ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 6
คนดูต่างกรูกันเข้ามาคืนตั๋วกับขิงและตุ๊กกันจนชุลมุนไปหมด
"ไม่ต้องแย่งกันจ๊ะ รับรองพวกเราคืนเงินให้ทุกคน" ขิงบอก
ชาวบ้านคนหนึ่งพยายามจะมาแย่งเอาเงินคืน แล้วจู่ๆ ก็โวยวายขึ้นมา
"คืนเงินยังไม่พอ ต้องจ่ายค่าเสียเวลามาด้วย"
"ใช่ อย่างนี้มันหลอกลวงกันชัดๆ" ชาวบ้านอีกคนเห็นด้วย
"โธ่ ป้าจ๋า ยายจ๋าไม่มีใครอยากหลอกลวงหรอก มันเป็นแอ็คซิเดนท์น่ะ เข้าใจมั้ย" ขิงบอก
"ไม่เข้าใจเว้ย ข้าคนไทยไม่เข้าใจภาษาดัดจริต...เอาเงินคืนมาเร็ว !!”
ตุ๊กมองชาวบ้านคนที่ท่าทางเอาเรื่องสุดๆ อย่างเซ็งๆ ก่อนจะยอมหยิบเงินคืนให้
"ไปพวกเรา ไปประกาศกันให้ทั่วเลย ว่าลิเกคณะนี้ห่วยซะยิ่งกว่าห่วยอีก"
ชาวบ้านคนนั้นเดินนำกลุ่มชาวบ้านที่ได้เงินแล้วออกไป
ขิงและตุ๊กมองตามเหนื่อยหน่าย ขิงมองเงินในกระป๋องเหลือเงินอีกไม่กี่บาท
"น้าตุ๊ก เงินไม่เหลือแล้วนะ ยังเหลืออีกกี่คนที่ต้องคืนเงินน่ะ"
แก้วและยอดเดินท่าทางกวนๆเข้ามา
"ยังเหลือพี่อีกคนไงจ๊ะน้องขิงคนสวย" แก้วพูด
ขิงโมโหจึงเขวี้ยงเงินใส่หน้า "เอาเงินของแกไปแล้วไสหัวไป"
แก้วมองเงินแล้วหัวเราะ "เงินแค่นี้มันไม่พอหรอก อย่าลืมซิว่าน้องขิงเป็นหนี้พี่อีกเท่าไหร่ หรืออยากให้พี่ช่วยฟื้นความจำกันสองต่อสอง"
แก้วและยอดหัวเราะด้วยความสะใจโดยไม่ทันระวังหลัง ยายขมเดินเข้ามาเอาไม้เกาหลังฟาดหัวแก้วดังโป๊ก
"ถ้าอยากไปก็ไปกับข้าก่อนก็แล้วกันไอ้แก้ว รับรองแกจะได้รู้ว่าสวรรค์มันมีจริง"
"สวรรค์อะไร หน้าอย่างยายนรกซิไม่ว่า" แก้วสวน
"อ๋อ แสดงว่ายังไม่เห็น งั้นต้องโดนอีกที รับรองแกเห็นสวรรค์แน่”
ยายขมเดินเข้าไปจะตีหัวแก้วอีก แต่แก้วหลบทัน
"คิดว่าแก่แล้วกลัวเหรอ อย่าลืมซิว่ายายยังเป็นลูกหนี้ชั้นอยู่ จำไว้นะยายถ้าถึงกำหนดใช้หนี้แล้วยายเอาเงินมาคืนชั้นไม่ครบขาดแค่สตางค์เดียว ชั้นจะให้คนมาปิดโรงลิเกเน่าๆ นี้แล้วเปิดเป็นผับ...ผับ ผับ ผับ รู้จักมั้ย"
ยายขมโมโหจึงมองหาหินแถวนั้นแล้วหยิบขึ้นมาเขวี้ยงใส่แก้วไม่ยั้ง
แก้วและยอดหนีกันชุลมุน
"สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารโว้ย ...” ยายขมตะโกนไล่หลัง
"จะนับตอนนี้ หรือตอนไหน ยังไงที่นี่ก็ต้องเป็นของชั้นวันยังค่ำ" แก้วหัวเราะอย่างสะใจ "ไปไอ้ยอด กลับเว้ย"
แก้วเดินหัวเราะออกไป ยายขมมองตามแก้วด้วยความเจ็บใจสุดๆ ขิงและตุ๊กมองยายขมด้วยความสงสาร
โซว์ตื่นขึ้นมาแต่ยังมีท่าทางมึนๆ และยังรู้สึกปวดหัว เขาพยายามจะลุกขึ้น พอพลิกตัวมาก็เห็นรุ้งนอนหลับอยู่บนที่นอนเดียวกัน โซว์ตกใจจนหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง เขารีบไปชิดอีกด้านหนึ่งของเตียง
"ตื่นแล้วเหรอเพคะ เสด็จพี่ ..” รุ้งงัวเงียขึ้นมาถาม
รุ้งที่ตื่นขึ้นมาทั้งชุดลิเก หน้าตาของเธอเลอะเทอะเครื่องสำอางแลดูน่าสยองสุดๆ รุ้งผวาจะเข้าไปกอดโซว์ แต่โซว์รีบลุกหนี รุ้งไม่ทันระวังจึงเหยียบกระโปรงลิเกของตัวเองจนหน้าคว่ำคะมำไปกับพื้น
"เสด็จพี่จะหนีน้องไปไหน เมื่อคืนเรายังอยู่ด้วยกันทั้งคืน"
"นี่เธอกับชั้น ...”
"อย่าบอกว่าเสด็จพี่จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้"
โซว์หน้าเสีย ก่อนจะส่ายหน้า
รุ้งโวย "คิดแล้วเชียวว่าทำดีก็ไม่ได้ดี อีรุ้งนะอีรุ้ง...อุตส่าห์ทั้งดึง ทั้งลากกลับมา ดูแลเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ ถ้าไม่ได้รุ้งป่านนี้ เสด็จพี่คงนอนตากยุงอยู่ที่โรงลิเกโน่น"
รุ้งสะบัดหน้าเพราะงอน โซว์ได้ฟังก็เข้าใจจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ..ไอ้เราก็นึกว่า.." โซว์หัวเราะ "โล่งอก ...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมเจ้าต้องพาเรากลับมาที่นี่ด้วย" โซว์ถามหน้าซื่อๆ
รุ้งแปลกใจ "นี่เสด็จพี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอเพคะ"
โซว์มองดูโรงลิเกที่ข้าวของกระจัดกระจายราวกับเกิดสงครามแล้วก็ตกใจ ขิงและตุ๊กกำลังช่วยกันเก็บกวาดข้าวของ โซว์รีบเข้าไปถาม
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นแบบนี้"
"นายยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ ...” ขิงว่า
ขิงมองหน้าโซว์ด้วยความโกรธสุดๆ แล้วเธอก็สะบัดหน้าหันไปทำงานต่อโดยไม่สนใจ โซว์รีบเดินเข้าไปเขย่าแขนตุ๊ก
"ตุ๊ก ! เกิดอะไรขึ้น บอกชั้นเถอะ ชั้นอยากรู้จริงๆ"
"แหม..ทำเป็นความจำเสื่อมกะทันหันคิดว่าจะพ้นความผิดรึไง ไอ้แผนสูง" ตุ๊กว่า
"ชั้นไม่ได้แกล้ง ไม่รู้จริงๆ"
ตุ๊กโมโห "ได้ อยากรู้นักใช่มั้ย ก็ที่ทุกอย่างมันฉิบหายวายป่วงขนาดนี้ ก็เพราะแกน่ะแหละ"
โซว์ตกใจจึงหันไปถามรุ้ง
"จริงเหรอ"
"ก็ใช่น่ะซิ เมื่อคืนน่ะเสด็จพี่เหมือนกับผีบ้าเข้าสิง" รุ้งบอก
โซว์งง "ชั้นอะไรจำไม่ได้จริงๆ ...ชั้นจำได้แค่ ไอ้แก้วเอาอะไรมาให้กินก็ไม่รู้ พอกินเข้าไปก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย"
ขิงได้ฟังก็หันไปมองหน้าตุ๊กด้วยความสงสัย
ตุ๊ก ขิง โซว์ และ รุ้งช่วยกันมองหาขวดเหล้าที่แก้วนำมาให้โซว์อยู่ที่หลังเวที
"หน้าตาขวดมันเป็นยังไงวะ" ตุ๊กถาม
"มันก็ขวดเหมือนกับขวดทั่วไปน่ะแหละ" โซว์บอก
ตุ๊กประชด "ขอบใจมากไอ้โซว์ ให้ข้อมูลขึ้นอีกเยอะเลย ไอ้บ้า!!! อธิบายให้มันละเอียดๆสิวะ อย่างขวดรูปร่างยังไง สีอะไร น้ำในขวดสีอะไร มีกลิ่นมั้ย แล้วอร่อยรึเปล่า เผื่อข้าจะได้ไปซื้อกินบ้าง"
"น้าตุ๊ก!!” ขิงโวย
"แฮ่ ข้าล้อเล่นน่า"
โซว์พยายามมองหาก่อนจะเจอขวดหล่นอยู่ใต้ตู้ โซว์รีบหยิบขึ้นมา ตุ๊ก ขิง และรุ้งรีบเข้าไปมุงดู โซว์หยิบขวดได้ก็รีบยื่นให้ขิง ขิงลองดมในขวดก็ถึงกับผงะก่อนจะรีบส่งขวดให้ตุ๊กกับรุ้งดม ทั้งสองได้กลิ่นก็ผงะเหมือนกัน
"มันเหล้าชัดๆ ... นี่แกกินเหล้าไม่รู้ตัวเลยเหรอ" ตุ๊กถาม
"เสด็จพี่เค้ามาจากเมืองนอกเมืองนา จะไปรู้จักไอ้เหล้าโรงแบบนี้ได้ไงล่ะน้า โน่น ถ้าจะไปด่าต้องไปด่าคนเอามาให้กินโน่น" รุ้งบอก
ขิงหยิบขวดจากมือตุ๊กมากำไว้และมองขวดอย่างแค้นๆ
"ไอ้แก้ว !!! ไอ้คนเลว"
ที่บ้านกำนันเก่ง แก้วหัวเราะด้วยความสะใจสุดๆ ก่อนจะหยิบแก้วโอเลี้ยงขึ้นมาชนกับเก่งและยอด แล้วก็ดื่มอย่างมีความสุข
"สะใจจริงๆ เลย ไม่นึกว่าแค่เหล้าขวดเดียว จะทำให้พวกนั้นเจ๊งไม่มีฟื้นได้ขนาดนี้" แก้วหัวเราะ
"งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้พ่อกำนัน" ยอดบอก
"ไม่ใช่ฉันคนเดียว แต่เป็นพวกเอ็งด้วยที่ทำให้แผนสำเร็จ" เก่งพูด แก้วกับยอดยิ้ม "ไอ้แก้ว..เอ็งเตรียมตัวไว้ได้เลยยังไงซะวันนี้ น้องขิงก็ต้องซมซานมาขอให้ลูกชายของพ่อช่วย"
แก้วทำหน้าเคลิ้ม "แล้วทีนี้ชั้นก็จะรวบหัวรวบหาง น้องขิงคนสวยซะเลย"
" พี่แก้วได้เมีย พ่อกำนันได้ที่ดิน"ยอดนิ่งคิด "แล้วฉันได้อะไรล่ะจ๊ะ" ยอดบีบนวดขาเก่ง
"ได้ลูก..ถีบไงวะไอ้ยอด" เก่งถีบยอดจนตกเก้าอี้ "ฮ่าๆๆๆ"
แก้วกับเก่งเอาโอเลี้ยงขึ้นมาดูดแล้วหัวเราะอย่างมีความสุขและสะใจ
ขิงส่งขวดเหล้าให้ยายขม ยายขมเอาขวดเหล้าขึ้นมาดมแล้วก็ถึงกับผงะ ...!!!
"เหล้าใช่มั้ย" รุ้งถาม
"กลิ่นแรงขนาดนี้ไม่บอกก็รู้" ยายขมบอก
"เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ยายอย่าไปโกรธเสด็จพี่เลยนะ มันเห็นๆอยู่แล้วว่าไอ้แก้วคิดจะแกล้งพวกเรา" รุ้งพูด
ยายขมหันมองโซว์ตาขวาง โซว์รีบก้มหน้ารับผิด
"แต่ไอ้โซ่มันก็โง่ที่ไปรับของไอ้พวกนั้นมากิน เหล้ากลิ่นหึ่งขนาดนั้นไม่รู้ได้ยังไง" ยายขมว่า
โซว์ยกมือไหว้ "ชั้นขอโทษนะจ๊ะยาย ชั้นยอมรับว่าชั้นโง่ ไม่ทันคน"
"ไม่ใช่แค่นั้นเว้ย แกมันยังเซ่อ งี่เง่า ปัญญาอ่อน...” ยายขมว่าเป็นชุด
ขิงรีบเข้าไปห้าม "พอเถอะจ๊ะยาย ชั้นว่าแค่นี้นายโซ่ก็คงรู้ตัวว่าผิดแล้วหละ"
"ถึงรู้ตัวว่าผิดแล้วจะไปทำอะไรได้ มันรู้มั้ยว่าข้าวของที่มันทำพังฉิบหายไปน่ะ มันไม่ใช่ของถูกๆ มันเป็นของเก่า ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ คราวนี้พวกเราล้มไม่มีฟื้นแน่ๆ ..เตรียมตัวเตรียมใจย้ายออกไปจากที่นี่ได้เลย"
ยายขมถอนหายใจก่อนจะเดินออกไปจากห้อง โซว์มองตามด้วยความรู้สึกผิดสุดๆ
"ชั้นจะชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเอง" โซว์บอก
"พูดน่ะมันพูดง่าย เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ แล้วค่อยมารับผิดชอบคนอื่น" ตุ๊กว่า
ตุ๊กทำเป็นเซ็งๆแล้วเดินออกไป ขิงกับรุ้งก็เดินตามออกไปด้วย โซว์มองตามแล้วก็จ๋อยสุดๆ
ปีเตอร์เดินอย่างกล้าๆกลัวๆ เข้ามาในบ้านของชรินทร์ โดยมีพัชรีที่ที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายคนสนิทของเจ้าชายคอยดันหลังให้ปีเตอร์เดินเข้าไป
"แน่ใจเหรอว่าทำอย่างนี้จะได้ผล" ปีเตอร์หันมาถาม
"อยากได้ลูกเสือ ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ยังไงละเพคะเจ้าชาย"
"เธอก็พูดได้นี่ เธอไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางเพศแบบเรานี่"
ปีเตอร์พยายามจะเดินกลับออกไป แต่พัชรีไม่ยอม เธอดันให้ปีเตอร์กลับเข้าไป พอปีเตอร์หันไปก็ถึงกับช็อคเพราะเห็นติ๊งโหน่งมายืนยิ้มร่า
"เจ้าชายมาเยี่ยมติ๊งโหน่งถึงที่นี่ ติ๊งไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ"
ติ๊งโหน่งวิ่งถลาเข้าไปหาปีเตอร์ก่อนจะกระโดดกอดเอวปีเตอร์ แล้วเอาหน้าซบอกพร้อมกับร้องฮี้ฮี้
ปีเตอร์รู้สึกสยองมากๆ
"โอ๊ย โอ๊ย ….คะ ใครก็ได้ช่วยด้วย"
พัชรีรีบเข้าไปช่วยแกะ "ใจเย็นๆครับ คุณติ๊งโหน่ง เดี๋ยวเจ้าชายจะหลังหักซะก่อน"
"อุ๊ย ติ๊งโหน่งลืมตัวไปหน่อย" ติ๊งโหน่งรีบลงมากแล้วยิ้มยิงฟัน "เชิญเจ้าชายนั่งก่อนซิเพคะ"
ปีเตอร์รีบหามุมนั่งที่ห่างติ๊งโหน่งที่สุด แต่ติ๊งโหน่งก็ยังตามไปนั่งใกล้ปีเตอร์จนได้
ปีเตอร์มองไปรอบๆ "วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ"
"ไม่มีหรอกเพคะ วันนี้ติ๊งโหน่งต้องอยู่บ้านคนเดียว เหงาจะแย่อยู่แล้ว"
พัชรีได้ฟังแล้วก็ยิ้ม เธอรีบสะกิดปีเตอร์ที่ยังนั่งบื้อให้ตอบติ๊งโหน่ง
"แหม..ดีเลยเจ้าก็อยู่คนเดียว เราก็อยู่คนเดียว เราสองคนน่าจะหาอะไรทำกันสนุกๆนะ"
ติ๊งโหน่งยิ้มยั่ว "แล้วเจ้าชายชอบสนุกแบบไหนละเพคะ"
ปีเตอร์เหล่มองพัชรีเพราะไม่รู้จะตอบยังไง พัชรีชี้ให้ปีเตอร์ขึ้นไปข้างบนแต่ปีเตอร์ไม่ยอม ติ๊งโหน่งมองปีเตอร์ด้วยความสงสัย
"เจ้าชายทรงเป็นอะไรเหรอเพคะ"
พัชรีรีบตอบแทน "คือเจ้าชายกำลังชั่งใจว่า หากจะชวนคุณติ๊งโหน่งขึ้นไปหาอะไรทำสนุกๆ บนห้องคุณติ๊งโหน่ง จะผิดธรรมเนียมคนไทยรึเปล่า"
ติ๊งโหน่งตื่นเต้น "ไม่ผิดหรอกเพคะ ติ๊งโหน่งชอบ"
"เอ่อ แต่อยู่ข้างล่างเราก็สบายดีนะ" ปีเตอร์บอก
"ไปเถอะเพคะ เดี๋ยวทางนี้หม่อมชั้นจะจัดการเอง" พัชรีขยิบตาให้ปีเตอร์รีบขึ้นไป
"แต่..." ปีเตอร์ตัดสินใจแล้วก็พึมพำกับตัวเอง "เอ้า ตายเป็นตาย เพื่อประเทศนิวแลนด์" ปีเตอร์หันไปหาติ๊งโหน่ง "แล้วห้องเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ"
"เชิญทางนี้เพคะเจ้าชาย"
ติ๊งโหน่งรีบพาปีเตอร์ขึ้นบันไดไป พัชรีมองตามจนทั้งสองลับสายตา แล้วเธอก็มองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใคร พัชรีกเริ่มหาหลักฐานทันที
ประตูห้องทำงานของชรินทร์ค่อยๆ แง้มออก พัชรีโผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้วมองสำรวจ พอเห็นว่าปลอดภัยพัชรีก็รีบผลุบเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตู
พัชรีมองไปรอบๆห้องอย่างละเอียดแล้วเดินไปพลิกเอกสารที่อยู่บนโต๊ะเพื่อหาเบาะแส ขณะกำลังค้นอยู่นั้นเอกสารแผ่นหนึ่งก็ตกลงบนพื้น พัชรีก้มเก็บ จังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออก อำนาจเดินเข้ามาในห้อง แล้วมองหาอะไรบางอย่าง
พัชรีหันไปเห็นอำนาจเดินเข้ามาก็ตกใจ เธอรีบหยิบแผ่นกระดาษที่ตกก่อนจะหลบไปใต้โต๊ะ อำนาจเดินเข้ามาหาอะไรบางอย่างที่โต๊ะ โดยห่างจากพัชรีแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
พัชรีกลั้นหายใจแล้วพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด ขณะกำลังซ่อน พัชรีเหลือบไปเห็นแฟ้มที่ตัวเองเปิดไว้ดูผิดสังเกต เธอพยายามเอื้อมมือไปปิดแฟ้มด้วยความยากลำบาก
อำนาจกำลังหาของหันขวับมาเป็นจังหวะเดียวกับที่พัชรีปิดแฟ้มได้ตามเดิมพอดี อำนาจเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ
"อยู่นี่เอง"
อำนาจหยิบโทรศัพท์มือถือได้แล้วกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พัชรีลุ้น แต่เสียงโทรศัพท์มือถือของอำนาจดังขึ้นอำนาจรีบรับ
"ฮัลโหล น้องลูกไก่เหรอจ๊ะ …แหม คิดถึงซิจ๊ะ ใครว่าไม่คิดถึง …..ว่างซิจ๊ะ สำหรับน้องกุ๊กไก่พี่อำนาจว่างตลอดเลย"
อำนาจยืนอ้อยอิ่งคุยโทรศัพท์หวานแหววอยู่ในห้องโดยไม่ยอมออกไปสักที พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะนั่งตัวลีบลุ้น ขออย่าให้อำนาจหันมาเห็นเธอเลย
ติ๊งโหน่งผลักปีเตอร์ลงไปนอนบนเตียงก่อนจะตามขึ้นไป ปีเตอร์พยายามถอยหนีไปจนติดหัวเตียง ติ๊งโหน่งค่อยๆ เข้าไปใกล้
ติ๊งโหน่งทำท่าเซ็กซี่ "ไหนเจ้าชายบอกว่ามีเรื่องจะคุยกันสองต่อสอง"
"อ้อ เราแค่อยากจะคุยกับเจ้าเรื่อง …เรื่อง .. เรื่องของเรา"
"ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ติ๊งได้คิดเอาไว้หมดแล้ว"
"คิด เจ้าคิดอะไรไว้"
ติ๊งโหน่งมองหน้าปีเตอร์แล้วยิ้ม ก่อนจะตบมือสองแปะ ไฟดวงกลางในห้องเปลี่ยนกลายเป็นแสงไฟสลัวอีโรติก
"ก็คิดว่าทำยังไง เราถึงจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิมน่ะซิเพคะ"
ปีเตอร์กลัวจนปากคอสั่น "เราก็สนิทกันแล้วนี่ .." ปีเตอร์กลืนน้ำลายลงคอ "เอื๊อก !”
"แค่นั้นยังไม่พอหรอกเพคะ เราต้องสนิทกันมากกว่านี้"
ติ๊งโหน่งยิ้มอย่างมีแผนก่อนจะค่อยๆขึ้นไปคล่อมร่างปีเตอร์ไว้แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ปีเตอร์ ปีเตอร์เริ่มโวยวายอย่างเสียสติ
"เจ้าจะทำอะไร ... ....อย่าเข้ามานะ อย่า !!”
พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะเริ่มอึดอัด เธอแอบมองอำนาจที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้อง
"จ๊ะ ..จ๊ะ.. แล้วเดี๋ยววันนี้เจอกันนะน้องกุ๊กไก่ .... รักนะ จุ๊บ จุ๊บ"
อำนาจวางสายแล้วยิ้มอย่างมีความสุข เขากำลังจะเดินออกไปจากห้อง พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะมองอำนาจที่กำลังจะเดินออกนอกประตูห้องไปแล้ว ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของอำนาจก็ดังขึ้นอีก
พัชรีเห็นอำนาจมองโทรศัพท์หน้าเครียด เขามองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวว่าใครจะได้ยินก่อนจะผลุบเข้ามาคุยในห้อง
"ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ย !!" อำนาจนิ่งฟังแล้วก็โมโห "แล้วทำไมพวกมึงถึงไม่จัดการมันไปวะ ..ถ้ามันมีปัญหามากนักก็จัดการมันไปเลย พวกแกก็เห็นแล้วไอ้นั่นมันเป็นยังไง"
พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะพยายามเงี่ยหูฟังแต่ขณะพยายามยื่นหน้าไปฟังพัชรีไม่ได้ระวังตัว หัวของเธอจึงไปโขกกับลิ้นชักที่อยู่บนหัวจนเกิดเสียงดัง อำนาจที่กำลังโทรศัพท์อยู่รีบหันขวับมาดู
"แค่นี้ก่อนนะ"
อำนาจวางโทรศัพท์แล้วรีบเดินเข้ามาตามเสียง พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะยกมือไหว้พระขอให้รอดพ้น อำนาจเดินเข้ามาก่อนจะหยุดยืนใกล้พัชรีมาก แล้วเขากำลังจะก้มหัวลงดูใต้โต๊ะ พัชรีลุ้นตัวสั่น อำนาจก้มลงมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เสียงติ๊งโหน่งดังลั่น "กรี๊ด !!!”
อำนาจได้ยินเสียงติ๊งโหน่งก็ตกใจ เขารีบเงยหน้ามองไปตามเสียง
"คุณหนูติ๊งโหน่ง"
อำนาจรีบวิ่งออกจากห้องไป พัชรีที่อยู่ใต้โต๊ะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อำนาจเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้องติ๊งโหน่ง
"คุณหนูติ๊งโหน่งเกิดอะไรขึ้นครับ"
อำนาจมองไปข้างหน้าแล้วก็ถึงกับผงะ เพราะเห็นปีเตอร์กับติ๊งโหน่งกำลังเล่นมวยปล้ำกันอยู่บนเตียง
อำนาจอึ้งถึงกับพูดไม่ออก "เอ่อ...คือ"
ติ๊งโหน่งโมโห "เข้ามาทำไม เรากำลังเล่นมวยปล้ำกับเจ้าชายอยู่"
"ขอโทษครับคุณติ๊ง"
ปีเตอร์ได้ทีรีบผละจากติ๊งโหน่ง
"โอ๊ย !!!! มีคนขัดจังหวะ เราว่าเรากลับดีกว่า" ปีเตอร์ทำเป็นบ่น
"เดี๋ยวก่อนซิ เพคะเจ้าชาย เจ้าชายจะรีบไปไหน ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะเลย เจ้าชาย"
ติ๊งโหน่งวิ่งตามปีเตอร์ที่รีบหนีออกไปจากห้อง อำนาจมองตามติ๊งโหน่งอย่างเซ็งสุดๆ
ปีเตอร์รีบเดินลงบันไดมา โดยมีติ๊งโหน่งวิ่งตามมาเกาะแขนของเขาไว้ ส่วนอำนาจเดินตามมาห่างๆ
"เจ้าชายจะรีบไปไหนล่ะเพคะ เราสองคนยังไม่สนิทสนมกันเลยนะเพคะ"
"เราเหนื่อยแล้ว เราอยากกลับบ้าน ผู้ติดตามเราอยู่ไหน" ปีเตอร์ถาม
พัชรีวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาจนเกือบจะชนอำนาจที่ยืนอยู่ พอเห็นอำนาจพัชรีก็ตกใจแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ อำนาจมองพัชรีด้วยความสงสัย
"เข้าไปทำอะไรในนั้น" อำนาจถาม
"อ๋อ ไปเข้าห้องน้ำมาน่ะพี่" พัชรีตอบ
"แต่ตรงนั้นไม่มีห้องน้ำเลยนี่"
พัชรีหน้าเสียแต่ก็รีบแก้ตัว "ก็แบบว่าไปหา แต่ไม่เจอไง นี่ก็ยังไม่ได้เข้า" พัชรีทำท่าปวดฉี่ขึ้นมาทันที "โอ๊ย ปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว" พัชรีเข้าไปหาปีเตอร์ "เจ้าชายครับผมว่าเรารีบกลับกันดีกว่าครับ"
อำนาจมองด้วยความสงสัย "เอ้า !! แล้วไม่เข้าห้องน้ำแล้วเหรอ"
"ไม่เข้าแล้ว กลับไปเข้าที่โรงแรมก็ได้ รีบเถอะครับเจ้าชาย"
พัชรีรีบดึงแขนปีเตอร์ให้ออกไปจากบ้าน อำนาจมองตามไปด้วยความสงสัยสุดๆ
ขิงเดินอย่างหงุดหงิดกลับเข้ามาในบ้าน โซว์ ยายขม รุ้ง และตุ๊กนั่งคุยกันด้วยสีหน้าเครียด
"แกหายไปไหนมาวะนังขิง" ยายขมถาม
"ไปสั่งสอนคนชั่วมานิดหน่อย แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมานั่งหน้าเครียดกันอย่างนี้"
"ก็ไอ้โซ่น่ะซิ มันบ้าไปใหญ่แล้ว อยู่ดีๆมันก็บอกว่าจะร้องลิเกที่ตลาด" ตุ๊กบอก
ขิงมองหน้าโซว์ "นายเป็นไรอาหารไม่ย่อย หรือ กินยาไม่ได้เขย่า ถึงได้คิดจะทำอะไรพิเรนทร์ๆแบบนั้น"
"ไม่เห็นจะพิเรนทร์ตรงไหนพวกนักดนตรีเปิดหมวกเค้าก็ทำกันทั้งนั้น" โซว์บอก
"แต่พวกเราไม่ใช่นักดนตรีเปิดหมวก" ขิงแย้ง
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ..ชั้นก็แค่อยากไปแก้ตัวที่ทำพลาดไปเมื่อวาน"
"เรื่องมันผ่านไปแล้วน่ะเสด็จพี่ อย่าคิดมากไปเลย ยังไงคณะลิเกของเราคงกลับมาไม่ได้แล้วหละ" รุ้งบอก
โซว์พูดอย่างมุ่งมั่น "ต้องกลับมาได้ซิ ชั้นนี่แหละจะทำให้คนกลับมาดูลิเกของพวกเราให้ได้"
"พูดน่ะมันพูดง่าย ...แกมีแผนจะทำยังไงวะไอ้โซ่" ตุ๊กถาม
"แผนน่ะอยู่ในนี้" โซว์ชี้ที่หัว "ตอนนี้ขอแค่อาสาสมัครร่วมด้วยช่วยกันเท่านั้นเอง"
รุ้งกับขิงมองหน้ากันก่อนจะค่อยๆ ย่องหนี ยายขมเห็นจึงเอาไม้เกาหลังฟาดหัวทั้งสองคนคนละโป๊ก
"พวกแกสองคนไม่ต้องหนีไปไหนเลยนะ พวกแกสองคนต้องไปช่วยกู้ชื่อเสียงของคณะลิเกของเรากลับมาให้ได้"
ยายขมประกาศอย่างมุ่งมั่น โซว์มองยายขมด้วยความมั่นใจ
ที่ตลาด ตุ๊กเอาไม้ตีกระป๋องสังกะสีดังโป๊ก โป๊ก เพื่อเรียกความสนใจคนดู
"เจ้าข้าเอ๊ย …เร่เข้ามา คณะลิเกยายขมจะมาเปิดวิกให้ท่านดูที่ตลาดแห่งนี้"
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาหันไปมองตุ๊กก่อนจะส่ายหน้า แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจ
"แวะเข้ามาดูซักนิด ชำเลืองตาดูหน่อยๆ รับรองว่าท่านจะไม่ผิดหวังซ้ำสองแน่"
ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนเข้ามา "ลิเกห่วยๆ ไม่มีใครเค้าอยากดูหรอกโว้ย"
ชาวบ้านเริ่มโยนผัก โยนข้าวของใส่ตุ๊ก ตุ๊กหันไปขอความช่วยเหลือจากโซว์ ขิง และรุ้งที่ซ่อนอยู่
"จะทำอะไรก็รีบทำเร็วๆ ถ้าไม่อยากโดนรุมประชาทัณฑ์ซะก่อน"
ขิงหันไปปรึกษาโซว์และรุ้ง
"จะเอายังไง"
"ไม่รู้เหมือนกัน" โซว์ตอบ
รุ้งชะโงกหน้าไปมองตุ๊ก "จะทำอะไรก็ทำเถอะเสด็จพี่ ชาวบ้านโวยกันใหญ่แล้ว"
โซว์โผล่หน้าไปมองชาวบ้านจึงเห็นว่าหลายคนเริ่มโวยวายกับตุ๊ก โชว์ตัดสินใจเดินออกไปด้านนอก
ขิงตกใจ "นายจะทำอะไร"
โซว์เดินออกมาด้านนอก ก่อนจะตัดสินใจร้องลิเกกลางถนน แล้วเริ่มรำอย่างสวยงาม อ่อนช้อย ชาวบ้านกำลังโวยวาย แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องและเห็นท่ารำที่ชดช้อยของโซว์ก็เริ่มสนใจและหยุดมอง หลายคนแอบซุบซิบกันด้วยความสนใจ
ตุ๊กที่อยู่ด้านนอกเห็นชาวบ้านสนใจมาฟังโซว์ร้องมากขึ้นก็ส่งสัญญาณให้ส่งรุ้งออกมา ขิงที่รออยู่รับทราบสัญญาณจึงรีบปล่อยตัวรุ้งออกไปรำคู่กับโซว์ โซว์และ รุ้งรำกันเข้าขา ทั้งร้องรับร้องส่งกันอย่างไพเราะ ชาวบ้านต่างพากันมามุงดูด้วยความสนใจ
พัชรีที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายวิ่งจูงแขนปีเตอร์ด้วยหน้าตาตื่นเข้ามาที่ลอบบี้โรงแรม แล้วทั้งสองก็หยุดหอบด้วยความเหนื่อย
"โอ๊ย !! พัชรีเราไม่ไหวแล้ว ใจหายใจคว่ำหมด" ปีเตอร์บอก
"เจ้าชายจะทรงตื่นเต้นไปทำไมล่ะเพคะ คนที่เสี่ยงน่ะหม่อมชั้นคนเดียว"
"ดีนะที่เจ้ารอดมาได้" ปีเตอร์พูดต่อ
"ก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน ...เจ้าชายก็โชคดีนะเพคะที่รอดมาได้"
"เราก็เกือบไปแล้วเหมือนกัน"
ปีเตอร์และพัชรีมองหน้ากันแล้วยิ้มเขิน บรรยากาศโรแมนติกขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่บรรยากาศกำลังหวานชื่นนั้น เสียงลัดลดาก็ดังขึ้น "เจ้าชายเพคะ ...เจ้าชาย"
ปีเตอร์ทำหน้าเซ็ง "ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก"
ปีเตอร์เอามือกุมหน้าเพราะเซ็งสุดๆ ลัดลดาในชุดสวยเริ่ดวิ่งเข้ามาหาปีเตอร์
"เจ้าชายเสด็จหายไปไหนทั้งวันละเพคะ ลัดลดานั่งรอเจ้าชายตั้งนาน"
"เราไปธุระมานิดหน่อยน่ะ เจ้ามีอะไรเหรอ"
ลัดลดาเข้าไปกอดแขนปีเตอร์แล้วทำสนิทสนม "หม่อมชั้น มาทูลเชิญเจ้าชายไปเปิดโรงแรมในเครือเจริญ
วัฒน์ที่เพชรบุรีเพคะ"
"โรงแรม เพชรบุรี" ปีเตอร์หันไปถามพัชรี "เพชรบุรีนี่มันคืออะไร"
"เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีทะเลสวยมากพะยะค่ะ เหมาะแก่การไปเที่ยวชมบิกินี่ขอสาวๆมากที่สุด"
ปีเตอร์ตาโต "งั้นก็น่าสนน่ะซิ งั้นเอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะไปก็แล้วกันนะ"
"งั้นให้ลัดลดาขึ้นไปช่วยจัดกระเป๋าให้เจ้าชายนะเพคะ"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็น พอดีเรานึกขึ้นได้ว่า" ปีเตอร์ทำท่าปวดท้อง "โอ๊ย ปวดท้อง...ปวดท้อง สงสัยข้าศึกจะโจมตี งั้นเราขอตัวก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยพบกัน"
ปีเตอร์ทำหนีขึ้นลิฟท์ไป พัชรีรีบวิ่งตาม ลัดลดาจะตามแต่ก็ไม่ทัน ลัดลดามองตามแล้วยิ้ม
"วันนี้จะยอมให้หนีไปก่อน รับรองพรุ่งนี้ไม่รอดแน่ ...”
ลัดลดายิ้มก่อนจะเดินเชิ่ดออกไป
ปีเตอร์กับพัชรีวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง ปีเตอร์ถึงกับทรุดตัวลงไปกองที่พื้น
"โอ๊ย ทำไมน๊า...ถึงไม่มีผู้หญิงสวยเริ่ดๆมาตามจีบบ้าง ทำไมต้องมีแต่ช้างน้ำ กับนางงามพลาสติก น่าเบื่อจริงๆ"
"ถึงจะน่าเบื่อ แต่บางทีผู้หญิงพวกนั้นอาจจะนำเจ้าชายไปสู่สิ่งที่เจ้าชายค้นหาอยู่ก็ได้นะเพคะ"
ปีเตอร์หันมองพัชรี "แสดงว่าเจ้าไปรู้อะไรดีๆมาเหรอ"
"หม่อมชั้นได้ยินนายอำนาจอะไรนั่นคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ พูดอะไรแปลกๆ" พัชรีบอก
"พูดอะไร"
"ก็พูดว่าเหมือนจะจัดการใครน่ะซิเพคะ"
"แล้วไอ้จัดการใครนี่มันหมายความว่ายังไง"
"ก็หมายความว่า ถูกเอาไปฆ่าไงเพคะ"
ปีเตอร์สะดุ้งเฮือก "ห๊า ...งั้นก็แสดงว่า บางทีท่านชรินทร์อาจจะเป็น....”
"เรายังสรุปอะไรไม่ได้หรอกเพคะ จนกว่าเราจะได้หลักฐานมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เราต้องห้ามทำอะไรที่มันกระโตกกระตาก เพราะไม่อย่างนั้นพวกมันอาจจะสงสัยเราได้"
ปีเตอร์เข้าไปมั่วจับมือพัชรี "พัชรีเจ้าช่างเป็นยอดหญิงจริงๆ ถ้าไม่มีเจ้าเราคงลำบากแย่"
"แหม..เจ้าชายก็..”
"ไหนๆก็ช่วยเรามาเรื่องนึงแล้ว พรุ่งนี้ช่วยไปเป็นไม้กันหมาให้เราหน่อย เรานึกสังหรณ์ใจว่าถ้าเราไปเพชรบุรีคนเดียว บางทีสิ่งที่เราอาจจะสูญเสียสิ่งที่เราหวงแหนไว้มานาน"
ปีเตอร์มองพัชรีแล้วทำตาอ้อนสุดๆ พัชรีได้แต่ยิ้มหวานแต่ก็ไม่ปฎิเสธ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 6 (ต่อ)
เหล่าแม่ยกต่างกรูกันเข้าไปกอดไปหอมโซว์ ทั้งคล้องพวงมาลัย ทั้งถ่ายรูปกับโซว์กันยกใหญ่ ขิงกับตุ๊ก ยืนมองแล้วก็ยิ้ม ในขณะที่รุ้งหมั่นไส้
รุ้งตะโกนบอกชาวบ้าน "นี่ยายอย่ากอด อย่าหอมเจ้าชายของชั้นแรงนักซิ ดู ดู๊ ป้า โอ๊ย เจ้าชายของรุ้งแก้มช้ำไปหมดแล้ว"
รุ้งจะเข้าไปห้ามแต่ตุ๊กจับแขนไว้
"หยุดโวยวายซะทีเถอะวะนังรุ้ง แกไม่เห็นเหรอว่าชาวบ้านหันกลับมาสนใจไอ้โซ่อีกครั้ง"
"สนใจก็ดี แต่ชั้นหวงนี่" รุ้งบอก
ขิงมองโซว์ทึ่งๆ "ไม่นึกว่าหมอนั่นจะทำสำเร็จ"
"นี่ไงวะนังขิง ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้"
ขิง ตุ๊ก และรุ้งมองโซว์อย่างทึ่งๆ โซว์ฝ่าเหล่าบรรดาแม่ยกและแฟนๆ ขึ้นไปบนเก้าอี้ก่อนจะประกาศ
"กราบสวัสดี คุณแม่ คุณป้า คุณอา คุณยายทุกท่าน ผมต้องกราบขออภัยกับการแสดงที่ผิดพลาดเมื่อวันก่อน วันนั้นผมรู้สึกไม่สบายกะทันหัน ทำให้ควบคุมตัวไม่ค่อยได้ แต่วันนี้ผมมาแสดงให้เห็นว่า ถึงผมจะเป็นฝรั่งต่างเมือง แต่ผมก็รักลิเก หวังว่าทุกคนคงจะให้โอกาสผม และชาวคณะเราอีกครั้ง หากเปิดวิกคราวหน้าหวังว่า คุณแม่ คุณป้า คุณอา คุณยายจะมาชมกันนะครับ"
เหล่าคุณแม่ คุณป้า คุณอา คุณยายที่ได้ยินต่างพร้อมใจกันตะโกนว่า “จะมาแน่นอน” ทำให้โซว์ยิ้มหน้าบาน
"ดูไอ้โซ่ซิ เป็นพระเอกลิเกไม่กี่วันรู้จักอ้อนแม่ยกซะด้วย อย่างนี้อนาคตไกลแน่ ใช่มั้ยวะนังขิง"
ตุ๊กหันไปเห็นขิงยืนมองโซว์พร้อมกับยิ้มอย่างปลื้มใจสุดๆ ตุ๊กเห็นแววตาที่ขิงมองโซว์ก็ได้แต่มองด้วยความสงสัย
ยายขมกำลังนับเงินอย่างตั้งใจ โซว์ ตุ๊ก ขิง และรุ้งนั่งลุ้นว่าจะได้กี่บาท
"พันเก้าร้อยยี่สิบห้า พันเก้าร้อยสี่สิบห้า พันเก้าร้อยห้าสิบ" ยายขมหยิบแบงค์สุดท้ายออกมา "พันเก้าร้อยเจ็ดสิบบาท"
ตุ๊กเคาะก้นกระป๋องแล้วพบว่ายังมีอีกเหรียญ "นี่แม่ยังไม่หมด นี่อีก"
ตุ๊กหยิบเหรียญห้าสิบสตางค์ออกมา
"ใครเนี่ยให้มา ห้าสิบสตางค์ จะเอาไปใช้อะไรได้" รุ้งบ่นแล้วทำท่าจะเขวี้ยงเหรียญทิ้ง
ขิงรีบคว้าเงินไว้ "จะกี่บาทก็มีค่าทั้งนั้นแหละ เวลาที่เราไม่มีจะกิน" ขิงเอาเงินไปกองรวมกัน "สรุป เราได้เงิน พันเก้าร้อยเจ็ดสิบบาท ห้าสิบสตางค์ เอ้าพวกเราปรบมือให้นายโซ่หน่อย"
ตุ๊กและรุ้งปรบมือด้วยความชื่นชม ขิงหันไปเห็นยายขมยังนั่งทำปั่นปึ่งอยู่ก็สะกิดให้ปรบมือ ยายขมปรบมืออย่างเลี่ยงไม่ได้
"เชอะ แค่สองพัน มันยังห่างไกลกับพระเอกเงินล้านเว้ย" ยายขมบ่น
"ไม่ต้องห่วงครับคุณยาย ผมจะพยายามทำให้เต็มที่ จะเป็นพระเอกเงินล้านให้ได้" โซว์บอก
"ให้มันจริงเถอะ ข้าจะได้มีเงินมาใช้หนี้เค้าเร็วๆ…. เฮ่อ !!”
ยายขมหน้าเศร้าไป โซว์แอบมองอย่างรู้สึกสงสาร
ขิงเดินมาเห็นโซว์นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอจึงเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ
"จริงๆนายไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ เรื่องหนี้สินเป็นเรื่องที่พวกเราก่อเอง พวกเราก็ต้องรับผิดชอบเอง"
"ถ้าผมมีเงินจ่ายค่าจ้างให้คุณ พวกคุณก็คงไม่ลำบากขนาดนี้"
"จะไปรื้อฟื้นอีกทำไม เรื่องมันผ่านไปแล้ว … ไว้ให้เรื่องทุกอย่างมันจบ ชั้นมั่นใจว่านายจะเอาเงินมาจ่ายชั้นแน่ใช่มั้ย"
"ผมจะให้คุณมากกว่าที่คุณคิดอีก ….” โซว์บอก
ขิงนั่งลงข้างๆ โซว์ "ถามจริงๆเถอะ นายคิดถึงบ้านมั้ย"
โซว์เหม่อมองไปข้างหน้า "คิดถึงซิ คิดถึงมากด้วย"
"นายหายไปนานขนาดนี้ พวกเค้าคงจะวุ่นวายน่าดู"
"ใช่ ….ไม่รู้ป่านนี้ทุกคนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"
โซว์เหม่อมองไปข้างหน้าด้วยความเศร้า ขิงมองโซว์แล้วก็รู้สึกเห็นใจ
โซว์นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน ขิงแอบสังเกตอาการโซว์อยู่ไม่ห่าง โซว์นั่งหน้าเครียดในใจก็คิดถึงคำพูดของราชินีที่เคยตรัสไว้เมื่อครั้งก่อนจะมาที่เมืองไทย
"เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าถ้าเจ้ากลับมาครั้งนี้ชีวิตของเจ้าจะต้องเปลี่ยนไป เจ้าต้องทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองอีกต่อไปแล้ว"
โซว์คิดถึงคำพูดนั้นก่อนจะถอนใจออกมา ตุ๊กที่เพิ่งอาบน้ำปะแป้งขาวเดินเข้ามาหาโซว์ด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ
"ไอ้โซ่ ทายซิ มีไข่อยู่ 10 ฟองเอาออกไป 3 ฟองเหลือไข่กี่ฟอง"
โซว์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ "ไม่รู้ซิ"
"ก็เหลือ สิบฟองไง"
"จะเหลือสิบฟองได้ไง เอาไปสามก็ต้องเหลือเจ็ดซิ" ขิงแย้ง
"เหลือเจ็ดได้ไง ก็แค่เอาไปดูเฉยๆ ไม่ได้เอาไปทำอะไรนี่"
ตุ๊กหัวเราะขำ ขิงเองก็พลอยขำไปด้วย ตุ๊กหันไปชวนโซว์หัวเราะแต่โซว์ยังนิ่งเฉย
"เป็นอะไรไปวะไอ้โซ่" ตุ๊กถาม
"ไม่มีอะไรหรอก ชั้นขอตัวไปนอนก่อนนะ" โซว์บอก
โซว์ลุกเดินไป ตุ๊กหน้าเหวอก่อนจะหันไปมองขิง
ขิงกระซิบ "สงสัยจะโฮมซิกน่ะ"
ตุ๊กพยักหน้าเข้าใจ ตุ๊กและขิงมองตามโซว์ด้วยความเป็นห่วง
โซว์แอบมานั่งเหงาอยู่หน้าบ้าน เขาเหม่อมองดูพระจันทร์บนท้องฟ้า
"เสด็จแม่ ป่านนี้พระองค์จะทรงเป็นยังไงบ้าง"
เสียงแตรรถจักรยานยนต์ดังปิ๊นๆ โซว์รีบหันไปมองก็เห็นขิงอยู่บนรถจักรยานยนต์ด้วยท่าทางเตรียมพร้อมเหมือนกำลังจะไปไหน
"เอ้า ทำงงๆ เร็วๆซิ ช้าอดรถออกไม่รู้ด้วยนะ" ขิงบอก
ขิงเอามือตีที่ท้ายเบาะให้โซว์ขึ้นมานั่ง โซว์เดินไปนั่งอย่างงงๆ
"นี่คุณจะพาผมไปไหนเนี่ย" โซว์ถาม
"ไม่ต้องถามเดี๋ยวก็รู้"
ขิงสตาร์ทเครื่องแล้วบิดคันเร่ง ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ออกไปโดยเร็ว
ขิงจูงมือโซว์ที่ถูกปิดตามาที่หาดทรายที่มีคลื่นซัด เมื่อเท้าโซว์ได้สัมผัสน้ำทะเลเขาก็ตื่นเต้นจนรีบเปิดตาออก โซว์เห็นทะเลยามมืดที่เวิ้งว้างและกว้างใหญ่
"เวลาชั้นเครียดหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ชั้นก็มาตะโกนระบายความอึดอัดที่นี่" ขิงบอก
ขิงตบบ่าโซว์ก่อนจะเดินออกไป
"ตามสบายนะ"
ขิงเดินออกไป ปล่อยให้โซว์ยืนอยู่คนเดียว โซว์มองท้องทะเลกว้างก่อนจะตะโกนออกไปสุดเสียง
"ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ด้วย มันผิดมากนักเหรอที่ผมแอบหนีมาที่นี่ ทำไมต้องลงโทษให้ผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย"
อีกมุมหนึ่งห่างออกไป ขิงยืนมองโซว์ที่กำลังตะโกนปลดปล่อยอารมณ์แข่งกับเสียงคลื่นโดยที่ไม่ได้ยินว่าเขาตะโกนว่าอะไร
"ชั้นคงช่วยนายได้แค่นี้แหละ หวังว่านายคงจะดีขึ้นนะ"
ขิงมองโซว์ที่ตะโกนบ้าคลั่งอยู่คนเดียวด้วยความเห็นใจ
วันต่อมา ปีเตอร์เป็นประธานตัดริบบิ้นเปิดโรงแรมหรูที่เพชรบุรี ลัดลดา วิชัย แขศิริ และเหล่าคุณหญิงคุณนายปรบมือแสดงความยินดีกันพร้อมหน้า โดยมีพัชรียืนอยู่ห่างๆ
ลัดลดารีบเข้าไปควงแขนปีเตอร์ประหนึ่งคู่รัก แขกในงานต่างพากันมองชื่นชม
"แหม..หนูลัดลดากับเจ้าชายโซว์นี่ช่างดูเข้ากั๊น..เข้ากันนะคะ เหมาะสมกันที่สุดเลยค่ะ" แขศิริพูด
"คิดเหมือนผมเลยครับ" วิชัยเห็นด้วย "ถ้าตระกูลเจริญวัฒน์ของเราได้ดองกับทางนิวแลนด์แล้ว รับรองเจริญวัฒน์ของเราต้องรุ่งเรือง กลายเป็นบริษัทใหญ่ติดอันดับโลกแน่ๆ"
"แต่คุณวิชัยก็ต้องรีบหน่อยนะคะ ได้ข่าวว่าทางคุณชรินทร์ ก็ส่งลูกสาวตามประกบเจ้าชายเหมือนกัน"
"ไม่อยากจะคุย เจ้าชายไม่ตาต่ำ เลือกยายช้างนั่นแทนลูกสาวคนสวยของผมหรอกครับ"
วิชัยมองลัดลดาที่ตามประกบปีเตอร์ไม่ห่างด้วยความภูมิใจสุดๆ
พัชรีกำลังจะหยิบขนมขึ้นมากิน แต่ยังไม่ทันจะเอาเข้าปากปีเตอร์ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาแล้วรีบจูงพัชรีออกไป
"เจ้าชายจะรีบไปไหนเพคะ พัชรียังไม่ได้กินอะไรเลยนะเพคะ"
"ไม่ต้องกงต้องกินอะไรแล้ว รีบไปเถอะ"
พัชรีรีบคว้าอาหารบนโต๊ะ 2-3 อย่างติดมือไปด้วย แล้วรีบตามปีเตอร์ออกไป
ปีเตอร์รีบลากพัชรีขึ้นรถก่อนจะรีบปิดประตูรถ
"โชเฟอร์รีบออกรถเร็ว !!” ปีเตอร์สั่ง
คนขับรถรีบขับรถออกไป ลัดลดารีบวิ่งตามออกมา
"เดี๋ยวก่อนซิเพคะเจ้าชายจะรีบไปไหน เจ้าชาย ไหนว่าจะเล่นน้ำ กินหอย กับลัดลดาก่อนไงเพคะ เจ้าชาย"
ลัดลดาโมโหสุดขีดจึงหันไปเอาเรื่องกับยามที่อยู่ใกล้ๆ
"เมื่อกี้เจ้าชายออกไปกับใคร แกเห็นมั้ย"
"เห็นจูงผู้หญิงคนนึงขึ้นรถ หน้าตาสวยๆ หุ่นดีๆ" ยามตอบ
"ไปเอาวีดีโอของกล้องวงจรปิดมา ชั้นต้องเห็นให้ได้ ว่านังผู้หญิงคนไหน คิดจะมาเป็นศัตรูหัวใจกับคนอย่างชั้น" ลัดลดาแค้น ยามยังยืนนิ่ง "เอ้า..จะมายืนบื้อทำไม รีบไปซิ"
ยามรีบวิ่งออกไป ลัดลดามองตามด้วยสายตาร้ายกาจ
"ชั้นต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร"
พัชรีมองปีเตอร์ที่กำลังเอาผ้าเช็ดเหงื่ออย่างขำๆ
"ถ้ามีใครรู้ว่าเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ต้องวิ่งหนีผู้หญิง หัวซุกหัวซุนแบบนี้ มีหวังโดนหัวเราะเยาะแน่" พัชรีขำ
"เจ้าเชื่อเถอะว่าสิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อประเทศนิวแลนด์อย่างยิ่ง รู้ไว้เถอะว่าเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ทรงเลือกมากเรื่องผู้หญิงที่สุด"
"แหม...พูดอย่างกับเจ้าชายไม่ใช่พระองค์เอง"
"อ๋อ เราก็หมายถึงตัวเราน่ะแหละ" ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ
"หม่อมชั้นเพิ่งได้มีโอกาสมาเห็นอาณาจักรของเจริญวัฒน์ ก็เพราะยิ่งใหญ่ และ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขนาดนั้น มิน่านายชรินทร์ถึงอยากจะฮุบกิจการทั้งหมด"
"นี่เธอไปแอบสืบข้อมูลให้เราเหรอ พัชรีเจ้านี่ช่างเยี่ยมมากจริงๆ"
"แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีเพคะ" พัชรีถาม
"เราว่า ..เราน่าจะหาที่จอดแวะที่ไหนซักหน่อยนะ"
พัชรีเริ่มระแวง "พระองค์คิดจะแวะทำไมเพคะ หรือพระองค์คิดจะทำอะไรหม่อมชั้น"
"เราอยากจะเข้าห้องน้ำ ปวดขี้เข้าใจมั้ย"
พูดเสร็จปีเตอร์ก็ตดดังป๊าด !!! กลิ่นเหม็นตลบอบอวนในรถจนพัชรีทนไม่ไหวต้องเปิดหน้าต่าง
"จอดที่ไหนก็ได้ เราไม่ไหวแล้ว" ปีเตอร์บอก
รถจอดเอี๊ยด ปีเตอร์มองไปนอกหน้าต่างก็เห็นแต่ทุ่ง
"ถึงแล้วเหรอ" ปีเตอร์ถาม
"ยังไม่ถึงหรอกพระเจ้าข้า แต่รถมันเสีย" คนขับหันมาบอก
"รถเสีย ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วย"
คนขับรถพยายามซ่อมรถ ในขณะที่ปีเตอร์วิ่งพล่านไปมาเพราะทนไม่ไหวแล้ว
"โอ๊ยไม่ไหวแล้ว ข้าศึกกำลังจะออกจากกองบัญชาการแล้ว โอ๊ย !!!”
"พัชรีว่า ถ้าฉุกเฉินขนาดนี้ พระองค์คงต้องพึ่งส้วมแบบธรรมชาติแล้วเพคะ"
ปีเตอร์งง "ธรรมชาติไหน"
พัชรีชี้ไปในป่า "ก็ในป่าไงเพคะ"
"จะบ้าเหรอ เจ้าจะให้เจ้าชายแห่งนิวแลนด์อย่างเรา เข้าไปอึกลางป่าได้ยังไง ถ้าใครรู้มีหวังเสื่อมเสียกันไปหมด"
"หม่อมชั้นสัญญาเพคะว่าจะไม่บอกใคร"
"ไม่บอกใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น" ปีเตอร์โวยวาย "ไปหาห้องน้ำให้เราเข้าเดี๋ยวนี้"
พัชรีวิ่งไปหาคนขับรถที่กำลังพยายามซ่อมรถอยู่
"เป็นไงเสร็จรึยัง" พัชรีถาม
"สงสัยแบตจะหมดน่ะครับ" คนขับรถตอบ
"ห๊า !!”
ปีเตอร์โวยวาย "ว่ายังไง เราจะไม่ไหวแล้วนะ"
"ทรงใจเย็นๆเพคะ ทรงกลั้นไว้ก่อนนะเพคะ หายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ แล้วค่อยหายใจออก อึ๊บเข้า อึ๊บเข้า อึ๊บเข้า"
ปีเตอร์พยายามทำตาม "อึ๊บเข้า .. อึ๊บเข้า … โอ๊ยไม่ไหว ยิ่งบอกเข้ามันก็จะยิ่งออกแล้ว"
ปีเตอร์วิ่งพล่านเพราะอึจะราดแล้ว เขาวิ่งจนเกือบจะชนกับยายขมที่เดินเข้ามา
ยายขมโวย "พวกแกเป็นใครเนี่ย ทำไมถึงมาจอดรถขวางทาง ห๊า"
"ขอโทษนะจ๊ะยายคือว่ารถเราเสียน่ะ ว่าแต่ยายพอจะรู้มั้ยว่าแถวนี้มีห้องน้ำรึเปล่า" พัชรีถาม
ยายขมหันมองปีเตอร์ที่วิ่งพล่านเพราะปวดอึแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความสมเพช
ยายขมตอบสั้นๆ "มี"
พัชรีดีใจ "อยู่ไหนจ๊ะยาย"
"ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี่แหละ"
ปีเตอร์ชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องน้ำในบ้านยายขม เขาเห็นเป็นห้องน้ำแบบนั่งยองๆ ก็ถึงกับผงะรีบออกมาจากห้องน้ำ
"ยายแน่ใจนะว่าเข้าได้" ปีเตอร์ถาม
"ได้ไม่ได้ ข้าก็ทำธุระส่วนตัวที่นี่มาหลายสิบปีแล้วหละ ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้า หนอย อุตส่าห์มีน้ำใจให้มาขี้ที่บ้าน ยังจะมาเรื่องมากอีก"
ยายขมทำท่าจะไปปิดประตูลงกลอนห้องน้ำ พัชรีรีบเข้าไปขวาง
"เข้าได้ซิจ๊ะยาย เจ้าชาย เอ๊ย คุณเค้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง" พัชรีหันไปเอาเรื่องปีเตอร์ "ถ้าไม่เข้าที่นี่ก็ต้องไปเข้าในป่านะเพคะ เลือกเอาจะเอาที่ไหน"
ปีเตอร์หันไปมองป่าด้านนอกกับห้องน้ำสลับไปมาก่อนจะตัดสินใจ
ปีเตอร์พูดเสียงอ่อย "เข้าก็เข้า …"
ปีเตอร์รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู พัชรีหันมายิ้มแหยๆ กับยายขมก่อนจะได้ยินเสียงดังป๊าด !!!เล็ดลอดมาจากในห้องน้ำ
"แน่ใจนะนังหนูว่าห้องน้ำยาย ….อี๊ !!”
ยายขมรีบปิดจมูกก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป
พัชรีได้กลิ่นก็ทำจมูกฟุดฟิดก่อนจะรีบปิดจมูกแล้วโก่งคอทำท่าอ้วกแล้ววิ่งหนีออกไป
ยายขมนั่งสูดยาดมเฮือกใหญ่ก่อนจะเอาพัดมาพัดๆ แล้วพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์
"คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ขี้เหม็นชะมัด ..." ยายขมทำหน้าผะอืดผะอมคล้ายจะอ้วก
พัชรีเดินหน้าซีดเข้ามาหา "ขอยาดมหน่อยจ๊ะยาย ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน"
พัชรีและยายขมผลัดกันสูดยาดมกันคนละปืดสองปืด
โซว์ ตุ๊ก ขิง และรุ้งเดินกลับขึ้นบ้านมา รุ้งเห็นพัชรีก็ตกใจร้องโวยวาย
"แก..แกเป็นใคร มาแย่งยาดมยายชั้นได้ยังไง แกเป็นหัวขโมยใช่มั้ย"
"เดี๋ยวก่อน ใจเย็นชั้นไม่ใช่หัวขโมย" พัชรีบอก
"เอ้า ถ้าไม่ใช่แล้วมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อในบ้านคนอื่นได้ไง ลูกหลานก็ไม่ใช่" ตุ๊กงง
"เฮ้ย ไอ้พวกไม่มารยาท พูดจาอย่างนี้กับแขกได้ยังไง" ยายขมว่า
"แล้วเค้าเป็นใครน่ะยาย" ขิงถาม
ยายขมหันไปถามพัชรี "เออ ข้าก็ยังไม่รู้ว่าพวกเอ็งเป็นใครเลย"
รุ้ง ขิง โซว์ และตุ๊กมองหน้ากันอย่างงงๆ ยายขมมองทุกคนแล้วยิ้มแหยๆ
"พอดีมันยุ่งๆก็เลยไม่ได้ถาม ว่าไงเอ็งกับไอ้นั้นเป็นใครวะ"
"อ๋อ พวกเราเป็น...”
"ผัวเมีย" ยายขมแทรกขึ้น
"ไม่ใช่จ๊ะยาย คือชั้นเป็นเลขา ส่วนคนนั้นเค้าเป็นนักธุรกิจ เป็นเศรษฐีที่กรุงเทพ"
"เศรษฐีอะไรถึงมาเที่ยวบ้านกระจอกๆแบบนี้" โซว์สงสัย
ยายขม ตุ๊ก ขิง และ รุ้งหันขวับไปมองโซว์ทันที
โซว์รีบปิดปากเพราะรู้ว่าพูดผิดไปแล้ว
"เรื่องนั้นพวกเอ็งค่อยรู้ทีหลังแล้วกัน เอาเป็นว่าตอนนี้ไปหาอะไรมาเลี้ยงแขกหน่อย เดี๋ยวใครเค้าจะหาว่าคนไทยไร้น้ำใจ" ยายขมบอก
รุ้งเปิดดูตู้กับข้าวแต่ก็ไม่มีอะไรเหลือซักอย่าง
"หมดเกลี้ยง ไม่มีอะไรเหลือ"
"หมดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ...” ยายขมว่า
ขิงหยิบเงินออกมายื่นให้ยาย "ยายเอาเงินค่าขายขนมไปซื้อของมาก่อนมั้ยล่ะ"
"ทำไมต้องเลี้ยง คนพวกนั้นเค้ารวยกว่าเรา ถ้าเราเลี้ยงเค้าแล้วเราจะเอาอะไรกิน" โซว์ค้าน
"จำไว้นะไอ้โซ่ คนไทยถือมากเรื่องน้ำใจ ต่อให้ยากดีมีจนแค่ไหน แต่ถ้าใครมาถึงเรือนชานเราก็ต้องเอาน้ำท่า อาหารอย่างดีมาต้อนรับ" ยายขมบอก
"อ๋อ งั้นชั้นก็คงเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องที่คนไทยชอบทำอะไรเพื่อหวังเงิน ขอโทษทุกคนด้วยนะที่คิดอย่างนั้น"
"งั้นเดี๋ยวขิงออกไปซื้อของเองนะจ๊ะ" ขิงบอก
ชิงกำลังจะออกไป โซว์เห็นเข้าก็รีบตาม
"งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยถือของ"
"เอ้า...ไปกันหมด แล้วรุ้งจะทำอะไรล่ะ รอรุ้งด้วยซิเพคะ เสด็จพี่ รอด้วย"
รุ้งรีบวิ่งตามโซว์ออกไปด้วย ยายขมมองตามแล้วส่ายหน้าด้วยความระอา
ตุ๊กเดินมาด้อมๆมองๆ สังเกตุการณ์อยู่หน้าห้องน้ำ สักพักประตูก็เปิดออก พอได้กลิ่นตุ๊กก็ถึงกับผงะรีบเอามืออุดจมูกก่อนจะเห็นปีเตอร์ที่เดินหมดแรงสะโหลสะเหลออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางเหมือนคนจะเป็นลม ตุ๊กรีบเข้าไปประคองไว้
"ขอแอมโมเนียหน่อย รู้สึกมึนๆเหลือเกิน" ปีเตอร์บอก
ตุ๊กหันไปแล้วนินทา "กลิ่นขนาดนั้นจะไม่มึนได้ไงวะ" ตุ๊กหยิบยาดมมายื่นให้แล้วยิ้มหวาน "นี่ครับยาดมแบบไทยๆ หอมชื่นใจดีมั้ยครับ"
ปีเตอร์สูดดมด้วยความชื่นใจ "ขอบใจมากเลยนะ ไม่คิดเลยว่าคนไทย ....”
ปีเตอร์ยังพูดไม่จบ ตุ๊กก็พูดสวนขึ้นมา “20 บาทครับ"
ปีเตอร์ชะงักแล้วหันไปมองตุ๊กที่กำลังยิ้มหน้าตาย
"อะไรนะ"
"ผมบอกว่า 20 บาทครับ"
ปีเตอร์มองตุ๊กอย่างเซ็งๆ ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋าแล้วหยิบแบงค์ยี่สิบออกมา ตุ๊กเห็นก็หัวเราะร่วน "ผมล้อเล่นน่ะครับ แหม..ผมไม่ใจดำขนาดนั้นหรอก แค่ยาดมปืดสองปืด ว่าแต่ เจ้านายมาเที่ยวเมืองไทยได้ของติดไม้ติดมือกลับไปฝากมาดามที่บ้านรึยังครับ ไม่ว่าจะสร้อยคอหอย" ตุ๊กโชว์สร้อย "กำไล" ตุ๊กโชว์กำไล "ตะเกียบ" ตุ๊กโชว์ตะเกียบ "พวงกุญแจ" ตุ๊กโชว์พวงกุญแจ "หรือแม้แต่ขนมหม้อแกง ผมบริการท่านได้ในราคาพิเศษสุดๆครับ"
"เอ่อ ..คือว่า...ตอนนี้เรากำลังรีบน่ะนะ"
พัชรีเดินเข้ามา ปีเตอร์รีบเดินเข้าไปหา เพราะกลัวจะโดนขายของอีก
"คนขับรถมารึยัง" ปีเตอร์เอ่ยถาม
"พัชรีโทรไปถามแล้วนะคะ เค้าบอกว่ากว่ารถจะซ่อมเสร็จก็ราวๆ พรุ่งนี้" พัชรีบอก
ปีเตอร์ตกใจ "พรุ่งนี้ !”
ตุ๊กรีบกระแซะเข้ามา "เอ่อคือ ไม่ทราบว่าเจ้านายมีที่พักกันรึยังครับ พอดี๊ พอดีว่าบ้านเราเป็นโฮมสเตย์แบบอนุรักษ์ ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบไทยๆ สนใจมั้ยครับ"
ปีเตอร์และพัชรีมองหน้ากันเพราะไม่มีทางเลือก ตุ๊กยิ้มดีใจเพราะจะได้เงินอีกแล้ว
ขิงเดินซื้อของกินในตลาด ขณะกำลังยืนซื้อก็หันไปแอบเหล่รุ้งที่เดินเกาะแขนโซว์ไม่ยอมห่างด้วยความหมั่นไส้ ขิงทำเป็นไม่สนใจรีบซื้อของต่อ ขณะขิงกำลังจะเลือกปลาทู ก็มีมือใครบางคนมาแย่งปลาทูตัวนั้น ขิงหันไปมองอย่างเอาเรื่องจนเห็นว่าคนๆนั้นคือ แก้วนั่นเอง
"บุพเพสันนิวาสพาเรามาเจอกันอีกแล้วนะจ๊ะน้องขิง ..แหม..วันนี้ยังสวยเหมือนเดิมนะจ๊ะ" แก้วพูด
แก้วเอามือขึ้นมาลูบหน้าขิง โซว์หันมาเห็นก็รีบเดินเข้าไปผลักแก้วจนแก้วถึงกับล้มไปกองกับพื้น แก้วเสียหน้าจึงรีบลุกขึ้นเอาเรื่อง
"ไอ้หน้าวอก ..นี่แกกล้า....ปล่อยกูเว้ยไอ้ยอดไม่ต้องจับไว้ กูจะซัดไอ้หน้าขาวให้หมอบเลย"
แก้วพยายามดิ้นรนจะเข้าไปชกโซว์เต็มที่ แต่แล้วเขาก็หันไปเห็นว่ายอดไม่ได้จับเขาไว้สักนิด แก้วหน้าแตก
แก้วด่ายอด "ไม่จับก็ไม่บอก" แก้วหันไปทำเก่งกับโซว์ "พูดแล้วยังจะมามองหน้า รู้มั้ยตลาดนี้พ่อใครคุม"
"ใหญ่ไม่ใหญ่ ไม่มีใครสนหรอกไอ้แก้ว" รุ้งตะโกนว่า
"อย่าทำมาเป็นปากดีเลย วันนี้ที่พวกแกมาโชว์ลิเกบ้าบออะไรน่ะ ชั้นคิดค่าเช่าที่ 5000 " แก้วหันไปบอกยอด "จดไปด้วยโว้ยไอ้ยอด หนี้ยายขมเพิ่มอีก 5000”
โซว์จะเอาเรื่อง "มันจะมากไปแล้วนะ"
ขิงรีบเข้ามาห้าม "อย่าไปมีเรื่องกับคนอย่างมัน เสียเวลาเปล่าๆ คอยดูเถอะนะไอ้แก้ว หัวเราะที่หลังดังกว่า"
แก้วหัวเราะสะใจ "แล้วจะคอยฟังนะ ว่าหัวเราะดังขนาดไหน"
แก้วและยอดหัวเราะล้อเลียนอย่างสะใจ โซว์ถูกขิงและรุ้งพาออกไป เขาหันไปมองแล้วก็ทนไม่ไหว จึงวิ่งไปต่อยปากแก้วโครมใหญ่ จนแก้วหงายหลังตึง ท่ามกลางความสะใจของคนแถวนั้น
ตุ๊กเปิดห้องนอนของตัวเองที่ทั้งรกทั้งสกปรกโชว์ให้ปีเตอร์ดู
"นี่ครับ ห้องระดับเพ้นท์เฮ้าส์ของบ้านนี้"
ปีเตอร์มองสำรวจ เขาเห็นกางเกงในของตุ๊กเกลื่อน ตุ๊กรีบเก็บ พัชรีเดินไปจับข้าวของที่เต็มไปด้วยฝุ่น
"ห้องนี้คิดราคาไม่แพง แค่คืนละ 200 ดอลล่าร์" ตุ๊กบอก
“200 ดอลล่าร์ !!” ปีเตอร์ตกใจ "งั้นไม่เอาล่ะ ไอว่าไอไปอยู่โรงแรมดีกว่า"
"ไม่มีรถจะไปยังไงล่ะเพคะ" พัชรีท้วง
"งั้นเจ้ามีรถไปส่งเราที่โรงแรมมั้ย" ปีเตอร์ถามตุ๊ก
"รถน่ะมี แต่มีแต่รถอีแต๊น..จากบ้านไปโรงแรมก็คงจะใช้เวลาซัก 1 วันเต็มๆ อ๊อ แล้วค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าแรงงาน ไอคิดยูถูกสุดๆ แค่ 200 ดอลล่าร์ โอเคมั้ย"
ตุ๊กยิ้มหน้ากวน ปีเตอร์เซ็งเพราะไม่มีทางเลือก
รุ้งเดินกอดแขนโซว์ไม่ยอมปล่อย โดยมีขิงเดินตามมาข้างหลังด้วยความหมั่นไส้สุดๆ
"ไม่นึกเลยว่าเสด็จพี่จะหวงน้องขนาดนี้ หมัดเดียวจอดของเสด็จพี่ประทับใจน้องสุดๆเลย"
โซว์มองหน้ารุ้งอย่างงง ๆ ว่ารุ้งเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ก่อนพยายามแกะแขนรุ้งออกอย่างสุภาพ
"ชั้นว่ารุ้งท่าทางจะเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า"
"ไม่ผิดหรอก รุ้งรู้นะว่าเสด็จพี่แอบหึงรุ้งใช่มั้ยล่ะ" รุ้งหัวเราะสะใจ
โซว์พูดไม่ออกแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง เขาพยายามหันไปขอให้ขิงช่วยแต่ขิงทำไม่สน
โซว์พูดเบาๆ "ช่วยหน่อยซิ"
ขิงพูดเบาๆ ตอบพร้อมทำหน้ากวน "เรื่องของนาย"
ขิงทำเป็นไม่สน เธอจะเดินเข้าบ้านแต่ก็สวนกับตุ๊กที่เปิดประตูออกมา ขิงมองเข้าไปเห็นปีเตอร์และพัชรี
ขิงถามตุ๊ก "ใครน่ะ"
ตุ๊กกระซิบ "ลูกค้า รถเค้าเสียก็เลยจะมาขอพักบ้านเรา 200 ดอลล่าร์ ต่อคน ต่อคืน"
ขิงยิ้มดีใจ "งั้นเชิญเลยค่ะ"
"เราอยากจะไปเดินชมรอบๆหน่อย" ปีเตอร์บอก
"ได้เลยค่ะไม่มีปัญหา"
พูดจบขิงก็รีบไปต้อนรับด้วยการเคลียร์พื้นที่ เธอผลักโซว์ที่ยืนขวางทางปีเตอร์เดินออก
"หลีกไปหน่อยซิ มายืนเกะกะทำไม นี่ลูกค้าเค้าจะมาโฮมสเตย์บ้านเรา"
โซว์ที่ถูกผลักจนเกือบล้มเงยหน้ามองเห็นว่าคนที่มาพักคือปีเตอร์ ปีเตอร์ก็เห็นโซว์ ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 6 (ต่อ)
โซว์และปีเตอร์มองหน้ากันด้วยความตกใจจนช็อค
ปีเตอร์อึ้ง อ้าปากค้าง “จะ..จะ..จะ..”
โซว์อึ้งพูดไม่ออก ยกมือขึ้นชี้หน้าปีเตอร์ “ปะ..ปะ..ปี”
พัชรีมองโซว์ที่ชี้หน้าปีเตอร์แล้วก็ไม่พอใจ เธอเดินเท้าสะเอวเข้ามายกมือแล้วตีลงบนนิ้วของโซว์ที่กำลังชี้ ดังเผี๊ยะ !! ปีเตอร์ตกใจจนปากสั่นเพราะหันไปมองเห็นพัชรีกำลังเดินเข้าไปด่าโซว์
“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง กล้าเอานิ้วชี้หน้าผู้ชายคนนี้ได้ยังไง รู้มั้ยเค้าเป็น.....”
ปีเตอร์รีบกระโดดเข้าไปปิดปากพัชรี “ไม่เป็นไรหรอกพัชรี เราไม่ถือ”
พัชรีสะบัดปีเตอร์ออก “ไม่ถือไม่ได้เพคะ พัชรียอมให้ใครมาหมิ่นเกียรติพระองค์ไม่ได้” พัชรีหันไปเอาเรื่องโซว์ “รีบก้มหัวขอโทษเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากตาย”
พัชรีพยายามจับตัวโซว์ให้ก้มลงขอโทษปีเตอร์ ปีเตอร์ตกใจจะเข้ามาห้ามแต่ขิงเข้ามาถึงตัวก่อน
“นี่คุณมันจะมากไปแล้วนะ กะอีแค่ชี้หน้านิดหน่อยมันจะเป็นอะไรไป ไม่ใช่ขนุนนี่ชี้แล้วถึงจะเน่า”
“นี่เธอ กล้าเอาขนุนมาเทียบกับเจ้าชายงั้นเหรอ” พัชรีไม่พอใจ
ตุ๊กขำ “เจ้าชาย ? เจ้าชายอีกแล้ว มาจากลิเกคณะไหนเนี่ย”
รุ้งพูดเสียงเหยียด “สงสัยจะพวกเลียนแบบเห็นเจ้าชายของพวกเราดังก็จะเอาตามบ้าง อ้อ จริงๆแล้วพวกแกสองคนมาสอดแนมคณะเราใช่มั้ย” รุ้งถามแล้วทำท่าจะเอาเรื่อง
“โอ๊ย จะบ้ากันไปใหญ่แล้ว .. งามสง่าขนาดนี้เนี่ยนะจะเป็นเจ้าชายลิเก จะบอกให้รู้เอาบุญ ท่านผู้นี้คือ เจ้าชายโซว์ แห่งประเทศนิวแลนด์” พัชรีบอก
พัชรีผายมือแนะนำอย่างภูมิใจ รุ้ง ขิง ตุ๊ก และขิงมองปีเตอร์แบบอึ้งๆ ก่อนจะหัวเราะขำ
“หน้าตาอย่างกับปลาดุกเนี่ยนะเจ้าชาย” รุ้งหัวเราะชอบใจ
ตุ๊กรีบเสริม “อมพระประธานมาพูดยังไม่เชื่อเลย ฮ่าๆๆๆ”
“นายโซ่นายก็มาจากประเทศนั้นนี่ เค้าเป็นเจ้าชายจริงรึเปล่า” ขิงขำ
โซว์มองหน้าปีเตอร์ก่อนจะลุกขึ้นแล้วคุกเข่าทำความเคารพปีเตอร์
“ใช่ เค้านี่แหละ เจ้าชายแห่งประเทศนิวแลนด์” โซว์บอก
ปีเตอร์ยิ้มแหยๆ อย่างอายๆ “ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”
ตุ๊ก รุ้ง และขิงตกใจจนข้าวของในมือหล่นลงพื้นและทำอะไรไม่ถูก พัชรีได้ทีรีบเข้าไปเอาเรื่อง
“เป็นไงล่ะ อึ้งไปเลยล่ะซิ” พัชรีถามปีเตอร์ “เจ้าชายจะให้ทำยังไงเพคะ จะสั่งตัดหัวทุกคนให้หมดเลยดีมั้ยเพคะ”
ปีเตอร์เก็กขึ้นมาทันที “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง แต่ตอนนี้เจ้า” ปีเตอร์ชี้ไปที่โซว์ “ตามเรามา”
ปีเตอร์รีบเดินเก็กออกไป โซว์เดินตาม รุ้ง ตุ๊ก และขิงมองตามด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่รู้จะทำยังไง
ตุ๊กพูดอย่างสยดสยอง “คราวนี้ไอ้โซ่เสร็จแน่”
โซว์เดินตามปีเตอร์เข้ามาในมุมอับ ทันทีที่โซว์เดินเข้ามา ปีเตอร์ก็รีบหันมาก้มลงกอดขาก่อนจะเอามือของโซว์มาระดมจูบด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง
“เจ้าชายทรงปลอดภัย หม่อมชั้นดีใจจริงๆ คิดว่าหัวไอ้ปีเตอร์จะหลุดออกจากบ่าซะแล้ว”
โซว์รีบเอามือออก “พอได้แล้ว” โซว์มองอย่างระแวง “เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก ยืนขึ้น”
ปีเตอร์ยืนอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เขามองหน้าโซว์เหมือนจะร้องไห้ โซว์รีบห้าม
“อย่าร้องนะ รีบบอกมาเร็วว่ามาที่นี่ได้ยังไง”
“เรื่องมันยาวมากเลยพระองค์ เอาเป็นว่าเล่าสั้นๆ ก็คือ”
ปีเตอร์เล่าอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โซว์ฟังแล้วเหนื่อยแทน
“หม่อมชั้นเสด็จแทนพระองค์มาเปิดโรงแรมที่หัวหิน ขณะกำลังกลับบ้านเกิดท้องเสียกะทันหัน” ปีเตอร์เล่ามาถึงตอนก่อนหน้านี้
“พอแล้ว...ขนาดสั้นๆยังยาวเลย”
ปีเตอร์รีบถาม “แล้วเจ้าชายล่ะพระเจ้าค่ะ เป็นไงมาไงถึงมาถึงที่นี่ได้”
“อย่าให้เล่าตอนนี้เลย คงจะยาวกว่าเรื่องนายหลายเท่า เอาเป็นว่าต่อไปเราจะอยู่ที่นี่”
ปีเตอร์ตกใจ “เจ้าชายจะอยู่ได้ยังไง” ปีเตอร์มองไปรอบๆ “ที่นี่มันโทรมสุดๆ”
“เราอยู่ได้ก็แล้วกัน ...แล้วเรื่องที่เราให้เจ้าสืบไปถึงไหนแล้ว”
โซว์จ้องปีเตอร์เพราะอยากรู้ ปีเตอร์ทำตัวหลุกหลิกๆ แล้วหลบตาโซว์
รุ้ง ตุ๊ก และขิงพยายามเอาหูแนบประตูเพื่อแอบฟังเสียงภายในห้องด้วยความกังวล
“สงสัยป่านนี้เสด็จพี่ของรุ้งคงจะเละเป็นโจ๊กแล้วแน่ๆ” รุ้งฟูมฟาย “แล้วนี่รุ้งจะทำยังไงดี ต้องเป็นม่ายตั้งแต่ยังไม่ได้แต่ง” รุ้งร้องไห้
“หายเงียบไปตั้งนาน หรือจะถูกยิงตายไปแล้ว” ตุ๊กเดา
“จะบ้าเหรอน้าตุ๊ก เจ้าชายเค้าจะยิงนายโซ่ทำไม” ขิงค้าน
“เอ้า ก็ไม่รู้ เดาไว้ก่อนไง ...คนสมัยนี้แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ฆ่ากันได้แล้ว”
ขิงได้ฟังก็ตกใจ ส่วนรุ้งยิ่งร้องไห้ฟูมฟาย
“ไม่นะ อย่าทำอะไรเสด็จพี่ของรุ้งนะ ถ้าไม่มีเสด็จพี่รุ้งคงหัวใจสลาย”
ตุ๊กมองรุ้ง “นังนี่จะมาฟูมฟายอะไรเนี่ย คนยิ่งเครียดๆ”
ตุ๊กมองรุ้งที่ฟูมฟายด้วยความโมโห ส่วนขิงเฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง
โซว์มองหน้าปีเตอร์ด้วยความตกใจ
“นายชรินทร์งั้นเหรอ ??”
“ใช่พระเจ้าค่ะ” ปีเตอร์รับคำ “แต่เรายังไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันทั้งนั้น ถ้าจะเอาผิดกับเค้าจริงๆคงต้องหาหลักฐานให้แน่นหนา เพราะเค้าเป็นผู้มีอิทธิพลมาก”
“แสดงว่านั่นไม่ใช่การฆ่าแบบธรรมดาๆ คงต้องมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง”
“เจ้าชายไม่ต้องห่วง ตอนนี้นายชรินทร์พยายามจะเข้ามาพัวพันกับบริษัทเจริญวัฒน์ เพื่อต้องการซื้อหุ้นและทำการค้ากับนิวแลนด์ หม่อมชั้นจะใช้โอกาสนี้สืบเรื่องทุกอย่างมาให้ได้อย่างแน่นอน”
“ท่าทางมั่นใจขนาดนี้ เพราะมีผู้ช่วยดีรึเปล่า” โซว์แซว
ปีเตอร์อาย “ผู้ช่วยอะไรที่ไหนล่ะ หม่อมชั้นไม่มี๊”
“ตัวเป็นๆมาขนาดนั้นยังจะบอกว่าไม่มีอีก ..เค้าเป็นใคร” โซว์ถาม
“เรื่องมันยาวอีกแล้วพระองค์ ถ้าจะเล่าสั้นๆก็คือ เค้าเป็นนักข่าวแอบมาทำข่าวเจ้าชาย แล้วด้วยความฉลาดและมีเสน่ห์ของหม่อมชั้น ก็เลยจับได้ เค้าเลยอยากช่วยหม่อมชั้นสืบเรื่องนายชรินทร์พระเจ้าค่ะ พัชรีเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก ถ้าไม่ได้เค้าหม่อมชั้นคงแย่”
โซว์มองล้อๆ “คงไม่ได้แค่เก่งอย่างเดียวมั้ง รูปร่างหน้าตาแบบนั้นสเป็คนายเลยนี่”
“แหม..เจ้าชายมันก็มีบ้างแหละ”
โซว์คิดก่อนตัดสินใจ “เราว่าตอนนี้เจ้ากลับไปก่อนดีกว่า เราไม่อยากให้ใครสงสัย”
“จะกลับได้ยังไงล่ะ รถหม่อมชั้นเสีย เอาเป็นว่าคืนนี้ขอให้ปีเตอร์ได้อยู่ดูแลปรนนิบัติเจ้าชายซักคืนก็แล้วนะ” ปีเตอร์ทำหน้าอ้อนสุดๆ “นะเจ้าชายนะ...”
“ก็ได้ ..” โซว์คิดก่อนถาม “ว่าแต่ตอนนี้เจ้ามีเงินมั้ย”
ปีเตอร์มองหน้าโซว์งงๆ
รุ้ง ขิง และตุ๊กพยายามเอาหูแนบประตูเพื่อแอบฟัง ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ทั้งสามไม่ทันระวังจึงเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น ปีเตอร์และโซว์มองทั้งสามคนด้วยความตกใจและงงๆ ว่ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ขิงรีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปกอดเข่าอ้อนวอนปีเตอร์
“เจ้าชายคะ อย่าลงโทษนายนั่นเลยนะคะ เค้าโง่ งี่เง่า เซ่อ ซื่อบื้อ เฟอะฟะ ไม่ได้เรื่องไม่เอาไหน ลงโทษไปก็เสียเวลาเปล่า ถือว่าเลี้ยงไว้ดูเล่นซักคนนะคะ เจ้าชาย”
ขิงทั้งกอดขา ทั้งยกมือไหว้เพื่ออ้อนวอนอย่างหนัก จนปีเตอร์หันไปมองหน้าโซว์ที่แอบมองขิงยิ้มๆ
ปีเตอร์แกล้งเก็กเสียง “เจ้าจะมาขอร้องทำไม คนไม่ได้เรื่องแบบนี้ อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์”
ขิงตกใจ “ใช่เพคะ นายนั่นอาจจะไร้ประโยชน์กับคนอื่น แต่… แต่ …เค้าก็เป็นคนสำคัญกับพวกเราทุกคนที่นี่เพคะ”
โซว์ได้ฟังก็แอบยิ้มภูมิใจแต่ก็รีบทำหน้าเก็ก รุ้งและตุ๊กได้ฟังขิงก็รีบเข้าไปขอร้องด้วย
“ถ้าเจ้าชายอยากลงโทษ” ตุ๊กพูดแล้วผลักรุ้งออกไป “เอานังนี่ไปลงโทษแทนเถอะพระเจ้าข้า”
รุ้งตกใจ “อะไรกันน้า”
“ก็พิสูจน์ไงว่าเอ็งรัก” ตุ๊กทำเสียงเลียนแบบ “เสด็จพี่ของเอ็งขนาดไหน”
รุ้งหน้าเสียด้วยความตกใจ ก่อนจะหันมองหน้าโซว์แล้วจำใจพูด “เพื่อพี่โซ่ รุ้งคนนี้ทำได้ทุกอย่าง จะเอาไปฆ่า ไปต้มยำ ทำแกงที่ไหนก็ได้”
“พอ!หยุดคร่ำครวญโวยวายได้แล้ว” ปีเตอร์หันไปมองโซว์ “น่าอิจฉาเจ้าจริงๆ ที่มีผู้หญิงสองคนมาร้องไห้และยอมตายแทนเจ้า เอาเป็นว่าพวกเจ้าไม่ต้องห่วง เราจะไม่ทำอะไรเค้าหรอก”
“จริงเหรอเพคะ” ขิงรีบดึงโซว์ให้นั่งลง “รีบขอบคุณเจ้าชายซิ”
ขิงจับโซว์ให้ก้มหัวคำนับกับพื้นเพื่อขอบคุณปีเตอร์ ขิง ตุ๊ก และรุ้งก็ทำด้วย ปีเตอร์มองโซว์ด้วยความกระดากใจ ยายขมเดินเข้ามามองทุกคนด้วยความแปลกใจ
“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย”
ปีเตอร์ยื่นเช็คให้ “เราได้ยินเรื่องของเจ้าแล้ว เอาเงินนี้ไปพัฒนาปรับปรุงคณะของเจ้าให้ดี”
ยายขมรับเช็คแล้วมองหน้าปีเตอร์อย่างงงๆ
“เจ้าโชคดีมากเลยนะ ที่ได้” ปีเตอร์ชี้ไปที่โซว์ “ผู้ชาย..คนนี้เป็นพระเอกลิเก”
ยายขมงง “นี่มันอะไรกันเนี่ย อยู่ดีๆมาให้เงินข้าทำไม แกเป็นใครรวยนักรึไงห๊า ถึงจะจนแต่ข้าก็ไม่ใช่ขอทานเว๊ย”
ตุ๊กรีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปกระซิบยายขม พอได้ฟังยายขมก็มองหน้าปีเตอร์ด้วยความตกใจจนปากสั่น
“จะ จะ เจ้าชาย!!!”
ยังพูดไม่ทันจบยายขมก็ตกใจจนเป็นลมไปทันที ทุกคนต้องเข้าไปช่วยดูแล
ขิงมองหน้าโซว์ด้วยความแปลกใจ
“ทำไมนายไม่บอกเจ้าชายให้ช่วยพวกเราเรื่องที่พวกเราถูกใส่ร้าย” ขิงถาม
“ไม่มีหลักฐาน พูดไปใครเค้าจะเชื่อ” โซว์บอก
“แต่เจ้าชายประเทศนายใจดี บางทีท่านอาจจะยอมรับฟังบ้างนะ”
“ชั้นไม่อยากให้เจ้าชายเดือดร้อน เธออย่าลืมซิ ว่าคนที่เราหนีมา เค้ามีอิทธิพลมากแค่ไหน ถ้าเราเกิดทำอะไรบุ่มบ่าม เจ้าชายอาจจะทรงเดือดร้อน แล้วดีไม่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอาจจะสั่นคลอนด้วย”
“มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ เธอคิดว่าการเป็นเจ้าชายมันง่ายนักรึไง อยากทำอะไรก็ทำ อยากลงโทษใครก็ทำงั้นเหรอ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก เจ้าชายก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนกัน”
“เข้าใจความรู้สึกของเจ้าชายจริงๆนะ จำไว้ซินายน่ะแค่เจ้าชายในลิเก ไม่ใช่เจ้าชายจริงๆ”
“ขอบคุณที่เตือน ชั้นจะจำไว้”
“แต่แน่ใจนะว่านายไม่อยากให้เจ้าชายช่วยจริงๆ โอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ”
“อยากให้เรื่องมันจบๆเร็วๆ เธอจะได้ไล่ชั้นให้กลับบ้านใช่มั้ยล่ะ” โซว์งอน
“ใช่ ก็นายมันน่าเบื่อ จุกจิก ขี้รำคาญ แถมยังขี้งอนอย่างกับผู้หญิง”
“เชอะ ถ้าชั้นไป รับรองใครบางคนแถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่”
“นายหมายถึงใคร”
“ก็คนที่กอดขาเจ้าชาย ร้องไห้ อ้อนวอนอย่าให้ท่านทำอะไรชั้นไง จำไม่ได้เหรอ”
ขิงทั้งโมโหทั้งอาย “นี่นายแซวชั้นเหรอ”
ขิงโมโหแล้วจะวิ่งไล่ตีเอาเรื่องโซว์ โซว์วิ่งหนีไปขำไปอย่างมีความสุข ปีเตอร์ยืนมองโซว์และขิงด้วยสีหน้าขรึมครุ่นคิดอยู่ที่หน้าต่างห้อง
ปีเตอร์มองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วเขาก็หันกลับมาก่อนจะถอนหายใจเสียงดังด้วยความวิตกจนพัชรีที่อยู่ไม่ไกลเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ
“เราคงจะปล่อยเรื่องทุกอย่างไว้นานกว่านี้ไม่ได้ ถ้าเรากลับกรุงเทพเมื่อไหร่ พวกเราจะต้องรีบหาหลักฐานทุกอย่างทันที”
“ทำไมล่ะเพคะ ทำไมอยู่ดีๆเจ้าชายถึงอยากจะรีบหาหลักฐานเร็วๆ” พัชรีสงสัย
“ความใกล้ชิดเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก” ปีเตอร์บอก
พัชรีมองปีเตอร์อย่างกลัวๆ “นี่เจ้าชายหมายถึงใครเพคะ คงไม่ได้หมายถึง..” พัชรีรีบถอยห่าง
ปีเตอร์ตกใจ “ไม่ใช่ เรากับเจ้า เราหมายถึงคนอื่นน่ะ”
“แน่ใจนะเพคะเจ้าชาย เพราะพัชรีก็ถือคติว่าจะไม่คบกับคนที่ทำงานด้วย”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออก รุ้งอยู่ในชุดลิเกเต็มยศและแต่งหน้าแต่งตาพร้อม เธอเดินเข้ามามองปีเตอร์ตาหวานก่อนจะทำความเคารพอย่างนอบน้อม
ปีเตอร์เห็นแล้วถึงกับผงะ “นี่อะไรอีกล่ะเนี่ย”
รุ้งยกมือถวายบังคมแล้วร้องลิเก “สิบนิ้วก้มกราบบาทพระองค์ เจ้าชายผู้ทรงสง่าศรี
ด้วยใจเคารพนบนอบและยินดีสุขเกษมเปรมปรีดา
ด้วยเหตุอันใดไม่แน่ชัดอาจเป็นลมพัดพาเสด็จพี่
ให้มาอยู่ร่วมกับน้องสมฤดี หรือว่าบุพเพนี้จะทำงาน
อันว่าตัวน้องเป็นนางเอกลิเกหวังว่าพวกเราจะฮาเฮสุขสำราญ..
อันตัวน้องนี้มีนามว่า รุ้งรัศมี เข้ามาเสนอตัว..เอ๊ย แนะนำตัวกับพระองค์อย่างเป็น
ทางการเพคะ”
รุ้งมองหน้ามองปีเตอร์แล้วยิ้มแบบให้ท่าสุดๆ ปีเตอร์มองรุ้งแล้วถึงกับสยองก่อนจะค่อยๆสะกิดพัชรี
“พัชรี ..” ปีเตอร์เรียกเสียงอ่อย
รุ้งถูกพัชรีผลักออกมานอกห้องก่อนจะปิดประตูใส่หน้าดังโครม รุ้งทั้งโกรธทั้งโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เจ้าชายนะ เจ้าชาย เปิดประตูให้รุ้งซิ ไล่รุ้งทำไม เจ้าชาย เจ้าช๊ายยยยยย..... คิดเหรอว่าจะหนีรุ้งได้”
รุ้งเดินออกไปก่อนจะฮัมเพลง “แต่เราก็หากันจนเจอ.. มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา ..รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า...เมื่อมีใครสักคนข้างกาย ...” อย่างมีความสุขและมีความหวังอันเต็มเปี่ยม
ชรินทร์กำลังเอาฟ็อกกี้ฉีดต้นไม้ในบ้านของเขา
“แกช่วยชั้นคิดหน่อยซิว่า จะมีวิธีไหนที่จะทำให้เจ้าชายกับลูกติ๊งของชั้นลงเอยกันได้” ชรินทร์ถามอำนาจ
“ผมว่ายากครับ” อำนาจตอบ
ชรินทร์หันขวับ “ว่าไงนะ”
“ผมว่าไม่ยากหรอกครับ คุณติ๊ง ทั้งสวย ทั้งมีเสน่ห์ ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ก็ต้องหลงรัก”
ชรินทร์ได้ฟังก็พอใจสุดๆ ในขณะที่อำนาจพูดไปแล้วก็อยากจะอ้วกแต่ก็ทำไม่ได้
“แต่เจ้านายครับ ผมมีความรู้สึกแปลกๆกับบอดี้การ์ดของเจ้าชายครับ”
ชรินทร์หันมามองอำนาจอย่างตกใจ “รู้สึกแปลกๆ นี่แก แอบเป็นเกย์เหรอ”
“ไม่ใช่ครับ ..ที่แปลกๆเพราะวันก่อนที่เจ้าชายมาที่บ้านเรา ผมเห็นไอ้บอดี้การ์ดนั่นท่าทางดูมีพิรุธชอบกล”
“แกมันคิดมากเกินเหตุ ดูหนังมาเฟียมากเกินไปละซิ เจ้าชายจะมีอะไร.. อีกหน่อยเค้ากับชั้นก็ต้องดองกันแล้ว”
ชรินทร์มีท่าทางสบายๆ เพราะไม่สนใจที่อำนาจพูด แต่อำนาจยังคงครุ่นคิดด้วยความสงสัย
โซว์ในชุดผ้าขาวม้าเดินถืออุปกรณ์อาบน้ำมาที่ตุ่ม เขามาเจอปีเตอร์กำลังยืนงงๆ เก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะอาบน้ำยังไง โซว์เดินเข้าไปเปิดตุ่มก่อนจะแนะนำการอาบน้ำให้ปีเตอร์อย่างชำนาญ
“นี่เค้าเรียกว่าตุ่ม” โซว์ยกขันในมือ “นี่เรียกขัน ไว้ตักน้ำในตุ่ม มาอาบน้ำแบบนี้”
พูดเสร็จโซว์ก็อาบน้ำโชว์ปีเตอร์อย่างชำนาญและมีความสุข ปีเตอร์รีบทำตามก่อนจะมองโซว์ด้วยความสงสาร
“เจ้าชายต้องทรงลำบากขนาดนี้เลยเหรอพระเจ้าข้า”
โซว์อาบน้ำต่อ “ลำบากอะไร๊...คนอื่นยังมีชีวิตอยู่อย่างนี้ได้ ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้”
“ไม่ได้ หม่อมชั้นจะปล่อยให้เจ้าชายลำบากไม่ได้ ถ้าหม่อมชั้นอยู่ที่นี่ หม่อมชั้นจะทำให้เจ้าชายสุขสำราญเอง”
พูดเสร็จปีเตอร์ก็รีบตักน้ำราดบนตัวโซว์ก่อนจะเอาผ้ามาถูหลังเหมือนอย่างที่เคยทำ
โซว์รีบห้ามเพราะกลัวใครมาเห็น “อย่านะ เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก”
“ไม่มีหรอก พระเจ้าค่ะ มามะ มาให้ปีเตอร์ถูหลังให้”
“ไม่เอาไม่ต้องทำ”
ปีเตอร์เศร้าแล้วก็เริ่มร้องไห้ “ให้หม่อมชั้นทำเถอะ หม่อมชั้นไม่ได้ทำนานแล้ว”
“หยุดพอแล้ว ไม่ต้องร้องไห้ จะทำก็รีบทำแล้วกัน”
โซว์นั่งลงหันหลังให้ปีเตอร์ถูหลังให้ ปีเตอร์ถูหลังให้โซว์อย่างมีความสุขสุดๆ ขิงและตุ๊กเดินถือกาต้มน้ำมา
“เจ้าชายทรงอาบน้ำอยู่ใช่มั้ยพระเจ้าค่ะ พวกเราต้มน้ำร้อน ....” ตุ๊กพูดยังไม่ทันจบ
เขากับขิงเห็นปีเตอร์กำลังถูหลังให้โซว์ก็ตกใจจนอึ้ง ทั้งสองรีบหันหลังกลับด้วยความตกใจก่อนจะหาที่ซ่อนเพื่อแอบดู โดยที่ปีเตอร์และโซว์ยังไม่รู้ว่าขิงและตุ๊กเดินมา
“แกเห็นเหมือนอย่างที่ข้าเห็นรึเปล่าวะไอ้ขิง” ตุ๊กถามหลานสาว
“เห็นซิ เจ้าชายอะไร ทำไมถึงมาถูหลังให้นายโซ่ด้วย”
“หรือว่าเจ้าชายประเทศนี้เค้าจะไม่ถือตัว”
ขิงมองตุ๊กแบบไม่คิดอย่างนั้น ขิงหันไปมองปีเตอร์และโซว์ที่กำลังถูหลังให้กันด้วยความสงสัย
เวลาผ่านไป โซว์เดินผิวปากเดินมาตามทางอย่างมีความสุข ขิงกระโดดออกมาจากที่ซ่อนไปขวางโซว์เอาไว้
“บอกชั้นมาตามตรงนะ ว่านายเป็นอะไรกันแน่”
โซว์งง “เธอพูดอะไรของเธอ”
“ทำไมเจ้าชายแห่งประเทศนิวแลนด์ต้องอาบน้ำถูหลังให้นายด้วย นายเป็น...เป็น..”
โซว์ตกใจรีบหลบตาเพราะคิดว่าขิงคงรู้ความจริง “ใช่ เราเป็น ..อย่างที่เธอคิดนั่นแหละ”
ขิงได้ฟังคำตอบของโซว์ก็ถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ โซว์รีบเข้าไปประคอง
“ไม่ต้องตกใจหรอกนะ ชั้นก็ไม่อยากปกปิดเธอ แต่มันจำเป็นจริงๆ”
ขิงอึ้งๆ “จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าอับอาย เดี๋ยวนี้คนเป็นเกย์เค้าก็เปิดเผยกันเยอะแยะ”
โซว์งง “ดะ..เดี๋ยว เธอว่าชั้นเป็นอะไรนะ”
“นายเป็นเกย์ไม่ใช่เหรอ”
โซว์รีบผละออกจากขิงด้วยความตกใจ “เย้ย..ยยย ชั้นเนี่ยนะเป็นเกย์ ออกจะแมนทั้งแท่ง”
“ถ้านายไม่ใช่เกย์ ทำไมต้องถูหลังตอนอาบน้ำให้นายด้วย ชั้นยังจำติดตาว่าหน้าตานายกับเจ้าชาย บ่งบอกอารมณ์เคลิ้มสุดๆ”
“บ้า บ้าไปใหญ่แล้ว แค่ถูหลังไม่เห็นจะต้องเป็นเกย์อะไรเลย ตรรกะมั่วๆ”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมเจ้าชายต้องทำอย่างนั้นกับนายด้วย”
“เอ่อ” โซว์อึกอัก “มัน..มันเป็นการแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันในสังคมของนิวแลนด์”
“อะ..อ๋อ ..เป็นยังงั้นนี่เอง ประเทศนายนี่ก็แปลกดีนะ”
“ไว้วันหลังถ้าเราสองคนอยากแสดงความเท่าเทียมกัน เธอกับชั้นมาผลัดกันถูหลังให้กันก็ได้นะ” โซว์บอก
“ไอ้บ้า ชั้นไม่อยากจะเท่าเทียมกับนายหรอก เชอะ !!”
ขิงสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างงอนๆ ก่อนจะหยุดยิ้มและถอนหายใจด้วยความโล่งอก โซว์มองตามหลังขิงแล้วยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหันกลับมาเห็นปีเตอร์ยืนกอดอกมองมาด้วยความสงสัย
ปีเตอร์คุยกับโซว์ด้วยสีหน้าเครียด
“เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย ที่ทำให้เจ้าชายไม่อยากจะไปจากที่นี่” ปีเตอร์ถาม
“ไม่ใช่ซักหน่อย เจ้าก็รู้ว่าเรื่องผู้หญิงเราช่างเลือกขนาดไหน ยายนั่นหน้าตาก็ธรรมดา รูปร่างก็อย่างกับผู้ชาย แถมนิสัยไม่ดีอีก เราจะไปชอบทำไม” โซว์บอก
ปีเตอร์จ้องตาโซว์อย่างรู้ทัน
“ไม่ชอบก็ดี เพราะเจ้าชายจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด เพราะพระองค์ก็คงรู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่คืนสู่ฐานันดร และกลับนิวแลนด์ เมื่อนั้นพระองค์จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสม ที่พระราชาทรงเลือกให้”
พูดจบปีเตอร์ก็เดินออกไปทิ้งให้โซว์ยืนหน้าเครียดและเศร้าอยู่คนเดียว
ลัดลดากำลังส่องกระจกและมาร์คหน้าอยู่ในห้องพักที่โรงแรม เธอหันมามองพนักงานด้วยความแปลกใจ
“เจอคนขับรถของเจ้าชายที่กลางตลาดงั้นเหรอ” ลัดลดาถามย้ำ
“ใช่ค่ะ พริ้มรีบเข้าไปถามเลยนะคะ เค้าบอกว่ารถเสียต้องเอาไปเข้าอู่” พนักงานโรงแรมตอบ
“งั้นแสดงว่าเจ้าชายก็ยังอยู่ที่นี่ แล้วทำไมถึงไม่กลับมาพักที่โรงแรมเรา เชอะ !!” ลัดลดาคิดขึ้นมาได้ “เอ๊ะ...เดี๋ยว เจ้าชายพักโรงแรม ไปพักกับใคร อย่าบอกว่าไปอยู่กับนังผู้หญิงคนนั้นนะ กรี๊ดดดดดดด !!! ชั้นไม่ยอม ชั้นไม่ยอม” ลัดลดาสั่งการ “บอกพนักงานในโรงแรมทุกคน ถ้าใครเจอคนขับรถของเจ้าชายว่าอยู่ที่ไหน ให้พาตัวมาพบชั้นที่นี่ ชั้นจะมีรางวัลให้อย่างงาม”
“ค่ะ คุณลัดลดา”
พนักงานรีบออกไป ลัดลดายืนขึ้นด้วยความโมโหสุดๆ
“คิดเหรอว่าดาด้าจะยอมแพ้ ไม่มีวันซะหรอก”
พัชรียกมือไหว้ขอบคุณยายขมที่ออกมายืนส่งหน้าบ้าน เนื่องจากปีเตอร์และพัชรีกำลังจะลากลับ
“ขอบคุณมากนะคะที่ให้ความช่วยเหลือพวกเรา”
“ไม่เป็นไรหรอก คนไทยมีน้ำใจ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน” ยายขมบอก
“แล้วนี่เจ้าชายจะกลับประเทศเลยรึเปล่าคะ..เอ๊ย เพคะ” ขิงถาม
“ยังหรอก เรายังมีธุระสำคัญที่เราต้องสะสางให้เรียบร้อยเสียก่อน” ปีเตอร์มองหน้าโซว์ “ฝากพลเมืองคนสำคัญของประเทศนิวแลนด์ไว้กับพวกเจ้าทุกคนด้วย”
ตุ๊กหยิบของที่ระลึกต่างๆออกมา ทั้งพวงกุญแจ สร้อยเปลือกหอย โปสการ์ด
“เจ้าชายจะไม่อุดหนุนของที่ระลึกของผมซักหน่อยเหรอครับ”
ปีเตอร์ยิ้มและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่รุ้งวิ่งเข้ามาจับแขนของเขาไว้ก่อนยื่นกระดาษเล็กๆให้ปีเตอร์
“นี่อีเมลล์ของรุ้งเพคะ ว่างๆ ก็ทรงพระอีเมลล์มาหา หรืออยากจะแชตกันก็ได้นะเพคะ” รุ้งบอก
ตุ๊กซุบซิบกับขิง “มันไปแอบมีอีเมลล์ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”
ทุกคนเดินออกมาแล้วก้มลงใส่รองเท้า ปีเตอร์เห็นโซว์กำลังจะผูกเชือกรองเท้าก็เข้าไปผูกเชือกให้โซว์ด้วยความเคยชิน ทุกคนหันมองกันอย่างอึ้งๆ พัชรีรีบเข้าไปสะกิดถาม
“เจ้าชายทำอะไรเพคะ”
โซว์รีบแก้ตัวแทน “นี่เป็นการแสดงออกถึงความเท่าเทียมกันของประเทศนิวแลนด์ไง”
ปีเตอร์รีบเห็นด้วย “ใช่ ใช่ เราสองคนเท่าเทียมกัน”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้า “อ๋อ”
“อ๋อ งั้นใส่ให้ผมด้วยซิ” ตุ๊กรีบยื่นเท้ามาให้
“ใส่ให้รุ้งด้วย รุ้งก็อยากเท่าเทียมกับเจ้าชาย” รุ้งบอก
ยายขมยื่นเท้ามาให้เหมือนกัน “ให้ข้าด้วย”
ปีเตอร์มองเท้าและรองเท้าของแต่ละคนซึ่งดูเน่าๆเหม็นๆทั้งนั้น เขาจำต้องหยิบรองเท้าพวกนั้นขึ้นมาด้วยความจำใจ
รุ้งใส่รองเท้าเรียบร้อย ยายขม พัชรี ขิง และโซว์ก็ใส่รองเท้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนปีเตอร์กำลังหยิบรองเท้าเน่าๆ และเหม็นอย่างร้ายกาจมาใส่ให้ตุ๊กด้วยท่าทีรังเกียจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปีเตอร์ใส่เสร็จพัชรีก็รีบยื่นยาดมให้ ปีเตอร์สูดไม่ยั้ง
“ไว้วันหลัง เราจะให้คนส่งรองเท้ามาให้ใหม่นะ” ปีเตอร์บอก
“ไม่ต้องหรอกครับเจ้าชาย รองเท้าใหม่มันไม่คุ้นกลิ่น เอาล่ะทุกคนลาเจ้าชายได้แล้ว ทั้งหมดแถวตรง” ตุ๊กเสียงดัง
ตุ๊ก ขิง โซว์ รุ้ง และ ยายขมตั้งขบวนส่งเสด็จ ปีเตอร์ยิ้มก่อนจะเดินไปโดยมีพัชรีเดินตาม
ทันใดนั้นรถกำนันเก่งแล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว แก้วที่หน้ามีพลาสเตอร์ปิดแผลที่จมูกกับเก่งและยอดลงมาจากรถโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ทั้งสามรีบขึ้นไปเอาเรื่องโซว์
“ไอ้โซ่ วันนี้แกตาย” แก้วบอก
แก้วกำลังจะปล่อยหมัดเข้าหน้าโซว์ ปีเตอร์เห็นก็ตกใจรีบวิ่งเอาหน้าเข้าไปรับแทนทำให้เขาโดนหมัดเต็มๆ จนหน้าหงายลงไปกองกับพื้น ทุกคนตกใจ
“ไอ้แก้ว แกตายแน่ รับรองแกถูกประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรแน่” ตุ๊กตกใจ
“ไม่กลัวเว้ย ให้รู้ซะมั่งว่าไอ้แก้วลูกใคร...คนอื่นหลีกไป ไอ้โซ่แกตาย !!” แก้วจะเอาเรื่องโซว์อีก
“อัดมันให้ตายเลยลูกพ่อ” เก่งเชียร์
แก้วจะเข้าไปเอาเรื่องโซว์ ปีเตอร์ที่สะบักสะบอมอยู่รีบลุกไปขวางไว้ มือของแก้วกำลังจะปะทะหน้าปีเตอร์ แต่ฉับพลัน ตุ๊ก ขิง รุ้ง และพัชรีก็เข้ามาขวางไว้ ทำให้คนที่โดนหมัดอย่างจังก็คือตุ๊ก
ตุ๊กร้องลั่น “โอ๊ย !!”
แก้วโมโห “นี่เล่นอะไรกันวะ ไม่ตลกนะเว้ย”
“คนที่ไม่ตลกน่ะคือแกไอ้แก้ว แกรู้มั้ยว่าผู้ชายที่แกชกหน้าเมื่อกี้เป็นใคร” ยายขมโวย
“เป็นใครไม่สนทั้งนั้น เพราะที่นี่กำนันเก่งและลูกชายใหญ่ที่สุด” เก่งบอก
“ถูกต้อง ไอ้หน้าวอกแกต้องจ่ายค่าทำจมูกชั้นหักมาหมื่นนึงเว้ย” แก้วโวยวาย
“ทำไมต้องจ่าย ชั้นไม่มีวันจ่ายนายแม้แต่สลึงเดียว” โซว์บอก
“หนอย ไอ้โซ่ แกทำหน้าหล่อๆชั้นเสียโฉม แล้วยังกล้าพูดสามหาวอีก แกตาย !!” แก้วโมโห
แก้วจะเอาเรื่องโซว์ แต่ปีเตอร์ลุกขึ้นมาแล้วหยิบเช็คยื่นให้แก้ว
“เอาไปเลยสองหมื่นแล้วไปให้ไกลซะ ก่อนที่ชั้นจะมีน้ำโห”
“หน้าปลาจวดอย่างแกจะทำอะไรชั้นได้” แก้วว่า
“สงสัยมันจะเป็นพวกเดียวกับไอ้หน้าวอกมั้งพี่ หน้าตาโหลยโท่ยเหมือนกัน” ยอดหัวเราะ
“แกคิดว่าแกเป็นใครวะ ทำมาอวดเบ่งอวดรวย คิดว่าพวกชั้นจะกลัวเหรอ ฉันกำนันเก่ง ไม่เคยกลัวใครเว้ย ฮ่าๆๆๆ”
เก่ง แก้ว และยอดหัวเราะอย่างสะใจ
“ชั้นว่ากำนันควรจะกลัว เพราะคนที่นายกำลังพูดลบหลู่อยู่เนี่ย เป็นเจ้าชายแห่งนิวแลนด์” ขิงบอก
เก่ง ยอด และแก้วมองหน้ากันอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จักประเทศนิวแลนด์
“สงสัยจะเป็นลิเกเรื่องใหม่มั้งพี่” ยอดพูด
“ทำเป็นตั้งชื่อฝรั่ง คงอยากจะโกอินเตอร์” แก้วว่า
“ไม่ต้องสนใครหน้าไหนทั้งนั้น ลุยให้หมด” เก่งสั่ง
ยอดและแก้วกำลังจะเข้าไปลุยโซว์และปีเตอร์ ทันใดนั้นขบวนรถรถยนต์หรูที่ประดับธงชาตินิวแลนด์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านยายขม
คนจากรถคันหลังที่สวมชุดยูนิฟอร์มของเจริญวัฒน์เดินลงมาจากรถ ทั้งหมดยืนเป็นแถวต้อนรับ ในขณะที่อีกกลุ่มเอาพรมแดงมาปูเป็นทางเดินจนมาแทบเท้าของปีเตอร์ ส่วนอีกคนก้าวลงมาเป่าแตรนำเสด็จ
ยอดและแก้วตกใจจนหันไปมองทั้งหมดด้วยสีหน้าเหวอและงุนงง ลัดลดาเปิดประตูวิ่งลงมาจากรถก่อนจะโผเข้าไปหาปีเตอร์แบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
“เจ้าชาย เจ้าชายมาอยู่นี่เอง ดาด้าตามหาแทบแย่” ลัดลดาหันไปมองรอบๆ เห็นแต่ละคนท่าทางเหมือนมีเรื่องกัน “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 6 (ต่อ)
เก่ง แก้วและยอดทรุดตัวลงนั่งส่วนมือก็ยกไหว้ปีเตอร์ด้วยความกลัวสุดๆ
“จะจะเจ้า...เจ้าชาย..” เก่งละลักละล่ำ
“ตะตะตัวจริง” แก้วติดอ่าง
ยอดก็เป็นด้วย “สะสะเสียงจริง”
ทั้งสามคนพูดพร้อมๆ กัน “พวกเราผิดไปแล้ว เจ้าชายอย่าเอาเรื่องพวกเราเลย”
ปีเตอร์ปั้นหน้าเหี้ยมแล้วจับหน้าที่โดนต่อย “ได้เราจะไม่เอาเรื่องเจ้า” ปีเตอร์ชี้หน้า “แต่เจ้าต้องห้ามยุ่งกับผู้ชายคนนี้” ปีเตอร์ชี้ไปที่โซว์ “อีกเป็นอันขาด ถ้าเรารู้ว่าเจ้าคิดจะทำร้ายเค้าให้เจ็บแม้เพียงปลายก้อย พวกเจ้าสามสนหัวหลุดแน่”
เก่ง แก้ว และยอดยกมือไหว้ท่วมหัว
ทั้งสามคนรับคำพร้อมกัน “พะย่ะค่ะ”
ปีเตอร์หยิบสมุดเช็คออกมาเขียนแล้วยื่นให้เก่ง “ส่วนนี่..เป็นเงินที่ยายขมติดหนี้เจ้า พร้อมดอกเบี้ย! รับไปซะ! แล้วก็อย่ากลับมายุ่งกับยายขมและครอบครัวอีก”
“ครับ..เอ๊ย พะย่ะค่ะ หม่อมชั้นจะไม่กลับมายุ่งกับยายขมอีกพระเจ้าค่ะ” เก่งไหว้ท่วมหัว
“ถือว่าฉันกับแกหมดหนี้หมดสิ้นหมดเวรต่อกันแล้วนะกำนัน” ยายขมบอก
“จ๊ะ หมดเวรหมดกรรม เราต่างคนต่างไปนะจ๊ะยายจ๋า” เก่งพูด
“ทีงี้ล่ะมาพูดเพราะ” ยายขมว่า
เก่งเอาเช็คมาหอมด้วยความชื่นใจก่อนจะหันไปยิ้มกับแก้วและยอด
“ไม่ต้องห่วงเพคะเจ้าชาย พัชรีจะคอยดูแลควบคุมเรื่องนี้เอง” พัชรีอาสา
ลัดลดาเหล่มองด้วยความหมั่นไส้ “ดาด้าเองก็จะช่วยดูแลประชาชนชาวนิวแลนด์คนนี้อย่าเต็มที่เพคะ”
ลัดลดามองพัชรีก่อนจะเชิ่ดใส่ พัชรีงงงว่าลัดลดาเป็นอะไร
ยายขมพูดกับเก่ง แก้ว และยอด “อ้าว !! แล้วจะมานั่งเซ่ออยู่ทำไมอีก ไปซิวะ”
ยายขมยกไม้เกาหลังจะตีไล่ เก่ง แก้ว และยอดรีบลุกแล้ววิ่งออกไป โซว์ ตุ๊ก ขิง และรุ้งหัวเราะอย่างสะใจ
“เอาล่ะ หมดเรื่องแล้ว เห็นทีเราจะต้องกลับซักที” ปีเตอร์ตัดบท
“อย่าเพิ่งกลับซิเพคะ ไปพักผ่อนให้สำราญที่โรงแรมดาด้าก่อน” ลัดลดาเสนอ
“ไม่ได้ เจ้าชายยังมีธุระที่ต้องทำอีกเยอะ” พัชรีบอก
“แล้วหล่อนเป็นใคร เจ้าชายยังไม่ทันปฎิเสธชั้น แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกแทน”
“ชั้นเป็นคนสนิทของเจ้าชาย”
“ผู้หญิงที่จะใช้คำว่า สนิทกับเจ้าชาย ในประเทศนี้มีชั้นได้คนเดียวเท่านั้น”
“ใจเย็นๆ พัชรีเค้าเป็นผู้ช่วยเราน่ะ” ปีเตอร์บอก
“เชอะ กะอีแค่ผู้ช่วย ทำเป็นบอกว่าสนิท ขี้โม้”
“ก็ดีกว่าผู้หญิงที่วิ่งไล่จับผู้ชายหน้าไม่อาย”
พัชรีและลัดลดาเอาเรื่องกันไปมา โซว์ รุ้ง ขิง ตุ๊ก และยายขมมองซ้ายทีขวาทีอย่างลุ้นๆ
“อย่าทะเลาะกันเลยนะ เรารักเท่ากันทุกคน” ปีเตอร์บอก
“งั้นเจ้าชายต้องแสดงความรักของเจ้าชายให้ดาด้าดูก่อน” ลัดลดาขอ
“ยังไงล่ะ”
“ก็ไปกับดาด้านะเพคะ ไปเถอะ ดาด้าให้คนเตรียมของกินไว้เยอะแยะเลย”
ปีเตอร์ลังเล “แต่ ..”
“อิจฉาเจ้าชายชะมัด ไปไหนก็ได้กินแต่ของอร่อย เราแค่จะกินยังไม่ค่อยจะมีกินเลย” ขิงบ่นออกมา
โซว์ได้ฟังขิงบ่นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขารีบสะกิดปีเตอร์
“ไปเถอะ เราอยู่ที่นี่มาหลายวัน ไม่มีโอกาสกินอะไรดีๆเลย ถือว่าเลี้ยงตอบแทนทุกคน” โซว์พูด
“ไปก็ได้ แต่มีข้อแม้ ...เราต้องพาทุกคนที่นี่ไปด้วย....โอเคมั้ย” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์มองลัดลดา ลัดลดาอึ้ง
ขิง รุ้ง และตุ๊กกระโดดอย่างร่าเริงออกมาจากรถตู้ ทั้งหมดมองดูโรงแรมหรูก่อนจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจสุดๆ
“ในที่สุดฝันของรุ้งก็เป็นจริง โรงแรมหรู น้ำทะเลใส อาหารหรูเริด เพราะเจ้าชายแท้ๆ” รุ้งเข้าไปกราบแนบอกปีเตอร์ “ขอบพระทัยนะเพคะเสด็จพี่”
ลัดลดารีบเข้ามาดึงรุ้งออกจากปีเตอร์
“นี่หล่อนรู้จักที่ต่ำที่สูงบ้าง นี่เจ้าชายนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น ไม่ต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นก็ได้”
“หึงน่ะซิ ..นี่ชั้นบอกไว้ก่อน เจ้าชายน่ะใครดีใครได้ ไม่ต้องมาทำหวงก้างขนาดนั้นหรอกย่ะ” รุ้งว่า
ลัดลดากับรุ้งทำท่าจะมีเรื่องกัน ปีเตอร์เห็นแล้วก็เซ็งจึงรีบปลีกตัวออกห่างแล้วเข้าไปหาโซว์
“หม่อมชั้นเพิ่งจะเข้าใจเจ้าชาย ที่วันๆมีผู้หญิงมาล้อมหน้าล้อมหลัง อำนาจ ยศถาบรรดาศักดิ์มันเย้ายวนสำหรับผู้หญิงจริงๆ”
โซว์มองขิง “เพราะอย่างนี้แหละ ชั้นถึงอยากจะแต่งงานกับคนที่รักชั้นเพราะชั้นเป็นชั้น”
พัชรี ขิงและตุ๊กเดินเข้ามาหาโซว์
“น่าเสียดายนะ ที่ยายไม่ยอมมา” ขิงพูด
“หัวดื้อหัวแข็งไม่มีใครเกิน” ตุ๊กบอก
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยเอาอาหารไปฝากท่าน รับรองอาหารเหลือเฟือใช่มั้ยเจ้าชาย” พัชรีหันไปถามปีเตอร์
ปีเตอร์ยิ้ม ลัดลดาวิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นเต้น
“เจ้าชายเพคะ เดี๋ยวเรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันดีกว่าเพคะ”
ทุกคนเตรียมตัวเข้าไปเก็กท่าถ่ายรูป ลัดลดาหน้าเสีย
“ดาด้าหมายถึงแค่เราสองคนเท่านั้นเพคะ”
“ถ่ายเยอะๆนั่นแหละสนุกดี” ปีเตอร์บอก “เอ้าทุกคนมองกล้อง พูด ชีส....”
ลัดลดารีบวิ่งเข้าไปผลักพัชรีที่ยืนข้างปีเตอร์จนกระเด็นออกไป แล้วจึงเข้าไปยืนแทน ทุกคนพูดชีส แล้วกล้องก็ลั่นชัตเตอร์ แชะ..ได้ภาพถ่ายทุกคนยกเว้นพัชรีที่ล้มไปบนพื้น
ลัดลดาและรุ้งแย่งกันเดินขนาบข้างซ้ายและขวาของปีเตอร์กันสุดฤทธิ์ โดยพัชรีเดินตามหลังพร้อมกับเอามือจับก้นที่เจ็บป้อยๆ ขิงมองพัชรีขำๆ
“ไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมยายคุณหนูซิลิโคนนั่นถึงต้องจงใจแกล้งชั้นด้วย” พัชรีบ่น
“เค้าคงจะอิจฉาคุณมั้งคะ ที่คุณสนิทกับเจ้าชาย” ขิงบอก
“ชั้นน่ะเหรอดูสนิทสนมกับเจ้าชาย” พัชรีเริ่มอาย “ไม่จริงหรอกมั้งคะ”
“จริงนะคะ ถ้าไม่สนิท ท่านก็คงไม่ไว้วางใจ ให้คุณจัดการทุกเรื่องอย่างนี้หรอก”
พัชรีเหล่โซว์ที่เดินตามมากับตุ๊ก “แต่ชั้นว่าคุณน่าอิจฉากว่านะคะ ได้สนิทสนม กับหนุ่มน้อยหน้าใส หล่อขั้นเทพ แถมออร่าสะพัดขนาดนั้น ถ้าไปเจอตามงานใหญ่ๆ ใส่สูทโก้ๆ ชั้นคงคิดว่าเค้าเป็นเจ้าชายจากเมืองใดเมืองนึงแน่ๆ”
“ก็ใครว่าเค้าไม่ใช่ละคะ เค้าเป็นเจ้าชาย แต่ในลิเก” ขิงบอก
พัชรีแอบมองโซว์ก่อนจะหัวเราะชอบใจ
โซว์ที่เดินคุยกับตุ๊กตามมาด้านหลังเห็นสองสาวมองมาก็เงยหน้ามองก่อนจะยิ้มให้ ขิงได้เห็นยิ้มนั้นถึงกับอึ้งตะลึง เสียงหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ ลัดลดาที่กำลังควงแขนปีเตอร์อยู่หันกลับมาแอบมองโซว์ตาเป็นมัน เพราะเห็นว่าโซว์หล่อได้ใจสุดๆ
ที่โต๊ะอาหาร รุ้งกับลัดลดาต่างแย่งตักอาหารเอาใจปีเตอร์ ในขณะที่ปีเตอร์ตักอาหารเอาใจพัชรี ลัดลดาเห็นเข้าก็หมั่นไส้ แต่เธอก็ยังแอบคีบตักอาหารให้โซว์ด้วย โซว์ตักอาหารชิ้นนั้นให้ขิง แต่ขิงกลับเอาไปให้ใส่จานตุ๊ก ตุ๊กตักกินอย่างเอร็ดอร่อย ขณะกินอาหารขิงมองไปที่เวทีใหญ่ในห้องจัดเลี้ยงแล้วพูดออกมา
“ถ้าเราได้มีโอกาสมาเล่นลิเกบนเวทีใหญ่ๆแบบนี้จะเป็นยังไง น๊า”
ลัดลดาแปลกใจ “พวกคุณเป็นคณะลิเกเหรอ”
“ใช่ครับ เราเป็นนักแสดงลิเก คณะยายขมครับ” โซว์บอก
“ไอ้โซ่เป็นพระเอกลิเกที่ตอนนี้ฮอตมากที่สุดในตำบลเลยนะครับ แค่เล่นครั้งเดียวสาวๆงี้ติดกันจมเลย” ตุ๊กเล่า
“อย่างนั้นเหรอคะ” ลัดลดามองโซว์ตาเป็นมัน “งั้นถ้าพวกคุณมาแสดงลิเกที่โรงแรมของลดา พวกคุณจะต้องยิ่งดังใหญ่แน่ เพราะยังไม่เคยมีลิเกคณะไหนได้มาแสดงในโรงแรมระดับนี้ นี่จะเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการศิลปะไทย เป็นการยกการแสดงลิเกให้เข้าสู่ความเป็นสากล”
ขิง ตุ๊ก และรุ้งได้ฟังแล้วพากันฝันกันไปไกล
“งั้นพวกเราขอมาแสดงลิเกกันที่นี่ได้รึเปล่าคะ” ขิงถาม
ลัดลดาทำหน้าเฉยเมยขึ้นมาทันที “ไม่ได้หรอก”
ขิง ตุ๊ก และรุ้งมองหน้ากันด้วยความงง “อ้าว”
“ถ้าจะมีคณะลิเกมาแสดงที่นี่จริงๆ” ลัดลดาพูดต่อ “คณะลิเกนั้นต้องเป็นคณะลิเกที่เริดที่สุด เจ๋งที่สุด และ เหมาะสมกับโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งนี้”
“งั้นคณะลิเกที่สนับสนุนโดยเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ เจ๋งพอมั้ยที่จะได้มาแสดงที่นี่” ปีเตอร์ถาม
“ถ้าคุณให้พวกเค้ามาแสดง ชั้นจะจัดนักข่าวชุดใหญ่มาทำข่าว รับรองว่าดังทั้งคณะลิเก ดังทั้งโรงแรมของคุณ คิดดูนะคะ ว่าคุณมีแต่ได้กับได้นะ” พัชรีเสริม
ลัดลดามอง ขิง โซว์ ตุ๊ก และรุ้งก่อนจะหันไปมองเวทีในโรงแรมอย่างคิดหนัก
ลัดลดาเดินกลับไปกลับมาในห้องพลางครุ่นคิด
“นี่เป็นโอกาสทอง ที่ชั้นจะทำคะแนนกับเจ้าชาย ถ้าชั้นช่วยให้คณะลิเกนั่นดังรับรองว่าเจ้าชายต้องปลื้มชั้นสุดๆแน่ๆ ไม่ได้ ไม่ได้ ....ถ้าคนอื่นรู้ว่าเราจัดลิเกที่โรงแรม เค้าอาจจะยี้ พาลคิดว่าเราเป็นพวกบ้านนอก ..แต่ขนาดเจ้าชายยังชอบเลย งั้นชั้นต้องถือคติ เลิฟมี เลิฟมายด็อก ...แถมยังจะได้มีโอกาสใกล้ชิด พ่อยิ้มละลายนั่นอีก ยิงทีเดียวได้ผู้ชายตั้งสองคน ...คุ้มสุดๆ”
ลัดลดาคิดได้อย่างนั้นก็ยิ้มร้ายอย่างมีแผน
ทุกคนเดินออกมาส่งปีเตอร์ พัชรี และลัดลดาขึ้นรถ
“เรื่องแสดงที่นี่ ชั้นคงต้องส่งคนไปดูคณะพวกคุณแสดงก่อนว่า ได้มาตรฐานการโชว์ของเรารึเปล่า แต่ถ้าเจ้าชายสนับสนุนขนาดนั้น” ลัดลดาเข้าไปเกาะแกะปีเตอร์ “ดาด้าว่าไม่มีปัญหาหรอกค่ะ”
ปีเตอร์รีบแกะมือลัดลดาออก “ไม่มีปัญหาก็ดีแล้ว” ปีเตอร์หันมาพูดกับคณะลิเก โดยเฉพาะโซว์ “เราจะตั้งตารอชมลิเกของทุกคนนะ”
รุ้งรีบเข้าไปกอดแขนปีเตอร์ “ไม่ต้องห่วงเพคะ เจ้าชายได้ดูรุ้งแสดงแน่ๆ”
“เอาล่ะ ดิชั้นว่าเราก็สนุกสนาน และ อิ่มอร่อยกันตามสมควรแล้ว เจ้าชายคงต้องรีบกลับไปทำธุระสำคัญ” พัชรีตัดบท
ปีเตอร์เข้าไปกอดโซว์
“หวังว่าเจ้า..เอ๊ย นายจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขและปลอดภัย ส่วนเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงชั้นจะจัดการเต็มที่”
“ครับเจ้าชาย” โซว์ตอบรับ
ปีเตอร์มองหน้าโซว์แล้วอยากจะร้องไห้เพราะไม่อยากจากไป แต่โซว์ทำหน้าดุ ปีเตอร์จึงรีบเก็กขรึมก่อนจะโบกมือลาทุกคนแล้วขึ้นรถไป พัชรีจะตามขึ้นรถไปด้วย แต่ถูกลัดลดาผลักจนกระเด็น แล้วลัดลดาก็เข้าไปนั่งข้างๆ เจ้าชายแทน พัชรีได้แต่มองค้อนก่อนจะขึ้นไปนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถ รถแล่นออกไป ทุกคนมองตาม
“น่าอิจฉาเจ้าชายชะมัด มีสาวๆสวยๆล้อมหน้าล้อมหลังขนาดนั้น” ตุ๊กบอก
“เอาเข้าจริงมันไม่สนุกอย่างที่คิดหรอกนะ” โซว์พูด
ขิงหมั่นไส้ “พูดอย่างกับเคย”
“ไม่ต้องเคยหรอก แค่เห็นหน้าเจ้าชายก็รู้แล้ว” โซว์รีบแก้ตัว
รุ้งรีบวิ่งเข้ามาเกาะแขนโซว์
“เสด็จพี่เพคะ รุ้งว่าเรารีบกลับกันดีกว่า”
รุ้งกลับมากระดี้กระด้ากับโซว์ โซว์ทำหน้าปุเลี่ยนๆ แล้วรีบเดินหนี
“เออเนอะ ถ้ามีผู้หญิงอย่างนังรุ้งมาล้อมหน้าล้อมหลัง ชั้นว่าชั้นขออยู่เป็นโสดดีกว่า” ตุ๊กเห็นด้วย
ตุ๊กและขิงมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าเพราะหน่ายนังรุ้งที่บ้าผู้ชายจริงๆ
เสียงยายขม ดังแหวกอากาศออกมา
“ไม่เอาเว้ย !!”
ยายขมที่กำลังนั่งขัดสมาธิกระทืบเท้าลงบนพื้นจนพื้นบ้านสั่นสะเทือนอย่างแรง ขิง ตุ๊ก โซว์ และรุ้งที่นั่งตรงหน้าพลอยได้รับแรงสั่นสะเทือนไปด้วย
“ข้าไม่ทำมันแล้ว ลิกง ลิเก เลิก ปิดกิจการทุกอย่าง” ยายขมยืนยัน
“จะเลิกทำไมล่ะแม่ เงินเราก็มีแล้ว เอาไปซ่อมโรงลิเก เดี๋ยวทุกอย่างก็เหมือนเดิม” ตุ๊กบอก
ยายขมทำหน้าเศร้า “ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกไอ้ตุ๊ก ถึงตอนนี้คนอาจจะให้ความสนใจพวกเราจริง แต่อีกห้าปี สิบปีล่ะ แล้วถ้าไอ้โซ่กลับบ้านไป พวกเราจะทำยังไง ข้าว่าเอาเงินไปลงทุนเปิดร้านขายขนมไทย”
โซว์ ตุ๊ก ขิง และรุ้งมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“ไม่นะยาย อยู่ๆยายจะมาเลิกไม่ได้นะ” ขิงบอก
“เชื่อยายเถอะนังขิง ลิเกทำไปก็ไม่รอดหรอก เอ็งน่ะน่าจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือให้จบดีกว่า เอ็งไม่อยากเรียนหนังสือเหรอ”
“อยากซิจ๊ะ แต่เรียนไปด้วยเล่นลิเกไปด้วยก็ได้นี่” ขิงว่า
“นั่นซิครับยาย ผมอุตส่าห์ฝึกร้องจนคอแทบพัง ฝึกรำจนมือแทบหัก เงินก็มีแล้ว ทุกอย่างเราก็พร้อมแล้ว ทำไมยายจะมาทิ้งไปง่ายๆละครับ ไหนว่านี่คือความฝันของคุณตาไง” โซว์ให้กำลังใจ
ยายขมอึ้ง ตุ๊ก รุ้ง และขิงหันไปมองหน้าโซว์
“ถ้าข้าทำแล้วเอ็งจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเหรอ” ยายขมถามกลับ
“ผมไม่อาจรับปากว่าจะอยู่ที่นี่ได้ตลอด แต่ผมสัญญาว่าจะยังไม่ไปไหนจนกว่าผมจะสร้างศรรัก ขึ้นมาแทนได้อีกคน รับรองว่าเค้าต้องเก่ง และหล่อไม่แพ้ผมแน่” โซว์พูดอย่างมุ่งมั่น
“ทำเถอะจ๊ะยาย ชั้นอุตส่าห์เลิกอยากเป็นไคโยตี้ ยอมเอาตัวมาทุ่มกับคณะลิเกนี้ อย่าให้ความตั้งใจของชั้นต้องสูญเปล่าเลยนะ” รุ้งเสริม
“เรามาช่วยกันพยายามอย่างดีที่สุดเถอะนะยาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เป็นไรหรอก” ขิงสรุป
ตุ๊กยื่นมาข้างหน้าทำเหมือนทีมวอลเล่ย์บอล
“สู้ไม่สู้” ตุ๊กถาม
ขิงเอามือมาวางทับมือตุ๊ก “สู้ “
โซว์เอามือวางทับมือขิง “สู้ครับ”
รุ้งเอามือวางทับมือโซว์ “สู้โว้ย”
ตุ๊กมองยายขม ชที่กำลังตัดสินใจ “เหลือแต่แม่แล้วล่ะ จะสู้หรือไม่สู้”
ยายขมคิดหนักมองหน้าทุกคนที่มุ่งมั่น ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงไปบนมือรุ้ง
ยายขมประกาศลั่น “ถ้าไม่สู้ก็ไม่ใช่ ยายขม แล้วโว้ย”
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความดีใจ
รูปที่หน้าจอ facebook ของลัดลดาค่อยๆโหลดขึ้นมาจนเห็นเป็นรูปลัดลดาและปีเตอร์ที่ถ่ายด้วยกันขณะไปกินข้าวที่โรงแรมหลายรูป ติ๊งโหน่งซึ่งอยู่หน้าจอถึงกับผงะ มือไม้ของเธอที่จับเม้าส์สั่นด้วยความโกรธสุดๆ ก่อนจะกรี๊ดด!! สนั่นลั่นบ้าน
ชรินทร์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และกินกาแฟอยู่ในบ้าน เสียงตึงตังของฝีเท้าติ๊งโหน่งดังเข้ามา ชรินทร์รีบเอาหนังสือพิมพ์ลงแล้วหันไปมองอำนาจด้วยความตกใจ
“เสียงนี้”
“คุณติ๊งโหน่ง มีเรื่องแน่นอนครับ”
สิ้นเสียงอำนาจ ติ๊งโหน่งก็วิ่งร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาล้มแทบตักชรินทร์
“คุณพ่อ คุณพ่อต้องช่วยติ๊งด้วย ติ๊งไม่อยากจะเสียเจ้าชายให้นังหน้าพลาสติกนั่น”
“ใจเย็นๆลูกมีอะไรค่อยพูดค่อยจา” ชรินทร์ปลอบลูกสาว
“ติ๊งโหน่งใจเย็นไม่ได้แล้ว” ติ๊งโหน่งลุกขึ้นยืน “ติ๊งโหน่งต้องเปิดศึก หนอยนังหนังหน้าพลาสติกแอบฉกเจ้าชายไปตอนชั้นเผลองั้นเหรอ” ติ๊งโหน่งเข้าไปเขย่าตัวชรินทร์ “พ่อต้องช่วยติ๊ง พ่อต้องช่วยติ๊ง “
ชรินทร์เริ่มรำคาญ “จะให้พ่อช่วยยังไง”
“สงสัยให้ท่านไปเป็นกำลังเสริม เปิดศึกตบแย่งเจ้าชายมั้งครับ” อำนาจบอก
“ความคิดไม่เลว แต่ยังไม่ดีพอ ...หนังหนาหน้าอย่างนังลัดลดา เอารถบรรทุกทับยังไม่เจ็บเลย ตบไปก็เจ็บมือเปล่าๆ ติ๊งโหน่งมีวิธีดีกว่านั้น คุณพ่อต้องไปสู่ขอเจ้าชายให้ติ๊ง”
อำนาจและชรินทร์ได้ยินก็ถึงกับผงะ ทั้งสองมองติ๊งโหน่งอึ้งๆ
“ลูกติ๊ง นั่นเจ้าชายนะ ไม่ใช่มะม่วงถึงจะได้ไปสอยมาง่ายๆ ลูกน่ะเป็นกุลสตรี ทำอะไรก็สงวนเนื้อสงวนตัวหน่อยซิลูก”
“ติ๊งไม่สนหรอก ด้านได้อายอด ถ้าพ่อไม่รักติ๊ง อยากให้ติ๊งโดนนังหนังหน้าพลาสติกนั่นเยาะเย้ยก็ตามใจ”
พูดจบติ๊งโหน่งก็เดินปึงปังออกไป ชรินทร์กุมขมับ
“อำนาจ อำนาจ ช่วยคิดหน่อยซิว่าชั้น ....”
ชรินทร์หันไปมองก็เห็นว่าอำนาจหายไปแล้ว ชรินทร์โมโห
ชรินทร์พึมพำ “เรื่องอย่างนี้ล่ะ รีบหายหัวเลยนะ...”
ชรินทร์เซ็งสุดๆ
ขิง ยายขม และโซว์ยืนมองคนงานก่อสร้างที่ช่วยกันสร้างและซ่อมแซมโรงลิเกให้ใหญ่และดีขึ้นกว่าเดิม
“พวกเราคงต้องเริ่มซ้อมลิเกเรื่องใหม่ ก่อนที่โรงลิเกจะซ่อมเสร็จ” ยายขมบอก
“ไม่มีปัญหาจ๊ะยาย ชั้นพร้อมตั้งแต่เกิดแล้ว” โซว์คุย
ยายขมกับขิงมองโซว์ด้วยความหมั่นไส้ ตุ๊กวิ่งแหกปากหน้าตื่นเข้ามา
“ติดต่อมาแล้ว ติดต่อมาแล้ว ..ทางโรงแรมของคุณคนสวยเค้าติดต่อมาว่า ถ้าเราเปิดวิกเล่นลิเกเมื่อไหร่ เค้าจะส่งคนมาดู ถ้าเราเล่นดี พวกเราก็จะได้ไปเล่นที่โรงแรม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องซ้อมให้เต็มเหนี่ยวไปเลย” ยายขมว่า
“ลิเกคณะยายขม ต้องไปไกลสู่สากลให้ได้ !” ขิงประกาศ
ทุกคนมองหน้ากันอย่างมุ่งมั่น
โซว์นั่งชะเง้อคอรอรุ้ง แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มาซักที เขาหันไปมองขิงที่กำลังซ้อมฟันดาบอยู่คนเดียวก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก
“นี่ ช่วยต่อบทกันหน่อยได้มั้ย ชั้นขี้เกียจรอรุ้งเค้าแล้ว”
“ก็ได้ ...แล้วจะให้ต่อฉากไหนล่ะ” ขิงถาม
“ฉากพลอดรัก”
ขิงตกใจ “ฉากพลอดรัก” ขิงรีบส่ายหน้า “ไม่เอาน่ะ นายซ้อมไปคนเดียวเถอะ ไปซ้อมกับต้นไม้นั่นก็ได้”
“ต้นไม้มันโต้ตอบได้ที่ไหนล่ะ เธอน่ะแหละอยู่ว่างๆมาช่วยกันหน่อย”
ขิงรีบไปฟันดาบ “ใครว่าชั้นว่าง ชั้นซ้อมฟันดาบอยู่ต่างหาก”
โซว์ยิ้ม “อ๋อ ชั้นรู้แล้วหละ ที่เธอไม่ยอมซ้อมฉากนี้กับชั้น เพราะเธอกลัวใช่มั้ยล่ะ”
“กลัวอะไร ทำไมต้องกลัวด้วย”
โซว์เดินเข้ามาใกล้ๆ ขิง “ก็กลัวหวั่นไหวที่ต้องอยู่ใกล้ชั้นไงล่ะ”
“ใครหวั่นไหว หน้าอย่างนายเนี่ยนะ ทำให้ชั้นหวั่นไหว ไม่มีทางซะหรอก”
ขิงยังพูดไม่ทันจบ โซว์ก็คว้าตัวขิงเข้ามาก่อนจะหอมแก้มขิงเบาๆ ขิงตกใจแต่ก็ยอมจนกระทั่งโซว์ปล่อย ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันเพราะทำอะไรไม่ถูก โซว์เขินสุดๆ แต่ก็แกล้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“เป็นไงล่ะ ทีนี้หวั่นไหวรึเปล่า”
ขิงเข้าไปทุบโซว์ “ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ”
ขิงมองหน้าโซว์แล้วก็หน้าแดง เธอรีบวิ่งหนีไป โซว์มองตามขิงทั้งๆ ที่ใจของเขาเต้นตึกตัก
“คนที่หวั่นไหว คือ ชั้นเองต่างหากล่ะ”
ทั้งโซว์และขิงต่างก็เดินเข้ามาในห้องของตัวเอง ทั้งสองเข้ามานั่งพิงหลังชนกำแพงพร้อมๆ กัน ทั้งสองถอนหายใจพร้อมกัน แล้วทั้งสองก็คิดภาพเหตุการณ์ที่โซว์หอมแก้มขิงเมื่อตอนกลางวัน
ขิงเอามือขึ้นมาจับแก้ม ในขณะที่โซว์เอามือขึ้นมาจับปาก ทั้งสองค่อยๆเอามือมาวางตรงหัวใจที่เต้นตึกตักๆ
โซว์กับขิงพูดพร้อมกัน “นี่เราเป็นอะไรเนี่ย”
ประตูบ้านชรินทร์เปิดออก รถยนต์ยุโรปหรูของชรินทร์แล่นออกมา ชรินทร์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์หน้าเครียดอยู่ในรถ ไม่ไกลกันนัก พัชรีในชุดมอเตอร์ไซด์รับจ้างกำลังทำเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ดูดโอเลี้ยงอยู่ เมื่อเห็นรถชรินทร์แล่นออกไป พัชรีก็รีบขี่มอเตอร์ไซด์ตามไปทันที
พัชรีเห็นรถชรินทร์จอดหน้าโรงงาน สักพักอำนาจและลูกน้อง 2 คนก็เดินออกมาเปิดประตูรถให้ชรินทร์ ทันทีที่เจออำนาจชรินทร์ก็โวยวายเสียงดัง ก่อนจะเงื้อมือตบอำนาจ พัชรีที่แอบดูอยู่ถึงกับตกใจ เธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าทั้งหมดพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ยิน พัชรีค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้ๆ ชรินทร์โวยวายใส่อำนาจและลูกน้องด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนจะเอาหนังสือพิมพ์ในมือเขวี้ยงใส่อำนาจ
“พวกมึงปล่อยให้ตำรวจเข้าไปทลายซ่องงั้นเหรอ อีนังผู้หญิงพวกนั้นถูกส่งกลับดอยหมดแล้ว มึงรู้มั้ยว่ากูเสียหายไปเท่าไหร่”
“ขอโทษครับ นายคือเราไม่รู้ว่า ...”
ชรินทร์ตบหน้าอำนาจ “รู้มั้ย คนที่พูดว่าไม่รู้กับกูคนสุดท้ายมันเป็นใคร ถ้ามึงไม่อยากมีชะตากรรมเดียวกับไอ้สุเมธ รีบไปจัดการเรื่องนี้ซะ”
พัชรีที่แอบฟังอยู่ได้ยินชื่อ “สุเมธ” ก็ตกใจ
“สุเมธ !!”
พัชรีตกใจ เธอรีบหลบจะออกไปแต่ด้วยความรีบขาของเธอจึงไปเตะของที่วางอยู่แถวนั้นหล่นลงมาเสียงดังโครม !!
ชรินทร์และอำนาจที่ได้ยินเสียง รีบหันไปมอง
“เสียงอะไรวะ”
อำนาจรีบหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อมก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ที่ที่พัชรีอยู่ พัชรีที่ซ่อนอยู่ใจเต้นตึกตักเพราะไม่รู้จะทำยังไง อำนาจยิ่งเดินจะเข้ามาใกล้ พัชรีตัดสินใจวิ่งหนี อำนาจรีบวิ่งตาม