ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 9
ขิงและโซว์เดินกลับมาด้วยกัน ทั้งสองก้มหน้าด้วยความเขินอายกันทั้งคู่ โซว์เหล่มองขิง ขิงก็เหล่มองโซว์ แล้วก็หันไปยิ้มเขินๆ ให้กัน
โซว์ค่อยๆเอื้อมมือมาจะจับมือขิงแต่จับไม่โดนทั้งสามครั้ง ในที่สุดโซว์ก็จับมือขิงได้ ขิงสะดุ้งตกใจ เธอหันไปผลักโซว์จนกระเด็นล้มลงไปกับพื้น แล้วขิงก็ตกใจ
“โซ่!!”
โซว์แกล้งทำเป็นเจ็บ
“โอ๊ย ผลักชั้นทำไม เจ็บนะ”
ขิงรีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ ชั้นตกใจที่อยู่ๆนายก็จับมือชั้น” ขิงเขินนิดๆ “เจ็บมากมั้ย”
“มากสิ”
“เจ็บตรงไหน”
โซว์จับขาตัวเอง “ตรงนี้”
ขิงจับไปที่ขาโซว์
“ตอนเด็กๆเวลาชั้นเจ็บ ยายจะเป่าให้ แล้วความเจ็บก็จะหายไป ชั้นเป่าให้นะ”
ขิงเป่าไปที่ขาโซว์ โซว์ได้ทีเอาใหญ่
“ตรงแขนก็เจ็บ” โซว์บอก
ขิงเป่าแขนให้โซว์
โซว์ชี้ที่แก้ม “ตรงนี้ก็เจ็บ”
ขิงชะงัก “เจ็บได้ไง ชั้นไม่เห็นหน้านายกระแทกพื้นเลย”
“ก็ความเจ็บมันสะเทือนมาถึงใบหน้า โอ๊ยโอ๊ย เจ็บจริงๆนะ”
ขิงเขินแต่ก็ยื่นหน้าเข้าไปจะเป่าแก้มให้โซว์ แต่โซว์หันมาทำให้ปากของทั้งสองแตะกัน ขิงตกใจ โซว์ยิ้ม
“ถูกหลอกแล้ว” โซว์บอก
“บ้า”
โซว์ลุกขึ้นวิ่งหนี ขิงวิ่งไล่ตี แล้วโซว์ก็ผงะที่เห็นรุ้งกับแก้วเดินมา โซว์รีบหันไปจับมือขิงแล้วพาเข้าพงหญ้าข้างทาง ขิงตกใจ
“นายจะทำอะไรชั้น” ขิงถาม
โซว์ปิดปากขิง “รุ้งกับแก้วกำลังมาทางนี้”
ขิงแปลกใจ โซว์กับขิงแอบอยู่ในพงหญ้าข้างทางแล้วแอบมองรุ้งกับแก้วที่กำลังเดินมาด้วยกัน
แก้วกับรุ้งหน้าหงิกเพราะหงุดหงิดเรื่องโซว์กับขิง
“น้องขิงนะน้องขิงทำกับพี่แก้วได้ รู้มั้ยว่าพี่แก้วเจ็บขนาดไหน” แก้วบ่น
“เจ้าชายนะเจ้าชาย ทำกับรุ้งได้ รุ้งอุตส่าห์จงรักภักดี ไม่เคยชายตาเหลียวมองคนอื่น หัวใจรุ้งมีแต่เจ้าชายคนเดียว แล้วทำไมเจ้าชายถึงไปรักนังขิง”
“ใช่!! ทำไมน้องขิงต้องรักนายโซ่ด้วย ทำไม!! วันนี้เป็นไงเป็นกัน เรื่องระหว่างเราทั้งสี่คน ต้องจบลงวันนี้”
รุ้งกับแก้วทำหน้าตามุ่งมั่นก่อนจะเดินผ่านบริเวณที่โซว์กับขิงซ่อนตัวไป พอคล้อยหลังสองคนนั้น โซว์กับขิงก็เดินออกมา
โซว์ครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มมุมปาก “ชั้นว่าเรามาหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า”
ขิงมองโซว์ด้วยความสงสัย
แก้วกับรุ้งเดินมาตามทาง บรรยากาศโดยรอบวังเวงขึ้นเรื่อยๆ จนแก้วกับรุ้งค่อยๆเข้ามาใกล้กันโดยไม่รู้ตัว แล้วทั้งคู่ก็หันมาป๊ะหน้ากันเองแล้วก็สะดุ้งตกใจ
“เฮ้ย!”
“บ้า!! เดินห่างๆชั้นก็ได้” รุ้งว่า
“เธอต่างหากที่เดินห่างๆชั้น ชิ้วชิ้ว” แก้วไล่
รุ้งสะบัดหน้าใส่แล้วก็ต้องผงะเพราะเห็นเงาคนแวบผ่านไปข้างๆ รุ้งเริ่มใจคอไม่ดี แก้วเห็นสีหน้าของรุ้งก็ถามขึ้น
“เป็นไร?”
“ปะปะเปล่าเปล่า”
แก้วหันไปแล้วก็ต้องผงะเพราะเห็นเงาคนแวบผ่านไปข้างๆเช่นกัน แก้วหยุดกึก รุ้งหันมามองแล้วถาม
“แกหยุดเดินทำไม?”
“ชั้นเหมือนเห็นอะไรแว๊บๆผ่านไป”
รุ้งตบปากแก้ว แก้วตกใจ รุ้งว่าแก้วทันที “กลางค่ำกลางคืนใครให้พูดแบบนี้”
“ก็มันเห็นจริงๆนี่”
“แนะ..ยังพูดอีก”
แก้วกับรุ้งหันไปก็ผงะหน้าตื่นเพราะเห็นขิงที่เอาผมปิดหน้าปิดตายืนอยู่ แก้วกับรุ้งถึงกับอึ้ง ขิงยื่นมือออกมาตรงหน้าแก้วกับรุ้ง
ขิงร้องเสียงแหบ “เลือด..เลือด....”
แก้วกับรุ้งแหกปากลั่น “อ๊าย!! / เวย!!”
แก้วกับรุ้งจะวิ่งหนี แต่กลับหันมาชนกันเอง พอได้สติ ทั้งคู่ก็รีบหันหลังแล้ววิ่งไปพร้อมกัน แล้วทั้งคู่ก็แทบช็อคเมื่อเห็นโซว์ห้อยหัวลงมาจากต้นไม้ โซว์หน้าดำเพราะเอาดินทา แก้วกับรุ้งกลัวจนขึ้นสมอง
“อ๊ายอ๊าย / ว๊ากว๊าก”
รุ้งกระโดดขี่หลังแก้ว แก้วรีบวิ่งหนีเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง โซว์เหวี่ยงตัวขึ้นไปบนกิ่งไม่ก่อนจะกระโดดลงมา แล้วหัวเราะ เขาหันมาเห็นขิงที่เอาผมปิดหน้าก็ตกใจ
“เวย!!”
ขิงแหวกผมออกแล้วแลบลิ้นใส่โซว์
“แบร่!”
โซว์ถอนหายใจโล่งอกแล้วถาม “สนุกมั้ย”
“สนุก”
ขิงกับโซว์พากันหัวเราะ แล้วโซว์ก็จับมือขิง ขิงชะงักแล้วก็ค่อยๆหยุดหัวเราะ โซว์กับขิงยิ้มเขินให้กัน แล้วทั้งสองก็จูงมือพากันเดินกลับบ้าน
แก้วแบกรุ้งวิ่งหนีมาหยุดหอบด้วยความเหนื่อย แก้วกับรุ้งหันไปมองทางด้านหลัง
“ไม่มีผีตามมาแล้วล่ะ” รุ้งบอก
แก้วหอบไม่หยุดแล้วก็นึกได้ว่ากำลังแบกรุ้งอยู่ แก้วปล่อยรุ้งลงจนล้มก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย ปล่อยมาได้!!” รุ้งว่า
“กินแรงเลยนะ หลังจะหัก”
รุ้งหันไปมองรอบๆก่อนจะลุกขึ้นยืน “เราอยู่ที่ไหน”
แก้วหันไปมองรอบๆ “นั่นสิ ที่นี่ที่ไหน??”
รุ้งกับแก้วเดินสำรวจแล้วก็หยุดกึก ทั้งสองตาค้างเพราะที่เห็นตรงหน้าคือป้ายหลุมศพ แก้วกับรุ้งมองไปรอบๆ ถึงเห็นว่าตัวเองอยู่ในป่าช้า รุ้งกับแก้วแหกปากแล้วกอดกันกลม
“ฮือๆๆๆ”
“พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยแก้วด้วย แก้วกลัว”
แก้วกอดรุ้งแน่นจนรุ้งทนไม่ไหวต้องผลักแก้วออกไป
“คนบ้า คนฉวยโอกาส”
“อยากฉวยตายล่ะ แหมพูดหยั่งกับตัวเองสวย ถุย!”
“แก้ว!” รุ้งโมโหแต่ความกลัวมีมากกว่า “รีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ ขาชั้นแข็งจนจะก้าวไม่ออก
ทันใดนั้นเกิดเสียงลมใบไม้ไหว แก้วกับรุ้งตกใจจึงผวากอดกันอีก ทั้งสองคนก้าวขาไม่ออกและกอดกันนิ่ง ก่อนจะหันมาเห็นว่าหน้าของทั้งสองใกล้กันมาก จู่ๆ ทั้งสองคนก็มีอารมณ์หวิวๆเคลิ้มๆ คล้ายอยู่ในภวังค์
แก้วมองปากรุ้ง รุ้งมองปากแก้ว ทั้งสองเหมือนจะจุ๊บกัน ทั้งสองคนเคลื่อนหน้าเข้ากันโดยไม่รู้ตัว ไม่นานรุ้งกับแก้วก็ได้สติจึงรีบผละออกจากกัน
“ฝันไปเถอะว่าแกจะเป็นจูบแรกของชั้น คนที่จะได้จูบแรกจากชั้นคือโซ่คนเดียวเท่านั้น” รุ้งบอก
“ชิ...ชั้นไม่ได้อยากจูบแกซักหน่อย แค่เห็นก็หมดอารมณ์แล้ว คนที่ชั้นจะจูบมีน้องขิงคนเดียวเท่านั้น”
“เชอะ” รุ้งสะบัดหน้า
“เชอะ” แก้วสะบัดหน้าไปอีกข้าง
รุ้งกับแก้วจะแยกกันเดินคนละทาง ทันใดนั้นก็มีเสียงหมาหอนดังขึ้น แก้วกับรุ้งรีบกระโดดกอดกันตามเดิม
ฉาดประภาและติ๊งโหน่งกำลังคุยกันที่โต๊ะอาหาร
“งานวันเกิดคุณแม่ปีนี้เราต้องจัดงานให้เลิศหรูอลังการเอาให้คนพูดกันไปทั่วเมือง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ หนังสือทุกเล่ม ต้องมีรูปงานวันเกิดคุณแม่” ติ๊งโหน่งบอก
“เลิศมากจ๊ะลูกจ๋า นี่แม่ก็สั่งซื้อเครื่องเพชรของตระกูลชวาลอฟโก เป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ราคาร่วมร้อยล้านมาใส่ รับรองว่าเราสองแม่ลูกต้องเลิศๆเชิดๆไม่มีใครเทียบได้แน่”
“ถ้าคุณแม่มีเครื่องเพชรอลังการใส่ แล้ววันนั้นติ๊งจะใส่อะไรดีน้า” ติ๊งโหน่งนึกได้ “ติ๊งไปถามคุณพ่อดีกว่า”
ติ๊งโหน่งกับฉาดประภาเดินมาหาชรินทร์ที่กำลังคร่ำเคร่งกับการดูหนังอยู่กับอำนาจ ติ๊งโหน่งกระโดดมานั่งตรงหน้าชรินทร์ ชรินทร์รีบเขยิบหนีเพราะติ๊งโหน่งบังจอทีวี
“คุณพ่อขา งานวันเกิดคุณแม่ติ๊งแต่งตัวสไตล์ไหนดีคะ สไตล์เกาหลี หรือ บอสโนว่า หรือโบฮีเมียนดีคะคุณพ่อ”
“จะแต่งแบบไหนก็เอาเถอะลูก” ชรินทร์ตอบ
ติ๊งโหน่งไม่พอใจ “คุณพ่ออ่ะ คุณพ่อไม่เต็มใจตอบเลย” ชรินทร์ยังเงียบ “คุณพ่อ!!”
“พ่อขอทำงานก่อนนะลูก ลูกไปคุยกับแม่เค้าก่อนนะ”
“คุณพ่อนะคุณพ่อ เห็นหนังดีกว่าติ๊ง ติ๊งงอนแล้ว”
ติ๊งโหน่งเดินออกไป ฉาดประภาไม่พอใจชรินทร์จึงรีบเดินมาต่อว่า
“คุณก้อ สนใจลูกก่อนก็ไม่ได้”
“ชั้นกำลังทำงานใหญ่ อย่าเพิ่งพูดได้มั้ย” ชรินทร์บอก
ฉาดประภาหัวเสีย “ลูกติ๊งขา รอคุณแม่ก่อน”
ชรินทร์ไม่สนใจลูกเมีย อำนาจหันมาถามชรินทร์
“เจ้านายเลือกได้รึยังครับว่าจะจัดการแบบไหนให้เนียนที่สุด”
ชรินทร์นิ่งไปสักพักแล้วยิ้มร้ายก่อนจะกดหยุดดีวีดี
“ชั้นเจอวิธีนั้นแล้ว”
อำนาจหันไปมอง ชรินทร์กดเพลย์อีกครั้ง ภาพในจอเป็นฉากของหนักตกใส่คนจนตาย ชรินทร์กับอำนาจหันมายิ้มชั่วร้ายให้กัน
ติ๊งโหน่งเข้ามาทึ้งหมอนในห้องนอนด้วยความโกรธจนขนเป็ดกระจายเต็มห้อง ฉาดประภารีบเข้ามาโอ๋
“ใจเย็นก่อนจ๊ะลูกติ๊ง หมอนใบนี้ราคาเป็นหมื่นเลยนะลูก โธ่ขนเป็ดกระจายเต็มห้องไปหมดแล้ว”
“ติ๊งไม่พอใจที่คุณพ่อไม่สนใจติ๊ง”
“ช่วงนี้คุณพ่อกำลังเครียดกับงาน ลูกอย่าหงุดหงิดเลยนะ หงุดหงิดมากๆ เดี๋ยวหน้าแก่ก่อนถึงวันงานแล้วเจ้าชายจะไม่พอใจนะลูก”
“อุ๊ย จริงด้วยค่ะคุณแม่” ติ๊งโหน่งฉีกยิ้ม “ติ๊งไม่หงุดหงิดแล้ว ติ๊งอยากให้เจ้าชายพอใจในตัวติ๊ง” ติ๊งโหน่งพูดแล้วก็นึกอะไรออก “ติ๊งคิดอะไรออกแล้วค่ะคุณแม่ แต่เรื่องนี้เป็นความลับนะคะ”
“อะไรจ๊ะ”
ติ๊งโหน่งล็อคคอแม่มากระซิบ “วันงานติ๊งจะรวบหัวรวบหางเจ้าชายให้ได้ค่ะ”
ฉาดประภายิ้มชอบใจ “อ๊ายยย ลูกติ๊งของแม่ ฉลาดที่สุด แม่จะเอาใจช่วยนะลูก”
สองแม่ลูกหัวเราะกันอย่างมีความสุข
สามวันต่อมา เสียงยายขมดังออกมาลั่นบ้านในตอนเช้า
“ให้ไวหน่อยเว๊ย เร่งมือเร็วเข้า”
ยายขมกำลังใช้ไม้เกาหลังชี้นิ้วสั่งให้ตุ๊ก ขิง โซว์ แก้ว และรุ้งช่วยกันขนของขึ้นรถ
“วันนี้วันงานข้าไม่อยากไปสาย เร็วๆ”
ทุกคนช่วยกันขนของวุ่นวายไปหมด ขิงกำลังยกลังแต่ยกพลาดกำลังจะทำหล่น โซว์เห็นก็รีบถลาเข้ามาช่วยประคองรับลังเอาไว้ โซว์กับขิงหันมามองหน้ากัน
“ขอบใจนะ” ขิงบอก
“ชั้นยกเองดีกว่า ขืนเธอเป็นอะไร ชั้นไม่อยากเป็นม่าย”
โซว์ยิ้ม
“ชั้นเองก็ไม่อยากเป็นม่ายเหมือนกัน” ขิงบอก โซว์ผงะ “ชั้นเป็นห่วงนาย กลัวนายชรินทร์จำนายได้ นายคิดเอาไว้รึยังว่าจะทำยังไง”
โซว์ยกลังขึ้นรถไปด้วยพูดไปด้วย “พอไปถึง ช่วงก่อนที่งานจะเริ่ม ชั้นจะพยายามหาหลักฐานในบ้านนายชรินทร์ให้ได้”
“แต่มันไม่ปลอดภัย”
โซว์จับมือขิง “ เธอไม่ต้องห่วง ชั้นเอาตัวรอดได้แน่”
ขิงกับโซว์มองหน้ากัน ทันใดนั้นรุ้งกับแก้วก็เดินเข้ามา รุ้งเดินมาดึงแขนโซว์ให้ออกห่างจากขิง แก้วก็เข้ามาโอบขิง แก้วเจอขิงทุ้งศอกใส่ทำเอาแทบจุก
“อุ๊ยย” แก้วร้อง
“โซ่จ๋า รุ้งเหนื่อยจังเลยอ่ะตะเอง ตะเองมาช่วยเค้ายกของหน่อยนะ” รุ้งอ้อน
“น้องขิงจ๋า พี่แก้วทำงานจนหิวน้ำ น้องขิงเอาน้ำเย็นๆมาให้พี่แก้วดื่มหน่อยสิจ๊ะ”
ขิงตวาดใส่หน้า “ไม่!!”
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า เราไปกันเถอะจ๊ะโซ่”
โซว์แกะมือรุ้งออก “น้าตุ๊ก ช่วยรุ้งยกของทีสิน้า”
“ได้เลย” ตุ๊กเข้ามาจับแขนรุ้ง “มานี่นังรุ้ง ชอบทำตัวเป็นก้างขวางคอ ไปกับข้าเนี่ยแหละ”
รุ้งทำหน้าเหรอหราไม่พอใจ “โซ่อ่ะ...”
โซว์ส่ายหัวแล้วหันมาทางขิง เขาเจอแก้วยืนเบ่งกล้ามอกอยู่ โซว์เข้ามาตบไปที่กล้ามอกแก้ว แก้วถึงกับสำลัก แล้วโซว์ก็จับมือขิงก่อนจะพาเดินออกไป
แก้วไอไม่หยุด เขาหันไปเจอยายขมเอาไม้เกาหลังเคาะหัว
“รีบไปเก็บของ มัวแต่ชักช้า เดี๋ยวตัดออกจากคณะซะเลย” ยายขมว่า
“จ๊ะๆ ไปแล้วจ๊ะ” แก้วบอก
แก้วรีบเดินออกไป ยายขมหันไปมองขิงกับโซว์ที่ช่วยกันทำงานแล้วก็ยิ้มสุขใจ
อำนาจกำลังดูคนงานติดตั้งไฟสำหรับส่องไปที่เวทีสำหรับเล่นลิเก อำนาจมองแล้วก็ยิ้มร้ายก่อนจะเข้าไปซุบซิบสั่งลูกน้องที่กำลังติดไฟ
ติ๊งโหน่งอยู่ในชุดรัดติ้วจนตัวเป็นปล้องเหมือนแหนมป้าย่น เธอแต่งหน้าจัด ติดขนตางอนยาว ทาปากแดงหนา แก้มสีชมพูแปร๋น ทาตาสีฟ้า ใส่วิกผมหยิกสีทอง ติ๊งโหน่งโพสท่าเซ็กซี่อยู่ที่หน้ากระจก แล้วก็ทำปากเจ่อ
“โอ้ ว้าว...” ติ๊งโหน่งทำเสียงกระเซ่า “เจ้าชายเพคะ ติ๊งเซ็กซี่โดนใจมั้ยคะ โอ้ ว้าว อ้า อู้”
ติ๊งโหน่งยืนลูบไล้ตัวเอง ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา”
คนใช้เปิดประตูเข้ามา ทันทีที่เห็นติ๊งโหน่งคนใช้ก็หันไปทำท่าอ้วก ติ๊งโหน่งผงะ คนใช้รีบหันมาแล้วเช็ดปากที่เปื้อน
“คณะลิเกมาแล้วค่ะ” คนใช้บอก
ติ๊งโหน่งตื่นเต้นดีใจ “คณะลิเกมาแล้ว แปลว่าพระเอกลิเกสุดหล่อก็ต้องมาแล้วเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”
ติ๊งโหน่งรีบออกไปทันที ส่วนคนใช้ยังพะอืดพะอมเพราะสยองไม่หาย
อำนาจพาคณะลิเกมาที่ห้องพัก โซว์กับขิงหันไปเห็นสายตาของอำนาจที่แอบมองโซว์และขิงเหมือนมีแผนร้ายทำให้ขิงกับโซว์รู้สึกไม่สบายใจ
“อยู่กันแต่ในห้องนี้ อย่าออกมาเพ่นพ่าน ไม่งั้นเจอดีแน่” อำนาจบอก
ทุกคนสะดุ้งมองอำนาจอย่างแปลกใจว่าทำไมต้องโหดด้วย
“เออ แล้วถ้าออกไปเข้าห้องน้ำได้มั้ย” ตุ๊กถาม
อำนาจตวาด “ไม่ได้!” ตุ๊กผงะ “บอกแล้วไงว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด”
อำนาจเดินไปยืนเฝ้าที่ประตู ตุ๊กกับยายขมหันมาซุบซิบกัน
“หมอนี่ทำไมต้องทำหน้าโหดหยั่งกับเป็นพวกมาเฟียด้วยก็ไม่รู้นะแม่”
“นั่นสิ ดูมันสิ...ยืนเฝ้าซะงั้น สงสัยกลัวเราขโมยของ”
ขิงกับโซว์กำลังเอาของออกมาจากลัง
“มันจ้องเราไม่วางตาเลย หรือว่ามันจำเราได้” ขิงพูดกับโซว์
“ชั้นไม่แน่ใจ เราทำเฉยๆไว้ก่อนแล้วกัน”
ขิงพยักหน้า เธอเอาเสื้อผ้าออกมาแขวน อำนาจยังคงจ้องขิงกับโซว์ไม่วางตา
ทันใดนั้นประตูก็เปิดผ่างออกมากระแทกหน้าอำนาจที่ยืนหลังประตู แล้วติ๊งโหน่งก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะทุกคน”
ทุกคนหันไปเห็นติ๊งโหน่งก็หันมาอ้วกแตกไปตามๆ กัน ติ๊งโหน่งผงะ
“ตัวประหลาดหลุดมาจากไหนวะเนี่ย” ยายขมถาม
ขิงรีบบอก “นี่คุณติ๊งโหน่ง ลูกสาวคุณชรินทร์ไงจ๊ะยาย”
ยายขมตกใจแต่ก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ที่แท้คุณติ๊งโหน่งนี่เอง มิน่าว่าสวยประหลาด เฮอะๆๆ”
“อ้าว แล้วนี่อำนาจหายไปไหน ไหนบอกว่าอยู่ห้องนี้ไง” ติ๊งโหน่งถามหา
แก้วชี้ไปที่หลังประตู “อยู่นู่นครับ”
ติ๊งโหน่งหันไปเห็นอำนาจเอามือกุมจมูกและมีสีหน้าเจ็บปวด
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้ รีบไปหาน้ำหาท่ามาให้แขกสิ
“ไม่ได้ครับ นายสั่งให้ผมอยู่คอยดูแลความสะดวกสบายที่นี่” อำนาจบอก
ติ๊งโหน่งโมโหที่อำนาจขัดใจเลยกระทืบเท้าไม่หยุด
“ชั้นจะฟ้องคุณพ่อว่าแกขัดใจชั้น ชั้นไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม”
“โอเคครับๆ ผมไปแล้ว”
อำนาจเหล่มองขิงกับโซว์อีกครั้งก่อนเดินออกไป ติ๊งโหน่งเปลี่ยนหน้าก่อนจะหันมายิ้มหวานกับทุกคน
“ติ๊งมีเรื่องอยากปรึกษาทุกคนค่ะ คือติ๊งอยากจะเซอร์ไพร์สวันเกิดแม่ แต่ต้องให้ทุกคนช่วย”
ทุกคนมองติ๊งโหน่งด้วยความสงสัย
หลังจากฟังสิ่งที่ติ๊งโหน่งร้องขอ ทุกคนก็มองหน้าติ๊งโหน่งด้วยความตกตะลึง
ยายขมเอามือทาบอก “คุณติ๊งจะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอจ๊ะ”
“จริงสิยาย ทุกคนทำได้มั้ย” ติ๊งโหน่งถาม
ทุกคนอึ้งเพราะพูดไม่ออก รุ้งกำมือแน่นเพราะไม่ยอม
“ไม่ได้!!”
ติ๊งโหน่งหันไปมองด้วยความไม่พอใจ รุ้งกำลังจะโวยวาย แต่ตุ๊กรีบปิดปากเธอแล้วชิงพูด
“ได้สิจ๊ะ เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้” ตุ๊กบอก ติ๊งโหน่งยิ้มพอใจ “คุณติ๊งอยากเป็นนางเอก นางร้าย หรืออยากเล่นคนเดียวก็ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่ยังจ่ายเงินเท่าเดิมอยู่”
“ติ๊งไม่เอาเปรียบทุกคนเล่นคนเดียวหรอก ติ๊งจะเป็นนางเอก” ติ๊งโหน่งทำท่าเคลิ้มก่อนซบโซว์ “คู่กับโซ่เท่านั้น”
โซว์ขนลุก เขาหันไปมองขิง ขิงยักไหล่คล้ายจะบอกว่าช่วยไม่ได้จริงๆ
“มามะ...เราไปซ้อมฉากเข้าพระเข้านางกันดีกว่า อิอิอิ”
ติ๊งโหน่งรีบลากโซว์ออกไป ทุกคนมองด้วยความสงสารเพราะอยากจะช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้
ติ๊งโหน่งลากโซว์เข้ามาในห้องทำงานของชรินทร์แล้วหันไปปิดประตูก่อนจะกดล็อค ติ๊งโหน่งทำหน้าหื่น ก่อนจะหันมายิ้มซื่อๆ โซว์กลืนน้ำลายอย่างระแวงและกังวลว่าจะเจออะไร
ติ๊งโหน่งพูดไปก็รุกคืบเข้าหาโซว์ โซว์ถอยร่น “ติ๊งอยากเล่นลิเกให้เป็นของขวัญวันเกิดคุณแม่ โซ่ต้องช่วยติ๊งนะ เพราะติ๊งไม่เคยเล่นมาก่อน”
โซว์ถอยจนติดกำแพง ติ๊งโหน่งเข้ามาประชิดตัว
“งั้นเรามาซ้อมฉากเลิฟซีนกันเถอะ อ๊าย!”
โซว์ตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ติ๊งโหน่งกระโดดเข้ากอดทำเอาโซว์ล้มหงายหลัง
“เวยยยย!”
ติ๊งโหน่งกระโดดทับตัวโซว์เอาไว้ เสียงหลังของโซว์ดังกร่อบ โซว์หน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“อุ๊ยยยย”
โซว์แทบร้องไห้ ส่วนติ๊งโหน่งหัวเราะชอบใจ
พัชรียื่นเอกสารให้ปีเตอร์ ปีเตอร์รับมาดู
“นี่เป็นข้อมูลที่ชั้นแอบไปสืบเรื่องนายชรินทร์จากการไปสอบถามพนักงานในผับแล้วก็พวกลูกน้อง จนได้เรื่องมาว่านายชรินทร์ค้าผู้หญิง” พัชรีบอก
ปีเตอร์ดีใจ “งั้นก็ดีเลย เรารีบไปแจ้งความกันเถอะ”
“หลักฐานแค่นี้เอาผิดมันไม่ได้หรอก ถ้าจะเอาผิดคนอย่างนายชรินทร์มันต้องมีภาพให้เห็นกันจะจะ โง่จริงๆเลย”
“แหม พอรู้ว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าชาย ด่ากันเลยนะ”
“แน่นอน เล่นหลอกฉันก่อนนี่ ชั้นว่าเราไปที่งานกันเลยดีกว่า เพราะเจ้าชายตัวจริงอาจจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราไปไม่ทัน เจ้าชายจะแย่”
“แต่คนที่จะแย่ก่อนคือเรา เพราะวันนี้เจอครบทั้งลัดลดาและติ๊งโหน่ง เราต้องตายแน่ๆ”
ปีเตอร์มีสีหน้าแย่สุดๆ
โซว์มองติ๊งโหน่งอย่างหวาดๆ แต่ติ๊งโหน่งมองเขาด้วยความชื่นชมและเคลิบเคลิ้ม เธอค่อยๆเขยิบเข้ามาหา
“ใจเย็นสิครับคุณติ๊ง ฉากเข้าพระเข้านางของลิเกเป็นฉากสวยงาม ต้องใช้การบิ้วอารมณ์ ไม่ใช่รวบรัดตัดความ”
“แต่ติ๊งใจร้อน ชอบแบบรวบๆรัดๆ”
พูดจบติ๊งโหน่งก็เข้ามารวบตัวโซว์ทันที โซว์ตกใจ ติ๊งโหน่งพยายามยื่นหน้าเข้าไปหมายจะจูบ
“เข้าพระเลยก็แล้วกัน มามะ”
“เยยย!! คุณติ๊ง ใจเย็น ผมหายใจไม่ออก”
“งั้นติ๊งจะช่วยผายปอดให้เอง”
โซว์ดันหน้าติ๊งโหน่งออกไปอย่างแรง แต่ติ๊งโหน่งก็พยายามจะจูบให้ได้ ก่อนที่โซว์จะพลาดท่าถูกขโมยจูบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เสียงคนใช้ดังขึ้น “คุณติ๊งคะ”
โซว์ได้ที เขารีบผลักติ๊งโหน่งออกไปแล้วขยับออกห่าง
“มีอะไร?!!” ติ๊งโหน่งตะโกนถามคนใช้
“เจ้าชายเสด็จมาแล้วค่ะ”
ติ๊งโหน่งดีใจ “ห๊ะเจ้าชายมาแล้ว”
ติ๊งโหน่งรีบวิ่งออกไปโดยทิ้งโซว์ไว้ในห้อง เมื่อติ๊งโหน่งออกไปแล้ว โซว์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกือบไปแล้วเรา”
แล้วโซว์ก็สังเกตว่าห้องที่เขาอยู่คือห้องทำงานชรินทร์ โซว์มีสีหน้าครุ่นคิด
ปีเตอร์กับพัชรีเดินเข้ามาในบ้านชรินทร์ด้วยกัน ลัดลดารีบถลาออกมา
“เจ้าชายเพคะ”
ลัดลดาเหล่พัชรีอย่างไม่พอใจ เธอเข้าไปกระแทกพัชรีจนกระเด็นก่อนจะควงปีเตอร์อย่างแนบแน่น
“ไม่ได้ทรงเจอหน้าเจ้าชายหลายวัน หม่อมชั้นคิดถึ๊งคิดถึง จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ถ่ายไม่เป็นเวลาเลยค่ะ แล้วเจ้าชายล่ะคะ ทรงคิดถึงหม่อมชั้นบ้างมั้ย”
ลัดลดาทำตาหวานใส่ เธอกระพริบตาปิ๊งๆๆ ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ ยังไม่ทันตอบอะไร ชรินทร์กับฉาดประภาก็เดินเข้ามาพอดี ปีเตอร์รีบชิ่งไปหา
“โอ้คุณชรินทร์ คุณหญิงฉาดประภา”
ลัดลดาเบ้หน้าเซ็ง พัชรีแอบยิ้ม ลัดลดาหันไปมอง พัชรีจึงทำเป็นหันไปทางอื่น
ปีเตอร์ยื่นกล่องของขวัญให้ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ นี่เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆจากเรา เราขอให้คุณหญิงมีความสุข และสวยวันสวยคืนแบบนี้ตลอดไป”
“ขอบพระทัยเพคะ” ฉาดประภารับของขวัญมาถือเอาไว้ “วันเกิดปีนี้เดี๊ยนรู้สึกดีมากที่ได้รับคำอวยพรจากเจ้าชาย”
“เจ้าชายทรงมีน้ำใจและเป็นกันเองกับครอบครัวของหม่อมชั้นจริงๆ นี่ถ้าไม่บอกใครๆว่าท่านเป็นเจ้าชาย เราคงนึกว่าไม่ใช่ เพราะดูมีความเป็นสามัญชนเหลือเกิน”
ชรินทร์จ้องหน้าปีเตอร์ ปีเตอร์เสียววาบ เขาเหล่มองพัชรีก่อนจะหันมาหัวเราะ
“ใครๆก็ชมเราแบบนี้ทั้งนั้น” ปีเตอร์รีบหาทางหนี เขาหันไปทางลัดลดา “เออ คุณลัดลดา เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
“ได้เลยเพคะ” ลัดลดาตอบรับ
ปีเตอร์กับลัดดารีบเดินเข้าไป พัชรีเดินตาม เธอเห็นสายตาที่ชรินทร์มองตามปีเตอร์แล้วก็ใจไม่ดี
โซว์เปิดลิ้นชักแล้วดูตามตู้ต่างๆ เขารื้อเอกสารที่วางกองอยู่บนโต๊ะ
“มันน่าจะมีหลักฐานที่สามารถเอาผิดนายชรินทร์อยู่ในนี้บ้างสิ”
โซว์หาไม่เจอ เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงาน แต่มือไปโดนคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำให้คอมพิวเตอร์เปิดขึ้นมา โซว์ผงะแล้วครุ่นคิดก่อนจะไล่ดูโฟลเดอร์ที่อยู่หน้าจอ โซว์เห็นโฟลเดอร์หนึ่งชื่อว่า “ลับเฉพาะ” โซว์รีบกดเปิด จนไปเจอโฟลเดอร์อีกอันเขียนว่า “เรตเอ็กซ์” โซว์รีบกดเข้าไปแล้วก็เจอไฟล์ที่เป็นคลิป โซว์รีบกดเปิด ใจของเขาเต้นแรงเพราะลุ้น
คลิปแสดงขึ้นมาเป็นภาพชรินทร์ในชุดเสือกับฉาดประภาในชุดนายพรานกำลังเล่นไล่จับกัน โซว์เห็นแล้วก็แทบลื่นตกเก้าอี้
“โอ้โฮ คนเรา ทำไปได้”
โซว์เซ็ง เขาปิดหน้าจอจนหมด แต่คอมพิวเตอร์ดันแฮ้งค์ โซว์ชะงัก
“อ้าว เป็นอะไรเนี่ย?”
โซว์พยายามกดปุ่มต่างๆ ทันใดนั้นก็มีคลิปอีกอันโผล่ขึ้นมา โซว์ดูแล้วก็ตกใจ
มีคนเดินมาที่ทางเดินหน้าห้อง ในห้อง โซว์กำลังเปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อจะส่งคลิปนั้นเข้าเมล์ตัวเอง คนเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของชรินทร์ ไฟล์กำลังโหลดเข้าอีเมล โซว์ลุ้นและเริ่มเหงื่อตก
มือของคนที่อยู่หน้าห้องเอื้อมมาเปิดประตู โซว์กดคำว่า”ส่ง” พร้อมๆกับประตูถูกเปิดเข้ามาพอดี โซว์ตกใจ ที่มีคนเข้ามาแต่แล้วก็โล่งใจที่เห็นว่าเป็นขิง
“ทำไร?” ขิงถาม
ขิงรีบปิดประตู โซว์รีบปิดคอมฯแล้วเดินมาหาขิง
“ชั้นเจอหลักฐานเอาผิดนายชรินทร์แล้ว” โซว์บอก
ขิงดีใจ “จริงเหรอ”
โซว์พยักหน้า “นายชรินทร์ถ่ายคลิปตอนที่ตัวเองตกลงค้ากามกับนักธุรกิจชาวต่างชาติเพราะต้องการแบลคเมล์นักธุรกิจคนนั้น เราจะใช้คลิปนี้เล่นงานนายชรินทร์ ชั้นส่งคลิปนี้เข้าเมล์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว เรารอดแล้วนะขิง”
ขิงกับโซว์จับมือกันด้วยความดีใจสุดๆ
แก้วลุกขึ้นยืนด้วยความไม่พอใจ
“ยัยเหยินนั่นดันกระแดะอยากเป็นนางเอก ยายไม่น่ายอมยัยนั่นเลย นึกภาพแล้วอยากจะอ้วก”
“จริงด้วย อย่างยัยนั่นเป็นนางเอกได้อยู่เรื่องเดียว อภินิหารแก้วหน้าม้า” รุ้งเสริม
“มันช่วยไม่ได้ เค้าเป็นคนจ่ายเงินเรา เราก็ตามใจเค้า ตุ๊ก” ยายขมเรียก ตุ๊กหันมา “ต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะแสดงแล้ว
“ไม่ได้นะยาย ชั้นไม่ยอม ให้ยัยนั่นเป็นนางเอก แล้วชั้นจะเล่นเป็นอะไร” รุ้งถาม
“เป็นแม่นางเอกไงดีมั้ย” ตุ๊กบอก
“บ้าเหรอน้าตุ๊ก ไม่เอาหรอก ชั้นไม่ยอมนะยาย ไม่ยอมจริงๆด้วย” รุ้งโวยวาย
“ชั้นก็ไม่ยอม ถ้ายายให้ยัยเหยินนั่นเป็นนางเอก ยายก็ต้องให้ชั้นเป็นพระเอก” แก้วบอก
ยายขมสุดทน “เอ็งสองคนไม่ยอมกันใช่มั้ย”
รุ้งกับแก้วตอบพร้อมกัน “ใช่!!”
“ตุ๊ก!” ยายขมเรียก
“จ๋าแม่”
“ไล่มันสองคนกลับไปเลย” ยายขมสั่ง รุ้งกับแก้วผงะ “ก็ดีเหมือนกัน คนน้อยลง เงินเท่าเดิม ส่วนแบ่งจะได้มากขึ้น”
แก้วกับรุ้งทำหน้าเหรอหรา
“ได้เลยจ๊ะแม่ ชั้นจัดการไล่พวกมันให้เอง” ตุ๊กบอก
“เออ แหมยายก้อ ชั้นพูดเล่น ใช่มั้ยรุ้ง” แก้วรีบหาพวก
“อ่า ใช่ใช่ ล้อเล่น ชั้นไปดูชุดก่อนดีกว่า” รุ้งตัดบท
“ชั้นไปช่วยดูด้วยนะ”
รุ้งกับแก้วรีบเดินออกไป ยายขมส่ายหัวแล้วหันไปทางตุ๊กด้วยสีหน้าหนักใจ
“เอ็งว่าคืนนี้จะรอดมั้ย” ยายขมถาม
ตุ๊กไม่ตอบ เขาถอนหายใจด้วยความหนักใจเช่นกัน
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 9 (ต่อ)
แก้ว และ รุ้งเดินออกมาอย่างหัวเสีย
“ชั้นไม่ยอมถูกลดขั้นแน่ คอยดูเถอะ งานนี้ชั้นต้องทวงบัลลังก์” แก้วบ่น
“แกจะทำไง” รุ้งถาม
แก้วคิดแล้วยิ้มที่มุมปาก “ชั้นมีแผนแล้ว งานนี้ถ้าจะมีคนเกิดก็ต้องเป็นเราสองคนเท่านั้น”
แก้วกับรุ้งยิ้มร้ายให้กัน
ลัดลดาพยายามเอาอาหารป้อนปีเตอร์
“อ้ำนะเพคะเจ้าชายขา”
“เราอิ่มแล้ว เธอกินบ้างเถอะ เราจะไปห้องน้ำ” ปีเตอร์อ้าง ซึ่งจริงๆ เขาจะไปหาโซว์
“ไม่เอา หม่อมชั้นไม่ให้เจ้าชายไป แต่ถ้าเจ้าชายอยากไปจริงๆ ก็ต้องป้อนอาหารให้หม่อมชั้น นะเพคะเจ้าชายขา”
“กะ...ก็ได้”
ปีเตอร์จิ้มอาหารขึ้นมา ลัดลดาอ้าปากแล้วหลับตาพริ้ม ปีเตอร์กำลังจะป้อนแต่ติ๊งโหน่งผ่าเข้ามา คว้าอาหารจากมือปีเตอร์แล้วยัดใส่ปากลัดลดา ลัดลดาตาเหลือก แล้วก็สำลัก
“นังติ๊งโหน่ง” ลัดลดาไอไม่หยุด “แค่กๆๆ”
“รู้ไว้นะว่าชั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่คู่ควรให้เจ้าชายป้อนอาหาร” ติ๊งโหน่งหันไปทางปีเตอร์ “เจ้าชายป้อนอาหารให้หม่อมชั้นเลยเพคะ”
ติ๊งโหน่งยกมือทำท่าเหมือนหมารออาหารแล้วก็แลบลิ้น
“หม่อมชั้นพร้อมแล้ว แฮกๆๆ”
“ไม่ได้นะ เจ้าชายต้องป้อนอาหารให้หม่อมชั้น ป้อนมาเลยเพคะ หม่อมชั้นอ้าปากรอแล้ว”
แล้วลัดลดาก็ทำท่าเหมือนหมาก่อนจะอ้าปากรอ ปีเตอร์อึดอัดสุดๆ เขาหันไปเห็นผลไม้ที่วางโชว์อยู่
ปีเตอร์หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาสองลูกแล้วยัดใส่ปากติ๊งโหน่งกับลัดลดา สองสาวตาเหลือกเพราะหายใจไม่ออก
“กินให้หมดนะ เราขอไปห้องน้ำก่อน”
ปีเตอร์รีบเดินออกไป ติ๊งโหน่งกับลัดลดาหันมามองหน้ากันแล้วก็พูดไม่ออกเพราะแอปเปิ้ลคาปาก
ปีเตอร์เดินออกมาเห็นพัชรีกำลังแอบอยู่ตรงมุมหนึ่ง ปีเตอร์เข้าไปจับไหล่ พัชรีตกใจ
“ว๊าย! ตกใจหมดเลย”
“มาทำอะไรตรงนี้ เราเกือบแย่รู้มั้ย”
“เมื่อกี้ชั้นเห็นนายชรินทร์ดูท่าทางลับๆล่อๆเดินไปตรงด้านโน้น พอชั้นตามออกมา ก็ไม่รู้หายไปไหนแล้ว” พัชรีบอก
“เมื่อกี๊เธอได้ยินที่นายชรินทร์พูดกับชั้นรึเปล่า ท่าทางเค้าแปลกๆเหมือนรู้ว่าชั้นไม่ใช่เจ้าชาย”
“ชั้นก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงได้ตามเค้าออกมานี่ไง”
ทันใดนั้นชรินทร์กับอำนาจก็เดินออกมา พัชรีกับปีเตอร์เห็นรีบหาที่ซ่อนแล้วแอบฟัง อำนาจหยุดเดินแล้วหันไปทางชรินทร์
“ทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะครับนาย” อำนาจบอก
“ดี...งานนี้ต้องเก็บให้ได้ทั้งสามคน ทั้งนังเด็กผู้หญิงคนนั้น เจ้าชายตัวจริง แล้วก็เจ้าชายตัวปลอม”
พัชรีกับปีเตอร์ตกใจ
ขิงกับโซว์กำลังจะออกมาจากห้อง ทั้งสองมาเจอพัชรีกับปีเตอร์ พัชรีกับปีเตอร์ดันโซว์กับขิงเข้าไปในห้องทำงานเของชรินทร์หมือนเดิม
“ปีเตอร์!” โซว์ตกใจ
“ถวายบังคมเพคะเจ้าชาย” พัชรีถวายบังคม
โซว์ผงะ “รู้ความจริงแล้วเหรอ”
“เพคะ แต่เรามีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกเจ้าชาย”
“หม่อมชั้นแอบได้ยินนายชรินทร์คุยกับลูกน้องบอกว่าคืนนี้จะเก็บเจ้าชาย หม่อมชั้นแล้วก็คุณขิง” ปีเตอร์บอก
ขิงกับโซว์มองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ถ้างั้น..จะทำยังไงดี” ขิงถาม
“เจ้าชายต้องรีบหาทางพาคณะลิเกออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” พัชรีแนะ
โซว์หันไปมองขิงเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้วเจ้าชาย รีบหนีเถอะ!” ปีเตอร์บอก
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ทั้งสี่คนคนหันไปมองลุ้นๆ
ทั้งสี่กำลังจะเปิดประตูห้องเพื่อรีบออกไป เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ทั้งสี่หน้าตาตื่น พอเปิดประตูออกไปก็เจอ ยายขม ทั้งสี่คนโล่งอก
“มาทำอะไรกันที่นี่” ยายขมเห็นปีเตอร์ “อ้าวเจ้าชาย หวัดดี”
ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ “หวัดดี”
ทั้งสี่หันมามองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษาว่าจะทำยังไงดี
ยายขมพาโซว์กับขิงกลับเข้ามาในห้อง ขิงกับโซว์มีสีหน้าไม่สบายใจ
“เอ็งไม่ต้องเล่นแล้วนะ” ยายขมบอก
ขิงดีใจ “ไม่ต้องเล่นแล้วเหรอยาย งั้นดีเลย เรากลับบ้านกันเลยนะ”
“ข้าหมายถึงเอ็งคนเดียว เพราะคุณติ๊งเค้าขอเล่นเป็นนางเอกแล้ว เอ็งไปช่วยแต่งตัวแล้วกัน”
ขิงมองโซว์ แล้วสะกิดให้โซว์พูด
“เออ ยายจ๊ะ ยายยอมให้คุณติ๊งเล่นเป็นนางเอกได้ยังไง คณะลิเกเป็นของยายนะ ยายจะยอมให้คนอื่นมาเจ้ากี้เจ้าการเหรอ” โซว์ใส่ไฟ
“นั่นสิยาย ชั้นว่าเราไม่ต้องเล่นหรอก เก็บของ กลับบ้านเหอะนะยายนะ” ขิงเสริม
“เอ็งสองคนเป็นอะไรห๊ะ!! ภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำอะไรแล้วได้เงิน ยิ่งต้องทำ ไปไป ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว”
ขิงกับโซว์หน้าเสีย ระหว่างนั้นแก้วกับรุ้งก็เดินเข้ามา
“ขิง โซ่ ออกไปช่วยยกของประกอบฉากหน่อยสิ ชั้นกับแก้วสองคน ทำกันไม่ไหว” รุ้งบอก
ขิงกับโซว์ไม่ติดใจอะไรจึงออกไปกับแก้วกับรุ้ง แก้วกับรุ้งหันมายิ้มร้ายให้กัน
ขิงกับโซว์เดินตามรุ้งกับแก้วมาตามทาง
“เอาของที่ไหน” ขิงถาม
“ห้องนั้นจ๊ะ” แก้วชี้ไป
“ทำไมของไปอยู่ในห้องนั้น” โซว์สงสัย
แก้วกับรุ้งไม่ตอบ ทั้งสองผลักโซว์กับขิงเข้าไปแล้วปิดประตูก่อนจะเอากุญแจที่แขวนอยู่หน้าห้องล็อคเอาไว้ แก้วกับรุ้งหันมาตีมือกันด้วยความสะใจ
“เท่านี้ก็เรียบร้อย ฮึๆๆ เวทีนี้ต้องเป็นของเราสองคน ฮ่าๆๆ” แก้วหัวเราะ
รุ้งก็หัวเราะอย่างสะใจ “ฮ่าๆๆๆ”
เสียงดนตรีดังขึ้น รุ้งและนางเอกลิเกอีก2คนออกมารำถวายมือ แขกในงานปรบมือให้ ชรินทร์ ฉาดประภากับแขกในงานดูการแสดงด้วยความตั้งใจ ปีเตอร์กับพัชรีมีสีหน้าไม่ดีเพราะเป็นห่วงโซว์ ลัดลดาควงปีเตอร์แน่น เธอสะกิดให้ปีเตอร์ดูการแสดง ปีเตอร์จำต้องหันมาดู รุ้งและนางเอกลิเกอีก2คนรำถวายมือจนจบ เสียงปรบมือดังสนั่น
ยายขมเดินออกมาแล้วพูด
“ในค่ำคืนนี้คณะลิเกศรรักจะเล่นลิเกในเรื่องเจ้าชายต่างแดนเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณหญิงฉาดประภา”
ฉาดประภาลุกขึ้นมายืน แขกในงานปรบมือ
“ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ” ฉาดประภาบอกแขกในงาน
“ซึ่งมาจากใจของคุณชรินทร์และคุณติ๊งโหน่ง”
ชรินทร์ลุกขึ้นหอมแก้มฉาดประภา
“ขอเชิญรับชมได้แล้วค่ะ” ยายขมพูด
ฉาดประภายิ้มอย่างมีความสุข ชรินทร์หันไปมองปีเตอร์ แต่ปีเตอร์ไม่กล้าสบตา
เสียงดนตรีบรรเลง ตุ๊กซึ่งรับบทเจ้าเมืองโกสัมภีรำออกจากฉากมานั่งที่บัลลังก์ แล้วร้องนิเกริง
องค์จอมพระนฤนาถผู้รักศาสตร์มีศีล
หลักรัฐศาสตร์ของอัศวินไม่เคยผิดศีลข้อห้าม (ลง)
เราคือผู้นำธรรมนิเทศไม่เคยขาดเมตตาธรรม
“ข้าพเจ้าราชาศิริชัยแห่งโกสัมภี มีพระธิดาที่สวยสดงดงาม ยากจะหาหญิงใดเปรียบได้ พระธิดาฟ้าใสสวยติดพ่อ”
พอตุ๊กพูดจบ ปีพาทย์ก็ทำ “เพลงเดิน”
แก้วรับบทเจ้าชายต่างแดนเดินอย่างสง่างามมาสู่กลางเวที ตุ๊กตกใจที่เห็นแก้วออกมาแทนโซว์ เขาหันไปมองยายขมที่ข้างเวที ยายขมยักไหล่ว่าไม่รู้เรื่องและโบกมือให้เล่นต่อ
แก้วร้องนิเกริง
ราชวงศ์องค์ชายสืบเชื้อสายกษัตริย์
ด้วยหนึ่งสมองสองพระหัตถ์จะนำให้ชาติรอดพ้น (ลง)
องค์รัชทายาทขัตติยะจะทำเพื่อประชาชน
“ข้าพเจ้าเจ้าชายสายฟ้าผู้ปกครองของแผ่นดินโยธการาชธานี จะขอเดินทางสู่โกสัมภีราชนิเวศเพื่อไปชมบุญบารมีพระธิดางาม”
แก้วถวายบังคมตุ๊ก
“ข้าพเจ้ามาครั้งนี้ ต้องการมาชมบารมีพระธิดางามว่าจะงามสมคำร่ำลือหรือไม่”
“เจ้าไม่ได้แอบอ้างมานะ เจ้าเป็นเจ้าชายตัวจริงหรือเปล่า” ตุ๊กถาม
“พูดจาสามห้าวนะท่านเจ้าเมือง” แก้วเงื้อดาบจะฟัน
ตุ๊กตกใจจึงรีบพูด “เจ้าชายสายฟ้าก็หล่อ ลูกสาวเราก็สวยเหมาะกันเหมือนกิ่งทองใบหยก ถ้าเจ้าชายถูกใจ เราจะยกลูกสาวเราให้แต่งงานกับเจ้าชายสายฟ้าพร้อมยกบ้านเมืองกึ่งครึ่งพระนคร ถ้างั้นเชิญเจ้าชายพบกับลูกสาวของเราได้เลย ส่วนตัวเราจะไม่ขออยุ่เป็นก้างขวางคอเจ้าละกัน”
ตุ๊กเดินออกจากฉากไป เปิดตัวติ๊งโหน่งในบทพระธิดาฟ้าใสรำมาสู่กลางเวที
ติ๊งโหน่งแต่งตัวจัดรำออกมา ทำเอาชรินทร์ ฉาดประภา ปีเตอร์ พัชรี และลัดลดาตกใจ
ตุ๊กรีบวิ่งมาหายายขมที่ข้างเวที
“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอแม่ ทำไมแก้วมันเป็นพระเอก แล้วโซ่อยู่ไหน”
“ถามข้าแล้วข้าจะไปถามใคร ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ก็ต้องเล่นไปตามน้ำ แล้วนี่นังรุ้งอยู่ไหน ถึงคิวนางอิจฉาแล้ว” ยายขมถามหา
ตุ๊กมองหาแล้วก็เห็นรุ้งที่หน้าเวที ตุ๊กตกใจ
“โน่น..มันออกไปโน่นแล้วแม่”
ยายขมกับตุ๊กหันไปมอง
ติ๊งโหน่งเริ่มร้องนิเกรง
พระธิดาฟ้าใสย่างเข้าวัยเป็นสาว
ฉันตื่นนอนตอนเช้าฉันเพิ่งเป็นสาวปีนี้ (ลง)
ฉันเป็นน้ำค้างกลางแดดอายุสิบแปดพอดี
รุ้งที่เปลี่ยนชุดแล้ว รำออกมาประดุจดั่งตัวเองเป็นนางเอก ติ๊งโหน่งหันไปมองด้วยความแปลกใจ รุ้งเริ่มร้อง
พระธิดาฟ้าใสย่างเข้าวัยเป็นสาว
ฉันตื่นนอนตอนเช้าฉันเพิ่งเป็นสาวปีนี้ (ลง)
ฉันเป็นน้ำค้างกลางแดดอายุสิบแปดพอดี
“ชั้นต่างหากคือพระธิดาฟ้าใส หล่อนน่ะเป็นนางอิจฉา” ติ๊งโหน่งว่า
รุ้งหันมาเท้าเอวอย่างเอาเรื่อง “ต๊าย กล้าพูด น้ำหน้าอย่างหล่อนเนี่ยนะนางเอก อย่างหล่อนเหมาะจะเป็นตัวตลกมากกว่า ฮ่าๆๆ”
ลัดลดาหัวเราะด้วยความสะใจ ชรินทร์มองติ๊งโหน่งแล้วก็ใจไม่ดี เขาหันไปมองสปอร์ไลท์ตรงข้างเวที
ยายขมกับตุ๊กงง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น โซ่กับขิงหายไปไหน” ยายขมถาม
“ชั้นจะไปรู้เหรอแม่” ตุ๊กบอก
ติ๊งโหน่งกับรุ้งบนเวทีไม่มีใครยอมกัน
“อ๊ายยย!! นี่งานแม่ชั้น เพราะฉะนั้นชั้นต้องเป็นนางเอก” ติ๊งโหน่งไม่พอใจ
“ไม่” รุ้งเดินมาประจันหน้า “ชั้นต่างหากที่เป็นนางเอก”
“ถ้านางเอกหน้าแหก ดูสิจะเป็นนางเอกได้อีกมั้ย”
ติ๊งโหน่งตบหน้ารุ้งดังผัวะ!! รุ้งตบกลับ แขกเหรื่อในงานแตกตื่นแต่หลายคนก็สนุกสนานเหมือนดูมวย แก้วนั่งหน้าเหวอ
“อ้าวเฮ้ย ไม่มีใครสนใจพระเอกเลย” แก้วรีบเข้าไปห้าม “แม่นางทั้งสอง ใจเย็นก่อน”
แก้วถูกถีบไปชนเสาไฟจนไฟโคลงเคลงไปมา ติ๊งโหน่งโมโหจะตบรุ้งแต่เจอรุ้งผลักออกมาชนเสาไฟอีกครั้ง สปอร์ไลท์ห้อยคล้ายๆ จะร่วงลงมา
ชรินทร์รีบมาหาอำนาจที่ยืนข้างเวที
“รีบไปเอาตัวลูกติ๊งลงมาเร็วเข้า” ชรินทร์สั่ง
อำนาจรีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อจะลากติ๊งโหน่งลงมา
“คุณติ๊ง ลงมาก่อนครับ” อำนาจบอก
ติ๊งโหน่งหันไปชกอำนาจเต็มแรง “อย่ามายุ่งกับชั้น” อำนาจหันไปชี้หน้ารุ้ง “วันนี้แกตาย!! อ๊ายยย!!”
ติ๊งโหน่งกระโดดถีบรุ้ง ลัดลดาหัวเราะ ปีเตอร์หน้าเหวอเขาหันไปมองพัชรีที่งงไม่แพ้กัน ติ๊งโหน่งตบรุ้ง รุ้งโมโหจึงตบติ๊งโหน่งกลับ แต่ติ๊งโหน่งหลบ ทำให้รุ้งเซไปชนเสาไฟอีก แก้วพยายามห้ามสองสาว
“จะทำลิเกล่มไม่ได้นะ นานๆทีแก้วจะได้เล่นเป็นพระเอก”
แก้วพยายามห้ามแต่ไม่เป็นผล เขาโดนผลักออกมา อำนาจหายมึนก็รีบเข้าไปดึงติ๊งโหน่ง
ติ๊งโหน่งร้องลั่น “ปล่อย ปล่อยชั้น”
ติ๊งโหน่งตบตีอำนาจไม่หยุด ฉาดประภาทนไม่ไหวจึงขึ้นมาบนเวที
“หยุดนะ หยุด งานวันเกิดชั้น พังหมดแล้ว บอกให้หยุดไง!!”
ไม่มีใครหยุด ฉาดประภาเดือด
“ไม่หยุดกันใช่มั้ย ได้..” ฉาดประภาถลกกระโปรง “ใครทำลูกติ๊งของชั้น มันต้องตาย!”
ฉาดประภาร่วมวงเข้าไปตบด้วย ลัดลดายิ่งขำมากขึ้นที่งานวุ่นวาย
“คุณหญิงใจเย็นๆ คุณหญิง” ชรินทร์กล่อมแล้วหันไปหากับอำนาจ “อำนาจรีบแยกทุกคนเดี๋ยวนี้”
อำนาจพยายามแยกทุกคนยิ่งทำให้ดูวุ่นวาย ยายขมกับตุ๊กออกมายืนมองหน้าเหรอหรา
“มันอะไรกันเนี่ย” ยายขมงง
ที่ด้านล่างเวที ปีเตอร์หันไปพูดกับพัชรี “รีบไปตามหาเจ้าชายกันเถอะ”
ปีเตอร์กับพัชรีเดินผ่านหน้าเวที เวทีสั่นสะเทือนจากความโกลาหล
ทันใดนั้นสปอร์ไลท์ก็กำลังจะตกลงมา ลัดลดาเห็นก็ตะโกนเตือนแล้วชี้ไปที่ไฟที่กำลังจะตก
“เจ้าชาย ...”
ปีเตอร์หันกลับมามองแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองก็มีสีหน้าตกใจ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว
โซว์พยายามปีนหน้าต่างออกมาจากห้องที่ถูกขังอยู่ได้สำเร็จ เขาหันไปมองขิงที่ปีนตามออกมา
ขิงกระโดดลงมา โซว์รีบเข้าไปรับ
“รุ้งกับแก้วขังเราไว้ในนี้ทำไม? บ้ารึเปล่า”
โซว์ยังไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงโครมดังลั่น โซว์กับขิงตกใจ ทั้งสองหันมามองหน้ากัน แล้วรีบเดินออกไปทันที
ขิงกับโซว์เดินมาเห็นเวทีลิเกพังพินาศ ที่พื้นมีเศษแก้วจากสปอร์ตไลท์เกลื่อน ขิงกับโซว์รีบมองหาคนรู้จัก ทั้งสองเห็นรุ้ง แก้ว ติ๊งโหน่ง ฉาดประภา ลัดลดาหมดสภาพก่อนจะหันไปเห็นยายขมนั่งดมยาดมอยู่กับตุ๊ก โซว์กับขิงรีบเดินมาหา
“ยายจ๋า เกิดอะไรขึ้น” ขิงถาม
“นังขิง โชคดีที่เอ็งไม่ได้อยู่ที่นี่” ยายขมบอก
“เวทีถล่ม แล้วไฟก็ร่วงลงมา” ตุ๊กเล่า
“แล้วมีใครเป็นอะไรรึเปล่า” โซว์ถามต่อ
“เป็นกันหมด แต่คนที่หนักสุดคือเจ้าชาย!!” ตุ๊กบอก
โซว์ตกใจ
ที่โรงพยาบาล ปีเตอร์ในสภาพหัวแตกถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน พัชรีรีบตามเข้าไปติดๆ
ชรินทร์กับอำนาจตามมาในสภาพเยินๆ ชรินทร์หันไปด่าอำนาจ
“บ้าเอ๊ย!! เกือบจะเข้าทางเราอยู่แล้วเชียว”
“แล้วเอาไงต่อไปดีครับนาย” อำนาจถาม
ชรินทร์คิด “ในเมื่อจัดการพวกมันที่บ้านไม่ได้ ก็จัดการที่นี่ ชั้นมั่นใจว่านังเด็กนั่นกับเจ้าชายตัวจริงต้องมาที่นี่แน่
ชรินทร์มีสีหน้าเหี้ยมขึ้นมา
ติ๊งโหน่งซบหน้าลงบนตัวปีเตอร์ที่นอนนิ่งบนตียง เธอสะอึกสะอื้นฟูมฟาย ตีอกชกหัวแล้วก็คร่ำครวญสุดๆ
“โธ่..เจ้าชาย ..ไม่น่าเลย เห็นกันอยู่หลัดๆแท้ๆ..”
“หักอกหักใจบ้างเถอะลูก เจ้าชายไปดีแล้วนะ” ฉาดประภาปลอบลูกสาว
ปีเตอร์สะดุ้งจากเตียง “เย้ย !!!!! เรายังไม่ตาย แค่หัวแตก” ปีเตอร์จับหัวที่แตก “โอ๊ย..”
ติ๊งโหน่งโวยวายด้วยความตกใจ “แม่ !!!!! เจ้าชายจะแย่แล้ว เรียกหมอเร็ว !!”
“หมอ !!!!!! หมออยู่ไหน !!!!”
ฉาดประภารีบวิ่งโวยวายออกไปตามหมอนอกห้อง สวนกับชรินทร์และอำนาจที่เดินเข้ามาพอดี
ปีเตอร์ทนไม่ไหวแล้ว “เราจะตายก็เพราะเสียงพวกเจ้าน่ะแหละ” ปีเตอร์โวย “เราแค่หัวแตกทำไมต้องนอนโรงพยาบาลด้วย เราจะกลับนิวแลนด์ ได้ยินมั้ย”
ติ๊งโหน่งหน้าเสีย ชรินทร์เดินยิ้มร้ายเข้ามา
“จุ๊..จุ๊..จุ๊.. อย่าโวยวายซิเจ้าชาย ที่หม่อมชั้นให้เจ้าชายมาอยู่ที่นี่” ชรินทร์ยื่นหน้าไปใกล้ๆ “เพราะต้องการจับตาดูเจ้าชายอย่างใกล้ชิด”
ปีเตอร์รีบหลบตาเพราะกลัวใครจะรู้ความจริง “ไม่ต้องใกล้ชิดมากหรอก แค่ห่างๆอย่างห่วงๆก็พอมั้ง”
ชรินทร์ไม่ตอบแต่เดินไปสะกิดติ๊งโหน่งให้ออกไป ติ๊งโหน่งมองปีเตอร์อย่างอาลัย เธอส่งจูบแล้วส่งจูบอีก
ชรินทร์กำลังจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก่อนออกชรินทร์แอบกระซิบกับอำนาจ
“จับตาดูไว้ อย่าให้มีอะไรเข้ามาในนี้ แม้แต่มดตัวเดียวก็ไม่ได้”
อำนาจพยักหน้ารับก่อนเดินตามชรินทร์ออกไป แล้วประตูห้องก็ปิด ปีเตอร์รีบเดินลงมาจากเตียง เขาพยายามจะเปิดประตูห้องแต่เปิดไม่ได้เพราะประตูล็อค ปีเตอร์ทรุดฮวบเพราะรู้ว่าตัวเองโดนขังเสียแล้ว
พัชรีเดินมาที่บริเวณหน้าห้องที่ปีเตอร์อยู่แล้วก็ชะงักเพราะเห็นอำนาจและลูกน้องยืนอยู่หน้าห้อง พัชรีถึงกับเครียดและกลุ้มใจว่าจะเอายังไงต่อไป
ยายขมมองหน้าโซว์และขิงอย่างเอาเรื่อง
“แน่ใจนะที่ไม่กลับ เพราะต้องทำธุระต่อจริงๆ” ยายขมถาม
“ใช่จ๊ะยาย แต่ยายไม่ต้องเป็นห่วงนะ ธุระเสร็จเมื่อไหร่เราสองคนจะรีบกลับทันที”
ขิงกับโซว์พยักหน้าด้วยความมั่นใจ แต่แก้วไม่ยอม
“เรื่องธุระยายเค้าไม่ห่วงหรอก ห่วงแค่น้องขิงเท่านั้นแหละ ต้องอยู่กับมัน” แก้วชี้หน้าโซว์ “สองต่อสองแบบเนี้ย...พี่แก้วไม่ไว้ใจ”
“ตกลงแก หรือ แม่กันแน่ที่ไม่ไว้ใจ ห๊า !!” ตุ๊กถาม
“รุ้งก็ไม่ยอมหรอก ถ้าจะอยู่รุ้งก็ต้องอยู่กับเสด็จพี่ด้วย”
แก้วรีบยกมือ “ชั้นก็อยู่ด้วย”
ยายขมรำคาญ “พอแล้ว !! ไม่ต้องอยู่กันทั้งนั้นแหละ”
ขิงและโซว์หน้าเสีย รุ้งกับแก้วแอบดีใจและสะใจสุดๆ
“ข้าหมายถึงไอ้สองตัวนี่” ยายขมเอาไม้เกาหลังตีหัวแก้วกับรุ้ง “ถ้าอยู่ที่นี่กันหมด แล้วคณะเราจะหาพระเอก นางเอกที่ไหนล่ะ”
“นี่แม่จะให้มันสองคนเป็นพระเอกนางเอกเหรอ” ตุ๊กถาม
ยายขมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ รุ้งกับแก้วได้ยินก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ รุ้งกระโดดเข้ากอดแก้ว ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างเขินๆ ก่อนจะรีบผละจากกันแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่ต้องดีใจกันใหญ่โต แค่ชั่วคราว” ยายขมเอาไม้เกาหลังชี้ “สองคนนี้กลับมาเมื่อไหร่ เอ็งสองคนก็ไปเป็นผู้ร้ายกับนางอิจฉาเหมือนเดิม”
“งั้นก็ไปให้นานๆนะยะ ....เพราะรุ้งพิลาศพรรณรายณ์จะคัมแบ็คอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆๆๆ” รุ้งดีใจ
รุ้งหัวเราะสะใจสุดๆ ยายขมและตุ๊กมองหน้ากันส่ายหน้า ขิงและโซว์มองหน้ากันด้วยความโล่งใจที่ทุกอย่างลงเอยได้
ขิงกับโซว์ใส่หมวกปิดหน้าและพยายามพรางตัวเอง ทั้งสองเดินเข้ามาในโรงพยาบาล ขิงกับโซว์มองซ้าย มองขวาก่อนจะรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล
“เจ้าชายแห่งนิวแลนด์ประทับที่ห้องไหน” ขิงถาม
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมองหน้าขิงและโซว์แล้วทำตาโต “ว่าไงนะ ใครอะไรที่ไหนนะ”
“เจ้าชาย..จากนิวแลนด์ อยู่ที่ไหน” ขิงย้ำ
เจ้าหน้าที่ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว “คิดว่าชั้นมีเวลาว่างมากรึไง ถึงได้มาล้อเล่นแบบนี้ เจ้าชงเจ้าชายอะไรกัน ถ้าอยากหาเจ้าชาย โน่นไปโรงลิเกโน่น”
ทุกคนหันมามองโซว์กับขิงเป็นตาเดียว โซว์หันไปเห็น ฉาดประภา ติ๊งโหน่ง และชรินทร์กำลังเดินออกมา
“ขอโทษนะพี่ พอดีแฟนผมเค้าบ๊องๆน่ะ” โซว์พูด
โซว์รีบดึงแขนขิงให้วิ่งไปซ่อนที่มุมหนึ่ง ขิงมองโซว์อย่างโมโห
“นี่นายอยู่ดีดีมาว่าชั้นบ๊องทำไม”
โซว์รีบชี้ให้ขิงดูชรินทร์ ฉาดประภา และ ติ๊งโหน่งที่กำลังเดินออกมาขึ้นรถที่จอดรับอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล
“แสดงว่าปีเตอร์อยู่ที่นี่ไม่ผิดแน่” ขิงบอก
“และชั้นก็มั่นใจมากด้วยว่า นายชรินทร์คงส่งคนจับตาดูเราแน่ งั้นเราจะบุ่มบ่ามเข้าไปไม่ได้ เราต้องวางแผนให้ดีก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่”
“แล้วปีเตอร์ล่ะ”
“ถ้าพวกมันยังไม่ได้ตัวเรา รับรองว่าปีเตอร์ยังปลอดภัย”
โซว์มองหน้าขิงด้วยความมั่นใจ ...
ปีเตอร์วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่ยังใส่กางเกงคนไข้ไม่เรียบร้อยดี
“นายทำบ้าอะไรของนาย ..ชั้นจะเข้าห้องน้ำ จะตามเข้าไปดูทำไม” ปีเตอร์บ่น
อำนาจพูดหน้านิ่งเหมือนไร้อารมณ์ “ผมได้รับคำสั่งให้ตามดูเจ้าชายทุกฝีก้าว”
“แม้แต่ตอนชั้นจะ...ขี้...เนี่ยนะ”
อำนาจพูดแบบหน้าไม่มีอารมณ์ “ทุกที่ ทุกเวลา ทุกฝีก้าว”
“ห้องส้วมห้องแค่นั้น ชั้นจะหนีไปทางไหน จะให้มุดคอห่านหนีไปรึไง”
“กันไว้ดีกว่าแก้”
“ตกลงจะตามเข้าไปให้ได้ใช่มั้ย”
ปีเตอร์ทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ อำนาจรีบจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่พออำนาจเข้าไป ปีเตอร์ก็รีบวิ่งสวนออกมาก่อนจะปิดประตู เขาจะหาที่ล็อคแต่ก็ไม่เจอ ปีเตอร์จ๋อย อำนาจเปิดประตูออกมาทำหน้าถมึงทึงจะเอาเรื่อง ปีเตอร์ตกใจจึงรีบวิ่งไปก่อนกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
อำนาจทำเป็นเดินเข้ามาสำรวจแล้วมองอย่างเอาเรื่อง ปีเตอร์ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกลัวจนทนไม่ไหว
“ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้” ปีเตอร์พึมพำ
ทันใดนั้นปีเตอร์ก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมเสียงนางพยาบาลหวานใสสุดๆ
“ถึงเวลาเช็ดตัว ทำความสะอาดร่างกายแล้วนะคะ”
ปีเตอร์ที่อยู่ใต้ผ้าห่มตกใจ เขารีบเอาผ้าห่มออกแล้วโวยวาย
“ไม่ต้องมาอาบน้ำให้เรา เราอาบเองได้ ...” ปีเตอร์มองพยาบาลแล้วก็ตกใจ “เย้ย”
ปีเตอร์เห็นนางพยาบาลใส่แว่นหน้าเตอะแถมยังฟันเหยิน หน้าตาดูน่ากลัว ปีเตอร์รีบถอยหลังกรูดจะหนีลงจากเตียง แต่นางพยาบาลเข้ามาขวางไว้
“หนีไม่พ้นหรอกเพคะ ถอดเสื้อ ถอดกางเกงออก”
ปีเตอร์หน้าแหย “เราไม่อาบ”
พยาบาลพูดเสียงเด็ดขาด “ต้องอาบ !!”
ปีเตอร์หน้าจ๋อยเพราะเลี่ยงไม่ได้ “มีใครจะสนใจฟังคำพูดเราบ้างมั้ยเนี่ย”
ปีเตอร์ค่อยๆยอมปลดกระดุมออก พยาบาลยิ้มก่อนจะรีบดึงม่านจะปิดรอบเตียง อำนาจที่ยืนอยู่จะเข้าไป แต่นางพยาบาลทำหน้าแหวใส่
“ห้ามเข้ามาค่ะ”
“ไม่ได้ ผมได้รับคำสั่งให้ดูแลคนไข้ทุกฝีก้าว” อำนาจจะเดินเข้าไป
พยาบาลทำหน้าหื่น “งั้นก็เข้ามาซิ จะได้จับแก้ ทั้งคนไข้ คนดูแลเลย”
พยาบาลทำหน้าหื่นสุดๆ อำนาจเห็นแล้วสยองจึงรีบออกไป นางพยาบาลยิ้มก่อนจะรีบปิดม่านไป อำนาจออกมายืนเฝ้านอกม่านด้วยความขัดใจ
ปีเตอร์หน้าจ๋อยๆ เขาถอดเสื้อเสร็จแล้วและกำลังจะถอดกางเกง แต่พยาบาลรีบเอามือมาจับห้ามไว้ก่อน ปีเตอร์สะดุ้งรีบถอยหลังหนีเพราะคิดว่าจะโดนทำมิดีมิร้าย
ปีเตอร์ปากคอสั่น “จะ..จะทำอะไร”
พยาบาลจุ๊ปากก่อนจะถอดแว่น ถอดฟันปลอมออก ปีเตอร์เห็นว่าเป็นพัชรีก็ดีใจจะร้องตะโกน แต่พัชรีรีบปิดปากเขาไว้
“ใจเย็นๆ อย่าเสียงดัง ถ้าพัชรีเอามือออก สัญญาว่าจะไม่โวยวายนะ”
พัชรีเอามือออกแต่ปีเตอร์กลับร้องเสียงดัง
“โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทะ..เท้า”
ปีเตอร์ชี้ไปที่เท้าซึ่งโดนพัชรีเหยียบอยู่เต็มๆ พัชรีตกใจรีบเอาออกก่อนยิ้มแหยๆ
เสียงอำนาจดังขึ้น “มีอะไรกัน”
ปีเตอร์รีบเล่นละคร “นะ..นางพยาบาลบ้านี่ มันเหยียบ..ตระ..ตระ..ตรีนชั้น โอ๊ย...”
เสียงอำนาจขู่ “นี่เธอ ให้ไวหน่อย...แล้วก็ระวังๆด้วย”
พัชรีมองค้อนตามเสียงอำนาจ ปีเตอร์รีบเข้าไปกอดพัชรีไว้
“เราคิดแล้วว่าเจ้าต้องมาช่วยเรา เจ้าเตรียมแผนที่จะพาเราหนีแล้วใช่มั้ย”
“ไม่มี ชั้นแค่อยากมาดูว่านายเป็นยังไงบ้าง” พัชรีบอก
ปีเตอร์ทำหน้าไม่เชื่อ “พัชรี อย่ามาล้อเล่น อุตส่าห์ปลอมตัวมาขนาดนี้ไม่มีแผนได้ไง”
“จริงๆ ชั้นแค่เป็นห่วงนาย”
“นี่ไม่ใช่เวลามาทำสวีทนะพัชรี เราต้องออกไปจากที่นี่เข้าใจมั้ย”
ปีเตอร์ตีอกชกหัวโวยวายด้วยความผิดหวังจนพัชรีต้องห้ามไว้
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 9 (ต่อ)
อำนาจมองไปที่ม่านแล้วเห็นเหมือนมีการเคลื่อนไหวภายในม่านนั้น
“แค่จะถอดเสื้อ ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” อำนาจถาม
อำนาจมองไปที่ม่านด้วยความสยอง
ปีเตอร์ตีอกชกหัวอยู่บนเตียง พัชรีต้องเข้าไปปลอบ
“เอาเถอะๆ แล้วจะรีบคิดแผนแล้วกัน” พัชรีบอก
“กว่าจะรอถึงวันนั้น ชั้นกับเจ้าชายต้องเละแน่” ปีเตอร์นึกขึ้นได้ “นึกออกแล้วว่าจะทำยังไง”
“นายมีแผนแล้วเหรอ”
“ต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน แบบคอขาดบาดตายจริงๆ” ปีเตอร์พูดกับตัวเอง “เจ้าชาย...ปีเตอร์ขอโทษด้วยมันเข้าตาจนจริงๆ ...เธอมีกระดาษปากกา ใช่มั้ยพัชรี”
พัชรีมองหน้าปีเตอร์แล้วส่ายหน้า
“อยากจะบ้า”
ปีเตอร์และพัชรีมองออกไปที่โต๊ะนอกม่านก็เห็นปากกาวางไว้ 1 แท่ง ทั้งสองคนตาโต
อำนาจที่ยืนเฝ้าอยู่มองซ้ายมองขวาก่อนจะแอบแคะขี้มูก ปีเตอร์ค่อยๆยื่นมือออกมาหยิบปากกา อำนาจจะหันมา มือปีเตอร์ก็หลบเข้าไป พออำนาจหันไปทางอื่นมือปีเตอร์ก็ค่อยๆ ออกมาหยิบปากกาได้สำเร็จ อำนาจเห็นมือแวบๆ และเริ่มสงสงสัยจึงค่อยๆเดินเข้ามาดูและแอบฟังรอบๆ ม่าน
ปีเตอร์กับพัชรีมองไปที่พื้นก็เห็นรองเท้าของอำนาจเดินวนรอบๆ ปีเตอร์เริ่มเขียนเบอร์โทรศัพท์ประมาณ 10 ตัวลงบนฝ่ามือพัชรี
“เจ้าโทรไปที่เบอร์นี้ เป็นเบอร์ของกองกำลังความมั่นคงเพื่อปกป้องราชวงส์แห่งนิวแลนด์ บอกเค้าว่า เจ้าชายกำลังมีภัย ต้องการความช่วยเหลือด่วน”
“แล้วเค้าจะเชื่อเหรอ”
“ไม่เชื่อหรอก เจ้าต้องมีรหัสลับ ไม่ว่าเค้าจะพูดอะไรมา ให้เจ้าบอกว่า เอส โอ เอส / เอส เอส โอ โอ เอส เอส / ดับเบิ้ลเอส ดับเบิ้ลโอ”
“ยาวจัง เอส โอ เอส / เอส เอส โอ โอ เอส เอส / ดับเบิ้ลเอส ดับเบิ้ลโอ”
“ไม่ต้องห่วงนะพัชรีแค่พูดคำนั้นออกไป ทุกอย่างจะเรียบร้อยเอง จำไว้นะพัชรี นี่คือความหวังทั้งหมดของประเทศนิวแลนด์ เจ้าต้องทำให้ได้”
พัชรียืนอึ้งกับภาระอันหนักหน่วง เสียงอำนาจเดินเข้ามาใกล้ พัชรีกับปีเตอร์สังเกตเห็น ทันใดนั้นม่านก็ถูกกระชากออก อำนาจทำหน้าถมึงทึง ปีเตอร์ขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ส่วนพัชรีกำลังเก็บกวาดเสื้อผ้าของปีเตอร์ และแต่งตัวตามเดิมโดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองลืมใส่ฟันปลอม
พัชรีทำวีน “แค่นี้ก็ต้องใจร้อน คนสมัยนี้ไม่มีน้ำอดน้ำทนซะเลย”
อำนาจมองหน้าพัชรีรู้สึกแปลกๆไป
“ทำไมหน้าดูแปลกๆไป” อำนาจถาม
อำนาจหันไปเห็นฟันปลอมตั้งอยู่
“หนอย หลอกกันเหรอ”
พัชรีกับปีเตอร์หน้าเหวอ พัชรีตัดสินใจใส่เกียร์หมาโกยแน่บจากห้องทันที อำนาจรีบวิ่งตามไป
พัชรีรีบวิ่งหนีออกมาจากห้อง โดยมีอำนาจวิ่งไล่ตามมาติดๆ พัชรีวิ่งหนีมามุมตึก เธอแอบรอจังหวะ เมื่ออำนาจมาถึงก็คว้าถังขยะฟาดหน้าอำนาจจนหน้าหงาย อำนาจเจ็บแต่ก็ยังตามมาได้
พัชรีนึกว่าจะหนีอำนาจพ้นจึงพักเหนื่อย แต่พอมองไปก็เห็นอำนาจวิ่งตามมาอีก พัชรีมองซ้ายมองขวา อำนาจวิ่งตามมาทันแต่พัชรีไม่อยู่บริเวณนั้นแล้ว อำนาจเดินหาแต่ไม่เจอ มีแต่แม่บ้านกำลังเข็นรถใส่ผ้า อำนาจยิ้มก่อนจะเข้าไปรื้อดูแต่ไม่พบพัชรี
อำนาจเจ็บใจที่พัชรีหนีรอดไปได้ เขาเดินโมโหออกไป พัชรีแอบหลบอยู่ที่มุมหนึ่งไม่ไกลกัน พัชรีมองอำนาจที่เดินออกไปก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ชรินทร์ยืนคุยโทรศัพท์พร้อมกับยิ้มร้าย
“ปล่อยมันไป แค่หนูตัวเล็กๆ ระดับเรามันต้องจับราชสีห์ ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นว่ามันจะมาหาเราเร็วๆ นี้แน่” ชรินทร์หัวเราะสะใจ
ชรินทร์กดวางสายก่อนจะยิ้มพร้อมกับทำสายตาร้ายกาจ
ขิงเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอเห็นโซว์นั่งเครียด พอมองไปบนโต๊ะก็เห็นว่าโซว์ไม่ได้แตะต้องข้าวที่เตรียมให้ไว้ซักนิด ขิงถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ
“นายเป็นห่วงปีเตอร์มากเหรอ”
“ชั้นกับเค้าสนิทกันมาตั้งแต่เล็ก ..ถึงไม่ใช่พี่น้องแต่เค้าก็เหมือนพี่ชายของชั้น เราเล่น เราเรียน เราโดนตีมาด้วยกัน เค้าเป็นเพื่อนและองครักษ์ที่ดีที่สุด ถ้าเค้าเป็นอะไรไป ชั้นคงเสียใจไปตลอดชีวิต .... เธอแน่ใจนะว่าจะเสี่ยง”
“มาขนาดนี้แล้ว จะทิ้งกันก็คงไม่ได้แล้วหละ” ขิงบอก
โซว์คว้าตัวขิงเข้ามากอด “ขอบใจเธอมาก ขอบใจจริงๆ”
ขิงอยู่ในอ้อมกอดของโซว์ เธอยิ้มมีความสุขตรงข้ามกับโซว์ที่หน้าแสดงอาการกังวลและเครียดอย่างเห็นได้ชัด
พัชรีรีบวิ่งเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูล็อคกลอนอย่างดี เธอเดินไปปิดหน้าต่างก่อนจะมานั่งและหยิบโทรศัพท์มือถือพร้อมโทร
“โอ๊ย..จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย ภาษาอังกฤษชั้นก็ไม่ได้เรื่องซะด้วยซิ” พัชรีสูดลมหายใจ “สู้ตาย !” พัชรีซ้อมพูด “เอส โอ เอส / เอส เอส โอ โอ เอส เอส / ดับเบิ้ลเอส ดับเบิ้ลโอ โอ๊ย !! ทำไมมันหลายโอหลายเอสจัง”
พัชรีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมพร้อม จะรีบแบมือออกดูเบอร์ แล้วพัชรีก็ตกใจร้องลั่น
“ตายแล้ว !!”
เบอร์โทรศัพท์ที่ฝ่ามือของพัชรีหายไปสองตัว
“หายไป หายไปได้ยังไง จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี” พัชรีพยายามตั้งสติ “ลองคิดซิว่ามันคือ .” พัชรีคิดแต่คิดไม่ออก “บ้า ใครจะไปจำได้ คนนะไม่ใช่คอมพิวเตอร์”
พัชรีมองมือแล้วก็พยายามมองหาเลขแต่ก็ไม่เห็น พัชรีจ๋อย
“แล้วชั้นจะทำยังไงละเนี่ย ความหวังทั้งหมดของประเทศนิวแลนด์ หายไปกับมือชั้นแล้ว ... โอ๊ย...จะทำยังไงดี”
ชายฉรรจน์หน้าตาเหี้ยมใส่สูท สวมแว่นดำ ยืนถมึงจังก้าอยู่หน้าห้องที่ปีเตอร์อยู่ เขาคอยมองคนผ่านไปผ่านมาอย่างระแวดระวัง ขิงที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผู้ชายกำลังก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดพื้น แถวๆบริเวณนั้น
อำนาจเปิดประตูเดินออกมาจากห้องพร้อมกับคุยกับลูกน้องมาด้วย อำนาจชำเลืองมองขิงเล็กน้อย ขิงแอบมองเข้าไปในห้อง เธอเห็นติ๊งโหน่งกำลังพยายามป้อนอาหารปีเตอร์ แต่ปีเตอร์ไม่ยอมกิน ขิงมองเก็บรายละเอียดทุกอย่าง โดยไม่ทันสังเกตว่าอำนาจมองอย่างสงสัยก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
“มองอะไร” อำนาจถาม
ขิงรีบหลบหน้าก่อนจะเฉไฉ “ผู้หญิงสวยๆในห้องนั้นเป็นดารารึเปล่าครับ หน้าตาคุ้นๆ”
อำนาจมองติ๊งโหน่งอย่างเหยียดๆ “นังฟันเหยินม้าเต่อนั่นนะ ไปตัดแว่นได้แล้วไป๊..แล้วไม่ต้องมาทำความสะอาดตรงนี้”
ขิงรีบเดินออกไป อำนาจมองตามแล้วส่ายหน้า
ขิงที่ยังใส่ชุดคนทำความสะอาดรีบวิ่งมาหาโซว์ที่ยืนหลบมุมรออยู่
“ที่หน้าห้องปีเตอร์มีคนคุมอยู่เต็มจริงๆด้วย ถ้าจะเข้าไปคงลำบาก” ขิงบอก
“แล้วอาการปีเตอร์เป็นไงบ้าง”
“เห็นแค่มีผ้าพันแผลที่หัวนอกนั้นดูปกติดีนะ แล้วของที่ให้ไปหาเรียบร้อยยัง”
“เรียบร้อย.. ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
พูดเสร็จโซว์ก็ดึงขิงเข้ามากอดก่อนกระซิบเบาๆที่ข้างหู
“ถ้าชั้นเป็นอะไรไป จำไว้นะว่าชั้นรักเธอ”
ขิงทำหน้าเศร้า “ชั้นก็รักนาย”
ทั้งสองมองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพยักหน้า แล้วรีบแยกย้ายไปปฎิบัติภารกิจ
ติ๊งโหน่งพยายามป้อนอาหารให้ปีเตอร์กิน แต่ปีเตอร์เบือนหน้าหนี จนติ๊งโหน่งเหนื่อยใจ
“ติ๊งเบื่อแล้วนะเพคะ ทำไมเจ้าชายต้องเล่นตัวกับติ๊งด้วย”
“ก็เราเบื่อ ไม่อยากอยู่ที่นี่” ปีเตอร์รีบจับมือแล้วทำตาหวาน “ติ๊งพาเราออกไปได้มั้ย”
“ชิ !! อย่ามาเล่นมุขนี้เลย ติ๊งไม่หลงกลหรอก ติ๊งไม่ยอมปล่อยให้เจ้าชายไปหานังผู้หญิงคนอื่นหรอก”
“ผู้หญิงที่ไหนมี เค้าก็มีแต่ตัวเองน่ะแหละ” ปีเตอร์มองติ๊งโหน่งด้วยตาหวาน
ติ๊งโหน่งเขินอายทันที “เจ้าชายพูดแบบนี้จริงเหรอ งั้นเจ้าชายต้องจูบติ๊ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าชายพูดจริง”
ปีเตอร์ตกใจ “จะ..จะ..จูบเลยเหรอ..ไม่ดีหรอกมั้ง เราได้ยินว่าผู้หญิงไทยค่อนข้างถือตัว”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ติ๊งไม่ใช่หญิงไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ ติ๊งเป็นลูกครึ่ง บางครั้งก็ถือตัว แต่บางครั้งก็ต้องการความเร้าใจบ้าง จูบซิเพคะ” ติ๊งโหน่งทำปากจู๋แลดูน่าเกลียด
ปีเตอร์หันไปมองอำนาจที่ยืนทำหน้าปุเลี่ยนๆ เหมือนรับไม่ได้ ปีเตอร์คิดหนักเพราะไม่รู้จะทำยังไง เขาทำใจกล้ายื่นปากไปช้าๆ แบบกล้าๆกลัวๆ ปีเตอร์ยื่นปากจะเข้าไปใกล้ติ๊งโหน่งแล้ว อำนาจทำหน้าสยอง ติ๊งโหน่งทำหน้าเปี่ยมสุข ส่วนปีเตอร์เหงื่อตกเพราะขยะแขยงสุดๆ ขณะที่ปากปีเตอร์ใกล้จะโดนปากติ๊งโหน่ง ประตูก็เปิดพรวดออกมา
โซว์ที่ปลอมตัวเป็นบุรุษพยาบาลเข็นวีลแชร์เข้ามาในห้อง
“ขออภัยที่ขัดจังหวะนะครับ ตอนนี้ได้เวลาต้องไปทำ เอ็ม อาร์ ไอ เพื่อดูความผิดปกติที่สมองแล้วครับ”
โซว์ไม่สนใจอะไร เขารีบประคองปีเตอร์ที่ยังงงๆ ลงไปนั่งบนวีลแชร์ ก่อนจะรีบเข็นออกไปจากห้องโดยเร็ว ติ๊งโหน่งยังทำปากจู๋ค้างเพราะงงว่าเกิดอะไรขึ้น
ติ๊งโหน่งพูดทั้งๆที่ยังทำปากจู๋ “แล้วชั้นทำไงต่อเนี่ย”
อำนาจมองติ๊งโหน่งแหยงๆ ก่อนจะมองตามโซว์และปีเตอร์แล้วยิ้มร้ายออกมา
โซว์เข็นวีลแชร์ที่ปีเตอร์นั่งมาตามทางอย่างรวดเร็ว จนปีเตอร์ตกใจร้องเสียงหลง
“เหวอ.....จะพาเราไปไหน”
โซว์ไม่บอกแต่เข็นปีเตอร์เลี้ยวตรอกซอกมุมของโรงพยาบาลไปเรื่อยๆ
“ช่วยเราด้วย เราไม่ไป เราไม่อยากตาย”
ปีเตอร์แหกปากตะโกนโวยวาย โซว์หยุดรถ ปีเตอร์เริ่มกลัว เขามองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางหนีทีไล่ โซว์เดินอ้อมมาด้านหน้าแล้วมองปีเตอร์ ก่อนจะเอาผ้าปิดปาก หมวกและแว่นออก
ปีเตอร์ดีใจจนน้ำตาคลอ “เจ้าชาย ... เจ้าชายเข้ามาได้ยังไง ไม่ทรงรู้เหรอว่าอันตราย”
“แล้วเราจะปล่อยเจ้าไว้ที่นี่ได้ยังไง” โซว์มองซ้ายมองขวา “หยุดโวยวาย ไม่งั้นเราจะเสร็จกันหมด”
ปีเตอร์มองโซว์จ๋อยๆ ก่อนจะรีบเอามือทำเป็นรูดซิปที่ปากว่าไม่พูด แล้วโซว์ก็รีบเข็นวีลแชร์ออกไป
ประตูโรงพยาบาลเปิดออก โซว์และปีเตอร์เดินออกมา โซว์มองหาขิง
“ไปไหนของเค้า บอกให้ไปหารถมารอตรงนี้”
โซว์และปีเตอร์ช่วยกันมองหา โซว์มีท่าทางกังวลและหงุดหงิดมาก ปีเตอร์เห็นรถคันเก่าๆแล่นมาจอดรับ โซว์และปีเตอร์รีบขึ้นรถไปทันที
โซว์และปีเตอร์ขึ้นมาบนรถ รถเริ่มขับออกไปด้านหลังโรงพยาบาลที่ค่อนข้างเปลี่ยว
“ทำไมเธอไม่เอารถมาจอดรอตามเวลา เกือบจะเสียแผนแล้วใช่มั้ย” โซว์ถาม
พอโซว์มองไปที่คนขับก็ถึงกับผงะเพราะคนที่ขับรถไม่ใช่ขิง แต่เป็นอำนาจที่หันหน้ามายิ้มร้าย ๆ
“ใครว่าผิดแผน ตรงตามแผนเป๊ะ” อำนาจบอก
โซว์ตกใจ “เป็นไปได้ยังไง”
โซว์มองไปที่คนขับรถแล้วก็ถึงกับผงะเพราะคนที่ขับรถไม่ใช่ขิง แต่เป็นอำนาจที่หันหน้ามายิ้มร้าย ๆ
“ใครว่าผิดแผน ตรงตามแผนเป๊ะ”
โซว์ตกใจ “เป็นไปได้ยังไง”
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ อำนาจยืนมองภาพโซว์ที่ดึงขิงเข้ามากอดแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูผ่านทางโทรทัศน์กล้องวงจรปิด
“ถ้าชั้นเป็นอะไรไป จำไว้นะว่าชั้นรักเธอ” โซว์พูด
ขิงหน้าเศร้า “ชั้นก็รักนาย”
อำนาจมองภาพทั้งคู่ผ่านทีวีวงจรปิดแล้วก็ยิ้มร้ายก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“จับตาผู้หญิงนั่นอย่าให้คลาดสายตา”
ลูกน้องคนที่หนึ่งงง “ผู้หญิง คนไหนผู้หญิงครับ”
อำนาจชี้ที่ภาพในกล้องวงจรปิด “ก็ไอ้ตัวเล็กนี่ไง มันเป็นผู้หญิง ตามดูทุกฝีก้าว แล้วรายงานความเคลื่อนไหวทุกระยะ เข้าใจมั้ย”
ลูกน้องทั้งสองคนพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป อำนาจมองเห็นโซว์กำลังเปลี่ยนเสื้อเพื่อปลอมตัวเป็นบุรุษพยาบาลแล้วก็ยิ้มร้ายออกมา
ณ เหตุการณ์ปัจจุบัน อำนาจขับรถแล้วก็หันมองโซว์ขำๆ
“คิดเหรอว่าแค่เอาผ้ามาปิดปาก ใส่วิก แต่งตัวแบบนั้นเป็นบุรุษพยาบาล เป็นคนทำความสะอาด แล้วชั้นจะจำไม่ได้.. นายอาจจะเคยหลอกชั้นได้ แต่คราวนี้นายไม่มีทาง”
โซว์โกรธ “นายทำอะไรขิง แล้วขิงอยู่ไหน”
อำนาจมองผ่านกระจกแล้วยิ้ม
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ขิงเดินถือกุญแจรถมาเพื่อเตรียมพร้อม ลูกน้อง 2 คนของอำนาจเดินมาขวางขิงไว้ ขิงจะหนีแต่ทั้งสองมาขวางก่อนจะเข้ามารวบตัวขิง ลูกน้องคนหนึ่งดึงกุญแจรถไป ขิงจะสู้แต่ทั้งสองก็ชกขิงเข้าที่ท้อง ขิงถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น
ลูกน้องทั้งสองจะลากตัวขิงออกไป แต่กลุ่มคนงานหลายคนเดินผ่านมา ลูกน้องทั้งสองกลัวมีพิรุธจึงรีบเอาขิงยัดเข้าไปในห้องเก็บของใกล้ๆ แล้วเอากุญแจที่คล้องอยู่หน้าห้องปิดล็อค ก่อนจะทำเป็นคุยกันเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
กลุ่มคนงานเดินออกไป ลูกน้องทั้งสองจะเปิดประตูห้องเพื่อพาขิงออกมาแต่เปิดไม่ได้เพราะล็อคกุญแจอยู่
”ไอ้โง่ ล็อคทำไมเนี่ย แล้วจะเอากุญแจไหนมาเปิด” ลูกน้องคนหนึ่งด่าอีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดัง “ได้ครับลูกพี่ พวกผมจัดการเรียบร้อยแล้วกำลังจะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
ลูกน้องทั้งสองพากันวิ่งออกไป ขิงพยายามเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ
เหตุการณ์ปัจจุบัน อำนาจผลักตัวโซว์และปีเตอร์เข้ามาในห้อง ทั้งสองทรุดลงตรงหน้าชรินทร์ที่ยืนยิ้มพร้อมกับมองทั้งสองด้วยความพอใจ
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวเจ้าชายเร็วแบบนี้ ดีใจจริงๆที่ได้พบเจ้าชายตัวจริงซักที” ชรินทร์ว่า
“ไอ้อำนาจแกห้ามทำอะไรเจ้าชายเด็ดขาดนะ” ปีเตอร์เสียงแข็ง
ชรินทร์หันไปทางอำนาจ “หุบปากมันซิ”
อำนาจยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปตบปีเตอร์ลงไปกองกับพื้น ปีเตอร์มีเลือดกลบปาก โซว์จะเข้าไปดูแต่ถูกลุกน้องของชรินทร์จับตัวไว้
“น่าเสียดาย ที่จริงเราสองคนน่าจะได้ดองกัน แต่เจ้าชายดั๊นไปรู้เรื่องอะไรที่ไม่ควรรู้ซะก่อนน่ะซิ ผมเลยเก็บเจ้าชายไว้ไม่ได้ ขอทรงอภัยที่ต้องทำอย่างนี้”
ชรินทร์หยิบปืนขึ้นมาแล้วเตรียมจะยิงโซว์
ปีเตอร์ร้องลั่น “อย่านะ !!”
ชรินทร์ขึ้นนกเตรียมจะยิง แต่แล้วก็ต้องชะงัก !!
“แกคิดว่าฆ่าชั้นแล้วทุกอย่างมันจะจบงั้นเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกมั้ง” โซว์พูด
“ฮึ !! จะตายแล้วยังจะปากดีอีก อย่าลืมซิเจ้าชายมาอย่างเงียบๆ แล้วก็จะหายไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้” ชรินทร์บอก
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่มีใครรู้... อย่าประเมินคนนิวแลนด์ต่ำขนาดนั้น”
“ไอ้พวกคนกระจอกที่เจ้าชายไปสุงสิงอยู่ด้วยน่ะเหรอ คนอย่างพวกมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“ใช่ พวกเค้าอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่หลักฐานการทำชั่วของแกมันทำให้แกติดคุกได้แน่”
ชรินทร์ทำหน้าไม่เชื่อ “เฮอะ !! หลักฐาน อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก เจ้าชายจะไปหาหลักฐานมาจากไหน อย่ามาขู่ให้กลัวเล๊ย”
“เอ..แล้วไฟล์ลับที่อยู่ในคอมแก มันพอจะเป็นหลักฐานว่าแกทั้งค้าผู้หญิง แถมยังพัวพันการฆ่าคนนับไม่ถ้วนได้รึเปล่าน๊า” โซว์ยิ้มเยาะ
ชรินทร์ได้ฟังถึงกับโมโห เขาเดินเข้าไปขย้ำคอเสื้อโซว์
“แกเอาหลักฐานนั้นไปให้ใคร”
“ใจเย็นๆ ชั้นยังไม่ได้ให้ใคร แต่ถ้าชั้นเกิดเป็นอะไรไปล่ะก็ หลักฐานทั้งหมดนั้นจะถูกส่งไปยังนิวแลนด์ เพื่อเป็นหลักฐานว่า นายเป็นคนฆ่ามกุฎราชกุมารแห่งนิวแลนด์ แล้วนายคิดดูก็แล้วกัน ว่าต่อจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้น”
“แกจะไม่มีที่อยู่แม้เพียงตารางนิ้วเดียวบนโลกนี้ เพราะคนนิวแลนด์จะต้องตามล่าหาตัวแกจนถึงที่สุด” ปีเตอร์เสริม
ชรินทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ อำนาจเองก็หัวเราะชอบใจ ปีเตอร์และโซว์มองหน้ากันอย่างงงๆ
“ฟังแล้วน่ากลัวดีนะ แต่เรื่องนั้นจะไม่มีวันเกิด จะไม่มีคนส่งหลักฐานนั้นไปนิวแลนด์ เพราะพวกแกทุกคนจะต้องตายด้วยกันหมดที่นี่” ชรนิทร์หันไปสั่งอำนาจ “อำนาจ !! ไปเอาตัวนังเด็กคนนั้นมา”
อำนาจรับคำ “ครับ”
อำนาจพยักหน้าแล้วยิ้มก่อนจะเดินออกไป ชรินทร์เดินเข้าไปหาโซว์แล้วยิ้มเยาะ
“เจ้าชาย มาอยู่เมืองไทยหัวเดียวกระเทียมลีบ แถมยังเปิดเผยฐานะไม่ได้ ต้องหลบๆซ่อนๆเป็นพระเอกลิเก จะมีคนหน้าโง่ซักกี่คนที่จะยอมช่วยเจ้าชายตกยากอย่างนั้น เฮ่อ...นับไปนับมา ก็คงมีนังเด็กผู้หญิงนั่นคนเดียวละมั้ง ฮ่าๆๆๆ น่าสมเพชที่สุด”
โซว์โมโห “แก..”
“หรือบางที หลังจากฆ่าเจ้าชายจริง เจ้าชายปลอมกับนังเด็กนั่นแล้ว ส่งคนไปจัดการคณะลิเกนั่น เอาให้เหมือนอุบัติเหตุ แค่นี้ทุกอย่างก็เรียบร้อย”
โซว์โกรธมาก เขาพยายามจะเข้าไปต่อยชรินทร์แต่โดนเหล่าลูกน้องจับตัวเอาไว้ ชรินทร์หัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันไปเห็นอำนาจเดินหน้าเสียเข้ามาพร้อมกับลูกน้องทั้งสองที่หน้าหดจนเหลือไม่ถึงสองนิ้ว
ชรินทร์มองหาขิง “นังเด็กนั่นล่ะ”
“เอ่อ..คือ...ไอ้สองคนนี้ไม่ได้เอาตัวนังผู้หญิงนั่นมาครับ” อำนาจบอก
ชรินทร์ถามลูกน้องทั้งสอง “แล้วมันอยู่ที่ไหน”
ลูกน้องทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเกี่ยงกันตอบ ในที่สุดลูกน้องคนหนึ่งก็ยอมตอบ
“ถูกขังในห้องเก็บของที่โรงพยาบาลครับ”
“แล้วทำไมแกถึงไม่พามา” ชรินทร์ถาม
“คือผม..ไม่รู้...เห็นลูกพี่โทรตามก็เลยรีบมา”
ชรินทร์โมโหจึงเดินเข้าไปตบลูกน้องทั้งสองจนหน้าหัน ก่อนจะตะโกนลั่น
“ไม่ว่าจะเป็นรึตาย ไปจับนังนั่นกลับมาที่นี่ให้ได้”
อำนาจรับคำสั่งก่อนจะรีบออกไป ชรินทร์โมโหสุดๆ โซว์มองหน้าปีเตอร์ด้วยความเป็นห่วงขิงแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง
ขิงอยู่ในห้องเก็บของมืดที่โรงพยาบาล เธอพยายามหาทางออกแต่ว่าในห้องไม่มีหน้าต่างหรือทางออกเลย ขิงพยายามเคาะประตูแล้วร้องเรียกให้คนช่วย
“ช่วยด้วย !! ใครก็ได้ช่วยด้วย”
เธอได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังไขประตู ขิงคิดขึ้นมาได้ก็ถึงกับหน้าเครียด
“หรือว่าพวกนั้น ..”
ขิงพยายามจะหาทางหลบ เธอหยิบถังน้ำมาครอบหัวแต่ยังไม่ทันได้ครอบ ประตูก็เปิดออก แม่บ้านวัยกลางคนเดินเข้ามามองขิงอย่างงงๆ
“ทำอะไรเนี่ย....แล้วเข้ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง”
“ไว้จะมาตอบวันหลัง ขอบคุณมากนะคะ”
ขิงรีบวิ่งออกไป คนทำความสะอาดมองตามไปอย่างงงๆ
ขิงเปิดประตูเข้ามาในห้องพักที่ปีเตอร์เคยอยู่ ในห้องว่างเปล่า ขิงเริ่มกังวลใจ
“ทำยังไงดี หายไปไหนกันหมดแล้ว หรือว่าพวกนั้นจับไปหมดแล้ว”
ขิงพยายามเดินสำรวจในห้องด้วยความกังวลใจ ขณะที่กำลังสำรวจนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ใครบางคนเดินเข้ามาด้านหลังขิง ขิงรู้สึกตัวรีบหันไปทำให้เห็นว่าคนนั้นๆ คือ ติ๊งโหน่ง ที่กำลังมองขิงอย่างงงๆ
“นายเป็นใคร เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง แล้วเจ้าชายของเราไปไหน” ติ๊งโหน่งถาม
ติ๊งโหน่งมองขิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายหล่อไม่วางตา แล้วเธอก็ยิ้มพร้อมส่งสายตาเชิญชวน ตอนแรกขิงงงๆ แต่พอมองไปในกระจกแล้วเห็นว่าตัวเองแต่งเป็นผู้ชายจึงเข้าใจ
ติ๊งโหน่งเข้าไปประชิดตัว “ว่าไงล่ะ ตัวเอง ตกลงตัวเองเป็นใคร”
“เอ่อ..คือ..ผม..ผมเป็นราชองครักษ์”
ติ๊งโหน่งโผเข้าไปกอด “ว๊าย ราชองครักษ์เท่จัง เล่าเรื่องเจ้าชายให้เราฟังหน่อยซิ”
ติ๊งโหน่งมองขิงแล้วกัดฟันตั้งใจทำให้ตัวเองเซ็กซี่สุดๆ ขิงมองติ๊งโหน่งแล้วคิดวางแผน
“ว่าไงละตัวเอง”
ขิงยิ้มเพราะคิดแผนได้ “ได้ครับ” ขิงทำหน้าเจ้าชู้ “งั้นเราไปหาที่เงียบๆคุยกันดีมั้ยครับ”
“ว๊ายๆๆ ที่เงียบๆ ชอบๆ รีบไปกันเลยค่า”
ติ๊งโหน่งรีบเข้ามาฉุดแขนขิงออกไปจากห้องทันที
โซว์และปีเตอร์ถูกมัดมือมัดเท้าติดกับเสาต้นหนึ่ง โดยมีลูกน้องของชรินทร์ยืนคุมอยู่ไม่ห่าง ชรินทร์ยืนคุยโทรศัพท์สีหน้าเครียดอยู่ไม่ไกลกันนัก
“ว่าไงนะ หาไม่เจอ !! ไอ้พวกโง่ ผู้หญิงคนเดียว ปล่อยหนีไปได้ยังไง ...พวกแกต้องตามจับนังผู้หญิงนั่นกลับมาให้ได้ เข้าใจมั้ย ไม่อย่างนั้นพวกแกเตรียมตัวตายได้”
ชรินทร์วางโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“พวกโง่เอ๊ย....”
โซว์ที่แอบฟังอยู่หันไปยิ้มดีใจกับปีเตอร์ที่ขิงหนีไปได้ ชรินร์หันมาเห็นก็โมโหจึงรีบเข้าไปเอาเรื่อง
“ยิ้มได้อีกไม่นานหรอกเจ้าชาย เดี๋ยวนังผู้หญิงนั่นก็ต้องโดนจับ” ชรินทร์ว่า
“เจ้าประเมินผู้หญิงคนนั้นต่ำไปแล้ว ชรินทร์” โซว์บอก
ชรินทร์โมโหจะเข้าไปเอาเรื่องโซว์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ที่หน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปติ๊งโหน่ง ชรินทร์เห็นดังนั้นก็รีบรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มทำเป็นมีความสุขทันที
“ว่าไงจ๊ะลูกสาวคนสวยของพ่อ”
เสียงขิงดังมาจากปลายสาย “เจ้าชายอยู่ที่ไหน”
ชรินทร์ได้ยินเสียงก็แปลกใจเพราะจำได้ว่าไม่ใช่เสียงของติ๊งโหน่ง “แกเป็นใคร”
ขิงกำลังใช้มือถือของติ๊งโหน่งโทรหาชรินทร์อยู่ที่โรงแรมจิ้งหรีดแห่งหนึ่ง
“ชั้นเป็นใครไม่สำคัญ เจ้าชายอยู่ที่ไหน” ขิงถาม
“อยู่ในที่ที่แกคาดไม่ถึงน่ะซิ นังหน้าโง่ แกคิดว่าชั้นไม่รู้เหรอว่าแกเป็นใคร”
“รู้ก็ดีแล้ว ชั้นขอเตือนไว้ก่อน ถ้าแกทำให้เจ้าชาย และ ราชองครักษ์บาดเจ็บแม้เพียงนิดเดียวละก็ แกจะต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิต”
ชรินทร์เริ่มโมโห
“แกจะทำอะไรชั้นนังเด็กเมื่อวันซืน”
ขิงขู่ “ชั้นทำอะไรแกไม่ได้หรอก แต่ชั้นทำกับคนอื่นได้ ไม่ได้สังเกตเหรอว่าชั้นโทรหาท่านชรินทร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง”
ชรินทร์ตะโกน “แกเอามือถือลูกชั้นไปได้ยังไง”
“ลูกสาวแกอยู่กับชั้น ถ้าไม่อยากให้ลูกสาวเป็นอะไร ทำตามที่ชั้นบอก ไม่อย่างนั้นลูกสาวแกจะเจ็บปวดมากกว่านี้”
ทันใดนั้นเสียงติ๊งโหน่งร้องกรี๊ดก็ดังออกมาทางโทรศัพท์ ชรินทร์ได้ฟังก็ยิ่งปวดใจ
“ลูกติ๊ง..ลูกติ๊ง แก...”
ชรินทร์จะพูดโทรศัพท์แต่ขิงวางสายไปแล้ว ชรินทร์โมโหสุดๆ
ขิงวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียด
“เจ้าชายอยู่กับมันจริงๆด้วย ชั้นจะทำยังไงดี”
เสียงกรี๊ดของติ๊งโหน่งดังมาจากที่ไม่ไกล ขิงหันไปก็เห็นติ๊งโหน่งกำลังดูมิวสิควีดีโอนักร้องเกาหลี แล้วกรี๊ดเพราะปลื้มมากๆ แล้วติ๊งโหน่งหันมามองหน้าขิงอย่างปลื้มๆ
“ตกลงคืนนี้เราสองคนจะค้างกันที่นี่จริงๆเหรอ” ติ๊งโหน่งถาม
ขิงทำท่าแมน “จริงซิ ผมจะเล่าเรื่องเจ้าชายให้คุณติ๊งฟังทั้งคืนไง”
ติ๊งโหน่งกรี๊ดอย่างมีความสุข ก่อนจะกลับไปกรี๊ดนักร้องเกาหลีต่อ ขิงเครียดเพราะไม่รู้จะเอายังไงดี
บัตรโทรศัพท์วางกองจนเต็มไปหมด มือถือราคาไม่แพงที่แป้นพังแล้ววางไว้ 2-3 อัน ไม่ไกลกันนักมีกระดาษแผ่นยาวที่บนกระดาษเป็นเบอร์โทรศัพท์ 10 ตัวที่ 8 ตัวหน้าเหมือนกัน แต่สองตัวหลังเป็นเลขเรียงกัน ไล่มาจาก xxx xxx xx00 - xxx xxx xx 01 - xxx xxx xx 02 - xxx xxx xx 03 ไปเรื่อง จนถึง xxx xxx xx 99 มีเบอร์ที่ถูกขีดค่าจากการที่โทรไปแล้วจำนวนมาก พัชรียังคงโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเครียด
“sorry sorry” พัชรีวางโทรศัพท์ด้วยความโมโห “อะไรกัน โทรผิดแค่นี้ ไม่เห็นต้องด่าเลย”
พัชรีเอาปากกาขีดเบอร์ออกไปอีก 1 เบอร์ด้วยความโมโห ก่อนจะล้มตัวลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
พัชรีมองเบอร์โทรศัพท์ในการดาษที่ยังต้องโทรอีกเยอะ “ทำไมน๊า..ต้องเอาภารกิจหนักอึ้งขนาดนี้ มาฝากไว้กับเราด้วย ..เฮ่อ..!!!”
พัชรีมองเบอร์โทรศัพท์ที่เหลือก่อนตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรต่อ
ท่านชายในสายหมอกตอนที่ 9 (ต่อ)
รุ้งและแก้วกำลังซ้อมลิเก ทั้งสองรำหยอกกันไปหยอกกันมา แก้วตั้งวงไปโอบ รุ้งทำเป็นเข้าไปซบ ทั้งสองคนมองหน้ากันเขินๆ และเคลิ้มๆ ตุ๊กที่นั่งดูอยู่ส่ายหน้าด้วยความเซ็งก่อนจะหันไปสะกิดยายขม
“แม่..ดูสองคนนั่นซิ ..มันชักจะยังไงๆ แล้วนะ” ตุ๊กบอก ยายขมนั่งนิ่ง “แม่...” ตุ๊กเรียก ยายขมยังนิ่ง “แม่ !!”
ยายขมได้สติก็สะดุ้งตกใจ “อยู่กันแค่นี้ต้องตะโกนเสียงดังด้วย ตกใจหมด”
“ก็ชั้นเรียกแม่ตั้งนานแล้วก็ไม่ได้ยิน ใจลอยไปเฝ้าพระอินทร์รึไงก็ไม่รู้”
“ข้าเป็นห่วงนังขิงกับโซ่ พอไม่อยู่บ้านมันเหงาๆพิลึก”
“ปล่อยมันสองคนไปเถอะ คงจะแอบไปเที่ยวกระหนุงกระหนิงน่ะซิ”
“ถ้าแบบนั้นมันก็ดี แต่ข้าสังหรณ์ว่ามันจะมีเรื่องซะมากกว่า ข้าสังเกตมานานแล้วว่ามันดูแปลกๆ”
“แปลกยังไง” ตุ๊กถาม
“พูดไม่ถูก ..มันเหมือนมีความลับอะไรซ่อนอยู่ ดูไม่เหมือนธรรมดาๆทั่วไป”
“คิดมากไปกันใหญ่แล้วแม่ก็ ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว เอ้า แล้วสองคนนั่นน่ะ เลิกจีบกันได้แล้ว แยกย้ายกันไปนอน”
แก้วและรุ้งรีบผละออกจากกันก่อนจะทำหน้าเขิน ๆ แล้วแยกย้ายกันไป ตุ๊กส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ แล้วเดินออกไป เหลือแต่ยายขมที่นั่งถอนหายใจด้วยความกังวล
ที่พระราชวังในประเทศนิวแลนด์ พระราชาโวยวายเสียงดังลั่น
“ไม่ติดต่อมา !! หายกันไปทั้งนายทั้งบ่าว อย่างนี้มันน่าโมโหสุดๆ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีสามัญสำนึก วันๆเอาแต่ทำตัวเป็นเด็กๆ อย่างนี้เราจะไว้ใจให้ปกครองประเทศได้ยังไง”
“ใจเย็นๆเพคะเสด็จพี่ ลูกคงเที่ยวเพลินมั้งเพคะ” พระราชินีบอก
“แล้วไอ้ปีเตอร์ล่ะ ปิดโทรศัพท์หายเงียบ นี่เราไม่ได้คุยกับลูกมากี่เดือนแล้ว รู้มั้ย”
“นั่นซิเพคะ โทรไปก็ไม่เคยว่างมารับสายเลย”
“กลับมาคราวนี้เห็นทีต้องอบรมกันชุดใหญ่แล้ว คอยดู !!”
พระราชาโมโห
โซว์มองหน้าปีเตอร์ที่มีท่าทางหมดแรงด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจมาก
“ถ้าเราไม่ดันทุรังแอบหนีมา ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ เราขอโทษนะปีเตอร์”
ปีเตอร์มองหน้าโซว์อย่างเศร้าๆ
“เจ้าชาย อย่าทรงพูดอย่างนั้น หม่อมชั้นเป็นข้ารับใช้ ต่อให้ต้องตายหม่อมชั้นก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้ทำเพื่อพระองค์ และประเทศนิวแลนด์”
“เราก็เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้รู้จักเจ้า”
ปีเตอร์และโซว์มองหน้ากันอย่างซึ้งๆ ก่อนที่โซว์จะเหม่อมองออกไปด้านนอกอย่างหมดหวัง
“เจ้าว่าเราจะมีโอกาสออกไปจากที่นี่รึเปล่า” โซว์ถาม
“ทุกโอกาสย่อมมีถ้าเราไม่สิ้นหวังพระเจ้าข้า” ปีเตอร์ตอบ
โซว์มองไปที่เวรยามที่แน่นหนาซึ่งดูแล้วยากที่จะออกไปได้
“แล้วถ้าเกิดเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้จริงๆ เจ้าว่า...เสด็จพ่อ เสด็จแม่จะเป็นยังไง”
โซว์เหม่อมองออกไปข้างนอกด้วยความเศร้า
มหาดเล็กเดินหน้าตื่นเข้ามาหาพระราชาแห่งนิวแลนด์
“มีอะไร”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วพระองค์ เมื่อกี้มีโทรศัพท์จากประเทศไทย โทรเข้ามาถึงกองกำลังความมั่นคงเพื่อปกป้องราชวงศ์แห่งนิวแลนด์ โดยบอกรหัส เอส โอ เอส / เอส เอส โอ โอ เอส เอส / ดับเบิ้ลเอส ดับเบิ้ลโอ ได้ถูกต้อง”
มหาดเล็กพูดเสร็จแล้วถึงกับหอบ เพราะชื่อหน่วยยาวเหลือเกิน
พระราชาตกใจ “ว่าไงนะ รหัส เอส โอ เอส / เอส เอส โอ โอ เอส เอส / ดับเบิ้ลเอส ดับเบิ้ลโอ”
“แล้วคนจากประเทศไทย โทรเข้ามาที่เบอร์ลับนั้น แล้วรู้รหัสลับได้ยังไง” พระราชินีถาม
“เธอบอกว่าได้เบอร์มาจาก ราชองครักษ์ปีเตอร์ ให้โทรมาแจ้งเรื่องสำคัญพะย่ะค่ะ”
พระราชากับพระราชินีมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอะไร !!”
มหาดเล็กอึกอัก
ขิงนั่งครุ่นคิดเพื่อหาทางว่าจะทำยังไงต่อไปดี ติ๊งโหน่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยหน้าตาเบื่อๆ
“เฮ่อ..ไม่มีอะไรทำแล้ว ติ๊งว่าติ๊งกลับดีกว่า เบื่อ ...”
ขิงหันขวับ “จะรีบกลับไปไหนละครับ ผมยังมีเรื่องเจ้าชายอีกตั้งเยอะที่ยังไม่ได้เล่า”
“ไม่อยากฟังแล้วมีแต่เรื่องน่าเบื่อ แล้วอีกอย่าง นายก็ไม่ยอมเล่นแบบที่ติ๊งอยากเล่นด้วย”
“เล่นอะไรละครับ”
“เล่น พ่อ แม่ไง ตัวเองเป็นพ่อ เค้าเป็นแม่ แล้วก็มาช่วยทำลูกกันไง ฮ่าๆๆๆๆ”
“เอ่อ..เล่นแบบนั้นมันเอ๊าท์แล้วครับ มาเล่นปั่นแปะ หมากเก็บ กำลังอินกว่าครับ”
“ไม่เล่นงั้นติ๊งกลับ”
ติ๊งโหน่งโมโห เธอหยิบกระเป๋าแล้วทำท่าจะเดินออกไป ขิงรีบคว้าข้อมือไว้ ติ๊งโหน่งหันมาเห็นก็โวยวาย
“ต๊าย พอเค้าไม่เล่นด้วยก็คิดจะลวนลามเค้า ไอ้คนโรคจิต ปล่อยเค้านะ”
“ไม่ปล่อย ผมให้คุณติ๊งโหน่งไปไหนไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไม นายจะฆ่าชั้นเหรอ นายโกหกหลอกชั้นมาที่นี่ใช่มั้ย”
ขิงพึมพำ “มาอยู่ตั้งนานเพิ่งจะคิดได้รึไง” ขิงพูดกับติ๊งโหน่ง “จะยังไงก็ช่าง คุณต้องอยู่ที่นี่ จนกว่าผมจะยอมให้คุณไป”
ติ๊งโหน่งมองหน้าขิงก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนี ขิงต้องเข้าไปฉุดกระชากลากถูให้กลับมา ติ๊งโหน่งพยายามหนีในขณะที่ขิงพยายามห้าม สองคนฉุดกระชากลากถูกันไปมา ติ๊งโหน่งเริ่มโมโหจึงแสดงสัญชาตญาณดิบด้วยการเอามือบีบคอขิง
“คิดเหรอว่าคนอย่างชั้นจะเสร็จแกง่ายๆ นี่แน่ะ”
ติ๊งโหน่งบีบคอ ขิงเริ่มหายใจไม่ออกสายตาของเธอเริ่มพร่า ขิงพยายามความหาของ ก่อนจะคว้าที่เขี่ยบุหรี่ มาฟาดหัวติ๊งโหน่งเต็มแรง ติ๊งโหน่งถึงกับหงายหลังสลบไป ขิงมองติ๊งโหน่งที่สลบไปพร้อมกับหายใจหอบเหนื่อย
พระราชายืนนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างพระราชวัง พระราชินียืนมองพระราชาอยู่แบบไม่แน่ใจว่าพระราชากำลังคิดอะไรอยู่ พระราชามีสีหน้าเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่
ชรินทร์ตบอำนาจด้วยความโมโห
“ผู้หญิงแค่สองคน ไม่มีปัญญาหา”
“มันคงกบดานอยู่ที่ไหนซักแห่ง ผมให้ลูกน้องจับตาพวกมันแล้ว รับรองหุ่นอย่างคุณติ๊งโหน่งถ้าออกมาเมื่อไหร่ หาไม่ยากหรอกครับ” อำนาจบอก
“กว่าจะออกมา ถ้าลูกชั้นกลายเป็นศพแล้วแกจะทำยังไง”
ไไม่มีทางหรอกครับ มันแค่ขู่เรามากกว่า อย่างนังผู้หญิงนั่นคงไม่กล้าฆ่าใครหรอก แล้วอีกอย่างตราบใดที่สองคนนั้นยังอยู่กับเรา เราต้องปลอดภัยแน่ๆ”
“เจ็บใจจริงๆ ไม่น่าเก็บหลักฐานพวกนั้นไว้เลย แกเก็บไว้ทำไม”
“ก็เจ้านายบอกว่าจะเก็บไว้แบล็คเมล์คนอื่นไงครับ”
“เลยมาถูกแบล็คเมล์เองเลย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ที่หน้าจอเป็นรูปหน้าติ๊งโหน่ง ชรินทร์กับอำนาจตกใจ ชรินทร์รีบรับโทรศัพท์
เสียงขิงดังขึ้น “ถ้าไม่อยากให้ลูกแกตาย พรุ่งนี้บ่ายสาม ที่ ... พาตัวเจ้าชายกับราชองครักษ์ไปที่นั่น เราจะแลกเปลี่ยนตัวประกันกัน แกต้องไปคนเดียว ถ้าชั้นเห็นแม้แต่เงาคนอื่นล่ะก็ นังหมูนี่ตาย”
“แล้วถ้าชั้นไม่ตกลงล่ะ” ชรินทร์ถาม
“เตรียมรับศพลูกสาวแกได้เลย”
“ได้ งั้นพรุ่งนี้บ่ายสามเจอกัน”
ขิงวางโทรศัพท์ ชรินทร์มองหน้าอำนาจแล้วยิ้มร้าย
“นังโง่เอ๊ย คิดเหรอว่าแกจะเอาชนะชั้นได้” ชรินทร์หันไปสั่งอำนาจ “เตรียมลูกน้องให้มากที่สุด พรุ่งนี้บ่ายสามเราจะจัดการทุกอย่างให้สิ้นซาก”
ชรินทร์ยิ้มชั่วร้ายด้วยความสะใจ ปีเตอร์และโซว์ที่ได้รู้เรื่องมองหน้ากันด้วยความวิตกกังวล
ขิงวางโทรศัพท์ ก่อนจะมองเข้าไปในห้องน้ำที่ติ๊งโหน่งซึ่งถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปากกำลังดิ้นๆ อยู่ในอ่างน้ำจนเกิดเสียงดังโครมคราม ขิงรีบเดินไปปิดประตู ก่อนจะเดินวนไปวนมาเพื่อครุ่นคิด เธอเหลือบไปเห็นเบอร์ของ พัชรีในมือถือติ๊งโหน่ง
“พัชรี ...”
ขิงยิ้มก่อนจะรีบกดโทรศัพท์โทรหาพัชรีทันที
รถตู้แล่นเข้ามาจอด ณ ที่รกร้างว่างเปล่า ชรินทร์เดินมาดเท่ลงมาจากรถ อำนาจผลักโซว์และปีเตอร์ที่ถูกมัดลงมาด้วย
“ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ย” ชรินทร์ถาม
“ไม่ต้องห่วงครับนาย คนของเราซุ่มอยู่ทุกจุด ไม่ว่ามันอยู่ตรงไหน รับรองไม่พลาด” อำนาจบอก
ปีเตอร์และโซว์มองหน้ากันแล้วก็พยายามจะหนี แต่อำนาจจับตัวไว้ได้ก่อนจะชกทั้งสองจนหน้าคว่ำ
“อย่าพยายามให้เหนื่อยเลย พวกแกหนีไม่ได้หรอก” ชรินทร์บอก
ชรินทร์มองนาฬิกาแล้วก็เห็นว่าเป็นเวลาสามโมงแล้ว
“มันหายหัวไปไหน ทำไมยังไม่มา”
“หรือมันจะแอบซุ่มดุเราอยู่” อำนาจสงสัย
“เอ้า แล้วแกจะมายืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ รีบหลบไปซิ”
อำนาจรีบหลบขึ้นไปบนรถตู้แล้วคอยซุ่มดูอยู่ ชรินทร์เดินออกไปด้านหน้าก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“ชั้นให้เวลาเธออีก 3 วินาที ถ้าชั้นนับ 1-3 แล้วเธอยังไม่โผล่หัวมาละก็ ชั้นยิงไอ้สองคนสมองไหลแน่ หนึ่ง..”
โซว์พยายามตะโกนบอก “ขิงอย่าออกมา กลับไป !!”
ชรินทร์นับต่อ “สอง ...”
โซว์ตะโกน “พวกมันมีมือปืน มันจะดักฆ่าพวกเรา”
ชรินทร์มองไปรอบๆ แล้วยิ้มก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาเตรียมจะขึ้นนก
เสียงขิงดังขึ้น “เดี๋ยว !!!”
ชรินทร์ โซว์ และปีเตอร์หันไปมอง ทั้งสามเห็นขิงเดินเข้ามาพร้อมกับรถวีลแชร์ที่มีติ๊งโหน่งซึ่งถูกมัดมือปิดปากนั่งอยู่บนรถ
ชรินทร์มองอึ้งๆ “ลูกติ๊ง !!”
ติ๊งโหน่งพูดเสียงอู้อี้ “พะ..พ่อ..ช่วย ติ๊งด้วย”
โซว์มองขิงด้วยความเป็นห่วง “ขิง !!!”
ขิงมองหน้าโซว์และปีเตอร์ก่อนจะยิ้มด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ชรินทร์มองหน้าขิงแล้วยิ้มร้าย ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องที่อยู่รอบๆ
“จัดการมัน !!!!”
โซว์ตกใจ “ไม่ !!”
คนชุดดำจำนวนมากถือปืนวิ่งออกมาล้อมทุกคนเอาไว้แล้วก็หยุดนิ่ง
ชรินทร์แปลกใจ “ยิงพวกมันสิวะ!! จะยืนหาพระแสงอะไร?”
คนชุดดำกลุ่มนั้นหันเล็งปืนไปที่ชรินทร์ ชรินทร์ผงะ ปีเตอร์เดินยิ้มออกมา
“พวกเค้าไม่ได้ยืนหาพระแสง แต่ยืนรอฟังคำสั่งจากเจ้าชายต่างหากล่ะ” ปีเตอร์บอก ชรินทร์อึ้ง “นี่คือทหารองครักษ์ของนิวแลนด์!!”
ชรินทร์อึ้ง
“จับมัน!!” ปีเตอร์สั่ง
พวกทหารขยับจะเข้าไปจับตัวชรินทร์ แต่ชรินทร์ไวกว่า เขาผลักอำนาจที่อยู่ข้างๆไปชนทหาร ทำให้พวกทหารเสียจังหวะ
ชรินทร์ชักปืนออกมาแล้วจับโซว์เป็นตัวประกัน ทุกคนตกใจ
“อย่าเข้ามา!! ไม่งั้นเจ้าชายของพวกแกตายแน่!!”
ชรินทร์ลากโซว์ออกไป
“จะพาเราไปไหน?” โซว์ถาม
“หุบปาก!! ชั้นไม่ยอมถูกพวกแกจับหรอก ไป..ไปสิ!!”
ชรินทร์รีบลากโซว์ออกไป พวกทหารจะตาม
ชรินทร์ตะโกนบอก “อย่าตามมา!!”
ปีเตอร์รีบยกมือห้ามไม่ให้ทุกคนตามไป ชรินทร์ลากตัวโซว์ออกไป
“นาย..รอผมด้วย” อำนาจร้องบอก แต่ทหารจับตัวอำนาจเอาไว้ไม่ให้อำนาจตามชรินทร์ออกไป อำนาจไม่กล้าเดินตาม ขิงมองตามด้วยความเป็นห่วง เธอมีสีหน้าครุ่นคิดแล้วก็แอบย่องออกไปอีกทาง
ชรินทร์ล็อคคอโซว์แล้วลากออกมา โซว์พยายามพูดกับชรินทร์
“นายอย่าทำอย่างนี้เลย มอบตัวเถอะ ทำแบบนี้..ยิ่งจะทำให้ทุกอย่างแย่ลง”
“เจ้าชายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมถูกจับ” ชรินทร์บอก
“ถ้านายยอมมอบตัว ฉันจะขอให้ทางการเค้าลดโทษให้นาย”
“ฉันไม่เชื่อ ไม่ต้องมาโน้มน้าวฉันให้เสียเวลา ฉันจะต้องรอด ส่วนแกต้องตาย!!”
ชรินทร์หัวเราะลั่น แต่ระหว่างที่ลากโซว์ไปตามทาง ชรินทร์สะดุดทำให้เสียจังหวะ โซว์จึงผลักชรินทร์จนล้มไปกับพื้นแล้วรีบวิ่งหนี ชรินทร์โมโหหันปืนมาจะยิงโซว์ ขิงออกมาเห็นพอดีก็ตกใจ
“โซ่! ระวัง!!” ขิงร้องบอก
โซว์หันไป จังหวะเดียวกับที่ชรินทร์ยิงปืนดังปัง ขิงกระโดดเข้ามาเอาตัวรับกระสุนแทนโซว์ ทำให้กระสุนฝังเข้าที่หัวไหล่ของขิง โซว์ตกใจ
“ขิง!”
โซว์รีบประคองตัวขิงเอาไว้ ขิงหมดสติ ชรินทร์ลุกขึ้นมายืนแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่าๆๆๆ ถ้ารักกันนัก ก็ไปอยู่ด้วยกันเลย”
ชรินทร์กำลังจะยิงโซว์ แต่ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังปัง!! โซว์หลับตาปี๋ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกยิง โซว์ลืมตาขึ้นมาก็เห็นชรินทร์ตาเหลือกก่อนจะทรุดลงบนพื้นแล้วล้มหน้าคว่ำเพราะถูกยิงที่หลัง โซว์เห็นทหารองครักษ์เป็นคนยิง โซว์รีบหันมาดูขิง
“ขิง...ขิง....”
โซว์เป็นห่วงขิงสุดๆ
เวลาผ่านไป ยายขม ตุ๊ก รุ้ง แก้วรีบเดินมาหาโซว์ ปีเตอร์ และพัชรีที่ยืนรออยู่ที่โรงพยาบาลด้วยสีหน้าร้อนใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับนังขิงห๊ะ!! ทำไมมันถึงถูกยิง มันถูกยิงได้ยังไง” ยายขมถาม
โซว์เข้าไปหายายขม “ยายครับ ผมขอโทษ เพราะผมเองทำให้ขิงถูกยิง ขิงรับกระสุนแทนผมครับยาย” ยายขมผงะ
“ตอนนี้คุณขิงยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลยครับ” ปีเตอร์บอก
ยายขมจะเป็นลม โซว์ตกใจจึงรีบเข้าไปประคอง
“แม่..” ตุ๊กตกใจ
แก้วกับรุ้งพยายามเรียกสติ “ยาย..ยาย...”
โซว์พายายขมไปนั่ง แก้วรีบเอายาดมมาให้ยายขมดม
“โธ่นังขิง...ถ้าเอ็งไปก่อนข้า ข้าจะตามไปแหกอกเอ็งถึงบนสวรรค์เลยคอยดู”
โซว์หน้าเสีย ทุกคนเริ่มเครียด สักพักพระราชาแห่งนิวแลนด์ก็เดินเข้ามา ปีเตอร์เห็นก่อนแล้วก็ตกใจ
“พระราชา!”
ทุกคนหันไปมอง โซว์ตกใจ
“เสด็จพ่อ...”
“หน้าสิ่วหน้าขวาน ยังมีแก่ใจมาเล่นลิเกกันอีก” ยายขมว่า
“เค้าไม่ได้เล่นลิเกกันหรอกยาย นี่เป็นเสด็จพ่อของเจ้าชายโซว์ องรัชทายาทแห่งนิวแลนด์” พัชรีบอก
“เจ้าชาย?” แก้วงง
ทุกคนหันไปมองโซว์โดยที่ยังงงๆอยู่ ยังไม่ทันจะมีใครถามหรือพูดอะไร หมอก็เดินออกมา
“ใครเป็นญาติคุณขิงครับ” หมอถาม
ทุกคนรีบกรูกันเข้ามาหาหมอ ยกเว้นพระราชา
“ฉันเป็นยายนังขิงมันจ๊ะ หมอบอกมาเลย ฉันทำใจแล้ว มันตายแล้วใช่มั้ยหมอ มันตายแล้วใช่มั้ย หลานคนเดียวของฉันตายแล้ว โฮๆๆๆ”
“โอ๊ยแม่ อย่าเพิ่งโวยวายได้มั้ย หมอยังไม่ได้พูดอะไรเลย” ตุ๊กว่า
“คุณขิงปลอดภัยแล้วครับ” หมอบอก
“ปลอดภัย แปลว่ายังไม่ตาย” แก้วพูด
รุ้งดีใจ “ขิงยังไม่ตาย ขิงยังไม่ตาย”
ทุกคนดีใจ โซว์โล่งใจ แต่พอหันมาเจอพระราชามองอยู่เขาก็ผงะ
ยายขม ตุ๊ก รุ้ง และแก้วมีสีหน้าตื่นตะลึง
“โซ่เป็นเจ้าชาย!!”
“พระเจ้าช่วย...” รุ้งร้องออกมา
“กล้วยทอด...ไม่อยากจะเชื่อ” แก้วพูดต่อ
“ส่วนผู้ชายแก่ๆที่เราเห็นคือพระราชาแห่งนิวแลนด์?!!” ตุ๊กคิดแล้วก็หวาดเสียว “หัวจะขาดมั้ยวะ ด่าโซ่ เอ๊ย เจ้าชายโซว์ไปตั้งหลายครั้ง”
“นั่นสิ ส่วนฉันก็เคยทำร้ายเจ้าชาย เจ้าชายจะประหารฉันเจ็ดชั่วโคตรมั้ย” แก้วกลัว
“น่าเสียดาย??” รุ้งโพล่งออกมา
“เสียดายอะไร?” ปีเตอร์ถาม
“ถ้ารู้ว่าเป็นเจ้าชายจริงๆ ฉันจะจับทำผัวตั้งแต่วันแรกเลย”
“นังบ้า เวลานี้ยังมาคิดเรื่องพรรณนี้ได้อีก” แก้วว่า
“ยาย...ทำไมยายเอาแต่นั่งเงียบล่ะจ๊ะ” พัชรีถาม
“ข้าช็อคจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ต่างหากล่ะ” ยายขมบอก
ทุกคนเครียดและยังตะลึง อึ้ง เพราะนึกไม่ถึงอยู่
พระราชาหันขวับมามองโซว์ด้วยสีหน้าโหด โซว์ก้มหน้าจ๋อย
“ครั้งนี้เจ้าทำผิดมากที่หนีมาเมืองไทยโดยไม่บอกพ่อ แถมยังเกิดเรื่องจนเกือบทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสั่นคลอน เจ้าต้องกลับประเทศเดี๋ยวนี้!!”
“หม่อมชั้นยังกลับไม่ได้” โซว์บอก
“นี่เจ้ากล้าขัดคำสั่งพ่อเหรอ” พระราชาถาม
“หม่อมชั้นขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัย แต่หม่อมชั้นยังกลับไม่ได้จริงๆ”
“เพราะอะไรเจ้าถึงกลับไม่ได้?!!”
โซว์ยังไม่ทันบอก ปีเตอร์ก็เดินเข้ามา
“ขอประทานโทษพระเจ้าค่ะ” โซว์กับพระราชาหันไปมอง “คุณขิงฟื้นแล้วเจ้าชาย”
โซว์ดีใจสุดๆ
โซว์เปิดประตูเข้ามาเห็นขิงนอนลืมตาแล้วหันมายิ้มให้ โซว์รีบโผเข้าไปหา ในห้องมียายขม ตุ๊ก แก้ว และรุ้งยืนอยู่ ปีเตอร์กับพัชรีเดินตามเข้ามา
โซว์จับมือขิงแน่น “ขิง...ชั้นขอโทษ เพราะชั้นทำให้เธอต้องเจ็บ”
ขิงพูดทั้งๆ ที่เสียงยังเหนื่อยๆ “เจ็บแค่นี้..ยังดีกว่าต้องเห็นนายเป็นอะไร”
แก้วซึ้งจนร้องไห้ รุ้งหันไปมอง
“แกเป็นอะไร?” รุ้งถาม
“ชั้นซึ้งน่ะ ความรักที่เค้าสองคนมีให้กัน มันคงทำให้ฉันเปลี่ยนใจน้องขิงไม่ได้แล้ว”
รุ้งฟังแล้วก็สะท้อนใจ เธอหันไปมองโซว์
“ขิง..ขอบใจนะ ตอนนี้ชั้นรู้แล้วว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของชั้นก็คือเธอ” โซว์บอก
ขิงกับโซว์ยิ้มให้กัน ยายขมกระแอม
“แฮ่ม..” โซว์กับขิงหันไปมอง ยายขมพูด “ขอประทานโทษนะเพคะ เจ้าชายไม่ได้อยู่กับนังขิงมันสองคนนะเพคะ ยังมีหัวดำหัวหงอกอยู่อีกหลายคน”
โซว์กับขิงหันมายิ้ม ทุกคนหัวเราะ
ยายขมเดินมาหาโซว์ “หม่อมชั้นกับชาวคณะต้องขอพระราชทานอภัยโทษจากเจ้าชายที่พวกหม่อมชั้นได้กระทำการจาบจ้วง ต่อว่าด่าทอ และทำไม่ดีกับเจ้าชาย”
“เจ้าชายทรงอย่าถือโทษโกรธพวกเราที่โง่เขลาเบาปัญญาไม่มีสมองเลยนะพระเจ้าค่ะ” ตุ๊กบอก
ตุ๊กยกมือไหว้ท่วมหัวแบบหนังจักรๆวงศ์ๆ โซว์หันมายิ้มให้ขิงแล้วก็หันไปพูดสีหน้านิ่ง
“เราไม่อาจอภัยให้พวกเจ้าได้ เพราะพวกเจ้าใช้งานเราจนเหมือนเราเป็นคนรับใช้”
ทุกคนหน้าเสีย
“ทุกคนต้องถูกทำโทษ” โซว์บอก
ทุกคนทำหน้าเหรอหราเพราะต่างก็กลัวกันมาก
“เราขอสั่งไม่ให้ทุกคนเรียกเราว่าเจ้าชาย!!” โซว์บอก ทุกคนอึ้ง “ทำได้มั้ย”
ทุกคนยิ้มดีใจกันสุดๆ
“ได้สิ..”” ทุกคนพูดพร้อมกัน
โซว์กับขิงยิ้มให้กัน แก้วกับรุ้งยิ้มให้กัน ปีเตอร์กับพัชรีก็ยิ้มให้กัน ตุ๊กเดินเข้ามากอดยายขมแล้วก็ยิ้มให้กัน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข
ปีเตอร์เดินฮัมเพลงกลับเข้ามาในห้อง แล้วก็ต้องผงะเพราะเห็นพระราชายืนหน้าเหี้ยมอยู่ ปีเตอร์แทบสำลัก เขารีบถวายบังคม
“พระราชาเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่พระเจ้าค่ะ”
“จะรู้ไปทำไม?” พระราชาถามกลับ
“อุ้ย ไม่รู้ก็ได้พระเจ้าค่ะ”
“ตอบข้ามาปีเตอร์ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
ปีเตอร์ลุกขึ้นมายิ้มอายๆ เพราะนึกว่าพระราชาถามถึงพัชรี
“แหม..จะให้บอกจริงๆเหรอพระเจ้าคะ”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า รีบบอกมา!!”
“ผู้หญิงคนนั้น..เออ...เป็นคนที่ข้ารักพระเจ้าค่ะ เธอชื่อพัชรี เป็นนักข่าว น่ารักมั้ยพระเจ้าข้า”
พระราชาตกใจ “อะไรนะ!! นังหญิงหลายใจ..นี่คิดอยากได้ทั้งเจ้าทั้งเจ้าชายเลยเหรอ”
ปีเตอร์ผงะ “เออ พระราชาทรงถามถึงหญิงคนไหน”
“ผู้หญิงที่นอนโรงพยาบาล”
ปีเตอร์นึก “อ๋อ..โธ่ หม่อมชั้นนึกว่าท่านทรงถามถึงพัชรี ถ้าพระองค์หมายถึงหญิงคนนั้น เธอชื่อขิง เป็นคนที่เจ้าชายรักพระเจ้าข้า”
พระราชาอึ้ง
โปรดติดตามตอนต่อไป