โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• กษัตริย์ฆวน การ์ลอส แห่งสเปน และเหล่าเชื้อพระวงศ์ จะร่วมถูกตัดเงินเดือนไปพร้อมกับประชาชนด้วย โดยทรงลดเงินเดือนของพระองค์เองลง 7.1% หลังจากที่รัฐบาลสเปนจำเป็นต้องออกนโยบายรัดเข็มขัดที่เข้มงวดขึ้น ทั้งการขึ้นภาษี การลดเงินเดือนและสวัสดิการ เพื่อลดการใช้งบประมาณและการขาดดุลงบประมาณให้ได้ตามเป้าภายในปี 2014
• หนี้เสียในภาคธนาคารของสเปนมีจำนวนทั้งสิ้น 1.558 แสนล้านยูโรในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.95% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 18 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย.1994 และเป็นการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจาก 8.72% ในเดือน เม.ย.
• นายกรัฐมนตรีอิตาลีแถลงการณ์ว่า เขตปกครองตนเองพิเศษ เกาะซิลิลี หนึ่งในแคว้นทั้ง 20 แคว้นของประเทศมีความเสี่ยงสูงมากที่จะผิดชำระดอกเบี้ยหนี้สินประจำปีที่ต้องจ่ายประมาณ 500-600 ล้านยูโร คิดเป็นกว่า 10% ของหนี้สินทั้งหมด เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
• ผู้บริหารใหญ่ธนาคารเอชเอสบีซีประกาศขอโทษกับความล้มเหลวในการตรวจสอบการถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินของผู้ก่อการร้าย และแก๊งค้ายาเสพติดจากหลายประเทศ ทั้งเม็กซิโก อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย หมู่เกาะเคย์แมน และซีเรีย ขณะที่ นายเดวิด บักเลย์ ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารเอชเอสบีซี สาขาใหญ่ที่อังกฤษ ประกาศว่ากำลังจะลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารเพื่อรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว แต่ยังคงทำงานอยู่ในเอชเอสบีซีต่อไป
• จำนวนผู้ว่างงานของอังกฤษในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ลดลง 65,000 ราย สู่ระดับ 2.58 ล้านราย เป็นระดับต่ำสุดนับแต่กลางปี 2554 ส่วนอัตราว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 8.1% จาก 8.2% ในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นผลมาจากการจ้างงานพิเศษในช่วงก่อนการแข่งขันโอลิมปิกที่จะเปิดฉากขึ้นในปลายเดือน ก.ค.นี้
• UBS คาดว่าโอกาสจะเกิดภาวะเงินเฟ้อระดับรุนแรงภายใน 12 เดือนข้างหน้านั้นมีค่อนข้างต่ำ แม้ว่าหลายประเทศจะมีการใช้นโยบายเศรษฐกิจที่ผ่อนคลายในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตสหรัฐฯ และอังกฤษมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อระดับรุนแรงมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากมีการขาดดุลการคลังจำนวนมาก และได้มีการอัดฉีดเงินเข้าระบบจำนวนมากเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
• ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือน มิ.ย.เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. และพุ่งขึ้นถึง 23.6% เมื่อเทียบปีก่อน สู่ระดับ 760,000 ยูนิต ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2551 บ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นแล้ว หลังจากที่เป็นตัวถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาหลายปี
• สมาคมธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ สำรวจพบว่า ในรอบสัปดาห์ที่แล้วการยื่นขอสินเชื่อจำนองในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.9% ซึ่งเกือบแตะระดับสูงสุดในปีนี้ เพราะอัตราดอกเบี้ยลดลงสู่ระดับต่ำสุดระดับใหม่ จากความวิตกที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยสำหรับสัญญาจำนองระยะ 30 ปีลดลงแตะ 3.55% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจ เทียบกับระดับ 3.63% ในสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
• Environics Analytics WealthScapes รายงานว่า ความมั่งคั่งโดยเฉลี่ยของภาคครัวเรือนชาวแคนาดาในปี 2011 สูงกว่าของชาวอเมริกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยอยู่ที่ระดับ 363,202 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ชาวอเมริกันอยู่ที่ 319,970 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ อัตราการว่างงานของแคนาดาซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความเป็นอยู่ของประชากรยังได้ลดลงเหลือ 7.2% ในขณะที่อัตราการว่างงานในสหรัฐฯ ยังคงสูงถึง 8.2% จึงสามารถกล่าวได้ว่า แคนาดาประสบความสำเร็จในการจัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองภายใน โดยเป็นการจัดการที่แข็งกร้าวในลักษณะสังคมนิยม และการจัดการระบบการคลังอย่างระมัดระวัง
• คิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้รับการแต่งตั้งเป็นจอมพลแห่งกองทัพเกาหลีเหนือแล้ว ซึ่งเป็นยศสูงสุดของกองทัพ ทำให้เขามีอำนาจเหนือรัฐและกองทัพ และตอกย้ำอำนาจของเขาในเกาหลีเหนือซึ่งมีทหาร 1.2 ล้านนาย
• ธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ 4 แห่งของเกาหลีใต้กำลังถูกตรวจสอบโดยสำนักงานต่อต้านการผูกขาดตลาดของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับกรณีการร่วมสมคบคิดกันในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยบัตรเงินฝาก (CD) ประเภทระยะ 3 เดือน ซึ่งอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวใช้กับการทำธุรกรรมทางการเงินที่หลากหลายรวมถึงเงินกู้สำหรับภาคครัวเรือน
• ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) กล่าวว่า ปริมาณเงินทุนไหลเข้าประเทศเป็นจำนวนมากถือเป็นเรื่องที่น่าวิตกในระยะใกล้ แม้ว่า BSP มีเครื่องมือเพียงพอที่จะบริหารจัดการผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการเคลื่อนไหวของกระแสเงินทุนก็ตาม ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของการหารือในการประชุมกำหนดนโยบายของ BSP ในสัปดาห์หน้า
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,220.14 จุด ลดลง 4.07 จุด หรือ 0.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28,129 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 438 ล้านบาท เนื่องจากการปรับขึ้นต่อเนื่องกันมาหลายวันของตลาดหุ้นไทย ประกอบกับยังไม่มีปัจจัยใหม่มาหนุนตลาด ทำให้นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะขายทำกำไรออกมา แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น โดยทิศทางตลาดยังเป็นขาขึ้นอยู่ จากปัจจัยหนุน ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 2/55 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
• เศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนเริ่มจะถ่วงบริษัทจดทะเบียนในประเทศแล้ว โดยกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทดังกล่าวคาดการณ์ว่าผลกำไรจะลดลงหรือขาดทุนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ทั้งนี้มีการเปิดเผยของบริษัทจดทะเบียน 449 แห่งว่า ผลกำไรของช่วงครึ่งปีแรกน่าจะลดลงจากปีก่อน ในขณะที่อีก 233 แห่งคาดว่าจะขาดทุน ซึ่งคิดเป็น 46.74% ของบริษัทจดทะเบียนในจีนทั้งหมดที่มีการคาดการณ์ผลประกอบการในครึ่งปีแรกไว้จนถึงขณะนี้
Fixed Income
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง -0.10% โดยเฉพาะช่วงอายุคงเหลือ 14-16 ปีที่ปรับลดลงมากที่สุดประมาณ -0.10%
