xs
xsm
sm
md
lg

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17

ล้วนเดินผิวปากอย่างสบายใจ เสกสรรวิ่งตามมามองหา แล้วเห็นล้วนกำลังเดินไปที่มุมหนึ่ง เสกสรรค์พยายามสะกดรอยตามไป ล้วนเดินไปรู้สึกได้ว่ามีคนตาม...ล้วนคิดอะไรบางอย่าง หยุดที่หน้าห้องหนึ่งทันทีเสกสรรค์รีบหาที่หลบ...ล้วนเคาะประตูห้อง พูดเสียงดัง

“นายใหญ่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ”
ประตูเปิดออก ล้วนเข้าไปในห้องทันที เสกสรรค์รีบออกจากที่ซ่อน แล้ววิ่งมาที่หน้าประตูห้องตัดสินใจผลักประตูเข้ามาในห้อง เจอพนักงานทำความสะอาดที่ยืนตกใจ เสกสรรค์แปลกใจ แต่แล้วล้วนออกจากที่ซ่อนเข้ามาต่อสู้กับเสกสรรค์ทั้งสองตะลุมบอนกันเสกสรรค์เสียท่า ล้วนวิ่งหนีออกไปจากห้อง เสกสรรค์รีบตามไป...

ประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออก เทพยิงใส่ เสกสรรค์หลบหลังรถเข็นทำความสะอาด เทพกับล้วนและลูกน้องรีบวิ่งหนีออกไป...เสกสรรค์จึงค่อยๆลุกขึ้น แล้ววิ่งตามออกไป
ชายคำรณฤทธีรอตำรวจอยู่หน้าโรงแรม
“ป่านนี้ตำรวจยังไม่มาอีก”
ทันใดนั้น...พวกเทพวิ่งออกมา ชายคำรณฤทธีรีบหามุมหลบ เสกสรรค์วิ่งตามมา พวกเทพหันกลับไปยิงใส่ สกัดไว้ เสกสรรค์รีบหลบ...รถตำรวจวิ่งเข้ามา พวกเทพวิ่งหนีไปด้านหลังโรงแรม ตำรวจวิ่งไล่ตามพวกเทพไป ชายคำรณฤทธีวิ่งเข้าไปหาเสกสรรค์
“เสกเป็นยังไงบ้าง”
“ผมปลอดภัย”
เสกสรรค์รีบวิ่งตามพวกเทพไป ชายคำรณฤทธีเป็นห่วง
“เสก!”
ชายคำรณฤทธีคิดอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือเสกสรรค์

เทพกับลูกน้องวิ่งหนีมาในป่ารกหลังโรงแรม ล้วนหันไปบอกเทพ
“นายใหญ่หลบไปทางด้านโน้นครับ ผมจะล่อพวกมันไปอีกทาง”
เทพจึงวิ่งแยกออกไปอีกทาง ล้วนและลูกน้อง เห็นว่าตำรวจไล่ล่า จึงวิ่งนำไปอีกทาง...ตำรวจวิ่งไล่ตามพวกล้วนไป
เสกสรรค์ออกมาจากมุมหนึ่ง รู้ว่าเทพไปทางไหน วิ่งตามไป เทพวิ่งหนีมาจนมาถึงแม่น้ำ หาทางหนี แต่เมื่อหันกลับมาเจอเสกสรรค์ยืนถือปืนขู่ไว้
“แกจนตรอกแล้ว ยอมรับชะตากรรมของแกได้แล้ว”
“ไม่เอาน่าคุณเสกสรรค์ โกรธแค้นที่ผมแย่งชิงคนรักถึงกับจะฆ่าแกงผมเลยเหรอ”
“ฉันไม่ฆ่าแก แต่ฉันจะจับแกส่งตำรวจ ชดใช้กรรม ทิ้งปืนซะ”
เทพยอมจำนน ทิ้งปืนลง เสกสรรค์เดินเข้ามาหาเทพจะเข้ามาจับตัวแต่เทพพลิกสถานการณ์เข้าต่อสู้กับเสกสรรค์จนปืนตก ทั้งสองต่อสู้กัน
ตำรวจวิ่งไล่ตามแต่หาพวกล้วนไม่เจอ...แต่แล้ว ล้วนและลูกน้องออกจากที่ซ่อน เข้ามาต่อสู้ทำร้ายตำรวจ...ลูกน้องอีกคนขับรถเข้ามาพวกล้วนกระโดดขึ้นรถไป...ตำรวจยิงไล่ไม่ทัน

เสกสรรสู้กับเทพ เขาเสียท่าแต่เขาก็พยายามทำร้ายบาดแผลของเทพทำให้เทพเจ็บล้มลงไปอยู่ใกล้ปืน เทพลุกขึ้นคว้าปืนขึ้นจะยิง เสกสรรค์ตกใจ ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง กระสุนปืนโดนขาเทพ ชายคำรณฤทธีถือปืนเป็นคนยิง เทพทรุดตัว หงายหลังตกไปในแม่น้ำ เสกสรรค์และชายคำรณฤทธีวิ่งมาที่แม่น้ำ เทพหายไปกับแม่น้ำ...

หญิงมานศรีทำมงกุฎดอกไม้เสร็จแล้ว
“ขอเชิญเจ้าหญิงเบลล์รับมงกุฎดอกไม้ได้แล้วค่ะ”
เด็กๆเข้าแถว มารับมงกุฎดอกไม้จากหญิงมานศรี ทิวเดินเข้ามา หญิงมานศรีมองด้วยความแปลกใจทิวโค้งให้
“ถึงเวลาเต้นระบำฉลองความสุขกันแล้ว พะยะค่ะ”
หญิงมานศรีแปลกใจ เสียงเพลงดังขึ้น ชายหนุ่มเข้ามาจับหญิงสาวเต้นระบำด้วยกัน โดยมีเด็กๆปรบมือให้...ทิวเต้นระบำกลางทุ่งดอกไม้ เป็นภาพแห่งความสุขและความสวยงาม...พิไลพรยืนอยู่มุมหนึ่งมองด้วยความชื่นชม
“ขอให้ชีวิตจริง...เจ้าหญิงได้สมหวังกับเจ้าชายด้วยเถอะ”
พิไลพรเป็นกำลังใจให้หญิงมานศรี หันไปมองมุมหนึ่ง เห็นธีระพลเพิ่งทำงานเสร็จเดินออกไป...พิไลพรคิดอะไรบางอย่าง

ธีระพละกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในห้องอาหารของโรงพยาบาล พิไลพรถือแก้วน้ำมาสองใบ ยื่นให้
“พรซื้อน้ำมาให้หมอค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมซื้อมาแล้ว”
ธีระพลหันไปมองแก้วที่ซื้อมา พิไลพรผิดหวังเล็กน้อยจะเดินออกไป แต่เปลี่ยนใจกลับมายืนตรงหน้า
“พรขอนั่งทานด้วยคนนะคะ”
พิไลพรนั่งลงตรงหน้าเขา ธีระพลมองๆ แล้วจับมือของหญิงสาว พิไลพรแปลกใจระคนดีใจ
“กี่โมงแล้วครับ”
พิไลพรชะงักอึ้ง รู้สึกตัว มองนาฬิกาที่ข้อมือที่เขาจับ
“จะบ่ายสามแล้วค่ะ”
“อืม...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ธีระพลลุกขึ้นออกไปทันที พิไลพรต้องนั่งคนเดียวมองตามเขาไป รู้สึกผิดหวัง คิดว่าธีระพลไม่สนใจเธอ หญิงสาวพยายามสลัดความรู้สึกผิดหวังออกไป ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง

เด็กๆยกมือไหว้ทิวและหญิงมานศรี
“ขอบคุณมากนะคะ”
ทิวยิ้มให้เด็กๆ
“พรุ่งนี้มาฟังนิทานเรื่องใหม่นะครับ พี่คนสวยมีนิทานและมงกุฎดอกไม้ให้ทุกวันเลย”
“พรุ่งนี้พวกเราจะมาอีกค่ะ”
เด็กๆวิ่งออกไป...ทิวหันไปยิ้มให้หญิงมานศรี
“ใครบอกว่าฉันจะมาอีก ฉันจะกลับวัง แล้วจะไม่มาอีก”
“กลับได้ไง คุณมีหน้าที่มาดูแลผม”
“ตอนแรกก็คิดอย่างนั้น แต่คุณก็หายดีเป็นปกติแล้วนี่ คงไม่ต้องการคนดูแล”
“ใครบอก...ภายนอกเหมือนจะหาย แต่ภายในมันเจ็บ เจ็บตรงนี้”
ทิวจับมือหญิงสาวมาจับบริเวณหน้าอก หญิงมานศรีหมั่นไส้
“ตรงนี้ใช่มั้ย”
หญิงสาวกดแรง
“โอ๊ย ผมเจ็บนะ” ทิวแกล้งทรุดตัว “โอ๊ย”
หญิงมานศรียิ้มเย้ย
“หยุดเลย ไม่ต้องมารยา เจ็บแค่นี้ไม่ถึงกับตาย”
“ผมเจ็บจริงๆนะ”
ทิวทำทีเป็นดิ้นด้วยความเจ็บปวด แล้วก็หยุดนิ่งไป หันหน้าหนีไปอีกทาง หญิงมานศรีไม่เชื่อใจ
“เลิกเล่นได้แล้ว ฉันกลับแล้วนะ”
ทิวลุ้นว่าหญิงสาวจะมาช่วยหรือไม่ ชายหนุ่มยอมนิ่งรอลุ้นต่อไป หญิงมานศรีจะออกไปแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เดินมานั่งข้างตัวเขาดึงตัวให้หันมา
“เป็นไงบ้าง”
ทิวจึงหันกลับมาทำให้หน้าทั้งสองใกล้กันมาก ทั้งสองมองหน้ากันตกอยู่ในภวังค์ ทิวค่อยๆลุกขึ้น จะหอมแก้มหญิงมานศรี ทันใดนั้นเสียงเสกสรรค์ดังขึ้น
“คุณหญิงครับ”
หญิงมานศรีและทิวค่อยๆลุกขึ้นหันไปมอง
“เสก!”

เสกสรรค์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“นายเทพจมหายไปกับแม่น้ำ ทางตำรวจช่วยกันระดมกำลังออกตามหา”
หญิงมานศรีคิดๆ
“เขาอาจตายไปแล้วก็ได้”
ทิวเจ็บแค้นใจ
“คนอย่างมันไม่ควรตายง่ายเกินไป มันต้องรับกรรมให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไป”
เสกสรรค์ถอนใจ
“ผมก็หวังว่าเขาจะรอดชีวิตมาชดใช้กรรมในคุก”
“ผมนี่ล่ะจะเป็นคนปลิดชีวิตมันด้วยมือผมเอง”
ทิวยังคงอาฆาตแค้น หญิงมานศรีได้แต่มอง และรับรู้ถึงความแค้นที่ทิวมีต่อเทพ

หญิงมานศรีมาส่งเสกสรรค์ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล
“ขอบใจเสกมากนะที่มาบอกข่าว คุณแม่เสกท่านเป็นยังไงบ้าง”
“ท่านไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ยังงอนผมอยู่ คงต้องใช้เวลาสักระยะ”
“หญิงเป็นกำลังใจให้นะ”
“ได้ข่าวว่าหญิงมาเป็นพยาบาลส่วนตัวดูแลคุณทิว ผมอยากป่วยบ้างจัง”
หญิงมานศรีแปลกใจที่เสกยังมีเยื่อใย
“เสก”
“เสกเข้าใจคำว่าเพื่อนนะ เข้าใจและยอมรับมันได้ แต่ผมยังทำใจไม่ได้...”
เสกสรรค์จับมือหญิงมานศรี ทิวแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ให้เวลาผมหน่อยนะ มันเร็วเกินไปที่จะเปลี่ยนสถานภาพจากคนรักมาเป็นเพื่อน”
“หญิงเชื่อว่าเสกต้องทำได้...”
หญิงมานศรีกุมมือให้กำลังใจ...ทิวเห็นภาพนั้นก็ไม่พอใจ...หญิงมานศรีเอามือออกบอกลาเสกสรรค์
“เดินทางปลอดภัยนะ”
“ครับ”
เสกสรรค์เดินออกไป หญิงมานศรีมองส่ง แล้วหันกลับ ทิวยืนอยู่ที่มุมหนึ่งกลัวหญิงมานศรีจับได้ว่ามาแอบมอง รีบเดินหนีไป...หญิงมานศรีมองเห็นแต่ไม่มั่นใจนัก

ทิวรีบเดินเข้าห้อง แล้วดึงผ้าห่มมาคลุม เสมือนว่านอนพักอยู่ที่นี่ ไม่ได้ออกไปไหน หญิงมานศรีเดินเข้ามาในห้อง...ทิวทำทีเป็นนอนอยู่นานแล้ว ก่อนจะพูดประชด
“แฟนกลับไปแล้วเหรอ”
“เสกไม่ใช่แฟน เขาเป็นเพื่อน”
ทิวยังประชด
“เพื่อนสนิท”
หญิงมานศรีรำคาญ ประชดกลับ
“ใช่เพื่อนสนิ๊ทสนิท พอใจมั้ย นายอยากให้ฉันเป็นอะไรกับเสก ฉันก็จะเป็นอย่างที่นายต้องการ”
หญิงสาวย้อนกลับทำให้ชายหนุ่มเจ็บใจ
“ต่อไปห้ามเขามาที่นี่อีก”
“เหตุผล”
“ฉันต้องการการพักผ่อน ไม่อยากให้ใครรบกวน”
หญิงมานศรีมองยียวน
“งั้นฉันจะออกไปพบเขาที่อื่น”
ทิวเสียงแข็ง
“ไม่ได้!”
“เพราะ”
“เธอต้องอยู่ดูแลฉัน 24 ชั่วโมง”
“ขอโทษ ฉันไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อ จะสั่งอะไรได้ดั่งใจ”
“นี่เป็นคำสั่ง!”
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับออกคำสั่ง”
“ฉันขอสั่งให้เธอ...”
หญิงมานศรีสวนขึ้นทันที
“นายสั่งฉันอีกคำเดียว ฉันกลับวัง”
ทิวชะงัก
“เอ่อ...ฉัน...จะนอนแล้ว กรุณาอย่าส่งเสียงดัง...นี่ไม่ใช่คำสั่งแต่เป็นคำขอ”
หญิงมานศรียิ้มเย้ยอย่างผู้ชนะ ทิวหมั่นไส้
“ด้านนี้ทัศนวิสัยไม่ดี”
ทิวพลิกตัวหนีไปอีกทาง หญิงมานศรีแลบลิ้นใส่ มองไปที่ปลายเท้าเห็นเขายังสวมรองเท้านอนจึงพูดขึ้น
“หลังจากออกไปนอกห้อง...ก่อนขึ้นเตียงก็ถอดรองเท้าด้วยนะคะ”
ทิวอึ้ง มองที่ปลายเท้าเห็นรองเท้าเสียหน้าที่เธอรู้ว่าเขาแอบไปมอง ชายหนุ่มหันหน้ากลับมา เจอหญิงสาวยิ้มเย้ยก็เขินอาย ไม่รู้ทำไง ค่อยๆดึงผ้าห่มมาคลุมปิดหน้าแล้วเผลอหัวเราะอายตัวเองในผ้าห่ม หญิงมานศรีพลอยหัวเราะขำไปด้วย...

ล้วนและลูกน้องตามหาเทพ หลังจากรู้ว่าเทพตกน้ำหายไป ล้วนสั่งลูกน้องเสียงเข้ม
“ตามหานายใหญ่ให้เจอ”
“นายใหญ่อาจตายแล้ว รอให้ลอยขึ้นมาพรุ่งนี้ดีกว่าพี่”
ล้วนตบหน้า
“นายใหญ่ยังไม่ตาย รีบตามหา”
ลูกน้องต่างออกตามหา ล้วนเดินหาที่ริมแม่น้ำและแล้ว มือหนึ่งจับขาล้วนไว้...
“นายใหญ่!”

เทพเกาะขาล้วนไว้ ล้วนรีบช่วยดึงขึ้นจากแม่น้ำ


เวลาผ่านไปอีกหลายวัน...ธีรพลรายงานผลการรักษา

“อาการคุณทิวดีขึ้นมาก...กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านได้แล้วครับ”
ทิวอยากอยู่ต่อเพื่อให้หญิงมานศรีดูแล
“ผมว่าพักอีกสักสองสามวันก็ดีนะครับ เผื่อมีโรคแทรกซ้อน”
“ผมตรวจดูละเอียดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ”
พิไลพรเสริม
“ใช่ค่ะ...พักรักษาตัวที่บ้าน ได้อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ บรรยากาศดีช่วยให้สุขภาพจิตดีด้วยค่ะ”
ทิวพยายามยื้อเวลา
“แต่ผม...”
หญิงมานศรีตัดบท
“ค่ะ...คุณทิวจะกลับวันนี้ หญิงจะแจ้งให้คุณพวงทองมารับตัวค่ะ”
ทิวมองหน้าหญิงมานศรี ไม่พอใจนัก...

หน้าโรงพยาบาล...พวงทองรับกระเป๋าจากหญิงมานศรี
“ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ช่วยดูแลทิว”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ค่ะ”
หญิงมานศรีหันไปมองทิว ไม่พอใจที่เขาเป็นคนบีบบังคับให้เธอมาดูแล
“ดิฉันขอเอากระเป๋าไปที่รถก่อนนะคะ”
“งั้นหญิงลาเลยนะคะ หญิงก็จะกลับกรุงเทพแล้วเหมือนกัน”
หญิงมานศรีไหว้ลา พวงทองรับไหว้ อย่างเสียดาย หญิงมานศรีหันมาบอกทิว
“ฉันไปล่ะ”
หญิงสาวจะเดินออกไป ชายหนุ่มรั้งมือไว้
“ไมถึงอยากอยู่ห่างจากฉันนัก อ๋อ...อยากกลับไปหาเพื่อนสนิท”
“ใช่ค่ะ อยากไปอยู่ใกล้กับคนที่เรารู้สึกดีและเขาก็รู้สึกดีกับเรา”
“ฉันน่าขยะแขยงนักรึไง”
“ฉันคิดว่าเจ้าชายอสูรมีแค่ในนิทานซะอีก ในชีวิตจริงก็มีด้วยเหมือนกันนะ”
ทิวจับแขนหญิงสาวเข้ามาทั้งสองมองหน้ากัน
“เธอยังกลับไปไม่ได้ เพราะหม่อมแม่เธอสัญญาจะให้เธอมาดูแลฉัน”
“ในคำสัญญานั้น บอกให้ฉันดูแลนายตอนที่นายป่วย”
“ฉันรู้ตัวว่ายังไม่หายดี ฉันต้องไปพักฟื้นที่บ้านอีก”
“แต่มันคงจะไม่เหมาะ เพราะมันเป็นหน้าที่ของภรรยานาย...คุณขวัญตาคงรอคอยนายและพร้อมดูแลนายด้วยความรัก...”
ทิวอยากจะบอกความจริงกับหญิงมานศรีเกี่ยวกับขวัญตา
“ความจริงแล้ว ขวัญตา...เขาไม่ได้เป็น...”
หญิงมานศรีรอฟัง พิไลพรเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
“เชิญค่ะคุณหญิง ออกเดินทางได้แล้วค่ะ”
“ฉันไปก่อนนะ”
หญิงมานศรีบอกลาทิว แล้วเดินไปกับพิไลพร ทิวมองตาม สายตามองด้วยความรักและคิดถึง หญิงมานศรีเข้าไปในรถ สักครู่รถวิ่งออกไป หญิงมานศรีหันมามองทิว ชายหนุ่มมองหญิงสาวจนรถวิ่งลับตาไป...

ทิวเดินมายืนมองคฤหาสน์ พวงทองเข้ามาถาม
“ทิวแน่ใจนะ จะไม่กลับมาอยู่ที่นี่”
“ไม่ครับ”
ทิวจะเดินออกไป
“ถึงทิวไม่อยากเข้าบ้าน อย่างน้อยพี่อยากให้ทิวได้ไปเยี่ยมขวัญตา...”
ทิวแปลกใจ
“ขวัญตา”
“ขวัญตาพักอยู่ที่นี่”
“แต่ขวัญตาบอกผมว่าจะกลับบ้านไปอยู่กับพ่อกำนัน”
“ขวัญตากลับมาเพื่อแก้แค้นผ่องทิพย์ ผ่องทิพย์โกรธมาก ทั้งสองทะเลาะกันแล้วผ่องก็ผลักขวัญตาตกบันได จนแท้งลูก”
ทิวตกใจ เป็นห่วงขวัญตา
“แท้งลูก...”

ทิวเดินเข้ามาในห้องกับพวงทอง เห็นขวัญตานอนลืมตาโพลง ไม่มีสติ เลื่อนลอย
“ขวัญตา...ทำไมถึงมีสภาพเป็นอย่างนี้”
“หมอบอกว่าสมองขวัญตาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก อาจเป็นอัมพาตชั่วชีวิต หรือสติเลอะเลือน พี่รับขวัญตามาดูแลแทนพ่อของเขา...พี่อยากรับผิดชอบ”
ทิวเข้าไปดูอาการขวัญตา อย่างสงสาร ทิวเข้าไปจับมือ ลูบหน้าขวัญตาด้วยความสงสาร แต่ขวัญตาไม่แสดงอาการใดๆ

หญิงมานศรีนั่งอยู่มุมหนึ่งในวังกฤตยา หญิงสาวนึกถึงภาพของทิวที่กำลังนั่งเล่านิทานให้เด็กๆ แล้วเธอเข้าไปช่วยเล่านิทาน และเล่นนิทานกอดกัน หญิงสาวนึกถึงตอนที่ ทิวทำมงกุฎดอกไม้ได้แย่มาก เธอเข้ามาช่วยทำมงกุฎดอกไม้ นึกถึงเหตุการณ์ที่ทิวเต้นรำกับเธอ เหตุการณ์ที่เขาโอบกอดแล้วจูบเธอ เมือนึกถึงเหตุการณ์นั้นแล้ว ก็เศร้าใจที่ไม่ได้เจอกันอีก
พิไลพรเห็นหญิงมานศรีนั่งซึมอยู่ ก็เดินเข้ามาแซว
“เฮ้อ คุณทิวนะคุณทิว กลับทัดเทพไปตั้งหลายวัน ไม่คิดจะติดต่อส่งข่าวมาบ้างเลย”
หญิงมานศรีทำเป็นไม่สนใจ
“เรื่องของเขาสิ เขาอาจจะยุ่งจนไม่คิดถึง...เอ่อ...ใคร”
“ใครนี่...หมายถึงใครคะ”
“ใครก็ได้”
หญิงมานศรีเดินหนีพิไลพรไป ชายคำรณฤทธีและธีรพลเข้ามา
“ว่าไง พร...หญิงมานศรีพูดอะไรบ้างมั้ย”
พิไลพรส่ายหน้า ชายคำรณฤทธีหนักใจ
“อะไรน้า ที่ทำให้คนสองคนที่หัวใจตรงกัน เลือกที่จะไม่พูดความจริง”
“ทิฐิไงคะ คุณชาย”
ธีรพลถอนใจ
“มนุษย์ไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดจริงๆ”
“แหม หมอธีคะ...มีชีวิตมายี่สิบกว่าปี เคยเป็นคนปากแข็ง ใจแข็งยังไง จู่ๆจะให้เปลี่ยนตัวเอง มันก็คงจะทำยากอยู่นะคะ”
ธีรพลเห็นด้วย
“ก็จริง”
ชายคำรณฤทธีพูดเรียบๆ
“แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ แค่อาจจะต้องใช้เวลา”
พิไลพรหนักใจ
“นานแค่ไหนก็ไม่รู้”
ชายคำรณฤทธีมองน้องสาวอย่างสงสาร
“ฉันจะไม่ยอมให้น้องหญิงมีความทุกข์ เพราะทิฐิของตัวเองอย่างนี้แน่เราต้องช่วยกัน ชายธี พิไลพร”
ธีรพลกับ พิไลพรยิ้มให้กัชายคำรณฤทธี พร้อมที่จะช่วยเหลือให้หญิงมานศรีเลิกปากแข็งใจแข็ง ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

ทิวสงสารขวัญตามาก บ่นออกมาอย่างเศร้าๆ
“พี่ผ่องไม่น่าทำรุนแรงถึงขนาดนี้เลย”
ผ่องทิพย์เข้ามาโวยในห้อง
“ก็มันทำลายฉัน มันคิดจะทำให้คุณเทพเกลียดฉัน ฉันยอมไม่ได้”
“พี่ผ่อง!”
“คิดดูอีกที น่าจะช่วยสงเคราะห์ให้มันตายไปซะ ไม่ต้องนอนตายซากอยู่อย่างนี้ ว่าไงนังขวัญตา ฉันช่วยส่งวิญญาณแกให้ เอามั้ย”
ผ่องทิพย์เข้าไปเขย่าร่างขวัญตา...ทิวไม่พอใจลากตัวผ่องทิพย์ออกไปจากห้องทันที

ทิวลากผ่องทิพย์ออกมา ผ่องทิพย์สะบัด
“ปล่อยฉัน ไอ้ทิว ปล่อย”
“ปล่อยก็ได้!”
ทิวผลักผ่องทิพย์ล้มลงไปที่มุมหนึ่ง
“พี่ไม่รู้รึไงว่าผู้ชายที่พี่รักนักรักหนา เป็นฆาตกรฆ่าพ่อแม่เรา”
“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ! คุณเทพของฉันไม่มีวันทำอย่างนั้น คุณเทพบริสุทธิ์”
พวงทองเข้ามาเสริม
“บริสุทธิ์แล้วทำไมต้องหนีความผิด ตอนนี้ ตำรวจกำลังตามล่าหาตัวเขามาดำเนินคดี”
“เพราะทุกคนบีบคั้นเขาไง” ผ่องทิพย์โวยใส่ทิว “แกใส่ร้ายคุณเทพ เพราะแกต้องการแย่งชิงนังคุณหญิง”
ทิวอึ้ง
“มันไม่เกี่ยวกัน ที่ฉันบอกพี่มันคือความจริง”
“ฉันไม่เชื่อแก ได้ยินมั้ยฉันไม่เชื่อแก”
ผ่องทิพย์เข้ามาทำร้าย ทิวจับมือไว้
“ต้องรอให้ตำรวจลากคอมันเข้าคุกก่อนใช่มั้ยพี่ผ่องถึงจะเชื่อ! ได้...ผมจะเป็นคนตามล่าจับตัวมันมาสารภาพต่อหน้าพี่เอง พี่จะได้หูตาสว่างสักที”
ทิวสะบัดตัวผ่องทิพย์ออก แล้วเดินออกไปจากบ้าน...พวงทองเดินเข้ามา ผ่องทิพย์อึ้ง แล้วเข้าไปถามพี่สาวท่าทีอ่อนลง
“พี่พวง...ไอ้ทิวโกหกใช่มั้ย”
“พี่เตือนเธอมาทั้งชีวิตแล้วนะ เธอต้องใช้สติเตือนตัวเองให้เปิดใจรับความจริงบ้าง”
พวงทองเดินออกไป ผ่องทิพย์คร่ำครวญ
“คุณเทพเป็นคนดี...คุณเทพรีบกลับมาหาผ่องนะคะ...เราจะได้แต่งงานกัน...ผ่องพร้อมเสมอที่จะเป็นเมียหมายเลขหนึ่งของคุณ ไม่เปลี่ยนแปลง”
ผ่องทิพย์ยังคงเพ้อฝันอยู่กับเทพ...

วันใหม่...หญิงมานศรีแต่งตัวพร้อมเดินทางไปต่างประเทศ เดินเข้าไปไหว้ลาหม่อมสรัสวดี...
“หญิงแน่ใจนะลูก...”
“หญิงตัดสินใจดีแล้วค่ะ หม่อมแม่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิคะ หญิงไปติดต่องานให้ท่านลุงที่อังกฤษ...อีกไม่นานก็กลับ หญิงต้องตอบแทนพระคุณของท่านลุงที่กรุณารับหญิงไว้ทำงานแล้วยังช่วยเหลือธุรกิจของเราไว้อีกต่างหาก”
“นั่นสินะ แม่ก็มัวแต่เป็นห่วง...ถ้าไม่ได้ท่านลุงเราคงหาทางออกลำบาก กตัญญูต่อผู้มีพระคุณอย่างนี้ดีแล้วลูก ชีวิตของลูกจะเจริญ ไม่มีทางตกอับ”
หม่อมสรัสวดีเข้ามาโอบกอดลูกสาว ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา
“ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ หญิง”
“ค่ะพี่ชาย...”
หญิงมานศรีหันไปบอกลาแม่แล่ม กับพิไลพร
“แม่แล่ม...พิไลพร...หญิงไปนะจ้ะ”
“รีบกลับมานะคะคุณหญิง...”
หญิงมานศรียิ้มให้พิไลพร กำลังจะออกไป ธีรพลวิ่งเข้ามา
“แย่แล้ว หญิงมานศรี...ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลว่าคุณทิวประสบอุบัติเหตุ...”
ธีรพลยังพูดไม่จบ หญิงมานศรีตกใจถามอย่างร้อนรน
“นายทิว นายทิวเป็นอะไร”
“เอ่อ...”
ธีรพลยังพูดไม่ทันจบ หญิงมานศรีสวนขึ้น
“หมอธี ไปโรงพยาบาลกับหญิงเดี๋ยวนี้”
หญิงมานศรี ลากตัวธีรพลออกไป ชายคำรณฤทธีงงๆ
“น้องหญิง รอพี่ด้วย”
“พรไปด้วยค่ะ”
ชายคำรณกับพิไลพรวิ่งตามกันออกไป หม่อมสรัสวดีมองตามงงๆ
“อะไรกันเนี่ย...แล้วเรื่องเดินทางไปอังกฤษล่ะลูก”
แม่แล่มเข้ามาบอก
“เรื่องงานรอได้ค่ะ แต่เรื่องคุณทิวเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า”
“พูดอะไรน่ะแม่แล่ม...ฉันไม่เข้าใจ”
แม่แล่มยิ้ม
“แล่มจำได้นะคะ ว่าเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเหมือนสมัยที่ท่านชายอมรเทพ ตัดสินใจไปขอหม่อมแต่งงานก่อนที่จะสายเกินไป”
หม่อมสรัสวดีอึ้ง ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา
“ลูกหญิง...กับนายทิวน่ะเหรอ”
“ค่ะหม่อม...”
หม่อมสรัสวดีถึงกับยิ้มออกมา
“โชคดีนะลูกหญิง...อย่าปล่อยให้หัวใจหล่นหายที่นั่น ลูกหญิงต้องนำหัวใจตัวเองกลับมาให้ได้นะ”

หม่อมสรัสวดีเอาใจช่วยลูกสาว


เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17 (ต่อ)

หญิงมานศรีเดินตามธีรพล ที่เดินนำมาในไร่ทัดเทพอย่างอย่างร้อนใจ

“ทำไมไม่ไปที่โรงพยาบาล ก็นายทิวอยู่ที่นั่น พาหญิงมาที่นี่ทำไม”
ธีรพลกับชายคำรณ และพิไลพรหันมามองหญิงมานศรี ธีรพลจ้องหน้า
“ตอบพวกเรามาก่อน ว่าหญิงอยากมาหาคุณทิวทำไม”
“ก็นายทิวเข้าโรงพยาบาล ชายธีเป็นคนบอกหญิงเอง”
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“ตอบก็ได้ หญิงเป็นห่วงเขา พาหญิงไปหานายทิวได้หรือยัง”
พิไลพรมองๆ
“แค่เป็นห่วงเองเหรอคะ”
“อยากได้ยินอะไรจากปากของหญิงล่ะ”
ชายคำรณฤทธีส่ายหน้า
“พวกเราไม่ได้ยากฟังอะไรจากปากของน้องหญิง แต่อยากให้น้องหญิงฟังให้ได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองให้ได้ก่อน”
หญิวมานศรีอึ้งไป ก่อนจะจับพิรุธของสามคนได้
“แปลว่า...ทุกคนหลอกหญิงให้มาที่นี่ นายทิวไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย”
ธีรพลน้ำเสียงจริงจัง
“เป็นสิ อาการหนักมาก”
พิไลพรเสริม
“เป็นโรคหัวใจสลายค่ะ ต้องการยารักษาที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลก”
ธีรพลมองหน้าหญิงมานศรี
“ยานั้นมีชื่อว่า...มานศรีโสภาคย์ คนที่เขารัก และเป็นคนที่รักเขา”
หญิงมานศรีเถียงเสียงแข็ง
“ไม่จริง นายทิวไม่ได้รักหญิง นายทิวรักขวัญตา”
ชายคำรณฤทธีตัดบท
“ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองสิ ว่าเขารักหญิงหรือเปล่า ค่อยสรุป จากนั้น ถ้าหญิงแน่ใจว่าเขาไม่ได้รักหญิงจริงๆ...พวกพี่จะเลิกเซ้าซี้หญิงทันที”
“แต่หญิงต้องไปทำงานให้ท่านลุง”
หญิงมานศรีเดินหนี ชายคำรณฤทธี ธีรพล พิไลพร หันมามองหน้ากันผิดหวัง

ต่อหน้า 2.1
ทิวเอาดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าหลุมศพของวิวัฒน์ แล้วนั่งลงกล่าวคำขอโทษวิวัฒน์
“วิวัฒน์ ฉันขอโทษที่ไม่สามารถรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับนายได้ ว่าจะดูแลเมียและลูกของนายให้ดีที่สุด ขวัญตาแท้งลูก...”
ทิวน้ำตาซึม หญิงมานศรีเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“ฉันพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ให้อโหสิกรรมพี่ผ่องด้วย ไม่ว่าขวัญตาฟื้นมาจะมีสภาพยังไง...ฉันพร้อมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด ฉันสัญญา...”
ทิวเอามือตบที่หลุมศพของวิวัฒน์ ลุกขึ้น หันเดินมา ชะงัก เมื่อเห็นหญิงมานศรี ชายหนุ่มตกใจระคนดีใจ
“เธอ...เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
หญิงมานศรี แอบดีใจที่ตัวเองเข้าใจผิดเรื่องทิว แต่ยังมีฟอร์ม
“นั่งรถมา”
ทิวไม่อยากให้รู้ว่าดีใจ ทำทีโวยวายใส่
“จะมาทำไม กลับไปซะ”
“อยากให้กลับไปจริงๆเหรอ”
“เออ!”
“งั้น...ไม่กลับ!”
“หน้า...”
ทิวจะด่า หญิงมานศรีขัดขึ้น
“ขืนนายด่าฉันอีกคำเดียว ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต เอาป่ะล่ะ”
“อะไรของเธอ ว่างงานนักหรือไง”
“ไม่ว่างหรอก...ก็นี่ไง...กลับมาทำงานต่อ”
“เธอออกจากที่นี่ ไปมีชีวิตเป็นนางหงส์ที่สุขสบายเหมือนเดิมแล้ว จะกลับมาทำไมอีก”
“ก็ฉันยังไม่ได้ลาออกกับเข้มเลย ต้องทำให้ถูกต้องตามขั้นตอนสิ นายเป็นคนบอกฉันเองนะ จำไม่ได้หรือไง”
“โอย น่ารำคาญ วุ่นวาย!”
“แล้วจะหงุดหงิดใส่ฉันทำไมนักหนา”
ทิวพูดไม่ออก จริงๆก็ดีใจที่เห็นหน้าหญิงสาว
“โอย!”
ชายหนุ่มเดินหนี...หญิงสาวอมยิ้ม
“ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่านายคิดยังไงกับฉันกันแน่”
หญิงมานศรีเดินตามทิวไป

ทิวเดินหนีมาบริเวณน้ำตก หญิงมานศรีเดินขวางหน้า ชายหนุ่มเดินเลี่ยงไปอีกทาง หญิงมานศรีตามมาขวางยิ้มให้...
“เลิกทำตัวเป็นสัมพเวสีตามตื๊อสักที”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“นาย!”
ทิวเย้ย
“โกรธ...รับไม่ได้กับคำพูดหยาบคาบทำร้ายจิตใจก็กลับไปซะ”
หญิงมานศรียิ้มเย้ย
“ต่อให้นายว่าฉันเป็นไส้เดือนกิ้งกืออึ่งอ่างคางคกฉันก็ไม่ไป ฉันจะอยู่ทำงานที่นี่”
ทิวจับตัวหญิงมานศรี
“ถามจริงเถอะ เธอทำอย่างนี้เพราะอะไร”
“เพราะฉันต้องการชดใช้บุญคุณที่นายช่วยครอบครัวฉันและช่วยชีวิตฉัน”
ทิวปล่อยมือออก
“ไม่จำเป็น ฉันทำไปเพื่อขัดขวางนายเทพ ไม่ได้คิดช่วยเธอ”
“แต่ผลประโยชน์มันตกอยู่ที่ฉัน...และฉันไม่อยากติดหนี้บุญคุณนายไปถึงชาติหน้า ฉันไม่อยากเกิดมาต้องเจอคนเถื่อนโหดปากจัดอย่างนายอีก”
ชายหนุ่มหันขวับมาหาหญิงสาว ทั้งสองประชิดติดกัน
“เธอมีเหตุผลแค่นี้ใช่ไหม”
หญิงมานศรีมองหน้า ไม่อยากบอกความในใจที่ซ่อนไว้ พยักหน้ารับทิวมองหน้า
“ได้...ถ้าคิดว่าทนฉันได้ก็เอา”
ทิวผลักหญิงมานศรีตกลงไปในน้ำ
“ว้าย...”
หญิงมานศรีโผล่ขึ้นเหนือน้ำโวยวายใส่
“นาย...”
ทิวลงมาในน้ำ เข้ามาหา
“ทนไม่ได้ก็กลับไป”
“ใครบอก ฉันจะพูดว่า นายทำได้แค่นี้เองเหรอ”
หญิงมานศรีเย้ย ทิวไม่พอใจจับหญิงสาวกดน้ำแล้วดึงขึ้นมา
“โธ่...โหดแต่ปาก ใจปลาซิว”
หญิงมานศรีเย้ย ทิวจับกดน้ำอีก คราวนี้กดหนักกว่าเดิม แต่รู้สึกเป็นห่วงดึงขึ้นมา หญิงมานศรีพรวดขึ้นมาแต่กลับยิ้ม
“น่าผิดหวังมากเลย นึกว่าจะเจอเจ้านายซาดิสม์”
ทิวอึ้ง
“เธอ!”
ทิวไม่รู้จะทำยังไง ผลักหญิงมานศรีลงน้ำ แล้วเดินออกไป หญิงมานศรีมองยิ้ม ดีใจที่จะได้อยู่ทำงานรับใช้เขาเธอตะโกนไล่หลัง
“แล้วเจอกันนะคะเจ้านาย!”

ชายคำรณฤทธีเดินเข้ามา มุมหนึ่งในวังกฤติยา หม่อมสรัสวดีเข้าไปถาม
“ชายแน่ใจแล้วนะ ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
“มันอาจไม่ถูกต้อง แต่ถูกใจทั้งสองคนล่ะครับ หม่อมแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกท่านลุงอนุญาตแล้วครับ ไปครับ ไปพักผ่อนรอฟังข่าวดีดีกว่า”
ชายคำรณฤทธีพาแม่ที่ยังเป็นห่วงหญิงมานศรีเข้าวังไป

ทิวเดินไปเดินมากระวนกระวายมาที่มุมหนึ่งของบ้านพัก เข้มเดินยิ้มๆเข้ามา
“ยิ้มอะไร”
“มีความสุขครับ”
“สุขอะไร”
“เรื่องของเข้มครับ”
เข้มเดินเข้าไป ทิวจะเอ่ยปากถามถึงหญิงมานศรี แต่ไม่ถาม เข้มเดินมาตอบเอง
“คุณพวงจัดที่พักให้คุณหญิงมานศรีเรียบร้อยครับ ไม่ต้องห่วง อ้อ...เข้มไม่ได้ให้คุณหญิงไปทำงานที่ไร่นะครับ”
ทิวแปลกใจ
“แล้วให้ไปทำอะไร”
“มาดูแลนายเป็นการส่วนตัวครับ”
ทิวเงื้อเท้า เข้มยกมือไหว้แล้ววิ่งหายออกไป ทิวเซ็ง แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ แล้วก็กดความรู้สึกตัวเองอีก หน้าบึ้ง แล้วก็ยิ้มออกมาอีก

เช้าวันใหม่...มุมหนึ่งในคฤหาสน์ หญิงมานศรี เดินลงมาพร้อมจะไปทำงาน พวงทองเอ่ยทัก
“คุณหญิงจะรีบไหนแต่เช้าคะ”
“ไปทำงานค่ะ ขืนไปสายเจ้านายดุแย่”
“ดิฉันเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณหญิงแล้วค่ะ”
“งั้นหญิงไปตามเจ้านายมาทานด้วยกันนะคะ”
“ค่ะ”
บุญปลูกวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา...
“คุณพวงทองคะ คุณหญิงคะ คือว่า...”
“มีอะไรบุญปลูก”
“คะ...คือว่า...”
บุญปลูกชี้ไปที่มุมหนึ่ง ล้วนเดินเข้ามา พวงทองและหญิงมานศรีตกใจ
“นายล้วน!”

ทิวมองหาหญิงมานศรีแปลกใจที่ไม่เห็นเธอมาทำงาน
“เชอะ...ปากดีบอกว่าจะมาทำงาน สายป่านนี้แล้วไม่เข้างานอีก”
เข้มวิ่งเข้ามาบอกทิว น้ำเสียงตื่นตระหนก
“นายเกิดเรื่องใหญ่แล้ว ที่บ้านใหญ่”
“มีอะไร”
ทิวสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น...

ทิวเดินเข้ามา เจอหญิงมานศรี พวงทองและบุญปลูกยืนอยู่มุมหนึ่ง ทิวสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนแหวกออก ทิวมองตรงไป...เทพนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
“ไอ้เทพ!”
เทพยิ้มทักทาย
“ทิว!”
“แกกล้ามากที่กลับมาที่นี่” ทิวชักปืนออกมา “แกคิดจะมาเอาชีวิตฉันสิ...ลุกขึ้นมา วันนี้ฉันเอาแกตายแน่!”
เทพนั่งนิ่ง ทิวแปลกใจ...
“ชาติเสืออย่างแกมัวนั่งอยู่ทำไม ชักปืนออกมาสู้กับฉัน”
“ฉันไม่ได้คิดทำร้ายหรือทำลายใคร ฉันมาขอโทษ”
“ขอโทษงั้นเหรอ แกคิดว่าคำขอโทษของแกจะชำระบาปที่แกก่อไว้ได้รึไง วิญญาณของแกต่างหากที่สามารถชำระแค้นได้”
ทิวเข้ามากระชากร่างเทพลุกขึ้น แล้วรัวหมัดต่อย จนเทพทรุดลงกองกับพื้น...
“ลุกขึ้นมาจัดการฉัน แกอยากเอาชีวิตฉันไม่ใช่เหรอ ลุกขึ้นมา”
เทพนิ่งอยู่กับพื้น ทิวเข้ามากระชากร่างเทพลุกขึ้นยืน
“ฉันให้โอกาสแก แต่แกไม่สู้เอง จะหาว่าฉันเอาเปรียบแกไม่ได้”
ทิวต่อย แล้วปล่อยมือที่รั้งตัวเทพไว้ เทพค่อยๆทรุดกองลงกับพื้น....เพราะยืนเองไม่ได้ทิวอึ้ง
“แก!”
เทพคลานเข้าไปหาทิว
“ฉันขอโทษ”
ล้วนร้องไห้ยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง...ขอร้องทิว...
“พอเถอะครับ...นายใหญ่ถูกคุณเสกสรรค์ยิงโดนที่หน้าขากระสุนตัดเส้นประสาท เป็นอัมพาตครึ่งล่าง ไม่สามารถเดินได้ชั่วชีวิตครับ”
หญิงมานศรีและพวงทองรู้เรื่องนี้ก็ตกใจ
“ฉันมาที่นี่ ไม่ได้มาร้องให้เห็นใจ ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือ...” เทพร้องไห้ “แต่ฉันมาขอ...ขอให้ทุกคนให้อภัยฉัน...”
ทุกคนนิ่งอึ้ง แต่ทิวยังโกรธแค้น ทิวเข้าไปลากตัวเทพออกไปจากบ้าน หญิงมานศรีตกใจ

“นายทิว นายจะทำอะไร”


ทิวลากเทพมาโยนไว้นอกบ้าน...พวกหญิงมานศรีและทุกคนวิ่งตามเข้ามา พวงทองพยายามเตือนสติน้องชาย

“ทิว...ทิวจะทำอะไรคิดให้ดูก่อน อย่าวู่วาม”
“ผมคิดดีแล้วครับพี่พวง มันฆ่าพ่อแม่เรา ผมต้องฆ่ามัน”
ทิวชักปืนออกมา จะยิงเทพ
“ยิงเถอะ...ถ้ามันจะช่วยชดใช้กรรมที่ฉันทำไว้...ฉันพร้อมยอมตาย”
“แกไม่ต้องพูดดี ยังไงแกก็หมดสิทธิ์จะเรียกร้องความเห็นใจ เพราะความชั่วที่แกก่อไว้มันเกินเยียวยา”
ทิวจะยิงเทพ แต่แล้วผ่องทิพย์เข้ามาห้ามไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ยอมให้แกฆ่าผัวฉัน!” ผ่องทิพย์เข้าไปหาเทพ “คุณเทพ คุณเทพกลับมาหาผ่องแล้ว คุณเทพเป็นอะไร”
“สามีของพี่ได้รับกรรมที่ทำไว้ ตอนนี้มันเป็นอัมพาต และต่อไป มันต้องตาย”
ทิวเล็งปืนมา ผ่องทิพย์เข้ามากันไว้...
“ถ้าแกจะฆ่า แกก็ฆ่าฉัน ฉันพร้อมยอมตายแทนคนที่ฉันรัก”
ทิวอึ้ง ไม่กล้ายิงเทพมองผ่องทิพย์อย่างรู้สึกผิด
“เธออย่ามาเสียสละเพื่อฉันเลย ขอให้ฉันได้ชดใช้กรรมของฉันเถอะ”
“พี่ผ่องออกไป”
“ไม่ !”
ทิวหันไปสั่งเข้ม
“ไอ้เข้ม...ลากพี่ผ่องออกไป”
เข้มอึกอัก...
“ไอ้เข้ม!”
เข้มรีบวิ่งเข้ามาลากผ่องทิพย์ออกไป
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน”
“ถึงเวลาตายของแกแล้ว”
ทิวจะยิงเทพ แต่พวงทองเข้ามาห้าม
“หยุดเถอะทิว!”
“ทำไมล่ะพี่พวง มันทำชั่วกับพี่ทั้งชีวิต...พี่ยังคิดช่วยเหลือมันอีกเหรอ”
“พี่ไม่ได้ช่วยเขา แต่ผลกรรมที่เขาได้รับมันก็มากพอแล้ว ต่อไปนี้เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เขาเป็นไปชั่วชีวิต แค่นี้มันก็เป็นการชดใช้บาปที่หนักหนาพอแล้ว”
“แต่มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำลายครอบครัวพวกเราและฆ่าคน”
ทิวยังยืนยันจะฆ่าเทพ หญิงมานศรีเข้ามาขอร้อง
“นายไม่เหลือความรักให้เขาไม่เป็นไร แต่นายควรจะคิดถึงคนที่รักนายบ้าง”
ทิวแปลกใจ
“หากนายฆ่าเขา นายก็ต้องถูกจับติดคุก แล้วคนที่นี่จะใช้ชีวิตยังไง”
ทิวคิดตาม
“ความอาฆาตแค้นไม่ช่วยให้จิตใจเรามีความสุขได้หรอก ต่อให้นายฆ่าเขานายคงสะใจที่ชำระแค้น แต่นายสร้างบาปให้ตัวเอง...หากนายรู้จักให้อภัยให้โอกาสคน ผลบุญนี้ต่างหากที่จะช่วยให้ทุกคนมีความสุข...”
หญิงมานศรีโน้มน้าว แต่ทิวยังโกรธแค้น ทิวเล็งปืนไปที่เทพแล้วลดปืนลง เทพแปลกใจและดีใจที่ทิวให้อภัย...ผ่องทิพย์สะบัดตัวหลุดจากเข้ม วิ่งไปหาเทพ
“คุณเทพปลอดภัยแล้วนะคะ...”
“ทิว...ฉันขอบใจนายมากนะที่ให้อภัยฉัน ขอบใจจริงๆ”
เทพคิดว่าทิวให้อภัย แต่แล้วทิวกลับเข้าไปลากเทพ ออกไปที่มุมหนึ่ง ผ่องทิพย์ตกใจ
“ทิว...แกจะทำอะไร”
ทิวลากตัวเทพออกไป ทุกคนแปลกใจ

ทิวลากเทพมาถึงบริเวณสระน้ำ หญิงมานศรีตามมา
“ทิว นายจะทำอะไร”
ทิวมองร่างเทพ แล้วผลักเทพตกลงไปน้ำ...ล้วนตกใจ
“นายใหญ่!”
“คุณเทพ ฉันจะไปช่วยคุณเทพ”
ผ่องทิพย์จะกระโดดน้ำลงไปช่วย แต่ทิวถือปืนขู่ไว้
“ห้ามทุกคนช่วยมัน ไม่งั้นฉันจะยิงมันทันที”
ทุกคนจำต้องหยุด พวงทองตกใจและสงสัย
“ทิวจะทำอะไร”
“ผมแค่ต้องการพิสูจน์ความจริง ว่ามันไม่ได้เล่นละครตบตาพวกเรา”
ล้วนพยายามยืนยัน
“นายเป็นอัมพาตจริงๆครับ นายขยับขาไม่ได้เลย”
ทิวไม่เชื่อ
“ถ้าเป็นจริงอย่างที่แกพูด มันก็จะว่ายน้ำไม่ได้ แต่ฉันเชื่อว่าคนรักตัวกลัวตายอย่างมัน ต้องเผยความจริงออกมา”
ทุกคนมองไปยังเทพที่จมอยู่ในน้ำ ร่างของเทพพยายามตีมือ ดิ้นเอาชีวิตรอด ผ่องทิพย์เป็นห่วง
“ผ่านไปเกือบจะนาทีแล้ว ลงไปช่วยคุณเทพได้แล้ว เขากำลังจะตาย”
ทิวนิ่ง หญิงมานศรีร้อนใจ
“นายทิว เขาเป็นอัมพาตจริงๆ ไม่งั้นเขาต้องจมน้ำตาย ฉันไม่อยากให้นายเป็นฆาตกร”
“เชื่อผมเถอะ อีกไม่กี่อึดใจมันจะดิ้นเอาตัวรอด”
ทิวมองไป มั่นใจว่าเทพต้องไม่ยอมจมน้ำตาย แต่แล้ว ร่างของเทพก็ดำดิ่งลงก้นสระน้ำ...
“ฉันปล่อยให้นายใช้วิธีทดสอบบ้าๆไม่ได้แล้ว” มานศรีหันไปสั่งล้วน “ลงไปช่วยเขาเร็ว”
ล้วนกระโดดลงน้ำ ไปช่วยดึงร่างเทพขึ้นมาทันที...

เทพค่อยๆคลานเข้ามาหาทิว ในสภาพเปียกโชก...
“ฉันขอบใจนายมากนะที่ให้อภัยฉัน ฉันรู้ตัว...ฉันผิด...ฉันทำบาปกับนายไว้มาก...แต่ใช่ว่าฉันอยากเลว”
ทุกคนแปลกใจว่าเทพจะพูดอะไร...
“เชื่อฉันเถอะ... ไม่มีใครอยากเลวตั้งแต่เกิดหรอก”
ทิวตะคอกใส่
“แล้วเพราะอะไร แกจะแก้ตัวว่าอะไร”
“ฉันไม่อยากเป็นคนโง่ ไม่อยากกลายเป็นคนตกสำรวจ...ในกลุ่มของฉัน...พี่มิตรและพ่อนาย เป็นคนที่เก่งและฉลาด แต่ฉันเป็นคนรั้งท้าย...พ่อนายและพี่มิตรไม่เคยเห็นความสามารถของฉันเลย พ่อนายตั้งใจจะให้นายมาเป็นผู้บริหารคนต่อไป แล้วฉันล่ะ ฉันกลายเป็นหมาหัวเน่าที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนข้ามหัว ฉันถึงต้องทำทุกอย่างเพื่อได้เป็นที่หนึ่ง...”
เทพหันไปมองพวงทองและผ่องทิพย์...
“และที่ฉันต้องมีเมียหลายคน...เพราะฉันอยากให้ทุกคนยอมรับในตัวฉัน เพื่อลดปมด้อยที่ฉันเป็นหมัน ไม่สามารถมีทายาทได้...ฉันจึงต้องมีเมียหลายคน เพื่อชดเชยอำนาจที่ฉันขาดหายไป”
เทพหันไปมองทิว...คลานเข้าไปหา
“ฉันรู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำแก้ตัวของคนบาป...”
เทพก้มกราบ ทิวถอยห่าง
“ฉันสัญญาทิว...ต่อไปนี้...ฉันจะทำดี ทำทุกอย่างที่จะเป็นการไถ่บาปที่ฉันทำไว้กับนาย...”
“ไม่ต้องมาขอบใจฉัน ฉันไม่ได้ช่วยแก แต่ฉันทำไปเพราะฉันรักทุกคนที่นี่ ความรักมันทำให้ฉันรู้จักคำว่าเมตตา แต่สำหรับแก...ฉันไม่เหลือแม้แต่ความเห็นใจให้แกอีกแล้ว”
ทิวเตะเข้าหน้าเทพ แล้วเดินออกไป...
เทพร้องบอกทิว
“ฉันขอบใจจริงๆ”
ผ่องทิพย์เข้ามาดูแล
“คุณเทพ คุณเทพไม่เป็นอะไรนะ ผ่องจะดูแลคุณเทพเอง”
ผ่องทิพย์โผเข้ากอดเทพด้วยความรัก...หญิงมานศรีมองตามทิว ด้วยความเห็นใจแต่ก็อยากให้ทิวให้อภัยเทพได้อย่างแท้จริง

เย็นนั้นทิวยืนมองไร่อ้อยน้ำตาซึม
“พ่อแม่ครับ ผมแก้แค้นให้พ่อแม่ไม่ได้ ผมยังฆ่ามันไม่ได้ ผมขอโทษครับ”
ทิวน้ำตาซึม...ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น...หญิงมานศรีเข้ามาหา
“ฉันเชื่อว่า คุณพ่อแม่คงไม่โกรธนาย แต่ท่านคงยินดีที่ลูกชายของท่านรู้จักให้อภัยคน...”
“เธอไม่เข้าใจหรอก เพราะเธอไม่เคยสูญเสียเหมือนฉัน”
“ถึงแม้ฉันไม่ได้สูญเสียหรือประสบชะตากรรมเหมือนนาย แต่ใช่ว่าฉันไม่เคยมีความโกรธแค้น ในสิ่งที่คุณเทพทำกับฉัน”
หญิงมานศรี เดินออกไปยืนมองไร่อ้อย...
“ฉันเองก็เคยคิดนะ ฉันอยากฆ่าเขาให้ตายกับมือของฉัน แต่เมื่อฉันไตร่ตรองแล้วใช้สติ...ฉันกลับพบว่า หากฉันทำอย่างนั้น ฉันมีแต่สูญเสีย...แต่ถ้าฉันให้อภัยเขา ฉันมีแต่ได้”
ทิวคิดตาม
“ได้ความสุขใจจากการทำบุญ และได้หนึ่งชีวิตที่กลับมาเป็นคนดีสู่สังคม...”
หญิงสาวเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม
“เชื่อฉันเถอะ สิ่งที่นายทำวันนี้ ดีที่สุดแล้ว”
ทิวยังคงอาฆาตแค้นเทพ เดินเลี่ยงออกไป...หญิงมานศรีมองตาม เข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่ม

ค่ำนั้นเทพนอนอยู่บนเตียง...ผ่องทิพย์ถือผ้าเข้ามาเช็ดเนื้อตัวให้
“ผ่องใช้น้ำหอมกลิ่นที่คุณเทพชอบมาเช็ดตัวให้ค่ะ...”
ผ่องทิพย์เช็ดตัวให้ เทพจับมือไว้
“ผ่อง...ทำไมเธอถึงดีกับฉันอย่างนี้...ทั้งๆที่ฉันพิการอย่างนี้”
“อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ...แค่ได้คุณกลับมา ผ่องก็มีความสุขมากพอแล้ว”
ผ่องทิพย์เช็ดตัวให้...เทพจ้องมองผ่อง
“เธอยังสาวยังสวย เธอควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน ไม่ควรมาจมปลักกับชายพิการ ที่ไม่สามารถมอบความสุขให้เธอได้”
“คุณเทพอย่าดูถูกน้ำใจผ่องสิคะ...ผู้หญิงเราไม่เคยรักใครเพราะเรื่องบนเตียงแต่เรารักเขาด้วยหัวใจ กามเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ไม่ใช่การตัดสินเลือกคนในชีวิต ผู้หญิงลองได้รักใครแล้ว ก็จะรักจนวันตาย ผ่องเคยบอกคุณแล้วไงคะ ผ่องยอมเป็นสุนัขรับใช้ชั่วชีวิต”
“มันไม่สายเกินไปใช่มั้ยที่ฉันจะขอโทษเธอ”
ผ่องทิพย์เข้าโอบกอด เทพน้ำตาคลอ...
“ถ้าฉันสำนึกสักนิดว่าเธอแสนดีกับฉันอย่างนี้ ที่ผ่านมา...ฉันคงไม่คิดจะทำให้เธอเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว”
เทพโอบกอดผ่องทิพย์ด้วยความรัก

เวลาผ่านไป...เมื่ออยู่ที่โรงพยาบาล พิไลพรเล่าสถานการณ์ที่บ้านทิวให้ธีรพลฟัง
“ตอนนี้คุณเทพรักษาตัวที่ไร่ค่ะ”
“ทำไมพวกเขาถึงไม่แจ้งตำรวจให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย”
“คุณพวงทองเป็นคนขอร้องไว้ล่ะ...อยากให้คุณเทพพักอยู่ที่บ้าน”
“ผมว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ ควรให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง”
“พรเข้าใจหมอค่ะ แต่พรก็เห็นด้วยกับพวกเขานะคะ”
ธีรพลแปลกใจ
“บางทีการติดคุกเป็นเพียงแค่การกักกันอิสรภาพ แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง หากคุณเทพได้รับความรักและการดูแลเป็นอย่างดีจากคนที่คุณเทพทำร้าย น่าจะทำให้คุณเทพสำนึกและละอายต่อบาป แล้วกลับตัวกลับใจ...พรว่าสิ่งนี้น่าจะได้ผลดีกว่าการคุมขังนะคะ”
ธีรพลยิ้มให้
“ผมชักเห็นด้วยกับความคิดคุณแล้วล่ะ...”
พิไลพรยิ้มรับ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ หิวแล้วล่ะ”
ธีรพลเดินออกไป พิไลพรแอบเสียใจเล็กน้อย
“ไม่ชวนเราสักคำ...”
พิไลพรคิดอะไรบางอย่าง

ธีรพลนั่งทานอาหารอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาล พิไลพรถือน้ำเข้ามาให้
“หมอคะ พรซื้อน้ำมาเผื่อค่ะ”
“ผมซื้อมาแล้วครับ”
พิไลพรหน้าเสีย
“แต่ก็ดีเหมือนกันนะ วันนี้ผมกระหาย ขอดื่มสองแก้วเลย พิไลพรยิ้มดีใจ ธีรพลเชิญให้นั่ง
“นั่งทานด้วยกันสิครับ”
พิไลพรนั่งลง
“วันก่อนมันขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้คุณทานคนเดียว ผมติดธุระด่วน วันนี้ผมขอไถ่โทษ นั่งเป็นเพื่อนคุณทั้งวันเลย”
“ค่ะ”
พิไลพรยิ้มดีใจมาก ที่ธีรพลมีน้ำใจตอบกลับมา

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17 (ต่อ)

ทิวรีบเดินลงจากบ้าน...เข้มนั่งเฝ้าอยู่ รีบลุกมากันไว้

“นายจะไปไหนครับ”
“เรื่องของฉัน!”
ทิวจะเดินไป เข้มรีบเสนอหน้า
“นายไปไหนเข้มไปด้วย”
“ใครสั่งให้แกติดตามฉัน”
“เปล่านี่ครับ เข้มเป็นลูกน้องนายก็ต้องไปกับนาย”
ทิวดุ
“ใครสั่งแก”
“เอ่อ!”
หญิงมานศรีเดินตรงเข้ามา
“ฉันเอง”
ทิวเห็นหน้าหญิงมานศรีก็ ไม่พอใจ เดินออกไป หญิงมานศรีตามไป เข้มหนักใจ
“ยุ่งล่ะงานนี้”

ทิวเดินไป หญิงมานศรีเดินตาม เขาไม่พอใจหันกลับมา เกือบชนหน้าหญิงสาว
“ทำอย่างนี้เพื่ออะไร”
“ทำอะไรคะ”
“สั่งให้เข้มมันประกบตามฉัน กลัวฉันไปฆ่าไอ้เทพสิ”
“แน่ะ...รู้แล้วยังมาถามอีก”
ทิวไม่พอใจ
“เธอ!”
“เห็นมั้ย จิตใจนายยังคุไปด้วยไฟแค้น แล้วจะให้ฉันสบายใจได้ไง ฉันทำไปเพราะเป็นห่วงนายนะ”
“ห่วงฉัน?”
“กลัวเจ้าของไร่ถูกจับติดคุกข้อหาฆาตกรรม”
“ฉันบอกได้เลยว่า ฉันจะไม่ทำร้ายมัน”
หญิงมานศรีชูนิ้วก้อย
“สัญญา”
“ปัญญาอ่อน!”
“งั้นก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำ ว่าจะไม่ฆ่าคุณเทพ”
“ฉันจะไม่ฆ่ามัน...พอใจรึยัง”
หญิงมานศรียกหัวแม่โป้ง
“เยี่ยม!”
ทิวจะเดินออกไป แต่หญิงมานศรีจะตามอีก
“ไม่ต้องตามแล้ว ไปทำงานของเธอซะ”
หญิงมานศรีจึงต้องแยกออกไปทำงาน ทิวมองตาม
“ฉันสัญญาว่าไม่ฆ่า แต่ไม่ปล่อยให้มันเสวยสุขหรอก
ทิวคิดจัดการกับเทพ...

พวงทองถือถาดอาหารมาวางไว้ให้...บุญปลูกยืนอยู่ห่างๆ เพราะกลัวเทพ
“ฉันทำอาหารที่คุณชอบมาให้”
พวงทองวางอาหารไว้ตรงหน้า เทพจับมือไว้
“ฉันขอบใจเธอมากนะ สิ่งใดที่ฉันทำผิดต่อเธอ ฉันขอโทษ”
พวงทองเอามือเทพออก
“มื้อเที่ยงคุณอยากทานอะไรบอกบุญปลูก ฉันจะทำให้”
พวงทองจะเดินออกไป...เทพพูดขึ้น
“พวงทอง...ถ้าเธอให้อภัยฉัน เธอช่วยป้อนอาหารให้ฉันได้ไหม”
พวงทองมอง แล้วคิดตัดสินใจเดินกลับมา ตักอาหารขึ้น เทพยิ้มพอใจ
“บุญปลูก มาป้อนอาหารให้คุณเทพ”
บุญปลูกสะดุ้งตกใจ
“เอ่อ...”
เทพผิดหวัง
“เธอ...ยังโกรธฉัน”
“ฉันช่วยชีวิตคุณ ไม่ได้หมายความว่าฉันโกรธคุณน้อยลง ฉันดูแลคุณไม่ได้หมายความว่าฉันให้อภัย แต่สิ่งที่ฉันทำ มันคือหน้าที่ หน้าที่ของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยา”
พวงทองเดินออกไป...บุญปลูกเข้ามา ตักอาหารให้มือสั่นเพราะกลัวเทพ
“ไม่เป็นไร ฉันทานเองได้ บุญปลูกมีอะไรไปทำเถอะนะ”
บุญปลูกอึ้ง
“พูดเพราะด้วย”
บุญปลูกตื่นเต้นดีใจ รีบวิ่งออกไป เทพมองอาหารจะตักกิน แต่แล้วถ้วยอาหารถูกดึงออก
“ทิว”
“ถึงเวลาทำงานแล้ว”
เทพแปลกใจว่าทิวจะให้ทำอะไร

เทพนั่งอยู่บนรถเข็นมองไปที่ไร่อ้อย...ทิวโยนมีดตัดอ้อยลงพื้นตรงหน้าเทพ
“ไปตัดอ้อยซะ”
เทพตกใจ
“ทิว”
ทิวเข้าไปกระชากร่างเทพลงมายังพื้น...ตะคอก
“ฉันบอกให้ไปตัดอ้อย”
ล้วนวิ่งเข้ามา นั่งคุกเข่าตรงเทพ ขอร้องทิว
“นายทิว...ล้วนขอร้องล่ะ นายก็เห็นว่านายใหญ่เป็นอัมพาตนายใหญ่ทำไม่ได้ ล้วนกราบล่ะ ล้วนขอเถอะ”
ล้วนกราบเท้าทิว แล้วเงยหน้ารอความเห็นใจจากทิว ล้วนเงยหน้าขึ้น...ทิวเตะใส่หน้า
“อยากเจ็บแทนใช่มั้ย”
“ให้ล้วนทำแทนเถอะนาย”
“งั้นแกก็เจ็บแทนนายใหญ่ของแก”
ทิวเตะและกระทืบล้วน เทพมองแล้วสงสาร
“ทิว ฉันจะตัดอ้อยเอง”
ทิวหยุดทำร้ายล้วน ล้วนสงสารเทพมาก
“นายใหญ่!”
“ตอนนี้ฉันเป็นทาสของนาย...ฉันยินดีทำทุกอย่างที่นายต้องการ”
“ไปตัดอ้อยมาให้ฉัน!”
เทพคลานไปหยิบมีดตัดอ้อยตรงหน้า แล้วค่อยๆคลานไปที่ไร่อ้อย ล้วนมองสภาพเทพด้วยความสงสาร ทิวมองดูด้วยความสะใจ

หญิงมานศรีกำลังจะเดินไปทำงาน ผ่องทิพย์ปราดเข้ามาคว้าตัว
“เพราะเธอใช่มั้ย ทิวถึงได้ใจร้ายใจดำทำกับคุณเทพอย่างนั้น”
“มีเรื่องอะไรคะคุณผ่องทิพย์”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ เธอนั่นแหล่ะที่ยุให้ทิวบังคับให้คุณเทพไปตัดอ้อย”
หญิงมานศรีตกใจ
“ไปตัดอ้อย!”
“สะใจเธอแล้วสิ ที่ได้แก้แค้นคุณเทพ”
“กรุณาอย่าปรักปรำหญิง หญิงไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นเลย”
“งั้นแกก็ไปห้ามทิว บอกให้ทิวหยุดสิ”
“แล้วทำไมคุณผ่องไม่ไปห้ามทิวเองล่ะคะ”
“ถ้าทิวฟังฉันฉันไม่มาพล่ามด่าแกอยู่อย่างนี้หรอก เพราะแกเป็นต้นเหตุทุกอย่าง แกทำให้พี่น้องผิดใจกัน แกก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหา ถ้าแกจริงใจแกก็ต้องไปช่วยคุณเทพของฉัน”
ผ่องทิพย์ท้าทายหญิงมานศรี
“ได้ค่ะ หญิงจะพิสูจน์ให้คุณผ่องเห็นว่าหญิงไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของนายทิว”
หญิงมานศรีเดินออกไปจากบ้านทันที ผ่องทิพย์ลุ้นว่าจะสำเร็จหรือไม่ พวงทองยืนอยู่มุมหนึ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมด

เทพคลานเข้าไปตัดอ้อยได้อย่างยากลำบาก ทิวเข้ามาด่า
“ทำงานให้เร็วกว่านี้อีก อืดอาดอย่างนี้ กี่ปีกี่ชาติถึงจะเสร็จ”
เทพจึงพยายามคลานให้เร็วขึ้น เพื่อไปตัดอ้อยต้นต่อไป...เทพคลานถูกใบอ้อยบาดแขนบาดขา เจ็บปวด แต่ก็ยอมทำ เพื่อไถ่บาป ทิวยืนมองด้วยความสะใจ หญิงมานศรีวิ่งเข้ามาห้าม
“นายทิว นายผิดสัญญา”
“ผมไม่เคยผิดคำพูด”
“นายสัญญาจะไม่ทำร้ายคุณเทพกับฉันแล้วไง”
“แต่ผมไม่เคยสัญญาว่าจะปล่อยให้มันนั่งกินนอนกินอย่างสุขสบาย”
“นายก็เห็นสภาพของเขาแล้ว ยังใช้ให้ทำงานอีก”
“ฉันปล่อยให้มันมีชีวิตรอดได้ แต่ฉันปล่อยให้อยู่อย่างสบายไม่ได้ มันต้องทำงานให้คุ้มกับเงินทองที่มันเคยผลาญของฉัน นั่นเท่ากับว่ามันต้องทำงานจนวันตาย”
ทิวมองอาฆาตแค้นเดินเข้าไปเทพ
“อืดอาดอยู่ได้ มานี่”
ทิวลากตัวเทพถูไปกับพื้นแล้วไปปล่อยไว้ที่อีกมุมหนึ่ง
“ตัดให้เร็ว!”
เทพคลานเข้าไปตัดต้นอ้อย หญิงมานศรีสงสาร จะเข้าไปห้าม พวงทองเข้ามาคว้าตัวไว้
“ปล่อยเขาเถอะ”
“คุณพวงทองคะ แต่หญิงว่านายทิวทำเกินไป”
“ทิวอาจทำเกินไปสำหรับความคิดของเรา แต่มันอาจน้อยไปกับความเจ็บปวดที่เขาเคยได้รับ”
พวงทองหันมามองหญิงมานศรี
“แล้วอีกอย่าง...ดิฉันไม่อยากให้เอาเรื่องของคนอื่น มาสร้างความบาดหมางใจให้กับคุณสองคน”
หญิงมานศรีอึ้งนิ่งไป ทั้งสองหันไปมองทิวบังคับให้เทพทำงานต่อไป

เทพตัดอ้อย แล้วคลานไปตัดต้นต่อไป ร่างกายมีเลือดออกเพราะถูกใบอ้อยบาด แต่ก็ยังฝืนทนทำ ทิวยืนมองด้วยความสังเวชใจ....

เทพทำงานด้วยความเหนื่อยล้า แดดร้อนจัด ล้วนวิ่งเอาน้ำมาให้แต่ทิวแย่งกระบอกน้ำแล้วรินน้ำลงพื้น ผ่านหน้าเทพไปบังคับให้ทำงานต่อ เทพคลานทำงานต่อไป...หญิงมานศรีมองด้วยความสงสาร

ทิวยืนอยู่มุมหนึ่ง เทพคลานเข้ามาหาทิวแปลกใจหันไปมอง เห็นเทพตัดอ้อยได้เสร็จสิ้นตามที่สั่ง...
“ฉันทำงานเสร็จแล้ว”
ล้วนวิ่งเข้ามาหาเทพ...
“นายใหญ่”
“ล้วน เลิกเรียกฉันว่านายใหญ่เถอะ ตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นนายใหญ่ของที่นี่ ทิวต่างหาก”
ล้วนหันไปขอร้องเทพ
“ผมจะพาคุณเทพไปทำแผลนะครับ”
“ไม่ต้อง งานของแกยังไม่เสร็จ ตัดได้แค่นี้ยังไม่คุ้มค่าเงินที่แกผลาญสมบัติของฉัน ไปทำงานต่อ ตัดให้หมดไร่ ตัดทั้งวันทั้งคืน”
หญิงมานศรีเข้ามาขอร้องทิว
“นายทิว คุณเทพเขาไม่ไหวแล้วนะ นายให้หยุดเถอะ”
“ทีตอนมันทำชั่ว มันเคยคิดที่จะหยุดบ้างไหม”
เทพอึ้ง
“ถึงแกไม่ตาย...แต่ฉันจะทำให้ที่นี่กลายเป็นขุมนรกลงโทษคนชั่วอย่างแกไป...ไปทำงาน”
หญิงมานศรีพยายามขอร้อง
“นายทิว ฉันขอล่ะ”
ล้วนกราบ
“ผมกราบล่ะนาย”
หญิงมานศรีและล้วนต่างเข้ามาขอร้องทิว เทพห้ามสองคนไว้
“ไม่ต้องหรอกครับคุณหญิง ผมทำได้ครับ ผมทำได้”
เทพพยายามคลานจะไปตัดอ้อย แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมจะยอมรับกรรม...หญิงมานศรีมองเทพด้วยความสงสาร...เทพจะเงื้อมีดตัดอ้อย แต่แล้วเป็นลมหมดสติไป...ล้วนตกใจ
“คุณเทพเป็นลมไปแล้ว!”
หญิงมานศรีมองอย่างสงสาร
“นายทิว พอเถอะ”
ทิวไม่ตอบ เดินหนีออกไป...หญิงมานศรีรีบสั่งล้วน
“รีบพาคุณเทพกลับบ้าน”
ล้วนรีบประคองร่างของเทพออกไป หญิงมานศรีมองด้วยความเป็นห่วง

ค่ำนั้น...ผ่องทิพย์ดูแลเทพอยู่ในห้อง เทพค่อยๆรู้สึกตัว
“ผ่องทิพย์”
“คุณเทพฟื้นแล้ว...ไอ้ทิวใจร้ายใจดำ ทำกับคุณเทพได้ ผ่องจะไปด่ามัน”
เทพรั้งมือไว้
“อย่าเลย ทิวทำถูกแล้ว”
“คุณเทพยังไปเข้าข้างมันอีก”
“นี่เป็นบทลงโทษที่น้อยไปด้วยซ้ำ...สำหรับความผิดที่ฉันทำไว้กับทิว ฉันเข้าใจทิวดี...ฉันเข้าใจหัวอกของเขาดี”
เทพร้องไห้ออกมา ผ่องทิพย์อึ้ง
“คุณเทพ...”
“ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับ มันไม่ได้เศษเสี้ยวของความเจ็บปวดในหัวใจของเขาเลย”
เทพร้องไห้ ผ่องทิพย์เช็ดน้ำตาให้
“ผ่องจะทำแผลให้คุณนะ”
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้แผลนี้เป็นเครื่องเตือนใจ ไม่ให้ทำร้ายใครได้อีก”
“ไม่ได้ค่ะ ผ่องจะทำแผลให้คุณ”
ผ่องทิพย์หยิบยามาทาตามร่างกาย เทพร้องไห้ออกมาด้วยความสำนึกผิด...หญิงมานศรีแอบฟังที่มุมหนึ่งสงสารเทพมาก

ขณะที่ทิวเจ็บใจตัวเอง ที่ยังไม่สามารถชำระความแค้นในใจได้ ทิวหัวฟัดหัวเหวี่ยง หยิบข้าวของใกล้ตัวปาทิ้ง


มุมหนึ่งในไร่อ้อยยามเย็น...เทพนั่งซึมอยู่บนเก้าอี้รถเข็น สภาพมอมแมม เหม่อมองออกไปอย่างสิ้นหวัง หญิงมานศรีเข้ามาอย่างช้าๆ รู้สึกเห็นใจเทพ ค่อยๆ เดินมานั่งคุยด้วย

เทพพยายามซ่อนหน้าไม่อยากให้หญิงสาวเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย หญิงมานศรีตบเบาๆ ที่หลังมือของเทพอย่างให้กำลังใจ
“ไม่ว่าจะยังไง คุณก็ต้องอดทน การทำชั่วเป็นเรื่องง่าย แต่การทำดีเป็นเรื่องยาก ถึงได้มีคนชั่วอยู่เกลื่อนเมือง...แต่ถ้าคุณไม่ท้อแท้ สักวันคุณก็จะชนะใจทุกคนได้ ฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ”
“ขอบคุณครับคุณหญิง”
เทพน้ำตาซึม ยิ้มอย่างยอมรับ
“ผมจะอดทนให้ถึงที่สุด ไม่สิ...ต้อง...ไม่ว่ายังไงผมก็จะต้องอดทน”
หญิงมานศรียิ้มเป็นกำลังใจให้เทพ ผ่องทิพย์เข้ามาพอดี เห็นเข้า ไม่พอใจ ความหึงเขาครอบงำอีก

วันใหม่...คนงานทำงานอยู่ หญิงมานศรีเดินมา ถือแฟ้มเอกสารมาด้วย จู่ๆผ่องทิพย์ก็เข้ามากระชากแฟ้มเอกสารในมือหญิงมาน
“คุณผ่องทิพย์ ขอเอกสารคืนด้วยค่ะ”
ผ่องทิพย์โยนแฟ้มทิ้ง...คนงานจะเดินเข้ามา ช่วยหญิงมานศรี ผ่องทิพย์ประกาศกร้าว
“พวกแกออกไป ใครขัดคำสั่งฉันไล่ออก"
คนงานกลัวผ่องทิพย์ เดินหนีออกไปทันที
“ผัวฉันพิการอย่างนั้น ยังคิดจะเอาอีกเหรอ”
หญิงมานศรีไม่พอใจ
“คุณผ่องทิพย์!”
“ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี ไม่อยากเจ็บตัวก็ออกไปจากโรงงานของฉัน”
หญิงมานศรีเดินออกไปหยิบแฟ้ม ผ่องทิพย์คิดว่าหญิงมานศรีจะออกไป แต่หญิงสาวกลับเดินไปทำงานต่ออย่างไม่ใส่ใจ ผ่องทิพย์โกรธจัดพุ่งตรงเข้ามาหา
“แกคิดลองของฉันใช่มั้ย”
“คุณผ่องทิพย์คะ ปล่อยให้หญิงทำงานเถอะค่ะ หญิงจะไม่รบกวนคุณผ่อง คุณผ่องก็ไม่ควรกวนใจหญิง”
“ไม่ต้องมาพูดดี คุณเทพทิ้งแกไป แกเลยตั้งใจกลับมาทำงานที่นี่ เพื่อรอคอยให้คุณเทพกลับมาเอาแกเป็นเมีย ทุเรศ!”
“หญิงมาเพื่อทำงาน ถ้าคุณผ่องทิพย์ว่างนัก ก็ควรจะหาอะไรทำ จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านหรือระรานคนอื่น หญิงขอตัวค่ะ”
บุญปลูกได้ยินก็ปรบมือชอบใจ
“พูดได้ตรงใจนังบุญปลูกนัก”
หญิงมานศรีจะเดินเลี่ยงออกไปทำงาน ผ่องทิพย์คว้าตัวไว้ แล้วตบหน้าหญิงมานศรีหน้าหัน
“ในเมื่อคุณผ่องไม่ให้เกียรติหญิง หญิงก็ไม่เกรงใจนะคะ”
“ยัยผู้ดี แกจะทำอะไรฉัน”
หญิงมานศรีตบหน้าคืน ผ่องทิพย์โกรธมาก
“แก!”
บุญปลูกชอบใจมาก
“ให้มันได้อย่างนี้สิ คุณหญิงหัวใจเพชร”
หญิงมานศรีเตือนสติผ่องทิพย์
“หญิงขอโทษนะคะที่ทำอย่างนี้ ความรุนแรงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นแต่มันคงช่วยเตือนสติคุณผ่องทิพย์ได้”
หญิงมานศรีจะเดินออกไป ผ่องทิพย์คว้าตัวมาตบ หญิงมานศรีพยายามปกป้อง ผ่องทิพย์เข้ามาทำร้ายไม่หยุด บุญปลูกตกใจ
“ว้าย ท่าจะไม่ได้การ พญามารแผลงฤทธิ์ ขี้ข้าผู้อารีย์ต้องออกโรง”
บุญปลูกรีบวิ่งไปเพื่อช่วยหญิงมานศรี...ผ่องทิพย์เข้าไปบีบคอหญิงมานศรี
“ฉันเกลียดแก แกต้องตาย”
ทันใดนั้นมือหนึ่งมาสะกิด ผ่องทิพย์หันไป บุญปลูกยกมือไหว้
“ขอโทษนะคะ”
บุญปลูกไหว้เสร็จตบหน้า ผ่องทิพย์เซไป หญิงมานศรีดิ้นหลุดมาได้ ผ่องทิพย์เข้าไปตบตีบุญปลูก
“คุณหญิงหนีไปค่ะ”
ผ่องทิพย์ตบตีบุญปลูก คว้าเอาตะขอเหล็กขึ้นมาขู่ บุญปลูกตกใจ
“ว้าย!”
บุญปลูกช็อก เป็นลมทันที ผ่องทิพย์ถือตะขอเหล็กเข้ามาหา หญิงมานศรีตกใจ วิ่งหนีไป

หญิงมานศรีวิ่งหนีผ่องทิพย์ที่ถือตะขอไล่ตามหลัง หญิงสาวหันกลับไปมองทำให้สะดุดกล่องที่ขวางทางล้มลงกับพื้น
“แกเป็นศัตรูคนสุดท้ายของฉัน...แกตายทุกอย่างก็จบ”
ผ่องทิพย์ถือตะขอเหล็กจะสับลงไป แต่แล้วมือหนึ่งจับตะขอไว้แล้วผลักผ่องทิพย์ออก หญิงมานศรีอึ้ง
“นายทิว!”
“หยุดทำชั่วได้แล้ว พี่ผ่องอยากติดคุกเพราะฆ่าคนตายรึไง”
ทิวพูดเรื่องฆ่าคนทำให้ผ่องทิพย์ได้สติ...
“ฆ่าคน ไม่...ฉันไม่ได้ฆ่า ฉันไม่ได้ฆ่าใคร”
ผ่องทิพย์ตกใจ ตะขอเหล็กหลุดตกสู่พื้นก่อนจะรีบวิ่งออกไป ทิวแปลกใจในพฤติกรรมของพี่สาว แต่เป็นห่วงหญิงมานศรี
“เป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นอะไร”
หญิงมานศรีพยายามลุกขึ้น แต่เซล้ม ทิวเข้ามาประคอง
“เจ็บแล้วยังทำอวดเก่ง”
ทิวเข้ามาอุ้มหญิงมานศรีทันทีแล้วพาเดินออกไป
“นายจะทำอะไรฉัน”

หญิงมานศรีถูกวางลงกับแคร่
“โอ๊ย...ฉันเจ็บนะ”
ทิวหยิบกล่องยาเดินเข้ามา
“นายจะทำอะไร”
ทิวไม่พูด หยิบยาขึ้นมาทำแผลให้เช็ดคราบเลือดที่แขน หญิงมานศรีรู้สึกดีที่เขายังมีน้ำใจต่อเธอ...ชายหนุ่มเอามือมาจับหน้าหญิงสาว เอายาทารอยช้ำให้ ทั้งสองสบตากัน ด้วยความรัก...
“ขอบใจนายมากนะ”
ทิวพยายามปกปิดความในใจทายาแรงขึ้น
“โอ๊ย...เจ็บนะ เสร็จรึยัง ฉันจะไปทำงาน”
“อวดเก่งเหรอ ได้...งั้นไปทำงาน”
หญิงมานศรีจะลุกเดินไปทางบริษัท
“ไม่ใช่ทางนั้น...ที่ทำงานของเธออยู่ทางโน้น”
ทิวชี้ไปทิศทางที่จะไปไร่อ้อย...หญิงมานศรีตกใจ
“ไร่อ้อย!”

ทิวเดินเข้ามา สั่งคนงานทั้งหมด
“ทุกคนฟังทางนี้ ฉันมีข่าวดีจะบอก”
“นายจะแต่งงานกับ...”
เข้มชี้ไปที่หญิงมานศรี ทิวหันไปดุ
“ไอ้เข้ม!”
เข้มหุบปากทันที
“ทุกคนไปพักได้ คุณหญิงคนเก่งของฉันอาสาจะตัดอ้อยทั้งหมด”
หญิงมานศรีสะดุ้งตกใจ แต่เก็บอาการไว้...
“ฉันไม่ได้อาสานะ เข้มเป็นนายสายตรงของฉัน นายอย่าล้ำเส้น”
“แต่ฉันเป็นนายของไอ้เข้ม จะล้ำอย่างอื่นมากกว่าล้ำเส้น ฉันก็ทำได้ มีอะไรมั้ย”
“ไม่มี!”
เข้มเป็นห่วงหญิงมานศรี
“จะไหวเหรอนาย เข้มขอช่วยคุณหญิงเอง”
ทิวตวาด
“ไอ้เข้ม!”
เข้มบอกทุกคน
“พวกเราไปพัก”
เข้มและพวกคนงานเดินออกไป ทิวส่งมีดให้หญิงมานศรี
“เอื้ออาทรกับไอ้เทพมันนัก ก็จัดการให้หมดภายในวันนี้แทนมัน”
หญิงมานศรีรับมีดมา แล้วเดินตรงไปยังไร่อ้อย อย่างไม่พอใจ ทิวเย้ย
“อย่าเป็นลมตายในไร่ฉันล่ะ ขี้เกียจขุดหลุมฝัง”
“เออ!”
หญิงมานศรีเดินลิ่วๆไป ทิวยิ้มเยาะ ก่อนจะมองไปรอบๆ ไม่เห็นเทพ ทิวนึกแปลกใจ เดินออกไปอีกทาง

ทิวเข้ามาถามเข้มที่คุมคนงานทำงานอยู่
“เห็นไอ้เทพมั้ย”
“ไอ้ล้วนมาขอลาหยุดให้นายเทพครับนาย บอกว่านายเทพไม่สบายมาก”
“อ่อนปวกเปียกยิ่งกว่าผู้หญิง”
ทิวไม่ค่อยพอใจ เดินออกไปอย่างหงุดหงิด

เทพนั่งอยู่บนรถเข็น ล้วนนำข้าวต้มมาให้
“ข้าวต้มครับ...”
“ขอบใจนะล้วน”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ทำไมแกถึงได้ยังอยู่รับใช้ฉัน ไม่ไปไหน”
“นายใหญ่มีบุญคุณกับผม ถ้าไม่ได้นายใหญ่ช่วยชีวิตไว้วันนั้น ผมคงกลายเป็นผีเฝ้าไร่อ้อย เพราะถูกโจรมันฆ่าตาย”
“แกดีกับฉันมาก ล้วน”
“บุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระครับนายใหญ่”
“ยังจะเรียกฉันว่านายใหญ่อยู่อีก”
“นายใหญ่เป็นนายใหญ่ของผมเสมอ ไม่มีใครมาแทนที่ได้”
เทพเอื้อมมือไปลูบหัวของล้วน
“ขอบใจ”
“นายใหญ่อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ”
“ยังหรอกล้วน ฉันยังไม่ถอดใจ ฉันจะสู้...อย่างที่แกบอกไง ว่าบุญคุณต้องทดแทน หนี้แค้นต้องชำระ ฉันต้องทดแทนและชดใช้ให้กับคนพวกนั้น”
“ครับ”
“เก็บข้าวต้มเถอะล้วน ฉันไม่หิว ฉันต้องไปทำในสิ่งที่ต้องทำ”
“นายใหญ่พร้อมแล้วเหรอครับ”
“ฉันพร้อมแล้ว นั่งเฉยๆแบบนี้มานานแล้ว มันเสียเวลา”
“ครับ”

ล้วนนำชามข้าวต้มออกไป เทพมองตาม ก่อนจะยิ้มเศร้าให้กับตัวเอง

เกิดเป็นหงส์ ตอนที่ 17 (ต่อ)

หญิงมานศรีตัดอ้อยอย่างทะมัดทะแมง ทิวยืนมองอยู่ที่มุมหนึ่ง หญิงสาวหันมายิ้มเย้ย ชายหนุ่มทำทีไม่สนใจเดินหนีออกไป หญิงมานศรีหันไปตัดอ้อยต่อ

ทิวนั่งพัก หันไปมองทางไร่อ้อย แปลกใจไม่เห็นหญิงมานศรี...ทิวเดินมาที่ไร่อ้อย มองหาเห็นมีดตัดอ้อยวางอยู่ที่พื้น ทิวหยิบมีดขึ้นมา คิดว่าหญิงมานศรีคงถอดใจไปแล้ว แต่แล้วหญิงมานศรีแบกอ้อยออกมาจากมุมหนึ่ง เอาอ้อยมามัดรวมกัน เธอยิ้มเย้ย ทิวเสียหน้าเดินออกไป
ทิวนอนพักหลับสบายอ้อยมัดหนึ่งวางกระแทกใส่ข้างตัว ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นลุกขึ้น เห็นกองอ้อยที่ถูกตัดไว้เรียบร้อย หญิงมานศรียิ้มเย้ยที่เอาชนะเขาได้
“เสร็จแล้วค่ะนาย!”
ทิวเสียหน้าที่หญิงสาวทำงานได้สำเร็จ

ทิวเดินมาที่รถอีแต๋น...ตะโกนบอกหญิงมานศรี
“ชึ้นรถสิ”
หญิงมานศรีจะเดินไปนั่งคู่กับคนขับแต่ทิวไล่
“โน่น ที่นั่งของเธอ”
ชายหนุ่มชี้ไปที่ท้ายรถ หญิงสาวหน้าเสีย แต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม
“ดีจังเลย นั่งข้างหลังสบาย ดีกว่านั่งคู่กับนายหน้าโหด”
หญิงมานศรีวิ่งขึ้นไปนั่งบนกองอ้อยด้านหลัง ทิวขึ้นไปขับรถออกไป...หญิงสาวนั่งมองวิวข้างทางอย่างมีความสุข ทิวขับรถไปแอบเหลือบมอง หญิงมานศรีได้ที ยิ้มเย้ย ทำทีมีความสุข ชายหนุ่มหน้าบึ้งใส่ หันกลับมาขับรถ แต่แอบอมยิ้มขำ

หญิงมานศรีเดินตามทิวมาที่น้ำตก
“อย่าบอกนะจะให้ฉันจับปลาให้นายกิน”
“ไปล้างตัวซะ เดี๋ยวก็คันคะเยอหรอก”
หญิงมานศรี จะลงไปในน้ำ แต่คิดแผนแกล้งทิว
“โอ๊ย...คันอะ ทำไมมันคันอย่างนี้ โอ๊ย...เกาหลังไม่ถึงอ่ะ ทำไงดี นาย...นายช่วยหน่อย”
ทิวเดินมา
“น่าเกลียด เป็นผู้หญิง ให้ผู้ชายเกาให้ ไม่รักนวลสงวนตัว”
“ใครบอกว่าฉันจะให้นายช่วยเกา”
“แล้วให้ฉันช่วยอะไร” ทิวเริ่มรู้ตัว “อย่าบอกนะว่าเธอแกล้งฉัน”
“นั่นเป็นเพียงแผนหนึ่ง ส่วนนี่เป็นแผนสอง...”
ทิวแปลกใจ หญิงมานศรีผลักทิวตกน้ำ
“จะว่าไป นายก็ซื่อดีนะ หลอกง่ายจัง”
ทิวไม่พอใจ
“เธอ!”
ทิวเข้ามากระชากหญิงมานศรีตกน้ำลงไปด้วยกัน ชายหนุ่มจะเข้ามาเล่นงานหญิงสาว เธอรีบว่ายน้ำหนีออกไป...ทิวไม่พอใจนักแต่แล้วหญิงมานศรีก็ร้องเสียงหลง
“ช่วยด้วย ฉันเป็นตะคริว ช่วยด้วย”
หญิงมานศรีดำผุดดำว่าย ทิวตกใจว่ายน้ำเข้าไปหา หญิงสาวจมหายไป ชายหนุ่มรีบดำน้ำตามลงไปหา...ทิวโผล่ขึ้นมาไม่เจอหญิงมานศรีก็ตกใจ ดำลงไปอีกครั้ง โผล่ขึ้นมาไม่เจออีก ทิวใจเสีย ทันใดนั้นเสียงหญิงมานศรีก็ดังขึ้น
“ดำน้ำจับปลาเหรอคะคุณทิว บรรณา”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวยืนอยู่บนฝั่งก็แค้นๆ
“เธอยัยตัวร้าย อย่าหนีนะ!”
“ฉันคงโง่ยืนรอให้นายลงโทษหรอก”
หญิงมานศรียิ้มเย้ย แล้ววิ่งหนีออกไป ทิวโกรธรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่ง

หญิงมานศรีวิ่งหนี ทิววิ่งไล่ตามมาแต่ไกล
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“แน่จริงก็ตามจับให้ได้สิ นายเต่าต้วมเตี้ยม”
หญิงมานศรีวิ่งหนีต่อไป ทิววิ่งไล่

ทิววิ่งมาถึงมุมหนึ่ง แปลกใจที่หญิงมานศรีหายไป
“เธอ...ออกมานะ”
หญิงมานศรีซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งยิ้มเย้ย ทิวมองหาไม่เจอวิ่งไปตามหาอีกมุมหนึ่ง...หญิงมานศรียิ้มพอใจ
“ตามหาให้ทั่วป่าเลยนะ”
หญิงมานศรีเดินออกจากที่ซ่อน แต่แล้วรู้สึกว่ามีใครอยู่ด้านหลังเธอหันขวับมองตกใจ
“นายล้วน!”
ล้วนยิ้มแล้วต่อยเข้าที่ท้อง หญิงมานศรีทรุดลงกองกับพื้น
“เวลาแห่งหายนะมาถึงแล้ว...ไอ้ทิว!”

ทิวออกตามหาหญิงมานศรีแต่หาไม่เจอ
“เธอออกมาได้แล้ว”
ไม่มีเสียงตอบ ทิวเดินย้อนกลับมา
“ถ้าเธอไม่ออกมา...ฉันทิ้งเธอไว้ที่นี่นะ”
ฃายหนุ่มตะโกนเรียกหาด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วเขาก็เห็นรองเท้าของหญิงมานศรีตกอยู่ที่พื้น...ทิวตกใจ
“คุณหญิง!”
ทิวรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องร้ายกับหญิงมานศรี

ทิวรีบกลับไปโรงงานสั่งคนงานทุกคน
“คุณมานศรีหายตัวไป...รีบช่วยกันออกตามหา”
เข้มกับคนงานรับคำ
“ครับนาย!”
คนงาน วิ่งออกไปทางหนึ่ง ทิวหน้าเครียด
“ไป ไอ้เข้ม”
ทิวรีบเดินไปทางหนึ่ง เข้มตามไป

ทิวและเข้มตามหาหญิงมานศรีทั่วๆบริเวณไร่อ้อย โดยมีคนงานกระจายกำลังตามหา ทิวและเข้มวิ่งเข้ามาเจอกันต่างคนต่างส่ายหน้า ผิดหวังที่ไม่เจอ ทิวและเข้มจึงออกตามหากันอีก ทุกคนกระจายกำลังหาหลายพื้นที่

ทิวเข้ามามุมหนึ่งบริเวณไร่อ้อยอย่างร้อนใจ เข้มวิ่งเข้ามา
“นายครับ ไม่พบวี่แววคุณหญิงเลยครับ”
“แล้วคนอื่นล่ะ ส่งข่าวอะไรมาบ้าง”
“ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยหรือวี่แววของคุณหญิงเลยเหมือนกัน ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่มีใครเห็น”
ทิวไม่พอใจ
“ตามหาต่อไป ตามหาให้ทั่ว เราจะกลับไปก็ต่อเมื่อได้เจอตัวคุณหญิง”
เข้ม หันไปสั่งคนงาน
“เฮ้ย ไปเว้ย ออกตามหากันต่อ”
เข้มคุมคนงานออกไปทางหนึ่ง ทิวเครียดเป็นห่วงหญิงมานศรีมาก
“มานศรี...เธออยู่ที่ไหน”

ล้วนเหวี่ยงหญิงมานศรีเข้าไปในห้องหนึ่งในคฤหาสน์
“นายล้วน ทำแบบนี้ทำไม”
“ผมไม่ใช่คนที่จะให้คำตอบกับคุณหญิงหรอกครับ”
ล้วนเปิดทางออก เทพเข็นรถเข้ามา
“คุณเทพ นี่มันอะไรกัน”
“แปลกใจเหรอครับคุณหญิง...ผมมีเรื่องให้คุณแปลกใจได้มากกว่านี้อีกนะ”
เทพสะบัดผ้าที่คลุมขาตัวเองออก แล้วค่อยๆลุกขึ้น หญิงมานศรีตกใจ
“คุณ...ไม่ได้พิการ”
เทพหัวเราะสะใจ
“ฮ่ะๆๆๆทำไมคนดีอย่างพวกคุณ ถึงได้โง่แบบนี้นะ เชื่อสนิทใจว่าผมเดินไม่ได้ โง่จนถึงกับเชื่อว่า...ผมสำนึกผิด ฮ่ะๆๆๆๆ”
“คนอย่างคุณ มันยิ่งกว่าสารเลว”
หญิงมานศรีลุกขึ้น พยายามจะวิ่งหนี เทพจับตัวเอาไว้ ดึงเข้ามากอด
“ปล่อยฉันนะ”
“ผมปล่อยคุณไม่ได้หรอก คุณคือยอดปรารถนาของผม ยังไงคุณก็ต้องเป็นของผม...ไม่งั้น ผมนอนตายตาไม่หลับแน่ ล้วน ปิดประตู”
“ครับ นายใหญ่”
ล้วนออกไปปิดประตูทันที หญิงมานศรีจะร้อง
“ช่วย...”
เทพเอามือปิดปากแล้วต่อยท้องหญิงสาวทันที
“ขอโทษด้วยนะครับ คุณหญิงของผม”
หญิงมานศรีตัวอ่อน ไร้เรี่ยวแรง
“ผมไม่อยากทำร้ายเจ้าสาวแสนสวยของผมเลย จริงๆนะ”
“ฉันไม่มีวันเป็นเจ้าสาวของฆาตกรชั่วๆ”
หญิงมานศรีพยายามตะกายหนี เทพเข้าไปขวาง
“ผมไม่มีวันปล่อยให้คุณหญิงไปเสวยสุขกับไอ้ทิว ไม่มีทาง คุณหญิงผู้สูงศักดิ์ต้องรักนายเทพคนเดียว ได้ยินมั้ย คุณหญิงต้องเป็นของผม”
เทพบีบคอและตะคอกใส่ หญิงมานศรีหายใจไม่ออก เทพเห็นอย่างนั้น จึงค่อยๆปล่อยมือออก เปลี่ยนท่าทีมาทนุถนอมแทน
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณหญิง แต่คุณหญิงกำลังจะเข้าห้องหอเป็นของผมอยู่แล้วนี่ มาดูแลไอ้ทิวอย่างใกล้ชิดแบบนี้...จะไม่ให้ผมหึงได้ยังไง”
หญิงมานศรีตกใจและกลัว
“นายว่าอะไรนะ”
“เราผ่านการทำพิธีสวมแหวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปก็ต้องเข้าห้องหอตามประเพณี จะได้เป็นสามีและภรรยาอย่างสมบูรณ์แบบ”
“ไม่! ฉันไม่ยอมตกเป็นของคนชั่วอย่างนาย”
เทพตบหน้าหญิงมานศรีเซล้มลง
“ผมปล่อยให้คุณหญิงหยิ่งผยองพองขนใส่ผมมากพอแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่อินทรีอย่างผมจะเผด็จศึกหงส์งามสักที”
เทพจ้องข่มขู่ หญิงมานศรีฯตกใจกลัวมาก

ล้วนกำลังคุมเชิงอยู่ ลูกน้องเก่าของล้วนแอบพากันเข้ามาหา
“มาแล้วพี่”
“ดีมาก ไม่ต้องห่วง เสร็จงานนี้ กูจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
ผ่องทิพย์เดินเข้ามา
“คุณเทพอยู่ไหน ไอ้ล้วน”
“ก็อยู่กับเมียสิครับ”
“ปากเสีย ฉันเป็นเมียคุณเทพ เพียงคนเดียว! อีตัวไหนมันจะเป็นได้อีก ถ้าไม่ใช่ฉัน! ฉันจะฟ้องให้คุณเทพไล่แกออก” ผ่องทิพย์เข้าไป เรียกหาเทพ “คุณเทพคะ”
ล้วนเข้าขวาง
“ห้ามเข้าไป”
ผ่องทิพย์ไม่ฟัง วิ่งเข้าไป ล้วนวิ่งไล่ตามหลัง ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง
“เฮ้ย ดูทางนี้ไว้ ใครแหยมเข้ามา ฆ่ามันให้หมด”
ล้วนรีบตามผ่องทิพย์เข้าไป

เทพถือชุดเจ้าสาวที่ใช้ในงานแต่งมาส่งให้หญิงมานศรี
“เปลี่ยนชุดเจ้าสาวเข้าหอได้แล้วครับคุณหญิง”
หญิงมานศรีรับชุดมา เหมือนจะยอม แต่โยนทิ้ง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่มีวันที่ฉันจะแต่งงานกับคนชั่วช้าอย่างนาย”

เทพพยายามใจเย็น

ผ่องทิพย์วิ่งมาถึงหน้าห้อง ลังเล ไม่แน่ใจว่าเป็นห้องไหน แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงหญิงมานศรี

“ปล่อยฉันนะ!”
ผ่องทิพย์พุ่งไปที่ห้องนั้นทันทีแต่เปิดไม่ได้ ตบประตูอย่างแรง
“คุณเทพ เปิดประตูนะคะ เกิดอะไรขึ้นคะ คุณเทพ มีผู้หญิงอยู่ในห้อง ใครคะ...คุณเทพ”
เทพไม่พอใจ เดินไปเปิดประตู ผ่องทิพย์พรวดเข้ามา เห็นเทพเดินได้
“คุณเทพ คุณ...ไม่ได้”
“ฉันยังเดินได้ ผ่องทิพย์”
ผ่องทิพย์เข้าไปกอดเทพอย่างดีใจ
“ผ่องคิดไว้อยู่แล้ว คุณต้องการลองใจผ่อง...ทดสอบความจงรักภักดีของผ่องใช่มั้ย”
“ใช่จ๊ะ แล้วฉันก็เห็นว่าเธอรักฉันมากแค่ไหน ส่วนคนอื่นเกลียดชังฉันยังไง”
“ทูนหัวของผ่อง...”
ผ่องทิพย์เข้าไปกอดจูบเทพยืนนิ่ง...แล้วสายตาของผ่องทิพย์ก็เหลือบไปเห็นหญิงมานศรีอยู่ในห้องก็ไม่พอใจทันที
“นังคุณหญิง นี่มันอะไรกัน คุณเทพเอาตัวมันมาทำไม”
ผ่องทิพย์งง มองเห็นชุดเจ้าสาวอยู่ในห้อง ก็พอเดาได้
“พอแกรู้ว่าคุณเทพไม่ได้พิการ แกหน้าด้านมาตื๊อ ขอแต่งงานกับคุณเทพ”
ผ่องทิพย์ไม่รอช้า เข้าไปตบตีหญิงมานศรีทันที
“หยุดนะ คุณผ่องทิพย์ คุณเข้าใจผิด!”
“ไม่ผิด! แกมันร้อยเล่ห์ เจ้ามารยา ชอบแย่งผัวชาวบ้าน คุณเทพเป็นผัวฉัน ได้ยินมั้ย ผัวฉันๆๆ”
เทพไม่เข้าไปห้ามเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมากลับยืนมองยิ้มด้วยความสะใจ...ล้วนวิ่งเข้ามาในห้องแปลกใจที่เทพไม่ห้ามไว้ จะเข้าไปห้ามเอง เทพยกมือห้ามล้วนไว้
“ไม่ต้อง!”
“ทำไมล่ะครับ เดี๋ยวคุณหญิงก็ตายก่อนพอดี!”
“ฉันกำลังสั่งสอนให้คุณหญิงได้สำนึก ถ้าไม่มีฉัน ก็ไม่มีใครปกป้องคุณหญิงได้ ฮ่ะๆๆๆๆ”
เทพปล่อยให้ผ่องทิพย์ทำร้ายหญิงมานศรี มองดูด้วยความสะใจ หญิงมานศรีพยายามปกป้องตัวเอง แต่ไม่อาจสู้แรงผ่องทิพย์ได้...เทพมองอย่างสะใจ
“ถ้าคุณหญิงไม่อยากเจ็บตัวมากไปกว่านี้...ขอร้องสิครับ ขอร้องให้สามีคนนี้เข้าไปช่วยสิครับ”
“ไม่!”
เทพไม่พอใจ ผ่องทิพย์โกรธจัด
“วันก่อนแกรอดไปได้ แต่วันนี้เป็นวันตายของแก”
ผ่องทิพย์เข้าทำร้าย หญิงมานศรีฮึด จับมือจับตัวผ่องทิพย์ไว้ได้...
“ฟังฉันนะ...คนอย่างฉันไม่มีวันแย่งของๆใคร คิดเหรอว่าฉันอยากจะทำสงครามกับคุณ คุณต่างหากที่สมควรได้รับตำแหน่งภรรยาหมายเลขหนึ่ง และควรจะเป็นเพียงคนเดียว ไม่มีใครอีก”
ผ่องทิพย์แปลกใจ
“แกว่าอะไรนะ”
“ฉันสัญญาว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก คุณจะได้มีความสุขกับคุณเทพตลอดไป”
หญิงมานศรีโน้มน้าว ผ่องทิพย์สนใจทันที เทพไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าผ่องทิพย์กำลังจะเปลี่ยนใจ ผ่องทิพย์สั่งล้วน
“ล้วน พานังคุณหญิงออกไปจากบ้านนี้ เดี๋ยวนี้!”
ล้วนอึกอักไม่กล้าทำตามคำสั่ง...
“แกไม่พาไป ฉันพาไปเอง”
ผ่องทิพย์จะพาหญิงมานศรีออกไป เทพเข้ามาตบหน้าผ่องทิพย์ฉาดใหญ่ ผ่องทิพย์ตกใจ
“คุณเทพ...คุณเทพทำกับเมียหมายเลขหนึ่งได้ยังไงคะ”
“เธอไม่ใช่เมียฉัน เธอมันแค่นางบำเรอ”
ผ่องทิพย์ตกใจไม่พอใจ
“คุณเทพ!”

เข้มเข้ามารายงานทิว
“หลังเขาทางโน้นก็ไม่มี เอาไงดีครับนาย แทบพลิกแผ่นดินหาแล้ว”
ทิวครุ่นคิด

ผ่องทิพย์เข้าไปโวยใส่เทพ
“ผ่องไม่ใช่นางบำเรอ ผ่องเป็นเมียของคุณ ผ่องเป็นเมียหมายเลขหนึ่ง”
“อย่ามาใช้คำว่าเมียกับฉัน เธอไม่มีค่าพอที่ฉันจะยกย่องเชิดชูให้เป็นเมีย”
ผ่องทิพย์เข้ามากอดขาวิงวอน เทพสะบัดขาไล่ออก
“คุณทำอย่างนี้กับผ่องไม่ได้นะ ผ่องทุ่มเททุกอย่างเพื่อคุณพี่พวงก็ไม่ได้รักคุณ...นังขวัญตาก็ทรยศหักหลัง ทำตัวแพศยากากีแต่ผ่องสิ ผ่องจงรักภักดียิ่งกว่าสุนัขรับใช้ ผ่องพร้อมจะยอมตายแทนคุณได้”
“ผ่องทิพย์...เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอ เธอทำให้ฉันมีความสุขได้ตลอดเวลาที่ฉันต้องการ แต่เธอมีค่าแค่บนเตียง...ฉันไม่สามารถเอาโสเภณีมาตีทะเบียนเป็นภรรยาที่จะเชิดหน้าชูตาฉันได้”
ผ่องทิพย์อึ้ง
“เมื่อกี้เธอพูดออกมาเอง...ว่าเธอตายเพื่อฉันได้ งั้นก็...ไปตายซะ”
ผ่องทิพย์ตกใจ
“คุณเทพ!”
หญิงมานศรีตะลึงในพฤติกรรมโหดร้ายของเขา เทพหันไปสบตาล้วนแล้วพยักหน้า ล้วนเข้ามาจะจับตัวผ่องทิพย์
“ปล่อยฉันนะ!” ผ่องทิพย์จ้องหน้าด่าเทพ “แกมันเป็นเทพบุตรจอมปลอม แท้จริงแล้วแกมันก็ซาตานหนีนรกมาเกิด แกหลอกฉัน แกหลอกฉัน...ฉันไม่น่าปล่อยตัวปล่อยใจให้คนเลวอย่างแกเลย”
เทพแสยะยิ้ม
“รู้ความจริงก็ดี แกจะได้ตายตาหลับ ไอ้ล้วน จัดการซะ”
ล้วนเข้ามา หญิงมานศรีพยายามเข้าไปช่วยผ่องทิพย์
“อย่าทำร้ายเธอนะ...ปล่อยเธอไป!”
ล้วนเข้ามาผลักหญิงมานศรีออก ผ่องทิพย์เข้าไปทุบตีเทพ
“ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก”
เทพต่อยท้องผ่องทิพย์จนจุกหมดแรง ก่อนจะผลักผ่องทิพย์ออกไปให้ล้วน
“เอามันไปฝังทั้งเป็น”
“ครับนายใหญ่”
ล้วนแบกผ่องทิพย์ออกไปจากห้อง ผ่องทิพย์มองเทพด้วยสายตาอาฆาต แต่ไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน หญิงมานศรีตะโกนลั่น ปล่อยเธอไปเถอะ ได้โปรดอย่าฆ่าเธอเลย
“ไม่ต้องตกใจนะครับ เรื่องร้ายๆผ่านพ้นไปหมดแล้ว...นับจากนี้ จะเป็นเวลาแห่งความสุขของเราสองคน...” เทพหยิบชุดเจ้าสาวขึ้นมา “แต่งชุดเจ้าสาว...เราจะได้เข้าหอด้วยกัน...”
หญิงมานศรีรับชุดมา เทพยิ้มอย่างพอใจ
“มันต้องว่าง่ายๆอย่างนี้สิครับ คุณหญิงของผม”
หญิงมานศรียิ้มให้เทพ แต่คำพูดที่ออกมาตรงข้ามกับรอยยิ้ม
“แต่ฉันยอมตาย...”
เทพชะงัก
“อะไรนะ!”
“ฉันเป็นหงส์ ส่วนนายมันก็แค่อีแร้ง ไม่ใช่พญาอินทรีที่สง่างาม อีแร้งที่รอวันฉกกินซากศพ ของเน่าเหม็น อย่างไม่มีศักดิ์ศรี...คิดเหรอ ว่าฉันจะยอมลงไปเกลือกกลั้วด้วย แค่คำขู่แค่นี้ ฉันไม่เคยคิดยอมจำนน ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่านายจะบังคับฉันยังไงได้อีก”
“คุณหญิง!”
“ฆ่าฉันเหรอ เอาเลย...ลงมือสิ เอาเลย!”
หญิงมานศรียังคงประกาศกร้าวไม่ยอมเป็นเมีย เทพแค้นใจมาก

บุญปลูกถือข้าวของกลับจากตลาด พร้อมกับพวงทองกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่หยุดชะงักเมื่อลูกน้องเทพคนหนึ่งมายืนขวางไว้...พวงทองตกใจ
“พวกแก!” พวงทองคิดถึงเทพ “คุณเทพ...บุญปลูก หนีเร็ว”
บุญปลูก โยนของทั้งหมดใส่ลูกน้อง พวงทองและบุญปลูกจะหนี แต่ลูกน้องอีกคนยืนดักด้านหลังเข้ามาล็อกจับตัวบุญปลูกไว้
 
พวงทองหันหน้ามาเผชิญหน้ากับลูกน้องอีกคนหมดหนทางสู้

หญิงมานศรี ก้าวเข้ามาหาเทพมองอย่างท้าทายไม่หวั่นเกรง

“หยิบปืนออกมายิงฉันได้เลย ให้ทุกอย่างจบลงตรงนี้”
“ผมจะปล่อยให้คนที่ผมรักที่สุด ตายได้ยังไงล่ะครับ”
เทพพูดจบ ลูกน้องพาพวงทองในสภาพถูกมัดมือไพล่หลังเข้ามาในห้อง พวงทองเห็นเทพในสภาพที่เดินได้แล้วตกใจ หญิงมานศรีเห็นพวงทองถูกจับก็ตกใจ
“คุณพวงทอง!”
ลูกน้องเดินออกไปจากห้อง เทพเข้ามาหาพวงทอง
“มาแล้วรึ...พวงทอง”
“แล้วสิ่งที่ฉันกลัวมันก็เป็นความจริง...คนอย่างคุณไม่มีวันสำนึกผิดได้จริงๆ”
เทพจับหน้าพวงทองด้วยความไม่พอใจ หญิงมานศรีเป็นห่วง
“คุณจะทำอะไร”
เทพชักปืนออกมาจ่อ พวงทองตกใจแต่ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมา หญิงมานศรีตกใจหน้าตื่น
“อย่านะ!”
เทพบอกพวงทอง
“ร้องสิ ร้องขอชีวิตฉันสิ ถ้าเธอร้องขอชีวิตฉัน ฉันจะปล่อยเธอไป”
พวงทองนิ่งเงียบ เทพไม่พอใจ
“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดรึไง ฉันสั่งให้เธอร้องขอชีวิตฉันเหมือนที่ใครต่อใครรักตัวกลัวตาย วิงวอนขอชีวิตฉัน”
“หากฉันทำอย่างนั้น เท่ากับฉันเติมเชื้อไฟแห่งความบ้าอำนาจให้กับคุณ...ฉันจะไม่มีวันแสดงความอ่อนแอให้เห็นว่าคุณมีอำนาจเหนือฉัน!”
เทพตบหน้าพวงทองล้มลง พวงทองไม่ร้องหรือแสดงความคร่ำครวญใดๆ ยิ่งทำให้เทพโกรธเข้าไปจะซ้ำ หญิงมานศรีสงสารพวงทองร้องไห้ออกมาแล้วเข้าขวางไว้
“พอเถอะ หยุดเถอะ!”
พวงทองนิ่ง ไม่แสดงความทุกข์ใจออกมายิ้มเย้ยเทพ เทพชะงัก
“หยุดทำไมล่ะคะ แสดงพลังอำนาจของคุณต่อไปสิ ยิ่งคุณทำตัวป่าเถื่อนมากเท่าไหร่ มันก็ชี้ให้เห็นว่าคุณอ่อนแอมากเท่านั้น”
เทพโกรธจัด จะตบพวงทองอีก หญิงมานศรีพยายามขอร้อง
“พอแล้ว อย่าทำร้ายเธออีกเลย”
เทพหันมาหาหญิงสาวยิ้ม...เห็นโอกาสที่จะทำให้เธอยินยอมเข้าหอ เขากลับมาสู่เป้าหมายที่ต้องการ
“ถ้าไม่อยากให้พวงทองตาย...เธอก็ต้องแต่งงานกับฉัน!”
หญิงมานศรีอึ้ง เทพเอาปืนจ่อพวงทอง หญิงมานศรีตกใจ
“อย่านะ!”
“ใครกันคอยปกป้องไม่ให้คุณหญิงถูกทำร้าย และใครกันบุกไปทำลายงานแต่งช่วยคุณหญิง คุณหญิงไม่ใช่คนลืมบุญคุณคนใช่มั้ยครับ...หากคุณหญิงไม่เข้าหอกับผม ผมจะฆ่าพวงทองทันที”
หญิงมานศรีตกใจ พวงทองบอกเสียงเย็น
“คุณหญิงคะ ไม่ต้องเอาศักดิ์ศรีอันมีค่ามาแลกกับชีวิตของฉัน”
เทพจะเหนี่ยวไก
“หนึ่ง!”
พวงทองหน้านิ่งไม่หวั่นไหว
“นี่จะเป็นการชดใช้กรรมที่ฉันเคยทำไว้กับเขา ไม่ว่าจะชาติไหนก็ตาม”
“สอง!”
“ฉันจะได้หมดเวรหมดกรรมกับเขาสักที”
“สาม!”
เทพจะยิง
“ฉันยอมแล้ว!”
เทพหยุดยิงหันมายิ้มแล้วระเบิดหัวเราะออกมา หญิงมานศรีร้องไห้ออกมา
“ฉันจะยอม...ถ้านายให้สัญญาว่าจะปล่อยคุณพวงทองไป จะไม่ทำร้ายใครอีก”
เทพเข้ามาเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว
“ไม่ร้องนะครับคนดีของผม...คุณต้องการอะไร ผมให้คุณได้ทุกอย่างภรรยาหมายเลขหนึ่งของผม”
เทพหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พอใจที่จะได้เข้าหอกับหญิงมานศรี พวงทองมองหญิงมานศรีอย่างสงสารที่เธอยอมช่วยไว้ หญิงมานศรีร้องไห้หมดหนทางจะหนีไปจากเทพได้...เทพยังหัวเราะกึกก้องไม่หยุด ยิ่งสะใจที่เห็นน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ของหญิงมานศรี

ผ่องทิพย์ถูกวางลงกับพื้นในสภาพอ่อนแรง พยายามจะตะกายลุกขึ้น
“น่าเสียดาย...ยังสวยไม่สร่าง...ไม่น่าเล้ย เสียของจริงๆ” ล้วนสั่งลูกน้อง “ขุดหลุมฝังมันทำปุ๋ย”
ลูกน้องลงมือขุดหลุม ทิวและเข้มเดินเข้ามา
“ขุดเพิ่มอีกหลุม จะได้ฝังพวกแกทั้งสองคน”
ล้วนตกใจ
“ไอ้ทิว!”
ทิวเข้ามาต่อยล้วน เข้มไปต่อยกับลูกน้องล้วน ทิวกับล้วนสู้เต็มกำลัง...ล้วนคว้าจอบขึ้นมาเป็นอาวุธในการต่อสู้ ทิวหลบหลีกและใช้ชั้นเชิงที่เหนือกว่า...ทิวแย่งจอบมาได้ ต่อสู้จนล้วนพลาดท่ามลง...ทิวใช้จอบฟันลงไป ล้วนกลิ้งหลบ เฉียดไปได้นิดเดียว ทิวกระชากจอบบาดหน้าล้วนเลือดอาบ ล้วนและลูกน้องเสียท่าวิ่งหนีไปในป่าอ้อยเข้มจะวิ่งตามไป
“ไม่ต้อง ไอ้เข้ม”
“ทำไมล่ะนาย”
“ช่วยพี่ผ่องก่อน...” ทิวเครียดแค้น รู้ได้ทันทีว่าเป็นแผนของเทพ “ไอ้เทพ...ที่แท้ก็เป็นแก”
ทิวรีบเดินออกไปเพื่อช่วยหญิงมานศรี เข้มเข้าไปประคองดูแลผ่องทิพย์
“คุณผ่องครับ คุณผ่อง...”
ผ่องทิพย์น้ำตาไหล แค้นเทพมาก จนกลายเป็นความพยาบาท

บุญปลูกที่ถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ พยายามดิ้นรนตะกาย คืบคลานออกไปจากในบ้าน...ทิววิ่งตามหา ใช้ความคิดว่าเทพจะไปอยู่ที่ไหน บุญปลูกกระโดดเหย็งๆเข้ามาในสภาพถูกมัดมือ เท้าและถูกปิดปาก ทิวรีบเข้าไปช่วยเอาผ้าออกจากปากบุญปลูก
“ไอ้เทพมันอยู่ไหน”
“ที่บ้านใหญ่ค่ะ”
ทิวรีบวิ่งไปทันที ทิ้งบุญปลูกไว้
“ไม่ช่วยแก้มัดบุญปลูกก่อนเหรอคะคุณทิว”
ทิววิ่งออกไปแล้ว บุญปลูกจ๋อยไป
“โอ๊ย คุณทิวขา”

หญิงมานศรีแต่งชุดเจ้าสาวเรียบร้อยแล้ว นั่งหน้ากระจก มองตัวเองเต็มไปด้วยความทุกข์...เทพเดินเข้ามาหา
“เรียบร้อยหรือยังครับ...สุดที่รัก”
หญิงมานศรีพยักหน้า
“ขอเสียงหน่อยให้ชื่นใจหน่อยสิครับ ทำท่าแบบนี้เหมือนไม่เต็มใจเลย”
“ฉันพร้อมแล้ว”
หญิงมานศรีจะลุกขึ้น แต่เทพเข้ามากดไหล่ให้นั่งลง
“ผมว่ายัง!”
หญิงมานศรีมองเทพอย่างแปลกใจ เทพมองหญิงมานศรีในกระจก
“หน้าซีดปากซีดเชียว เจ้าสาวของผมต้องสวยสมบูรณ์แบบที่สุดสิ มาผมช่วย”
เทพหยิบลิปสติก ขึ้นมา ค่อยๆบรรจงทาที่ปากให้ หญิงมานศรีรู้สึกขยะแขงและกลัว เทพบรรจงทาปากให้ด้วยความสุข สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี หญิงมานศรีกลัว และเกลียดชังเทพมาก ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เทพแปลกใจ...ประตูเปิดออกล้วนมีบาดแผล เทพแปลกใจ ล้วนรีบรายงาน
“นายใหญ่ครับ ไอ้ทิว...มันช่วยคุณผ่องทิพย์ มันรู้ว่านายอยู่ที่นี่ หนีเถอะครับ”
เทพยิ้ม
“หนีทำไม...พิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ จำเป็นต้องมีสักขีพยาน...ให้มันเข้ามา”
“แต่...นายใหญ่...”
“ไม่เอาน่าล้วน...ไม่เชื่อมือฉันแล้วหรือไง หือ”
“เปล่าครับ แต่ผมเป็นห่วง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน! ไปทำตามคำสั่ง”
“ครับ นายใหญ่”
ล้วนวิ่งออกไป เทพตาวาว รอการเข้ามาของทิว หญิงมานศรียืนฟังอยู่มุมหนึ่งในห้อง กังวลใจเป็นห่วงทิว
“นายทิว!”

ทิวเดินเข้ามาอย่างมุ่งมั่น สายตาระแวดระวังภัย มองไปรอบๆ ไม่เห็นใครเขาระวังตัวมากขึ้น ไม่ไว้ใจ
“ไม่มีพวกมันเลยสักคน...”
ทิวหยิบปืนขึ้นมา กระชับมั่นในมือ เดินเข้าไปข้างใน

เทพแต่งชุดเจ้าบ่าว เดินเข้ามาหันไปมองที่มุมหนึ่ง หญิงมานศรีเดินเข้ามาหา
“คุณหญิงเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก และเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับผม...เชิญครับ”
เทพยื่นมือให้จับ หญิงมานศรีรังเกียจแต่จำใจต้องจับ เทพควงหญิงสาวเดินขึ้นบันได พร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เทพกำลังเดินทางไปสู่ความสุขที่ต้องการ หญิงมานศรีมีความทุกข์ใจ และใจประหวั่นคิดถึงทิวตลอดเวลา

ประตูห้องนอนเปิดออก เทพเดินนำหญิงมานศรีเข้ามา หญิงสาวยืนมองด้วยความแปลกใจ ภายในห้องตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม บนเตียงปูด้วยกลีบกุหลาบ เป็นห้องหอที่สวยงามมาก
“ผมทำทุกอย่างเพื่อคุณหญิง คุณหญิงจะได้เป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุด”
หญิงมานศรีกลับสีหน้าสลดและเศร้าลง
“เชิญครับ”
เทพเชื้อเชิญให้เดินตรงไปยังเตียงนอน...หญิงมานศรียังยืนนิ่ง

ทิวเปิดประตูห้องหนึ่งแต่ไม่พบใคร เขามองไปที่ห้องหนึ่งเดินตรงไปตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป พวงทองถูกมัดมือ ปิดปาก อยู่มุมหนึ่งในห้อง
“พี่พวง!”
พวงทองหน้าตื่น จะบอก ทิวแปลกใจหันกลับไปมอง ถูกล้วนใช้ของแข็งทุบที่ต้นคอ พวงทองตกใจ ทิวสลบล้มลงไปตรงหน้าพวงทอง...พวงทองพยายามดิ้นจะช่วยทิว

ทิวค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น มองไปตรงหน้าสายตาเบลอๆห็นหญิงมานศรียืนอยู่ที่ข้างเตียง...ทิวรู้สึกดี ค่อยๆเพ่งงมอง
“คุณหญิง...”
ทิวจะไปหาหญิงสาวแต่ลุกไม่ได้เพราะถูกมัดมือมัดเท้าไว้อยู่มุมหนึ่งในห้อง เทพหัวเราะเดินเข้ามา
“ไอ้เทพ! แก ไอ้ชาติชั่ว คนอย่างแกมัน...”
เทพเข้าไปเตะชายโครงทิว
“อ๊ากส์!”
“เมื่อไหร่จะเลิกด่าคนอื่นสักที หา ทิว...ไม่แมนเลย สถุลอย่างแกน่ะเหรอ จะครอบครองหงส์งาม ซึ่งเป็นเมียของฉัน หา!”
เทพเตะเข้าชายโครงของทิวอีกครั้ง ทั้งหญิงมานศรีและพวงทองต่างเป็นห่วงทิว
“อ๊ากส์!”
พวงทองถูกมัดมือปิดปากอยู่ใกล้ๆ เป็นห่วงน้องชายมาก เทพหันไปมองเดินเข้าไปเอาผ้าที่ปิดปากพวงทองออก
“เห็นแล้วอึดอัด...อยากสั่งเสียอะไรน้องชายก่อนที่มันจะหมดลมหายใจมั้ย”
พวงทองมองเทพย่างเคียดแค้น
“ใครกันแน่ที่จะหมดลมหายใจก่อน”
เทพยิ้ม จับพวงทองมาบดขยี้ริมฝีปาก หญิงมานศรีกับทิวเมินหน้าหนี
“หวานทั้งริมฝีปากและคำพูด...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
“คุณก็เป็นคนที่ชอบหลอกตัวเอง...ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
หญิงมานศรีเป็นห่วงทั้งสองคนมาก
“คุณเทพ คุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่ทำร้ายใครอีก ปล่อยนายทิวกับคุณพวงเดี๋ยวนี้”
เทพยิ้มหยัน
“ผมปล่อยไปแน่ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ”
ทิวอึ้งไป
“แกหมายความว่าไง”
“ฉันจะให้พวกแกเป็นสักขีพยานรับรู้ว่าฉันกับคุณหญิงมานศรีโสภาคย์เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องโดยพฤตินัย”
ทิวโกรธมาก
“ไอ้สารเลว!”
เทพเตะทิวอีก แล้วกระชากหัวขึ้นมา
“ฉันรอวันนี้มานานแล้ว อย่าทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดีเลยทิว ฉันเคยเตือนแกหลายครั้งแล้ว อย่าทำให้ฉันโกรธ เพราะแกจะต้องเจ็บเป็นทวีคูณ ดูหน้าคุณหญิงไว้นะ...เหมือนหน้าของพี่บุษบาแม่ของแกตอนนั้นไม่มีผิด”
ทิวแค้นจัด
“ไอ้ชาติชั่ว!”
เทพต่อยทิวเปรี้ยง
“ทิว!”
“นายทิว!”
“ผู้ใหญ่พูด อย่าเพิ่งขัดสิทิว...เหตุการณ์หมุนเวียนกลับมาอีกครั้ง ฉันจะประทับความทรงจำที่แสนหวานให้กับผู้หญิงที่แกรักทั้งสองคนไงล่ะทิว”
“ไอ้เลว ไอ้...อย่านะ อย่า!”
“คุณมันบ้า เสียสติไปแล้ว!”
ทิวพยายามดิ้นรน พวงทองร้องไห้เสียใจเหมือนใจจะขาด เทพสะใจยิ่งนัก
“ร้องขอเข้าไป ร้องอีก ยิ่งเสียงดัง ฉันยิ่งชอบ”

เทพเดินกลับเข้ามาหาหญิงมานศรี หญิงสาวถอยออกห่างอยากจะหนีออกไปแต่รู้ดีว่าทิวและพวงทองตกเป็นตัวประกัน...หญิงสาวจำต้องเดินขึ้นไปบนเตียงนอน มองหน้าชายหนุ่ม ทิวสงสารหญิงมานศรีมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ทิวและหญิงมานศรีมองหน้ากันด้วยความทุกข์ทรมาน เทพหัวเราะสะใจ
“ในที่สุดก็มาถึงวันที่รอคอย วันที่ฉันมีพร้อมทุกอย่างโดยเฉพาะการได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสามีของคุณหญิงมานศรีโสภาคย์ กฤตยา...ฉันมีความสุขมากที่สุดเลย...ทิว ฮ่ะๆๆๆๆ”
เทพเข้าไปซุกหน้ากอดจูบ หญิงมานศรีดิ้นด้วยความขยะแขยง
 
ทิวไม่อาจทนมองภาพความชั่วร้ายของเทพได้ ชายหนุ่มเมินหน้าหนี

โปรดติดตาม "เกิดเป็นหงส์" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น