xs
xsm
sm
md
lg

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แสบสลับขั้ว ตอนที่ 2

เช้าวันรุ่งขึ้น สมทรงยกชุดอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ทุกคน แล้วถอยไปอย่างมีมารยาท

“อะไร วันนี้มีข้าวต้มปลาอย่างเดียวเหรอ”
รัญญาถามขึ้นมา สมทรงเหลือบมองปลาใหญ่แว่บหนึ่ง
“ค่ะ”
“แล้วถ้าฉันไม่อยากกินล่ะ ทุกวันเคยมีให้เลือก”
“ผมสั่งเอง”
ปลาใหญ่บอก ทุกคนหันขวับมามองปลาใหญ่
“อ้อ! เดี๋ยวนี้ก้าวก่ายเข้าไปถึงในครัวแล้วเรอะ ทำไมไม่ทำกับข้าวเสียเองเลยล่ะ มันจะได้ประหยัดสมใจแก...ไอ้ท่านประธานใหญ่”
เกริกก้องบอกอย่างไม่พอใจแล้วโยนผ้าเช็ดปาก ลุกเดินกระแทกเท้าออกไป
“ฉันก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
รัญญาเดินลงส้นตามพ่อไปอีกคน
“เอ้อ... อาต้องขอโทษแทนคุณอาก้องกับคุณพี่รันด้วยนะคะ หลานปลาใหญ่อาน่ะเข้าใจหมดทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะค่ะ หลานปลาน่ะไม่ต้องการให้ฟุ่มเฟือย ส่วนคุณอาก้องก็น้อยใจว่าหลานข้ามหน้าข้ามตาส่วนหนูรันก็รู้สึกว่า ถูกขัดใจ” จันทร์ทิพย์บอก
“ดีครับ เวลานี้ทุกคนต้องการความเข้าใจ” ครรชิตบอก
“ผมจะย้ายไปอยู่ห้องคุณพ่อ”
ปลาใหญ่บอก คราวนี้ครรชิตเป็นฝ่ายหันขวับมามองปลาใหญ่บ้าง
“เอ๊ะ จะดีหรือคะ”
“ดีแน่นอนครับ เพราะผมจะได้รู้สึกว่าท่านอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา”
“งั้นเดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ”
“ขอบคุณ”
ปลาใหญ่ทานข้าวต่อเงียบๆ ขณะที่จันทร์ทิพย์มีสีหน้าครุ่นคิด

จันทร์ทิพย์ตามเกริกก้องมาที่ห้องทำงานแล้วบอกเรื่องที่ปลาใหญ่จะย้ายไปอยู่ห้องเกรียงไกร
“อ้อ ไอ้เด็กเนิร์ดมันอยากอยู่กับผีพ่อของมัน”
“คุณก้องขา คุณก้องลืมไปหรือคะว่า น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย”
“รันน่ะซีคะจะตายก่อนมัน ตั้งแต่มันกลับมา รันอึดอัดคับข้องใจไปหมดมีเงินตั้งเป็นแสนล้านไม่รู้ประหยัดบ้าประหยัดบออะไร”
“ก็ประหยัดเอาไว้ให้เราน่ะซิ”
“โอ๊ย คงได้แตะของมันละค่ะ”
จันทร์ทิพย์มองเกริกก้องพลางส่ายหน้านิดๆ เป็นเชิงไม่ให้พูดต่อ
“รันต้องอดทนไปก่อนจ้ะ”
“รันอยากให้มันตายเร็วๆ คอยดูนะ รันจะสวดมนต์แช่งมันทุกคืนเลย”
“โอ้ว Don’t ค่ะ Don’t เด็ดขาด”
“ทำไมหรือคะ”
“ศีลข้อแรกบอกว่า ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขืนขัดไปสวดมนตร์แช่งมันอาจจะทำให้มันอายุยืนขึ้นไปอีกก็ได้”
“คุณรู้เรื่องศีลเรื่องธรรมเหมือนกันเรอะ” เกริกก้องถามอย่างแปลกใจ
“นิดนึงค่ะ เอาไว้พอคุยกับคนอื่นได้บ้าง”
“ถ้ามันกล้าไปนอนห้องพ่อมัน ก็แสดงว่ามันไม่กลัวผี ไอ้บ้านี่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว”
“เค้าเรียกว่าไอ้ทารกเฒ่าค่ะ คุณพ่อ”
“ไปทำงานกันได้แล้ว เดี๋ยวมันจะตัดเงินเดือนอีก”
ทั้งหมดเดินปรึกษากันออกไป

น้ำเพชรรีบเดินออกมาหน้าร้านทองพลางดูนาฬิกาด้วยสีหน้ากังวล พอออกมาหน้าร้านก็ถึงกับออกอาการจะเป็นลมเมื่อเห็นรถติดยาวเหยียด
“โอ๊ย ตายแล้ว”
“ตึ่งเช้าขึ้งมา ลื้อต้องพูดจาให้เป็นมงคง”
“พูดไม่ไหวหรอกหม่าม้า รถติดขนาดนี้ แล้วน้ำจะไปทำงานทันได้ไงดันตื่นสายเสียด้วย”
“ไม่เห็งจะยาก ไปไม่ทังลื้อก็ไม่ต้องไป แค่นี้หมกเรื่อง”
“ไม่ไปไม่ได้ น้ำเพิ่งรับตำแหน่งเลขาฯ ประธานบริษัทได้แค่เดือนกว่าๆ เออ”
“นั่งมอไซค์รับจ้างไปซิคะ พี่สุมาลีเคยแล้ว ถึงเร็วทันใจถ้าไม่ตายเสียก่อน”
“อาสุมาลี”
“ขอประทานโทษค่ะ”
“ลุงพิชิต ช่วยไปตามมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้คันนึงนะ”
“ได้ขรับ”
พิชิตรีบออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“ขรับ” พิชิตหันกลับมา
“ไม่เอานายเซียนนะ ขอเป็นคนอื่น”
“ขรับ”

พิชิตมาที่วินมอเตอร์ไซค์ ขณะนั้นรถวินอยู่ครบแต่เซียนกลับบอกกับพิชิตว่า
“คนอื่นไม่ว่าง ว่างแต่เซียน” เซียนหันไปถามพลางถลึงตาประกอบ “ใช่มั้ย...พวกเรา”
ทุกคนทำตาปริบๆ แต่ก็พยักเพยิดตาม
“แต่คุณน้ำบอกว่า...”
“ซ้อนท้ายเลยลุง เร็วน้า”
พิชิตตาลีตาเหลือกรีบร้อน เซียนขี่รถออกไปพิชิตร้องลั่น คว้าเซียนเกาะแน่น
“ริเด็ดดอกฟ้า” ป๋องต่อว่า
“น้ำตามันจะร่วง”
“ขนาดหมายปองดอกหญ้าด้วยกัน ไม่ต้องถึงดอกฟ้าน้ำตามันก็ยังจะร่วงเลย”
มอมเบือนหน้ามาทางชายสี่
“เอ็งหมายถึงใคร”
“มันก็หมายถึงเอ็งนั่นแหละ ไอ้มอม ไม่ต้องถาม ใครๆ เค้าก็รู้” ลุงป่องบอก
“แล้วผมผิดตรงไหน ที่หลงรักดอกหญ้าด้วยกัน”
“โอ๊ย ไม่ผิด แต่ก็อย่างที่เอ็งว่าไอ้เซียนนั่นแหละ”
“น้ำตามันจะร่วง”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน มอมทำตาปริบๆ

น้ำเพชรทำหน้าไม่พอใจเมื่อเห็นหน้าเซียน
“ฉันบอกไม่เอา นายคนนี้ไงลุง”
พิชิตอ้าปากจะอธิบายแต่เซีรยนชิงพูดขึ้นก่อน
“คุณก็ไม่จำเป็นต้องเอาผม...”
น้ำเพชรถลึงตาใส่
“นายเซียน”
“มาเป็นสารถี... เอ๊ะ ผมพูดผิดตรงไหน” ทุกคนในบริเวณนั้นเริ่มหันมามอง “แต่ที่ผมเสนอตัวมาเอง เพราะเห็นว่าคนอื่นเค้าไม่ว่าง แล้วรถมันก็ติดซะขนาดนี้ คุณคงต้องรีบไปอ๊อฟฟิด ก็แค่ความหวังดีเล็กๆ น้อยแหละครับแต่ถ้าคุณรังเกียจก็ไม่เป็นไร”
เซียนขยับจะขี่รถกลับไป น้ำเพชรตัดสินใจทันทีเมื่อเห็นรถขยับ
“ก็ได้”
เซียนถอยหลังกลับมารับเงียบๆ แล้วส่งหมวกกันน็อคให้ น้ำเพชรรับมาแต่ไม่สวม
“สวมด้วยครับ เดี๋ยวตำรวจจับ” น้ำเพชรจำใจสวมหมวกกันน็อค “เกาะแน่นๆ นะครับ”
น้ำเพชรสะพายกระเป๋าทะมัดทะแมง แล้วจับเบาะแน่น เซียนพาน้ำเพชรลดเลี้ยวไปตามช่องว่างอย่างคล่องแคล่วและชำนาญ

เซียนขับรถฉวัดเฉวียนหวาดเสียวเมื่อพ้นบริเวณรถติดมา น้ำเพชรพยายามทรงตัวไว้ไม่เกาะเอวเซียน
ในที่สุดรถเข้ามาจอดหน้าประตูบริษัท
“เท่าไหร่”
น้ำเพชรถามเมื่อก้าวลงจากรถ
“ไม่ต้องครับ เงินคุณยังอยู่ที่ผม 5 พัน”
เสียงบีบแตรดังขึ้นข้างหลัง น้ำเพชรหันไปมอง
“คุณปลาใหญ่”
“ไอ้บ้าเอ๊ย… จะบีบหาบิดามารดาเรอะไง เดี๋ยวพ่อจอดมันตรงนี้ทั้งวันเลย”
เซียนตะโกนด่าลั่น คนรถเปิดประตูแล้วก้าวลงมา
“คุณปลาใหญ่ให้เชิญคุณน้ำเพชรขึ้นรถครับ” คนรถบอกกับน้ำเพชร
“ขอบใจจ้ะ”
น้ำเพชรดูตื่นเต้น เมื่อคนรถเปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่งกับปลาใหญ่
“วันนี้ทำไมมา มอเตอร์ไซค์” ปลาใหญ่ถามน้ำเพชร
“รถติดค่ะ กลัวมาสาย”
ปลาใหญ่พยักหน้า คนรถขับเข้าไป
“ขอดูหน้าไอ้ปลาใหญ่หน่อยซิ”
เซียนเลื่อนรถในมุมที่มองเห็นชัดๆ โดยไม่สน รปภ. ไล่ รถจอดหน้าบริษัท คนรถลงมาเปิดให้ ปลาใหญ่และน้ำเพชรก้าวลงจากรถ โดยน้ำเพชรและทุกคนในบริเวณนั้นมีท่าทีพินอบพิเทาเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้เบื๊อกนั่นน่ะเรอะ ชื่อปลาใหญ่”
รปภ.สะดุ้ง
“เฮ้ย นั่นน่ะประธานบริษัทนะเว้ย”
“ฝากถามหน่อยว่าพ่อแม่ไม่มีปัญญาตั้งชื่ออื่นแล้วเรอะไง ชื่อมาด๊าย ไอ้ปลาคัง”
เซียนพูดพลางขี่รถออกไปอย่างรวดเร็ว

เซียนขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาที่วิน พอมาถึงก็จอดรถแล้วลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อคด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เป็นอะไรว่ะ”
ลุงป่องถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าปลาใหญ่
“อยากจะฆ่าคน”
“ใครวะ”
“ไอ้ปลาใหญ่”
“ไหนเอ็งว่า อยากจะฆ่าคน”
“เออ...แล้วทำไมกลายเป็นปลา”
“เพราะมันเป็นคนชื่อปลา”
“ปลาอะไร”
“ปลาใหญ่” ทุกคนนิ่งกันไปเพราะเริ่มงง “ไอ้ปลาใหญ่มันเป็นเจ้านายของคุณน้ำเพชร”
“เริ่มเข้าใจ อ้อ...อ...อ...” ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน
“ชื่อน่ากินดีว่ะ ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งทำได้หลายอย่าง ทั้งผัด ทั้งทอด แกง...เจี๋ยน...” ป๋องบอกทุกคนหันมามอง แต่ไม่มีใครขำด้วยแถมรำคาญด้วยซ้ำ ป๋องถึงกับจ๋อย “แป๋ว...ว...ว...”
“ไอ้ปลาใหญ่ปลาเล็กอะไรเนี่ยมันเป็นแฟนคุณน้ำเพชรหรือวะ” ชายสี่ถาม เซียนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“คาดว่ามันอาจจะกำลังพยายามจีบอยู่”
“ต้องกำจัดมัน” มอมบอกด้วยสีหน้าเอาจริง ลุงป่องจึงถีบมอมตกแคร่
“นี่แน่ะกำจัด เอ็งจะทำอะไรมันเฮอะ ไอ้มอมแมม! จะฆ่ามันเรอะ บอกเสียก่อนนะเว้ย ข้าเป็นพลเมืองดีของประเทศนี้ ข้าไม่มีวันทำอะไรผิดกฎหมาย”
“ถ้าตำรวจไม่เผลอ” มอมพูดต่อ
“เออ เฮ้ย... ไอ้มอม ไอ้ปากมอม”
หมอแม่นเดินออกมา โดยที่ทุกคนไม่ทันมอง
“เฮ้ย จะทำมาหากินกันเรอะเปล่าเว้ย” หมอแม่นท้าวสะเอวถาม ทุกคนหันกลับมา “หน็อย คุยกันอยู่นั่นแหละ อีแบบนี้สามารถทำนายอนาคตโดยไม่ต้องผูกดวง หรือดูลายมือได้เลยว่า อนาคตต้องยากจน”
“ไม่ต้องถึง อนาคตหรอกป้า ปัจจุบันมันก็ยากจนอยู่แล้ว จะไปไหนล่ะ”
“ร้านเฮียเติม”
เซียนกระฉับกระเฉงทันที
“งั้นขึ้นมาเลย”
“เฮ้ย คิวข้า ไอ้เซียน”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้เอ็ง เบิ้ล 2 เที่ยว”
เซียนพาหมอแม่นออกไปจากที่นั้นทันที
“ไม่เห็นตัวเค้า แต่เห็นร้านก็ยังดี”
“โอ้ย! ใครมันก็อยากเห็น...ทองเหลืองอร่ามไปทั้งร้านแบบนั้น”

กิมฮวยเดินนำหมอแม่นเข้ามาภายในห้องรับแขกเล็กๆ ด้านใน
“นั่งลงก่อง อาหมอแม่ง จ๋อ...จ๋อ”
หมอแม่นนั่งลง ยกมือโบกพัดตัวมองไปมา ขณะที่กิมฮวยยกน้ำชามาให้
“เอ้านี่! กิงทั้งชาร้องๆ ชั่งใจ” กิมฮวยบอกแล้วมองหมอแม่นที่โบกมือพัดตัวเอง “นั่งทังอาราย”
“ร้อนจ๊ะ เจ๊! เจ๊ไม่เปิดแอร์หน่อยเรอะ”
“ม่ายล่าย ตองนี้อั๊วกังลังช่วยเค้ารงนารงลกโลกร้อน ปาหยักค่าแอร์ลีอีกตังหาก”
“พัดลมก็ยังดี”
“เปืองไฟ เราต้องปาหยัดพาลังงาน ลื้อโบกมือแบกนั้งลีแล้ว ล่ายออกกาลังกายไปล่วย” กิมฮวยเลื่อนกระดาษผูกดวงน้ำเพชรให้หมอแม่น “อ้า! ลูลวงอานั้งต่อ อ้อ...อั๊วกาลังจาเปี่ยนชื่อใหม่ ลื้อช่วยลูหน่อยซิว่าเป็นไง”
“เจ๊จะเปลี่ยนเป็นอะไรล่ะ”
“สิงเทา”
“อะไรนะ”
“สิงเทา ลื้อว่าเป็งไง”
“เหมาะกับลักษณะเจ๊มากเลย พระที่ไหนเข้าใจตั้ง”
“ม่ายช่ายพระ แต่เป็นเซียง”
“เซียนที่ไหน ตาแหลม”
“เซียงขี่ มอไซค์”
หมอแม่นขำกลิ้ง กิมฮวยมองงงๆ แล้วขำตามแบบไม่รู้เรื่อง

หน้าห้องทำงานปลาใหญ่ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะน้ำเพชรดึงขึ้น น้ำเพชรรับสาย
“มีอะไรหรือหม่าม้า”
น้ำเพชรถามเมื่อกิมฮวยโทรมา
“ตกลงอั้วล่ายชื่อใหม่แล้ว เพาะมากเลย อยากรู้มั้ย”
“เดี๋ยวบอกที่บ้านดีกว่าค่ะ” น้ำเพชรบอกยิ้มๆ เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น “แค่นี้นะหม่าม้า เจ้านายตามตัว”
“เออ... เออ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ แล้วรับสายภายใน
“คะ... ท่านประธาน”
“เข้ามาข้างในหน่อย”
“ค่ะ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ แอบหยิบกระจกขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อยแล้วลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานปลาใหญ่

น้ำเพชรเข้ามายืนรอรับคำสั่งเรียบร้อย
“ท่านประธานมีอะไรหรือคะ”
ปลาใหญ่เงยหน้าขึ้น สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเคย
“วันนี้คุณจะกลับยังไง” น้ำเพชรทำหน้างงๆ “ก็เมื่อเช้าไม่ได้เอารถมาไม่ใช่หรือ”
“อ๋อ ค่ะ น้ำก็กลับแท็กซี่”
“ไม่ต้อง ผมจะแวะไปส่ง ชวนคุณครรชิตไปด้วย”
“โอ๊ะ! ไม่เป็นไรค่ะ น้ำ...”
ปลาใหญ่ชี้ปากตัวเอง
“ดูปากผม... ผม... จะ...ไป .... ส่ง” ปลาใหญ่เน้นทีละคำ น้ำเพชรยิ้มแห้งๆ
“ขอบคุณค่ะ”
“เท่านี้แหละ” ปลาใหญ่บอกแล้วทำงานต่ออย่างไม่สนใจอีก
“ค่ะ”
น้ำเพชรทำอะไรไม่ถูกครู่หนึ่ง แล้วเดินออกไป

น้ำเพชรเปิดประตูเดินออกมานั่งงงๆ ครู่หนึ่ง แล้วนึกขึ้นได้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหากิมฮวย
“หม่าม้า...เดี๋ยวเย็นนี้ท่านประธาน จะไปส่งน้ำที่บ้าน”
“ฮ้า”
“หม่าม้าเตรียมสั่งอาหารว่างอร่อยๆ ไว้เลี้ยงแขกด้วยนะคะ”
“ตกลงใครมากังแน่ แขกมาหรือปาทังมา”
“เอาเป็นว่า หม่าม้าจัดอาหารอร่อยๆ เตรียมไว้ให้น้ำด้วยก็แล้วกัน อ้อ! งานนี้น้ำจ่ายเงินเอง หม่าม้าต้องจัดเต็ม ราคาไม่เกี่ยงนะคะ”
“อ้อ! อ้อ ลี! ลี ไม่ต้องเป็นห่วง เหลียวอั๊วจักให้”
“ขอบคุณค่ะ หม่าม้าแพงไม่เกี่ยงนะคะ”
น้ำเพชรย้ำแล้ววางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าแจ่มใส

กิมฮวยวางโทรศัพท์แล้วเดินออกมาหน้าร้าน
“อาพิชิก”
“ขรับ”
กิมฮวยส่งกระดาษให้
“ไปซื้อของพวกนี้มาให้อั๊วหน่อย”
“ขรับ”
“ซื้ออาราย” เติมศักดิ์ถาม
“เงินล่ะขรับ คุณนาย”
“เงิง เงิงอาราย”
“ก็ค่าซื้อของพวกนี้ขรับ”
“แค่นี้ทังเป็นทวง” กิมฮวยหยิบกระเป๋าประจำตัวขึ้นมาเปิด ตัดสินใจครู่หนึ่ง จึงดึงใบละ 50 บาทออกมาอย่างสุดแสนเสียดาย “อ้ะ เอาไป”
พิชิตสะดุ้ง
“50 บาท หรือครับ”
“ไม่ต้องตกใจที่อั๊วให้ไปเยอะ เพราะลื้อต้องทองมาล่วย”
พิชิตคลี่รายการสั่งซื้อยาวเหยียดออกมา ทำหน้าจะร้องไห้เสียให้ได้
“ซื้อแค่นี้ 50 บาทหรือครับ”
“อาฮวย” เติมศักดิ์ถาม กิมฮวยยกมือห้าม
“หยุก” กิมฮวยบอกแล้วพูดกับพิชิตต่อ “ลื้อไปล่าย อย่าลึงเงิงทองล่วย”
พิชิตเดินซึมเศร้าออกไป
“อาฮวย...”
“อั๊วเปี่ยงชื่อเป็งสิงเทาแล้ว”
“ลื้อไม่สงสารอาพิชิกเรอะ”
“อาพิชิกขี้โกง อั๊วจะสงสารทังไม เมื่อวังให้เงิน 20 บักไปซื้อรากหน้า เค้าซี! อีกักมาใช้เกี้ยง... ง ไม่มีทองเลยซักบัก อีองหมก” เติมศักดิ์อ้าปากจะพูดต่อ “หยุก อั๊วขี้เกียกฟัง”
กิมฮวยเดินมานั่งขายทองต่อ เติมศักดิ์มองอย่างหงุดหงิด
“อาเซียงมังเข้าใจตั้งชื่อ...อาสิงเทา”

เซียนขี่รถมาจอดริมทางเท้าใกล้ป้ายรถเมล์ สายพิณกระโดดลงมา
“ขอบใจนะ ไม่ไปด้วยกันแน่นะ”
“ไม่ละ พี่ต้องทำมาหากิน”
“เดี๋ยวเดียวเอง”
“ไอ้เซียน”
สายพิณกับเซียนหันไปมอง พิชิตเดินกระย่องกระแย่งตรงมา
“รปภ. ร้านคุณหนูน้ำเพชรนี่เอง โธ่เอ๊ย มีเงินเยอะแยะจะจ้าง รปภ. ล่ำบึ๊กแข็งแรงขนาดไหนก็ได้ ดั๊นมาจ้างคนแก่ แค่โจรเดินผ่านก็ปลิวแล้ว”
สายพิณบอก พิชิตเดินมาหยุด
“เหนื่อยว่ะ”
“จะไปไหนก็บอกมา ฉันจะไปส่งให้”
“ตลาด”
“ก็นั่นไงลุ้ง” สายพิณชี้ไปที่ตลาด
“ไอ้เซียน พาข้าไปหน่อย ข้าเดินไม่ไหว”
เซียนมองพิชิตพลางส่ายหน้า

เซียนขี่รถพาพชิตมาที่ตลาดแล้วจอดรถมุมหนึ่ง พิชิตลงจากรถ
“ถ้าลุงไม่ไหว ทำไมไม่บอกเขาล่ะ”
“ข้ามีเรื่องจะปรับทุกข์กับเอ็ง ไม่รู้จะพูดกับใครว่ะ ไม่อยากให้สายพิณได้ยินด้วย”
“เฮ้ย เดี๋ยวจะทุกข์เพิ่มขึ้นไม่รู้นะ”
พิชิตล้วงกระเป๋า หยิบรายการซื้อยาวเหยียดให้เซียนดู
“รายการกับข้าวที่คุณนายเค้าให้ซื้อ”
“ไก่ต้มน้ำปลา...เป็ดพะโล้ ... แฮกึ๊น...” เซียนอ่านแล้วชะงัก “โห คุณนายสินเธาว์เค้าจะลงทุนสั่งไปเลี้ยงใครฮึ”
พิชิตหยิบเงิน 50 บาทส่งให้ดู “อะไร”
“หมดนี่ 50 บาท แถมยังต้องเอาไปทอนด้วย นี่แหละที่ข้าอยากจะปรึกษา”
“เขาจะทำเลี้ยงใคร”
“ได้ยินคุณนายบอกว่าท่านประธานของคุณน้ำเพชร”
เซียนกลอกตาเจ้าเล่ห์ไปมา
“ฉันจัดการเอง”
“เฮ้ย พูดเป็นเล่น”
“พูดเป็นเล่น แต่ทำจริง ลุงกลับไปบอกคุณนายสินเธาว์ว่างี้นะ”
เซียนอธิบาย พิชิตพยักหน้า

พิชิตกลับมาที่ร้านพร้อมกับเอาเงินทอน 20 บาทมาคืนกิมฮวย
“ยี่สิบบาท ยี่จั๊บ นี่ลื้อใช้ไปตั้งซาจั๊บ สางสิบบักเลยเรอะ”
“อาฮวย...ย”
“บอกว่าอั๊วชื่ออาสิงเทา”
สุมาลีและอภิญญา หันมามองหน้ากัน และหลุดหัวเราะไม่ได้ เติมศักดิ์กระแอม
“ลื้อแน่ใจนะว่าจะชื่อ อาสิงเทา”
“แล้วลื้อจะทำมาย อิกฉาเรอะงาย ชื่ออาเติงศักดิ์มีกันเกื่อง ชื่อสิงเทาอั๊วไม่เคยล่ายยิงใครชื่อ อาสุมาลีกับอาพิงยายังทำหน้าชื่อชงเลย” สองสาวรีบไปต้อนรับลูกค้าทันที “ลื้อม่ายล่ายอมเงินอั๊วแน่นะ อาพิชิก”
“เปล่าแน่นอนครับ คุณนายสินเธาว์”
“แล้วไอ้พ่อครัวมังจะมาส่งอาหารทังห้าโมง หกโมงหรือเป่า”
“อ๋อ เค้าบอกว่า ถ้าไม่ทันยินดีให้ปรับครับ”
“เหม คิกแล้วอยากให้มังมาส่งไม่ทังจริงๆ เลย” เติมศักดิ์เกาหัว “อยากล่ายค่าปับ”

บริเวณหลังชุมชนมีผักบุ้ง ผักกะเฉด ขึ้นอยู่เต็มบริเวณนั้น ป๋องหันมาทางเซียนเหมือนไม่ค่อยแน่ใจนัก
“เอ็งแน่ใจนะ”
“สุดจะแน่ เดี๋ยวน้ำพริกมะม่วงก็ไปเก็บมะม่วงหลังบ้านหมอแม่น พริกขี้หนูบ้านสายพิณ กะปิก็ไปขอบ้านสายพิณ เอ็งทำกับข้าวอร่อยอยู่แล้ว”
“แล้วอย่าลืมค่าจ้าง เพราะข้าไม่ได้ขี่มอ’ไซค์”
“เออน่า ... อ้อ ต้องมีปลาสักตัว”
“เอ็งจะไปเอาที่ไหน”
เซียนนึกครู่หนึ่ง
“ไปขอหลวงพ่อ” ป๋องชะงัก
“ขอหรือขโมย”
“บอกว่าขอก็ขอซีวะ”
“บาปนะเว้ย”
“งั้นขโมยก็ได้”
“ไอ้เซียน ... ข้าเอาด้วยกับเอ็งทุกอย่าง ยกเว้นขโมยของพระ”
“ไอ้ป๋อง ถึงจะขี้เล่นซักนิด รักสนุกซักเหนื่อย แต่ข้าก็เป็นคนดีที่ไม่มีจิตใต้สำนึกนะเว้ย เอ็งไปจัดการเรื่องของเอ็งได้แล้ว”

เซียนเดินย้อนกลับไป ป๋องหันมามองผักบุ้งซึ่งขึ้นเต็มไปหมด
 

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)

เย็นวันนั้น น้ำเพชรพาปลาใหญ่และครรชิตเข้ามาภายในร้านด้วยสีหน้าเก้อๆ เขินๆ โดยมีกิมฮวยและเติมศักดิ์ จัดแถวพิชิต สุมาลี อภิญญารอรับอยู่ในร้าน กิมฮวยเสียงแจ๋วขณะถลาเข้ามาไหว้ครรชิตซึ่งรับไหว้แทบไม่ทัน

“ซาหวักลีฮ่ะ ท่างปาทาน” ครรชิตและน้ำเพชรสะดุ้งเฮือก ส่วนปลาใหญ่ยิ้มนิดๆ “ซาหวักลี ฮ่ะ อาตี๋” ครรชิตกับน้ำเพชรสะดุ้งซ้ำสอง “ทังมายพ่อลูก รูกร่างหน้าตาไม่เหมือนกังเลย”
“หม่าม้าคะ”
“อ้อ ลืมแนะนำตัวเอง มาย เนมอิก อาสิงเทา อั๊วชื่อสิงเทา”
“หม่าม้า...า ...” น้ำเพชรตกใจสุดๆ
“เชิงข้างในฮ่ะ อั๊วสั่งอาหารจากเหลามาเลี้ยงเลย เชิงฮ่ะ...เชิง ... เชิง”
ฮวยกุลีกุจอพาครรชิตเข้าไป โดยครรชิตหันมามองปลาใหญ่ ปลาใหญ่พยักให้ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ท่านประธานคะ น้ำขอประทานโทษ” น้ำเพชรบอกอย่างร้อนใจ
“ไม่เป็นไรครับ”
เติมศักดิ์ชะงัก
“อานั้งเพชร อาตี๋... เอ๊ย อาคงนี้เป็งทั่งปาทังเรอะ”
“ค่ะ”
“ไอ๊หยา”
“ไม่เป็นไรครับ”
“เชิญข้างในค่ะ”
ทั้งสามเดินเข้าข้างใน

พอเข้ามาในห้องรับแขกกิมฮวยกุลีกุจอรินน้ำชาให้ครรชิตขณะที่น้ำเพชรพาปลาใหญ่เดินเข้ามา ตามด้วยเติมศักดิ์
“เชิงค่ะ เชิงชิงน้ำชา... เจี๊ยะเต๊ก่อง”
“อาฮวย”
“อั๊วชื่ออาสิงเทา”
“คือ หม่าม้าของน้ำเป็นคนขำๆ น่ะค่ะ” น้ำเพชรบอกปลาใหญ่
“อาตี๋ ลื้อมานั่งกะอาเตี่ยซี”
“หม่าม้าคะ คนนี้ค่ะ ท่านประธาน”
“ไอ๊หยา อาตี๋เนี่ยนะ ทั่งปาทัง”
“ค่ะ”
“แล้วอาแปะเนี่ยล่ะใคร”
“ท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของผมเองครับ ชื่อคุณครรชิต”
“เชิญคุณปลาใหญ่นั่งครับ”
กิมฮวยปรับท่าทีกุลีกุจอใหม่
“เชิงฮ่ะ อาตี๋ เอ๊ย ทั่งปาทัง จ๋อ จ๋อ”
“ขอบคุณครับ”
“อาเติง ลื้อมาเกะกะอยู่ทังมาย ไปรออาหังจากเหลาซิ เหลียวก็มาส่งแล้ว”
“ปวกหัว ปวกหัวมั่กๆ”
เติมศักดิ์บ่นแล้วเดินออกไป
“อานั้ง มานั่งใกล้ๆ ทั่งปาทัง”
“หม่าม้า”
กิมฮวยเจ้ากี้เจ้าการจูงน้ำเพชรลากลุกมานั่งข้างปลาใหญ่
“มานี่ มานี่ นั่งลง จ๋อ จ๋อ”
น้ำเพชรเต็มไปด้วยความอึดอัดลำบากใจอย่างยิ่ง

เติมศักดิ์เดินออกมาหน้าร้าน
“อาพิชิก ลื้อไปสั่งอาหังเหลาไหนให้อาฮวย...ราคาแค่ซาจั๊บ..สามสิบบัก”
พิชิตยิ้มแห้งๆ
“มาแล้วครับ”
เติมศักดิ์และทุกคนมองไปเป็นตาเดียว เซียนหิ้วปิ่นโตและตระกร้ามีกระดาษฟลอยด์ ประมาณว่าห่อปลา เดินเข้ามา แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสะอ้านกว่าทุกครั้ง แถมมีผ้าคาดหัว ผ้ากันเปื้อนประมาณพ่อครัวกระทะเหล็ก
“อาเซียง”
“อาหารเหลาชั้นเซียนมาแล้วครับ”
“อาพิชิก เนี่ยเรอะ อาหังเหลา ของลื้อ”
“เห็นเขาบอกว่ายังงั้นขรับ”
“เหลาอารายของลื้อวะ อาเซียง”
“หลาวเหย่ครับ ราคามิตรภาพแถมบริการเสิร์ฟฟรีซะด้วย! หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ในโลกนี้”
เติมศักดิ์มองสีหน้าท่าทางยิ้มเผล่ของเซียนอย่างไม่ไว้ใจ

กิมฮวยชวนคุยสนุกสนานเสียงดังอยู่ในห้องรับแขก ขณะที่เติมศักดิ์ทำหน้ากลุ้มๆ เดินเข้ามา
“อ้ะ อาเติงมาพอดี! อาหังมาเรอะยัง”
“มาแล้ว มาแล้ว อากุ๊กกำลังจัดอยู่ในครัว”
เติมศักดิ์บอกโดยไม่กล้าสบตา น้ำเพชรมองหน้าพ่ออย่างแปลกใจ
“อาเตี่ย...มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“อั๊วก็ยังม่ายรู้เหมือนกัน”
“น้ำขอตัวไปดูในครัวก่อนนะคะ”
เติมศักดิ์รีบขวางทันที
“ม่ายล่าย! อากุ๊กอีบอกว่า อีมีโลกส่วงตัวสูง ไม่ชอบให้ใครเข้าไปเกะกะ”
“อ๋อ มีโลกส่วนตัวสูง...เอ๊ะ แล้วมาเป็นกุ๊กทำไมครับ”
เซียนเดินเข้ามาพร้อมกับถาดวางปิ่นโต
“อาหารร้อนๆ ครับ”
น้ำเพชรเบิกตากว้าง
“นายเซียน”
“กุ๊กหน้าตาดีนะครับ อมฝรั่งเหมือนผมเลย”
เซียนวางปิ่นโตลง ขณะพูด
“ผัดผักบุ้งปลายนา...ผัดผักกระเฉดกลางทุ่ง น้ำพริกมะม่วง หลังบ้านหมอแม่น แล้วนี่ปลาใหญ่เผา”
มือเซียนแกะฟลอยด์ออก เผยให้เห็นปลาช่อนตัวใหญ่ที่เหลือแต่ก้าง ทุกคนก้มมองอย่างตกใจ
“อ้าวตายจริง ใครมาเอาเนื้อไปเหลือไว้แต่ก้าง” เซียนแกล้งทำตกใจ
“นายเซียน” น้ำเพชรมองเซียนราวจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไหนลื้อบอกว่าอาหังเหลา”
“เสียใจด้วยครับ คุณปลาใหญ่ อาหารสามสิบบาท รักษาทุกโรคมันก็มีได้แค่เนี้ยแหละครับ”
“โอ๊ย อั๊วจาเป็งลง”
กิมฮวยทำท่าจะเป็นลม น้ำเพชรชี้หน้าเซียนแล้วผุดลุกขึ้น
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
ปลาใหญ่ฟังอย่างสงบอยู่นาน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นคนชอบทานอาหารง่ายๆ”
“กั้งปลาเนี่ยก็กิงล่วยหรือฮะ”
“ยกเว้นก้างปลาครับ นายเซียน จะกินด้วยกันไหม”
“ท่านประธาน...”
“ฉันจะทอดไข่เจียวให้ลองชิม”
เซียนมองปลาใหญ่เหวอๆ ขณะที่ปลาใหญ่สบตาเซียนอย่างจริงใจ

ค่ำวันนั้นที่บ้านชายสี่ เซ๊ยนคุยกับเพื่อนๆ เรื่องนี้
“แล้วคุณน้ำเค้ามิชื่นชมบูชา ไอ้คุณปลาใหญ่ เพิ่มขึ้นอีกเหรอ”
เซียนพยักหน้าเซ็งสุดๆ
“เพิ่มเว่อร์เลยละ แล้วก็เกลียดข้าเว่อร์ด้วย เฮ้อ”
“ต้องเปลี่ยนแผนใหม่”
“เฮ้ย เฮ้ย ไม่มีฆ่าไม่มีแกงกันนะเว้ย ไอ้เซียน เอ็งต้องเข้าใจว่าแข่งเรือแข่งพายพอแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาอย่าได้เผยอหน้าไปแข่ง”
เซียน มอม ป๋องมองหน้าชายสี่อย่างแปลกใจ
“อ้าว ไหนเอ็งเคยบอกว่า แข่งบุญแข่งวาสนาก็แข่งได้เหมือนกันไงวะ”
“ไอ้เซียน ไอ้เซียน ออกมาหาคุณลุงหน่อยซิ”
“เสียงลุงพิชิต”
“ไอ้เซียน...ไอ้...”
พิชิตตะโกนเรียกเซียน เซียนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน หาวขณะพูด
“ได้ยินแล้ว กำลังออกไป”
เซียนเดินออกไป

เซียนเดินออกมา หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นน้ำเพชรก้าวออกมาจากเงามืดหลังพิชิต
“คุณน้ำ”
น้ำเพชรเดินเข้ามาตรงหน้าเซียน ตาจ้องเขม็งเย็นชาแล้วยกมือตบเปรี้ยงจนเซียนหน้าหัน ซวนเซไป พิชิตสะดุ้งเฮือก สายพิณซึ่งเดินตรงมาชะงัก ตาวาวโรจน์ พุ่งเข้าใส่น้ำเพชร
“นังคุณหนูน้ำ”
เซียนได้สติ รีบคว้าสายพิณไว้
“อย่า สายพิณ”
“แต่มันตบพี่เซียน”
น้ำเพชรชี้หน้าเซียน
“นี่ยังไม่เท่ากับที่นายบังอาจ”
สายพิณพยายามดิ้น
“แกน่ะซิ บังอาจตบพี่เซียน ปล่อยนะพี่เซียน พิณจะตบมันบ้าง”
เสียงเอะอะ ทำให้สามสหายออกมา
“คุณน้ำเพชร”
น้ำเพชรชี้หน้าทุกคน
“ต่อไปนี้ห้ามทุกคนไปแถวหน้าร้านฉันอีก โดยเฉพาะ นายเซียน”
น้ำเพชรสะบัดหน้ากลับไป พิชิตรีบตาม สายพิณพยายามดิ้น และร้องท้า
“เฮ้ย! เก่งจริง มาตบกันก่อนสิวะ นัง…”
เซียนอุดปากสายพิณแล้วตวาด
“พอที” สายพิณหันมามอง แล้วเบิกตากว้าง “เรื่องของฉัน แกไม่ต้องมายุ่ง”
เซียนปล่อยตัวสายพิณแล้วเดินไป สายพิณมองตาม น้อยใจจนน้ำตาคลอ
“พี่เซียน”
“สายพิณ”
สายพิณหันมาตวาดทั้งน้ำตา
“แกก็อย่ามายุ่ง”
มอมสะดุ้งเฮือก
“สมน้ำหน้า อยากไม่เจียมกะลาหัว ตัวเองเป็นใคร นังคุณหนูนั่นเป็นใครชาตินี้ทั้งชาติก็คงได้แค่ชะเง้อมองเค้าเหมือนหมามองเครื่องบิน!โง่ โง่ดักดาน”
สายพิณตะโกนไล่หลังเซียนแล้ววิ่งร้องไห้กลับบ้าน

ยายปิ่นกำลังนั่งพนมมือฟังพระเทศน์ในวิทยุ เสียงเคาะประตูโครมๆ
“ยาย ยายจ๋า เปิดประตูหน่อย”
“เดี๋ยว”
ยายปิ่นก้มกราบพระ 3 ครั้ง แล้วลุกเดินไปเปิดประตู สายพิณพรวดพราดสวนเข้ามาพลางเช็ดน้ำตา โดยที่ยายปิ่นยังไม่ทันเปิดประตูเต็มที่
“อ้าว สายพิณ”
สายพิณเข้าห้องปิดประตู ยายปิ่นเคาะประตูเรียก
“พิณ สายพิณ เป็นอะไรลูก สายพิณ”
“หนูเปล่าเป็นจ้ะ ยาย...ยายไปสวดมนตร์เถอะ”
ยายปิ่นถอนใจเฮือก
“พระท่านว่า กรรมใครก็กรรมมัน”
ยายปิ่นเดินมานั่ง ก้มกราบวิทยุซึ่งพระกำลังเทศน์แล้วตั้งใจฟัง

สายพิณนั่งกอดเข่าพิงฝาห้อง น้ำตาไหลลงมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“พี่เซียน ทำไมพี่ถึงโง่ยังงี้ โง่ คนอะไรโง่...โง่ คนที่เขาแอบรัก กลับไม่สนใจใยดี ดันไปหลงรักอีนังคุณหนู เฮอะ สองตาเขาก็ไม่แล” สายพิณน้ำตาไหลพรากออกมาอีก แล้วสะอึกสะอื้น “เหมือนที่เขาไม่แลแกนั่นแหละ นังสายพิณหน้าโง่ สมน้ำหน้า สมน้ำหน้ามันหมดทุกคนเลย”

มุมหนึ่งท้ายซอย เซียนนั่งพิงต้นไม้ ดวงตาเหม่อลอยออกไปข้างหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ถูกน้ำเพชรตบหน้า เซียนกำมือแน่น สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจและน้อยเนื้อต่ำใจ เซียนเงยหัวโขกเบาๆ กับต้นไม้ ระหว่างนั้นมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ใครวะ”
เซียนขยับตัวมอง
“ข้าเอง”
เซียนเอนตัวอย่างเดิม ขณะที่ชายสี่เดินมาทรุดตัวลงนั่ง ทั้งสองนั่งเงียบกันอย่างนั้นครู่หนึ่ง
“โลกนี้มันไม่มีความพอดีเสียเลย ไอ้คนที่เรารักก็มักจะไม่รักเรา ส่วนไอ้คนที่เราไม่รักมันก็ดันซวยมารักเรา”
ชายสี่บอก เซียนตะโกนลั่น
“โอ้ย”
ชายสี่ชำเลืองมอง
“รักคนที่เขารักเราดีกว่าว่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจช้ำใจ”
“แค้นใจด้วยว่ะ”
“หมายความว่าเอ็งจะแก้แค้น”
“ลูกผู้ชายอย่างข้า ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้”
“ไอ้เซียน...”
ชายสี่ทำหน้าหวั่นๆ เซียนแสยะยิ้ม

เช้ามืดวันรุ่งขึ้นขณะที่น้ำเพชรเปิดกระเป๋าหยิบกุญแจรถขึ้นมากดรีโมท เปิดประตูรถ ทันใดเซียนโผล่มาข้างหลังอย่างรวดเร็วแล้วคว้าตัวน้ำเพชรมากอดไว้ น้ำเพชรหันขวับมาอ้าปากจะร้อง เซียนก้มลงจูบน้ำเพชร น้ำเพชรดิ้นขลุกขลักเต็มที่ แล้วกัดปากเซียน
“โอ๊ย”
เซียนปล่อยน้ำเพชรทันที น้ำเพชรไม่รอช้าตามซ้ำอีกทีอย่างแค้นใจ
“ไอ้เซียน ไอ้บ้ากาม ไอ้ทุเรศ”
เซียนลูบแก้มตัวเองอย่างใจเย็น
“ยังไงก็คุ้ม เพราะไอ้คนต่ำต้อยอย่างผมยังอุตส่าห์ได้จูบคุณเป็นคนแรก...” เซียนทำหน้าไม่แน่ใจ “ รึเปล่า”
น้ำเพชรโกรธจนพูดไม่ออก “เหมือนในละครตบจูบเลย” เซียนเดินกลับไปพลางร้องเพลงไปด้วย “จูบ...ใครคิดว่าไม่สำคัญ ...”
น้ำเพชรแค้นใจจนน้ำตาไหล แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากอย่างแรง

พิชิตยืนคอยร้านเปิดปากก็กินปาท่องโก๋ไปด้วย สายพิณเดินตรงมา
“ลุงยาม”
“เฮ้ย เดี๋ยวนี้เขาเรียก รปภ.”
“ก็ได้ ลุงรปภ. รู้มั้ยว่า ลูกสาวเจ้านายทำงานที่ไหน”
“ฮั่นแน่ เอ็งจะถามทำไมวะ”
สายพิณโบกไม้โบกมือแล้วผละไป
“ลืมไปว่า ลุงต้องไม่รู้หรอก”
“บริษัทมหาทรัพย์ เว้ย”
พิชิตรีบตะโกนบอก สายพิณยิ้มนิดๆ แล้วหันมา
“แล้วอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เหมือนกันใช่มั้ย”
“เอ็งอย่าดูถูกข้า เห็นแก่ๆ เฉยๆ แบบนี้ แต่หูคอยสดับตรับฟังทุกอย่าง ขอบอก”
“มันต้องแบบนี้ หนูมีอะไรจะถามลุงเยอะเลย”

สายพิณมาที่บริษัทมหาทรัพย์ แล้วรออย่างอดทนอยู่มุมหนึ่งแถวหน้าบริษัทโดยไม่มีใครสังเกต สายพิณชะเง้อคอยจนรถปลาใหญ่แล่นมา นัยน์ตาสายพิณเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว”
สายพิณวิ่งเข้าไปตัดหน้า คนรถเบรคอย่างแรง ขณะที่สายพิณล้มลง ปลาใหญ่รีบลงจากรถมาที่สายพิณ รวมทั้งคนรถซึ่งตกใจลงมาทีหลัง รวมทั้ง รปภ.
“ เป็นยังไงบ้างครับ”
ปลาใหญ่ทรุดตัวถาม สายพิณเงยหน้าขึ้น
“เป็นยังงี้ไง”
สายพิณตบปลาใหญ่จนแว่นตาตก หงายหลัง ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

เกริกก้องผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อรู้เรื่องปลาใหญ่ถูกสายพิณตบ
“ไอ้ปลาใหญ่โดนตบ”
“ค่ะ เห็นว่าเด็กกะโปโลโกโรโกโสที่ไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็แกล้งวิ่งมาตัดหน้ารถ พอไอ้ปลาใหญ่ลงมาดูก็ตบเปรี้ยงจนแว่นตากระเด็นเลยค่ะ”
“มันไปได้เขาแล้วไม่เลี้ยงดูหรือเปล่า”
“โอ๊ย เด็กเนิร์ดอย่างนั้นทำอะไรไม่เป็นหรอกค่ะ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า แฟนปลาใหญ่ไปตบหน้าแฟนเขา”
“แฟนปลาใหญ่...ใครกัน” เกริกก้องชะงัก

น้ำเพชรเข้าไปคุยกับสายพิณในห้องปลาใหญ่
“ไปกันใหญ่แล้ว ฉัน... เอ้อ... ไม่ใช่แฟน ... คุณปลาใหญ่”
น้ำเพชรเหลือบมองปลาใหญ่แว่บหนึ่งขณะพูด
“โกหก”
“ฉันเป็นพยานได้”
ครรชิตบอก สายพิณหันขวับมา
“แก่แล้วยังโกหก” ครรชิตสะดุ้ง “ถึงไม่ใช่แฟนแล้วไปตบพี่เซียนของฉันทำไม”
คราวนี้ทั้งปลาใหญ่และครรชิตหันขวับไปมองน้ำเพชร
“ไอ้เซียนของแกมันสมควรโดนยิ่งกว่านี้อีก” น้ำเพชรหันมาไหว้ปลาใหญ่และครรชิตอย่างอ่อนหวาน “ขอประทานโทษค่ะ” ปลาใหญ่และครรชิตเบิกตากว้างตั้งแต่ประโยคแรก “ฝากบอกมันด้วยว่าให้ระวังตั้งแต่หัวจรด ต.....เอ๊ย เท้าให้ดี” น้ำเพชรหันมาไหว้ปลาใหญ่กับครรชิตอีก “ขอประทานโทษค่ะ”
ปลาใหญ่กลืนน้ำลายที่น้ำเพชรผู้ดูเหมือนสาวอ่อนหวานกลับเหี้ยมขึ้นมาภายในพริบตา
“หนูน้ำ”
สายพิณหันขวับมา
“ตกใจเรอะ ที่นางฟ้ากลายเป็นซาตานภายในพริบตาก็นังคนนี้มันมีฉายาว่า “มือตบหุ้มทอง” สมัยเรียนหนังสือมันเคยตบกับรุ่นพี่ขึ้นชื่อลือเลื่องไปทั้งโรงเรียนจนถูกไล่ออก”
“หน็อยแน่ “นังมือตบสู่สุขาฯ” น้ำเพชรหันมาไหว้ปลาใหญ่กับครรชิตอีก “ขอประทานโทษค่ะ”
ปลาใหญ่ถึงกับกุมขมับ
“ได้โปรดเถอะครับ ได้โปรด”
“ตายจริง คุณปลาใหญ่เป็นอะไรหรือคะ” น้ำเพชรถามอย่างตกใจ
“ก็เห็นๆ อยู่ว่า ปวดกบาล” สายพิณบอก ปลาใหญ่เงยหน้ามองสายพิณด้วยความตกใจ “แน่ะ มองหน้า เดี๋ยวแม่...”
“หนูกลับไปก่อน...”
ครรชิตบอก สายพิณตาลุก
“กล้าไล่เรอะ”
ปลาใหญ่มองสายพิณ แล้วพูดเรียบๆ
“เลือกเอาว่าจะกลับบ้านหรือจะเข้าคุก”
สายพิณสะอึก ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงปลาใหญ่เคร่งเครียดจริงจัง ปลาใหญ่เบือนหน้ามาทางน้ำเพชร
“คุณก็เหมือนกัน กลับไปทำงาน” สองสาวเหลือบมองกัน แล้วขยับเดินไปที่ประตูพร้อมๆ กัน “ออกไปทีละคน มือตบสู่สุขาฯ ออกไปก่อน” สายพิณสะบัดหน้าเดินออกไป ปลาใหญ่หันมาทางน้ำเพชรซึ่งก้มหน้าตาปริบๆ แว่บหนึ่ง “ทีนี้ คุณครรชิตช่วยคุมมือตบหุ้มทอง ออกไป”
“ครับ...” ครรชิตพยักหน้ากับน้ำเพชร “ไป”
ครรชิตพาน้ำเพชรเดินออกไป
“มือตบหุ้มทอง มือตบสู่สุขาฯ”
ปลาใหญ่ส่ายหน้า

เมื่อออกมาจากห้องปลาใหญ่ น้ำเพชรยกมือไหว้ครรชิตด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม
“น้ำต้องขอประทานโทษค่ะ”
“หนูน้ำมีฉายาว่า “มือตบหุ้มทอง” จริงเรอะ”
น้ำเพชรยิ้มแห้งๆ
“แต่เดี๋ยวนี้น้ำไม่ได้ตบพร่ำเพรื่อ คุณลุง...”
“เยส หนูเหมาะกับตำแหน่งเลขาฯ คุณปลาใหญ่ ที่สุด”
น้ำเพชรเกาหัวงงๆ แล้วชะงักเมื่อเห็นรัญญาเดินเชิดตรงมา ติดตามด้วยเลขาซึ่งเชิดพอกัน
ครรชิตหันไปมองตาม
“คุณรัน...”
“ฉันมาหาปลาใหญ่”
รัญญาเดินเชิดเข้าไป ขณะที่เลขายืนเชิดอยู่ข้างนอก ครรชิตกระแอมเล็กๆ
“ลุงไปละ” ครรชิตยื่นมือให้น้ำเพชร “ยินดีที่ได้ร่วมงานกับหนู”
น้ำเพชรยื่นมือไปสัมผัสงงๆ
“ค่ะ”
ครรชิตชำเลืองมองเลขารัญญาแล้วเดินไป น้ำเพชรนั่งลงทำงาน

รัญญาเข้ามาหาปลาใหญ่เพื่อถามเรื่องถูกตบ
“ตกใจมากมั้ย ปลาใหญ่”
“ไม่ครับ”
“ทั้งๆ ที่โดนตบเนี่ยนะ”
“ครับ เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ”
“ปลาใหญ่ต้องระวังตัว”
“เรื่องโดนตบหรือครับ”
“เปล่า เรื่องโดนจับ” ปลาใหญ่มองรัญญางงๆ “ปลาใหญ่ยังไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้ผู้หญิงมีวิธีจับผู้ชายเยอะแยะตัวอย่างเช่น นังคนที่ตบปลาใหญ่ มันต้องการจะให้ปลาใหญ่สนใจ...”
“อ๋อ ผมคงไม่สนใจ ผู้หญิงที่ตบผมหรอกครับ พี่รันไม่ต้องเป็นห่วง”
“เชื่อซิ อีกไม่นานนังคนนั้นต้องมาเรียกร้องความสนใจจากเธออีก”
“ขอบคุณพี่รันที่เตือน”
รัญญาปรายตาไปทางประตูแว่บหนึ่ง แล้วลดเสียงลงทำสีหน้าท่าทางลึกลับ
“แม้แต่เลขา ของเธอก็ไว้ใจไม่ได้ ได้ยินอีตาครรชิตบอกว่าเป็นหลานมัน คิดดูให้ดีซิว่าทำไมอีตานั่นถึงต้องพาหลานสาวมาเป็นเลขาฯเธอ ถ้าไม่คิดมักใหญ่ใฝ่สูง”
“ผมเพิ่งจะอายุย่าง 21 ผมยังไม่คิดถึงเรื่องนี้แน่นอน”
“ดี เรื่องนี้เธอปรึกษาพี่ได้นะ พี่มีเพื่อนสวยๆ ดีๆ หลายคน ฐานะรึก็โอเค. พาไปไหนรับรองว่าไม่มีอายใคร”
ปลาใหญ่กลบแววตารำคาญด้วยการเลื่อนสายตามองในคอมฯ

น้ำเพชรยังก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง ขณะที่เลขาของรัญญายังคงยืนเชิดหน้าเช่นเดิมจนกระทั่งรัญญาเดินออกมา รัญญาปรายตามองน้ำเพชรแว่บหนึ่ง
“กลับ”
เลขาเดินเชิดหน้าตามกันออกไป น้ำเพชรเงยหน้ามองตามพลางทำท่าเมื่อยคอแทน

รัญญามาหาจันทร์ทิพย์ที่ห้องทำงาน จันทร์ทิพย์เบือนหน้ากลับมา
“ที่น้องรันพูดก็มีส่วนถูกนะคะ ทำไมนายครรชิตถึงต้องยัดเยียดหลานสาวมาเป็นเลขาปลาใหญ่ด้วย”
“เพราะอย่างนั้น รันถึงจะพาเพื่อนมาแนะนำให้ปลาใหญ่รู้จักไงคะ”
“เพื่อนน้องรันมิแก่กว่าปลาใหญ่หรอกหรือคะ”
“โฮ้ย ไม่กี่ปีหรอกค่ะ กำลังอินเทรนด์ด้วย”
“น้าจันทร์น่ะเห็นด้วย แต่น้องรันควรปรึกษาคุณพ่อก่อนนะคะ เพราะถึงจะเป็นเพื่อนน้องรันเราก็ต้องแน่ใจว่า เอาอยู่”
“รันมั่นใจค่ะ”
รัญญาบอกด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจอย่างยิ่ง

ที่ร้านข้าวแกงยายปิ่น ทัพพีตักข้าวหลุดจากมือยายปิ่น พร้อมอุทานลั่น
“พุทโธ ธัมโม สังโฆ เอ็งว่าอะไรนะพิณ” ยายปิ่นหยิบทัพพีขึ้นมาตั้งท่าจะตักแต่ก็ไม่ตักสักที
“หนูไปตบนายของนังคุณหนูร้านทองมา”
“โอ๊ย นังสายพิ้น ...น... บาปกรรม” ยายปิ่นลากเสียงสูง
“ไม่บาปหรอกยาย”
“ทำไมจะไม่บาป”
“เฮ้ย จะขายมั้ยวะ ยัยปิ่น งื้อง่าราคาแพงพูดอยู่นั่นแหละ น้ำลายกระเด็นลงกับข้าวไม่รู้กี่หยด”
ยายกระสืบถาม
“ยายหลานเค้าจะคุยกัน คนอื่นไม่เกี่ยว” สายพิณสวนกลับ
“เกี่ยวซิวะ เค้าเอาเงินมาให้ข้า... เอ็งเอาอะไรบ้างนะ” ยายปิ่นรีบบอก
“ผัดหน่อไม้วิญญาณไก่กับไข่ดาว”
“เอ้า”
ยายปิ่นตักส่งให้ กระสือเดินมานั่งกิน
“ยาย...”
“ช่วยกันขายของก่อน”
“ไปช่วยป้าสายไหมปิ้งกล้วยดีกว่า” สายพิณเดินไปร้านสายไหม “ป้า หนูช่วย”
“แล้วยายเอ็งล่ะ”
“วันนี้ดวงหนูกับดวงแกเป็นกาลกิณีกัน”

สายพิณช่วยสายไหมอย่างทะมัดทะแมง

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)


วันเดียวกันนั้นเกริกก้องกับจันทร์ทิพย์มาที่ร้านอาหารแถวชานเมืองแห่งหนึ่งเพื่อพบกับเอ็กซ์ ลูกน้องคนสนิทของเกริกก้อง เมื่อมาถึงเอ็กซ์รีบลุกขึ้นไหว้ทั้ง 2 คนอย่างนอบน้อม

“ผมสั่งอาหารให้นายแล้วครับ”
เอ็กซ์บอกเมื่อเกริกก้เองกับจันทร์ทิพย์นั่งลง
“ขอบใจ มานานแล้วหรือยัง”
“ประมาณ 15 นาทีได้ครับ นายจะให้ผมทำอะไร”
“ฆ่าคน”
เอ็กซ์แสยะยิ้มแล้วยก 2 มือขึ้น หักนิ้วตัวเองไปมา
“งานถนัด”
“คนนี้ให้โฉ่งฉ่างไม่ได้ ต้องทำให้เหมือนตายโดยอุบัติเหตุ”
บริกรเริ่มยกอาหารมาเสิรฟ
“สลัดผักของคุณผู้หญิง”
“ขอบใจจ้ะ” บริกรจัดอาหารเรียบร้อย เอ็กซ์พยักหน้าให้ออกไป “ต้องระวังมากถึงมากที่สุด อย่าให้สาวมาถึงคุณก้องกับฉันได้”
“ก็เหมือนกับที่ผมส่งโฉมเฉลาไปใช่ไหมครับ”
“นั่นแหละ แต่คนนี้ ฉันอยากให้เป็นอุบัติเหตุ”
จันทร์ทิพย์เปิดกระเป๋า หยิบรูปปลาใหญ่ส่งให้ เอ็กซ์รับมาดูอย่างนอบน้อม
“เมื่อไหร่ครับ”
“แล้วฉันจะโทร.บอก”
เอ็กซ์ส่งรูปคืนให้จันทร์ทิพย์นอบน้อม จันทร์ทิพย์รับมาแล้วส่งซองเงินให้
“คุณก้องให้เป็นกรณีพิเศษ ไม่เกี่ยวกับค่าจ้าง”
“ขอบพระคุณมากครับ คุณก้องกับคุณนายไม่ผิดหวังแน่”
“ตามสบายนะ ไม่พอสั่งอีก”
ทั้ง 3 ปรึกษากันไป กินกันไป

ครรชิตนั่งทำงานจนเมื่อยจึงลุกขึ้นบิดตัวไปมา แล้วเดินไปที่หน้าต่าง ครรชิตมองออกไปภายนอกแล้วชะงักเมื่อเห็นเกริกก้องขับรถเข้ามาจอดหน้าตึก
“ไปงานไหน ทำไมไม่ให้สิทธิ์ขับไป”
ครรชิตบ่นเบาๆ อย่างแปลกใจ เกริกก้องชำเลืองมองไปบริเวณห้องครรชิตแว่บหนึ่ง
“มันแอบมองเราจริงๆ”
เกริกก้องบอกจันทร์ทิพย์
“ดีนะคะ ที่คุณไหวทัน ให้เอาเสื้อผ้าไปแวะเปลี่ยนที่โรงแรม”

เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์พากันเดินเข้าบ้าน ระหว่างนั้นสมทรงคอยรับทั้งสองคนอยู่ เกริกก้องจึงส่งกุญแจให้สมทรง
“ถุงเสื้อผ้าอยู่หลังรถ”
“ค่ะ”
สมทรงรับกุญแจเดินออกไป เกริกก้องและจันทร์ทิพย์ เดินขึ้นบันไดไป

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้วสมทรงยกกาแฟมาเสริฟเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ครรชิต ส่วนรัญญาเป็นน้ำส้มและนมสำหรับปลาใหญ่
“แปลกนะ ปลาใหญ่กินนมเยอะ แต่ทำไมตัวไม่ยักบึ้ก”
“คุณพ่อเคยบอกว่า มันไปบำรุงสมองครับ”
ครรชิตสำลักกาแฟ สีหน้าขบขัน ขณะที่คนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว
ครรชิตปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมทันที
“ทานโทษครับ”
เกริกก้อง จิบกาแฟแล้ววางลงอย่างใจเย็นผิดเคย
“ผมคิดว่า คุณครรชิตควรจะย้ายออกไปได้แล้ว”
จันทร์ทิพย์และรัญญา ต่างจิบเครื่องดื่มของตนด้วยสีหน้าสะใจ ขณะที่ครรชิตสะดุ้ง ส่วนปลาใหญ่เช็ดปากอย่างใจเย็น
“ขอทราบเหตุผลครับ” ปลาใหญ่ถามขึ้นมา เกริกก้องจึงหันมามองปลาใหญ่
“เพราะแกจะได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที”
“คุณครรชิตชอบส่งเสริมให้ปลาใหญ่ดื่มนม”
“นั่นคือคุณครรชิตส่งเสริมให้ผมฉลาด”
“ปลาใหญ่ขา หนูต้องฟังคุณอาก้องซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวของหนูที่เหลืออยู่นะคะ”
“คุณจันทร์ทิพย์ครับ คุณปลาใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูง เรียกท่านว่าหนูนี่ ทำให้ท่านเป็นเด็กยิ่งกว่าให้ดื่มนมอีกนะครับ”
“ฉันเรียกอย่างนั้นเพราะฉันเป็นญาติผู้ใหญ่”
“ข้อสอง ...” เกริกก้องพูดต่อ
“อ้าว แล้วข้อหนึ่งล่ะครับ” ครรชิตแย้ง
“ก็ฉันพูดไปแล้วไง ... ไอ้บ้า”
ทุกคนนิ่งกันไปหมด ครรชิตค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปใต้โต๊ะเล็กน้อย แล้วทำหน้าเสียว
“ข้อหนึ่งคือ ปลาใหญ่จะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีแกคอยถือหาง ข้อสอง...แกมันคอยยุยงให้หลานฉันแข็งกระด้าง ข้อสาม...ฉันเหม็นขี้หน้าแก ยังอยากจะฟังข้อสี่...ข้อห้า....ข้อหก...ไปจนถึงข้อร้อยอีกมั้ย”
“ก็ดีครับ ผมจะได้ปรับปรุงตัว”
“ไอ้ครรชิต”
ครรชิตเลื่อนตัวลงไปอีก แล้วทำหน้าสยอง
“ผมจะตัดสินละครับ” ปลาใหญ่บอก ทุกสายตาเปลี่ยนมามองปลาใหญ่ “คุณครรชิตจะอยู่ที่บ้านนี้ต่อไป”
เกริกก้องโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง
“ปลาใหญ่”
“ปลาใหญ่ทำไม่ถูก”
“ปลาใหญ่เห็นไอ้หน้าเลี่ยนนี่ดีกว่าคุณพ่อ”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่ผมทำตามความประสงค์ของคุณพ่อ...คุณพ่อท่านสั่งไว้ก่อนจะเสีย 2-3 วัน เพราะฉะนั้นถึงผมจะเคารพคุณอาแค่ไหน แต่ผมขัดคุณพ่อไม่ได้ครับ” สีหน้าแต่ละคนอึ้งกันไปหมด ขณะที่ครรชิตค่อยๆ ผ่อนลมหายใจโล่ง “ผมขอตัวไปทำงานครับ”
ปลาใหญ่ลุกออกไป ครรชิตรีบลุกตาม แต่ความที่เลื่อนตัวลงไปใต้โต๊ะพอควรเลยทำให้เก้าอี้เกือบล้ม พร้อมทั้งตัวด้วย

หน้าตึกมีรถจอดเรียงกัน 4 คัน คนรถแต่ละคันยืนเตรียมพร้อมเปิดประตูให้เจ้านายขึ้นไปนั่ง โดยทุกคนอยู่ในเครื่องแบบเหมือนกัน ปลาใหญ่และครรชิตเดินออกมา คนรถคันแรกรีบเปิดประตูด้านหลังให้ทันที ปลาใหญ่และครรชิตขึ้นนั่ง คนรถโค้งแล้วปิดประตูก่อนจะอ้อมไปขึ้นที่คนขับ
“ผมจะเปลี่ยนที่ทานข้าวเพื่อความสบายใจ” ปลาใหญ่บอกกับครรชิต
“คุณเกริกก้องคงไม่พอใจแน่ๆ ครับ”
“ก็ยังดีกว่าทะเลาะกันทุกวัน”
คนรถขับออกไป

ขณะนั้นเกริกก้อง จันทร์ทิพย์และรัญญายังคงนั่งอยู่ที่เดิม
“จะใส่ Arsenic ลงไปในอาหารเช้าเย็นให้คุณปลาใหญ่กับคุณปลา แก่รับประทานดีไหมคะ”
สมทรงถามขึ้นมา
“อะไรคะ Arsenic” รัญญาถามอย่างแปลกใจ
“สารหนู”
“น้องรันคงไม่ทราบว่าสมทรงเก่งเคมี”
“โห”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวจะมีข้อสงสัย ในเมื่อมันยืนยันจะให้ไอ้ครรชิตอยู่ ฉันก็จะเอาไอ้เอ็กซ์มาอยู่เสียเลย”
“ตำแหน่งอะไรดีคะ”
เกริกก้องนิ่งไปครู่หนึ่ง
“คนรถ เอาคนรถเดิมไปไว้ส่วนกลางในบริษัท แล้วให้ไอ้เอ๊กซ์มาเป็นคนขับรถประจำตำแหน่งแทน”
“เดี๋ยวค่ะ รันยังติดใจอยู่ ถ้าสมทรงเก่งเคมีแล้วสมศรีเก่งอะไรคะ” รัญญาถามสมศรี สาวใช้อีกคน
“คล้ายๆ พวกสอดแทรกน่ะค่ะ”
“สายลับเหรอ”
“ประมาณนั้นแหละค่ะ”
“สมศรีมันสอดรู้สอดเห็นน่ะค่ะ น้องรัน”
“สอดรู้สอดเห็นนี่ก็ต้องใช้ศิลปะเหมือนกันนะคะ”
เกริกก้องลุกเดินออกไป จันทร์ทิพย์และรัญญาลุกตาม สมทรงและสมศรีจึงช่วยกันเก็บโต๊ะ

ระหว่างอยู่ที่ออฟฟิศเกริกก้องจึงโทรหาเอ็กซ์ ขณะนั้นเอ็กซ์กำลังแต่งตัวเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเอ็กซ์หยิบขึ้นรับ
“ครับ...นาย”
“เก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับฉันเย็นนี้”
“นาย”
“แกจะเป็นคนขับรถประจำตำแหน่งฉัน”
“ขอบคุณมากครับนาย ขอบคุณมาก”
“เท่านี้แหละ”
เกริกก้องวางโทรศัพท์ลง สีหน้าสะใจเหี้ยมๆ

3 เดือนผ่านไป ภายในห้องทำงานปลาใหญ่มีเสียงเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามา” น้ำเพชรเดินเข้ามา ประสานมือเรียบร้อย ปลาใหญ่ถามโดยไม่เงยหน้าจากงาน “ว่าไง”
“หกโมงเย็นวันนี้ คุณปลาใหญ่มีนัดทานข้าวกับคุณพรเลิศค่ะ คุณปลาใหญ่จะกลับไปบ้านก่อน...”
“ไม่ล่ะ ผมจะอยู่ทำงานจนถึงเวลาจากไปเลย”
“คุณปลาใหญ่”
ปลาใหญ่เงยหน้ามอง
“อะไร”
“ทำไมคุณปลาใหญ่พูดอย่างนั้น”
“อ้าว ก็จากไปงานไง แต่ไม่ต้องกลัว เราต้องได้พบกันอีก”
น้ำเพชรมองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ทำไมวันนี้คุณปลาใหญ่ถึงได้พูดแปลกๆ”
“คุณนั่นแหละ ทำท่าแปลกๆ ไปทำงานไป”
“ค่ะ” น้ำเพชรเดินไป 2-3 ก้าว แล้วหันมาอีก “น้ำจะอยู่ทำงานเป็นเพื่อนจนกว่าคุณปลาใหญ่จะไปพบลูกค้านะค่ะ”
“ถ้าไม่กลัวกลับบ้านค่ำก็ตามใจ”
“ไม่กลัวเลยค่ะ”
น้ำเพชรเดินออกไป ปลาใหญ่ยังคงเร่งทำงานตามปกติ

ระหว่างนั้นเกริกก้องอยู่ที่ห้องทำงานขณะยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเอ็กซ์
“ครับ เจ้านาย”
“ออกไปเตรียมตัวได้แล้ว มันคงจะออกไปประมาณ 6โมง ฉันฝากความหวังไว้ที่แกนะ”
“ผมจะไม่ทำให้เจ้านายผิดหวังครับ”
“ดี”
เกริกก้องวางโทรศัพท์ลง

ที่วินมอเตอร์ไซค์ เซียนขี่มอเตอร์ไซค์รับผู้โดยสารมาจอดแล้วเดินมาทิ้งตัวกับพรรคพวก
“ถ้าข้าไม่อยู่พวกเอ็งจะคิดถึงข้าไหมวะ”
เซียนพูดขึ้นลอยๆ
“ไอ้บ้า พูดเป็นลาง” ลุงป่องต่อว่า
“อ้าว ลุง เกิด แก่ เจ็บตาย มันห้ามกันได้เมื่อไหร่ล่ะ”
“ไอ้เซียน”
“วะ ไอ้นี่ยิ่งว่ายิ่งยุ”
“ถ้าฉันเคยทำอะไรให้ใครเดือดร้อนหรือไม่พอใจละก็ขออโหสิด้วย”
“เฮ้ย”
“แน่ะ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ”
เซียนเอนหลังพิงต้นไม้ นัยน์ตาเหม่อลอยออกไปข้างหน้า
“ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราอาจจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยฝัน”
สีหน้าแต่ละคนมองเซียนแปลกๆ
“หมู่นี้อากาศร้อนจัด ไอ้เซียนมันคงเพี้ยนเพราะอากาศ” ชายสี่บอก จู่ๆ เซียนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวมานะ ไปช่วยป้าเก็บของก่อน”
“ไอ้นี่มันคุ้มดีคุ้มร้ายจริงๆ”
มอมบอกขณะมองตามเซียนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป

สายพิณกำลังช่วยยายปิ่นและสายไหมเก็บร้าน เซียนขี่รถเข้ามาจอด
“ป้า...ยาย...เซียนมาช่วยแล้ว”
“บ้า”
สายไหมต่อว่าเซียนลงจากรถไปช่วยคล่องแคล่ว จนทุกคนมองอย่างแปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นฮึ พี่เซียน”
สายพิณถามแต่เซียนไม่ตอบ เก็บข้าวของไป

เมื่อกลับถึงบ้านเซียนยกข้าวของเข้ามาเก็บอย่างคล่องแคล่วจนสายไหมต้องท้าวสะเอวมอง
“เอ็งสบายดีหรือวะ...ไอ้เซียน”
“จ๊ะจ๋า หาว่าเซียนบ้าเหรอ ป้า”
“แกมันบ้ามาตั้งแต่เกิดแล้ว”
เซียนเอนตัวลงนอนหนุนแขนตัวเอง
“เดี๋ยวหกโมงเย็นเซียนไม่อยู่นะ ป้า”
“จะไปเข้าคุกอีกเรอะไง”
“ฮื้อ ป้านี่น้า... เซียนจะไปเอายาลูกกลอนให้ยายปิ่น”
“นึกชอบหลานสาวเขาขึ้นมาละซี”
“เปล่า พอดีสายพิณมีธุระ”
“ไปไหนล่ะ”
“ไม่รู้ ไม่ได้ถาม” เซียนบอกแล้วหลับตาลง “เดี๋ยวป้าปลุกด้วยละกัน”
“แกจะไปกี่โมง”
“หกโมง”
“ก็นี่มันห้าโมงครึ่งแล้ว”
“ได้นอนครึ่งชั่วโมงก็ยังดี”
เซียนพลิกตัวนอนหันหลังให้ สายไหมหันมามอง
“เซียน! ไอ้เซียน” เซียนหลับไปแล้ว “เฮ้ย! วันนี้หลับง่ายหลับดายจัง”
เซียนยังคงหลับสนิท

บรรยากาศภายนอกเหมือนฝนจะตกท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ฟ้าแลบแปลบปลาบแล้วร้องครืนครัน ลมพัดค่อนข้างแรงทำให้ดูค่ำเร็วปกติ ปลาใหญ่ดูนาฬิกาแล้วปิดคอมฯ จัดข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ ปิดแอร์...ปิดไฟ...น้ำเพชรกำลังยืนคุยกับพนักงานอยู่ขณะที่ปลาใหญ่เดินออกมา
“ท่านประธานออกมาแล้ว”
พนักงานหันมามอง แล้วยกมือไหว้ ปลาใหญ่รับไหว้แล้วพูดกับน้ำเพชร
“ไปหรือยัง”
“ค่ะ”
ทั้ง 2 เดินคุยกันขณะเดินไปที่ลิฟท์
“ฝนจะตกอย่างนี้ คุณน่าจะกลับไปได้แล้ว”
“ก็น้ำบอกแล้วนี่คะ ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนท่านประธาน”

ประตูลิฟท์เปิดออกน้ำเพชรและปลาใหญ่เดินออกมา ครรชิตซึ่งยืนอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่พับหนังสือพิมพ์ เดินตรงมาหาปลาใหญ่
“อ้าว ผมนึกว่าคุณครรชิตกลับแล้ว”
“ผมรอคุณปลาครับ”
“ผมต้องไปทานข้าวกับลูกค้า”
“ผมไปเป็นเพื่อน”
“ผมรู้ว่าคุณครรชิตเป็นห่วง แต่ผมไม่อยากให้คุณอากับครอบครัวว่าผมได้อีก คุณครรชิตคงเข้าใจนะครับ”
“ผมเข้าใจ... หนูน้ำล่ะจะกลับเลยหรือเปล่า” ครรชิตหันไปถามน้ำเพชร
“ค่ะ”
“เดี๋ยวให้สิทธิขับรถกลับไปกับคุณครรชิตเลย ผมจะขับรถไปเอง”
“อ้าว”
“วันนี้เป็นอะไรไม่ทราบ อยากขับรถเอง”
“ให้สิทธิขับให้ดีกว่าครับ ฝนทำท่าจะตกอย่างนี้”
“ผมอยากขับเองครับ”
ปลาใหญ่บอกด้วยแววตาแน่วแน่

ปลาขับรถมาเรื่อยๆ ท่ามกลางฝนตกค่อนข้างหนัก ขณะนั้นเอ็กซ์ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมาคอยหาจังหวะจัดการกับปลาใหญ่ อีกถนนเซียนมามอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็ว
ขณะนั้นเกริกก้องยืนถือถ้วยกาแฟมองดูสายฝนโปรยปรายผ่านหน้าต่าง แววตาของเกริกก้องเป็นประกายโหดเหี้ยมซ่อนอยู่ท่ามกลางความนิ่งสนิท จันทร์ทิพย์ออกจากห้องน้ำเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง ดึงหมวกกันน้ำออก
“เอ็กซ์โทร.มาหรือยังคะ”
“ยัง”
“ฝนตกอย่างนี้ถนนลื่นดีนัก แหม... จันทร์ตื่นเต้นจังค่ะ วันพรุ่งนี้ “อาณาจักรมหาทรัพย์” ก็จะเป็นของเรา” เกริกก้องยังคงยืนจิบกาแฟ มองผ่านสายฝนออกไปด้วยนัยน์ตานิ่งสนิทแต่ฉายประกายโหดเหี้ยม “คุณคิดว่าเอ็กซ์จะทำสำเร็จไหมคะ”
“ขึ้นอยู่กับดวงชะตาของมัน”

น้ำเพชรกลับถึงบ้าน ขณะที่กิมฮวยและเติมศักดิ์กำลังกินน้ำชาร้อนๆ รออยู่
“ทังมายกลับช้าฮึ อานั้ง”
“ก็น้ำโทร.บอกหม่าม้าแล้วไงคะว่า ฝนตกรถติด”
“ฝงมังเพิ่งตกตองหกโมงเย็งนี่เอง เตี่ยกับหม่าม้าเป็งห่วงลื้อแทกตาย”
“บอกก็ได้ น้ำอยู่ทำงานจนเย็นเป็นเพื่อนคุณปลาใหญ่”
กิมฮวยกับเติมศักดิ์เบิกตากว้างตื่นเต้น
“อาปาใหญ่ อาทั่งปาทังใช่มั้ย”
“ค่ะ” น้ำเพชรรินน้ำชาร้อนๆ จิบ “ชื่นใจจัง”
“ลื้อทังถูกแล้ว อาปาใหญ่อีคู่ดวงกะลื้อ”
น้ำเพชรเขินจัด
“อุ๊ย หม่าม้า”
“อีเป็งคงลวย ... คงลวยก็ต้องล่ายกับคนลวย...มันจะล่ายลวยไปกังใหญ่”
“อั้วลูออกว่าอาปาใหญ่ชอบลื้อ”
“ฮื้อ น้ำว่าเขาเฉยๆ”
“เฉยๆ แปลว่าชอบ”
“แล้วถ้าลูว่าชอบล่ะ”
“ลูว่าชอบก็แปลว่าชอบ ทุกสิ่งอย่างแปลว่าชอบ”
“ก็ ...ก็ถ้าเขาไม่ชอบ”
“ม่ายชอบก็แปลว่าชอบ”
น้ำเพชรเกือบสำลักน้ำชา

สายพิณมองฝนที่ตกหนักอย่างไม่สบายใจแล้วบ่นออกมา
“โธ่เอ๊ย ยายไม่น่าให้พี่เซียนไปตอนฝนตกหนักแบบนี้เลย”
“คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกน่า”
“แต่พี่เซียนไม่ดี... เอ๊ย ไม่ค่อยจะดีนี่คะ”
“คนไม่ดีก็อยู่นานเหมือนกัน คนไม่ดีผีมันยังกลัวเลย”
“อ้าว! ยาย ตกลงคนดีหรือคนไม่ดีกันแน่ที่ตายเร็ว”
“ไอ้เซียนมันก็ไม่ใช่จะเลวตลอดตัว อย่างวันนี้มันอาสาไปเอายาลูกกลอนให้ยาย ก็เรียกว่าทำดีเหมือนกัน...ไปตักข้าวมากินดีกว่า เดี๋ยวมันก็คงกลับ”
ยายปิ่นเดินไปอย่างหงุดหงิดแบบไม่มีสาเหตุ

ฝนตกหนักถนนจึงค่อนข้างว่าง รถปลาใหญ่แล่นมาด้วยความเร็ว ขณะนั้นที่เซียนก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยความเร็วเหมือนกัน แต่แล้วจู่ๆ เอ็กซ์ก็เร่งเครื่องแซงปลาใหญ่แล้วเลี้ยวตัดหน้ารถปลาใหญ่ ปลาใหญ่ตกใจหักหลบ
รถใหญ่ปลาเสียหลักกระเด็นข้ามเกาะกลางถนน ซึ่งขณะนั้นเซียนขี่มอเตอร์ไซค์ชิดเกาะกลางถนนเพื่อเลี้ยว รถปลาใหญ่กระแทกชนรถเซียน แล้วม้วนกลิ้งหลายรอบจนหงายชี้ฟ้าล้อหมุน ปลาใหญ่ฟุบคาเข็มขัดนิรภัยส่วนเซียนกระเด็นขึ้นสูง แล้วตกลงมากระแทกพื้น เอ็กซ์ซึ่งเลี้ยวไปอีกทางชะลอรถกลับมามองแล้วขับเลยไป ผู้คนในบริเวณนั้นต่างร้องลั่นด้วยความตกใจ
รถมูลนิธิฯ รถพยาบาล รถตำรวจ ต่างเปิดไซเรนตรงมา เสียงดังลั่นพร้อมกับแสงไฟแดงวาบ ปลาใหญ่นอนหายใจรวยริน เซียนก็นอนหายใจรวยริน

เอ็กซ์โทรรายงานเกริกก้องเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ดีแล้ว ... แกกลับมาพรุ่งนี้ ... แล้วก็มารถเมล์ ...ว่าแต่แน่ใจนะว่าไม่รอด”
“ถ้ารอดก็คงทำอะไรไม่ได้นั่นแหละครับ แต่ดูแล้วรอดยาก รถกลิ้งตั้งหลายตลบ”
“ขอบใจ พรุ่งนี้เจอกันที่วัด”
เกริกก้องวางโทรศัพท์อย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“ตกลงตายแน่แล้วใช่มั้ยคะ จันทร์จะได้เตรียมชุดดำ”
“ไอ้เอ็กซ์บอกว่ารอดยาก”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เกริกก้องพยักหน้ากับจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์ลุกไปเปิดประตู สมทรงส่งโทรศัพท์ให้ด้วยสีหน้าเหมือนรู้กันกับนาย
“โทรศัพท์จากตำรวจค่ะ”
“ขอบใจ”

รถพยาบาลกับรถมูลนิธิแล่นตามกันเข้ามาจอดที่โรงพยาบาล เซียนและปลาใหญ่ถูกยกลงจากรถวางบนเตียง ... ครอบอ๊อกซิเจน แล้วเตียงก็ถูกเข็นเข้าไป
ขณะนั้นครรชิตกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องแต่แล้วจู่ๆ ไฟดับลงครรชิตลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
“กำลังสนุกเลย”
“คุณครรชิต”
เสียงปลาใหญ่ดังขึ้นเบาๆ ครรชิตสะดุ้งหันไปตามเสียงจึงเห็นเงาดำๆ เงาหนึ่งผ่านที่หน้าต่างไป ครรชิตยืนอ้าปากค้าง ไฟสว่างขึ้นทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ ครรชิตถอนใจเฮือก พร้อมๆ กับเสียงเคาะประตูดังขึ้น ครรชิตสะดุ้งอีกครั้งเพราะกำลังขวัญอ่อน
“เฮ้ย”
ครรชิตสูดลมหายใจยาว แล้วเดินไปเปิดประตู สมศรียืนทำหน้าตื่นตระหนกอยู่หน้าห้อง
“คุณปลาใหญ่ประสบอุบัติเหตุค่ะ ตอนนี้อยู่โรงบาล”
สมศรีบอก ครรชิตถึงกับเข่าอ่อนเซไปพิงประตู

ที่บ้านเซียน ขณะนั้นสายไหมกำลังนอนหลับสนิท แต่เหมือนมีใครเดินเข้ามาในห้องแล้วใครคนนั้นมาเดินวนอยู่รอบๆ เตียง เปลือกตาสายไหมไหวไปมาเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วลืมขึ้นกลอกตามองอย่างหวาดๆ บริเวณนั้นไม่ปรากฏร่างใคร ทันใดมีเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอด แล้วเร่งเครื่องดับลง
“ไอ้เซียน คงกลับ”
สายไหมลุกเดินออกจากห้อง

สายไหมเปิดประตูออกมาแล้วมองหาแต่บริเวณนั้นว่างเปล่า
“ไอ้เซียน ไอ้เซียน” ทุกอย่างเงียบสนิท มีแต่เสียงฟ้าครืนครั่นเป็นระยะๆ “ไอ้เซียน”
ทุกอย่างเหมือนเดิม ทันใดมีเสียงเหมือนประตูห้องเซียนเปิดแล้วปิดเหมือนมีคนเดินเข้าไป
“มันเข้าบ้านได้ยังไง”
สายไหมงง แล้วดึงประตูปิด

สายไหมเดินมาหน้าห้องเซียนแล้วเคาะ
“เซียน เอ็งเข้ามายังไงฮึ” เงียบ... “ แน่ะ ถามไม่ตอบ ไอ้เซียน”
เงียบอีก สายไหมจึงผลักประตูเปิดอย่างหงุดหงิดแล้วก้าวเข้าไปแต่แล้วสายไหมก็ต้องชะงักเพราะในห้องไม่ปรากฏว่ามีคนอยู่ ลมเย็นๆ พัดเข้ามา หน้าต่างเปิดออกแล้วกระแทกปิด สายไหมยกแขนลูบประมาณขนลุกซู่ ก่อนจะกลั้นใจเดินไปปิดหน้าต่างแล้วรีบออกจากห้อง

สายไหมรีบกลับห้องตัวเองแล้วปิดประตู
“ขนลุกหมด ไอ้บ้าเซียนก็ยังไม่กลับสักที”
สายไหมเหลียวซ้ายแลขวา แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาเซียน เสียงให้ฝากข้อความดังขึ้น สายไหมพยายามกดหลายครั้ง แต่ก็เป็นเสียงให้ฝากข้อความอีก
“พกมือถือแล้วไม่รับ ไอ้บ้าเซียน”
สายไหมวางโทรศัพท์ลง แล้วถอนใจยาว ในที่สุดสายไหมก็ยกมือพนมท่วมหัว
“คุณพระคุณเจ้า...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเจ้าขา...ช่วยปกป้องคุ้มครองนายเซียน หลานชายของลูกช้างด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

สายไหมนั่งพนมมืออยู่อย่างนั้น

แสบสลับขั้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)


บรรยากาศของโรงพยาบาลยามค่ำหลังฝนตกดูวังเวง บริเวณหน้าห้องผ่าตัดดวงวิญญาณเซียนเดินออกมางงๆ ... มองไปทางโน้นทีทางนี้ที เซียนเดินมาทรุดตัวลงนั่งแล้วกุมขมับ เซียนชะงักเมื่อเห็นมือตัวเองเต็มไปด้วยเลือด

“เฮ้ย” เซียนก้มมองตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้น “เฮ้ย เลือดมาจากไหน จะว่าเป็นแผลมันก็ไม่เจ็บ” เซียนมองไปเจอชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่ เซียนรีบเดินไปหา “คุณครับ” 2 คนนั้นเหมือนจะหันมามองแว่บหนึ่งแล้วเดินไป “เฮ้ย หยิ่งนักหรือเว้ย”

หน้าห้องผ่าตัดอีกห้อง ปลาใหญ่เดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสภาพและอาการคล้ายกับเซียนปลาใหญ่มองไปโดยรอบงงๆ แล้วเดินไปเรื่อยๆ
เซียนปรากฏตัวขึ้นในบริเวณทางเดินไปห้อง ไอ.ซี.ยู เซียนเหลียวมองโดยรอบแล้วชะงัก เมื่อเห็นปลาใหญ่ยืนอยู่ที่กระจกห้องไอ.ซี.ยู
“นั่นไอ้ปลาใหญ่นี่” เซียนรีบเดินตรงมาหาแล้วตะโกนเรียก “ปลาใหญ่ เฮ้ย ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่หันมามอง มีสีหน้าประหลาดใจแว่บหนึ่งแล้วเอานิ้วแตะปาก
“อย่าเสียงดัง นี่มันโรงพยาบาล เขาห้ามเสียงดัง”
“แก ...เอ๊ย คุณมาทำอะไรอยู่ที่โรงพยาบาล”
“แล้วคุณละมาทำอะไร”
“ไม่รู้เว้ย ... อยู่ดีๆ ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”
“เลือดคุณเต็มไปหมด”
“เฮ้ย เลือดคนอื่น ถ้าเลือดผมออกขนาดนี้มีหวังตายไปแล้ว” ปลาใหญ่ก้มมองเสื้อผ้าตัวเอง แล้วเงยขึ้นมองเสื้อผ้าเซียน สีหน้าเหมือนระแวงวูบขึ้นมา “ไปล้างเลือดกัน”
ร่างเซียนหายวูบไป ร่างปลาใหญ่หายตาม

ร่างทั้งสองคนมาปรากฎในห้องน้ำ
“เฮ้ย พอนึกถึงก็มาอยู่ในห้องน้ำเลย ฝันไปเรอะเปล่า”
ปลาใหญ่มองภาพตัวเองและเซียนในกระจกครุ่นคิด เซียนเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำแต่มือเซียนคว้าลมวืด
“ตลกว่ะ”
เซียนขำกลิ้ง ปลาใหญ่มองสีหน้าเหมือนจะตระหนกกับความคิดของตัวเอง เซียนคว้าใหม่แต่ปรากฏผลเหมือนเดิม
“เฮ้ย ลองดูซิ ทำได้อ๊ะเปล่า ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่ค่อยๆ เอื้อมมือไปจับแต่ก็วืดเหมือนกัน เซียนขำกลิ้ง ปลาใหญ่มองหน้าเซียน
“อย่าหัวเราะ”
“ไอ้บ้า อยู่ดีๆ มาห้ามคนหัวเราะ”
“ผมกำลังคิดว่า ... เรา... ตายแล้ว” เซียนหัวเราะค้างทันที “จริงๆ นะ ยิ่งคิดยิ่งเข้าเค้า”
“ไอ้บ้า แกจะตายก็ตายไปคนเดียว”
“ไม่หรอก คุณก็ตายด้วยเหมือนกัน”
เซียนฉุนจัด แล้วต่อยเปรี้ยง
“นี่แน่ะตาย”
หมัดวืดไป เซียนถลาหน้าคว่ำผ่านตัวปลาใหญ่ไป เซียนหันมามอง สีหน้าแววตาตระหนก เซียนเปลี่ยนท่าทีเป็นฉุนกึก เมื่อหันขวับมามองปลาใหญ่
“อยากตาย ... ก็ตายไปคนเดียวซิวะ”
“ลองพิสูจน์ดูอีกมั้ย”
ร่างสองคนหายไปจากที่นั่นทันที

ปลาใหญ่และเซียนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องฉุกเฉินซึ่งมีญาติผู้ป่วย 2-3 คนนั่งอยู่
“ไปลองทักเขาดูซิ” เซียนลังเล แล้วหันมามองปลาใหญ่ “ไปซิ จะได้แน่ใจ”
“แกไป”
“ผมไม่สงสัยอะไรแล้ว... คุณสงสัย คุณก็ควรจะไป” เซียนสูดลมหายใจยาว ปลาใหญ่บอกเสียงอ่อนลงเหมือนจะปลอบโยนในที “ไปเถอะ...บางที... เราอาจจะต้องไปที่อื่นอีก”
เซียนมองหน้าปลาใหญ่ ปลาใหญ่พยักหน้าให้กำลังใจ เซียนตัดสินใจเดินไปที่ญาติคนไข้ ปลาใหญ่ยืนกอดอกมอง เซียนตัดสินใจตบญาติคนไข้เปรี้ยง ญาติคนไข้ยังคงนิ่งเฉย พยาบาลเดินออกมา ญาติรีบลุกขึ้นแล้วเดินทะลุเซียนไปหาพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“แฟนหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
เซียนร้องไห้โฮ ปลาใหญ่เดินเข้ามาปลอบ
“เราต้องตายกันทุกคน ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก”
“แต่ฉันยังไม่อยากตาย ฉันไม่อยากตาย”
“ก็มันตายไปแล้ว จะทำยังไงได้”
เซียนร้องไห้ครู่หนึ่งแล้วเช็ดน้ำตาหันมามองปลาใหญ่
“ทีนี้เอาไงต่อ”
“ไม่รู้เหมือนกัน” ปลาใหญ่เดินไปทรุดตัวลงนั่ง เซียนนั่งตาม ปลาใหญ่ถอนใจยาว “ผมอยากเจอคุณพ่อ...ท่านเพิ่งเสียไปไม่กี่เดือนนี่เอง”
“แล้วนายก็เสียตามพ่อ”
“ทำไงได้ล่ะ แต่ผมดีใจนะที่จะได้พบคุณพ่อ...คุณพ่อเป็นคนดี ท่านต้องไปสวรรค์แน่ๆ”
“เฮ้ย นายไปไหน ฉันไปด้วยนะ ห้ามทิ้งกันเด็ดขาด” ปลาใหญ่นั่งเงียบๆ ครู่หนึ่งแล้วชะงัก “อะไร”
“ฟังดีๆ ซิ”
เซียนนิ่งฟัง มีเสียงหัวใจ 2 ดวงเต้นสลับกัน
“เสียงอะไร”

ปลาใหญ่ผุดลุกขึ้นยืน เซียนลุกตาม ทั้ง 2 เงยหน้ามองข้างบน แล้วหายไปพร้อมกัน

ปลาใหญ่กับเซียนปรากฎตัวขึ้นที่หน้าห้องไอซียู ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเข็นเตียง 2 เตียงเข้าไอซียู โดยมีเกริกก้อง ครรชิต จันทร์ทิพย์ รัญญา ยืนมองตามอยู่หน้าห้อง จันทร์ทิพย์และรัญญานั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น ขณะที่ครรยืนแยกไป นัยน์ตาแดงก่ำ ส่วนเกรกก้องคุยกับหมอทำเป็นเคร่งเครียด
“เรายังไม่ตาย”
ปลาใหญ่บอก เซียนชะงัก
“อ้าว ไหนนายว่า...”
“เราแค่โคม่า เขาถึงเอาเรามาไว้ห้อง ไอซียู. เข้าไปข้างในกันเถอะ”

สองหนุ่มเข้ามาในห้องไอซียู ร่างเซียนนอนโคม่า บาดแผลทั่วตัวเพิ่งได้รับการผ่าตัด ปลาใหญ่ก็นอนโคม่าเช่นกัน ปลาใหญ่ก้มมองเพ่งพิศร่างตัวเอง
“ใครจะไปรู้ว่า วันหนึ่งเราจะได้มาเห็นตัวเองในสภาพอย่างนี้”
“ฉันไม่อยากเห็น”
เซียนตะโกนลั่นเสียงก้อง
“ไม่คิดว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นเรอะ”
“ไอ้บ้า นอนหายใจพะงาบ ยังจะว่าโชคดีอีก”
ทันใดที่มอนิเตอร์หัวใจ เส้นกราฟเริ่มผิดปกติ ร่างทั้ง 2 เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น พยาบาลรีบเข้ามาปั้มหัวใจวุ่นวายโดยใช้เครื่องมือครบ เส้นกราฟหัวใจในมอนิเตอร์ทั้ง 2 คนกลายเป็นเส้นตรง ดวงวิญญาณทั้ง 2 เหมือนมีบางอย่างดูดลอยออกไป...ส่งเสียงโหยหวน แต่ไม่มีใครได้ยิน
จบตอน 2

แสบสลับขั้ว ตอน 3.1
ดวงวิญญาณของปลาใหญ่กับเซียน ถูกดูดลอยเข้ามาอยู่ในอุโมงค์วิญญา ซึ่งมองเห็นแสงสว่างอยู่ลิบๆ เบื้องหน้า
มีดวงวิญญาณอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไปสู่แสงสว่างนั้น บางวิญญาณก็กำลังจะไปถึงปลายอุโมงค์ บ้างก็ออกไปแล้วบ้าง บ้างก็กำลังเดินไปบ้าง สีหน้าแต่ละคนสงบราบเรียบไร้ความรู้สึก เซียนมองไปโดยรอบหวาดๆ แล้วหันกลับมาหาปลาใหญ่ ปลาใหญ่กำลังเดินไปสู่ปลายอุโมงค์เช่นกัน เซียนรีบก้าวตามไปคว้าแขนไว้
“จะไปไหน”
ปลาใหญ่จุ๊ปาก แล้วมองอย่างตำหนิ
“อย่าเสียงดัง เห็นหรือเปล่าว่าไม่มีใครเขาพูดกันเลย”
“จะไปไหน” เซียนลดเสียงลง
“ไปตามทาง”
“แล้วไอ้ทางนั่นน่ะมันไปถึงไหน”
“ก็สุดแล้วแต่กรรมดีกรรมชั่วของแต่ละคน”
“งั้นข้าไม่ไป” ปลาใหญ่ออกเดินต่อ “จะไปไหนก็ไป ไอ้โง่”
เซียนเดินย้อนกลับไป

เซียนก้าวออกมาหน้าอุโมงค์แล้วสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นหมาสามหัวตัวใหญ่ ดวงตาแดงจัดเหมือนตาปีศาจยืนจังก้า แยกเขี้ยวคำรามน่ากลัว เซียนกลืนน้ำลายแล้วทำใจดีสู้เสือ
“ขอกลับไปก่อนได้มั้ย แล้วจะเอากระดูกมาให้” หมาตาลุกวาว ย่างสามขุมเข้ามา “หมูปิ้งก็มี เคยกินหรือเปล่า ....หมูปิ้งน่ะ”
หมาคำรามลั่น กระโจนเข้าใส่ เซียนรีบกระโดดกลับเข้าไปแล้วชูกำปั้นด่าหมา
“ไม่ออกไปก็ได้เว้ย ไอ้หมาบ้า...จะเอาไปออกงาน วัดซะให้เข็ด”
มือๆ หนึ่งวางมาบนไหล่เซียน เซียนสะดุ้งเฮือกหันกลับมาจึงเห็นปลาใหญ่มองอย่างเห็นใจ
“ไปกันเถอะ”
“ข้าไม่อยากตาย” เซียนร้องไห้ออกมา
“ทำไงได้ ไปกันเถอะ” เซียนส่ายหน้าเด็ดเดี่ยวขณะยกแขนปาดน้ำตา “เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นั่นไหม”
เซียนมองตาม แล้วพยักหน้า “ในเมื่อกลับออกไปไม่ได้ ทำไมไม่ลองไปดูล่ะว่าตรงนั้นมันมีอะไร” เซียนหันมามองปลาใหญ่อย่างลังเล “อาจจะมีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ก็ได้ ถ้าไม่ไป เราก็ไม่รู้” เซียนเบือนหน้ากลับมามองปลาใหญ่ “ไปกันเถอะ”
ปลาใหญ่ออกเดินนำ เซียนตัดสินใจ
“รอด้วย”
เซียนรีบตาม

ที่ห้องไอซียู หมอกำลังพยายามปั๊มหัวใจทั้งปลาใหญ่กับเซียน มอนิเตอร์เส้นหัวใจยังเป็นเส้นตรง ใบหน้าเซียนไร้การตอบสนองใดๆ ใบหน้าปลาใหญ่ก็ไร้การตอบสนองเช่นกัน
ด้านนอกครรชิตกำลังพนมมือหลับตาสวดมนตร์ให้ปลาใหญ่ฟื้น กลุ่มเกริกก้องก็เกาะกระจกลุ้นเช่นกัน
“เพี้ยง ขออย่าให้ฟื้นเล้ย”
“รันจะถวายหัวหมู 100 หัว ... ไข่ต้ม 100 ใบ ...แล้วก็ปิดถนนเลี้ยง 7 วัน 7 คืน”
เกริกก้องมองผ่านเข้าไป นัยน์ตาเป็นประกายกล้า

เซียนมีสีหน้าเศร้าใจในโชคชะตาเดินตามปลาใหญ่ซึ่งมีสีหน้าสงบนิ่งเดินช้าๆ ไปสู่ปลายอุโมงค์ ยิ่งใกล้ปลายอุโมงค์เข้าไป แสงสว่างก็สว่างขึ้นทุกที คนที่ไปถึงปลายอุโมงค์ก้าวออกสู่แสงสว่าง แสงนั้นจะส่องรัศมีเจิดจ้าแล้วร่างนั้นๆ จะเลือนหายตามกันไป
เซียนกับปลาใหญ่เดินใกล้ปลายอุโมงเข้าไปทุกที เริ่มมีเสียงเต้นตุบๆ ดังขึ้นเบาๆ เซียนกับปลาใหญ่เดินไปเรื่อยๆ เสียงตุบๆ เบาๆ นั้น เริ่มดังขึ้นทุกที จอมิเตอร์เส้นตรงของหัวใจทั้งของปลาใหญ่และเซียนเริ่มมีคลื่น
“กลับมาแล้ว”
หมอบอก ขณะนั้นเซียนและปลาใหญ่มาถึงปลายอุโมงค์ มอนิเตอร์เส้นหัวใจทั้ง 2 ยังเป็นคลื่นอ่อนๆ เซียนและปลาใหย่ก้าวออกไป แรงดึงดูดจากที่ใดที่หนึ่งผ่านจากในอุโมงค์พุ่งตรงมาที่ทั้ง 2 แล้วดูดกลับไปทันท่วงที ทั้งสองลอยละล่องย้อนกลับออกไปเหมือนขามา
ปลาใหญ่กับเซียนผ่านกลุ่มเมฆหมอกแล้วลอยเข้ามาในโรงพยาบาล...ผ่านตึก...ผ่านบริเวณต่างๆ มาถึงหน้าห้องไอซียู แล้วลอยเข้าไปจะเข้าร่าง เซียนมองไปที่ร่างปลาใหญ่ ภาพตึกทำงานใหญ่โต และน้ำเพชรที่เดินไปขึ้นรถกับปลาใหญ่ทำให้เซียนตัดสินใจบางอย่างแล้วตะโกนก้อง
“ขอโทษนะเว้ย ปลาใหญ่”
เซียนถีบปลาใหญ่ ให้ปลาใหญ่เสียหลักแล้วตัวเองชิงเข้าร่างปลาใหญ่แทน ร่างปลาใหญ่ซึ่งเสียหลักกลิ้งเข้าไปในร่างเซียน
“โอ๊ย นายเซียน” ปลาใหญ่ร้องเสียงก้องอย่างตกใจ
เส้นหัวใจของทั้งสองเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งสองกลับมาหายใจดังเดิม

รถเกริกก้องแล่นอยู่บนถนน เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญานั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าผิดหวัง
“ทำไมมันต้องฟื้นขึ้นมาด้วย”
เกริกก้องขบกรามแน่น
“ไม่แน่”
“ไม่แน่บ้าบออะไร”
“ก็ไอ้ปลาใหญ่น่ะซีคะ สมองขาดอ๊อกซิเจนตั้งเกือบชั่วโมง อาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราก็ได้”
รัญญาหน้าชื่นขึ้นทันที
“จริงด้วยค่ะ คุณพ่อ เรายังมีความหวังอยู่นะคะ”
เกริกก้องมีสีหน้าดีขึ้น
“ช่วยกันภาวนาก็แล้วกัน”
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ถอนใจยาวเหมือนผ่อนคลาย ขณะรัญญาร้องเพลงสดชื่นขึ้น

ครรชิตยืนอยู่ข้างเตียงปลาใหญ่ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความหดหู่
“ขอโทษนะคะ”
พยาบาลเดินมาหาครรชิต ครรชิตเช็ดน้ำตา
“ครับ... ผมกำลังจะกลับแล้ว” ครรชิตเบือนหน้ามาทางปลาใหญ่ “ผมกลับก่อนนะครับ คุณปลาใหญ่” เซียนซึ่งอยู่ในร่างของปลาใหญ่พยักหน้า “พรุ่งนี้ผมจะรีบมาแต่เช้า”
ครรชิตเดินออกไป เซียนมองตาม

เช้าวันรุ่งขึ้นที่วินมอเตอร์ไซค์ มอเตอร์ไซค์ตำรวจแล่นเข้ามาจอด ทุกคนบริเวณนั้นตกใจ
“วินฯ ผมถูกกฏหมายนะครับ คุณตำรวจ”
ลุงป่องรีบบอก
“เออ” ตำรวจหยิบบัตรประชาชนเซียนส่งให้ “นายเซียนอยู่ในซอยนี้ใช่ไหม”
“ครับ ไอ้เซียนมันไปทำอะไรหรือครับ”
ทุกคนในบริเวณนั้น ต่างเข้ามารุมล้อมอย่างสนใจ

ขณะนั้นจสายไหมกำลังเตรียมของเอาไปขาย ปากก็บ่นไปด้วย
“ไอ้เซียนน่ะไอ้เซียน กลับมาคราวนี้แม่จะไม่มีเมตตาแล้ว”
“คุณไหม...คุณสายไหมครับ”
ลุงป่องร้องเรียก
“เรียกทำไมวะ” สายไหมถามอย่างหงุดหงิด
“มีคนมาพบคุณไหมครับ”
สายไหมโยนของโครมคราม แล้วเดินออกไป

สายไหมเดินออกมาหน้าบ้านแล้วชะงักเมื่อเห็นตำรวจ 2 คนยืนอยู่กับลุงป่องซึ่งมีสีหน้าไม่สู้ดี
“ไอ้บ้าเซียนมันไปก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“คือ...”
“ขังลืมมันไปเลยคุณตำรวจ ฝากบอกมันด้วยว่าฉันไม่มีหลาน”
“ไอ้เซียนมันประสบอุบัติเหตุ”
สายไหมชะงัก สีหน้าแววตาเหมือนจะชาไปชั่วขณะ ตำรวจส่งบัตรประชาชนเซียนให้
“นี่ครับป้า บัตรประชาชนของนายเซียน”
น้ำตาสายไหมค่อยๆ เอ่อออกมา
“มัน... มัน ... ตา…”
“บาดเจ็บสาหัสครับ ยังอยู่ในห้อง I.C.U.”
“ไปแต่งตัวเถอะ ผมจะพาไปโรง’บาล” ลุงป่องบอก
“ไม่ต่งไม่แต่งมันแล้ว พาฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”
สายไหมปิดประตูบ้าน ขึ้นซ้อนท้ายลุงป่องออกไป ตำรวจขี่ตาม

ที่โรงพยาบาลปลาใหญ่นอนหลับด้วยความอ่อนเพลียจากอาการบาดเจ็บ ครรชิตยืนอยู่ข้างเตียงก้มมองด้วยสีหน้าแววตาเจ็บปวด
“คุณเกรียงไกรครับ ขอให้ดวงวิญญาณคุณเกรียงไกรจงคุ้มครอง คุณปลาใหญ่ด้วย”
ครรชิตพึมพำออกมาเบาๆ มอมและชายสี่เดินเข้ามาที่เตียงเซียนชายสี่มองสภาพเพื่อนอย่างเวทนาสุดๆ
“โธ่เอ๊ย...ไอ้เซียน ...”
เซียนยังคงนอนหลับ
“มันจะเป็นอะไรมั้ยวะ ไอ้ชาย”
“ไม่รู้ ต้องถามหมอ”
ครรชิตเดินมาหามอมกับชายสี่
“เป็นญาตินายเซียนใช่ไหม” ชายสี่และมอมมองหน้ากัน แล้วหันมามองครรชิตอย่างแปลกใจ “เชิญออกไปคุยกันข้างนอกหน่อย”
ครรชิตเดินนำออกไป ชายสี่และมอมเดินตาม

หน้าห้องไอซียู ป๋องซึ่งยืนมองอยู่ที่กระจกภายนอกเบือนสายตามามองครรชิต ชายสี่และมอม ที่เดินออกมา แล้วจึงเดินไปสมทบ
“ทางเราจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล และจ่ายเงินค่าทำขวัญให้นายเซียนเอง มันเป็นอุบัติเหตุที่แปลกประหลาดมาก”
“ไอ้เซียนมันไปรู้จักพวกคุณได้ไง”
“คุณปลาใหญ่เจ้านายฉันเคยไปร้านทอง “เติมฮวยเฮง” แล้วพบกับนายเซียนที่นั่น”
ป๋อง ชายสี่และมอม เบิกตากว้าง
“อ๋อ ไอ้ปลาคังที่ไอ้เซียนเล่า”
“ท่านชื่อคุณปลาใหญ่ ไม่ใช่ปลาคัง”
“ไหน ไอ้เซียนอยู่ที่ไหน ไอ้เซียน”
เสียงสายไหมดังขึ้น ทุกคนหันไปมองสายไหมวิ่งร้องไห้เข้ามาติดตามด้วยลุงป่อง
“คุณไหม ใจเย็นๆ คุณไหม”
“ใจเย็นกับผีซิ หลานแกไม่ได้กำลังจะตายเหมือนหลานฉันนี่”
สายไหมเสียงดังเอะอะโวยวาย ทุกคนหันมามอง ชายสี่ มอม และป๋อง รีบเข้ามาทำสัญญาณให้สายไหมลดเสียงลง
“เบาหน่อยป้า เขาไม่ให้เสียงดัง”
“ก็ช่างมันซิ ไหน! ไอ้เซียนอยู่ไหน”
“อยู่ในนั้น”
สายไหมถลาเข้าไป แล้วส่งเสียงลั่น
“ไอ้เซียน”
“ป้า”
“ข้าจัดการเอง” ลุงป่องรีบตามเข้าไป “คุณไหม”
ป๋อง ชายสี่ มอมมองตามพลางส่ายหน้า มอมหันมาจึงเห็นครรชิตกำลังโทรศัพท์

ครรชิตโทรศัพท์บอกน้ำเพชรเรื่องปลาใหญ่ น้ำเพชรผุดลุกขึ้นยืนอย่างตกใจสุดๆ
“ท่านประธานประสบอุบัติเหตุ ตายหรือเปล่าคะ...ขอประทานโทษค่ะ” น้ำเพชรมีสีหน้าโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“ค่อยยังชั่ว น้ำจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
น้ำเพชรเก็บโทรศัพท์ แล้วหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป เลขาเกริก ก้องเดินนวยนาดเข้ามา
“อะไรอีกล่ะ”
“จะมาชวนไปตัดชุดดำไว้ทุกข์ท่านประธาน”
“นี่แน่ะ” น้ำเพชรตบเปรี้ยง เลขาเกริกก้องร้องลั่น “โทษฐานปากเสีย”
น้ำเพชรเดินไป เลขาเกริกก้องยกมือกุมปากมองตาม

ที่บ้านสายพิณ ยายปิ่นกำลังบ่นไปทำกับข้าวไป

“ไอ้บ้าเซียน นี่มันคบไม่ได้ รับอาสาไปเอายาแล้วหายหัวเงียบ มิน่า ป้ามันถึงได้ด่าทู้ก...ก วัน!”
“แหม...พี่เซียนเขาอาจจะมีธุระ”
สายพิณแก้ตัวแทนเซียน
“ยายปิ่น สายพิณ ตื่นเรอะยัง”
“รีบออกไปซิ เดี๋ยวมันด่าเอา”
สายพิณรีบออกไป
“อะไรจ๊ะป้า” สายพิณส่งเสียงออกมาก่อนตัว
“ไอ้เซียนมันรถคว่ำแน่ะ เห็นเค้าว่าเป็นตายเท่ากัน”
สายพิณซวนเซไป ตกใจจนพูดไม่ออก กระสือเดินไปพลางบ่นเสียงลอยลมมา
“ทำมัยไม่เป็นไอ้กระหังก็ไม่รู้ ไอ้คนควรตายก็ไม่ตาย ไอ้คนไม่สมควรตายกลับตาย ไม่รู้มันจะอยู่ไปให้รกชุมชนพัฒนาสู่สุขาฯ ทำไม ...”
“พี่เซียน”

สายพิณเดินร้องไห้กลับเข้ามา
“ยาย”
ยายปิ่นหันมามอง
“อ้าว ออกไปเดี๋ยวเดียวร้องไห้เข้ามาแล้ว นังนั่นมันด่าเรอะไง”
สายพิณปล่อยโฮออกมา
“พี่เซียนรถคว่ำ”
ยายปิ่นสะดุ้งเฮือก กระบวยคนแกงตกจากมือทันที

เกริกก้องกระวนกระวายรอฟังข่าวปลาใหญ่อยู่ที่ห้อง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เกริกก้องรีบเดินมาหยิบขึ้นรับ
“คุณครรชิต ปลาใหญ่เป็นไง”
“เมื่อกี้ลืมตาขึ้นมา น่าจะพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
ประตูเปิดออก จันทร์ทิพย์และรัญญาเข้ามา
“คุณก้อง”
“คุณพ่อ”
เกริกก้องกระแทกโทรศัพท์ลง แล้วขบกรามแน่น
“ไอ้ปลาใหญ่มันพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“ฮ้า”
“เป็นไปไม่ได้”
“แน่ใจหรือคะ”
“ไอ้ครรชิตมันโทร.มาบอกเสียงระรื่น”
“ เราต้องรีบไป”
“ไปไหน ไปเยี่ยมไอ้ปลาใหญ่น่ะเรอะ ฉันไม่บ้าไปด้วยหรอก”
“รันเห็นด้วยกับน้าจันทร์ค่ะ เราต้องรีบไปเยี่ยมไอ้ปลาใหญ่ ถึงจะเกลียดขี้หน้ามันยังไงก็ต้องใส่หน้ากากยินดีปรีดาปราโมทย์ไปเยี่ยม”
รัญญาบอก ขณะที่เกริกก้องยังหงุดหงิดพลุ่งพล่าน

เมื่ออาการปลาใหญ่ดีขึ้นครรชิตจึงย้ายปลาใหญ่มารักษาอีกโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ช่วยกันยกตัวปลาใหญ่ขึ้นบนเตียงใหม่ แล้วออกไป
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“ผลเอ็กซ์เรย์ต้องรอคุณหมอค่ะ...เชิญญาติออกไปก่อนนะคะ จะเช็ดตัวให้คนไข้ค่ะ”
ทั้งหมดเดินออกไป
พอออกมาหน้าห้อง รัญญาถอนใจเฮือก
“ยังสงสัยไม่หายว่าฟื้นได้ยังไง”
ครรชิตสะดุ้ง หันกลับมามอง จันทร์ทิพย์รีบแก้ตัวแทนรัญญา
“คือน้องรันแกหมายถึงว่าแปลกที่ปลาใหญ่โคม่าแล้วกลับฟื้นขึ้นมาน่ะค่ะ”
“จริงค่ะ”
“แล้วเราทุกคนก็ดีใจกันหมดเลย”
“ยิ่งคุณพ่อยิ่งดีใจใหญ่” รัญญาหัวเราะครึกครื้น ครรชิตผสมหัวเราะไปด้วย
“มิน่า ...วันนี้ท่านถึงได้ไม่มา” สองสาวหุบหัวเราะ จ้องหน้าครรชิต ครรชิตพูดต่อ “เพราะกลัวจะระงับความดีใจไว้ไม่อยู่ไงครับ”
สองสาวยิ้มออก พยาบาลเดินออกมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

ทุกคนรับคำแล้วเดินเข้าไป

โปรดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น