เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 16
ขวัญตาช่วยเหลือพวงทองออกมาจากห้องที่ถูกคุมขัง พวงทองถามอย่างไม่เข้าใจ
“ที่เธอช่วยฉัน เธอต้องการอะไร”
“เป็นการตอบแทนความดีของพี่ทิว”
พวงทองแปลกใจ
“ทิว...”
“พี่ทิวดีกับขวัญตามาก...ถึงแม้ขวัญตาจะสร้างปัญหาให้ทิวต้องเสียใจและเดือดร้อน แต่พี่ทิวยังปกป้องและดูแลขวัญตา ในชีวิตนี้คงไม่มีผู้ชายคนไหนจะดีเท่ากับพี่ทิวอีกแล้ว พี่พวงเป็นพี่สาวที่พี่ทิวรักมาก ขวัญตาอยากตอบแทนบุญคุณพี่ทิวบ้าง”
พวงทองแววตาเจ็บปวด
“เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ ที่ผ่านมาเธอก็เห็นว่าทิว เขาเกลียดชังฉันมากแค่ไหน”
“เชื่อขวัญตาเถอะ ผู้ชายอย่างพี่ทิวไม่สามารถเกลียดชังพี่น้องหรือคนที่เขารักได้ ขวัญตารู้จักผู้ชายคนนี้ดี”
พวงทองแปลกใจ แต่ก็แอบดีใจเมื่อรู้ว่าทิวรักเธอ...
“ชาตินี้ขวัญตาคงไม่ได้ครอบครองตัวพี่ทิว แต่พี่ทิวคือผู้ชายที่ขวัญตาขอเทิดทูนไว้ในใจชั่วชีวิต”
“ขอบใจเธอมากนะ ฉันดีใจที่เธอคิดได้ และเธอคงอโหสิกรรมให้กับคนที่เคยทำร้ายเธอ”
“ไม่ค่ะ ใครดีมาขวัญตาดีตอบ แต่ใครร้ายมา ขวัญตาเอาคืนเป็นร้อยเท่า”
ขวัญตายังคงมีความอาฆาตแค้น เดินออกไป พวงทองกังวลใจกลัวขวัญตาจะเอาคืนผ่องทิพย์
“ผ่องทิพย์!”
พวงทองรีบออกตามหาผ่องทิพย์ทันที...
พวงทองตามหาผ่องทิพย์ในคฤหาสน์
“ผ่อง...ผ่องอยู่ไหน”
บุญปลูกเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ เห็นพวงทองตามหาผ่องทิพย์ก็ลังเล
“เอาไงดีวะ บอกก็บอก...แต่เอ๊ะ ว้าย”
บุญปลูกวิ่งเข้าไปหาพวงทอง
“คุณพวงทอง ออกมาจากห้องได้ยังไงคะ”
“ได้ยังไงก็ช่างเถอะ เห็นผ่องมั้ย ผ่องอยู่ไหน”
“ท่าทางแปลกๆ หายไปทางหลังบ้านค่ะ จะไปตามฆ่าคุณขวัญตาค่ะ แต่อาจจะโดนฆ่าข่มขืนซะก่อนไม่ว่า แต่งตัวซะโป๊เชียว”
บุญปลูกจะเล่าต่อ แต่พวงทองวิ่งออกไปแล้ว
“อ้าว...ไปแล้วก็ไม่บอก”
ผ่องทิพย์วิ่งร้อนรุ่มเข้ามาหน้ากระท่อมกลางป่า ปะทะเข้ากับร่างของอาจารย์เมฆ
“แก!”
“ใช่ ข้าเอง”
ผ่องทิพย์รู้สึกถึงไฟสวาทที่กระพืออยู่ในร่างกาย...อาจารย์เมฆยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไง...คิดถึงข้าจนทนไมไหวแล้วใช่มั้ย”
“ไม่!”
ผ่องทิพย์พยายามปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง จะวิ่งหนี อาจารย์เมฆรั้งตัวไว้
“จะไปไหน...อยากก็บอกว่าอยากสิ ข้าจะสนองตอบให้”
“ไม่...ปล่อยฉันนะ”
“บอกให้ปล่อย แต่ทำไมจิกตัวข้าไว้แบบนี้ล่ะ หือ”
ผ่องทิพย์พยายามฝืน
“ไม่ ปล่อย...ปล่อย!”
แต่ผ่องทิพย์ก็ต้านทานแรงยาไว้ไม่ไหว เกาะ จิกเนื้ออาจารย์เมฆแน่น ในที่สุด ก็เข้าคลุกวงในกับเขาอย่างเมามัน
หญิงมานศรีนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอน ก่อนจะลุกเดินมาหยุดมองรูปของอมรเทพ
“ถ้าเป็นท่านพ่อ ท่านพ่อจะทำยังไงคะ ในขณะที่มีคนต้องเดือดร้อนเพราะเรามากมายเหลือเกิน ท่านพ่อจะยังปล่อยให้คนดีๆหลายคนต้องมารับทุกข์แทนเรามั้ยคะ”
หญิงมานศรีคิดถึงพ่อมาก เธอนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต...วันนั้นอมรเทพหน้าเคร่งเครียด นั่งทำงานอยู่ หญิงมานศรีเดินหน้าง้ำเข้ามาหา
“ท่านพ่อคะ”
“ลูกหญิง ว่าไงจ๊ะ”
“ท่านพ่อผิดสัญญา”
อมรเทพงงๆ
“สัญญา”
“วันนี้วันหยุด เป็นวันครอบครัว ท่านพ่อต้องไปเที่ยวกับหญิง กับพี่ชายค่ะ”
“แต่พ่อติด...”
“งานเหรอคะ ท่านพ่อทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้วนะคะ”
อมรเทพชะงักไป
“ท่านพ่อผิดสัญญามาหลายครั้งแล้วนะคะ ครั้งนี้หญิงขอได้มั้ย”
อมรเทพยิ้ม วางงานลง ตึงเครียดแต่ฝืนยิ้มให้ลูกสาว
“พ่อขอโทษ...หญิงกับพี่ชายอยากจะไปไหนกันล่ะ”
หญิงมานศรียิ้มดีใจ
“แค่ไปรับประทานอาหารที่ร้านโปรดของท่านพ่อเท่านั้นเองล่ะค่ะ โอเคมั้ย”
“โอเค...พ่อจะไม่โอเคกับคนที่พ่อรักและรอคอยคำสัญญาจากพ่อได้ยังไง”
อมรเทพประคองหญิงมานศรีออกไปด้วยความรัก แต่ยังมีสีหน้ากังวลเรื่องงานอยู่
หญิงมานศรีน้ำตาซึมเมื่อนึกถึงอดีต
“ทั้งๆที่รู้ว่าท่านพ่อต้องรับผิดชอบเรื่องงานมากแค่ไหน งานนั้นสำคัญกับท่านพ่อมาก แต่ท่านพ่อก็ยอมที่จะละทิ้ง...เพื่อไม่ให้หญิงกับพี่ชายต้องรอเก้ออีก ท่านพ่อไม่อยากทำให้คนที่ท่านพ่อรักต้องเสียใจ”
หญิงมานศรีเหมือนจะรู้คำตอบของคำถาม วางรูปพ่อลงปาดน้ำตาแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ
หม่อมสรัสวดีนั่งตัวอ่อนปวกเปียก หลังจากฟื้นจากอาการเป็นลม ชายคำรณฤทธีเข้ามา บีบมือของแม่
“หม่อมแม่ เป็นยังไงบ้างครับ”
“ชาย แม่ขอโทษ...ถ้าแลกชีวิตแม่ เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้ได้ แม่จะทำ”
หม่อมสรัสวดีลุกขึ้น แต่โงนเงน นั่งลง ทุกคนเป็นห่วง
“หม่อมแม่จะไปไหน หม่อมแม่พักก่อนนะครับ”
หม่อมสรัสวดียังดื้อดึง จะลุกให้ได้ หญิงมานศรีเดินเข้ามา
“หม่อมแม่คะ”
“ลูกหญิง...”
หญิงมานศรีเดินเข้ามานั่งจับมือแม่
“หญิงตัดสินใจแล้วค่ะ”
ชายคำรณฤทธีตกใจ
“น้องหญิง...อย่านะ”
“หญิงจะแต่งงานกับคุณเทพ...ด้วยความเต็มใจค่ะ”
ทิวกับธีรพล และเข้มเข้ามาพอดี ได้ยินประโยคนั้น โดยที่หญิงมานศรีไม่เห็น หม่อมสรัสวดีอึ้งไป
“ลูกหญิง”
“หญิงจะแต่งงานกับคุณเทพ ไม่มีใครจำเป็นต้องหาเงินมาช่วยเราอีก”
ทิวเข้าใจผิด โกรธทันที
“เสียแรงที่ฉันพยายามจะช่วยเธอ”
หญิงมานศรีตกใจ หันไปเห็นทิว
“นายทิว...”
“เธอมัน...มัน...ฉันไม่รู้จะมอบตำแหน่งอะไรให้เธอดี นอกจากคำว่า...ผู้หญิงลวงโลก กลับกลอก ปลิ้นปล้อน เธอมันจิตใจตกต่ำ ดำซะยิ่งกว่าอีกา”
ทิวหันเดินออกไป หญิงมานศรีและทุกคนตกใจ ตั้งตัวไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หญิงมานศรีอ่อนแรงเกินกว่าจะวิ่งตามไปอธิบาย ร้องไห้ตัวโยน ทุกคนต่างมองหญิงมานศรีอย่างเห็นใจ
ผ่องทิพย์ รู้สึกตัว...ลืมตาขึ้นมาแล้วลุกพรวดหันมองเห็นอาจารย์เมฆนอนหลับอยู่ด้านข้าง เธอรู้สึกรังเกียจขยะแขยง และเจ็บช้ำใจที่ถูกข่มขืน...ผ่องทิพย์จะลุกขึ้นไปจากเตียง แต่แล้วอาจารย์เมฆรั้งมือไว้
“จะรีบไปไหนล่ะ มาสนุกด้วยกันต่อน่า”
ผ่องทิพย์พยายามสะบัด
“ปล่อยฉันนะ ไอ้สารเลว ฉันขยะแขยงแก”
“ไม่เอาน่า...เธอรู้มั้ย เธอทำให้ฉันมีความสุขโดยไม่ต้องขึ้นสวรรค์ มาม้ะ...นางฟ้าชาวดินของฉัน”
อาจารย์เมฆเข้ามาดึงร่างผ่องทิพย์ เพื่อจะข่มขืนอีกครั้ง ผ่องทิพย์พยายามผลักหนี ถีบอาจารย์เมฆ แล้วจะวิ่งออกไปจากห้อง แต่อาจารย์เมฆมาดึงตัวไว้
“ลืมไปว่าเธอชอบความรุนแรง”
อาจารย์เมฆตบหน้า แล้วผลักผ่องทิพย์ ลงไปนอนที่เตียง ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงตามไป ผ่องทิพย์หลบลงไปข้างเตียง ชนกับโต๊ะข้างเตียงเธอพบว่ามีมีดหมอเล่มเล็กวางอยู่ เธอรีบจับมีดซ่อนไว้ อาจารย์เมฆโผตามมา
“ไม่เอาน่า เมื่อกี้เธอยังสรรเสริญเยินยอลีลาของฉันเลย...ฉันจะจัดหนักให้อีกไง ไม่เอาหรือไง”
ผ่องทิพย์ซ่อนมีดไว้ด้านหลัง ค่อยๆเดินเข้ามาหาอาจารย์เมฆ
“อยากขึ้นสวรรค์...คนอย่างแกต้องลงนรก”
ผ่องทิพย์เดินเข้ามาจะแทงมีดใส่ แต่อาจารย์เมฆรู้ทันจับข้อมือของเธอไว้
“ฉันไม่ชอบคนเล่นอาวุธ”
อาจารย์เมฆดึงมีดคืนมา แล้วโยนทิ้งไปที่มุมหนึ่งของห้อง
“การต่อสู้บนเตียงที่มันที่สุด มันต้องตัวต่อตัว มือต่อมือ”
อาจารย์เมฆตบหน้าผ่องทิพย์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเธอบอบช้ำหมดแรงสู้...อาจารย์เมฆจึงลงมือเข้าไซร์ซอกคอ แต่แล้ว...ใครคนหนึ่งเอาไม้มาฟาดใส่หลัง อาจารย์เมฆร้องอย่างเจ็บปวด ผ่องทิพย์ลืมตามอง ระคนดีใจ
“พี่พวง!”
พวงทองรีบเข้าไปดึงร่างผ่องทิพย์เพื่อจะพาหนีไป
“รีบไปจากที่นี่”
พวงทองเข้าไปประคองร่างผ่องทิพย์จะพาออกไป อาจารย์เมฆคว้าตัวพวงทองไว้ได้แล้วดึงมาตบ
“อยากสนุกด้วยกัน บอกดีๆก็ได้”
อาจารย์เมฆดึงร่างพวงทองมาตบ แล้วผลักลงไปนอนที่เตียง ผ่องทิพย์ดีใจ เห็นประตูเปิดออก พยายามประคองร่างกายที่บอบช้ำ จะหนีออกไป ผ่องทิพย์เห็นอาจารย์เมฆกำลังจะข่มขืนพวงทอง เธอตัดสินใจ ออกไปจากห้อง อาจารย์เมฆกำลังหน้ามืดตามัว สนใจแต่พวงทอง
“ของใหม่ สด น่ากิน”
พวงทองร้องลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“ร้องดังๆอีก เสียงของเธอมันทำให้ฉันมีกำลังวังชาขึ้นเป็นกอง...ร้อง...ร้องดังอีก”
อาจารย์เมฆบังคับให้พวงทองร้อง แต่แล้วเขาก็ร้องเสียงหลง
“อ๊าคคค!”
อาจารย์เมฆหันมา เห็นผ่องทิพย์ถือมีดไว้ในมือ ผ่องทิพย์แทงซ้ำไม่ยั้งมือ ด้วยอาการขาดสติ พวงทองเข้ามาดึงมือน้องสาวให้หยุด
“ผ่อง...หยุดได้แล้ว”
“ฉันจะฆ่ามัน...ฉันจะฆ่ามัน”
“มันตายแล้ว...มันตายแล้วผ่อง”
ผ่องทิพย์ได้สติ หันไปมองอีกครั้ง ร่างอาจารย์เมฆนอนแน่นิ่ง จมกองเลือด
“มันตายแล้ว” ผ่องทิพย์ปล่อยมีดหลุดจามือ “พี่พวง ฉันฆ่าคนตาย ช่วยด้วย ช่วยผ่องด้วย”
พวงทองกอดปลอบใจน้องสาว
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่ พี่ช่วยผ่องเอง”
พวงทองกอดปลอบประโลมในภาวะที่ผ่องทิพย์เหมือนคนสิ้นสติ...พวงทองมองร่างของอาจารย์เมฆ คิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้
ทิวเดินมาตามถนนเพียงลำพัง น้ำตาซึมด้วยความเจ็บปวด
“ฉันมันโง่เอง ที่หลงเชื่อเธอสนิทใจ” ชายหนุ่มตะโกนลั่น “ฉันมันโง่เอง”
น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมา
เช้าตรู่ พระอาทิตย์สาดแสงไปทั่วบริเวณป่าแห่งนั้น ในอีกมุมหนึ่งในป่าลับตาผู้คน พวงทองตักดินขึ้นมาปิดบังหลุมศพจนเสร็จแล้วจึงหยุด ผ่องทิพย์เข้ามาแย่งจอบมาตักดิน ฝังกลบอีก
“ตักดินกลบอีก เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“พี่ฝังมิดแล้ว ไม่มีใครเห็นหรอก”
พวงทองเข้ามายื้อแย่งจอบ ปลอบผ่องทิพย์ที่ตื่นกลัว
“ฉันจะถูกตำรวจจับมั้ย ไม่นะ ฉันกลัว...ฉันไม่อยากติดคุก”
“พี่จะไม่บอกตำรวจ”
“ไม่จริง...พี่พวงโกหก พี่พวงต้องการกำจัดฉันเหมือนที่ฉันคิดกำจัดพี่พวง พี่พวงต้องบอกตำรวจว่าฉันเป็นฆาตกร”
“ผ่องเป็นน้องพี่ พี่ไม่มีวันทำร้ายน้องของพี่ได้ พี่จะปกป้องผ่อง...”
ผ่องทิพย์ได้ฟังก็ซึ้งน้ำใจพวงทอง
“ฉันคิดฆ่าพี่ แต่พี่ยังให้อภัยฉัน ทำไม...ทำไมต้องดีกับฉัน”
“พี่เคยสัญญาต่อหน้าศพคุณพ่อคุณแม่ ว่าพี่จะดูแลน้องๆให้ดีที่สุดและที่สำคัญ...พี่รู้ว่าความเลวร้ายที่ผ่องทำไป เพราะผ่องขาดสติ จิตใจน้องพี่ยังมีสำนึกแห่งความดี ไม่เช่นนั้นผ่องคงฆ่าพี่ไปนานแล้ว”
ผ่องทิพย์ซึ้งใจ โผเข้ากอดพวงทอง
“พี่ผ่อง อย่าทิ้งฉันนะ” ผ่องทิพย์กอดพี่สาวร้องไห้กังวลใจ
“แล้ว...คุณเทพ...คุณเทพเขาจะทิ้งฉันไหม ถ้ารู้ว่าฉันถูกไอ้เดรัจฉานย่ำยี ผ่องไม่อยากเสียคุณเทพไป”
“จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ มันจะเป็นความลับที่ถูกฝังไว้กับศพในหลุมนี้ตลอดไป”
พวงทองกอดประโลมปลอบใจน้องสาว
ทิวนั่งซึมคิดถึงหญิงมานศรี ภาพแห่งความสุข การร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันผ่านเข้ามาในความคิด ทิวยิ่งเสียใจ ธีรพลกับเข้มเข้ามายืนดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง
“เนี่ยเหรอ บอกว่าไม่ได้รัก”
เข้มถอนใจ
“อกหักอีกแล้วนายเรา”
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร เคยได้ยินมั้ยนายเข้ม”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับนายผมล่ะครับ”
“เรายังไม่รู้เลยว่าตกลงเรื่องราว และเหตุผลทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่”
“แต่ที่รู้ๆ อาการของนายผม ที่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า...เรียกว่า หัวใจสลายครับ”
ธีรพลและเข้มมองทิว ต่างถอนใจ สงสารและเห็นใจ...ทิวนั่งซึม เสียใจ เหม่อลอย
ทางด้าน หญิงมานศรีนั่งเหม่อลอยอยู่มุมหนึ่งของวังกฤตยา เธอคิดถึงทิวและชะตากรรมของตัวเองอย่างเสียใจ ชายคำรณฤทธียืนมองอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสารน้องสาวจับ
พวงทองเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เปิดออกอ่านไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องชะงัก อ่านที่คอลัมน์หนึ่งที่มี ภาพข่าวเทพถ่ายรูปคู่กับหญิงมานศรี มีข้อความเล็กๆอยู่ใต้ภาพข่าว
“คุณเทพจะเข้าพิธีแต่งงาน กับคุณหญิงมานศรีที่วังกฤตยา”
พวงทองนิ่ง...ค่อยๆพับหนังสือพิมพ์เก็บ วางลงที่เดิมอย่างเรียบร้อย แล้วเดินออกไป
บุญปลูกเข้าห้องมา เอาอาหารมาวางไว้ให้ผ่องทิพย์
“ทานสิคะ”
ผ่องทิพย์มองบุญปลูก
“ไม่ต้องมองอย่างนั้นค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณพวง บุญปลูกไม่มีวันมาบริการหรอกค่ะ เพราะเราขาดต่อกัน”
ผ่องทิพย์เสียงอ่อย
“บุญปลูก...”
“นั่น...สำนึก...สายไปแล้วค่ะ ถึงนังบุญปลูกจะเป็นขี้ข้า ก็ขอเป็นขี้ข้าเลือกนาย รับใช้คนดีเป็นศรีแก่ตระกูลค่ะ”
ผ่องทิพย์ฉุนกึกตะคอกลั่น
“นังบุญปลูก!”
บุญปลูกสะดุ้ง
“ว้าย!”
“เอาอาหารออกไป ฉันไม่กิน”
บุญปลูกอึ้ง
“ไม่สำนึก คนเราชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน แต่คนอย่างคุณ มันชั่วสิบสี่ทีไม่มีดีสักหน”
ผ่องทิพย์โกรธหยิบหมอนขว้างใส่ บุญปลูกรีบยกอาหารออกไป สวนกับพวงทองที่เข้ามาในห้อง
“ไม่เอาน่าผ่อง เลิกใช้อารมณ์ได้แล้ว”
“พี่พวง พี่อย่าทิ้งผ่องไปนะ ไม่มีใครรักผ่องแล้ว ผ่องไม่มีใคร”
“ผ่องนอนพักก่อนนะ พี่ต้องออกไปธุระ”
“พี่พวงไปไหน ผ่องไปด้วย”
“พี่แค่ไปสั่งงานที่โรงงาน เดี๋ยวพี่มา ผ่องเพลียมาก พักก่อนนะ”
พวงทองปลอบประโลม แล้วห่มผ้าให้น้องสาว พวงทองเห็นผ่องนอน ก็คลายความกังวลใจ เดินออกไป
ธีรพลเดินเข้ามาหาทิวที่มุมหนึ่งของบ้านพัก
“รู้มั้ยทำไมว่าหญิงมานศรี ถึงพูดออกไปอย่างนั้น”
“ไม่รู้ ไม่สนใจ”
ทิวเดินหนีไปเปิดทีวี ธีรพลตาม
“ฟังผมสักนิดไม่ได้เหรอคุณทิว”
ทิวเร่งทีวีเสียงดัง ธีรพลเหนื่อยหน่าย
“ผมพูดคุณอาจไม่เชื่อ คงต้องให้คนอื่นพูดแล้วล่ะ”
ทิวหงุดหงิด
“น่าเบื่อ เฮ้ย...ไอ้เข้ม”
เข้มวิ่งเข้ามา
“ครับนาย”
“ส่งแขกเด้ะ รำคาญ”
ทันใดนั้นชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา
“เมื่อผมพูดจบ ผมก็จะไปเอง ไม่ต้องส่ง”
ทิวแปลกใจที่เห็นชายคำรณ
“หมอ...พาเค้ามาที่นี่ทำไม”
“มาพูดให้คนดื้อรั้นอย่างคุณฟังไง ชายคำรณเป็นพี่ชายที่รู้จักน้องสาวดีกว่าใคร ถ้าคุณยังไม่เชื่ออีก ก็ถือว่าโง่”
เข้มอึ้ง
“โห...แรงครับคุณชายคุณหมอ”
ชายคำรณฤทธีจ้องหน้าทิว
“จะฟังไม่ฟัง”
“ทำไมผมต้องฟัง”
“หรือคุณไม่รักน้องสาวผม”
ทิวหยิบรีโมททีวีขึ้นมาอีก กดเปลี่ยนช่อง ชายคำรณฤทธีรำคาญ เข้ามาแย่งรีโมท พูดเสียงเข้ม
“คุณไม่ฟัง ผมต่อย”
ทิวอึ้ง เข้มหน้าตื่น
“โห...แรงครับ คุณชายพี่ชายคุณหญิง”
ทิวอารมณ์เสีย นั่งนิ่ง ทั้งชายคำรณฤทธีและธีรพลมองหน้ากัน ธีรพลพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ชายคำรณฤทธีพูด
ผ่องทิพย์นอนหลับ ค่อยๆลืมตาตื่น รู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา
“ฉันบอกแล้วไง ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน...นังบุญปลูก”
ผ่องทิพย์ลุกขึ้นมาโวย แต่ต้องอึ้งไป เพราะเป็นขวัญตาที่เข้ามา
“นังขวัญตา!”
“ตื่นแล้วเหรอ เมื่อคืนคงจะเพลียมากสิ ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนล่ะ ชั้นสี่ ชั้นห้า ชั้นหก รึตกนรก”
ผ่องทิพย์ตกใจ
“แก...”
“แกเคยใช้คุณไสยเล่นงานฉัน ให้ฉันท้องไม่มีพ่อ นังมารอย่างแกก็ต้องเจอวิชามาร หนามยอกต้องเจอหนามบ่ง”
ผ่องทิพย์เข้ามาจะตบ ขวัญตาจับมือไว้ได้ แล้วตบกลับ
“เรี่ยวแรงหายไปไหนล่ะ คงจะหมดไปตั้งแต่เมื่อคืน...งั้นฉันช่วยออกแรงให้”
ขวัญตาเข้ามาตบตี ผ่องทิพย์ทำได้แค่ปัดป้อง ขวัญตาระเบิดความแค้น
“เล่นกับฉันมันต้องเจอแบบนี้...ตาต่อตาฟันต่อฟัน แกทำลายชีวิตฉัน ฉันก็จะทำลายชีวิตแก”
ขวัญตาผลักผ่องทิพย์กองลงกับพื้น
“ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ฉันจะให้ความชั่วของแกฆ่าตัวแกเอง”
ขวัญตาเดินออกไปจากห้อง ผ่องทิพย์ตะโกนถาม
“แกจะทำอะไร”
ขวัญตาหันมายิ้มเย้ย
“ฉันแค่จะบอกให้ทุกคนรู้ แล้วเรื่องก็จะเข้าหูคุณเทพว่าแกมีผัวเป็นหมอผี อยากรู้นักจริงเชียว ว่าคุณเทพจะทำยังไงกับแก ไล่แกออกจากบ้าน รึฆ่าแกซะ”
ขวัญตาหัวเราะเย้ย แล้วเดินออกไปจากห้อง ผ่องทิพย์พ่ายแพ้ต่อขวัญตาและกลัวเทพรู้เรื่องนี้ เธอคิดหาทางแก้ปัญหา
ขวัญตาเดินมาบริเวณบันได ตะโกนร้องลั่น
“เจ้าข้าเอ๊ย นังผ่องทิพย์คนสวย มีผัวเป็นหมอผี ใครอยากได้ยาเสน่ห์น้ำมันพราย มาขอได้ที่ผัวนังผ่องทิพย์จ้า”
ขวัญตาป่าวประกาศร้องเสียงดัง แต่แล้วเธอก็ถูกจิกหัว...
“นังผ่อง!”
ผ่องทิพย์จิกหัวขวัญตาพร้อมกับตะคอกขู่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ห้ามแกบอกเรื่องนี้กับใคร”
“ฉันจะบอก บอกให้ทุกคนรู้ว่าแกเยินจนไม่เหลือชิ้นดี”
“ฉันบอกให้หยุด”
“ช่วยด้วย เมียหมอผีมันจะฆ่าฉัน”
ผ่องทิพย์ตกใจ
“แก...”
ผ่องทิพย์โกรธจัดตบหน้าขวัญตาอย่างแรงจนเซไปที่บันได ผ่องทิพย์ถีบซ้ำจนขวัญตาตกบันไดกลิ้งล้มลงไป...ผ่องทิพย์ตกใจ....ขวัญตากลิ้งตกลงมานอนกองกับพื้นจมกองเลือดที่ไหลออกมาตาเบิกโพลง...บุญปลูกวิ่งเข้ามาดูด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว คุณขวัญตา!”
ผ่องทิพย์ยืนมองตัวสั่นตกใจ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องบานปลายอย่างนี้
ทิวนั่งฟังเรื่องราวจากชายครณฤทธี ก็นิ่งอึ้งไป
“ผมพูดไปหมดแล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็...เรื่องของคุณ ความสุขของคนที่น้องหญิงรัก มาก่อนหัวใจตัวเองเสมอ”
ธีรพลแววตาชื่นชมหญิงมานศรี
“ผมไม่เคยรู้จักใครที่มีหัวใจสูงส่ง และสง่างามสมกับที่เกิดเป็นหงส์ได้เท่าหญิงมานศรี”
เข้มมองหน้าทิว
“ถ้านายไม่เชื่อ...เข้มว่านายโง่เหมือนที่คุณชายคุณหมอว่าจริงๆนะครับ”
ทิวฉุนกกึก
“ไอ้เข้ม!”
เข้มวิ่งหนีออกไปทันที ชายคำรณฤทธีถอนใจ
“ผมขอตัว อ้อ...พรุ่งนี้แล้วนะที่น้องหญิงจะต้องแต่งงาน”
ธีรพลหันไปหาทิว
“จะทำอะไรก็ทำซะ”
ชายคำรณฤทธีและธีรพลพากันออกไป ทิ้งทิวไว้เพียงลำพัง ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก สับสน รักก็รัก เชื่อแต่ก็มีฟอร์ม
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
วันต่อมา...หญิงมานศรีอยู่ในชุดแต่งงาน พร้อมจะทำพิธี แต่รอคอยอะไรบางอย่าง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พิไลพรเข้ามาในห้อง
“คุณหญิงคะ มีคนมาหาค่ะ”
หญิงมานศรีตกใจ
“นายทิว...เขาจะมาไม่ได้นะ อันตราย”
หญิงมานศรีรีบเดินออกไป พิไลพรจะทักท้วง แต่ไม่ทัน
หญิงมานศรีเดินมาถึงเชิงบันไดด้านบน...เสกสรรค์เดินเข้ามายิ้มให้ หญิงมานศรีผิดหวัง
“เสก!”
“ครับผมเอง ผมจะมาช่วยคุณหญิง ผมเตรียมเงินมาไถ่วังกฤติยาคืนให้คุณหญิงแล้วครับ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่มันก็...”
เสกสรรค์ยังพูดไม่จบพันทิพาในชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้น
“ตาเสก!”
เสกสรรค์ตกใจ
“คุณแม่!”
“ยังดีนะที่ยังจำได้ว่าฉันเป็นแม่ นึกว่าถูกผู้ดีหัวโขนกระดาษมันล้างสมองหมดแล้ว”
พิไลพรกับแม่แล่มและแขกที่มาในงานรวมทั้งสื่อ ต่างกรูเข้ามาตามเสียงเอะอะโวยวาย เสกสรรค์หน้าเสีย
“คุณแม่ครับ ผมขอร้องล่ะครับ ผมต้องการช่วยคุณหญิง”
“เป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุด ใช้เงินร้อยกว่าล้านซื้อตัวผู้หญิงคนเดียวผลลัพธ์ที่ได้มีแต่ขาดทุน ใช้เงินแค่แสนสองแสนก็ขี้คร้านจะมีผู้หญิงตามมาเป็นกระพรวน”
หญิงมานศรีและทุกคนไม่พอใจ ที่ถูกเย้ยหยัน พันทิพามองหน้าหญิงมานศรี
“หากเป็นคนดีที่รักจริงก็พิสูจน์ความรักสิ ไม่ต้องเรียกเงินสักสลึงเดียว...แต่ไอ้ที่เรียกเงินเป็นร้อยล้าน มันพวกขายตัวแลกเงิน”
หญิงมานศรีโกรธมาก
“คุณหญิงคะ กรุณาให้เกียรติหญิงด้วยค่ะ หญิงเข้าใจดีค่ะว่า คุณหญิงไม่ต้องการจะเข้ามาในวังแห่งนี้ หญิงก็อยากเรียนให้คุณหญิงทราบเช่นเดียวกัน ว่าวังนี้ก็ไม่ต้อนรับคนใจแคบและมีกิริยาเช่นคุณหญิง”
พันทิพาอึ้ง
“เธอว่าฉัน”
“อย่าทำให้หญิงต้องเสียมารยาทไปกว่านี้ค่ะ เชิญค่ะ”
หญิงมานศรีผายมือ ไล่พันทิพาออกไป...พันทิพาโกรธจัด
“ไม่ต้องไล่ฉันก็จะไปและขอบอกเป็นครั้งสุดท้าย หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่ให้เสียค่าราคามหาเศรษฐีอีก” พันทิพาหันไปเรียกลูกชาย “ตาเสก กลับ”
พันทิพาเดินออกไปแต่แปลกใจที่เสกสรรค์ไม่ตามไปด้วย
“คุณแม่ครับ ผมกราบขอประทานโทษคุณแม่ด้วย ผมรักคุณแม่นะครับ”
พันทิพาชะงัก
“ลูกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“แม่คือผู้ให้กำเนิด ผมเชื่อคุณแม่มาตลอด ทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้ ขอให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมต้องการบ้างเถอะครับ”
“งั้นก็ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ เราขาดกัน”
เสกสรรค์อึ้งที่พันทิพาเล่นไม้ตาย...ทันใดนั้นเสกสิทธิ์เดินเข้ามา
“ถึงลูกไม่มีแม่ แต่ลูกยังมีพ่อ”
พันทิพาตกใจ
“คุณเสกสิทธิ์” พันทิพาจ้องหน้าขู่สามี “ถ้าคุณอยู่ข้างลูก เราก็เลิกกัน”
เสกสิทธิ์ถอนหายใจ
“อย่าบังคับให้ผมทำเช่นนั้นเลย ผมยังรักคุณ แต่ถ้าคุณบีบคั้นผมก็ไม่มีทางเลือก”
พันทิพาตกใจ
“คุณกับลูกเป็นอะไรไปหมดแล้ว มันใช้เล่ห์มารยาอะไรล้างสมองคุณได้ขนาดนี้”
เสกสิทธิ์จ้องหน้าภรรยา
“ความจริงและความดีต่างหากที่ทำให้ผมทนไม่ได้ ผมทนให้คุณใช้เงินตีตราประเมินค่าความเป็นคนไม่ได้อีกแล้ว ผมอยากให้คุณเปิดใจรับความจริงความสุขของคนอยู่ที่ใจ ไม่ใช่เงิน ถ้าคุณคิดต่างจากผม เราก็คงเดินชีวิตไปด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว”
พันทิพาอึ้งตะลึงงัน
“คุณเสกสิทธิ์!”
พันทิพาช็อกที่ถูกเสกสิทธิ์ต่อต้าน และทำให้เสียหน้า เธอเป็นลมทันที เสกสรรค์ตกใจ
“คุณแม่!”
“ลูกไม่ต้องห่วง พ่อดูแลแม่เอง ลูกมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ต้องการ”
เสกสิทธิ์เปิดทางให้เสกสรรค์ตัดสินใจได้เองก่อนจะประคองพันทิพา โดยมีแม่แล่มและพิไลพรเข้าไปช่วยพยุงออกไป เสกสรรค์หันมาหาหญิงมานศรี
“เสกกลับไปเถอะค่ะ”
หญิงมานศรีเดินหนีออกไป...เสกสรรค์แปลกใจ เดินตามไป
รถของเทพวิ่งเข้ามาจอดหน้าวังกฤติยา...เทพลงจากรถเดินมายืนมองวังกฤติยา อาณาจักรที่เขาต้องการ
“ในที่สุด วังกฤติยาก็ตกเป็นของฉัน”
ล้วนเข้ามาเสนอหน้าประจบ
“และอีกไม่ชั่วอึดใจ นายก็จะได้ครอบครองหงส์งาม”
“อำนาจแห่งเงิน สามารถบันดาลสุขได้ทุกอย่าง ทั้งกิน กามและเกียรติ” เทพหันไปมองวังกฤตยาอีกครั้ง “นายเทพ ธงธรรม แห่งวังกฤติยา”
เทพหัวเราะเดินเข้าไปยังภายใน
หญิงมานศรีเดินหนี เสกสรรค์มาคว้าแขนไว้
“หญิง...หญิงจะปฏิเสธผมทำไม”
“หญิงเข้าใจค่ะ แต่หญิงไม่อยากเป็นตัวการทำลายความสัมพันธ์ภายในครอบครัวเสก”
“แต่ผม...”
“หญิงขอชื่นชมความแข็งแกร่งในใจเสก ที่กล้าลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ถูกต้องและมีลมหายใจเป็นของตัวเอง แต่มันสายเกินไป”
เสกสรรค์หน้าเศร้า จำต้องยอมรับความจริง...หญิงมานศรีเข้ามาจับมือ
“เสกทำดีที่สุดแล้ว เสกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหญิง”
เสกสรรค์ยิ้มอย่างจำยอม
“เพื่อน...”
“ค่ะ...เพื่อนที่ดีที่สุด”
หญิงมานศรีเข้ามาโอบกอด เสกสรรค์รับรู้ได้ถึงมิตรภาพที่มีได้แค่เพื่อน
“ถึงเวลาที่เพื่อนควรไปดูแลคุณแม่นะคะ...”
“ครับ...ขอให้คุณหญิงโชคดี และขอให้มีปาฏิหาริย์ทำให้คุณหญิ งรอดพ้นจากความชั่วร้ายที่กำลังเข้าครอบงำกฤตยา”
เสกสรรค์ยิ้มให้แล้วเดินออกไป หญิงมานศรีน้ำตาซึม มองไปรอบๆวัง
“นี่คงเป็นโชคชะตา ที่กำหนดไว้ให้หญิงต้องเดินไปใช่มั้ยคะ ท่านพ่อ”
หม่อมสรัสวดีจ้องมองรูปของท่านชายอมรเทพอยู่ด้วยความรู้สึกผิด เทพเข้ามา
“ถึงเวลามงคลแล้วครับหม่อม หม่อมควรพาเจ้าสาวของผมเข้าพิธีได้แล้ว”
หม่อมสรัสวดีพยายามถ่วงเวลา
“ฤกษ์ที่ได้มา คือทำพิธีก่อนเที่ยง ยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมง อย่าใจร้อนสิคะ”
เทพยิ้มแล้วเดินเข้ามากระชากแขน
“หม่อมถ่วงเวลาให้ใคร”
“ปาฏิหาริย์มั้งคะ”
“อย่าคิดนะว่าผมไม่รู้ รอให้ไอ้ผู้ชายตัวไหนมันเอาเงินมาไถ่ตัวคุณหญิงอีก”
“ฉันไม่รู้เรื่อง” หม่อมสรัสวดีมองอย่างเจ็บใจ
ทิวเดินไปเดินมางุ่นง่าน เข้มมองอย่างหงุดหงิด
“จะเอาไงครับนาย ไปหรือไม่ไป”
ทิวไม่ตอบ ยิ่งงุ่นง่านหนักขึ้น เข้มส่ายหน้าถอนใจ
“เฮ้อ...”
แล้วทิวก็ชะงัก ตกใจ เมื่อมองออกไปหน้าบ้านเห็นอรอนงค์เดินเข้ามา
“ทิว...”
“คุณอร!”
เข้มชะเง้อมองไปนอกบ้านทันที อย่างไม่ไว้ใจ อรอนงค์เดินมาหาทิว
“ฉันมีเรื่องจะมาขอร้องเธอ”
ทิวแปลกใจ
เทพประชดคาดคั้นเอากับหม่อมสรัสวดี
“งั้นก็รู้ไว้ด้วยว่า ปาฏิหาริย์ไม่เคยมีจริง”
“ก็ไม่แน่หรอกคุณเทพ...ลูกหญิงของฉันเป็นคนดี ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้เสมอสำหรับคนดีที่ศรัทธาต่อความดีมาตลอดชีวิต คุณต่างหากที่จะไม่มี ปาฏิหาริย์มาช่วยให้รอดพ้นจากกฎแห่งกรรม”
“กรรม...อย่างผมน่ะเหรอมีกรรม สุขสบายพรั่งพร้อมไปหมดทุกอย่าง กรรมตรงไหน”
หญิงมานศรีเดินเข้ามาพอดี ได้ยิน แอบฟัง
“สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ใครทำอะไรไว้ย่อมรู้ตัว”
“อ๋อ...รู้แล้ว หม่อมคงกำลังแค้นที่ผมขู่เอาไว้ ว่าถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับคุณหญิง...หม่อม...ลูกชายหม่อม ทุกคนในชีวิตหม่อม หรือแม้แต่...ลูกสาวแสนสวยและสง่าดุจหงส์งาม จะถูกฆ่าล้างโคตร”
หญิงมานศรีได้ยินความจริงว่าเทพขู่เข็ญแม่ ก็เข้าใจความจริง ตกใจ แอบฟังต่อ
“ไม่ ฉันแค้นใจตัวเองต่างหาก ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนเลวอย่างคุณ”
“ขั้วเหมือนกัน ย่อมดึงดูดเข้าหากันไงครับหม่อม”
หญิงมานศรีตัดสินใจเดินเข้าไปขัดจังหวะ หม่อมสรัสวดี และเทพตกใจ หม่อมสรัสวดีพยายามเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ
“ขอหญิงคุยกับหม่อมแม่ เป็นการส่วนตัวก่อนสักครู่ได้มั้ยคะ”
เทพตกใจ รีบกลบเกลื่อน หน้ายิ้ม
“เชิญสิครับ คุณหญิงอาจจะอยากปรึกษาเรื่องหลักการครองเรือน ใช่มั้ยครับ”
“หญิงบอกแล้วไงคะ ว่าเรื่องส่วนตัว”
เทพอึ้ง
“ครับ”
เทพเดินออกไป อย่างมีความสุขแม้จะถูกตอกหน้าหงาย หญิงมานศรีเดินเข้ามาหาแม่อย่างช้าๆ แล้วก้มลงกราบแทบเท้า หม่อมสรัสวดีอึ้ง ไม่เข้าใจ
“ลูกหญิง...”
“หญิงขอโทษหม่อมแม่นะคะ หญิงเพิ่งเข้าใจว่าที่หม่อมแม่บังคับหญิงเพราะอะไร”
หญิงมานศรีน้ำตาซึม หม่อมสรัสวดีร้องไห้โฮ กอดเอาไว้แน่น
อรอนงค์ยื่นเช็คให้ ทิวมองอย่างแปลกใจ
“เธอต้องรีบนำเช็คเงินสดไปมอบให้คุณหญิง”
“คุณอรอนงค์เอาเงินมาจากไหนครับ”
“ไม่ต้องสนใจหรอก เธอรีบนำเงินไปที่วังกฤตยาเถอะ”
“แต่ถ้าคุณนภดลทราบเรื่องนี้คงไม่พอใจแน่”
อรอนงค์ยิ้ม แล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
ที่ผ่านมา...ขณะที่อรอนงค์เขียนเช็คให้ทิว นภดลเข้ามาแย่งชิงเช็คไปถือไว้
“ผมไม่ยอมให้คุณเอาเงินไปให้นายทิวเด็ดขาด คุณเสียสติไปแล้วเหรอหากคุณช่วยทิว...นายเทพก็ไม่ได้แต่งงานกับคุณหญิง คุณเห็นคนอื่นดีกว่าน้องชายตัวเอง”
“เพราะเทพเป็นน้องฉันไงคะ ฉันถึงต้องทำอย่างนี้” อรอนงค์ตัดสินใจบอกความจริง “ฉันต้องการไถ่บาปในสิ่งที่เทพทำกับครอบครัวทิว”
นภดลงงๆ
“คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ”
“นายเทพเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของทิว เพื่อแย่งชิงหุ้นในบริษัททัดเทพ”
นภดลอึ้ง
“เมื่อคุณรู้ความจริงแล้ว คุณยังจะให้ฉันส่งเสริมน้องชายทำลายคนดีๆอีกเหรอคะ”
นพดลอึ้ง คิดตัดสินใจ...อรอนงค์เข้ามาขอร้อง
“ขอให้ฉันได้ช่วยเหลือทิวเถอะค่ะ”
นภดลถือเช็ค
“ผมรักเทพ ผมนับถือหัวใจนักสู้ของเขา เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งและเขาคงไปได้อีกไกล แต่ผมยอมไม่ได้ ที่จะตกเป็นเครื่องมือของนักธุรกิจที่ไร้คุณธรรม”
นพดลยื่นเช็คคืนให้ อรอนงค์ยิ้มพอใจที่นภดลเลือกจะช่วยเหลือทิว
“อย่างน้อย ผมก็ได้ทำตามที่พี่รัชนีกรต้องการ”
อรอนงค์ยิ้มขอบคุณให้ นพดลเดินออกไปอย่างช้าๆ อย่างผิดหวังต่อสิ่งที่ได้ยินเกี่ยวกับเทพ
ทิวได้ฟังเรื่องราวก็รู้สึกดี
“ทิว...เธอให้อภัยฉันด้วยนะ ทั้งๆที่ฉันรับรู้ว่าเทพทำเรื่องเลวร้ายกับครอบครัวเธอ แต่ฉันก็เก็บเงียบ ไม่กล้าต่อสู้ให้พวกเธอ การกระทำของฉันก็เหมือนการสมรู้ร่วมคิด”
ทิวยังคงนิ่ง ไม่ตอบรับใดๆ
“ทิว...ขอให้ฉันได้ชดใช้บาปแทนน้องชายและบาปในใจของฉันเองได้มั้ย เงินจำนวนนี้จะช่วยหยุดยั้งไม่ให้น้องชายฉันทำร้ายคนที่เธอรักอีก”
ทิวมอง อรอนงค์ยื่นเช็คให้
“ทุกครั้งที่ฉันยื่นความปรารถนาดีให้เธอ เธอมักปฏิเสธฉันเสมอ...แต่สำหรับครั้งนี้ ฉันขอวิงวอนจากใจ หากเธอให้อภัยฉัน โปรดรับมันไว้ด้วยเถอะ”
ทิวมองอรอนงค์ตัดสินใจยื่นมือมารับเช็ค อรอนงค์ตื้นตันใจ
“ขอบใจมากนะทิว”
ทิวน้ำตาซึม
“ผมจะไม่มีวันคิดว่านี่เป็นเงินในการชดใช้บาป เพราะมันไม่สามารถทดแทนสิ่งที่ผมสูญเสียไปได้ แต่ที่ผมยอมรับไว้ เพราะผมนับถือและรักคุณอรอนงค์ เสมือนญาติผู้ใหญ่ของผมครับ”
ทิวยกมือไหว้ อรอนงค์โผเข้าสวมกอดแล้วรีบบอกทิว
“รีบไปทำหน้าที่ของเธอเถอะ”
ทิวยิ้มรับ พร้อมจะไปวังกฤติยา
หม่อมสรัสวดียังร้องไห้ไม่หยุด
“หญิงเข้าใจหม่อมแม่ผิดเสมอมา คิดว่าหม่อมแม่ไม่รักหญิง หม่อมแม่ผลักไสไล่ส่งหญิงและคิดขายหญิงกิน แต่ความจริงแล้ว หม่อมแม่ทำไปเพื่อรักษาชีวิตของทุกคน และชีวิตหญิง หม่อมแม่ให้อภัยลูกคนนี้ด้วย
เถอะค่ะ”
หญิงมานศรีกอดแม่ร้องไห้โฮ...ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามาในห้องแล้วนั่งลง ก้มกราบที่พื้นต่อหน้าแม่
“ชายเองก็ต้องขอกราบอภัยหม่อมแม่ครับ”
“ชายทำดีที่สุดแล้วลูก”
“เป็นความผิดพลาดของชายเองครับ ที่ชายบริหารงานไม่ดีหาเงินมาช่วยเหลือหม่อมแม่ไม่ได้”
ชายคำรณฤทธีมองไปยังภาพถ่ายของพ่อ
“ชายเคยรับปากท่านพ่อจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด แต่ชายไม่สามารถปกป้องน้องได้”
ชายคำรณฤทธีร้องไห้ออกมา หม่อมสรัสวดีเช็ดน้ำตาให้ลูกชาย หญิงมานศรีเข้ามาช่วยเช็ดน้ำตาให้พี่ชายอีกคน
“พี่ชายทำดีที่สุดแล้วค่ะ อย่างน้อยในความทุกข์ยากครั้งนี้ หญิงเชื่อว่าท่านพ่อคงพอพระทัยที่พวกเรารักกัน...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความรักของพวกเรา จะเป็นเกราะกำแพงป้องกันให้พวกเรารอดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย...ทุกคนต่างเสียสละเพื่อหญิง ถึงเวลาแล้ว ที่หญิงต้องทำหน้าที่เพื่อทุกคนบ้าง”
หญิงมานศรีพร้อมจะเดินหน้าเข้าสู่พิธีแต่งงาน
หญิงมานศรีเดินนำ พร้อมจะเข้าพิธี ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น หม่อมสรัสวดีและชายคำรณฤทธีที่เดินตามหลังมองอย่างสงสาร หญิงมานศรีน้ำตาไหล ที่ต้องเข้าพิธีแต่ยังเดินหน้าต่อไป
ทิววิ่งไปที่รถ เข้มเปิดประตูขับรถพาทิวออกไป อรอนงค์ยืนมองที่มุมหนึ่ง ส่งแรงใจให้ทิว
“ขอให้เธอทำให้สำเร็จ...และฉันขอภาวนาให้เทพยอมยุติทุกอย่างด้วยดี”
อรอนงค์หวั่นใจกลัวเทพจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เทพบอกทุกคน...
“กราบขอบพระคุณแขกทุกท่านนะครับ ที่มาให้เกียรติในงานแต่งงานของผมกับคุณหญิง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา...ผมอนุญาตสวมแหวนเลยนะครับ”
เทพหันไปมอง หม่อมสรัสวดี...
“อะไรที่คุณเทพคิดว่าดี เชิญได้เลยค่ะ”
เทพไม่พอใจที่หม่อมสรัสวดีประชดแต่ไม่ติดใจ ยิ้มตอบแล้วหยิบแหวนขึ้นมารอจะใส่แหวน แต่หญิงมานศรีนั่งนิ่ง...ช่างภาพและแขกในงานแปลกใจ เทพยื่นมือไปจับรอคอยมือของหญิงมานศรี หญิงสาวจำใจยื่นมือมา เทพยิ้มพอใจ จับมือขึ้นมาสวมแหวน...หญิงมานศรีหน้าเศร้าหมองลงถนัดตา
ทิวและเข้มวิ่งเข้ามา ล้วนและลูกน้องเข้ามายืนขวาง
“เฮ้ย...ตามหาให้ควั่กไม่ยักกะเจอ แต่ดันโผล่มาให้เชือดถึงที่...มาก็ดีแล้ววันนี้จะเอาศพแกมอบเป็นของขวัญให้กับเจ้านายฉันกับคุณหญิงมานศรีหญิงผู้สูงศักดิ์”
ทิวไม่สนใจจะบุกเข้าไปในวัง ล้วนและลูกน้องเข้ามารุมต่อย เข้มเข้าต่อย ทิวต่อสู้กับล้วน โดยมีลูกน้องอีกสองเข้ามารุม ส่วนเข้มต่อสู้กับลูกน้องอีกคนการต่อสู้ผลัดรุกผลัดรับ
หญิงมานศรีดึงมือออก เผยให้เห็นแหวนเพชรในมือ หม่อมสรัสวดีส่งกล่องแหวนเพชรให้ หญิงมานศรีรับมา จำต้องสวมให้เทพ...เทพยิ้มพอใจ หญิงสาวสวมเสร็จจะชักมือออกแต่เทพดึงมือไว้
“คุณหญิงทราบมั้ยครับ ผมรอคอยวันนี้มานานแสนนาน นับตั้งแต่วันแรกที่ผมได้พบคุณ เรียกว่ารักแรกของผมก็ได้”
“เสร็จสิ้นพิธีแล้ว หญิงขอตัวไปพักนะคะ หญิงรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
หญิงมานศรีจะลุกออกไป เทพลุกขึ้นคว้าแขนไว้
“จะรีบไปไหนล่ะครับ พิธีทางประเพณีเสร็จสิ้น แต่ผมต้องการให้ถูกต้องตามกฎหมาย”
“หญิงคิดว่าคงไม่ต้องจดทะเบียนมั้งค่ะ ในเมื่อแขกทั้งหลายก็รับรู้แล้ว”
เทพประคองหญิงมานศรี เข้ามาใกล้แล้วกระซิบบอก
“แค่รับรู้ไม่พอ...ผมต้องการผูกมัดคุณหญิงชั่วชีวิต”
หญิงมานศรีไม่พอใจ เทพหันไปบอกทุกคน
“ขอเชิญทุกคน ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการจดทะเบียนสมรสที่ด้านโน้นได้เลยครับ"
เทพกล่าวเชิญแขกแล้วหันมาจับมือหญิงมานศรีเดินไปที่มุมทะเบียนสมรส...ชายคำรณฤทธีสบตากับหม่อมสรัสวดี ไม่พอใจที่เทพจัดการทุกอย่าง เพื่อผูกมัดหญิงมานศรี
ทิวต่อยล้วนจนเซล้มลงไป เข้มวิ่งเข้ามาบอกทิว
“นายรีบเข้าไปช่วยคุณหญิงเถอะครับ ทางนี้เข้มจัดการเอง”
ทิวรีบวิ่งเข้าไปในวัง ล้วนจะวิ่งไปขวาง แต่เข้มเข้าไปรั้งไว้ แล้วต่อยล้วน พวกของล้วนเข้ามาล้อม เข้มเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ล้วนรีบวิ่งตามทิวเข้าไป เข้มจะเข้าไปห้าม แต่ถูกลูกน้องล้วนอีกสามคน ต่อสู้ขัดขวาง
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
นายทะเบียนส่งเอกสารให้เทพเซ็น
“เชิญคุณเทพลงชื่อครับ”
เทพยิ้มพอใจ แล้วเซ็นต์เอกสารลงในทะเบียนสมรส ก่อนจะส่งเอกสารให้หญิงมานศรี
“เชิญครับ คุณหญิง ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผม”
หญิงมานศรีรับเอกสารมา แล้วรับปากกาลังเลตัดสินใจ
ทิวจะเข้าไปด้านใน แต่ล้วนวิ่งเข้ามา ถือมีดจะแทง ทิวต่อสู้ เอาตัวรอด แล้วจัดการอัดล้วนจนนอนหมอบกับพื้น...ทิวรีบวิ่งเข้าไปในพิธี
เทพหันไปบอกหญิงมานศรี
“คุณหญิงเซ็นสิครับ”
หญิงมานศรีนิ่ง ไม่อยากเซ็นต์
“อยากได้กำลังใจจากผมเหรอครับ”
เทพเข้ามาจับมือหญิงสาวแล้วกระซิบบอก
“อย่าทำให้ผมไม่พอใจนะครับ ทุกคนอาจจะเดือดร้อนเพราะคุณหญิงได้”
“ฉันทราบดี ว่าคุณอาจจะฆ่าเราทั้งครอบครัว”
เทพอึ้ง หันไปสบตาหม่อมสรัสวดี หม่อมสรัสวดีสบตาเทพอย่างแข็งกร้าว หญิงมานศรีมองหน้าทุกคน กังวลใจ เธอจึงลงมือจะเซ็นต์เอกสารแต่แล้วเอกสารถูกกระชากออกไป หญิงมานศรีเงยหน้ามอง ทิวยืนอยู่ เหนื่อยหอบ
“นายทิว!”
ทุกคนในงานต่างแปลกใจ...เทพโมโห
“นายทิว...นายทำอะไร”
“ฉันเคยบอกแกแล้วไง ไม่ว่าแกรักใคร ฉันจะทำลายความสุขของแกแล้วแกก็ไม่มีสิทธิ์มาอ้างในกรรมสิทธิ์วังกฤติยาแห่งนี้ เพราะฉันมาไถ่วังแห่งนี้คืนให้กับคุณหญิงแล้ว”
ทิวยื่นเช็คเงินให้กับหม่อมสรัสวดี
“ผมขอมอบวังกฤติยาคืนให้กับเจ้าของที่แท้จริง”
หม่อมสรัสวดีแปลกใจ
“นายเอาเงินมาจากไหน”
ทิวมองหน้าเทพ
“คุณอรอนงค์”
เทพตกใจ
“พี่อร!”
ทิวยิ้มหยัน
“มันน่าแปลกใจนะที่พี่สาวแกให้เงินฉัน...จะด้วยเหตุผลอะไร แกคงรู้ดี ฉันไม่อยากเสียเวลาพูด เพราะฉันต้องการให้แกออกไปจากวังแห่งนี้ให้เร็วที่สุด”
ทิวขับไล่เทพออกไป แต่เทพกลับหัวเราะ
“ถึงนายจะไถ่ถอนวังได้ แต่คุณหญิงก็เป็นภรรยาของฉันแล้วอย่างถูกต้องตามประเพณี” เทพดึงมือหญิงมานศรีขึ้นมาโชว์แหวน “นี่ไง...เราสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้ว”
หญิงมานศรีชักมือกลับ
“กรุณาอย่าใช้คำว่าภรรยากับหญิง แหวนวงนี้แสดงถึงพันธนาการของการหมั้นหมาย” หญิงมานศรีถอดแหวนออก “และหญิงขอปลดพันธนาการด้วยตัวเอง...เอาแหวนสกปรกของคุณคืนไป”
หญิงมานศรีปาแหวนใส่เทพ ทุกคนตกใจ ทิวหัวเราะ
“ขอแสดงความเสียด้วยครับ เจ้าบ่าวหม้ายขันหมาก...” แล้วทิวก็เปลี่ยนหน้าตาเป็นดุดัน “แกรีบออกไปได้แล้ว”
“แกต่างหากที่ต้องออกไป ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแกในข้อหาบุกรุกข่มขู่กรรโชก หม่อมครับ ผมต้องการให้หม่อมเรียกตำรวจมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
เทพหันไปกดดัน หม่อมสรัสวดีอึกอัก ลังเล ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร เทพส่งเสียงดุใส่
“หม่อมสรัสวดีครับ ทำตามที่ผมสั่ง”
ทันใดนั้นเสียงพวงทองก็ดังขึ้น
“ไม่ต้องเรียกค่ะ ฉันพาตำรวจมาแล้ว”
ทุกคนหันไป...แปลกใจที่พวงทองเข้ามาพร้อมตำรวจ เทพชะงัก
“พวงทอง!”
ลูกน้องล้วนเข้ามาหาล้วนที่มุมหนึ่ง
“พี่ล้วน คุณพวงทองพาตำรวจเข้ามา ขึ้นไปที่ห้องข้างบนแล้ว เอาไงดีพี่”
ล้วนตกใจ
“ตายห่าล่ะทีนี้ พวกเอ็งไปเตรียมรถไว้ ข้าจะไปดูนายใหญ่”
ลูกน้องวิ่งออกไป ล้วนมองไปยังห้องชั้นบน
เทพตกใจที่พวงทองพาตำรวจมา
“พวงทอง เธอมาทำไม”
พวงทองมองหน้าเทพอย่างเกลียดชัง
“ถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะกระชากหน้ากากคุณออกมา ผู้ชายคนนี้คือคนที่ฆ่าพ่อแม่ฉัน”
ทุกคนต่างตกใจ...ทิวได้ฟังก็แปลกใจที่พวงทองพูดเรื่องนี้ เทพหัวเราะ
“ไม่เอาน่าพวงทอง ฉันรู้ว่าเธอรักฉันมาก แต่เธอไม่ควรมาทำลายงานแต่งฉันด้วยวิธีบ้านๆแบบนี้”
“ฉันได้ยินคุณคุยกับนายล้วน เรื่องฆ่าลุงมิตร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่ฉันอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เพื่อแย่งชิงทุกอย่าง ถ้าคุณยังเป็นลูกผู้ชายใจนักเลง สารภาพความจริงมาสิ หรือไม่ใช่”
เทพหันไปบอกทุกคน
“ท่านผู้มีเกียรติครับ หญิงผู้นี้ เธอเป็นแม่บ้านของผมเองและสิ่งที่พูดไปทั้งหมด เพราะเธอรักผมต้องการเป็นเมียผมเธอจึงมาขัดขวางงานแต่งของผม อย่าไปถือสาเธอเลย เธอวิกลจริต”
แขกในงานต่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และเริ่มมองพวงทองด้วยท่าทีแปลกๆ ธีรพลเข้ามาในงาน.
“แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลในซีดีแผ่นนี้เป็นความจริง”
ทุกคนแปลกใจที่ธีรพลถือแผ่นดีวีดีเข้ามา หญิงมานศรีอึ้งไป
“ชายธี”
“ภาพจากกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลในวันที่ลุงมิตรถูกฆ่าตาย...ภาพนี้ชี้ชัดว่านายล้วนและลูกน้องคุณเทพ เป็นฆาตกร”
ทิวโกรธมาก
“ไอ้สารเลว แกฆ่าลุงมิตรเพื่อปิดปาก”
เทพโวยวายทันที
“ลูกน้องฉันทำผิดก็ไปจับลูกน้องฉัน ฉันไม่เกี่ยว อย่ามาปรักปรำกัน”
“ลุงมิตรเป็นพยานที่รู้เห็นแกฆ่าพ่อแม่ฉัน” ทิวหันไปบอกตำรวจ “คุณตำรวจจับมันได้เลย...มันเป็นตัวบงการเรื่องราวทั้งหมด”
ตำรวจเข้ามาหาเทพ
“ผมจำเป็นต้องขอเชิญคุณเทพไปให้ปากคำด้วยครับ”
ทิวยิ้มเหยียด
“ถึงเวลาแล้วที่คนชั่วอย่างแกต้องรับกรรมอย่างสาสม ทั้งพยานบุคคลและหลักฐานมัดแน่นหนา แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
เทพตกใจ กลัวจะถูกจับได้ จึงดึงร่างหญิงมานศรีมาไว้ แล้วชักปืนออกมาขู่ ทิวตกใจ
“คุณหญิง!”
เทพส่งเสียงกร้าว
“ทุกคนถอยออกไป ไม่งั้นฉันฆ่าคุณหญิง ออกไป”
หม่อมสรัสวดีตกใจเป็นห่วงลูกสาว
“อย่านะ...อย่าทำอะไรลูกหญิง”
ทุกคนตกใจ ถอยห่างออกไป เทพพาหญิงมานศรีวิ่งออกไป ทิวเป็นห่วงรีบวิ่งตามไปทันที...ตำรวจวิ่งตามหลังไป...
เทพลากหญิงมานศรีออก…
“นายปล่อยฉันไปเถอะ ความผิดของคุณมันมากพอแล้ว อย่าทำผิดอีกเลย”
“คนอย่างฉันไม่มีวันยอมแพ้ ถึงฉันไม่ได้วังแห่งนี้ แต่ฉันต้องได้เธอ”
เทพลากหญิงมานศรีออกไป ตำรวจวิ่งตามเพื่อช่วยเหลือหญิงมานศรี ทิวตามมาด้านหลัง เลี่ยงไปอีกทาง...เทพลากตัวมานศรีมาแต่แล้วเข้มวิ่งเข้ามาขวาง
“แก...แกทำอะไรคุณหญิง”
เทพกกระชับปืนในมือ
“ออกไป ไม่งั้นคุณหญิงตาย”
ทิววิ่งเข้ามาที่มุมหนึ่ง ทางด้านหลังเทพเขาส่งสายตาให้เข้มขวางไว้
“ปล่อยคุณหญิงเถอะ จับฉันเป็นตัวประกันแทน”
“ออกไป!”
เทพขู่ไล่เข้ม ทิวได้จังหวะ วิ่งเข้ามาแย่งปืนจากด้านหลัง...หญิงมานศรสะบัดหลุดรีบวิ่งหนีออกห่าง เทพไม่ยอมปล่อยปืนยื้อแย่งปืนกับทิว...ทิวต่อยจนปืนหลุดมือ เทพเข้ามาต่อสู้ หญิงมานศรียืนมองเป็นห่วงทิว...ทิวยื้อแย่งปืนกับเทพ แต่แล้วเสียงปืนดังขึ้น...ปัง หญิงมานศรีตกใจ ร่างของเทพทรุดลงกองกับพื้น ทิวถอยห่าง
“ทิว!”
ทิวยืนมองเทพนอนแน่นิ่ง ก่อนจะหันไปมองหญิงมานศรี
“คุณหญิงครับ”
ทิววิ่งกลับไปหาหญิงสาว เทพลืมตาขึ้นชักปืนอีกกระบอก แล้วยิงใส่ทิว หญิงมานศรีตกใจ ทิวหันกลับไปมอง เทพยิงปืนมา โดนเข้าหน้าอกของเขา ทิวทรุดตัวลง หญิงมานศรีวิ่งเข้าไปหาทิว เทพลุกขึ้น จะเข้าไปจับตัวหญิงมานศรี แต่พวกตำรวจวิ่งเข้ามา...ทันใดนั้นล้วนวิ่งเข้ามาเรียก
“นายใหญ่ทางนี้ครับ”
เทพตัดสินใจเอาตัวรอด วิ่งหนีออกไปกับล้วน ตำรวจต่างวิ่งตามพวกเทพไป...หญิงมานศรีกอดร่างทิวด้วยความตกใจ
“นายทิว”
หม่อมสรัสวดี ชายคำรณฤทธี ธีรพล พวงทอง พิไลพรและแม่แล่มวิ่งเข้ามาเห็น ทุกคนตกใจ
เทพและล้วนวิ่งออกมา ลูกน้องขับรถเข้ามา ทั้งสองวิ่งขึ้นรถรถออกไปอย่างเร็ว ตำรวจวิ่งตามเข้ามาแล้ววิ่งขึ้นรถ ขับตามไป
หญิงมานศรีประคองร่างทิวไว้ในอ้อมแขน คนอื่นมองดู รู้ดีว่าอาการของเขาสาหัสมาก
“นายทิว นายต้องไม่เป็นอะไรนะ”
“พี่จะเรียกรถพยาบาล”
ชายคำรณฤทธีวิ่งออกไป เพื่อเรียกรถพยาบาล หญิงมานศรีกอดทิวไว้
“นายทิว...อดทนนะ นายต้องไม่เป็นอะไร”
ทิวค่อยๆลืมตาขึ้นมอง ทิวยิ้มพอใจ
“คุณหญิง...คุณหญิงปลอดภัยแล้วใช่มั้ย”
“ฉันปลอดภัย นายเองก็ต้องปลอดภัย ฉันจะพานายไปส่งโรงพยาบาล”
ทิวจับมือหญิงสาวไว้
“ไม่ต้องหรอก...ผมไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ได้นะ นายต้องอยู่ต่อไป...นายทิ้งฉันไปไม่ได้” หญิงมานศรีร้องไห้ “ นายเป็นคนเข้มแข็งมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนายก็ผ่านมาได้ทุกครั้ง...ฉันรู้ว่าหัวใจนายแข็งแกร่ง นายต้องสู้”
“เวลาของผมคงหมดแล้ว...”
“ไม่นะ ฉันไม่ยอมให้นายตาย ทำไมนายต้องเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้ ทำไม”
“ผมทำได้...ทุกอย่าง...”
หญิงมานศรีอึ้งยิ่งสะอื้นหนักขึ้น
“ทำไม...”
“เพราะผม...”
ทิวจะพูดคำว่ารัก แต่ไม่ทันได้พูด ทิวหมดสติไปในอ้อมกอดของหญิงมานศรี ทุกคนตกใจ
“นายทิว...ไม่นะ”
หญิงมานศรี กอดร่างของทิวไว้แนบอก ร่ำไห้เสียใจอย่างหนัก ทุกคนต่างร้องไห้ หม่อมสรัสวดีเข้ามาหาลูกสาว
“นายทิวเขาไปดีแล้วล่ะ”
หม่อมสรัสวดีเข้ามาปลอบ แต่หญิงมานศรียังพยายามต่อไป
“นายทิวเขาเป็นคนเข้มแข็งค่ะ เขาต้องต่อสู้เอาชนะมันได้”
“นายทิว...นายยังตายไม่ได้นะ ฉันไม่ยอมให้นายตาย ได้ยินมั้ย ฉันเกลียดนายมาก เกลียดที่สุดในโลก และนายก็เกลียดฉันไม่ใช่เหรอ นายกล้าปล่อยให้คนที่นายเกลียดยังมีลมหายใจ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ยังไง ลุกขึ้นมา”
ทิวยังนิ่ง หญิงมานศรีร้องไห้ หยดน้ำตาของเธอร่วงหล่นใส่หน้าเขา เหมือนราวปาฎิหาริย์มือของทิวขยับอีกครั้ง
“นายทิว...”
ทิวลืมตามองหญิงมานศรีอีกครั้งมีลมหายใจต่อไป หญิงสาวกอดชายหนุ่มไว้แนบแน่น
“นายทิว!”
“ผม...จะต้อง...อยู่...เพื่อ...ป่วนชีวิตคุณต่อไป”
ชายคำรณฤทธีวิ่งเข้ามา พร้อมบอกทุกคน
“รถพยาบาลมาแล้วครับ”
ทุกคนดีใจ ที่ทิวยังมีโอกาสรอดชีวิต มานศรียิ้มทั้งน้ำตา ทิวมองหญิงมานศรีด้วยสายตาลึกซึ้ง
วันใหม่...ในห้องพักของโรงแรมเล็กๆ ล้วนเพิ่งทำแผลให้เทพเสร็จ เทพค่อยๆลืมตาได้สติ
“ไอ้ทิวเป็นไง...มันตายแล้วใช่มั้ย"
“มันรอดครับนาย”
เทพไม่พอใจ
“มันยังไม่ตาย”
เทพปัดอุปกรณ์ทำแผล กระจาย แล้วลุกขึ้นไม่พอใจ
“มันกลับไปพักรักษาตัวที่โน่นแล้ว...”
“ต่อไปมันก็ต้องยึดสมบัติทัดเทพ เอาของๆฉันไปจนหมด”
“เราคงไม่มีอะไรเหลือแล้วครับ นายใหญ่”
เทพแค้นจัด หันไประบายอารมณ์กับข้าวของที่อยู่ใกล้ๆ
“ไอ้ทิว แกทำลายความฝันและชีวิตฉัน ต่อให้แกกระดูกแข็งแค่ไหนฉันก็จะเอาชีวิตแกให้ได้” เทพเจ็บแผล “โอ๊ย...”
“นายใหญ่พักรักษาตัวให้หายก่อนนะครับ”
เทพนอนพัก แต่สายตายังอาฆาตแค้น คิดหาทางกำจัดทิวต่อไป
ภายในห้องพักโรงพยาบาล...ทิวค่อยๆรู้สึกตัว มองไปตรงหน้าเห็นหญิงมานศรี
“คุณหญิง”
หญิงมานศรีเข้ามาจับมือทิว
“ดีใจด้วยนะที่นาย พ้นขีดอันตรายแล้ว ขอบใจนายอีกครั้งที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
ทิวปากแข็ง
“ไม่ต้องขอบใจอะไรมากมายหรอก สถานการณ์มันบังคับ ต่อให้เป็นพิไลพร แม่แล่ม ฉันก็ต้องช่วยแบบนี้เหมือนกัน”
หญิงมานศรีรู้ดีว่าเขายังคงปากแข็ง ได้แต่อมยิ้ม ทิวสงสัย
“เธอยิ้มอะไร”
“เปล่า แต่อย่างน้อยฉันก็ต้องขอบใจที่นายหาเงินมาช่วยไถ่ถอนวังกฤตยา”
ทิวนิ่ง หญิงมานศรีไม่พูดอะไรต่อ ขยับผ้าห่มให้ไม่สนใจสายตาของเขาที่มองเธอไม่วางตาด้วยความรู้สึกโล่งใจและมีความสุขทีได้ใกล้ชิด...หญิงมานศรีรู้ตัวว่าเขามองอยู่ แต่ทำไม่สนใจ
ที่วังกฤตยา...ท่านชายพหลส่งเช็คให้ หม่อมสรัสวดีแปลกใจ
“อะไรคะ ท่านพี่”
“เงินสำหรับปลดหนี้ทั้งหมดของเธอ เพื่ออิสระของกฤตยา”
หม่อมสรัสวดีเกรงใจรัชนีกร
“แต่หม่อมรัชนีกร...”
หม่อมรัชนีกรพูดขึ้น
“ฉันยอมรับว่าฉันเคยไม่เห็นด้วย ที่ท่านชายจะยื่นมือไปช่วยเหลือหม่อม แต่เมื่อฉันประสบอุบัติเหตุ ท่านชายและลูกของเธอได้ดูแลฉันอย่างใกล้ชิด ไม่เคยทิ้งห่างไปไหน”
หม่อมรัชนีกรสบตาชายคำรณฤทธี แล้วเอื้อมมือไปจับมือท่านชายพหล
“เวลาที่ฉันเจ็บปางตายนั้น...สิ่งเดียวที่ฉันต้องการคือกำลังใจและความรัก ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติอะไรเลย แล้วฉันจะหวงมันไว้ทำไม ความรักของท่านชายของพวกเธอ และเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันต่างหากที่ฉันควรจะต้องรักษาเอาไว้ ฉันขอโทษที่เคยเห็นแก่ตัว”
ท่านชายพหลปลอบภรรยา
“อย่าคิดมากเลย...ทุกคนเข้าใจเธอนะ รัชนีกร”
“ขอบพระคุณค่ะ...สรัสวดี รับเอาไว้เถอะนะ พวกเธอต้องการมัน”
หม่อมสรัสวดีเกรงใจ
“ดิฉันรู้สึกละอายใจไม่อยากรบกวนเลยค่ะ”
ท่านชายพหลมองหน้าหม่อมสรัสวดี
“เธอรับไว้เถอะ ฉันก็คือกฤตยาคนหนึ่ง หากเกิดปัญหากับกฤตยา มันก็เป็นหน้าที่ที่ฉันก็ต้องคอยช่วยเหลือ ถือว่าฉันทำเพื่อน้องชายของฉัน”
“ค่ะ...ขอบพระทัยท่านพี่และหม่อมรัชนีกรมากนะคะ”
หม่อมสรัสวดีไม่ทันได้รับเช็ค ชายคำรณเข้ามาในห้อง...
“หม่อมแม่ไม่ต้องรบกวนท่านลุงท่านป้าหรอกครับ”
หม่อมสรัสวดี ท่านชายพหล และหม่อมรัชนีกรแปลกใจ
“นายเทพกำลังตกเป็นผู้ต้องหาที่ฉ้อโกงธุรกิจและเงินของครอบครัวบรรณา ดังนั้นเงินที่นายเทพนำมาให้หม่อมแม่นั้น คือเงินของนายทิว ทายาทที่แท้จริงของทัดเทพ ซึ่งได้...ยกหนี้ทั้งหมดให้กับเราครับ”
หม่อมสรัสวดีได้ฟังความจริงก็อึ้ง ท่านชายพหลพูดขึ้นเรียบๆ
“ฉันคิดว่าคนสำคัญที่เธอควรจะขอบใจคือนายทิว บรรณา หนุ่มผู้มีน้ำใจคนนั้นนะ”
หม่อมสรัสวดียิ้มรับ พร้อมจะไปขอบใจทิว...ที่คอยช่วยเหลือและช่วยชีวิตหญิงมานศรีอย่างคาดไม่ถึง
“ทิว บรรณา...”
ในห้องพักรักษาตัวของทิว หญิงมานศรีสบตาชายหนุ่ม แต่เขาหลบสายตา
“นายทิว...”
ทิวไม่หันหน้ามา เขินๆ แต่เสียงแข็ง
“อะไร”
“นายทิว”
ทิวหันมาทำหงุดหงิดเต็มที่
“อะไร”
“หากมีอะไรที่ฉันจะตอบแทนน้ำใจนายได้...ฉันยินดีนะ”
“แน่ใจเหรอ”
“อืม”
“อะไรก็ได้งั้นเหรอ”
“อืม”
“คิดก่อน”
หญิงมานศรีรอคอยคำตอบ...ทิวมองหน้า
“ว่าไงล่ะ”
“ฉันต้องการให้...เธอ...”
หญิงสาวรอฟัง
“กลับไปได้แล้ว”
หญิงมานศรีแปลกใจ
“เธอได้วังกฤตยาคืนแล้ว ไม่ควรมาใช้ชีวิตลำบากลำบนที่นี่อีก กลับไปเถอะ”
หญิงมานศรีผิดหวังแต่ตัดใจ
“ได้...ในเมื่อเป็นความต้องการของนาย ฉันก็จะไป...”
หญิงมานศรีเดินออกไป ทิวมองตามรู้สึกอยากรั้งไว้ แต่ปากหนัก หญิงมานศรีหันกลับมา จะพูดลาแต่ก็เปลี่ยนใจ หันกลับเดินออกไป...ทิวจะเรียกไว้ แต่ก็ปากหนัก จนหญิงสาวเดินออกไปจากห้อง ชายหนุ่มตบปากตัวเอง
“ทำไมปากหนักอย่างนี้วะ อยากให้เขาอยู่ แต่ดันไล่ ไอ้ทิวเอ๊ย”
ทิวบ่นกับตัวเองที่ไม่ยอมบอกความในใจ....
พิไลพรเข้ามาหาหญิงมานศรีที่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล
“คุณหญิงจะไปไหนคะ”
“กลับวัง”
“คุณหญิงบอกพรว่าตั้งใจมาอยู่ดูแลคุณทิว จนกว่าคุณทิวจะหายดีนี่คะ”
“แต่นายทิวเขาไม่ต้องการ เขาไล่ฉันให้กลับไป เขาคงอยากให้ภรรยาเขามาคอยดูแล หญิงกลับดีกว่า”
“พรไปส่งค่ะ”
“ไม่เป็นไร พรทำงานเถอะ หญิงกลับเองได้”
หญิงมานศรีจะเดินออกไป หันกลับมาบอกพิไลพร
“ฝากดูแลเขาด้วยนะ”
“ค่ะ”
หญิงมานศรีเดินออกไป พิไลพรผิดหวังที่ทั้งสองไม่ได้อยู่ดูแลกันและกัน
“คนหนึ่งปากหนักอีกคนก็ปากแข็ง แล้วเมื่อไหร่จะลงเอยกันสักทีนะ”
วันต่อมา...เทพใส่เสื้อ เตรียมออกไปข้างนอก ล้วนเข้ามาถามด้วยความแปลกใจ
“นายใหญ่ยังไม่หายดี จะไปไหนครับ”
“ฉันมีเรื่องคาใจที่ต้องไปสะสางกับคนที่ได้ชื่อว่า...เป็นพี่สาวของฉัน”
เทพแค้นใจเมื่อนึกถึงอรอนงค์
เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 16 (ต่อ)
นพดลกำลังนั่งทำงานหน้าตาเคร่งเครียดอยู่ อรอนงค์เดินเข้ามา พร้อมกาแฟ ยื่นให้สามีอย่างเอาใจ นพดล ลงมือทำงานต่อ ทำเป็นไม่สนใจ
“ขอโทษค่ะ”
นพดลเหลือบมองอรอนงค์
“และก็...ขอบคุณค่ะ”
“ขอโทษ ขอบคุณผมทำไม”
“เพราะคุณคือคู่ชีวิตที่ทำให้ฉันภาคภูมิใจ”
นพดลอึ้ง
“คุณช่วยให้ฉันได้ลบล้างบาปที่ติดอยู่ในใจ คุณมีส่วนที่ทำให้ฉันเป็นอิสระ ฉันจึงขอบคุณคุณ ส่วนคำขอโทษ...ฉันขอโทษแทนน้องชายฉันที่ทำให้คุณผิดหวัง”
“คุณไม่เป็นห่วงน้องชายคุณบ้างเลยหรือไง”
“เป็นห่วงสิคะ เป็นห่วงมาก แต่สิ่งที่ฉันทำได้เพื่อช่วยเขา ฉันก็ได้ทำไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ภาวนา ขอให้เขาได้คิดและยอมมอบตัว”
เทพเข้ามา
“คิดเหรอว่าผมจะยอมมอบตัวง่ายๆ”
นพดลกับอรอนงค์ตกใจ
“เทพ!”
เทพมองมาที่อรอนงค์อย่างเดือดดาล เทพเข้ามาขย้ำคออรอนงค์จนถอยประชิดติดฝา อย่างโกรธแค้น นพดลพยายามห้าม
“เทพ ปล่อยพี่สาวเธอนะ”
“พี่สาวเหรอ พี่ที่คิดทำร้ายน้องแบบนี้ ไม่สมควรเป็นพี่”
“ฉันจะแจ้งตำรวจ”
นพดลพุ่งไปที่โทรศัพท์ ล้วนเข้ามาขวางเอาไว้ นพดลตวาด
“ถอยไปนะ ไอ้สุนัขรับใช้”
ล้วนโกรธ ต่อยนภดลเปรี้ยง อรอนงค์ตกใจ
“คุณนพดล”
“ดีมาก ล้วน...จัดการแทนฉันหน่อย ฉันไม่อยากเสียมือกับไอ้พี่เขยที่กลัวเมียจนขึ้นสมอง”
“ครับ นายใหญ่”
ล้วนเข้ามาจะทำร้าย นพดลร้องลั่นอย่างตื่นกลัว
“อย่า!”
อรอนงค์ตวาดลั่น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ล้วนชะงัก อรอนงค์มองหน้าน้องชาย
“เทพ...ต้องการอะไรจากพี่ ก็บอกมาเลย ไม่ต้องมาขู่”
เทพหัวเราะชอบใจ ปล่อยมือจากคอของพี่สาว
“ฮ่ะๆๆๆ”
อรอนงค์รีบเข้าไปดูนพดลด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้างคะคุณ”
“ผมไม่เป็นไร” นพดลมองเทพอย่างผิดหวัง “ผมเพิ่งเห็นกับตาได้ยินกับหูก็วันนี้ คุณอร ขอโทษที่ผมไม่เคยคิดจะเชื่อคุณ”
เทพตวาด
“เอ้า...ปรับความเข้าใจกันเสร็จหรือยัง”
อรอนงค์พยายามจะเตือนน้อง
“เทพ...ฟังพี่นะ”
“ไม่ฟัง แล้วก็หยุดพูดเถอะพี่อร ไม่สำเร็จหรอก ผมมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมไม่ยอมกลับไปติดลบเด็ดขาด ชีวิตผมต้องเดินไปข้างหน้าเท่านั้น”
“เดินหน้าไปลงนรกขุมไหนล่ะเทพ”
“ขุมที่เท่าไหร่ มันก็เรื่องของผม สนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะ เอากุญแจเซฟมา”
“ไม่...พี่จะไม่ยอมช่วยเหลือฆาตกรอย่างเธอ”
“ลืมไป...ว่าพี่คือพยานปากเอกเลยนี่นา”
เทพเดินย่างสามขุมเข้าหาอรอนงค์กับนพดล ล้วนคุมเชิงอยู่ เทพชักปืนขึ้นมา
“ถ้าไม่ให้กุญแจ...ก็...กินลูกปืน”
นพดลตกใจ
“เทพ นี่พี่สาวสายเลือดเดียวกันกับเธอนะ”
อรอนงค์ท้าทาย
“เอาสิ อยากจะฆ่าฉัน ก็เอาเลย ฆ่าเลย”
เทพจ่อปืนไป อรอนงค์เชิดหน้าอย่างไม่เกรงกลัว เทพโกรธแค้นจะเหนี่ยวไก นพดลตกใจตาเหลือก
“เทพ อย่านะ อย่า”
ทันใดนั้นเสียงไซเรนรถตำรวจดังเข้ามา เทพชะงัก ล้วนรีบไปดูทางหน้าต่าง
“ตำรวจมากันเป็นฝูงเลยครับนายใหญ่! รีบเผ่นก่อนเถอะครับ”
เทพแค้น ไม่ยอมไป จะลั่นไก นพดลตัดสินใจพุ่งเข้าไปชนเทพ จนล้ม เสียหลัก
“คุณอร หนีไป เร็ว หนี”
นพดลกอดเทพเอาไว้ จนเทพทำอะไรไม่ถนัด อรอนงค์ไม่ยอมไปเป็นห่วงสามี
“คุณนพดล ไม่...ฉันไม่ไป”
เทพตวาด
“เฮ้ย...ปล่อย”
นพดลเข้าไปแย่งปืนปืนลั่น นภดลทรุดฮวบ อรอนงค์ช็อก
“คุณนภดล”
ล้วนร้อนใจ
“นายใหญ่ครับ หนีเร็ว”
เทพตัดสินใจหนีไปกับล้วน อรอนงค์เข้าไปดูอาการของสามีที่บาดเจ็บสาหัส
“คุณนพดล...คุณนพดล!”
ตำรวจเข้ามา ส่วนหนึ่งตามไปทางที่เทพหนี อีกนายมาดูอาการของนพดล แล้วรีบว.ขอรถพยาบาล
ทิวมองภาพถ่ายของพ่อแม่...ในมือ
“ผมเชื่อว่าดวงวิญญาณของคุณพ่อคุณแม่คอยคุ้มครองผมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมรอดพ้นจากอันตรายมาได้ทุกครั้ง...ผมให้สัญญาครับตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจ ผมจะลากคอไอ้เทพมารับผลกรรมที่มันทำไว้”
ทิวยกมือไหว้รูปของพ่อแม่ แล้วเอากรอบรูปวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง...ทิวรู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาหันกลับมามองเห็นพวงทองยืนอยู่...
“ช่วยผมทำไม ทั้งๆที่ผ่านมา พี่เลือกที่จะช่วยเหลือมัน”
“พี่ไม่เคยเลือกข้างคนชั่ว”
“แต่พี่ก็ยอมเป็นเมียมัน”
“พี่ไม่เคยยอม”
ทิวแปลกใจในคำพูดของพี่สาว พวงทองบอกน้องชายว่าเธอถูกเทพข่มขืน พวงทองไห้เสียใจในโชคชะตา
“หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น...พี่ไม่เคยมีความสุขเลย ที่ต้องเป็นเมียของเขา”
“แล้วพี่จะทนอยู่กับมันทำไม ทำไมไม่บอกผมหรือใครก็ได้”
“พี่ไม่กล้าบอกทิว...เพราะกลัวว่าทิวจะใจร้อน ทำอะไรที่ตัดอนาคตของตัวเอง พี่ไม่กล้าบอกใคร เพราะพี่อายที่ต้องประจานตัวเอง”
“ผู้หญิงหลายคนที่คิดแบบพี่ เลยต้องขังตัวเองอยู่ในคุกที่มองไม่เห็น ทั้งๆที่พี่ปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระได้”
“ใช่...แต่ก็เพราะพี่เป็นผู้หญิง ที่คิดว่าเขาเป็นคนดีไงทิว...คิดว่าสักวันหนึ่ง พี่อาจจะให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับพี่ได้”
ทิวมองพี่สาวอย่างสงสาร
“พี่พวง”
“ถึงแม้เขาจะได้ชื่อเป็นสามีพี่ แต่เขาคือฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่เรา และทำร้ายน้องของพี่ พี่ยอมไม่ได้”
ทิวเข้ากอดพวงทองไว้
“ให้อภัยผมด้วย ที่ผมเข้าใจผิดและทำร้ายจิตใจพี่ตลอดเวลา”
“พี่ไม่เคยถือโทษโกรธน้องพี่แม้แต่ครั้งเดียว”
ทิวกอดพี่สาวด้วยความรัก และเข้าใจกัน
หม่อมสรัสวดียืนอยู่หน้ารูปของท่านชายอมรเทพ หญิงมานศรียืนอยู่มุมหนึ่ง
“ท่านพี่คะ ขณะนี้มรสุมชีวิตของครอบครัวเราได้ผ่านพ้นไปแล้ว ดิฉันสำนึกผิดเหลือเกินที่เคยเลือกเดินทางผิด จนเกือบทำให้กฤตยาต้องพบกับความวิบัติ ชดใช้ความผิดอย่างไรก็คงไม่หมด”
“หม่อมแม่คะ”
“ขอบใจมากนะลูก ที่ทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา”
“ทุกคนต่างช่วยกันทำเพื่อกฤตยาค่ะหม่อมแม่”
“ยกเว้นแม่”
“โดยเฉพาะหม่อมแม่ต่างหากล่ะคะ หม่อมแม่ยอมถูกทุกคนประณาม เพื่อรักษาชีวิตพวกเราจากน้ำมือของคนเลว”
ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา
“ใช่ครับ หม่อมแม่ทำให้เรารู้ซึ้งถึงความรักที่ยิ่งใหญ่”
“ชาย...หญิง”
หม่อมสรัสวดีเข้าสวมกอดลูกทั้งสองคน
“ต่อไปนี้ แม่จะคิดถึงหัวใจของลูกทั้งสองคนให้มากกว่าที่แม่เคยคิด ความรักที่พวกเรามีต่อกัน...จะเป็นสิ่งป้องกันความเลวร้ายที่จะเข้ามาแผ้วพานครอบครัวของเรา...” หม่อมหันไปมองรูปของอมรเทพ “ดิฉันสัญญาค่ะ ท่านพี่”
สามคนแม่ลูกกอดกันอย่างมีความสุขต่อหน้ารูปของท่านชายอมรเทพ เป็นบรรยากาศแห่งความรักที่กลับคืนมาสู่วังกฤตยาอีกครั้ง
พวงทองขอร้องทิว...
“ทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว...ทิวควรจะกลับเข้ามาอยู่ในบ้านของเราได้แล้วนะ”
“ยังไม่ถึงเวลานั้นครับ...ผมไม่อยากอยู่ในบ้านที่ยังมีเงาของมัน ตราบใดที่ยังจับตัวไอ้เทพมาลงโทษไม่ได้ ผมคงนอนไม่หลับ”
“พี่เข้าใจ...”
“แล้วพี่ผ่องเป็นยังไงบ้างครับ”
พวงทองไม่อยากให้ทิวไม่สบายใจ จำต้องปิดบัง
“ผ่องสบายดีจ้ะ ทุกคนที่บ้านมีความสุขดี ทิวเองก็ต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง...ทุกคนรอผู้นำอยู่นะ...”
“ครับ”
หม่อมสรัสวดีเปิดประตูห้องเข้ามา ยิ้มแย้ม ทิวและพวงทองแปลกใจ
“หม่อมสรัสวดี”
“ใช่ ฉันเอง”
ทิวและพวงทองยกมือไหว้ หม่อมสรัสวดีรับไหว้อย่างเต็มใจ
มุมหนึ่งที่วังกฤติยา...หญิงมานศรีเปิดหนังสือหางาน...ชายคำรณฤทธีเข้ามา
“น้องหญิงน่าจะไปเยี่ยมคุณทิวด้วยนะคะ”
“เขาไม่ต้องการเจอหน้าหญิง หญิงจะไปอยู่ให้ขวางหูขวางตาเขาทำไม”
“แต่พี่คิดว่าที่คุณทิวพูดไป...เพราะ...”
หญิงมานศรีขัดขึ้น
“พอเถอะค่ะพี่ชาย หญิงกำลังยุ่งอยู่นะคะ...หญิงต้องหางานค่ะ”
ชายคำรณฤทธีถอนใจ
“ค่ะ พี่ไม่กวนแล้ว”
ชายคำรณฤทธีมองน้องสาวที่กำลังหางานอยู่ อย่างเป็นห่วงความรู้สึก...
ทิวยกมือไหว้หม่อมสรัสวดีที่มาเยี่ยม...
“ขอบพระคุณหม่อมสรัสวดีมากครับ ที่มาเยี่ยม”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ...บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้ ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษแสนดีกลับกลายเป็นซาตาน ในขณะที่ซาตานนั้น แท้จริงแล้วคือเทพบุตร ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิดมาโดยตลอด”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าความดีและความจริงจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีที่สุด”
“นั่นสิ สมกับคำโบราณว่าไว้ หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คงไม่สายเกินไปใช่มั้ยที่ฉันจะขอให้เธอให้อภัยกับสิ่งที่ฉันทำผิดพลาด”
“ผมคงให้อภัยหม่อมไม่ได้หรอกครับ”
หม่อมสรัสวดีแปลกใจ
“เพราะผมไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตหม่อม แต่ผมอยากให้หม่อมให้อภัยตัวเองแล้วเริ่มต้นใหม่ครับ”
หม่อมสรัสวดีซึ้งใจ
“จริงสิ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรู้จักให้อภัยตัวเอง ฉันสัญญา ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความถูกต้อง แต่ถึงอย่างไรฉันก็เป็นหนี้บุญคุณเธอ หากเธอต้องการอะไร ขอให้บอกมา...ฉันยินดีทำตามความปรารถนาของเธอ”
หม่อมสรัสวดียินดีทำตามที่ทิวต้องการ ทิวมองสรัสวดีคิดอะไรบางอย่าง
ค่ำนั้น หญิงมานศรีตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่หม่อมแม่บอก
“อะไรนะคะ ให้หญิงไปดูแลนายทิว”
“ใช่...คุณทิวเขาบอกว่าคนที่ไร่ติดงานกันหมด ขาดคนมาดูแล”
หญิงมานศรีพยายามแย้ง
“พรก็กลับไปทำงานที่นั่นแล้ว ให้พรไปดูแลก็ได้นี่คะ”
พิไลพรซึ่งนั่งอยู่มุมหนึ่งในห้อง รีบปฎิเสธทันที
“ไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงนี้คนไข้มาก พรต้องช่วยหมอธีดูแลคนไข้เป็นร้อยเลยค่ะ”
หญิงมานศรีหันไปมองแม่แล่ม
“ไม่ต้องนึกถึงแม่แล่มค่ะ แม่แล่มต้องดูแลหม่อมค่ะ”
หญิงมานศรีอึดอัดใจ
“ทำไมต้องเป็นหญิงด้วย”
ชายคำรณฤทธีเข้ามาหา
“เพราะน้องหญิงของพี่เป็นพยาบาลที่แสนสวย สามารถดูแลคุณทิวได้ดีที่สุดนะสิและที่คุณทิวเจาะจงเป็นน้องหญิง เพราะน้องหญิงเองก็เคยทำงานกับคุณทิว น่าจะเข้าอกเข้าใจกันได้ดี”
“เขาเรียกศัตรูอยู่ใกล้กันไม่ได้ค่ะพี่ชาย ไม่ใช่เข้าอกเข้าใจ”
“แม่ไม่ได้บังคับใจหญิงนะ ขอให้หญิงพิจารณาให้ดี หากหญิงไม่เต็มใจแม่จะไปขอโทษคุณทิวที่ไม่สามารถทำตามที่ตกปากรับคำได้”
หญิงมานศรีอึ้ง
“หม่อมแม่รับคำนายทิวแล้วเหรอคะ”
หม่อมสรัสวดีพยักหน้ารับ หญิงมานศรีคิดตัดสินใจ หนักใจ ในขณะที่ทุกคนรอลุ้น อยากให้เธอไปดูแลทิว
หญิงมานศรีเดินเข้ามาในห้องพักคนไข้ มองไปยังเตียงนอนของทิวคิดว่าเขานอนหลับ
“นายต้องการอะไร วันก่อนไล่ฉัน ไม่อยากเจอหน้าฉัน แต่วันนี้กลับบีบบังคับให้ฉันมาดูแลนาย นายมันร้ายกาจมาก”
ชายคนนั้นนอนหันหลังนิ่ง
“นายทิว ฉันพูดอยู่กับนายนะ ตอบฉันมาสิ ฉันทำอย่างนี้เพื่ออะไร”
ชายคนนั้นยังนอนนิ่ง หญิงมานศรีไม่พอใจ เดินตรงเข้าไปดึงร่างนั้นหันกลับมา แล้วเธอก็ต้องตกใจ
“ว้าย!”
ชายคนนั้นไม่ใช่ทิว เขาหันมามองหน้าหญิงมานศรีด้วยความแปลกใจ พิไลพรเข้ามาในห้อง หญิงมานศรีรีบถามทันที
“นายทิวล่ะ”
“ขอโทษค่ะ...พรลืมบอกคุณหญิง คุณทิวย้ายไปอีกห้องแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ออกไปช่วยงานอยู่ที่สวน”
หญิงมานศรีแปลกใจ
“ช่วยงาน งานอะไร ยังไม่หายดีเลยไม่ใช่เหรอ”
หญิงมานศรีหงุดหงิดทีได้ยินว่าทิวไปช่วยงาน พิไลพรอมยิ้ม
หญิงมานศรีเดินเข้ามาในสวนของโรงพยาบาลมองหาทิว ทันใดนั้นเสียงทิวดังแว่วมา
“เบลล์ลูกสาวคนเล็กของพ่อค้า ขอร้องคุณพ่อว่าเธออยากได้ดอกกุหลาบ”
หญิงมานศรี หันไปมองที่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นแปลงดอกกุหลาบ เห็นทิวกำลังนั่งเล่านิทานให้เด็กฟังเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร
“พ่อค้าสัญญากับเธอ แล้วออกเดินทาง ระหว่างทางพ่อค้าได้เจอกับปราสาทมีของกินมากมาย พ่อค้าเข้าไปกินด้วยความหิว แล้วเห็นแปลงดอกกุหลาบแสนสวย พ่อค้าจึงเข้าไปเด็ดดอกกุหลาบจะไปฝากให้เบลล์”
ทิวตัดดอกกุหลาบออกมาหนึ่งดอก...
“ทันใดนั้นเอง...เสียงคำรามก็ดังมาอย่างน่ากลัว นั่นคือ อสูร...” ทิวทำเสียงอสูร “เจ้าคนเนรคุณ ข้าให้อาหารกินแต่เจ้ากลับแย่งชิงดอกกุหลาบของข้าเจ้าต้องตาย”
เด็กๆครางฮือ...เพราะทิวทำท่าได้น่ากลัวมาก ทิวยิ้มชอบใจ หญิงมานศรีอมยิ้ม ขำทิวไปด้วยแล้วทิวก็จำไม่ได้ ว่าจะเล่ายังไงต่อไป
“อะไรต่อวะ...”
ทันใดนั้นหญิงมานศรีเข้ามาช่วยเล่านิทานต่อ...
“พ่อค้าจึงบอกความจริงกับอสูรไปว่า ฉันต้องการนำดอกกุหลาบไปให้กับลูกสาวแสนสวย”
ทิวมองหญิงมานศรี แปลกใจที่หญิงมานศรีมาช่วยเล่า หญิงมานศรีส่งสัญญาณให้ทิวเล่าต่อ เพราะเด็กๆรอฟังอยู่
“อสูรได้ฟังก็หัวเราะพอใจ”
ทิวหัวเราะ เด็กๆต่างหัวเราะขำกับเสียงของอสูรที่ทิวเป็นคนหัวเราะ
“เจ้าจงไปเอาลูกสาวมาให้เรา ไม่งั้นเราจะฆ่าเจ้า”
หญิงมานศรีเล่าต่อ
“พ่อค้าจึงกลับมาบ้าน เล่าเรื่องราวทั้งหมด เบลล์สงสารพ่อมากจึงอาสาไปตามคำสั่งของอสูร...เมื่อเบลล์มาถึง อสูรก็พึงพอใจในความงามของเบลล์ คอยดูแลเบลล์เป็นอย่างดี”
ทิวเข้ามาจับเนื้อตัวหญิงมานศรี
“แต่เบลล์เกลียดชังและเกรงกลัวหน้าตาดุร้ายของอสูร”
หญิงมานศรีมองทิว
“อสูรตัวนี้น่าเกลียดน่ากลัว หยาบคายมาก”
หญิงมานศรีแลบลิ้นใส่ เด็กๆหัวเราะชอบใจ หญิงสาวเล่านิทานต่อ
“เวลาผ่านไปนานแสนนาน...เบลล์คิดถึงพ่อ ขอไปเยี่ยมพ่อที่บ้าน”
“อสูรยอมให้เบลล์กลับไป แต่ต้องสัญญาว่าจะกลับมา พร้อมกับให้ของวิเศษคือ กระจกวิเศษ” ทิวหยิบกระจกออกมา “สามารถมองเห็นเหตุการณ์ในปราสาทได้”
หญิงมานศรีหยิบแหวน
“และแหวนวิเศษ เมื่อสวมแล้วกลับมาปราสาทได้ทันที”
ทิวเล่าต่อ
“เบลล์กลับมาบ้าน ก็ไม่อยากกลับไปที่ปราสาทอีก เพราะกลัวอสูร จวบจนเบลล์มองกระจกวิเศษแล้วเห็นว่า...”
“อสูรทรุดป่วยหนัก”
หญิงมานศรีขยิบตาให้ทิวแกล้งล้มลงนอนตาย ทิวทำเสียงอสูร
“โอย ข้าคิดถึงเบลล์...ข้าต้องตาย หากเบลล์ไม่กลับมา...”
หญิงมานศรีทำเสียงเบลล์
“ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่อยากกลับไปเจอปีศาจร้าย”
“ข้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หากขาดเธอ...อสูรรอคอยเบลล์จนตรอมใจตายไป...”
ทิวนอนตายอยู่ตรงนั้น...เด็กๆมองดูด้วยความเศร้า...หญิงมานศรีเล่าต่อ
“เบลล์รู้สึกผิด ตัดสินใจสวมแหวนวิเศษเพื่อเดินทางไปที่ปราสาท แล้วเบลล์ก็เข้ากอดร่างอสูรร่ำไห้”
หญิงมานศรีเข้าไปสวมกอดทิวแล้วทำเสียงเบลล์
“อสูรร้าย ฉันขอโทษ ที่ฉันผิดสัญญากับเธอ ฉันรู้ว่าเธอรัก ฉันมาก และฉัน...ฉันก็รักเธอ”
เด็กๆมองทิวที่นอนอยู่ สงสารทิว...หญิงมานศรีเล่านิทานต่อ
“เบลล์ร้องไห้ หยดน้ำตาหยดลงบนร่างอสูร แต่แล้วอสูรร้ายก็กลายเป็นเจ้าชายรูปหล่อ”
ทิวลืมตาตื่น แล้วลุกขึ้นแสดงท่าเป็นเจ้าชาย...ฉันคือเจ้าชายที่เคยถูกแม่มดสาปไว้ หากวันใดที่ฉันพบรักแท้ ที่ไม่ได้มองฉันแค่รูปร่างหน้าตา ฉันก็จะกลับมาเป็นเจ้าชายดังเดิม” ทิวเข้ามาหาหญิงมานศรี “ขอบใจเธอมากนะ สุดที่รักของฉัน”
หญิงมานศรีถอนสายบัวให้เจ้าชาย...ทิวแกล้ง
“แล้วเบลล์ก็โผเข้ากอดเจ้าชายด้วยความรัก”
ทิวอ้าแขนรอ หญิงมานศรีอึ้ง ไม่อยากกอดเขา ทิวย้ำ
“เบลล์โผเข้ากอดทันที”
หญิงมานศรีอึ้ง เด็กๆพูดขึ้น
“กอดเจ้าชายสิคะ”
ทิวส่งสายตาให้หญิงมานศรีทำตามที่เด็กๆขอ หญิงสาวหมดหนทาง จำยอมเข้ากอด แต่กอดห่างๆ ชายหนุ่มเข้าสวมกอดไว้แน่น
“แล้วเจ้าชายก็จุมพิตเจ้าหญิงด้วยความรักเช่นกัน”
ทิวหันมาจะหอมแก้ม หญิงมานศรีอึ้ง ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง เด็กๆมองตาค้าง รอคอยให้เจ้าชายจุมพิตเจ้าหญิง...ทิวตัดสินใจ จุมพิตที่หน้าผาก หญิงมานศรีอึ้งไป เป็นภาพความรักที่น่าประทับใจ...พิไลพรและเด็กๆต่างปรบมือชอบใจ หญิงมานศรีรีบถอยออกห่างหันไปยิ้มให้เด็กๆ
“นิทานจบแล้ว พี่ขอตัวนะคะ”
หญิงสาวเดินหนีไปทันที ทิวมองตามแล้วยิ้มคิดอะไรบางอย่าง
หญิงมานศรีฯเดินหนีมา มุมหนึ่งในสวนดอกไม้ พยายามเช็ดรอยจูบ ทิวเข้ามาคว้าแขนไว้
“คุณจะรีบไปไหน”
“เอาแอลกอฮอล์มาล้างสิ่งสกปรกออก”
“แรงนะคุณ คุณยังไปไม่ได้”
“นิทานจบแล้ว”
“แต่กิจกรรมสันทนาการสำหรับเด็กยังไม่จบ”
“คุณคิดเองก็ทำเองสิ”
“ก็คุณมาช่วยผมเล่า คุณต้องร่วมรับผิดชอบ จะมาทิ้งครึ่งๆกลางๆอย่างนี้ไม่ได้”
“ฉันไม่ได้ทิ้ง แต่คนบางคนไล่ฉัน”
“งอนที่ผมไล่คุณวันนั้น”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ในเมื่อไม่งอน ก็มานี่เลย...ช่วยผมทำมงกุฎดอกไม้ให้เด็กๆ”
“ไม่!”
หญิงมานศรีเดินหนีออกไป ทิวกลุ้มใจ...
ทิวกำลังนั่งทำมงกุฎดอกไม้ให้เด็กๆ ฝีมือแย่มาก แต่เขาก็พยายามที่จะทำ หญิงมานศรีแอบมองอยู่มุมหนึ่ง รับไม่ได้กับฝีมือของเขา...ทิวพยายามจนได้มงกุฎแต่สภาพเยินมาก
“ใครอยากได้มงกุฎดอกไม้บ้าง”
เด็กๆส่ายหน้า
“งั้น...ลองอันใหม่”
ทิวจะทำอันใหม่ แต่หยิบมามัดๆ เก้ๆกังๆ ทันใดนั้นมีมือหนึ่งเข้ามาแย่งไป ทิวหันไปมอง
“คุณหญิง!”
หญิงมานศรีบอกกับเด็กๆ
“ใครอยากได้มงกุฎดอกไม้แสนสวย ยกมือสิคะ”
เด็กๆยกมือ
“พี่จะทำให้เองค่ะ”
หญิงมานศรีหันไปเย้ยทิว แล้วนั่งทำมงกุฎดอกไม้ เด็กๆเข้ามาล้อม ชายหนุ่มมองหญิงสาวประหนึ่งเป็นเจ้าหญิงผู้อารีย์ ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ยังรักษาท่าทีต่อกัน...
ชายคำรณฤทธีมาซื้อกระเช้าผลไม้มากับเสกสรรค์จะไปเยี่ยมพันทิพา เมื่อรู้ว่าป่วย
“ชายคำรณไม่ต้องเกรงใจซื้อของไปเยี่ยมคุณแม่ก็ได้นะ ไปตัวเปล่าก็ได้”
“ไม่ได้หรอก...คุณหญิงพันทิพาไม่สบายก็เพราะครอบครัวฉันเป็นต้นเหตุ ให้ฉันไปกราบขอโทษคุณหญิงท่านแบบมีอะไรไปหน่อยเถอะ”
“งั้นก็ตามใจ”
เสกสรรค์เดินนำชายคำรณฤทธีไป...แต่แล้วเสกสรรค์หยุดมอง ชายคำรณฤทธีแปลกใจมองตาม
“มีอะไร”
“นายล้วน ลูกน้องนายเทพ”
ล้วนซื้ออาหารของกิน เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ก็รีบเดินไปทางหนึ่ง ชายคำรณฤทธีตัดสินใจ
“ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”
“แต่ผมจะไม่ยอมให้ปล่อยให้มันหนีรอดไปทำร้ายคนอื่นอีก”
เสกสรรค์รีบเดินไปที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆ เปิดประตูรถ เอื้อมไปเปิดเก๊ะหน้ารถ หยิบปืนมาเสียบข้างหลังเอวอย่างรวดเร็ว ปิดประตู วิ่งไป
ล้วนจอดรถแล้วลงจากรถ เดินถืออาหารเข้าโรงแรม เสกสรรค์และชายคำรณฤทธีวิ่งเข้ามา แอบมอง
“อันตรายนะเสก รอให้ตำรวจมาดีกว่า”
“ผมจัดการได้ นายรอตำรวจอยู่ที่นี่เถอะ ฉันไม่อยากให้มันคลาดสายตา”
เสกสรรค์วิ่งเข้าไปที่โรงแรม ชายคำรณยืนมองด้วยความเป็นห่วง
โปรดติดตาม "เกิดเป็นหงส์" ตอนต่อไป