ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 19
บนเวทีคอนเสิร์ตลูกทุ่งบานฉ่ำยามนั้น พิธีกรกำลังดำเนินรายการต่อ
“ขอบคุณ สำหรับเสียงปรบมือที่เป็นกำลังใจให้กับศิลปินกบกรรณิการ์ที่เพิ่งร้องจบไปครับ และต่อจากนี้ไป ช่วงเวลาที่แฟนเพลงทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วครับ”
คนดูปรบมือกรี๊ดดีใจ
“แต่วันนี้ต้องกราบขอโทษด้วยนะครับ เพราะชามาดาไม่สามารถมาแสดงได้
เนื่องจากไม่สบาย...”
คนดูเริ่มโห่โดยเฉพาะแฟนคลับหนุ่มๆ ที่โห่หนักเป็นพิเศษ
“แต่ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้นทีทองมาแล้วครับ และเขามา พร้อมกับนักร้องดาวรุ่งดวงใหม่ที่จะมาแนะนำให้แฟนๆ ได้รู้จักครับ”
แฟนเพลงโวย
“ไม่เอา! เราอยากดูชามาดา จะให้คนอื่นมาร้องแทนได้ไง”
“ใช่! หยั่งงี้มันโกหกกันนี่หว่า ไม่เอา! นักร้องใหม่เราไม่ดู เราจะดูชามาดา”
แฟนเพลงเริ่มประท้วงหนัก กบเริ่มใจไม่ดี พิธีกรประกาศต่อ
“โอกาสนี้ ผมขอฝากฝังกุ้งนางนักร้องสาวดาวรุ่งดวงใหม่ไว้ในอ้อมใจของแฟนๆ ทุกคนด้วยครับ”
แฟนเพลงยังโห่ประท้วง ชามาดาที่แอบดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลารู้สึกสะใจ
บนเวที อินโทรเพลงของนทีทองดังขึ้น แดนเซอร์วิ่งขึ้นเวที แสงสีเสียงตระการตา ข้างล่างด้านหน้าเวทีบรรดาแฟนคลับของชามาดาก็ยังโห่และมีท่าทีไม่พอใจ นทีทองกับกุ้งนางขึ้นมาบนเวที ทั้งสองเต้นคู่กันอย่างเข้าขาดูสนุกสนาน คนดูที่กำลังโห่ประท้วงพอเห็นกุ้งนางก็ชะงัก ตะลึงกับความสวยของเธอ
กุ้งนางสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดูด้วยการโชว์เสียงร้องเพลงได้ดีไม่แพ้ชามาดา และดีกว่าด้วยซ้ำ จิรายุ ทัศนีย์ ครูแจ๋ และคนอื่นๆ ทึ่งในตัวกุ้งนาง โดยเฉพาะชามาดาที่ตะลึงกังวลใจ คนดูเริ่มสนุกสนาน พากันเต้นปรบมือกันสนุก บ้างก็ถ่ายรูปกันยกใหญ่ นทีทองมองกุ้งนางและยิ้มอย่างปลื้มใจ จนเพลงจบ แฟนเพลงก็แห่แย่งกันให้พวงมาลัยกุ้งนาง ชามาดาที่ยืนอยู่ข้างจิรายุ และทัศนีย์เจ็บใจมากที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างหวัง
“อีกุ้งนาง แกจะได้เกิดก็แค่ชั่ววูบเท่านั้นแหละ”
ชามาดาถอดแว่นและผ้าโพกผม จิรายุแปลกใจ ชามาดาจะเดินออกไป
“ดา คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ก็จะไปหน้าเวที ให้มันรู้ไปว่าระหว่างชามาดาตัวจริงกับอีนักร้องบ้านนอกนั่นแฟนเพลงจะเลือกใคร”
ชามาดาเดินออกไป จิรายุดึงแขนไว้
“คุณจะทำหยั่งงั้นไม่ได้นะ...ชามาดา”
อีกมุมหนึ่งของเวที สุดนภายังตะลึงกับสิ่งที่เห็นไม่หาย ครูชาตรียืนอยู่ด้วย
“เอ๊ะ...นี่มัน...”
สุดนภานึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เธอเห็น จิรายุกำลังยื้อยุดกุ้งนางที่บริษัท
‘ไม่ปล่อย’
‘ฉันบอกให้ปล่อย’
กุ้งนางสะบัดหลุด ตบหน้าจิรายุด้วยความโมโห จิรายุหันมาแววตาทั้งรักทั้งโกรธ ดึงตัวกุ้งนางมาจูบปาก กุ้งนางอึ้ง จิรายุก็อึ้งรู้สึกผิดที่จูบกุ้งนาง สุดนภายืนดูอยู่ หญิงสาวอึ้งตกใจ...จิรายุรู้สึกผิด
‘กุ้งนาง...ฉัน’
สุดนภายังตะลึงไม่หาย
‘พี่จิคะ’
กุ้งนางเอกก็ตกใจผลักจิรายุออก ทั้งเจ็บใจทั้งอาย...สุดนภาเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง พี่จิจะเขี่ยนังชามาดาไป ดันนังเด็กบ้านนอกนี่มาแทน”
ครูชาตรีขัดขึ้น
“ผมว่าคุณฟ้า อย่าไปคิดแทนสยามซองเลยครับ คิดถึงแต่บริษัทเราดีกว่า”
“แต่คนอย่างฟ้าไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ ยอมเสียของรักไปให้ใครง่ายๆ หรอกค่ะ” สุดนภากำหมัด “คนอย่างฟ้า สุดนภา ถ้าอยากได้อะไร มันต้องได้!ค่ะครู”
สุดนภาหน้าตาถมึงทึง ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามา หญิงสาวรีบเปลี่ยนเป็นโหมดยิ้มหวาน
“เชิญคุณฟ้าเตรียมตัวทางนี้เลยนะครับ”
ชามาดาเดินหัวเสียจะไปด้านหลังเวที แต่พบกับสุดนภาและครูชาตรีที่รอแสตนบายเตรียมร้องเพลงอยู่ข้างเวที สองสาวต่อตากัน จ้องกันไม่ยอมแพ้
“ใกล้ตกกระป๋องแล้วสินะคะ คุณชามาดา”
“แกไม่ต้องมาเยาะเย้ยฉัน นังฟ้า!”
“โอ้โห ยังจะปากดีอีก เรียกว่าที่เจ้านายว่า คุณฟ้าดีกว่าไหมคะ”
ชามาดาชะงัก ฟ้ายิ้มสะใจ ชามาดาเดินเจ็บใจออกไปที่มุมหนึ่งแค้นๆ
“แกกับพ่อแกยังไม่ได้เป็นเจ้านายฉัน อย่ามาสาระแน แส่ เสือกเรื่องของฉันให้มากนัก จำไว้นะอีฟ้า”
สุดนภายิ้มไม่สะทกสะท้าน ชามาดาจ้องเขม็งแล้วออกไป สุดนภาหันมาหาครูชาตรี
“สันดานต่ำยังงี้นี่เองนะคะครู ไม่รู้ว่าดังมาได้ยังไง”
“คุณฟ้าอย่าลดตัวลงไปทำอย่างเขาสิครับ”
สุดนภาจ้องเขม็งเอาเรื่อง
“ครู...”
ครูชาตรีถอนใจ
“ผมก็แค่เตือน ไม่อยากให้คุณระวังตัวหน่อย เพราะคุณเป็นศิลปินใหม่”
“ขอบใจที่เตือน ฟ้ารู้ดีว่า จะต้องทำตัวยังไง ไม่ต้องมาสอน”
ครูชาตรีนิ่งไป สุดนภาฟ้าทำหน้าเชิดยะโสถือดี
พิธีกรออกมาดำเนินรายการที่หน้าเวที
“จบการแสดงไปแล้วนะครับ สำหรับนทีทองกับน้องกุ้งนางจากสยามซอง เรียกได้ว่าสนุกสนานประทับใจจริงๆ จนเราเกือบลืมชามาดาไปเลยนะครับ”
เสียงหัวเราะ ตบมือ เป่าปากดังขึ้น
“อันนี้แซวเล่นนะครับ...อะแฮ่ม!และต่อไปนี้จะเป็นคิวของนักร้องใหม่ จากค่ายเบสท์ มิวสิคที่กำลังมาแรง และถือว่าวันนี้เป็นวันเปิดการแสดงครั้งแรกกับคอนเสิร์ตลูกทุ่งบานฉ่ำของเรา เธอคือ ฟ้า สุดนภา จากเบสท์มิวสิคคร้าบ”
ดนตรีเพลงขึ้น สุดนภาออกมาร้องกับแดนเซอร์ แต่เธอไม่ได้เต้นไปกับแดนเซอร์ ต่างคนต่างเต้น คนดูด้านหน้าเวทีรู้สึกไม่สนุกจึงเริ่มเฉยๆ บางคนบ่นออกมา
“โห...ให้ดูอะไรกันเนี่ย! น้องฟ้าก็สวยอยู่หรอก แต่เต้นไม่ได้เรื่องเลย”
สุดนภาเริ่มใจไม่ดีที่เห็นท่าทีของคนดู จนเพลงจบ คนดูคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“นี่!เอานทีทองกับกุ้งนางออกมาอีกรอบดีกว่า กุ้งนางๆๆๆ”
คนดูอื่นๆตะโกนตาม
“กุ้งนางๆๆๆๆๆ”
สุดนภาเริ่มหน้าเสีย แต่ก็จำใจร้องเพลงต่อไป มุมหนึ่งบริเวณงานแสดง เสี่ยอ๋ายืนดูอยู่กับครูชาตรีอย่างหัวเสีย
“ไอ้คนดูนี่ มันอะไรกันนักหนาวะ”
เสี่ยอ๋าทนดูไม่ได้ เดินหัวเสียออกไป ครูชาตรีส่ายหน้าระอาใจ
จิรายุเดินมานั่งที่ห้องรับแขกด้านหน้าสถานี ชายหนุ่มยิ้มปลื้มที่กุ้งนางประสบความสำเร็จ เสี่ยอ๋าเดินออกมาเห็นจิรายุก็เดินเข้ามาหา จิรายุลุกขึ้นยืน
“สวัดีครับ เสี่ย”
“สวัสดีหลานชาย ยินดีด้วยนะที่ดันนักร้องใหม่ขึ้นมาแทนชามาดาได้ แต่อย่าเพิ่งเขี่ยชามาดาทิ้งล่ะ มันไม่คุ้มหรอก”
จิรายุมองตาเขม็ง เสียอ๋าก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวใดๆ
“ผมไม่คิดจะทำธุรกิจด้วยวิธีที่สกปรก เสี่ยก็อย่าทำยังงั้นดีกว่าครับ”
เสี่ยอ๋าโกรธแต่ยังเก็บอาการ
“คุณจิรายุ พ่อคุณไม่เคยสอนรึไง ว่าเวลาอยู่ในวงการ ควรจะรู้จักเคารพนอบน้อมกับผู้ใหญ่”
“สอนครับ สอนว่าให้เคารพนับถือผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีมีคุณธรรม”
“แก! ไอ้จิรายุ! แกชักจะเหิมเกิมมากไปแล้วนะ”
เสี่ยอ๋าโกรธจัด จิรายุยิ้มพูดสวนกลับทันที
“เสี่ยขโมยเพลงของผมไปได้หนึ่งเพลง แต่ผมจะแต่งใหม่ให้ดีกว่า และเยอะกว่าที่เสี่ยขโมยไปซะอีก”
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ถ้าแกกล่าวหาฉันอีกคำเดียว ฉันเรียกตำรวจมาลากคอแกแน่!”
ระหว่างนั้นสุดนภาเดินเข้ามาพอดี เสี่ยอ๋าข่มใจให้เย็นลง
“ป๋าคะ มีอะไรกันเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก เรากลับกันเถอะฟ้า”
“แต่ว่าฟ้ายังไม่ได้คุยกับพี่จิเลย”
เสี่ยอ๋าตวาด
“ป๋าบอกให้กลับไง”
“ค่ะ ฟ้ากลับก่อนนะคะพี่จิ แล้วเจอกันนะคะ”
จิรายุไม่ตอบหน้าตาเฉยเมย เสี่ยอ๋ารีบพาลูกสาวกลับ ก่อนไปเสี่ยอ๋ามองตาอาฆาตจิรายุไว้
เช้าวันต่อมา...สุดนภายืนคอยอยู่หน้าบริษัท จิรายุเดินผ่านมา หญิงสาวรีบปรี่เข้าหา
“พี่จิคะ สวัสดีค่ะ”
“ฟ้า...คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ฟ้าจะมาขอโทษพี่จิ เรื่องที่เมื่อวานคุณพ่อของฟ้าเข้าไปแทรกแซงการแสดงของสยามซอง”
“ผมไม่ได้คิดอะไร เราคงไม่มีธุระอะไรต้องคุยกัน”
สุดนภาทำหน้าหงอย
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าเข้าใจพี่จิ เป็นใครก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ยังไง...” สุดนภายกมือไหว้ “ฟ้าก็ต้องขอโทษแทนป๋าของฟ้าด้วยค่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะ”
จิรายุรีบเดินหนี กุ้งนางเข้ามาพอดี จิรายุเรียกไว้
“กุ้งนาง...”
สุดนภารีบมาเกาะแขนจิรายุ กุ้งนางหน้าบึ้ง
“พี่จิคะ...” สุดนภายิ้มๆ “นี่กุ้งนางที่ขึ้นเวทีเมื่อวานใช่มั้ยคะ...”
“ครับ”
สุดนภาเดินยิ้มผ่านหน้าจิรายุเข้ามาจับมือกุ้งนาง
“ฉันเห็นเธอเล่นคอนเสิร์ตเมื่อวาน เห็นแล้วฉันชอบมากเลย ยินดีด้วยนะ”
กุ้งนางยิ้มตอบ
“ขอบคุณค่ะ...”
“แต่ฉันยินดีและยอมรับเฉพาะเรื่องเพลงนะ ส่วนเรื่องพี่จิ” สุดนภาบีบมือกุ้งนางแน่น “ฉันไม่ยอมนะ”
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องฉันกับคุณจิรายุหรอกค่ะ”
กุ้งนางบีบมือกลับแรงกว่าจนสุดนภาตกใจสะบัดออก และยิ้มหวานให้กับทุกคนก่อนเดินออกไป จิรายุเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนฟ้า...”
สุดนภาหันมายิ้ม
“คะ”
“ฝากบอกไปถึงพ่อของคุณด้วย ว่าเพลงใหม่ๆที่ผมแต่งกำลังจะทยอยออกมา คราวนี้คมกริชคงขโมยไปให้คุณร้องไม่ได้แน่”
สุดนภาทั้งอึ้งทั้งอาย ทั้งโกรธพ่อรีบกลับไปเลย
จิรายุนั่งดูจอโน๊ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานแล้วหัวเราะลั่นชอบใจ อ่านไปก็หัวเราะไป ทัศนีย์ยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าโต๊ะ บนโต๊ะยังมีหนังสือพิมพ์บันเทิงต่างๆ ที่ทัศนีย์นำมาให้จิรายุอ่านวางอยู่หลายฉบับ จิรายุอ่านข่าวจากจอโน๊ตบุ๊ค
“กุ้งนางนักร้องสาวดาวรุ่งลูกทุ่งดวงใหม่แจ้งเกิด”
“ไม่เพียงแค่ในเว็บไซด์ของเรานะคะ หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บันเทิงก็ลงพาดหัวข่าวเรื่องกุ้งนางกันทุกฉบับ แถมกระทู้ของเว็บต่างๆ ก็ถามหากันแต่กุ้งนางด้วย”
จิรายุยิ่งหัวเราะชอบใจ
“สะใจผมจริงๆ เลย วันนี้ผมมีความสุขมาก นี่...พี่ตู่รู้มั้ย ว่าเมื่อวานน่ะ ไม่ใช่แค่เราได้นักร้องดาวรุ่งดวงใหม่นะ แต่ทั้งวงการ ยังได้เห็นอีกด้วย ว่าค่ายของเราคือค่ายเพลงลูกทุ่งอันดับหนึ่งของประเทศ”
“ก็จริงค่ะ หลังจากนี้ คุณจิก็ต้องปั้นกุ้งนางให้เป็นราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของวงการให้ได้นะคะ”
“พี่ตู่ต้องช่วยผมนะครับ”
“ค่ะ กุ้งนางจะต้องเป็นราชินีลูกทุ่งอันดับหนึ่งขนานแท้เลยทีเดียวค่ะ”
“ผมว่า ผมจะรีบออกอัลบั้มโปรเจ็คท์เปิดโฉมโลกลูกทุ่งที่หยุดไป”
“ก็ดีค่ะ แต่ถ้าคุณคมกริชกับชามาดาฟ้องเราขึ้นมาจริงๆ เราก็อาจจะมีปัญหานะคะ”
จิรายุไม่ได้พูดอะไร ได้แค่ยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ ทัศนีย์เห็นแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
จิรายุนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะในห้องประชุม มีสมุดแฟ้มเล่มใหญ่วางอยู่ตรงหน้า กุ้งนาง ก้าน กบ ด้วง ชะเอม นั่งอยู่รอบโต๊ะประชุม โดยมีครูชาตรีนั่งอยู่ติดกับจิรายุ
“ที่ผมเรียกทุกคนมาประชุมวันนี้เพราะว่าเราจะสานต่อโปรเจ็คท์เดิม ที่เราเคยวางแผนกันไว้”
ชะเอมตื่นเต้น
“อ๊าย...นี่ฉันกำลังจะได้เป็นนักร้องดังคู่กับพี่ด้วงแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
“เอ่อ...ชะเอม ถามพี่ก่อนไหมว่าพี่อยากดังคู่เอ็งหรือเปล่า”
ด้วงยืดตัวเกร็งหน้าพยามทำตัวให้ดูดี ชะเอมแอบค้อน ก้านปราม
“เก็บเรื่องดีใจไว้ก่อนเถอะ เอาเรื่องประชุมให้ผ่านก่อน”
ด้วงกับชะเอมเงียบ จิรายุเริ่มต่อ
“ทุกคนคงรู้จักครูชาตรีดีอยู่แล้ว ในอัลบั้มนี้เราจะมีครูมาช่วยเป็นที่ปรึกษา”
จิรายุพูดประชุมไปเรื่อยๆ ทุกคนตั้งใจฟัง ครูชาตรีอธิบายเสริมต่อ...จิรายุยิ้มให้กุ้งนาง ก้านแอบมองทั้งสอง กบมองดูก้านและเห็นใจก้าน ส่วนด้วงก็ง่วนอยู่กับการแกะมือของชะเอมออกจากแขนแต่ก็ตั้งใจฟัง จิรายุหยิบเอกสารจากแฟ้มแจก
“ส่วนนี่ เป็นเพลงที่ผมได้แต่งไว้”
กบดูๆ
“นี่เป็นเพลงที่คุณจิแต่งเองทั้งหมดเลยเหรอ โห...เก่งจังเลยนะคะ”
กุ้งนางมองแฟ้มแล้วตาโตตกใจมองหน้าเขา จิรายุก็ยักคิ้วทะเล้นๆ ให้เธอทันที กุ้งนางค้อนขวับ ครูชาตรีชื่นชม
“เพลงดีๆ ทั้งนั้น ขัดเกลาอีกนิดรับรอง หลายเพลงจะดังแน่”
“บางเพลงผมทำดนตรีไว้แล้วด้วย ตอนนี้ให้ทุกคนไปพักผ่อนก่อน บ่ายนี้ไปเจอกันที่ห้องซ้อมเลยนะครับ เราจะเริ่มงานกันวันนี้เลย”
ทุกคนปรบมือดีใจแล้วลุกไป เหลือแค่ครูชาตรีกับจิรายุ
“คุณจิ ถ้าคุณจรัลรู้ว่า คุณเรียกผมมาเป็นที่ปรึกษา คุณจรัลต้องโกรธมากนะครับ”
“เรื่องนั้นครูไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมซะอีกที่กลัวว่า ถ้าทางเบสท์มิวสิครู้เรื่องนี้เข้า เสี่ยอ๋าจะเอาเรื่องครูสิครับ”
“เรื่องนั้นผมเตรียมการจัดการไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
กบกับชะเอมเดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ
“เออ...กบ กาแฟเพรียวที่กบทานคราวที่แล้วอ่ะ ที่นี่มีขายไหม”
“มีสิพี่ชะเอม หาซื้อง่ายมีขายทั่วไป”
พูดจบกบก็จูงมือชะเอมตรงไปที่ชั้นวางกาแฟเพรียว หญิงสาวหยิบส่งให้ชะเอม
“นี่ไง หาซื้อได้สะดวกมากเลยนะ”
“ดีจังเลย งั้นเดี๋ยวต้องเอาไปให้กุ้งมันด้วย จะเป็นนักร้องดังแล้วต้องดูแลตัวเองให้สวยเสมอ”
กบหยิบไปหนึ่งกล่อง ชะเอมหยิบสองกล่อง
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ ป่านนี้ เขาอยู่ที่ห้องซ้อมร้องเพลงกันหมดแล้วมั้ง”
ในห้องซ้อมร้องเพลง...ก้านร้องคนแรก กบแอบให้กำลังใจ...กบร้องคนที่สอง ต่อด้วยด้วงที่ร้องเพลงสนุกๆ
ที่ห้องซ้อมเต้น ครูแจ๋ออกแบบท่าเต้นกับชะเอมและแดนเซอร์คนอื่นๆแต่ชะเอมโชว์ความคิดการเต้น ทุกคนยกนิ้วปรบมือให้
หลายวันต่อมา...ในห้องซ้อมร้อง กุ้งนาง ร้องได้ดีมากหญิงสาวร้องหลายเพลง ก้าน กบ ด้วง จิรายุ ครูชาตรี ทัศนีย์ตบมือให้
เวลาผ่านไปทุกคนเดินออกมาหน้าห้องซ้อมร้องเพลง ก้าน ด้วง กบเดินนำไป กุ้งนางหยุดรอที่หน้าห้อง สักพักจิรายุกับครูชาตรีก็เดินคุยกันออกมา กุ้งนางรีบเดินไปไปหาทันที
“ครูชาตรีคะ...กุ้งมีเรื่องอยากจะคุยด้วยค่ะ”
กุ้งนางแกล้งมองจิรายุ แต่จิรายุยืนเฉย กุ้งนางพูดดังขึ้น
“กุ้งมีเรื่องอยากจะคุยกับครูสองคนค่ะ”
จิรายุยิ้มกวน
“ก็คุยไปสิ”
กุ้งนางค้อน
“คือหนูมีเนื้อเพลงอยู่เพลงหนึ่ง จะให้ครูช่วยทำทำนองได้ไหมคะ”
“ได้สิ...แต่ต้องขอดูเนื้อเพลงก่อนนะว่าใช้ได้รึเปล่า”
กุ้งนางยิ้มมีหวัง จิรายุแปลกใจ
“กุ้งแต่งเพลงเป็นด้วยเหรอ”
“เปล่า...เป็นเพลงที่พ่อแต่งให้แม่”
ครูชาตรียิ้ม
“พ่อเธอคงจะรักแม่เธอมากสินะกุ้งนาง เฮ้อ...ฉันอยากเป็นคนโรแมนติกแบบนี้บ้างจัง”
กุ้งนางเศร้าไม่ได้ตอบอะไร ครูชาตรีเองพูดจบก็ถอนใจ จิรายุมองทั้งสองด้วยสายตาขุ่นไม่พอใจ
“เธอไม่ต้องไปรบกวนครูหรอก เอามาให้ฉัน ฉันทำให้ก็ได้”
“กุ้งเชื่อมือครูคนเดียว”
“นี่เธอดูถูกฉันเหรอ”
จิรายุจ๋อยไป ครูชาตรีสงสาร
“ลองให้คุณจิช่วยทำดูก็ได้นะ คุณจิก็ฝีมือไม่เลว”
“ไม่ค่ะครู หนูไว้ใจครูคนเดียว”
ครูชาตรีหัวเราะ ขณะเดียวกันนั้นเสียงโทรศัพท์ครูชาตรีดังขึ้น เขากดรับสาย
“ฮัลโหล...ครับเสี่ย...ครับ...” ครูชาตรีวางสาย หันมาหาจิรายุ “ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณจิ ต้องเข้าเข้าไปพบเสี่ยน่ะครับ”
ครูชาตรีเดินออกไป
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 19 (ต่อ)
กุ้งนางเดินหนีมา จิรายุเดินตาม
“นี่คุณหยุดตามฉันซะทีได้ไหม”
“ฉันไม่ได้ตามเธอ”
“เนี่ยนะ ไม่ได้ตาม ถ้าไม่ได้ตามก็จะไปไหนก็ไปสิ เบื่อ”
“กุ้งงอนฉันเรื่องฟ้ารึเปล่า”
“เปล่า ทำไมจะต้องงอนด้วย”
“ก็เห็นหน้าบึ้งหน้างอกับฉันมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่”
“หน้าฉันเป็นยังงี้เอง”
“กุ้งนาง ฟังนะ ตอนฉันอยู่เมืองนอก ไม่ได้สนิทสนมกับฟ้า ตอนนี้ฉันไม่ได้มีอะไรที่สำคัญ ไม่มีวันที่ฉันจะชอบฟ้า”
“แล้วมาบอกฉันทำไม”
“ก็จะได้เลิกงอนฉันซะทีไง”
กุ้งนางทำเป็นไม่รู้เรื่อง จิรายุถอนใจ
“รู้ไหม บางทีฉันก็อยากแก่เร็วๆ”
“มาบอกฉันทำไม”
“อ้าว ก็กุ้งเข้ากันได้ดีกับชายสูงอายุ ไหนจะพี่นที แล้วยังจะครูชาตรีก็อีกคน มีเรื่องคุยปรึกษากันตลอด ทีกับฉันพยามยามเลี่ยง ไม่อยากอยู่ใกล้”
กุ้งนางมองหน้า
“คุณจิ ถามจริงๆ เถอะ คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“ฉันก็ต้องการ ให้เธอชอบฉัน เหมือนอย่างที่ฉันชอบเธอไง”
กุ้งนางอึ้ง
“คุณจิ”
“กุ้งนาง ฉันพูดจริงๆ นะ ถ้าฉันไม่จริงจังกับกุ้ง ฉันคงไม่หวั่นไหวแบบนี้”
กุ้งนางพูดไม่ออก ชายหนุ่มจ้องนิ่ง หญิงสาวอึกอักไม่กล้าสบตา จิรายุเดินเข้ามาใกล้จับมือของเธอขึ้นมากุมไว้
“ฉันไม่อยากปิดบังความรู้สึกของฉันอีกต่อไปแล้วกุ้ง”
กุ้งนางจิตใจไม่อยู่กับตัวทำอะไรไม่ถูก จิรายุดึงเธอเข้ามากอด หญิงสาวไม่ได้ขัดขืน รู้สึกมีความสุขที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ปล่อยกุ้งได้แล้วค่ะ”
จิรายุค่อยๆ ปล่อยแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ชะเอมกับกบเดินเข้ามา
“กุ้ง คุณจิ” ชะเอมทำเป็นรู้ทัน “ทำไรกันอยู่คะเนี่ย”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ ขอโทษนะกุ้ง” กบดึงชะเอม “ไปเถอะพี่ชะเอม”
กุ้งนางหน้าตื่น
“พี่ชะเอม กบ...ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”
ชะเอมยิ้ม
“พี่ไม่ได้คิดอะไรเลยนะ”
“กบก็ไม่ได้คิด”
กุ้งนางหน้าแตก จิรายุยิ้มขำ กุ้งนางเขินรีบจูงมือชะเอมกับกบหนีออกไป
กุ้งนาง ชะเอม กบ เดินเข้ามาหน้าห้องอัดเสียง ก่อนจะหยุดคุยกัน
“นี่หยุดพูดหยุดถามเรื่องกุ้งกับคุณจิได้แล้ว”
กบแย้ง
“หยุดไม่ได้หรอก เพราะกุ้งไม่ยอมเล่ามาให้หมด”
ชะเอมคาดคั้น
“นั่นสิ คุณจิเขาพูดอะไร แล้วเขาทำอะไรกุ้งบอกมาดีๆ เลย”
“พอแล้ว”
กบกับชะเอมหัวเราะขำที่กุ้งนางเขิน
“ขำอะไร”
กบยิ้มๆ
“ที่หน้าแดงนี่เขินหรือโกรธเนี่ย”
“เฮ้ย...กบ อย่าไปแซวกุ้งมันสิ เดี๋ยวมันก็รู้หมด ว่าพวกเราเชียร์อยู่”
กบกับชะเอมหัวเราะสนุกสนาน กุ้
“ฉันไม่คุยด้วยแล้ว”
กุ้งนางหันไปก็เจอก้านกับด้วง ก้านจ้องหน้ากุ้งนางไม่พอใจกุ้งนางชะงัก
“อ้าว...พี่ก้าน พี่ด้วงหายไปไหนกันมา”
ก้านไม่ค่อยชอบใจนัก
“ก็ไม่ได้ไปไหน ว่าแต่กุ้งเถอะ หายไปไหนกับคุณจิมาล่ะ”
กุ้งนางนิ่งหน้าเจื่อนไป ก้านเดินออกไป ชะเอมถามอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว...ไอ้ก้านไปไหน ไม่ซ้อมเหรอ ว่าจะมาดูซ้อมร้องซะหน่อย พี่ด้วง ไอ้ก้านมันยังตัดใจไม่ได้อีกเหรอ”
ด้วงถอนใจ
“มันต้องใช้เวลาหน่อยนะกุ้ง”
กุ้งนางมองก้านอย่างห่วงๆ
“กุ้ง เป็นห่วงพี่ก้านน่ะจ้ะ”
“เดี๋ยวฉันไปดูพี่ก้านให้นะ”
กบเดินตามก้านออกไป กุ้งนางรู้สึกกังวล ด้วงพูดถึงกบ
“นี่ก็อีกคน”
ชะเอมชะงัก
“กบน่ะหรอ”
“เออ ไม่รู้จะมารักมาหลงอะไรไอ้ก้านนักหนา”
ชะเอมหน้าเหวอ
“พี่ว่าอะไรนะ กบรักไอ้ก้านเหรอ”
“เออ เอ็งตาบอดรึไง ไม่เคยสังเกตรึไง เวลาที่กบมองไอ้ก้านน่ะ มันก็เหมือนกับที่ไอ้ก้านมองกุ้งนั่นแหละ”
ชะเอมนึกได้
“เออ จริงของพี่”
กุ้งนางถอนใจ
“งั้นกุ้งก็ต้องภาวนาให้พี่ก้านมองเห็นความดีของกบ”
ด้วงหันไปหาชะเอม
“ส่วนเอ็งกับข้านะชะเอม”
“อะไรพี่ด้วง”
“หลังจากที่เอ็งทำล้อเล่นกับพี่มานาน พี่คิดว่าถ้าเราจะออกเทปด้วยกัน พี่ก็ต้องทำใจยอมรับความรักของเอ็งให้ได้”
ชะเอมดีใจ
“เฮ้ย พี่ เอาจริงเด่ะ”
“เอ็งเอาจริง พี่ก็ต้องเอาแล้วล่ะว่ะ”
ชะเอมตบไหล่เพี๊ยะ
“หือ พ่อรูปหล่อ ร่างระหง ขาวใสเด้ง พ่อมหาจำเริญ ค่อยเป็นค่อยไปหน่อยแล้วกัน ฉันจะรับไหวพิจารณา”
“จ้ะ น้องชะเอม”
กุ้งนางยิ้มขำ
ก้านเดินมาหยุดยืนเศร้าอยู่ กบตามมายืนดูอยู่ห่างๆ ทั้งสองยืนอยู่สักพัก กบก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“พี่ก้าน”
“กบ”
“พี่ยังตัดใจจากกุ้งนางไม่ได้อีกเหรอ”
“กบไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”
กบอึ้ง
“กบก็แค่อยากเป็นเพื่อนคุยให้พี่ แต่ถ้าพี่ไม่ต้องการ กบก็ขอโทษ”
กบจะเดินหนี แต่ก้านพูดขึ้นมาก่อน
“กบ...การจะทำใจให้เลิกรักคนที่เรารักเนี่ย มันทรมานจริงๆนะ”
กบเดินเข้าไปใกล้ พร้อมกับจับมือปลอบ
“กบเข้าใจพี่ก้านนะ กบรู้ว่าพี่ก้านเจ็บปวดแค่ไหน”
“ขอบใจนะกบที่เข้าใจพี่”
กบปล่อยมือ
“กบเข้าใจ เพราะกบเอง ก็กำลังพยายามทำอย่างเดียวกับพี่ก้านอยู่”
ก้านถอนใจ
“เรื่องพี่ช่างมันเถอะ แต่กบเป็นคนน่ารัก เป็นคนจิตใจดี ทำไมเขาถึงไม่รักกบ”
“พี่ก้านก็เป็นคนดี...แต่เรื่องความรักคงไม่ใช่แค่นี้ เราอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กัน”
“ก็จริงของกบ”
กบยิ้มเศร้า
“พี่ตัดใจจากกุ้งเถอะนะ”
ก้านพยักหน้า
“ตัดใจซะทีก็คงจะดีเหมือนกัน กบก็เหมือนกัน ตัดใจ อย่าไปเจ็บปวดเพราะเขาอีกเลยนะ”
กบยิ้มเศร้าไม่ตอบ ทั้งสองมองหน้าให้กำลังใจกันและกัน
ครูชาตรีนั่งอยู่ในรถตู้ระหว่างทางกลับเบสท์มิวสิค นึกคำพูดของกุ้งนางก่อนหน้านี้ที่บอกกับเขาเรื่องเนื้อเพลงที่พ่อแต่งให้แม่ ครูชาตรีคิดแล้วก็น้ำตาไหลนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง
ในอดีต...สมัยที่ครูชาตรียังหนุ่มๆ เขากำลังเล่นอีเล็คโทรนให้นทีทองกับแก้วตาฝึกร้องเพลง นทีทองเป็นนักร้องฝึกหัด ครูชาตรีชอบแก้วตาที่เป็นนักร้องฝึกหัดเช่นกัน แต่เขาได้แต่แอบมองและยิ้มหวานอยู่คนเดียว หลังเล่นเสร็จ นทีทองเดินมาหาครูชาตรีที่กำลังแอบมองแก้วตาอยู่หลังเวที
“น่ารักดีใช่มั้ยพี่ชาตรี”
ครูชาตรีเขิน ที่นทีทองรู้ทัน
“แก้วตาเป็นคนดี ผมสนิทกับแก้วมันที่สุดแล้ว พี่อยากให้ผมช่วยไหม”
ครูชาตรียิ้มขอบคุณ
“ก็ดีเหมือนกันนะนทีทอง” ครูชาตรีล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล่องเล็กๆออกมา “ตอนแรกพี่ตั้งใจว่าจะเอาไปให้เขา” ครูชาตรีเปิดกล่องหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมา “ตั้งใจอยู่หลายวันแล้ว ไม่กล้าเอาไปให้ซักที”
“มา เรื่องแค่นี้เอง ผมจัดการให้”
นทีทองรับมา แล้วเดินไปหาแก้วตา พูดเธออยู่พักหนึ่งแล้วมองมาทางครูชาตรีที่พยายามใจ
กล้ายิ้มให้ แก้วตายิ้มตอบและรับสร้อยจากนทีทอง
หลังจากนั้น ครูชาตรีกับแก้วตาไปเที่ยวเดินชมตลาดด้วยกัน ทั้งสองทานขนมหวานและหยอกกัน
หลังเลิกซ้อมร้องเพลง วันต่อๆ มาครูชาตรีก็มายืนรอแก้วตาเพื่อพาไปเที่ยว ทั้งสองเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ...ที่ริมน้ำใต้แสงจันทร์ ครูชาตรีดีดกีตาร์ร้องเพลงให้ฟัง แก้วตาปลื้ม
“เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่พี่แต่ง ชื่อเพลงแก้วตา” ครูชาตรียื่นเนื้อเพลงให้กุมมือแก้วตาไว้ “แก้ว...พี่รักแก้วนะ”
แก้วตายิ้มมีความสุข
“แก้วก็รักพี่...รักมากด้วย”
แก้วตาขยับตัว เข้าไปนั่งซบไหล่ ทั้งสองมีความสุข
“ถ้างานจ้างน้อยลง พี่จะรีบไปไหว้แม่แก้ว ไปขอแก้วนะ”
แก้วมองตาครูชาตรีซึ้งน้ำตาคลอด้วยความดีใจ ทั้งสองกอดกัน
ครูชาตรีน้ำตาคลอจนคนขับสงสัย
“ครูครับ...เป็นอะไรรึป่าวครับ”
ครูชาตรีปาดน้ำตา
“เปล่าน่ะ แค่คิดถึงคนๆ หนึ่ง ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นไงบ้าง”
“ถ้าครูอยากจะไปหาเขาก็บอกผมนะครับ ผมจะขับไปให้”
ครูชาตรียิ้ม
“ขอบใจ”
เสี่ยอ๋าโมโหฟาดหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะเอากำปันทุบโต๊ะดังสนั่น ชามาดาสะดุ้ง คมกริชใจเสีย
“มีแต่ข่าวของสยามซอง! นี่นะเหรอแผนทำลายมัน เป็นไงล่ะ ลูกสาวฉันกลายเป็นตัวตลกไปเลย”
“ใจเย็นๆ ครับเสี่ย”
“เย็นบ้าเย็นบออะไร นักข่าวถามหาแต่กุ้งนาง แล้วมีเพชรเม็ดงามขนาดนั้นอยู่ในบริษัท ทำไมไม่ฉกจากไอ้จรัลมาให้ฉันล่ะ”
“ก็ก่อนหน้านี้ ไอ้จิรายุ มันปิดเป็นความลับ ไม่ให้ผมรู้อะไรเลย”
“แกมันไม่ได้เรื่อง ยังมีหน้าไปโทษคนอื่น”
ชามาดารีบเสนอตัว
“เสี่ยคะ แต่ตอนนี้เสี่ยก็มีเพชรเม็ดงามที่ดังอยู่แล้วทั้งคน เสี่ยก็ให้ดาออกเทปสิคะ รับรองข่าวของดาจะกลบกระแส ทุกคนต้องลืมนังกุ้งนางแน่”
“เฮอะ!จะเอาปัญญาอะไรไปกลบเขา”
ชามาดาหน้าเสีย
“หนังหน้าเก่าๆ กับสาวสวยสดใหม่เนี่ยนะ ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”
ชามาดาฉุนกึก
“เสี่ย!”
เสี่ยอ๋าโกรธมาก
“ออกไปได้แล้ว วันนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย”
ชามาดากับคมกริชโมโหมากแต่ทำอะไรไม่ได้ พากันเดินออกจากประตูไป
คมกริชกับชามาดาเดินหัวเสียออกจากห้องทำงานเสี่ยอ๋า พอพ้นประตูชามาดาโวยทันที ตีๆ คมกริชไม่ยั้ง
“นี่ๆๆๆ! ไหนล่ะ ที่ว่าเราเป็นต่อ ตอนนี้จะทำไง ดาไม่ยอมนะ ที่ดาจะมาหมดอนาคตแบบนี้”
คมกริชผลักชามาดากระเด็นไป
“หยุดบ้าได้แล้ว”
“ไอ้คมกริช แก...” ชามาดาถลาเข้าไปตีจิกข่วน คมกริชปัดป้อง “ไอ้เลว ไอ้ชั่ว แกมันทำลายฉันทุกอย่าง”
สุดนภากลับมาจากข้างนอกเห็นพอดี เธอตวาดเสียงดัง
“นี่ไม่ใช่ตลาดนะ มาตบตีอะไรกันแถวนี้”
ชามาดาหยุดตีคมกริชจ้องหน้า สุดนภายิ้มเย้ย คมกริชหันไปส่งยิ้มหวาน
“สวัสดีครับคุณฟ้า”
“พานักร้องตกอับมาของานทำเหรอคะ ถ้าให้เดา จากที่เห็นเนี่ย แสดงว่าป๋าไม่รับใช่ไหมคะ”
ชามาดาโกรธมาก
“อ๊าย...อีบ้า! อีฟ้าเหลือง”
ชามาดาจะเข้าไปตบสุดนภา คมกริชดึงไว้ สุดนภาหัวเราะชอบใจเดินออกไป
สุดนภาเดินเข้ามาในห้องทำงานเห็นเสี่ยอ๋านั่งเครียดอยู่
“ฟ้า...มาก็ดีแล้วลูก ต่อไปนี้ลูกต้องซ้อมร้อง ซ้อมเต้นให้หนักกว่าเก่านะ จะมาทำเล่นอยู่ไม่ได้แล้ว”
สุดนภาเครียดตาม
“ก็ฟ้าเคยบอกป๋าแล้ว ว่าให้ฟ้าซ้อมให้ดีก่อนก็ไม่เชื่อ”
“นี่!...ฟ้า! ทำไมพูดกับป๋ายังงี้ล่ะ”
“ก็ฟ้าไม่ชอบที่ป๋าใช้วิธีสกปรกกับสยามซอง ตอนนี้ฟ้าเลยมองหน้าพี่จิไม่ติดแล้ว”
“นี่มันธุรกิจนะลูก ไม่ใช่เล่นขายของ แล้วต่อไปนี้ ป๋าจะเอาจริง ฟ้าต้องฝึกร้องฝึกเต้นให้มากที่สุด”
“ก็แล้วแต่ป๋า”
“อัลบั้มใหม่ ป๋าจะให้ครูชาตรีมาแต่งเพลงให้ฟ้าทุกเพลง รับรองดังเป็นพลุแตกแน่ คราวนี้แหละไอ้จิรายุได้อกแตกตาย”
สุดนภาเซ็ง ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู คนที่เปิดประตุเข้ามาคือครูชาตรี เสี่ยอ๋าดีใจ
“อ้อ!...ครูชาตรี ผมกำลังพูดถึงครูอยู่พอดี ผมมีงานใหม่งานใหญ่ จะให้ครูช่วยมาๆ นั่งก่อน”
ครูชาตรีนั่งลง พร้อมกับวางซองจดหมายบนโต๊ะ
“อะไรเหรอครู”
“จดหมายลาออกครับ...”
เสี่ยอ๋ากับสุดนภาตกใจ อึ้ง
“นี่อะไรกัน”
“เพลงที่เสี่ยเอามาให้ผมแก้ เสี่ยขโมยเพลงของคุณจิรายุมา ผมไม่ร่วมงานกับคนขี้โกงอีกแล้ว”
เสี่ยอ๋าโกรธจัด
“ชาตรี! ชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ...ได้ ถ้าแกออกไป ฉันจะยึดผลประโยชน์จากเพลงของแกทั้งหมด ฉันจะทำให้ แกไม่ได้เงินแม้แต่แดงเดียว”
“ก็ลองดูครับ ถ้าเสี่ยคิดจะโกงผม คงได้ฟ้องกันใหญ่โตแน่”
พูดจบครูชาตรีก็ลุกเดินออกไป ปล่อยให้เสี่ยอ๋าโมโหจนเลือดขึ้นหน้า
“ไอ้ชาตรี...ไอ้จิรายุ”
เสี่ยอ๋าทุบโต๊ะดังปังหยิบของใกล้มือเขวี้ยงใส่กำแพงระบายอารมณ์ สุดนภาตกใจมากไม่เคยเห็นพ่อเป็นแบบนี้
เย็นนั้น กุ้งนางลงจากรถประจำทาง ชาวบ้านคนหนึ่งเห็นก็จำได้
“นั่นมัน! ราชินีลูกทุ่งคนใหม่ของสยามซองนี่”
ชาวบ้านหญิงมองๆ
“ใช่จริงๆ ด้วย เมื่อวานฉันก็ดูอยู่ น่ารักมากเลยนะ”
ชะเอมดี๊ด๊า
“ว๊าย! ว้าย! ชาวบ้านเขาจำพี่ได้ เขาหมายถึงพี่น่ะกุ้ง”
ทุกคนหัวเราะ ด้วงส่ายหน้าระอา แฟนเพลงที่จำกุ้งนางได้วิ่งกรูเข้ามา ชะเอมรนราน
“ปากกา! ปากกา! ใครมีปากกาบ้าง ชั้นจะแจกลายเซ็น”
ด้วงทนไม่ไหว
“โหย...น้องชะเอมจ๋า หน้าสั้นขากุด หลบไปก่อนเลยดีกว่านะจ๊ะ”
แฟนเพลงกรูกันเข้ามาหากุ้งนาง ก้านกับด้วงทำหน้าที่คอยระวังให้
“อุ๊ย! ตัวจริงดูใกล้ๆน่ารักกว่าในทีวีอีก”
กุ้งนางยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ”
“อุ๊ย ไม่ถือตัวด้วย งั้นขอพี่ถ่ายรูปด้วยนะ”
ว่าแล้วแฟนเพลงก็หยิบมือถือออกมาถ่ายคู่กุ้งนาง คนอื่นก็ขอด้วย
กุ้งนางนั่งยิ้มมีความสุขมองออกไปนอกหน้าต่าง ชะเอมที่พอกหน้าขาวชงกาแฟค๊อฟฟี่เพรียว แล้วเดินมายื่นให้ กุ้งนางหันมาตกใจนิดๆ
“นี่พี่เอง แหม...พอมีความสุขก็ก็หัดเล่นมุข สะดุ้งรับก็เป็นนะเรา” ชะเอมยื่นกาแฟให้ “เอ้านี่...เพื่อความสวยสมส่วน สมกับเป็นราชินีลูกทุ่ง”
กุ้งนางยิ้มรับกาแฟมาจิบ
“วันนี้ฉันมีควาสุขมากจังเลยจ๊ะพี่ชะเอม”
“มีความสุขที่คุณจิเขาบอกชอบแกใช่ไหม”
กุ้งนางเขิน...แต่ทำเสียงดุ
“พี่ชะเอม”
“เอาน่ะๆ พี่ไม่หยอกเอ็งแล้ว พี่รู้ว่าเอ็งกำลังมีความสุขเรื่องงาน”
กุ้งนางยิ้มสบายใจ ดื่มกาแฟจนหมด แล้วลุกเดินไปหยิบกล่องที่ใส่เนื้อเพลงไว้มาดู
“พรุ่งนี้ กุ้งจะเอาเนื้อเพลงในกล่องนี้ไปให้ครูชาตรีช่วยดู แล้วถ้าเพลงเสร็จ กุ้งจะได้ร้องเพลงนี้ให้พ่อฟัง ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะได้รู้ว่าฉันเป็นลูกสาวของพ่อ”
กุ้งนางกอดกล่องเนื้อเพลงยิ้มอย่างมีความสุข
เช้าวันใหม่...กุ้งนางยืนอยู่หน้าบริษัทชะเง้อมองรอครูชาตรี ในมือถือแผ่นกระดาษเนื้อเพลง พูดกับกระดาษ
“พ่อจ๋า ฝันของกุ้งใกล้จะเป็นจริงแล้วนะจ๊ะ กุ้งกับพ่อจะได้อยู่ด้วยกันสักที”
ทันใดนั้นเสียงจิรายุดังขึ้น
“พึมพำอะไรอยู่คนเดียว”
กุ้งนางหันมาเห็นจิรายุขำตัวเองก็ทำหน้างอนๆ
“งอนอีกแล้ว ล้อเล่นนิดหน่อยก็ไม่ได้”
“ทีหลังก็อย่าล้อเล่นสิ”
“ไม่ได้หรอก มันสนุกดี” จิรายุเห็นกระดาษในมือกุ้งนาง “นั่นอะไรขอดูหน่อย”
“ไม่ได้”
“รู้แล้ว เนื้อเพลงที่ว่าพ่อแต่งให้แม่ใช่ไหม ขอดูหน่อยนะ”
จิรายุพยายามแย่งเนื้อเพลงมาดู แต่กุ้งนางไม่ให้
“ขอดูนิดนึงน่า เดี๋ยวฉันแต่งทำนองให้ก็ได้”
“ไม่มีทาง” กุ้งนางทำหน้าทะเล้นใส่ “เดี๋ยวเพลงของพ่อกุ้งวิบัติ”
“พูดซะเกินไปแล้วนะ”
“งั้นก็ ถ้าครูไม่ชอบ ไม่อยากแต่งทำนองให้ กุ้งจะให้คุณจิแต่งก็แล้วกัน”
“โอเค พูดยังงี้คอยน่ารักหน่อย”
รถตู้วิ่งเข้ามาจอด ครูชาตรีลงจากรถ กุ้งนางดีใจ
“ครูชาตรีมาแล้ว...”
แต่ทันใดนั้นจู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อมีมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามายิงครูชาตรีล้มลงแล้วหนีไป
กุ้งนางกับจิรายุตกใจร้องพร้อมกัน “ครู!”
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 20
จิรายุกับกุ้งนางตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“ครู!”
มือปืนจะยิงซ้ำอีก จิรายุรีบตะโกนขึ้น
“เฮ้ย หยุดนะ”
มือปืนหันมายิงใส่ จิรายุดึงตัวกุ้งนางหลบ กระสุนพลาดไป มือปืนหันไปยิงครูชาตรีอีกนัด ก่อนจะรีบขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป จิรายุกับกุ้งนางรีบวิ่งเข้าไปดูครูชาตรี
“ครูคะ...ครูเป็นยังไงบ้างคะ”
ครูชาตรีที่หายใจรวยรินแล้วสลบไป จิรายุตกใจมาก
“ครู...”
กุ้งนางยืนกังวลเป็นห่วงครูชาตรีอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน จิรายุกำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่อีกมุม นทีทอง ซองจูวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหากุ้งนาง
“กุ้ง!กุ้งนาง! เกิดอะไรขึ้นอ่ะกุ้ง”
“ครูชาตรีถูกยิงค่ะ”
ซองจูเป็นห่วง
“แล้วกุ้งกับคุณจิล่ะ เป็นอะไรรึป่าว”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
นทีทองเป็นห่วงครูชาตรี
“ตอนนี้พี่ชาตรีเป็นยังไงบ้าง”
กุ้งส่ายหน้าไม่รู้และมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน ทุกคนมองตามต่างพากันเป็นห่วง หลังจากตำรวจออกไปจิรายุก็เดินหน้าเครียดมาหาทุกคน ซองจูถามทันที
“ตำรวจว่าไงบ้างครับคุณจิ”
“ก็สอบถามเหตุการณ์ ผมก็บอกไปตามที่เห็น...แต่พอผมบอกว่า เสี่ยอ๋าน่าจะเป็นตัวการ ตำรวจก็บอกขอเก็บหลักฐานให้แน่ชัดก่อน”
นทีทองปลอบ
“ตำรวจก็ต้องทำตามหน้าที่ คุณจิใจเย็นๆ ก่อนนะครับ”
“แต่ผมแน่ใจว่า ต้องเป็นฝีมือไอ้เสี่ยอ๋า พอรู้ว่าครูจะมาทำงานให้ผม ก็คิดจะกำจัดครู”
จิรายุไม่พูดต่อ จะเดินออกไป กุ้งนางเรียกไว้
“คุณจะไปไหนคะ”
“จะไปหาไอ้เสี่ยอ๋า ฉันจะเอามันเข้าคุก”
“แล้วจะเอาหลักฐานอะไรไปกล่าวหาเขาล่ะคะ”
จิรายุชะงัก ซองจูแนะ
“ผมว่าให้ตำรวจจัดการดีกว่านะครับ”
นทีทองเตือนสติ
“ถ้าคุณจิใจร้อนไปหาเสี่ยอ๋าตอนนี้ เรื่องมันก็ยิ่งจะบานปลายไปใหญ่ คนเลวน่ะ ถ้ากฎหมายทำอะไรมันไม่ได้ แต่เวรกรรมต้องตามมันทันแน่ครับ”
จิรายุเย็นลง แต่ก็อดเจ็บใจไม่ได้
หลายวันต่อมา...ครูชาตรีนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้มีแผลที่หัวไหล่ซ้าย ทุกคนยืนล้อมเตียง โดยหมอยืนอยู่ด้วย
“โชคดีที่คนร้ายยิงพลาดไม่โดนหัวใจ แต่ก็คงต้องให้พักฟื้นที่นี่อีกสักระยะนะครับ”
หมอยิ้มให้ทุกคนแล้วเดินออกไป นทีทองหันมาหาจิรายุ
“คุณจิ มือปืนมันจะตามมายิงครูชาตรีอีกไหมครับ”
“ผมจ้างคนมาคอยคุ้มกันแล้วครับพี่นที”
ซองจูหนักใจ
“ครูเจ็บยังงี้ อัลบั้มใหม่ของคุณจิ ก็คงต้องพักไปก่อนสิครับ”
กุ้งนางคิดๆก่อนจะเสนอแนะ
“เลื่อนไปก่อนก็ได้นะคะ”
จิรายุส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่ากุ้ง”
กุ้งนางแย้ง
“แต่ครูชาตรี...”
จิรายุตัดบท
“ครูป่วยก็รักษาตัวไป แต่อัลบั้มชุดนี้ ยังไงฉันก็จะทำ”
นทีทองมองจิรายุ
“หมายความว่า คุณจิจะทำเพลงเองทั้งหมดเหรอครับ”
จิรายุหน้าตามุ่งมั่น
“ครับ... ผมมั่นใจว่าผมทำได้ครับ”
กุ้งนางมองหน้าจิรายุแบบไม่ค่อยแน่ใจในฝีมือ จิรายุหน้าเสีย
“รออีกหน่อยก็ได้นะคะคุณจิ”
จิรายุมองกุ้งนางอย่างตำหนิ
“กุ้งน่าจะคอยให้กำลังใจฉันมากกว่านะ”
กุ้งนางจ๋อยๆ
“ค่ะ”
“ฉันสัญญาว่าจะทำเพลงของกุ้งให้สุดฝีมือ”
นทีทองยิ้ม
“ถ้าพี่ชาตรีฟื้นมาคงดีใจกับข่าวนี้แน่คุณจิ”
เช้าวันต่อมา จรัลกับทัศนีย์ดูรายการข่าวบันเทิงประเภทแฉ เล่าข่าวในทีวี นักข่าวกำลังเสนอข่าว
“เท่าที่ทราบกันไปแล้ว ว่าเช้าวานนี้ครูชาตรีถูกลอบยิง ล่าสุดพ้นขีดอันตรายแล้ว และกำลังพักรักษาตัวอยู่นะคะ”
“ครับ แต่ประเด็นก็คือ ทำไมครูชาตรีถึงไปถูกยิงอยู่หน้าค่ายเพลงนั้นล่ะครับ ถ้าจะให้ผมเดา อันนี้สมมุติ คิดเอาเองนะครับ...ก็อาจจะเป็นเพราะครูชาตรีไปขัดแข้งขัดขา หรือขัดผลประโยชน์อะไรบางอย่างกับใครสักคน เมื่อก่อน ครูชาตรีก็เคยเป็นข่าวเรื่องผลประโยชน์คล้ายๆ แบบเนี้ยมาแล้วครับ”
จรัลกดรีโมทปิดทีวี ฟาดม้วนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะด้วยความโมโห ทัศนีย์สะดุ้ง
“คุณตู่!ดูสิ ข่าวมันออกมาเป็นแบบนี้ มันควรจะสงสัยไอ้เสี่ยอ๋า ไม่ใช่ผม”
“คุณจรัลคะ เท่าที่ทราบ พีอาร์ของเสี่ยอ๋า รีบปล่อยข่าวทันทีว่าเสี่ยอ๋าไม่เกี่ยว ให้ตั้งประเด็นไปตอนที่ครูชาตรีออกจากที่นี่ เพราะทะเลาะกับคุณจรัล”
จรัลหัวเสีย
“ฮึ๋ย! แล้วไอ้ครูชาตรีมันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” จรัลนึกได้ “คุณตู่ ไอ้จิอยู่ไหน”
“เห็นว่าเพิ่งเข้าบริษัทค่ะ”
จรัลรีบลุกเดินออกไปจากห้องทันที ทัศนีย์มองตามงงๆ
จรัลตบโต๊ะดังลั่น จิรายุหน้าเสียทันที
“ทำไม ชาตรีถึงมาถึงโดนยิงที่นี่”
จิรายุอึกอัก
“ครูชาตรีจะมาทำงานให้ผมครับ เสี่ยอ๋ามันคงรู้แล้ว ก็เลยคิดกำจัดครู”
“แกอย่าพูดมั่วๆ เสี่ยอ๋ามันจะฟ้องแกได้เข้าใจไหม แล้วไอ้ครูชาตรีมันจะมาทำงานให้แกได้ยังไง ในเมื่อเป็นคนของเบสท์มิวสิค แกทำอะไรคิดจะปรึกษาพ่อมั้ยไอ้จิ”
“ครูจะลาออกจากเบสท์มิวสิคครับ ผมก็เลยขอให้มาช่วยงาน แล้วผมก็อยากให้พ่อเห็นผลงานก่อน แต่เรื่องมันกลับมาเป็นยังงี้”
จรัลโมโหกุมขมับทรุดตัวลงนั่งทันที
“ผมขอโทษครับพ่อ”
“แล้วตอนนี้แกจะทำไง เรื่องมันยุ่งวุ่นวายไปขนาดนี้แล้ว”
“ถ้าพ่อเชื่อมือผม ผมขอจัดการเรื่องนี้เอง”
จรัลมองหน้าจิรายุแล้วส่ายหน้าระอาใจ
“จะทำอะไร ก็บอกพ่อมั่งไอ้จิ พ่อจะได้คอยช่วย เข้าใจไหม”
“ครับ”
จรัญถอนใจเฮือก
กุ้งนางนั่งเศร้ามองแผ่นกระดาษเนื้อเพลงในมืออยู่ที่โรงอาหาร ด้วง ก้าน ชะเอม กบนั่งอยู่ข้างๆ ชะเอมมองอย่างเห็นใจ
“กุ้งเอ้ย...พี่สงสารเอ็งเหลือเกิน อุตส่าห์ดั้นด้นฝ่าฟันอุปสรรคมา ความฝันเกือบจะเป็นจริงแล้ว นี่ก็ต้องรอไปอีก ไม่รู้นานแค่ไหน”
ด้วงปลอบ
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าทำเพลงพ่อกุ้งชุดนี้ไม่ทัน ก็ให้ครูช่วยทำชุดหน้าสิ”
ชะเอมแย้ง
“ก็กุ้งมันไม่อยากรอแล้วนี่พี่ด้วง”
ด้วงแนะ
“งั้นก็เอาไปให้คุณจิช่วยแต่งให้ก็ได้นี่”
กบงง
“นี่พวกพี่คุยกันเรื่องอะไร”
กุ้งนางอธิบาย
“คือเนื้อเพลงนี่น่ะ เป็นเพลงที่พ่อแต่งให้แม่กุ้ง กุ้งคิดว่าจะให้ครูชาตรีใส่ทำนอง พอพ่อได้ยิน ก็จะจำเรื่องแม่กุ้งได้”
กบพยักหน้าเข้าใจ
“อ๋อ เข้าใจแล้ว กุ้งจะได้ร้องเพลงนี้ พี่นทีทองก็จะได้รู้ว่า กุ้งคือลูกของพี่นที”
“ถูกต้อง” ชะเอมนึกได้ว่ากบไม่รู้เรื่องนทีทอง “เฮ้ย”
ชะเอมชี้หน้ากบตะลึงไป ทั้งสี่มองหน้ากบงงๆ ก้านถามอย่างสงสัย
“แต่ว่ากบรู้ได้ยังไง ว่านทีทองเป็นพ่อของกุ้ง”
“ที่ผ่านมา ทุกคนสนใจแต่เรื่องพี่นที กุ้งก็อยากใกล้ชิดสนิทกับพี่นที พี่ก้านก็ให้
กบช่วยสืบเรื่องพี่นที”
กุ้งนางหน้าเศร้า
“กุ้งไม่มีหลักฐานอะไรเลย นอกจากสร้อยหนึ่งเส้นกับเนื้อเพลงๆ นี้ แถมพ่อก็จำสร้อยที่เคยให้แม่ไม่ได้ กุ้งก็เลยไม่กล้าบอกพี่นที”
กบแนะ
“ก็เอาเนื้อเพลงไปให้ดูเลยสิ”
ก้านถอนใจ
“กุ้งกลัวว่าจะเหมือนตอนที่ให้ดูสร้อยข้อมือน่ะกบ”
“ก็เลยจะใช้วิธีให้พี่นทีได้ยินเพลงนี้แล้วนึกได้เอง”
กุ้งนางพยักหน้ารับ
“จ้ะ”
กบถามต่อ
“แล้วถ้าพี่นทีทองเขานึกไม่ออกอีกล่ะ”
“ถ้าพ่อยังนึกไม่ออกอีก กุ้งก็คงจะกลับบ้านซะที”
ทุกคนหน้าเศร้า
ก้านเดินมา กำลังจะไปห้องซ้อมร้องเพลง กบตามมาด้านหลัง
“พี่ก้าน ๆ”
ก้านหยุด
“มีอะไรเหรอกบ”
“กบมีเรื่องนึงอยากปรึกษา”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องเพลงของพ่อกุ้ง...ตอนนี้ครูชาตรีเจ็บหนัก พี่ก้านจะยอมให้คุณจิทำเพลงให้กุ้งไหม”
ก้านนิ่งไปครู่
“ใครทำก็เหมือนกัน เพราะถ้ากุ้งได้ร้องเพลงนี้ แล้วได้เจอกับพ่อ กุ้งก็จะมีความสุขมาก”
“แล้วกุ้งก็อาจจะรักคุณจิมากขึ้น”
ก้านยิ้มเศร้า
“พี่ก็คงจะยินดีด้วย...พี่ขอตัวไปซ้อมร้องเพลงก่อนนะ”
กบยิ้มชื่นชมในน้ำใจของก้าน
“พี่ก้าน...ถ้าพี่รักกบอย่างที่พี่รักกุ้งนางบ้างก็คงดี”
วันใหม่...ในห้องประชุมสยามซอง ทีมงานทุกคนเตรียมพร้อม จิรายุนั่งหัวโต๊ะ มีทัศนีย์ ครูแจ๋ ร่วมประชุม จิรายุเริ่มการประชุม
“เราจะทำอัลบั้มใหม่กัน”
ครูแจ๋แปลกใจ
“แต่ครูชาตรีป่วยหนักอยู่แบบนี้ แล้วเราจะเริ่มงานกันเมื่อไหร่คะ”
“ก็เริ่มเลย ผมจะแต่งทำนองเองทั้งหมดทุกเพลง”
“แล้วเรื่องคอนเซปท์ทั้งหมดละคะ”
จิรายุหันไปหาทัศนีย์
“พี่ตู่จะอธิบายให้ทุกคนฟังครับ”
“คือคอนเซ็ปท์ของชุดนี้เราต้องการให้ออกมาเป็นลูกทุ่งที่ทันสมัยไม่ซ้ำใคร...มีทั้งเพลงเดี่ยวชาย หญิง คู่ชายหญิง คู่ชายชาย คู่หญิงหญิง แล้วก็ร้องด้วยกันทั้งหมด...”
ทุกคนตื่นตัวและตั้งใจฟังทัศนีย์อธิบายงาน
ในห้องอัด...ด้วง ก้าน กบ กุ้งนาง ถูกเรียกมาซ้อมร้องเพลง ทัศนีย์ควบคุมการร้อง
จิรายุแต่งทำนองเพลงที่บ้าน อย่างจริงจัง
ครูแจ๋ ออกแบบท่าเต้นให้กับชะเอมและเหล่าแดนเซอร์ ทัศนีย์มาคอยดู
จิรายุคิดทำนองเพลงที่บ้าน จรัลเข้ามามอง เข้าไปพูดคุยกับลูกชายแล้วยิ้มภูมิใจ
ก้าน ด้วง กุ้งนาง กบ ชะเอม ซ้อม ร้องเต้นด้วยกัน มีจิรายุกับทัศนีย์ยืนคุม
การทำงานของทุกคน เป็นไปอย่างราบรืน...
เสี่ยอ๋ากับคมกริชยืนดูสุดนภาซ้อมร้องเพลงอยู่ในห้องอัด เสี่ยอ๋ากับคมกริชยืนฟังพอใจ
“คุณฟ้านี่เก่งจริงนะครับ ฟังไกด์แค่รอบเดียวก็ทำได้หมดแล้ว”
เสี่ยอ๋ายิ้มพอใจ
“คราวนี้อย่าให้พลาดอีกล่ะ”
“ผมจะดูแลอย่างดี เสี่ยไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”
เสี่ยอ๋าเดินออกไป คมกริชมองดูสุดนภาด้วยสายดาเจ้าชู้ สุดนภาร้องเสร็จเดินไปพักดื่มน้ำ คมกริชเข้ามาหา
“คุณฟ้านี่ นอกจากจะสวยแล้วก็ยังเก่งมากด้วยนะครับ ผมไม่แปลกใจเลยที่จะมีใครหลายคนมาชอบคุณ”
“แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ได้ใกล้ชิดฟ้าหรอก เพราะว่าฟ้าเลือกคบคน”
คมกริชข่มใจพูดดี
“ระวังนะครับ คนเราเกลียดสิ่งไหน มักจะได้สิ่งนั้น”
สุดนภาไม่ตอบอะไร มองคมกริชด้วยสายตาเหยียดๆแล้วเดินออกไป คมกริชยิ้มร้าย
“ฉันก็เลือกเธอแล้วเหมือนกันคุณฟ้า”
ชามาดามาหานทีทองที่บ้าน หน้าไม่ค่อยมีความสุข ไม่นานนทีทองก็เดินเข้ามา
“น้องดามีธุระอะไรกับพี่”
“พี่นทีต้องช่วยดานะคะ”
“เรื่องอะไร”
“นี่พี่นทีไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอคะ ที่จู่ๆอัลบั้มของเราก็ถูกสั่งหยุดโปรโมต”
“น้องดาน่าจะดีใจ มันเป็นความต้องการของน้องดาไม่ใช่เหรอ”
ชามาดาฉุนที่ถูกเหน็บ
“สงสารก็แต่ทีมงานคอนเสิร์ตที่ไม่มีรายได้ นี่พี่ก็กำลังทำอัลบั้มใหม่ คงจะเสร็จเร็วๆ นี้ ต้องรีบหน่อย พี่ไม่ชอบเห็นลูกวงพี่ตกงาน”
“แล้วดาล่ะ”
“ดาจะโทษใครล่ะ ดาทำตัวเองนะ”
“พี่นที ช่วยพูดกับคุณจรัลหน่อยสิ ว่าเราจะกลับมาทำอัลบั้มใหม่ด้วยกัน”
“คงไม่ล่ะ พี่เข็ดแล้ว สยามซองก็คงไม่อยากร่วมงานกับดาอีกแล้ว”
ชามาดาอึ้งไป
“พี่ขอตัวนะ พี่จออกไปข้างนอก”
นทีทองออกไป ชามาดาน้ำตาเอ่อ เจ็บแค้นใจ ที่ไม่มีที่ไป เป็นดาวที่ตกอับ
วันใหม่...จิรายุกับกุ้งนาง นั่งอยู่ข้างเตียงของครูชาตรี
“ตอนนี้คดียังไม่คืบหน้าไปไหนเลยครับ”
ครูชาตรีถอนใจ
“คนระดับเสี่ยอ๋า มันคงไม่ทิ้งร่องรอยให้ตามจับง่ายๆ หรอกคุณจิ”
“กุ้งกลัวว่า มันจะย้อนรอยกลับมาทำร้ายครูอีกสิคะ”
“คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ ยกเว้นแต่ว่า ครูจะฟ้องมันเรื่องผลประโยชน์จากเพลงของครู มันก็คงจะจัดการครูอีกรอบ...” ครูชาตรียิ้ม “ไม่เอาแล้วคุยเรื่องงานเพลงดีกว่า”
“ก็ทำไปได้พอสมควรแล้วครับครู ถ้าครูหายแล้ว เรามาลุยกันต่อนะครับ”
“ได้สิ นั่งๆ นอนๆ ที่นี่น่าเบื่อจะตาย แล้วนี่ต้องไปไหนกันหรือเปล่าครับ”
“วันนี้กุ้งว่าง กุ้งขออยู่เป็นเพื่อนครูนะคะ”
จิรายุหน้าเหวอ
“เอ้า...แล้วไม่ไปกับฉันเหรอ ฉันต้องไปเยี่ยมสถานีวิทยุต่อ”
“ไม่ไป กุ้งขออยู่คุยกับครูดีกว่า”
จิรายุอึ้งพูดไม่ออก ไม่ค่อยอยากไป เชิงยังหวงๆอยู่ ครูชาตรีขำ
“ไปเถอะ เดี๋ยวกุ้งกลับเอง”
“เอ่อ...งั้นผมไปก่อนนะครับครู”
จิรายุไหว้ครูชาตรี หันมองกุ้งแบบเคืองๆ แล้วเดินออกไป กุ้งนางแอบขำๆ ครูชาตรียิ้มเอ็นดู
“ใจร้ายนะ ไล่คุณจิไปซะงั้น...จริงๆ หนูไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันก็ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กุ้งอยากตอบแทนบุญคุณของครู เพราะครูก็เหมือนพ่อของกุ้งในวงการ ถ้ากุ้งไม่เจอครูตั้งแต่วันแรกที่ประกวด กุ้งก็อาจจะไม่มีวันนี้”
ครูชาตรียิ้มชื่นใจในคำพูดของหญิงสาว
ค่ำนั้น จิรายุนั่งอ่านเนื้อเพลงของกุ้งนางอยู่หน้าเครื่องเล่นอิเล็คโทนมีกีตาร์วางอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่ เพราะคิดวนอยู่แต่เรื่องของกุ้งนาง
“กุ้งนาง...เธอนี่นะ”
จิรายุลุกเดินวนไปมาจนนึกได้ รีบกดโทรศัพท์ แล้วรอปลายสายรับ สักครู่เสียงด้วงดังมา
“ฮัลโหล คุณจิมีอะไรให้ผมรับใช้คร้าบ”
“กุ้งนางกลับมารึยัง”
ด้วงเคาะประตูห้องด้วยความง่วง ชะเอมเปิดออกมา ด้วงหลับหูหลับตายื่นโทรศัพท์ให้ โทรศัพท์กระแทกเต็มสันดั้งชะเอม
“ว๊าก! พี่ด้วงเรื่องไรมาทำฉันเนี่ย”
ด้วงตะโกนข้ามหัวชะเอม
“กุ้ง...โทรศัพท์”
กุ้งเดินออกมารับโทรศัพท์งงๆ
“ใครอ่ะพี่ด้วง”
ด้วงส่งโทรศัพท์ให้ที่หูเลย กุ้งนางพูดสาย
“ฮัลโหล...”
“กุ้งนางลงมาหาฉันหน่อย ฉันมารับเธอ”
กุ้งนางเดินไประเบียงมองลงไปข้างล่างเห็นจิรายุยืนอยู่
“จะบ้าเหรอคุณจิ นี่มันดึกแล้วนะ ถ้ากุ้งออกไปกับคุณ แล้วพี่ๆ เขาจะคิดยังไง”
ชะเอมกับด้วงพูดพร้อมกัน
“พวกพี่เลิกคิดแล้วเว้ย”
กุ้งนางมองหน้าสองคนดุที่แอบฟังคุยโทรศัพท์ ทั้งสองถอยฉากไป
“กุ้งไม่อยากฟังเพลงของพ่อกุ้งเหรอ ฉันแต่งเสร็จแล้วนะ”
กุ้งนางดีใจ
จิรายุขับรถมาจอดริมแม่น้ำ ชายหนุ่มเปิดประตูเดินออกมายืนริมน้ำสองมือล้วงกระเป๋ากางเกง สีหน้าไม่พอใจปนๆ งอนเล็กน้อย กุ้งนางเดินตามเข้ามายืนข้างๆ สูดอากาศอย่างสบายใจ จิรายุเห็นกุ้งนางไม่สนใจอาการของตัวเองเลยยิ่งหัวเสีย
“เฮ้อ...รมณ์เสีย”
“อารมณ์เสียเรื่องอะไร”
“ก็กุ้งกลับหอพักแล้ว ทำไมไม่โทรบอกฉันล่ะ”
“อ้าว...จำเป็นมั้ยเนี่ย โทรไปก็เปลืองค่าโทรศัพท์พี่ด้วง”
จิรายุหงุดหงิด ล้วงกระเป๋าเสื้อเอาโทรศัพท์ออกมายัดใส่มือ กุ้งนางงงๆ
“อ่ะ จะได้ไม่มีข้ออ้างอีก”
กุ้งนางส่งคืน
“เอาคืนไปเลย”
“ทำไม ต้องรอพี่นทีหรือครูชาตรีเขาให้เหรอ”
กุ้งนางยั่ว
“ใช่...ไม่รู้เมื่อไหร่จะให้ซะทีน้า”
จิรายุหงุดหงิด
“นี่...ไม่ต้องคอยเลย เอาเครื่องนี้ไปใช้ดีเลย ทุกคนจะได้รู้ว่าเป็นเครื่องของฉัน”
“อย่ามาทำเป็นเล่นสิคุณจิ ถ้าบังคับกุ้ง กุ้งจะโยนลงน้ำจริงๆ ด้วย”
จิรายุจ๋อยไป
“โอเคๆ เอาคืนมาก็ได้”
“แล้วไหนบอกว่า จะให้มาฟังเพลง”
“ก็ใช่น่ะสิ”
จิรายุเดินไปหยิบกีตาร์หลังรถออกมา เริ่มบรรเลงเพลง กุ้งนางดีใจจะได้ฟังเพลงของพ่อและตั้งใจฟัง แต่จิรายุกลับแล่นเพลงอื่น กุ้งนางเริ่มมีสีหน้าไม่ดี รู้สึกน้อยใจ
“พอเถอะค่ะ”
“ทำไมล่ะ ไม่เพราะเหรอ”
“นี่ไม่ใช่เพลงของพ่อกุ้ง” กุ้งนางน้ำตาคลอ “ถ้าคุณจิไม่เต็มใจ ที่จะแต่งทำนองเพลงของพ่อกุ้ง ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่เอามาเป็นเรื่องล้อเล่น หลอกกุ้งแบบนี้”
จิรายุเสียใจ
“กุ้งนาง...”
“พากุ้งกลับเถอะค่ะ แล้วก็ขอเพลงของพ่อคืนด้วย กุ้งจะรอครูชาตรีแต่งให้ก็ได้”
“กุ้งนาง ฉันขอโทษนะ ให้ฉันแก้ตัวอีกทีนะ”
กุ้งนางงอนไม่ตอบอะไร เดินออกไป จิรายุได้แต่โมโหตัวเอง
“ไอ้จิ...แกเอ๊ย ล้อเล่นจนได้เรื่องทุกที”
ราชินีลูกทุ่ง ตอนที่ 20 (ต่อ)
เช้าวันใหม่...กุ้งนาง นั่งคุยอยู่กับครูชาตรีอย่างมีความสุข จิรายุเปิดประตูเข้ามา เห็นกุ้งนางนั่งอยู่ก็ทำหน้าจ๋อยๆ ส่วนกุ้งนางยังงอนไม่อยากจะมองหน้า
“สวัสดีครับครู...”
จิรายุเอาของฝากไปวาง แล้วมานั่งลงข้างๆหญิงสาว กุ้งนางขยับตัวหนี ครูชาตรีขำทั้งสองคน
“กุ้งนาง นี่ยังไม่หายโกรธฉันอีกเหรอ”
กุ้งนางไม่พูดอะไรลุกขึ้นเดินไปยืนอีกฟากของเตียง
“ครูคะ ครูมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนครูแทนกุ้งแล้ว กุ้งขอกลับก่อนนะคะ”
กุ้งนางไหว้ เดินออกไป จิรายุจะตามไป ครูชาตรีรีบเรียกไว้
“คุณจิรายุ”
จิรายุชะงัก
“ครับ ว่าไงครับครู”
“กุ้งนาง เขายังงอนอยู่ ก็อย่าเพิ่งไปทำให้เขาโกรธเพิ่มเลยน่า”
จิรายุงง
“ครูรู้เรื่องแล้วเหรอครับ”
“กุ้งนางเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟังแล้วล่ะครับ”
จิรายุถอนใจ นั่งลงฟังครูชาตรี
“ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ กำลังแต่งอยู่แต่ยังไม่เสร็จ”
“แล้วไปบอกว่าเสร็จแล้วทำไมล่ะ”
“ผมก็... อยากเจอกุ้ง อยากคุยด้วยน่ะครับ”
“เพลงของพ่อสำคัญกับกุ้งนางมากขนาดไหน คุณไม่น่าทำแบบนั้นเลย”
“ครูครับ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจเลย ว่ากุ้งนางเขาคิดยังไงกับผม สมองผมป่วนไปหมดแล้วครับครู”
“เขาเป็นผู้หญิง คุณจิต้องทำให้เขามั่นใจสิ ว่าคุณจิรักจริง ไม่ใช่คิดจะเล่นๆ กับเขา”
“ผมก็บอกเขาแล้วว่าชอบ แต่เขาก็ไม่เห็นว่ายังไง”
“ชอบกับรัก ไม่เหมือนกัน”
“แล้วกับครูกับพี่นทีทอง ทำไมเขาทำตัวใกล้ชิด ไม่เห็นคิดเล็กคิดน้อยอะไรเลย”
ครูชาตรีขำ
“ผมน่ะรักกุ้งนางเหมือนลูก เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ผู้ใหญ่ถูกชะตา ส่วนนทีน่ะ ผมสนิทกันมานาน รู้ไส้รู้พุงมันหมด ผมรับรอง นทีทองไม่ชอบกุ้งนางแน่”
จิรายุทำหน้างง พยายามหาคำตอบ
“เอาเวลาที่สงสัยเรื่องคนอื่น ไปแก้ไขเรื่องตัวเองกับกุ้งนางจะดีกว่านะคุณจิ”
จิรายุขมวดคิ้วครุ่นคิดหนัก
จิรายุนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟา คิดเรื่องจะง้อกุ้งนางยังไงดี จิรายุพึมพำ
“คิดๆๆๆ ให้ออกสิวะไอ้จิ จะทำยังไง”
จรัลนั่งสังเกตดูอาการของจิรายุนานแล้ว
“ท่าทางมันจะเอาจริงว่ะ คิดๆๆ แต่เรื่องงานจนเครียด ขยันเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ”
จรัลยิ้มภูมิใจลูกชาย ทัศนีย์เคาะประตูก่อนเปิดเดินเข้ามา
“อ้อ...พี่ตู่มาพอดีเลย มาไอ้จิ มาใกล้ๆกันนี่”
จิรายุมานั่งที่หน้าโต๊ะจรัล
“คุณจรัลกับคุณจิมีอะไรเหรอคะ”
“คือผมคิดว่า เราน่าจะมีการทำทัวร์”
“อะไรนะคะ จะเปิดบริษัททัวร์เหรอคะ”
จรัลยิ้มๆ
“ก็ไม่เชิง คือให้แฟนเพลงไปเที่ยวไปทำกิจกรรมกับศิลปินในค่ายน่ะ”
“อ๋อค่ะ”
“เพราะฉะนั้นคุณตู่ต้องเร่งอัลบั้มศิลปินใหม่ให้เร็วที่สุด”
“ได้ค่ะ”
“อ้อ เพลงใหม่ของนทีทองด้วย”
“ค่ะ”
“จะได้ชดเชยกับที่งดทัวร์คอนเสิร์ตนทีทองชามาดา”
“ดีค่ะ ประเดิมที่แรกเลย เกาหลีดีไหมคะ และก็มีกิจกรรมให้เล่นตลอดการเดินทาง”
จรัลหน้าเหวอ
“เฮ้ยคุณตู่ เราทำเพลงลูกทุ่ง ผมจะทำทัวร์เที่ยวไทย”
จิรายุเริ่มคิดอะไรออกพึมพำเบาๆ
“เที่ยว...”
“ไอ้จิ แกว่าดีมั้ย”
“ดีครับพ่อ” จิรายุลุกขึ้น “ผมจะรีบไปหาข้อมูลเลยครับ”
จิรายุรีบออกไป
“บ๊ะ! ไอ้นี่ ขยัน ไฟแรงดีไม่มีตก” จรัลหันมาหาทัศนีย์ “เหมือนผมตอนหนุ่มๆ เป๊ะ”
“คุณจิขยันก็ดีแล้วนี่คะ”
“แต่เอ๊ะ ไอ้จิมันรู้แล้วเหรอ ว่าผมคิดรายละเอียดอะไรบ้าง”
จรัลกับทัศนีย์มองหน้ากันงงๆ
จิรายุรีบกลับเข้ามาที่ห้องทำงาน ไปที่โต๊ะแล้วเปิดเวปททท.ดูโปรแกรมการท่องเที่ยว แล้วคลิ๊กตามหน้าจอก่อนจะยิ้มออกมา
“ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”
ในห้องซ้อมเต้น ครูแจ๋กำลังติวเข้มชะเอมกับก้านที่ยังเต้นไม่เข้ากัน โดยมีกุ้งนาง กบ และด้วงยืนดูอยู่ห่างๆ จิรายุเดินเข้ามาหากุ้งนาง
“กุ้งนาง...”
กุ้งนางไม่มองหน้า ทำไม่ได้ยิน
“ฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วย คือฉัน...”
กุ้งนางเดินหนีไปนั่งเก้าอี้ที่เรียงกันอยู่สี่ตัว กุ้งนาง กบ ด้วง จิรายุ นั่งตามลำดับ จิรายุอยากคุยกับกุ้งนางแต่ไม่รู้จะทำไง เลยคุยกับด้วงที่นั่งติดกัน
“ด้วง ช่วยบอกกบให้บอกกุ้งหน่อย ว่าฉันมีธุระจะคุยด้วย”
ด้วงหันไปบอกกบ
“คุณจิ ท่านบอกว่ามีธุระจะคุยกับกุ้งน่ะ บอกกุ้งหน่อย”
กบบอกกุ้งนาง
“กุ้ง...คุณจิอยากจะคุยด้วย”
กุ้งนางบอกกบกลับไป
“บอกเขาด้วยว่า ไม่คุย”
กบหันไปบอกด้วง
“กุ้งบอกว่า กุ้งไม่อยากคุย”
ด้วงหันมาบอกจิรายุ
“กุ้งมันบอกว่า ไอ้กบมันไม่อยากคุย เฮ้ย!” ด้วงพึมพำ “ทำไมกบมันต้องไม่อยากคุยด้วยวะ”
จิรายุเห็นท่าจะพึ่งด้วงแล้วไม่ได้เรื่อง เลยโยกตัวปาดหน้าด้วงไปบอกกบเองใช้ศอกค้ำตักด้วง
“ฝากบอกกุ้งด้วยว่า ฉันอยากจะทำความเข้าใจกับเขา”
กบหันบอกกุ้งนาง
“กุ้งคุณอยากจะ...”
กุ้งนางตัดบท
“บอกเขาว่า” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่ม “เราไม่มีอะไรจะต้องเคลียร์กันแล้ว”
กบหันบอกจิรายุ
“เราไม่มี...”
จิรายุบอกผ่านกบ
“แต่ฉันมี...”
ด้วงสุดทน โพล่งขึ้น
“เฮ้ย! ปวดขาเว้ย อุ้ย!ขอโทษครับท่าน” ด้วงหันไปต่อว่ากุ้งนาง “ไอ้กุ้งนี่ก็...อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็ได้ยินกันหมดแหละ ฝากไปฝากมาทำมั๊ย ปวดขานะโว้ย ค้ำอยู่ได้” ด้วงหันมาทางจิรายุ “อุ๊ย! มาถึงขั้นนี้แล้ว ลากกันไปคุยเลยเถอะคร้าบท่าน”
กุ้งนางหน้าเหวอ
“พี่ด้วง!”
กบถอนใจ
“ไหนๆ ก็ๆ ไหนแล้ว ไปคุยกันดีๆ เถอะกุ้ง”
กุ้งนางหันควับ มองหน้า กบยิ้มแหยๆ ด้วงดึงมือจิรายุไปจับมือกุ้งนางแล้วพากันลากๆจูงๆออกไป กุ้งนางโวยวาย
“นี่! เข้าข้างคนอื่นเหรอ”
จิรายุดึงมือกุ้งเดินออกไป ก้านมองตามไปแล้วถอนใจ
ก้าน ด้วง ชะเอม กบเลิกซ้อม เดินออกมาด้วยกันจากห้องซ้อม กบถอนหายใจ
“เฮ้อ...จบซักที กว่าจะพากันไปได้”
ด้วงมองตามกุ้งนางที่เดินตามจิรายุ
“ไอ้กุ้งเอ๊ย ปากบอกเราไม่อยากไม่อยากไป แต่เดินตามเขาไปต้อยๆ”
ชะเอมหันมาบอก
“กุ้งมันรักคุณจิแล้ว แต่มันไม่กล้ารับความจริงมั้งพี่ด้วงจ๋า”
“น้องชะเอมจ๊ะ” ด้วงพยักเพยิดให้ดูก้าน “ผีเจาะปากมาเหรอจ๊ะ”
ชะเอมรีบเอามือปิดปาก กบเป็นห่วงความรู้สึกก้าน ชายหนุ่มเดินหน้าเศร้าไปอีกทาง ด้วงถอนใจ
“ไอ้ก้านเอ้ย...แอบรักเขาข้างเดียวข้าวเหนียวนึ่ง เปลี่ยนใจหันมามอง มารักคนอื่นได้แล้วมั้ง”
ชะเอมเห็นด้วย
“นั่นสินะกบ”
ด้วงกับชะเอมมองหน้า กบหน้าเจื่อนไป
“กบจะ...ไปดูพี่ก้านหน่อย”
กบรีบออกไป ชะเอมกับด้วงมองหน้ากันแล้วถอนใจพร้อมกัน
กบเดินมาเห็นก้านนั่งเศร้าอยู่คนเดียว รอบๆ บริเวณไม่มีใคร
“พี่ก้าน...” กบนั่งลงข้างก้าน “ไหนบอกกบว่าตัดใจได้แล้วไงล่ะ”
ก้านหงุดหงิดนิดหน่อย
“พูดมันง่าย แต่พอเห็นกุ้งกับคุณจิ...มันก็ทำไม่ค่อยได้”
“เมื่อก่อนพี่เป็นคนสนุกสนาน คอยให้กำลังใจกบ ปลอบใจกบ แต่ตอนนี้พี่กลับปลอบใจตัวเองไม่ได้”
“กบเลิกยุ่งกับคนไม่ได้เรื่องอย่างพี่ได้แล้ว”
กบเสียใจ
“ทำไม่พี่พูดยังงี้กับกบ”
“ก็พี่จะเป็นยังไง กบก็ไม่ต้องมาสนใจหรอก”
กบอึ้ง
“พี่ก้าน!”
ก้านลุกขึ้นจะออกไป แต่หันกลับมาพูดทิ้งท้าย
“กบไม่ใช่คนที่จะยอมเป็นคนโง่ รักคนที่เขาไม่รักเราตลอดไป”
“พี่ก้าน” กบลุกขึ้นน้ำตาคลอ “กบก็ขอบอกพี่ก้านเหมือนกัน ว่ากบนี่แหละ ยิ่งโง่กว่าพี่ซะอีก ที่จะรักเขาตลอดไป ทั้งๆ ที่ไม่กล้าแม้แต่จะบอกว่ารักเขา”
กบโมโหเดินหนีไป ก้านมองตามไปแล้วนึกได้ว่ากบชอบตัวเอง
“หรือว่ากบจะ...”
ก้านถอนใจอย่างหนัก
จิรายุขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะ แล้วชวนกุ้งนางลงจากรถไปเดินเล่นกัน กุ้งนางเดินหน้ามุ่ยใส่
“กุ้งนาง...”
“คุณจิรายุ เมื่อไหร่คุณจะเลิกบังคับฉันซะที”
“ก็หลังจากวันนี้แหละ...ฉันขอโทษนะเรื่องเพลงของพ่อกุ้ง”
“เรื่องเพลงพ่อมันสำคัญกับกุ้งมาก”
“ฉันรู้แล้ว ฉันสัญญาว่า ต่อไปนี้ ฉันจะใส่ใจกับความรู้สึกของกุ้งให้มากๆ”
“จะทำได้เหรอ”
“ได้สิ...ถ้าฉันจะทำให้คนที่ฉันรัก”
กุ้งนางตกใจ
“คุณจิ...”
กุ้งนางอึ้งอ้าปากค้าง จิรายุจับปากของเธอหุบแล้วยิ้มกวนๆ หญิงสาวเขินอาย
“ให้โอกาสฉันได้ดูแลกุ้งเถอะนะ กุ้งนาง...”
จิรายุจับมือ กุ้งนางเขินรีบดึงมือออก
“ว่าไง”
กุ้งนางอึ้งๆ
“กุ้ง...ไม่รู้...”
จิรายุดึงเข้ามากอด
“ต้องรู้แล้วล่ะ”
“ปล่อยสิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ก็ช่างสิ บอกมาก่อนว่ารักฉัน”
“ตอนนี้ยังไม่ให้คำตอบ ขอดูการกระทำก่อน”
จิรายุยิ้ม
“นี่พูดได้เหมือนครูชาตรีเลยนะ ถ้าบอกเป็นพ่อลูกกันก็เชื่อนะเนี่ย”
กุ้งนางยิ้มมีความสุข จิรายุยิ่งกอดแน่นขึ้น
จิรายุพากุ้งนางมาไหว้ขอพรพระในวัดแห่งหนึ่ง จากนั้นพาเธอนั่งรถรางชมชมเมืองกรุงเทพ ต่อด้วยเดินชมตลาดสะพานพุทธ และนั่งกินขนมจีนข้างทาง แล้วพานั่งเรือข้ามฟาก
“คุณนี่รู้ที่เที่ยวเยอะนะ สงสัยเมื่อก่อนจะพาสาวเที่ยวประจำ โปรแกรมเลยดูราบรื่น”กุ้งนางแหย่
“เปล่าหรอก...ที่วันนี้ฉันดูคล่องน่ะ เพราะฉันอยากจะให้เธอรู้ว่า ฉันเอาใจใส่กับเรื่องของเธอทุกเรื่อง และก็โชคดีที่มีผู้ช่วยที่ดีอย่างเว็ปของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยน่ะ”
กุ้งนางยิ้มปลื้ม
ค่ำนั้น ชามาดานั่งหงุดหงิดอยู่บนเตียงนอน คมกริชเปิดประตูเข้ามา ชามาดาคว้าของใกล้มือปาใส่เฉียดหัวไปนิดเดียว คมกริชเอามือปัดแทบไม่ทัน
“อะไรกันดา บ้าไปแล้วเหรอ”
“เออ บ้าแล้ว พี่คมจะเอายังไงกันแน่กับพวกสยามซอง ตอนนี้พวกมันเห็นดาเป็นหมาหัวเน่าแล้วนะ”
“พรุ่งนี้ฉันจะส่งทนายไปหาพวกมัน”
“อะไรนะ ส่งทนาย” ชามาดาสงบลง “เรากลับไปขอโทษเขาไม่ดีกว่าเหรอ”
“อย่าโง่สิ มีโอกาสได้อยู่ค่ายใหม่ ไม่ดีกว่าเหรอ”
“แต่ไอ้เสี่ยอ๋า มันไม่เห็นจะง้อดาเลยนะพี่คม”
“เสี่ยมันไม่ง้อ ดาก็ไปง้อมันสิ ไม่งั้นก็รอให้อีเด็กกุ้งนางมันขึ้นมาแทนที่หรือไม่ก็ออกจากวงการไปเลย ตามใจแล้วกัน”
ชามาดายิ่งหัวเสีย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
คมกริชยืนรอเสี่ยอ๋าลงมาพบอยู่ที่ห้องรับแขก ชามาดานั่งอยู่ที่โซฟา สุดนภากลับมาจากข้างนอกพบกับทั้งสอง คมกริชดีใจที่ได้เจอแต่สุดนภาไม่ใส่ใจมองไปที่ชามดาที่นั่งเชิดอยู่ สุดนภาส่งสายตาเหยียดๆ ชามาดาอ่านสายตาออกก็เจ็บใจ คมกริชเดินเข้าไปทำคุยตีสนิท
“คุณฟ้าไปช็อปปิ้งมาเหรอครับ ชุดคุณสวยดีนะ”
สุดนภาใช้หางตามองคมกริช
“ฟ้าจะคุยกับพวกลูกน้องเฉพาะเวลางานเท่านั้น คงเข้าใจนะ”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินเชิดๆออกไป คมกริชแค้น ชามาดาหัวเราะเย้ยเยาะ
“เป็นไง เขาก็เห็นเป็นแค่ขี้ข้าต่ำๆ”
คมกริชเดินมา จะตบ ชามาดาร้องโอ๊ยดังขึ้นก่อน คมกริชชะงัก
“ถ้าฉันเป็นขี้ข้า เธอก็แค่อีตัวของขี้ข้าอย่างฉัน จำไว้”
สุดนภาเดินสวนทางกับเสี่ยอ๋าที่กำลังจะออกไปพบคมกริชกับชามาดา
“สองคนนั่นมาที่นี่ทำไมคะ”
“เอ่อ...เขาขอมาเยี่ยมป๋าที่บ้าน”
สุดนภารู้ทัน
“ป๋าคะ...ฟ้าไม่ชอบที่ป๋าจะเอาผู้หญิงเข้าบ้าน แล้วป๋าไม่เคยขัดใจฟ้าเรื่องนี้นะคะ”
“จ๊ะ ป๋าเข้าใจ ฟ้าไม่ต้องห่วงนะลูก”
สุดนภาพอใจ เดินไป เสี่ยอ๋าถอนใจ
เสี่ยอ๋าพาชามาดามาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เสี่ยอ๋าเดินเข้าไปโอบกอด ชามาดายังตะขิดตะขวง
“เดี๋ยวสิคะ ขอดาไปอาบน้ำก่อนนะคะเสี่ย”
“ไม่ต้องหรอก ฉันใจร้อน”
ทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง
เวลาผ่านไป...ชามาดานอนกอดเสี่ยอ๋าแน่น
“เสี่ยนี่เก่งกว่าคนหนุ่มๆอีกนะคะ...ถ้ารู้ยังงี้ ดามาหาเสี่ยตั้งนานแล้ว”
เสี่ยอ๋าหัวเราะชอบใจ มีความสุข
ชามาดาตื่นขึ้นมาตอนเช้าผมเผ้ารุงรัง มองไปรอบๆ ไม่เห็นเสี่ยอ๋าแล้ว หญิงสาวขยับตัวไปจะหยิบโทรศัพท์ แต่ก็เห็นเงินจำนวนหนึ่งถูกโทรศัพท์วางทับอยู่ ชามาดาหยิบเงินมาดู
“อ๊าย ไอ้เสี่ยอ๋าแก...แก”
ชามาดาแค้นพูดไม่ออก
ชามาดากลับมาที่คอนโด หญิงสาวโกรธมากปาข้าวของภายในห้องกระจัดกระจายกรีดร้องโวยวายไม่หยุด คมกริชตวาดลั่น
“ดา...หยุดได้แล้ว อาละวาดเป็นหมาบ้าไปได้”
“ก็บ้าน่ะสิ! ไอ้เสี่ยอ๋ามันเห็นดาเป็นอีตัว อ๊าย”
“เฮ้ย! หยุดได้แล้ว”
“ไม่หยุด! อ๊ายๆๆ!”
ชามาดาเขวี้ยงของต่อ คมกริชทนไม่ไหวเดินเข้ามา กระชากตัวไว้
“ฉันบอกให้เงียบ ถ้าแกยังบ้าไม่เจียมตัวอีก ต้องกลับไปขายตัวเหมือนเดิมแน่”
“ฉันไม่มีวันจะกลับไปอยู่ที่โสโครกแบบนั้นหรอก” ชามาดาสะบัดออก “ไอ้เสี่ยอ๋า ไอ้พวก
สยามซอง มันต้องเจ็บมากกว่าที่มันทำกับฉัน”
คมกริชพอใจ
“คิดได้ยังงี้ก็ดีแล้ว”
“แล้วไหนละเรื่องคดีมันไปถึงไหนแล้ว”
“ทนายมารออยู่ข้างล่างแล้ว จะไปมั้ยล่ะ”
ชามาดายิ้มร้าย
จรัลกับจิรายุนั่งคุยกันอยู่ในห้องทำงาน คมกริชกับชามาดา ก็ถือวิสาสะเปิดประตูพรวดเข้ามา คมกริชยิ้มร้าย
“ขอโทษนะครับที่อยู่ดีๆ ก็เข้ามา แต่คนมันรอไม่ไหวน่ะ”
จรัลโกรธ
“ไอ้คมกริช!”
“คงรู้นะครับว่าที่มาวันนี้ต้องการอะไร...เงิน 30 ล้าน...ผมให้ทนายมารออยู่ที่ห้องประชุมแล้ว”
คมกริชกับชามาดายิ้มร้ายสะใจ แต่จิรายุก็ยิ้มร้ายตอบ คมกริชกับชามาดางง
“ก็ดีครับ ที่มาคุยกันก่อน ไปฟ้องทนายคุณเลยว่า อยากได้เงินก็ต้องฟ้องเอา ส่วนผมก็ให้ทนายจัดการเรื่องฟ้องคุณสองคนแล้วเหมือนกัน”
“ฟ้องเรา...ฟ้องอะไร” ชามาดหันไปหาคมกริช “พี่คม เขาจะฟ้องเรา”
“หยุดตื่นเต้นซะทีสิ” คมกริชโวยใส่จิรายุ “พวกคุณจะมาฟ้องอะไรผม”
“ก็ที่คุณเอาเพลงที่ผมแต่งไปให้เบสต์มิวสิคไง”
คมกริชยิ้มหยัน
“เฮอะ! พูดโง่ๆ มีหลักฐานอะไร”
จรัลมองลูกชายอย่างแปลกใจ
“แกมีหลักฐานเหรอวะไอ้จิ”
จิรายุยิ้มมั่นใจ
“มีสิพ่อ ทุกครั้งที่ผมแต่งเพลงเสร็จผมจะทำหนึ่งชุดใส่ซองส่งไปรษณีย์กลับมาหาตัวเอง วันที่ที่แสตมป์ที่ซองตามกฎหมายถือเป็นการแจ้งผลงานแล้ว”
จรัลยิ้มพอใจ
“แกนี่มันรอบคอบจริงๆ ไอ้จิ”
“ถ้านับกันจริงๆ เพลงของสุดนภาออกมา หลังจากวันที่ผมมีหลักฐานเป็นเดือนๆ ถ้าฟ้อง ผมก็ชนะแน่”
ชามาดารีบแย้ง
“แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับดานะคะ”
“เรื่องนี้คุณคงไม่เกี่ยว แต่เรื่องที่คุณสองคนก็รับผลประโยชน์จากงานที่อยู่นอกเหนือสัญญาคงเกี่ยว”
“ดาไม่ได้รับงานนอกอะไรนี่”
“ผมหมายถึง อัลบั้มที่คุณจะฟ้องสยามซองนี่ไง คุณคิดจะฟ้องบริษัท แต่กลับยอมรับผลประโยชน์ทั้งส่วนแบ่งและค่าโชว์ตัวต่างๆ”
จรัลมองเย้ย
“นั่นหมายความว่า แกสองคน ยินยอมจะผิดสัญญาอยู่แล้ว บริษัทมีหลักฐานครบทั้งภาพข่าวการให้สัมภาษณ์อีกต่างๆ การทัวร์คอนเสิร์ต ใบเสร็จการรับเงิน แสดงว่าแกสองคนมีสติสัมปะชัญญะในการับรู้ทุกอย่าง”
“แล้วเรื่องที่คุณสองคนไม่ยอมทำงานให้บริษัทอีก เราไม่ได้เลิกสัญญา ไม่ได้ระงับการทัวร์คอนเสิร์ต แต่คุณไม่ยอมทำงานเอง”
จรัลหัวเราะเยาะ
“ถ้ายังคิดจะฟ้อง สยามซองคงต้องฟ้องกลับเป็นร้อยล้านแน่ สนใจจะฟ้องไหม”
คมกริชแค้นกำหมัดแน่น พูดอะไรไม่ออก จะปรี่เข้าไปต่อย จิรายุผลักกระเด็นไป จรัลชี้หน้า
“เฮ้ย! หยุดนะไอ้คมกริช ถ้าแกยังกล้าอาละวาดอีก ฉันเรียกตำรวจแน่”
ชามาดากลัว เข้าไปลากแขนคมกริชออกมา
“กลับกันก่อนเถอะพี่คม”
คมกริชแค้นมาก
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
คมกริชกับชามาดาออกไป จรัลเข้ามาโอบไหลจิรายุ
“ไอ้จิ ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆ”
จิรายุยิ้มให้พ่อ
ชามาดาเดินโวยวายมา มาตามทางเดิน
“โอ๊ย นี่มันอะไรกัน ทำไมมันกลายเป็นยังงี้ล่ะ ทีนี้ทำไงต่อล่ะ หมายความว่าถ้าเราจะฟ้องก็แพ้ แล้วยังจะโดนมันฟ้องกลับอีกเป็นร้อยล้านเลยเหรอ”
คมกริชหน้าเครียด
“เฮ้ย...เงียบๆหน่อยได้ไหม โวยวายแบบนี้ ใครจะไปคิดออก”
ชามาดาฉุนแต่ก็หุบปาก
“ชั่วทั้งพ่อทั้งลูก ไอ้พวกนายทุนขูดรีดผลประโยชน์จากงานของคนอื่น ฉันต้องชนะเธอก็เหมือนกันชามาดา”
ชามาดายิ้มเยาะ ไม่เชื่อคำพูดคมกริชอีกแล้ว
“ไป กลับกันได้แล้ว”
“ดายังไม่กลับ ดามีเรื่องที่ต้องจัดการต่อ”
“งั้นก็ตามใจ”
คมกริชออกไป ชามาดาแค้นกุ้งนาง
“อีกุ้งนาง”
ชามาดาเดินหัวเสียผ่านมาทางห้องซ้อมร้องเพลง มองเข้าไปเห็นกุ้งนางกำลังร้องเพลงอยู่ก็โกรธจัด เดินเข้าไปหา
“อีกุ้งนาง”
ทุกคนตกใจ
“แกมันเป็นตัวซวย ทำชีวิตฉันพังหมดทุกอย่าง”
กุ้งนางเถียง
“ฉันไปทำอะไร คุณทำตัวเองทั้งนั้น”
ชามาดาโกรธจัด
“อีนี่!”
ชามาดาเข้าไปกระชากผมกุ้งนางออกมาจะตบ กุ้งนางใช้แขนรับทันตบกลับทันที ชามาดาเลือดขึ้นหน้า กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับกุ้งนางพัลวันจนกุ้งนางเสียหลัก
ชามาดาเห็นแก้วน้ำวางอยู่ หยิบขึ้นมาจะตบใส่หน้ากุ้งนาง ทุกคนตกใจหวีดร้องสุดเสียง
โปรดติดตาม ราชินีลูกทุ่ง ตอนต่อไป