล้อกันอยู่ ก็เอ๊ะในใจอีกรอบว่า..ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วเหรอ?

รสากับชีวินยืนคุยกันอยู่ที่เดิม รสารู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่จึงหันมา รสากับภคพงษ์สบตากันหนึ่งแว่บก่อนหันหลังกลับไปพลางเชิดหน้านิดๆ ด้วยแววตาถือตัวและแอบดูแคลนเล็กๆ

ส่วนรสามองแล้วเกิดความรู้สึกขัดใจ ขัดตา ขัดความรู้สึกขึ้นมาทันที รสาเบ้ปากนิดๆ พูดเบาๆ
“หล่อตายล่ะ!”
รสารู้สึกไม่ถูกชะตากับชายไฮโซแปลกหน้าอย่างแรง

เช้าวันต่อมา รถของรสาวิ่งมาจอดที่หน้าเกสต์เฮ้าส์บ้านป้าอาภรณ์ ขณะนั้นแขกฝรั่งเดินอยู่กับอาภรณ์ที่กำลังส่งภาษาอังกฤษสำเนียงบ้านๆ พร้อมคำแปล
“ไอวิลโชว์ยู อะ รูม นะคะ เดี๋ยวจะพาไปดูห้องค่ะ”
ขณะที่อาภรณ์กำลังเดินนำแขกไปก็เหลือบมาเห็นรสาเดินถือกระเป๋าลงจากรถพอดี อาภรณ์รีบทัก
“รส !”
“จ๋า”
อาภรณ์หันมาทางลูกค้าบอก
“เว้ท อะ มินิท รอนิดนึงนะคะ จะไประยองแล้วใช่มั้ย” อาภรณ์พูดพลางเดินมาหา
“จ้ะ”
“ป้ามีไส้กรอกหมูแฮมจะฝากไปให้หนูพิม พร้อมกับวิมลเค้าหน่อย ป้าวางไว้ในรถแล้ว ฝากบอกว่าเจ้าเนี้ยอร่อย เผื่อเค้าชิมแล้วติดใจ อยากจะเอาไปขายที่รีสอร์ทก็บอกมาได้ ป้าจะขอราคาพิเศษให้”
“ได้จ้ะ”
รสาจะเดินไป อาภรณ์นึกขึ้นได้
“เออๆ ลูกค้าเค้าชมว่าบ้านเราสวยมากเลยนะ ป้าก็บอกว่าหลานสาว เป็นคนออกแบบทั้งหมดเลย อุ้ย..ชมกันใหญ่”
“ขอบคุณค่ะ รสไปก่อนนะจ้ะ สวัสดีจ้ะ”
“จ้า.. ขับรถดีๆนะลูก”
รสาขับรถออกไป อาภรณ์มองตามด้วยความรัก

จังหวัดระยองในเวลากลางวัน ที่บ้านพร้อมรีสอร์ต บรรยากาศสดใส ท้องทะเลสวยงาม “วิมล เทียบศีล” กำลังตากปลาที่ตะแกรงอยู่หน้าครัว ส่วน “พร้อม” ผู้เป็นสามีกำลังนั่งจัดอุปกรณ์ดำน้ำอยู่ใต้บ้านที่ทำเป็นล๊อบบี้
รสาแล่นรถเข้ามาในบริเวณรีสอร์ต
พิมพรรณ ลูกสาวพร้อมกับวิมลกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆพร้อมก็ตะโกนขึ้น
“พ่อ แม่ รสมาแล้วจ้ะ !”
พิมพรรณกำลังจะเดินไปรับ ห้าวโผล่ขึ้นมาจากในครัว ใส่เสื้อกล้าม กางเกงเล ผิวคล้ำเข้มส่งเสียงสดใสเรียก
“รส !”
ห้าววิ่งปาดหน้าพิมพรรณ รีบไปต้อนรับรสาทันที
“อ้าว..พี่ห้าว.. มาจากไหนเนี่ย”
ห้าววิ่งมารับรสาที่ลานจอดรถด้วยความตื่นเต้นร่าเริง

รสาลงจากรถแล้วเดินมาเปิดท้ายเตรียมยกของลง ทันใดนั้น มือของห้าวก็เอื้อมมาสะกิดไหล่ด้านซ้าย รสาหันไปทางซ้าย ไม่มีใคร ห้าวยืนอยู่ด้านขวา อมยิ้มขำๆ แล้วก็แกล้งดึงผมหางม้าของรสาที่มัดรวบไว้ด้านหลัง ตึ้ก ! จนรสาตกใจ
“อุ้ย พี่ห้าว !”
รสาใช้ศอกถองเข้าที่ท้องห้าวที่ยังยืนหันหลังอยู่ ปั๊ก !
“โอ้ย !” ห้าวร้องด้วยความจุก
รสาหันมาแล้วก็ล็อกคอห้าว ก่อนจะจับทุ่มอย่างรวดเร็วอย่างสนิทสนมและเป็นกันเอง พลั่ก !! จนห้าวลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น ทั้งเจ็บ ทั้งชอบใจ ห้าวส่งเสียงอ้อน
“โห...รส โหดจัง !! แกล้งพี่ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่สงสารบ้างหรือไง”
“รสป้องกันตัวนะ พี่ห้าวนั่นแหละ แกล้งรสก่อน” รสายิ้มขำๆ
พิมพรรณเดินมาแล้วก็ส่ายหน้า
“สองคนนี้เล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว...รสรีบเข้าบ้านเถอะจ้ะ พ่อกับแม่รออยู่ พี่ห้าวยกของรสตามมาด้วยนะจ๊ะ ไปรส”
รสาดินตามแรงลากของพิมพรรณ แต่ยังหันมาบอกกับห้าว
“พี่ห้าว ขอบคุณมากนะคะ”
“จ้า...”
ห้าวมองตามรสากับพิมพรรณที่เดินไป แล้วเลิกสำออย ลุกขึ้น ไม่มีวี่แววของความเจ็บแม้แต่น้อย ห้าวมอง
ตาม รสาแล้วก็อมยิ้มนิดๆ อย่างมีความสุข

รสายกมือไหว้ พร้อมและวิมล โดยมีพิมพรรณนั่งอยู่ใกล้ๆ
“อาพร้อม อาวิมลสวัสดีค่ะ ป้าภรณ์ฝากไส้กรอกกับหมูแฮมมาให้ชิมค่ะ”
ห้าวกุลีกุจอวางถุงไส้กรอก หมูแฮมถูกวางไว้บนโต๊ะ
“พี่ภรณ์โทร.บอกบอกอาแล้วจ้ะ ขอบใจนะที่เป็นธุระขนมาให้ ห้าวเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็นไป วางไว้ร้อนๆเดี๋ยวเสีย” วิมลบอก
“ได้จ้ะ อ้อ..งั้นมื้อกลางวันนี้ฉันจะทอดไส้กรอกแล้วเอาแฮมมายำดีมั้ยจ๊ะ”
“เออดีๆ งั้นแกรีบทำเลย ข้าเริ่มหิวแล้ว” พร้อมบอก
“แป๊บนึงนะ รสหิวยังจ๊ะ” ห้าวหันมาถามรสาเสียงหวาน
“นิดนึง”
“งั้นพี่จะรีบเลย ไม่เกิน 15 นาที”
ห้าวรีบเดินถือของเข้าห้องครัวไปอย่างกระตือรือร้น พิมพรรณหันมาทางรสา
“ระหว่างรอพี่ห้าวทำกับข้าว เราไปเม้าท์กันดีกว่ารส”
พิมพรรณพูดจบก็ลากรสาไปทันที พร้อมมองตามอย่างงงๆ
“อ้าวๆๆ แล้วจะไปเม้าท์อะไรกันที่ไหน ทำไมไม่คุยตรงนี้หล่ะ หะ” พร้อมถาม
“เอาน่าพ่อ..เด็กๆเค้าก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวคุยกันบ้าง เค้าก็ไม่อยากให้เรารู้ทุกเรื่องหรอก”
 
วิมลว่าพร้อมส่ายหน้าไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อยากขัด

รสานั่งคุยในอิริยาบถสบายๆ เหมือนอยู่บ้านตัวเอง พิมพรรณวางแก้วน้ำไว้ให้รสา

“น้ำจ้ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
“รสจะอยู่กี่วัน”
“สองวันเอง วันจันทร์มีงานแต่เช้า”
“โห..นึกว่าจะอยู่ได้นานๆ มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะเลย”
“ตั้งสองวันหนึ่งคืนจะเล่าไม่จบหรือไงจ้ะ “ รสาถาม
“ก็คิดถึงนี่อยากให้รสกลับมาบ่อยๆ ตั้งแต่รสเริ่มทำงานจริงๆจังๆไม่ค่อยกลับมาเลย พิมเง้า เหงา”
“พิมก็เข้าไปหารสที่กรุงเทพก็ได้นี่ รสพาเที่ยว จะได้ไม่เหงา”
“โหย..รสก็รู้ พิมทำงานที่โรงเรียน 5 วัน ยิ่งตอนนี้ห้องสมุดจะติดตั้งระบบคอมพ์ใหม่ พิมก็ต้องอยู่เย็น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องช่วยพ่อแม่ดูรีสอร์ตไปไม่ได้แน่เลย”
“งั้นรสจะลองขอพี่พิทหอบงานมาทำที่นี่บ้างจะได้กลับมาอยู่กับพิมได้บ่อยขึ้น ดีมั้ย”
พิมพรรณยิ้มแล้วก็จับมือรสาด้วยความซาบซึ้ง
“ขอบใจจ้ะ รสเนี่ยน่ารักที่สุดเลย พิมดีใจที่พ่อแม่รับรสมาอุปการะ พิมเหมือนมีทุกอย่าง มีทั้งเพื่อน มีพี่สาว แล้วก็มีน้องสาวด้วย ถ้าบ้านนี้ไม่มีรส พิมต้องเหงามากๆแน่เลย”
รสาจับมือพิมพรรณแล้วบอก
“รสก็โชคดีที่ได้มาอยู่บ้านนี้...พิมก็เป็นทุกอย่างของรสเหมือนกัน”
พิมพรรณกับรสามองกันด้วยความเอื้ออาทร
ทันใดนั้นเสียงแตรก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน รสากับพิมพรรณหันไปมองด้วยความแปลกใจ

เรือเร็วตั้งตระหง่านอยู่บนรถลากแล่นเข้ามาจอดที่หน้าลานบ้าน คนขับรถกับคนงานอีกคน
ช่วยกันปลดล็อคที่ลากเรือเร็วเพื่อเตรียมลากไปทะเล พร้อม วิมล กับห้าวยืนคุมอยู่
“ห้าว พาเค้าไปที่ทางเดินลงหาดแล้วเอาเรือลงเลย”
“จ้ะ มาทางนี้เลยพี่!”
ห้าวช่วยกันลากเรือเตรียมลงทะเล รสากับพิมพรรณเดินเข้ามาถามพ่อกับแม่
“เรือใหม่เหรอจ้ะ “
“อืม พอดีได้ของเพื่อนมา ราคาถูก มีคนบอกว่า ตอนนี้พวกนักท่องเที่ยวกำลังชอบเล่นพวกเวกบง เวกบอร์ด อะไรเนี่ย แล้วเพื่อนอาก็จะซื้อชุดใหม่เลยโละชุดเก่ามาให้ อาเลยเอามาลองดู” พร้อมบอก
“ห้ามก็ไม่ฟัง งก เห็นว่าถูกก็ซื้อมาก่อน แล้วไงหล่ะ...ยังไม่มีใครเล่นเป็นเลยเนี่ย ไม่รู้จะทำยังไง” วิมลบอก
“รสเล่นเป็นจ้ะ”
รสาพูดขึ้น ทุกคนหันมามอง
“ที่กรุงเทพเค้าเล่นในบึง รสกับเพื่อนๆที่ทำงานเคยไปลองเล่น รสว่าเล่นกับทะเลก็น่าจะเหมือนกัน เดี๋ยวรสลองเล่นให้ดูจ้ะ”
“แน่ใจนะรส” พิมพรรณถาม
รสาไม่ตอบแต่ยิ้มมั่นใจ
เสียงเจ็ทสกีในทะเลดัง...เข้ามา

บริเวณหน้าโรงแรมหรูในเวลาต่อมา ภคพงษ์กำลังขี่เจทสกีอยู่อย่างเท่ในทะเล บริเวณริมหาดมีผู้หญิงชื่อ “ยูมิโกะ สุชิยะ” หรือ เรียกสั้นๆว่า “ยูโฮะ”ที่อยู่ในชุดลำลองเกาลี้ เกาหลี เดินมาหยุดในจุดที่คิดว่า ภคพงษ์น่าจะมองเห็น แล้วก็ยิ้มแล้วโบกมืออย่างคุ้นเคยให้สุดฤทธิ์ ทันใดนั้นเสียงสาวๆข้างๆที่ยืนดูภคพงษ์อยู่ก็ร้องกรี๊ดกร๊าดขึ้นมา
“อ๊ายย..ใครอ่ะแก ดาราหรือเปล่า” ขากรี๊ดคนแรกว่า
“ขนาดเห็นไกลๆ ยังรู้เลยว่าหล่ออ่ะ !” ขากรี๊ดคนที่สองบอก
ยูโฮะชะงักกึก หุบยิ้ม หันขวับมาที่บรรดาขากรี๊ดทันทีที่เป็นแกงค์เพื่อนสาว 2-3คน กำลังใช้กล้องซูมไปที่ภคพงษ์ด้วยความสนใจอย่างแรง ยูโฮะหันขวับกลับมาด้วยความเซ็งก่อนมองไปที่ภคพงษ์ด้วยความหวง
ภคพงษ์ขี่เจ็ทสกีไกลออกไป ยูโฮะมองด้วยความแปลกใจ
“พี่ภัคจะไปไหนของเค้า”
ภคพงษ์ขี่เจ็ทสกีตัดคลื่นออกไปอีกฝั่งหนึ่งของชายหาดอย่างรวดเร็ว

กุญแจเรือถูกบิดสตาร์ทส่งเสียงดังกระหึ่ม พิมพรรณเกาะอยู่ท้ายเรือเร็ว พลางตะโกนถาม
“รส ! พร้อมมั้ย”
รสาสวมชุดว่ายน้ำขาสั้น ทับด้วยเสื้อชูชีพเวทสูทแขนกุด ดูเท่ๆทะมัดทะแมง รัดผมรวบไปข้างหลัง รสานั่งอยู่ในน้ำทะเลริมหาด ขาสวมเวกบอร์ด เตรียมออกตัว รสาตะโกนกลับมาด้วยความมั่นใจ
“พร้อม !”
พิมพรรณหันมาทางห้าวที่ทำหน้าที่คุมเรือ ห้าวใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นถึงเข่า เปลือยท่อนบน เห็นกล้ามล่ำสัน
“พี่ห้าว...แน่ใจนะว่าขับได้” พิมพรรณถาม
“ได้สิ...เค้าให้คู่มือมาด้วย อ่านไปขับไปสบายมาก”
พิมพรรณตกใจ
“หะ อ่านไปขับไปเนี่ยนะ”
พิมพรรณพูดยังไม่ทันจบ ห้าวก็ออกเรืออย่างเร็ว พรวดออกไปจนพิมพรรณหน้าหงายเซเกือบตกเรือ
“ว้ายย !”

ห้าวจับพวงมาลัยเรือแน่น มีสมุดคู่มือวางอยู่ข้างๆ เรือแล่นไปข้างหน้า ปรื้นน!

ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 (ต่อ) 

เรือสปีดโบทลากเวกบอร์ดของรสาที่อยู่ในท่านั่ง มือจับแฮนเดิ้ลแน่นออกไป พอเริ่มทรงตัวได้ รสาก็ค่อยลุกขึ้นยืนและควบคุมการทรงตัวได้อย่างสวยงาม ถึงจะไม่เพอร์เฟคแต่ก็รู้ว่า มีพื้นฐานมาบ้าง รสาดูสดใสท่ามกลางทะเลสีน้ำเงินเข้ม

มุมหนึ่งของทะเลไม่ไกลจากที่รสากำลังเล่นเวกบอร์ดอยู่ เจ็ทสกีของภคพงษ์ก็โผล่พรวดเข้ามาอย่างมั่นใจ ภคพงษ์สะดุดตากับหญิงสาวที่กำลังควบคุมเวกบอร์ดอย่างเท่
พิมพรรณเกาะท้ายเรือมองรสาด้วยความเป็นห่วง ห้าวหันมามองแล้วก็พูดขึ้นด้วยความชื่นชม
“พิมไม่ต้องห่วงรสเค้าหรอกน่า รสเค้าเก่ง ทำได้ทุกอย่าง สวยก็สวย หุ่นก็ดี๊ดี”
ห้าวมองไปยิ้มไปจนลืมดูทางข้างหน้าชั่วขณะ พิมพรรณเอะใจเห็นว่า ห้าวมองรสาตาหวานเยิ้ม ไม่ได้ดูทาง ทันใดนั้นพิมพรรณก็เหลือบไปเห็นว่าเรือกำลังจะพุ่งเข้าหาเจ็ทสกีที่อยู่ข้างหน้า พิมพรรณตะโกนขึ้น
“พี่ห้าว ระวัง !”
ห้าวตาเหลือกร้องลั่น
“เฮ้ย!”
ห้าวหักหลบด้วยสัญชาตญาณอย่างรวดเร็ว ฟึ่บ !! เรือของห้าวกับเจ็ทสกีของภคพงษ์หักหลบกันในระยะฉิวเฉียด พิมพรรณตกใจเสียหลักล้มหน้าหงายไปกองที่พื้น
“ว้าย !”
รสาตกใจเพราะองศาการหักของห้าวทำให้เธอเสียหลัก
“ว้าย!”
รสาเสียการทรงตัวปล่อยมือจากที่จับหล่นลงไปในน้ำ โครม !
ภคพงษ์ปรายตามามองรสาที่ตกลงไปในน้ำเล็กน้อยก่อนขับกลับออกไปทางเดิมโดยไม่สนใจ รสาโผล่ขึ้นมาจากน้ำ เวกบอร์ดลอยอยู่ข้างๆ รสาคว้าบอร์ดมากอดไว้ รสารีบปาดน้ำออกจากหน้าและมองไปที่เจ็ทสกีเจ้าปัญหาด้วยความไม่พอใจ เจ็ทสกีคันนั้นมีโลโก้ของโรงแรมที่พักติดไว้อย่างชัดเจน
รสาส่ายหน้าด้วยความไม่พอใจแล้วก็รีบหันกลับไปที่เรือทันที

เรือห้าวพุ่งเข้ามาชายฝั่งอย่างเร็ว ปรื้นน!
ห้าวสีหน้าตื่นตระหนก ตามองไปข้างหน้า มือก็คลำหาสมุดคู่มือ
“อยู่ไหนวะ”
พิมพรรณค่อยลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเซๆมาถาม
“พี่ห้าวหาอะไร”
“หาสมุดคู่มือกับหาเบรก”
พิมพรรณตาโต
“หาเบรกเนี่ยนะ !”
ห้าวพยักหน้ารับ

บริเวณริมหาดหน้ารีสอร์ต พร้อมกับวิมลที่กำลังยืนดูอยู่ถึงกับร้องออกมาพร้อมกัน ด้วยความตกใจ
“เฮ้ยย !”
“พิม !”
พร้อมกับวิมลรีบวิ่งไปดู

เรือห้าวพุ่งตรงมาชายหาด ภายในเรือพิมพรรณก้มลงหยิบสมุดคู่มือที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาแล้วก็รีบส่งให้ห้าว
“พี่ห้าว...นี่ๆวิธีเบรก”
ห้าวเหลือบมาดูแล้วก็รีบหันกลับมาทำตามที่หนังสือบอกไว้แต่ไม่ทัน เพราะชายหาดจ่อรออยู่ข้างหน้า ห้าวร้องขึ้นด้วยความลุ้นระทึก พร้อมกับเสยเรือเข้าไปในซุ้มนั่งเล่นที่สร้างแบบง่ายๆที่ตั้งอยู่ริมหาด
“เฮ้ยย!”
“ว้าย”
พิมพรรณรีบมุดหลบลงไปอย่างรวดเร็ว เรือสปีดโบทพุ่งเกยขึ้นมาบนชายหาดชนเข้ากับซุ้มอย่างแรง พลั่ก!

พร้อมและวิมลที่วิ่งไปตะโกนไปด้วยความเป็นห่วง
“พิม... พิม !”
พิมพรรณโผล่ขึ้นมาจากเรือเมื่อวิมลเดินมาถึงเรือพอดี
“พิมเป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรมากจ้ะแม่ แค่ถลอกนิดหน่อย”
“ค่อยยังชั่วหน่อยนึกว่าจะต้องส่งโรงพยาบาลซะแล้ว” พร้อมว่า
พร้อมเอื้อมมือไปรับพิมพรรณลงจากเรือด้วยความเป็นห่วง พร้อมมองพิมพรรณด้วยความรัก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วลูก ไอ้ห้าว”
ห้าวโผล่ขึ้นมาทำหน้าจ๋อย
“จ๋า”
พร้อมทำหน้าดุใส่ห้าวที่ยิ้มรับผิดทุกอย่าง
“เอ็งไม่ต้องมายิ้มเลย ขับยังไงมันถึงพุ่งมาอยู่ตรงนี้วะเนี่ย”
พิมพรรณเพิ่งนึกออก
“รส!แม่เห็นรสหรือเปล่า”

ทันใดนั้น เสียงรสาก็ดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง “พิม!”

รสารีบวิ่งขึ้นมาจากทะเลตรงมาที่พิมพรรณด้วยความเป็นห่วง

“พิมเป็นไรหรือเปล่า”
รสาเข้ามาจับตัวพิมพรรณหมุนซ้ายขวาดูด้วยความเป็นห่วง
“พิมไม่เป็นไร รสล่ะเป็นอะไรหรือเปล่า”
รสาส่ายหน้าแล้วบอก
“แค่ตกใจนิดหน่อย”
พร้อมเห็นสภาพเรือแล้วก็กลุ้ม
“หมด ! หมดกัน”
ห้าวหน้าเสียไปทันที รสาเดินเข้ามาช่วยดูสภาพเรือที่เสียบอยู่กลางซุ้มนั่งเล่น
“ดูสิเรือใหม่ข้าพังหมดเลย ลำนึงไม่ใช่แค่บาทสองบาทนะเว้ย เคลมก็ไม่ได้ ประกันก็ไม่มี เอ็งต้องรับผิดชอบ” พร้อมโวยวาย
รสาชะงักแล้วหันมาทางห้าวที่หน้าเหวออยู่
“หะ ฉันไม่มีตังค์”
“ข้าก็ไม่มีเว้ย เพิ่งขยายรีสอร์ตหมดไปตั้งเป็นล้าน ถ้าเอ็งไม่ซ่อมแล้วใครจะซ่อม”
รสาพูดแทรกขึ้นทันที
“รสหาคนซ่อมให้เอง”

ภคพงษ์ขี่เจทสกีมุ่งกลับมาเทียบจอดที่โรงแรม รสาวิ่งหน้าตั้งด้วยแววตามุ่งมั่นและแค้นสุดขีด คิดถึงเป้าหมายที่กำลังจะไปหา รสาจำได้ถึงโลโก้โรงแรมที่ติดอยู่ท้ายเจทสกีคันนั้น รสาเร่งสปีดวิ่งตัวปลิวหอบแฮ่กด้วยความร้อนใจมาอีกทาง ยูโฮะนั่งรออยู่อีกมุม พอเห็นภคพงษ์ก็รีบเดินเข้ามาหา ท่ามกลางสายตาของสาวๆที่แอบมอง
ภคพงษ์ด้วยความสนใจ
“พี่ภัค”
มุมหนึ่งของโรงแรม รสาวิ่งมาหยุดยืนหอบแฮ่ก มองซ้ายมองขวา แล้วก็สะดุดกึกเพ่งมองไปเห็นภคพงษ์จอดเจทสกีคันที่ก่อเรื่อง รสาแปลกใจกับหน้าตาคุ้นๆ
“ทำไมหน้าคุ้นๆ”
ยูโฮะที่กำลังเดินยิ้มกว้างมาหาภคพงษ์
“พี่ภัค..เหนื่อยมั้ยคะ ยูโฮะไปเอาผ้าเย็นมาให้เอามั้ยคะ”
ภคพงษ์มองเลยไปด้านหลังยูโฮะก็เห็นใครบางคนยืนอยู่ ภคพงษ์ถอนใจนิดๆ ก่อนจะเดินออกไปอีกทาง
ยูโฮะถึงกับหน้าเหวอ ยืนอึ้งไปชั่วครู่
“อ้าว...พี่ภัค พี่ภัคคะ พี่ภัคจะไปไหนคะ”
ภคพงษ์ไม่ตอบแต่เดินออกไปอย่างเร็ว รสารีบเดินตามไป
ขณะที่ยูโฮะยังงงอยู่นั้น เสียงพักตร์วิมลก็ดังขึ้น
“ภัคคะ..ภัค”
ยูโฮะหันไปตามเสียง ต่างคนต่างเประจันหน้ากัน
“นังแกงโฮะ ! แกมาที่นี่ได้ยังไง”
“แล้วทำไมชั้นจะมาไม่ได้- -นังดารา!”
ทั้งสองคน ฮึ่ม!ใส่กันน่ากลัว

ภคพงษ์เดินเข้ามายังบริเวณด้านหน้าสปาหรูของโรงแรมพลางถอดเสื้อชูชีพวางไว้และหยิบเสื้อคลุม
มาคลุม และเดินเข้าสปาไป รสาเดินพรวดออกมาเห็นพอดี รสารีบเดินตรงไปหาภคพงษ์ทันที

พักตร์วิมลเดินพรวดพราดนำหน้ายูโฮะเข้ามา
“หายไปไหนนะ เมื่อกี๊ยังเห็นเดินอยู่แถวนี้นี่นา”
ยูโฮะรีบมาปาดหน้าแล้วก็ตะโกนเรียกขึ้นเหมือนกัน
“พี่ภัคคะ..พี่ภัค !รอยูโฮะด้วยค่ะ”
ยูโฮะลอยหน้าเดินหาภคพงษ์ต่อไป พักตร์วิมลกัดฟันกรอด กระทืบเท้าด้วยความโกรธ แล้วก็จิกหางตาเดิน
ตามไปอย่างไม่ยอมลดละ ทั้งสองคนเดินตรงไปที่บริเวณสปา พร้อมกับเรียกหาอย่างไม่มีมารยาท
“พี่ภัค! / ภัคคะ”
ภายในสปา ภคพงษ์กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องอบไอน้ำ ทันใดนั้น ก็มีมือปาดเข้ามาและดันประตูปิดเหมือนเดิม พร้อมกับพูดขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ !”
ภคพงษ์มองมือของหญิงสาวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะค่อยๆมองไล่ตามมือมาที่ใบหน้า แล้วก็คุ้นๆว่า
เคยเจอที่ไหนมาก่อน
“ฉันคือคนที่คุณเกือบจะขับเจทสกีชนตายเมื่อกี๊นี้”
ภคพงษ์คิด...
ตอนที่รสาถลาตามแรงเหวี่ยงมาทางภคพงษ์ และก็ตกน้ำไป
ภคพงษ์นึกออกแล้วก็ยิ้ม
“อ๋อ...แต่ก็ยังไม่ตายนี่”
รสาตาโตอย่างไม่อยากเชื่อหู ภคพงษ์ไม่ใส่ใจและเปิดประตูห้องอบไอน้ำ รสาไม่ยอมปิดประตูดันกลับเข้าไปอีก
“ฉันต้องการค่าเสียหาย !”
ภคพงษ์ชะงักนิดๆ มองหน้ารสาด้วยสายตาดูแคลน
“เรือของอาฉันพังเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คุณต้องชดใช้”
ภคพงษ์จ้องรสาอย่างยิ่งดูแคลน ประมาณ “ผู้หญิงเห็นแก่เงิน”?! รสาจ้องตอบอย่างไม่กลัว แล้วเสียงยูโฮะก็ดังเข้ามา
“พี่ภัคคะ !!”
ภคพงษ์กรอกตาด้วยความเซ็ง แล้วก็เปิดประตูอย่างแรง โดยไม่สนใจมือของรสาที่ปิดอยู่
“อุ๊ย !”
รสาเซนิดๆเพราะแรงกระชากประตู ภคพงษ์เดินเข้าไปในห้องอบไอน้ำโดยไม่สนใจ รสาไม่ยอม
“นี่คุณ...เรายังคุยกันไม่จบ...คุณ” รสาร้องเรียกพลางตบประตู
ทันใดนั้นภคพงษ์ก็เปิดประตูออกมา รสามองหน้า แล้วภคพงษ์ก็ดึงรสาเข้าไปห้องอบไอน้ำด้วย
“ว้าย !”
ภคพงษ์ปิดประตูกรึบ !

บริเวณด้านหน้าสปา เสื้อชูชีพของภคพงษ์วางอยู่ ยูโฮะพุ่งเข้ามาหยิบดูแล้วก็หันขวับเข้าไปด้านในแล้วรีบจ้ำอ้าวพุ่งเข้าไปด้านในทันที พักตร์วิมลเดินตามมาเห็นพอดีก็รีบเดินตามเข้าไปทันทีเหมือนกัน
ภายในห้องอบไอน้ำ รสาหันขวับมาทางภคพงษ์แล้วก็โวย
“จะทำอะไรเนี่ย”
เสียงยูโฮะดังเข้ามา
“พี่ภัคคะ ...พี่ภัค”
ภคพงษ์รีบจับตัวรสาให้หันหลังแล้วก็เอามือปิดปากไว้ พร้อมกับดึงตัวเข้ามากอด รสาตกใจตาโตส่งเสียงอู้อี้ๆ
“เงียบ!” ภคพงษ์ดุเสียงเฉียบ
รสาถูกปิดปากไว้แน่นด้วยความอึ้งและงง ภคพงษ์ยืนหลบอยู่ด้านใน แอบมองผ่านกระจกบานขนาดไม่ใหญ่ที่ติดอยู่ด้วยความระมัดระวัง
 
รสาอยู่ในอ้อมกอดของภคพงษ์ด้วยความจำใจ ห้องก็เล็ก แถมยังร้อน อยู่กันแค่สองคน รสารู้สึกใจเต้น

ยูโฮะเดินพรวดพราดเข้ามาในสปามองซ้ายมองขวาสแกนหาสุดฤทธิ์ พักตร์วิมลเดินตามเข้ามาติดๆ
 
“เพราะเธอ ภัคเลยหายไปไหนก็ไม่รู้” ยูโฮะว่า
พักตร์วิมลเชิดหน้ากัดฟันกรอดด้วยความแค้น ยูโฮะหันกลับแล้วก็เดินพุ่งไปที่ห้องอบไอน้ำทันที ฝ่ายภคพงษ์พอเห็นยูโฮะกำลังเดินมาก็ดึงรสาหลบวูบลงให้พ้นจากกระจก ภคพงษ์นั่งลงบนที่นั่งพร้อมกับลากรสามา
ด้วย รสาโดนดึงมานั่งบนตักก็ตกใจ รสาส่งเสียงอู้อี้
“อุ้ย !”
“อยู่เฉยๆ”
รสาชะงักและจำใจต้องนั่งบนตักภคพงษ์ด้วยความอึดอัด ยูโฮะชะเง้อมองเข้ามาในห้องอบไอน้ำ เหลียวซ้ายมองขวาแต่ไม่เห็นใคร ภคพงษ์นั่งตัวลีบดึงรสาเข้ามาจนชิดกันสุดฤทธิ์กลัวว่า ยูโฮะจะมองเห็น รสาทำหน้าขัดใจ ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เนี่ย ?
หน้ายูโฮะมองผ่านกระจกเข้ามา พักตร์วิมลสุดทน โวยวายขึ้น
“บอกมานะ เอาภัคไปซ่อนไว้ไหน”
พักตร์วิมลกระชากแขนยูโฮะอย่างแรง
“โอ้ย!”
ภายในห้องอบไอน้ำ รสากับภคพงษ์ตัวเริ่มเปียกโซกเพราะน้ำชื้นจากไอน้ำ รสาขยับส่งเสียงอู้อี้และดิ้นจะให้หลุดจากอ้อมกอดของภคพงษ์
“นี่ปล่อยได้แล้ว”
ภคพงษ์ไม่ปล่อยและไม่พูดอะไร ได้แต่หน้าตาเฉยนิ่ง
ด้านหน้าห้องอบไอน้ำพักตร์วิมลยังโวยใส่
“ฉันถามว่าเอาภัคไปซ่อนไว้ไหน”
“เธอก็เห็นว่าพี่ภัคเดินหนีเธอไปเอง ฉันไม่ได้เอาเค้าไปซ่อนสักหน่อย”
“ว้ายย”
เสียงกรี๊ดทำให้รสาชะงักก่อนเหลือบมองหน้าภคพงษ์ประมาณว่า “หือ..แกนะแก..อย่างนี้นี่เอง”
ภคพงษ์หน้าตาเฉย รสาปรายตามามองภคพงษ์ด้วยแววตาหมั่นไส้
“ภัคไม่ได้เดินหนีฉัน เค้าหนีที่เธอตามตอแยเค้าต่างหาก เด็กหน้าตาบ้านๆอย่างเธอ ถ้าเอาบิ๊กอายออก ลบอายไลน์เนอร์ ไม่แต่งหน้า ไม่ทำผม ภัคเค้าไม่มีวันสนใจ” พักตร์วิมลพูดพลางเดินเข้าไปหายูโฮะแล้วจิ้มไปที่หน้าผาก หางตา หน้าก่อนจะผลักหัว
หน้าของพักตร์วิมลซึ่งกินข้าวกับภคพงษ์แว่บเข้ามา
รสานึกออกแล้ว รสาหันมามองหน้าภคพงษ์ใกล้ๆ ความหล่อในระยะประชิดทำให้รสาอึ้ง
ยูโฮะไม่ยอมพุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัว
“ก่อนจะด่าคนอื่นดูตัวเองก่อนเหอะ ถ้าเธอไม่ฉีดโบท๊อกซ์ อัดคอลลาเจน ทำเลเซอร์ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสังขาร ภัคเค้าก็ไม่สนเหมือนกันแหละ”
“อ๊ายย... นังแกงโฮะ!”
“ยูโฮะย่ะ เรียกให้มันถูกๆหน่อย นังเจ้าแม่โบท๊อกซ์ !”
ทันใดนั้นรปภ. ๒ คนก็พุ่งเข้ามา คนหนึ่งล็อกตัวพักตร์วิมลไว้ อีกคนเข้ามาล็อคตัวยูโฮะ
“ขอโทษนะครับ ขอเชิญคุณผู้หญิงออกมาข้างนอกดีกว่านะครับ เชิญครับ” รปภ.คนแรกบอก
“นี่..มาจับฉันทำไม ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย” พักตร์วิมลโวยวาย
“แล้วแกมาจับฉันทำไมเนี่ย” ยูโฮะว่า
“ขอเชิญข้างนอกก่อนครับ”
รปภ.อีกคนลากยูโฮะตามพักตร์วิมลออกไปทันที

ประตูห้องอบไอน้ำเปิดพรวดออกมาพร้อมๆกับรสาที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว รสาตัวเปียกโซก รสาตั้งตัวได้
ก็หันขวับมาต่อว่าภคพงษ์ทันที
“คุณปล่อยให้ผู้หญิงสองคนทะเลาะกันโดยไม่ทำอะไรได้ยังไง”
ภคพงษ์เดินออกมา ตัวเปียกไม่น้อยไปกว่ากัน หยดน้ำที่เกาะตามร่างกายยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่อย่างแรง ภคพงษ์เริ่มรู้สึกคุ้นและจำได้
รสาในงานแต่งงานตอนที่ชีวินเช็ดปากให้ ตอนกอดกับผู้ชายที่ได้ดอกไม้และตอนคุยกับชีวินที่ลานจอดรถมืดๆ
ภคพงษ์มองรสาด้วยแววตาดูแคลนและอมยิ้มยะโสอย่างถือตัว เพราะคิดว่าเป็นผู้หญิงง่ายๆ
“ฉันพักอยู่ที่ห้อง 71”
รสาตกใจ และไม่พอใจแล้วรีบรวบเสื้อปิดระวังตัวสุดๆ
“คุณบอกฉันทำไม ใครเค้าถาม”
ภคพงษ์มองด้วยแววตาดูแคลนกว่าเดิม ก่อนจะพูดด้วยเสียงนิ่งๆ
“ต้องการค่าเสียหายเท่าไหร่ ฝากข้อความไว้ที่เคาน์เตอร์ ทนายของฉันจะเป็นคนจัดการ”
รสาชะงักนิดๆ รู้สึกเสียหน้าที่คิดไปเป็นเรื่องอื่น ภคพงษ์พูดจบก็เดินออกไป และไม่หันกลับมามองอีกเลย
รสาค่อยคลายมือออกจากหน้าอกที่ปิดไว้แล้วก็มองตามด้วยความไม่ถูกชะตาอย่างแรง

ในเวลาต่อมาที่บ้านพร้อมรีสอร์ต พิมพรรณเงยหน้าจากกระดาษที่มีเบอร์ห้อง และเบอร์โทรศัพท์ของโรงแรม แล้วก็ถามรสาด้วยความแปลกใจ
“เบอร์ห้องผู้ชายคนที่ขี่เจ็ทสกีเนี่ยนะ”
รสาพยักหน้าแล้วบอก
“รสเห็นชื่อโรงแรมติดอยู่ที่เจ็ทสกีรสก็เลยตามไปถูก”
“โห..สุดยอดมากเลยรส ชีวิตนี้พิมไม่กล้าทำอะไรแบบนี้แน่ๆ”
พิมพรรณ วิมล ห้าว และพร้อมนั่งบ้าง ยืนบ้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น รสาซึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นมุมสวยประจำรีสอร์ตพูดกับพร้อม
“เค้าบอกว่าต้องการเท่าไหร่ฝากข้อความไว้ที่เคาน์เตอร์ได้เลยจ้ะ พิมจดเบอร์โทรศัพท์โรงแรมมาด้วย”
“อาขอบใจมากนะรส แต่อาว่าจะไม่เอาเงินเค้า จะหักเงินเดือนไอ้ห้าวแทน”
“อ้าว...ทำไมล่ะลุง” ห้าวถาม
“ก็มันเป็นความผิดของเอ็งที่ไม่ยอมดูทางให้มันดีๆ แล้วก็ไม่ยอมอ่านคู่มือให้มันแม่นๆ ก่อนจะขับ เค้าไม่เอาเรื่องเอ็งก็บุญแล้ว”
“ใช่ ดูสิ หนูรสเลยต้องลำบากไปคุยกับใครก็ไม่รู้ “ วิมลบอก
ห้าวคอตก วิมลส่ายหน้า รสาเห็นใจ
“ไม่เป็นไรจ้ะ ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไร งั้นเบอร์นี้ก็ทิ้งเลยนะ”
พูดจบรสาก็หยิบกระดาษเบอร์โทร และเบอร์ห้องมาขยำทิ้งไปวางนิ่งอยู่ในถังขยะ ในใจได้แต่คิดว่า
 
“อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย!”

ภายในบริษัทลงหลักปักฐาน เวลากลางวัน พิทยาวางแฟ้มงานไว้บนโต๊ะแล้วพูดพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานมากๆ

“ฉันเพิ่งได้งานใหญ่มากก ! และเจ้าของงานเค้ากำหนดมาเลยว่าอินทีเรียที่เค้าต้องการคือ รส”
รสาและ ชีวินแปลกใจ “คัพเค้ก” นั่งอยู่ข้างพิทยาคอยจดการประชุม
“ทำไมต้องเป็นรสล่ะครับ” ชีวินถาม
พิทยา เดินมาหารสาแล้วบอก
“คืออย่างนี้... ยัยรสของเราไปปล่อยฝีมือไว้ที่ล็อบบี้โรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และลูกค้าคนนี้เค้าเห็นเข้าก็ชอบใจ สั่งลิ่วล้อให้สืบหาว่า ใครเป็นคนออกแบบและเค้าก็เลยเรียกฉันไปพบ”
พิทยาเดินมาอยู่หลังรสาพร้อมกับวางมือลงบ่าทั้งสองข้าง รสาสะดุ้งนิดๆ ชีวินถึงกับตาโต
“เรียกไปพบ ปกติระดับพี่พิทตี้ไม่เคยต้องไปพบลูกค้า มีแต่ลูกค้ามาขอพบที่บริษัท”
“ถูก ตอนแรกฉันก็งง แอบเคืองเกือบด่ากลับไปแล้ว แต่พอดีนึกได้ว่าช่วงนี้บริษัทเราไม่ค่อยได้งานใหญ่ๆ แล้วลูกค้าคนนี้ก็เพิ่งมาจากเมืองนอกก็เลยให้อภัย ไปตามนัดและฉันก็ไม่ผิดหวัง เพราะงานนี้งบประมาณไม่อั้น”
รสาบิดตัวหลุดจากการควบคุมของพิทยาแล้วถาม
“งานใหญ่ขนาดนั้น..พี่พิท ทำเองไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“แล้วลูกค้าที่ว่าเป็นใคร เล่ามาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกเลย”
รสาพยักหน้าเห็นด้วย..อืมๆ พิทยาเชิดหน้าขึ้นแล้วก็พูดขึ้นอย่างภูมิใจ
“คุณลูกค้าคนสำคัญของเราก็คือ คุณภคพงษ์ เถลิงยศ”
รสากับชีวินอึ้ง..แล้วก็มองหน้ากัน รสาถาม
“ใครเหรอคะ ... ไม่รู้จัก”
พิทยาตัวเหี่ยวด้วยความละเหี่ยใจ หันมาถามด้วยความเหนื่อยหน่าย
“เธอสองคนไม่รู้จัก..ภคพงษ์ เถลิงยศ”
รสากับชีวินส่ายหน้า
“ไม่รู้จักค่ะ !” รสาว่า
พิทยาทำหน้าหน่ายโลกแล้วว่า
“พ่อเจ้าแม่เจ้า!”

บริษัท “เถลิงยศ จิวเวอรี่” ภายในบริเวณโรงงานอันเก๋ไก๋ เป็นที่ขาย และ ผลิตเครื่องประดับระดับสูง รถสปอร์ตของภคพงษ์แล่นเข้ามาจอด “เผด็จ ดำเกิง” เดินออกมาต้อนรับ
“วันนี้มาแต่เช้าเลยนะครับ ..คุณภัค”
ภคพงษ์ยิ้มรับนิดๆ และเดินนำเข้าในโรงงาน เผด็จเดินตามทันที

ภายในบริษัทลงหลักปักฐาน รสาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“แล้วคุณภคพงษ์ เถลิงยศ เค้าเป็นใครคะ”
พิทยาดีดนิ้ว
“คัพเค้ก!”
คัพเค้ก เลขาที่แต่งหน้าจัด แต่งตัวจัด ประมาณ ‘จัดว่าแย่ และจัดว่าไม่เข้ากับตัวเอง’ หลังจากที่เธอนั่งเงียบอยู่นานก็แสดงภูมิอธิบาย
“คุณภคพงษ์ เป็นเจ้าของบริษัทออกแบบและจำหน่ายเครื่องเพชรที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆของประเทศชื่อบริษัท เถลิงยศ”
ภคพงษ์เดินตรวจงานในโรงงาน และตรวจแบบเครื่องประดับอย่างชำนาญ
“จบบริหารธุรกิจจากอังกฤษและเรียนออกแบบเครื่องประดับต่อที่ฝรั่งเศส เพิ่งกลับมาประเทศไทยได้ไม่กี่เดือน คุณภคพงษ์เป็นทายาทคนเดียวที่ดูแลกิจการแทนบิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ถึงจะกลับมาทำงานได้ไม่นาน แต่เป็นที่ยอมรับของทุกคนในบริษัท สรุปคือ .. เก่ง รวย หล่อ โสด และฮอตมาก !”
ภคพงษ์อยู่ในที่ประชุม ท่ามกลางพนักงานระดับสูง ดูน่านับถือ ภูมิฐาน และน่าหลงไหล

รสาฟังคัพเค้กด้วยอาการนิ่งๆ ไม่ตื่นเต้น แต่แอบหวั่นใจมากกว่า พิทยาหันมาชมคัพเค้กก่อนมองหัวจรดเท้า
“ข้อมูลดีมาก แต่การแต่งตัวต้องพัฒนาอีกเยอะ”
คัพเค้กยิ้มแล้วเชิดใส่
“ขอบคุณค่ะ..บอส”
ชีวินฟังแล้วอึ้งก่อนหันไปบอกพิทยา
“พี่พิทครับ..เอ่อ..อย่าส่งรสไปทำงานนี้เลยครับพี่ ผมไปแทนแล้วกันครับพี่”
“ไม่ได้ ! เค้าระบุว่าต้องเป็นคนออกแบบล๊อบบี้โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา แกไม่ได้เป็นคนทำ นั่งเฉยๆ”
พิทยาหันมาพูดกับรสาต่อ
“ผู้ช่วยคุณภคพงษ์นัดให้รสไปพบวันพรุ่งนี้ตอน 5 โมงเย็น”

ภายในบริษัทเถลิงยศ จิวเวอรี่ เผด็จนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ากับภคพงษ์ที่ยืนยันตอบรับ
“ไม่มีปัญหา ยิ่งเจอเร็วยิ่งดีจะได้รีบเริ่มงาน”
“ทำไม..จู่ๆ คุณภัคถึงอยากซ่อมเรือนหลังเล็กของคุณพ่อ มีอะไรหรือเปล่า”
ภคพงษ์นิ่ง..ไม่ตอบ แต่แววตาครุ่นคิด

ชีวินโพล่งออกมา
“ไม่ได้ครับ !”
พิทยาทำหน้าเบื่อ
“พรุ่งนี้ตอนหกโมงเย็น มีงานเลี้ยงรุ่น งานใหญ่มาก และรสต้องไปด้วยครับ”
“ฉันรู้ แต่บังเอิ๊ญ..บังเอิญ ที่จัดงานกับที่นัดเจอกับลูกค้าเป็นที่เดียวกัน พอคุยกับลูกค้าเสร็จก็เดินลงมาร่วมงานได้เลย ถ้าแกยังมีปัญหา ฉันจะตัดเงินเดือนแก”
ชีวินเงียบกริบ พิทยาหันมาทางรสา
“รสเตรียมตัวให้พร้อม และห้ามพลาด โบนัสของทุกคนขึ้นอยู่กับงานนี้”
“ค่ะ”
รสารับคำทั้งที่หนักใจ พิทยาเดินออกไปด้วยความหน่ายใจ คัพเค้กหน้านิ่งเดินตามพิทยาออกไป

รสายังนั่งอยู่ที่เดิม ชีวินมองด้วยความเป็นห่วง แต่แอบหวงอยู่ลึกๆ

ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 (ต่อ) 

พิทยาเดินบ่นออกมานอกห้อง

“ฉันล่ะหน่ายไอ้พวกนี้จริงๆ พูดคำเถียงคำ ตกลงใครเป็นเจ้านาย ใครเป็นลูกน้องกันแน่”
พิทยาหันมาเห็นคัพเค้กเดินตามมาก็บ่นใส่
“นี่ก็อีกคน แต่งตัวเกรงใจประสาทตาฉันหน่อยได้มั้ย หันมามองแต่ละที ตาจะบอด จะแต่งตัวแรงไปเพื่อ”
พิทยาถามอย่างประชดก่อนเดินหงุดหงิดออกไป
“สวยจะตาย...บอสไม่มีรสนิยม”
คัพเค้กยังมั่นใจต่อไป

ภายในห้องประชุม รสายังนั่งหนักใจอยู่ที่เดิม จนชีวินหันมาถาม
“ไหวมั้ยเนี่ยรส พรุ่งนี้ให้เราไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
“ขอบใจจ้ะ แต่ไม่เป็นไร รสแค่เป็นโรคแสลงเศรษฐี คิดๆแล้วขยาดๆนิดหน่อย”
“แล้วเรื่องงานเลี้ยงรุ่น ปีนี้ไอ้พวกนั้นมันอยากจัดแบบหรูๆ มันให้ทุกคนแต่งตัวออกแนวราตรีสโมสร มันอยากแอ๊บไฮโซ รสไหวหรือเปล่า”
“พวกชุดกระโปรงไฮโซๆ ก็พอมีอยู่บ้าง พิมกับอาวิมลซื้อให้สำหรับใส่ออกงาน ไม่ต้องห่วงนะ พอคุยกับลูกค้าเรียบร้อยจะรีบลงมาที่งานเลี้ยงรุ่นทันที”
ชีวินพยักหน้ารับรู้แล้วอดสงสัย
“เออ แล้วรสจะใส่ชุดอะไรไปหาลูกค้า จะไปทั้งชุดไฮโซยังงั้นเลยเหรอ”
รสาคิด...เอาไงดีกับงานนี้

เย็นวันต่อมา พนักงานร้านอาหารเปิดประตูและโค้งต้อนรับให้ภคพงษ์ที่ยิ้มน้อยๆ เผด็จเห็รก็เดินไปต้อนรับทันที
“อาจองโต๊ะอาหารไว้แล้ว คุณพิทยาแจ้งว่า มัณฑนากรที่คุณภัคต้องการพบ อยู่แถวนี้แล้ว อีกไม่นานคงจะมาถึง”
ภคพงษ์พยักหน้ารับแล้วก็เดินเข้า
รสาเปิดประตูและลงจากรถมาในชุดราตรีเกือบยาว สวย สง่า ผิดจากรสาในเวลาปกติ รสาเดินเข้ามาหยุดยืน พร้อมกับโทรศัพท์บอกพิทยา
“พี่พิทตี้.. รสมาถึงแล้วค่ะ !”

ภคพงษ์ยืนอยู่กลางห้องประชุมที่อยู่ติดกับสวนของโรงแรมที่มีความส่วนตัว บรรยากาศดี ภคพงษ์หันมาตอบเผด็จที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่
“เชิญเข้ามาได้ !”
เผด็จรับคำพร้อมกับหันไปพูดโทรศัพท์
“ครับ...คุณพิทยาให้มัณฑนากรขึ้นมาชั้น 3 ห้อง ประชุม 4 ผมจะยืนรออยู่หน้าห้องนะครับ”
เผด็จเดินออกไป ภคพงษ์นั่งลงที่โซฟาเล็กพร้อมคุย

รสาคุยโทรศัพท์ไปเดินไปแล้วบอก
“เจอห้องประชุมแล้วค่ะ”
รสาเห็นป้ายชี้ทางไปห้องประชุม 4รสามองเห็นเผด็จยืนรออยู่
“รสเจอคุณเผด็จด้วยค่ะ แค่นี้นะพี่พิทตี้”
รสาวางสาย พร้อมกับเดินมาหาเผด็จที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้อง
“สวัสดีค่ะ คุณเผด็จใช่มั้ยคะ”
รสายกมือไหว้พร้อมๆกับเผด็จที่รับไหว้
“สวัสดีครับ คุณภคพงษ์รออยู่ในห้องแล้วครับ เชิญครับ...”
รสายิ้มรับนิดๆ เผด็จยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมกับหันไปเปิดประตู
ประตูค่อยๆเปิดออก...
รสามองผ่านบานประตู ค่อยๆเห็นภคพงษ์นั่งอย่างเด่นอยู่ในห้อง ภคพงษ์เห็นบานประตูค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นรสายืนอยู่
ประตูเปิดกว้างออก รสาเห็นภคพงษ์นั่งอยู่อย่างเท่ รสาชะงักกึกด้วยความแปลกใจ ภคพงษ์เห็นรสายืนอยู่ในชุดราตรีอย่างสวยก็สะดุด...แววตาแอบมีอคตินิดๆ ปนความแปลกใจมหาศาล
รสาชักสีหน้า..ความกังวลที่มีเพิ่มดีกรีเป็นความไม่ถูกชะตาอย่างแรง เผด็จทำลายความเงียบ
“เชิญคุยกันตามสบายนะครับ ผมรออยู่ข้างนอก ถ้าคุณภัคต้องการอะไรเรียกได้เลยนะครับ”
เผด็จหันมาทางรสาที่ยังยืนนิ่งอยู่นอกห้อง
“เชิญครับ”
รสาอึกๆอักๆ แล้วก็จำใจต้องเดินเข้าไปในห้อง
เผด็จปิดประตู เสียงดังกรึบ รสาสะดุ้งนิดๆ เหมือนอยากจะวิ่งหนีออกไปด้วย รสายังยืนอึ้งปนอึดอัดขัดใจอยู่ที่เดิม ภคพงษ์มองหน้ารสาแล้วพูดขึ้นอย่างถือตัว กึ่งๆ ออกคำสั่ง
“เชิญนั่ง”
รสาขัดใจกับน้ำเสียงเจ้านาย แต่ก็ฝืนใจไปนั่ง ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
“ไม่คิดว่ามัณฑากรที่ผมตามหาจะเป็นคุณ”
“ดิฉันก็ไม่คิดว่าลูกค้าคนสำคัญของเจ้านายจะเป็นคุณ”
ภคพงษ์เชิดหน้าไม่พอใจที่โดนย้อน
“ที่ผมเรียกคุณมาพบเพราะอยากรู้จัก และนัดวันเข้าไปดูบ้านที่จะตกแต่งใหม่”
“คุณพิทยาแจ้งจุดประสงค์นี้ให้ดิฉันทราบแล้วค่ะ”
รสาพยายามทำตัวเป็นทางการอย่างระมัดระวังตัว
“ทราบแล้วก็ดี...ผมมอบแปลนบ้านให้คุณพิทยาไปแล้ว”
“ดิฉันได้รับแล้วค่ะ คิดว่าระบบไฟฟ้าและน้ำคงต้องทำใหม่ ดิฉันต้องสำรวจบ้านและวัดสัดส่วนของห้องใหม่ทั้งหมด คุณสะดวกให้ดิฉันเข้าไปดูหน้างานได้เมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้ 10 โมงเช้าดิฉันจะเข้าไปที่บ้านของคุณ”
ภคพงษ์มองหน้าแล้วถาม
“ดูคุณรีบร้อน”
“ดิฉันต้องการให้งานชิ้นนี้เสร็จโดยเร็วที่สุดค่ะ”
ภคพงษ์เลิกคิ้ว .. เหมือนไม่อยากเชื่อในคำพูด รสายิ่งรู้สึกหมั่นไส้
“คิดว่าคงจบเรื่องงานแล้ว...ดิฉันขอตัว”
รสาลุกขึ้นยืน ภคพงษ์มองชุดรสาตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า รสาหันตัวจะเดินไป ภคพงษ์พูดขึ้น
“จากผลงานที่เห็น ผมนึกว่าคุณจะเป็นผู้ชาย”
“ถ้าคุณต้องการผู้ชาย ที่บริษัทมีมัณฑนากรชายฝีมือดีกว่าฉันอยู่มากมาย และถ้าคุณต้องการเปลี่ยนคนทำงานใหม่ล่ะก้อดิฉันจะดีใจมาก”
ภคพงษ์ชักสีหน้ากับน้ำเสียงกระด้างของรสา ก่อนที่รสาจะเดินไปเปิดประตูและเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างไม่ใยดี
 
ภคพงษ์มองตามด้วยแววตากระด้าง ไม่พอใจที่โดนท้าทาย

บริเวณหน้าห้องประชุม เผด็จนั่งอยู่ที่โซฟา รสาเดินหน้าเหวี่ยงออกมา เผด็จเหลือบไปเห็นเข้าพอดี

“คุณรสา..ทำไมคุยเร็วจังเลยครับ”
รสาพยายามปรับอารมณ์มาเหมือนเดิม
“ก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันมากนี่คะ”
“เอ่อ...”
“พรุ่งนี้เช้ารสจะขอเข้าไปดูบ้าน และเตรียมเสนอแบบ บางทีตอนนั้น .. คุณภคพงษ์อาจจะไม่อยากจ้างรสแล้วก็ได้”
เผด็จเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“อ้าว...”
“เค้าอาจจะชอบงานของรส แต่ไม่ชอบที่จะร่วมงานกับรสก็ได้”
“เอ่อ...” เผด็จงงจนพูดไม่ออก
รสายกมือไหว้อย่างสุภาพ
“รสขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
รสายกมือไหว้แล้วก็เดินไปเลย เผด็จรับไหว้แล้วก็ยืนงงอยู่
“ปกติมีแต่สาวๆ จะกรี๊ดกร๊าดเข้าใส่คุณภัค อยากจะอยู่ด้วยนานๆ แต่คุณรสาเป็นคนแรกที่ไม่ใช่..แปลกจริงๆ”
ทันใดนั้นโทรศัพท์เผด็จก็ดังขึ้น เผด็จรีบรับ
“ครับคุณภัค ครับๆ จะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ”
เผด็จรีบเดินเข้าห้องประชุมไป

ภายในงานเลี้ยงรุ่น ชีวินถามด้วยความประหลาดใจ
“เจอกันครั้งแรก ก็ปะทะกันเลยเหรอเนี่ย”
รสากับชีวินยืนคุยอยู่ในงานเลี้ยงรุ่น บนเวทีเพื่อนแต่งตัวประชด ล้อเลียนไฮโซแต่ร้องเพลงร็อก เพลงเพื่อชีวิตกันมันส์กระจาย รสาตอบหน้าเซ็งๆ
“ที่จริงมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก”
“อ้าว รสไปเจอเค้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“วินจำผู้ชายที่นั่งกินข้าวกับดาราคนที่พี่พิทตี้ชี้ให้เราดูวันก่อนได้มั้ย”
“ได้”
“คนนั้นแหละ”
“โห..ทำไมโลกกลมแบบนี้”
“กลมมาก !! เพราะเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา รสก็เพิ่งเจอเค้าอีกทีที่ระยอง”
“หะ ถามจริง แล้วไปเจอกันได้ยังไง”
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ รสก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร และเค้าก็ไม่รู้ว่ารสเป็นใคร พอเจอกันวันนี้ก็ต่างคนต่างช็อก”
“แล้วเค้า...ว่ายังไงบ้าง”
“ก็ไม่ว่าไง เย่อหยิ่ง ไว้ตัวเหมือนเดิม แถมยังมองเราด้วยแสนตาที่สุดแสนจะดูถูก” รสาพูดพลางยักไหล่
“บางที เค้าอาจจะคิดว่ารสอยากจะไล่จับเค้าเหมือนผู้หญิงคนอื่นก็ได้”
ชีวินพูดพลางมองชุดรสาแล้วพูดต่อ
“แค่นัดคุยงานจัดเต็มซะขนาดนี้ วินยังคิดว่ารสจะเอาชุดมาเปลี่ยน”
“ก็ใครจะคิดว่านายภคพงษ์จะเป็นนายคนนี้ ... ถ้ารู้จะบอกให้พี่พิทตี้ยกเลิกนัดไปเลย .. ฮึ ทำใจร่วมงานด้วยไม่ไหวจริงๆ”
ชีวินฟังแล้วก็ยิ้มๆโล่งอกที่รสาไม่ชอบภคพงษ์ รสาพูดต่อ
“เราก็ลุ้นขอให้เค้าขอพี่พิทเปลี่ยนคนทำงานใหม่ หรือไม่ก็เกลียดขี้หน้าเราจนไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่ต้องเจอกันได้ยิ่งดี!”
รสาพูดอย่างมีความหวัง

บริเวณหน้าห้องประชุม ภคพงษ์เดินคุยมากับเผด็จ
“ผู้หญิงคนนั้นจะเริ่มเข้าไปดูบ้านตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ผมอยากจะคุมงานเองทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด !”
ภคพงษ์พูดเสียงจริงจัง เผด็จพยักหน้ารับทราบ
“ครับ เอ่อ.. คุณภัคไม่ไว้ใจอะไรหรือเปล่าครับ ถึงอยากดูแลอย่างใกล้ชิด”
“ไม่ไว้ใจทุกอย่าง ผมเห็นมาเยอะแล้ว บ้านที่มัณฑนากรตกแต่งตามใจตัวเอง จนสุดท้ายเจ้าของบ้านก็อยู่ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น”
“ได้ครับ..อาว่าทางคุณรสาคงไม่มีปัญหา”
“เค้าต้องไม่มีปัญหา”
“เอ่อ..ครับ”
ภคพงษ์เดินนำไป เผด็จหยุดเดินแล้วทำหน้างงๆ ว่า เจ้านายดูแปลกๆ แล้วก็รีบเดินตามไป

ภายในงานเลี้ยงรุ่น รสาดื่มเครื่องดื่มจนหมดแก้ว แล้วมือรสาวางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะแรงๆ จนชีวินหันมาเห็น
“รสเบาๆ .. เดี๋ยวก็เมาพอดี”
เพื่อนสาวเปรี้ยวบนเวทีกวาดสายตามาเห็นรสายืนอยู่ก็ตะโกนใส่ไมค์เรียก
“ไอ้รส !”
ทุกคนหันไป รสาสะดุ้งหันมาด้วยอาการมึนๆ เพราะฤทธิ์คอกเทล
“ไอ้รสยังไม่ได้ร้องเพลงเลย !! ไอ้วินลากมันมาขึ้นเวทีเดี๋ยวนี้..จัดมา !”
ชีวินนึกสนุกหันมาคว้าข้อมือรสา
“ไปรส”
รสาเดินตามไปแบบมึนๆ เพื่อนๆส่งเสียงโห่ร้อง วี้ดวิ้ว ชีวินดึงรสาขึ้นไปบนเวทีจนสำเร็จแล้วก็ส่งไมค์ให้รสา
“เพลงโปรดวินแล้วกันนะ”
รสายืนอยู่บนเวทีด้วยอาการงงๆ .. มึนๆ ถือไมค์อยู่แบบเหวอๆ
 
ชีวินหันไปขอกีตาร์จากนักดนตรีข้างหลังมา เตรียมเล่นให้รสาร้อง เพื่อนๆ ยังส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด

ภคพงษ์กับเผด็จเดินมาตามทาง จนเกือบถึงบริเวณจัดเลี้ยง

“อาได้ข่าวว่าตอนนี้คุณภัคควงอยู่กับนักร้อง แล้วก็ดาราพร้อมๆกัน อาคิดว่า...ถ้าคุณภัคจะมาอยู่ประเทศไทย ต้องระวังเรื่องนี้ สังคมที่นี่กับที่โน่นมันต่างกัน”
ภคพงษ์ส่อสายตาดูแคลนเมื่อพูดถึงผู้หญิง
“แต่ผู้หญิง..ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่เห็นจะต่างกัน”
“ก็ถูก..คุณภัคมีทุกอย่างที่ผู้หญิงส่วนใหญ่พร้อมเข้าหา แต่ความคิดของผู้คนที่นี่กับผู้คนที่โน่นมันต่างกัน”
ภคพงษ์ฟังไปคิดตามไป ไม่ได้โต้แย้งใยๆ
“ผู้หญิงที่โน่นอยู่กับคุณเป็นเดือนเป็นปี พอเลิกกัน เค้าก็ไป..แต่คนไทย อย่าว่าแต่อยู่เป็นเดือนเลย แค่คืนเดียวเขาก็ร้องขอความรับผิดชอบแล้ว ถ้าเขาไม่ร้อง พ่อแม่พี่น้อง สังคมก็จะต้องเรียกร้อง...”
ภคพงษ์ยังเดินไปเรื่อย ฟังไปคิดตามไป
“ผมไม่อยากให้คุณภัคมีครอบครัวด้วยความจำเป็น ผมอยากให้คุณได้พบกับคนที่รักคุณจริงๆ จะได้ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนกับ...พ่อของคุณ !”
ภคพงษ์ชะงักกึก...หยุดเดิน แววตาเศร้าลง บาดแผลในใจโดนสะกิด
“อาพูดเพราะเป็นห่วง”
“ครับ..ผมจะระวังตัว”
ภคพงษ์ยอมรับฟังอย่างสุภาพ
เสียงเพลงอันสุดเพี้ยนของรสาดังทะลุทะลวงออกมาจากห้องจัดเลี้ยง ภคพงษ์กับเผด็จถึงกับต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ

บนเวทีรสากำลังร้องเพลงแบบสุดเพี้ยน ชีวินที่เล่นกีตาร์อยู่ข้างๆ ฟังไปก็ขำไป มาคอยช่วยร้องอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น รสายังร้องเพี้ยนแบบสุดๆ เพื่อนๆก็ร้องตามอย่างเมามันโดยไม่สนใจความเพี้ยน รสาร้องสุดเสียงยิ่งเพี้ยนหนัก
ภคพงษ์เดินผ่านมาที่ประตูห้องจัดเลี้ยง มองเข้าไปพอดีเห็นรสากำลังร้องเพลงอย่างเมามันพอดี เพื่อนๆส่งเสียงร้องตามอย่างดังสนั่น เสียงกรี๊ด เสียงตบมือดังกระจาย
รสายิ้มร่าเริงสดใส ชีวินโซโล่กีตาร์อย่างมีความสุข รสาหันไปกอดคอชีวินแล้วก็โยกไปตามเสียงเพลง
ภคพงษ์มองดูรสา ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้หญิงปล่อยเนื้อปล่อยตัว รสาหันมาเห็นภคพงษ์พอดีก็เชิดหน้าใส่ ไม่สนใจ แล้วก็หันไปร้องเพลงต่อเหมือนภคพงษ์ไม่มีตัวตน
ภคพงษ์ยิ่งไม่พอใจ เผด็จเดินมาสมทบแล้วตะลึงมองอย่างขำๆ
“คุณรสา...”
ภคพงษ์เบือนหน้าหนีแล้วเดินไป
“อ้าว คุณภัค คุณภัค...”
ภคพงษ์เดินออกมาจากบริเวณหน้าห้องจัดเลี้ยงด้วยความไม่พอใจ รสาหันมาอีกที ไม่เห็นภคพงษ์แล้วก็ยิ้มพอใจ ร้องเพลงต่ออย่างไม่แคร์สื่อ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงเพลงดังกึกก้องค่อยๆ แล้วค่อยๆจางหายไป

เช้าวันต่อมา ที่บ้านเถลิงยศในบรรยากาศร่มเย็นแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเหงา รถของพิทยาแล่นเข้ามาในบริเวณบ้านแล้วจอด พิทยากับรสาลงมาจากรถ พิทยามองบ้านอย่างตาโต
“บ้านหรือวัง..ขอถาม”
“พี่พิทตี้เคยสอนรสว่า..บ้านใหญ่ไม่ได้แปลว่าน่าอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
พิทยาหันมาเหล่ๆแล้วบอก
“จ้ะ พี่เป็นคนบอกเอง แต่เนี้ยยกเว้นเพราะทั้งใหญ่และน่าอยู่มาก”
รสาส่ายหน้าไม่เห็นด้วย เผด็จเดินออกมาต้อนรับ
“คุณพิทยา คุณรสา สวัสดีครับ”
พิทยาและรสายกมือไหว้
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”
เผด็จหันมาทางรสา
“เมื่อวานคุณรสาร้องเพลงได้... โดดเด่นมากครับ”
รสายิ้มเขินๆ
“แหะๆๆ ขอบคุณค่ะ”
“เชิญในบ้านเลยครับ คุณภคพงษ์กำลังเดินทางมาจากบริษัทแล้ว อีกไม่นานคงจะถึง”
“ครับ”
เผด็จเดินนำไป พิทยารีบหันขวับมาทางรสาพลางกระซิบถาม
“ร้องเพลงอะไร”
“เดี๋ยวกลับไปค่อยเล่าให้ฟัง” รสากระซิบตอบ
รสาไม่อยากเล่าด้วยความอาย พิทยาหลิ่วตา...หนอย มีความลับ !!

รสากับพิทยานั่งลงที่โซฟาในห้องทำงาน เผด็จเดินมานั่งตรงข้ามพร้อมกับพูดไปด้วย
“บ้านหลังนี้เป็นเรือนใหญ่ เป็นบ้านที่คุณภคพงษ์จะพักเป็นประจำ ส่วนหลังที่จะตกแต่งใหม่ คือ เรือนหลังเล็ก ที่อยู่ทางด้านหลัง”
“ปุยนุ่น” เดินถือน้ำและของว่างเข้ามาวางไว้ให้รสากับพิทยา
“คุณภัคบอกให้คุณสองคนรอ ท่านจะเป็นคนพาสำรวจบ้านด้วยตัวเอง”
รสาไม่ค่อยชอบใจนิดๆ ที่จะต้องเจอกัน แต่พิทยายิ้มหน้าบาน
“ด้วยความยินดีเลยครับ คุณภัคอุตส่าห์สละเวลาอันมีค่า พาชมบ้านด้วยตัวเอง พิทและรส รู้สึกเป็นเกียรติ์มากครับ”
ปุยนุ่นแอบมองรสานิดๆ แล้วก็ชอบใจในความสวย รสาหันมาสบตาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะ” รสาพูดเบาๆกับปุยนุ่น
ปุยนุ่นยิ้มรับเขินๆ แล้วก็ค่อยๆคลานเข่าและลุกเดินออกไป
รสามองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบหรูดูดี รสามองมาหยุดที่นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงเป๊ะ
ผ่านไป 1 ชั่วโมง เวลา 11 โมงเช้ายังไม่มีวี่แววของภคพงษ์ รสานั่งนิ่งด้วยสีหน้าหน้าเบื่อหน่าย พิทยากระสับกระส่ายนิดๆ พลางเหลือบดูนาฬิกา
“พี่มีประชุมกับลูกค้าอีกคนตอนบ่ายจะทันมั้ยเนี่ย”
เผด็จเดินเข้าหน้าเจื่อนเข้ามา
“คือ..คุณภัคยังติดประชุมกับลูกค้าต่างประเทศอยู่ ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้ แต่จะพยายามหาทางออกมาให้เร็วที่สุด ต้องขอโทษคุณรสากับคุณพิทยาด้วยนะครับ”
พิทยาเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มรับหน้าทันที
“ไม่เป็นไรครับ..ผมกับรสรอได้”
เผด็จพยักหน้ารับโล่งอกแล้วก็เดินออกไป ลับหลังเผด็จ พิทยาหน้าเสีย ร้อนใจแล้วปลอบใจตัวเอง
“พี่ว่า..คงอีกไม่นานหรอกเนอะ รสเนอะ”

รสาไม่ตอบ แต่ปรายตาไปดูนาฬิกาที่ติดอยู่

นาฬิกาเที่ยงกับอีก 5 นาที พิทยาเหงื่อแตกพลั่ก เริ่มร้อนใจ

“เที่ยงกว่าแล้ว.. ทำยังไงดี ลูกค้าคนต่อไปเป็นฝรั่งด้วย ถ้าไปช้าต้องเสียหายแน่ๆ ทำไงดี”
รสามองนาฬิกาเริ่มหงุดหงิดและไม่พอใจ เผด็จเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“คุณภัคมาแล้วครับ”
พิทยายิ้มรับหน้าแห้งๆ
“เหรอครับ..แหม..ดีจัง”
รสามองหน้าพิทยาแล้วก็ครุ่นคิด

ประตูห้องทำงานถูกเปิดออก เผด็จเบี่ยงตัวหลบให้ภคพงษ์ในชุดสูทอย่างเท่ หน้านิ่ง ไว้ตัวเดินเข้ามา ภคพงษ์ยิ้มให้พิทยา
“สวัสดีครับคุณพิทยา”
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับคุณรสา”
“สวัสดีค่ะ”
ภคพงษ์นั่งลงก้นยังไม่ทันจะถึงเก้าอี้ รสาลุกขึ้นยืนสวนขึ้นมาและพูดอย่างสุภาพ
“ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ภคพงษ์ชะงักกึก..ค่อยๆหย่อนก้นนั่งต่อ เงยหน้ามองรสาแววตาไม่พอใจ พิทยากับเผด็จถึงกับอึ้งพูดไม่ออก
“รส...นั่งลง” พิทยาพูดสียงเบาแต่หนักแน่น
รสาไม่สนใจพูดกับภคพงษ์ต่อ
“คุณมาช้า ๒ ชั่วโมง คุณพิทยามีนัดกับลูกค้าคนต่อไปตอนบ่ายโมง เราไม่อยากให้เค้ารอเหมือนที่เรารอ ขอตัวนะคะ”
รสาหันไปหยิบกระเป๋า พิทยาอึกอักๆ
ภคพงษ์ปรายตามองรสาด้วยความไม่พอใจแล้วก็หันมาทางพิทยา
“ผมต้องขอโทษคุณพิทยาด้วยนะครับที่มาช้า..ผมปลีกตัวออกจากที่ประชุมไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ...ผมเข้าใจ”
รสาชะงักนิดๆ แอบมองพิทยา... ภคพงษ์พูดต่อ
“เพื่อไม่ให้คุณเสียงาน เชิญคุณพิทยาไปพบลูกค้าท่านต่อไปได้เลยครับ”
รสาอมยิ้มนิดๆ...ดี ภคพงษ์พูดต่อ
“สำหรับงานที่นี่ ผมจะคุยกับรสาโดยตรง”
รสาชะงักกึก..หุบยิ้มหันมามองภคพงษ์ที่ปรายตามองอย่างเชือดเฉือน
พิทยาพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ
“จริงสิ...ผมก็มัวแต่กลุ้มอยู่ได้ ลืมไปว่าคุณภัคคุยกับรสโดยไม่มีผมก็ได้”
รสาชะงักหันขวับมาทางพิทยา
“พี่พิทตี้ !!”
“งั้นพี่ฝากทางนี้ด้วยนะรส พี่รีบไปหาคุณวินเซนต์ก่อนนะ เย็นๆ พี่จะกลับมารับแล้วเราค่อยสรุปงานกันอีกที”
“เอ่อ...”
พิทยาหันมาทางภคพงษ์ รสาหน้าเหวอ
“คุณภัคต้องการอะไรก็สั่งรสได้เต็มที่เลยนะครับคุณภัค ไม่ต้องเกรงใจ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พิทยารีบหันมาหยิบกระเป๋าและเดินออกไปโดยเร็ว เผด็จเปิดประตูให้
“ผมเดินไปส่งครับ”
เผด็จและพิทยาเดินออกไปด้วยกัน ในห้องเหลือแต่รสาและภคพงษ์ รสาอึ้ง..เหวอ..รู้สึกหน้าแตกอย่างแรง ค่อยๆปรายตามาทางภคพงษ์ที่นั่งยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ
ภคพงษ์ยิ้มปรายตามาทางรสา
“เที่ยงแล้ว..ชั้นหิว”
ภคพงษ์พูดจบก็เดินออกไป ปล่อยให้รสาอึ้งและงงอยู่
“หะ มาช้าสองชั่วโมง แล้วยังจะกินข้าวอีกเหรอ”
รสากระแทกกระเป๋าไว้บนโซฟาด้วยความหงุดหงิด
“พี่พิทนะพี่พิท”
รสายิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด หันไปเห็นรูปภคพงษ์ที่ติดอยู่ที่ฝาผนังก็ยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น รสาเชิดหน้าใส่รูปด้วยความหมั่นไส้
ภคพงษ์ยังยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่งโดยที่รสาไม่รู้ เห็นรสาค้อนใส่รูปตัวเองแล้วก็อมยิ้มด้วยความสะใจ

ภายในครัว ...ในจานอาหารเป็นสตูว์ไก่ น้ำซุป ผัดผัก และกับข้าวอีก ๒ อย่าง ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม “สายใจ” กำลังนั่งประดิษฐ์จัดผักวางไว้อย่างสวยงาม ในครัวสายใจจะมีที่นั่งประจำคล้ายตั่ง รอบๆตั่งจะเป็นอุปกรณ์จัดสำรับอาหาร วางรายล้อมอยู่ ครัวของที่นี่ถึงแม้จะดูทันสมัย แต่ยังคงไว้ในลักษณะของครัวไทย เพราะต้องทำอาหารทั้งสองสัญชาติอยู่เสมอ
“เรียบร้อยแล้ว..รีบๆยกสำรับไปให้คุณหนู คุณเผด็จบอกว่าเธอหิว ประชุมมาตั้งแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย ไป..รีบยกไป”
อีกมุมหนึ่งปุยนุ่นกำลังตักข้าวกล้องใส่โถลายครามเก่าเก๋ๆ ในขณะที่ปุยนุ่นจัดจานไปก็โม้ไป ไม่ห่างกัน “เปลี่ยน” คนรถกำลังยืนจัดจานอยู่
“ป้าใจ .. ป้าไม่อยากไปดูหน้าแขกคุณภัคจริงๆเหรอ นี่สวยจริงๆนะ สวยยิ่งกว่าพวกดารา นักร้อง ที่คุณภัคควงซะอีก ขนาดไม่ค่อยแต่งหน้าแต่งตัวยังดูดีเลยนะป้า ไม่อยากเห็นเหรอ”
สายใจส่ายหน้าเอือมระอากับความสาระแน
“นั่นสิ ขนาดฉันยังอยากเห็นเลย นานๆทีจะเห็นผู้หญิงธรรมดาๆมาที่บ้าน ปกติมีแต่พวกดารา นักร้อง นางแบบ โอ้ย มากันเป็นขบวน” เปลี่ยนบอก
สายใจชักสีหน้า
“นี่ไอ้เปลี่ยน ! เรื่องของนายอย่าสาระแนให้มันมากนัก เอ็งด้วยนังปุย ทำงานให้มันขยันเหมือนตอนสอดรู้สอดเห็นหน่อยนะ รีบยกอาหารไปได้แล้ว..ไป”
ปุยนุ่นหน้าจ๋อยไปทันที
สายใจออกคำสั่งด้วยความหนักแน่นและน่ายำเกรง แม้สายใจจะดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นและอ่อนโยน แต่เมื่อ
เอาจริงก็เข้ม น่าเกรงขาม ทำเอาปุยนุ่นและเปลี่ยนลนลานรีบรับคำ
“จ้ะ จ้ะ ไปแล้วจ้ะ”
เปลี่ยนรีบหันมายกถาดอาหาร ส่วนปุยนุ่นก็ยกถาดใส่จานแก้ว กับโถข้าวแล้วก็รีบเดินออกไปอย่างเร็ว
สายใจส่ายหน้าเอือมระอากับความสาระแนของทั้งสองคน

ภคพงษ์เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร ปุยนุ่น กับ เปลี่ยน เอาอาหารมาวางบนโต๊ะ ภคพงษ์ปรายตามามองเก้าอี้ข้างๆ ที่ว่างเปล่า เผด็จเดินเข้ามา
“คุณภัคครับ อาต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ มีประชุมที่บริษัท ต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ทานอาหารด้วย”
“ตามสบายครับ”
เผด็จมองไปรอบๆแล้วถาม
“ อ้าว..แล้วนี่คุณรสาล่ะครับ”
ภคพงษ์ไม่ตอบ..ใบหน้าอันนิ่งขรึมแทนคำว่า“ไม่ทราบ” ได้เป็นอย่างดี

ก๋วยเตี๋ยวป๊อกแป๊ก รถสามล้อจอดเยื้องอยู่ที่หน้าบ้านภคพงษ์ไป รสายืนต่อคิวชาวบ้านแถวนั้นอยู่
เผด็จ และเปลี่ยนเดินออกมาจากบ้าน มองซ้ายมองขวาหารสา เผด็จมาสะดุดหยุดที่รถก๋วยเตี๋ยว
“คุณรสา”
รสาหันไป เผด็จรีบเดินมาหา เปลี่ยนรีบเดินตามมาติดๆ
“คุณรสามาทำอะไรตรงนี้ครับเนี่ย”
“มาทานก๋วยเตี๋ยวน่ะค่ะ”
“คุณรสามาทานตรงนี้ทำไม คุณภัคให้คนจัดอาหารไว้ให้ในบ้านแล้วครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รสาขอทานตรงนี้ดีกว่าค่ะ ไม่อยากรบกวน”
“ไม่ได้รบกวนเลย...ไม่ต้องเกรงใจ เข้าไปทานในบ้านเถอะครับ คุณภัครออยู่”
“แต่...” รสาอึกอัก
เผด็จแอบกระซิบบอก
“ผมว่า..ถ้าคุณรสาไม่ไป...คุณภัคไม่ยอมทานแน่ครับๆ และถ้าคุณทานก๋วยเตี๋ยวอิ่มแล้ว เข้าไปในบ้าน คุณภัคก็ต้องบังคับให้คุณทานด้วยกันอยู่ดี”
รสาอึ้งๆ มองหน้าเผด็จ เผด็จยิ้มแห้งๆ ยอมรับ
“เชื่อผมเถอะครับ ...”

ภคพงษ์นั่งรออยู่ที่เดิม โต๊ะอาหารอันใหญ่โต มีภคพงษ์นั่งอยู่คนเดียวที่หัวโต๊ะ และปุยนุ่นยืนอยู่ด้านหลังห่าง
ออกไป ภคพงษ์นั่งรอ..ร้อนใจนิดๆ ด้วยความไม่ได้ดั่งใจ
เผด็จเดินนำรสามาที่หน้าบ้าน รสาเดินตามมา เปลี่ยนรั้งท้าย เผด็จหันมาบอกเปลี่ยน
“เปลี่ยน เดี๋ยวพาคุณรสาไปที่ห้องทานอาหารนะ”
“ครับ”
“อ้าว...แล้วคุณเผด็จล่ะคะ”
“ผมมีประชุมที่บริษัทต้องรีบเข้าไปด่วนครับ”
“นี่รสต้องทานข้าวกับเจ้านายคุณเผด็จ สองต่อคนเหรอคะ”
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ คุณภัคเป็นคนน่ารัก” เผด็จตอบแล้วยิ้ม
รสาทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อ
“เพียงแต่...คุณรสาอาจจะยังมองไม่เห็น...ผมไปก่อนนะครับ”
เผด็จขอตัวไป รสาค่อยยกมือไหว้ ยังอึ้งๆอยู่
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ”
เผด็จรับไหว้ และเดินเลี่ยงไป
เปลี่ยนหันมาทางรสาพร้อมกับผายมืออย่างสุภาพ
“เชิญทางนี้ครับ”
“ค่ะ”
เปลี่ยนเดินนำไป...รสายังยืนคิดนิดๆกับคำพูดของเผด็จ
“เนี่ยนะ..น่ารัก”

รสาถอนใจเบาๆ เมื่อนึกถึงภคพงษ์ ภายในห้องอาหาร ภคพงษ์นั่งรอ ในบรรยากาศมาคุเล็กๆ

ตะวันทอแสง ตอนที่ 1 (ต่อ) 

ภคพงษ์นั่งรออยู่ที่เดิมด้วยใบหน้านิ่งขรึม พลางปรายสายตามอง เปลี่ยนเดินนำรสาเข้ามา รสาชะงักที่เห็นภคพงษ์ยังนั่งรออยู่ และยังไม่แตะอาหารบนโต๊ะอาหารเลยแม้แต่น้อย

รสากับภคพงษ์สบตากันหนึ่งอึดใจ รสาหลบตาและเดินมานั่งแล้วพูด
“ที่จริงคุณไม่ต้องรอดิฉัน..ทานไปเลยก็ได้”
“ผมเป็นคนมีมารยาท”
รสารู้สึกจุกเหมือนโดนด่าว่าไม่มีมารยาท รสาเชิดหน้าไม่ยอมแล้วพูดขึ้น
“ดิฉันก็เป็นคนมีความเกรงใจ ไม่อยากรบกวน”
“ถ้ามีความเกรงใจจริง คราวหน้าก็รีบมา อย่าปล่อยให้คนอื่นต้องรอแบบนี้”
รสาไม่ยอมย้อนกลับอีก
“ถ้าคุณมีมารยาทจริงก็ควรรีบมาประชุม อย่าปล่อยให้คนอื่นต้องรอแบบเมื่อเช้านี้ ... เหมือนกัน”
ภคพงษ์มองหน้ารสาด้วยสายตาทะลุทะลวง รสามองกลับเหมือนกัน
ปุยนุ่นกับเปลี่ยน ยืนอึกๆอักๆ มองหน้ากันแล้วทำตัวไม่ถูก
“ได้..ต่อไปผมจะมาประชุมกับคุณตรงเวลา และหวังว่าทุกครั้งที่ผมต้องการคุณจะมาร่วมรับประทานอาหารกับผมอย่างไม่มีเงื่อนไข...เช่นกัน”
รสาฟังแล้วก็งง หมายความว่าอะไร ยังมีครั้งต่อไปอีกเหรอ
“เอ่อ...” รสาอึกอัก
ภคพงษ์พยักหน้ามาทางปุยนุ่น
“ตักข้าวได้”
ปุยนุ่นรีบหยิบโถข้าวมาตักข้าวให้ภคพงษ์ เปลี่ยนก็ตักน้ำซุปมาวางไว้ให้
“คุณหมายความว่ายังไงคะ” รสาถาม
ภคพงษ์ไม่ตอบ แต่ตักข้าวกินอย่างช้าๆ ด้วยมาดผู้ดี ไม่สนใจรสาแม้แต่นิดเดียว
“ดิฉันยังไม่ได้รับปากว่า จะทานข้าวกับคุณทุกครั้งที่คุณต้องการนะคะ” รสาบอก
“สตูว์ไก่อร่อยมาก ตักให้คุณรสาหน่อย” ภคพงษ์พูดลอยๆ เหมือนสั่งปุยนุ่น
“ค่ะ”
ปุยนุ่นปรี่เข้ามา แต่รสารีบบอก
“ไม่ต้องค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ...ดิฉันตักเองได้”
รสาจำใจตักสตูว์ไก่ใส่จานแล้วก็มองหน้าภคพงษ์ที่ยังคงกินข้าวอย่างผู้ดี ไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไรต่อ รสาค้อนใส่เบาๆ แล้วก็เริ่มต้นก้มหน้าก้มตากินข้าวที่อยู่ตรงหน้า
ภคพงษ์แอบมองรสานิดๆ รสาตักข้าวกินด้วยความอึดอัดอย่างแรง ภคพงษ์แอบอมยิ้มนิดๆพอใจ

ภายในบริษัทลงหลักปักฐานในเวลากลางวัน ชีวินทำงานไปก็ชะเง้อมองไปด้วยความร้อนใจ คัพเค้กนั่งอ่านหนังสือ Oops ! อยู่อย่างตั้งใจโดยไม่ได้สนใจชีวิน
พิทยาเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเอกสาร ชีวินรีบพุ่งพรวดเข้ามาหาทันที
“พี่พิทตี้ เป็นไงบ้างครับ”
คัพเค้กรีบปิดหนังสือทันที พิทยาตอบอย่างใส่อารมณ์
“เหนื่อยมาก! ร้อนก็ร้อน รถก็ติด จิตก็ตก ฉันไม่ไหวแล้วนะกับการจราจรในยุคปัจจุบัน มันดูดพลังฉันไปจนหมดสิ้น ฉันเหนื่อย”
คัพเค้กรีบเข้ามารับกระเป๋าไปทันที
“คือ..ผมถามถึงรสนะครับ”
พิทยาหันขวับร้อง “อ้าว”
“เอ๊ะ แล้วรสอยู่ไหน ทำไมไม่ได้กลับมาด้วยกัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
พิทยาเอามือท้าวเอวบอก
“นี่ฉันพารสไปทำงาน ไม่ได้ไปรบ จะห่วงอะไรกันนักกันหนา ห่วงเว่อร์”
ชีวินหน้าจ๋อย ยิ้มแห้งๆแหะๆ พิทยาพูดต่อพร้อมกับเดินไปหาที่นั่ง
“ที่ยัยรสยังไม่มาเพราะต้องอยู่คุยกับคุณภคพงษ์ แต่ฉันต้องมาก่อนเพราะมีนัดลูกค้าต่อ แต่พอดีเลิกประชุมไว ก็เลยได้กลับมาก่อน”
“แสดงว่ารสต้องอยู่กับนายภคพงษ์ แบบสองต่อสองเหรอครับ”
“ใช่”
“เสร็จแน่ๆ” คัพเค้กพูดแทรกขึ้นมา
ชีวินหันขวับร้อง “เฮ้ย” เสียงดัง
“หล่อขนาดนั้น ใครจะห้ามใจได้”
ชีวินหน้าเสียไปทันที พิทยาหันมาด่าคัพเค้ก
“นี่นังคัพเค้ก พูดทำไม แค่นี้ไอ้วินมันก็นั่งไม่ติดแล้ว วิน..ไม่ต้องห่วง รสเค้ามืออาชีพเค้าแยกแยะได้ ทำยังกะไม่รู้ว่ายัยรสเป็นคนยังไง”
“รสน่ะผมไม่ห่วง ผมห่วงแต่ลูกค้าพี่นั่นแหละ จะไม่แยกแยะ”
ชีวินพูดด้วยความเป็นห่วง

รสายืนรออยู่ที่หน้าบ้านเถลิงยศด้วยความหงุดหงิดก่อนที่ภคพงษ์จะเดินออกมา
“ผมพร้อมแล้ว”
“ดิฉันพร้อมนานแล้วค่ะ” รสาหันมาสวน
ภคพงษ์มองหน้ารสา รสามองกลับอย่างไม่กลัวก่อนจะหันหน้าเดินนำไป ภคพงษ์ถามขึ้น
“จะไปไหน” ภคพงษ์ถาม
“ไปดูบ้านที่คุณต้องการให้ดิฉันตกแต่งใหม่ไงคะ คุณเผด็จบอกว่าอยู่ทางโน้น” รสาพูดพลางพยักเพยิดไปทางด้านหลังที่กำลังมุ่งหน้าจะไป
ภคพงษ์ฟังแล้วกลับหันเดินไปอีกทาง รสาแปลกใจ
“อ้าว..คุณ คุณจะไปไหน”
ภคพงษ์เดินมาที่รถกอล์ฟที่จอดอยู่ข้างๆ แล้วก็ขึ้นไปขับมาจอดเทียบข้างๆรสา
“จะไปด้วยกันหรือว่าจะเดินไปเอง”
รสามองหน้าแล้วก็จำใจต้องขึ้นไปนั่งคู่กัน
 
รถกอล์ฟขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้รสาต้องอยู่ใกล้ชิดกับภคพงษ์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ภคพงษ์ขับรถออกไป

รถกอล์ฟขับผ่านต้นไม้ที่ร่มรื่นในสวนอันสวยงาม รสานั่งตัวลีบอยู่ข้างภคพงษ์ที่ปรายตามามองนิดๆ แอบหมั่นเขี้ยวในความถือตัวของรสา ภคพงษ์เลี้ยวรถอย่างเร็ว รสาเกร็งตัวไม่ทัน ทำให้เซมาซบภคพงษ์โดยไม่ได้ตั้งใจ

“อุ๊ย !”
ภคพงษ์ปรายตามามองอย่างถือตัว รสาเหลือบมาเห็นสายตานั้นพอดี รีบเด้งตัวกลับทันที
“ขอโทษค่ะ”
รสาดึงตัวกลับมานั่ง..ตัวลีบหนักกว่าเดิม ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ พอใจที่ได้แกล้งรสา

เวลาเย็นที่หน้าเรือนหลังเล็ก เป็นบ้านไม้สไตล์โคโลเนียล สภาพค่อนข้างทรุดโทรม แต่ยังคงความขลังไว้ให้ได้เห็น ภคพงษ์ก้าวนำรสาเข้ามา
“นี่คือเรือนหลังเล็ก ผมต้องการซ่อมแซมและตกแต่งใหม่ทั้งหมด”
รสาหันมาถาม
“เพื่ออะไรคะ”
“เหตุผลส่วนตัว”
รสาชชักสีหน้า
“ดิฉันก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่จุดประสงค์ในการซ่อมแซมบ้าน มีผลต่อการออกแบบ...”
ภคพงษ์มองหน้ารสาที่รอฟังอยู่
“บ้านสำหรับพักอาศัย บ้านสำหรับรับรองแขก และบ้านสำหรับจัดเลี้ยง มันไม่เหมือนกัน ถ้าคุณไม่บอก ฉันก็ออกแบบให้ตรงความต้องการไม่ได้”
รสาพูดจบก็เดินกลับไปที่รถ ภคพงษ์ยืนอยู่ที่เดิม คิดแล้วก็จำยอม
“ผมต้องการทำให้บ้านหลังนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง” ภคพงษ์โพล่งออกมา
รสาชะงักเท้าหยุดเดิน ค่อยๆหันมาฟัง
ภคพงษ์มองไปที่บ้าน
“บ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างมาสิบกว่าปีไม่มีคนอยู่ ผมต้องการทำให้บ้านหลังนี้กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
ภคพงษ์มองมาที่รสาแล้วพูดท้าทายอยู่ในที
“ทำได้หรือเปล่า”
รสามองที่บ้านและมองกลับมาที่ภคพงษ์
“ดิฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ แต่จะได้หรือไม่ได้ ถูกใจคุณหรือเปล่า คุณคงต้องตัดสินเอง “
ภคพงษ์เชิดหน้านิดๆกับคำตอบที่แสนจะเย่อหยิ่ง
“ดิฉันขอเข้าไปสำรวจในบ้านนะคะ”
“เชิญ”
รสาเดินนำเข้าไปอย่างตั้งใจ ภคพงษ์มองตามนิดๆ ด้วยแววตาที่ยังไม่อยากจะเชื่อฝีมือเท่าใดนัก

ประตูเรือนหลังเล็กถูกเปิดออก รสายืนกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นสภาพทรุดโทรม หยากไย่และฝุ่นเกาะหนา มีเครื่องเรือนเก่าวางอยู่ไม่กี่ชิ้น รสาขยับหยิบไอแพดในเป้ออกมาถ่ายรูปมุมต่างๆของบ้านเก็บไว้
ภคพงษ์เดินตามเข้ามามองรสาอยู่ไม่ห่าง รสาหันมาเห็นภคพงษ์มองอยู่ก็อึดอัดนิดๆ แล้วหลบตาเดินเลี่ยงไปอีกห้อง ภคพงษ์เดินตามไปอีก
ประตูห้องนอนห้องเล็กถูกเปิดออก รสาเดินเข้ามา เป็นห้องนอนของภคพงษ์ในวัยเด็ก หัวเตียงมีรูปภคพงษ์ตอนเด็กวางอยู่ ดูน่ารักมาก รสาปราดสายตาไปเห็นแล้วหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มนิดๆ ในความน่ารัก
ภคพงษ์เดินเข้ามาเห็นว่ารสายิ้มอยู่และพูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“รูปผมเอง”
รสาถึงกับชะงัก หุบยิ้ม ความน่ารักลดลงไปทันที รสาค่อยๆวางรูปไว้ที่เดิมแล้วก็เฉไฉทำเป็นถ่ายรูปห้อง ภคพงษ์เดินเข้ามาหาแล้วบอก
“ ห้องนี้เป็นห้องนอนเก่าของผม ถ้าซ่อมแซมแล้วอาจจะทำเป็นห้องนอนสำหรับแขก”
“ค่ะ”
รสาหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กๆออกมาจดอย่างทะมัดทะแมง ภคพงษ์แอบมองการทำงานของรสา จดเสร็จ... รสาก็ถ่ายรูปต่อ ก่อนจะเคาะผนัง เคาะพื้น ขยับกรอบหน้าต่าง บานพับหน้าต่าง ดูความแข็งแรงของส่วนต่างๆ แล้วก็จดขยุกขยิกอีกที ภคพงษ์มองรสาขณะทำงานด้วยความสนใจ ความตั้งใจของรสาทำให้ภคพงษ์แอบแปลกใจนิดๆ


รสาเดินสำรวจบ้าน ทั้งถ่ายรูป เขียนโน้ต ด้วยความตั้งใจ ทะมัดทะแมง ภคพงษ์จับสังเกตไม่วางตา ยิ่งมองยิ่งเห็นความตั้งใจของรสา ทั้งสองคนเดินผ่านไปตามมุมต่างๆของบ้าน
รสาเปิดเช็กระบบไฟ เห็นว่าบางจุดใช้ได้ บางจุดใช้ไม่ได้ เชคแล้วก็บันทึกไว้
รสาเปิดเช็กระบบน้ำ เป็นน้ำขุ่นๆสำลักออกมา รสารีบปิด น้ำกระเด็นโดนตัวรสา ภคพงษ์แอบอมยิ้มขำๆ รสา
หันมาภคพงษ์ทำหน้าปกติ
รสาเคาะเช็กกำแพงตามจุดสำคัญๆ ภคพงษ์ยืนอยู่ห่างๆ
รสาสำรวจไป ก็จดบันทึกไปอย่างตั้งใจ ภคพงษ์เดินตาม

รสาเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องโถง รสาหันมาทางภคพงษ์
“เครื่องเรือนบางชิ้นยังดีอยู่ ดิฉันอาจจะนำกลับมาใช้วางคละกับเครื่องเรือนใหม่ที่มีการออกแบบใกล้เคียงกัน”
“ไม่มีปัญหา คุณอยากจะใช้อะไร หรือจะไม่ใช้อะไรก็ตามสบาย มีเพียงอย่างเดียวที่ห้ามเคลื่อนย้ายโดยเด็ดขาด”
รสาแปลกใจ ภคพงษ์มองรสาด้วยแววตานิ่ง หนักแน่น
“อะไรคะ”

เปียโนตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถง มีผ้ากำมะหยี่อย่างดีคลุมไว้อย่างมิดชิด ภคพงษ์สะบัดผ้าคลุมออกเห็นแกรนด์เปียโนหลังงาม รสายืนมองด้วยความแปลกใจ ภคพงษ์หันมาออกคำสั่ง
“แกรนด์เปียโนหลังนี้ ต้องอยู่ที่ห้องโถงนี้เท่านั้น ห้ามย้ายเด็ดขาด”
รสาแอบแปลกใจแต่ก็ต้องรับคำ
“ค่ะ”
รสาจดลงไปในโน้ต ภคพงษ์ถามต่อ
“คุณจะส่งแบบให้ผมดูได้เมื่อไหร่”
รสาเงยหน้าจากสมุดบอก
“อีกสองอาทิตย์ค่ะ”
“ช้าเกินไป ผมต้องการเห็นแบบภายใน ๒ วัน !!”
รสาตาโต
“หะ สองวันดิฉันทำไม่ทันหรอกค่ะ สองอาทิตย์นี่ก็รีบสุดๆแล้ว ปกติต้องใช้เวลาเป็นเดือน”
“แต่งานนี้..ไม่ปกติ เพราะเป็นงานพิเศษ ผมให้เวลาคุณสองวัน ต้องมีแบบมาให้ผมดู คุณจะรับปากตอนนี้ หรือจะให้ผมโทร.ถามคุณพิทยา”

ภคพงษ์ถามอย่างท้าทาย

รสาเม้มปากเถียงไม่ออก เพราะรู้ว่าถ้าถามพิทยาก็ต้องสองวันอยู่แล้ว! รสาเชิดหน้าขึ้นและตอบอย่างไม่กลัว
“ได้ค่ะ ดิฉันจะส่งแบบให้คุณดูภายใน ๒ วัน”
“กรุณาอย่าทำงานชุ่ยๆ เพื่อทำให้ผมต้องปฎิเสธงานคุณ”
“ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า ที่บริษัทมีนักออกแบบที่มีความสามารถอีกมาก ถ้าคุณไม่ไว้ใจดิฉันสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลา”
รสาพูดจบก็หันหลังให้ภคพงษ์อย่างไม่เกรงกลัว แล้วก้าวเดินฉับๆๆๆ ออกไปจากห้องโถงในทันที ภคพงษ์เชิดหน้าปรายด้วยหางตาแอบเคืองในความยะโสของรสา

รสออกจากโถงเดินไปที่ะเบียงเป็นไม้เก่าๆ ค่อนข้างผุด้วยความไม่พอใจ รสาเดินไม่ทันระวังเหยียบลงไปบนแผ่นไม้ที่เก่ามาก ทันใดนั้นเองขาของรสาก็เหยียบทะลุแผ่นไม้ลงไปอย่างแรง พลั่ก! รสาร้องด้วยความตกใจ
“ว้าย”
เท้าของรสาจมลงไปในแผ่นไม้ผุที่หักเพราะแรงเหยียบ ผลุ!! รสาเซจะล้ม ภคพงษ์เข้ามาประคองไว้จากทางด้านหลัง แขนอันกำยำของภคพงษ์โอบรอบเอวของรสาไว้อย่างหนักแน่นมั่นคง รสาตกใจด้วยสัญชาตญาณเอามือของตัวเองจับมือของภคพงษ์ที่โอบรอบเอวอยู่
รสาอึ้งไปชั่วขณะ รสายืนอยู่ในอ้อมกอดของภคพงษ์อย่างลืมตัว ความอุ่นของลมหายใจที่รดอยู่ต้นคอทำให้ร
สาเริ่มได้สติ
“ปล่อย”
รสาพยายามจะดันเอาตัวออกมา ภคพงษ์เห็นท่าทีรังเกียจก็หมั่นไส้ปล่อยตามที่รสาบอก ภคพงษ์คลายกอดออกและถอยห่างออกมา รสาเซจะล้มเพราะไม่มีที่ยึด
“ว้าย”
รสาเซโงนเงนทรงตัวไม่อยู่
“เฮ้ยๆๆ”
ขารสาทะลุลงไปในแผ่นไม้ โดนเศษไม้ และเสี้ยนไม้ทิ่มแทงลึกลงไปตามแรงโยก รสาร้องด้วยความเจ็บ
“โอ้ย”
ภคพงษ์ส่ายหน้าแล้วก็เดินเข้ามาจับแขนรสาให้เป็นที่ยึดเกาะ
“อยู่เฉยๆ”
รสามองหน้าภคพงษ์เห็นว่าแววตานิ่งๆ ดุๆ และตัวเองก็เจ็บเลยจำใจอยู่นิ่งๆ ให้ภคพงษ์จับแขนตัวเองไว้
ภคพงษ์เห็นว่ารสายอมแล้วก็หันมามองที่พื้นแล้วก็ออกแรงกระทืบลงไปในแผ่นไม้ที่หักเสียบขารสาอยู่อย่าง
แรง พลั่ก! รสาตกใจ แผ่นไม้ที่ภคพงษ์เหยียบลงไปหักเป็นสองท่อนทำให้มีช่องว่าง และขาของรสาก็หลุดพ้นจากการทิ่มแทง รสาขยับจะดึงขาขึ้น ภคพงษ์ไม่พูดอะไร แต่ขยับเข้ามาใกล้รสาและอุ้มขึ้นมาเลย รสาตกใจ
“คุณทำอะไร”
“ผมจะพาคุณไปทำแผล”
“ฉันเดินเองได้”
“แต่ผมไม่ให้เดิน” ภคพงษ์เสียงดุใส่
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณ”
“อย่าดื้อ”
“ฉันไม่ได้ดื้อ”
“ไม่ดื้อ...ก็ทำตามที่ฉันบอก”
ภคพงษ์ออกคำสั่งนิ่งๆ แต่เอาจริง แววตาของภคพงษ์สะกดให้รสาต้องยอม รสาสะบัดหน้าหนี..ด้วยความไม่พอใจ ภคพงษ์อมยิ้มนิดๆ ที่ชนะอีกยก ภคพงษ์อุ้มรสาเดินไปอย่างอบอุ่น
ภายในเรือนหลังเล็กที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ภคพงษ์อุ้มรสาเดินไปตามทาง ความรู้สึกแปลกๆที่แอบ
ซ่อนเร้นอยู่ในคนทั้งสองจุดประกายความสดใสให้กับบ้านหลังเก่าได้อย่างประหลาด

ที่มุมประจำที่ร่มรื่นและเป็นส่วนตัว สายใจนั่งแกะสลักผัก ผลไม้สำหรับอาหารเย็น ภคพงษ์อุ้มรสาเข้ามา
สายใจตกใจ
“คุณหนู !เอ่อ..แล้วนี่...”
ภคพงษ์ค่อยๆวางรสาไว้ที่ตั่งข้างๆ สายใจ
“คุณรสาเป็นมัณฑนากรที่จะมาตกแต่งเรือนหลังเล็ก”
รสายกมือไหว้สายใจ
“สวัสดีค่ะ”
สายใจรับไหว้
“สวัสดีจ้ะ”
“สายใจเป็นผู้ใหญ่ของบ้านนี้”
รสายิ้มอย่างนอบน้อม สายใจยิ้มรับพร้อมกับมองรสาอย่างพิจารณาก่อนจะถาม
“แล้วนี่..เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมถึง... อุ้ม...กันมาแบบเมื่อกี้”
รสาอึกอักตอบไม่ถูก ภคพงษ์ตอบแทน
“มีอุบัติเหตุนิดหน่อย ป้าใจช่วยทำแผลให้คุณเค้าด้วยนะ”
สายใจตกใจ
“อ้าวเหรอคะ ไหนคะคุณ ไปโดนอะไรมา ขอป้าดูหน่อย”
รสาพูดด้วยความเกรงใจ
“ที่จริงรสไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คนบางคนทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเอง” รสาว่า
สายใจค่อยๆมองมาทางภคพงษ์ด้วยความแปลกใจ และรู้ทันว่า ภคพงษ์จะต้องไม่พอใจ
ภคพงษ์ปรายตามาเหล่ รู้ว่าโดนกระทบแต่ไม่ตอบโต้ หันมาพูดกับสายใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฝากป้าใจดูแลคุณรสาด้วย ถ้าเรียบร้อยแล้วให้รออยู่ที่นี่ ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วจะไปส่งคุณรสาเอง”
รสาหันมาทางภคพงษ์ด้วยความแปลกใจ
“ไปส่ง”
ภคพงษ์หันมามองแต่ไม่พูดอะไรทิ้งให้รสาคาใจเล่น
“อ้าว...”
ภคพงษ์เดินออกไปแล้วทิ้งให้รสานั่งงงอยู่ที่เดิม รสาพูดไล่หลัง
“แต่..ดิฉันกลับเองได้ คุณไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ. คุณภคพงษ์ คุณ...”
สายใจมองรสาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา
“อย่าขัดใจคุณหนูเลยค่ะ ไม่สำเร็จหรอก”
รสาหันมาทำหน้างงๆ สายใจยิ้มแล้วบอก
“มาค่ะ เดี๋ยวป้าทำแผลให้”
สายใจยิ้มเมตตาให้รสา
“ขอบคุณค่ะ”
รสายกมือไหว้สายใจอย่างสวยงาม สายใจยิ้มรับด้วยความพอใจ แล้วหันไปหยิบกระเป๋ายาที่วางไว้ใกล้ๆตัวมาจัดแจงทำแผล รสานั่งครุ่นคิดด้วยความหนักใจ

ภคพงษ์เดินเข้ามาในห้องนอน ถอดสูทและเสื้อเชิ้ตชุดทำงานออก และเปลี่ยนใส่ชุดที่ลำลองกว่า แต่ยังดูดีมี
รสนิยมเหมือนเดิม

แผลของรสาถูกสายใจปิดด้วยผ้าก๊อซและเทปไว้อย่างเรียบร้อย

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
รสายกมือไหว้อย่างสวยงามอีกครั้ง
“ขอบคุณมากค่ะ”
สายใจรับไหว้บอก
“ ไม่เป็นไรจ้ะ “
ปุยนุ่นกับเปลี่ยนเดินเข้ามา ทั้งสองคนเห็นรสาก็แปลกใจ พูด “อ้าว..คุณ !” ขึ้นพร้อมกัน
“คุณมาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย หนูนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก”
“กำลังจะกลับแล้วจ้ะ” รสาพูดยิ้มๆ
“อุ้ยๆ หนูถามเฉยๆ ไม่ได้ไล่คุณนะคะ” ปุยนุ่นว่า
“บังเอิญว่าฉันกำลังจะกลับพอดีน่ะจ้ะ” รสาพูดแล้วหันมายกมือไหว้ลาสายใจ
“รสขอตัวกลับก่อนนะคะคุณป้า”
“อ้าว...แต่คุณหนูบอกว่าจะไปส่งคุณรสานะคะ”
“อย่าดีกว่าค่ะ...รสเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ถ้าคุณหนูเอ่ยปากแสดงว่าเธอเต็มใจ รอก่อนเถอะค่ะ”
รสาอึกๆอักๆ

ภคพงษ์เดินออกมาจากห้องนอนในชุดลำลองสุดเท่

รสาอึกอัก ไม่สบายใจ จนต้องพูดกับสายใจออกมาตรงๆ
“จริงๆแล้ว นอกจากจะเกรงใจแล้วเนี่ย..เหตุผลที่รสไม่อยากไปกับคุณภคพงษ์คือ..รส..อึดอัดน่ะค่ะ”
สายใจเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ปุยนุ่นกับเปลี่ยนมองหน้ากันอย่างแปลกใจไม่น้อยไปกว่ากัน
“คือ..คุณป้าอย่าโกรธรสเลยนะคะที่พูดความจริง แต่รส..ไม่อยากอยู่กับคุณหนูของคุณป้าในระยะ..ประชิดน่ะค่ะ มัน..อึดอัดบอกไม่ถูก”
สายใจตั้งใจฟังแล้วก็คิดตามแอบอมยิ้มนิดๆ
“ให้ขึ้นมอเตอร์ไซด์แล้วไปต่อรถเมล์ หรือแทกซี่รสสบายใจกว่าน่ะค่ะ เอาเป็นว่า..รสขอตัวเลยแล้วกันนะคะ...สวัสดีค่ะ”
รสายกมือไหว้อีกครั้งก่อนหยิบกระเป๋าและรีบเดินออกไปเลย
ปุยนุ่นกับเปลี่ยนถึงกับตกใจ “อ้าว...!”
“ป้า..ไม่ห้ามไว้ล่ะ ถ้าคุณภัครู้ มีหวังคุณรสาต้องโดนเล่นงานแน่ๆ” ปุยนุ่นว่า
“นั่นสิ ดีไม่ดี โดนไล่ออกแน่ๆ !” เปลี่ยนว่า
สายใจพูดพร้อมอมยิ้มนิดๆ อย่างมั่นใจ
“แต่ชั้นว่าไม่...”

ภคพงษ์ชักสีหน้านิดๆด้วยความไม่พอใจ
“รสากลับไปแล้ว”
ปุยนุ่นกับเปลี่ยนยืนก้มหน้าลนลาน ไม่กล้าสู้หน้าภคพงษ์ สายใจนั่งอยู่บนตั่งและพูดด้วยความสุขุม
“ใช่ค่ะ เพิ่งจะไปเมื่อครู่ ก่อนคุณหนูจะมาไม่กี่นาทีเองค่ะ”
“แต่ผมบอกให้รอ”
“ป้าบอกแล้วค่ะ แต่คุณเค้าเกรงใจ”
“ตั้งใจจะขัดคำสั่งมากกว่า”
ปุยนุ่นกับเปลี่ยนก้มหน้าอย่างเกรงๆ ภคพงษ์ทั้งโกรธและเป็นห่วง
“ขาเจ็บแล้วยังจะทำจองหอง”
ภคพงษ์พูดด้วยความไม่พอใจแล้วก็เดินกลับไป
สายใจมองตามนิดๆด้วยแววตายิ้ม ปุยนุ่นกับเปลี่ยนรอจนลับหลังภคพงษ์แล้วก็หันมาถามสายใจ
“ใครขาเจ็บน่ะป้า”
“แล้วตกลงคุณภัคเธอโกรธ หรือเป็นห่วงคุณรสาน่ะป้า” เปลี่ยนถาม
สายใจไม่ตอบแต่ในใจแอบคิดว่าอาจจะเป็นแบบหลังมากกว่า

พิทยาโวยวายลั่น
“ส่งแบบภายในสองวันเนี่ยนะ ใครจะไปทำทัน”
พิทยา ชีวิน รสาประชุมกันอยู่ในห้องพิทยา มีคัพเค้กคอยจดการประชุม
“ใช่ค่ะ รสก็บอกเค้าไปแบบนั้น เค้าก็ขู่ว่าถ้ารสทำไม่ได้ เค้าจะบอกพี่พิทตี้”
“งั้นพี่พิทตี้ก็โทร.ไปเลื่อนวันส่งงานให้รสสิครับ คุณภคพงษ์เค้าจะได้รู้ว่าพี่พิทตี้ไม่โอเค” ชีวินว่า
“ได้”
พิทยาลุกขึ้น ทั้งรสาและชีวินยิ้มดีใจ
“เธอต้องทำให้ได้ยัยรส”
“หะ “
.พิทยาพูดต่อ
“ก็คุณภัคเป็นลูกค้าคนสำคัญ และคุณเผด็จก็อยากให้เราได้งานนี้ เค้าชอบที่รสกล้าพูดตรงๆกับคุณภัค ปกติไม่มีใครกล้า ต่อหน้าก็ทำเออออ แต่พอทำไม่ได้เค้าก็ต้องเป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ย แต่พอเธอกล้าพูด เค้าก็เลยชอบ”
“มีแต่คนยอม ถึงได้เอาแต่ใจ” รสาพูดบ่นๆ
“เอาแต่ใจนิดๆหน่อยๆ แต่จ่ายเงินครบ ก็ยังดีกว่าเอาแต่ใจแถมเงินก็ไม่จ่าย คัพเค้ก !”
“ขา...”
“เตรียมตุนเสบียงไว้ให้ยัยรสด้วย รสอยากกินอะไรก็บอกไป เดี๋ยวให้ไอ้วินไปเอาเสื้อผ้าของใช้จากที่บ้านมาให้ กินนอนที่นี่แหละ สองวันเดี๋ยวก็เสร็จ สู้เพื่อพี่และบริษัทของเรานะรส !” พิทยาพูดพลางจับไหล่ทำตาซึ้ง
รสามองหน้าพิทยาที่มุ่งมั่น และซาบซึ้งมากๆ จนรสาต้องยอมรับปากออกไปแบบมึนๆ
“ค่ะ”
พิทยาทำหน้าเหมือนพยายามจะกลั้นน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง
“พี่ขอบใจจริงๆ ขอบใจมาก”
ชีวินและคัพเค้กมองพิทยาแล้วก็อึ้ง
“แสดงที่สุดๆ !” คัพเค้กพูดเบาๆ
พิทยาชะงักหันขวับมา คัพเค้กสะดุ้งรีบก้มหน้าและหุบปากเงียบ

ชีวินมองรสาด้วยความเห็นใจ

โปรดติดตาม...ลุ้นรัก "รสา-ภคพงษ์" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น