ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 8
ยามเช้า แก้วที่หลับอยู่กอดรุ้งไว้ในอ้อมกอด รุ้งซุกรักแร้แก้วแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุขทั้งๆที่หลับตา
“เจ้าชายเพคะ” รุ้งละเมอ
“น้องขิงจ๋า” แก้วก็ละเมอออกมา
แก้วจุ๊บๆ ที่หน้าผากรุ้ง รุ้งยิ้มกริ่ม แก้วหอมหัว หอมแก้ม หอมจมูก แล้วจะจูบปาก แต่แล้วทั้งแก้วกับรุ้งก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นหน้ากัน แต่ก็ยังไม่รู้ตัว
“น้องขิง”
“เจ้าชาย”
แล้วทั้งสองก็ผงะเพราะเห็นหน้ากันชัดๆ และเห็นว่าตัวเองกำลังกอดกัน ทั้งคู่ร้องลั่น
“ว๊าย!! / เว๊ยยย!!!”
ทั้งคู่รีบลุกขึ้นมายืน รุ้งกอดอกทำหน้าตาตื่นกลัว
“ไอ้แก้ว แกทำอะไรชั้น”
“เธอต่างหากทำอะไรชั้น” แก้วโวยวาย
“ชั้นไม่ได้ทำ” รุ้งตกใจ “ว๊าย!” รุ้งตบหน้าแก้วดังเพียะ! “แกจับก้นชั้นทำไม”
แก้วยกมือขึ้นมาทั้งสองข้าง “จะบ้าเหรอ มือชั้นอยู่นี่”
รุ้งตกใจ เธอก้มมองเห็นยอดกำลังละเมอจับก้นเธออยู่
“อ๊ายยยย!!”
รุ้งถีบยอดจนกระเด็นไปชนกำแพง ยอดสะดุ้งตื่น
“โอ๊ย ! อุ้ย!”
“แผนพังหมด!! จบกัน!!” แก้วบ่น
“ถ้าเรานอนกันที่นี่ แล้วขิงกับโซ่อยู่ไหน” รุ้งสงสัย
รุ้งกับแก้วมองหน้ากันด้วยความสงสัย
ยายขมกับตุ๊กค่อยๆ รู้สึกตัว ทั้งสองค่อยๆตื่นขึ้นมาโดยยังมึนๆงงๆ
“โอยยย ข้าเป็นอะไรไปเนี่ย ทำไมปวดหัวอย่างนี้”
“นั่นสิแม่” ตุ๊กมองออกไปด้านนอก “อ้าว นี่เช้าแล้วเหรอ ชั้นจำได้ว่ายังกินไม่อิ่มเลย”
ตุ๊กกับยายขมมองหน้ากันงงๆ แต่เพียงไม่นาน รุ้ง แก้ว และยอดก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในบ้าน ยายขมกับตุ๊กหันไปเห็นก็แปลกใจ
“ไอ้แก้ว ไอ้ยอด มาทำไมแต่เช้า”
แก้วหน้าเหรอหรา “เออ อ่า คือ อ๋อ มาเก็บดอกเบี้ย”
“ความจำเสื่อมเหรอไง ชั้นไม่ได้เป็นหนี้พวกแกแล้ว!!”
“เออ จริง มันเบลอๆงงๆน่ะยาย ชั้นไปล่ะ”
แก้วหันไปมองรุ้งแล้วก็เดินออกไปกับยอด รุ้งหน้าเสีย ตุ๊กมองหาขิงกับโซว์
“นังขิงกับไอ้โซ่ไปไหน”
รุ้งเริ่มใจไม่ดี ตุ๊กกับยายขมก็สงสัย
ที่นอกตัวบ้าน ขิงที่นอนตักโซว์ค่อยๆ ขยับตัวตื่น เธอเห็นว่าตัวเองนอนตักโซว์โดยที่โซว์หลับอยู่ ขิงตกใจจะลุกขึ้น แต่โซว์ขยับตัว ขิงจึงแกล้งทำเป็นหลับต่อ โซว์ตื่นขึ้นมาเห็นขิงยังไม่ตื่น เขามองขิงยิ้มๆ แล้วเอามือลูบหน้า ลูบผมขิง
ขิงตื่นเต้นจนใจสั่น โซว์มองขิงแล้วก็เคลิ้มจึงค่อยๆ ก้มหน้าลงไปจะหอมแก้ม ทันใดนั้นยายขม ตุ๊ก และรุ้งก็เดินออกมา
“ไอ้โซ่!!” ยายขมเสียงดัง โซว์ตกใจหันไปมอง “เอ็งจะทำอะไรหลานข้า”
โซว์รีบลุกขึ้นยืนทำให้ขิงตกเก้าอี้
ขิงร้องด้วยความเจ็บ “โอ๊ย!!”
โซว์ตกใจ “ขิง!”
โซว์รีบเข้าไปประคองขิงให้ยืนขึ้นมา
“เอ็งสองคนมาทำอะไรกันตรงนี้” ตุ๊กถาม
โซว์กับขิงมองหน้ากันแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก รุ้งมองอย่างไม่พอใจ
ยายขมมองขิงกับโซว์ด้วยความสงสัย
“เผลอหลับไป” ยายขมทวนคำ
ขิงกับโซว์ยืนยัน“จ๊ะ”
“น่าแปลก ข้ากับไอ้ตุ๊กก็เผลอหลับไปเหมือนกัน”
รุ้งหน้าถอดสีและจะย่องออกไปตอนที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด
“นั่นสิแม่ จำได้ว่าก่อนหลับ กินแกงนังรุ้งเข้าไป” ตุ๊กหันไปเห็นรุ้งกำลังย่องหนี “รุ้ง!”
รุ้งตกใจจึงรีบหันมาแก้ตัว “เปล่านะ ชั้นไม่ได้วางยานอนหลับนะ”
ยายขม ตุ๊ก ขิง และโซว์มองรุ้งอย่างอึ้งๆ
“ข้ายังไม่ได้บอกซักนิดว่าเอ็งวางยานอนหลับ ทำไมต้องร้อนตัวด้วย หรือเอ็งวางยาพวกข้าจริงๆ เอ็งคิดจะทำอะไรห๊ะนังรุ้ง”
รุ้งหน้าซีดที่ถูกต้อน “เออ คือ” แล้วรุ้งก็แกล้งปวดท้อง “โอ๊ย ปวดท้อง สงสัยข้าศึกบุก โอ๊ย อุ้ย”
รุ้งรีบวิ่งออกไปทันที ยายขม ตุ๊ก ขิง และโซว์มองหน้ากันด้วยความสงสัย
รุ้งเข้ามาในห้อง เธอทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้ากระจก
“เกือบถูกจับได้แล้วนังรุ้ง”
รุ้งเห็นตัวเองในกระจกแล้วก็คิดถึงตอนที่แก้วหอมขึ้นมา...
แก้วระดมจุ๊บๆ ที่หน้าผากรุ้ง รุ้งยิ้มกริ่ม แก้วหอมหัว หอมแก้ม หอมจมูก จะจูบปาก แก้วทำปากจู๋ยื่นเข้ามาหารุ้ง...
รุ้งนึกถึงภาพนั้นแล้วก็ผงะ เธอหน้าแดง ใจเต้นแล้วก็ตกใจ
“ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้ ไอ้แก้วนะไอ้แก้ว เกือบเสียจูบแรกให้มันไปแล้วมั้ยล่ะ เลิกคิดได้แล้ว บ้าบ้าบ้า”
รุ้งดึงกระดาษมาเช็ดหน้าตัวเองที่ถูกแก้วหอม
อำนาจนั่งดูปีเตอร์ผ่านทางบีบีอยู่ที่บ้านชรินทร์ ปีเตอร์กำลังถอนขนรักแร้พร้อมทำหน้าเสียวซ่าน อำนาจเห็นแล้วจะอ้วก ระหว่างนั้นชรินทร์ก็เดินเข้ามา
“ได้เรื่องอะไรยัง”
อำนาจลุกขึ้นยืนแล้วหันไปรายงาน “ยังเลยครับนาย วันๆเจ้าชายทรงทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นเคยทำตัวมีสาระ”
“หรือเจ้าชายจะรู้ว่าเราแอบดูอยู่”
“ไม่มีทางหรอกครับ นายใจเย็นๆก่อนนะครับ ผมว่าอีกไม่นานมันต้องเผยอะไรออกมาแน่”
อำนาจนั่งดูปีเตอร์ต่อ เขาเห็นพัชรีเดินเข้ามา อำนาจหน้าตาตื่นเต้นดีใจ
“นี่ไงครับนาย”
ชรินทร์ชะโงกหน้ามาดูกับอำนาจ
พัชรีมีหน้าตาตื่นเต้นดีใจ เธอเดินมาหาปีเตอร์ที่กำลังถอนขนรักแร้อยู่
“เจ้าชายเพคะ”
ปีเตอร์ตกใจจนทำมีดโกนบาดรักแร้
“โอ๊ย!”
“ว๊าย เจ้าชายเป็นไงเพคะ”
“เจ็บน่ะสิ มาไม่ให้สุ่มให้เสียง มีอะไร”
“มีเรื่องตื่นเต้นมานำเสนอเพคะ”
ปีเตอร์ยิ้ม “เจ้ายอมเราแล้วเหรอพัชรี”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นเพคะ ทางร้านซ่อมกล้องโทรมาบอกว่ากู้ไฟล์ในการ์ดกล้องถ่ายรูปได้แล้ว”
ปีเตอร์ดีใจ “จริงเหรอ”
“แบบนี้เจ้าชายต้องโทรบอกเพื่อนเจ้าชายรึเปล่าคะว่าเรากู้ไฟล์ได้แล้ว เผื่อเค้าอยากมาดู”
“ไม่เป็นไร ให้เราดูรูปก่อน” ปีเตอร์ตื่นเต้น “จะได้รู้กันซักทีว่าเป็นนายชรินทร์รึเปล่าที่เป็นคนฆ่านายสุเมธ!! พัชรี ขอเราไปแต่งตัวก่อนนะ”
“เร็วๆนะเพคะ”
ปีเตอร์รีบเดินเข้าไป พัชรีนั่งรอสบายใจ
ชรินทร์หันไปมองอำนาจด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“แสดงว่าในการ์ดกล้องถ่ายรูปมีรูปที่เราฆ่าไอ้สุเมธเหรอ? ถ้างั้นก็ซวยน่ะสิ ไอ้อำนาจ!!แกต้องไปที่ร้านนั่นก่อนเจ้าชาย” ชรินทร์สั่ง
“แต่ผมไม่รู้ว่าร้านนั่นอยู่ที่ไหน”
ชรินทร์กระชากคอเสื้อ “งั้นแกก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้รู้ว่าร้านมันอยู่ที่ไหน!! ไม่อย่างนั้นแกกับชั้นถูกตำรวจจับแน่”
อำนาจหน้าตื่น ชรินทร์ปล่อยมือ อำนาจมองไปที่ภาพห้องสูทจากบีบีอีกครั้งแล้วเขาก็ผงะเพราะเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ อำนาจกดให้กล้องซูมเข้าไปจึงเห็นว่าเป็นใบรับของจากร้านซ่อมกล้อง และมีรหัสรับสินค้าอยู่ อำนาจยิ้ม
“ผมรู้แล้วครับว่าร้านซ่อมกล้องอยู่ที่ไหน?”
อำนาจหันไปยิ้มให้ชรินทร์ด้วยสีหน้ามั่นใจ
ประตูร้านถ่ายรูปเปิดออก พัชรีและปีเตอร์เดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทางร้อนรนทั้งคู่ เจ้าของร้านเดินหน้ายิ้มแย้มออกมาต้อนรับ พัชรีรีบวางใบรับแปะลงบนเคาน์เตอร์
“จัดมาด่วนเลยเถ้าแก่” พัชรีบอก
“ได้...ได้ไม่มีปัญหา รอซักครู่”
เถ้าแก่หยิบใบรับของก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน
พัชรีกับปีเตอร์มองหน้ากันด้วยความกังวลและตื่นเต้น ก่อนจะเดินสวนกันไปสวนกันมาในร้านดูน่าเวียนหัว
“จะเดินให้ปวดหัวทำไมเนี่ย” ปีเตอร์โพล่งออกมา
พัชรีโวย “ก็พัชรีไม่รู้จะทำอะไรนี่คะ เจ้าชายเดิน...พัชรีก็เดิน”
เจ้าของร้านเดินออกมา พัชรีและปีเตอร์รีบเข้าไปเกาะหน้าเคาน์เตอร์
“ไหนล่ะการ์ดกล้องถ่ายรูป” ปีเตอร์ถาม
เถ้าแก่มองบัตรรับและหน้าปีเตอร์กับพัชรีอย่างงงๆ
“รับของไปแล้วนี่ครับ”
พัชรีกับปีเตอร์พูดพร้อมกัน “ห๊า รับไปแล้ว !!” พูดเสร็จทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างงงๆ
“จะเป็นไปได้ยังไงเถ้าแก่ ...ก็พวกเราเพิ่งจะมา” พัชรีบอก
“จริงๆ ใบรับเลขที่นี้แหละ เมื่อกี้มีแมสเซนเจอร์เพิ่งมาเอาไปเมื่อตะกี้นี้เอง”
พัชรีและปีเตอร์มองหน้ากันอย่างงงๆ
ลูกน้องคนหนึ่งเดินเอาซองมายื่นให้อำนาจ อำนาจรับมาก่อนจะแกะซองออกแล้วเห็นว่าเป็นการ์ดถ่ายรูปของปีเตอร์ เขารีบยื่นให้ชรินทร์ ชรินทร์ยิ้มอย่างสะใจก่อนจะเอาการ์ดนั้นใส่ไปในคอมพิวเตอร์ตรงหน้า
“อยากรู้นักว่ามันจะมีอะไร”
ที่หน้าจอ โฟลเดอร์สำหรับรูปถ่ายปรากฏขึ้น ชรินทร์คลิกเข้าไปแล้วมองดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ชรินทร์ และอำนาจลุ้นสุดๆว่าภาพที่ออกมาจะเป็นภาพอะไร ไฟล์รูปภาพปรากฏที่หน้าจอ ชรินทร์และอำนาจจ้องเขม็ง ก่อนจะผงะแล้วมองหน้ากัน
“เนี่ยเหรอรูปที่ชั้นยิงไอ้สุเมธ” ชรินทร์หน้าเครียดก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆๆ มีแต่รูปหมูหมากาไก่ ไม่เห็นมีรูปฉันกับไอ้สุเมธซักรูป ฮ่าๆๆ แกเห็นมั้ยอำนาจ แกเห็นมั้ย”
“ฮ่าๆๆ เห็นครับท่าน เห็นชัดแจ๋วเลยครับ” อำนาจหัวเราะ
ชรินทร์คลิกรูปในจอคอมพิวเตอร์แล้วดูต่อไป มีรูปร้านค้าที่ถนนข้าวสาร มีรูปมีโซว์ถ่ายตัวเองติดมาด้วยชรินทร์กับอำนาจถึงกับผงะแล้วหันมามองหน้ากัน
“หรือว่า..ไอ้หมอนี่ที่เป็นคนถ่ายรูปเจ้านายกับเจ้าชายจะ...”อำนาจสงสัย ชรินทร์คิด “รู้จักกัน”
“รู้จักกัน ...รู้จักกันได้ไง”
“เอ่อ..เจ้านายถามผมแล้วผมจะไปถามใครละครับ”
ชรินทร์ตบหัวอำนาจ “ถามไม่ได้ก็ไปสืบซิวะ”
อำนาจยิ้มแหยๆ ก่อนจะรีบออกไป ชรินทร์ครุ่นคิด
“รู้จักกันงั้นเหรอ ... มันจะเป็นไปได้ยังไง โลกไม่ได้กลมขนาดนั้นซักหน่อย”
ปีเตอร์และพัชรีเดินสวนกันไปสวนกันมาอยู่ในห้องพัก ปีเตอร์มีท่าทางลนๆกลัวๆ
“เราจะทำยังไงดี งานนี้เราตายแน่ เราต้องโดนลงโทษ ประหารเจ็ดชั่วโคตร”
พัชรีเข้าไปปราม “ใจเย็นๆซิเพคะเจ้าชาย ใครที่ไหนจะกล้ามาลงโทษเจ้าชายเพคะ”
ปีเตอร์วีนไส่ “ก็เจ้าชาย...” ปีเตอร์นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด
พัชรีงง “เจ้าชาย ? ยังมีเจ้าชายที่ไหนอีกเหรอเพคะ”
“ก็เจ้าชาย ของเจ้าชายไง... “ ปีเตอร์รีบแก้ตัว “เสด็จพ่อเราโปรดคนสนิทเราคนนี้มาก ถ้าเกิดเค้าเป็นอะไรไป เราต้องโดนเสด็จพ่อเล่นงานแน่ๆ” ปีเตอร์พูดด้วยหน้าตาหลุกหลิก
พัชรีจ้องมองปีเตอร์เพื่อจับผิด “แน่ใจนะเพคะว่าแค่นั้น”
“แค่นั้นแหละ” ปีเตอร์ทำเป็นโวยใส่ “หรือเจ้าคิดมากอะไร ห๊า พัชรี คิดอะไร”
“หม่อมชั้นก็แค่ถามเท่านั้น ไม่เห็นเจ้าชายต้องปรี๊ดใส่ขนาดนี้เลยนี่เพคะ”
“ถ้าขี้สงสัยมากนัก ก็ช่วยคิดดีกว่าว่าอยู่ดีๆ ทำไมถึงมีคนไปรับของแทนพวกเราได้ ทั้งๆที่ใบรับของมันตั้งอยู่ตรงเนี้ย !”
ปีเตอร์เดินไปเอาใบรับของไปวางไว้บนโต๊ะหน้ารูปของติ๊งโหน่งบริเวณเดิมที่เคยวาง พัชรีเดินเข้ามาเดินสำรวจรอบโต๊ะ เธอมองซ้ายมองขวาแล้วมองบนโต๊ะกับใต้โต๊ะอย่างพิจารณา ก่อนจะหันไปเจอรูปภาพของติ๊งโหน่งบนผนังเข้าอย่างจัง
พัชรีมองเข้าไปที่ตาของรูปภาพติ๊งโหน่งแล้วก็เห็นว่าต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ พัชรีรู้สึกแปลกใจ เธอมองสายตาของติ๊งโหน่งในรูปกับบริเวณที่วางใบรับของอย่างพิจารณา ก่อนจะทำหน้าตกใจ อยู่ดีๆ พัชรีก็เข้าไปกอดปีเตอร์โดยหันหลังให้รูป
ปีเตอร์ตกใจแต่ก็ดีใจ “อะไรกันพัชรี อยู่ดีๆทำไม..” ปีเตอร์ทำเสียงหวาน “ถึงทำอย่างนี้ล่ะ หึ”
พัชรีรีบกระซิบข้างหู “ไปคุยกันในห้องนอนเถอะเพคะ”
“จะดีเหรอพัชรี เราไม่อยากจะถูกเตะอย่างวันนั้นอีก แค่คิดก็หน้าเขียวแล้ว”
“ไปเถอะน่า สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว”
“แต่เราไม่อยากเอาเปรียบเจ้านะ”
พัชรีโมโหจึงเลิกกอด “คิดแต่เรื่องลามกนั่นแหละ”
พัชรีทำโมโหเดินปึงปังเข้าไปในห้องนอน ปีเตอร์เห็นก็งงแต่ก็รีบเดินตามไป
“เดี๋ยวก่อนซิพัชรี คิดเรื่องลามกอะไร เราไม่เคยนะ พัชรี ......”
ปีเตอร์เปิดประตูห้องนอนเข้ามา
“พัช...”
ปีเตอร์พูดไม่ทันจบก็ถูกพัชรีดึงตัวเข้ามาในห้อง ก่อนจะรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว ปีเตอร์มองพัชรีเหวอๆ เพราะไม่รู้ว่าพัชรีจะทำอะไร
“พัชรี เรารู้ว่าเราเป็นคนมีเสน่ห์ เจ้าคงจะอดใจไม่ไหว แต่ไม่เห็นต้องรีบร้อนอย่างนี้เลยนี่ มามะ...”
ปีเตอร์ทำปากจู๋เหมือนจะเข้ามาจูบพัชรี พัชรียกมือขึ้นตบหน้าปีเตอร์
“เราถูกสอดแนม” พัชรีบอก
ปีเตอร์เจ็บหน้า แต่ตกใจกับสิ่งที่พัชรีบอก “อะ..อะไรนะ สอดแนม”
“รูปของคุณติ๊งโหน่งที่ติดอยู่ในห้องมีกล้องสอดแนมติดอยู่ที่ตา พวกมันถึงรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราทั้งหมด”
“มิน่าเราถึงรู้สึกว่ามีใครแอบจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ตายล่ะ...แล้วนี่เราเผลอทำอะไรทุเรศออกไปรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่ใช่เวลาจะมากังวลเรื่องไร้สาระอย่างนั้นนะเพคะเจ้าชาย ตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าพวกเรากำลังแอบสืบเรื่องนั้นอยู่”
“แล้วจะทำยังไงล่ะพัชรี รีบเอารูปนั้นไปทิ้งดีกว่า”
“ไม่ได้เพคะ ถ้าทิ้งก็เท่ากับประกาศว่าเราเองก็รู้เหมือนกัน เราต้องแผนซ้อนแผน”
“แผนซ้อนแผน โอ้ว ฟังดูลึกลับซับซ้อนดี พัชรีเธอนี่ฉลาดสุดๆจริงๆ เราคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเธอ”
ปีเตอร์จะเข้าไปกอดพัชรี แต่ถูกพัชรียันโครมออกไป พัชรีทำหน้ามั่นใจสุดๆ
ตุ๊กยืนคุยโทรศัพท์หน้าตาจริงจังอยู่ที่บ้าน
“อะไรนะครับ ให้เล่นคืนพรุ่งนี้”
ตุ๊กหันไปมองยายขม โซว์ รุ้งที่ฟังอยู่ด้วยท่าทางเป็นกังวล ทั้งสี่รีบส่ายหน้าไม่ยอมรับข้อเสนอ
ตุ๊กพยายามต่อรอง “เล่นพรุ่งนี้เลย พวกเราคงเตรียมตัวไม่ทันหรอกครับ” ตุ๊กนิ่งฟังแล้วก็ตกใจ “ว่าไงนะครับ ค่าตัวสามเท่า ... โอเคครับไม่มีปัญหา พรุ่งนี้เจอกันที่โรงแรมครับ”
ตุ๊กรีบรวบรัดตัดความก่อนจะวางโทรศัพท์ลง เขาหันมาเจอไม้เกาหลังของยายขมตีหัว
“หนอย ไอ้ตุ๊ก ไอ้เห็นแก่เงิน ได้เงินเยอะตาลุกเลยนะ”
ตุ๊กจับหัว “แม่ไม่ได้ยินรึไง ค่าตัวสามเท่า ได้เป็นแสนเลยนะ ไม่อยากได้รึไง ถ้าแม่ไม่อยากได้ เดี๋ยวชั้นโทรไปยกเลิกก็ได้”
ตุ๊กหันไปจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร ยายขมรีบมาห้ามไว้
“ทำอย่างงั้นได้ไง เดี๋ยวรับ เดี๋ยวไม่รับ ใครๆเค้าจะหาว่าลิเกยายขมเชื่อถือไม่ได้ บอกเค้าว่าเล่นแล้วก็ต้องเล่น” ยายขมอ้าง
“แล้วยายจะเล่นเรื่องอะไร” ขิงถาม
“ก็เรื่องเดิมที่เคยเล่นน่ะแหละ ทุกคนจำบท จำเรื่องได้แล้วนี่”
“ดะ..เดี๋ยวก่อน..ถ้าเล่นเรื่องเดิม ชั้นต้องเล่นบทเดิมรึเปล่า” รุ้งถาม
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีใครเล่นเป็นนางร้ายได้ดีกว่าเอ็งแล้ว นังรุ้ง”
“ไม่ได้นะ รุ้งไม่ยอม แค่ครั้งเดียวรุ้งก็เจ็บจะแย่อยู่แล้ว นี่ยายจะมาลดขั้นให้รุ้งเป็นนางอิจฉาถาวรแบบนี้ รุ้ง....รับไม่ได้....” รุ้งเข้าไปกอดโซว์ “เสด็จพี่ช่วยบอกยายซิเพคะ ว่าไม่มีใครเหมาะสมกับบทนางเอกเท่ารุ้งอีกแล้ว”
“ทำอย่างที่ยายว่าเถอะ ไหนๆเราก็ซ้อมมาแล้ว จะได้ไม่พลาด”
“เสด็จพี่......ทำไมทำกับน้องอย่างนี้”
“หยุดโวยวายซะทีเถอะนังรุ้ง เล่นเป็นนางอิจฉาไม่ถึงกับตายหรอก ..จำไว้พรุ่งนี้พวกเราทุกคนต้องเล่นให้ดีที่สุด อย่าให้เสียชื่อคณะลิเกยายขม เข้าใจมั้ย”
ขิง โซว์ และตุ๊กพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น มีแต่รุ้งที่แบะปากหน้าเซ็งเพราะพูดไม่ออก
เสียง “กรี๊ด..ดดดดดด !!” ของติ๊งโหน่งดังไปทั่วบ้านชรินทร์ ชรินทร์วิ่งเข้ามาในห้องติ๊งโหน่งด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรลูก”
ติ๊งโหน่งนั่งกรี๊ดๆ และดิ้นพราดๆ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์
“ไม่ยอม ติ๊งไม่ยอม คุณพ่อดูซิคะ ดูนังลัดลดาขาลีบมันทำ”
ชรินทร์งงๆ แต่ก็เดินมาดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาเห็นรูปลัดลดากำลังส่งยิ้มหวาน
“ไปทำจมูกมาอีกแล้วล่ะซิ ไม่ต้องกลัวลูกติ๊ง เดี๋ยวพ่อจะสั่งตรงหมอจากเกาหลีมาอัพจมูกให้ลูกโด่งกว่าเค้าเลยดีมั้ย”
“ไม่ใช่ๆ พ่ออะ.. ดูที่ข้อความข้างล่างซิ”
ชรินทร์มองไปที่จอคอมพิวเตอร์ใต้รูปลัดลดามีข้อความ “เชิญเหล่าไฮโซหน้าตาดีและไม่อ้วน ร่วมมาเป็นเกียรติเปิดวิกลิเกไฮโซที่หัวหิน โดยงานนี้พิเศษสุดๆ เพราะเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ทรงให้เกียรติมาเปิดงานด้วยค่ะ”
“กรี๊ดๆๆๆๆ ไม่ได้ ไม่ยอม ติ๊งไม่ยอม ยายลัดลดาขาลีบไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเจ้าชายของติ๊ง” ติ๊งโหน่งโมโห จนเริ่มเอาหัวโขกโต๊ะ
ชรินทร์จับตัวไว้ “ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร เจ้าชายแค่ไปเปิดงานไม่ได้ไปแต่งงานซักหน่อย”
“แต่ติ๊งไม่ยอม มมมมมมม.....”
“งั้นลูกก็ตามไปขวางซิ ความรักคือการแย่งชิงไงลูก”
ติ๊งโหน่งมองชรินทร์เหมือนชี้ทางสวรรค์ “ใช่แล้วคุณพ่อพูดถูก ความรักคือการแย่งชิง สวยกว่า อึ๋มกว่าอย่างติ๊ง จะกลัวอะไร พรุ่งนี้ติ๊งจะไปหัวหินไปเอาเจ้าชายกลับคืนมาให้ได้”
ติ๊งโหน่งประกาศอย่างมุ่งมั่น ส่วนชรินทร์แอบยิ้มอย่างมีแผน
อำนาจฟังเรื่องจากขรินทร์แล้วก็มีสีหน้าตื่นตกใจสุดๆ
"ตามคุณติ๊งไปหัวหิน จะดีเหรอครับเจ้านาย ผมว่าถ้าจะสืบเรื่องเจ้าชายก็ดูจากกล้องที่แอบถ่ายในห้องน่าจะดีกว่า"
"แล้วแกได้ข้อมูลอะไรมั้ง ตั้งแต่เช้ายันเย็น ถ้าไม่ยืนแคะขี้ฟัน ก็ถอนขนจั๊กแร้" ชรินทร์สวน
"หรือว่าเจ้าชายจะรู้ตัวแล้ว"
"งั้นแกต้องไปสืบ และโอกาสนี้เหมาะที่สุด"
อำนาจแอบทำหน้าเซ็งสุดๆ ส่วนชรินทร์ทำหน้าร้าย
ขิงเดินวนไปวนมาด้วยท่าทางเป็นกังวลอยู่นอกบ้าน เธอหันมองไปทางแม่น้ำแล้วถอนหายใจเสียงดัง
"พ่อจ๋า แม่จ๋าช่วยขิงด้วย ขิงไม่มั่นใจว่าพรุ่งนี้ขิงจะทำได้ดีรึเปล่า"
เสียงโซว์ดังขึ้น "ต้องทำได้ดีอยู่แล้ว"
ขิงหันไปตามเสียงเห็นโซว์เดินยิ้มหวานเปล่งประกายมาหา ขิงถึงกับใจเต้นตึกตักหวั่นไหว
"ใครจะนึกว่าสาวโหดอย่างเธอจะตื่นเต้นกับเค้าเป็นเหมือนกัน" โซว์แซว
ขิงอายไม่กล้ามองหน้าโซว์ เธอรีบก้มหน้าก้มตาจะเดินหนี โซว์แปลกใจว่าขิงหนีทำไม เขารีบคว้ามือขิงไว้ ขิงที่ใจเต้นอยู่แล้วยิ่งใจเต้นมากขึ้นไปอีก เธอรีบทำตัวโหดกลบเกลื่อน
"นี่ถ้าไม่เห็นว่านายต้องเล่นลิเกพรุ่งนี้นะ" ขิงกำหมัด "นายตายไปแล้ว"
"อะไรกัน คนอุตสาห์หวังดี มีวิธีหายตื่นเต้นมาบอก ไม่อยากรู้ก็ตามใจ"
"เดี๋ยว !! ไหนๆก็เดินมาตั้งไกล อย่าให้เสียเที่ยวเลย ชั้นจะยอมฟังๆวิธีของนายก็ได้"
"ตอนเด็กๆพ่อชั้นพาออกงานเลี้ยงครั้งแรก ชั้นตื่นเต้นมาก พ่อเลยทำแบบนี้"
โซว์ดึงขิงเข้ามากอดก่อนจะเอามือตบที่หลังขิงเบาๆ ตอนแรกขิงตื่นเต้นและพยายามจะเอาตัวออก แต่โซว์ดึงตัวเธอไว้แล้วตบหลังเธอเบาๆเป็นจังหวะก่อนจะร้องเพลงเป็นภาษานิวแลนด์เบาๆ
จังหวะที่โซว์ตบหลังเบาๆ กับเสียงเพลงของเขาทำให้ขิงผ่อนคลายอย่างประหลาด ขิงเคลิ้มจนยอมซบหน้าไปที่หน้าอกของโซว์ โซว์ยิ้มมีความสุข
ยามเช้า ณ โรงแรมหรูที่เพชรบุรี พนักงานในโรงแรมต่างวิ่งวุ่นจัดข้าวของ เครื่องประดับตกแต่ง โดยมีลัดลดายืนคุมงานอย่างใกล้ชิด
"พื้นน่ะถูให้สะอาดหน่อยซิ" ลัดลดาเดินไปดูคนติดป้าย "ติดให้ตรงๆซิ คนที่มางานนี้ไม่ได้ตาเอียงนะ " ลัดลดาเดินมาเจอดอกไม้ "แล้วดอกไม้ ทำไมเหี่ยวขนาดนี้ โอ๊ย!!! ทำไมอะไรๆก็ไม่พร้อมอย่างนี้ ถ้าเจ้าชายเสด็จมาแล้วทุกอย่างยังไม่เพอร์เฟ็คเหมือนรูปร่างหน้าตาชั้นล่ะก็ ชั้นจะตัดเงินเดือนทุกคน !”
ทันใดนั้น ติ๊งโหน่งก็เดินเข้ามา โดยมีอำนาจเดินตามหลัง เธอหันไปเห็นลัดลดาก็หยุดเดิน
"ต๊าย..ตาย..ตาย..ยายลัดลดาขาลีบ ไม่นึกเลยว่าแกจะกล้าหักหน้าชั้นโดยจัดแสดงลิเกเพื่อหาทางใกล้ชิดกับเจ้าชายขนาดนี้ แต่คิดเรอะว่าชั้นจะยอม"
"คุณติ๊งโหน่งจะทำอะไรครับ" อำนาจถาม
"ฉันก็จะไปหาทางใกล้ชิดพระเอกลิเกหักหน้ายายดาด้าหน้าเฉาะเพื่อเอาคืนยังไงล่ะ ชั้นอุตส่าห์ให้นักสืบไปหารูปมาให้" ติ๊งโหน่งหยิบรูปโซว์ในชุดลิเกออกมา "ก็ดูสิ พระเอกลิเกคณะนี้หล่อน่าร๊ากมว๊ากอ่ะขนาดนี้ นังดาด้าคงกระอักจนซิลีโคนทะลักแน่ๆถ้าได้รู้ว่านอกจากชั้นจะได้เจ้าชายจากนิวแลนด์มาขนาบซ้ายแล้ว ชั้นยังจะได้เจ้าชายจากคณะลิเกมาขนาบขวาอีกด้วย" ติ๊งโหน่งหันมองลัดลดา "เชอะ!!”
ติ๊งโหน่งรีบเดินออกไปโดยมีอำนาจเดินตามหลัง ลัดลดาหันมาทางที่ติ๊งโหน่งเดินเข้ามาเมื่อกี้แต่ไม่ทันได้เห็นติ๊งโหน่ง เธอหันมามองโซฟาด้านหน้าเวทีแล้วเดินไปนั่งก่อนจะพูดกับตัวเอง
"นังเตี้ยม้าแคระ ถ้าหล่อนได้เห็นภาพชั้นนั่งประกบอย่างใกล้ชิดกับเจ้าชายดูลิเกด้วยกันอย่างมีความสุขที่โซฟาตัวนี้ละก็ หล่อนคงอิจฉาฟันร้อนจนฟันเหยินๆของหล่อนต้องยื่นออกมาเพิ่มอีกหลายเซ็นแน่ๆ" ลัดลดาหัวเราะสะใจ
ลัดลดานั่งซ้อมท่าต่างๆกับเจ้าชายอย่างมีความสุข
ขิง รุ้ง โซว์ และยายขมกำลังช่วยกันจัดของเพื่อเตรียมจะแต่งตัวอยู่ที่หลังเวที สักพักตุ๊กก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
"ข่าวใหญ่ !! ข่าวใหญ่ !!! เมื่อกี้ชั้นไปห้องน้ำ แอบได้ยินพนักงานโรงแรมคุยกันว่าวันนี้จะมีนักข่าวมาทำข่าว นักข่าวจากต่างประเทศด้วย บางทีอาจจะมีแมวมองจากเกาหลี คราวนี้พวกเราดังแล้ว"
ตุ๊กวิ่งเฮละโลด้วยความตื่นเต้นมีความสุข ยายขมเห็นแล้วก็หมั่นไส้จึงหยิบหวีขว้างใส่หัวตุ๊ก
"อย่าเพิ่งฝันหวาน ทำวันนี้ให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน มาเตรียมตัวได้แล้ว มัวแต่เดินฉุยไปฉายมาอยู่นั่นแหละ"
ตุ๊กเดินจับหัวที่โดนหวีขว้างเข้ามาช่วยจัดของก่อนจะหันไปยิ้มหน้าทะเล้นกับโซว์และขิง รุ้งนั่งหน้าเครียดแล้วก็ถอนหายใจยาวจนทุกคนต้องหันมามอง
"แล้วนี่เป็นอะไรอีกคน หน้าตาอมทุกข์อย่างกับคนไม่ได้เข้าห้องน้ำ" ยายขมถาม
"ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะยาย ชั้นแค่ ...ว๊าย !!”
เสียงโทรศัพท์มือถือของรุ้งดัง รุ้งสะดุ้งตกใจ พอเห็นเป็นชื่อแก้วก็ยิ่งตกใจหน้าตามีพิรุธ
"ไม่มีอะไรได้ไง ดูซิหน้าซีดเลย" ขิงว่า
โซว์เดินเข้าไปหารุ้ง "เป็นอะไรไปไม่สบายรึเปล่า"
รุ้งรีบลุกขึ้นหนีเพราะกลัวใครเห็นโทรศัพท์ "มะ..ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละจ๊ะ"
"แล้วโทรศัพท์ดังทำไมไม่รับ ปล่อยให้ดังหนวกหูอยู่ได้" ยายขมบอก
รุ้งมองโทรศัพท์ที่ยังดังอยู่ก่อนจะรีบเอาซ่อนไว้ข้างหลังด้วยท่าทางมีพิรุธสุดๆ
"นะ.นะ..ในนี้สัญญาณไม่ดี เดี๋ยวชั้นไปรับข้างนอกดีกว่า"
ตุ๊กมองอย่างเอาเรื่อง "ชั้นว่าแกท่าทางดูมีพิรุธนะ จะทำอะไรไม่ดีรึเปล่า"
"จะบ้าเหรอ คนสวยๆอย่างชั้นไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก" รุ้งผลักตุ๊ก "ถอยไป"
รุ้งรีบวิ่งออกจากห้องทันที
ทุกคนมองตามรุ้งด้วยความแปลกใจ ตุ๊กยิ้มอย่างรู้ทันและมั่นใจก่อนจะบอกทุกคนว่า
"สงสัยจะแอบมีกิ๊ก !”
ตุ๊กพูดเสร็จก็หันมาหัวเราะชอบใจ โซว์ยิ้มเพราะแอบดีใจด้วย
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 8 (ต่อ)
เสียงโทรศัพท์ของรุ้งยังคงดังอยู่ รุ้งวิ่งหันซ้ายหันขวาออกมาด้านนอกพอเห็นว่าปลอดภัยจึงรีบกดรับโทรศัพท์
รุ้งโวยใส่ "จะโทรอะไรกันนักกันหนา บอกว่ารู้แล้วๆน่า ไม่ต้องมาย้ำหรอก ว่าแต่นายเถอะคิดแผนได้รึยัง"
แก้วในชุดช่างไฟคุยโทรศัพท์เดินตามรุ้งมาข้างหลังโดยที่รุ้งยังไม่รู้ตัว
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหา" แก้วบอก
"คิดได้แล้วก็รีบโผล่หัวมาได้แล้ว ถ้ามาช้าชั้นเปลี่ยนใจไม่ช่วยด้วยนะ"
รุ้งเดินหันหลังจะกลับไปก็ไปเจอแก้วยืนยิ้มอยู่
"สายไปซะแล้วจ๊ะ ถอนตัวตอนนี้ไม่ทันแล้ว" แก้วบอก
แก้ววางโทรศัพท์ก่อนจะเดินเข้าไปหารุ้ง รุ้งหน้าเสีย
"อย่าบอกนะว่าคิดจะเปลี่ยนใจจริงๆ"
รุ้งครุ่นคิดเพราะอึดอัดใจไม่รู้จะทำยังไงดี ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้
"แล้วนายจะให้ชั้นทำอะไร"
แก้วยิ้มร้ายอย่างมีแผน
ลัดลดาเดินมาตามทางเดินในโรงแรมเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยทั้งหมด เธอเลี้ยวตรงหัวมุมทางเดินแล้วไปชนเข้ากับยอดที่อยู่ในชุดช่างไฟพอดี ทั้งสองล้มลุกคลุกคลานลงไป ลัดลดาร้องโอดโอย
"เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย แกเป็นใครมาชนเจ้าของโรงแรมอย่างชั้นแบบนี้ได้ยังไง"
ยอดได้ยินคำว่าเจ้าของโรงแรมตาก็หน้าตาตื่นรีบเข้าไปพยุงลัดลดา
"ขอโทษครับ คุณผู้หญิงสุดสวย ผมมันซุ่มซ่ามไปหน่อย ที่ทำให้คุณผู้หญิงที่งดงามประดุจเจ้าหญิงอย่างคุณต้องล้มลงอย่างนี้"
ลัดลดาได้ยินคำว่าเจ้าหญิงก็เขิน
"อย่างนี้ค่อยพออภัยให้ได้หน่อย" ลัดลดาเหลือบไปเห็นยอดแล้วรู้สึกไม่คุ้นหน้า "นายเป็นใคร นายไม่ใช่ทีมงานของชั้นนี่นา"
"เออ ... ลูกพี่ผมได้สั่งมาว่าให้ผมบอกกับใครๆที่ได้เจอว่าผมได้รับแจ้งว่ามีไฟฟ้าขัดข้องน่ะครับ ห้องไฟอยู่ทางไหนครับคุณผู้ญิง"
ลัดลดาชี้ไป "อยู่นั่น แล้วรีบไปซ่อมล่ะ งานใกล้จะเริ่มแล้ว"
ลัดลดารีบเดินออกไป ยอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"ดีนะที่ถามพี่แก้วมาก่อนว่าถ้ามีใครถามอะไรจะให้พูดยังไง"
ยอดขยับปีกหมวกให้บังใบหน้ามิดชิดขึ้นแล้วก็ยิ้มร้าย เขาเดินไปตามทางที่ลัดลดาบอก
ติ๊งโหน่งกำลังยืนส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยขั้นสุดท้ายอยู่ในห้องน้ำ แม่บ้านเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาจากในห้องน้ำ
"โถส้วมห้องนี้เสียอีกแล้ว" แม่บ้านบ่น
แม่บ้านกำลังจะปิดประตูห้องน้ำที่เสียอยู่แล้วก็หันไปเห็นติ๊งโหน่งกำลังรำลิเกอยู่ก็ตกใจ เธอเลยปิดประตูห้องน้ำไม่สนิท
ติ๊งโหน่งทั้งรำทั้งร้องลิเก "น้องติ๊งโหน่งนั้นเป็นสาววัยรุ่น
ไม่เคยคิดจะหมกมุ่นเรื่องรัก
แต่มาวันนี้ก็เพิ่งประจักษ์
อยากให้ตะเองสอนเรื่องรักเค้าดูสักหน"
ติ๊งโหน่งหันไปเห็นแม่บ้านมองอยู่ก็ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
"คือว่า ... ติ๊งเป็นคนที่ชอบลิเกมากค่ะ ติ๊งกำลังจะไปพบกับพระเอกลิเกก็เลยต้องซ้อมแนะนำตัวหน่อยอ่ะค่ะ"
"อ่อค่ะ งั้นรีบหน่อยนะคะเพราะเดี๋ยวต้องรีบเคลียร์ห้องน้ำก่อนงานตอนเย็นจะเริ่มค่ะ"
"ได้เพค่ะ หม่อมแม่บ้าน"
แม่บ้านเก็บของแล้วรีบออกไป ติ๊งโหน่งสำรวจตัวเองอีกทีแล้วก็สะดุ้ง
"เสด็จพี่เพค่ะ ข้าศึกกำลังประชิดประตูเมืองทางทิศใต้ของหม่อมน้องติ๊งโหน่งแล้วเพค่ะ หม่อมน้องของตัวไปปราบข้าศึกก่อนนะเพค่ะ เตร๊งเตรงเตร่งเตร๊ง เตรงเตร่งเตร๊งเตรงเตร่ง"
ติ๊งโหน่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่สนใจว่าเป็นห้องที่เสีย แม่บ้านเดินกลับเข้ามาพร้อมป้ายปิดปรับปรุง แม่บ้านมองห้องน้ำที่เสีย
"นึกว่าลืมล็อคห้องน้ำที่เสียเอาไว้ ลูกค้าจะได้ไม่เผลอเข้าไปใช้ เดี๋ยวโดนคอมเพลนแย่เลย"
แม่บ้านแขวนป้ายปิดปรับปรุงแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
แม่บ้านไขล็อคห้องน้ำแล้วเอาป้ายปิดปรับปรุงชั่วคราวมาตั้งบังหน้าห้องน้ำไว้
ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว เขาเห็นโซว์จึงจะก้มลงถวายความเคารพที่พื้น แต่โซว์รีบห้ามไว้ก่อนจะพยักเพยิดไปที่มุมห้องว่ามีคนอยู่ ปีเตอร์พยักหน้าเข้าใจ แล้วปีเตอร์ก็หันไปเห็นยายขมกับตุ๊กที่มองอยู่
ปีเตอร์รีบเก็กเสียง "เราอยากจะเชิญเจ้าไปสนทนาหน่อย หวังว่าคงพอมีเวลา"
"ได้ครับ เจ้าชาย ไปข้างนอกดีกว่านะครับ" โซว์บอก
"ก็ดีเหมือนกัน"
ปีเตอร์และโซว์เดินออกไปข้างนอก ตุ๊กมองตามแล้วเหมือนนึกอะไรออกจึงพูดออกมาด้วยเสียงอันดังพร้อมวิ่งตามไปที่ประตู
"อย่าเพิ่งไปเจ้าชาย"
"มีอะไร ทำเอาข้าตกอกตกใจหมด" ยายขมงง
"เพิ่งนึกออกมาว่าเมื่อกี้น่าจะไปยืนใกล้ๆไอ้โซ่" ตุ๊กบอก
ยายขมถามทันที "ทำไมวะ"
ตุ๊กก้มมองรองเท้าตัวเอง "ก็ช่วงนี้ชั้นไม่ว่าซักรองเท้า จะได้ให้เจ้าชายช่วยเช็ดรองเท้าให้ตามธรรมเนียมนิวแลนด์ไง"
ยายขมเอาของเขวี้ยงหัวตุ๊ก "โถ ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร"
ตุ๊กคลำหัวด้วยความเจ็บแล้วก็นึกเสียดาย ยายขมหันไปเห็นรุ้งนั่งมองกระจกโดยไม่ยอมแต่งหน้าเสียที ยายขมก็ถอนหายใจแล้วพูดกับรุ้ง
"นังรุ้ง ไม่แต่งซะทีละ ไม่รีบแต่งเดี๋ยวเสร็จไม่ทันเวลา ข้าจะให้ออกไปแบบสวยไม่เสร็จนะโว้ย"
"รู้แล้วน่ะยาย"
รุ้งนั่งชั่งใจว่าจะทำยังไงดี
ยอดเดินมาเจอห้องควบคุมไฟ เขาจึงหยิบมือถือออกมา
"เจอที่หมายแล้วพี่แก้ว" ยอดฟัง "อ้อ ... จะมายังไงหรอ มาตามทางเดินแล้วเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวา แล้วก็เลี้ยวขวา แล้วก็เลี้ยวขวาอีกที" ยอดฟัง "อะไรนะ จำไม่ได้"
ยอดพยายามอธิบายทางให้แก้วฟังต่อ
ขิงนั่งทำสมาธิอยู่ในมุมหนึ่งของสวน แล้วเธอก็ยกมือไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
"ขอให้การแสดงผ่านไปด้วยดีเถอะ สาธุ…"
ขิงจะเดินกลับเข้าโรงแรม แต่แล้วก็ได้ยินเสียงปีเตอร์กับโซว์เดินคุยกันมาเสียก่อน ขิงจึงรีบแอบฟัง ปีเตอร์กับโซว์เดินมาหยุดคุยกันอยู่ไม่ห่างจากที่ขิงซ่อนตัวนัก
"ตอนนี้นายชรินทร์รู้เรื่องที่เราพยายามตามสืบเรื่องของมันแล้ว" ปีเตอร์บอก
"แล้วมันรู้รึเปล่าว่าเจ้าตามสืบไปทำไม" โซว์ถาม
"เรื่องนั้นไม่มีใครรู้ มีแค่เราเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้ว่า .." ปีเตอร์กระซิบ "เจ้าชายกับหม่อมชั้นสลับฐานันดรกัน"
ขิงที่แอบอยู่พยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่ได้ยิน
"ยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวให้ดีล่ะ" โซว์บอก
"ตอนนี้เราไม่มีหลักฐานยืนยันความผิดของมันเลยสักอย่าง เจ้าชายเลยต้องกลายเป็นคนผิดจริงๆ … หม่อมชั้นต้องขอประทานอภัยอย่างสูง"
โซว์ถอนใจ "งั้นก็ไม่มีทางเลือก เราต้องเปิดโปงความชั่วอย่างอื่นของมันแทน ... และเจ้าก็ต้องช่วยเรา"
"แน่นอนพะย่ะค่ะ หม่อมชั้นยินดีสละชีพเพื่อพระองค์ เจ้าชายแห่งนิวแลนด์"
โซว์พยักหน้า "ขอบใจมาก ตอนนี้เรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้า"
โซว์กับปีเตอร์รีบเดินออกไปจากสวน ขิงโผล่หน้ามาจากที่ซ่อนแล้วมองตามไปอย่างแปลกใจ
"ทำไมเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ถึงเรียกนายโซ่ว่าเจ้าชายล่ะ"
ขิงงุนงงเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก
ตุ๊กเดินมาตามทางอย่างร้อนใจ เขาเห็นขิงเดินเหม่อมาหลังเวทีก็รีบเข้าไปหา
"หายไปไหนมาเนี่ย จะได้เวลาแสดงแล้วนะ ไปเตรียมตัวเร็วเข้า … เออ แล้วเห็นไอ้โซ่บ้างหรือเปล่า นี่ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน"
ตุ๊กทำท่าจะเดินไปแต่ขิงเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อนน้า ชั้นถามอะไรหน่อยได้มั้ย"
"ว่ามา แต่เร็วๆ ละกัน ข้ากำลังรีบ"
"ถ้ามีคนบอกว่าโซ่เป็นเจ้าชาย น้าจะเชื่อรึเปล่า" ขิงถาม
ตุ๊กพ่นหัวเราะพรวดออกมา
"แกนี่มันน่าไปเล่นตลกคาเฟ่นะเนี่ย ... ถ้าหน้าอย่างโซ่มันเป็นเจ้าชายได้ หน้าอย่างข้าก็คงเป็นณเดชละว้า...”
"โธ่ น้า ชั้นถามจริงๆ นะ" ขิงบอก
"วุ้ย ถามอะไรไร้สาระ ไป๊ ไปเตรียมตัวหลังเวทีได้แล้ว น้าจะไปตามหาไอ้โซ่ต่อ"
ตุ๊กเดินไปหาโซว์ต่อ ขิงได้แต่ยืนนิ่งและครุ่นคิดต่อไป
ขิง โซว์ ตุ๊ก และรุ้งในชุดลิเกเดินออกมาเตรียมพร้อมที่หน้าเวที ลัดลดาหันไปเห็นโซว์ในชุดลิเกหล่อสุดๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปจับแขนโซว์อย่างสนิทสนมแล้วดึงให้มายืนประจำที่
"เดี๋ยวโซ่มาอยู่ตรงข้างหน้านี่เลยนะจ๊ะ พอเจ้าชายเสด็จ...ก็เอาดอกไม้ถวาย" ลัดลดาบอก
"ดอกไม้นี่ให้นางเอกเป็นคนให้เจ้าชายไม่ดีกว่าเหรอครับ" โซว์เสนอ
"อย่าเลย ให้โซ่ให้น่ะดีแล้ว ผู้ชายหล่อๆกับดอกไม้สวยๆเข้ากันจะตาย"
ลัดลดามองหน้าโซว์แล้วยิ้มหวานพร้อมทั้งหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเอามือหยิกแก้มด้วยความเอ็นดูสุดๆ ตุ๊กสะกิดให้ขิงและรุ้งดู ขิงมองอย่างหมั่นไส้
"บุญหล่นใส่ไอ้โซ่แล้ว อยู่ดีๆดอกฟ้าก็โน้มตัวลงมาหา" ตุ๊กบอก
"ดอกฟ้าหรือดอกไม้พลาสติกกันแน่ สวยด้วยแพทย์ขนาดนั้นเห็นแล้วขนลุก" ขิงว่า
ตุ๊กหันไปเห็นรุ้งยืนซึม "เป็นไรห๊า ..ไม่หึงเสด็จพี่รึไง"
"ออ..อ๋อ ..ชะ..ช่างเค้าเถอะ" รุ้งกังวล
"ท่าทางแปลกๆนะเนี่ย มีอะไรรึเปล่า" ตุ๊กจับผิด
รุ้งโวยวายเสียงดัง "มีอะไรล่ะ ชั้นจะมีอะไร"
รุ้งโวยวายเสียงดังจนทุกคนหันมามอง ลัดลดามองอย่างเหยียดๆ
"เห็นมั้ยล่ะโซ่ ให้พวกนั้นยืนอยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวทำอะไรเปิ่นๆลดาขายหน้าแย่"
ลัดลดาพูดเสร็จก็หัวเราะคิกคักกับโซว์อย่างมีความสุข ที่มุมหนึ่งไม่ไกลกัน อำนาจเดินเข้ามามองหาติ๊งโหน่ง
"หายไปไหนนะคุณติ๊งโหน่ง" แล้วอำนาจก็เดินออกไป
ทันใดนั้นเสียงดนตรีนำเสด็จก็ดังขึ้น ทุกคนเตรียมพร้อมประจำที่ ปีเตอร์กับพัชรีก็เดินเข้ามาพร้อมกัน ลัดลดารีบพุ่งมาเสนอหน้าพร้อมทั้งเบียดพัชรีออกไป
"จัดงานได้ดีมาก เราขอชื่นชมจริงๆ" ปีเตอร์บอก
"ไม่ได้หรอกเพคะ งานไหนที่มีชื่อของเจ้าชาย งานนั้นดาด้าต้องทำสุดฝีมือเพคะ" ลัดลดาเข้าไปเบียดพัชรีให้ออกห่างสุดๆ ก่อนจะเข้าไปกอดแขนปีเตอร์แล้วเก็กท่าถ่ายรูป แล้วจึงพาปีเตอร์เข้าไปในห้องจัดเลี้ยง เดินผ่านกลุ่มของโซว์ที่ยืนรอรับอยู่ ปีเตอร์หยุดมองโซว์ โซว์รีบส่งซิกให้เดินเข้าไปในงาน ปีเตอร์รีบสำรวมแล้วเดินเข้างาน ขิงแอบสังเกตท่าทางของโซว์และปีเตอร์อยู่แล้วก็รู้สึกแปลกๆ
อีกด้านหนึ่ง ติ๊งโหน่งทุบประตูห้องน้ำเพื่อขอความช่วยเหลือเพราะเธอออกไปไม่ได้ คนเดินผ่านไปมาหน้าห้องน้ำมองมาที่ประตูด้วยความตกใจ
การแสดงลิเกเริ่มขึ้น วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงคึกคักสนุกสนานเพื่อเรียกบรรยากาศให้คึกคัก ปีเตอร์กับพัชรีนั่งคู่กันอยู่ที่หน้าเวที ปีเตอร์นึกสนุกจึงลุกขึ้นเต้นตามจังหวะเพลงอย่างลืมตัว
"บราโว!!!! อะไรจะมันส์ขนาดนี้"
พัชรีรีบดึงตัวปีเตอร์ให้นั่งลงแล้วกระซิบดุ
"นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตนะเพคะเจ้าชาย ไม่ต้องลุกขึ้นเต้น แล้วก็ห้ามส่งเสียงดังเพคะ"
"อ้าว เหรอ เราไม่รู้ ... ยังไงเธอต้องช่วยสอนเราด้วยนะ"
ปีเตอร์มองตาพัชรีแล้วยิ้ม พัชรีรีบหลบตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ลัดลดาแทรกเข้ามาตรงกลางระหว่างปีเตอร์กับพัชรีและเบียดพัชรีจนกระเด็นไป
"เจ้าชายเพคะ หม่อมชั้นมีเรื่องอยากจะกราบทูลเพคะ"
ปีเตอร์ทำหน้าดุๆ ใส่ลัดลดา
"ที่นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตนะ คุณลัดลดา ... ผมจะดูลิเก กรุณาอย่าทำเสียงดังได้มั้ย" ปีเตอร์ว่า
ลัดลดาจ๋อย พัชรียิ้มที่ปีเตอร์เอาคำพูดเธอไปใช้ ปีเตอร์แอบหันไปสบตากับพัชรี พัชรีรีบเก๊กหน้า ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปีเตอร์แอบอมยิ้มกับตัวเอง
เวลาผ่านไป เพลง “ม่านมงคล” ดังขึ้น ศิลปินนางรำออกมาทางฉากซ้ายขวา ร่ายรำเพลง “ม่านมงคล” และก้มลงกราบ ปี่พาทย์ทำนองรัวมอญยาว โซว์เดินอย่างสง่างามมาสู่กลางเวที
"ข้าพเจ้าเจ้าชายสายฟ้าผู้ปกครองของแผ่นดินโยธการาชธานี จะขอเดินทางสู่โกสัมภีราชนิเวศเพื่อไปชมบุญบารมีพระธิดางาม" โซว์พูดบท
นางเอกลิเกนางรำยกมือถวายบังคมและร้องเพลง “สองไม้” พร้อมกัน
ขอพระองค์ทรงเดิน เดินทางทันที
สู่โกสัมภีราชนิเวศเขตขันฯ
โซว์เดินนำหน้า นางเอกลิเกกับนางรำเดินตามมาเข้าฉาก ปีเตอร์เห็นโซว์ตั้งอกตั้งใจแสดงลิเกก็ถึงกับน้ำตาซึม เขายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดน้ำตา ลัดลดาเห็นก็พูดกับปีเตอร์
"โถ เจ้าชายเพคะ ซาบซึ้งอะไรจะขนาดนั้นเพคะ กะอีแค่ลิเกเท่านั้นเอง"
ปีเตอร์น้ำตาไหลพราก "ผมประทับใจมาก เห็นแล้วตื้นตันจริงๆ"
ลัดลดารีบทำทีเป็นร้องไห้ตาม "โอ้ว จริงด้วย ดาด้าเห็นด้วยกับเจ้าชายเพคะ เป็นการแสดงที่น่าประทับใจม้ากมาก ดาด้าเริ่มซาบซึ้งถึงทรวงในแล้วสิเพคะ ... น่าปลาบปลื้มจริงๆ"
ปีเตอร์กับลัดลดาร้องไห้กระซิกๆ
พัชรีหันไปมองอย่างประหลาดใจ
พัชรีพึมพำ "นี่มันเศร้าตรงไหนเนี่ย ... พวกนี้จะบ้ารึเปล่า"
รุ้งเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่หลังเวทีเพราะทำตัวไม่ถูก ยายขมที่แอบดูลิเกอยู่ตรงข้างเวทีหันมากระซิบเรียกรุ้ง
"นังรุ้ง เตรียมตัวได้แล้ว!”
รุ้งมัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ได้ยินเสียงยายขม ยายขมต้องเดินมาใกล้ๆ แล้วเรียกเสียงดังขึ้น
"นังรุ้ง ... ใจลอยไปถึงไหน จะได้เวลาขึ้นแสดงแล้วนะ"
รุ้งสะดุ้งและทำท่าทางมีพิรุธ "อะไรกันยาย จะได้เวลาแล้วเหรอ"
"ก็เออน่ะสิ"
รุ้งหน้าเสีย "งั้นก็เหลือเวลาอีกไม่มาก" รุ้งตัดสินใจ "เดี๋ยวชั้นขอเวลาแป๊บนึงนะ เดี๋ยวชั้นมา"
รุ้งรีบเดินออกไปจากหลังเวที
"จะไปไหน กลับมาก่อน"
ยายขมร้องเรียกแต่รุ้งไม่ยอมกลับมา ยายขมได้แต่กลุ้มใจ
ตุ๊กซึ่งแสดงเป็นเจ้าเมืองโกสัมภีออกจากฉากมานั่งบัลลังก์และร้องนิเกริง
องค์จอมพระนฤนาถผู้รักศาสตร์มีศีล
หลักรัฐศาสตร์ของอัศวินไม่เคยผิดศีลข้อห้าม (ลง)
เราคือผู้นำธรรมนิเทศไม่เคยขาดเมตตาธรรม
ตุ๊กพูดบทต่อ "ข้าพเจ้าราชาศิริชัยแห่งโกสัมภี มีพระธิดาที่สวยสดงดงาม ยากจะหาหญิงใดเปรียบได้ พระธิดาฟ้าใสสวยติดพ่อ"
พอตุ๊กพูดจบ ปีพาทย์ก็ทำ “เพลงเดิน” โซว์เข้าฉาก นางเอกลิเกกับนางรำเดินตามมาหน้าฉาก โซว์ถวายบังคมเจ้าเมือง ตุ๊กมองเห็นเหล่านางเอกลิเกนางรำที่ตามมาแล้วเกิดความพอใจจึงหันไปพูดกับโซว์
"ขอบใจนะที่พาหญิงงามทั้งหมดมาถวายเรา รู้ใจจริงๆว่าเมียเราตาย"
โซว์ทำท่างงๆ
นางเอกลิเกนางรำคนหนึ่งพูดทันที "ไม่ไหว"
นางเอกลิเกนางรำคนที่สองเสริม "ฉันไม่ชอบ เธอดูรูปร่างซิ"
"ข้าพเจ้ามาครั้งนี้ ต้องการมาชมบารมีพระธิดางามว่าจะงามสมคำร่ำลือหรือไม่" โซว์บอก
ตุ๊กป้องปากแบบลิเกเก่า "เจ้าชายสายฟ้าก็หล่อ ลูกสาวเราก็สวยเหมาะกันเหมือนกิ่งทองใบหยก เราจะยกลูกสาวเราให้แต่งงานกับเจ้าชายสายฟ้า เมื่อเราได้เจ้าชายมาเป็นลูกเขย นางสวยๆที่ตามมาก็ต้องตกเป็นของเรา"
ตุ๊กหันไปทางนางเอกลิเกนางรำแล้วทำตาหวานเยิ้ม
"ไป เราจะพาไปหาลูกสาวของเรา ถ้าถูกใจจะยกให้เป็นเมียและบ้านเมืองกึ่งครึ่งพระนคร"
ตุ๊กหันไปทางนางเอกลิเกนางรำแล้วพูด
"อย่าลืมตอบแทนละ"
ทุกคนเดินตามท่านเจ้าเมืองเข้าฉากไป
ปีเตอร์ ลัดลดา และพัชรีนั่งดูลิเกอย่างสนุกสนาน ปีเตอร์แอบหันไปมองพัชรี ทั้งคู่สบตากัน ปีเตอร์ยักคิ้วให้พัชรี พัชรีเบ้หน้าใส่ปีเตอร์
ยอดยืนดูลาดเลาอยู่หน้าห้องควบคุมไฟ ส่วนภายในห้องแก้วส่องไฟอยู่หน้าแผงคัทเอาท์ไฟที่มีจำนวนมาก
"แม่เจ้าโวย แล้วจะรู้มั้ยเนี่ยว่าแผงไหนเป็นของห้องไหน ห้องจัดเลี้ยงมันก็ดันมีตั้งห้าห้องซะด้วย .... หรือว่าจะลองเสี่ยงดู ในเมื่อไม่รู้ว่าห้องไหน ก็ดับมันทั้งหมดนั่นแหละ"
แก้วยิ้มเจ้าเล่ห์
บนเวทีการแสดง เป็นฉากในตำหนักพระธิดาฟ้าใส เปิดตัวขิงในบทพระธิดาฟ้าใสสู่กลางเวทีและร้องนิเกริง
พระธิดาฟ้าใสย่างเข้าวัยเป็นสาว
ฉันตื่นนอนตอนเช้าฉันเพิ่งเป็นสาวปีนี้ (ลง)
ฉันเป็นน้ำค้างกลางแดดอายุสิบแปดพอดี
โซว์เข้าฉากมาเห็นขิงก็ถูกใจจึงเข้าไปเกี้ยวพาราสี
"พระธิดาฟ้าใสช่างงดงามสมคำร่ำลือจริงๆ"
"แหมเสด็จพี่เพคะ เราเพิ่งเจอกันก็ปากหวานกับหม่อมชั้นถึงเพียงนี้" ขิงว่า
"เราใช่เพียงจะแค่ปากหวานให้เจ้าหวั่นไหว แต่เจ้าสวยจนจะทำให้เราอดใจไว้ไม่ไหวจริงๆ" โซว์จับมือขิงขึ้นมาจูบเบาๆ
ขิงผงะตกใจที่ถูกโซว์จูบมือ ยิ่งเห็นโซว์ส่งสายตาหวานซึ้งมาให้ขิงก็ถึงกับเล่นไม่ออก ปีเตอร์ พัชรี ลัดลดาและคนดูมองดูการแสดงอย่างเคลิบเคลิ้ม
ยายขมกับตุ๊กชะเง้อคอมองหารุ้ง
"แม่...นังรุ้งมันไปไหน ...ทำไมมันยังไม่มาเตรียมตัว ใกล้เวลามันออกแล้วนะ" ตุ๊กถาม
ยายขมมีสีหน้าหนักใจแต่ก็ยังชะเง้อมองเผื่อรุ้งจะกลับมาทัน
บนเวที โซว์งงว่าทำไมขิงนิ่งไป
"พระธิดาฟ้าใส เจ้าเป็นอะไรไปรึเปล่า....”
ขิงตกใจแล้วก็ได้สติ เธอรีบผลักมือโซว์ออกแต่ผลักแรงไปหน่อยทำให้โซว์หงายหลังล้มตึงตกจากตั่งไป
คนดูหัวเราะเพราะคิดว่าเป็นมุข โซว์จับก้นแล้วก็ลูบเพราะเจ็บ
"พระธิดาฟ้าใส ทำไมเจ้าทำกับพี่อย่างนี้ เห็นทีเราจะต้องลงโทษเจ้าซะแล้ว" โซว์บอก
"เสด็จพี่จะทำอะไรเพคะ"
โซว์มองขิงอย่างกรุ้มกริ่ม "เราก็จะจูบเจ้าน่ะซิ"
ขิงตกใจ ปีเตอร์และคนดูมองลุ้นๆ
ขิงมองไปข้างเวทีเพราะเป็นจังหวะที่นางร้ายต้องออกมาขัดขวาง โซว์ใช้จังหวะที่ขิงหันไปข้างเวทีรวบตัวขิงเข้ามา เขากำลังจะก้มลงหอมแก้มเพื่อเป็นการลงโทษ โซว์เองก็จดๆจ้องๆ เพราะทำอะไรไม่ถูก
"เราจะหอมแก้ม เจ้าแล้วนะ" โซว์ร้องบอก
ขิงมองไปที่ข้างเวทีแล้วพยายามให้สัญญาณนางร้ายออกมาได้แล้ว "อย่าเพคะเสด็จพี่"
โซว์หันไปมองข้างเวทีเช่นกัน "เราจะหอมแล้วนะ"
"อย่าเพคะเสด็จพี่ ..." ขิงกระซิบโซว์ "ทำไมยังไม่มีใครออกมาอีก"
โซว์กระซิบตอบ "จะเอาไง ถ้าไม่มีใครออก ชั้นหอมจริงแล้วนะ"
โซว์ทำท่าจะหอมจริง ขิงมองโซว์แล้วส่ายหน้าบอกว่าอย่าทำ คนดูเห็นโซว์จดๆจ้องๆไม่หอมซะทีก็พากันร้องเชียร์
"หอมเลยๆๆๆๆ"
ปีเตอร์หันไปมองคนดูแล้วก็ส่งเสียงเชียร์ด้วย
โซว์กระซิบกับขิง “The Show Must Go On ในเมื่อรุ้งยังไม่ออกมาซะที เราก็ต้องทำในสิ่งที่คนดูเรียกร้อง"
"จะบ้าหรอ อย่า ....”
ขิงยังพูดไม่ทันจบ โซว์ก็ก้มลงหอมขิง คนดูปรบมือดีใจที่หอมกันซะที ลัดลดาทำหน้าเคลิ้มด้วยความอิจฉาก่อนจะหันมามองปีเตอร์
"เจ้าชายหอมหม่อมชั้นบ้างสิเพคะ" ลัดลดาเอียงแก้มให้
ปีเตอร์ทำหน้าหวาดๆ พัชรีทำเสียงจุ๊ๆ ลัดลดาหันไปค้อนใส่พัชรี ปีเตอร์โล่งอกก่อนจะหันไปยิ้มขอบใจพัชรี พัชรีเบ้หน้าใส่
โซว์กอดขิงไว้แล้วมองขิงยิ้มๆ ขิงมองโซว์แล้วก็หน้าแดง คนดูส่งเสียงกิ๊วก๊าว
ในห้องควบคุมไฟ แก้วเอื้อมมือไปที่คัทเอาท์
"เอาล่ะนะ 1-2-...”
แก้วเอามือแตะที่คัทเอาท์ แต่ทันใดนั้นก็มีท่อนไม้ฟาดเข้ากลางหัวแก้ว แก้วหันมาแล้วหมุนติ้วก่อนจะล้มลงชักกระตุกๆ รุ้งถือท่อนไม้ขนาดเหมาะมือกำลังเงื้อค้างอยู่ เธอเห็นอาการของแก้วแล้วก็หน้าเสีย
"ไปที่ชอบที่ชอบเถอะนะ สาธุ"
รุ้งรีบวิ่งหนีออกจากห้องควบคุมไฟผ่านยอดที่นอนสลบอยู่หน้าห้องควบคุมไฟ
ไฟบนเวทีดับลง ปีเตอร์ลุกขึ้นปรบมือเสียงดังสนั่น แขกเหรื่อคนอื่นๆ พากันปรบมือตามด้วยความประทับใจสุดๆ ไฟบนเวทีเปิดขึ้นอีกครั้ง เหล่านักแสดงพากันขึ้นมาบนเวที ทั้งหมดไหว้ขอบคุณแขกเหรื่อแบบไทยๆ
ลัดลดาวิ่งถลาเข้าไปแย่งคล้องพวงมาลัยให้กับโซว์แล้วหอมแก้มซ้ายขวา ปีเตอร์กับพัชรีช่วยกันดึงลัดลดาออกมาจากโซว์ รุ้งเดินมายืนมองความสำเร็จอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอยิ้มดีใจปนเศร้า
"ถึงแม้ชั้นจะไม่มีโอกาสได้ร่วมในความสำเร็จ แต่ก็ดีแล้วหละ ที่มันเป็นแบบนี้"
ขิง ตุ๊กและยายขมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วช่วยกันนับเงินที่ได้จากพวงมาลัย
"เงินเยอะขนาดนี้ เราคงอยู่ได้อีกหลายเดือนเลยนะจ๊ะยาย" ขิงดีใจ
"ขอบใจทุกคนมากนะ" ยายขมบอก
ยายขมกับขิงกอดกันอย่างมีความสุข โซว์เห็นแล้วก็อมยิ้มอย่างสุขใจไปด้วย ลัดลดาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว
"เปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จแล้วก็ดีเลย ข้างนอกมีนักข่าวต่างประเทศมารอสัมภาษณ์โซ่อยู่เพียบเลยค่ะ"
"ว้าว !!!! ลิเกคณะเราจะได้โกอินเตอร์กันแล้วแม่" ตุ๊กตื่นเต้น
ขิงหันไปมองโซว์ โซว์หน้าเสีย
"เป็นอะไรไป" ขิงถาม
"ผมไม่ไปหรอกครับ ผมพูดไม่เก่ง สัมภาษณ์ไปก็อายเค้าเปล่าๆ" โซว์รีบบอก
"ไม่ได้นะ เค้าเจาะจงขอสัมภาษณ์คุณโซ่เลยนะคะ" ลัดลดาย้ำ
"ไปเถอะน่า อย่ามัวเล่นตัวอยู่เลย" ยายขมว่า
ทุกคนหันไปมองทางโซว์เพื่อกดดัน
โซว์อึกอัก "ผม ... ผมปวดท้อง ขอตัวก่อนนะครับ"
โซว์รีบหนีออกไปจากห้อง ขิงมองตามแล้วตัดสินใจเดินตามไป
แม่บ้านประคองติ๊งโหน่งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจากห้องน้ำ
"แกทำให้ชั้นต้องอดดูลิเก แกทำให้ชั้นอดใกล้ชิดกับทั้งเจ้าชายแห่งนิวแลนด์และเจ้าชายพระเอกลิเก"
แม่บ้านเอายาดมให้ติ๊งโหน่งสูด "ใจเย็นๆ สูดยาดมลึกๆ จะได้ฟื้นสติไวๆ"
ติ๊งโหน่งสะอื้นร้องไห้
"ติ๊งอดดูลิเก ติ๊งอยากกลับบ้าน" ติ๊งโหน่งนึกอะไรออก "รู้แล้ว นังดาด้าส่งแกมาขัดขวางชั้นไม่ให้ใกล้ชิดกับเจ้าชายใช่ไหม"
แม่บ้านมองติ๊งโหน่งอย่างงงๆ แล้วก็ส่ายหน้า ติ๊งโหน่งกระโดดบีบคอแม่บ้านจนคนแถวๆนั้นต้องมาช่วยกันแยก
โซว์เดินจ้ำอ้าวออกมาตามทางเดิน ขิงเดินตามแต่ไม่ทันเลยต้องวิ่งมาดักหน้าเขาเอาไว้
"นายกำลังหนีอะไรอยู่รึเปล่า" ขิงถาม
โซว์หลบตา "พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจ"
"ก็เรื่องสัมภาษณ์นี่ไง ทำไมนายถึงไม่ยอมให้นักข่าวสัมภาษณ์ ... หรือว่านายกลัวคนอื่นจะรู้ความจริง"
"ความจริงอะไร แล้วทำไมผมต้องกลัวด้วย"
"ก็ความจริงที่ว่านายอาจจะเป็นใครสักคนที่สำคัญน่ะสิ"
โซว์อึ้ง ยิ่งเห็นขิงจ้องอย่างเอาเรื่อง โซว์ก็ตัดสินใจจะบอกอะไรบางอย่าง
"ก็ได้ ... ชั้นจะบอกความจริงให้ฟังก็ได้"
ขิงกอดอกแล้วตั้งใจฟัง
โซว์พยายามคิด "คือ ชั้นเป็นลูกของคนสำคัญ แล้วชั้นก็หนีพ่อชั้นมาก็เลยไม่อยากให้ใครเห็นหน้าที่แท้จริงของชั้น เพราะถ้าพ่อชั้นรู้เข้า ชั้นต้องโดนเล่นงานแน่ๆ"
"คนสำคัญนี่สำคัญขนาดไหน คงไม่ใช่เจ้าชายหนีเที่ยวหรอกนะ"
โซว์รีบปิดปาก "เธอนี่พูดอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ก็ยังอยู่ที่นี่ พูดอย่างนี้ไม่ให้เกียรติพระองค์เลย"
"ก็แค่อยากรู้" ขิงยังสงสัย "นายพูดความจริงแน่นะ"
โซว์หลบตา "ชั้นบอกไปหมดแล้ว ยังจะเอายังไงอีก"
"มองตาชั้นสิ ชั้นถึงจะเชื่อว่านายพูดความจริง" ขิงบอก
โซว์ฝืนตัวเองให้สบตากับขิง ขิงจ้องตาโซว์
"พอใจรึยังล่ะ" โซว์ถาม
"ก็ได้ ชั้นจะเชื่อนาย แต่หลังจากนี้นายห้ามโกหกชั้นอีก สัญญากับชั้นได้มั้ย"
โซว์พยักหน้าโดยที่มีสีหน้าไม่สบายใจ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 8 (ต่อ)
รุ้งเดินถือกระเป๋าข้าวของมาด้วยท่าทางเศร้าๆ แต่พอหันกลับมาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นยายขมยืนอยู่
"หายไปไหนมา" ยายขมถาม
รุ้งหลบตา "เปล่าจ้ะยาย"
ยายขมถอนใจ "แล้วนี่จะไปไหนของ เก็บข้าวของซะหมดเกลี้ยงเชียว"
"ชั้นขอลาออกจากคณะจ้ะยาย ... ชั้นมันตัวยุ่ง อยู่ไปก็ไม่ช่วยให้คณะเจริญขึ้น แถมยังก่อเรื่องให้ทุกคนปวดหัวอยู่เรื่อย"
รุ้งจะเดินไป แต่ยายขมเดินไปดักหน้าไว้
"คนทำผิดแล้วรู้ตัวว่าผิด แล้วยังคิดกลับเนื้อกลับตัว ใครๆ ก็ให้อภัยได้ทั้งนั้นแหละ"
รุ้งมองยายขมน้ำตาคลอเบ้า "ยายไม่โกรธชั้น ไม่ไล่ชั้นออกจากคณะเหรอ"
"ข้ามันก็แก่แล้ว จะให้ลุกขึ้นไปร้องรำทำเพลงบนเวทีไปตลอดมันก็ไม่ไหว ข้าก็ได้แต่หวังพึ่งคนอย่างพวกเอ็งนี่แหละที่จะมาสานต่อภูมิปัญญาไทยที่นับวันก็ยิ่งจะหายไปทุกทีๆ"
รุ้งทำนบน้ำตาแตก เธอโผเข้าไปกอดยายขม
"ยาย!!! รุ้งขอโทษ"
"คราวหน้าคราวหลังจะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ เข้าใจมั้ย"
ยายขมลูบหลังลูบไหล่รุ้งแล้วก็น้ำตาคลอเบ้าไปด้วย
โซว์เดินไปเดินมาด้วยความกังวลอยู่ที่มุมลับตาคนในโรงแรม ปีเตอร์ที่หลบคนมาหารีบเข้าไปหาโซว์ด้วยความตื่นเต้น
"ยินดีด้วยนะพะย่ะค่ะ การแสดงในวันนี้ประสบความสำเร็จดีมาก หม่อมชั้นนั่งดูน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าเจ้าชายจะมีพรสวรรค์ขนาดนี้"
ปีเตอร์สังเกตเห็นหน้าของโซว์เครียดๆ ก็เอ่ยถาม
"กังวลเรื่องอะไรหรือพะย่ะค่ะ"
โซว์ถอนใจ "เราไม่สบายใจเลยที่ต้องโกหกขิง"
ปีเตอร์ตกใจเพราะรู้ว่าโซว์หมายความว่าอะไร "แต่มันเป็นเรื่องจำเป็นนี่พะยะค่ะ"
"หรือว่าเราจะบอกความจริงกับขิงดี"
ปีเตอร์ตกใจ "ไม่ได้นะพะย่ะค่ะ ถ้าเค้ารู้ว่าพระองค์เป็นใคร พวกเราทุกคนจะลำบาก ดีไม่ดีอาจจะนำภัยมาสู่ตัวเจ้าชายก็ได้นะพระเจ้าค่ะ"
โซว์พูดเสียงแข็ง "ไม่จริง ขิงไม่ใช่คนแบบนั้น ขิงเป็นคนดี ไว้ใจได้" โซว์ตัดสินใจได้ "เราตัดสินใจแล้ว เราจะบอกขิงว่าเราเป็นเจ้าชาย"
"อย่าเลยเจ้าชาย"
โซว์ไม่สน เขาจะเดินออกไปแต่แล้วก็ถึงกับช็อคเมื่อเห็นขิงยืนฟังอยู่
"ไหนว่านายจะไม่โกหกชั้น" ขิงเอ่ยขึ้น
"ไม่ใช่นะขิง อย่าเพิ่ง เข้าใจผิด"
ขิงเดินหนีไป โซว์รีบวิ่งตาม ปีเตอร์มองตามหน้าเครียด
"คราวนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ...”
โซว์รีบตามมาขวางหน้าขิง ขิงชะงักแล้วมองหน้าโซว์อย่างเอาเรื่อง
"ฟังชั้นก่อนสิขิง"
"จะให้ฟังอะไรอีก" ขิงนึกได้ "ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าจะให้หม่อมชั้นฟังอะไรอีกเพคะเจ้าชาย ในเมื่อชั้นได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว"
โซว์เครียด "ชั้นยอมรับว่าชั้นโกหกเธอ แต่เธอจำไม่ได้เหรอว่าชั้นเคยบอกเธอไปแล้วว่าชั้นเป็นเจ้าชาย" ขิงผงะแล้วก็หน้าเสีย "แต่เธอไม่เชื่อชั้น"
ขิงอึกอักแล้วรีบหาข้อแก้ตัว "เออ ก็ตอนนั้นนายไม่จริงจัง พอชั้นบอกไม่เชื่อ นายก็ไม่คิดจะอธิบายต่อ ไม่ต้องมาโยนความผิดให้ชั้นเลย ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ"
"ชั้นยอมรับว่าชั้นผิด แต่ชั้นมีความจำเป็นที่ต้องปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ใครรู้ ชั้นหนีเสด็จพ่อมา ถ้าเสด็จรู้ว่าชั้นอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ท่านต้องส่งคนมาจับตัวชั้นกลับประเทศแน่ๆ"
"เหตุผลนายฟังไม่ขึ้นหรอก นายหนีพ่อมา..แล้วไง?? นายก็เห็นว่าเรากำลังเดือดร้อน แต่นายกลับเห็นแก่ตัว กลัวพ่อจับได้ ก็เลยไม่สนใจว่าชั้นจะถูกตำรวจจับรึเปล่างั้นสิ"
"ไปกันใหญ่แล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้น"
อำนาจเดินตามหาติ๊งโหน่งมาตามทางในโรงแรม
"คุณติ๊งหายไปไหน? ตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่น่าจะหาไม่เจอ"
อำนาจเดินมองหาไปตามทางต่อ
โซว์กับขิงยังทะเลาะกันต่อ
"คำพูดของนายไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป ชั้นจะไม่เชื่อนายอีก ไปจากที่นี่ซะ" ขิงไล่
"เธอจะให้ชั้นไปไหน?” โซว์ถาม
"กลับประเทศของนาย"
โซว์มองขิงอย่างอึ้งๆ
อำนาจเดินมาตามทาง เขาเห็นขิงกับโซว์ยืนคุยกัน อำนาจหยุดมองโดยที่ยังจำขิงกับโซว์ไม่ได้
"ถ้าไม่มีชั้นซักคน แล้วคณะลิเกจะทำยังไง" โซว์ถาม
"ชั้นจะหาทางบอกยายเอง"
"แล้วเรื่องคดีที่เราสองคนตกเป็นผู้ต้องสงสัยล่ะ เธอจะทำยังไง?” โซว์ถามต่อ
อำนาจอึ้ง เขาจ้องหน้าโซว์กับขิงแล้วครุ่นคิดแล้วภาพตอนที่ทั้งสองมาเห็นชรินทร์ฆ่าคนก็แวบขึ้นมา
อำนาจแทบช็อค เขารีบหาที่หลบแล้วแอบฟังขิงกับโซว์
"ชั้นปลอมตัวเป็นผู้ชาย ยังไงเค้าก็จับชั้นไม่ได้ ส่วนนายเป็นถึงเจ้าชายประเทศนิวแลนด์" ขิงพูด
อำนาจช็อคอีกรอบ
อำนาจพึมพำ "เจ้าชาย"
ขิงพูดต่อ "ยังไงนายก็ไม่ถูกจับอยู่แล้ว ชั้นจะถือว่าที่ผ่านมา ชั้นกับนาย เราไม่เคยรู้จักกัน"
ขิงหันหลังเดินออกไปด้วยความเสียใจ โซว์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะพูดไม่ออก แล้วโซว์ก็เดินออกไปอีกทาง อำนาจเดินออกมาที่ซ่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"พวกมันยังไม่ตาย?!!”
อำนาจกดโทรศัพท์หาชรินทร์แต่ไม่มีคนรับ
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์"
อำนาจร้อนใจสุดๆ
ที่ห้องของชรินทร์ ชรินทร์ในชุดเสือกระโดดออกมาร้องคำรามเสียงดัง ฉาดประภาในชุดนายพรานสาวสุดเซ็กซี่เอาแส้ออกมาฟาด ฟาด
"เจ้าเสือสมิง วันนี้ถือเป็นคราวซวยของเจ้าที่มาเจอพรานสาวแสนซนอย่างข้า เจ้าเสร็จข้าแน่" ฉาดประภาพูด
ฉาดประภากระโดดเข้าใส่ ชรินทร์วิ่งหนี ทั้งสองคนวิ่งไล่ไปรอบห้องด้วยความสนุกสนาน โดยไม่สนใจมือถือที่สั่นอยู่บนโต๊ะ
อำนาจหัวเสียที่ชรินทร์ไม่รับสาย ระหว่างนั้นติ๊งโหน่งก็เดินมา
"ทำอะไรอยู่ตรงนี้!!” ติ๊งโหน่งถาม
อำนาจสะดุ้ง "เออ ผมรอคุณติ๊งอยู่นั่นแหละครับ"
"รีบไปเอารถมา ชั้นอยากกลับบ้านแล้ว"
"ครับครับ"
อำนาจเดินออกไป ติ๊งโหน่งมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มมุมปากพร้อมจิกตา
โซว์กลับเข้ามาในห้อง ปีเตอร์รีบเข้าไปหา
"ทำไมทรงหน้าหงอยกลับมาล่ะกระหม่อม หรือว่าผู้หญิงคนนั้นทำอะไรเจ้าชาย" ปีเตอร์ถาม
"ขิงโกรธเรามาก เค้าไล่เรากลับบ้าน" โซว์บอก
"โธ่เจ้าชาย...แล้วเจ้าชายจะทรงกลับเลยรึเปล่า"
"เค้าไล่แล้ว จะให้เราหน้าด้านอยู่ต่อไปได้ยังไง แต่ขอเราไปลายายขมก่อนนะ"
ปีเตอร์พยักหน้าแล้วมองโซว์ด้วยความเห็นใจ
ยายขม ตุ๊ก รุ้ง ขิง และโซว์ชนแก้วกัน ทุกคนมีสีหน้าที่มีความสุขยกเว้นขิงกับโซว์
"วันนี้อะไรอะไรก็ดูดีไปหมดเลยนะแม่ ขนาดแม่ยังสวยเลย" ตุ๊กชม
"เดี๋ยวข้าจะถีบให้" ยายขมถลกผ้านุ่ง ตุ๊กรีบหดหัวหลบ "ว่าแต่ข้าสวยจริงๆเหรอ"
ทุกคนหัวเราะ
"การแสดงวันนี้จบลงด้วยดีเป็นเพราะทุกคนร่วมมือร่วมใจจนทำให้การแสดงในวันนี้เป็นการแสดงที่ดีที่สุดตั้งแต่ข้าเล่นลิเกมา" ยายขมพูด
ทุกคน “เฮ”
"เดี๋ยวก่อนนะแม่ แม่จะบอกว่าเป็นเพราะทุกคนไม่ได้ เพราะตอนที่แสดงนังรุ้งมันไม่อยู่" ตุ๊กบอก รุ้งหน้าถอดสี "เกือบทำเราแย่ นิสัยแบบนี้แม่ต้องจัดการเอง"
รุ้งหน้าเสีย ยายขมเอาไม้เกาหลังเขกหัวตุ๊ก
"โอ๊ย แม่ตีหัวชั้นทำไม" ตุ๊กงง
"ไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูดมาก นังรุ้งเค้าเป็นพวกปิดทองหลังพระ ถ้าไม่ได้นังรุ้งวันนี้ ทุกอย่างพังไปแล้ว"
รุ้งหันไปมองยายขมด้วยความซาบซึ้ง
"แม่พูดอะไรเนี่ย ไม่เห็นเข้าใจเลย" ตุ๊กบอก
"ก็ไม่ต้องเข้าใจ"
ขิงกับโซว์เหล่มองหน้ากัน ยายขมหันมาเห็น
"ไอ้สองคนนั้นมีอะไรจะพูดรึเปล่า เห็นนั่งจดๆจ้องๆกันมานานแล้ว" ยายขมถาม
"เออ...โซว์เค้ามีเรื่องอยากพูดกับยายจ๊ะ" ขิงเกริ่นนำ
ทุกคนหันไปมองโซว์
"ก่อนที่จะพูดเรื่องของแก ฟังเรื่องของชั้นก่อน" ตุ๊กแทรกขึ้น ทุกคนหันไปมอง "หลังจากที่การแสดงจบลง ก็มีผู้คนสนใจคณะลิเกของเรามากมาย คิวงานแสดงของเรายาวไปถึงปลายปีแล้ว เฮ!”
ขิงตกใจ "เฮ้ย!! น้าตุ๊กรับเข้าไปได้ไง แล้วจะซ้อมทันที่ไหน"
"น้ำขึ้นเค้าให้รีบตักเว๊ย ไอ้โซ่..เอ็งต้องตั้งใจซ้อมมากกว่านี้แล้วนะ แกด้วยนังขิง" ยายขมบอก
ขิงกับโซว์มองหน้ากันแล้วก็พูดไม่ออก
"อ่ะ คราวนี้พูดเรื่องของเอ็งมาได้แล้ว" ยายขมบอก
โซว์อึกอัก "เออ" โซว์เหล่มองขิง "ผมแค่อยากขอบคุณยายน่ะครับที่ช่วยผลักช่วยดันจนทำให้ผมทำทุกอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี"
ยายขมยิ้มพอใจ โซว์เหลือบมองขิงอย่างไม่สบายใจ
ยายขมเอารูปตามาเช็ดทำความสะอาด แล้วก็พูดไปยิ้มไป
"ตาเอ๊ย ตารู้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันที่ยายมีความสุขมากที่สุด ยายอยากให้ตายืนอยู่ข้างๆเห็นว่าคนดูมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้ดูคณะลิเกของเรา"
ยายขมพูดไปก็น้ำตาซึมไป ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ยายขมปาดน้ำตา หันไปเห็นขิงยืนอยู่
"ยายจ๋า ขิงเข้าไปได้มั้ย" ขิงถาม
"เข้ามาสิ" ยายขมบอก
ขิงเดินมานั่งข้างๆ "คุยกับตาอีกแล้วเหรอจ๊ะ"
ยายขมยิ้ม "ใช่ เอ็งดูตาสิ" ยายขมชูรูปตาขึ้นมา "วันนี้ยิ้มเยอะกว่าทุกวันด้วยนะ"
ขิงหัวเราะ "ยายดูมีความสุขมากเลยนะ"
"ต้องมีความสุขสิ การได้เห็นคนดูหัวเราะ สนุกกับการแสดงของเรา นี่แหละคือสิ่งที่ข้าเฝ้าฝันถึงมาตลอดชีวิต"
ขิงเครียด "แล้วถ้าเกิดวันหนึ่ง" ขิงถามหยั่งเชิง "นายโซ่เค้าต้องไป ยายจะทำยังไง"
"ก็ซวยสิวะ" ยายขมบอก ขิงผงะ "ที่คนจ้างเราเพราะชอบไอ้โซ่" ยายขมเอะใจ "ทำไม มีอะไร หรือเอ็งสองคนทะเลาะกันแล้วมันจะไปจากพวกเรา"
ขิงรีบปฏิเสธ "เออ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะยาย ชั้นก็ถามไปงั้นๆ"
"ถามซะข้าใจเสียหมด เอ็งรู้มั้ยตั้งแต่เกิดมาหกสิบกว่าปี วันนี้เป็นวันที่ข้าดีใจมากที่สุด"
ยายขมหันไปดูรูปตาต่อทำเอาขิงถึงกับพูดไม่ออก
โซว์ยืนเศร้าอยู่ริมบึงนอกตัวบ้าน ขิงเดินออกมาหาโซว์ โซว์หันไปมองขิง
"เธอบอกยายแล้วเหรอ" โซว์ถาม
"บอกแล้ว" ขิงตอบ
"ชั้นจะได้เข้าไปลายาย" โซว์จะเดินไป
"ชั้นบอกยายว่านายดีใจที่คณะลิเกของเรามีคนชอบมากขนาดนี้ นายก็เลยจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหน"
โซว์หันมามองขิงอึ้งๆ ขิงหันมาหาโซว์
"ชั้นไม่อยากเห็นยายเสียใจ" ขิงบอก
โซว์ดีใจ "แสดงว่าเธอยอมให้ชั้นอยู่ที่นี่กับเธอแล้ว"
ขิงชี้หน้า "ไม่ต้องดีใจ ชั้นไม่ได้เต็มใจให้นายอยู่ที่นี่" โซว์หุบยิ้ม "ที่ชั้นทำไปทั้งหมดเพราะยาย ต่อไปนี้ไม่ต้องมาเข้าใกล้ชั้นอีก ถ้าไม่จำเป็น"
โซว์หน้าจ๋อย ขิงเดินจ้ำออกไปทันที
เช้ารุ่งขึ้นที่บ้านกำนันเก่ง แก้วทุบโต๊ะด้วยความเจ็บใจก่อนจะลุกขึ้นยืน
แก้วเดินไปเดินมา "มันน่าโมโหนัก เมื่อคืนแผนเกือบสำเร็จแล้วเชียว ไม่รู้ใครตีหัวพวกเราจนสลบ"
"นั่นสิพี่แก้ว ชั้นว่าชั้นดูต้นทางดีแล้วเชียวว่าไม่มีใคร" ยอดบอก
ยอดดึงเก้าอี้ของแก้วมานั่งโดยที่แก้วไม่เห็น
"ท่าทางพวกมันจะมีของดี พวกเราถึงทำอะไรพวกมันไม่ได้ซักที แต่ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกเว๊ย ยังไงข้าก็หาทางทำลายพวกมันให้ได้!”
แก้วแสดงสีหน้าเหี้ยมเกรียมสุดๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงแต่ตกลงพื้นดังโครม!! แก้วหันขวับไปทางยอด
"เอ็งเอาเก้าอี้ข้าไปทำไม!”
ยอดหน้าแหย "ชั้นนึกว่าพี่ไม่นั่งแล้ว เห็นเดินไปเดินมา"
แก้วเจ็บก้นกบสุดๆ
ชรินทร์หันขวับมามองอำนาจด้วยสีหน้าช็อค
"อะไรนะ! ไอ้สองคนนั้นยังไม่ตาย!!”
อำนาจรับคำ "ครับ"
ชรินทร์โมโห เขาเข้ามากระชากคอเสื้ออำนาจ อำนาจหน้าตื่นตกใจ
"ไหนแกบอกมันสองคนตายแล้วไง! แล้วพวกมันโผล่มาอีกได้ยังไงห๊ะ!!”
อำนาจเสียงสั่น "ผมเห็นมันตกรถไฟกับตา ผมก็นึกว่ามันตาย แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะอึดขนาดนี้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ผมกำลังกังวลหรอกนะครับ"
ชรินทร์อึ้ง "มันยังมีปัญหาใหญ่ที่น่ากังวลกว่านี้อีกเหรอ"
อำนาจกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
"นายปล่อยมือจากผมก่อนนะครับ"
ชรินทร์ปล่อยมืออำนาจ
"นายจำได้ใช่มั้ยครับว่ามันสองคน มีคนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ แล้วก็มีอีกคนเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ"
"แกจะมาทวนความจำทำไม มีอะไรก็รีบๆพูดมา!”
"ผู้ชายตัวเล็กๆเป็นผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชายครับ" อำนาจบอก
"แล้วไง? ไม่เห็นจะน่าหนักใจตรงไหน"
"ส่วนผู้ชายที่เป็นชาวต่างชาติ จริงๆแล้วเค้าเป็นเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ครับ"
ชรินทร์อึ้งตาค้าง
"ไม่จริง แล้วคนที่เป็นเจ้าชายที่เราเจอล่ะ"
"ผมไม่รู้ครับว่าไอ้หมอนั่นเป็นใคร และเป็นไงมาไงถึงมาเป็นเจ้าชาย แต่ผู้ชายคนที่เราจะโยนความผิดให้มันเป็นเจ้าชายจริงๆครับ"
ชรินทร์ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยความอึ้ง
"ซวยมหาซวยโคตรซวย นี่มันอะไรกันวะ!”
ชรินทร์ยังไม่ทันพูดอะไร ติ๊งโหน่งก็เดินฟูมฟายเข้ามานั่งข้างๆ โดยมีฉาดประภาคอยประคองลูกสาวเข้ามา
"พ่อขา พ่อต้องช่วยติ๊งนะคะ ติ๊งไม่ยอมไม่ยอมไม่ยอม"
ชรินทร์กำลังหงุดหงิดจึงพูดออกไป "ตอนนี้อย่าเพิ่งมากวนใจพ่อได้มั้ย พ่อกำลังเครียด"
ติ๊งโหน่งหัวเสีย "คุณพ่อ!! คุณพ่อกล้าพูดแบบนี้กับติ๊งเหรอคะ"
ติ๊งโหน่งแบะปากแล้วร้องไห้เสียงดังลั่น ชรินทร์กับอำนาจหูจะแตก
"นี่คุณไปดุลูกทำไมค่ะ" ฉาดประภาว่า
ฉาดประภากอดปลอบใจติ๊งโหน่ง ชรินทร์มองติ๊งโหน่งที่ยังคงแหกปากร้องไห้
"ลูกติ๊ง หยุดก่อนลูก" ชรินทร์บอก ติ๊งโหน่งไม่ยอมหยุด "พ่อขอโทษ โอเคๆ บอกพ่อมาสิว่าลูกเป็นอะไร"
ติ๊งโหน่งสะอื้น "ติ๊งอยากให้พ่อจ้างคณะลิเกที่ติ๊งไปดูเมื่อคืนมาเล่นในงานวันเกิดของคุณแม่"
ฉาดประภาตกใจ "ให้มีลิเกมาเล่นในวันเกิดของคุณแม่เหรอลูก" ฉาดประภาหันไปมองชรินทร์
"คณะลิเกเนี่ยนะ!! พ่อว่าเราจ้างวงคลาสิคมาบรรเลงเพลงในงานดีกว่า"
อำนาจนึกอะไรได้จึงรีบยื่นหน้ามากระซิบชรินทร์
"นายครับ คณะลิเกคณะนี้แหละครับที่เจ้าชายกับคนของมันอยู่"
ชรินทร์หันขวับไปมองอำนาจ อำนาจพยักหน้า ชรินทร์รีบหันไปยิ้มให้ติ๊งโหน่ง
"คิดไปคิดมา เอาคณะลิเกมาเล่นที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ตกลงลูก"
ติ๊งโหน่งดีใจโผกอดพ่อแน่น "คุณพ่อน่ารักที่สุดในโลกเลย ติ๊งรักคุณพ่อค่ะ เฮอะๆๆ"
ชรินทร์กับอำนาจยิ้มร้ายให้กัน
ตุ๊กวิ่งหน้าตาตื่นเต้นดีใจเข้ามากลางวงข้าว ทำเอายายขม ขิง โซว์ และรุ้งตกใจ
“แม่! ขิง! โซ่! รุ้ง!”
“ว๊าย แหกแหกหมดแล้ว น้าตุ๊กเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!” รุ้งตกใจ
“เออ เป็นบ้า ดีใจจนจะเป็นบ้าแล้วเว้ย” ตุ๊กบอก
“พินาศหมด!! ของกินนะเว้ย ยังจะมาเหยียบอยู่ได้” ยายขมว่า
ตุ๊กรีบถอยออกมา
“ดีใจอะไรเหรอน้า หรือว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง” ขิงถาม
“ถ้าถูกหวย ข้าต้องดีใจกว่านี้ เมื่อตะกี้ชั้นได้รับโทรศัพท์ให้ไปเล่นลิเกในงานวันเกิด ค่าตัวหกหลัก”
ทุกคนตาโตด้วยความตกใจ “ห๊า!”
“ไปเล่นงานวันเกิดใครเหรอน้าตุ๊ก” โซว์ถาม
“งานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภาภรรยาท่านชรินทร์”
โซว์กับขิงตกใจ ทั้งสองหันขวับมามองหน้ากัน
“งานเค้าจะจัดอาทิตย์หน้า” ตุ๊กบอก
ขิงรีบหันมา “อย่าไปนะยาย”
ยายขม ตุ๊ก และรุ้งหันมามองขิงด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องไม่ให้ไป งานดี เงินเยอะขนาดนี้ ไม่คว้าไว้ก็โง่แล้ว” รุ้งบอก
“เออ คือ..ชั้น...” ขิงอึกอัก
โซว์ช่วยพูด “กลัวจะซ้อมไม่ทันน่ะครับ ถ้าเราเล่นไม่ดี แล้วเค้าเอาไปพูดปากต่อปาก เราจะเสียหายนะครับยาย”
“อุ๊ยยย ยังไงก็ซ้อมทันอยู่แล้ว ก็เอาเรื่องเก่ามาเล่น เพิ่มตัวละคร สร้างสีสันอีกนิดหน่อย เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว” ตุ๊กมั่นใจ
ขิงพยายามจะพูด “แต่...”
“ไม่ต้องแต่ ข้าตัดสินใจแล้ว เราจะรับงานนี้!! ฟันธง!!” ยายขมเอาไม้เกาหลังขึ้นมาทำท่าฟันธง
ขิงเซ็งสุดๆ เธอหันไปมองหน้าโซว์ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ตุ๊ก..เอ็งไปตลาด ประกาศรับสมัครคนเล่นลิเก เราต้องการนักแสดงเพิ่ม” ยายขมบอก
“ได้เลยจ๊ะแม่”
ตุ๊กรับคำแล้วก็วิ่งอย่างเริงร่าออกไป ยายขมกับรุ้งยิ้มให้กัน แต่ขิงกับโซว์กลุ้มใจสุดๆ
ขิงหันมาทางโซว์ด้วยสีหน้าไม่สบายใจเพราะกังวลใจสุดๆ
“เหมือนเข้าไปถ้ำเสือแท้ๆ ถ้าเกิดมันจำเราได้ขึ้นมาจะทำยังไง” ขิงว่า
“ชั้นมั่นใจว่ามันจำเราไม่ได้ เธออย่าลืมสิว่าพวกมันเห็นเธอตอนที่เธอปลอมเป็นผู้ชาย” โซว์บอก
“ถ้างั้นพวกมันก็ต้องจำนายได้” ขิงเป็นห่วง
“วันนั้นชั้นจะแต่งหน้าลิเกทั้งวัน มันจำชั้นไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วงชั้นนะ”
ขิงรู้ตัวก็รีบเก็กหน้า “ใครว่าห่วงนาย ชั้นห่วงตัวเองต่างหาก ยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควร”
โซว์ยิ้มกับความปากแข็งของขิง “อ่ะ ไม่ห่วงก็ไม่ห่วง จะว่าไปการที่เราเข้าบ้านนายชรินทร์ครั้งนี้มันก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าชั้นจะเข้าไปหาหลักฐาน มันน่าจะเจออะไรบ้าง”
“แต่มันเสี่ยงเกินไป”
“ชั้นจะระวังตัว เราต้องทำให้นายชรินทร์รับโทษที่เค้าก่อให้ได้”
โซว์ทำหน้าตาจริงจัง ขิงมองโซว์อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
รถกะบะตุ๊กติดป้าย “รับสมัครนักแสดงคณะลิเกยายขม” ชาวบ้านมาเข้าแถวกันยาวเหยียด
รุ้งเอาใบสมัครยื่นให้ทีล่ะคน “เอาใบสมัครไปเขียนก่อนนะจ๊ะ”
ทันใดนั้นเสียงยอดก็ดังขึ้น
“หลีกเว้ยหลีก พี่แก้ว ลูกกำนันเก่งมาเว้ย”
รุ้งกับตุ๊กหันไปมองเห็นยอดพาแก้วมาแซงแถวคนอื่นแล้วเดินมาตรงหน้าตุ๊กกับรุ้ง แก้วดึงใบสมัครจากมือของรุ้งไป
“แก้ว ถ้าเอ็งจะมาหาเรื่อง อย่าดีว่า วันนี้ข้าไม่อยากมีเรื่องกับใครเว๊ย” ตุ๊กว่า
“ชั้นไม่ได้มาหาเรื่อง แต่ชั้นจะมาสมัครเป็นนักแสดงคณะลิเกยายขม” แก้วบอก
รุ้งตกใจ “น้ำหน้าอย่างแกเนี่ยนะจะเป็นนักแสดง! อุ๊ยยย อยากหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก ฮ่าๆๆ”
ตุ๊กร่วมหัวเราะด้วย “ฮ่าๆๆๆ”
ยอดเคลิ้มตาม “ฮ่าๆๆๆ”
แก้วโมโหจึงหันขวับไปทางยอด “ไอ้ยอด!! หัวเราะกับพวกมันทำไม!!”
ยอดรีบหุบปาก “แฮ่ ขอโทษจ๊ะพี่”
แก้วหันมาทางชาวบ้านแล้วประกาศ
“กลับบ้านกันไปให้หมด! เพราะชั้นได้เลือกให้เป็นนักแสดงหน้าใหม่คณะลิเกยายขมแล้ว ไปไป...กลับไป!!”
ตุ๊กกับรุ้งตกใจ
“ไปสิวะ ยืนเฉยทำไม เดี๋ยวให้พ่อกำนันขึ้นค่าเช่าแผงในตลาดเลย ไป๊!!” ยอดตะโกนไล่
ชาวบ้านตื่นกลัวจึงรีบพากันออกไป รุ้งเห็นก็ไม่พอใจ
“นี่! มันจะมากไปแล้วนะ”
แก้วหันมาจ้องหน้ารุ้งใกล้มากจนรุ้งใจสั่นเพราะนึกถึงตอนที่ถูกแก้วหอมแก้ม
“ทำไม? เธอจะทำอะไรห๊ะ!!” แก้วถาม
รุ้งไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอเดินถอยหลังมาหลบหลังตุ๊ก ตุ๊กมองแก้วอย่างไม่พอใจ แก้วยิ้มเยาะกับยอด
ปีเตอร์คุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตาตื่นตกใจ
“ห๊ะ!! เจ้าชายจะทรงไปเล่นลิเกที่บ้านนายชรินทร์ โอยยย ตายตาย ตายแน่คราวนี้”
ปีเตอร์ชะงักเพราะนึกขึ้นได้
“อุ้ย หม่อมชั้นไม่ควรพูดคำว่าตาย หม่อมชั้นขอโทษเพคะ เจ้าชายจะทรงให้หม่อมชั้นทำอะไร บอกมาเลยนะเพคะ หม่อมชั้นยินดีถวายชีวิตช่วยเต็มที่”
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้น ปีเตอร์หันไปมองด้วยความสงสัยว่าใครมาหาเขา
ปีเตอร์ส่องตรงช่องตาแมวที่ประตูด้วยความตกใจที่เห็นติ๊งโหน่งแต่งหน้าจัดยืนทาลิปสติคอยู่หน้าห้อง
“ยัยเหยินมา!”
ปีเตอร์นิ่งคิด
“หรือว่าจะมาชวนเราไปงานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภา เพื่อเจ้าชาย เพื่อประเทศนิวแลนด์ ข้าน้อยยอมเสียสละกายและใจของข้าน้อย เพื่อภารกิจที่ยิ่งใหญ่”
ปีเตอร์หันไปทางประตูแล้วกลั้นใจ
“เอาวะ ตายเป็นตาย”
ปีเตอร์เปิดประตู ติ๊งโหน่งฉีกยิ้มกว้างแต่เธอยังไม่ทันอ้าปากพูด ปีเตอร์ก็สวนขึ้นมา “เรายินดีและเต็มใจไปงานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภาแม่ของเจ้า”
ติ๊งโหน่งงง “ห๊ะ เจ้าชายทรงทราบได้ยังไง ว่าหม่อมชั้นมาเพราะเรื่องนี้”
ปีเตอร์หน้าถอดสี “เออ..คือ..” ปีเตอร์รีบแก้ตัว “ก็เพราะจิตใจเราตรงกันยังไงล่ะ”
ติ๊งโหน่งทุบตีปีเตอร์ด้วยความเขินจนปีเตอร์แทบกระอักเลือด
“ตายแล้วเจ้าชาย ทรงรับสั่งอะไรก็ไม่รู้ บ้าบ้าบ้า ติ๊งเขินนะเพคะ”
ติ๊งโหน่งซบอกปีเตอร์พร้อมร้องฮี้ๆๆๆไม่หยุด ปีเตอร์กลืนน้ำลายเอื๊อกด้วยความกลัว
ยายขมมองแก้วที่กำลังแอ็คท่าหล่อและพยายามเบ่งกล้ามโชว์
ยอดออกเสียงพากษ์ “นอกจากกล้ามแขนที่กำยำแล้ว พี่แก้วของชั้นยังมีซิกแพคที่เร้าใจอีกด้วย”
แก้วถอดเสื้อแล้วแขม่วพุงโชว์กล้ามท้อง ยายขมทนไม่ไหวเอาไม้เกาหลังเคาะไปที่ท้องแก้ว ทำให้แก้วปล่อยพุงออกมา
“เห็นแล้วสมเพช ใส่เสื้อซะ!!” ยายขมว่า
แก้วเอาเสื้อขึ้นมาใส่
“เอ็งแน่ใจนะว่าอยากเล่นลิเกจริงๆ ไม่ใช่เพราะมีวัตถุประสงค์อย่างอื่น” ยายขมเหล่ขิง
“แน่ใจสิจ๊ะยายขมจ๋า ชั้นอยากอนุรักษ์ศิลปะการแสดงของไทยเอาไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน ไม่อยากให้ศิลปะการแสดงแบบฝรั่งมาทำให้ศิลปะไทยของเราต้องหายไป”
“เยอะไปแล้วไอ้แก้ว”
แก้วเงียบ ยายขมหรี่ตามองแก้ว
“ถ้างั้นต้องทดสอบ นังรุ้ง!”
“จ๋ายาย” รุ้งรับคำ
ยายขมสั่ง “ดัดมือ”
แก้วงงๆ รุ้งเข้าไปจับแขนแก้วให้ยืดออกมาทันที
“ตั้งวง” รุ้งบอก
“วงเหล้าเหรอจ๊ะ” ยอดถาม
“วงเหล้าบ้านแกสิ ตั้งวงแขน อย่างนี้”
รุ้งทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แก้วทำตาม รุ้งจับมือแก้วแล้วค่อยๆดัดมือ แก้วกับรุ้งหันมามองหน้ากัน หน้าของทั้งสองใกล้กัน ทั้งคู่ต่างผงะแล้วใจเต้นแรง แล้วรุ้งก็ดัดมือแก้วเพลินจนแก้วเจ็บ
“อ๊ากกก!! มือ มือจะหัก มือจะหัก”
รุ้งตกใจ “ชั้นขอโทษ”
แก้วเจ็บมาก รุ้งจับมือแก้วมาดูด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บมากเหรอ”
แก้วซึ้งกับความห่วงใยของรุ้ง “จ๊ะ”
รุ้งกับแก้วมองตากันแล้วก็สปาร์ค ขิง โซว์ ยายขม ตุ๊ก และยอดมองรุ้งกับแก้วด้วยความสงสัย
แก้วนั่งแยกขาโดยมีรุ้งเอาเท้าถีบต้นขาของแก้วให้ฉีกขาได้เยอะๆ จนแก้วหน้าเขียว
“อุ๊ยยย โอ๊ยยย ขาจะฉีกแล้ว พอ พอเลย ไม่ไหวแล้ว” แก้วบ่น
แก้วผลักรุ้งออกแล้วจับขาตัวเองด้วยความเจ็บปวด ระหว่างนั้นขิงก็เดินมา แก้วรีบเข้าไปอ้อนทันที
“น้องขิงจ๋า พี่แก้วเจ็บขาไปหมดแล้ว น้องขิงช่วยดูหน่อยสิจ๊ะว่าขาพี่แก้วเป็นแผลรึเปล่า”
ขิงเหลือบเห็นโซว์ที่กำลังซ้อมรำไม่ห่างออกไปกำลังเหล่มอง ขิงเลยแกล้งเข้าไปดูแลแก้ว
“พี่แก้วเจ็บตรงไหน ไหนขอขิงดูหน่อยสิจ๊ะ”
แก้วได้ทีก็เอาใหญ่ “ตรงนี้จ๊ะ มันเจ็บแปล๊บๆ”
“พี่แก้วไม่เคยยืดกล้ามเนื้อก็เลยเจ็บเป็นธรรมดาจ๊ะ ไม่ต้องตกใจนะ”
รุ้งมองแก้วกับขิงไม่พอใจเพราะหึงแก้วโดยไม่รู้ตัว โซว์เองก็หึงขิงทำให้มองขิงเพลินจนทรงตัวไม่อยู่ โซว์เซจะล้ม รุ้งรีบเข้าไปประคอง
“เจ้าชาย!! ระวังหน่อยสิคะ ถ้าเจ้าชายเจ็บ รุ้งก็จะเจ็บตามไปด้วย”
ขิงกับแก้วหันไปมองรุ้งที่ทำท่าออดอ้อนโซว์ ขิงรู้สึกหึงโซว์ ส่วนแก้วก็รู้สึกไม่พอใจที่เห็นรุ้งไปสนิทสนมกับโซว์
โซว์แกล้งพูดยั่วขิง “ขอบใจมากนะจ๊ะรุ้งที่ห่วงใยชั้น ชั้นซาบซึ้งใจมาก”
รุ้งยิ้มเขิน “ไม่เป็นไรคะ เจ้าชายมานั่งพักก่อนดีกว่านะจ๊ะ”
รุ้งประคองโซว์มานั่ง โซว์เหล่มองขิง ขิงเมินหน้าหนี โซว์เองก็เมินหน้าไปอีกทาง
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 8 (ต่อ)
ยายขมยืนอยู่ตรงหน้าโซว์กับแก้วที่ถือดาบไม้อยู่ โดยมีขิง รุ้ง และตุ๊กอยู่ข้างๆ
“ฉากที่เราจะซ้อมกันเป็นฉากพระเอกกับผู้ร้ายต่อสู้แย่งชิงนางเอกกัน ขิง..” ยายขมเรียก
ขิงออกมายืนตรงกลาง ยายขมหันไปมองตุ๊ก ตุ๊กเริ่มเล่นระนาดในท่วงทำนองตื่นเต้นเร้าใจ ขิง โซว์ และแก้วเริ่มเล่น
“ท่านทั้งสองอย่าเข่นฆ่ากันเพราะเราเลย” ขิงบอก
“หลีกไปน้องนางของข้า วันนี้จะเป็นวันตัดสินชะตาว่าข้าหรือไอ้โจรห้าร้อยคนนี้ที่จะได้ตัวเจ้าไปครอง” โซว์พูดบท
“งั้นก็เข้ามา จะช้าอยู่ใย เข้ามา เข้ามา ฮ่าๆๆ” แก้วท้าทาย
ตุ๊กเล่นระนาดเร้าใจมากขึ้น ขิงถอยออกมามอง โซว์กับแก้วยังจดๆจ้องๆ สักครู่ แล้วทั้งสองก็ฟันดาบใส่กัน ทุกอย่างเป็นไปตามบทบาท ยายขมยิ้มพอใจ
ทันใดนั้นแก้วก็นอกบทด้วยการตีดาบโดนแขนโซว์ ทุกคนตกใจ
โซว์โมโห “โอ๊ย! เอาจริงเหรอ”
“ช่วยไม่ได้ อยากไม่หลบเองทำไม” แก้วบอก
โซว์โมโห เขาฟันดาบใส่แก้วไม่ยั้งจนแก้วรับแทบไม่ทัน ตุ๊กตื่นเต้นจึงตีระนาดรัว ยายขม รุ้ง ขิงมองตาค้าง
“เหมือนจะฆ่ากันตายจริงๆเลยนะยาย” รุ้งบอก
ยายขมเห็นด้วย “นั่นสิวะ”
โซว์งัดดาบแก้วจนหลุดมือ แก้วตกใจ โซว์กำลังจะเงื้อดาบฟาดกบาลแก้ว แก้วต่อยหน้าโซว์ดังเปรี้ยง ทุกคนช็อค “เฮ้ย!!”
ตุ๊กหยุดเล่นระนาด โซว์เลือดขึ้นหน้าจึงเข้ามาอัดแก้ว แก้วถอยกรูดเพราะสู้ไม่ได้ ยายขมกับตุ๊กรีบเข้ามาดึงแก้วออกไป ส่วนขิงกับรุ้งมาดึงโซว์ออกไป
“หยุด!! เอ็งสองคนเป็นบ้าอะไรห๊ะ!! นี่มันการแสดง ไม่ใช่ของจริง” ยายขมว่า
แก้วกับโซว์เงียบ
โซว์แก้ตัว “คือ..ชั้นสองคนอินกับบทบาทมากเกินไปน่ะยาย ขอโทษนะจ๊ะ”
“เข้าถึงบทบาทมันก็ดี แต่อย่าคิดว่าเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าเอ็งสองคนหน้าแหกก่อนวันงาน ข้าซวยแน่”
โซว์เหล่มองขิง ขิงมองโซว์แล้วก็ถอนหายใจ
โซว์นั่งจับมุมปากตัวเองที่ถูกแก้วต่อยอยู่ ขิงถือยาเดินออกมามองโซว์ด้วยความลังเล แต่โซว์ดันหันไปเห็นขิงพอดี ทำให้ต่างคนต่างผงะ โซว์เห็นยาในมือขิงก็ยิ้มดีใจ
“เอายามาให้ชั้นเหรอ”
“ใช่”ขิงพูดแล้วเดินมาหา โซว์ยิ้มไม่หุบ “ที่เอายามาให้ ไม่ได้ห่วง” โซว์หุบยิ้ม “แต่ไม่อยากให้พระเอกปากแตก แล้วจะหายไม่ทันวันแสดง รีบทายาซะ”
โซว์พึมพำ “ใจร้าย”
ขิงได้ยิน “ว่าชั้นใจร้ายเหรอ!”
“ได้ยินด้วยเหรอ”
“อยู่ใกล้แค่นี้ จะไม่ได้ยินได้ไง ชั้นไม่ได้ใจร้าย” ขิงบอก
“ถ้าไม่ได้ใจร้าย งั้นก็ทายาให้ชั้นหน่อยสิ..นะ”
“ข้าน้อยมิบังอาจทายาให้เจ้าชายหรอกเพคะ เชิญเจ้าชายทายาเองเถอะ”
โซว์อึ้ง ขิงหันหลังจะเดินไป โซว์จับมือขิงไว้ ขิงหันมาแล้วพูดเสียงดัง
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย” โซว์บอก ขิงนิ่ง “เลิกมองชั้นเป็นเจ้าชายซักที”
“แต่นายเป็น นายจะหนีความจริงไปได้ยังไง”
โซว์พูดจริงจัง “ชั้นไม่เคยอยากเป็นเจ้าชาย ชั้นอยากเป็นคนธรรมดาๆ มีชีวิตธรรมดาๆ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้”
“แต่มันเป็นไปไม่ได้ นายก็รู้”
“ชั้นรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ชั้นถึงอยากให้คนที่ชั้นรักเป็นแค่คนธรรมดาๆ”
ขิงมองหน้าโซว์อึ้ง โซว์มองขิงด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรัก เขาจับไหล่ขิงทั้งสองข้าง ค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจะจูบ ขิงเองก็ใจเต้นระทึก เธอยืนหลับตา ขณะที่โซว์กับขิงกำลังจะจูบกัน แก้วก็ออกมาเห็นพอดี
“ทำอะไร!!”
ขิงกับโซว์ตกใจรีบผละออกจากกัน
“เออ เรากำลังซ้อมบทกันอยู่” ขิงหันไปทางโซว์ “โอเคแล้วนะ”
ขิงรีบเดินออกไป โซว์เซ็ง แก้วเดินมามองหน้าโซว์อย่างไม่พอใจ โซว์หันไปมอง แก้วชี้หน้าแล้วพูด
“จำไว้นะไอ้หน้าวอกว่าคนอย่างแกไม่มีทางสู้ชั้นได้ เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะว่าชั้นรวยกว่า เท่ห์กว่า หล่อกว่าแก และที่สำคัญพ่อชั้นเป็นกำนัน เป็นเจ้าของตลาด เป็นผู้นำหมู่บ้าน จำใส่กะโหลกไว้ซะ”
โซว์มองแก้วอย่างไม่พอใจแล้วก็ขยับตัว แก้วตกใจรีบถอย
“ไม่ได้กลัวนะเว๊ย แต่วันนี้ไม่อยากมีเรื่องกับใคร” แก้วบอก
แก้วรีบหันหลังเดินออกไป โซว์ยืนเครียด
ลัดลดากำลังชื่นชมรูปตัวเองที่ถ่ายคู่กับโซว์อยู่ในห้องทำงาน พอหันมาอีกข้างก็เป็นรูปที่ตัวเองถ่ายคู่กับปีเตอร์
“คงไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกจะโชคดีเท่ากับเราอีกแล้วที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับผู้ชายสองคนสองสไตล์ คนหนึ่งเป็นเจ้าชาย ส่วนอีกคนเป็นพระเอกลิเก ฮิๆๆ”
ทันใดนั้นติ๊งโหน่งก็เปิดประตูเข้ามา ลัดลดาตกใจ เลขาของเธอรีบตามเข้ามา
“ดิชั้นพยายามห้ามแล้วนะคะ แต่คุณติ๊งโหน่งไม่ฟังคะ” เลขาบอก
“ไม่เป็นไร ออกไป” ลัดลดาบอก เลขาเดินออกไป ลัดลดาหันไปทางติ๊งโหน่ง “ถ่อสังขารมาหาชั้นถึงนี่มีอะไรไม่ทราบ”
ติ๊งโหน่งหยิบการ์ดเชิญมาตรงหน้าลัดลดา “ชั้นเอาการ์ดเชิญร่วมงานวันเกิดคุณแม่มาให้เธอ”
“เอาไปให้คนอื่นเถอะ เพราะชั้นไม่ว่าง ไม่ได้มีนัดหรอกนะ แต่ไม่อยากไป”
“งั้นเหรอ น่าเสียดาย เพราะงานนี้คณะลิเกยายขมจะมาแสดงให้คุณแม่ของชั้นเป็นกรณีพิเศษ”
ลัดลดาอึ้งแล้วกำมือแน่นด้วยความโมโห
“แก..นังฉวยโอกาส!! แกก็รู้ว่าคณะลิเกนั่นเป็นของชั้น!!”
“คณะลิเกนั่นเป็นของแกที่ไหน ว๊ายว๊ายอย่ามาขี้ตู่ เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้ จำไว้นะนังดาด้าว่าทั้งเจ้าชายและพระเอกลิเกสุดหล่อต้องเป็นของชั้นคนเดียว ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ”
ติ๊งโหน่งหัวเราะด้วยความสะใจก่อนจะเดินออกไป ลัดลดากรี๊ดดังลั่นด้วยความโมโหสุดๆ
“อ๊าย!!! ชั้นไม่ยอมแพ้แกหรอกนังม้าแคระ!!”
ปีเตอร์เปิดประตูห้องพักไปเห็นลัดลดาก็ตกใจ
“คุณลัดลดา!”
ลัดลดาพุ่งเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู ปีเตอร์ใจเสีย
“เจ้าจะทำอะไรเรา มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้”
ปีเตอร์ถอยไปติดกำแพง ลัดลดาเอามือยันกำแพงเอาไว้
“หม่อมชั้นรู้มาว่าคณะลิเกที่เจ้าชายทรงเป็นสปอนเซอร์จะไปแสดงงานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภาเหรอเพคะ”
“อ่า..ชะใช่ใช่” ปีเตอร์ตอบตะกุกตะกัก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าชายต้องทรงรับสั่งไม่ให้คณะลิเกยายขมไปเล่นงานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภา!”
“ทำไมล่ะ”
“เพราะหม่อมชั้นเป็นคนทำให้คณะลิเกคณะนั้นดังน่ะสิเพคะ หม่อมชั้นมีสิทธิ์ที่จะให้เค้ารับงานของใครหรือไม่รับงานของใครก็ได้”
“เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เค้าไม่ได้เซ็นสัญญาว่าจะให้เราเป็นผู้หางานให้ ทำแบบนั้นเท่ากับไปละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของเค้า”
“แต่หม่อมชั้นทนไม่ได้ ที่เจ้าชายจะเสด็จงานนี้ หม่อมชั้นกลัวนังติ๊งต๊องมันใช้งานวันเกิดของแม่มันเป็นข้ออ้างเพื่อหาทางรวบหัวรวบหางเจ้าชาย”
“แต่ถ้าเราไม่เล่นด้วยซะอย่าง ก็ไม่มีใครสามารถมารวบหัวรวบหางเราได้หรอก” ปีเตอร์บอก
“เจ้าชายทรงตรัสจริงๆเหรอเพคะ” ลัดลดาถาม
“จริงสิ เราไม่มีวันชอบติ๊งโหน่งเด็ดขาด เจ้าออกจะสวยกว่า น่ารักกว่าติ๊งโหน่งตั้งเยอะ”
ลัดลดาอาย “จริงเหรอเพคะ”
“จริงสิ”
“ถ้างั้นเจ้าชายต้องให้หม่อมชั้นควงไปงานนี้ด้วย..นะเพคะ นะคะ”
ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ “ตกลง”
ลัดลดาโผเข้าไปกอดปีเตอร์ ปีเตอร์ตกใจ
“เจ้าชายน่ารักที่สุดเลย” ลัดลดาชม
ลัดลดาผละออกมาแล้วเดินออกไปด้วยความสบายใจ ปีเตอร์ปาดเหงื่อแล้วถอนหายใจโล่งอก
ชรินทร์หันมาทางอำนาจด้วยแววตาร้ายกาจ
“เราจะจัดการสองคนนั่นในงานวันเกิดเมียชั้น ทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ หวังว่าคราวนี้แกจะทำไม่พลาดนะอำนาจ”
“แน่นอนครับนาย”
ชรินทร์ยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
ขิงกำลังซักผ้าไปพลางคิดถึงตอนที่โซว์กำลังจะจูบเธอไปแล้วก็ใจสั่น ขิงพยายามสะบัดหัวเพื่อไล่ภาพนั้นออกไป
“บ้าชะมัด เลิกคิดได้แล้วขิง ซักผ้าซักผ้า”
ขิงซักผ้าอยู่แล้วก็รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมในกะละมัง เธอเอะใจจึงหยิบขึ้นมาแล้วก็พบว่าเป็นกางเกงในผู้ชาย ขิงตกใจ ยายขมยื่นหน้ามาข้างๆ
“ฮั่นแน่ เดี๋ยวนี้ซักกกน.ให้กันด้วย”
ขิงหันไปเห็นยายก็ตกใจ “เฮ้ยยาย ไม่ใช่นะ นี่ไม่ใช่กกน.ของนายโซ่”
“ข้ายังไม่ทันพูดซักคำว่ามันเป็นของใคร? ร้อนตัวไปรึเปล่า ข้าหมายถึงของไอ้ตุ๊กมันต่างหากล่ะ” ยายขมบอก
ขิงรีบโยนกางเกงในลงในกะละมัง ยายขมมองหน้าขิงแล้วอมยิ้ม
“เป็นผู้หญิงอย่าปากแข็ง เดี๋ยวจะขึ้นคาน”
ขิงตกใจจนหน้าแดงด้วยความอาย “ยายพูดอะไร?”
ยายขมยิ้มกริ่ม “แต่ก่อน..ข้าอาจจะไม่ชอบไอ้โซ่ ถึงขั้นเคยสั่งไม่ให้คบมันเป็นแฟน แต่ตอนนี้ดูไปดูมาไอ้โซ่มันก็น่ารักดี ถ้าเอ็งจะรักกันข้าก็ไม่ขัด”
ขิงหน้าแดงมากจนต้องรีบหลบตา “ยายพูดอะไร?!!”
ยายขมหัวเราะ “หน้าแดงเป็นลูกตำลึง อายล่ะสิ ฮ่าๆๆ”
ขิงพูดไม่ออก ยายขมก็ยิ้มไม่หุบ
“คิดให้ดีนะนังขิง ผู้ชายดีๆแบบนี้ไม่ได้หากันง่ายๆ รองจากตาของเอ็งแล้วก็มีไอ้โซ่นี่แหละที่ข้ารู้ว่ามันเป็นคนดี”
ยายขมเดินออกไป ขิงรู้สึกเครียดสุดๆ
“จะรักกันได้ยังไงล่ะยาย เค้าเป็นเจ้าชาย ส่วนชั้นเป็นแค่คนเดินดิน” ขิงเศร้า
พัชรีดูนาฬิกาแล้วก็ชะเง้อไปที่ประตูห้องนอนของปีเตอร์
“ผู้ชายอะไรแต่งตัวช๊าช้า..า” พัชรีเดินไปที่หน้าห้อง “เจ้าชายเพคะ แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จเหรอยังเพคะ พัชรีหิวแล้วนะเพคะ”
เสียงปีเตอร์ดังออกมา “ใกล้แล้วๆ รอเดี๋ยวนะ”
พัชรีเดินมานั่ง “แต่งตัวช้าจริงๆ แต่งไปก็ไม่หล่อมากกว่านี้หรอก”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น
พัชรีรับสาย “ฮัลโหล” พัชรีฟังไม่ค่อยได้ยิน “ใครนะคะ ฮัลโหลๆ ไม่ค่อยได้ยินเลยค่ะ นั่นใครแล้วจะพูดกับใครคะ” พัชรีตกใจ “ห๊ะ!! พ่อของเจ้าชาย”
พัชรีตาโต
ปีเตอร์ใส่เสื้อแล้วกำลังจะนุ่งกางเกงทับกางเกงบ๊อกเซอร์ ทันใดนั้นพัชรีก็เปิดประตูผัวะเข้ามา ปีเตอร์ตกใจจนสะดุดหน้าคะมำลงไปกับพื้น พัชรีรีบขึ้นคร่อมปีเตอร์ ปีเตอร์ตกใจ
“พัชรี!! เจ้าจะทำอะไรเรา ใจเย็นๆก่อนดีมั้ย ตอนนี้เรายังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมไม่ได้แล้วล่ะเพคะ เพราะเสด็จพ่อของเจ้าชายโทรมา”
ปีเตอร์ช็อค “ห๊ะ!!”
ปีเตอร์มือสั่นด้วยความตื่นเต้น เหงื่อของเขาแตกซิกๆ ปีเตอร์ค่อยๆรับโทรศัพท์ โดยที่พัชรีจ้องไม่วางตาด้วยความแปลกใจ
“ทำไมเจ้าชายทรงดูตื่นเต้นอย่างนี้ล่ะเพคะ” พัชรีถาม
“เราไม่ได้คุยกับท่าน เอ่อ เสด็จพ่อนานแล้วน่ะ เออ เจ้าออกไปรอเราข้างนอกก่อนนะ” พัชรีมองหน้า “ไปสิ”
พัชรีเดินออกไป ปีเตอร์ใจเต้นระรัว เขากลั้นใจรับโทรศัพท์
“ฝ่าบาท...”
พัชรีเดินออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าสงสัย
“ดูมีลับลมคมในแปลกๆ”
พัชรีครุ่นคิดแล้วมองไปที่โทรศัพท์ตรงห้องรับแขก เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ ค่อยๆยกโทรศัพท์ขึ้นมาแอบฟัง พัชรีได้ยินเสียงที่ปีเตอร์คุยกับกษัตริย์
“เจ้าชายทรงสบายดีเพคะ แต่ตอนนี้เจ้าชายทรงหลับไปแล้ว” เสียงปีเตอร์พูด
พัชรีแปลกใจ เธอปิดหูโทรศัพท์แล้วบ่น “ทำไมเจ้าชายเรียกตัวเองว่าเจ้าชายล่ะ” พัชรีตั้งใจฟังต่อ
ปีเตอร์ที่พูดโทรศัพท์ยังคงเหงื่อแตกไม่หยุด
“ห๊ะ!! ท่านจะเสด็จมาประเทศไทย โอ๊ย อย่ามาเลยกระหม่อม ประเทศไทยอากาศร้อน ท่านจะไม่สบายเอานะกระหม่อม หม่อมชั้นจะรีบพาเจ้าชายกลับบ้านเอง ขอสาบานด้วยเกียรติของข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อนิวแลนด์”
พัชรีค่อยๆวางโทรศัพท์ เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธที่ได้รู้ความจริงว่าปีเตอร์ไม่ใช่เจ้าชาย
ปีเตอร์เดินออกมาจากห้องพร้อมทำหน้าตายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนพัชรีนั่งหน้าโหดรออยู่
“ไปกินข้าวกันเถอะพัชรี เราหิวแล้ว”
พัชรีหน้านิ่ง ปีเตอร์หันไปมองด้วยความแปลกใจ
“พัชรี....”
พัชรีลุกขึ้น ยังไม่ทันที่ปีเตอร์จะตั้งตัว พัชรีก็ต่อยเปรี้ยงจนปีเตอร์หน้าหัน เลือดซึมมุมปาก หันมามองพัชรีตกใจ
“เจ้าต่อยเราทำไม?! เราเป็นเจ้าชายนะ”
“เจ้าชายเหรอ?? เจ้าชายตัวปลอมน่ะสิ!!” พัชรีว่า ปีเตอร์ตกใจ “ชั้นรู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว คุณไม่ใช่เจ้าชาย แต่เป็นคนใช้!!”
ปีเตอร์อึ้ง “ เจ้าแอบฟังเราคุยโทรศัพท์เหรอ?”
“ใช่” พัชรีกระชากคอเสื้อปีเตอร์ “เจ้าชายตัวจริงอยู่ไหน”
ปีเตอร์มีสีหน้าตื่นกลัว เขามองพัชรีด้วยใบหน้าซีด
พัชรีดูรูปโซว์ตอนแต่งเป็นพระเอกลิเกที่ถ่ายคู่กับปีเตอร์แล้วก็ตกใจ เธอหันขวับมามองหน้าปีเตอร์
“เนี่ยเหรอเจ้าชาย!!??”
ปีเตอร์พยักหน้า พัชรีเอารูปขึ้นมาเทียบกับหน้าปีเตอร์แล้วมองสลับไปสลับมา
“อื้มมม ดูดีมีสง่าราศีกว่าจริงๆ” พัชรีว่า
“ได้ทีล่ะทับถมใหญ่เลยนะ”
“ก็มันจริงนี่ หลอกชั้นได้ตั้งนาน ให้ชั้นเปลืองเนื้อตัวเปลืองตัว ที่ไหนได้เป็นแค่คนใช้”
“ชั้นไม่ใช่คนใช้!! แต่ชั้นเป็นคนสนิทของเจ้าชาย”
“มันก็ความหมายเดียวกันนั่นแหละ” พัชรีคิด “ว่าแต่คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะให้เจ้าชายไปงานวันเกิดคุณหญิงฉาดประภา เท่าที่ฟังเรื่องราวทุกอย่างมา นายชรินทร์ไม่ใช่อุจจาระๆนะ ชั้นว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”
“คิดมากไปรึเปล่า”
“ไม่มากล่ะ ทุกอย่างมันดูประจวบเหมาะไปหมด ไม่รู้สึกรึไง”
ปีเตอร์คิดตาม “มันก็จริง”
“คุณต้องเตือนเจ้าชายให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดีนะ เพราะนายชรินทร์เป็นยิ่งกว่างูพิษ”
ปีเตอร์คิดหนักเพราะเริ่มเครียด
ขิง โซว์ ยายขม และตุ๊กกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ที่บ้าน ขิงกับโซว์เหล่มองกันไปมองกันมา ตุ๊กกับยายขมเหลือบมองขิงที มองโซว์ที
“ไอ้สองคนนี้! เดี๋ยวก็ได้ตาเหลือกหรอก” ยายขมว่า ขิงกับโซว์สะดุ้ง “มีอะไรจะคุยก็คุย!”
“ชั้นไม่มีอะไรจะคุย อิ่มแล้ว” ขิงบอก
แล้วขิงก็เดินออกไป โซว์หน้าเหวอ ตุ๊กสะกิดโซว์แล้วกระซิบ
“ปากแข็งแบบนี้ต้องฉุด!”
โซว์ตกใจ “เฮ้ย! ไม่ดีมั้งน้าตุ๊ก”
“ไม่ดียังไง นังขิงมันชอบเอ็ง เชื่อข้าสิ ข้าเลี้ยงมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมจะไม่รู้..ใช่มั้ยแม่”
“ใช่ ข้ามั่นใจอย่างที่ไม่เคยมั่นใจอะไรมาก่อน” ยายขมเสริม
“แต่ชั้นว่า..ขิงเค้าคงไม่ชอบชั้น” โซว์ถอดใจ
“ไม่หรอก ข้ามีวิธีที่จะทำให้นังขิงใจอ่อน” ตุ๊กบอก
โซว์กับยายขมมองด้วยความสนใจ ตุ๊กยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบกับโซว์ โซว์พยักหน้ายิ้มด้วยความสนใจ
ขิงออกมายืนที่ริมบึงด้วยสีหน้าสับสน สักพักโซว์ก็เดินออกมา
ขิงหันไปเห็นก็พูดออกมา “ถอยไป” โซว์หยุดเดิน ขิงพูดต่อ “บอกแล้วว่าอย่ามาอยู่ใกล้ชั้น”
“โอเคๆ ไม่อยู่ใกล้ก็ได้”
โซว์ยื่นกระดาษไปตรงหน้าขิง ขิงมองด้วยความสงสัย
“อะไร”
“ชั้นจะวางไว้ตรงนี้” โซว์วางบนม้านั่ง “มาอ่านเองแล้วกัน”
โซว์ยิ้มๆ แล้วเดินจากไป ขิงมองกระดาษแล้วก็นึกแปลกใจว่าอะไรจึงเดินไปหยิบขึ้นมาอ่าน
“ที่หาด หนึ่งทุ่ม ถ้าไม่มา จะเสียใจ” ขิงเริ่มใจไม่ดี “หรือโซ่จะไปแล้ว”
พระจันทร์ดวงกลมโตลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือบ้านยายขม ขิงเดินไปเดินมา เธอดูเวลาแล้วก็ลุกลี้ลุกลนเพราะใกล้หนึ่งทุ่มแล้ว ตุ๊กที่กำลังดูทีวีเหล่มองขิงแล้วก็ยิ้มๆ
“นัดใครไว้ ก็รีบไปเถอะ ไม่งั้นจะเสียใจ ข้าไม่อยากมานั่งเช็ดน้ำตาให้เอ็ง”
ขิงหยุดเดินแล้วหันขวับ “น้ารู้อะไร?”
“รู้อะไร ไม่รู้ หลีกๆ บังทีวีข้า ละครกำลังสนุก”
ขิงขยับออกห่างจากทีวีด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วเธอก็รีบออกไป ตุ๊กหันไปมองขิงแล้วยิ้ม
ขิงวิ่งมาที่ทะเลยามค่ำคืน แต่เธอก็ไม่เห็นใคร ขิงมองไปรอบๆ เพื่อมองหาโซว์
“ไม่อยู่ ไม่มี” ขิงดูนาฬิกา “สายไปสิบห้านาทีเอง”
ขิงมีสีหน้าเศร้าลงไป
ทันใดนั้นก็มีพลุยิงขึ้นฟ้า ขิงหันไปมองเห็นพลุดวงโตสวยงาม ขิงหันมาอีกครั้งก็เจอโซว์ยืนอยู่ เธอถึงกับผงะเพราะดีใจที่โซว์ยังไม่ได้ไปไหน โซว์เดินมาตรงหน้าขิง เขาจับมือขิงขึ้นมา ขิงใจเต้น
“ขิง...ชั้นรักเธอ” โซว์สารภาพ
ขิงอึ้ง เธอดึงมือออกมา โซว์หน้าเสีย
“นายรักชั้นไม่ได้ อย่าลืมสิว่าเราต่างกัน” ขิงบอก
“ชั้นไม่เคยเห็นว่าเราต่างกัน เราเป็นคนเหมือนกัน แล้วเราก็รักกันไม่ใช่เหรอ”
“ชั้น..”
“อย่าปฏิเสธเลยว่าเธอไม่ได้รักชั้น”
ขิงเบือนหน้าหนี โซว์จับหน้าขิงให้หันมา
“มองหน้าชั้นสิขิง” โซว์บอกแต่ขิงยังไม่มองหน้า “ขิง” โซว์เรียก ขิงหันมามอง “ความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนชั้น ความรักสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ รักเดียว รักแท้ที่ชั้นเฝ้าตามหามาทั้งชีวิต คือเธอ..ขิง” โซว์จับมือขิงขึ้นมากุมแน่น “ ชั้นให้สัญญาว่าชั้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน”
ขิงซาบซึ้งจนน้ำตารื้อขึ้นมา
“อย่าพูดว่าเป็นไปไม่ได้อีก รับรักชั้นเถอะนะขิง” โซว์ย้ำ
ขิงนิ่งไปซักพักแล้วก็พยักหน้าออกมาพร้อมทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม โซว์เช็ดน้ำตาให้ขิงก่อนจะหอมหน้าผาก ของเธอ สองคนยิ้มให้กันแล้วก็กอดกันแนบแน่น
ยายขมนั่งใช้ไม้เกาหลังเกาหลังตัวเองพร้อมกับมองพระจันทร์เต็มดวงแล้วยิ้มพริมอย่างมีความสุข ตุ๊กเดินเข้ามานั่งข้างๆ เขามองหน้ายายขมที่ยิ้มแล้วก็หัวเราะแล้วก็ยิ้มแล้วก็หัวเราะสลับกันไป ตุ๊กใจไม่ดี
“แม่...” ตุ๊กเรียก
ยายขมหันมายิ้มหวานแล้วรับคำเสียงหวาน “จ๋า”
ตุ๊กขนลุกเกรียว “ตอนด่ายังไม่น่ากลัวเท่ากับตอนเสียงหวานเลย แม่เป็นไร เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะ เพี้ยนรึปล่าเนี่ย”
ยายขมเอาไม้เกาหลังเขกหัว “ลูกเวร..มาหาว่าข้าเพี้ยน” ตุ๊กจับหัวตัวเองด้วยความเจ็บ “ข้ากำลังมีความสุขต่างหากล่ะเว๊ย ฮ่าๆๆๆ”
“มีความสุข?” ตุ๊กคิด “อ๋อ เรื่องขิงกับโซ่ใช่มั้ย” ตุ๊กถาม ยายขมพยักหน้า “ไม่รู้ป่านนี้จะลงเอยกันรึยัง แต่ชั้นว่าทั้งสองคนคงเข้าใจกันแล้วหละ” ตุ๊กตบเข่าดังฉาด “แหม..มันเหมือนตอนจบในละครไม่มีผิด ในที่สุดพระเอกนางเอกก็ได้ครองรักกันในที่ซู๊ด”
ยายขมกับตุ๊กหัวเราะคิกคักชอบใจ รุ้งที่แอบยืนฟังอยู่พอได้ยินทุกอย่างเธอก็กำมือแน่นด้วยความโกรธ
แก้วทาแป้งจนหน้าขาว ปากแดง และมีผ้าคาดหัวกำลังซ้อมรำลิเก โดยมียอดเอาช้อนมาเคาะกระป๋องให้จังหวะอยู่
ยอดทำเสียงระนาด “เตร๊ เตร เตร่ เตร๊รร”
แก้วรำออกมาหยุดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ “อันตัวเรามีนามว่าเจ้าชายวอนนอนคุก เป็นเจ้าเมืองเกาเหลา ตัวเรานั้นเป็นเจ้าชายที่หล่อที่สุดในประเทศ มีแฟนคลับทั่วโลก เรามีความสามารถในการร้องและเต้นเพลงสไตล์เกาหลี” แก้วหันไปทางยอด “มิวสิค”
ยอดกดเปิดวิทยุ แล้วเพลงสไตล์เกาหลีก็ดังขึ้น แก้วออกมาเต้นและร้องแบบมั่วๆ ยอดมันส์ไปด้วย
“ลูกพี่สุดยอด มันส์จริงๆ”
ยอดออกมาเต้นกับแก้ว ทั้งสองทำตัวเป็นบอยแบนด์เกาหลี ทันในนั้นเพลงก็หยุด แก้วกับยอดหันขวับ
“ใครปิดเพลง?” แก้วถาม
รุ้งเดินอาดๆมาตรงหน้าแก้ว
“ฉันเอง”
“ขัดความสุขจริงๆ มาหาชั้นดึกๆดื่นๆทำไมห๊ะ!! อ๋อๆๆ หรือว่าคิดถึงจึงมาหา กิ้ววว” แก้วแซว
ยอดร้องรับ “กิ้ววว”
“ใช่ ชั้นคิดถึง คิดถึงมากด้วย เลิกขำกันได้แล้ว” รุ้งบอก แก้วกับยอดผงะ “ตอนนี้โซ่ของชั้นกับน้องขิงของแกกำลังพลอดรักกันอยู่”
“แล้วไง..” แก้วนึกได้ “ห๊ะ!! ว่าไงนะ โซ่กับน้องขิง..ไม่..ไม่จริง ไม่...” แก้วฟูมฟาย
“โว๊ย เลิกโวยวายซักที เราต้องรีบไปก่อนที่สองคนนั้นจะลงเอยกัน”
แก้วยังยืนเหวอ รุ้งคว้ามือแก้วแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ยอดเกาหัวด้วยความงง เขาหันไปหันมาก่อนจะเปิดเพลงแล้วเต้นคนเดียว
โปรดติดตามตอนต่อไป