บท "ชิงนาง" ตอนที่ 19 หน้า 3 มีการเพิ่มเติม เพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ "ตัวหนังสือสีแดง" คือบทที่เพิ่มจร้า!!
ชิงนาง ตอนที่ 19
ค่ำวันนั้น ศรีดาราสวมชุดไว้ทุกข์ให้อนงค์ อุ้มหนูน้อย ทารกตัวเล็กอายุไม่ถึงเดือนไว้ในอ้อมแขน ออกอาการเห่ออย่างเห็นได้ชัด
“ดูดู๊..หลานย่าหน้าตาน่ารักเหลือเกิน” หันมาทางสามี “จริงมั้ยคะ..คุณ?”
อนุตมองด้วยสายตาอ่อนโยน “จริงด้วย...” เมียงๆ มองๆ “ดูๆ แล้วเหมือนพ่อมันนะ”
“อุ๊ย ชอุ่มว่าเหมือนคุณหนูนามากกว่านะคะ” ชอุ่มว่าพลางหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆ ศรีดารารีบบอกอย่างขำๆ
“ยังเล็กมาก ยังมองไม่ออกหรอกค่ะว่าหนูน้อยหน้าตาเหมือนใคร…จริงมั้ยเดือน”
“ค่ะ”
“น่ารักน่าชังอย่างนี้ เห็นทีคุณปู่คุณย่าจะหลงตายเลย” ชอุ่มหลุดปาก “นี่ถ้าคุณภูผามาเอาคุณหนูน้อยคืนเมื่อไหร่มิคิดถึงแย่เหรอคะเนี่ย?”
ทุกคนอึ้งไปตามๆ กัน
ชอุ่มรู้ตัวรีบเอามือปิดปาก “แฮ่...ชอุ่มขอโทษค่ะ”
ศรีดารามองหนูน้อย “นั่นสินะ...ย่าคงคิดถึงจริงๆ ด้วย”
อนุตมองศรีดารากับหนูน้อย แอบใจหายเหมือนกัน
ขณะที่วงเดือนก็ใจหาย ก่อนที่ชอุ่มจะชี้ให้ดูอย่างดีใจ
“อุ๊ย! คุณหนูน้อยยิ้มค่ะ” ทุกคนรุมดูตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่
ส่วนอีกมุม โฉมไฉไลในชุดดำแอบดูอยู่อย่างขุ่นเคืองใจ
“มีความสุขกันเหลือเกินนะ หม่าม้าฉันเพิ่งจะตายไปไม่กี่วัน พวกแกกลับมีความสุขกันหน้าตาเฉย ฮึ่ม! คอยดูนะ..ฉันจะทำให้พวกแกต้องทุกข์ทรมานกว่าฉันอีกร้อยเท่าพันเท่า คอยดู๊”
โฉมไฉไลเดินกราดเกรี้ยวออกมาเจอกับเมฆา ที่กลับจากทำงานพอดี เมฆาสะดุ้งเฮือก
“เมฆา”
เมฆาหวั่นๆ ไม่รู้จะมาเรื่องอะไร หรือมาไม้ไหน “เอ่อ..ว่าไง..โฉมไฉไล?
“จะว่าไง?” เริ่มตีหน้าเศร้าสะอื้นนิดๆ ด้วยความน้อยใจ “ตอนนี้โฉมกลายเป็นหมาหัวเน่า หม่าม้าเพิ่งตายแท้ๆ”
ยินชื่ออนงค์ เมฆากลอกตาส่อพิรุธ แต่โฉมไฉไลไม่ทันสังเกต
“แต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนกลับไปสนใจแต่ลูกอีนังเด็กดอยนั่น” จู่ๆ ก็ปรี๊ดขึ้นมา “ไม่รู้แล้ว! โฉมจะไปประกาศว่าในท้องของโฉมก็มีลูกเมฆา หลานของแสนสมุทรอยู่เหมือนกัน”
เมฆาปรี๊ด ร้องลั่น “อย่านะ”
พร้อมกันนั้นเมฆากระชากโฉมไฉไลสุดแรง โฉมไฉไลดิ้นรน จนเมฆาต้องเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น
“เมฆา” โฉมไฉไลวี๊ด “นี่ถ้าโฉมแท้งไปจะทำยังไง? ฮือๆ ไม่สงสารลูกคุณมั่งรึไง”
เมฆาไม่ได้ยินประโยคหลัง มัวแต่อื้ออึ้งอยู่กับคำว่า “แท้ง” เมฆาตาวาวโรจน์ พึมพำเบาๆ
“แท้ง?”
โฉมไฉไลมัวแต่โกรธ จึงไม่ทันได้ยิน ลุกขึ้นมาปรี๊ดต่อ “โฉมจะไปบอกพวกมันเดี๋ยวนี้”
เมฆารีบกระชากตัวโฉมไฉไลมาจ้องหน้าใกล้ๆ “ผมบอกว่าอย่า! ก็ขอให้เชื่อ!” จ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “อย่าบีบบังคับผมอีกคน”
โฉมไฉไลชะงักกึกสะดุดหู จ้องหน้าเมฆาเขม็ง “อีกคน”
เมฆารู้ตัวรีบกลบเกลื่อน “ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับผม ถ้ายังอยากอยู่อย่างสบายๆ ก็ขอให้เชื่อฟังผม อย่าบังคับผม ผมเตือนคุณแล้วนะโฉม”
พูดจบก็เดินหนีไป ทิ้งให้โฉมไฉไลมองตามอาการเข่นเขี้ยว โกรธที่ถูกขู่
“ขู่เหรอ? นึกเหรอว่าฉันจะกลัว! คนอย่างโฉมไฉไลไม่กลัวใครทั้งนั้น! ซักวันโฉมจะแฉแน่ เมฆา”
นัยน์ตาโฉมไฉไลวาวโรจน์
โสภีกำลังขายปลาอยู่ พฤกษ์นั่งอยู่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
โสภีสังเกตเห็น “พี่พฤกษ์…ไม่สบายใจเรื่องฉันใช่มั้ย?”
พฤกษ์พยักหน้า “นี่มันก็ถึงกำหนดต้องใช้หนี้ไอ้เสี่ยเส็งแล้ว” ชะเง้อมองหาลูกน้องเสี่ยเส็ง “แต่แปลก..ทำไมมันยังไม่มา”
โสภียิ้มให้กำลังใจ
“ยิ้มอะไรโสภี เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ยังจะมานั่งยิ้มอยู่อีก”
“เวลาแห่งความสุขต่างหาก” โสภีว่า
“อะไรนะ? เวลาแห่งความสุข?”
เสียงวงเดือนดังแทรกเข้ามา “ใช่แล้วค่ะ...คุณพฤกษ์”
พฤกษ์หันไปมอง เป็นวงเดือนยืนยิ้มหวานอยู่
โสภีเก็บแผงขายปลา สามคนเดินคุยกันมาที่อีกมุม บรรยากาศร่มรื่น
“พี่ไม่เข้าใจนะโสภีว่าวงเดือนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้” พฤกษ์เอ่ยขึ้น
โสภีมองตาวงเดือนยิ้มๆ ให้กัน
“ว่าไงเดือน นี่ชั้นงงไปหมดแล้วนะ”
วงเดือนยิ้มๆ “ให้โสภีเล่าให้ฟังดีกว่าค่ะ”
พฤกษ์มองโสภี ขณะที่โสภีเริ่มเล่าเรื่องให้ฟัง
“เมื่อวานนี้ตอนที่พี่พฤกษ์ไม่อยู่ บังเอิญคุณวงเดือนมาที่ตลาดและเจอฉันกำลังถูกลูกน้องเสี่ยเส็งเข้ามาก่อกวนข่มขู่ คุณวงเดือนเลยรู้เรื่องทั้งหมด สุดท้ายคุณวงเดือนจึงถอดสร้อยเพชรที่ใส่อยู่ให้พวกมันไป”
ฟังแล้วพฤกษุ์ถึงกับตะลึง “อย่าบอกนะเดือนว่าเดือน”
วงเดือนสวนคำ “เดือนยินดีค่ะคุณพฤกษ์”
พฤกษ์เกรงใจเหลือแสน “แต่สร้อยเพชรนั้นคุณแม่ให้เดือน”
วงเดือนยิ้ม “ถ้าท่านทราบ เดือนว่านอกจากเดือนจะไม่ถูกท่านตำหนิแล้ว ท่านอาจจะชมด้วยซ้ำว่าเดือนทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“เดือน” พฤกษ์ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก “ชั้น...”
“คุณพฤกษ์คะ..คุณค่าในความรักของคุณพฤกษ์กับคุณโสภีมันงดงาม มีคุณค่าชนิดที่ประมาณค่าไม่ได้ แลกกับสร้อยเส้นนั้นเส้นเดียว เดือนว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” วงเดือนยิ้มบอก
“เดือน! ชาตินี้ฉันกับโสภีติดหนี้เดือน”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณพฤกษ์ เดือนมีชีวิตได้ทุกวันนี้ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ เรื่องแค่นี้ทำไมเดือนจะทำเพื่อคุณพฤกษ์ไม่ได้”
“โสภี..ขอบคุณคุณวงเดือนสิ”
พฤกษ์บอกโสภีรีบยกมือไหว้ “โสภีขอบพระคุณคุณวงเดือนมากค่ะ ถ้ามีอะไรที่โสภีจะทำให้คุณได้ ขอให้บอกโสภีนะคะ”
วงเดือนรับไหว้ “แค่ได้ทำให้ ฉันก็มีความสุขแล้ว ฉันไม่ต้องการอะไรตอบแทนจริงๆ จ้ะ” นึกได้ “อ้อ! ลืมไป..” ยิ้มแย้ม “จริงๆ แล้วมีอยู่อย่างนึงที่ฉันอยากจะขอให้โสภีทำให้”
โสภีงงๆ “อะไรเหรอคะ”
วงเดือนยิ้มจับมือโสภีมาจับกับมือพฤกษ์ “ดูแลคุณพฤกษ์ให้ดี ให้มีความสุขที่สุดเท่าที่โสภีจะทำได้ คุณพฤกษ์เป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน…ที่ฉันรักที่สุด”
พฤกษ์อึ้ง ซึ้งใจเหลือเกิน
“โสภีรับปากค่ะ โสภีจะไม่ทำให้คุณวงเดือนผิดหวัง” โสภีโผกอดพฤกษ์
พฤกษ์มองวงเดือนอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบใจ..เดือน..ขอบใจมาก”
สามคนยิ้มให้กัน เป็นยิ้มเต็มยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดในโลก
เวลาผ่านไปเดือนกว่าๆ ที่ไร่วงเดือน ภูผา สว่าง ดอย และคนงานไร่ชา ต่างช่วยกันทำงานอย่างขันแข็ง
ไม่นานต่อมา ตรงเนินบริเวณที่ฝังกระดูกหนูนาและเหนือฟ้า ภูผากำลังวางดอกไม้ไว้อาลัยให้หนูนากับเหนือฟ้า โดยมีสว่างกับดอยวางตาม
“เก็บใบชาเสร็จแล้ว ฉันจะเอาใบชาไปส่งที่กรุงเทพฯ แล้วก็จะลงต่อไปทางใต้ ไปรับหนูน้อยกลับบ้าน” ภูผาบอก
ดอยร้อง “ไชโย้” กระโดดกอดสว่างที่นั่งยิ้มดีใจอยู่ข้างๆ
“ดีใจจัง...จะได้เห็นหน้าหนูน้อยแล้ว..ไชโย้”
“ให้ผมไปด้วยมั้ยครับนาย” สว่างเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องหรอก นายสว่างกับดอยคอยดูแลไร่อยู่ทางนี้เถอะ”
“ว่าแต่..นายจะไม่โทร.ไปที่แสนสมุทรก่อนเหรอครับจะได้ไม่มีปัญหา”
“จะมีปัญหาอะไร? หนูน้อยเป็นลูกฉัน ฉันจะไปรับลูกชายของฉันกลับบ้าน ใครจะกล้ามีปัญหาก็ลองดู” ภูผาบอก
ดอยสะใจ สว่างยิ้มๆ สีหน้าภูผามุ่งมั่นมาดหมายมากๆ
เวลาผ่านไปอีก ทารกหนูน้อยอายุได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่ง วงเดือนกำลังอุ้มอยู่ในอ้อมแขนต่อหน้า อนุต ศรีดารา และชอุ่ม จังหวะนั้นวงเดือนยิ้มพลางพูดเย้าเล่นขำๆ
“ใครเนี่ย ลูกใครเนี่ย น่ารักน่าชัง ลูกใครเอ่ย”
เมฆาเข้ามาได้ยินก็เคือง
“ถามอะไรน่ะเดือน ก็ลูกพี่ผากับหนูนาน่ะสิ รู้อยู่แล้วจะถามทำไม”
ทุกคนมองอึ้งๆ กับคำพูดและท่าทีขุ่นเคืองของเมฆา
“เมฆา...เดือนเค้าหยอกหนูน้อยเล่นน่ะลูก ทำไมต้องเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้นด้วย” ศรีดาราพูดเป็นเชิงตำหนิ
“นั่นสิ...แกนี่ท่าจะทำงานหนักไปหน่อยแล้วมั้ง? เดี๋ยวนี้ดูจะเพี้ยนๆ” อนุตพูดขำๆ
เมฆาอึ้ง พ่อกับแม่เห่อ และเข้าข้างหลานซะจนด่าลูก
เมฆาฉุน ของขึ้น จนพูดขึ้นเสียงอย่างลืมตัว “ผมเพี้ยนตรงไหนครับพ่อ”
วงเดือนปราม “คุณเมฆาคะ คุณพ่อท่านพูดเล่นนะคะ”
เมฆายังไม่ยอม “ว่าผมเพี้ยนเนี่ยนะ...พูดเล่น ผมไม่เห็นว่ามันจะสนุกนะครับ”
อนุตชักโมโหโวยใส่ “เมฆา! ฉันว่าแกนี่ชักจะเลอะเทอะใหญ่แล้วนะ”
เมฆาเถียง “ผมเลอะเทอะยังไง?”
“คุณเมฆา! พอเถอะค่ะ” วงเดือนขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
“วงเดือน! เอาไอ้เด็กนั่นให้คุณแม่ไปซะ! แล้วคุณไปกับผม” เมฆาสั่ง
วงเดือนย้อนถาม “ไปไหนคะ”
เมฆาพูดใส่หน้า “ไปไหนก็ได้! ไปกัน 2 คนผัวเมียบ้าง”
“ไม่ค่ะ! เดือนไม่ไป” วงเดือนไม่ยอม
“นี่คุณเห็นไอ้เด็กเวรนั่น มันดีกว่าผมใช่มั้ย” เมฆาพาลพาโล
อนุตกับศรีดาราตะลึง “เมฆา”
เสียงของภูผาดังขึ้นมา “แกไม่มีสิทธิ์เรียกลูกของฉันแบบนั้น..เมฆา”
ทุกคนหันขวับ
ศรีดารา วงเดือน และชอุ่ม ร้องขึ้นพร้อมกันอย่างดีใจ “คุณภูผา”
เมฆาตาวาว
ภูผาเดินมามองหน้า คาดโทษ “อย่าเรียกลูกชายฉันแบบนั้นอีก..เด็ดขาด”
เมฆาจ้องหน้าสู้สายตาอย่างไม่กลัวเกรง
ศรีดาราพุ่งมากอดภูผาด้วยความรักและคิดถึง “ภูผาลูกจะมาทำไมไม่ส่งข่าวคราวมาบอกแม่บ้างจ๊ะ”
ภูผาไหว้ “สวัสดีครับแม่” เข้าไปกราบตักพ่อ “สวัสดีครับพ่อ”
อนุตพยักหน้าให้ ยิ้มนิดๆ “สบายดีนะ”
“ครับผมสบายดี ที่ผมมานี่..ผมจะมารับหนูน้อยกลับบ้าน”
วงเดือน อนุต ศรีดารา และชอุ่ม ตกตะลึง ส่วนเมฆาโล่งอก
“ภูผา..แม่..” ศรีดาราไม่กล้าพูด
“ภูผา...แม่เค้าทั้งรักทั้งหลงเจ้าหนูน้อย พ่อขอได้มั้ย” อนุตออกปากขอร้อง
ภูผาตะลึง “ผมต้องพาหนูน้อยกลับไปหาแม่ของเค้าน่ะครับพ่อ เข้าใจผมด้วยนะครับแม่”
ศรีดารากับอนุต พูดไม่ออก ศรีดาราสะอื้น
“แต่มันก็รวดเร็วเกินไป แม่ทำใจไม่ได้ ภูผาอย่าเพิ่งรีบกลับได้มั้ยลูก ขอให้แม่ได้ชื่นใจกับหนูน้อยอีกซักหน่อยก่อนเถอะนะ”
ภูผาหนักใจ มองหนูน้อยในอ้อมแขนของวงเดือนที่ตาละห้อย น้ำตาเอ่อเช่นกัน ภูผาถอนใจเฮือก เมฆาไม่พอใจ
เมฆาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง เดินมาตามทาง โฉมไฉไลโผล่มา
“โถ...ช่างน่าสงสาร จากความหวังเดียวของแสนสมุทร บัดนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปซะแล้ว” โฉมไฉไลขำกิ๊ก
“ปากเก่งกว่าเธอก็มีนะ..แต่ตายไปแล้ว”
โฉมไฉไลสะดุ้ง แต่ไม่สำเหนียก “แหม...แย่เล่นแค่นี้ทำเป็นยัวะ! อย่าโกรธโฉมเลยค่ะเมฆา เพราะโฉมเองก็กำลังตกอยู่ในสภาพหมาหัวเน่าเหมือนกัน…ใครๆ ก็ไม่รัก”
เมฆาจะเดินออกหนี
“เราจับมือประกาศข่าวดีเรื่องคุณก็มีทายาทแสนสมุทรเหมือนกัน - - ดีมั้ยคะ”
เมฆาหันขวับ มองตาเขียวปั๊ด “โฉม”
โฉมไฉไลใส่ต่อ “จะได้ไม่แพ้คุณภูผา”
เมฆาปรี่เข้ามาใกล้ๆ “จวบจนทุกวันนี้...ผมก็ไม่เคยแพ้พี่ผา และก็จะไม่มีวันแพ้”
โฉมไฉไลเย้ย “แน่ใจเหรอคะ ลองไปเช็คดูแววตาที่เมียคุณมันมองคุณภูผา และเวลาคุณภูผามองเมียคุณซะหน่อยดีมั้ยคะ เผื่อจะรู้ชัดๆ ว่าใครแพ้..ใครชนะ?”
เมฆาอึ้ง ก่อนจะบอกเสียงกร้าว “วงเดือนรักผมคนเดียว”
โฉมไฉไลส่ายหน้า “เด็กดื้อ”
เมฆาจะเดินออกไป
โฉมไฉไลสั่ง “ยังไปไม่ได้”
เมฆาชะงัก “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม”
โฉมไฉไลชี้ท้อง “ท้องโฉมมันโตขึ้นทุกวันแล้วนะคะ ตกลงจะยังไงดี ต่อให้โฉมไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องใคร ท้องมันก็ต้องฟ้องทุกคนอยู่ดี”
เมฆาอึ้ง นิ่งคิด แล้วเปลี่ยนน้ำเสียง “โฉม..ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ ก่อน ตอนนี้หาชุดรัดๆ ใส่ไปก่อนได้มั้ยอย่าเพิ่งให้ผิดสังเกต”
โฉมไฉไลวี๊ด “อะไรนะ”
“แล้วถ้าโฉมอยากได้อะไร ผมจะซื้อให้”
โฉมไฉไลตาโต โลภ “จริงเหรอ”
เมฆาพยักหน้า ยิ้มๆ
โฉมไฉไลคาดคั้น “ทุกอย่าง”
“ทุกอย่าง...ที่คุณต้องการ”
โฉมไฉไลยิ้มสะใจ “งั้นก็...พอจะทนได้”
เมฆาโล่งใจ ก่อนจะผุดสีหน้าแสนร้ายกาจออกมา โดยที่นางมารไม่ทันสังเกตเห็น
ค่ำนั้นภูผาเดินมองหาหนูน้อยมาตามทางในบ้าน จนเห็นวงเดือนอุ้มกล่อมอยู่ ภูผาชะงักยืนมอง
สักพักวงเดือนหันมาเห็นก็ชะงักเช่นกัน
ภูผาเดินมาหา 2 คนอึกอักสักครู่ วงเดือนจึงเริ่มพูดขึ้นก่อน
“หนูน้อยร้องงอแง เดือนก็เลยพาลงมาเดินเล่น”
ภูผาไม่รู้ว่าไงก็เลยพยักหน้า
วงเดือน(ยิ้มน้อยๆ พูดกับหนูน้อย) ปกติเลี้ยงง่าย ไม่งอแง สงสัยวันนี้จะอ้อนพ่อ แสนรู้จริงๆ
ภูผาก็ไม่รู้จะว่าไงอีก ก็พยักหน้าหงึกๆ
แล้วสองคนก็เงียบงันกันไป สักพักเกิดนึกจะพูด ก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เธอ” / “คุณ”
สองคนเก้อๆ เขินๆ ท่าทีประหม่าพอกัน
“เธอว่าไง?”
“คุณก่อนเถอะค่ะ”
ภูผาก้มหน้า “เธอสบายดีนะ”
วงเดือนอึ้ง น้ำตารื้น พยักหน้าหงึกๆ “ค่ะ…เดือนสบายดี”
ภูผาหันมองวงเดือน ในจังหวะที่วงเดือนมองมาเช่นกัน
“แล้วคุณล่ะคะ..สบายดีรึเปล่า”
ภูผาพยักหน้า “ฉันสบายดี”
วงเดือนฝืนยิ้มให้
ภูผามองไปข้างหน้า พูดลอยๆ “เพิ่งเก็บใบชาเสร็จทั้งไร่เหนือฟ้า แล้วก็..ไร่วงเดือน”
วงเดือนสะเทือนใจ
“เธอคงไม่ว่า ที่ฉันยังไม่เปลี่ยนชื่อ”
วงเดือนก้มหน้าไม่ตอบ
ภูผาเล่าต่อ “ฉันเลยเอาไปส่งที่กรุงเทพฯ แล้วก็ลงต่อมาที่นี่ จะได้รับหนูน้อยกลับบ้านด้วยกันเลย”
“ทุกคนที่นี่ต้องคิดถึงหนูน้อยมาก”
ภูผาพยักหน้า “แต่คนที่โน่น...ก็รอหนูน้อยกันมานานมากแล้ว”
วงเดือนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วที่โน่นจะมีใครช่วยคุณเลี้ยงหนูน้อยคะ ดอยจะไหวรึเปล่า”
ภูผามองหนูน้อย ด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ยังไม่รู้เหมือนกัน” มองซ้ายขวา “มันก็ไม่น่าจะยากนะ”
วงเดือนเห็นท่าทางภูผาก็อดอมยิ้มไม่ได้ “ลองอุ้มดูมั้ยคะ”
“เหรอ” ภูผายิ้ม “จริงสิ! ตั้งแต่หนูน้อยเกิด ฉันยังไม่เคยอุ้มหนูน้อยเลยนะเนี่ย”
วงเดือนส่งหนูน้อยให้ “ลองดูค่ะ”
ภูผามองอย่างเคอะเขิน
วงเดือนประคองส่งให้ ภูผารับมาในท่าทีเงอะงะ จังหวะนั้นใบหน้าของทั้งสองคนใกล้ชิดแทบจะติดกัน เหมือนโลกหยุดหมุนมีเพียงเราสอง ทั้งคู่จ้องหน้าประสานสายตากันจนแทบทะลุ
เสียงเมฆาดังลั่น “ทำอะไรกันน่ะ”
สองคนสะดุ้งเฮือก รีบเด้งตัวออกจากกัน หนูน้อยอยู่ในอ้อมแขนภูผาแล้ว เมฆาปรี่เข้ามาหน้าบึ้ง
“ผมถามว่าเมื่อกี๊ทำอะไรกัน?”
“เอ่อ..คุณภูผาอยากอุ้มหนูน้อยน่ะค่ะ”
เมฆามองหนูน้อยในอ้อมแขนภูผา
เมฆาเสียงเขียวใส่ “แล้วมาอุ้มอะไรกันตรงนี้” คว้าข้อมือวงเดือนบอกเสียงขุ่น “ไป! กลับห้อง! ดึกแล้ว”
“เดี๋ยวค่ะ..แล้วหนูน้อย...” วงเดือนขืนตัวไม่ยอมไป
“พี่ผาเรียกชอุ่มมาช่วยก็แล้วกันนะ ผมกับเดือนจะไปนอนแล้ว”
พูดจบเมฆาก็ฉุดวงเดือนออกไปทันที
ภูผามองตามไปอย่างหงอยๆ ก่อนจะก้มลงมองหนูน้อยที่อุ้มอยู่ แล้วอมยิ้ม เดินไปกล่อมไป ประสาคุณพ่อมือใหม่หัดเลี้ยง ท่าทีเคอะเขินดูน่าขัน
พอกลับเข้ามาในห้องนอน วงเดือนนั่งพรวดลงด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“หมู่นี้คุณเป็นอะไรไปคะคุณเมฆา คุณดูเปลี่ยนไปมาก รู้ตัวบ้างมั้ย”
เมฆาสวนคำ “คุณเองก็เปลี่ยนไป ตั้งแต่มีลูกพี่ผาเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณก็แทบจะไม่มีผมอยู่ในสายตา แล้วยิ่งวันนี้พ่อมันโผล่มา คุณก็รีบแจ้นลงไปหามันทันที คิดถึงมันมากรึไง”
วงเดือนโกรธกรุ่นๆ “คุณเมฆา” แต่พยายามสงบอารมณ์ “เดือนคงจะต้องทบทวนความจำของคุณซะหน่อยแล้วค่ะ คุณอาจจะลืมไปแล้วมั้งว่าเรา 2 คน แต่งงานกันเพราะอะไร? เพื่ออะไร”
เมฆาอึ้ง
“เดือนยอมแต่งงานกับคุณ เพราะคุณขอร้องเดือน เพื่อที่จะพยุงอาการป่วยของคุณพ่อไว้” วงเดือนย้ำชัดเจน “เราแต่งงานกันแต่ในนาม...จำไม่ได้เหรอคะ”
ภาพจำตอนเมฆาหว่านล้อมให้เดือนแต่งงานกันแต่ในนามผุดขึ้นมาในห้วงคิด เมฆาอึ้ง นิ่งงันไป
“เพราะฉนั้น กรุณาอย่าทำแบบนี้กับเดือนอีก เพราะมันไม่มีอยู่ในข้อตกลง”
เมฆาเจ็บปวดมาก แทบหมดแรง มองจ้องหน้าวงเดือน
“จนถึงวันนี้...คุณยังไม่รักผมบ้าง..แม้แต่นิดเดียวเลยเหรอเดือน?”
วงเดือนจ้องหน้าเมฆาตอบ เมฆาจ้องหน้ารอฟังคำตอบอย่างน่าสงสาร
วงเดือนตัดบทบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “เมื่อกี๊คุณว่าดึกแล้ว..เข้านอนดีกว่านะคะ..พรุ่งนี้คุณต้องไป โรงพยาบาลแต่เช้า”
จากนั้นวงเดือนเดินไปนอนบนเตียง ปิดไฟ ปล่อยให้เมฆายืนอยู่สักพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินไปทรุดนั่งที่โซฟาที่ เมฆานั่งหน้าเศร้าล้มตัวลงนอนอย่างเดียวดาย
เช้าวันต่อมา เมฆาเดินมาหน้าตาเฉยเมย ท่าทีอ่อนเพลียละเหี่ยใจ จู่ๆ ก็มีคนไข้ผู้หญิงดูออกว่าท้องนอนสลบอยู่บนเตียง โดยมีบุรุษพยาบาล พยาบาลเข็นมาอย่างเร็ว
“ขอทางหน่อยค่ะ ขอทางหน่อย คนไข้อาการหนักค่ะ”
ทุกคนรวมทั้งเมฆาหลบกันระนาว เตียงถูกเข็นผ่านไปญาติคนไข้เดินเร็วๆ ตามมา ร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ
“โธ่! อีนางลูกแม่ มันคิดโง่ๆ ไปกินยาขับเลือดทำไม ลูกคนเดียวทำไมเราจะเลี้ยงไม่ได้ ฮือๆ”
ญาติคนไข้ผ่านเมฆาไป เมฆาฟังแล้วอึ้ง ชะงัก เกิดความคิดบางอย่างในใจ และนึกไปถึงตอนที่ตนเหวี่ยงโฉมไฉไลลงไปกองกับพื้น และโฉมไฉไลโวยใส่ “เมฆา!!นี่ถ้าโฉมแท้งไปจะทำยังไง? ฮือๆ ไม่สงสารลูกคุณมั่งรึไง”
เมฆามีสีหน้าดีใจ แช่มชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเดินออกไปอย่างกระปรี้กระเปร่าผิดกับตอนแรก
มุมหนึ่งในบ้านแสนสมุทร เย็นวันนั้น โฉมไฉไลมีท่าทีประหลาดใจมากถึงมากที่สุด
โฉมไฉไลถามตาโต “อะไรนะคะ!! เมฆาจะพาโฉมไปเที่ยว”
เมฆาทำท่าปากชู่ว์ แล้วรีบดึงโฉมไฉไลเข้ามุม
“อย่าเสียงดังไปสิ”
โฉมไฉไลมีสีหน้าตื่นเต้น “จะไม่ให้โฉมเสียงดังได้ยังไงคะ จู่ๆ เมฆาก็มาบอกว่าจะพาโฉมไปเที่ยว อะไรกันเนี่ย? โฉมฝันไปรึเปล่า”
“ผมอยากพาโฉมไปเที่ยวจริงๆ”
โฉมไฉไลชักเอะใจ ขึ้นเสียงแว้ดใส่ทันทีเลย “มีแผนอะไรรึเปล่า” ชี้หน้าเมฆา “อยู่ๆ ก็ใจดีปกติขึ้นมาอย่างนี้”
เมฆาหวิดจะหลุด ก่อนจะทำเนียนจับนิ้วโฉมไฉไลลงแล้วแกล้งต่อว่า
“ดีด้วยก็ว่า ไม่ดีด้วยก็ด่า ตกลงจะเอาไงเนี่ย?”
สาวเจ้าเล่ห์โฉมไฉไลไม่วางใจ แต่ตรวจสอบพิรุธไม่พบ “นึกยังไงทำไมถึงได้มาทำดีกับโฉม”
“กับโฉมที่ไหน” เมฆาชี้ที่ท้องโฉมไฉไล “กับนี่ตะหาก”
โฉมไฉไลแม้จะเคือง แต่ก็แอบดีใจที่เมฆาคิดถึงลูกในท้อง ค้อนให้หนึ่งวง “แหมนึกว่าจะใจดำกับลูกไปตลอดชาติซะแล้ว” ดี๊ด๊า “ว่าแต่จะพาโฉมกับลูกไปเที่ยวที่ไหนคะเมฆา”
เมฆายิ้มทำหน้าเจ้าเล่ห์ อุบไว้ยังไม่ยอมบอก
คืนนั้นวงเดือนนั่งจัดกระเป๋าอยู่ที่เตียงนอน
“คุณจะต้องไปประชุมกี่วันคะ? เดือนจะได้จัดกระเป๋าให้ถูก”
“ก็ 2-3 วัน เดือนช่วยจัดเผื่อไว้ 3 วันดีกว่า”
“ค่ะ”
เมฆาเดินมานั่งข้างวงเดือน พูดเศร้าๆ “ผมไปไกลๆ คุณบ้างอย่างนี้ คุณคงจะดีใจ”
วงเดือนฟังแล้วชักสงสาร จึงเปลี่ยนเรื่อง “ไปประชุมกับใครบ้างคะ”
เมฆายิ้มบางๆ “แอบหึงเหรอ”
วงเดือนงอน “คุณเมฆา...”
เมฆายิ้มหล่อ “มีแต่หมอๆๆ…คุณหมอแก่ๆ” พร้อมกับทำหน้าล้อ
วงเดือนส่ายหน้ายิ้มๆ
“มีแต่ผมเนี่ยหล่อสุดแล้ว”
วงเดือนหันขวับมองหน้าเมฆา แล้วแซว “หล่อแย่เลย”
เมฆายิงตรง “หล่อขนาดนี้ยังไม่รักอีก”
วงเดือนอึ้งนิ่งงันไป
“ถึงยังไม่รัก..ก็จะรอ” เมฆาบอก
วงเดือนอึ้งอีก สักพักหนึ่งเมฆาถึงพูดขึ้น
“ขอผมนอนตรงนี้บ้างได้มั้ย? นอนโซฟามานาน..ปวดหลัง”
วงเดือนเขยิบทำท่าจะลุก เมฆาดึงไว้แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตัก
เมฆารีบพูด “แป๊บเดียว ขอนอนแป๊บเดียว ไม่นานหรอก เดี๋ยวผมจะกลับไปนอนที่เดิม”
วงเดือนจำใจนั่งนิ่งให้เมฆานอนมองหน้า จับมืออยู่อย่างนั้น
ทะเลยามเช้าสวยงามจับใจ โฉมไฉไลวิ่งร่าเริงลงทะเลไป โดยไม่สำเหนียกว่าเรื่องร้ายกำลังจะมาเยือนเรือนชีวิตตน
“ว้าว! ออกมาไกลๆ อย่างนี้ก็ดีนะคะ ดูซิ..ทะเลสะอาดกว่าแถวบ้านเราตั้งเยอะแน่ะค่ะเมฆา”
เมฆาเดินเข้ามายืนมองไกลๆ
โฉมไฉไลตะโกนเรียก “เมฆา...เมฆา....มาเล่นน้ำกับโฉมมั้ย”
โฉมไฉไลวิ่งลงทะเลสนุกสนานเลย
โฉมไฉไลตะโกนเรียก “เมฆา!! มาสิ..มาเร็ว..ว๊าย” ถูกคลื่นซัดร้องวี๊ดว๊าย
เมฆายังยืนล้วงกระเป๋ามองโฉมไฉไลนิ่งอยู่ ท่าทีมีลับลมคมใน และดูไม่น่าไว้วางใจ
บท "ชิงนาง" ตอนที่ 19 หน้า 3 มีการเพิ่มเติม เพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ "ตัวหนังสือสีแดง" คือบทที่เพิ่มจร้า!!
ชิงนาง ตอนที่ 19 (ต่อ)
ที่ห้องโถงบ้านแสนสมุทรยามนั้น ทุกคนกำลังห้อมล้อมเล่นหัวกับหนูน้อยกันอย่างมีความสุข สักพักหนึ่งอนุตก็พูดถามขึ้น
“จริงสิ..จู่ๆ เมฆามันเกิดจะมีประชุมด่วนอะไรขึ้นมา? แล้วประชุมอะไรกันตั้ง 2-3 วัน เดือนรู้มั้ย”
วงเดือนอุ้มหนูน้อยอยู่ “อืมม์..ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ทราบแต่ว่ามีแต่คุณหมอผู้ใหญ่ๆ ทั้งนั้น แล้วก็ต้องไปไกลอยู่เหมือนกัน”
ศรีดาราสงสัยเช่นกัน “ที่ว่าไกลนี่ไกลถึงไหนจ๊ะเดือน”
“เอ่อ..เดือนก็ไม่ทราบค่ะ”
ศรีดาราติง “เอ๊อ..แปลก! เป็นเมียยังไงไม่เคยรู้ว่าวันๆ ผัวหายไปไหน”
วงเดือนหลบตาวูบ
“จริงด้วยค่ะ ระวังนะคะประเดี๋ยวผู้หญิงที่ไหนแอบมาฉกคุณเมฆาไปล่ะยุ่งเลย” ชอุ่มปากไวตามประสา
ภูผามองจับอาการวงเดือน
ศรีดาราปราม “ชอุ่ม”
ชอุ่มยิ้ม “แหะๆ...ค่า”
อนุตมองหนูน้อย “แปลกดีนะ..ดูท่าทางหนูน้อยจะติดเดือนมากเลย” อนุตพูดพลางยิ้มๆ “สงสัยจะนึกว่าแม่”
วงเดือนกับภูผา สะดุ้งมองตากันโดยอัตโนมัติ
“นั่นสิคะ..โถ..นึกๆ แล้วก็น่าเวทนานะคะ เกิดมาไม่ทันไร แม่ก็ต้องมาตายจากไป” ศรีดาราว่า
“เออ..จริงด้วย!! คุณวงเดือนน่าจะรับเป็นแม่ให้คุณหนูน้อยซะเลยนะคะ” ชอุ่มยิ้มแฉ่ง
ทุกคนหันขวับมองชอุ่มเป็นตาเดียว “แหะๆ...แม่บุญธรรมน่ะค่ะ”
วงเดือนปราม “น้าชอุ่ม”
ชอุ่มไปได้อีก “แหะๆ แม่ทูนหัวก็ได้”
ศรีดาราเห็นด้วย “ที่ชอุ่มพูดก็ไม่เลวนะเดือน” บอกกับภูผา “ถามพ่อเค้าดีกว่า...ภูผาว่าไงจ๊ะ”
ภูผาอึกอัก ไปไม่ถูก “เอ่อ..ก็...” มองหน้าวงเดือน “...ก็...”
ศรีดาราตัดบท “เอาล่ะ..งั้นต่อไป แม่จะให้หนูน้อยเรียกวงเดือนว่า “แม่เดือน” อย่างน้อยโตขึ้น หนูน้อยก็จะได้มี ‘แม่’ เหมือนคนอื่นเค้า ตกลงนะแม่เดือน” มองวงเดือน “นะจ๊ะพ่อผา” หันไปมองภูผายิ้มๆ
วงเดือนกับภูผามองกันอ้ำอึ้ง
ชอุ่มแจ๋อีกตามเคย “อึ๊ย แม่เดือน กับ พ่อผา น่ารักที่สุดเลยค่ะคุณหนูน้อยของชอุ่ม”
ศรีดารารีบเถียง “ของเธอที่ไหนชอุ่ม ของย่าต่างหาก จริงมั้ยจ๊ะหนูน้อย”
อนุตไม่ยอม “อ้าวๆๆ..ของปู่ด้วยสิ..ของปู่ด้วย”
บรรยากาศในบ้านแสนสมุทรอวลไอไปด้วยความสุข ทุกคนเริงร่าหน้าบานกันไปตามๆ กัน รวมทั้งภูผาและวงเดือนที่ออกอาการขวยเขินกันไปมา
ริมทะเลอันสวยงามยามนั้น เมฆากับโฉมไฉไลชนแก้วเครื่องดื่มกัน เครื่องดื่มของโฉมไฉไลนั้นเป็นสีเข้มๆ เหมือนยาดอง 2 คนยิ้มหวานให้กัน
“แด่..โฉมไฉไล และทายาทของเรา”
โฉมไฉไลตาโต ปลื้มปริ่ม ยิ้มหวาน ซึ้งใจเป็นที่สุด “เมฆา”
เมฆาชูแก้วหวานใส่ “หมดแก้วนะครับ..คนสวยของผม”
โฉมไฉไลดี๊ด๊า ดีใจ ตื้นตันใจสุดๆ วางแก้ว โผเข้ากอดเมฆา “ทำไมคุณถึงดีกับโฉมอย่างนี้คะ”
เมฆาชักสีหน้าไม่พอใจทันที สายตาจิกมองแก้วเครื่องดื่มของโฉมไฉไล แต่พอโฉมไฉไลผละออกมองหน้าเมฆา เมฆาก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มหวาน
“ว่าไงคะ บอกโฉมหน่อยสิคะ ว่าทำไมจู่ๆ เมฆาก็กลับมาดีกับโฉมขนาดนี้”
“ก็..เพราะเราเคยรักกันมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ”
โฉมไฉไลสะดีดสะดิ้งเป็นพิธี “แต่คุณก็ทิ้งโฉม”
เมฆาทำเป็นงอนมั่ง “ก็คุณอยากทิ้งผมก่อนทำไมล่ะ”
โฉมไฉไลตาโต “อ๊ะ! อย่าบอกนะว่า...ที่ผ่านมา..ที่คุณแกล้งทำไม่ดีกับโฉมสารพัดน่ะ เป็นเพราะคุณโกรธที่โฉมทิ้งคุณ”
เมฆาพยักหน้ารับมั่วๆ
โฉมไฉไลเพ้อต่อ “คุณเลยอยากแก้แค้น?”
เมฆายักคิ้วให้
โฉมไฉไลกรี๊ด “อร๊าย! ยังกะในละครแน่ะ..เมฆา”
เมฆาชักรำคาญ “ผมว่าโอกาสดีๆ อย่างนี้” ยกแก้วตัวเอง “เรามาดื่มฉลองกันดีกว่านะ”
โฉมไฉไลยิ้มเยิ้ม “ได้สิคะ..เมฆา”
โฉมไฉไลคว้าแก้วของตัวเองมาชู 2 คนชนแก้วกัน ต่างคนต่างจะจิบ เมฆามองลุ้นตัวโก่ง จู่ๆ โฉมไฉไลชะงัก เมฆาร้อง “ห๊า”
“เออ..จริงสิ! นี่ถ้านังวงเดือนมันรู้เข้า ว่าคุณพาโฉมออกมาเที่ยวไกลๆ กันสองคนแถมยังค้างคืนด้วยเนี่ย มันมิเอาคุณตายเหรอคะ” โฉมไฉไลเพ้ออีก
เมฆาเพลียใจ “ก็ช่างเค้าเถอะ”
โฉมไฉไลมองเหล่ แหย่เย้า “จริงเร้อ? ไหนเห็นคุณรักมัน บูชามัน จนแทบจะทูนไว้บนหัวอยู่แล้ว?”
เมฆาชักเคือง “อย่าพูดให้มันเสียบรรยากาศได้มั้ยโฉม? ถ้าไม่ดื่มเราก็กลับกันดีกว่า”
พูดจบเมฆาลุกพรวด โฉมไฉไลตกใจรีบดึงเมฆาไว้
“เมฆาอย่าโกรธสิคะ โฉมขอโทษ..อย่าโกรธโฉมนะ” รีบหยิบแก้วส่งให้เมฆา แล้วยกแก้วตัวเองขึ้นชู “เชียร์สค่ะ”
เมฆาตาวาว มองอย่างพึงพอใจ
“แด่เมฆาของโฉม และความรักของเรา”
เมฆาชน “แด่ความรักของเรา - - หมด”
“หมด”
โฉมยกดื่ม เมฆาตาวาว จู่ๆ โฉมชะงักหน้าเบ้
“อึ๋ยย์”
เมฆาตกใจ รีบถาม “ทำไม? มีอะไรเหรอโฉม”
โฉมไฉไลมองแก้วในมือ “กลิ่นมันแปลกๆ อ่ะค่ะ รสชาติมันก็...” ทำท่าขนลุก “ยังไงไม่รู้”
เมฆาทำไก๋ “ไม่นะ!! ผมสั่งพิเศษให้คุณโดยเฉพาะเลย..เป็นไปไม่ได้หรอก”
“จริงๆ ค่ะ” โฉมไฉไลยื่นให้ดม “ไม่เชื่อลองดมดูสิ”
เมฆาตัดรำคาญ ทำทีเป็นดม “ก็ปกติ หอมดี ไม่เห็นมีอะไร” ยิ้มร่า “ดื่มให้หมดเถอะน่า”
โฉมไฉไลยังแหยงๆ ดมอีก “จริงเหรอ”
เมฆาพยักหน้ารับรอง ชูแก้ว โฉมไฉไลจำใจชูแก้ว แล้วเอามือบีบจมูก ดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
เมฆาจดสายตามองจ้อง พอใจมากถึงมากที่สุด
ที่บ้านแสนสมุทรคืนนั้น
วงเดือนค่อยๆ วางหนูน้อยที่หลับปุ๋ยลงที่กลางเตียงนอน โดยมีภูผายืนดูอยู่ใกล้ๆ ตรงอีกฝั่งของเตียงนะคะ
วงเดือนมองหนูน้อย พูดเบาๆ “หลับปุ๋ยเลย...น่ารักนะคะ?”
ภูผายืนมองวงเดือนดูใจดี น่ารัก วงเดือนช้อนตามามอง “คุณภูผา”
ภูผาสะดุ้ง “ว่าไงนะ”
วงเดือนยิ้ม “ยิ่งวันหนูน้อยยิ่งน่ารักนะคะ”
ภูผาพยักหน้า ยิ้มๆ
วงเดือนนึกๆ “ถ้าหนูนายังอยู่ คงจะภูมิใจมาก”
ภูผาอึ้งไป เบือนหน้าไปเห็นโซฟาที่เมฆานอนประจำ มีหมอนผ้าห่ม ก็มองๆ วงเดือนมองตามสายตาภูผา แอบหวั่นใจ
ภูผาหันกลับมามองหน้าวงเดือน ก่อนจะเดินไปยืนมองโซฟาใกล้ๆ
“ใครนอนตรงนี้”
วงเดือนอึกอัก “เอ่อ..คุณเมฆาค่ะ”
ภูผาอึ้ง “เมฆา”
วงเดือนนึกได้ “คือ...ตั้งแต่หนูน้อยมานอนด้วย คุณเมฆาก็กลัวเรา 3 คนจะนอนเบียดกัน”
ภูผาจ๋อย
“คุณเมฆาก็เลยย้ายไปนอนที่โซฟาแทนน่ะค่ะ”
ภูผาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินมาหยุดยืนตรงหน้าวงเดือน
“เดือน..เธอมีความสุขดีใช่มั้ย?”
วงเดือนอึ้ง รีบหลบตา ซ่อนสีหน้า “ค่ะ..เดือนมีความสุขดี”
ภูผาพยักหน้าหงึกๆ มองวงเดือนแล้วหวนนึกไปถึงคืนที่ปล้ำวงเดือน “เรื่องที่ฉันเคย...”
วงเดือนร้อนวูบวาบ
“ฉัน...”
วงเดือนอายมากจึงรีบตัดบท “ดึกแล้ว..คุณไปนอนเถอะค่ะ”
ภูผานั่งลงบนเตียงพูดสิ่งที่ค้างคาใจ “ฉันขอโทษนะ”
วงเดือนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน เบือนหน้าหนีไป ภูผาค่อยๆ เอามือจับปลายคางวงเดือนให้หันมา ตาจ้องตากันหวิวๆ
ทันในนั้น หนูน้อยส่งเสียงแอะๆ 2 คนสะดุ้ง
วงเดือนพาล “เห็นมั้ยคะ..หนูน้อยตื่นเลย”
“เอ๊า!! ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ”
“ไม่ต้องเลย” ช้อนเอาหนูน้องมาอุ้มโอ๋ “โอ๋ๆๆๆๆ” พลางบอกภูผา “ยังจะยืนเฉยอยู่อีก หยิบขวดนมให้หน่อยสิคะ”
ภูผาวิ่งหัวซุกหัวซุนยินเสียงร้องถาม “อยู่ไหนล่ะ?”
วงเดือนทั้งขำทั้งโกรธ “อยู่โน่น” ภูผาวิ่งไปหยิบมาให้วงเดือน
สองคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกพุ่งพล่านแปลกๆ ภายในใจ
คืนเดียวกันนั้นเมฆาหิ้วปีกโฉมไฉไลที่เมาแอ๋มาเหวี่ยงลงบนเตียง ในห้องนอนบังกะโลริมทะเล โฉมไฉไลเมาแทบจะไม่มีสติแล้ว ได้แต่พึมพำอะไรไปเรื่อย
เมฆามองอย่างดูถูก “เมาเหมือนหมา”
โฉมไฉไลละเมอร้องเสียงดังลั่น “แกฆ่าหม่าม้า”
เมฆาตกใจสุดขีด หันขวับ ยืนจ้องโฉมไฉไลก่อนจะค่อยๆ เข้าไปกระซิบใกล้ๆ
“โฉม...โฉม”
โฉมไฉไลไม่ตอบ พึมพำอะไรออกมาอีก แต่ฟังไม่ได้ศัพท์
เมฆาโล่งอก มองเยาะๆ “คิดถึง...อยากตามไปอยู่กับหม่าม้าแกเร็วๆ รึไง” ยิ้มร้าย “ใจเย็นๆ...ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ...โฉมไฉไล”
เมฆาค่อยๆ เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา ภาพตอนที่คนไข้หญิงท้องถูกเข็นมา และผู้เป็นแม่ครวญคร่ำ “โธ่! อีนางลูกแม่ มันคิดโง่ๆ ไปกินยาขับเลือดทำไม” กระทั่งตอนที่โฉมไฉไลตวาดแว๊ด “เมฆา! นี่ถ้าโฉมแท้งไปจะทำยังไง”
เมฆายิ้มอย่างใจเย็นนั่งจ้องโฉมไฉไลอย่างจดจ่อ รอลุ้น
พระอาทิตย์ดวงกลมโตโผล่พ้นขอบโค้งทะเล ส่องแสงเรื่อเรืองสะท้อนผืนทะเลสวยงามราวกับภาพวาด
ภายในห้องนอนบังกะโลริมทะเล โฉมไฉไลเริ่มรู้สึกตัว เจ็บๆ หน่วงๆ ที่ท้อง เริ่มร้องเบาๆ
“โอ๊ย..” ยกมือกุมท้อง “..โอ๊ย...” ค่อยๆ ลืมตา มองหา “เมฆา...” ค่อยๆ กวาดสายตามองไปทั่วห้อง “เมฆา...”
เห็นเมฆานั่งหลับคอพับอยู่ที่โซฟา
โฉมไฉไลพยายามจะเรียก แต่ทั้งแฮงค์ ทั้งปวดท้อง พูดกระท่อนกระแท่น เสียงแผ่วๆ
“เม..ฆา...”
โฉมไฉไลตะเกียกตะกาย พยายามจะคลานลงจากเตียงแต่ไม่มีแรง จนกลิ้งหล่นลงกับพื้นห้องดังตุ้บ เมฆาสะดุ้งตื่น
โฉมไฉไลพยายามเรียก “เม..ฆา...”
เมฆาตกใจ “โฉม!” เห็นอาการก็ลอบยิ้ม
“เม...ฆา..โฉม...ปวดท้อง”
คราวนี้เมฆายิ้มแฉ่งเลย “ปวดท้องเหรอ”
โฉมไฉไลอ่อนระโหยโรยแรง พยักหน้าหงึกๆ “ช่วย...ด้วย...”
“ได้..ผมจะช่วย...ช่วยให้คุณหาย...เร็วที่สุด”
เมฆาเดินไปดู ไม่เห็นมีเลือดออกก็หน้าเสีย รีบเช็คอาการ
“คุณปวดมากมั้ยโฉม”
โฉมไฉไลพยักหน้าหงึกๆ
เมฆาส่ายหน้า “งั้นต้องกินยาหน่อยนะ ผมเอาติดมาด้วย”
โฉมยังทรุดกองอยู่ที่พื้น เมฆาเดินไปหยิบยาขับเลือด ในขวดสีชา เทใส่แก้วให้โฉมไฉไลดื่ม
“ดื่มให้หมดนะโฉม...จะได้หาย”
โฉมไฉไลพยักหน้าหงึกๆ ดื่มแล้วชะงัก ผงะ พ่นใส่เสื้อเมฆาเลอะ เมฆายัวะ “นังนี่!” เมฆาจับกรอก
เมฆาเสียงเหี้ยม “แข็งใจนิดนึง จะได้หายเร็วๆ ไงโฉม”
เมฆาจับโฉมไฉไลกรอกยาจนหมด โฉมไฉไลหมดแรงฟุบลงไปกับพื้น
เมฆาเหนื่อยเอาการ “ฤทธิ์เยอะจริง” มองดูเสื้อตัวเองที่เปรอะ ส่ายหัว ถอดเสื้อเดินไปอาบน้ำ
ส่วนโฉมไฉไลนอนตัวงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่กับพื้น
เวลาเดียวกัน ชอุ่มนั่งพับผ้าอ้อมหนูน้อยอยู่กับวงเดือน ชอุ่มเงี่ยหูซ้ายสลับหูขวา ทำหน้าสงสัย
“เป็นไรคะน้าชอุ่ม”
“เออ..ชอุ่มรู้สึกแปลกๆ น่ะค่ะ วันสองวันมานี่..ดูบ้านเราจะเงียบๆ ผิดปกติ คุณเดือนว่ามั้ยคะ?”
วงเดือนนึกตาม “ก็ไม่นะ” ยิ้มแย้ม “ได้ยินแต่เสียงคนแย่งกันโอ๋ตาหนูน้อย”
ชอุ่มแย้ง “ไม่ค่ะ..ชอุ่มหมายถึง...” นึกอีกแล้วนึกออก “..ใช่แล้ว คุณโฉมจัญไร ช่วงนี้เสียงปรี๊ดๆๆ ของนางหายเงียบไปนั่นเองค่ะ”
วงเดือนฟังแล้วขำ “ดีแล้วนี่จะได้ไม่หนวกหู”
“เออ..จริงด้วยนะคะ สบายหูขึ้นตั้งเยอะ”
วงเดือนนึกได้ “เอ๊ะ! ว่าแต่คุณโฉมเธอหายไปไหน? น้าชอุ่มรู้มั้ย”
“มีอะไรในบ้านนี้ที่ชอุ่มไม่รู้? ได้ยินว่าเธอจะกลับไปเยี่ยมญาติที่อีกเมืองน่ะค่ะ เชอะ! สงสัยจะเหงา เหลือตัวคนเดียวแล้วนี่! สมน้ำหน้า”
วงเดือนเอ็ด ปราม “ชอุ่ม”
“ก็จริงนี่คะ เจ้าประคู้ณ...ไปแล้วขอให้ไปลับไม่ต้องกลับมาอีกเลย..เจ้าประคู้ณ”
วงเดือนส่ายหน้า แต่อดนึกถึงโฉมไฉไลขึ้นมาไม่ได้
ที่บังกะโลริมทะเลหลังนั้น เมฆาอยู่ในห้องเปิดฝักบัวเสียงดังซู่! สายน้ำราดรดลงเต็มใบหน้า เมฆาอาบน้ำชำระร่างกายอย่างมีความสุข ในขณะที่ด้านนอกยามนั้นโฉมไฉไลปวดท้องอย่างหนัก
เมฆาอาบน้ำชื่นฉ่ำใจ ส่วนโฉมไฉไลหน้าตาบิดเบี้ยว ปวดท้องอย่างรุนแรง แทบไม่มีแรงจะออกเสียง
“เม..ฆา...”
เมฆาอาบน้ำ หลับตาพริ้ม
โฉมไฉไล ปวดท้องหนักและรุนแรงยิ่งขึ้นอีก หน้าตาเริ่มซีด ดิ้นพราดๆ
เมฆาอาบน้ำยังคงอาบน้ำอย่างสุขล้น
โฉมไฉไลเจ็บปวดถึงที่สุดแล้ว กรีดร้องเสียงโหยหวน
เมฆาปิดฝักบัว น้ำหยุดไหล ในจังหวะที่เสียงกรี๊ดก็หยุดพอดีกัน โฉมไฉไลใบหน้ากระตุก ตาเหลือก
เมฆาเช็ดตัว ในจังหวะที่โฉมไฉไลกระตุกตัวสุดแรงแล้วคอพับไป
เมฆาหลังแต่งตัวเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมา แต่แล้วต้องชะงักกับภาพที่เห็นตรงหน้า
โฉมไฉไลนอนสลบเหมือด เลือดนองเต็มขาเต็มพื้นแบบตกเลือดอย่างรุนแรง
เมฆาเดินไปนั่งมองใกล้ๆ หน้าสลดลงนิดหนึ่ง นิดเดียวเท่านั้น
“ช่วยไม่ได้นะโฉมไฉไล...คุณบังคับให้ผมต้องทำอย่างนี้” ส่ายหน้า “ช่วยไม่ได้จริงๆ” เหยียดยิ้มอย่างพอใจ “พรุ่งนี้คงจะมีคนมาพบศพผู้หญิงสำส่อนกินยาขับเลือดจนตกเลือดตาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร...สำหรับผู้หญิงไร้ค่าอย่างคุณ”
เมฆาเดินออกไปอย่างเลือดเย็น ทิ้งให้โฉมไฉไลนอนสลบจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น ไม่รู้เป็นหรือตาย!!
ที่บ้านแสนสมุทรคืนเดียวกันนั้น สองคนเปิดประตูออกมาพร้อมๆ กัน และต่างมองหน้ากันในอาการตื่นตะลึง
“เอ่อ..คุณภูผาคะ” วงเดือนพูดพลางยื่นขวดนมให้ “ช่วยไปเอาน้ำร้อนให้หน่อยได้มั้ย หนูน้อยหิวนมน่ะค่ะ”
ภูผารีบรับมา “ได้ๆ” แล้ววิ่งลนลานออกไป แต่ชะงักกึก วิ่งกลับมาถาม
“เอาแค่ไหน เต็มขวดรึเปล่า”
“แค่ค่อนขวดก็พอค่ะ”
ภูผาพยักหน้าเข้าใจ วิ่งไป แล้วชะงัก วิ่งกลับมา
“เดี๋ยวๆ ค่อนมาก หรือ ค่อนน้อย?”
วงเดือนอมยิ้มขำ “ค่อนมากค่ะ”
ภูผาพยักหน้า “โอเค” ทวนแบบท่อง “ค่อนมากๆๆ โอเค”
ภูผาวิ่งจู๊ดไปเลย วงเดือนยิ้มอย่างเอ็นดู
เวลาต่อมาหนูน้อยอิ่มนมแล้ว ภูผากับวงเดือนที่ยามนั้นใบหน้าใกล้กันเพราะก้มลุ้น ตอนให้นมหนูน้อยยิ้มแฉ่งหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างนิ่งงันกันไป
ภูผาแก้เขิน “กินจุจังเลยเนอะ”
วงเดือนพยักหน้ายิ้มเยื้อน
สองคนแยกหน้าจากกัน นั่งซ้าย ขวาของเตียง นิ่งงันไปสักครู่
ก่อนที่วงเดือนจะเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อน “คุณจะเอาหนูน้อยไปจากพวกเราจริงๆ เหรอคะ”
ภูผาหันมองวงเดือนแล้วอึ้งไปอีก
“ขอโทษค่ะ..เดือนรู้ว่าเดือนไม่มีสิทธิ์ถามอย่างนั้น แต่ก็อดไม่ได้” วงเดือนเหลือบตามองหนูน้อย น้ำตาเอ่อล้น
ภูผาเห็นแล้วใจหายวาบ วงเดือนลุกยืนเหมือนจะหลบไปร้องไห้ ภูผาลุกตามปรี่ไปยืนดักไว้ มองจ้องหน้า
“ฉันดีใจที่ทุกคนรักหนูน้อย..โดยเฉพาะ..เธอ”
วงเดือนน้ำตาไหลรินอาบแก้ม
ภูผายกมือเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล “อย่าร้องไห้...ฉันไม่ชอบเห็นเธอร้องไห้”
วงเดือนมองหน้าภูผา ถ่ายไฟเก่าเริ่มคุ ภูผาดึงร่างวงเดือนมากอดแนบแน่นอย่างเต็มรัก วงเดือนเองก็คิดถึงภูผาสุดหัวใจไม่เคยลืมเลือนอยู่แล้ว จึงไม่ขัดขืน
โลกทั้งโลกหยุดหมุน สองคนกอดกันแนบแน่น ราวกับจะถ่ายทอดความรักในใจ...ให้กันและกัน
ทันใดนั้นประตูเปิดผลัวะ เมฆายืนตะลึง สองคนหันขวับ และผละออกจากกันทันที
เมฆาปรี่มาพร้อมหมัดหนักๆ ซัดเข้าเต็มหน้าภูผา ซัดแบบไม่ยั้งด้วยอารมณ์หึงและหวง
“ไอ้พี่ผา! ไอ้ชาติชั่ว!”
วงเดือนร้องลั่น “พอค่ะ! อย่าทำคุณภูผาค่ะ! พอเถอะค่ะคุณเมฆา! เดือนขอร้อง”
เมฆาหอบเหนื่อยชี้หน้าภูผา “แกกล้ามากนะ กล้าเข้ามากอดเมียฉัน! มาหยามฉันถึงในห้องนอนเลยเรอะ ไอ้พี่ชั่ว”
ภูผาไม่สู้ และไม่เถียงสักแอะ
“ออกไปเดี๋ยวนี้ เอาไอ้เด็กนั่นออกไปด้วย” เมฆาพูดแทบเป็นตะคอก
วงเดือนตะลึง “คุณเมฆา”
ภูผาอุ้มหนูน้อยเดินไป เสียงเมฆาดังตามหลังมา
“แล้วก็รีบกลับขึ้นดอยไปซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วฆ่าพวกแกให้ตายทั้งพ่อทั้งลูก”
ภูผาหยุดเดิน หันกลับมามองหน้าเมฆาสลับกับวงเดือน ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แกอย่านึกว่าที่ฉันยอมเพราะฉันกลัวแกนะเมฆา แต่คราวนี้ที่ฉันยอม ก็เพราะว่าฉันผิดจริงๆ”
พูดจบภูผาก็อุ้มหนูน้อยเดินออกจากห้องไป เมฆาหันขวับมาทางวงเดือน
เมฆาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “เดือน!! มันทำอะไรเดือนรึเปล่า? เดือนไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
เมฆาดึงร่างวงเดือนมากอดไว้แนบแน่นทั้งหวงและห่วง วงเดือนยังคงสะอื้นอยู่อย่างนั้น
ภูผากลับห้องตัวเองเปิดกระเป๋าเป้ หยิบข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าประดามีของหนูน้อยใส่ลงไปจังหวะนั้นภูผาวางมือ อดหวนคิดถึงภาพความชิดใกล้ ระหว่างตัวเองและวงเดือน ที่ช่วยกันดูแลหนูน้อยด้วยกัน...ไม่ได้
ภูผาดึงตัวเองออกจากความคิดนั้น ปิดกระเป๋า ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
เช้าวันต่อมา ศรีดาราอุ้มหนูน้อยในอ้ออมอก ชอุ่มนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ ส่วนอนุตหน้าจ๋อยอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถามย้ำ
“จะไปจริงๆ เหรอ..ภูผา”
ภูผานั่งอยู่พร้อมกระเป๋าเป้
“ครับ คุณพ่อ”
ศรีดาราขอร้องลูกชายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ “แม่ขอเลี้ยงหลานแม่เองไม่ได้เหรอภูผา อยู่ที่นู่นลำบากลำบน แม่สงสารหลาน...” พลางสะอื้น กิริยาน่าสงสาร
ชอุ่มเช็ดน้ำตาพลางว่า “คุณหนูน้อยยังเล็กอยู่เลยนะคะคุณภูผา”
จังหวะนั้น เสียงเมฆาดังขึ้น “ให้เค้ารีบไปเถอะครับ”
ภูผาหันไปเห็นเมฆายืนจับมือวงเดือนอยู่ ขณะที่วงเดือนมองภูผาและหนูน้อยเหมือนใจจะขาด
ศรีดาราตกใจและไม่พอใจนัก “เมฆา! ทำไมลูกพูดอย่างนั้น”
“พี่ผาทิ้งงานมานานแล้ว อีกอย่างนึง..ที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของพี่ผา” เมฆาพูดพร้อมกับจ้องมองภูผา “ใช่มั้ย”
ภูผาพูดกับพ่อและแม่ “ที่นู่นเป็นบ้านของผมกับเจ้าหนูน้อยครับ” ลุกขึ้น ยื่นมือขอหนูน้อยจากแม่ “ผมจะพาหนูน้อยกลับบ้านครับ
ศรีดาราปล่อยโฮ ครวญคร่ำ “หนูน้อย” กอดแน่น
ทุกคนยกเว้นเมฆา รู้สึกใจหาย
ศรีดาราไม่ยอม “ไม่เอา! แม่ไม่ให้ภูผาเอาหนูน้อยไป” หันมาขอร้องสามี “คุณคะ..ช่วยพูดกับลูกที”
“คืนหนูน้อยให้ภูผาเถอะคุณ” อนุตบอก
ศรีดาราอิดออด “คุณ”
“ลูกเราโตแล้ว เค้ามีชีวิตเป็นของเค้าเองแล้ว” อนุตบอกเสียงดัง
ภูผามองพ่ออย่างขอบคุณ
“คืนหนูน้อยให้เค้าไป” อนุตบอก
ศรีดารากอดจูบหนูน้อย ก่อนจะจำใจส่งคืนให้
“สัญญากับแม่นะ ว่าจะพาหนูน้อยมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้าง”
ภูผายิ้มนิดๆ ไม่ยอมตอบ
“ผมไปก่อนนะครับพ่อ แม่” ภูผาไหว้บุพการี
ศรีดารากอดภูผาแน่น
“ฉันไปก่อนนะชอุ่ม”
“ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองคุณกับคุณหนูน้อยนะคะ”
ภูผาคว้ากระเป๋าเดินมาถึงเมฆาและวงเดือน เมฆาขยับจับข้อมือวงเดือนไว้แน่นเป็นการเตือน ภูผามองจ้องหน้าเมฆาก่อนจะมองวงเดือน สักพักแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดจาอะไร
เมฆายินดีเป็นอย่างยิ่ง
6 ปี ผ่านไป
เช้านั้น บรรยากาศในบ้านไร่แสนสดชื่น ท้องฟ้าปลอดโปร่งสว่างใส
ดอยซึ่งยามนี้เริ่มโตเป็นสาววัยรุ่น แต่เตี้ยและดำเช่นเคย! กำลังนั่งหลับคอพับคออ่อนอยู่ตรงระเบียงบ้าน โดยยังมีน่องไก่คาอยู่ในมือ
สักพักหนึ่งมีใครคนหนึ่ง เอาหนอนผูกเชือกหย่อนมาจี๋ๆ แถวหน้า ดอยปัดอย่างรำคาญ หนอนหลบพ้นหน้าไป แต่แล้วก็กลับมาจี๋แหย่ใหม่ จนดอยค่อยๆ ลืมตาเหล่มอง เพราะคราวนี้หนอนอยู่ตรงปลายจมูก
ดอยตกใจเด้งตัวลุกพรวด “จ๊าก”
เด็กชายหนูน้อยในวัย 6 ขวบ ยืนขำก๊ากๆๆ โดยมีสว่างยืนขำสะใจอยู่ข้างๆ
ภูผาโผล่ออกมา “เอะอะอะไรกันแต่เช้าเลย?”
ดอยวิ่งมาฟ้อง “ก็หนูน้อยน่ะสินาย เอาหนอนมาแกล้งดอย”
“หนูน้อยไม่ได้แกล้ง แต่พี่ดอยอู้งาน กินแล้วก็หลับ” หนูน้อยว่า
สว่างหัวเราะร่า ถูกใจเป็นที่สุด “ฮ่าๆๆๆๆ พูดจาถูกใจจริงๆ ว๊อย หลานตาหว่าง”
“ไม่จริงนะนาย ดอยไม่ได้อู้” ดอยเถียง
หนูน้อยกับสว่าง ชี้หน้าดอยพร้อมกับพูดประสานเสียง “แน้”
“แฮ่...แค่แทะไก่ไป 2 คำ แล้วก็พักสายตานิดนึงเอง” ดอยแถตามนิสัย
“น่านไง!! ยิ่งกินก็ยิ่งเตี้ย ยิ่งนอนก็ยิ่งอ้วน สมน้ำหน้า! ดูซิ!! หนูน้อยมันจะโตทันแกอยู่แล้วนะไอ้ดอย!”
ภูผาตัดบท “เอาเถอะ..อย่ามัวทะเลาะกันเลย” เข้าไปกอดหนูน้อย “เรารีบไปหาแม่หนูนากันดีกว่า เดี๋ยวแม่หนูนาจะคอย โอเค.มั้ยครับ”
“โอเค.คับ” หนูน้อยบอก
“งั้นก็ไป”
ภูผาจับมือหนูน้อยเดินไปด้วยกัน สว่างกัดดอยอีกเล็กน้อย ดอยรีบวิ่งจู๊ดตามไป
มือเล็กๆ ของเด็กชายหนูน้อยวางดอกไม้ไว้บนที่หลุมฝังกระดูกแม่แล้วก้มลงกราบ
“เก่งมาก” ภูผายิ้ม
หนูน้อยถามขึ้น “พ่อผาคับ แม่หนูนาสวยมั้ยคับ”
ภูผายิ้ม “สวยสิ..ทั้งสวยทั้งเก่ง”
“หนูน้อยอยากเห็นแม่จังคับ”
ภูผา สว่าง และดอยอึ้ง
สว่างเอ่ยขึ้น “เอ้า! ไหนบอกอยากเล่นวิ่งไล่จับกับพี่ดอยไง”
“โอย..ยังก่อน..พี่ดอยไม่ไหว”
สว่างส่งซิกให้จี๋เอวแกล้งดอย หนูน้อยโอเค. รีบเข้าไปจี๋เอวดอยทันทีทันใด ดอยบ้าจี้วิ่งหนีไกลออกไป ทั้ง 2 คนวิ่งไล่กันไปมา
ภูผาและสว่างมองหนูน้อยร่าเริงมีความสุข
“วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินนะครับนาย”
ภูผาพยักหน้า
“ไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมแสนสมุทรบ้างเลยหรือครับ” สว่างจี้จุด
ภูผาหน้านิ่ง ทอดสายตามองหนูน้อยกับดอยวิ่งไล่จี้กันสนุกสนาน
ลึกลงไปในสีหน้าภูผาประหวัดถึงนางเดียวในดวงใจ!!
บท "ชิงนาง" ตอนที่ 19 หน้า 3 มีการเพิ่มเติม เพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ "ตัวหนังสือสีแดง" คือบทที่เพิ่มจร้า!!
ชิงนาง ตอนที่ 19 (ต่อ)
วันเวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปอีก เช้าวันนั้นที่บ้านแสนสมุทร วงเดือนกำลังช่วยเมฆาตรวจดูอาการอนุตที่นอนป่วยหนักอยู่ในห้อง โดยมีศรีดาราคอยจับมือให้กำลังใจ
“ป่วยการ..เมฆา พ่อรู้ตัวดี” อนุตเอ่ยขึ้น
ศรีดาราใจหาย “คุณคะ”
อนุตส่ายหน้า “เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น”
“คุณพ่อคะ..พักผ่อนเถอะค่ะ” วงเดือนเอ่ยขึ้น
อนุตพูดลอยๆ “เมื่อยังมีลมหายใจอยู่ ก็จงทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควร จะได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่มีใครสาปแช่ง”
เมฆาฟังแล้วสะอึก
“พ่อครับ เดี๋ยวพ่อจะเหนื่อยนะครับ”
อนุตเหมือนจะรู้สำนึกสิ่งผิดพลาดในชีวิต “ฉันเอง..ก็ทำผิดพลาดมาหลายเรื่อง” ถามเหม่อๆ “พฤกษ์อยู่ไหน...”
ศรีดาราสะอื้น “คุณ”
อนุตพูดต่อ “ภูผาด้วย”
ศรีดาราร้องไห้โฮ
“ฉัน..คิดถึง” อนุตพูดเสียงแผ่วๆ
คราวนี้ศรีดาราปล่อยโฮดังลั่นโดยไม่อายใครเลย วงเดือนสะเทือนใจ ส่วนเมฆาไม่พอใจ
ออกมาพ้นห้องพ่อ เมฆาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ไม่เข้าใจคุณพ่อเลยจริงๆ ป่านนี้แล้วยังจะมาคิดถึงพวกมันทำไม”
วงเดือนอึ้งในน้ำคำนั้น “คุณเมฆา...”
“คือ..ผมหมายถึงทั้งพี่พฤกษ์กับพี่ผาทำแต่เรื่องให้ท่านปวดหัวจนท่านต้องป่วยแบบนี้ แล้วยังจะไปคิดถึง” เมฆาพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“ยังไงทุกคนก็เป็นลูกชายของท่านนะคะ แล้วที่ผ่านมา ก็ยังมีเรื่องกระทบใจท่านหลายเรื่อง นอกจากคิดถึงหนูน้อยมากแล้ว ท่านก็ยังไม่สบายใจเรื่องที่จู่ๆ คุณโฉมไฉไลก็หายสาบสูญไปอีกด้วย”
เมฆาสะดุ้ง รีบท้วง “หายสาบสูญที่ไหน? ชอุ่มบอกว่าเค้ากลับไปเยี่ยมญาติที่ต่างเมืองไม่ใช่เหรอ”
“แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครได้พบหรือได้ยินข่าวคราวของคุณโฉมเลยนะคะ”
เมฆาหน้าเสีย รีบเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่า...คุณน่าจะรีบไปตามพี่พฤกษ์มาพบคุณพ่อ ดีมั้ย?”
“ค่ะ” วงเดือนพยักหน้า
เมฆาโล่งใจที่เบี่ยงประเด็นได้สำเร็จ วงเดือนแอบคิด
วงเดือนรีบเข้ามานั่งลงที่โต๊ะในห้อง เขียนจดหมายถึงภูผา
“คุณภูผา...คุณพ่อไม่สบายมาก อยากพบคุณและหนูน้อย หวังว่าคุณคงจะรีบมาด่วน...วงเดือน”
วงเดือนรีบพับใส่ซอง
เมฆาเปิดประตูผลัวะ วงเดือนสะดุ้ง
“เดือน”
“คะ” วงเดือนรีบยัดจดหมายลงกระเป๋าสะพาย
“มัวทำอะไรอยู่? ไหนบอกจะไปตามพี่พฤกษ์?”
“เอ่อ..ค่ะ..เดือนจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
วงเดือนรีบคว้ากระเป๋าเดินลิ่วออกจากห้อง
เมฆามองตามอย่างจับพิรุธ ก่อนจะค่อยๆ เดินไปกวาดตามองที่โต๊ะเขียนหนังสือ พอไม่พบอะไรก็หันหลังกลับ ก่อนจะชะงัก ค่อยๆ หันกลับมามองหมึกเขียนหนังสือที่เปิดฝาทิ้งไว้วางอยู่บนโต๊ะพร้อมปากกาคอแร้งวางอยู่ข้างๆ เมฆาค่อยๆ นั่งลงหยิบปากกาคอแร้งมาดู ยังมีคราบหมึกใหม่ๆ อยู่
สีหน้าเมฆาเคืองเอามากๆ
ในเวลาต่อมา ชอุ่มวิ่งดีใจเข้ามาในห้อง
“คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ ดูสิคะ..ใครมา”
อนุตดูอ่อนเพลียมาก ศรีดาราหันไปมอง เห็นวงเดือนพาพฤกษ์เดินเข้ามาหยุดยืน
ชอุ่มวิ่งดีใจเข้ามา “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิงคะ ดูสิคะ..ใครมา”
อนุตอ่อนเพลีย ศรีดาราหันไปมอง เห็นวงเดือนพาพฤกษ์เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่
ศรีดารายิ้มความความดีใจ “พฤกษ์”
พฤกษ์โผกอดแม่ “แม่ครับ” เหลียวมองไปยังพ่อ “พ่อ...”
อนุตหันมามองพฤกษ์ด้วยสายตาอ่อนโยน พฤกษ์กราบตรงอกพ่อ
“พ่อครับ...ผมขอโทษ”
อนุตพยักหน้าหงึกๆ “พ่อเองก็..ทำไม่ดีกับแก”
“ไม่ครับ...ผมมันไม่ดีเอง ผมไม่สามารถเป็นผู้นำของแสนสมุทรได้อย่างที่พ่อหวัง มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ผมได้รับ”
อนุตรู้สึกผิด
“คุณพฤกษ์คะ...” วงเดือนเอ่ยขึ้น
พฤกษ์หันมามอง วงเดือนส่งซิกเตือน พฤกษ์นึกได้ ลุกไปจูงมือโสภีมายืนข้างๆ
“พ่อครับ แม่ครับ นี่...โสภี”
ศรีดารามอง ตกใจนิดหนึ่ง ไม่ได้ตั้งตัว แต่อนุตมองอย่างเข้าใจ
โสภีไหว้นอบน้อม “สวัสดีค่ะ”
พฤกษ์เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “โสภีเป็นผู้หญิงที่ผมรัก และผมก็หวังว่า พ่อกับแม่คงจะรักและเอ็นดูโสภีนะครับ”
ศรีดารามองหน้าอนุตอาการลุ้นๆ โสภีเห็นสายตานั้นก็รีบพูดขึ้นอย่างเจียมตัว
“แต่โสภีรู้ดีว่าตัวเองต้อยต่ำ เป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรีที่ใครๆ ก็รังเกียจ โสภี...”
โสภีไม่ทันพูดจบคำ อนุตสวนขึ้น “คนเราจะมีศักดิ์ศรี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรา ‘เป็น’ อะไรหรอก แต่อยู่ที่ว่าเรา ‘ทำ’ อะไร? ‘ทำ’ อย่างไร? และ ‘ทำ’ เพื่ออะไร? ต่างหาก”
พฤกษ์กับโสภี อึ้ง..ยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ
ศรีดาราพึมพำ “แต่..โฉมไฉไลกับพฤกษ์...ยัง”
เมฆาโผล่เข้ามาพอดี
“ผมคิดว่าคุณพ่อควรจะพักผ่อนได้แล้ว ไว้มาเยี่ยมใหม่วันหลังดีมั้ย..พี่พฤกษ์”
พฤกษ์จ้องมองเมฆา เมฆามองตอบ
สองพี่น้องคุยกันอยู่ในอีกมุมหนึ่งของบ้าน
“ดูแกจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องโฉมไฉไลหายตัวไปเลยนะเมฆา” พฤกษ์ว่า
“พี่ควรจะเป็นคนที่เดือดเนื้อร้อนใจที่สุดไม่ใช่เหรอครับพี่พฤกษ์”
“ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเค้าแล้ว ฉันมีโสภี” พฤกษ์บอก
เมฆาสวนคำทันที “ผมก็มีวงเดือน!”
“อย่างน้อยแกก็เคย...” พฤกษ์จะบอกว่าเคยมีอะไรกับโฉมไฉไล
เมฆาสวนคำทันควัน “จะพูดอะไรก็ระวังหน่อยนะครับ”
“อย่างน้อยแกก็อยู่บ้านเดียวกันกับเค้า แล้วก็ยังมีเพื่อนเป็นตำรวจ น่าจะไหว้วานให้เค้าช่วยดูให้หน่อยก็ยังดี”
“ดีเหรอครับ ถ้าโฉมกลับมา พี่พฤกษ์ว่าดีเหรอครับ?” เมฆาเอ่ยขึ้น
พฤกษ์ตกใจในน้ำเสียงน้องชาย “ทำไมแกพูดอย่างนี้?”
“เอ๊า! ผมก็แค่ถามดู อย่าลืมว่าพี่พฤกษ์กับโฉมไฉไลยังไม่ได้หย่ากัน ถ้าโฉมไฉไลกลับมา พี่กับโสภีก็คงจะไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขกันแบบนี้ จริงมั้ยครับ”
พฤกษ์ฟังมิวายรู้สึกทะแม่งๆ หู เมฆาหน้าตาเฉยเมย ไม่อนาทรร้อนใจสักนิด
หลายวันต่อมาภูผากำลังอ่านนิทานให้หนูน้อยฟังอย่างสบายอารมณ์ สักพักหนึ่งดอยก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“นาย! นายจ๋า!” หอบลิ้นห้อย ร้องแฮ่ๆ
“ใจเย็น..มีอะไร”
ดอยยื่นจดหมายให้ “จดหมายของนายจ้ะ”
ภูผารับมามอง ก่อนจะเปิดออกอ่าน อย่างตื่นตะลึง
หนูน้อยงวยงง ถามอย่างไร้เดียงสา “พ่อผาคับ! พ่อผาเป็นอะไรคับ”
ภูผาอึ้งมองเด็กชายตัวน้อย ซึ่งหนูน้อยมองมาตาแป๋ว ภูผาตัดสินใจแล้ว
คืนนั้นวงเดือนเปิดประตูเข้ามา แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเมฆานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ
“เดือนนึกว่าคุณนอนแล้วซะอีก ทำงานเหรอคะ”
เมฆาหันมาพร้อมปากกาคอแร้ง “ปากกานี่เขียนดีมั้ยเดือน?”
วงเดือนชะงักกึก “เอ่อ...”
“ว่าไง...ผมถามว่าเขียนดีมั้ย ทำไมไม่ตอบ” เมฆาคาดคั้น
“ก็..ดีค่ะ”
เมฆาซักต่อทันทีทันใด “วันก่อนคุณเขียนอะไร ถึงใคร”
วงเดือนอึกอัก “เอ่อ...”
“เขียนจดหมายถึงพี่ผาใช่มั้ย” เมฆากระชากแขนวงเดือน “คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณยังรักยังคิดถึงมันอยู่เหรอเดือน?”
วงเดือนสะบัด แต่ไม่หลุด “เดือนแค่อยากส่งข่าวเรื่องคุณพ่อให้คุณภูผาทราบเท่านั้น คุณเองก็ได้ยินไม่ใช่เหรอคะว่าท่านอยากพบคุณภูผา”
เมฆาสวนคำน้ำเสียงค่อนขอด “แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ คุณพ่ออยากพบหรือว่าคุณอยากพบด้วย”
วงเดือนฉุนกึก “คุณเมฆา”
“ผมไม่อยากให้คุณเกี่ยวข้องกับมันอีก ไม่อยากให้มันมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว” เมฆาตะคอกใส่
“ทำไมจะเหยียบไม่ได้ คุณภูผาก็เป็นแสนสมุทรเหมือนกับคุณ” วงเดือนเถียง
“เดี๋ยวนี้คุณเถียงแทนมันแล้วเหรอ?” เมฆาหึงสะบัด
“เดือนไม่อยากพูดกับคุณแล้ว”
วงเดือนสะบัดตัวจะเดินหนี เมฆาล็อกไว้ วงเดือนผลักเมฆาอย่างแรง แล้ววิ่งออกไปเลย
“เดือน! วงเดือน! กลับมาเดี๋ยวนี้”
เงียบกริบ วงเดือนไม่เหลียวหลัง เมฆาโมโหมาก พาลภูผา ฟาดงวงฟาดงาสุดฤทธิ์
“เมื่อไหร่แกจะตายๆ ไปซะที จะอยู่เป็นเสี้ยนหนามฉันไปถึงไหน? ไอ้พี่ผา”
คืนนั้นเมฆาเดินมาตามทางในโรงพยาบาล หิ้วกระเป๋าทำงานมาด้วยเหมือนปกติ เดินมาเรื่อยๆ ซักพักผ่านหน้าห้องดับจิต มีเสียงเหมือนอะไรด้านในห้องหล่นดังปัง เมฆาชะงักกึก หันมองดู ประตูห้องสั่นๆ เหมือนโดนทุบอย่างแรง เมฆาขมวดคิ้วงงๆ แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าไปยืนมอง ยื่นมือบิดลูกบิด ไม่ได้ล็อก? เมฆาเปิดผลัวะ ลุ้นๆ ไม่มีอะไร
เมฆากวาดตามอง ก่อนจะตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง เมฆาค่อยๆ เดินมองหาที่มาของเสียงประหลาด แต่สุดท้าย...ไม่มีอะไร เมฆาถอนใจ หันขวับจะกลับออกไป แต่แล้วต้องตะลึง เจอผีอนงค์ยืนคอเหวอะ บีบคอเมฆาหมับ! เมฆาร้องลั่น
“แกฆ่าฉันทำไม...เมฆา? แกฆ่าฉันทำไม”
เมฆาร้องลั่น “ฉันไม่ได้ฆ่าแก แกบังคับฉันเอง แกรนหาที่เอง ช่วยด้วยๆๆ”
สักพักเมฆาดิ้นหลุด หกล้มหกลุก คลานหนีออกจากห้องไปได้
เมฆาวิ่งหนีเตลิดมาตามทางในโรงพยาบาล มองไปข้างหน้าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งจูงเด็กผู้หญิงยืนหันหลังอยู่ก็ดีใจ วิ่งเข้าไปหา พลางร้องตะโกนเรียกให้ช่วย
“คุณ! ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย”
พร้อมกันนั้นเมฆาวิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ “ช่วยผมด้วยครับคุณ...”
เมฆาจับไหล่ผู้หญิงหันมา แล้วต้องตกตะลึง เพราะเป็นโฉมไฉไลหน้าผี
เมฆาผงะ “ห๊า”
โฉมไฉไลเรียกเสียงเย็นยะเยือก “เมฆา”
เมฆาช็อก หันมองเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงเรียก “พ่อ”
เมฆาตกใจร้อง “เฮ่ย”
เด็กผู้หญิงสะอื้น “พ่อใจร้าย..ฆ่าหนูทำไม”
เมฆาเด้งตัวถอยหลังแล้วแล้วเสียหลักล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น
“ไม่ ฉันไม่ได้ฆ่า พวกแกต่างหากที่ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ ฉันทำถูกแล้ว ฉันทำถูกแล้ว”
โฉมไฉไลกับเด็กผู้หญิงคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามา เมฆาเขยิบๆ ถดตัวถอยหนีอย่างหวาดกลัว
“เมฆาฆ่าโฉมทำไม”
“พ่อใจร้าย”
เมฆาถอยๆๆ ปากก็ร้องตะโกน “ไม่! ไป! ไปให้พ้น!”
เมฆาลุกขึ้นได้ หันกลับจะวิ่ง ปะหน้ากับอนงค์ที่ขวางทางอยู่
เมฆาตาเหลือก “เฮ่ย”
“แกฆ่าฉัน! ไอ้เมฆาใจร้าย!” ผีอนงค์ร้องบอก
“คุณฆ่าโฉม” ผีโฉมไฉไลว่า
“พ่อฆ่าหนู” ผีเด็กหญิงมองจ้อง
เมฆาจะบ้าแล้วโดนรุมหนัก สุดท้ายผีสามตัวรุมบีบคอเมฆา
เมฆาแหกปากร้องลั่น
“อย่า! ฉันไม่ได้ฆ่า”
ที่แท้เมฆาฝันร้าย...อยู่ในห้องนอนที่บ้าน ผุดลุกขึ้น เอามือบีบคอตัวเองอยู่แหกปากร้องลั่น
“อย่า”
วงเดือนสะดุ้งตื่น เปิดไฟ แล้วปรี่มาหาเมฆาที่ยังเหนื่อยหอบแฮ่กๆ ตกใจอยู่
“คุณเมฆา เป็นอะไรคะ”
เมฆาได้สติ “เดือน” กอดวงเดือนไว้แน่น
“คุณเป็นอะไรคะ? ร้องเสียงดังมาก เดือนตกใจหมดเลย เกิดอะไรขึ้นคะ”
เมฆายังกอดอยู่ ไม่กล้ามองหน้า “ผม...ผม..ไม่มีอะไร...ไม่เป็นอะไร..ผม..ผมฝัน”
วงเดือนฉงน “ฝัน”
เมฆาย้ำ “ใช่..ผม..ฝันร้าย”
“แปลกนะคะ ปกติคุณไม่เคยฝันร้ายอย่างนี้เลย” วงเดือนแปลกใจ ตั้งข้อสังเกต
เมฆาอ้ำอึ้ง “เอ่อ..ผม..ช่วงนี้ผมคงเหนื่อย งานที่ โรงพยาบาล เยอะมาก”
วงเดือนฟังแล้วสงสาร “คุณต้องพักผ่อนบ้างนะคะ”
“เดือน...คุณต้องอยู่กับผม คุณต้องไม่ทิ้งผม คุณต้องเชื่อผมตลอดไปนะ”
วงเดือนฟังแล้วงงๆ แต่ก็รับปาก “ค่ะ..อย่าคิดอะไรมากนะคะ เดือนว่าคุณนอนพักผ่อนก่อนดีกว่า”
เมฆายังกลัวๆ อยู่ “ผม...ผม...”
วงเดือนสงสาร ตัดสินใจ “คุณเมฆาไปนอนที่เตียงเถอะนะคะ”
เมฆามองอึ้งๆ?
วงเดือนยิ้มบางๆ “คุณเหนื่อยมากแล้ว ไปนอนให้สบายๆ ดีกว่า”
เมฆาอ้ำอึ้ง “แต่...”
วงเดือนยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวเดือนมานอนตรงนี้เอง”
เมฆาร้อง “ไม่…”
“เถอะค่ะ...อย่าดื้อ”
เมฆาเหมือนเด็กน้อย ยอมให้วงเดือนจูงไปที่นอนโดยดี
“นอนซะนะคะ”
วงเดือนจัดให้เมฆาขึ้นนอน จะเดินออก เมฆารวบตัวไว้
“อย่าทิ้งผม..อยู่เป็นเพื่อนผมได้มั้ย”
วงเดือนสงสาร นั่งลงข้างๆ ให้เมฆานอนจับมือไว้
เมฆามองอย่างแสนรัก อบอุ่นใจ “ผมรักคุณนะเดือน”
วงเดือนยิ้มบางๆ ให้ “นอนเถอะค่ะ”
เมฆาค่อยๆ หลับตาลง โดยที่ยังจับมือวงเดือนอยู่อย่างนั้น วงเดือนมองอย่างสงสาร
เมฆานอนอยู่บนเตียงโดยมีวงเดือนนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ จับมือกัน
บรรยากาศบ้านไร่เช้านั้นแสนสดชื่น ท้องฟ้าใสแจ่มกระจ่างตา
หนูน้อยร้องขึ้นอย่างดีใจ “ไชโย้! หนูน้อยจะได้ไปหาคุณปู่คุณย่า!”
ภูผาเตรียมพร้อมเดินทาง สว่างมาคอยยืนส่ง ดอยหน้างอเป็นจวัก สะอึกสะอื้น
“นายคิดว่าจะไปซักกี่วันครับ” สว่างถาม
“ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน คงต้องดูอาการคุณพ่อก่อน”
ดอยปล่อยโฮเลย “ฮือๆๆ”
สว่างเอ็ด “ไอ้ดอย เอ็งจะบ้าเหรอ? คุณผู้ชายท่านแค่ป่วย”
“ก็ไม่ได้ว่าไรนี่ลุง” ดอยเงยหน้ามาบอก
“อ้าว! แล้วเอ็งร้องไห้ลั่นดอยอย่างนี้ทำไม”
“ก็ฉันคิดถึงหนูน้อย - - โฮ”
“เวรกรรม!” สว่างหน่าย
“พี่ดอยไม่เก่ง! คนเก่งต้องไม่ร้องไห้ น่าไม่อาย” หนูน้อยล้อเอา
สว่างถูกใจนัก “นั่นไง! มันต้องอย่างนั้น...หลานลุงหว่าง”
“ก็พี่ดอยคิดถึงหนูน้อยนี่ แล้วอีกอย่างพี่ดอยก็เป็นผู้หญิงนะ ผู้หญิงร้องไห้ได้...ไม่น่าอาย”
“พ่อผมบอกว่า แม่หนูนาเก่ง...ไม่ยอมร้องไห้”
คำพูดไร้เดียงสา ทำเอาทุกคนเงียบกริบ คิดถึงหนูนาขึ้นมา
“ไป...เดี๋ยวเราไปบอกแม่หนูนาก่อนว่าเราจะไปแสนสมุทรกัน” ภูผา
“เย้! ไปหาแม่หนูนา จะไปแสนสมุทร! เย้”
หนูน้อยร่าเริงน่ารัก ภูผากับสว่างยิ้ม ดอยสะอื้นฮั่กๆ
มือภูผาจับมือหนูน้อยวางดอกไม้ให้หนูนา หนูน้อยก้มกราบ ภูผาเอามือแตะดิน
“ฉันจะพาหนูน้อยไปแสนสมุทร ไม่ต้องเป็นห่วงนะหนูนา ฉันจะดูแลหนูน้อยยิ่งกว่าชีวิตของฉัน…ตามที่เคยให้สัญญาไว้กับเธอ”
“แม่หนูนาอย่าน้อยใจนะคับ แล้วหนูน้อยจะเล่นน้ำทะเลเผื่อแม่หนูนา”
หนูน้อยว่า ภูผาและสว่างยิ้ม
“โห..แล้วอย่าติดใจน้ำทะเลจนลืมบ้านไร่ ลืมพี่ดอยนะจ๊ะ..หนูน้อย”
หนูน้อยชูมือสัญญา “ไม่ลืมคับ”
ภูผาเดินเอาดอกไม้ไปวางให้เหนือฟ้า
“เหนือฟ้า...ฝากหนูนา..ฝากไร่ด้วย”
ภูผาเอามือตบๆ ดินแล้วลุกขึ้น “เอาล่ะ..ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ หนูน้อย”
“เย้” หนูน้อยดีใจสุดๆ
ภูผาจูงมือหนูน้อยออกเดินนำไป ตามด้วยสว่างปิดท้ายด้วยดอย เหลือเพียงดอกไม้สวยวางอยู่บนหลุมศพหนูนาและเหนือฟ้า
เช้าวันหนึ่ง ที่โรงพยาบาลเมฆากำลังตรวจคนไข้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง เมฆาใช้หูฟังตรวจอยู่ พยาบาลผู้ช่วยยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“มีอาการมานานกี่วันแล้วครับ”
จู่ๆ ก็แว่วยินเสียงโฉมไฉไลดังขึ้น “ฆ่าโฉมทำไม”
เมฆาหันขวับมองคนไข้บนเตียง แต่กลับเป็นผีโฉมไฉไล
เมฆาผงะ ร้องโวยวาย ดังลั่น “ไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่า”
เมฆาลนลานถอยหลังไปชนข้าวของหล่นแตก พยาบาลตกใจ รีบเข้าไปถามเมฆาที่ตัวสั่นเทิ้มอยู่ตรงมุมห้อง
“คุณหมอคะ..คุณหมอเป็นอะไรไปคะ”
เมฆาหลบอาการผวาอยู่ พร้อมกับชี้ไปที่คนไข้ “ไล่มันไป!! ไล่มันไป”
พยาบาลมองตามที่ชี้ “คุณหมอจะให้ไล่คนไข้ได้ยังไงคะ”
เมฆาขึ้นเสียง “บอกให้ไล่มันออกไป! มันไม่ใช่คนไข้!! มันเป็นผี!”
พยาบาลงงหนัก นิ่วหน้า “ผี? ผีที่ไหนคะคุณหมอ”
“ก็ผี...” เมฆาชี้แล้วมองไป
เห็นเพียงคนไข้หญิงที่นั่งมึนตึ้บ งงคุณหมออยู่บนเตียง
เมฆาตกใจร้อง “เฮ่ย”
พยาบาลมอง ไม่เข้าใจว่าหมอเป็นอะไร “ไหนคะผีของคุณหมอ”
เมฆาอึ้งเอามากๆ
บ่ายวันนั้นเมฆาเดินสับสนมาตามทาง พยาบาลคนหนึ่งเดินสวนแล้วเมียงๆ มองๆ เดินมาอีกหน่อยเจอพยาบาลอีก 2 คนกำลังเดินสวนมา แล้วทำท่าซุบซิบกันไปมา คราวนี้เมฆาหยุดจ้อง พยาบาลรีบเดินกันเร็วรี่เผ่นหนีไป เมฆาเครียดจัด หน้าตาอมทุกข์ ไม่มีความสุขเอาเลย
คืนนั้นเมฆากลับจากโรงพยาบาลมาและยังอยู่ชุดเดิม ปลดกระดุมพับแขนเสื้อ กำลังอาละวาดขว้างข้าวของอยู่ในห้อง
“หึ้ย! อะไรกันเว๊ย! นี่มันจะตามรังควาญฉันไปถึงไหนวะ”
เมฆาขว้างไปขว้างมา ขว้างไปที่ประตู ในจังหวะที่วงเดือนซึ่งอยู่ในชุดนอนแล้ว เปิดประตูออกจะเข้ามา ยืนมองอย่างตกใจ
“คุณเมฆา...”
เมฆาชะงักกึก “เดือน”
วงเดือนมองงงๆ เมฆาทำหน้าไม่ถูก
ครู่ต่อมาวงเดือนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เมฆาที่นั่งอยู่บนโซฟา เอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้
“คุณน่าจะให้คุณหมอตรวจดูซักหน่อยนะคะ”
เมฆา “เดือน...ผมเป็นหมอ”
“แต่หมอก็ป่วยเป็นนะคะ” วงเดือนท้วง
เมฆาถอนใจเฮือก
“ความเครียดก็ทำให้คนเราป่วยได้ อาการป่วยอาจจะไม่แสดงออกทางร่างกาย” วงเดือนบอก
เมฆาสวนคำ “นี่คุณหาว่าผมเป็นบ้างั้นเหรอ?”
วงเดือนตกใจรีบบอก “ไม่ใช่นะคะ เดือนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เมฆากลัวเลย รีบจับมือไว้ “ผมไม่ได้บ้านะเดือน ผมแค่เหนื่อยจริงๆ เดือนห้ามทิ้งผมนะ”
วงเดือนพูดปลอบใจ “เดือนไม่ทิ้งคุณเมฆาหรอกค่ะ” พร้อมกับจับมือให้ความมั่นใจ
จนเมฆารู้สึกดีขึ้น วงเดือนมองห่วงๆ
คืนนั้น ชอุ่มมีท่าทีเหนื่อยใจเอามากๆ พูดพลางถอนหายใจ
“เฮ้อ! ชอุ่มว่าแสนสมุทรของเรามันชักจะมีอะไรแปลกๆ หนักขึ้นทุกทีแล้วนะคะเนี่ย
“แปลกยังไงจ๊ะ...น้าชอุ่ม” วงเดือนถาม
“คุณเดือนลองคิดดูสิคะ ช่วงหลังๆ มานี่..เริ่มตั้งแต่คุณท่าน แล้วก็มาคุณอรุณที่จากตาย ตามด้วยคุณภูผา แล้วยังคุณพฤกษ์ที่จากเป็น นี่ยังไม่รวมนัง 2 คนแม่ลูกตัวแสบ แม่อนงค์ตายโหง ส่วนลูกโฉมก็หายสาบสูญ” ถอนใจอีกเฮือก ก่อนจะพูดต่อ “ส่วนตอนนี้..คุณผู้ชายก็..เจ็บหนัก แล้วนี่คุณเมฆายังมาเพี้ยนๆ อีก”
วงเดือนเอ็ดทันที “เพี้ยนที่ไหน คุณเมฆาแค่อารมณ์ไม่ดีเท่านั้นน้าชอุ่ม”
“ค่ะๆ...แค่อารมณ์ไม่ดี”
“เดือนว่าคงเป็นเพราะเรื่องที่น้าชอุ่มพูดมาทั้งหมดนั่นแหละเลยทำให้คุณเมฆาเครียด” วงเดือนถอนใจ “น่าสงสารนะ..เป็นความหวังเดียวของแสนสมุทร ก็ย่อมจะกดดันเป็นธรรมดา เอ่อ..ว่าแต่น้าชอุ่มอย่าเอาเรื่องคุณเมฆาไปเล่าให้คุณแม่ฟังเด็ดขาดนะ แค่เรื่องคุณพ่อป่วยหนัก คุณแม่ท่านก็กลุ้มใจมากแล้ว เข้าใจมั้ยจ๊ะ”
“ค่ะๆ...ชอุ่มไม่เล่า”
“แน่นะ” วงเดือนคาดคั้นเพราะรู้นิสัยดี
ชอุ่มน้ำเสียงตัดพ้อ ทำไมไม่เชื่อ “แน่ค่า...”
วงเดือนยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะกลุ้มใจซะเอง
บ้านแสนสมุทรเช้าวันต่อมา บรรยากาศอึมครึม หม่นมัวไม่สดใส วงเดือนช่วยแต่งตัวจัดเนคไทด์ให้เมฆา
“แน่ใจเหรอคะว่าจะไปทำงานไหว?
เมฆายิ้มน้อยๆ ท่าทีเนือยๆ “ผมแค่เหนื่อยนะเดือน ไม่ได้ป่วย”
วงเดือนพยักหน้าให้หงึกๆ เมฆามองวงเดือน ลูบเรือนผม
“ยังรักผมเหมือนเดิมใช่มั้ย”
วงเดือนอึ้ง ตอบไม่ถูก เพราะไม่เคยรัก
“เดือน...คุณไม่รังเกียจผมใช่มั้ย ผมแค่เครียด..ไม่ได้บ้า” เมฆาคาดคั้น
“โธ่..คุณเมฆาคะ...
ทันใดนั้นชอุ่มทุบประตูระรัว
“คุณเมฆา! คุณวงเดือน! แย่แล้วค่ะ”
สองคนชะงัก วงเดือนรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
“น้าชอุ่ม!! เกิดอะไรขึ้น”
ชอุ่มตกใจ เสียงสั่นเครือ “คุณผู้ชายค่ะ..คุณผู้ชาย..ฮือๆๆ”
วงเดือน และเมฆามองหน้า ร้องขึ้นพร้อมกันกัน “คุณพ่อ”
รีบวิ่งออกไปทันที ชอุ่มวิ่งตามร้องไห้ฮือๆ
เมฆาถอดหูฟังออกหลังตรวจชีพจร หน้าตาไม่ดี ศรีดาราเห็นก็หน้าเสียถามอย่างกังวลใจ
“เมฆา...คุณพ่อเป็นยังไงบ้างลูก
เมฆาถอนหายใจ “ผมว่า..พาคุณพ่อไป โรงพยาบาล ดีกว่า”
อนุตเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “ไม่..พ่อ..ไม่ไป...”
ทุกคนมองอนุตที่ดูอ่อนแรงลงไปมาก
ศรีดาราใจหายทำท่าจะร้องไห้ “คุณคะ..ไปโรงพยาบาล เถอะนะคะ..จะได้หาย”
อนุตส่ายหน้า “ฉัน...อยากตายที่บ้าน..ที่แสนสมุทร”
ศรีดาราปล่อยโฮทันที วงเดือนกับชอุ่มก็ร้องตามติดๆ กันเลย เมฆาหน้าเสีย
“พ่อครับ...อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”
อนุตหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะลืมตาขึ้นถาม
“พฤกษ์อยู่ไหน?”
ยินเสียงพฤกษ์ดังเข้ามา “ผมอยู่นี่ครับพ่อ”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เห็นพฤกษ์ยืนอยู่กับโสภี
ศรีดารารีบบอก “พฤกษ์...มาหาพ่อสิลูก”
พฤกษ์ถลาเข้ามากราบตรงอกพ่อ “พ่อครับ...พ่อต้องไม่เป็นอะไรนะครับ”
อนุตยิ้มบางๆ ท่าทีเหนื่อยล้า แต่พยายามพูด “กลับมาอยู่บ้าน..อยู่เป็นเพื่อนแม่”
พฤกษ์อึกอัก “แต่...”
วงเดือนพูดเป็นเชิงขอร้อง “คุณพฤกษ์คะ”
พฤกษ์จำใจรับคำ “ครับ...พ่อ”
อนุตพยักหน้าหงึกๆ หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าโรยแรง สามคนสะอื้นกันต่อ พฤกษ์กับเมฆามองหน้ากัน อนุตลืมตาขึ้น ถามอีก
“ภูผา..ภูผามารึยัง?”
เมฆาชะงักกึก
ศรีดารารีบบอก “ภูผากำลังมาค่ะคุณ ฉันบอกให้วงเดือนส่งจดหมายไปตามภูผาแล้ว ภูผากำลังมา”
เมฆาเหลียวขวับมองไปยังวงเดือน วงเดือนหลบตาวูบ เมฆานึกเคือง
อนุตพยักหน้าหงึกๆ หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าเต็มทน
จู่ๆ ชอุ่มก็ร้องออกมาน้ำเสียงดีใจ “มาแล้วค่ะ..คุณภูผามาแล้ว”
ทุกคนหันขวับ เห็นภูผาเดินจูงมือเด็กชายหนูน้อยเข้ามา
บท "ชิงนาง" ตอนที่ 19 หน้า 3 มีการเพิ่มเติม เพื่อความสมบูรณ์ตรงตามบทโทรทัศน์ "ตัวหนังสือสีแดง" คือบทที่เพิ่มจร้า!!
ชิงนาง ตอนที่ 19 (ต่อ)
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
วงเดือนยิ้มออกมาอย่างดีใจ ไม่ต่างจากพฤกษ์ ส่วนเมฆาอึ้งนิ่งงันไป
ศรีดาราดีใจมาก “ภูผา ภูผาลูกแม่”
ภูผาวิ่งมากราบ ศรีดารากอดภูผาแน่น แล้วมองหนูน้อย
ภูผาบอก “กราบคุณย่าสิ..หนูน้อย”
วงเดือนยิ้มแฉ่ง
ศรีดาราดีใจมากมาย “หนูน้อย” สวมกอดอย่างตื้นตัน “หลานย่า”
หนูน้อยกราบ “สวัสดีคับคุณย่า”
ศรีดารายิ้มชื่นใจ รีบบอก “กราบคุณปู่ด้วยลูก” บอกอนุต “คุณคะ..ภูผามาแล้ว หนูน้อยก็มาด้วย หนูน้อยหลานชายของเราไงคะคุณ”
อนุตค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองหนูน้อย
หนูน้อยเดินเข้าไปหาแล้วกราบ “สวัสดีคับคุณปู่”
อนุตมองเด็กชายตัวน้อย ก่อนจะเหลือบมองภูผาอย่างรู้สึกผิด ภูผากราบแล้วโผเข้ากอดพ่อทันที
“พ่อครับ...พ่อต้องไม่เป็นไรนะครับ” ภูผาผละตัวออกมามองหน้าพ่อ
“แกไม่โกรธพ่อใช่มั้ย?”
ภูผาส่ายหน้า “ผมไม่เคยโกรธพ่อครับ”
อนุตพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะผินหน้ามาทางพฤกษ์ “พฤกษ์ล่ะ”
พฤกษ์เข้ามาใกล้ๆ “ผมก็ไม่เคยโกรธพ่อครับ”
อนุตพยักหน้าหงึกๆ
เมฆารอ เผื่อว่าพ่อจะเรียก
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน”
เมฆาอึ้ง? ศรีดารา วงเดือน และชอุ่ม เริ่มสะอื้นอีก
“คุณคะ..ไม่นะคะ...”
อนุตมองไปข้างหน้า พูดลอยๆ “อรุณ...”
ศรีดาราใจจะขาดรอนๆ ร้องร่ำ “ไม่...”
อนุตยิ้มน้อยๆ “คุณแม่...”
แล้วอนุตก็คอพับ จากไปอย่างสงบ ไม่มีห่วงใดๆ อีกแล้ว
ศรีดาราปล่อยโฮลั่น สวมกอดสามีแน่น “คุณ”
ทุกคนร่ำไห้ร้องเรียกกันระงม ยกเว้นหนูน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ยืนงงๆ อยู่
“อย่าทิ้งฉันไปสิคะคุณ..อย่าทิ้งฉันไป”
บรรยากาศเต็มไปด้วยโศกเศร้า หมู่มวลร้องไห้กันระงม
เมฆายืนหน้านิ่งเฉย น้ำตาไหลริน ไม่รู้ว่าเสียใจหรือน้อยใจ!
เวลาผ่านไป ทุกคนสวมใส่อาภรณ์ชุดดำไว้ทุกข์ถ้วนหน้า รวมทั้งเด็กชายหนูน้อย วงเดือน กับโสภีประคองศรีดาราเข้ามานั่งพัก โดยมีชอุ่มจูงหนูน้อยตามมาใกล้ๆ
ห่างออกมาสามพี่น้องยืนคุยกันอยู่
“ตอนนี้คงต้องดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด ตกลงพี่พฤกษ์จะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่” เมฆาเอ่ยขึ้น
พฤกษ์อ้ำอึ้ง “ฉัน..ยังไม่แน่ใจ”
เมฆาตำหนิ “แล้วพี่รับปากคุณพ่อทำไม?”
พฤกษ์นิ่งงันไป
“ส่วนพี่ผา..ผมหวังว่าพี่จะพักอยู่ที่นี่ไม่นาน” เมฆาบอก
ภูผาหันขวับ
พฤกษ์เองก็ไม่พอใจ “เมฆา”
ภูผาสวน “แกมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน”
“ก็สิทธิ์ของความหวังเดียวของแสนสมุทร ผมว่าพี่ 2 คนคงจะจำคำพูดของคุณพ่อได้ ท่านมักพูดอยู่เสมอ” เมฆาอวดโอ้อย่างภูมิใจ “ว่าผมคนเดียวเท่านั้นที่เป็นความหวังเดียวของแสนสมุทร”
ภูผาสวนคำอีก “แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแกมีสิทธิ์”
เมฆาขึ้นเสียง “พี่ผา”
วงเดือนได้ยินหันขวับ ปรี่ลุกขึ้นมาปรามอย่างไม่พอใจ เอ็ดพอให้ 3 หนุ่มๆ ได้ยิน
“นี่มันอะไรกันคะ? ทำไมต้องเสียงดังด้วยคะคุณเมฆา”
เมฆาไม่พอใจที่โดนวงเดือนต่อว่า “นี่...พูดจากับสามีให้ดี ๆ หน่อย”
วงเดือนอึ้ง
พฤกษ์ช่วยกล่อม “เมฆา...เกรงใจคุณแม่หน่อย เมื่อกี๊แกก็เพิ่งบอกเองว่าเราคงต้องดูแลคุณแม่อย่างใกล้ชิด”
เมฆาอึ้งไป ก่อนจะชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ “ผมเหนื่อยแล้ว..จะไปพัก”
พูดจบก็เดินดุ่มออกไป พฤกษ์กับวงเดือนมองหน้ากัน ก่อนที่วงเดือนจะหันไปมองภูผา เจอกับสายตาภูผาที่มองก่อนอยู่ก่อนแล้ว
คืนนั้นภูผาเล่นอยู่กับหนูน้อยที่นั่งอยู่บนตัก
“ทำไมคุณปู่หลับไม่ตื่นล่ะครับพ่อผา” หนูน้อยถามอย่างไร้เดียงสา
“คุณปู่แก่แล้วน่ะครับ”
ระหว่างนั้นวงเดือนเดินมาบังเอิญได้ยินก็ชะงัก นิ่งฟัง
“แม่หนูนายังไม่เห็นแก่ แต่ทำไมก็หลับไม่ตื่นล่ะครับ”
ภูผาอึ้งไป ไม่รู้จะตอบไงดี? “ก็...แม่หนูนายังไม่แก่ แต่เหนื่อยน่ะครับ แม่หนูนาเหนื่อยมาก”
หนูน้อยทำหน้าเหมือนยังสงสัย “แต่พ่อผาก็เหนื่อย ตาหว่างก็เหนื่อย พี่ดอยก็เหนื่อย หนูน้อยก็เหนื่อย ไม่เห็นจะหลับไม่ตื่นเหมือนคุณปู่กับแม่หนูนาเลย”
ภูผาอึ้ง จุก ไปไม่เป็น
วงเดือนแอบขำกิ๊ก
ภูผาเปลี่ยนเรื่อง “โอย! ถามเยอะ” ลุกขึ้น “พ่อผาง่วงนอนแล้ว ไปๆๆๆ ไปนอนได้แล้ว”
สองคนลุกขึ้น หนูน้อยแอบเห็นวงเดือนซะก่อน เลยตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
“แม่เดือน”
ภูผาหันขวับ วงเดือนชะงักกึก
หนูน้อยสะบัดมือภูผา วิ่งไปกอดเอววงเดือนแน่นราวกับคุ้นเคยมานาน “แม่เดือน”
วงเดือนอึ้งปนดีใจ มองมายังภูผา ที่ยืนเก้อๆ เขินๆ ทำอะไรไม่ถูกอยู่
สามคนเดินมาด้วยกัน วงเดือนจูงมือหนูน้อยที่ยืนตรงกลางระหว่างภูผาและวงเดือน
วงเดือนดักคอนิดๆ “คุณเล่าเรื่องเดือนให้หนูน้อยฟังด้วยเหรอคะ”
“เอ่อ..ก็..บอกให้เค้าฟังว่ามีแม่อีกคนชื่อแม่เดือน เคยช่วยเลี้ยงเค้าตอนเกิดใหม่ๆ อยู่ที่แสนสมุทร”
วงเดือนฟังแล้วปลื้ม
หนูน้อยเงยหน้าพูดแทรกขึ้น “ให้ดูรูปแม่เดือนด้วยคับ”
วงเดือนหันขวับ นึกสงสัยในใจว่าภูผามีรูปเราด้วยเหรอ?
ภูผาสะดุ้งทันที “เฮ่ยๆ” พร้อมกับปราม “หนูน้อย”
หนูน้อยพูดซื่อๆ “มีแต่รูปแม่เดือน ไม่มีรูปแม่หนูนา”
วงเดือนอึ้ง ภูผาหลบตาวูบ
หนูน้อยเอื้อมมือไปจับมือภูผา กลายเป็นทั้ง 2 คนจูงมือหนูน้อย ยังกะ 3 คน พ่อ-แม่-ลูก
หนูน้อยชวนเล่น “หนูน้อยจะโดด”
วงเดือนยิ้ม “ได้...” มองหน้าภูผา “นึง-ส่อง-ซั่ม”
วงเดือนและภูผายกแขนเด็กน้อยขึ้นพร้อมกัน หนูน้อยกระโดดดึ๋ง พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
ภูผาชักสนุก “เอ้า! นึง - ส่อง -ซั่ม”
หนูน้อยชอบใจ เอาอีกๆ แต่วงเดือนไม่ไหว
“โอย...ไม่ไหว...ตัวหนูน้อยหนักจัง”
ภูผากำลังเพลิน “นั่นสิ..เดี๋ยวแขนแม่เดือนเค้าหักล่ะแย่เลย”
วงเดือนชะงัก ภูผาก็อึ้ง “เอ่อๆ” ไปตามระเบียบ
วงเดือนเปลี่ยนเรื่อง “คุณจะอยู่แสนสมุทรนานมั้ยคะ”
“ก็...คงเสร็จงานศพคุณพ่อ”
วงเดือนอึ้งไป
ภูผามองจ้องวงเดือน “ที่ผ่านมา...เธอเป็นยังไงบ้าง? สบายดีมั้ย”
“ค่ะ..เดือนสบายดี” วงเดือนมองภูผา ถามกลับ “แล้วคุณล่ะคะ”
“ก็...” ภูผาพยักหน้า “...ดี”
สองคนเงียบกันไป หนูน้อยก็เลยพูดขึ้น “หนูน้อยจะโดดอีกคับ”
ภูผาปราม “ไม่เอาแล้ว แม่เดือนเค้าเหนื่อยแล้ว”
“หายเหนื่อยแล้วจ้ะ มาเลย แม่เดือนสู้ตาย”
หนูน้อยร้อง “เย้”
ภูผาขำๆ ส่ายหน้า ต้องยอมแพ้
สองคนจับมือให้หนูน้อยเล่นกระโดดกันอีกรอบ โดยไม่รู้ว่าเมฆามองลงมาจากหน้าต่างห้องนอนสีหน้าเคืองสุดขีด
ภูผาอุ้มหนูน้อยที่นอนหลับปุ๋ยเดินมากับวงเดือนตรงทางเดินหน้าห้อง
“หนูน้อยคงจะเหนื่อยนะคะ...หลับปุ๋ยเลย”
“ใช่” ภูผายิ้มร่า “เมื่อกี๊แม่เดือนตามใจนี่ ให้โดดเยอะไปหน่อย เลยสลบเหมือดเลย”
วงเดือนเย้า “อ้าว...อย่ามาโทษกันสิคะ”
พอมาถึงหน้าห้อง สองคนหยุดยืน
“คุณเข้าห้องเถอะ”
“คุณก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเดือนเปิดประตูให้”
เมฆาเปิดประตูออกมา “เข้าห้องได้แล้วเดือน”
สองคนอึ้งกันไป
เมฆาเสียงดัง “ผมบอกให้เข้าห้อง”
ภูผาพูดเรียบๆ “เดือน..เข้าห้องเถอะ”
“ค่ะ”
เมฆาของขึ้นทันควัน “อ๋อ...เดี๋ยวนี้ผัวพูดไม่เชื่อ แต่เชื่อพี่ผัว”
วงเดือนขึ้นเสียง “คุณเมฆา”
เมฆากระชากแขนวงเดือนเหวี่ยงเข้าห้องเลย ตวาดเสียงดังลั่น “เข้าห้อง”
ภูผาขยับจะช่วย
เมฆาหันขวับมาชี้หน้าปราม “เรื่องของผัวเมีย คนอื่นไม่เกี่ยว”
ภูผาอึ้งนิ่งงันไป เมฆายังชี้หน้าขู่ไว้ ก่อนจะปิดประตูใส่หน้าดังปัง!
ภูผามองประตู ด้วยความเป็นห่วงวงเดือน
วงเดือนกำลังยันตัวลุกขึ้น หลังจากโดนเหวี่ยงไปกองอยู่กับพื้น
“ไหนคุณบอกว่าคุณรักผมไงวงเดือน? ตกลงคุณรักผมจริงรึเปล่า?”
วินาทีนั้นเหตุการณ์ตอนวงเดือนบอกว่ารักเมฆาในร้านตัดเสื้อ ผุดขึ้นมาแวบหนึ่ง วงเดือนหน้านิ่ง
“ไงล่ะ? ตกลงคุณรักผม หรือว่ารักไอ้พี่ผากันแน่” เมฆากระชากเสียงถาม จะเอาคำตอบให้ได้
วงเดือนเอาแต่นิ่ง
เมฆาโมโหปรี่ไปจับไหล่จ้องหน้าคาดคั้น
“สายตาที่คุณมองมัน กับสายตาที่คุณมองผม มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว”
วงเดือนยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น เมฆาพิราบรำพันต่อ
“คุณจะรักมันไม่ได้นะวงเดือน ไอ้พี่ผามันรักคุณไม่เท่าผมหรอก มันทำอะไรให้คุณไม่ได้เท่าผมหรอก ถ้าคุณรู้ว่าที่ผ่านมาผมทำอะไรเพื่อคุณไปบ้าง คุณจะไม่มีวันแบ่งใจไปรักไอ้พี่ผาได้เลย”
วงเดือนถามสวนออกมา “คุณทำอะไรเหรอคะ”
เมฆาอึ้ง พูดไม่ออก บอกไม่ได้ “ขอแค่ให้คุณรู้ไว้ว่าผมทำเพื่อคุณได้ทุกอย่าง ผมให้คุณได้ทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตของผม”
วงเดือนอึ้งไป “พอเถอะค่ะ เดือนไม่มีค่าถึงขนาดนั้นหรอก”
“มีสิเดือน คุณมีค่ากับผมมากขนาดนั้น ผมซะอีก..ที่ไม่มีค่ากับใครเลย” พูดอย่างน้อยใจ “ขนาดใกล้จะหมดลมหายใจ พ่อยังพูดแต่กับพี่พฤกษ์ พี่ผา นึกถึงอรุณ แม้แต่คุณย่า...” ส่ายหน้าเยาะหยัน “ผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนั้น พ่อยังไม่ทักซักคำ”
วงเดือนอึ้ง “คุณเมฆา”
เมฆาสวมกอดเดือน “คุณต้องรักผมนะ รักผมอย่างที่ผมรักคุณ” ละตัวออกมามองจ้องหน้าวงเดือน “ได้มั้ยเดือน”
วงเดือนฟังแล้วใจแป้ว นึกสงสารเมฆาอยู่เหมือนกัน “คุณเมฆาคะ..อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะคะ เดือนรู้สึกว่าหมู่นี้คุณเมฆาจะชอบคิดมาก มันยิ่งทำให้คุณเมฆาเครียดนะคะ”
เมฆารู้สึกว่าวงเดือนเป็นห่วง ก็พยักหน้า “ผมจะเชื่อเดือน ผมจะไม่คิดมาก”
วงเดือนยิ้มบางๆ “ค่ะ..คุณเมฆานอนเถอะนะคะ ดึกแล้ว”
เมฆาพยักหน้า ว่าง่าย “ได้..ผมจะนอน”
เมฆาเดินไปล้มตัวลงนอนที่โซฟาตัวเดิม วงเดือนขึ้นเตียงนอนตะแคงหันหน้าไปอีกข้าง
เมฆาเหลือบมองวงเดือน สีหน้าเป็นกังวล เหตุการณ์ตอนเมฆาเกลี้ยกล่อมให้วงเดือนแต่งงานกันเพียงในนามผุดขึ้นมา
“ผมยินดีจะหย่ากับเดือนถ้าคุณพ่อ....” และถูกวงเดือนเอามือปิดปากไม่ให้พูด
เมฆายิ่งคิดก็ยิ่งเครียด มองวงเดือนตาวาววับ สีหน้ามาดหมาย
“ไม่มีทาง! ผมไม่มีวันหย่ากับคุณเด็ดขาด คุณต้องเป็นของผมคนเดียว...ตลอดไป”
ส่วนวงเดือนยังไม่หลับ นอนคิดถึงภูผาอยู่ ตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ
“คุณภูผา...ทำไมเดือนถึงเลิกรักคุณ เลิกคิดถึงคุณไม่ได้? ทำไม?”
เช่นเดียวกับภูผากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ข้างๆ มีหนูน้อยนอนหลับปุ๋ยอยู่
“วงเดือน...เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉันรักตลอดมา และจะรักตลอดไป”
รักสามเส้า ยังคงดำเนินต่อไป โดยไม่มีใครรู้บทสุดท้ายจะพา 3 คน 3 หัวใจ ภูผา เมฆา และ วงเดือนไปทิศทางไหน
โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอน อวสาน พรุ่งนี้