ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 11
นินจาวิ่งตลุยผ่านแนวไม้ไปอย่างรวดเร็ว พวกมันสามคนดีดตัวผ่านแนวไม้จนกระทั่ง คนที่นำหยุด พวกมันต่างหยุดพร้อมกัน สายตาของคนนำกราดไปมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมันหันขวับไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปทางด้านข้าง มันยกมือตวัดไปข้างหน้าให้พวกมันรู้ พวกมันสองคนพยักหน้า กระชากดาบขึ้นมาแล้วเคลื่อนตัวล้อมเข้าไปที่พุ่มไม้ พอได้ระยะ พวกมันก็พรวดเข้าไป เป็นชาวบ้านนั่งหลบซุ่มกันอยู่ ต่างยกมือยอมแพ้ ทันใดนั้นเสียงแสงดังขึ้น
“เฮ้ย พี่นินจา”
นินจาหันกลับมาเห็นแสงยืนอยู่หน้าพุ่มไม้ด้านหนึ่ง คนหนึ่งตวัดดาบแล้วขยับตัวก้าวเข้าหา แสงเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆๆ ใส่แต่มันแวบหายมายืนตรงหน้าแสงอย่างรวดเร็ว มันเงื้อดาบฟันฉับแสงยกด้ามปืนรับไว้ได้ ทันใดปืนกระบอกหนึ่งยื่น มาจากด้านหลังพุ่มไม้ที่แสงยืนอยู่เหนี่ยวไกเปรี้ยง มันกระเด็นหงายออกไปทรุดที่พื้นนิ่งสนิท ลุงเดชก้าวออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังยืนคู่กับแสง
“ข้าบอกเอ็งแล้ว ว่ามันต้องแวบมาหาเอ็ง”
นินจาสองคนที่เหลือสายตาวาวด้วยความโกรธ มันแกว่งดาบพร้อมที่จะบุก จ้องลุงเดชกับแสง นิ่งเหมือนเสือกำลังจะตะครุบเหยื่อ แสงตะโกนขึ้น
“ทุกคนหนีไปก่อนเร็ว”
ชาวบ้านต่างกรูวิ่งกันออกไป นินจาไม่สนชาวบ้าน มันแกว่งดาบขยับตัวเข้ามาใกล้ ลุงเดชกระซิบ
“ระวังเว้ยไอ้แสงพวกมันชอบแวบ”
ขาดคำลุงเดชพวกมันก็พุ่งเข้ามา ลุงเดชกับแสง เหนี่ยวไกยิงเปรี้ยงๆๆ แต่พวกมันแวบหลบหายไปจากสายตา ลุงเดชกับแสงรีบหันหลังชนกัน กราดปืนไปมา แต่แล้วร่างของพวกมันก็แวบผ่านมาเสียงดังฟึบ แสงเซที่ไหล่ซ้าย มีรอยถูกฟัน แสงตวัดปืนยิง แต่มันแวบออกไปได้ อีกคนหนึ่งแวบตรงหน้าลุงเดช ลุงเดชตวัดด้ามปืนเข้าใส่โครมมันกระเด็นออกไปแต่แล้วก็แวบกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วมันฟันฉับเสียงดังขวับ ลุงเดชถูกฟันเข้าให้ที่ไหล่ขวา ปืนในมือหลุดจากมือ มันเงื้อดาบสูง สถานการณ์คับขัน นินจาเงื้อดาบสูงมันฟันฉับลงมา ทันใดนั้นไผ่ในชุดนางเสือแวบเข้ามาในขณะที่ดาบของมันฟันลงมาพอดี เสียงดังแคร๊งมีดสั้นของไผ่รับดาบของมันไว้พอดี
“ผมเอง”
นินจาคาดไม่ถึงมันตวัดดาบฟันอย่างถี่ยิบไผ่หลบแวบไปมามันแวบตาม...ลุงเดชหันไปเห็นแสงกำลังถูกนินจาอีกคนกำลังรุกไล่ฟันอย่างไม่ยั้ง ลุงเดชพุ่งตัวม้วนไปกับพื้นคว้าปืนยาวกลับขึ้นมาประทับเล็ง...นินจาฟันฉับลงมาแสงยกปืนยาวรับไว้ได้ทันท่วงทีเสียงแคร๊งดังสนั่นลุงเดชเหนี่ยวไกเปรี้ยงๆ มันกระเด็นทรุดไปที่พื้นนิ่งสนิทลุงเดชปราดไปที่แสง
“ไอ้แสงเอ็งเป็นไง”
แสงถอนใจเฮือก
“ไผ่ล่ะ”
“ตามพวกมันออกไป”
ลุงเดชกราดสายตามอง เห็นพวกชาวบ้านต่างค่อยโผล่กันออกมา ลุงเดชกับแสงต่างยิ้มให้กัน
ไผ่กับนินจาแวบโผล่มาในราวป่า ทั้งสองต่อสู้กันอย่างติดพันฟันกันหลายท่ามีตอนหนึ่งทั้งสองประทะกันสนั่น ต่างกระเด็นออกห่างกัน นินจาตวัดมือมีดสั้นเล่มเล็ก 3-4 เล่มพุ่งเข้าหา ไผ่พุ่งม้วนตัวหลบได้ทันท่วงที พอตั้งตัวได้ มันหายไปแล้ว ไผ่ยิ้มเครียด
กิ่งไม้ที่คลุมรถถูกยกออกไปให้เห็นรถของลุงเดช ที่เอามาจอดหลบไว้ ลุงเดช แสง ไผ่ ชาวบ้านต่างช่วยกันยกกิ่งไม้สุม ออกจนหมด ชาวบ้านต่างมองหน้ากันยิ้มอย่างมีความหวัง...ชาวบ้านต่างขึ้นรถเรียบร้อย ลุงเดชเป็นคนขับ แสงนั่งข้างๆ ไผ่หันมาบอกยิ้มๆ
“อย่าซิ่งมากนะครับลุง ผมจะคอยตามระวังอยู่ใกล้ๆ เผื่อว่าพวกมันอาจจะโผล่มาอีก”
ลุงเดชหันมาเตือน
“ระวังตัว อย่าประมาท”
“ครับผม...เข้าเขตดอนเสือแล้วผมจะแวะไปหาน้องดาวซะหน่อย...พ่อบอกแม่ทำของโปรดผมด้วยนะครับ”
แสงพยักหน้ายิ้ม ลุงเดชเคลื่อนรถออกไป
งิ้วนั่งตรวจดูคอมพิวเตอร์ของตนอยู่ จักจั่นเดินเข้ามาพร้อมถ้วยกาแฟวางไว้ตรงหน้า งิ้วพยักหน้าขอบใจ
“แท็งคิ่ว”
“มีอะไรน่าสนใจมั่ง”
“อืม นายดำรง นักธุรกิจพันล้าน ประวัติใสสะอาดไม่มีด่างพร้อย เชื่อก็บ้าแล้ว”
“ข้อมูลไม่จริงเหรอ”
“ขึ้นอยู่ที่ว่าใครทำข้อมูล”
อภิชาติเดินเข้ามา จักจั่นหันไปถาม
“ว่าไงคะ”
“เรียบร้อย กำจรจะหาทางเข้าไปสัมภาษณ์นายดำรงให้เราจะได้คอนเฟิร์มว่านายดำรงคือนายใหญ่หรือเปล่า”
จักจั่นยิ้มพอใจ
“ดาหลิงเก่งอีกแล้ว”
อภิชาติยิ้มหน้าบาน งิ้วหมั่นไส้
“แหวะ”
จักจั่นค้อน
“อิจฉา...ก็โทรไปหาแฟนซิยะ”
งิ้วยิ้มชอบใจ ต่างขำกันในที่สุด
เสียงสายลมร้องก้อง บินวนอยู่เหนือโรงสี พวกมือปืนยืนหน้าโรงสีประมาณ 4-5 คน ขณะเดียวกันนั้นมีรถหรูคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดทางด้านหน้า คนขับรถคันนั้นคือเสี่ยที่ก้าวลงมาจากรถเดินเข้าไปด้านใน ผู้จัดการและพวกมือปืนเดินตามเป็นพรวน 5 คน เดินตรวจข้าวอย่างพอใจ
“พรุ่งนี้จะมีคนมารับอีกร้อยกระสอบ เตรียมไว้ให้ดี”
ทันใดนั้นพวกมันถึงกับสะดุ้งเพราะสายฟ้ายืนอยู่ตรงหน้าของมันส่งเสียงคำรามก้อง แต่แล้วก็จางไปเป็นร่างของดาวยืนอยู่แทนที่ มือปืนตะลึง
“นางเสือ”
พวกมือปืนต่างกระจายกันตวัดปืนขึ้นมา ดาวตะโกนลั่น
“จะปิดโรงสีหรือว่าจะปิดชีวิตของตัวเอง”
เสี่ยจ้อหน้าตาไม่สู้ดี ทันใดนั้นเสียงฤทธิชัยก็ดังขึ้น
“ผมว่าฟังไว้ดีกว่า จะได้อยู่ยืนยาว”
พวกมันหันไปเห็นฤทธิชัยนั่งพิงกระสอบอยู่บนกระสอบข้าวเหนือหัวพวกมัน เสี่ยออกคำสั่งทันที
“จัดการพวกมันซิวะ”
พวกมือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ ดาวตวัดปืนขึ้นมาสองกระบอก ยิงใส่พวกมันทรุดไปทีละคน จนในที่สุดทรุดลงไปหมด ต่างบาดเจ็บที่ไหล่ ขา เข่า ไปตามกันเหลือเสี่ยยืนตัวสั่นอยู่คนเดียว ดาวเล็งปืนไปที่มัน
“ฉันจะให้โอกาสเสี่ยอีกครั้ง เลิกขายข้าวให้พวกคิดร้ายต่อบ้านเมืองซะ”
“เรื่องอะไรจะเลิก...กูจะขาย กูจะขายข้าวให้พวกมัน เอ็งจะทำไม”
ฤทธิชัยยิ้มเหี้ยม
“เป็นคำตอบที่ผิด และเป็นคำตอบสุดท้าย”
เสียงปืนดังเปรี้ยง ร่างของเสี่ยล้มลงที่พื้นโครม
ดำรงนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พนักงานสาวเข้ามารายงาน
“คุณกำจร นักข่าวมาแล้วค่ะ”
ดำรงพยักหน้า
ในห้องประชุม...กำจรติดไมค์จิ๋วไว้ที่เสื้อของดำรง คู่กับสายตรวจจับสัญญาณอีกหนึ่งเส้น
“ผมติดไมค์สองตัว ไว้กันเหนียวน่ะครับ”
“อืม”
“เคยสัมภาษณ์ คุณฮาลารี่ คลินตั้น กลับไปถึงสตู ไมค์เสียไม่มีเสียงเลยครับ เซ็งสุดๆ”
“ตามสบายครับ”
กำจรยิ้มอย่างพอใจ
งิ้ว อภิชาติ จักจั่น มองภาพดำรงที่อยู่ในจอทีวี โดยมีกำจรกำลังสัมภาษณ์
“คุณดำรงเคยเป็นศัตรูกับอินเตอร์บิส แต่ทำไมถึงจัดงานเลี้ยงฉลองการได้สัมปทานให้อินเตอร์บิส”
ดำรงยิ้ม
“นักธุรกิจไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรหรอกครับ”
“พวกไหนครับ ที่ไปก่อกวนในวันงาน”
“คงเป็นพวกคู่แข่งบริษัทอื่นมากกว่า”
อภิชาติยิ้มบางๆ
“ดี พวกมันไม่ได้สงสัยเรา”
งิ้วสงสัย
“นาคีน่าจะจำพวกเราได้ ทำไมไม่บอกพวกมัน”
“ผมว่านาคีถูกอาจารย์อาคมนั่นบังคับจนอาจกลายเป็นแค้นพวกมันแล้วก็ได้”
อภิชาติออกความเห็น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขารับสาย
“ว่าไงเพื่อน...ขอบใจ”
อภิชาติวางสาย
“กำจรบอกว่าจับสัญญาณแบตเตอร์รี่หัวใจได้”
จักจั่นพอใจ
“เยส”
งิ้วชะงัก
“นายดำรงคือนายใหญ่”
อภิชาติหน้านิ่ง
“ณ เวลานี้ ใช่”
ลุงเดชขับรถเข้ามาในราวป่าบริเวณบ้านสมพร ทั้งหมดลงจากรถ ลุงเดชเดินนำไป
“ตามข้ามา”
ทุกคนเดินตามลุงเดชกับแสงเข้าไป...สมาชิกโจรคนหนึ่งเห็นรีบวิ่งไปหาสมพรที่ลานบ้าน
“แม่สมพร ลุงเดชกับพี่แสงกลับมาแล้ว”
สมพร เดินออกมายิ้มตื่นเต้นเมื่อเห็นแสงเดินเข้ามา สมพรรีบเดินเข้าไปหาแสงที่
รีบเดินเข้ามากอดภรรยาใว้ในวงแขน สมพรเห็นแผลที่ไหล่ของแสง รีบถอยห่างตรวจดู
“พี่แสงเจ็บนี่”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก นิดหน่อย”
สมพรตรวจดูอย่างเป็นห่วง แสงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ ไผ่บอกว่าช่วยทำของโปรดให้มันกินหน่อย”
ทันใดนั้นเสียงลุงเดชดังขึ้น
“ไอ้แสงมันสำออยอะไรอีกล่ะ”
ทั้งสองหันไปเห็นลุงเดชยืนอยู่ ด้านหลังมีพวกชาวบ้านยืนอยู่ทางด้านหลัง สมพรยิ้มให้ลุงเดช
“เฮ้อ ดีใจที่ลุงเดชปลอดภัยจ้ะ”
“มีพวกชาวบ้านหนีพวกมันติดมาด้วย ฉันว่าจะให้พักที่นี่ก่อนแล้วค่อยขยับขยายที่หลัง”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงเด็กๆดังเข้ามา
“แม่สมพร”
ทั้งหมดหันไปเห็นเม่งจูกับอาตงเดินงัวเงียขยี้ตาออกมา สมพรยิ้มๆ
“เด็กๆตื่นพอดี”
เม่งจูกับอาตงเดินเซไปมาเพราะเพิ่งตื่นเข้ามาหาสมพร แสงอุ้มอาตงขึ้นมา
“ไงอาตง วันนี้ปราบนินจาไปกี่คน”
“สิบคนคับ”
แสงยิ้มเอามือยีหัวอาตง
“เก่งมาก”
ทันใดนั้นแม่เด็กทั้งสองก็ส่งเสียงเรียก
“อาตง เม่งจู”
เด็กทั้งสองหันไปเห็นพ่อกับแม่ยืนอยู่กับพวกชาวบ้าน
“แม่ พ่อ”
อาตงขยับตัวแสงปล่อยลงกับพื้นอาตงวิ่งไปหา พ่อกับแม่เช่นเดียวกับ เม่งจู พ่อแม่ลูกกอดกันกลมร้องให้น้ำตาคลอ ลุงเดช แสง สมพรต่างมองอย่างคาดไม่ถึง
ดาว อยู่ในชุดพร้อมลุย ตรวจความเรียบร้อยของปืนทันใดนั้นดาวตวัดปืนไปทางหน้าประตูบ้านแต่แล้ว เห็นเงาแวบ เข้ามาทางหน้าต่างทางด้านหลังของดาวร่างของไผ่ปรากฏขึ้น ดาวหันมายิ้มให้ตวัดปืน
“แผนโห่ซ้ายบุกขวา ยอดมากพี่ไผ่”
ไผ่ยิ้ม
“นานๆเจอที ต้องโชว์ฟอร์มหน่อย”
ฤทธิชัยก้าวเข้ามาในห้องในชุดพร้อมลุยเช่นกัน
“ใครโชว์ฟอร์มใครกันครับ”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน ดาวหันมาถามไผ่
“เหตุการณ์ทางชายแดนเป็นยังไงบ้าง”
“ผมคิดว่ามันมีแผนการใหญ่กว่าที่เราคิด”
ดาวกับฤทธิชัยต่างมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาจ้องไผ่อย่างตั้งใจฟัง
“พวกมันให้ชาวบ้านสร้างค่ายอย่างรีบเร่ง ดูเหมือนว่าจะเตรียมพร้อมสำหรับอะไรบางอย่าง”
ทุกคนต่างมองหน้ากันครุ่นคิด อึดใจหนึ่งดาวเอ่ยขึ้น
“รัฐมนตรีกลาโหมและ ผ.บ. สามเหล่าทัพถูกทำร้ายในระหว่างการเดินทางไปประชุมเรื่องการซ้อมรบไทยอมริกันกับศพของพวกรองรัฐมนตรีที่พี่ไผ่ไปพบ โดยไม่มีรายงานไม่มีข่าวซึ่งแปลว่าพวกมันส่งคนของมันเข้าไปแทนเรียบร้อย”
“บวกลบคูณหารแล้ว เด็ก ป. 4 ก็ต้องรู้ว่าพวกมันต้องปล้นอาวุธในการซ้อมรบคราวนี้อย่างแน่นอน”
ฤทธิชัยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“ชาติ...ช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับการซ้อมรถ ไทย-อเมริกันให้หน่อยเพื่อน...ขอบใจมาก...ว่ามา...นายแน่ใจเหรอ”
ฤทธิชัยวางสาย
“มีหลักฐานน่าเชื่อถือว่านายดำรง อาจเป็นนายใหญ่ของมัน”
“เราเฉยไม่ได้แล้ว...ดาวกับคุณหนึ่งจะออกไปปิดค่ายก่อกวนพวกมัน”
ไผ่แย้ง
“แต่พวกมันได้สัมปทานถูกต้องไม่ใช่เหรอครับ”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“สัมปทานถูกต้องที่มีลับลมคมนัย ทำให้บ้านเมืองเสียหาย”
ดาวหน้าตามุ่งมั่น
“เราปล่อยไว้ไม่ได้ ไม่ต้องห่วงเราไม่ทำร้ายเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านนอกจากว่าจะช่วยไม่ได้”
ไผ่ยิ้ม
“ดีครับ ผมจะไปหาแม่สมพรดูพ่อแสงกับลุงเดชซะหน่อย”
“ดาวฝากพี่ไผ่ดูค่ายอาสากับสถานีอนามัยด้วยนะจ๊ะ”
“ได้เลย”
ไผ่ดีดตัวออกไป ดาวกับฤทธิชัยมองหน้ากันแล้วขึ้นรถจิ๊ปขับออกไป
วิวัฒน์คุยโทรศัพท์กับโจอยู่ในโรงเลื่อย
“หลังจากนางเสือโผล่มาวันนั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่ยุ่งกับค่ายอาสาแล้วก็ชาวบ้านอีกเลยครับ ผมว่าเราน่าจะให้พวกกองกำลังรับจ้างจัดการจะดีกว่า”
“พวกมือปืนทางชายแดนล่ะ เอามาช่วยได้หรือเปล่า”
“ยากครับ งานใหญ่กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
“งั้นก็ติดต่อกองกำลังรับจ้างเข้ามาได้เลยเอาเงินฟาดหัวให้พวกมันตายแทนพวกเรางานเสร็จแล้วก็ไล่มันออกไป”
“ได้ครับ แต่ต้องใช้เงินอย่างน้อย 100 ล้านขึ้นไป”
“แค่เศษเงิน ผมจะรีบส่งเงินไปให้” โจบอกทันที
สัตยานั่งกินกาแฟอยู่บนเก้าอี้ในเต็นท์ มีมือปืนรอบด้าน
“เกณฑ์พวกชาวบ้านไปถึงไหนแล้ว”
“เราได้มาร่วม 50 คนแล้วครับ”
“บอกพวกมันให้เกณฑ์เพิ่มมาอีก”
มือปืนออกไป เสียงวิทยุดังขึ้น มือปืนรับสายแล้วส่งให้สัตยา
“ว่าไงคุณโจ ยังอยู่สบายดี”
“ยังไม่ตายง่ายๆอย่างที่คุณหวังหรอกคุณสัตยา”
“คุณมีอะไร”
“เรากำลังส่งเงินไปให้คุณกับคุณวิวัฒน์ ให้อาจารย์คายามังส่งนาคีไประวังด้วยถ้านางเสือปล้นไปได้ คุณต้องรับผิดชอบ”
สัตยากดปิดไม่ฟังแล้วโยนให้มือปืนอย่างเสียอารมณ์
เจ้าหน้าที่ยืนรายล้อมระวังค่ายเป็นจุดๆ ในค่ายตัดไม้ เสียงเลื่อยตัดไม้และอุปกรณ์โค่นต้นไม้ดังแว่วๆ...ห่างออกไป มีพวกชาวบ้านนั่งพักอยู่เป็นกลุ่ม ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้อง เสียงสายฟ้าคำราม ดาวกับ ฤทธิชัยปรากฏตัวอยู่เหนือกิ่งไม้ ดาวตะโกนก้อง
“กลับออกไปหาครอบครัว ก่อนที่จะสายเกินไป”
ชาวบ้านต่างขยับตัวพึมพำ เจ้าหน้าที่กราดปืนแล้วยิงสาดเข้าใส่เสียงปืนดังสนั่น ร่างของดาวกับฤทธิชัยแวบมาตรงกลางกลุ่มของเจ้าหน้าที่เกิดการต่อสู้ประชิดตัว ปัดป้อง บุก รุก รับ อย่างตื่นเต้นสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ลงไปกองทั้งหมด ดาวกับฤทธิชัยหันมาทางชาวบ้าน ซึ่งรวมกลุ่มกันอยู่
“อย่าเห็นแก่เงิน จนทำลายชาติ”
ฤทธิชัยกราดตามองทุกคน
“ถ้าใครไม่ฟัง จะไม่มีคราวหน้าอีกต่อไป”
เสียงเสือคำราม สายลมร้องก้อง พวกชาวบ้านต่างพากันวิ่งกระจัดกระจายออกไป ดาวกับฤทธิชัยต่างยิ้มให้กัน แต่แล้ว ทันใดนั้นไผ่ปรากฏตัวขึ้น
“พี่ไผ่”
ฤทธิชัยหันไปถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ลุงเดช พ่อแสงเป็นอะไรหรือเปล่า”
ไผ่ยิ้มออกมา
“ทุกคนสบายดี แต่มีเรื่องสำคัญ เม่งจูกับอาตง เจอพ่อกับแม่แล้ว”
ดาวตื่นเต้น
“ถ้างั้น พ่อแม่ เม่งจูกับอาตง อาจจะจำทางเข้ากำแพงมนต์ที่ เม่งจู กับ อาตง เจอโดยบังเอิญก็ได้”
ไผ่พยักหน้า ฤทธิชัยสายตาตื่นเต้น ดาวดวงตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
เม่งจู อยู่ในอ้อมกอดของแม่ อาตง อยู่ในอ้อมกอดของพ่อ ตรงหน้าคือกลุ่มของดาว
“พ่อกับแม่ อาตง จำไม่ได้เหรอว่าอาตงกับเม่งจูเห็นกำแพงมนต์ที่ไหน”
พ่ออาตงถอนใจ
“ผมนึกไม่ออกจริงๆครับ”
“เด็กสองคนนี่ หยุดพักทีไรก็วิ่งเล่นทุกทีจนเราไม่ได้สนใจฟังเลยค่ะ”
ดาวพยักหน้า ทุกคนต่างถอนหายใจผิดหวัง
“ถ้าคิดอะไรออกรีบบอกแม่สมพรเลยนะ เพราะเป็นทางเดียว ที่จะไล่พวกคนเลวออกไปจากแผ่นดินไทย”
พ่อกับแม่เด็กทั้งสองต่างพยักหน้ารับแต่แล้ว พ่อก็พูดขึ้น
“มีอีกอย่างก็คือ เดินทางย้อนรอยจากนี่ไปบ้านผมผ่านทุกจุด ผมอาจจะจำได้”
ทุกคนตื่นเต้นมีความหวัง ดาวขัดขึ้น
“ไม่ได้ อันตรายเกินไป พวกมันอยู่เต็มพื้นที่ไปหมด”
ฤทธิชัยเป็นกังวล
“ป่านนี้อาจารย์อาคมของมัน อาจจะรู้เรื่องเด็กสองคนนี่แล้วก็ได้ เด็กสองคนนี้ตกอยู่ในอันตราย เราต้องระวังให้ดี”
พ่อแม่อาตงต่างใจเสีย ทุกคนต่างกังวล
หลังจากแยกมาจากพ่อแม่ของอาตง ดาว ฤทธิชัย แสง ลุงเดช ไผ่ก็หันมาปรึกษากัน ดาวหันไปถาม
“ตามหลักมนตร์จะสลายตามคนกำกับถ้าเรากำจัดอาจารย์อาคมได้ ทุกอย่างก็จบใช่มั๊ยคะ”
แสงส่ายหน้า
“ไม่แน่เสมอไป...อาจารย์บางคนท่องคาถากำกับไว้ที่ของบางอย่างเช่นมีดแล้วปักเอาไว้ คนทำลายมีด ก็คือทำลายคาถาอย่างนี้เป็นต้น”
ฤทธิชัยหนักใจ
“พวกมันรอบคอบป้องกันหลายชั้นจริงๆ”
แสงคิดๆ
“แค่หากำแพงเจอยังไม่พอ ต้องมีคาถาผ่านกำแพงด้วย”
ไผ่แปลกใจ
“อ้าว แล้วทำไม เม่งจู กับ อาตง วิ่งผ่านเข้าไปได้ล่ะครับ”
ลุงเดชคิดๆก่อนจะออกความเห็น
“คงเป็นเพราะเด็กเป็นสิ่งบริสุทธิ์ เลยผ่านมนตร์หรือวิชามารทั้งปวงได้ เหมือนคนท้องพวกปีศาจหรือความชั่วมักจะทำอะไรไม่ได้เพราะมีบารมีเด็กบริสุทธิ์คุ้มอยู่”
ดาวนึกได้
“เม่งจู กับ อาตง อาจจะพาเราผ่านเข้าไปก็ได้”
ฤทธิชัยคิดได้อีกทาง
“หรือไม่ก็ลากไอ้อาจารย์อาคมนี่มาแล้วบีบให้มันบอกทุกอย่าง”
ไผ่คิดตาม
“อืม...อาจจะยากหน่อย เพราะมันมีคาถาเรียกนางงูได้ตลอดเวลา”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน คิดไม่ตก
ดาวกับฤทธิชัย และ ไผ่เดินออกมาที่รถจิ๊ปดาวหันมาบอก
“อย่างน้อยเราก็มีความหวังที่จะหากำแพงเจอ”
ฤทธิชัยยิ้มบางๆ
“ผมมั่นใจว่าโชคต้องเข้าข้างเรา”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องมา สายฟ้าคำราม
“พูดถึงโชคก็มาเลย เราไปดูซิว่าพวกมันขนอะไรมาอีก”
ขาดคำไผ่ก็พุ่งออกไป ฤทธิชัยขึ้นไปยังด้านคนขับ ดาวตามขึ้นรถไป
รถตู้สองคันวิ่งมา นำหน้าด้วยรถจิ๊ป... ดาวกับฤทธิชัยยืนอยู่บนต้นไม้สูง ฤทธิชัยมองขบวนรถ
“ไอ้พวกนี้มันไม่ยอมเลิกราจริงๆ เราปล้นมันกี่ครั้งมันไม่สนเลย ยิ่งเพิ่มมากเป็นสองเท่า”
“พวกมันไม่ยอมหยุดหรอกค่ะจนกว่ามันจะได้ในสิ่งที่พวกมันต้องการ พวกเราหยุดเมื่อไหร่ มันสำเร็จเมื่อนั้น”
เสียงสายลมร้องก้องเสียงดัง เสียงสายฟ้าคำรามก้องดัง ดาวกราดสายตาแล้วรู้ได้ในทันที
“นางงู”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“ผมก็สัมผัสได้เหมือนกัน...แผนเดิม ทำลายของมันให้เร็วที่สุด”
“แล้วหลบนางงูให้เร็วที่สุด”
ทั้งสองยิ้มให้กัน ดาวพุ่งออกไป
ดาว กับ ฤทธิชัยในชุดนางเสือ วิ่งมาแล้วพุ่งขึ้นหายเข้าไปในแนวไม้...ขบวนรถวิ่งผ่านมา ทันใดนั้นร่างของ ไผ่ร่อนลงมาขวางทางพวกมันไว้ ขบวนรถหยุดกึก ไผ่สะบัดมือออกมา ระเบิดสองสามลูกปลิวไปที่รถตู้แต่แล้วนาคีปรากฏตัวขึ้น ตวัดมือเข้าใส่ ลูกระเบิดของไผ่ลอยลิ่วกลับเข้าหาเขา ไผ่พุ่งตัวหนีออกไปได้ทันท่วงที ระเบิดตูมเสียงดังสนั่น ควันจาง ร่างของไผ่หายไป แต่เป็นร่างของ ดาวกับฤทธิชัยยืนอยู่แทน นาคีสายตาดุดัน
“ท่านเอาตัวท่านพี่มาส่งให้เราหรือไง”
ดาวยิ้มมุมปาก
“เสียใจด้วย แค่ไม่นึกว่าจะเจอกับเธอที่นี่มากกว่า”
ดาวกับฤทธิชัยรีบพุ่งออกไปในราวป่าทันที นาคีตามไป หัวหน้ามือปืนหันมาด่าคนขับรถ
“มึงจะตายที่นี่หรือไง”
คนขับรถรีบเคลื่อนรถออกไป แต่แล้วมันก็เบรกเอี๊ยด เมื่อไผ่ยืนขวางอยู่ ไผ่สะบัดมือออกมาอีกครั้ง ลูกระเบิดลอย จากมือมาเข้าหารถ พวกมือปืนตาเหลือก รีบออกจากรถราวกับผึ้งแตกรัง เห็นลูกระเบิดลอยเข้าหารถระเบิดตูมดังสนั่น เศษเงินปลิวว่อน ร่างของไผ่หายไปแล้ว
นาคีพุ่งเข้ามาในราวป่า สายตากราดมอง ทันใดนั้นเสียงระเบิดดังขึ้นอีกสองครั้ง นาคีหันไปตามเสียง รู้ตัวว่าถูกหลอกโกรธแค้นสุดขีด ตวัดมือปล่อยพลังออกไป เกิดเป็นแรงระเบิดดังสนั่น
ดาวกับฤทธิชัยปรากฏตัวในราวป่า กราดสายตาโดยรอบ
“กิ๊กคุณหนึ่งนี่ดุน่าดู”
ฤทธิชัยเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงดาวเข้ามาใกล้ตัว
“ยังกะคนนี้ไม่ดุ”
“อยู่ใกล้ๆอาจเป็นอันตรายได้นะคะ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ภาพนาคี ฟุบบนอยู่เตียงร้องให้สะอึกสะอื้น ปรากฏบนกำแพงมนต์ คายามังมองด้วยสายตาไม่พอใจ เอามือโบกภาพหายไป เสียอารมณ์
อ่านต่อหน้า 2 เวลา 17.00น.
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 11 (ต่อ)
รถจิ๊ป รถกระบะ หลายคันวิ่งเป็นขบวนช้าๆมาทางอนามัย วิวัฒน์ถือโทรโข่งพูดเหมือนพวกหาเสียง
ป้าเนียน กับ จันจิราออกมายืนมองพวกมัน
“ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทุกท่าน นางเสือทำลายค่ายตัดไม้ทำลายอาชีพสุจริตของท่าน”
จันจิราเบ้หน้า
“พูดได้ไม่อายเลยจริงๆ”
ป้าเนียนมองอย่างเกลียดชัง
“คนพวกนี้อายเป็นที่ไหน จริงๆแล้วไม่ใช่คนเป็นพวกประเภทเลื้อยคลานมากกว่า”
จันจิรายิ้มขำ...วิวัฒน์ประกาศก้อง
“ขณะนี้เรามีกองกำลังพิเศษเข้ามาคอยป้องกันท่าน ท่านกลับมาทำงานกับเราได้แล้ว มีค่าทำขวัญพิเศษ”
ชาวบ้านที่ยืนฟังต่างเฮ ป้าเนียนถอนใจ
“ไอ้พวกนี้เป็นพวกขอเศษบุญ ขอให้ได้เงินเถอะ ผิดถูกไม่สน ตายไปก็เป็นเปรตไปขอทาน”
ชาวบ้านคนหนึ่งก้าวออกมาตะโกน
“ไอ้พวกลืมชาติ ลืมแผ่นดิน ตัดไม้ทำลายป่า”
ทันใดนั้นพวกทหารกองกำลังคนหนึ่ง ตวัดปืนยิงเปรี้ยง ชาวบ้านทรุดเลือดอาบ มีชาวบ้านอีกคนหนึ่งเข้ามาประคองไว้ พร้อมตะโกนด่า
“ไอ้พวกสารเลวรังแกคนไม่มีทางสู้”
ทหารกองกำลังคนเดียวกันโดดลงมาจากรถ ตวัดปืนเข้าใส่ชาวบ้าน แต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยง มันหมุนคว้างทรุดลง ทุกคนหันไปก็เห็นจันจิราส่องปืนมาที่วิวัฒน์ พวกทหารกองต่างกำลังตวัดปืนใส่จันจิรา
“ถ้านายแกตาย...ใครจะจ่ายเงินพวกแก”
พวกมันต่างหันมาทางนายวิวัฒน์ซึ่งยืนหน้าเสียอยู่
“ไปเว้ยพวกเรา”
ชาวบ้านต่างเฮ พวกมันเคลื่อนรถออกไป จันจิรามองตาม แต่แล้วมีวงแขนเข้ามากอดเอวทางด้านหลัง จันจิราหันมาเป็นไผ่นั่นเองป้าเนียนยิ้มชื่นใจ จันจิราอายเขิน
“พี่ไผ่อะ คนเยอะ”
ป้าเนียนยิ้มแล้วหันไป
“เอาคนเจ็บเข้าไปข้างใน”
ไผ่ยกนิ้วให้จันจิรา
“แฟนผม เก่งที่สุด”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
งิ้วเดินไปเดินมาอย่างครุ่นคิดภานในหน่วยพิเศษ จักจั่นถามอย่างสงสัย
“มีอะไรอีกล่ะ”
“แค่สงสัย ตอนที่หน่วยของเราถูกพวกมันบุก นายดำรงถูกกระสุนปืนเข้าที่ท้อง ถ้านายดำรงเป็นนายใหญ่จริงมันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น”
“นอกจากนายดำรงต้องการจะให้เกิด”
ทั้งสามคนต่างมองหน้ากัน แต่แล้วจักจั่นเหมือนคิดออก
“หรือว่า นายดำรงถูกยิงส่งโรงพยาบาลไม่ใช่เพื่อทำแผลแต่เพื่อผ่าตัดเอาแบตเตอรี่หัวใจออกชั่วคราว”
ทุกคนต่างมองหน้ากันหน้าตาตื่นเต้น งิ้วนึกออก
“วันที่เราพาคุณพ่อของงิ้วกลับมาที่ค่าย นายดำรงต้องรู้ว่าความลับถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน เลยแกล้งโทรออกไปที่บ้านเพื่อส่งสัญญาณตำแหน่งให้พวกมันรู้”
อภิชาติคิดตาม
“หาทางให้ตัวเองบาดเจ็บออกไปผ่าตัดเอาเครื่องแบตหัวใจออก”
งิ้วพยักหน้า
“นายดำรงกลับเข้ามาใหม่ เครื่องก็จับสัญญาณไม่ได้ไม่มีใครสงสัย”
“ยังไงก็แล้วแต่จักจั่นว่า ที่นายดำรงโทรออกไปที่บ้านเป็นการตบตามากกว่านายดำรงไม่น่าจะปัญญาอ่อนขนาดนั้น”
อภิชาติคิดๆแล้วหน้าตื่น
“แย่แล้ว...ในหน่วยพิเศษมีหนอนบ่อนไส้ มีพวกของมันอยู่”
งิ้วกับจักจั่นมองอภิชาติอย่างตกใจคาดไม่ถึง
ในหน่วยพิเศษ...อภิชาติหน้าเคร่งเครียด ทุกคนต่างไหวตัวอภิชาติยกมือเป็นเชิงให้ทุกคนหยุดพูด พลางทำมือวนรอบๆห้องปฏิบัติการ จักจั่นกับงิ้วต่างพยักหน้ารับรู้ ว่ามีอาจมีเครื่องดักฟังอยู่ แล้วจักจั่นก็พูดขึ้น
“เฮ้อ...ปวดท้องขอตัว”
อภิชาติกับจักจั่นพยักหน้ารับรู้กันส่งเสียงทิพย์ให้อภิชาติได้ยินว่าเธอจะออกไปหาคนที่ดักฟังอยู่ อภิชาติพยักหน้าจักจั่นค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป อภิชาติกับงิ้วทำเป็นพูดต่อพูดพลางแยกย้าย หาเครื่องดักฟังไปพลาง
“คุณอภิชาติคิดว่าเราคาดการถูกแล้วเหรอคะ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แค่เดาๆ”
จักจั่นวิ่งไปตามทางเดินของอาคารในมือมีปืนพร้อมสายตากราดไปมาในตึกเก่าซึ่งนำมาดัดแปลงเป็นที่บัญชาการของหน่วยพิเศษ ทันใดนั้นเห็นเงาแวบผ่านไป
“เฮ้ย...”
จักจั่นรีบตามไป ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นเปรี้ยงๆๆ จักจั่นแวบไปตามเสียงปืนทันที
ร่างของจักจั่นแวบมายังที่เกิดเหตุ เงาวาบเข้ามาจักจั่นตวัดปืนไปอย่างรวดเร็ว เป็นร่างของนพถูกยิงที่หัวใหล่เซเข้ามา
“คุณนพ”
“อยู่นั่นครับ”
นพชี้ไปที่ร่างของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นอนฟุบอยู่ จักจั่นตรวจบาดแผลของนพ
“กระสุนทะลุ ไม่เป็นไรค่ะ อยู่เฉยๆ”
จักจั่นเดินไปที่ร่างของเจ้าหน้าที่ย่อตัวลงตรวจดู ในที่สุดพบเครื่องรับฟัง จักจั่นยกขึ้นมาตรวจดูอภิชาติกับงิ้ววิ่งเข้ามา พร้อมเจ้าหน้าที่ นพหน้าสลด
“ผมเสียใจครับ ที่เจ้าหน้าที่ของเราเป็นแบบนี้”
อภิชาติปลอบใจ
“ไม่ใช่ความผิดคุณ เงินไม่เข้าใครออกใคร”
งิ้วรีบบอก
“รีบพาคุณนพไปที่ห้องพยาบาล”
เจ้าหน้าที่รีบประคองนพออกไปอภิชาติกับงิ้วเดินมาที่จักจั่นซึ่งยืนขึ้นชูเครื่องรับเสียงดักฟังให้ดู
“เครื่องดักฟัง”
ทุกคนมองที่ร่างของเจ้าหน้าที่หน้าเคร่งเครียด
รถตู้สองคันเข้าประตูหน่วยพิเศษแห่งใหม่มา เจ้าหน้าที่รีบปิดประตู รถสองคันจอด อภิชาติ งิ้ว จักจั่น ลงมาจากรถ มีเจ้าหน้าที่อีก 5 คนยืนระวังอยู่ นพมีผ้าขาดที่แขนลงมาจากรถพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกสองคน ทั้งหมดเดินมาพบกัน อภิชาติสั่งการ
“ตรวจสอบทุกคน อย่าให้มีหนอนบ่อนไส้อีก”
นพรับคำ
“ครับ...ไม่มีแน่นอน เราเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมปฏิบัติการได้ทันทีครับ”
จักจั่นหันมาถามนพ
“แผลเป็นไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีครับ เชิญครับ”
“ขอบคุณมาก”
อภิชาติ จักจั่น งิ้ว เข้าไปด้านใน นพมองตาม
ฤทธิชัยกำลังตรวจข้อมูลที่ได้รับจากอภิชาติทางคอมพิวเตอร์ ดาวเดินเข้ามายืนใกล้ๆ
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“ผมตรวจดูแล้ว อาวุธที่น่ากลัวและร้ายแรงที่สุดคือเครื่องยิงจรวดระยะไกลชนิดนำด้วยแสงเลเซอร์”
“น่ากลัวทีเดียว ถ้าตกอยู่ในมือของพวกมัน”
“ปัญหาก็คือ เราไม่สามารถเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องได้เลย”
“ไม่มีใครเชื่อคนที่หนีกฎหมายอย่างผมและนางเสือ”
“คุณกำจรน่าจะเป็นทางออกที่ดีนะคะ”
ฤทธิชัยยิ้มดึงดาวเข้ามากอดในอ้อมแขน
“เก่งมาก อย่างนี้ต้องให้รางวัล”
“ถูกต้องที่สุด”
ฤทธิชัยก้มลงใบหน้าทั้งสองคนเคลื่อนเข้าหากัน
ในโทรทัศน์ กำลังเสนอข่าวการซ้อมรบ ของทหารไทยกับอเมริกัน กำจรกำลังรายงานข่าว
“นี่คือภาพการซ้อมรบประจำปีระหว่างทหารไทยอเมริกันซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆปี และจะมีอาวุธที่นำสมัยนำมาทดลองใช้ในการซ้อมรบทุกครั้ง...มีรายงานลึกลับแจ้งเข้ามาว่าอาจจะมีแผนการชิงอาวุธที่ใช้ในการซ้อมรบครั้งนี้ เท็จจริงแค่ไหนเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้”
ทันใดนั้นมีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามารวบไมโครโฟนไปจากกำจร เกิดการชุลมุนขึ้นในจอได้ยินเสียงเอะอะ จอดับวูบ จักจั่นชะงัก
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีคนไม่ต้องการให้ข่าวนี้ออกไป”
อภิชาติกับจักจั่น เดินไปมาอย่างหงุดหงิดรออยู่ งิ้วมองจอทีวี
“มาแล้ว”
ภาพในทีวีปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเป็นภาพของศักดา
“ทางการขอยืนยันว่าการซ้อมรบครั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอนมีการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมเข้มข้น ข่าวเรื่องการชิงอาวุธเป็นเพียงแค่ข่าวโคมลอยเพื่อสร้างสถานการณ์เท่านั้น”
นักข่าวหญิงคนใหม่ออกมารายงานข่าวแทนกำจร
“นี่คือคำยืนยันจากท่านรอง ศักดา หัวหน้าหน่วยป้องกันการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ดิฉัน โฉมฉาย มณีเพชร รายงาน”
ทีวีดับอภิชาติ งิ้ว และ จักจั่น ต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติรับสาย
“อืม...โอเคเพื่อน”
อภิชาติวางสาย
“คุณหนึ่งเป็นคนให้กำจรออกข่าวก่อกวน พวกมันพร้อมเล่นงานท่านรองศักดาไปด้วย”
งิ้วพยักหน้า
“ดีค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก อภิชาติรับสาย งิ้วกับจักจั่นต่างมองสงสัย
“ได้ครับ” อภิชาติวางสาย “ผมขอตัวก่อน”
จักจั่นสงสัย
“จะไปไหนคะ”
“กำจรถูกซ้อม” อภิชาติบอกเครียดๆ
อภิชาติ งิ้ว จักจั่น เดินเข้ามาในโรงพยาบาล เข้ามาในห้องพักคนไข้พบว่ากำจรนอนอยู่บนเตียง หน้าตามีริ้วรอยฟกช้ำ หมอยืนตรวจอยู่
“เชิญครับ”
หมอเดินออกไป กำจรยิ้มให้ทุกคน
“ไอ้หนึ่งฝากขอโทษแกที่มันเป็นต้นเหตุ”
“จิ๊บจ้อย”
งิ้วเข้าไปถาม
“พอจำได้มั๊ยคะว่าเป็นพวกไหน”
“น่าจะเป็นคนของท่านรองศักดา”
จักจั่นเข้ามาบอก
“เราจะเอาคืนให้ค่ะ”
กำจรแค้นๆ
“อย่าลืมบวกดอกเบี้ยไปด้วยนะครับ”
ทุกคนต่างยิ้ม
“ขอบใจอีกครั้งเพื่อน ข่าวของแกอย่างน้อยก็ทำให้พวกมันทำงานยากขึ้น”
“ดี...ถล่มมันให้ราบเลยเพื่อน”
“แน่นอนที่สุด” อภิชาติบอกหนักแน่น
อภิชาติ งิ้ว จักจั่นเดินมาที่รถของตน ทันใดนั้นรถตู้เข้ามาจอดสองคัน พวกมือปืน 8 คนกรูกันออกมาแล้ววิ่งมาที่ทั้งสาม ยกปืนส่องล้อมไว้หมดทุกด้าน โจยิ้มหยัน
“ไงคุณอภิชาติ คุณจักจั่น คุณงิ้ว หลงกลมาอยู่ในกำมือผมจนได้”
แต่แล้วโจก็ต้องอึ้งคาดไม่ถึงเมื่อทั้งสามคนหันมา เป็นชายหนึ่ง หญิงสองแต่ไม่ใช่ อภิชาติ จักจั่น และ งิ้ว ทั้งสามต่างยกมือ ขึ้นอย่างตกใจ ชายตื่นกลัว
“มีคนให้เรามาเอาของที่รถครับ”
ทันใดนั้นเสียงอภิชาติดังขึ้น
“แกหาฉันเหรอ”
โจกับมือปืนหันไปก็พบว่า อภิชาติ จักจั่น งิ้ว ยืนอยู่บนหลังคารถตู้ของมัน พวกมันขยับ จักจั่นกราดปืนใส่
“อ๊ะ อย่าให้ฉันต้องฆ่าพวกแก ขอบอกว่าชอบมาก”
งิ้วยิ้มเย้ย
“เชอะกลตื้นๆ...พวกเราอยากเจอแกอยู่แล้วถึงได้มา”
อภิชาติหันไปสั่งชายคนนั้น
“พี่ชายช่วยเปิดท้ายรถผมหน่อยครับ”
ชายคนนั้นเดินไปเปิดท้ายรถ อภิชาติตะคอกสั้งพวกโจ
“พวกเอ็งทุกคนเอาปืนไปโยนไว้ในท้ายรถ พี่ชายปิดท้ายรถด้วยครับ”
พวกมันทำตามจนครบทุกคน
“เสร็จแล้วเอากุญแจไว้บนหลังคารถด้วยครับ”
ชายคนนั้นปิดท้าย แล้วเอากุญแจวางไว้บนหลังคารถ
“เชิญพี่ชายกับพี่ผู้หญิงกลับไปได้แล้วครับ ขอบคุณมากครับ”
ชายหญิงทั้งสามรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว จักจั่นยิ้มสะใจ
“ได้เวลาโปรโมชั่นคืนกำไรแล้วทุกท่าน”
พวกมือปืนลอยลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้น จักจั่น กับ งิ้ว วาดลวดลายต่อสู้ประชิดตัวกับพวกมัน อภิชาติยืนเอาปืนจ้องที่โจอยู่ เวลาผ่านไปอึดใจ พวกมือปืนก็กลิ้งอยู่กับพื้นลุกไม่ขึ้น จักจั่นกับงิ้วเดินเข้ามา อภิชาติยิ้มหยัน
“ณ เวลานี้ เราก็ต่างรู้กันแล้วว่าใครเป็นศัตรูนายใหญ่ของแกกำลังหน้ามืดตามัวคิดว่าตัวเองจะได้ชัยชนะ แต่หารู้ไม่เผยโฉมออกมาวันไหน ก็เท่ากับว่าดับตัวเองวันนั้น”
โจเบ้ปากยักไหล่...จักจั่นตบผัวะเข้าให้โจหน้าหัน
“ของฝากไปให้นายใหญ่ของแก”
อภิชาติขับรถมาตามถนนมีจักจั่นนั่งหน้าคู่กัน งิ้วนั่งทางด้านหลังกราดสายตามองไปมาแล้วถามขึ้น
“จะไปไหนต่อคะเนี่ย”
“ไปเยี่ยมท่านรองศักดาซะหน่อย”
จักจั่นถอนใจ
“ป่านนี้หลบไปอยู่ไหนแล้วมั๊งคะ”
อภิชาติยิ้ม
“ไม่หรอกครับ คนพวกนี้คิดว่าไม่มีใครกล้าทำอะไร”
งิ้วแสยะยิ้ม
“งั้นก็ต้องให้รู้ซะหน่อยว่าโดนได้เหมือนกัน”
“งานนี้ผมว่าคุณงิ้วปล่อยให้นางเสือจัดการจะเหมาะกว่า”
งิ้วเซ็งเลย
“เฮ้อ...หมดสนุกเลยเรา”
อภิชาติขับรถไป
ศักดากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในบ้านพัก
“คุณแน่ใจนะคุณโจ...มันกล้าเหรอ...ได้เลย”
ศักดาวางสายโครม เดินออกมาด้านนอก มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าห้องสองคน
“เตรียมคนให้พร้อม จะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยม ขอกำลังเสริมมาด้วย เร็วที่สุด”
ศักดิ์กลับเข้าไปในห้อง แต่แล้วเปิดกลับออกมาอีก
“อ้อ...จับตายได้เลย”
เจ้าหน้าที่นับสิบต่างวิ่งกันวุ่นวายในบ้านพัก และเข้าประจำที่ตามจุดต่างๆ ทุกคนเตรียมปืนพร้อม
ศักดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีปืนสั้นวางพร้อมอยู่ มีมือปืน2 คนยืนประกบอยู่ข้างๆ ไม่ไกลจากบ้านพัก รถของอภิชาติเข้ามาจอดข้างกำแพง ทั้งสามลงมาจากรถ
“พวกมันเตรียมตัวรออยู่แล้ว อันตรายเกินไป ผมจะแค่เข้าไปสั่งสอนเท่านั้น คุณงิ้วไม่จำเป็นต้องเสี่ยงดีกว่า”
“เราสองคนแวบเข้าแวบออกแป๊บเดียวก็เสร็จโอเคนะ”
งิ้วคิดอึดใจ
“ก็ได้...ตามสบายสนุกกันให้เต็มที่”
อภิชาติกับจักจั่นยิ้มออก ทั้งสองเอามือโบกผ่านตัว ร่างกลายเป็นชุดดำใส่หน้ากากขึ้นมา งิ้วเหล่
“โอ๊ย...อิจฉา”
อภิชาติกับจักจั่นยิ้มแล้วแวบออกไป งิ้วถอนใจเสียดายเปิดประตูรถกลับเข้าไปนั่งที่คนขับรออยู่
ตรงหน้าประตูพวกมือปืนต่างยืนพร้อมเต็มที่ ปืนในมือพร้อมยิง ทันใดนั้นร่างของจักจั่นแวบมาโผล่ตรงหน้า พวกมันตกใจยิงสาดเปรี้ยงจักจั่นเบี่ยงตัวหลบไปมาแล้วบุกเข้าประชิดตัวคว้าพวกมันเหวี่ยงลงไปที่สนามหญ้าดังตุบๆๆๆ พวกมันทรุดกองอยู่ตรงนั้น จักจั่นยิ้มเดินออกไป
ศักดาได้ยินเสียงปืนผุดลุกขึ้นมือคว้าปืน มือปืนสองคนขยับตัวตวัดปืนเข้าที่ประตู รอพร้อมเหนี่ยวไกถ้ามีใครพรวดเข้ามาทางประตู ปืนในมือทั้งสามคนพร้อม ทันใดนั้นประตูเปิดผลัวะ ร่างคนโผล่มาพวกมันยิงสาดใส่ร่างสั่นสะท้าน แล้วปลิวเข้ามาใส่พวกมันจนแตกกระจาย พวกมันตั้งตัวได้ปรากฏว่าเป็นร่างของมือปืนพวกมันเอง ทุกคนคาดไม่ถึง ประตูปิดโครม ทุกคนตวัดปืนไปที่ประตู แต่ไม่มีใคร ทันใดนั้นเสียงอภิชาติดังขึ้น
“สวัสดีท่านรอง”
พวกมันหันมาทางอภิชาติซึ่งยืนอยู่ตรงมุมห้อง
“นางเสือ”
มือปืนและศักดายิงกราดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเปรี้ยงๆๆๆแต่ร่างของอภิชาติแวบเข้ามากลางกลุ่มตวัดมือเข้าใส่เสียงดังตึบๆมือปืนสองคนร่วงไปที่พื้น เหลือแต่ศักดายืนหน้าซีดอยู่ อภิชาติคว้าปืนในมือศักดาแล้วผลักไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน
“ท่านรองประกาศล่านางเสือ พวกเรามาแล้วไง”
“ผมทำตามหน้าที่ คุณเป็นศัตรูของประชาชน”
“คุณตามล่าผมได้ แต่ทำไมต้องส่งกำลังไปคุกคามชาวบ้าน”
“ก็...ก็...ชาวบ้านพวกนั้นรับของจากนางเสือ ถือว่ารับของโจรมีความผิด”
“ถามจริง ถ้าผมฆ่าท่านรองตอนนี้ ใครจะมาช่วยท่านรอง”
ศักดาเงียบพูดไม่ออก
“เลิกยุ่งกับชาวบ้าน ไม่ยังงั้นผมจะมาเยี่ยมอีก รับรองว่าท่านไม่รอดแน่”
ศักดาหน้าตื่น
“แก...”
อภิชาติตบผัวะ ศักดาหน้าหันสะท้านพอหันกลับมา อภิชาติหายไปแล้ว
งิ้วขับรถมาบนถนนสายหนึ่ง จักจั่นนั่งหน้า อภิชาตินั่งหลัง งิ้วยิ้มพอใจ
“สะใจมาก อยากเห็นหน้าท่านรองตอนโดนตบจริงๆดี...มันจะได้รู้ว่า เราประกาศสงครามกับมันได้เหมือนกัน”
อภิชาติคิดๆ
“พวกมันจะต้องเล่นสกปรก เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
“สกปรกมา เราก็สกปรกไป”
จักจั่นเห็นด้วย
“ใช่ คนชั่วพวกนี้เลวจนแก้ไม่ได้แล้ว จะเอาชนะพวกมันด้วยความดีนั้นยาก”
งิ้วแค้นๆ
“ต้องเอาความชั่วเข้าล้าง”
อภิชาติพูดขำๆ
“เสร็จงานนี้ต้องรีบไปรดน้ำมนตร์ล้างบาปซะหน่อย”
งิ้วยิ้มๆ
“สวรรค์ส่งเรามาทำหน้าที่ปราบคนชั่ว ไม่บาปหรอกน่า”
จักจั่นชอบใจ
“โห...ชอบมากเลย”
จักจั่นกับงิ้วยกมือไฮไฟว์กัน งิ้วเหยียบรถตะบึงไป
รถของอภิชาตวิ่งเข้ามาจอดที่หน่วยพิเศษ ทั้งสามลงจากรถ ทันใดนั้นจักจั่นตาโตตื่นเต้น
“พี่ดาว”
จักจั่นวิ่งเข้าไปกอดดาว ที่ยืนอยู่ข้างฤทธิชัย มีนพ และ เจ้าหน้าที่หน่วย 5 คนยืนรอบๆ อภิชาติกับงิ้วเดินเข้ามารวมกลุ่ม
“ทำไมถึงมากันที่นี่ล่ะคะ”
ฤทธิชัยหันมาบอก
“มีเรื่องที่จะต้องลงมือ”
งิ้วเข้าใจได้ทันที
“เกี่ยวกับอาวุธสงคราม”
ฤทธิชัยพยักหน้า
“แน่นอน”
อภิชาติยิ้มขำ
“ความผิดระดับอินเตอร์เลยนะเพื่อน”
“ใครๆก็โกอินเตอร์...กำลังอินเทรนด์แกไม่รู้เหรอ”
“ฟังดูตื่นเต้นดี จักจั่นชอบมาก”
ดาวยิ้มแย้ม
“เป็นความคิดของคุณหนึ่งจ๊ะ”
อภิชาติแซว
“โห...ให้คะแนนกันน่าดู”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำ นพเข้ามาบอก
“เชิญทุกคนที่ห้องปฏิบัติการได้เลยครับ”
ทั้งหมดต่างเดินกันเข้าไปด้านใน อภิชาติอยู่ท้ายคุยกับนพ
“คุณแน่ใจนะว่าไม่มีสายพวกมันอยู่ที่นี่”
“มั่นใจแน่นอนครับ”
อภิชาติพยักหน้ายิ้มตบไหล่นพเบาๆแล้วเดินผ่านไป นพมองตาม...ทั้งหมดเดินเข้ามาในห้อง ปฏิบัติการต่างนั่งยืนกันตามสะดวก อภิชาติหันไปหาฤทธิชัย
“เอ้าว่าแผนของนายมา”
ฤทธิชัยยิ้มหันมาทางงิ้ว
“เริ่มจากคุณงิ้ว เราต้องการฝีมือการเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ”
งิ้วยิ้ม
“อยากรู้เรื่องอะไรบอก ดาราคนไหนนอนกับใคร นักการเมืองโกงฝากเงินไว้ที่ไหน ได้ทั้งนั้น”
“สถานที่เก็บอาวุธสงคราม...เส้นทางการเดินทาง ไปที่ไหนเมื่อไหร่รายละเอียดทุกอย่าง”
“สบายมาก”
อภิชาติคิดนิดนึงก่อนจะพูดขึ้น
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่วยโอนเงินไอ้พวกคนโกงเข้ามูลนิธิเด็กซักร้อยสองร้อยล้านก็ดีครับ”
“อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยนะ”
ดาวถามขึ้นทันที
“นานแค่ไหนคะ เรามีเวลาไม่มาก”
“ครึ่งชั่วโมงนานไปมั๊ยคะ”
จักจั่นแซว
“โห...จะคุยว่าเก่งก็บอกเถอะ”
ทุกคนต่างยิ้ม งิ้วพร้อมทำงาน
รถบรรทุกอาวุธสงครามซ้อมรบสองคันจอดอยู่ ณ ที่เก็บอาวุธ ทหารนับสิบนายยืนระวังอยู่รอบๆ ทหารอเมริกันคนหนึ่งกำลังเดิน ตรวจรอบๆ ทหารไทยเดินเข้าไปทำความเคารพ ทหารอเมริกันออกคำสั่ง
“พร้อมเดินทางภายในครึ่งชั่วโมง”
ทหารอเมริกันเดินออกไป ทหารไทยเดินออกไปอีกด้านหนึ่ง ทันใดนั้นอภิชาติใช้วิชาพรางตัวใส่ชุดทหารเดินไปที่รถบรรทุกอาวุธ ฤทธิชัยอยู่ในเครื่องแบบทหารเหมือนกันเดินเข้ามา ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กัน อภิชาติโหนตัวขึ้นไปบนรถบรรทุก เข้าไปประจำที่คนขับ ฤทธิชัยเดินไปที่รถบรรทุกอีกคันหนึ่งแล้วขึ้นไปประจำที่คนขับ ทั้งสองคันมีทหารอีกคนขึ้นมานั่งด้วยทั้งสองพยักหน้าทักทายแล้วต่างสตาร์ทเครื่อง
บนทางของถนนหลวง...ขบวนรถทหารที่มีอาวุธพร้อม สองคัน นำรถบรรทุกสองคันวิ่งไปข้างหน้า ปิดท้ายด้วย รถทหารอาวุธพร้อมอีกหนึ่งคัน รถคันหน้านั้นมีทหารอเมริกันนั่งอยู่ด้วย ขณะเดียวกันนั้นทหารไทยก็ยกวิทยุขึ้นสั่งการณ์
“เส้นทางเคลียร์”
ทหารคนนั้นเก็บวิทยุ ขบวนรถผ่านไป ทันใดนั้นทางข้างหน้ามีระเบิดตูมตูมไฟลุกท่วม รถเบรกเอี๊ยด ทหารประจำวิทยุ รีบกรอกเสียงลงไปในวิทยุ
“มีกำลังซุ่มโจมตี”
ขบวนรถที่ตามมาหยุด ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ทหารบนรถกระเด็นตกไปบนถนน ทหารอเมริกันตวัดปืนยิงสาดออกไปในขณะที่ ทหารทั้งหมดโดดลงจากรถตวัดปืนกราดสู้ อภิชาติกับฤทธิชัยต่างโดดลงจากรถไปที่ทหารคนใกล้ๆแล้วชกเปรี้ยงสลบไป ทั้งสองจับทหารโยนไปใต้ข้างๆรถเพื่อให้พ้นกระสุน ส่วนตัวเองกลิ้งตัวเข้าไปใต้ท้องรถ ทหารประจำวิทยุรีบรายงานขอความช่วยเหลือ
“ขบวนอาวุธถูกซุ่มโจมตี ขอกำลังทางอากาศเสริมด่วน”
ขาดคำทหารคนนั้นก็ถูกกระสุนทรุดลงไป พวกมือปืนบุกล้อม ทุกคนต่อสู้ยิงกันสนั่น ทหารอเมริกันถูกกระสุนคว่ำไป สองกลุ่มสาดกระสุนเข้าใส่กันล้มตายกันทั้งสองฝ่าย ครู่หนึ่งผ่านไป ทหารถูกยิงตายจนหมด โจกับพวกมือปืนนับสิบก้าวตรงมาที่ขบวนรถ
“ตรวจดูซิ”
พวกมือปืนแยกย้ายกันตรวจที่รถบรรทุก โจยิ้มอย่างสะใจ
“เรียบร้อยครับนาย”
“รีบเอาอาวุธไปที่จุดนัดพบ”
มือปืนโดดขึ้นรถบรรทุกทั้งสองคัน มันสตาร์ทเครื่อง แล้วเคลื่อนรถออกไป โจสั่งการเสียงดังลั่น
“พวกเอ็งตามไปคุมขบวนรถ อย่าให้พลาด”
พวกมือปืนต่างโดดขึ้นรถจิ๊ปของเจ้าหน้าที่ แล้วขับตามออกไป โจยิ้มอย่างพอใจ
“ไอ้พวกนางเสือ คิดว่าตัวเองแน่”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจรับสาย
“เรียบร้อยครับท่าน ครับ”
โจวางสายโบกมือเรียก รถตู้พรวดเข้ามา โจโดดขึ้นรถ รถตู้ออกไป ทหารสองคนที่ฤทธิชัยกับอภิชาติช่วยไว้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา กราดสายตามองร่างของทหารที่นอนตายเกลื่อนอยู่อย่างคาดไม่ถึง
อ่านต่อหน้า 3
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 11 (ต่อ)
รถจิ๊ปพวกมือปืนนำขบวน รถบรรทุกทหารสองคันไปตามถนน มือปืนขับรถบรรทุกตามไปอย่างสบายอารมณ์ ทันใดนั้นอภิชาติปรากฏขึ้นข้างๆมีปืนอยู่ในมือ
“ถึงทางแยกข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวา”
คนขับพยักหน้า อภิชาติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับฤทธิชัยที่อยู่บนรถบรรทุกอีกคัน
“ไงเพื่อน”
ฤทธิชัยถือปืนจ่อคนขับอยู่เช่นกัน
“เรียบร้อยพร้อมขั้นต่อไป”
รถจิ๊ปนำขบวนไปข้างหน้า แต่แล้วมือปืนคนขับก็ถึงกับชลอรถแล้วหยุดเพราะตรงหน้ามันร่างของดาว และจักจั่นในชุดนางเสือยืนอยู่
“อะไรวะ”
“นางเสือพี่”
“บอกรถบรรทุกให้ถอยไปก่อน”
พวกมันโดดลงจากรถยืนโบกไม้โบกมือให้รถบรรทุกหยุด แต่แล้วต้องโดดหนีเมื่อรถบรรทุกวิ่งผ่านมันไปทั้งสองคัน รถจิ๊ปที่ปิดท้ายวิ่งตามมา มือปืนโบกมือ
“ตามไป”
รถจิ๊ปตามติดรถบรรทุกไปแต่คนขับถูกยิงฟุบรถจอดเอียงข้างถนน เสียงปืนดังสนั่นมาจากดาวและจักจั่นพวกมันต่างโดดลงจากรถยิงสู้ แต่ดาวกับจักจั่นเดินเข้ามาใส่พวกมันปืนในมือยิงสาดถูกพวกมันล้มคว่ำทีละคนจนหมดดาวกับจักจั่น เดินเข้ามามองร่างของพวกมัน มีคนหนึ่งบาดเจ็บรอดอยู่
“อย่าทำฉันเลย”
“พวกเอ็งฆ่าเจ้าหน้าที่อย่างเลือดเย็น”
“ชีวิตต่อชีวิต”
จักจั่นยกปืนส่อง มันร้องขอ จักจั่นมองอย่างสมเพทลดปืนลง ดาวกับจักจั่นเดินไปที่รถจิ๊ป ดึงร่างของมือปืนที่ตายคว่ำอยู่บนรถออกไป ดาวกระโดดขึ้นแล้วขับออกไป ด้านหลังรถตู้คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในระยะไกลแล้วจอด โจโดดลงมาจากรถ กับพวกมือปืนสองคนมันกราดตามองรอบๆ เห็นมือปืนคนรอดตาย
“อะไรวะนี่”
มือปืนที่รอดตายพูดเสียงแหบแห้ง
“นางเสือ นาย นางเสือ”
โจโมโหมันตวัดปืนยิงไอ้มือปืนเปรี้ยงคว่ำไป มันเดินไปเดินมาเอามือกุมหัว คิดไม่ตก
รถบรรทุกทหารสองคันวิ่งเข้ามาในโกดังเก็บของลึกลับ ตามด้วยรถจิ๊ปของดาว นพกับเจ้าหน้าที่ 4 คนและงิ้วยืนรออยู่ ทั้งหมดต่างลงมาจากรถ งิ้วเดินเข้ามาหาทุกคน
“สุดยอด แผนการสุดยอดจริงๆ”
จักจั่นสะใจ
“มันจริงๆ ป่านนี้พวกมันคงเต้น”
อภิชาติถอนใจ
“น่าเสียดาย เราช่วยเจ้าหน้าที่ไม่ได้เลย”
ฤทธิชัยหน้าสลด
“เจ้าหน้าที่สูญเสียไปหลายคน”
ดาวเข้ามาโอบฤทธิชัย
“คุณหนึ่งทำดีที่สุดแล้วค่ะ”
“จักจั่นกับพี่ดาวส่งพวกมันตามไปเป็นการบวงสรวงให้พวกเจ้าหน้าที่แล้วค่ะ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทุกคนหันไป ก็เห็นว่านพเป็นคนรับสาย ปืนในมือส่องมาที่ทุกคน พวกเจ้าหน้าที่ 4 คนต่างส่องปืน มาทางทุกคนเช่นกัน
“อาวุธอยู่ที่นี่”
งิ้วมองนพแค้นๆ
“ที่แท้ไอ้คนทรยศอยู่นี่เอง”
นพยิ้ม
“เสียใจด้วยครับ เงินไม่เข้าใครออกใคร”
ฤทธิชัยจ้องหน้านพ
“แกคิดเหรอว่าจะพ้นมือเราไปได้”
นพยิ้มหยัน
“ถ้ารถบรรทุกไม่ถึงที่หมายภายในครึ่งชั่วโมงโรงเรียนที่บ้านดอนเสือจะระเบิดพร้อมกันสามแห่งไม่มีทางที่ใครจะหยุดได้ทัน”
ดาวมองนพด้วยสายตาโกรธ
“ชาวบ้านจะถูกยิงนาทีละคน คุณตัดสินใจ”
ขาดคำของนพ จักจั่นแวบเดียวไปยืนอยู่ตรงหน้าตบโครมนพทรุดปืนหลุดจากมือ นพคาดไม่ถึง ดาวรีบบอก
“ถอยมาก่อน”
จักจั่นถอยห่างออกมาอย่างไม่พอใจแค้นใจ
“ที่แท้พวกแกเป็นนางเสือ” นพยืนขึ้น “นึกแล้ว”
อภิชาติยิ้ม
“น่าเสียดาย คนที่รู้เรื่องนี้มักจะมีอันเป็นไป”
นพยิ้มเย้ย
“แล้วเจอกัน นางเสือ”
นพโบกมือ พวกมันต่างแยกย้ายไปขึ้นรถแล้วขับออกไป ดาวตวัดโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“พี่ไผ่ ระเบิดในโรงเรียนสามแห่ง ช่วยหาด้วย ครึ่งชั่วโมง”
เสียงสายลมร้องก้องบนท้องฟ้า...รถมอเตอร์ไซด์ของไผ่วิ่งมาจอดที่โรงเรียน ไผ่โดดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในโรงเรียน เห็นที่สนามเด็กเล่นมีถังขยะตั้งอยู่หนึ่งใบ ไผ่กราดสายตามองแล้วเข้าไปที่ถังขยะคว้ากล่องกระดาษขึ้นมา แล้วเหวี่ยงสูงขึ้นไปในอากาศ ตวัดปืนยิงเปรี้ยง ระเบิดตูมดังสนั่นกระจายบนท้องฟ้าเด็กๆต่างตบมือเฮเพราะไม่รู้เรื่อง เสียงสายลมร้องก้อง ไผ่เงยมองบนท้องฟ้า
รถจิ๊ปเข้ามาจอดที่โรงเรียนอีกแห่ง จันจิราโดดลงจากรถแล้วเข้าไปข้างในโรงเรียนเสียงสายลมร้องก้องมา จันจิราสายตากราดไปเห็นกล่องระเบิดเป็นกล่องของขวัญอยู่บนโต๊ะครูในห้องนักเรียนห้องหนึ่งซึ่งกำลังเรียนอยู่ จันจิราพรวดเข้าไปหยิบกล่องของขวัญแล้ววิ่งออกมาจากห้อง ชนเข้ากับภารโรงล้ม กล่องกระเด็นขึ้นแล้วตกลงมา จันจิราวิ่งเข้าไปรับได้ทันท่วงที แล้วพุ่งตัวจากระเบียงไปที่สนามหญ้าม้วนตัวสวยงาม แล้วยืนขึ้นโยนกล่องของขวัญขึ้นไปบนท้องฟ้า ระเบิดตูมดังสนั่น จันจิราหันมาเห็นนักเรียนยืนมองกันเต็มตกใจพร้อมอาจารย์ที่สอน จันจิรายิ้มเขิน
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะอาจารย์”
สายลมบินร้องบนท้องฟ้า รถมอเตอร์ไซด์ของไผ่เข้ามาจอดที่โรงเรียนอีกแห่ง ไผ่ลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงเรียนไป หยุดกราดสายตาพุ่งไปที่ห้องสมุดมีห่อหนังสือใหม่อยู่ห่อหนึ่ง นักเรียนจำนวนหนึ่ง ไผ่ก้าวยาวเข้าไปแล้วคว้าเอาห่อหนังสือออกมา แต่แล้วมีร่างของอาจารย์ใหญ่มีอายุเข้ามาขวาง
“มายืมหนังสือเหรอไผ่”
ไผ่ยิ้มแหยๆ
“เฮ่...คือ...ครับ...”
ไผ่วิ่งพรวดออกไปอาจารย์ใหญ่มองตามสงสัย ไผ่วิ่งพรวดผ่านนักเรียนออกไปแล้วขว้างห่อหนังสือ
ไกลลิ่วออกไปยังท้องนา ระเบิดตูมบนท้องฟ้า ไผ่ถอนใจเฮือก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“เรียบร้อยจ้ะ”
ดาววางสายจากไผ่ หันมาบอกทุกคน...
“พี่ไผ่จัดการกับระเบิดเรียบร้อย”
งิ้วเป็นกังวล
“ที่มันบอกว่ายิงชาวบ้านนาทีละคนหมายความว่ายังไงคะ”
ดาวหน้าเครียด
“พวกมันจ้างกองกำลังต่างชาติเข้ามาคุ้มกันค่ายตัดไม้ทั้งหมดแทนเจ้าหน้าที่ ดาวคิดว่ามันจะยิงชาวบ้านที่ทำงานให้มันทิ้งทันทีถ้ามีคำสั่งออกไป”
งิ้วเจ็บแค้นใจ
“เลวสุดขั้วจริงๆ”
อภิชาติเดินเข้ามาในห้อง
“ผมสั่งให้หน่วยพิเศษสลายตัวหมดแล้ว เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกคน”
งิ้วหน้าเครียด
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี มันได้อาวุธไปแล้ว”
“พี่ไผ่กับจันจิราตอนนี้กำลังสังเกตการณ์ คอยดักเส้นทางของพวกมันอยู่ เราอาจจะได้อาวุธคืนมา”
ฤทธิชัยหันมาหาอภิชาติ
“ฉันกับคุณดาวจะกลับไปบ้านดอนเสือ หาทางทำลายอาวุธที่มันเอาไปให้ได้ ส่วนนายอยู่ที่นี่ ดูซิว่าก้าวต่อไปของพวกมันคืออะไร”
อภิชาติพยักหน้า ทั้งหมดต่างเป็นกังวล
ไผ่อยู่บนเนินสูงส่องกล้องทางไกลเห็นขบวนรถขนอาวุธวิ่งเข้ามามุ่งหน้าไปทางชายแดน
“มาแล้ว”
“พี่ดาวบอกว่าพวกมันจะยิงชาวบ้านนาทีละคน ถ้าอาวุธไม่ถึงจุดหมายตรงเวลานะคะ”
ไผ่เสียอารมณ์
“ไอ้พวกขี้ขลาด พี่จะส่งพวกมันลงนรกให้หมด”
“ใจเย็นค่ะ เราตามไปห่างๆ รอพี่ดาวกับคุณหนึ่งมาก่อนดีกว่าแล้วค่อยหาทางแก้ไข”
ไผ่พยักหน้า ถอนใจ มองขบวนรถของมันวิ่งผ่านไปทางชายแดนอย่างแค้นใจ
ศักดาก้าวเข้ามาในห้อง ที่กองบังคับการกรมตำรวจ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายนั่งอยู่
“เราได้ข่าวจากพวกมันแล้วครับ”
เสียงฮึมฮัมดังขึ้นในห้อง นายตำรวจคนหนึ่งหันมาถาม
“พวกมันต้องการอะไร”
“พวกมันต้องการแต่งตั้งให้นายดำรงเป็นรัฐมนตรีคลัง”
“บ้าเหรอเปล่า ใครจะยอม”
นายตำรวจอีกคนพูดขึ้น
“ถ้าไม่ยอมทุกอย่างพินาศหมด”
ศักดาเสียงเครียด
“พวกมันให้เวลาหนึ่งอาทิตย์”
งิ้วพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ขณะที่นั่งคุยกัอยู่...
“ในที่สุดมันก็เผยใต๋ นายดำรงคือนายใหญ่ของมันชัวร์”
อภิชาติหน้าเครียด
“ถ้าไม่ยอม มันจะยิงจรวดที่ยึดไปที่เขื่อนสำคัญคลังน้ำมัน โรงไฟฟ้าและนิคมอุตสาหกรรมรมที่มีโรงงานของต่างชาติทุกแห่ง”
จักจั่นหนักใจ
“พี่ดาวบอกว่ามันใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ ถ้ามีการบุกมันจะกำจัดชาวบ้านทั้งหมดทันที”
“ที่พวกมันเกณฑ์ชาวบ้านไปเพราะเรื่องนี้นี่เอง”
งิ้วหนักใจ
“พวกมันคุมกำลังหมดทุกด้าน ทางทหารทางเศรษฐกิจ แล้วตอนนี้ถึงทางการคลัง”
จักจั่นหันมามองหน้าอภิชาติ
“เราเก็บนายดำรงได้มั๊ย”
“พวกมันปล่อยจรวดถล่มทุกจุดแน่”
จักจั่นถอนใจ
“สรุปแล้วเราต้องยอมมันอย่างนั้นเหรอ”
อภิชาติเคร่งเครียด
“พวกมันแน่มาก วางกำลังไว้หมดทุกด้านจริงๆ”
ทุกคนมองหน้ากันคิดไม่ออกเป็นกังวล
ดาววางสายโทรศัพท์ หันมาเล่าฤทธิชัย...
“ข่าวจากคุณอภิชาติ”
“พวกมันต้องการอะไร”
“ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในมือของพวกแบล็คอีวิล”
“บทสุดท้ายระหว่างเรากับพวกมัน”
ไผ่กับจันจิราเดินเข้ามาในห้อง
“มันเอาอาวุธไปไว้ที่ค่ายชายแดนตามคาดปัญหาก็คือ ผมไม่เห็นทางที่จะบุกเข้าไปโดยไม่เสี่ยงต่อชีวิตชาวบ้านได้ยังไง”
ทุกคนต่างมองหน้ากันหน้าเคร่งเครียด
อภิชาติเปิดประตูนำจักจั่นกับงิ้วเข้ามาข้างใน คอนโดของเขา ทั้งหมดต่างวางเป้สัมภาระของตนแล้ว นั่งตามอัธยาศัย อภิชาติเดินไปที่ตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้มาแจกให้สาวๆ
“จักจั่นว่าเราลุยไปลากตัวนายดำรงมาให้จบๆไปเลยดีกว่า”
งิ้วเห็นด้วย
“นั่นน่ะซิ”
อภิชาติขัดขึ้น
“เราต้องแน่ใจก่อนว่า นายดำรงตัวนี้เป็นนายใหญ่ชัวร์”
“ทำไมจะไม่ชัวร์เมื่อคุณงิ้วจับสัญญาณแบตเตอร์รี่กระตุ้นหัวใจของมันได้”
“แบบนี้เหรอ”
อภิชาติแบมือไปทางงิ้ว มีชิฟสี่เหลี่ยมขนาดจิ๋วอยู่ในมือ งิ้วรีบดึงเครื่องวัดสัญญาณที่แขวนคอออกมาดูอย่างคาดไม่ถึง
“เครื่องจับสัญญาณทำงาน”
“มันรู้ว่าความลับของมันถูกเปิดเผย มันอาจใช้ชิฟแบบนี้ ตบตาเราก็ได้”
ทุกคนผิดหวังเสียอารมณ์ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อภิชาติยกเครื่องมองอย่างสงสัย แต่แล้วเหมือนคิดได้ รีบกรอกเสียงลงไป
“ว่าไงนายโจ”
จักจั่นกับงิ้วต่างมองหน้ากัน คอยฟังอย่างตั้งใจ
ดาวหลับตาท่องมนตร์ที่เนินแห่งหนึ่ง ตรงหน้าค่าย อึดใจแหงนหน้ามองบนท้องฟ้าร่างของสายลมร่อนเหนืออยู่บนค่ายของมันแต่เงียบสนิท ดาวจ้องสายลมนิ่ง ฤทธิชัยถามเบาๆ
“สายลมเห็นอะไรมั่งหรือเปล่า”
“แปลกมากเหมือนไม่มีอาวุธ มีแต่ความว่างเปล่า”
“เป็นไปได้ยังไง คุณไผ่กับคุณจันจิราตามพวกมันถึงที่นี่ยืนยันแน่นอน”
ดาวจ้องมองบนท้องฟ้า สายลมร่อนไปมาเงียบกริบ ฤทธิชัยส่องกล้องดูพวกมันอยู่
“เดี๋ยว มีการเคลื่อนไหว นายสัตยา นายนพ”
ทั้งสองต่างจ้องที่ค่ายของพวกมัน เห็นสัตยายืนสั่งการมีนพยืนอยู่ใกล้ๆ พวกมือปืนลากชาวบ้านออกมาจากกลุ่มสามคน มันจับให้เรียงแถว แล้วกราดยิงอย่างโหดเหี้ยม ทุกคนคาดไม่ถึง
“เลวมาก มันรู้ว่าพวกเราดูอยู่”
ดาวแค้นจัด
“นายสัตยา นายไม่ตายดีแน่”
สัตยามองกราดรอบๆยิ้มอย่างสะใจ มันมองรอบแล้วตะโกนลั่น
“เป็นไง แน่จริงก็เข้ามา”
มันยิ้มแล้วเดินเข้าไปในเต็นท์ของมัน นพกราดสายตามองรอบอย่างหนักใจ
อภิชาติวางสายหน้าเคร่งเครียด
“นายโจโทรมาย้ำมันจะฆ่าชาวบ้านหนึ่งคน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสายลมและสายฟ้าใกล้ค่ายของมัน”
“เชอะ ฝันไปเถอะสายลมกับสายฟ้าสามารถเงียบได้ยิ่งกว่าเสียงของความมืด ป่านนี้พี่ดาวให้สายลมร่อนอยู่เหนือค่ายพวกมันแล้วก็ได้”
“ถ้านายดำรงเป็นอะไรไปก่อนกำหนดเวลาที่วางไว้ มันก็จะยิงจรวดทันที”
งิ้วมั่นใจ
“แบบนี้นายดำรงเป็นนายใหญ่ชัวร์”
ทั้งหมดต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด จักจั่นหงุดหงิดใจสถานการณ์สับสน
ดาวกับฤทธิชัย เตรียมอาวุธที่อยู่บนโต๊ะ ไป คุยกันไป ไผ่ จันจิรา นั่งอยู่ตรงโซฟา
“คุณอภิชาติ คุณงิ้ว และจักจั่น จะตามล่านายใหญ่ ดาวกับคุณหนึ่ง จะบุกค่ายทำลายอาวุธสงครามที่พวกมันยึดมา”
“ด้วยความยินดี”
“ลุงเดช พ่อแสง พี่ไผ่ พา เม่งจู กับ อาตงหาที่ตั้งกำแพงมนต์ช่วยท่านรองก้องเกียรติและทุกคนออกมาให้ได้”
“โอเค” ไผ่รับคำ
“จันจิราคอยระวังพวกมันที่บ้านดอนเสือ”
“ได้ค่ะ”
ไผ่กับจันจิราลุกขึ้นเดินเข้ามายืนตรงหน้าดาวกับฤทธิชัย ไผ่หน้าเคร่งเครียดกังวล อึดใจก็เอ่ยขึ้น
“อย่าลืมนางงู”
ไผ่กับจันจิราเดินออกไป ดาวกับฤทธิชัยมองตาม ต่างสบตากัน
อภิชาติหันมาบอกสองสาว
“เรามีหน้าที่ล่าตัวนายใหญ่ ณ เวลานี้นายดำรงคือเป้าหมายของเรา”
จักจั่นยังกังวล
“แล้วเรื่องมันขู่จะยิงสถานที่สำคัญถ้าแตะนายดำรง”
“เราต้องเสี่ยง นายดำรงอยู่ในกำมือ เราก็ต่อรองกับมันได้”
ทันใดนั้นสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น
“เบื่อจริงๆไอ้พวกแขกไม่ได้รับเชิญ”
จักจั่นตาวาว
“กำลังเซ็งอยู่พอดี จะเก็บให้เรียบ”
อภิชาติขัดขึ้น
“ไม่จำเป็นอย่าทำบาปดีกว่าเจอกันที่ลานจอดรถ เร็วที่สุด”
ทั้งสามต่างรีบพุ่งตัวออกไป
ทั้งหมดวิ่งกันออกมาที่ลิฟท์ ทันใดนั้นได้ยินเสียงตึ๊ง ไฟกระพริบแสดงว่าลิฟท์กำลังขึ้นมา จักจั่นเปรยเบาๆ
“ช้าไปแล้ว”
งิ้วตวัดปืน
“ขึ้นมาเจอลูกปืนเองช่วยไม่ได้”
“บันได”
อภิชาติพรวดออกไป งิ้วกับจักจั่นมองกันอย่างหงุดหงิดเพราะอยากบู๊ ในที่สุดก็ตามอภิชาติลงบันไดคอนโดไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
ประตูลิฟท์เปิด มือปืนมันกรูกันออกมา 5 คน คนหนึ่งเห็นประตูทางลงบันไดกำลังปิดเพราะพวกของอภิชาติออกไป มือปืนคนหนึ่งชี้ พวกมันกรูกันตามไปเป็นพรวน
อภิชาติก้มมองเห็นพวกมันกำลังวิ่งขึ้นมาเป็นตับ งิ้วเงยขึ้นไปก็เห็นพวกมัน จักจั่นตวัดปืนออกมาอยู่ในมือทั้งสองข้าง อภิชาติกับงิ้วต่างตวัดปืนตามขึ้นมา ต่างมองหน้ากัน
“เฮ้อ...ต้องทำบาปอีกแล้ว” อภิชาติถอนใจ
จักจั่นพึมพำ
“ขอให้ทุกคนเป็นสุขเป็นสุขเถิด”
งิ้วเสริม
“สาธุ”
เสียงปืนสาดขึ้นมา ในขณะที่เสียงปืนจากด้านบนสาดลงมา อภิชาติหันมาสั่ง
“สองสาวอยู่หน้า ผมคุมหลัง”
“จักจั่นนำเอง”
จักจั่นเดินนำลงไปงิ้วตามไปติดๆ พวกมันขึ้นมาพอดี จักจั่นเดินฝ่าเหนี่ยวไกใส่พวกมันร่วงไปทีละคน งิ้วตามหลังยิงเปรี้ยงๆ จักจั่นแวบตลุยลงบันไดลงไป ทั้งตบทั้งยิง พวกมันแตกกระจาย งิ้ววิ่งตามลงมา ส่วนพวกมันทางด้านบน วิ่งลงบันไดมาก็เจออภิชาติยืนอยู่ต่างสาดปืนเข้าหากันพวกมันทรุดทีละคนจนหมด อภิชาติวิ่งตามจักจั่นกับงิ้วลงไปผ่านตามขั้นบันไดเห็นร่างพวกมันนอนเกลื่อนตามบันได อภิชาติได้แต่ถอนใจแล้ววิ่งออกไป
จักจั่นเปิดประตูผลัวะออกมา ก็เจอพวกมันนับสิบวิ่งเข้าใส่ จักจั่นยิงจนกระสุนหมด เลยเข้าต่อสู้ประชิดตัว งิ้วพรวดออกมาสมทบด้วยต่างต่อสู้กันอย่างตื่นเต้น พวกมันเข้าไม่ติดต่อยสองสาวไม่โดนเลย งิ้วอาจโดนบ้างเพราะไม่มีพลังแต่ก็ยังฝีมือเหนือกว่าพวกมือปืน ในที่สุดถูกสองสาวเล่นงานจนทรุดหมด จักจั่นหมุนตัวจระเข้ฟาดหางซัดคนสุดท้ายลงไปกองที่หน้าประตู อภิชาติเปิดออกมาพอดี
“โห...ไม่เหลือให้ผมมั่งเลย”
จักจั่นกับงิ้วหันมาเหล่...อภิชาติเดินผ่านสองสาวออกไป จักจั่นกับงิ้วต่างมองตามประมาณว่าอยากอัด
ศักดาก้าวยาวพร้อมกับ เจ้าหน้าที่บอดี้การ์ด 2 คนมายังหน้าประตูห้องประชุม เจ้าหน้าที่หน้าประตูเปิดประตูให้เข้าไปด้านใน...ภายในห้องประชุมมีนายตำรวจนั่งประชุมอยู่แล้ว 5 นาย ศักดาก้าวเข้ามา
“ผมทราบว่าจะมีการใช้กำลังเข้าจู่โจมค่ายพวกแบล็คอีวิล”
นายตำรวจพยักหน้า
“ถูกต้อง”
ศักดารีบแย้ง
“พวกมันมีชาวบ้านเป็นตัวประกันเกือบร้อยคน และจะระเบิดจุดสำคัญหลายแห่งบ้านเมืองจะโกลาหล”
นายตำรวจอีกคนสวนขึ้น
“เราไม่ยอมให้พวกก่อการร้ายมาข่มขู่ได้ง่ายๆพวกเราลงมติเรียบร้อยแล้ว”
“ข่าวกรองรู้ตำแหน่งที่พวกมันซ่อนอาวุธ เราจะทำลายพวกมันภายในพริบตา”
“พวกคุณจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตายกันหมดมากกว่า”
ศักดาพูดจบก็ก้าวออกจากห้องประชุมไปอย่างเสียอารมณ์
ฤทธิชัยยกปืนขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อย
“เมื่อถึงเวลา นางงู เป็นหน้าที่ของผม”
ดาวสบตาอึดใจแล้วพยักหน้าช้าๆ ทั้งสองต่างกล้ำกลืนความรู้สึก รู้ว่านาคีคืออันตรายอาจถึงต่อชีวิต ทั้งสองต่างเดินเข้าหากันอยู่ในวงแขนของกันและกัน อึดใจดาวถอยออก ดาวถอดสร้อยคอจากคอของตน
“สร้อยของคุณพ่อ คุณแม่ให้ดาวไว้ ดาวอยากให้คุณหนึ่งค่ะ”
ฤทธิชัยก้มให้ดาวใส่ให้
“ไม่ว่าคุณหนึ่งอยู่ที่ไหน...ดาวก็อยู่ด้วยค่ะ”
“ผมจะเก็บไว้ไม่ให้ห่างตัว แต่สำหรับผม คุณดาวอยู่กับผมเสมอ ในหัวใจของผม”
ดาวยิ้มทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องมา ดาวขยับตัว
ทั้งสองผละออกจากกัน ฤทธิชัยตวัดปืนในมือขึ้นเตรียมพร้อม
ภายนอกรอบๆเซฟเฮาส์ มือปืนนับสิบๆล้อมเข้ามาทุกทิศทาง แล้วค่อยๆแยกย้ายกันเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้าน...ดาวกับฤทธิชัย ต่างมีปืนอยู่ในมือทั้งสองข้างกราดปืนไปมาพร้อม
“พวกมันชิงเล่นงานเราก่อน”
“ก็ดี...ถือว่าเป็นการวอมอัพซ้อมมือ”
ทันใดนั้นพวกมันพรวดเข้าทางประตูเป็นฝูง ฤทธิชัยยิงกราดออกไปพวกมันล้มคว่ำ นินจาพรวดเข้ามาทางหน้าต่าง 5 คนดาวยิงสกัดเปรี้ยงๆ พวกมันเซออกไป ดาวดีดตัวเข้าหานินจายิงระยะเผาขนพวกมันถอยหลบ
“ใครอยากตายตามมา”
ดาวพุ่งตัวออกหน้าต่างไป ฤทธิชัยยิงกราดเปรี้ยงๆๆๆ แล้วพุ่งออกจากหน้าต่างตามดาวไปติดๆ ร่างของดาวม้วนตัวกับพื้น แล้วม้วนขึ้นมา ดาวเข้าปะทะกับพวกนินจา อย่างตื่นเต้นต่างแวบไปแวบมาต่อสู้กัน ร่างของฤทธิชัยพุ่งตามมากลิ้งหมุนไปกับพื้นแล้วดีด ตัวเข้าหาพวกมัน ทั้งต่อยทั้งยิงประชิดตัว หมุนไปที่ไหนพวกมันตายที่นั่น เช่นเดียวกับดาว เสียงปืนดังสนั่นๆอึดใจก็เงียบ พวกมันตายเกลื่อน ดาวกับฤทธิชัยต่างถอนใจ
ไผ่ แสง ลุงเดช พ่อเม่งจู กับ อาตง ยืนคุยกันในแนวป่าหลังบ้าน
“ผมเต็มใจครับ จะได้ไล่พวกเลวให้หมดไปจากแผ่นดิน”
ลุงเดชยิ้มพอใจ
“ขอบอกก่อนนะว่ามันอันตราย”
แสงหนักใจ
“เท่ากับเราเอาเม่งจูกับอาตงไปเสี่ยงด้วย”
พ่ออาตงหน้าตามุ่งมั่น
“ผมไม่กลัวตาย ลูกผมเป็นคนกล้าทั้งสองคน”
ลุงเดช แสง ไผ่ ต่างจ้องด้วยความนับถือชื่นชมในความกล้าของพ่ออาตง
โจเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงานกำลังคุยกับนายใหญ่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์
“บ้าที่สุด นึกว่าพวกนางเสือจะทำให้แผนเสียกลายเป็นไอ้พวกมือที่สาม เอาเงินฟาดหัวซื้อพวกมันให้ได้”
“งานนี้พวกมันไม่ยอมรับครับท่านพวกมันจะกินกันเอง แต่ผมให้อาจารย์คายามังเตรียมนาคีพร้อมอยู่แล้ว พวกมันทุกคนกำลังเดินเข้าหาที่ตายโดยไม่รู้ตัว”
“ดี...รีบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังของพวกมันให้เร็วที่สุด”
“ครับ”
“สั่งระเบิดคลังน้ำมัน”
“ครับท่าน”
นายใหญ่แว่บหายไปจากจอคอมพิวเตอร์ โจรีบเดินออกจากห้องไป
คลังน้ำมันเกิดระเบิดตูมไฟลุกท่วม...กำจรกำลังรายงานข่าว
“อยู่ๆคลังน้ำมันก็เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีเงื่อนงำเจ้าหน้าที่ของบริษัทสันนิษฐานว่าเป็นอุบัติเหตุ...ทางการกำลังสอบสวนติดตามอย่างใกล้ชิดและฝากบอกประชาชนทุกคนว่า อย่าได้วิตกกังวล สภาวะน้ำมันยังอยู่ในสภาพดี กำจร แสงรุ่งเรือง รายงาน”
อภิชาติ จักจั่น งิ้วพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ทั้งสามดูข่าวอย่างตกใจ
“ทำไมมันถึงระเบิดคลังน้ำมัน ยังเหลือเวลาอีกหลายวันก่อนกำหนด มีบางอย่างผิดปกติ” อภิชาติติดใจสงสัย
งิ้วพึมพำ
“โอ มาย ก๊อด มีคนไม่ยอมให้นายดำรงเป็นรัฐมนตรีคลัง มีคนคิดต่อต้านพวกมัน”
จักจั่นอึ้งๆ
“โห...หวงเก้าอี้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่เรื่องเก้าอี้ตัวเดียว พวกมันคาดไม่ถึงว่ามีคนคิดจะยึดประเทศไทยก่อนหน้าพวกมันอยู่แล้ว”
ทุกคนถึงกับนิ่งไปอย่างคาดไม่ถึง จักจั่นแปลกใจ
“ทำไมพวกนี้ไม่ขวางพวกแบล็คอีวิลตั้งแต่แรก”
อภิชาติคิดได้
“ทำไมต้องขวางในเมื่อมันได้ผลประโยชน์ โดยมีพวกแบล็คอีวิลคอยเป็นแพะรับบาป”
งิ้วยิ้มเหยียด
“ในที่สุดพวกจิ้งจอกทั้งหลายก็เริ่มโผล่หัวกันออกมา”
ทุกคนต่างเคร่งเครียด
อ่านต่อหน้า 4
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 11 (ต่อ)
ดาวกับฤทธิชัยอยู่บนเนินห่างจากค่ายตั้งฐานอาวุธพอสมควร ทั้งสองกราดสายตามองไปยังลานหน้าทางเข้าค่าย เห็นพวกมือปืนนับสิบคอยคุมเชิงอยู่ ทั้งสองเห็นสัตยาเดินออกมาจากเต็นท์ กับ นพ กราดสายตาไปมาพลางเอากล้องส่อง ทางไกลขึ้นตรวจดูครู่หนึ่ง สัตยาท่าทางหงุดหงิดกราดสายตามองรอบๆแล้วกลับเข้าไปในเต็นท์ ฤทธิชัยสงสัย
“นายสัตยากับนพดูเหมือนจะระวังอะไรเป็นพิเศษ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง...พวกมันรู้อะไรที่เราไม่รู้”
“ดาวจะใช้วิชาแฝงวิญญาณ ให้สายลมพาเข้าไป ได้ตัว นายสัตยาเมื่อไหร่เรื่องก็จบ”
“นายสัตยาอยู่ท่ามกลางพวกมือปืน กว่าจะเข้าถึงตัวมันได้พวกมันถึงตัวชาวบ้านก่อน”
“เราไม่มีเวลามากนะคะ เราต้องเสี่ยง”
“ถ้าจนมุมจริงๆ เราค่อยบุก”
ดาวถอนใจต่างมองหน้ากันคิดไม่ตก
ลุงเดช แสง พ่ออาตง อาตง เม่งจู ไผ่ เดินทางมาในป่าได้ระยะหนึ่ง พ่ออาตงเอ่ยขึ้น
“เราพักที่นี่เป็นแห่งแรก”
“มา เด็กๆ เรามาเดินหากำแพงกัน”
ไผ่พาเม่งจูกับอาตงออกไป ลุงเดชหันไปบอกแสง
“แสงเอ็งออกไประวังรอบๆ”
แสงพยักหน้าเดินออกไป พ่ออาตงนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ ลุงเดชกราดสายตาระวัง...เม่งจู กับ อาตง วิ่งรอบๆ ไผ่คอยดูอยู่ใกล้ๆ สุดท้ายอาตงวิ่งมาหาไผ่ ส่ายหน้า เม่งจูวิ่งตามมาส่ายหน้าเช่นกัน ไผ่อุ้มอาตง
“ไม่เป็นไร เราไปกันต่อ”
ไผ่ออกเดินจูงมือเม่งจูกลับไป ที่ลุงเดชกับพ่ออาตงซึ่งนั่งรออยู่
“เราพักอีกหน่อยแล้วค่อยเดินทางต่อพ่อแสงล่ะ”
“อยู่ด้านนอก”
แต่แล้วแสงพรวดเข้ามา
“พวกมันกำลังมาทางนี้”
“ผมจะออกไปดูพวกมันซะหน่อย”
ไผ่พุ่งลอยขึ้นไปบนยอดไม้ อาตงตะลึง
“โห...”
รถแล่นเข้ามาจอดที่เซฟเฮาส์ ดำรงศักดาลงจากรถพร้อมบอดี้การ์ดสองคน พวกมือปืนที่คุมอยู่เปิดทางให้ พวกศักดาเข้าไปในห้องรับแขกหรูกว้างใหญ่ ดำรงนั่งจิบเบียร์อยู่กับสาวสองคน มีมือปืนสามคนคอยระวังอยู่ ดำรงหันไปบอกสาวๆ
“สาวๆออกไปก่อน”
สาวๆนวยนาดออกไป ศักดิ์ดาเดินมานั่งที่โซฟาตรงข้าม
“มีเรื่องสำคัญ แผนที่นายใหญ่วางไว้ถูกล้ม”
“เป็นไปไม่ได้ ทุกขั้นตอนวางไว้เป็นอย่างดี”
“เป็นไปแล้ว ผมคิดว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายคนพวกนี้ ไม่ปล่อยให้คุณอยู่รับตำแหน่งหรอกผมว่าคุณควรจะหายไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งใหม่จากนายใหญ่”
ศักดิ์ดาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง ดำรงพูดไม่ออก ได้แต่มองตาม
รถของศักดาวิ่งออกมาแล้วผ่านไป ด้านตรงข้ามมีรถเก๋งจอดอยู่ ทันใดนั้นประตูเปิดออก อภิชาติ จักจั่น งิ้ว ออกมาจากรถด้วยความระมัดระวัง งิ้วยิ้มพึงใจ
“คุณอภิชาติคิดถูก ท่านรองศักดาเป็นกุญแจสำคัญจริงๆ”
“เกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ คนระดับท่านรองศักดาต้องมีส่วนร่วมอยู่แล้ว”
“ต้องเกี่ยวข้องกับนายใหญ่ชัวร์”
จักจั่นมั่นใจ
“นายดำรงเจ้าเก่า”
อภิชาติพยักหน้า
“ใช่ ถ้ามันยังไม่เปลี่ยนหน้าซะก่อน”
ทั้งสามเคลื่อนตัวไปที่กำแพงอย่างรวดเร็ว อภิชาติกับจักจั่นจับมือกัน งิ้ววิ่งเหยียบที่มือ ทั้งคู่ตวัดแขนส่งร่างงิ้วลอยตีลังกาข้ามกำแพงเข้าไป อภิชาติกับจักจั่นถอยห่างออกมาแล้วดีดตัวข้ามกำแพงเข้าไปอย่างง่ายดาย
งิ้วกราดปืนไปมาอย่างระวัง อภิชาติกับจักจั่นเคลื่อนตัวเข้ามาสมทบ พวกมือปืนยืนระวังอยู่ทางด้านหน้า มีรถตู้จอดอยู่ข้างๆสองคัน
“ผมกับคุณจักจั่นจะเล่นงานพวกมัน คุณงิ้วนายดำรงเป็นของคุณ”
“เอาตัวมันมาให้ได้ เป็นๆนะจ๊ะ”
งิ้วเซ็งๆ
“เบื่อตรงคำว่าเป็นๆนี่แหละ”
อภิชาติพูดขึ้น
“พร้อม...”
งิ้วกับจักจั่นพยักหน้า
“ลุย”
ขาดคำร่างจักจั่นก็พุ่งพรวดเข้าไป อภิชาติตามไปติดๆ งิ้วยิ้ม
มือปืน 3-4 คนยืนอยู่ทางด้านหน้า ทันใดนั้นมันสะดุ้งเพราะร่างของอภิชาติกับจักจั่นแวบมายืนโผล่ตรงหน้ามัน พวกมันขยับตัวตวัดปืน แต่ช้าไป อภิชาติปัดปืนเสียงปืนดังสนั่น แล้วต่อยมันกระเด็นไป จักจั่นชกอีกคนโครมเกิดการต่อสู้ประชิดตัวกันวุ่นวาย ร่างของงิ้วดีดตัวผ่านเข้าไปด้านใน
มือปืน 3-4 คนพรวดเข้ามาหน้าห้อง ดำรงพรวดออกมาพอดี
“มีคนบุกมานาย”
“พาข้าออกไปเร็ว”
ทันใดนั้นงิ้วพรวดเข้ามาขวางหน้า
“จะรีบไปไหน”
มือปืนตวัดปืนใส่ แต่งิ้วดีดตัวนาบกับผนังหลบได้อย่างหวุดหวิด แล้วตวัดปืนยิงสาดเปรี้ยงๆ
พวกมันร่วงไปจนหมดเหลือดำรงยกมือ
“ผมไม่มีปืน”
งิ้วดีดตัวเข้าไปใกล้ลากตัวดำรงเข้ามาใกล้ ปืนกระแทกเข้าที่พุง
“คราวหลังช่วยมีปืนหน่อยนะ ฉันจะได้มีข้ออ้างยิงสมองแก...นำออกไป”
อภิชาติตบเปรี้ยงร่างของมือปืนกระเด็นออกไป เช่นเดียวกับจักจั่นที่เตะมือปืนคนหนึ่งกระเด็นออกไป ทั้งสองต่างหันมายิ้มให้กัน
“ฮันนี้ เก่งจัง”
อภิชาติยิ้มหวาน
“สวีทฮาร์ท ก็เก่ง”
แต่แล้วทั้งสองตวัดปืนขึ้น ต่างหันกลับไปคนละทางแล้วสาดกระสุนใส่พวกมือปืนที่กราดยิงเข้ามาคว่ำไปด้านละสองคน
“ฮันนี้...รถ”
อภิชาติพุ่งออกไปขณะที่จักจั่นกราดยิงสกัดพวกมันที่โผล่ออกมาเหมือนผึ้งแตกรัง ทันใดนั้นงิ้วพรวดออกมาจากทางด้านหลังลากดำรงออกมาด้วยจนถึงตัวจักจั่น อภิชาติขับรถเข้ามาจอด จักจั่นสะบัดมือ
ประตูรถสไลด์เปิดออก
“เร็วเข้า”
งิ้วลากดำรงผลักเข้าไปในรถ จักจั่นยิงกราดเปรี้ยงๆๆๆพวกมันหลบยิงกราดใส่ จักจั่นสะบัดมือประตูรถปิดโครม
“ไปได้”
อภิชาติพรวดรถออกไป จักจั่นกราดยิงสกัดพวกมันกระจายหลบกันวุ่นวายแล้ววิ่งตามรถไปติดๆ แล้วแวบพรวดเดียวเข้าไปนั่งในรถด้านหน้าคู่กับอภิชาติพวกมันวิ่งตามมาสาดกระสุนไล่ แต่ช้าไปซะแล้ว รถอภิชาติไปไกลลับพ้นจากพวกมัน
“โห...สวีทฮาร์ท ทำได้ไง แวบเข้ารถเนี่ยนะ”
จักจั่นยิ้ม
“ไว้จะสอนให้นะคะ ฮันนี้”
งิ้วหมั่นไส้
“แหวะ”
จักจั่นหันไปมองดำรง
“มองอะไร...น่าจับตอนซะให้เข็ด จะได้ไม่มีลูกหลานออกมาขับรถหรูอวดรวยโกงข้อสอบหาทางกินบ้านกินเมืองเหมือนอย่างแก”
งิ้วสำลักขำออกมาพรวดใหญ่ อภิชาติอมยิ้ม ดำรงนั่งหน้าซีด
ดาวกับฤทธิชัย ยังคงซุ่มมองดูอยู่ที่เนินตรงข้ามค่าย
“เราต้องบุกแล้วค่ะ”
“โอเค”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ดาวกับฤทธิชัยกราดสายตามองไปก็เห็นหน่วยปฏิบัติการของทางการนับสิบๆบุกเข้าจู่โจมค่ายเสียงปืนดังสนั่นก้องป่า ฤทธิชัยตะลึง
“หน่วยปฏิบัติการพิเศษของทางการ”
“เกิดอะไรขึ้น ท่านรองศักดา คุมเกมวงในไว้แล้วไม่ใช่เหรอทำไมถึงปล่อยให้หน่วยพิเศษบุกมาได้”
“ต้องมีบางอย่างผิดพลาด บางอย่างไม่ลงตัว”
ดาวกราดสายตามองเห็นร่างของนาคีปรากฏขึ้นที่ทางเข้าค่ายตามลำพัง รอบๆด้านมีเจ้าหน้าที่บุกล้อมเข้าไป ดาวหน้าตื่น
“นาคี...พวกนั้นเข้าไปหาที่ตายชัดๆ”
เจ้าหน้าที่บุกเข้าไปล้อมนาคีที่ยืนขวางอยู่
“หลบไปก่อนที่จะถูกยิง”
นาคียืนเฉยสีหน้าเยือกเย็น
“พาตัวออกไป”
เจ้าหน้าที่สองคนเดินถือปืนเข้ามาจ่อนาคีเพื่อจะคุมตัวออกไป ทันใดนั้นนาคีตวัดมืออย่างรวดเร็วเจ้าหน้าที่ สองคนกระเด็นลอยออกไปไกลตกมากระแทกพื้นดินตายสนิท
“ยิง”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดระดมยิงนาคี เป็นจุดเดียวกระสุนปืนวิ่งเข้าใส่นาคีราวกับห่าฝน นาคีไม่สะเทือนก่อนจะแวบเข้าหาตบทุกคนด้วยพลังฝ่ามือเจ้าหน้าที่กระจัดกระจาย บางครั้งสะบัดมือปล่อยพิษออกไป ดาวกราดกล้องไปยังพวกชาวบ้านเห็น สัตยากับนพออกมาจากเต็นท์ พวกมันสั่งการให้มือปืน ล้อมพวกชาวบ้านไว้พร้อมยิง ฤทธิชัยหน้าตื่น
“พวกมันกำลังจะยิงชาวบ้าน”
“ถึงคิวเราแล้วค่ะ ดาวจะทำลายอาวุธ คุณหนึ่งช่วยชาวบ้าน”
“แล้วพวกเจ้าหน้าที่”
“นาคีต้องทิ้งพวกเจ้าหน้าที่มาหาคุณหนึ่งอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ถอยก็ช่วยไม่ได้แล้ว”
“โอเค...ตามนั้น”
“คุณหนึ่งระวังตัวด้วย นาคีมีพลั...”
ฤทธิชัยยิ้ม
“เลิฟยู”
ฤทธิชัยพรวดออกไป ดาวมองตามพึมพำ
“เลิฟยู”
ดาวสูดหายใจลึกดีดตัวพรวดออกไป
พวกมือปืนเริ่มระส่ำระสาย สัตยาหันไปสั่งนพ
“คุณนพ ลากชาวบ้านออกมายิงทิ้งตามแผน”
นพส่ายหน้า
“ผมไม่เกี่ยวกับแผนนี้ ผมแค่นำอาวุธมาส่งให้เท่านั้น”
สัตยาเสียอารมณ์หันไปตะโกนสั่งสมุน
“พวกเอ็ง ลากชาวบ้านออกมา”
พวกมือปืนต่างลากชาวบ้านออกมา แต่แล้วเงาดำพุ่งผ่านเหนือหัวพวกมันไป ร่อนอยู่หน้าถ้ำ
สัตยากับนพหันไปเห็น
“นางเสือ”
เสียงชาวบ้านร้องให้นางเสือช่วยเสียงระงม ดาวตัดใจวิ่งเข้าไปด้านใน
“เฮ้ย ยิงพวกชาวบ้าน”
แต่แล้วเสียงปืนดังสนั่นกระสุนวิ่งใส่สัตยากับนพเปรี้ยงๆๆๆ สัตยากับนพวิ่งหลบหัวซุกหัวซุน พอหันไปก็เห็นฤทธิชัย ใส่หน้ากากร่อนตัวพร้อม กราดยิงเข้ามา สัตยาตะโกนลั่น
“ฆ่ามันซิวะ”
พวกมือปืนส่วนหนึ่งกราดยิงฤทธิชัย ส่วนหนึ่งกราดยิงชาวบ้านล้มกันระนาว ฤทธิชัยแวบไปแวบมาตรงหน้าพวกมันจ่อยิงเผาจนพวกมือปืนทรุดทีละคนสองคน
ด้านหน้าทางเข้าค่าย...เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว พวกเจ้าหน้าที่กราดกระสุนใส่ นาคีเดินเข้าใส่ ใช้มือตบบ้าง สองมือหมุนคอบิดบ้างเจ้าหน้าที่ทรุด ทันใดนั้นนาคีหยุดหันขวับไปทางค่าย ไม่สนใจเจ้าหน้าที่ที่ยิงกราดใส่มา
ฤทธิชัยยิงพวกมือปืนทรุด แล้วแวบไป ยิงไปจนพวกมือปืนทรุดลงหมด ฤทธิชัยหันกราดสายตาก็เห็นร่างชาวบ้านนอนเกลื่อนร่วงไปหลายคน ฤทธิชัยสีหน้าเยือกเย็นข่มใจ
“รีบออกไปจากที่นี่”
ชาวบ้านต่างพากันวิ่งออกไป ฤทธิชัยกดเปลี่ยนแม๊กเตรียมพร้อม ทันใดนั้นร่างของนาคีแวบมาปรากฏตรงหน้า ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
ดาววิ่งเข้ามาในถ้ำที่ซ่อนอาวุธเห็นผ้าใบคลุมสัมภาระกองใหญ่อยู่ด้านหนึ่ง ดาวสะบัดมือไปที่กองสัมภาระผ้าใบปลิวแตกกระจาย หายไปเห็นแต่ลังตั้งเรียงกันอยู่ ดาวดีดตัวเข้าไปสะบัดมือฝาลังกระเด็นเปิดออก ดาวปราดเข้าไปเป็นลังเปล่า
“ไม่มีอาวุธ มันหลอกเรา”
เสียงปืนดังสนั่นมาจากทางด้านนอก
“คุณหนึ่ง”
ดาวขยับตัวแต่แล้วร่างของนินจา 5 คนร่อนลงมาขวางอยู่ตรงหน้า ดาวจ้องพวกมันอย่างดุดัน
ด้านนอก...ฤทธิชัยจ้องนาคีอึดใจ
“ดีใจที่คุณสบายดี”
“วันนี้ท่านไม่รอดเงื้อมมือเรา”
ฤทธิชัยกราดสายตาไปมาชำเลืองเข้าไปในถ้ำแวบหนึ่ง ทันใดนั้น ฤทธิชัยพุ่งตัววาบออกไปอย่างรวดเร็ว นาคียิ้มเยือกเย็นแล้วแวบตามไป
ดาวจ้องพวกนินจาสายตาเย็นชากราดไปมาระวัง ทันใดนั้นพวกมันพุ่งเข้าใส่ เกิดการต่อสู้ประชิดตัวอย่างดุเดือดต่างฝ่ายต่างแวบตามกันไปต่อสู้กัน ดาวพยายามที่จะจัดการพวกนินจาอย่างรวดเร็วเพื่อออกไปช่วยฤทธิชัย จึงลงมืออย่างเต็มที่ทั้งปืนยิง ทั้งหมัด ทั้งปล่อยมีดสั้น ในที่สุดดาวก็จัดการพวกนินจาได้หมด
ฤทธิชัยร่อนลงมาที่ลานในป่า กราดสายตาไปมา ทันใดนั้นร่างของนาคีพุ่งเข้าใส่ ฤทธิชัยตวัดปืนยิงสาดออกไป แต่นาคีเข้ามาถึงตัวแล้วปัดมือปืนฤทธิชัยกระเด็นไป ต่างต่อสู้ประชิดตัวกันอย่างตื่นเต้นแค่สามสีท่าฤทธิชัยก็ถูกกระแทกกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น
“ท่านไม่ต้องการความรักจากเราเราก็จะให้ความร้ายกับท่าน”
นาคีแวบเข้ามาถึงตัวฤทธิชัย จับคอเสื้อแล้วเหวี่ยงฤทธิชัยกระเด็นไปกระแทกต้นไม้โครม ฤทธิชัยทรุดพิงต้นไม้เลือดที่มุมปาก ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าคำรามก้องนาคีหันควับ สายฟ้าคำรามเห็นเขี้ยวหน้ากลัวแล้วร่างมนตร์พุ่งเข้าใส่ นาคีสะบัดมือใส่พลังกระแทกร่างมนตร์ของสายฟ้าหายวูบไป นาคียิ้มเยาะ
“เสือมนตร์ของท่านต้านเราไม่ไหวหรอก ท่านออกมาได้แล้ว”
ไม่มีเสียงตอบ นาคีกราดสายตาดุดัน
“ท่านไม่ออกมาเราจะทรมานชายคนรักของท่าน”
ทันใดนั้นเสียงสายลมร้องก้องร่างของสายลมพุ่งเข้าใส่ นาคีสะบัดพลังใส่ร่างของสายลมสลายไป
“นางเสือมีแค่นี้เหรอ”
นายคีกราดสายตาไปมาตรงหน้า ไม่มีร่องรอย ทันใดนั้นนาคีตาวาวหันกลับมาทางฤทธิชัย เขาหายไปแล้ว นาคีสายตาดุดันด้วยความโกรธงูบนหัวส่ายๆไปมาดุดันน่ากลัว
รถคันหนึ่งวิ่งตะบึงมามีพวกมือปืนประมาณ 4-5 คน ไผ่อยู่บนยอดไม้กราดสายตามองอยู่ พวกมันตะบึงไปทางด้านที่ลุงเดชกับทุกคนซุ่มอยู่ ไผ่ในชุดหน้ากากพุ่งตัวไปดักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไปให้พ้นหน้าข้า แล้วจะมีชีวิตรอดกลับไป”
พวกมือปืนต่างกราดสายตามองหน้ากัน แต่แล้วพวกมันตวัดปืนยิงเข้าใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ไผ่หายไปแล้ว
“มันอยู่ไหนวะ”
“ทางนี้”
พวกมือปืนหันมาตวัดปืน แต่ช้าไปไผ่สาดกระสุนเข้าใส่พวกมัน ล้มคว่ำไปจนหมด เหลือแต่คนขับหนึ่งคน
“เอาศพเพื่อนเอ็งไปซะ แล้วอย่ากลับมาอีก”
อาตงนั่งบนบ่าของไผ่ แสงเดินนำ พ่ออาตงจูงเม่งจูตาม ปิดท้ายด้วยลุงเดชกับไผ่
“ดีที่ไผ่ออกไปสกัดพวกมันได้ทันเด็กๆจะได้ไม่ตกใจ”
“หวังว่าเราคงรอดสายตาพวกมันไปได้”
ทั้งหมดเดินไป
ดาวพาฤทธิชัยมาหลบในถ้ำแห่งหนึ่ง...สายตาของฤทธิชัยพร่าพรายแต่ค่อยๆชัดขึ้นขยับตัวลุกขึ้นช้าๆกราดสายตาไปมาเห็นปืนอยู่ตรงหน้า
“คุณดาว”
ฤทธิชัยหยิบปืนขึ้นมาค่อยๆเคลื่อนกายอย่างช้าไปทางแสงสว่างแวบๆทางด้านหน้าถ้ำ ทันใดนั้นมีมือเข้ามาแตะที่ไหล่ ฤทธิชัยหันขวับเป็นดาวนั่นเอง ดาวยกมือแตะที่ริมฝีปากแสดงให้เงียบ ก่อนจะดึงฤทธิชัยเข้ามาด้านใน สายตากราดไปทางด้านนอก แล้วกระซิบเบาๆ
“นางงูกำลังตามหาเราอยู่”
ฤทธิชัยพยักหน้า
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ”
ฤทธิชัยขยับตัวเล็กน้อย
“ผมไม่เป็นไร...ผมล่อนางงูให้ห่างคุณนะครับไม่ได้ให้คุณตามไปใกล้ๆ”
ดาวยิ้ม
“ก็ดาวคิดถึงคุณนี่คะ”
“ยังไงนาคีก็ไม่ทำอะไรผมหรอก”
“รู้แล้วค่ะว่าเสน่ห์แรง”
ฤทธิชัยยิ้ม
“อาวุธ”
“ไม่มีค่ะ เราถูกหลอก การที่มันไม่ย้ายค่ายทำให้เราไขว้เขวมัวแต่จับตาดู สุดท้ายมันเอาอาวุธไปซ่อนไว้ที่อื่น”
ฤทธิชัยสูดลมหายใจลึกพึมพำ
“ใครสั่งบุกค่ายของมัน ในเมื่อท่านรองศักดาทำงานให้มัน”
“ใครก็แล้วแต่ที่ต้องการจะหยุดพวกแบล็คอีวิลเพื่อป้องกันผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่สนใจว่าเจ้าหน้าที่ประชาชนและบ้านเมืองจะเดือดร้อนซักแค่ไหน”
ทันใดนั้นเสียงมาจากด้านใน ทั้งสองตวัดปืนไปพร้อมๆกัน...ฤทธิชัยกับดาว ต่างจ้องปืนไปทางด้านใน ต่างมองหน้ากันแล้วส่งซิก ทั้งสองเคลื่อนตัวเข้าไปในถ้ำ เสียงฮึมฮำของคนหลายคนดังแว่วมา ทั้งสองต่างเคลื่อนตัวเข้าไปอีก
ดาวกับฤทธิชัยเคลื่อนเข้ามาสายตาจ้องมาข้างหน้า แล้วหลบตัวหลังก้อนหินสายตาตรงไปข้างหน้าทั้งสองก็ชะงักอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง ที่แท้หลังถ้ำทะลุออกมาอีกด้านหนึ่งมีพื้นที่กว้าง มีรถอาวุธจอดอยู่สองคันด้านบนคลุมด้วยผ้าใบมีใบไม้ปกคลุมพรางตา เห็นแต่ล้อรถโผล่ออกมา มีพวกมือปืน นับสิบ คอยเฝ้าอยู่ด้านหน้า รอบพื้นที่รถอาวุธจอด นินจายืนระวังอยู่ 5 คน ดาวเบียดตัวเข้ามาใกล้ฤทธิชัย
“ที่แท้มันเอาอาวุธมาซ่อนที่นี่เอง”
“ทางการทำลายข้อตกลงของมัน พวกมันไม่อยู่เฉยแน่ เราต้องรีบทำลายอาวุธพวกนี้ให้เร็วที่สุด”
“พวกมันมากเกินไป ไหนจะพวกนินจา แค่เราลงมือนาคีก็มาแล้ว”
ทั้งสองกราดมองพวกมันที่มีมากเต็มไปหมด ต่างถอนใจ สถานการณ์ไม่ดียากต่อการบุกทำลาย
ไผ่และทุกคนมาถึงลานป่าเล็กๆอีกแห่งหนึ่ง พ่ออาตงหยุดเดิน
“เราจะพักตรงนี้ทุกครั้งตอนกลับบ้าน เป็นจุดที่สอง”
ลุงเดชหันมาบอกไผ่กับแสง
“งั้นพักกันก่อน แล้วค่อยสำรวจรอบๆ
“ฉันจะออกไประวังทางโน้น”
ขาดคำของแสง เสียงสายลมร้องดังก้อง ไผ่กราดสายตามอง เห็นเงาวูบวาบรอบตัว
“เราถูกพวกมันล้อม”
ลุงเดชตวัดปืนลูกซองเตรียมพร้อม แสงเข้ามา
“พวกมันเต็มไปหมด”
ไผ่เจ็บใจ
“ผมไม่ควรปล่อยพวกมันไปเลย ไอ้พวกนี้เจอแล้วต้องส่งลงนรกสถานเดียว”
พวกมันเข้ามาล้อมไว้ทุกด้าน หนึ่งในนั้นคือไอ้คนขับรถที่ไผ่ปล่อยไป มันมองหน้าไผ่เย้ยหยัน ไผ่ยิ้มให้มัน ลุงเดชหันไปบอกพวกมัน
“พวกข้าจะกลับชายแดน ไม่คิดมีเรื่องกับใคร”
พวกมันมองพ่ออาตงกับเด็กสองคนเขม็ง พ่ออาตงดึงอาตงกับเม่งจูไว้ทางด้านหลัง หัวหน้าของมันพูดขึ้น
“พวกข้าจะไปส่ง”
พวกมันหัวเราะกันงึมงำ ไผ่กราดสายตามองพวกมันเยือกเย็น
ป้าเนียนตรวจคนไข้อยู่ จันจิรา ตรวจอีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นหญิงชาวบ้านวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ป้าเนียน หนูจันช่วยด้วย ไอ้พวกกองกำลังมันฉุดลูกสาวฉันไป”
จันจิราก้าวเข้ามา
“กลับไปรอลูกสาวที่บ้าน”
จันจิราพรวดออกประตูไป หญิงชาวบ้านเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน”
แต่จันจิราออกไปแล้ว
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าพวกมันไปทางไหน”
ป้าเนียนยิ้มๆ
“เออ...ไม่ต้องหรอก หนูจันเค้าหาเจอเองแหละ”
รถกระบะวิ่งมาจอด พวกกองกำลังรับจ้างห้าคนโดดลงจากรถ มีสาววัยรุ่นสองคนอยู่บนรถ พวกมันต่างหัวเราะกันอย่างสนุก
“ลงมาปิกนิกกันก่อนซิจ๊ะ”
หญิงสาวไม่ยอมลง
“ถ้าไม่ลงถูกยิงแน่”
ทันใดนั้นเสียงสายฟ้าคำรามก้อง พวกมันต่างมองหน้ากัน
“แถวนี้มีเสือด้วยเหรอวะ”
“สงสัยเป็นพวกนางเสือที่พวกคนไทยร่ำรือกัน”
พวกมันหัวเราะ
“เราไม่ใช่คนไทย...ไม่เกี่ยวเว๊ย ลากตัวสองคนนั่นลงมา”
พวกมันสองคนโดดขึ้นท้ายรถลากผู้หญิงลงมาจนได้ แล้วเริ่มลวนลาม ทันใดนั้นเสียงจักจั่นดังขึ้น
“โบราณว่ามาบ้านท่าน อย่าอวดดี”
พวกมันหันขวับมาตามเสียง ร่างของจันจิรายืนอยู่ตรงหน้าพวกมัน
“โห...ชุดสวยหุ่นดีซะด้วย แบบ...”
จันจิราแวบเข้ามาจับปากมันบีบ มันตาเหลือกพูดไม่ออก
“ท่าทางพวกแกเลวจนกู่ไม่กลับ สมควรไปเกิดใหม่”
จันจิราจับคอไอ้หมอนั่นตวัดมือคอบิดตัวหมุนทรุดลงไป พวกมันตวัดปืนขึ้นมา สองคนดึงผู้หญิงสองคนเข้ามาด้านหน้า
“ไม่กลัวนางสองคนนี่ตายก็เข้ามาซิวะ”
ทันใดนั้นจันจิราตวัดปืนยิงใส่พวกมันเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวเห็นหญิงสาวสองคนเอามืออุดหูยืนร้องกรี๊ดๆ จนกระทั่งเสียงปืนหยุดลง หญิงสาวสองคนพบว่าพวกมันตายหมด ไม่มีแม้แต่เงาของจันจิรา
ดำรงถูกผลักเข้ามากลิ้งอยู่บนพื้นโรงเก็บของร้าง มุมห้องมีเตียงเก่าๆตั้งอยู่
“คุณจับผมมาทำไม ผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น”
อภิชาติ จักจั่น งิ้ว ต่างมองดำรงอย่างเอือมระอา
“อยู่ๆมีคนพิศวาสสนับสนุนให้คุณเป็น รัฐมนตรีคลังอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่มั๊ง คุณต้องรู้ต้องเห็น”
“มีคนสนับสนุน...ผมคิดว่าเป็นก็ไม่เสียหาย”
งิ้วยิ้มเหยียด
“ชัวร์อยู่แล้ว ได้เป็นรัฐมนตรีเดินยืดคอจะเสียหายได้ยังไงแต่ที่ซวยก็คือเรารู้แล้วว่าแกคือนายใหญ่ของพวกแบล็คอีวิล”
ดำรงโวย
“พวกคุณบ้ากันหรือไง”
“ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอบ้าให้เต็มที่หน่อย”
อภิชาติดีดตัวเข้าไปใกล้ ตบหน้าผัวะ ดำรงหน้าหัน อภิชาติเอาแขนล็อคคอทางด้านหลังแล้วเอามือตรวจดูใบหน้าของนายดำรงเพื่อหารอยหน้ากาก แต่ไม่พบแล้วดันดำรงออกไปห่างตัว
“อืม...ไม่มีหน้ากาก ไม่มีรอยผ่าตัด”
จักจั่นเห็นด้วย
“ตัวจริงเสียงจริงซะด้วย”
ดำรงจ้องสีหน้าสงสัยไม่เข้าใจ อภิชาติ กับ งิ้ว และจักจั่นต่างพยักหน้าให้กันแล้วเดินกันออกไปจากห้อง ดำรงโวยวายลั่น
“ปล่อยผม...ผมไม่รู้เรื่อง”
ห้องหนึ่งในโกดังเก็บของ...อภิชาติ งิ้ว จักจั่น นั่งยืนกับบนลังเก็บของตามถนัด งิ้วล้วงสร้อยออกมาจากคอเสื้อมองดูที่หน้าปัดหน้าตาเคร่งเครียด
“มีสัญญาณแบตเตอรี่กระตุ้นหัวใจจากนายดำรง”
จักจั่นชะงัก
“หรือว่ามันเป็นนายใหญ่จริงๆ”
“ผมตรวจดูแล้วหน้าจริงแน่นอน”
ทุกคนต่างมองหน้ากันต่างคิดไม่ตก จักจั่นหน้าเครียด
“เราจะเอายังไงกันดี”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน จักจั่นออกความเห็น
“อยู่เฉยๆ คอยดูพวกมันกัดกันเองดีมั๊ย”
งิ้วขัดขึ้น
“เราเฉยไม่ได้”
อภิชาติเห็นด้วยกับงิ้ว
“คุณงิ้วพูดถูกเราต้องรีบหาตัวการตัวใหม่ที่ใช้ทางการเป็นอาวุธและใช้ความพินาศของบ้านเมืองเป็นเครื่องต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของพวกมัน”
จักจั่นถอนหายใจ
“เฮ้อ...หน้าเก่ายังไม่ชัวร์เลย มีหน้าใหม่โผล่มาอีก”
สัตยากับนพวิ่งฝ่าดงไม้พุ่มไม้ในลานป่า ทันใดนั้นมีกองกำลังออกจากพุ่มไม้นับสิบ ทั้งหมดล้อมสัตยาและนพเอาไว้ สัตยากับนพได้แต่มองหน้ากัน วิวัฒน์ก้าวออกมาทางด้านหลังของกองกำลัง
“ผมนำกองกำลังมาให้ตามคำสั่ง”
“คุณมาช้า คุณวิวัฒน์”
สัตยามองหน้าอย่างไม่พอใจ
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.