xs
xsm
sm
md
lg

ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 14


จักจั่นเดินกลับมาที่ห้องประชุม แต่แล้วหันขวับมาทางด้านหลัง ประตูห้องประชุมเล็กถัดไปมีพนักงานทำความสะอาดโผล่มา จักจั่นยืนมองจนพนักงานทำความสะอาดหญิงเดินไปอีกด้านหนึ่งซึ่งมีลิฟท์ทางลงไปยังข้างล่าง จักจั่นพูดกรอกไปในวิทยุ

“มีพนักงานทำความสะอาดไปทางลิฟท์”
เจ้าหน้าที่ตอบกลับมา
“รับทราบ”
พนักงานทำความสะอาดหญิงเดินมาที่ลิฟท์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ยืนระวังอยู่ พนักงานทำความสะอาดหญิงยิ้มให้ แล้วเดินมา กดปุ่มลงที่ลิฟท์แล้วรอให้ลิฟท์มา จักจั่นสั่งการในวิทยุ
“ช่วยเช็คด้วยว่าใครส่งพนักงานทำความสะอาดขึ้นมา [อกทุกคนให้รู้ด้วยว่าชั้นนี้ทั้งชั้นปิด”
“รับทราบครับ”
จักจั่นเสียอารมณ์เดินมาถึงหน้าห้องประชุม กราดสายตามองทุกคนพนักงานทำความสะอาดหญิงรอลิฟท์อยู่ เจ้าหน้าที่จับตามองเขม็ง ลิฟท์มาพอดี พนักงานทำความสะอาดยิ้มให้ ลิฟท์เปิด พนักงานทำความสะอาดเดินเข้าลิฟท์ไป เจ้าหน้าที่จ้องมอง จนประตูลิฟท์ค่อยๆปิด จึงรายงานจักจั่นที่ยืนอยู่หน้าห้องประชุม
“พนักงานกำลังลงไปครับ”
“รับทราบ”
แต่แล้วก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท ก็เปิดออก เจ้าหน้าที่หันกลับพลางตวัดมือเข้าไปในอกเสื้อตวัดปืนออกมา แต่พนักงานหญิงถึงตัวก่อน คว้ามือที่ถือปืนแล้วทุ่มโครมลงที่พื้น ก่อนจะยกขากระแทกลง เจ้าหน้าที่สลบไป พนักงานทำความสะอาดปลดเสื้อผ้าออกกลายเป็นชุดปฏิบัติการสีดำ ที่ตัวมีเสื้อกั๊กใส่อยู่

บริเวณหุบเขาสาปเสือ...มือปืนเดินเฝ้าระวังไปมานับสิบ มันคนหนึ่งกราดสายตารอบๆระวังอย่างเต็มที่ แต่แล้วตาของมันก็เบิกกว้าง เมื่อร่างของฤทธิชัยอยู่ตรงหน้าของมัน มือปืนตวัดปืนใส่แต่ช้าไปฤทธิชัยจับปากกระบอกปืนของมันปัดไปทางพวกมัน เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว พวกมันทรุดไปสองคน แต่ที่เหลือก็รู้ตัวหันปืนมาที่ฤทธิชัย ยิงสาดออกมา ฤทธิชัยแวบหายไป มือปืนรับไปเต็มๆ ทรุดลง พวกมือปืนหันกลับมาก็เห็น ฤทธิชัย ยืนอยู่กับดาว พวกมันขยับตัวแต่ช้าไป ดาวกับฤทธิชัยตวัดปืนออกมายิงใส่พวกมันที่ไหล่ ที่ ขาทรุดกันเป็นระนาวร้องครวญคราง ฤทธิชัยจ้องปืนขู่
“พวกเอ็งโชคดีวันนี้ข้าไม่อยากทำบาป”
ดาวกับฤทธิชัยเดินผ่านพวกมันแล้วต่างก็หยิบปืนกลยิงเร็วจากตัวพวกมันขึ้นมา ดาวเพ่งไปที่รถบรรทุกเสียงสายลมร้องก้อง ดวงตาของดาวกลายเป็นตาของเหยี่ยวสายลมอึดใจ
“ไม่มีอาวุธ”
ดาวกับฤทธิชัยกราดยิงไปที่ท้ายรถบรรทุกอาวุธ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวรถสองคันระเบิดตูมไฟท่วม ดาวกับฤทธิชัยต่างหันมามองแล้วยิ้มให้กัน

พวกมือปืนยืนเฝ้าอยู่หน้ากระต๊อบ 2-3 คน
“เซ็งเป็นบ้า ต้องมาเฝ้าเด็ก”
“จริงด้วยว่ะ”
ในกระท่อม อาตงยืนเฝ้าระวังพวกมันอยู่ตรงประตู แล้วหันมาส่งสัญญาณให้ เม่งจูพยักหน้าแล้ว
เอาไฟแช็คจ่อเข้าที่ใบจากของฝากระท่อม แต่แล้วเสียงฟ้าร้องครืนๆแล้วก็มีฝนตกลงมาอย่างคาดไม่ถึง
“มาแล้ว”
อาตงพูดเสร็จก็วิ่งพรวดมานั่งที่แคร่เช่นเดียวกับเม่งจู พอดีประตูเปิดพวกมันสองคนพรวดเข้ามาหลบฝนพอดี
“อะไรวะ อยู่ๆก็ฝนตก”
“ข้าว่าปีนี้น้ำท่วมอีกเหมือนเดิม”
“เฮ๊ย...ใช้งบตั้งเยอะ ไม่ท่วมหรอก”
เม่งจูกับอาตงต่างมองพวกมันนิ่งไม่ปริปาก

ไผ่กับลุงเดช แสง และพ่ออาตงต่างหลบฝนอยู่ แสงบ่นอุบ
“ให้มันได้ยังงี้ซิ จะรอดูควันดูไฟ ฝนดันตกซะได้”
ลุงเดชปลอบ
“เอาน่า อย่าบ่นมาก เดี๋ยวฟ้าท่านโกรธจะยิ่งไปกันใหญ่”
ไผ่กราดสายตารอบด้าน

บนท้องฟ้าเสียงสายลมร้องก้อง ร่างของดาวกับฤทธิชัยร่อนลงมาในดงไม้ตรงหน้าคือรถบรรทุกสองคันกำลังวิ่งมาตามเส้นทาง ทั้งสองดีดตัวออกไปยืนขวาง แต่แล้วคาดไม่ถึง ร่างของนาคีปรากฏอยู่ตรงหน้า รถบรรทุกสองคันหายไปแล้ว ดาวเข้าใจได้ทันที
“ที่แท้นาคีสร้างภาพลวงตาล่อเราออกมา”
“ทันทีที่ผมบุก คุณรีบพาตัวเล็กถอยไป”
“ไม่ค่ะ เราถอยด้วยกัน”
ดาวพูดจบก็ตวัดปืนยิงสาดใส่นาคีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฤทธิชัยจำต้องตวัดปืนยิงใส่ตาม นาคีเจอปืนสี่กระบอกร่างกายถึงกับเซแต่แล้วก็แวบหายไป ดาวกับฤทธิชัยกราดปืนไปมา ดาวสะบัดมือปล่อยระเบิดเข้าใส่ เสียงระเบิดดังตูม นาคีกระเด็นลอยไปหล่นตุบร่างไถไปกับพื้น นาคีแวบขึ้นมายืนอย่างรวดเร็ว แต่ ดาวกับฤทธิชัยหายไปแล้ว นาคีกราดสายตาแล้วพุ่งตามไป

จักจั่นเดินไปมารอรายงานอยู่หน้าห้องประชุม ทันใดนั้นมีเสียงวิทยุดังเข้าหูมา
“ไม่มีใครส่งพนักงานขึ้นมาครับ”
จักจั่นหน้าตื่น
“แย่แล้ว...” จักจั่นกรอกเสียงในวิทยุ “พบร่องรอยผู้ซื้อ”
เสียงของจักจั่นดังไปเข้าวิทยุของอภิชาติ กับ งิ้ว ที่อยู่บนดาดฟ้า ทั้งสองรีบพรวดลงมาทันที
จักจั่นหันมาสั่งทุกคน
“แสตนด์บาย ห้ามเคลื่อนย้าย”
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างกระชากปืนออกมาเตรียมพร้อม จักจั่นพุ่งตัวไปที่ลิฟท์ขนของ พอถึงหัวมุมก็ตวัดปืนขึ้นมา แล้วตวัดปืนพรวดออกไป เห็นแต่ร่างของเจ้าหน้าที่ทรุดอยู่ไม่มีร่องรอยของพนักงานหญิง จักจั่นเข้าไปใกล้ ก้มลงตรวจร่างของเจ้าหน้าที่แต่แล้วประตูลิฟท์เปิดผัวะ ร่างหญิงชุดดำพรวดออกมา จักจั่นตวัดปืนใส่ แต่ช้าไป หญิงชุดดำเตะโครมเข้าให้จักจั่นเอามือรับแต่ปืนกระเด็นหลุดจากมือ จักจั่นคว้าขาไว้แล้วดันกลับไป หญิงชุดดำลอยไปกระแทกลิฟท์โครม จักจั่นจ้องคาดไม่ถึง
“ระเบิดพลีชีพ”
หญิงชุดดำจ้องจักจั่น ตวัดมือมาจากด้านหลัง มีดขาววับปรากฏหญิงชุดดำพุ่งตัวเข้าใส่แทงพรวดจักจั่นหลบ คว้ามือไว้ได้เกิดการยื้อกันล็อคมือกันอยู่
“ปล่อยมีด ก่อนที่จะสายเกินไป”

หญิงชุดดำไม่ตอบ จักจั่นขยับข้อมือหน้าตาเยือกเย็น

 
อภิชาติ กับ งิ้วพรวดเข้ามาหน้าห้องประชุมเห็นทุกคนเตรียมพร้อม อภิชาติกับงิ้ว ต่างกระชับปืนยืนอยู่หน้าห้อง พูดกรอกไปในวิทยุ

“ฮันนี้ เป็นไงบ้าง”
จักจั่นกำลังล็อคมือไปมากับหญิงชุดดำ
“รอเดี๋ยว ดาร์หลิง” จักจั่นตะคอกใส่หญิงชุดดำ “เตือนอีกครั้ง ยอมซะ”
หญิงชุดดำหมุนตัวกระแทกร่างจักจั่นเข้ากับผนังตึกโครม แต่สลัดไม่หลุดมือจักจั่นยังคงจับล็อคมือที่ถือมีดอยู่
“อ๋อเหรอ…บอกลาข้อมือได้เลย”
จักจั่นออกแรงหักข้อมือของหญิงดำลงดังกร๊อบ หญิงร้อง มีดหลุดจากมือ หญิงชุดดำร้องลั่นเสียงก้องไปทั่วชั้นทุกคนต่างสะดุ้ง อภิชาติ กับ งิ้ว ต่างมองหน้ากัน เช่นเดียวกับทุกคนงิ้วเปรยขึ้นมา
“เอ๊ะ…เลดี้ กาก่าพักที่นี่เหรอ”
อภิชาติส่ายหน้า
“ไม่ใช่มั๊ง…ทุกคนแสตนด์บาย”

ดาวกับฤทธิชัยร่อนลงมา ทั้งสองกราดสายตาไปมา
“นาคีกำลังตามมา คุณรีบไปผมจะต้านไว้เร็วเข้า เพื่อลูกของเรา”
“แต่ดาวไม่ต้องการให้ลูกขาดพ่อ เราจะอยู่สู้ด้วยกัน”
ฤทธิชัยรวบมือดาวไว้
“คุณเชื่อผม นาคีไม่ทำร้ายผมหรอก”
“แต่คุณอาจจะตกเป็นทาสของนาคีตลอดไป”
“ผมเชื่อว่าคุณจะต้องแก้ไขให้ผมกลับคืนมาได้”
“แต่...”
“ช้าไปแล้ว”
ทันใดนั้นฤทธิชัยตวัดมือจับที่ต้นคอของเธอ ดาวทรุดหลับผล็อย ฤทธิชัยอุ้มรับไว้ทันท่วงที
“ผมขอโทษ”
ฤทธิชัยอุ้มดาวแวบเข้าไปไว้หลังพุ่มไม้
“ฝากแม่ด้วยนะลูก”
ฤทธิชัยพุ่งร่างออกไป

ร่างของนาคีร่อนลงมาตรงลานกว้าง สายตาจ้องตรงหน้า ฤทธิชัยยืนอยู่ตามลำพัง นาคีกราดสายตาไปรอบๆยิ้มๆ
“ท่านให้คนรักของท่านหนีไป”
“ผมไม่ใช่เหรอที่คุณต้องการ”
นาคีกราดสายตาไปมาสัมผัสร่องรอยของดาว
“ทางเดียวที่เราจะได้ท่าน คือต้องกำจัดคนรักของท่าน”
นาคีดีดตัวหายออกไป ฤทธิชัยคาดไม่ถึง ทันใดนั้นฤทธิชัยตวัดปืนขึ้นมา จ่อเข้าที่หน้าอกของตนแล้วตะโกนลั่น
“คุณก็ไม่มีวันได้ผมเหมือนกัน”
ฤทธิชัยกราดสายตารอบๆ ทันใดนั้นนาคีปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าจ้องดวงตาผิดหวัง นาคีตวัดขวับมือปืนในมือฤทธิชัยเหมือนถูกดึงหลุดออกจากมือไป
“เราสยบท่านก่อนก็ได้”
นาคีดีดตัวเข้ามาปล่อยหมัดเข้าใส่ ฤทธิชัยปัดป้อง เกิดการต่อสู้ประชิดตัวแต่ในไม่ช้าฤทธิชัยก็ตกเป็นรอง ถูกนาคีกระแทกเซไปมา นาคีตามติดแล้วตบโครม ฤทธิชัยกลิ้งไปกับพื้นหลายตลบ นาคีขยับตัวตาม แต่แล้วเสียงสายฟ้าคำรามก้อง ร่างมนตร์ของสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ นาคีตวัดมือออกไปแต่สายฟ้ากลายเป็นควันหายไป นาคียังไม่ทันตั้งตัว เสียงสายลมพร้อมร่างมนตร์ของสายลมพุ่งเข้าใส่รอบตัว นาคีปัดป้องตวัดมือออกไปอากาศสะเทือนเสียงดังตึ้ม ร่างของสายลมกับสายฟ้าสลายตัวหายไป นาคีกราดสายตาไม่มีร่างของฤทธิชัย นาคีกราดสายตาไปมาแวววับดุดัน

เม่งจู กับ อาตง มองมือปืนสองคนที่นั่งตรงหน้า พวกมันนั่งจ้องเด็กสองคนอย่างเบื่อหน่ายมันคนหนึ่งยกเหล้ากระดกปรากฏว่าหมดขวดมันมองอย่างเสียอารมณ์
“ข้าไปเอาเหล้าที่บาร์ดีกว่า”
มือปืนคนนั้นลุกขึ้น
“อย่าช้านะเว้ย”
แต่แล้วมีเสียงเคาะประตู เสียงมือปืนอีกคนดังมาจากด้านนอก
“เฮ้ย...ฝนหยุดแล้วเอาเด็กออกมา”
พวกมือปืนลุกขึ้นยืนคว้าเม่งจูกับอาตงลงมาจากแคร่ อีกคนหนึ่งเปิดประตูออกไป มันดันหลังเด็กสองคนออกไปข้างนอก ปากก็บ่นอุ่บ
“ยุ่งฉิบเผง ทำไมต้องย้ายไปโน่นไปนี่วะ”
“เจ้านายเขาไม่อยากให้พวกนางเสือมันหาเด็กเจอเว๊ย” มือปืนคนหนึ่งกระซิบเพื่อนเบาๆ “เด็กสองคนนี้มันเข้ากำแพงมนต์ได้”
“งั้นเองรับไปเลย”
“ตามข้ามา ถ้าขืนดื้อ...”
เม่งจูกับอาตงพูดพร้อมกัน
“ข้ายิงดับ”
มือปืนมอง เม่งจูกับอาตงอย่างหมั่นไส้ แต่อาตงกับเม่งจู มองระเบิดสองลูกที่มันห้อยอยู่ตรงเข็มขัดกระสุนปืนที่สะพายคาดอกของมันตาไม่กระพริบ

จักจั่นกับหญิงชุดดำต่างยื้อปลุกปล้ำกัน จักจั่นหมุนตัวจับร่างของหญิงชุดดำกระแทกข้างฝาต่างเผชิญหน้ากัน
“แกไม่รอดแน่นอน”
หญิงชุดดำยิ้มหยัน
“แกก็เหมือนกัน”
ทันใดนั้นเสียงตื๊ดๆๆๆๆดังขึ้นมาจากตัวของหญิงชุดดำ จักจั่นหน้าเครียด
“ดาร์หลิง ระเบิด”
เสียงจักจั่นดังมาที่อภิชาติและทุกคนเพราะมีวิทยุต่อถึงกันหมด
“คุณจักจั่น”
อภิชาติพุ่งออกไปยังลิฟท์ขนของทันที งิ้วหันมาสั่งทุกคน
“ทุกคนหมอบลง”
เจ้าหน้าที่ต่างทิ้งตัวลง

จักจั่นลากหญิงชุดดำไปที่ประตูห้องเก็บของข้างลิฟท์ เท้าถีบโครม ประตูเปิดจักจั่นเหวี่ยงหญิงชุดดำเข้าไปในห้อง ก่อนจะสะบัดมือปืนติดขึ้นมาเหนี่ยวไก เปรี้ยงๆๆๆๆ
“กู๊ดบาย”

จักจั่นพุ่งตัวห่างออกมาในขณะที่ระเบิดตูมเสียงดังสนั่น อภิชาติกำลังวิ่งไป ถึงกลับเด้งลอยกลับหลังเพราะแรงระเบิด ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวจ้าเต็มไปด้วยควัน
 

 
ดาวลืมตาขึ้นก็พบกับฤทธิชัยอยู่ตรงหน้า เธอขยับตัวเข้าซบเขา
 

“คุณหนึ่งไม่เป็นไร”
“เกือบเหมือนกัน ดีว่าสายลมกับสายฟ้ามาช่วย”
ดาวกราดสายตามอง
“หุบเขาที่มันจับเด็กมาขัง”
“ครับ”
แต่แล้วมีเสียงดังเข้ามา ฤทธิชัยกับดาวตวัดปืนขึ้นมาพร้อมกันกราดปืนไปตรงทางเข้าหุบเขา ทันใดนั้นเห็นร่างของนาคีค่อยๆเดินเข้ามา
“นาคี”
ทั้งสองรีบหลบซุ่มอยู่หลังโขดหินอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องนาคีผ่านช่องหินเขม็ง ปืนในมือกระชับแน่น นาคีเดินเข้ามาสายตากราดไปมางูบนหัวขยับไปมา สอดส่ายหาศัตรู ดาวกับฤทธิชัยสูดหายใจลึกขยับปืนในมือพร้อมยิง เห็นเงาของนาคีทาบอยู่บนฝาถ้ำใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา แต่แล้วทั้งสองก็เห็น นาคีหยุดกึกมือจับที่เชือกบ่วงเงินตรงคอ อาการหายใจติดขัดสายตาดุดันแล้วพุ่งตัวออกจากหุบเขาไป
ดาวกับฤทธิชัยต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากหลังก้อนหิน กราดปืนไปมาไม่ประมาท ดาวแปลกใจมาก
“เกิดอะไรขึ้น”
“ดูเหมือน มีอะไรบางอย่างที่ดึงนาคีไปจากที่นี่”
“แปลกมาก”
“ถือว่าเราโชคดี”
ทั้งสองต่างเข้าใกล้และอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน

งิ้วกราดสายตาฝ่าม่านควัน ปืนในมือพร้อม เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทุกคน ร่างของอภิชาติกับจั่นจั่นประคองกันเดินเข้ามา งิ้วยิ้มแล้วพรวดออกไป
“ดาหลิง กับ ฮันนี้ เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
อภิชาติกับจักจั่นเหล่ งิ้วยิ้มขำเมื่อเห็นสภาพ ฝุ่นฟุ้งเต็มสองคนหน้าตามอมแมม จักจั่นค้อนๆ
“สินค้าปลอดภัยหรือเปล่ายะ”
งิ้วยิ้ม
“แน่นอน….ผู้ซื้อล่ะ”
“เป็นปุ๋ยไปแล้ว”
ทั้งสามต่างยิ้มขำ ศักดา กับ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เดินเข้ามา
“เราต้องรีบเคลื่อนย้ายโดยเร็ว รบกวนคุณสามคนคุ้มกันเป้าหมายไปด้วย ผมจะนำเจ้าหน้าที่ของสหรัฐไปเอง”
“ได้อยู่แล้ว”
ศักดายิ้มให้จักจั่น
“ขอบคุณมากคุณจักจั่น”
“เรื่องเล็กไร้สาระ”
จักจั่นไม่เต็มใจร่วมมือกับพวกองค์กรอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่เข้ามารายงาน
“เจ้าหน้าที่สหรัฐพร้อมแล้ว”
ศักดาพยักหน้าแล้วเดินออกไป เจ้าหน้าที่หันมาหาอภิชาติ
“เชิญคุณอภิชาติครับ เราพร้อมแล้ว”
อภิชาติ งิ้ว จักจั่น ต่างพยักหน้า

เจ้าหน้าที่ 3 คนเดินนำออกมาหน้าโรงแรม ตามด้วย อภิชาติ จักจั่น งิ้ว นำนักธุรกิจเดินมาที่รถตู้จอดรออยู่สองคัน เจ้าหน้าที่เปิดประตูรถตู้คันแรกให้ นักธุรกิจ ก้าวขึ้นไป งิ้ว กับ จักจั่น ขึ้นตาม อภิชาติขยับตัว มองที่รถตู้คันหลังซึ่งจอดอยู่
“เอ๊ะ ท่านรองศักดายังไม่ลงมาเหรอ”
เจ้าหน้าที่งงๆ
“ท่านรองศักดาเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เองครับ”
จักจั่นชะงัก
“อะไรคะ”
อภิชาติหน้าตื่น
“แย่แล้ว...ที่แท้เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่สหรัฐ 3 คน คุณสองคนนำสินค้าออกไปจากที่นี่ก่อนเร็วเข้า”จักจั่นตะโกนลั่น
“ออกรถ”
รถตู้พรวดออกไป อภิชาติพรวดกลับเข้าไปด้านในโรงแรม

นาคีปรากฏตัวเข้ามาในถ้ำ ก็พบว่าคายามังกับลูกศิษย์สองคนของมันรออยู่
“ท่านพาลูกศิษย์มาด้วย ท่านกลัวเราจะจัดการกับท่าน”
คายามังยิ้ม
“กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่เหรอ”
“เรากำลังไล่ล่าศัตรู ท่านบังคับให้เรามาเรื่องอันใด”
“นายใหญ่ต้องการท่านไปกำจัดศัตรูสำคัญในเมือง”
“เราต้องได้ตัวคนรักของเราก่อน”
“เราจะให้เวลาเจ้าเพียงแค่สิ้นสุดวันนี้ พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นเจ้าต้องทำตามคำสั่งเรา”
นาคีขยับตัวเข้ามาหาคายามังด้วยความโกรธ แต่แล้วก็ต้องหยุดหายใจติดขัดดิ้นรน
“พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้น ข้าจะมารับเจ้า”
นาคีทรุดตัวลงดิ้นครวญครางหายใจติดขัดอยู่กับพื้น คายามังกับลูกศิษย์ของมันก้าวผ่านไป...

อภิชาติพรวดเข้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์
“ห้องรับรองเจ้าหน้าที่สหรัฐ”
พนักงานสาวกดเครื่องคอมพิวเตอร์ อภิชาติเพ่งสายตามองแล้วพรวดออกไป
“คุณ...ห้องพิเศษชั้น 18”

พนักงานมองอย่างสงสัย

 
ดาวกับฤทธิชัยซบกันหลับไปไม่รู้ตัวเพราะอาการบอบช้ำ ฤทธิชัยรู้สึกตัวขึ้นมา ก็เห็นพวกมือปืนยืนจับกันเป็นกลุ่มบ้างนั่งบ้างรวมแล้วนับสิบคนขึ้นไป ฤทธิชัยขยับตัวทำให้ดาวรู้สึกตัวขึ้นมาด้วย ฤทธิชัยค่อยๆเลื่อนมือไปที่ปืนแต่ดาวจับไว้

“เฉยก่อนค่ะ พวกมันมองไม่เห็นเรา”
“หา...”
“คือคุณหนึ่งหลับไปก่อนดาว ดาวเกรงว่าอาจจะมีใครมาก็เลยตั้งสมาธิท่องพรางตาไว้ก่อน”
ฤทธิชัยพยักหน้ารับ ทั้งสองต่างจ้องพวกมันนิ่งมีพวกมันสองสามคนเดินมานั่งพิงที่ก้อนหินข้างๆ ยกเหล้าดวดกัน ดาวกับฤทธิชัยนั่นนิ่งมองพวกมันอย่างระมัดระวัง แต่แล้วพวกมันก็โบกมือเรียกอีกสองคนที่ยืนอยู่
“เฮ้ยมานั่งคุยกันหน่อย”
มันชี้มือมาตรงที่ดาวกับฤทธิชัยนั่งอยู่ มันคิดว่าเป็นที่ว่าง ฤทธิชัยพึมพำเบาๆ
“เฮ้ย...มีคนเว๊ย”
สองคนเดินเป๋เข้ามา ดาวกับฤทธิชัยขยับตัวเตรียมพร้อม แต่แล้ว หัวหน้ามือปืนก็เข้ามา
“ทุกคนฟังทางนี้ รถขนบรรทุกอาวุธสองคันจะมาเก็บไว้ที่นี่ กระจายกำลังออกไปตรวจดูอย่าให้ใครผ่านเข้ามาได้”
ทั้งกลุ่มเลยลุกขึ้นเดินเข้าไปฟังหัวหน้ามัน
“แต่พวกนางเสือมันเคยมาถึงนี่แล้วลูกพี่”
“ก็เพราะว่ามันเคยมาแล้วน่ะซิ เราถึงเอากลับมาซ่อนไว้ที่นี่ พวกมันคงไม่มาแล้ว ไปกันได้แล้ว”
พวกมือปืนบ่นกันงึมงำแล้วพากันเดินออกไปจากถ้ำจนหมด ดาวกับฤทธิชัยปรากฏตัวขึ้น
“พวกมันฉลาดคิดเหมือนกัน”
“แต่โชคร้ายที่มันคิดเหมือนเรา”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน

เจ้าหน้าที่นำ ศักดา กับ เจ้าหน้าที่สหรัฐ 3 คน มาถึงหน้าห้อง เจ้าหน้าที่เปิดประตูห้องให้ ศักดาผายมือให้เจ้าหน้าที่สหรัฐ
“เชิญทุกคนเข้าไปพักผ่อนก่อน ขออภัยที่ไม่สะดวก”
เจ้าหน้าที่สหรัฐต่างพยักหน้าแล้วเข้าไปในห้อง ศักดาหันมาสั่งเจ้าหน้าที่หน้าห้อง
“เฝ้าไว้ให้ดี”
เจ้าหน้าที่ทั้งสามคนพยักหน้ารับ ศักดา ออกเดินไป เจ้าหน้าที่อีกสองคนเดินตามไป...อภิชาติอยู่ในลิฟท์ สะบัดปืนขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อย

เม่งจู กับ อาตง เดินนำหน้ามือปืน สองคน อาตงกำไฟแช็คในมือแน่น จนมือปืนคนหนึ่งสังเกตเห็น
“เดี๋ยวก่อน”
เม่งจูกับอาตงหยุดกึก มือปืน เดินวนมาหยุดตรงหน้าอาตง
“เอ็งกำอะไรไว้”
อาตงสะดุ้ง มองหน้า เม่งจู แล้วมองหน้ามัน
“แบมือออกมา”
ในที่สุดอาตงแบมือออกมา เป็นไฟแช็คอยู่ในมือของอาตง มือปืนคว้าหมับ
“เป็นเด็กเป็นเล็ก ริสูบบุหรี่เหรอไง”
อาตงกับเม่งจูต่างมองหน้ากัน อาตงมองมันตาปริบๆ
“ไป...เดินไป...”
เม่งจูกับอาตงเดินต่อไป ต่างลอบสบตากัน แผนการหนีถูกทำลาย

รถวิ่งมาตามราวป่า เม่งจูกับอาตงนั่งข้างหลังกับมือปืนกับเพื่อนมันอีกหนึ่งคน สายตาของอาตง กับ เม่งจูมองที่ระเบิดของมือปืน ซึ่งนั่งกระดกขวดเหล้าเข้าปากอยู่ตลอดเวลา ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ได้กินเหล้าแต่นั่งสัปปะหงกอยู่ มือปืน มันสังเกตเห็นเด็กสองคนมองที่ระเบิดของมัน มันยิ้มแล้วเอานิ้วสอดเข้าไปในห่วงสลัก ทำท่าเป็นดึงแล้วทำเสียงบึ้มจนเม่งจู กับ อาตง สะดุ้ง พร้อมกับมือปืนที่สัปปะหงกอยู่
“โห...พี่เล่นอะไรวะ...คนกำลังง่วง”
มือปืนหัวเราะ
“ข้าเล่นกับเด็ก เอ็งอย่าเสือก”
เม่งจูกับอาตงต่างมองหน้ากัน สายตาอยู่ที่ระเบิดที่แขวนอยู่ตรงเข็มขัดตรงหน้าอกของมัน

รถตู้วิ่งมาตามถนน จักจั่น งิ้ว และ นักธุรกิจ อยู่ด้านใน จักจั่นหันไปถามคนขับ
“นี่เราจะไปไหน”
“ฉุกเฉินต้องไปที่เซฟเฮาส์ก่อนครับ”
“โอเค”
คนขับเหยียบรถตะบึงไป จักจั่น ถอนหายใจ งิ้วยิ้มให้ นักธุรกิจที่นั่งหน้าซีด

ศักดากับเจ้าหน้าที่รออยู่หน้าลิฟท์ เมื่อลิฟท์มาถึง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งไปจับประตูลิฟท์ให้เปิดค้างไว้แต่แล้ว ศักดาก็หันมามีปืนเก็บเสียงอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ยิงเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ข้างล้มลง เจ้าหน้าที่จับลิฟท์ขยับจะกระชากปืน แต่ช้าไป ศักดา ยิง เจ้าหน้าที่ทรุดขวางประตูลิฟท์ไว้พอดี
ศักดาหันมาลากเจ้าหน้าที่คนที่อยู่ข้างนอกโยนเข้าไปในลิฟท์แล้วลากคนที่ขวางลิฟท์เข้าไปในลิฟท์ ตัวเองก้าวออกมา จัดเสื้อผ้าเรียบร้อย มองประตูลิฟท์ค่อยๆปิดยิ้มอย่างเยือกเย็น ก้าวกลับไปที่ห้องพิเศษ

รถพวกมือปืนจอดสนิท มือปืนกับเพื่อนที่นั่งข้างหลังสะดุ้งตื่น เม่งจูกับอาตง มองมันทั้งสองอยู่
“เฮ้ย...ถึงแล้วเหรอวะ”
คนขับหันมาบอก
“ยังพี่ ปวดท้อง แป๊บนึง”
มันเดินดุ่มๆเข้าไปหลังพุ่มไม้ มือปืนที่นั่งข้างหลัง โดดลงจากรถ
“ดีเหมือนกัน ฉันก็ปวดฉี่เดี๋ยวมาพี่”
“เออ...ไปกันให้หมด”
มือปืนบ่นๆหนังตาค่อยปรือหรี่แล้วหลับไปด้วยความเมา เม่งจู กับ อาตง มองหน้ากันแล้วค่อยขยับตัวไปใกล้มัน มองไปรอบๆระวัง ค่อยๆปีนลงจากรถอย่างช้าๆ จนถึงพื้น เม่งจูชะโงกมาใกล้ๆตัวมัน แล้วเอานิ้วค่อยๆดึงสลักตรงระเบิดที่แขวนอยู่ ดึงเบาๆแต่ไม่ออก จึงออกแรงดึงจนมันรู้สึกตัว มันค่อยๆลืมตาขึ้นมาเห็นเม่งจูอยู่ตรงหน้า นิ้วมืออยู่ในสลักระเบิด มันตบเม่งจูผัวะ เม่งจูกระเด็นไปทรุดอยู่ที่พื้น อาตงรีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองเม่งจูขึ้นมา
“พี่เม่งจู”
มือปืนตวาดลั่น
“เอ็งจะทำไม”
เม่งจูลุกขึ้นชูนิ้วให้มันดูที่นิ้วมีห่วงสลักระเบิดติดอยู่ มือปืนตาเหลือก เม่งจูกับอาตงรีบเผ่นเข้าพงป่าอย่างรวดเร็ว มือปืนคนนั้นพยายามจะปลดระเบิดออกจากเข็มขัดที่หน้าอก มันร้องเสียงหลง คนขับกับไอ้มือปืนที่อยู่ในพงป่าวิ่งออกมาพอดีมันสองคนวิ่งเข้ามาดู
“อะไรพี่”

ทันใดนั้นระเบิดตูมไฟใหม้ท่วมรถทั้งคันควันขโมงสีดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ามองไม่เห็นแม้แต่ซากของไอ้สามคนนั่น

อ่านต่อหน้า 2

ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 14 (ต่อ)


หน้าห้องพิเศษมี เจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 3 คนขยับตัวเมื่อเห็น ศักดาเดินกลับมา

“มีอะไรหรือครับท่าน”
“คือผมอยากจะฝากเอกสารให้เจ้าหน้าที่สามคนนั่น”
“เชิญครับ”
ศักดาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ แต่สิ่งที่ออกมาไม่ใช่เอกสาร แต่เป็นปืนเก็บเสียงยิงกราดไปที่เจ้าหน้าที่สองคนที่ยืนอยู่ ฟุบๆๆๆ เจ้าหน้าที่สองคนทรุด อีกคนได้แต่ยกมือ
“เปิดประตู เร็วเข้า”
เจ้าหน้าที่ เอาบัตรออกมาจากอกเสื้อแล้วเสียบเข้าไป กดประตูเปิดออก ศักดาเหนี่ยวไกยิงเจ้าหน้าที่ล้มลง
“ขอบใจ”
อภิชาติพรวดออกมาจากลิฟท์...ศักดาก้าวเข้ามาในห้องพิเศษ มีห้องรับแขกอยู่ด้านใน ศักดาปลดแม๊กออก เปลี่ยนแม๊กใหม่ เดินกราดปืนเข้าไปด้านในเจอเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ 3 คนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ทุกคนหันมาอย่างคาดไม่ถึง
“ท่านสุภาพบุรุษ เสียใจด้วยที่ต้องเอาชีวิตท่าน”
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐ 3 คน ต่างขยับตัว ศักดายกปืนขึ้นเตรียมยิง แต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยงๆๆๆๆๆๆสนั่นท่านรองศักดาทรุด ร่างของอภิชาติยืนถือปืนจ้องอยู่หันไปหาเจ้าหน้าที่สหรัฐ
“Are you O.K.”
เจ้าหน้าที่สหรัฐทั้งสามคนต่างพยักหน้า อภิชาติเดินเข้ามาที่ศักดา เอามือตรวจดูที่คอแล้วดึงหน้ากากยางออกมาเป็นใบหน้าของมือปืนที่ตายสนิท อภิชาติยกหน้ากากให้เจ้าหน้าที่สหรัฐดูต่างพยักหน้า อภิชาติยิ้มให้ ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ พรวดเข้ามาสองคนถือปืนสาดเข้ามา พร้อมด้วย ศักดา อภิชาติโยนหน้ากากให้ ศักดารับ
“ตัวปลอม”
ศักดามองหน้ากากพยักหน้ารับอภิชาติเดินผ่านออกไป ยกโทรศัพท์ขึ้นมากด


รถของไผ่วิ่งมาตามเส้นทาง ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง ไผ่จอดรถ เปิดประตูพรวดออกมานอกรถ หลับตาสมาธิ เห็นควันไฟโขมงผ่านสายตาของสายลม
“ได้เรื่องแล้ว ผมจะรีบไปก่อน”
ไผ่พุ่งขึ้นสู่ยอดไม้ แล้วพุ่งต่อไปหายลับไป แสงโดดเข้าประจำที่คนขับ ออกรถตามไป


ดาวกับฤทธิชัยซุ่มดูพวกมันอยู่ เห็นรถบรรทุกสองคันแล่นเข้ามามีพวกมือปืนกระจายกำลังกันป้องกันนับสิบๆ
“เหลือเวลาอีกสองวันเท่านั้น ที่พวกองค์กรต้องเซ็นสัญญากับพวกแบล็คอีวิล ซึ่งดาวคิดว่าพวกองค์กรไม่ยอมเซ็นเด็ดขาด”
“นั่นก็แปลว่าพวกแบล็คอีวิลต้องถล่มเป้าหมายทุกจุดตามคำขู่ของพวกมัน”
“ถูกต้อง ในขณะที่การค้นหาและทำลายอาวุธของเราล้มเหลว...ทุกครั้งเจอแต่รถเปล่าที่มันหลอกไว้”
“คุณดาวคิดว่าจุดที่เหลือก็เป็นรถเปล่าเหมือนกัน”
“ค่ะ เราจัดการที่นี่ก่อน ถ้าเป็นรถเปล่าอีก ดาวคิดว่า เราควรจะไปสมทบกับพี่ไผ่ทุ่มกำลังหาทางเข้ากำแพงมนตร์ให้ได้”
“จับนายใหญ่ ปล่อยทุกคนแล้วระเบิดฐานของมันให้ย่อยยับ”
“ก็ได้ นายใหญ่ของมันจบ ทุกอย่างก็จบไปด้วย ถ้าเราหากำแพงมนตร์เจอ”
ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กันอย่างพอใจในแผนการ
“ตอนนี้เราลงไปถล่มรถสองคันข้างล่างนั่นก่อนเผื่อฟลุ๊คเป็นรถขนอาวุธจริง”
ดาวยิ้ม
“ได้เลย”
“ระวังหน่อยนะ...คุณยังไม่หายดี”
“คุณก็เหมือนกัน”
ดาวพูดจบก็พุ่งออกไปก่อน
“เดี๋ยว”
ฤทธิชัยถอนใจหงุดหงิดประมาณว่าเพิ่งเตือนแท้ๆ แล้วรีบตามออกไป

จักจั่นกับงิ้วอยู่บนรถตู้ ตรงหน้าคือนักธุรกิจ เป้าหมายนั่งอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จักจั่นรับสาย
“ว่าไงคะ ดาร์หลิง...ท่านรองตัวปลอม”
จักจั่นชำเลืองมองนักธุรกิจ
“ได้ค่ะจะเช็คดู”
จักจั่นตวัดปืนขึ้นมาส่องที่ นักธุรกิจ ทั้งหมดสะดุ้งตกใจคาดไม่ถึง งิ้วงงๆ
“ทำอะไรคุณ สวีทฮาร์ท”
“คุณงิ้วลองตรวจดูซิ ว่าจริงหรือปลอม”
งิ้วหันไปที่นักธุรกิจ ใช้นิ้วชี้กวักมือเรียก
“หน้า…มาใกล้หน่อย”
นักธุรกิจขยับหน้าเข้ามาใกล้ งิ้วเอามือสองข้างตรวจบริเวณใต้คาง แล้วปล่อยมือออก
“หน้า…ห่าง”
นักธุรกิจถอยหน้าออก
“จริง”
“จริงค่ะ...ค่ะ…แผนซ้อนแผนเหรอคะไม่น่าจะ...”
ทันใดนั้นรถตู้เลี้ยวฟืบเข้าไปในซอยหนึ่ง เป็นซอยเปลี่ยว ทุกคนต่างเซเสียหลักไปตามแรงเหวี่ยง รถจอดเอี้ยด พอจักจั่นกับงิ้วตั้งตัวได้ก็เสียงปิดประตูโครม คนขับวิ่งออกไป
“ดาหลิงพูดถูก เราถูกวางกับดัก”
งิ้วตวัดปืนขึ้นมาอีกมือหนึ่งชี้ที่นักธุรกิจ

“หมอบลง”

 
ในหุบเขาด้านล่าง...หัวหน้ามือปืนโบกมือให้รถเข้าไปจอดด้านใน รถบรรทุกสองคันค่อยๆเคลื่อนเข้าไป หัวหน้ายกมือส่งสัญญาณให้หยุด รถบรรทุกสองคนจอดสนิท หัวหน้าพยักหน้าอย่างพอใจ แต่แล้วมีเงาทาบมาตรงหน้า มันเงยหน้าขึ้น ถึงกับตาเหลือก เพราะร่างของฤทธิชัย กับ ดาว ยืนอยู่บนหลังคารถบรรทุกทั้งสองคันเรียบร้อย
 
“ขอบใจที่เอาของมาส่ง”
หัวหน้าตวัดปืน แต่ฤทธิชัยเหนี่ยวไกเปรี้ยง มันตะปบที่หัวไหล่ ปืนหลุด ทรุด ทันใดนั้นพวกมือปืนรู้ตัวหันมาตวัดปืนสาดกระสุนใส่ดาวกับฤทธิชัย ทั้งสองยืนสาดกระสุนแลกกับพวกมัน พวกมันทรุดทีละคนร้องลั่นเพราะโดนยิงที่เข่า ที่ไหล่ แต่แล้วพวกที่อยู่ข้างนอกก็กรูกันเข้ามาสาดกระสุนใส่
ดาวกับฤทธิชัยตีลังกาหมุนตัวมายืนที่หน้ารถ แล้วสาดกระสุนใส่พวกมันที่ดากันเข้ามา เหนี่ยวไกเมื่อไหร่ก็เห็นพวกมันคนหนึ่งร้องแล้วทรุดทุกครั้ง จนกระสุนหมด ทั้งสองตวัดปืนเก็บ แล้วแวบลงมากลางกลุ่ม ต่างตบเปรี้ยง แล้วคว้าปืนพวกมันมาสาดใส่พวกมันพลาง แวบไปตบไปยิงไป จนในที่สุดพวกมันนับสิบ ล้มนอนครวญครางกับพื้น เสียงระงม
ดาวเพ่งมอง พลันสายตาเป็นสายตาของสายลม อึดใจก็หันมา
“ไม่มีอาวุธ”
ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กัน แล้ว ตวัดมือทั้งสองข้างขึ้น ปืนกลในมือทั้งสองข้างที่ยึดจากพวกมันมาสาดเข้าใส่ตัวรถบรรทุกอาวุธทั้งสองคัน พวกมือปืนต่างกระเสือกกระสนถอยกันวุ่นวาย ทันใดนั้นรถทั้งสองก็ระเบิดตูมไฟท่วมรถ ดาวกับฤทธิชัยต่างยืนมองด้วยความสะใจ แต่แล้วก็ต้องตกใจคาดไม่ถึง เพราะร่างของนาคีเดินออกมาจากเปลวไฟ สายตาแวววาวจ้องมา ทั้งสองต่างจ้องประจันหน้าพร้อมรับมือ
“ถอย”
ฤทธิชัยคว้ามือของดาวแล้วแวบหายไป นาคียิ้มเดินออกมาไฟยังลุกท่วมตัว
ดาว กับ ฤทธิชัยร่อนลงมาที่ราวป่ากราดสายตาไปรอบๆ ฤทธิชัยหันมาถามดาวอย่างเป็นห่วง
“คุณเป็นยังไงมั่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ทันใดนั้นสายลมร้องก้อง ทั้งสองคนขยับตัว
“นาคี...ผมว่าเราชิ่งก่อนดีกว่า”
ทั้งสองพุ่งออกไปในแนวไม้

อภิชาติวิ่งออกมาหน้าโรงแรม พอดีมีคนขี่รถมอเตอร์ไซด์รุ่นเท่ห์มาจอด เจ้าของมอเตอร์ไซด์ลงมาจากรถ เจ้าหน้าที่โรงแรมโค้งเปิดประตูให้ อภิชาติหันมาเห็นพอดีพรวดเข้ามาเอาปืนจ่อที่เอว
“กุญแจ”
เจ้าของมอเตอร์ไซด์ตกใจรีบส่งกุญแจให้
“ขอบใจ”
อภิชาติพรวดไปที่รถมอเตอร์ไซด์กระโดดขึ้นคว้าหมวกกันน็อคที่วางอยู่บนเบาะ สวมหัวแล้วขี่พรวดออกไป เจ้าของรถวิ่งตามออกมาเอะอะโวยวาย เจ้าหน้าที่ของศักดายืนอยู่รีบเข้ามา
“ใจเย็นๆครับ ทางเราจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
เจ้าของรถค่อยสงบลงแต่หน้าตาไม่พอใจ ยังคงบ่นอุบอิบ

จักจั่นพุ่งออกมานอกรถพร้อมปืนกราดไปมา งิ้วพุ่งตามลงมาแล้วไปที่ด้านหน้าขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยเตรียมออกรถ จักจั่นกราดปืนไปมา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจักจั่นรับสาย
“ฮันนี่ คุณอยู่ที่ไหน”
“ดาหลิง…อยู่ตรงไหนไม่รู้ จะเปิดโทรศัพท์ไว้หาตำแหน่งเอาเอง” จักจั่นหันไปถามงิ้วที่ง่วนอยู่บนรถ “คุณงิ้วว่าไง”
“มันดึงสายจนพังหมด เราไปไหนไม่ได้”
งิ้วโดดลงมาจากด้านคนขับ เปิดประตูเป็นกำบัง ตวัดปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม เสียงมอเตอร์ไซด์ กระหึ่มเข้ามา จักจั่นกราดสายตาไปมาเห็นข้างทางเป็นสวน
“คุณงิ้ว” จักจั่นโบ้ยหน้า “สวน”
งิ้วหันไปมองข้างทางเห็นเป็นสวนรีบพยักหน้า แล้วพุ่งมาประตูรถตู้
“ออกมา...เร็วเข้า”
นักธุรกิจพรวดออกมา งิ้วลากแขนเสื้อวิ่งไปที่แนวสวน ทันใดนั้นรถมอเตอร์ไซด์นับสิบวิ่งดากันเข้ามาในซอย ทุกคนแต่งชุดเหมือนมอเตอร์ไซด์รับจ้างทั่วไปมีมือปืนซ้อนหลัง พวกมันตวัดปืนยิงใส่นักธุรกิจกับงิ้วที่วิ่งไป เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว จักจั่นโผล่จากรถยิงกระหน่ำเปรี้ยงๆ พวกมือปืนฟุบไปสองสามคน จักจั่นรีบตามงิ้วไปอย่างรวดเร็ว พวกมันจอดรถมอเตอร์ไซด์ ต่างดึงเสื้อกั๊กสีส้มออกโยนทิ้ง แล้วพุ่งตามทั้งสามไป

เม่งจู กับ อาตง วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงสายลมร้องก้องเหนือฟ้า เด็กสองคนจำได้ว่าเป็นเสียงที่ไผ่ชอบเรียกชอบฟังจึงหยุดแหงนมองแล้วโบกไม้โบกมือไปตามเรื่อง จากนั้นก็ออกวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่แล้ว รถคันหนึ่งก็พรวดเข้ามาขวาง เม่งจูกับอาตงหยุดกึก บนรถมีมือปืนอยู่ 3-4 คน
“จับไว้”
พวกมือปืนโดดลงมาจากรถ วิ่งเข้าใส่ เม่งจู กับ อาตง แต่แล้วมันก็กระเด็นลอยกลับมาทรุดที่พื้นนิ่งสนิทไม่รู้ว่าโดนอะไร พวกมือปืนที่เหลือหันมองก็เห็นไผ่ยืนอยู่ตรงหน้าเม่งจู กับ อาตง
“รีบไปก่อนที่ข้าจะเริ่มอารมณ์เสียมากกว่านี้”
พวกมือปืนต่างมองหน้ากัน แล้วเผ่นขึ้นรถ ออกรถพรวดไป ไผ่ย่อตัวลงกอดเด็กทั้งสองไว้
“ไหนใครเป็นคนส่งสัญญาณ”
“พี่เม่งจูคับ”
ไผ่ยิ้ม
“เก่งมาก ทำได้ยังไง”
เม่งจูยกมือให้ดู ห่วงของสลักระเบิดยังอยู่ที่นิ้ว
“สุดยอด ตีมือกันหน่อย”
ไผ่ตีมือกับเม่งจูกับอาตง ทันใดนั้น รถวิ่งเข้ามาจอด ไผ่เอาแขนซ้ายโอบเด็กสองคนไว้ในอ้อมกอด มือขวาตวัดปืนกราดออกไป...แสงกับลุงเดชเปิดประตูรถลงมา พ่ออาตงโดดลงมา ไผ่ยิ้มตวัดปืนเก็บ
ในขณะที่เม่งจู กับ อาตง วิ่งเข้าหาพ่อของตน
“พ่อ”
พ่ออาตงกอดเด็กด้วยความดีใจ ลุงเดช กับ แสงเดินมายืนข้างไผ่ ยิ้มอย่างสุขใจ

อภิชาติจอดรถมอเตอร์ไซด์อยู่ข้างทางมือถือหมวกกันน็อคอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขากดรับสาย
“ตำแหน่งโทรศัพท์ของคุณจักจั่น…โอเค...โอเค...”
อภิชาติกดวางสายเก็บเครื่องสวมหมวกกันน็อค แล้วบิดเร่งเครื่อง มอเตอร์ไซด์พุ่งออกไป

งิ้วลากนักธุรกิจเข้ามาในสวน หลังพุ่มไม้ ไม่มีเงาของจักจั่นตามมา
“หลบที่นี่”
“เพื่อนคุณไปไหน คุณคนเดียวจะสู้พวกมันได้ยังไง”
“เงียบ”
งิ้วกราดสายตาไปมา เห็นพวกมันวิ่งดาหน้ากันเข้ามาในสวนนับสิบ งิ้วตวัดปืนยิงเปรี้ยงๆ พวกมันทรุดไปสอง...หัวหน้ามือปืนตะโกนลั่น

“เฮ้ย ล้อมเข้าไป เก็บมันให้ได้”

 
พวกมือปืนยิงสาดมากระสุนเฉี่ยวหัวงิ้วและนักธุรกิจ
 

“คุณ...คุณต้องป้องกันผม ผมมีเงิน คุณจะเอาเท่…”
งิ้วหันมาตบโครม นักธุรกิจทรุดหลับไป
“คนมีเงินนึกว่าสลบไม่เป็นหรือไง”
กระสุนปืนยิงกราดมางิ้วโงหัวแทบไม่ขึ้น
“นางเสือ...มาซะทีดิ”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง พวกมันต่างสะดุ้งหยุดการยิงและเคลื่อนไหว หัวหน้าตวาดลั่น
“หยุดทำไมวะ เก็บมัน”
พวกมือปืนกราดยิงเข้าใส่พุ่มไม้ที่งิ้วกับนักธุรกิจซุ่มหลบอยู่อีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง ร่างของจักจั่นในชุดนางเสือ ร่อนลงมาจากยอดไม้ งิ้วถอนใจ
“เฮ้อ…กว่าจะมา”

ไผ่กับทุกคน ซุ่มอยู่บนเนินเขาเล็กๆ มองพวกมือปืน ที่ขับรถผ่านไป พ่ออาตงจำได้
“แถวนั้นล่ะครับ คือที่พักจุดต่อไป”
ไผ่นิ่งคิด
“พวกมันส่งคนล้อมพื้นที่รอบๆกำแพงมนต์เป็นวงกว้าง เราไม่มีทางที่ฝ่าเข้าไปได้”
ลุงเดชหน้าเครียด
“ใช่...เสี่ยงเกินไป”
แสงหนักใจ
“เอายังไงดี”
ไผ่หันมาบอกแผนการ
“ผมจะล่อพวกมันออกไปก่อนพอได้โอกาสลุงเดช พ่อแสงพาเม่งจู กับ อาตง ค่อยผ่านเข้าไปเจอกำแพง มนต์แล้วส่งข่าวให้ผมรู้ ผ่านทางสายลม”
ลุงเดชพยักหน้ารับ
“ได้ ตามนั้น”
ไผ่หันไปยิ้มให้เด็กทั้งสอง
“อาตง เม่งจู สู้ๆ”
เด็กสองคนยิ้มพยักหน้า ไผ่พุ่งออกไป

จักจั่นร่อนลงกลางวงล้อมของพวกมือปืน สาดกระสุนใส่พวกมันล้มคว่ำแล้วแวบหายโผล่ที่ไหนมีคนร้องแล้วทรุดที่นั่น
“ค่อยยังชั่วหน่อย”
งิ้วช่วยตวัดยิงเปรี้ยง พวกมันล้มคว่ำไปหนึ่ง งิ้วยิ้มแต่แล้วเงาวูบเข้ามาทางด้านหลัง งิ้วหันมาพวกมันคนหนึ่งพรวดเข้ามาชนโครมงิ้วถูกชนม้วนกลิ้งไปกับมัน พอตั้งตัวได้ก็เกิดการต่อสู้ประชิดตัว สุดท้ายงิ้วเหนือกว่าตบมันคว่ำไปแล้วยิงเปรี้ยง งิ้วกราดสายตามองไป เห็นพวกมันดากันเข้ามา
“เฮ้ย มาจากไหนอีกเนี่ย”
งิ้วสาดกระสุนใส่จนกระสุนหมด พวกมันใกล้เข้ามา งิ้วตวัดมือมาจากด้านหลัง มีดในมือขาววับขึ้นมา หญิงสาวพุ่งเข้าไปในพงไม้ปล่อยร่างนักธุรกิจหลับอยู่ที่เดิม

ดาวกับฤทธิชัยร่อนลงมา ในลานป่า แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเบื้องหน้าคือนาคียืนอยู่
“ท่านไปได้ แต่ทิ้งท่านพี่ไว้ให้เรา”
ฤทธิชัยรีบบอกดาว
“คุณดาว ไปก่อนเร็ว”
นาคีจ้องดาวหน้าเยือกเย็นอย่างผู้ชนะ
“พวกท่านมีแค่สองคนพลังไม่พอที่จะต้านเราได้”
ดาวเจ็บแค้นใจ
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะถอย”
ดาวตวัดปืนมาจากด้านหลังสาดกระสุนเข้าใส่นาคี แล้วพุ่งตัวเข้าไปทั้งยิงทั้งตบเตะต่อย ฤทธิชัยตกใจ
“คุณดาว ระวัง”
ช้าไปนาคีตวัดมือตบกลับมา ร่างของดาวกระเด็นไปทรุดที่พื้น นาคีขยับตัวตามตบเปรี้ยงอีกครั้งดาวกระเด็นไปกระแทกต้นไม้อย่างแรงฟุบไป นาคีตามติด แต่ฤทธิชัยเข้ามาขวางต่อสู้กันอย่างดุเดือดตื่นเต้นรวดเร็ว แวบไปแวบมา แต่เวลาผ่านไป ฤทธิชัยย่อมสู้ไม่ได้ นาคีตบเปรี้ยง ฤทธิชัยกระเด็นไปกระแทกพื้นอย่างแรงกลิ้งไปหลายตลบ นิ่งไป นาคีหันกลับมาที่ดาว ซึ่งเริ่มรู้สึกตัวเลือดออกที่มุมปาก
“เราให้ท่านไป แต่ท่านทำเก่ง ตอนนี้เราจะกำจัดท่าน”
นาคีแวบเข้ามา ดาวดีดตัวขึ้นมาปล่อยหมัดออกไป แต่อ่อนแรง นาคีกันไว้ได้แล้วตวัดมือคว้าคอของดาวหมับ ยกขึ้นช้าๆ ผมงูที่หัวขยับตัวแลบลิ้นซู่ซ่า
“นาทีสุดท้ายของท่าน”
นาคีขยับอุ้งมือ ดาวดิ้นหายใจติดขัด แต่แล้วทันใดนั้นเสียงสายฟ้าคำรามก้องแต่นาคีไม่สนใจ
ยกดาวปล่อยพลังไปที่อุ้งมือ ดาวขยับคอไปมา ทันใดนั้นร่างของไผ่ปรากฏทางด้านหลังของนาคี รวบแขนกอดล็อคนาคีไว้ ทำให้ดาวหลุดจากอุ้งมือของนาคี
“น้องดาว เร็ว หนีไปก่อน”
ดาวพยายามเรียกสติสูดลมหายใจเต็มปอด นาคีพยายามดิ้นแต่ไม่หลุดไผ่กอดไว้แน่น
“น้องดาวเร็ว พี่สะกดพลังไว้ได้ไม่นาน”
ทันใดนั้นดาวตวัดปืนขึ้นมายิงสาดไปที่ร่างของนาคี นาคีสั่นสะท้าน ดิ้นไปมา ไผ่ถือโอกาสเหวี่ยงนาคีไปกระแทกต้นไม้โครม นาคีทรุดลงไป ดาวหันไปดูร่างของฤทธิชัยที่นอนนิ่งอยู่
“คุณหนึ่ง”
ดาวปราดเข้าไปที่ร่างฤทธิชัยพร้อมกับไผ่ พร้อมจับตัวฤทธิชัยเขย่า
“คุณหนึ่ง”
ไผ่หันมาเรียก
“น้องดาว”

ดาวหันกลับมาก็พบว่า ร่างของนาคีค่อยๆลุกขึ้นมายืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ้องดาวดวงตาดุดัน
 

 
จักจั่นต่อสู้ติดพัน ซึ่งมีมากเป็นสิบ ยิงเปรี้ยงๆๆ พวกมันคว่ำจนกระสุนหมด จักจั่นใช้ปืนตบพวกมันกระเด็น พวกมันยิงใส่และกรูเข้าใส่...มือปืนเข้ามาเห็นนักธุรกิจนอนอยู่ มันตวัดปืนจ่อหมายยิงเผาขนแต่แล้วร่างของงิ้วก็โผล่มาทางด้านหลังล็อคคอเอามีดปักฉึกเข้าให้ มือปืนทรุดไป งิ้วคว้าปืนของมันได้หันกลับไปยิงใส่พวกมัน แต่แล้วก็ถูกกระสุนเข้าที่หัวไหล่หมุนคว้างล้มลง พวกมันพรวดเข้ามาสามคน ปืนจ้องที่งิ้ว และ นักธุรกิจ สถานการณ์คับขัน แต่ทันใดนั้นอภิชาติ ร่อนลงมากลางวงพวกมัน พวกมันกระเด็นไปคนละทาง อภิชาติแวบเข้าหาตบเปรี้ยงแล้วเข้าหาอีกสองคนเกิดการต่อสู้ประชิดตัว อึดใจพวกมันล้มลงหมด อภิชาติยื่นมือดึงงิ้วขึ้นมา
 

“แท็งกิ้ว”
อภิชาติมองอย่างเป็นห่วง
“ไหล่คุณเป็นไงบ้าง”
“เรื่องเล็ก”
อภิชาติจ้องนักธุรกิจที่สลบอยู่
“สินค้าเสียหายเหรอ”
“เปล่า แค่โดยงิ้วตบ”
อภิชาติยิ้ม
“อ้อ...แล้วไป”
จักจั่นร่อนลงมา
“คุยกันหนุกมั๊ย ดาหลิง”
จักจั่นยิ้มให้ทั้งสองคนพลางตวัดปืนยิงอีกคนหนึ่ง เสียงปืนดังเปรี้ยงได้ยินแต่เสียงร้องลั่น
อภิชาติกับงิ้วต่างยิ้มให้
“เก่งมาก ฮันนี่”

นาคีเดินตรงเข้ามา ฤทธิชัยยังนอนบาดเจ็บพยายามบอกไผ่
“คุณ....ไผ่...พา...คุณดาวหนีไป”
“คุณหนึ่ง”
ทันใดนั้น ไผ่คว้ามือของดาว แล้วพุ่งหายเข้าไปในแนวป่า นาคีกราดสายตาตาม แต่แล้วก็หันมาทางด้านฤทธิชัยซึ่งค่อยๆขยับตัวขึ้น ปืนในมือตวัดส่องแต่นาคีสะบัดมือปืนในมือฤทธิชัยปลิวหลุดกระเด็น ฤทธิชัยจ้องนาคีสายตาเยือกเย็น

ไผ่พาดาวร่อนลงมาในป่า ดาวเซเล็กน้อย แต่ก็ตั้งตัวได้
“พี่ไผ่ดาวต้องกลับไปช่วยคุณหนึ่ง”
ดาวพุ่งตัวออกไป
“เดี๋ยว”
ดาวหายไปในแนวไม้ ไผ่รีบพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

ดาวร่อนลงตรงที่ต่อสู้กับนาคี ร่างกายยังเซอยู่ พอตั้งตัวได้ก็กราดสายตามองรอบๆ ไม่มีร่างของนาคีกับฤทธิชัย ร่างของไผ่ร่อนลงมายืนใกล้ๆ ดาวหันมาบอกอย่างใจหาย
“นาคีเอาตัวคุณหนึ่งไปแล้ว”
“หรือคุณหนึ่งอาจจะหนีพ้น”
ดาวกราดสายตาไปมา
“สายลม”
เสียงสายลมร้องก้อง แต่สายตาสายลมผ่านป่าเขาลำเนาไพรแต่ไม่มีร่องรอยของนาคีกับฤทธิชัย ดาวลืมตาขึ้นมาอย่างร้อนรน
“สายลมมองไม่เห็น”
ดาวไอกระอักเลือดออกมา ไผ่ตกใจ
“น้องดาว”
ดาวไม่ฟัง เดินไปมาหาร่องรอยเงยหน้าขึ้นสัมผัสทิศทาง แล้วถอนใจน้ำตาเริ่มซึม ไผ่เข้ามายืนตรงหน้า
“สายลมพบคุณหนึ่งเมื่อไหร่จะต้องส่งสัญญาณ มาให้เราได้รู้แน่นอน”
ดาวพยักหน้าจนใจน้ำตาซึม ไผ่มองอย่างสงสารแต่แล้วไผ่ก็นึกได้
“เดี๋ยวก่อน ถ้ำนางงู พี่รู้ว่าอยู่ตรงไหน”
ดาวเงยหน้าขึ้นฟังอย่างตื่นเต้น

เจ้าหน้าที่หลายนาย ตรวจเช็คพื้นที่ ศักดาจ้องที่นักธุรกิจซึ่งมีดวงตาฟกช้ำเขียวที่ยืนอยู่ตรงรถตู้มี
เจ้าหน้าที่คอยระวังข้างๆ นพยืนอยู่ข้างๆ งิ้ว อภิชาติ จักจั่นยืนห่างออกไปที่รถตู้อีกคัน พยาบาลหญิงพันไหล่ให้งิ้วเรียบร้อย นักธุรกิจโวยวาย
“พวกนั้นต้องป้องกันผม ไม่ใช่ทำร้ายผม”
จักจั่นแวบเข้ามาตรงหน้า นักธุรกิจตกใจ
“มีชีวิตอยู่ก็บุญแล้ว ฉันป้องกันนายเพื่อไม่ให้พวกแบล็คอีวิลถล่มบ้านเมืองตามที่มันขู่ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่ใช่เพราะพิศวาสนาย”
นักธุรกิจนิ่งสายตามองอย่างไม่พอใจ จักจั่นจ้องหน้ามัน
“วันนึงถ้าฉันตามเล่นงานนายแล้วจะหนาว”
ศักดาตัดบท
“ขอบคุณครับ คุณจักจั่น”
จักจั่นถอยออกมา ศักดาหันไปหานักธุรกิจ
“เชิญท่านครับ”
นักธุรกิจขึ้นรถไปอย่างไม่ค่อยพอใจ ศักดาขึ้นรถไปด้วย นพขึ้นด้านหน้า รถตู้วิ่งออกไป อภิชาติ กับ งิ้วเดินเข้ามาหาจักจั่นที่ยืนอารมณ์เสียอยู่
“ดาหลิง ยิ่งโกรธยิ่งสวย”
จักจั่นหันมาเหล่อภิชาติแล้วเดินออกไป งิ้วขำ อภิชาติยิ้มชอบใจ

รถตู้วิ่งมาบนถนนสายหนึ่ง ศักดานั่งคู่กับนักธุรกิจ นพนั่งหน้า นักธุรกิจไม่พอใจพวกจักจั่นมาก
“ไอ้พวกนี้กำแหง ปล่อยไว้ไม่ได้”
“เมื่อไหร่ที่พวกแบล็คอีวิลถูกทำลายหมดเราจะเก็บพวกมันทันที ครับท่าน”
ศักดาบอกอย่างเอาใจ

ไผ่เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ดาวฟัง
“ตอนเดินทาง พวกเราผ่านไปเจอรถพวกมัน เลยเข้าไปยึดมาแต่กลับเจองูยักษ์ไล่เอาเกือบไม่รอด”
ดาวตื่นเต้น
“ถ้ำของมันต้องอยู่แถวนั้น พี่ไผ่จำตำแหน่งได้หรือเปล่า”
“มือชั้นนี้แล้ว แต่ว่าน้องดาวยังเจ็บอยู่ถ้าเจอเอ้อ...”
“พี่ไผ่ ดาวขอร้อง”

ไผ่ถอนใจ แล้วพุ่งตัวออกไป ดาวพุ่งตาม
 
อ่านต่อ หน้า3

 ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 14 (ต่อ)


ในห้องหนึ่งของตึกลึกลับ...นายใหญ่ปัดชุดหมากรุกคว่ำกระจายตกโต๊ะไป ใบหน้าของโจปรากฏที่จอคอมพิวเตอร์

“เหลวหมด ป่านนี้ยังเก็บพวกมันไม่ได้สักคน”
“ผมคิดว่างานนี้ต้องให้นาคีจัดการจะดีกว่า มือปืนที่ท่านสั่งมาต้านพวกมันไม่อยู่”
“รีบจัดการให้เร็วที่สุด ไอ้พวกองค์กร มันจะต้องชดใช้ถ้าเก็บพวกมันยากนัก ก็เก็บคนใกล้ตัวครอบครัวของมันพวกมันจะได้รู้สึก”
นายใหญ่ปิดการติดต่อ โจถอนหายใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“เตรียมชุดปฏิบัติการ แล้ว นักบินให้พร้อมข้าจะไปชายแดนบ้านดอนเสือ”
ฤทธิชัยรู้สึกตัวขึ้นมาก็พบว่าเขานอนอยู่บนแท่นนอนของนาคี เขาค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น เห็นนาคีอยู่ข้างๆ
“ท่านพี่รู้สึกตัวแล้ว”
ฤทธิชัยขยับตัวขึ้นนั่งถอยห่าง
“ใช่ และกำลังจะไป”
ฤทธิชัยขยับตัวลงจากแท่นแล้วก้าวออกไป แต่แล้วก็หยุดหายใจไม่ออกมีการติดขัด เขาเอามือจับที่คอก็พบว่ามีเชือก เส้นบางๆรัดอยู่ ฤทธิชัยพยายามดึงแต่แล้วก็หมดแรงทรุดลง
“เราไม่ยอมให้ท่านพี่ห่างจากเราอีกต่อไป“
ฤทธิชัยค่อยๆลุกขึ้น
“คุณน่าจะรู้นะว่าการถูกบังคับเป็นยังไง”
“นาคีทำเพื่อความรัก ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย”
“แต่เป็นความรักของคุณคนเดียว เพราะคุณจะไม่ได้ความรักจากผม”
นาคียิ้ม
“กาลเวลาทำให้คนเปลี่ยนแปลง นาคีรอท่านพี่ได้”
“คุณรอผมได้ แต่คิดหรือว่าอาจารย์ของคุณจะปล่อยผม”
นาคีสายตาวาวขึ้นมาฉับพลันกราดสายตาไปมา
“เท่าที่รู้ คุณเองก็ถูกอาจารย์คุมควบคุมอยู่ คุณจะป้องกันผมได้ยังไง”
นาคีแวบเข้ามาใกล้ร่างของฤทธิชัย
“เราต้องไปจากที่นี่”
ทันใดนั้นฤทธิชัยสะบัดมือใส่นาคีเปรี้ยงแต่นาคียืนเฉย ฤทธิชัยซวนเซ
“บ่วงทองของเรา ทำให้ท่านหมดพลัง ท่านอย่าคิดสู้จะดีกว่า”
นาคีโบกมือฤทธิชัยจับบ่วงทองที่คอค่อยๆสลบล้มลง นาคีกราดสายตาไปมาระวังรอบตัว

ไผ่ร่อนลงมาที่ราวป่าใกล้ถ้ำนาคี ดาวตามมาติดๆเซเล็กน้อย ไผ่หันกลับมาประคอง ดาวยืดตัวขึ้น
“ดาวไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้ำนางงูต้องอยู่แถวนี้”
ไผ่เดินนำออกไป ดาวเดินตาม...ไผ่ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาในดงไม้ดาวตามเข้ามาทั้งสองมีปืนอยู่ในมือเรียบร้อยเคลื่อนร่างไปอย่างช้าๆ ทันใดนั้นบนกิ่งไม้เหนือหัว มีงูห้อยตัวลงมาตรงหน้า ไผ่ถอยสะบัดมือออกไป มีดตัดหัวงูขาดตกอยู่กับพื้น ทั้งสองมองขึ้นไป เห็นงูหลายสิบตัวยั้วเยี้ยอยู่บนกิ่งไม้เหนือหัว ทั้งสองค่อยๆก้มตัวลอดไปอย่างช้าๆ สายตากราดไปมา ไผ่จ้องไปข้างหน้าทันใดนั้นหยุดกึกดาวหยุดเช่นกัน ตรงหน้าคือปากถ้ำของนาคี
ทั้งสองค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปในถ้ำ ไผ่ก้าวเท้าผ่านหนังงูผืนใหญ่ ที่นาคีลอกคราบไว้ ดาวตามรอยไผ่ไปอย่างกระชั้นชิด ทั้งสองค่อยๆผ่านเข้าไปผ่านเข้าไป ดาวส่งเสียงร้องเบาๆ ไผ่กราด สายตาตามก็เห็นโครงกระดูกมนุษย์หลายโครง กระดูกสัตว์ต่างๆเรียงรายอยู่ ไผ่จ้อง ดาวพยักหน้าว่าโอเค ทั้งสองกราดปืนเคลื่อนตัวต่อไปจนผ่านเข้าไปถึงด้านในซึ่งเห็นแท่นนอนของนาคี ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยของนาคีและฤทธิชัย ดาวถอนหายใจตั้งสติ กราดสายตาไปรอบๆ แสงแวบสะท้อนขึ้นมาจากพื้นใกล้ๆเตียง ดาวสายตาตื่นเต้น ปราดเข้าไปหยิบขึ้นมาดู เป็นสร้อยที่ดาวให้ฤทธิชัยไว้
“สร้อยที่ดาวให้คุณหนึ่ง”

นาคีพาฤทธิชัยมาที่ถ้ำลึกลับ...กระเช้าผลไม้นานาชนิดวางอยู่ใกล้ๆฤทธิชัย แต่เขาไม่แตะต้องพวกมันเลยสักนิด นาคีเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
“ท่านไม่แตะต้องอาหาร”
“ผมต้องไปจากที่นี่ให้ได้”
“ท่านพี่รังเกียจนาคีมากกระนั้นหรือ”
“ผมสงสารคุณมากกว่า คุณถูกดึงให้มาอยู่ในโลกที่นับวันคนเลว ยิ่งมากกว่าคนดี”
“งั้นท่านพี่ควรจะลืมทุกอย่างแล้วอยู่กับนาคี”
“ไม่ได้ ผมมีหน้าที่กำจัดคนเลวหมดไปจากโลกอาจารย์คุณกับคุณเป็นเครื่องมือของคนเลว”
“นาคี ไม่เกี่ยวกับอาจารย์”
แต่แล้วนาคีจับที่คอหายใจติดขัด ฤทธิชัยหันไปก็เจอคายามังปรากฏตัวกับลูกศิษย์ของมันสองคน

ไผ่พาดาวร่อนลงมาในราวป่า ดาวเซทรุดลง ไผ่เข้ามาประคองแต่แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งด้วยกัน ต่างนั่งในท่าสมาธิ หลับตาสูดหายใจ อึดใจต่างก็ลืมตาขึ้น
“เราต้องตามหาคุณหนึ่งต่อไป”
“พี่มั่นใจนาคีไม่ทำอะไรคุณหนึ่ง แต่เวลาของเราเหลือน้อยเต็มที เราต้องหากำแพงมนต์ให้ได้เร็วที่สุด”
“แต่ว่า...”
“คุณหนึ่งคงไม่พอใจแน่ ถ้าพี่ปล่อยให้น้องดาวกลับไปรับอันตราย”
ดาวพยักหน้า
“ค่ะ...เรายังมีงานที่ต้องทำเพื่อแผ่นดิน”
“เราต่างบอบช้ำ พักก่อนดีกว่า อาการดีขึ้นแล้วเราจะไปสมทบกับลุงเดช กับ พ่อแสงเพื่อหากำแพงมนต์”
ดาวพยักหน้าแล้วก็หลับตาลงสมาธิรักษาอาการบอบช้ำ ไผ่ถอนใจ
“สายฟ้า”
เสียงสายฟ้าคำรามก้อง ร่างของสายฟ้าปรากฏยืนอยู่ห่างออกไป
“ฝากพี่สายฟ้าคอยดูพวกเราด้วย”

สายฟ้าคำราม ไผ่ค่อยๆหลับตาสมาธิ รักษาอาการ สายฟ้าเหมือนรู้เงียบไม่ส่งเสียง
 

คายามังยิ้มเยือกเย็น

“เจ้าคิดหนีเรา”
นาคีขยับตัว แต่คายามังยกมือร่ายมนต์ นาคีทรุดดิ้นรนอยู่ที่พื้นหายใจไม่ออก
“เจ้าฟังคำสั่งเรา นายใหญ่ส่งคนมารับเจ้าเพื่อไปสังหารศัตรูในเมืองเราจะคอยดูคนรักของเจ้าให้”
คายามังพยักหน้า ลูกศิษย์สองคนเข้ามายึดแขนทั้งสองข้างของฤทธิชัยออกไป ปล่อยให้นาคีดิ้นรนอยู่ที่พื้น นาคีได้แต่มอง ฤทธิชัยสะบัดหยุดมองนาคี วูบหนึ่งเห็นใจที่เธอถูกหักหลังและถูกบังคับ
“ผมจะช่วยคุณให้เป็นอิสระ จากพวกมันกลับไปอยู่ในโลกของคุณ”
คายามังสะบัดมือ กลายเป็นพลังตบหน้าฤทธิชัยจนหน้าหันเลือดกลบปาก นาคีขยับตัวแต่คายามังท่องมนต์ทำมือขย้ำ นาคีหายใจไม่ออกไม่สามารถจะขยับได้ ลูกศิษย์สองคนเอาฤทธิชัยออกไป
“เจ้าจะได้คนรักของเจ้าคืน เมื่องานของนายใหญ่สำเร็จแล้ว”
คายามังก้าวผ่านนาคีออกไป นาคียังคงดิ้นหายใจไม่ออก ทันใดนั้นมีเงามาพาดร่าง นาคีกราดสายตามองก็เห็น โจ กับ มือปืนในชุดปฏิบัติการของมัน 3 คนพร้อมกับนินจาหนึ่งคน
“สวัสดีนาคี เราพบกันอีกแล้ว”
เย็นนั้น ลุงเดช แสง พ่ออาตง อาตง วิ่งเข้ามาหาไผ่ที่อุ้มอาตงขึ้นมา ขณะที่เม่งจูวิ่งเข้ามาเกาะดาว
ลุงเดช แสง ต่างเดินเข้ามาสมทบ ลุงเดชยิ้มให้ดาว
“ดีใจที่หนูดาวปลอดภัย”
แสงมองๆ
“คุณฤทธิชัยล่ะ”
ไผ่หน้าเครียด
“ถูกนาคีจับตัวไว้”
ดาวยิ้มพยักหน้าให้กับทุกคน ลุงเดชหัรมาพูดให้กำลังใจ
“นาคีมีพลังฝีมือสูง แต่ลุงเชื่อว่ามีอาวุธที่จะจัดการกับนาคีได้”
แสงคิดๆ
“ตามหลักอาจารย์ที่มีวิชาโดยทั่วไปจะต้องมีอาวุธไว้ปราบสิ่งที่ตนปลุกเสกขึ้นมา”
ดาวดวงตาเป็นประกาย ลุงเดชมั่นใจ
“เราหาทางเข้ากำแพงมนต์ให้ได้ แล้วเราก็เค้นเอาอาวุธจาก อาจารย์ของนางงู”
ดาวพยักหน้ามีความหวัง
พวกมือปืนตั้งด่านอยู่ตรงจุดสำคัญนับสิบ ไผ่ ดาว และทุกคนเคลื่อนตัวเข้ามา ไผ่บอกแผนการ
“ผมกับน้องดาวจะจัดการกับพวกมันลุงเดช พ่อแสง พาเด็กๆผ่านเข้าไปให้ได้ แล้วผมกับน้องดาวจะตามไปสมทบ”
ลุงเดชพยักหน้ารับ
“ได้”
ดาวหันไปปลอบเด็ก
“เด็กๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ พี่ดาวจะระวังพวกเรา”
อาตงเสียงเข้มจริงจัง
“ไม่กลัวครับ”
เม่งจูหน้าตามุ่งมั่น
“หนูจะหากำแพงมนต์ให้ได้”
ดาวยิ้มดึงเม่งจูเข้ามากอดอึดใจก็ถอยออก พยักหน้ากับไผ่ ทั้งสองเคลื่อนตัวออกไป ทุกคนต่างขยับตัวเตรียมพร้อม...ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าร้องก้อง พวกมือปืนต่างตวัดปืนขึ้นกราดปืนไปมา
“โน่นพี่”
ดาว กับ ไผ่ ยืนอยู่บนยอดไม้ ไผ่ตะโกนก้อง
“ใครคิดจะกลับใจ เลิกทำชั่วรีบออกไป”
พวกมือปืนไม่ฟังเสียง ต่างกราดกระสุนเข้าใส่ ดาว กับ ไผ่ ถูกกระสุน ร่วงจากยอดไม้ลงไปในดงไม้หนา มือปืนดีใจ
“โดนแล้ว รีบเข้าไปซ้ำ อย่าให้รอด”
พวกมันต่างฮือกันเข้าไปที่ดงไม้...ลุงเดชโบกมือเป็นสัญญาณให้แสงนำทุกคนวิ่งผ่านด่านของพวกมันเข้าไปในราวป่าโดยมีลุงเดชคอยระวังหลังในที่สุดก็ผ่านพ้นหายเข้าไปในพงไม้ทึบ...พวกมือปืนวิ่งพรวดเข้ามาในดงไม้ แต่พบกับความว่างเปล่า
“เฮ้ย...หายไปไหนวะ”
พวกมันต่างรีบกราดปืนไปมา ทั้งบนและร่าง
“ค้นให้ทั่ว อาจจะคลานไปตายใกล้ๆอยู่แถวนี้”
ทันใดนั้นเสียงไผ่ก็ดังขึ้น
“ไม่ต้องเสียเวลาหรอก”
พวกมือปืนไม่ทันได้ขยับตัว ดาว กับไผ่ ก็ ร่อนลงมากลางวง ต่อสู้ประชิดตัว มันคนหนึ่งตวัดปืนยิงดาวเปรี้ยง ดาวหลบ กระสุนไปโดนพวกมันที่อยู่ด้านหลังร้องไม่เป็นภาษาทรุดไป ดาวตบมันแล้วคว้าปืนฟาดอีกคนที่เข้ามากระเด็นออกไป แล้วลุยเข้าหาพวกมันเช่นเดียวกับไผ่ตบเตะต่อย ในที่สุดพวกมันก็ทรุดจนหมดไผ่กับดาวกราดตามองพวกมันที่นอนเรี่ยราดอยู่ แล้วพุ่งตัวออกไป
รถตู้วิ่งเข้ามาในบริเวณโรงงานลึกลับสองคัน พวกมือปืนในชุดปฏิบัติการนับสิบ
ยืนถือปืนระวังอยู่รอบๆ พร้อมด้วยนินจาอีก 3 คน รถตู้จอด คันแรก มีร่างของ โจ ก้าวลงมา
ตามด้วยนาคี และ นินจา ส่วนคันหลัง มีมือปืนในชุดปฏิบัติการ 5 คนพรวดกันลงมา ต่างรายล้อม นาคี กับ โจไว้ตรงกลาง โจหันมาหานาคี
“หวังว่าท่านคงไม่คิดขัดคำสั่งอาจารย์ของท่าน”
นาคีกราดสายตามองพวกมันอย่างเหยียดหยาม
“พวกเจ้าแค่นี้คิดว่าจะสยบเราได้”
“ถ้าพวกเราเป็นอะไรไปแม้แต่คนเดียว คนรักของท่านดับทันที”
นาคีตวัดมือยกขึ้น โจลอยอยู่ตรงหน้าดิ้นไปมาหายใจไม่ออก พวกนินจา พรวดเข้ามาล้อมไว้ พวกมือปืนต่างขึ้นนกปืนพร้อมยิงเสียงดังสนั่นนาคีกราดตามองแล้วโยนโจ ลงไปที่พื้นโครม โจขยับตัวค่อยๆลุกขึ้นมา
“ถ้าเจ้าแตะต้องเราอีก เราจะสั่งฆ่าคนรักของท่านทันทีจำไว้”
นาคียืนเฉยหน้าเยือกเย็น โจมองอย่างผู้ชนะ

โจเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูหรากับมือปืนของมัน สองคน พนักงานพาไปนั่งที่โต๊ะ เรียบร้อย สายตาของมันมองไปที่สาวไฮโซสามสี่คนเดินเข้ามาในร้าน ซึ่งมีพนักงานนำมานั่งที่โต๊ะ ทั้งหมดนั่งลงที่โต๊ะเรียบร้อย
“นี่เพ็ญพิมพ์ ระยะนี้พ่อเธอมีข่าวคอรัปชั่น ทุจริตหนาหูเธอเดินเที่ยว สบายใจ ไม่กลัวใครเล่นงานเหรอ”
“เป็นฉันละก็ไม่กล้าออกจากบ้านแน่เลย กลัว”
เพ็ญพิมพ์เบ้หน้า
“เชอะ พวกมันไม่กล้าหรอก พ่อฉัน กับ พวกพี่น้องออกบิ๊ก อย่างดีก็แค่แอบด่าลับหลัง ไม่สะเทือนฉันหรอก”
ทุกคนหัวเราะกัน เพ็ญพิมพ์โวยวาย

“คนเสิร์ฟหายหัวไปไหนนะ หิวแล้ว”

 
พอดีชายคนหนึ่งเดินมาที่โต๊ะ
 
“มาพอดี ขอสั่งหน่อย”
“เอ้อ คือว่า เจ้าของร้านให้มาเชิญออกไปจากร้านครับเราไม่เสิร์ฟคุณ”
เพ็ญพิมพ์ฉุนกึก
“หมายความว่ายังไง ฉันมีเงินนะยะ”
“คือ เจ้าของร้านไม่ต้อนรับคุณกับตระกูลของคุณครับเชิญไปหาทานที่อื่นครับ”
เพ็ญพิมพ์โกรธ
“นี่...”
เพื่อนไฮโซหันมาบอกเพื่อนๆเบาๆ
“ไปเถอะพวกเรา”
พวกสาวๆลุกขึ้น เพ็ญพิมพ์เลยต้องลุกตาม เสียงคนปรบมือกันทั้งร้าน โจ ยกโทรศัพท์ขึ้น

สาวไฮโซทั้ง 4 คนเดินออกมาที่รถของตน เพ็ญพิมพ์โมโหมาก
“บ้าที่สุด เดี๋ยวจะให้พ่อฉันส่งคนมาปิดร้านมัน”
“ทำได้เหรอ ได้ข่าวว่าร้านนี้ก็เส้นใหญ่เหมือนกันนะ”
ทันใดนั้นมีรถตู้มาจอด ชายสามคนลงมาจากรถ ลากตัวเพ็ญพิมพ์ขึ้นไปบนรถ ไฮโซสาวตกใจร้องกันกรี๊ดกร๊าดแต่รถตู้พรวดออกไปเรียบร้อย พวกสาวไฮโซต่างส่งเสียงร้องให้ช่วยบางคนรีบโทรศัพท์ โจเดินออกมาหน้าร้านกับมือปืน มองพวกสาวไฮโซอย่างขบขัน รถตู้เข้ามาจอด โจ กับพวกขึ้นรถไป

อภิชาติ งิ้ว และ จักจั่น นั่งกันที่โต๊ะ
“เป็นยังไง พอจะมีเค้าที่ตั้งอาวุธของพวกมันมั่งมั๊ย”
งิ้วที่กำลังง่วนอยู่กับคีย์บอร์ด มองจอมอนิเตอร์แล้วส่ายหน้า
“โน…”
จักจั่นถามบ้าง
“กำแพงมนต์ล่ะ”
งิ้วส่ายหน้าอีก
“โน...”
จักจั่นครุ่นคิด
“มันน่าจะมีสัญญาณดิจิตอล อะไรหลุดออกมามั่งซิน่า”
“โน...”
จักจั่นมองงิ้วเซ็งๆ
“พูดได้อยู่คำเดียวหรือไง”
“จะให้พูดอะไรจ๊ะ ดาร์หลิง สวีทฮาร์ท ฮันนี้”
จักจั่นเหล่ งิ้วขำ อภิชาติยิ้ม ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติรับสาย
“ครับ นึกอยู่เหมือนกันว่าพวกมันต้องมาแผนนี้”
อภิชาติวางสาย จักจั่นถามทันที
“อะไรเหรอคะคุณชาติ”
“รายงานว่าพวกมันเปลี่ยนแผนไปที่ลูกสาวของพวกเป้าหมาย”

อภิชาติบอกเครียดๆ

 
อาตงกับเม่งจู วิ่งไปมารอบๆ บริเวณ อึดใจก็กลับมาที่ลุงเดช แสงและพ่อ ที่ยืนรอคอยระวังอยู่ เด็กทั้งสองต่างส่ายหน้า พ่ออาตงถอนใจ
 
“เด็กๆไม่เจอกำแพงมนต์ ผมเสียใจครับ อาจจะเป็นจุดต่อไป”
ลุงเดชให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไร เราหาต่อไป ยังไงก็ต้องเจอจนได้”
เด็กสองคนต่างพยักหน้า

ดาว กับไผ่ ซุ่มมองอยู่มุมหนึ่งในป่า
“ดูเหมือนว่าหมู่บ้านนี้ไม่ใช่จุดทางผ่านของพวกมัน”
“ยังไม่เห็นพวกมือปืนเหมือนกัน”
“เราน่าจะให้เด็กๆพักหาอะไรกินที่นี่ได้”
“พี่จะเข้าไปตรวจดูก่อน เพื่อความแน่ใจ”
“ดาวจะไปดักพบลุงเดชกับพ่อแสง”
“โอเค...แล้วเจอกัน”
ไผ่พุ่งออกไป ดาวพุ่งไปอีกทางหนึ่ง

ภาพของเพ็ญพิมพ์ปรากฏ ตรงหน้าจอมอนิเตอร์ นพอธิบายให้ฟัง
“นี่คือคุณเพ็ญพิมพ์ลูกสาวของนักธุรกิจคนสำคัญขององค์กรเอ้อ…คนที่ถูกพวกคุณตบจนตาเขียว”
อภิชาติ งิ้ว จักจั่นอดขำไม่ได้ ทั้งสามนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม นพนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับศักดา
“มันเก็บตัวพ่อไม่ได้ เลยมาเล่นงานลูกๆ” งิ้วพูดลอยๆ
จักจั่นเบ้หน้า
“สมน้ำหน้า เด็กพวกนี้ไม่มีสำนึกรู้ว่าพ่อแม่โกงมาแล้วยังใช้เงินสบายใจเฉิบ แถมยังดูถูกคนอื่นอีกตะหาก”
ศักดาหน้าเครียด
“ผมว่าเป็นข่าวที่ไม่ดีมากกว่า คือ คนสำคัญในองค์กรทุกคนมีลูกสาวทั้งนั้น และถูกพวกมันจับไปทุกคนพร้อมกันเมื่อวานนี้”
งิ้วแปลกใจ
“นัดกันไปโดนจับหรือไง”
ศักดาหนักใจ
“ที่แย่ก็คือคนสำคัญขององค์กรพร้อมที่จะเซ็นสัญญาให้พวกแบล็คอีวิล เพื่อแลกกับลูกสาวของตัวเอง”
จักจั่นเหยียดหยัน
“เชอะ ห่วงแต่ลูกตัวเอง ยอมเอาประเทศเข้าแลก”
อภิชาติถอนใจ
“เราไม่มีทางเลือก นอกจากรีบหาสาวๆพวกนี้ให้เจอก่อนถึงเวลาเซ็นสัญญา”
นพหันมาบอกทุกคน
“ภาพจากกล้องวงจรปิดตอนคุณเพ็ญพิมพ์ถูกจับเห็นนายโจอยู่ที่นั่นด้วย”
จักจั่นนิ่งคิด
“ต้องมีบางอย่างน่าสงสัย นายโจน่าจะฉลาดมากกว่านี้”

ชาวบ้านคนหนึ่งเดินนำ ไผ่ ดาว ลุงเดช แสง พ่ออาตง เด็กๆ มายังที่กระท่อมหลังหนึ่ง ลุงหันมาบอกทุกคน
“ที่นี่อยู่หลังสวน ไม่ค่อยมีคนเข้ามา พวกเอ็งหลบที่นี่ได้”
ไผ่ยิ้มขอบคุณ
“ขอบใจมากนะลุง”
ดาวหยิบเงินออกมาส่งให้ปึกหนึ่ง
“นี่จ้ะลุงช่วยจัดข้าวกับเสบียงมาให้หน่อย”
ลุงรับเงินพยักหน้าแล้วเดินออกไป ไผ่หันมาบอก
“ลุงบอกว่าพวกมันเห็นว่าที่นี่โล่ง ไม่มีหุบเขาพวกมันก็เลยผ่านกันไป”
ลุงเดชยิ้มพอใจ
“ดี...เด็กๆจะได้พักเต็มที่หน่อย”
“มาเด็กๆ มาทางนี้”
แสง พาเด็กๆกับพ่ออาตง เข้าบ้านไป ไผ่หันไปหาดาว
“น้องดาว พักก่อน พี่จะออกไปค่อยเฝ้าระวัง”
“ค่ะ”
ไผ่ออกไป ลุงเดชจ้องมองดาวอย่างพิจารณา
“หนูดาวเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ แค่เป็นห่วงคุณหนึ่งเท่านั้นลุงเดชไปพักก่อนเถอะค่ะ”

ลุงเดชจ้องดาวด้วยความเข้าใจพยักหน้าแล้วเดินไป ดาวมองตามถอนใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

 ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 14 (ต่อ)


เพ็ญพิมพ์ถูกจับมาขังร่วมกับหญิงสาวอีกสองสามคน

“แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกชั่ว ไม่รู้เหรอว่าพ่อฉันเป็นใคร” เพ็ญพิมพ์โวยวายลั่น
โจตบผัวะที่หน้าเพ็ญพิมพ์จนทรุดไปนั่งที่โซฟา
“รู้ซิคุณ พ่อคุณจอมโกงจอมกินขายชาติอยู่เห็นๆถึงได้ลากคุณมานี่ไง”
“แกจะเอาเงินเท่าไหร่”
โจยิ้ม
“เงินน่ะเอาอยู่แล้ว แต่ผมไม่ปล่อยคุณกลับไปเด็ดขาด”
เพ็ญพิมพ์เงียบลงหน้าซีด
“คนอื่นๆไม่ต้องกลัวนะครับ ถึงเวลาได้กลับบ้านแน่นอน เพราะพวกคุณไม่ปากเก่งเหมือนนังนี่”
เพ็ญพิมพ์ร้องให้โฮ โจกดสายโทรศัพท์สั่งการ
“เตรียมนักบิน ส่งตัวพวกนี้ไปกำแพงมนต์”

ค่ำนั้น ที่กองบัญชาการลับของศักดา...อภิชาติ งิ้ว จักจั่น ศักดา นพ ปรึกษากันอยู่
“ปัญหาก็คือ ถ้าพวกเราตามสาวๆใครจะคอยดูนักธุรกิจสำคัญพวกนั้น” อภิชาติกังวลใจ
งิ้วคิดๆ
“คิดดูอีกที มันกำลังปั่นหัวพวกเรา”
จักจั่นหน้าเครียด
“พอเราตามพวกลูกสาว พวกมันก็กลับมาเล่นงานพวกพ่อๆ”
ศักดาถอนใจ
“ปัญหาก็คือพรุ่งนี้จะมีการประชุมต่อจากคราวที่แล้ว”
นพเสนอแนะ
“เราจะวางกำลังคุ้มกันพวกเป้าหมายเป็นสองเท่า”
ศักดาหนักใจ
“ผมเตือนแล้ว แต่ท่านๆพวกนั้นต้องการให้พวกคุณ ทุ่มกำลังทั้งหมดพาพวกลูกสาวกลับมาให้ได้”
ทั้งหมดต่างหน้าเคร่งเครียด

ในกระท่อมมีตะเกียงน้ำมันตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง เม่งจู กับ อาตง นอนหลับสนิท ข้างๆมีพ่ออาตงคอยดูอยู่ ดาวนั่งสมาธิอยู่มุมหนึ่งห่างออกไป...ด้านนอกกระท่อม ลุงเดชกับแสง ต่างยืนอยู่คนละมุมคอยระวัง แต่แล้วทั้งสอง ก็ตวัดปืนมาด้านหนึ่ง เมื่อมีร่างหนึ่งก้าวเข้ามา แต่แล้วก็โล่งใจเพราะเป็นไผ่นั่นเอง ทั้งสองเอาปืนลง ไผ่เข้ามาบอกเบาๆ
“ไม่มีความเคลื่อนไหวของพวกมัน”
ลุงเดชโล่งใจ
“ดีแล้ว เด็กๆจะนอนเต็มที่”
“ลุงเดช กับ พ่อแสง พักเถอะครับ ผมจะอยู่คอยระวังเอง”
ลุงเดชเห็นด้วย
“ดีเหมือนกัน แก่แล้วชักไม่ไหว”
แสงยิ้มขำ
“ไหนลุงเดชว่าไม่ยอมแก่ไง”
ลุงเดชมองหน้า
“เออ...เอ็งเก่งไอ้แสง”
ไผ่กับแสงต่างขำ ลุงเดชเดินออกไป
ในถ้ำลึกลับมีคบไฟปักสว่างไสว ฤทธิชัยถูกมัดตรึงกับผนังถ้ำ คายามังยืนอยู่ตรงหน้า ลูกศิษย์สองคนยืนถือคบไฟอยู่คนละด้าน
“นี่เหรอพวกนางเสือ ที่ได้พรของสวรรค์”
ฤทธิชัยยิ้ม
“แค่ดูหน้าก็รู้ว่าเอ็งต้องได้พรจากนรกชัวร์”
คายามังยกมือตรงหน้าร่ายคาถา เชือกบ่วงทองที่คอมีประกาย ฤทธิชัยเกร็งคอหายใจไม่ออก คายามังยิ้ม
“ยัง ข้ายังไม่ให้เอ็งตายตอนนี้หรอกข้าจะจัดการเอ็งพร้อมๆกับนาคีคนรักของเอ็ง”

คายามังเอามือลงฤทธิชัยหายใจได้เป็นปกติ คายามังหัวเราะแล้วเดินออกไป ลูกศิษย์เดินตาม ฤทธิชัยจ้องตามหน้าเยือกเย็น

 
เพ็ญพิมพ์ถูกจับมาขังร่วมกับหญิงสาวอีกสองสามคน
 
“แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้พวกชั่ว ไม่รู้เหรอว่าพ่อฉันเป็นใคร” เพ็ญพิมพ์โวยวายลั่น
โจตบผัวะที่หน้าเพ็ญพิมพ์จนทรุดไปนั่งที่โซฟา
“รู้ซิคุณ พ่อคุณจอมโกงจอมกินขายชาติอยู่เห็นๆถึงได้ลากคุณมานี่ไง”
“แกจะเอาเงินเท่าไหร่”
โจยิ้ม
“เงินน่ะเอาอยู่แล้ว แต่ผมไม่ปล่อยคุณกลับไปเด็ดขาด”
เพ็ญพิมพ์เงียบลงหน้าซีด
“คนอื่นๆไม่ต้องกลัวนะครับ ถึงเวลาได้กลับบ้านแน่นอน เพราะพวกคุณไม่ปากเก่งเหมือนนังนี่”
เพ็ญพิมพ์ร้องให้โฮ โจกดสายโทรศัพท์สั่งการ
“เตรียมนักบิน ส่งตัวพวกนี้ไปกำแพงมนต์”

ค่ำนั้น ที่กองบัญชาการลับของศักดา...อภิชาติ งิ้ว จักจั่น ศักดา นพ ปรึกษากันอยู่
“ปัญหาก็คือ ถ้าพวกเราตามสาวๆใครจะคอยดูนักธุรกิจสำคัญพวกนั้น” อภิชาติกังวลใจ
งิ้วคิดๆ
“คิดดูอีกที มันกำลังปั่นหัวพวกเรา”
จักจั่นหน้าเครียด
“พอเราตามพวกลูกสาว พวกมันก็กลับมาเล่นงานพวกพ่อๆ”
ศักดาถอนใจ
“ปัญหาก็คือพรุ่งนี้จะมีการประชุมต่อจากคราวที่แล้ว”
นพเสนอแนะ
“เราจะวางกำลังคุ้มกันพวกเป้าหมายเป็นสองเท่า”
ศักดาหนักใจ
“ผมเตือนแล้ว แต่ท่านๆพวกนั้นต้องการให้พวกคุณ ทุ่มกำลังทั้งหมดพาพวกลูกสาวกลับมาให้ได้”
ทั้งหมดต่างหน้าเคร่งเครียด

ในกระท่อมมีตะเกียงน้ำมันตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง เม่งจู กับ อาตง นอนหลับสนิท ข้างๆมีพ่ออาตงคอยดูอยู่ ดาวนั่งสมาธิอยู่มุมหนึ่งห่างออกไป...ด้านนอกกระท่อม ลุงเดชกับแสง ต่างยืนอยู่คนละมุมคอยระวัง แต่แล้วทั้งสอง ก็ตวัดปืนมาด้านหนึ่ง เมื่อมีร่างหนึ่งก้าวเข้ามา แต่แล้วก็โล่งใจเพราะเป็นไผ่นั่นเอง ทั้งสองเอาปืนลง ไผ่เข้ามาบอกเบาๆ
“ไม่มีความเคลื่อนไหวของพวกมัน”
ลุงเดชโล่งใจ
“ดีแล้ว เด็กๆจะนอนเต็มที่”
“ลุงเดช กับ พ่อแสง พักเถอะครับ ผมจะอยู่คอยระวังเอง”
ลุงเดชเห็นด้วย
“ดีเหมือนกัน แก่แล้วชักไม่ไหว”
แสงยิ้มขำ
“ไหนลุงเดชว่าไม่ยอมแก่ไง”
ลุงเดชมองหน้า
“เออ...เอ็งเก่งไอ้แสง”
ไผ่กับแสงต่างขำ ลุงเดชเดินออกไป
ในถ้ำลึกลับมีคบไฟปักสว่างไสว ฤทธิชัยถูกมัดตรึงกับผนังถ้ำ คายามังยืนอยู่ตรงหน้า ลูกศิษย์สองคนยืนถือคบไฟอยู่คนละด้าน
“นี่เหรอพวกนางเสือ ที่ได้พรของสวรรค์”
ฤทธิชัยยิ้ม
“แค่ดูหน้าก็รู้ว่าเอ็งต้องได้พรจากนรกชัวร์”
คายามังยกมือตรงหน้าร่ายคาถา เชือกบ่วงทองที่คอมีประกาย ฤทธิชัยเกร็งคอหายใจไม่ออก คายามังยิ้ม
“ยัง ข้ายังไม่ให้เอ็งตายตอนนี้หรอกข้าจะจัดการเอ็งพร้อมๆกับนาคีคนรักของเอ็ง”

คายามังเอามือลงฤทธิชัยหายใจได้เป็นปกติ คายามังหัวเราะแล้วเดินออกไป ลูกศิษย์เดินตาม ฤทธิชัยจ้องตามหน้าเยือกเย็น
 
อ่านต่อเวลา 17.00น.

โจถูกนำมาในห้องทำงาน จักจั่นตบเซไปทรุดนั่งตรงโซฟารับแขก
                “สาวๆ อยู่ไหน”
                “สาวที่ไหนผมไม่รู้”
                จักจั่นแวบเข้าไปตบโครมอีกครั้ง อภิชาติ กับ งิ้ว นั่งยิ้มอยู่ใกล้ๆ
                “แฟนผมดุนะจะบอกให้”
                “แกโง่หรือฉลาด ที่ไปเสนอหน้าในกล้องวงจรปิดของร้านอาหาร ที่แกไปดักจับสาวๆพวกนั้น”
                จักจั่นเงื้อมือ โจรีบบอก
                “กำลังถูกส่งไปฐานใหญ่”
                อภิชาติจ้องหน้าโจ
                “กำแพงมนต์”
                โจพยักหน้า
                “ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน”
                จักจั่นตวัดปืนขึ้นมาแล้วเดินไปจ่อตรงหัวเข่า
                “โทรเรียกกลับมา ไม่ยังงั้น เข่าแกไปก่อนแล้วก็น้องชายตัวเล็กของแก”
                โจอึกอัก
                “แต่...”
                เปรี้ยง เสียงปืนดังสนั่น โจร้องลั่นหน้าซีด ถอนใจเมื่อจักจั่นแค่ยิงเฉี่ยวขู่ไปเท่านั้น อภิชาติห้ามไว้
                “ฮันนี่ ใจเย็นๆ”
                จักจั่นขยับปืน
                “เรียกกลับมา ไม่ยังงั้นนัดนี้โดนแน่”
                โจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
                “พาพวกผู้หญิงกลับมา”
                อภิชาติผุดลุกขึ้น
                “คุณงิ้ว”
                งิ้วตวัดมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
                “คุณนพ แจ้งทุกคนให้ระวังเป็นสองเท่าพวกมันล่อให้เรามาทางนี้ สถานการณ์ของเป้าหมายเป็นยังไงบ้าง”
                “เราเปลี่ยนสถานที่ประชุมจากเดิม เป็นความลับ”
                “ดี แสตนด์บาย จนกว่าเราจะได้สินค้าเรียบร้อย”
                โจมองทุกคนอย่างคาดไม่ถึง จักจั่นยิ้มหยัน
                “แผนนายแตก เพราะนายยอมง่ายเกินไป”

ลุงเดชกับแสง ยืนคอยระวังอยู่นอกกระท่อม สายตากราดไปทั่ว
                “เป็นห่วงหนูดาว ไม่เคยเห็นบอบช้ำแบบนี้” แสงถอนใจ
                “นาคีมีพลังสูง...รอดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว”
                “ไม่รู้ว่าผู้กองฤทธิชัยจะเป็นยังไงมั่ง”
                ลุงเดชถอนใจ
                “ยังไงข้าก็ยังเชื่อว่า ความดีต้องชนะความชั่ว”
                แสงขยับปืน ร่างของไผ่เข้ามา
                “พวกมันนับสิบกำลังมุ่งมาทางนี้ เราต้องรีบไป”
 
                เม่งจู กับ อาตง นั่งบนหลังควาย พ่ออาตงเป็นคนจูง ลุงเดชกับแสง เดินประกบข้างๆ ดาวกับไผ่ ตบท้าย พ่ออาตงหันมาบอก
                “ตรงหน้าอีกสองกิโล ก็จะถึงจุดที่เราหยุดพักกันอีกจุดหนึ่ง”
                ลุงเดชมีความหวัง
                “หวังว่าจะเป็นจุดที่ตั้งของกำแพงมนต์”
                ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องบนท้องฟ้า สายฟ้าคำราม ดาวหันไปบอก
                “ต้องเป็นพวกมัน พี่ไผ่คุมทุกคนเดินทางต่อไป ดาวจะคอยสกัดพวกมันเอง”
                “แต่ว่าน้องดาวยังไม่หายดี”
                “ดาวเต็มร้อยแล้วค่ะ รับประกันคุณภาพ”
                ดาวพุ่งตัวออกไป ไผ่ได้แต่ส่ายหน้า ลุงเดชกับแสงกังวล
                “ลุงเดช กับ พ่อแสง เดินทางต่อไปก่อนผมจะไปดูน้องดาวซะหน่อย”
                “อืมดี ลุงก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน”
                ไผ่พุ่งตัวออกไป แสงหันมาบอกพ่ออาตงและเด็กๆ
                “ไปพวกเรา”
                ลุงเดช กับ แสง พาอาตง เม่งจู พ่ออาตงเคลื่อนขบวนไปอีกทางหนึ่ง
 
                จักจั่นมองหน้าโจ…
                “อย่างน้อยแกยังฉลาดอยู่ที่ให้ความร่วมมือ”
                โจยังงงๆ
                “ใครร่วมมือกับแก”
                อภิชาติหันมาหาสองสาว
                “คุณจักจั่นรอพวกสาวๆที่นี่ ไปคุณงิ้ว”
                จักจั่นรับคำ
                “โอเค”
                อภิชาติกับงิ้วพรวดออกไปจากห้อง โจมองตาม
“ที่แท้แกเจตนาให้กล้องวงจรปิดเห็นแก แล้วยอมเรียกผู้หญิงกลับมาง่ายๆแสดงว่าแกแค่ใช้แผนล่อให้พวกเราออกจากเป้าหมาย เพื่อเปิดโอกาสให้มือปืนของแกทำงานได้เต็มที่
โจยิ้ม
“เก่งมาก สมกับเป็นนางเสือ เสียอยู่อย่างเดียว...”
จักจั่นจ้องหน้านิ่ง โจยิ้มอย่างผู้ชนะ จักจั่นคาดไม่ถึง ทันใดนั้นจักจั่นตบผัวะ โจหน้าหงายสลบไป จักจั่นคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“รับหน่อย ดาร์หลิง เร็วเข้า”
“ว่าไงฮันนี้”
“ระวังเป้าหมาย คราวนี้ไม่ใช่มือปืน แต่เป็นนางงู”
จักจั่นบอกอย่างร้อนใจ
 
อภิชาติขับรถมาบนถนนสายหนึ่ง   งิ้วที่นั่งข้างๆถามเมื่อเขาวางสาย
“คุณจักจั่นว่าไงคะ”
อภิชาติหน้าเคร่งเครียด
“พวกมันส่งนาคีมาจัดการกับเป้าหมายพวกองค์กร”
“แย่แล้ว”
งิ้วรีบโทรศัพท์ทันที...
“คุณนพ ยกเลิกแสตนด์บาย รีบเคลื่อนย้ายเป้าหมายกลับฐานให้เร็วที่สุดไม่ใช่มือปืนแต่เป็นนางงู”
อภิชาติหักพวงมาลัยแซง แล้วเร่งเครื่องผ่านรถคันอื่นไป

จบตอนที่ 14 

อ่านต่อตอนที่ 15 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น