เนื่องจากมีการแก้ไขบทโทรทัศน์ใหม่ ตัวหนังสือ สีน้ำเงิน ในหน้า 2 และ 3 คือ บทที่แก้ไขใหม่แล้ว
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 19 อวสาน
ทิววิ่งพาทุกคนไปตามเส้นทางที่เขามั่นใจว่าเทพ กับล้วนพาหญิงมานศรีหนีไป แต่ทิวอ่อนล้ามาก ธีรพลเห็นท่าทีจึงถามอย่างกังวล
“คุณทิว...เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นอะไร ผมจะไปช่วยคุณหญิงจากไอ้สารเลวนั่น”
“ทุกคนตระหนักในความเป็นห่วงหญิงมานศรีของทิว”
“หมอดูแลคุณชายเถอะ คุณชายหนักกว่าผม”
ชายคำรณฤทธีสวนขึ้น
“คุณไม่ต้องพูดหรอก ผมเองก็ห่วงน้องหญิงไม่น้อยไปกว่าคุณ ผมพร้อมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อน้องหญิง...”
ทิวยิ้มให้
“งั้น เรารีบไปกันเถอะ”
ทิวและชายคำรณฤทธี รีบออกเดินทางตามช่วยหญิงมานศรี ธีรพลหันมาบอกพิไลพร
“พร...กลับไปที่บ้านใหญ่เถอะ”
“ไม่ค่ะ พรเป็นห่วงคุณหญิง พรจะไปช่วย”
“ตามใจ”
พิไลพรตามธีรพล วิ่งตามทิวและชายคำรณฤทธีไปพักใหญ่ ทิวมองไปรอบๆไม่เห็นวี่แวว เขาหันกลับมามองชายคำรณที่เหนื่อยและบาดเจ็บมาก
“หมอธี ให้คุณชายพักก่อน ผมจะไปดูร่องรอยใกล้ๆ”
ธีรพลดูอาการของชายคำรณฤทธี
“พักก่อนนะชายคำรณ...”
ทิววิ่งออกไปทางหนึ่ง แล้วเห็นล้วนวิ่งไปอีกด้าน
“ไอ้ล้วน”
ทิวชักปืนจะยิงล้วน แต่ไม่ทัน ทิวรีบตามล้วนไป
พิไลพรเห็นทิวหายไปนานก็กังวล...
“คุณทิวหายไปนานแล้วนะคะ”
ธีรพลไม่สบายใจขึ้นมา
“หรือว่า...จะมีเรื่อง...”
“เราตามไปกันเถอะ”
“แต่คุณชาย...”
“ฉันเป็นลูกผู้ชาย จะมามัวอ่อนแออยู่ได้ยังไง ในขณะที่น้องหญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ชายคำรณฤทธีลุกขึ้นทันที เดินนำออกไป ธีรพล พิไลพรสบตากันอย่างเห็นใจและเข้าใจชายคำรณฤทธี จึงรีบตามออกไป
ล้วนวิ่งมาถึงที่โรงงานแห่งหนึ่ง ทิววิ่งตามมา
“หยุดนะ ไอ้ล้วน!”
ล้วนยิ้ม แล้ววิ่งไปทางมุมหนึ่ง ทิวมองตาม เห็นหญิงมานศรียืนอยู่ชั้นสองของโรงงาน แต่แล้วเทพเดินเข้ามายืนด้านหลังหญิงมานศรี
“ยินดีต้อนรับสู่ลานประหาร...”
ทิวตกใจที่เทพคุมเชิกหญิงมานศรีไว้ ชายคำรณฤทธี ธีรพล พิไลพรตามเข้ามา ทุกคนตกใจ และเป็นห่วงหญิงมานศรีมาก
“ไอ้เทพ แกต้องการอะไรกันแน่ ถ้าแกต้องการสมบัติของทัดเทพทั้งหมดฉันยินดียกให้แก เงินฉันมีมากพอที่จะให้แกหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่แกต้องปล่อยตัวคุณหญิง”
“มันเลยจุดจุดนั้นมาแล้ว ฉันไม่ต้องการเงินทอง เพราะเงินที่ฉันยักยอกมาก็ทำให้ฉันอยู่ได้สุขสบายไปทั้งชาติ”
“แล้วนายต้องการอะไร”ชายคำรณฤทธีถาม
“ชีวิต”
ทิวและชายคำรณฤทธีตกใจในสิ่งที่เทพต้องการ
“แกต้องการชีวิตคุณหญิง แกก็ต้องเอาชีวิตมาแลก”
หญิงมานศรีร้องห้าม
“ไม่นะ!”
“ได้ ฉันจะเอาชีวิตของฉันแลกกับคุณหญิง”
หญิงมานศรีตกใจ
“นายทิว ได้โปรดเถอะ อย่าทำอย่างนั้นเลย”
“ที่ผ่านมาผมใจร้ายทำร้ายคุณหญิง แต่คุณหญิงก็ยังดีกับผม และให้โอกาสผมเสมอมา ถึงเวลาแล้วที่ผมจะช่วยเหลือคุณหญิง เพราะชีวิตของคุณหญิงมีค่ามากกว่านายทิวคนนี้” ทิวบอกอย่างมุ่งมั่น
“ไม่มีใครมีค่ามากไปกว่าใคร ชีวิตของทุกคนต่างก็มีค่าด้วยกันทั้งนั้น ยกเว้นชีวิตของผู้ชายชั่วๆคนนี้”
“ปากเก่งปากดีไม่มีตกเลยนะคุณหญิง แบบนี้สิ ผมชอบ”
เทพขยี้จูบปากหญิงมานศรีทันที แต่เธอไม่ยอมให้เทพได้โดยง่าย กัดปากเทพอย่างแรง
“โอ๊ย!”
เทพจะตบหลังมือไปที่หน้าหญิงมานศรี ทิวร้องขัด
“อยากจะเอาชีวิตฉัน ก็อย่าแตะต้องคุณหญิง”
เทพชะงัก ทิวหยิบปืน ขึ้นมา เทพยิ้มพอใจ
“ปลิดชีพตัวเองซะ”
ทิวจะยิงปืนฆ่าตัวตาย แต่ชายคำรณฤทธีร้องห้าม
“ไม่ได้นะนายทิว นายทำอย่างนั้นไม่ได้ เอาชีวิตฉันไปแทน”
“พี่ชาย” หญิงมานศรีตกใจ
“น้องหญิง ขอให้พี่ได้ทำหน้าที่พี่ชายอย่างสมบูรณ์เถอะ พี่ชายรักน้องหญิงมาก หากเกิดอะไรกับน้องหญิงพี่ชายไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย พี่ชายขอสละชีวิตให้น้องหญิง ขอให้น้องหญิงดูแลหม่อมแม่ และดูแล
วังกฤตยาของเราต่อไป...”
“ไม่นะพี่ชาย อย่าทำ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยรักษาสัญญา ไม่ว่าใครจะตายไปกี่คนมันก็ไม่มีทางปล่อยหญิง”
ชายคำรณฤทธีมองเทพ
“สัญญาสิ...ว่าจะปล่อยน้องหญิง”
“ก็เอาสิ กล้าเสียสละชีวิตตัวเองได้ ผมก็กล้าปล่อยคุณหญิงได้เหมือนกัน”
“พี่ชาย อย่าไปเชื่อ อย่าเชื่อ!”
ชายคำรณฤทธีแย่งปืนมาแล้วเหนี่ยวไกยิงตัวเองที่อกด้านขวา เสียงปืนดังปัง หญิงมานศรีตกใจ
“พี่ชาย”
ชายคำรณฤทธีทรุดตัวร่วงลงนอนกับพื้น หญิงมานศรีร้องไห้โฮ
“พี่ชาย”
หญิงมานศรีทรุดตัวร้องไห้เสียใจ ทิว ธีรพล พิไลพร เองก็เสียใจและตกใจมาก ชายคำรณฤทธีค่อยๆหลับตาลงแน่นิ่งไป
หม่อมสรัสวดีที่หลับอยู่สะดุ้งรู้สึกตัว...
“ชาย...ชายคำรณ”
พวงทองเข้ามาดูแลหม่อมสรัสวดี...
“หม่อมฟื้นแล้ว”
หม่อมสรัสวดีร้องไห้
“พวงทอง ชายคำรณถูกยิง ชายคำรณอยู่ไหน”
“หม่อมฝันไปน่ะค่ะ เรายังไม่ได้ข่าวคราวของพวกเขาเลยค่ะ”
“ฉันฝันไปเหรอ...แต่มันเหมือนจริงมาก มันเหมือนจริงทุกอย่าง...ฉันจะไปช่วยชายคำรณกับลูกหญิง”
หม่อมสรัสวดีลุกขึ้นจากเตียง ออกไปจากห้องทันที
“หม่อมคะ”
พวงทองรีบวิ่งตามไป บุญปลูกเข้ามาขวางไว้ ก่อนที่หม่อมสรัสวดีจะออกไปข้างนอก
“หม่อมจะไปไหนคะ”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป”
หม่อมสรัสวดีผลักบุญปลูกออก พวงทองเข้ามากับอรอนงค์และนพดล
“หม่อมค่ะ อย่าไปเลยค่ะ มันอันตรายมาก”
หม่อมสรัสวดีหันกลับมาบอก
“ ไม่ว่าฉันจะเป็นอะไร ฉันยอมเอาชีวิตเข้าแลก ฉันต้องช่วยลูกหญิงและชายคำรณให้ได้เธอไม่เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่หรอก”
“ถึงดิฉันไม่ใช่แม่คน แต่ฉันแบกความรับผิดชอบในฐานะผู้นำของบ้านนี้ ในฐานะพี่สาวที่เป็นห่วงน้องชาย และผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาคุณเทพ ภรรยาของฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเองและกำลังทำร้ายทุกคน ความเจ็บปวดที่ดิฉันได้รับไม่ยิ่งหย่อนกว่าที่หม่อมรู้สึก ดิฉันจะเป็นคนออกไปช่วยทุกคนเอง ดิฉันจะพยายามโน้มน้าวให้คุณเทพเปลี่ยนใจ...ดิฉันต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
อรอนงค์รีบบอก
“ให้ฉันไปด้วยเถอะ ขอให้ฉันได้แสดงความรับผิดชอบเหมือนเธอบ้าง”
“ถ้าอย่างนั้น ดิฉันฝากให้คุณอร...ดูแลหม่อมสรัสวดีแทนดิฉันด้วย นี่คือความรับผิดชอบที่ดิฉันต้องการจากคุณ”
อรอนงค์อึ้ง พยักหน้าช้าๆอย่างยอมรับ พวงทองหันไปสั่งเข้มที่เดินเข้ามา
“นายเข้ม ไปกับฉัน”
“ครับคุณพวงทอง”
บุญปลูกรีบบอก
“บุญปลูกจะดูแลทางนี้เองค่ะ”
พวงทองและเข้มจะออกไป หม่อมสรัสวดีให้พร...
“ขอให้เธอพาลูกหญิงและทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยนะ”
“ค่ะ...”
พวงทองและเข้มรีบออกไป ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง ส่งแรงใจช่วยทุกคน
ภายในโรงงานร้าง...ทิวบอกเทพ...
“แกทำลายไปหนึ่งชีวิต...แกได้สิ่งที่แกต้องการแล้ว ปล่อยตัวคุณหญิงได้แล้ว”
เทพหัวเราะสะใจ
“แกยังเชื่อใจและไว้ใจฉันอีกเหรอ ฉันล่ะนับถือแกจริงๆ”
“ไอ้คนหลอกลวง” หญิงมานศรีตวาด
“นิยายรักพี่ชายแสนดีกับน้องสาวแสนสวย มันจบลงแล้ว...ชีวิตพี่ชายเธอมันไร้ค่าสำหรับฉัน เธอรู้ดีไม่ใช่เหรอ....ว่าฉันต้องการอะไร...” เทพชี้ไปที่ทิว “วิญญาณมันต่างหากที่ฉันต้องการ”
ทิวจ้องเขม็ง เทพมองอย่างเกลียดชัง
“แกเป็นตัวมารที่ขวางความสุขฉันมาทั้งชีวิต คิดจะแย่งชิงธุรกิจไปจากฉัน คิดจะพรากผู้หญิงที่ฉันรัก... ทิว หยุดเถอะ...อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดแกชั่วชีวิตเลย ฆ่าตัวตายซะ...”
“อย่านะทิว อย่าทำตามมัน ไม่งั้นนายก็พ่ายแพ้ต่อมัน”
หญิงมานศรีร้องห้าม ทิวเดินไปหยิบปืนจากมือชายคำรณฤทธี ขึ้นมา...
“นายทิว อย่านะ...”
“ผมไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว ในเมื่อมันเกลียดชังผม หากผมตายไปทุกอย่างอาจจบลง”
เทพยิ้มเย้ยอย่างพอใจ หญิงมานศรีทรุดตัวลงร้องไห้
“นายทิว”
“คุณหญิงครับ...หากสิ่งที่ผ่านมา ผมทำให้คุณหญิงเจ็บช้ำน้ำใจ ผมอยากบอกคุณหญิงว่า...จริงๆแล้วผมไม่เคยมีเจตนาอย่างนั้น”
หญิงมานศรีได้ฟังก็แปลกใจ นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ถูกทิวกลั่นแกล้งในอดีตอย่างเศร้าๆ
“สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากบอกคุณหญิงก็คือ...”
หญิงมานศรีรอฟัง เทพตวาด...
“เลิกพร่ำเพ้อสักที ได้เวลาตายของแกแล้ว ไอ้ทิว ฉันไม่อยากเสียมือฆ่าแก ฉันอยากเห็นแกตายด้วยมือของแกเอง....มันยิ่งทำให้ฉันภูมิใจ ฮ่ะๆ...แล้วหลังจากนี้คุณหญิงก็จะครองรักอยู่กับฉันอย่างมีความสุข
ตลอดไป...ชั่วนิจนิรันดร์ แฮปปี้เอ็นดิ้ง ฮ่ะๆๆๆ”
“ไม่...ฉันไม่มีวันรักคุณ”
เทพไม่พอใจ
“คุณหญิง”
หญิงมานศรีตวาด
“ฉันไม่มีวันรักคุณ”
“คุณหญิงรักใครไม่ได้นอกจากผม คุณหญิงต้องรักผม”
“ฉันเคยคิดว่าคุณคือเทพบุตร แต่เมื่อฉันได้รู้จักคุณ คุณกลับมีหัวใจสีดำที่คอยทำร้ายคนอื่น ซึ่งตรงกันข้ามกับนายทิว”
หญิงมานศรีมองไปยังทิวที่คอยฟังว่าหญิงมานศรีจะพูดถึงเขาอย่างไร...
“...ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย หยาบคาย เป็นผู้ชายที่ฉันรังเกียจ แต่หัวใจเขากลับบริสุทธิ์ มีความรักที่จริงใจ สิ่งเหล่านี้ต่างหาก คือเกียรติสูงส่งที่น่าศรัทธา...ซึ่งคุณจะไม่มีวันได้รับรักจากใคร หากคุณใช้อำนาจบังคับขู่เข็ญ”
“หยุดพล่ามได้แล้ว...ตายได้แล้ว ทิว ยิงสิ ยิง!”
หญิงมานศรีไม่หยุดยังคงพูด...
“ได้ยินมั้ยว่าฉันเกลียดและขยะแขยง คุณไม่เคยมีค่ามีตัวตนในสายตาของฉัน คุณมันไร้ค่า แม้แต่ไส้เดือนกิ้งกือ ยังมีคุณค่าต่อโลกใบนี้มากกว่าเศษมนุษย์อย่างคุณ”
เทพสั่งทิว
“แกไม่ยิง ฉันฆ่าแกเอง”
เทพจะยิงทิวเอง แต่หญิงมานศรีจับปืนไว้
“ก็ได้ ผมจะไม่ยิงมัน ถ้าอย่างนั้น คุณหญิงก็ต้องตายแทนมัน”
เทพจ่อยิง หญิงมานศรีศรีตัดสินใจแย่งปืนจากเทพ...ตะโกนบอกทิว
“ทุกคนรีบหนีไป”
หญิงมานศรีแย่งปืนจากเทพ ปืนกระเด็นหลุดมือเทพไป หญิงมานศรีรีบวิ่งหนี ทิวเป็นห่วงจะวิ่งไปช่วย ล้วนวิ่งเข้ามาขวาง ทิวต่อสู้กับล้วนด้วยหมัดมวย พิไลพรจับชีพจรของชายคำรณฤทธีร้องบอกอย่างดีใจ
“คุณชายยังไม่ตายค่ะหมอธี”
“อะไรนะ”
ธีรพลรีบมาดูอาการของชายคำรณทันที
เทพวิ่งเข้าไปหยิบปืน จะตามจับตัวหญิงมานศรี เธอพยายามคว้าของใกล้ตัว ปาใส่เทพ เพื่อจะวิ่งหนีลงไปข้างล่าง
ทางด้านทิวต่อสู้กับล้วน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ทิวหันมาตะโกนสั่ง
“พาคุณชายออกไป เร็วเข้า!”
ธีรพลและพิไลพรพยุงชายคำรณออกไป ล้วนเข้ามาซ้ำทิว อาศัยแรงเยอะกว่า จัดการทิวกลิ้งไปนอนหมอบกับพื้น ล้วนถือเหล็กแหลมที่หยิบมาได้ ลากเข้ามา จะแทงตัวทิว แต่ทิวคว้าปืนที่พื้นข้างตัวชายคำรณ ฤทธีขึ้นมายิงสวน
ล้วนถืออาวุธค้างจะล้มลง ทิวกลิ้งตัวหลบร่างล้วนที่ล้มลงมา...
หญิงมานศรีวิ่งหนีลงมาจากชั้นสอง ลงมาข้างล่าง เทพวิ่งไล่ตามมา...
“หยุดนะคุณหญิง!”
หญิงมานศรีวิ่งหนี จะไปหาทิว แต่สะดุดเชือก ทำให้ล้มลง เทพวิ่งเข้ามาหยุดมอง สะใจที่หญิงมานศรีหนีไปไม่ได้
ทิวเห็นเทพเดินตรงไปหามานศรีก็เป็นห่วง
“คุณหญิง”
ทิวจะวิ่งไปช่วยหญิงมานศรี แต่แล้วมือของล้วนจับเท้าทิวไว้
“ไอ้ล้วน”
ล้วนดึงเท้าทำให้ทิวล้มลง ล้วนฝืนลุกขึ้น หยิบอาวุธแหลมจะแทง ทิวยื้อแย่งของแหลมนั้น แล้วแกว่งไปปักที่มุมหนึ่ง
ล้วนเข้ามาต่อสู้อีกคราวนี้ทิวออกแรงสุดกำลังถีบล้วนกระเด็นไปถูกเหล็กแหลมปักทะลุกลางร่าง ล้วนขาดใจตายทันที
เนื่องจากมีการแก้ไขบทโทรทัศน์ใหม่ ตัวหนังสือ สีน้ำเงิน ในหน้า 2 และ 3 คือ บทที่แก้ไขใหม่แล้ว
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
หญิงมานศรีและพวงทองเข้ามาในบริเวณวัด ได้ยินเสียงของเทพร้อง ทั้งสองคนชะงักฟัง
“คุณเทพ”
“เสียงมาจากด้านโน้นค่ะ รีบไปกันเถอะค่ะ ก่อนที่นายทิวจะทำอะไรลงไป”
หญิงมานศรี รีบนำทางพวงทองไปยังที่มาของเสียง
เทพร้องเสียงหลง ขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากตาย”
เทพร้องขอความช่วยเหลือ...เท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา เทพคลานเข้าไปหาอย่างน่าสังเวช
“ช่วยฉันด้วย!”
เทพเงยหน้ามองเห็นทิวยืนอยู่...
“ทิว...ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากตาย”
“แล้วเวลาที่คนอื่นร้องขอชีวิต ร้องขอความเห็นใจ ทำไมแกไม่คิดบ้าง”
“ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว พาฉันออกไปจากที่นี่ ช่วยฉันด้วย”
“ได้...ฉันจะช่วยแกเอง”
เทพยิ้มดีใจ ทิวเข้ามาลากตัวเทพครูดไปกับพื้น...เทพร้องเสียงหลง
“อ๊าค”
หญิงมานศรีและพวงทองเข้ามาที่มุมหนึ่ง มองไปยังตำแหน่งเสียงของเทพ
“เสียงมาจากตรงนั้น”
หญิงมานศรีและพวงทองเข้ามาในตำแหน่งที่เทพเคยอยู่ แต่ไม่เจอ พวงทองหน้าตื่น
“ทิวกับคุณเทพไม่ได้อยู่ที่นี่”
“ช่วยกันแยกย้ายตามหาเถอะค่ะ...”
พวงทองรีบแยกไปอีกทาง หญิงมานศรีออกไปหาทิวอีกทาง
ทิวโยนร่างเทพลงนอนกับพื้น...หน้าสถูปของพ่อกับแม่ เทพค่อยเงยหน้าขึ้นมองรูปพ่อแม่ของทิวที่ติดอยู่สถูป
“แกจำได้ใช่มั้ย ผู้มีพระคุณที่แกตอบแทนด้วยความเจ็บปวด”
“จำได้สิ ฉันจำได้เสมอ”
“ฉันจะส่งแกไปกราบเท้าขอขมาท่าน”
“เอาเลยทิว แต่ก่อนที่แกจะทำอย่างนั้น...ฉันขอเวลาแกสักนิด”
เทพค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก มองสถูปนิ่ง คล้ายว่าจำสำนึกผิด แต่แล้วก็ถุยน้ำลายใส่สถูป
“ถุย!”
ทิวโกรธจัดเอาปืนฟาดเทพ เทพล้มลงไปฟาดลงกับสถูป แล้วจิกหัวเทพขึ้นมา
“แกต้องตายเพื่อชดใช้กรรมทั้งหมด!”
หญิงมานศรีและพวงทองเข้ามา
“หยุดนะนายทิว อย่าทำให้ตัวเองมือเปื้อนเลือดเลยนะ ปล่อยเค้าไปเถอะ” หญิงมานศรีร้องบอก
“ไม่! แก ตาย!”
หญิงมานศรี พวงทองร้องเสียงหลง
“อย่า!”
เทพทรุดลง คุกเข่าต่อหน้าทิว...ก้มหน้านิ่ง
“ฉันขอโทษ...”
ทิวอึ้ง...หญิงมานศรีและพวงทองเองก็แปลกใจ ที่เทพยอมจำนน เทพค่อยๆเงยหน้ามองพวงทองและหญิงมานศรี
“ไม่ต้องมาตบตาฉัน”
หญิงมานศรีเข้ามายื้อปืนของทิวเอาไว้
“แต่ฉันไม่ยอมปล่อยให้นายเป็นฆาตกร หัวใจบริสุทธิ์ของนายไม่ควรมีมลทินเพราะคนชั่ว”
“ผมปล่อยให้มันมีลมหายไป ไปทำร้ายคนอื่นอีกไม่ได้”
หญิงมานศรีพยายามขอร้อง
“ปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการเขา เขาต้องชดใช้กรรมในคุก ความชั่วที่เขาก่อไว้ เพียงพอที่จะทำให้เขาโดนโทษประหารชีวิต”
“แต่มันทำให้ผมต้องเจ็บปวดทั้งชีวิต ผมเกลียดมัน”
“อย่าใช้ความโกรธมาทำร้ายตัวเอง นายต้องใช้ความรักและความดีมาควบคุมตัวเองให้ได้ อย่าให้จิตด้านมืดมาควบคุมนาย นายพลาดเพียงครั้งเดียว นายก็จะติดกับดักความชั่วร้ายเหมือนอย่างเขา นายอยากเป็นอย่างคุณเทพรึไง”
ขณะเดียวกัน เข้มเข้ามาพร้อมตำรวจที่เตรียมพร้อม ล้อมเทพเอาไว้ ทิวมองไปรอบๆ ขณะที่เทพก้มหน้านิ่ง รับรู้ในชะตากรรม ยอมจำนน ทิวอ่อนลง หญิงมานศรีรวบปืนมาจากทิว
“ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะนะ...ทิว...พวงทอง...คุณหญิง”
“ฉันยอมไว้ชีวิตแก...เพื่อให้แกได้อยู่กับความรู้สึกผิดไปจนกว่าชีวิตแกจะหาไม่นั่นจะเป็นการลงโทษแกได้อย่างสาสมที่สุด”
ทิวเบือนหน้าหนี เทพหันมามองหญิงมานศรี
“ฉันให้อภัยคุณไปนานแล้ว เพราะไม่อยากให้ต้องตามติดกันไปใช้หนี้เวรหนี้กรรมกันอีก แค่นี้ก็เกินพอ”
พวงทองมองเทพด้วยความสงสารและเจ็บปวด
“ฉันขอให้คุณได้สำนึกผิดต่อบาปที่คุณก่อเอาไว้ได้จริงๆ”
“ทำไมเธอถึงไม่เคยเชื่อใจฉันเลยนะพวงทอง”
“ฉันถึงได้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสอยู่นี่ไงคะ เจ็บปวดที่ต้องรักคนเลวอย่างคุณ”
เทพอึ้ง ไม่คิดว่าพวงทองจะบอกรัก
“พวงทอง...เธอรักฉัน”
“ค่ะ ฉันอยากจะไว้ใจคุณ ศรัทธาคุณ ให้เท่ากับที่ภรรยาคนหนึ่งจะมอบให้กับสามีได้ แต่ฉันก็ทำไม่ได้...ทำได้แต่เพียง...เก็บและกดมันเอาไว้”
เทพอึ้ง
“พวงทอง...”
“หวังว่าสักวัน ความดีของฉันจะทำให้คุณเปลี่ยน ความเมตตาของฉันจะทำให้หัวใจสีดำของคุณเจือจางเป็นสีขาว...แต่มันก็ไม่มีวันนั้น และจะไม่เคยมี”
ทิวมองพี่สาวอย่างสงสาร
“พี่พวง...พี่ควรจะตัดใจจากมัน เลิกเสียเวลาพูดในสิ่งที่คนอย่างมันไม่เคยเข้าใจซะทีเถอะ”
“พี่รู้ทิว พี่รู้...”
เทพก้มหน้า นิ่ง...ทิวจับแขนพี่สาว
“ไปเถอะ...ให้ตำรวจได้ทำหน้าที่...พาคนเลวอย่างมันไปรับกรรม”
เทพไม่พอใจ
“แกมันคอยแต่จะเป็นมารคอยขัดขวางฉันไปซะทุกอย่างเลยนะทิว”
“ใช่!จนกว่าจะเห็นคนเลวอย่างแกพบกับจุดจบ”
ทิวมองเทพอย่างจงเกลียดจงชัง...หันหลังเดินออกไป ทันใดนั้น เทพก็ฉวยจังหวะแย่งปืนมาจากหญิงมานศรี ยกขึ้นจะยิงทิว พวงทองเห็นตกใจ วิ่งไปจับที่ด้ามปืนในมือเทพ เพื่อไม่ให้ยิงทิว
“ทิว...หลบไป”
พวงทองและเทพฉุดกระชากปืนกัน แล้วเสียงปืนก็ลั่นขึ้นมา ทิวและหญิงมานศรีตกใจ เทพและพวงทองอึ้งตกใจ...มองหน้ากัน เทพและพวงทองค่อยๆก้มลงมองที่ท้อง เทพถูกปืนลั่นใส่ท้อง เทพหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด
“คุณเทพ...”
เทพทรุดลงกับตัวของพวงทอง...เข้มและตำรวจเข้ามา ตำรวจเห็นปืนในมือเทพ
“ทิ้งปืนเดี๋ยวนี้!”
เทพมองหน้าพวงทอง...ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะตั้งใจยกปืนขึ้นเหมือนจะยิงทิว ตำรวจตัดสินใจยิงใส่เทพทันที พวงทองหลบกระสุนไปกับทิวและหญิงมานศรี เทพถูกตำรวจยิงพรุนไปทั้งร่างค่อยๆทรุดลง พวงทองตะลึง
“คุณเทพ!”
พวงทองเข้าไปรับร่างของเทพเอาไว้ในอ้อมกอด ทุกคนตกใจ สรัสวดี อรอนงค์ นพดล ผ่องทิพย์ ขวัญตาและบุญปลูกเข้ามาเห็นภาพอันน่าสมเพช
“เทพ...”
อรอนงค์ร้องไห้โฮ นพดลกอดอรอนงค์เอาไว้ เทพมองพวงทอง ด้วยสายตาอ่อนโยน
“ในที่สุด เธอก็กอดฉัน”
“คุณตั้งใจจะให้ตำรวจยิงคุณ”
“เพราะถ้าฉันต้องติดคุกหรือต้องโทษประหาร...ฉันก็จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสอ้อมกอดของเธอแบบนี้”
ทิวและหญิงมานศรี และทุกคนสะเทือนใจที่ได้ยิน
“ฉันดีใจมากแค่ไหนรู้มั้ย ที่รู้ว่า...เธอรักฉัน เพราะฉันก็รักเธอ รักมาก มากกว่าใครทั้งหมด...ความปรารถนาลึกๆในใจของฉัน ที่ไม่เคยมีใครรู้...คือความรักและอ้อมกอดจากเธอ”
พวงทองร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ทิวและหญิงมานศรีคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเทพพูดเรื่องนี้ พวงทองส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก
“แต่ฉันไม่เชื่อคุณ ไม่เคยมีความจริงจากปากของคุณ”
“ฉันจะโกหกอะไรได้อีก...พวงทอง...ความตายมารอฉันอยู่ตรงหน้าแล้ว”
“คุณเทพ...”
“เธอจะรักฉันต่อไปได้มั้ย ให้ฉันตายอย่างไม่โดดเดี่ยวอ้างว้าง”
พวงทองเสียใจแต่ใจแข็ง
“ฉันขอโทษ...ฉันทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว...มันสายเกินไป”
เทพอึ้ง...ผลักพวงทองออกไป
“แปลว่า ฉันต้องตายไป โดยที่ไม่มีใครรักฉันใช่มั้ย”
อรอนงค์เข้ามา
“พี่ไงล่ะเทพ พี่คนนี้ที่รักเธอเสมอ”
อรอนงค์จะเข้าไปหา เทพตะโกนไล่
“ไม่ต้องเข้ามา...เธอไม่ใช่พี่สาวฉัน”
นพดลไม่พอใจ
“เทพ นายพูดอย่างนั้นได้ไง คุณอรเขารักและเป็นห่วงนายมากรู้มั้ย”
“เรามีกันอยู่เพียงสองคนพี่น้อง พี่รักเทพมากนะ”
“รักเหรอ...แต่พี่ไม่เคยเข้าข้างผม พี่กลับไปรักศัตรูของผม...ไม่ต้องทวงความรักจากผม...ในโลกนี้ผมไม่ต้องพึ่งใคร...ผมอยู่ได้ด้วยตัวผมเอง”
อรอนงค์ร้องไห้เสียใจที่เทพไม่เคยมีความรักให้ตัวเอง นพดลเข้าไปโอบปลอบใจภรรยา
“ฉันอยู่ได้ด้วยตัวของฉันเอง เพราะฉะนั้น ถ้าฉันจะตาย ก็จะตายด้วยมือของตัวเอง”
เทพยิงตัวเอง ล้มลง ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ร่างเทพทรุดลงนอนแน่นิ่งกับพื้น...ตาเบิกโพลง...ทิวและหญิงมานศรีมองเทพด้วยความสังเวชใจ...พวงทองน้ำตาไหล ปล่อยให้เทพไปสู่ภพใหม่ที่ดีกว่า...อรอนงค์ค่อยๆเดินเข้ามาหาแล้วเอามือลูบปิดตาเทพ
“เทพไม่ได้ตายโดยไม่มีใครรัก ไม่ว่าเทพจะเป็นคนยังไง พี่สาวคนนี้ยังคงรักน้องชายเสมอ...ขอให้น้องของพี่ ไปสู่สุขคติ...พี่อโหสิกรรมให้”
ผ่องทิพย์ร้องไห้โฮ ทนดูไม่ได้ เบือนหน้าหนี ขวัญตามองเทพ ความเกลียดชังได้ถูกปลดปล่อย เหลือเพียงความเวทนา ร่างเทพนอนตายอยู่ในวงล้อมของทุกคน...บริเวณสถูปพ่อแม่ทิว...
หลายวันต่อมา...อรอนงค์ถือโกฏิใส่เถ้ากระดูกของเทพ เข้ามาลาทิว
“ทิว...ฉันขอโทษแทนน้องชายของฉันด้วย”
“คุณอรอนงค์อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว และผมก็รู้ว่าคุณอรอนงค์ต้องแบกรับความสูญเสียยังไงบ้าง”
“ขอบใจเธอมากนะ...ฉันขออะไรเธอได้มั้ยทิว...ขอให้เธอเป็นน้องชายของฉันและรับฉันเป็นพี่สาว”
ทิวยิ้มรับ
“ด้วยความยินดีครับ...” ทิวมองอรอนงค์ “พี่สาวของผม”
ทิวเข้าสวมกอด อรอนงค์ยิ้มพอใจ นพดลเดินเข้ามาหาทั้งสอง
“ได้น้องชายคนใหม่ แล้วจะลืมสามีคนนี้รึเปล่า”
ทิวหันมายิ้มให้นพดล
“ทิว...ต่อไปหากมีปัญหาอะไร ติดต่อฉันได้ทุกเวลา ฉันยินดีช่วยเหลือและขยายธุรกิจร่วมกับเธอ”
“ขอบคุณครับคุณนพดล...”
นพดล มองไม่พอใจเล็กๆ ทิวเปลี่ยนคำพูด
“ครับพี่นพดล”
นพดลและอรอนงค์เดินออกไป ทิวยกมือไหว้ลา...ยืนส่งทั้งสองเดินออกไป หญิงมานศรี เดินเข้ามาหาทิว
“นายทิว นายจะปล่อยให้พี่พวงทองไปจริงๆเหรอ”
ทิวหันมาหาหญิงมานศรี คิดอะไรบางอย่าง...
ทิวเดินเข้า มาถึงหน้าโบสถ์...พวงทองในชุดชีพราหมณ์ เตรียมตัวจะทำพิธีปลงผม บวชเป็นชีเดินเข้ามาหาทิว...หญิงมานศรีเดินเข้ามายืนเคียงข้างทิว
“พี่พวงตัดสินใจดีแล้วเหรอครับ”
พวงทองพยักหน้ารับ
“พี่จะบวชชีตลอดชีวิต...”
“คุณพวงทอง”
“พี่เห็นความเจ็บปวดจากการไม่รู้จักพอ ทะเยอทะยานอยากในเรื่อง...กิน กาม เกียรติ จนทำให้คุณเทพพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขที่ฉาบฉวย ทำได้แม้กระทั่งเข่นฆ่าคนรอบข้าง ที่รักเขา แต่มันก็ทำให้เขาต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้าย หัวใจของเขาก็ยังคงปิดตาย ไม่มีแม้แต่สำนึกสักนิด จนไม่อยากจะคิดว่าชีวิตหลังความตายของเขาจะต้องตกนรกไปอีกกี่กัปล์กี่กัลป์”
ทิวและหญิงมานศรีสบตากัน เห็นด้วยกับสิ่งที่พวงทองคิด
“พี่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความสุขทางโลกที่เป็นมายาคติอีกแล้ว ทุกสิ่งเป็นสิ่งสมมติ เป็นสิ่งชั่วครั้งชั่วคราว พี่อยากค้นพบหนทางสู่ความสุข ความสงบอย่างแท้จริง...เมื่อพี่เกิดปัญญาค้นพบคำตอบที่พี่ค้นหา พี่จะได้นำคำตอบนั้นมาช่วยให้คนอื่นได้มีหัวใจที่บริสุทธิ์ ดำเนินชีวิตทางโลกได้อย่างงดงามต่อไป”
“หากพี่ต้องการอย่างนั้น ผมก็ไม่ขัด ผมขออนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ”
“หญิงขอเป็นกำลังใจให้คุณพวงทอง ดำเนินชีวิตบนเส้นทางธรรมจนบรรลุในสิ่งที่ปรารถนาค่ะ...”
ทิวและหญิงมานศรียกมือไหว้ พวงทองยิ้มรับ
“จำไว้นะทิว...คุณหญิง...การได้เกิดเป็นมนุษย์ ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้ทำความดี...และชีวิตคนเราก็สั้นนัก อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลย โดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำ”
ทิวกับหญิงมานศรีรับคำพร้อมเพียงกัน
“ครับ/ค่ะ”
พวงทอง มองทิว
“โดยเฉพาะทิว...เปิดหัวใจให้กว้าง...อย่าปล่อยให้ทิฐิเข้ามาปิดบังความสวยงามของชีวิตที่ทิวสมควรจะได้รับมัน”
“ครับพี่พวง”
“ฝากดูแลทิวด้วยนะคะคุณหญิง”
หญิงมานศรีอึกอัก อึ้ง แต่ก็รับปาก เขินๆ
“เอ่อ...ค่ะ”
พวงทองเดินเข้าไปในโบสถ์ เพื่อทำพิธีบวชชี...ทิวและหญิงมานศรีมองด้วยความยินดีในศรัทธามุ่งมั่นของพวงทอง นั่นคือเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้ว โดยมีทิวและหญิงมานศรีเป็นสักขีพยาน
ทิวและหญิงมานศรีเดินออกจากวัดมาด้วยกัน
“ฉันดีใจกับนายด้วยนะ ที่ทุกอย่างของทัดเทพกลับมาเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอย่างที่ควรจะเป็น”
“ขอบคุณ”
ทั้งสองเงียบไปครู่ก่อนที่หญิงสาวจะพูดขึ้น
“ของใจนะที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้”
“เธอก็ช่วยฉันเหมือนกัน”
ทั้งคู่เงียบกันไปต่างคนต่างตกอยู่ในความเงียบงันไปครู่หนึ่ง ทิวตัดสินใจถามขึ้นมา เพราะทนอึดอัดไม่ไหว
“ผมได้ข่าวว่าพรุ่งนี้หม่อมสรัสวดีจะพาคุณกลับวัง”
“ใช่ค่ะ อาการของพี่ชายดีขึ้นแล้ว...เราจะกลับวัง ไปดูแลพี่ชายตอนพักฟื้น”
“แล้วจะกลับมาที่นี่อีกรึเปล่า”
หญิงมานศรียิ้มให้ แต่ยังสงวนท่าที
“อาจจะกลับ”
ทิวยิ้ม
“หรือไม่ได้กลับมาทั้งชีวิตก็ได้”
ทิวอึ้ง ทั้งสองคนสบตากัน ต่างเห็นความหมายที่ลึกซึ้งของกันและกัน
“นายทิว...”
ทิวเขิน ปกปิดความรู้สึก รีบเบือนหน้าหนี
“ก็ดี ไปอยู่ในที่ของคุณ วังอันสง่างาม ไร่อ้อยแถวนี้มันไม่น่าอยู่หรอก”
“ไม่อยากให้ฉันอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ”
“ใช่ เห็นคุณอยู่ที่นี่แล้ว...ขัดตา ชุดแบบนี้กับต้นอ้อย เข้ากันที่ไหน”
หญิงมานศรีผิดหวัง น้อยใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอก...ฉันจะกลับไป แต่มันไม่ใช่วังของฉัน เป็นวังของนายต่างหาก จำไม่ได้เหรอ”
ทิวนิ่ง
“ฉันจำไม่ได้ เพราะฉันถือว่าฉันให้เธอไปแล้ว”
“ฉันไม่รับของๆใครฟรีๆ ฉันจะหาเงินมาคืนนาย”
หญิงมานศรีเดินหนี ทิวเจ็บใจ
“อวดเก่ง จะหาเงินจากที่ไหนมาคืนฉัน หา!”
หญิงมานศรีไม่หันไป ยิ่งน้อยใจ น้ำตาพาลจะไหลออกมาให้ได้ เดินจากชายหนุ่มไป ทิวอึ้ง...นึกโกรธตัวเองจนพาลกับสิ่งรอบข้าง
ค่ำนั้น...ทิวเดินเข้ามาในคฤหาสน์ มองไปรอบๆ รู้สึกดีที่ได้กลับมาอยู่บ้านตัวเองอีกครั้ง
“ผมกลับมาแล้วครับ...คุณพ่อ คุณแม่ ต่อไปนี้ผมจะกลับมาดูแลทุกคน”
บุญปลูกและเข้มเข้ามา
“ผมขนของของนายกลับมาไว้ที่ห้องเดิมแล้วนะครับ”
“ขอบใจมาก...แล้วคนอื่นๆไปไหนกันหมด”
“คุณขวัญตาอยู่บนห้องเก่าของเธอ ทำอะไรอยู่ไม่รู้ค่ะ ส่วนคุณผ่องทิพย์...”
บุญปลูกหันไปทางหนึ่ง ผ่องทิพย์นั่งซึมอยู่เพียงลำพัง ทิวมองอย่างเห็นใจ
ทิวเดินเข้ามานั่งข้างผ่องทิพย์
“ทำไมไม่ไปส่งพี่พวง”
“ไม่ไปน่ะดีแล้ว...พี่พวงจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าฉัน ให้เป็นห่วง”
“พี่พวงห่วงพี่มาก”
“นั่นสิ...จนฉันไม่กล้าไปสู้หน้าพี่พวง พี่พวงกำลังเดินบนเส้นทางธรรม คนบาปอย่างฉันเลยไม่อยากไปให้ธรณีวัดต้องแปดเปื้อนมลทิน”
“ฝันร้ายจบลงแล้วนะพี่ผ่อง ไอ้เทพก็ตายไปแล้ว ความมืดมนที่เคยครอบงำที่นี่ก็กำลังจางหายไป”
“แต่ฉันยังต้องนอนฝันร้ายกับสิ่งที่ฉันเคยทำ โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะจบสิ้น”
“จนกว่า...พี่จะให้อภัยตัวเอง”
ผ่องทิพย์หันหน้ามามองน้องชายอึ้ง
“ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ พี่ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า แต่มันจะไปต่อไม่ได้ ถ้าไม่ยอมให้อภัยตัวเอง”
ผ่องทิพย์ร้องไห้ เสียใจ
“ทิว...ฉันจะให้อภัยตัวเองได้ยังไง แกรู้มั้ยว่าฉันทำผิดบาปมากแค่ไหน โดยเฉพาะกับแก กับพี่พวง กับคุณพ่อคุณแม่ ฉันเป็นหนี้ทุกคน”
“ผมไม่อยากรู้ เพราะผมให้อภัยพี่ไปหมดแล้ว”
ผ่องทิพย์อึ้ง
“ถ้าพี่ไม่อยากรู้สึกผิดบาปกับพวกเรา พี่ต้องลุกขึ้นมีชีวิตใหม่ นะพี่”
ผ่องทิพย์ร้องไห้ พยักหน้ารับ ทิวกอดปลอบใจพี่สาว
“เรายังมีกันและกันเสมอ”
ผ่องทิพย์กอดทิวร้องไห้น้ำตาไหลพราก
ขวัญตาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า หันไปหยิบชุดนอนที่เทพเคยซื้อให้ เธอวางมันลงกับเตียง ยืนมอง ยิ้มน้อยๆออกมา
“ถึงฉันจะเกลียดคุณมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณ ที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า...ความรักต่างหากที่ทำให้คนสองคนเป็นคนสำคัญซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ด้วยผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ที่ปราศจากความรัก จุดจบมีเพียงน้ำตาแห่งความเสียใจ ขอให้คุณไปสู่สุคติ”
ขวัญตาปิดกระเป๋า โดยปล่อยให้ชุดนอนชุดนั้นวางไว้อยู่ที่เดิม
วันใหม่...หญิงมานศรียืนรีรอ แต่ยังลังเลหญิงสาวจะเดินออกไป พิไลพรเข้ามา
“คุณหญิงคะ หม่อมให้มาตาม ได้เวลาเดินทางกลับกฤตยาแล้วค่ะ”
“หญิงเอ่อ...หญิง”
“แต่พรว่ายังพอมีเวลา รีบไปบอกลาคุณทิวก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพรจะรั้งหม่อมเอาไว้เอง”
หญิงมานศรีเขินอาย
“พรรู้...”
“ค่ะ และพรก็เอาใจช่วยนะคะ”
“หญิงก็แค่มีคำถามอยากจะถามนายทิวเท่านั้นเอง ไม่ต้องเอาใจช่วยเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกน่า”
หญิงมานศรีวิ่งออกไปทันที พิไลพรมองตาม
“เพื่อให้คุณหญิงได้สมหวังและมีความสุข เป็นเรื่องใหญ่ของทุกคนค่ะ...ขอให้ดวงใจสองดวง...เชื่อมกันเป็นดวงเดียวได้สักทีนะคะ อย่าให้มีอุปสรรคอะไรอีกเลย เจ้าประคุ้ณ”
พิไลพรหลับตาพนมมือขอพรพระ พอลืมตาก็ต้องสะดุ้ง ตกใจ
“ว้าย!"
ธีรพลยืนยิ้มอยู่ข้างหน้าพิไลพร
“เพี้ยง!”
“หมอธีอ่ะ ล้อพรใช่มั้ยเนี่ย”
“โกรธเหรอ”
“ไม่ได้โกรธ”
“แต่หน้าบึ้ง”
“โกรธก็ได้ค่ะ”
พิไลพรยิ้มๆ เดินงอนออกไป ธีรพลตาม
“เอ๊า ยังคุยไม่รู้เรื่องเลยนะพร เดี๋ยวก่อนสิ เก็บของเสร็จหรือยัง ผมช่วยนะ”
ธีรพลตามง้องอน
เนื่องจากมีการแก้ไขบทโทรทัศน์ใหม่ ตัวหนังสือ สีน้ำเงิน ในหน้า 2 และ 3 คือ บทที่แก้ไขใหม่แล้ว
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
ทิวยืนเหม่อลอยอยู่มุมหนึ่งของคฤหาสน์ ขวัญตาเข้ามาหา
“ขวัญตาจะมาลาพี่ทิว”
ทิวหันไป แปลกใจ
“เธอจะไปไหน”
“ขวัญตาจะกลับไปอยู่บ้าน อยากไปดูแลคนในครอบครัวขวัญตา ที่ผ่านมาขวัญตาเห็นแก่ตัว เอาความสุขตัวเองเป็นที่ตั้ง ขวัญตาอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่...เพื่อคนที่รักขวัญตา”
“และขอให้รู้ว่า...ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่รักและปรารถนาดีต่อเธอเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน...ความรู้สึกนี้ มันก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ขวัญตาซึ้งใจ
“พี่ทิว...”
“โชคดีนะขวัญตา เดือดร้อนอะไร ก็บอกมาได้ ฉันยินดีช่วยเหลือเธอเสมอ”
ทิวเดินออกไป
“แล้วพี่ทิวจะปล่อยให้คุณหญิงกลับไปเฉยๆแบบนี้น่ะเหรอ”
“คุณหญิงเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“พี่ทิวรักคุณหญิง พี่ทิวกลัวอะไรอยู่ เก่งกล้าทุกเรื่อง แต่มาตกม้าตายแค่เรื่องบอกความรู้สึกที่มีกับผู้หญิงที่ตัวเองรัก”
“ยังอยากจะคุยดีๆกับฉันอยู่หรือเปล่า ขวัญตา”
“แล้วก็มาพาล”
ทิวเถียงไม่ออก เดินหนีดีกว่า ขวัญตามองตามทิวยิ้มๆ
“หนีหัวใจตัวเองไปไม่พ้นหรอกพี่ทิว...กล้าๆดีกว่าน่า”
หญิงมานศรีมาถามหาทิวกับเข้มที่มุมหนึ่งของไร่อ้อย
“เข้ม นายทิวอยู่ไหน”
“ไม่ทราบสิครับ ไม่รู้นายไปไหน ไม่ได้บอกผมเอาไว้ด้วย”
“งั้นฉันจะรอ”
หญิงมานศรีนั่งรอทิวอย่างร้อนใจ เพราะต้องแข่งกับเวลา เข้มรีบออกไป เพื่อไปตามทิว
ทิวอยู่ที่มุมงานปั้นในบ้านพัก กำลังนั่งเพ้นท์รูปบนกระถางอย่างใจเย็น เข้มวิ่งเข้ามาเห็นทิวแล้วขัดใจ
“ปั๊ดโธ่นาย มานั่งใจเย็นอยู่ได้”
“ฉันไม่ได้นั่งใจเย็น ฉันนั่งวาดกระถาง”
“วาดกระถางอย่างใจเย็นไงนาย รู้มั้ยคุณหญิงมารอพบ”
ทิวถึงกับทำพู่กันวืด ก่อนจะทำเป็นวางลงกับโต๊ะอย่างแรง
“ยังไม่กลับไปอีกเหรอ”
“เอ๊า กลับไปแล้ว จะยังนั่งรอนายอยู่แบบนั้นเหรอครับ”
“มีธุระอะไร”
“เข้มไม่ใช่คุณหญิง มาถามเข้มทำไม”
“ไอ้เข้ม!”
ทิวเงื้อเตรียมเล่นงาน เข้มรีบวิ่งหนี
“คุณหญิงอุตส่าห์มาง้อ อย่าเล่นตัวมากเลยนาย”
เข้มรีบวิ่งออกไป ทิวฉุน มองกระถางบนโต๊ะที่ระบายค้างไว้ สับสน ลังเล
หญิงมานศรีนั่งรอจนรอไม่ไหว ลุกขึ้นมองไปรอบๆ ก็ยังไม่เห็นวี่แววของทิว หญิงสาวตัดสินใจเดินออกไป
หญิงมานศรีเดินเซื่องซึมมา ก่อนจะชะงัก เพราะทิวเข้ามาขวางเอาไว้ หญิงสาวดีใจ
“นายทิว”
“มาหาฉันทำไม”
“ฉันกำลังจะไป”
“แล้วไง”
“ฉันมาบอกลา”
“อืม”
หญิงมานศรีตัดสินใจถาม
“นายมีอะไรจะบอกฉันมั้ย”
“มี”
หญิงมานศรีรู้สึกใจเต้นโครมคราม ยิ้มออกมาได้
“บอกมาสิ ฉันรอฟังอยู่”
“ฉัน...”
หญิงมานศรีรอฟัง
“ฉัน...”
“หือ”
“ฉัน...เอาของมาฝาก”
ทิวยื่นกระถางที่เพิ่งวาดเมื่อครู่ส่งให้
“เอาไปปลูกต้นไม้ หรือจะ...เอาไปทำอะไรก็ได้”
หญิงมานศรีอึ้ง...น้อยใจเต็มที่ ไม่รับ ทิวจับมือหญิงสาวขึ้นมา แล้วยัดกระถางใส่มือ
“รับไป”
หญิงมานศรีปล่อยตกพื้น แตกกระจาย ทิวไม่พอใจ
“เธอ! ทำกระถางแตก...รู้มั้ยว่าฉันอุตส่าห์ตั้งใจทำ”
“ทำไมถึงตั้งใจทำมาให้ฉัน”
“เป็นที่ระลึก”
“แค่นั้น”
“แล้วจะแค่ไหน แล้วยังไง...แตกหมดแล้ว”
“นายเป็นคนทำมันแตกออกเป็นชิ้นๆเอง ไม่ใช่ฉัน ฉันขอกลับไปโดยไม่รับอะไรของนายไปทั้งนั้น”
ทิวไม่เข้าใจ
“พูดอะไรของเธอ”
หญิงมานศรีเดินออกไปอย่างเสียใจ น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมา ทิวค่อยๆเก็บเศษกระถาง มองตามไป
“ฉัน...ขอโทษ...ฉัน...โว้ย!ทำไมถึงพูดไม่ได้วะ ไอ้ทิว! โว้ย!”
ทิวเดินลิ่วๆจะไปทำงาน ก่อนจะหยุดเดิน ยืนนิ่ง ความคิดในสมองทำงานหนักสับสน
หญิงมานศรีร้องไห้ ซึม เดินเข้ามามุมหนึ่งของคฤหาสน์ หม่อมสรัสวดีเดินมาเห็นยืนมองลูกสาวอย่างสงสารอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าไปเช็ดน้ำตาให้...ทิวจะเดินเข้ามา แล้วได้ยินการคุยของหม่อมสรัสวดีกับหญิงมานศรี
“กลับวังของเราเถอะ...อย่าเสียใจไปเลยลูก”
“หญิงไม่เข้าใจเลยค่ะหม่อมแม่ ไม่เข้าใจ”
“หัวใจของคน เป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุด หญิงก็รู้ดีไม่ใช่เหรอลูก อย่าเร่งรัดตัวเอง ให้เวลากับสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ เวลาจะเป็นตัวคลี่คลายทุกอย่างเอง เชื่อแม่เถอะนะ”
หญิงมานศรีอึ้งไป
“หญิงควรจะกลับวัง”
ทิวเดินมา หยุดฟัง
“หญิงควรจะกลับไป หญิงจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก”
ทิวอึ้ง เสียใจ เดินหนีออกไป
“จนกว่าหญิงจะได้คำตอบ ว่าเค้าคิดยังไงกับหญิง”
หญิงมานศรีกอดแม่ไว้ หม่อมสรัสวดีลูบหลังลูกสาวเบาๆอย่างปลอบใจ
ทิวเดินมาทางกน้าบ้าน แล้วชะงักเมื่อเสกสรรค์เดินเข้ามา ทิวมองอย่างแปลกใจ
“คุณเสกสรรค์”
“ผมมีเรื่องสำคัญอยากถามคุณ...”
“เรื่องอะไรอีก”
“คุณทิวคิดยังไงกับคุณหญิง”
ทิวอึ้ง
“คุณทิวรักคุณหญิงรึเปล่า”
“ทำไมถามผมอย่างนั้น”
“ตอนนี้คุณแม่ผม ท่านเปิดใจยอมรับคุณหญิงแล้วครับ ท่านพร้อมจะรับคุณหญิงเป็นลูกสะใภ้ด้วยความเต็มใจ...ผมจึงอยากถามสิ่งที่คาใจผม...ว่าคุณทิวคิดยังไงกับคุณหญิง”
ทิวนิ่งคิดตัดสินใจ
“หากคุณไม่ได้รักคุณหญิง ผมจะเดินหน้าสานสัมพันธ์กับคุณหญิงต่อไป แต่ถ้าคุณรักคุณหญิง...ผมก็พร้อมจะจากไปด้วยดี”
ทิวตัดสินใจบอกอย่างฝืนใจเต็มที
“ผมไม่ได้รักคุณหญิง เชิญคุณสองคนกลับไปครองรักกันตามสบาย”
ทิวเดินออกไป เสกสรรค์รู้สึกมีความหวัง
แต่ทันทีเสกสรรค์ได้พบหน้าหญิงมานศรี เธอก็พูดอย่างตรงไปตรงมา
“หญิงขอให้เสกตัดใจจากหญิงเถอะค่ะ”
เสกสรรค์มองอย่างเสียใจ
“คุณหญิง...”
“ไม่มีประโยชน์ที่เสกจะรอคอยหญิง”
“คุณยังไม่หายโกรธแม่ผม”
“ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ของเสกเลย ที่หญิงพูดแบบนี้ เพราะหญิงคงให้โอกาสเสกอีกไม่ได้ ในเมื่อหญิง...รักนายทิว”
“คุณหญิง! แต่นายทิว...”
“ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับหญิงเลยก็ได้ใช่มั้ย ชีวิตคนเรานี่ก็ตลกนะ ไม่เคยมีอะไรที่พอดีหรือลงตัวเลย แต่ไม่เป็นไรหรอก หญิงรอได้”
“คุณหญิงยอมรอคอย ทั้งๆที่มันอาจจะทำให้คุณหญิงผิดหวัง”
“ก็ไม่เป็นไร...หญิงพร้อมจะยอมรับความจริง”
เสกสรรค์คอตก แต่ก็ยอมรับได้ในที่สุด
“ผมเองก็ต้องยอมรับความจริงด้วยเหมือนกันใช่มั้ย”
“เสกต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ ถือว่าทำเพื่อหญิงเถอะนะ”
เสกสรรค์ยิ้มรับอย่างเศร้าสร้อย
“ครับ...อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำให้คุณหญิงได้”
“ขอบคุณนะเสก...”
หญิงมานศรีเดินกลับเข้าไป เสกสรรค์มองตามอย่างสงสาร ในขณะที่ตัวเองก็เจ็บปวด
หม่อมรัสวดีกลับเข้าวังกฤติยา พิไลพรและแม่แล่มช่วยขนกระเป๋า หญิงมานศรีมองไปรอบๆวังอย่างมีความสุข แต่ก็แอบหมอง
หญิงมานศรีนั่งอยู่คนเดียว คิดถึงทิว คิดถึงภาพเมื่อครั้งได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา...ถูกทิวกลั่นแกล้งต่างๆนานา หญิงมานศรีร้องไห้ออกมาอย่างหนัก รู้สึกอ่อนแออย่างที่สุด โดยมีหม่อมสรัสวดี ชายคำรณฤทธียืนมองอยู่จากมุมหนึ่งอย่างสงสาร
วันใหม่...หญิงมานศรีบอกทุกคน
“หญิงจะไปช่วยงานท่านลุงค่ะ”
“อะไรนะหญิง ต้องจากบ้านไปไกลเลยนะ แม่ไม่ยอมล่ะ แม่ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ห่างแม่”
ชายคำรณฤทธีพยายามท้วงติงน้องสาว
“น้องหญิงมาช่วยงานพี่ชายที่โครงการดีกว่ามั้ยคะ ตอนนี้มียอดจองเข้ามาเต็มแล้ว...และกำลังเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ ไม่นาน...พี่ก็จะมีเงินไปใช้หนี้คุณทิวแล้วนะ”
หญิงมานศรีหน้าหมองลงอีก เมื่อได้ยินชื่อทิว จนทุกคนสังเกตได้ หม่อมสรัสวดีและชายคำรณหันมามองหน้ากันอย่างเห็นใจ
“หญิงไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วค่ะพี่ชาย...หญิงเชื่อมือพี่ชาย ว่าทำได้โดยไม่ต้องมีหญิงช่วยหรอกค่ะ แต่ท่านลุงสิคะ หญิงอยากให้ท่านมีเวลาพักผ่อนมากกว่านี้ หญิงอยากช่วยเหลือท่านค่ะ”
หม่อมสรัสวดีถอนใจ
“ถ้าหญิงยืนยันแม่ก็ตามใจ”
ชายคำรณฤทธีมองแม่ รู้สึกว่าแม่ปล่อยหญิงมานศรีให้ไปเมืองนอก ง่ายดายเกินไป ในขณะที่พิไลพรและแม่แล่มซึ่งยืนฟังอยู่ห่างๆรู้ดีว่า หญิงมานศรีไป เพื่อจะหนีความรู้สึกที่คิดถึงทิว หญิงมานศรีพยายามฝืนยิ้ม
พิไลพรเข้ามาในห้อง ไม่เห็นด้วยกับหญิงมานศรี
“ทำไมตัดสินใจหนีไปอย่างนี้คะคุณหญิง”
“อะไรกันพร หญิงไม่ได้หนีไปไหนนะ แค่ไปทำงาน”
พิไลพรไล่บี้
“คุณหญิงผิดใจกับคุณทิวเรื่องอะไรกันคะ”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“พร!”
พิไลพรพยายามซัก
“พรขอโทษค่ะที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่พรไม่อยากให้คุณหญิงทำร้ายตัวเองด้วยการประชดคุณทิวด้วยวิธีนี้”
“พร...จะให้หญิงทำยังไง ถึงจะเลิกสงสัยหญิงเกี่ยวกับเรื่องนายทิวซะที”
“ก็...”
หญิงมานศรีเป็นฝ่ายไล่บี้พิไลพรบ้าง
“ในเมื่อเค้าซึ่งเป็นผู้ชาย ไม่ปริปากพูดสักนิดว่าคิดยังไงกับหญิง จะให้หญิงวิ่งเข้าไปหาเค้าก่อนหรือไง หญิงทำไม่ได้”
“คุณหญิงต้องการให้คุณทิวมาง้อก่อนใช่มั้ยคะ”
หญิงมานศรีนิ่ง
“คนสองคนที่มีหัวใจตรงกัน หากจะปรับความเข้าใจกัน มันไม่ควรจะเกี่ยวหรอกค่ะว่าต้องใครก่อนใครหลัง ขืนคิดแบบนี้...ไม่มีทางลงเอยกันได้หรอกค่ะ”
พิไลพรเดินออกไป อย่างหัวเสีย หญิงมานศรีถอนใจอย่างเครียดๆ
ทิวซึ่งกำลังเดินไปจะทำงาน กับเข้ม ทันใดนั้นเสกสรรค์ก็ปรากฏตัวเข้ามา ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ต่อยทิวทันที ทิวล้ม
“นี่มันอะไรกันครับ คุณเสกสรรค์ ทำนายผมทำไม”
“นายไม่เกี่ยว นายเข้ม คุณทิว ลุกขึ้นมา”
ทิวลุกขึ้น
“จะมาหาเรื่องอะไรผมอีก”
“ผมจะมาเอาเลือดปากคนปากแข็งที่ทำให้คุณหญิงของผมต้องเสียใจ เสียน้ำตา”
“คุณมันเซ้าซี้ พูดไม่รู้เรื่องจริงๆเว้ย”
ทิวปราดเข้าไปต่อยเสกสรรค์ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างลูกผู้ชาย เข้มตื่นตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ทิวและเสกสรรค์ยังคงต่อสู้กันไม่มีใครยอมใคร เสกสรรค์เป็นฝ่ายที่อ่อนกว่า แต่ก็ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นมาดันตัวทิวพุ่งออกไป
หม่อมสรัสวดียืนนิ่งอยู่ที่หน้ารูปท่านชายอมรเทพ มองด้วยความคิดถึง ชายคำรณฤทธีเข้ามาคุยด้วยความร้อนใจ
“หม่อมแม่ยอมให้น้องหญิงไปง่ายๆไม่ได้นะครับ”
“แม่รู้ดี ว่าตอนนี้ใจของลูกหญิงเป็นยังไง อะไรที่ทำให้น้องสบายใจได้ แม่ก็ไม่อยากขัด น้องเจ็บปวดมากนะชาย”
“การส่งน้องน้องหญิงไปอยู่ไกล ไม่ใช่การรักษาความเจ็บปวดหรอกครับหม่อมแม่”
“แล้วมันจะมีวิธีไหน ที่จะช่วยให้น้องของชายหายจากอาการตายทั้งเป็นแบบนี้ล่ะ บอกแม่สิ แม่จะรีบทำโดยไม่รีรอเลย”
ชายคำรณฤทธีครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดๆ
ทิวต่อยเสกสรรค์กระเด็น ทั้งคู่อ่อนแรง เสกสรรค์ยังยันตัวขึ้น พยายามจะมาต่อยทิว แต่วืด ทิวหลบ
“เบื่อโลกนักหรือไง หรือเป็นบ้าเพราะอกหักจากยัยคุณหญิงนั่นอีก”
“ใช่! ผมอกหัก”
ทิวอึ้ง
“เพราะคุณหญิงบอกผมเองว่าเธอรักคุณ เธอรักผมไม่ได้ คุณมันทำบุญมาด้วยอะไรวะ คุณหญิงถึงได้รักคุณ”
“ไม่...”
เสกสรรค์ต่อยทิวเปรี้ยง
“ไม่ต้องเถียง! ฟังผม!"
เสกสรรค์เข้าไปกระชากคอเสื้อ ตะคอกใส่ทิว
“คุณบอกผมว่าไม่รักคุณหญิงเพราะคุณมันขี้ขลาด กลัวคำตอบจะทำให้คุณผิดหวัง เห็นผมมั้ย...ผมไม่เคยกลัวที่จะทำให้ดีที่สุด เมื่อผมแพ้ ผมก็จะเป็นผู้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่คุณมันแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เนี่ยเหรอ นายทิวผู้เข้มแข็งที่จะปกครองคนทั้งอาณาจักร แต่หัวใจของตัวเองยังดูแลไม่ได้ แล้วจะไปดูแลคนอื่นได้ยังไง ไอ้คนขี้แพ้”
เสกสรรค์ต่อยทิวเปรี้ยงอีกที ทิวล้มลงไป นอนนิ่ง อึ้ง เข้มเข้าดูแล
“เป็นไงบ้างนาย!”
ทิวสะบัดเข้มออกไป เสกสรรค์ค่อยๆเดินออกไปบาดเจ็บ แต่ก็โล่งใจ ที่ได้ทำเพื่อหญิงมานศรี เขาพูดเบาๆ อย่างมีความสุขในความเจ็บปวดนั้น
“คุณหญิงครับ นี่ต่างหากคือสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเพื่อคุณหญิงได้”
เสกสรรค์เดินออกไป ทิวนิ่งคิดถึงคำพูดของเขา
พิไลพรเข้ามาบอกธีรพลเรื่องหญิงมานศรี
“คุณหญิงปากแข็ง คุณทิวก็ช่างกระไร ต่างก็รู้ทั้งรู้ว่าคิดยังไงต่อกัน แต่ทำไมถึงไม่พูด ไม่คุยกันให้เข้าใจ”
ธีรพลพยายามจะสงบสติอารมณ์ของพิไลพร
“พร...ใจเย็นๆ”
“ไม่เย็นแล้วค่ะ เย็นแล้วไงคะ ก็เหมือนเดิม ใจแข็ง ปากแข็ง แล้วเมื่อไหร่จะลงเอยกันสักที พรอึดอัดแทนนะคะหมอธี หรือว่าหมอธีไม่อึดอัด ทนอยู่ได้ยังไง หมอธียังมีหัวใจอยู่หรือเปล่า”
“พร...”
“พูดอย่างอื่นเป็นมั้ยคะ นอกจากจะเรียกชื่อพรเฉยๆ”
ธีรพลอึ้ง ไม่เคยเห็นพิไลพรเหวี่ยง ชายหนุ่มยิ้มๆ
“ยิ้มอะไรคะ”
“น่ารักดี ไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อน”
“ใครน่ารัก”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วพูดทำไม หมอเนี่ย สงสัยเราจะคุยกันไม่รู้เรื่อง”
พิไลพรเดินงอนออกไป
“เอ๊า! พรเดี๋ยวก่อนสิ”
ธีรพลยิ้มๆ ก่อนจะหนักใจเรื่องระหว่างทิวและหญิงมานศรี ธีรพลเกิดความคิดบางอย่าง
หม่อมสรัสวดีไหว้ ท่านชายพหลและหม่อมรัชนีกร
“ดิฉันต้องขอบพระคุณท่านพี่กับหม่อมอีกครั้งนะคะ ที่ช่วยเหลือ ธุรกิจของพวกเราให้ดำเนินต่อไปได้ ดิฉันสัญญาค่ะ ว่าจะดูแลทุกอย่างให้อยู่ในความเรียบร้อย...ต้องกราบขออภัยท่านพี่อีกครั้ง ที่เคยนำความเดือดร้อนใจไปให้”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าครอบครัวเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันให้ถึงที่สุด ขอเพียงเอ่ยปาก อย่าไปคิดมากหรือมีทิฐิใดๆ จำไว้เถอะ ว่าฉันมีแต่ความปรารถนาดีให้กับเธอและหลานๆ”
“ดิฉันซาบซึ้งเหลือเกินค่ะ ท่านพี่”
“แต่เธอก็ต้องสัญญากับฉันอีกข้อ...เหมือนกับที่รัชนีกรได้ให้ไว้กับฉัน ว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขหรือเส้นทางแห่งความตกต่ำใดๆอีกเป็นอันขาด”
หม่อมรัชนีกรหน้าหมองลง แต่ก็ยิ้มอย่างยอมรับ...
“ดิฉันสัญญาค่ะ”
หม่อมรัชนีกรยิ้มให้
“มีอะไรให้ช่วยอีกก็บอกนะ หม่อมสรัสวดี พวกเรายินดี”
“มีค่ะ...”
ท่านชายพหลและหม่อมรัชนีกรหันมามองหน้ากัน แปลกใจ หม่อมสรัสวดีมีเรื่องร้อนใจอะไรมาอีก
ในห้องรับแขกของวังกฤตยา หญิงมานศรีก้มลงกราบเท้าผู้มีพระคุณทั้งสอง
“หญิงกราบท่านลุง หม่อมป้าค่ะ”
ท่านชายพหลมองหลานสาวแล้วถามอย่างหนักใจ
“คิดดีแล้วเหรอหญิง ที่จะไปทำงานให้ลุง”
“ค่ะ หญิงคิดดีแล้ว และก็รอคอยอยากให้ถึงวันเดินทางเร็วๆค่ะ”
หม่อมรัชนีกรเห็นหน้าหลานสาวที่หม่นหมองแล้วสงสัย
“แต่ทำไมป้าเห็นหลานไม่มีความสุขเลย”
“หญิง...แค่...ยังรู้สึกเหนื่อยกับเรื่องที่ผ่านมาค่ะ”
“เรื่องนายทิวคนนั้นน่ะเหรอ”
หญิงมานศรีอึ้ง ไม่พูด ก้มหน้านิ่ง
“หญิง...มองหน้าป้าสิหลาน”
หญิงมานศรีเงยหน้า น้ำตาคลอหน่วย ท่านชายพหลและหม่อมรัชนีกรสงสารหญิงมานศรีมาก หม่อมรัชนีกรพยายามเตือนสติ
“ใจหญิงเป็นอย่างไร ทำไมป้ากับลุงจะไม่รู้ แต่คนอื่นไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากเป็นกระจกสะท้อนให้หญิงได้คิดทบทวน”
ท่านชายพหลมองหลานสาว
“โอกาสในชีวิตคนเรามีไม่มากนักหรอกนะหญิง หญิงรออะไร”
“หญิงคงไม่รออะไรแล้วค่ะท่านลุง หญิงต้องการเดินไปข้างหน้า ไม่อยากหันกลับไปมองข้างหลังอีก”
ท่านชายพหลถอนใจ
“ถ้าอย่างนั้น ลุงกับป้าก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก”
“ขอบพระคุณค่ะที่เข้าใจหญิง”
หญิงมานศรียกมือไหว้ ท่านชายพหลและหม่อมรัชนีกรมองอย่างเห็นใจ
ท่านพหลและหม่อมรัชนีกรเดินมาด้วยกัน กำลังจะกลับ
“ดิฉันสงสารหลานค่ะ”
“คงแล้วแต่บุญทำกรรมแต่ง แต่เชื่อฉันเถอะ คู่กันแล้ว คงไม่แคล้วกัน”
และเป็นครั้งแรกที่เห็นท่านชายพหลโอบไหล่ภรรยา หม่อมรัชนีกรสบตาสามียิ้มให้อย่างเทิดทูนและศรัทธา
“ค่ะ”
ท่านชายพหลโอบไหล่หม่อมรัชนีกรเดินไปตามทางด้วยกัน
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 19 อวสาน (ต่อ)
ทิวคุมคนงานตัดอ้อยอยู่ ชายหนุ่มมีอาการลุกลี้ลุกลน หงุดหงิด ธีรพลเดินเข้ามา พร้อมยื่นกุญแจรถให้
“เอากุญแจรถผมมาให้ผมทำไม”
“หญิงหญิงมานศรีกำลังจะไปแล้วนะครับคุณทิว”
ทิวเมิน ธีรพลวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะใกล้ๆ
“ผมและทุกคนพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่แล้ว ที่เหลือ เป็นการตัดสินใจของคุณ ว่าจะฉวยโอกาสนั้นไว้หรือไม่ ขอให้โชคดีครับ”
ธีรพลเดินจากไป ทิวไม่มอง แต่เมื่อธีรพลลับตา เขาก็เหลือบมองมาที่กุญแจรถลังเล
หญิงมานศรีในชุดเดินทาง หันมองภายในวังกฤตยา ที่งามสง่าดุจเดิม หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะตัดใจ ออกเดินจากไป
ทิวยังยืนมองกุญแจรถ ชายหนุ่มนึกถึง เขาและหญิงมานศรีได้เจอกันตั้งแต่แรก การร่วมทุกข์ ร่วมสุข รอยยิ้มและน้ำตา
หญิงมารศรีเดินผ่านรูปปั้นหงส์อันงามสง่า ไกลออกจากวังไปทุกที
ทิวมองกุญแจรถ ยังลังเล ผ่องทิพย์เดินเข้ามาหา
“ฉันถามแกคำเดียว...แกอยู่ได้อย่างมีความสุขดีหรือเปล่า เวลาที่ไม่มียัยคุณหญิงนั่น”
ทิวอึ้ง
“แกไม่มีความสุข ฉันเห็น แกคิดถึงเค้าทุกวินาที”
ทิวนิ่ง ยอมรับ
“ใช่ ผมคิดถึงเค้า”
“แล้วยังรออะไรอยู่อีก รอให้ทุกอย่างมันสายเกินไปหรือไง ทิว”
ทิวตัดสินใจ คว้ากุญแจรถเอาไว้ในมือ แล้วรีบวิ่งออกไปทันที ผ่องทิพย์มองตาม ยิ้มดีใจไปกับทิว
ทิวขับรถมาอย่างเร่งรีบ ใจจดจ่อ
“รอผมก่อนนะครับ คุณหญิง”
รถของทิวแล่นไปบนท้องถนนด้วยความเร็ว
รถของทิวแล่นเข้าวังมาจอดเอี๊ยดที่หน้าวัง ชายหนุ่มรีบลงจากรถ หม่อมสรัสวดี ชายคำรณฤทธีเดินออกมา อย่างแปลกใจ หม่อมสรัสวดีเข้าไปถาม
“คุณทิว...มาทำไมที่นี่”
ทิวยกมือไหว้
“ผมมาหาคุณหญิง”
“ผมคิดว่า...”
ชายคำรณฤทธียังพูดไม่จบ ทิวสวนขึ้นอย่างร้อนใจ
“คุณหญิงอยู่ไหนครับ”
“ลูกหญิงไป...”
“ไปแล้วเหรอ ไม่จริง”
ทิววิ่งเข้าไปในวัง หม่อมสรัสวดีกับชายคำรณฤทธีตามไป
ทิววิ่งเข้ามาตามหาหญิงมานศรี หม่อมสรัสวดีกับชายคำรณฤทธีตามเข้ามา
“น้องหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว คุณทิว”
“เธอไปที่ไหน ผมจะตามเธอไป”
หม่อมสรัสวดีไม่พอใจ
“จะตามลูกฉันไปทำไม ในเมื่อคุณไม่ได้คิดอะไรกับลูกสาวฉัน”
“ไม่จริง ผมคิด”
“คิดอะไร”
“ผมจะบอกกับคุณหญิงคนเดียวเท่านั้น”
“แต่ฉันเป็นแม่ของลูกหญิง ฉันมีสิทธิ์รู้”
ทิวยกมือไหว้หม่อมสรัสวดี
“ด้วยความเคารพครับหม่อม...แต่ผมจะพูดคำๆนี้ให้คุณหญิงได้ฟังเป็นคนแรก”
หม่อมสรัสวดีและชายคำรณฤทธีผุดยิ้ม ทิวร้อนใจมาก
“คุณหญิงไปที่ไหนครับ กรุณาบอกผมด้วย”
“น้องหญิงไปในที่ๆควรจะต้องไป”
ทิวลืมตัว โมโหเสียงดังใส่
“แล้วมันที่ไหนล่ะคุณชาย บอกผมตรงๆเถอะ ชั่วโมงนี้อย่าให้ผมแปลไทยเป็นไทยเลย”
หม่อมสรัสวดีส่ายหน้า
“นิสัยแบบนี้ เลิกสักทีเถอะ ไม่งั้น ฉันจะไม่ยอมต้อนรับเธอเข้ามาในวังกฤตยาอีก”
ทิวจ๋อยไป
“ขอโทษครับ...” ทิวยังไม่วาย ร้อนขึ้นมาอีก “แล้วตกลงบอกผมได้หรือยังว่าคุณหญิงไปที่ไหน”
ชายคำรณฤทธีส่ายหน้า
“ขอโทษด้วย...น้องหญิงสั่งพวกเราเอาไว้ ไม่ให้บอกคุณ”
ทิวอึ้ง เสียใจ
“นี่ผมมาสายเกินไปจริงๆใช่มั้ย”
หม่อมสรัสวดีและชายคำรณฤทธีรู้สึกสงสารทิว แต่ก็ไม่สามารถบอกได้...ทิวค่อยๆเดินจากวังออกไป อย่างเศร้าใจ
บุญปลูกกำลังทำความสะอาดในบ้าน...ร้องเพลงอย่างสบายใจตามเพลงที่ดังมาจากวิทยุ ทันใดนั้นเสียงเพลงถูกปิด บุญปลูกหันไปเจอผ่องทิพย์ก็ตกใจ
“วัายคุณนาย!”
“มัวแต่ร้องเพลงอยู่นั่นแหล่ะ เมื่อไหร่จะสะอาดสักที เดี๋ยวต้องไปเก็บกวาดห้องน้องสะใภ้ฉันด้วย”
บุญปลูกย้อนกลับ
“ไม่เห็นรึไงว่ามีสองมือสองขากับหน้าเยินๆ ทำไม่ทันค่ะ”
“ทำไมไม่บอกล่ะ เอาไม้ขนไก่มานี่ ฉันช่วย!”
บุญปลูกตะลึง
“ห๊า...อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าจะช่วย...”
ผ่องทิพย์แย่งไม้ขนไก่ไปปัดทำความสะอาด
“พญามารแปลงร่างเป็นนางฟ้า ขี้ข้าผู้อารีย์ซึ้งใจค่ะ คุณนายขา...เจ้านายในดวงใจของบุญปลูก”
บุญปลูกโผเข้าไปกอดผ่องทิพย์แน่น
“ปล่อยได้แล้ว...ไม่ปล่อยโดนตบ”
บุญปลูกผงะออกทันที ผ่องทิพย์ยิ้มให้ บุญปลูกก็ยิ้มตอบ แล้วผ่องทิพย์ก็ชะงัก เพราะเห็นใครบางคน
ทิวเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ลงนั่ง เสียใจ ผ่องทิพย์เดินเข้ามา
“ทิว...”
ทิวไม่หันมา
“ผมไปถึงที่กฤตยา สายเกินไป คุณหญิงไม่อยู่แล้ว”
ผ่องทิพย์เข้ามาตบไหล่ทิว อย่างปลอบใจ
“รู้หรือเปล่าคุณหญิงอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีใครยอมบอกผม”
ผ่องทิพย์พยักหน้ารับรู้
“ฉัน...เสียใจด้วยนะ”
“เมื่อไหร่ผมจะเลิกนิสัยปากอย่างใจอย่างแบบนี้สักที มันทำให้ผมต้องเสีย...คนที่ผม...รักไป...โดยไม่มีโอกาสบอกให้เค้าได้รู้ ว่าผมรักเธอมากแค่ไหน”
ทิวเครียด น้ำตาซึม ผ่องทิพย์ค่อยๆลุกออกไป
“ผมอยากให้คุณหญิงรู้เหลือเกินว่าผมรักเธอ”
ทันใดนั้นเสียงหญิงมานศรีก็ดังขึ้น
“อะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน”
“ผมรักคุณหญิง ได้ยินมั้ยพี่ผ่อง ผมรักคุณหญิง”
แล้วทิวก็อึ้ง เพิ่งจะรู้สึกว่า...ไม่ใช่เสียงผ่องทิพย์ แต่เป็นเสียงของหญิงมานศรี ชายหนุ่มรีบหันไปข้างหลัง
“คุณหญิง!”
หญิงมานศรียืนอยู่ข้างหลังทิว ในชุดเดินทาง ทิวดีใจ ตัวแข็งทื่อ
“ช่วยบอกอีกทีได้มั้ยว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน แต่ขอแบบ...นุ่มนวลน่าฟังมากกว่านี้ได้มั้ย”
“ไม่!”
“นิสัยเสียไม่เลิก งั้นฉันก็ควรจะไปได้แล้วจริงๆ”
หญิงมานศรีหันเดินหนี ทิวรีบวิ่งไปคว้ามือหญิงสาวดึงตัวเข้ามากอดอย่างแน่น หญิงมานศรีโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขายิ้มดีใจ ทิวกระซิบอ่อนโยน
“ผมรักคุณ ผมรักคุณได้ยินมั้ย ผมรักคุณ”
“แล้ว...ไม่คิดจะถามบ้างเหรอว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย”
“ถ้าคุณไม่รักผม คุณจะไม่กลับมาหาผม”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี”
“ผมฉลาด ไม่ได้โง่”
“ปากดี”
“ใช่ มีดีที่ปาก ไม่ใช่แค่ไว้พูดนะ”
ทิวบรรจงจุมพิตหญิงมานศรีอย่างแผ่วเบา หญิงสาวหลับตารับรอยจูบนั้นอย่างเต็มใจ ทิวค่อยๆถอนริมฝีปากออก
“ไม่เห็นจะต้องถามเลย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคุณรักผมมากแค่ไหน”
หญิงมานศรีเขิน
“อวดรู้อีกแล้ว”
“แต่จะให้ดี...ผมก็อยากได้ยินนะ ว่าคุณหญิงคิดยังไงกับผม”
“ฉันไม่บอก”
“ไม่บอกผมจูบ”
ทิวจูบปากอีก หญิงมานศรีผลักออก
“บอกก็ได้”
“บอกก็จะจูบ”
ทิวดึงตัวเข้ามาจูบอีก หญิงมารศรีผลักเขาออกไป
“นายทิว เมื่อไหร่จะเลิกรังแกฉันสักที”
ทิวดึงตัวหญิงมานศรีเข้ามากอด
“ไม่เลิก มีอะไรมั้ย”
“นายทิว!”
ทิวกอดหญิงมานศรีเอาไว้
“ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ ผมจะรักและทนุถนอมคุณหญิงให้เป็นยิ่งกว่าดวงใจของผม ผมจะไม่ทำให้คุณหญิงเจ็บปวดแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะไม่ยอมให้คุณหญิงหนีผมไปไหน หรือว่าอยู่ห่างจากผมเกินหนึ่งฟุตเด็ดขาด”
“บทจะพูดออกมาได้ ก็พูดมาก ไม่หยุดเลยนะ”
“ก็มันเก็บกด”
ทิวกอดหญิงมานศรี จูบหน้าผาก ทั้งสองคนสบตากันหวานซึ้ง หญิงสาวตัดสินใจบอกความรู้สึกกับชายหนุ่มโดยที่เขาไมได้ร้องขอ อย่างแผ่วเบา
“ฉันรักนาย”
ทิวพูดแผ่วเบาเหมือนกัน
“ผมรักคุณ”
หม่อมสรัสวดีและทุกคน พากันเดินเข้ามามองยิ้มๆ
“อะไรนะ พูดให้แม่ได้ยินหน่อยสิ”
หญิงมานศรีและทิวตกใจ...เขินๆ รีบผละออกจากกัน หม่อมสรัสวดีทำเสียงดุ
“นายทิว!”
“ครับ”
“ยังจะกล้าปล่อยให้ลูกหญิงของฉันอยู่ห่างจากตัวเธออีกเหรอ”
ทิวรีบคว้าเอวหญิงมานศรีเข้ามากอด
“ผมขอโทษครับ”
หญิงมานศรี ทุกคนมองทิวและหญิงมานศรีอย่างปลาบปลื้ม หม่อมสรัสวดีเข้าไปหาทิวและหญิงมานศรี
“จำไว้นะ...หัวใจจะสัมผัสถึงความรักได้ ก็ต่อเมื่อเปิดใจให้กัน...ฉันดีใจที่ลูกสาวของฉันรักคนดีที่มีหัวใจสูงส่งอย่างเธอ นายทิว”
“ขอบพระคุณครับที่ให้เกียรติผม”
“เพราะเกียรติอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่สีของเลือด ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นหงส์ที่สูงศักดิ์ได้เพราะมีหัวใจที่สูงส่ง ฉันฝากลูกหญิงด้วย”
“ผมจะดูแลคุณหญิงด้วยชีวิตของผมครับ”
ทิวและหญิงมานศรีสบตากันด้วยความรัก...ท่ามกลางความชื่นชมของทุกคน
หลายวันต่อมา...หญิงมานศรีเข้ามาหาทิวที่หน้าบริษัททัดเทพ
“นายกลับมาเป็นประธานใหญ่แล้ว ไม่คิดเปลี่ยนชื่อบริษัทเหรอ”
“ไม่ล่ะ” ทิวมองป้ายชื่อ “ทัดเทพ เป็นชื่อพ่อฉันรวมกับชื่อนายเทพ สองชื่อนี้ต่างกันสุดขั้ว ชื่อของพ่อทำให้ฉันมีพลังกายพลังใจในการมุมานะทำงาน และต่อสู้กับอุปสรรค ส่วนชื่อเทพ มันจะคอยเตือนสติฉัน...ไม่ให้หลงไปกับความโลภและกิเลสตัณหา”
“เหมือนกับใจคนที่มีด้านมืดและด้านสว่าง...เราต้องรู้จักควบคุมไม่ให้อำนาจฝ่ายต่ำเข้าครอบงำจิตใจ”
“ครับ...คุณหญิงเลขา”
หญิงมานศรีชักสีหน้าไม่พอใจ ทิวยิ้ม
“ไม่ใช่สิ คุณหญิงไร่อ้อย”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“นายทิว!”
“อ๋อ...ลืมไป...ต้องเรียกว่า...ภรรยาเจ้าของไร่อ้อย”
“บ้า” หญิงสาวยิ้มเขิน “ไปทำงานได้แล้ว ภรรยาไร่อ้อยขอสั่ง”
ทิวเข้ามาอ้อน
“งั้นขอรางวัลหน่อยสิ จะได้มีแรงไปทำงาน”
“รางวัลอะไรล่ะ”
“หอมแก้ม”
“บ้า อายเค้า”
“อายทำไม ที่นี่ใครใหญ่”
หญิงมานศรีตอบทันที
“ฉัน”
“ผมก็ว่างั้น ไปก็ได้ ใจดำ”
ทิวเดินไป หญิงมานศรีเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
“ว่าไงครับ นายหญิงใหญ่”
หญิงมานศรีเดินมาหอมแก้มทิว
“พอใจหรือยัง”
ทิวหัวใจพองโต
“ขออีกข้างหนึ่ง”
“ค่อยกลับมารับตอนทำงานเสร็จแล้ว”
ทิวหน้าเสีย
“ฉันพูดเล่น”
หญิงมานศรีหอมแก้มทิวอีกข้าง
“จบมั้ย”
“ยังไม่จบ เพราะผมก็ต้องหอมแก้มคุณด้วย จะได้ยุติธรรม”
“ไม่เอา อายเค้า”
“ก็ผมไม่อาย”
หญิงมานศรี
“ไม่เอา”
หญิงมานศรีวิ่งหนี ทิววิ่งไล่ตาม
ทิวยืนอยู่บนรถบรรทุกอ้อย มองไร่อ้อยอย่างมีความสุข
“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมองอาณาจักรไร่อ้อยของฉัน ด้วยความสุข”
คนงานกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่
“ไม่ใช่เพราะฉันมีคนงานที่จงรักภักดี หรือขยันขันแข็ง แต่ฉันมีความสุข...เพราะมีเธอยืนอยู่เคียงข้าง”
ทิวหันไปมองหญิงมานศรี
“ขอบใจนะ...หงส์งามที่มาเติมเต็มความรัก และสร้างความสุขให้กับที่นี่...”
หญิงมานศรียิ้มให้เขา
“ฉันเองก็ต้องขอบใจนาย ที่สอนให้ฉันรู้จักการใช้ชีวิต ทำให้ฉันได้เรียนรู้ที่จะใช้ความดีต่อสู้กับปัญหา...และฉันก็สุขใจ...เมื่อได้อยู่กับคนที่ฉันรัก”
ทิวมองหน้า
“เธอรักใคร”
หญิงมานศรีเบือนหน้าหนี
“ต้องให้พูดอีกเหรอ”
“รู้มั้ย ว่าฉันสามารถฟังคำๆนี้ได้ทั้งชีวิต ไม่เคยเบื่อ และไม่มีวันเบื่อ บอกมานะเธอรักใคร”
หญิงมานศรีไม่ตอบ
“พูดมานะ ไม่พูดฉันจูบ”
ทิวจะเข้าไปจูบ หญิงมานศรีรีบบอก
“ฉันบอกก็ได้”
ทิวยิ้ม รอฟัง
“ฉันรักนาย”
ทิวมองหญิงมานศรีแล้วจูบทันที หญิงสาวอึ้งผลักเขาออก...
“แน่ะ!ผิดคำพูด ไหนบอกว่าถ้าฉันบอกจะไม่จูบไง”
“ช่วยไม่ได้ ก็มันอดใจไม่ไหวนี่นา”
ทิวเข้าคว้าตัวหญิงมานศรีมากอดไว้แน่น ทั้งสองมองหน้ากัน
“คุณหญิงมานศรีโสภาคย์ บรรณนาครับ...ขอบคุณนะครับ ที่รักผม”
“คุณทิว บรรณนาคะ...ขอบคุณนะคะที่รักฉัน”
ทิวและหญิงมานศรีกอดกันด้วยความรักและมีความสุขล้น ท่ามกลางอาณาจักรไร่อ้อยอันยิ่งใหญ่
จบบริบูรณ์
โปรดติดตามอ่าน "ชิงนาง" เร็วๆ นี้