ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 12
รถจิ๊ปสองคันวิ่งเข้ามาจอดหน้าถ้ำ พวกมือปืนด้านหน้าต่างขยับตัว กองกำลังรับจ้างลงจากรถ สัตยากับ นพ ก้าวตามลงมา วิวัฒน์ยังนั่งอยู่บนรถ
“หมดหน้าที่ของผมเพียงแค่นี้”
รถจิ๊ปของวิวัฒน์แล่นออกไป สัตยากับนพเดินมาพบกับหัวหน้ามือปืน
“รถอาวุธ”
“อยู่เรียบร้อยครับ”
สัตยาพยักหน้าแล้วเดินผ่านเข้ามาด้านใน นพเดินตามเข้ามา มองรถขนอาวุธที่จอดอยู่สองคัน พยักหน้าอย่างพอใจ
ดาวจ้องดูความเคลื่อนไหวด้านล่างอย่างระมัดระวัง
“นายสัตยา นายนพ มันมาโผล่ที่นี่เองพวกมันเอากอง กำลังจากบ้านดอนเสือมาเสริมตอนนี้มีพวกมันเกือบ 30 คน”
ดาวกราดสายตามองรอบๆ เห็นพวกมือปืนกองกำลัง นินจา รวมแล้วกันเกือบ 30 คน ดาวมองหานาคี ฤทธิชัยถามเบาๆ
“เห็นนาคีมั๊ย”
“ไม่เห็น นาคีต้องมา นอกจากว่า…”
ฤทธิชัยส่ายหน้า
“มาไม่ได้”
“ดาวจะล่อนางงูไปให้ไกลที่สุด”
ฤทธิชัยรีบขัด
“ผมเองดีกว่า”
“คุณหนึ่งเจ็บคงไปไม่ได้เร็วพอ นาคีอาจจะไม่ทำร้ายคุณหนึ่งก็จริง แต่คุณหนึ่งอาจจะตกเป็นทาส ของนาคีตลอดไปลืมดาวลืมทุกคนเหมือนคราวที่แล้ว”
ฤทธิชัยนิ่งถอนใจ
“เราไม่มีทางเลือก อาวุธพวกนี้ต้องถูกทำลาย”
ฤทธิชัยหน้าเคร่งเครียด ขยับตัวดึงดาวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“ทำไมคุณกับผมต้องเสี่ยงในเมื่อไม่มีใครสนใจที่จะปกป้องบ้านเมือง มีแต่จะหาทางโกงกิน ผมว่าเราไปจากที่นี่ดีกว่า ไปหาความสุขกันเลิกยุ่งทุกอย่าง”
ดาวยิ้ม
“คุณหนึ่งที่ดาวรู้จัก คือคนที่ปกป้องแผ่นดิน ยิ่งไม่มีใครสนใจ เรายิ่งต้องทำ”
ฤทธิชัยไม่ตอบ ดึงดาวเข้ามากอด อึดใจดาวก็ถอยออกยิ้มให้ ฤทธิชัยพยักหน้า
“ผมจะระเบิดอาวุธพวกนี้ให้ราบ”
“เก่งมากค่ะ ดาวลงมือเมื่อไหร่ คุณหนึ่งลุยได้เลย”
ดาวเอามือสัมผัสใบหน้าฤทธิชัยด้วยความรู้สึกซึ้ง อึดใจก็ถอยพรวดออกไป ฤทธิชัยได้แต่มองตามสีหน้ากังวล
ไผ่กราดสายตามองพวกมือปืน
“พวกเอ็งจะส่งยังไงในเมื่อข้าไปคนละทางกับคนพวกนี้”
“ไม่เป็นไร ข้าจัดให้”
พวกมันหัวเราะกันอีก ไผ่ยิ้ม
“งั้นใครจะเป็นคนไปส่งข้า”
คนขับที่ไผ่ปล่อยเสนอตัว
“ข้าเอง”
หัวหน้ามันโบกมือ มือปืนอีก 2 คนเดินออกมากับไอ้คนขับ
“พามันไปส่งให้ถึงที่หน่อย”
พวกมันหัวเราะกันอีก คนขับตะคอก
“ไป”
ไผ่ยิ้มหันมาทางลุงเดชกับทุกคน
“ลุงกับเด็กๆไปกับพวกมัน ฉันลาตรงนี้ล่ะ”
อาตงจะไปหาไผ่
“พี่ไผ่”
พ่ออาตงจับอาตงไว้ ไผ่ยิ้ม
“พี่ไปแป๊บเดียว”
อาตงพยักหน้า ไผ่หันตัวเดินออกไป พวกมันเดินคุมไผ่เข้าไปในป่า ลุงเดชกับแสงลอบสบตากัน หัวหน้าหันไปสั่งสมุน
“พวกเอ็งที่เหลือมากับข้า”
มือปืนสองคนก้าวเข้าไปยึดปืนของลุงเดชกับแสง หัวหน้ายิ้มอย่างพอใจ ลุงเดชกับแสงปล่อยให้มันยึดไปแต่โดยดี หัวหน้าโบกมือ มีรถกระบะเข้ามาจอด มันต้อนทุกคนขึ้นรถ แล้วเคลื่อนออกไป ลุงเดชกับแสงลอบสบตากันอีก
ไผ่เดินนำพวกมัน แต่แล้วก็หยุด คนขับถามทันที
“ถึงที่เอ็งแล้วเหรอ”
พวกมันหัวเราะ มือปืนยิ้มหยัน
“พวกข้าจะได้สงเคราะห์”
“ยังไม่ถึงหรอก ข้าแค่เปลี่ยนใจคิดอยากจะส่งพวกเอ็งมากกว่า”
พวกมันหยุดหัวเราะตวัดปืนขึ้นมา แต่ช้าไปไผ่แวบเข้าหาตัวพวกมันอย่างรวดเร็วแวบไปมาระหว่างพวก มันสามคน เสียงดังตึบๆๆๆ พวกมันล้มไปสองทรุดตายสนิทเหลือคนขับที่ยืนตาเหลือก
“ปล่อยแล้วไม่ยอมไปดันกลับมาหาที่ตาย”
ไผ่ตบโครมมันลอยออกไปสูงตกบนพื้นนิ่งสนิท...ไผ่เคลื่อนตัวออกไป
ทธิชัยกราดสายตามอง เป้าหมายคือรถบรรทุกอาวุธทั้งสองคันที่จอดอยู่...พวกมือปืนยืนระวังกันอยู่หน้าถ้ำนับสิบ เสียงสายฟ้าคำรามก้อง พวกมันต่างกราดปืนไปมาเตรียมพร้อม ทันใดนั้นร่างของดาวร่อนลงมาตรงหน้าสาดกระสุนเข้าหาพวกมัน พวกมันต่างกราดกระสุนใส่ แต่ดาวเหนือกว่า ยิงพวกมันทรุดลงไปทีละคน ดาวเดินเข้าใส่พวกมัน เสียงปืนทำให้พวกมันแตกตื่น สัตยากับนพวิ่งพรวดกันออกไปด้านหน้า
“เฮ้ย พวกเอ็งส่วนหนึ่งออกไปสกัดมันไว้ ที่เหลือเฝ้ารถอาวุธกับพวกนินจา”
พวกมือปืนวิ่งกันพรวดออกไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งระวังรอบรถอาวุธพร้อมกับนินจา 5 คน สัตยากับนพ วิ่งตามพวกมือปืนออกไป ฤทธิชัยกราดตามองความวุ่นวายด้านล่างเสียงปืนดังสนั่น พวกมันวิ่งกันวุ่นวายอยู่ทางด้านล่าง ดาวพรวดเข้ามาต่อสู้ประชิดตัวพลางยิงพลางเคลื่อนตัวเข้าหารถบรรทุกอาวุธ สัตยาตะโกนลั่น
“เฮ้ย ฆ่ามันซิวะ”
สัตยายิงเปรี้ยงๆใส่ดาว แต่ดาวแวบหายกระสุนถูกพวกมือปืนกันเองล้มคว่ำไป ดาวหันมามองสัตยาดุดัน สัตยาหน้าเสีย นพสาดกระสุนปืนใส่ ดาวแวบไปถึงตัวนพตบเปรี้ยง นพกระเด็นกลิ้งไปกลับพื้น ดาวหันมายิงเปรี้ยง มือปืนดับไปหนึ่งแล้วหันมาทางสัตยา...สัตยาถอยกรูด ทันใดนั้นเห็นร่างของนาคีปรากฏตรงหน้า
“นาคี...”
ฤทธิชัยซุ่มดูอยู่อย่างตื่นเต้นเห็นนาคีเดินเข้าหาดาว ทันใดนั้นดาวกราดปืนยิงใส่นาคีเปรี้ยงๆๆๆ แล้วพรวดออกจากถ้ำไป นาคีพรวดตามไปติดๆ ฤทธิชัยพึมพำ
“ระวังตัวด้วยคุณดาว”
ฤทธิชัยกระชากปืนออกมา เคลื่อนตัวออกไป
งิ้วเดินเข้ามาในห้อง จักจั่นกับอภิชาติตรวจปืนพร้อมอยู่แล้ว
“มีคนมา...พวกมันตามมาได้ยังไง”
จักจั่นหันมาบอก
“พวกแบล็คอีวิลมีเครื่องบอกตำแหน่งฝังไว้ทุกคน”
อภิชาติเสริม
“บางคนมีระเบิดชิฟฝังไว้อีกตะหาก ชิฟระเบิดทำให้สมองถูกทำลายตายทันที ความลับไม่รั่วไหล กรณีนายดำรงไม่น่าจะมี เพราะมันคงไม่คิดระเบิดตัวเอง”
จักจั่นมั่นใจ
“ตอนนี้เปอร์เซ็นต์ที่นายดำรงจะเป็นนายใหญ่ ตอนนี้เกือบเต็มร้อยแล้ว”
งิ้วถอนใจ
“ดี...เรื่องจะได้จบๆ เซ็งพวกมันเต็มที”
“คุณสองคนออกไปจัดการกับพวกมัน ผมจะไปลากคอดำรง แล้วเจอกันที่จอดรถด้านหลัง”
พวกมือปืนนับสิบแยกย้ายกันบุกเข้ามาในโกดัง กระจายกำลังออกไปตามลังเก็บของ พวกมันต่างเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง จักจั่นโผล่มาทางด้านหลังของมันคนหนึ่งจับคอของมันหมุนควับ มันทรุดลงไป จักจั่นกราดสายตาเคลื่อนตัว ออกไป
งิ้วหลบอยู่ข้างลังใหญ่ใบหนึ่ง พวกมันเคลื่อนตัวเข้ามา งิ้วคว้าปลายปืนของมันแล้วดึงเข้ามาใกล้ตีศอกโครมเข้าที่หน้ามันทรุดคนหนึ่งตวัดปืนเข้าหาแต่แล้วมันก็ทรุดลงไปเพราะมีดปักเข้าที่อก งิ้วหันมาเห็นจักจั่นโบกมือให้ ทั้งสองเคลื่อนตัว ออกไป
อภิชาติดันดำรงมาที่ลานจอดรถ ปืนจ่ออยู่ที่ด้านหลัง ตรงมาที่รถตู้ แต่แล้ว เสียงโจดังขึ้น
“จะรีบไปไหนคุณอภิชาติ”
อภิชาติหันมาคาดไม่ถึง โจ ยืนอยู่กับมือปืนนับสิบ
“ปล่อยคน”
อภิชาติยิ้ม
“คุณจะบังคับให้ผมยิงนายดำรงอย่างนั้นเหรอ”
“แล้วแต่คุณ นายดำรงตายไป ก็มีนายดำรงคนใหม่มาแทน”
“แล้วทำไมต้องเดือดร้อนมาถึงนี่”
“เพื่อให้มั่นใจว่าได้ตัวนายดำรงกลับไปหรือไม่ก็ให้ตายที่นี่ก็เท่านั้นเอง”
ดำรงไม่พอใจ
“นี่จะบ้ากันใหญ่แล้ว ผมไม่เกี่ยว”
อภิชาติจ้องโจนิ่ง
“แต่ไหนๆก็มาแล้ว ผมคิดว่ากำจัดพวกคุณสามคนไปด้วยเลยดีกว่า”
ทันใดนั้นเสียงจักจั่นดังขึ้น
“ฝันไปแล้วมั๊ง”
ทุกคนหันไปก็เห็นจักจั่นกับงิ้วส่องปืนตรงมา อภิชาติโบกมือทักทาย
“ไฮ้...ฮันนี้”
จักจั่นยิ้ม แต่ก่อนที่ใครจะรู้ตัว จักจั่นกับงิ้วก็สาดปืนเข้าใส่พวกมือปืนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โจตาเหลือกพุ่งตัวหลบออกไป พวกมือปืนสาดกระสุน มาราวกับห่าฝน ดำรงถือโอกาสสลัดดิ้นวิ่งหนีไปที่พวกมือปืน โจรีบเข้ามาคว้าดำรงวิ่งออกไป พวกมือปืนสาดกระสุนเข้าหาถี่ยิบ อภิชาติกับจักจั่นยืนติดกันบังกระสุนให้งิ้วที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นงิ้วสะบัดมือวัตถุสีดำพุ่งเข้าใส่พวกมือปืน จักจั่นตะโกนลั่น
“ฮันนี้...โก...”
วัตถุสีดำวิ่งเข้าใส่พวกมือปืนระเบิดตูมไฟลุกท่วม
รถกระบะของพวกมันวิ่งมาตามเส้นทางแต่แล้วคนขับก็เบรกกึก ร่างของไผ่นั่งอยู่บนขอนไม้รออยู่ หัวหน้ามันชะงักอึ้ง
“เฮ้ยมันมาได้ยังไงวะ”
พวกมือปืนต่างลงจากรถกระจายกันส่องปืนมา ไผ่ลุกขึ้นเดินเข้ามาพวกมันต่างยกปืนขึ้นจ้อง ไผ่ยิ้มหยัน
“ไอ้สามคนนั่นมันฝากมาบอกว่ามันไม่มาแล้ว”
พ่ออาตงพูดเบาๆ
“อาตง เม่งจู หลับตา เอามืออุดหูไว้”
เด็กสองคนต่างทำตาม ไผ่เดินเข้าหาพวกมือปืน
“มันขอลากลับบ้านเก่า”
“เอ็งเข้ามาไอ้พวกนี้ตายหมด”
พวกมือปืนสองคนหันปืนไปทาง ลุงเดช กับ ทุกคน อีกสองคน ส่องมาทางไผ่อย่างระมัดระวัง ไผ่จ้องหน้าพวกมันเขม็งกราดสายตามองพวกมันสองคนที่จ้องปืนไปทางลุงเดชและทุกคน หัวหน้ามือปืนสั่งไผ่เสียงเข้ม
“หันหลังกลับไป”
ไผ่ยืนจ้องหน้ามัน
“ข้าบอกให้หัน...”
มันพูดได้แค่นั้น ไผ่สะบัดมือออกมา มีดปักที่คอของมันพูดไม่ออก ไอ้สองคนที่ถือปืนส่องลุงเดชกับทุกคนคาดไม่ถึงมันยืนนิ่งตกใจ ไผ่แวบมาตรงกลางอัดพวกมันเสียงดังตึบๆพวกมันทรุดลงพร้อมกัน ไผ่หันกลับไปหาคนสุดท้ายที่เหลือ มันยืนตาค้างถือปืนมือสั่น
“ข้าจะให้โอกาสเอ็งรอด ถ้าเองทิ้งปืนแล้วกลับบ้าน”
มันตัดสินใจไม่ถูก กราดสายตาไปมาแล้วตวัดปืนเข้าใส่ไผ่ แต่ช้าไปมีดสั้นวิ่งไปปักที่คอของมันก่อนจนมันทรุดลงไป
“ข้าให้โอกาสเอ็งแล้ว”
ศักดาเดินไปมา บนโต๊ะมีเครื่องคอมพิวเตอร์แลบท็อปเปิดหน้าจอรออยู่ ทันใดนั้นภาพปรากฏเป็นใบหน้าลึกลับของนายใหญ่ขึ้นมาบนจอ
“ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องเจ้าหน้าที่บุกจู่โจม”
“มีคนกลุ่มหนึ่งแฝงตัวอยู่ในองค์กรนานแล้วได้วางแผนยึดทุกอย่างอยู่ก่อนแบล็คอีวิลเข้ามาขวางเส้นทางของคนพวกนี้”
“หาทางเจรจากับหัวหน้าของพวกมันหรือยัง”
“ผมพยายามแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นใคร ที่สำคัญ มันจะฮุบทุกอย่างของแบล็คอีวิล”
“ท่านรองควรกบดานที่เซฟเฮาส์ก่อนซักพักไม่ควรปรากฏตัวที่ไหน แต่ทำตัวปกติติดต่อได้ จะได้ไม่เป็นพิรุธจนกว่าเราจะมั่นใจว่าพวกมันไม่สงสัยท่าน”
“ได้ครับ”
จอดับวูบไป ศักดาหน้าเคร่งเครียด
ในที่ลึกลับแห่งหนึ่ง...ภาพโจปรากฏอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วดับวูบ นายใหญ่เอื้อมมือพับหน้าจอลงหันมาเป็นดำรงนั่นเอง
“ไอ้พวกไร้สมอง ไร้ความรู้ แฝงตัวอยู่ในองค์กร...เชอะ...มันคิดจะเอาชนะคนอย่างข้า”
ดำรงยิ้มอย่างมั่นใจ แล้วยกหน้ากากขึ้นมาสวมใบหน้ากลับกลายเป็นศักดา นายใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ
สัตยาหน้าเครียดกราดสายตามองเห็นมือปืนนอนตายหลายคน
“ขนไอ้พวกนี้ไปไว้ข้างนอก ฝังมันซะ”
นพลุกขึ้นเดินซวนเซเข้ามา
“นางเสือเล่นงานคนของเราตายเป็นสิบ”
“คนโง่พวกนี้อยากได้เงินก็แบบนี้แหละตายๆซะมั่งก็ดี”
สัตยาเดินออกไป นพมองตาม
ดาวพุ่งทะยานผ่านดงไม้ ต้นไม้ไปอย่างรวดเร็ว อึดใจก็มีร่างนาคีพุ่งตามไปติดๆ ฤทธิชัยค่อยๆปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆรถบรรทุกอาวุธแล้วกลิ้งเข้าไปใต้ท้องรถอย่างรวดเร็ว นินจาหันขวับมาแต่ฤทธิชัยพ้นสายตาไปแล้ว มันเดินมาสำรวจรอบๆ ฤทธิชัยนอนนิ่งดูเหตุการณ์เห็นเท้าของพวกมือปืนและพวกนินจาเดินวนอยู่รอบรถ ฤทธิชัยค่อยๆกระชากมีดออกมา ปักฉึกเข้าให้ที่ถังน้ำมันน้ำมันไหลลงมาที่พื้น ฤทธิชัยกลิ้งตัวหลบ แล้วกลิ้งพรวดผ่านพวกนินจาสองคนที่เดินผ่านมาลอดไปที่รถบรรทุกที่จอดอยู่เกือบติดกันอีกคันหนึ่ง นินจาสองคนหันมามองกันแล้วเดินผ่านไป ฤทธิชัยกราดสายตามองเห็นพวกมันเดินกันคุมเข้มอย่างระมัดระวัง สัตยา กับ นพ เดินมาที่รถบรรทุกอาวุธ นพเป็นกังวล
“ถ้านางเสือกลับมาอีกท่านจะทำยังไง”
“เรามีนาคีที่จะจัดการกับมันอยู่แล้ว”
สัตยาหัวเราะอย่างสะใจ ฤทธิชัยนอนฟังอยู่ได้ยินเสียงสัตยาสั่งการ
“ทุกคนตรวจเข้มเป็นสองเท่า”
สัตยากับนพเดินห่างจากตัวรถเข้าไปในถ้ำด้านใน ฤทธิชัยยิ้มมุมปาก
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าใครจะจัดการใคร”
ฤทธิชัยเอามีดปักที่ถังน้ำมัน...น้ำมันเริ่มไหลลงสู่พื้น
ศักดา เดินไปที่เคาน์เตอร์ เปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศักดารับสาย
“ผมติดธุระสำคัญคงไปร่วมประชุมไม่ได้”
ศักดิ์วางสาย เดินออกไป
รถคันหนึ่งวิ่งเลี้ยวเข้ามาจอด ที่หน้าตึกปฏิบัติการลับของหน่วยพิเศษ...บอดี้การ์ดลงมาเปิดประตูรถให้ ศักดาตัวปลอมลงมาจากรถแล้วเข้าไปในอาคาร
ศักดาเดินมาถึงหน้าห้องประชุม มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 4-5 นาย คนหนึ่งเปิดประตูให้ ศักดิ์เดินเข้าไปข้างในมีสุภาพบุรุษแต่งตัวใส่สูท5 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องประชุมเรียบร้อย ต่างหันมามองศักดาเป็นตาเดียวด้วยความแปลกใจ
“ผมนึกว่าท่านรองติดธุระสำคัญมาไม่ได้”
“พอดีเสร็จ ก็เลยรีบมา”
ศักดานั่งลง
“เชิญเลยครับ”
มือปืนยืนระวังอยู่ แต่แล้วมันเห็นน้ำมันไหลออกมาจากใต้รถบรรทุกอาวุธ มันรีบก้มลงมองดู แต่แล้วมันก็สะดุ้งเพราะเจอฤทธิชัยพอดี ฤทธิชัยดึงคอเสื้อมันพรวดเข้าไปใต้ท้องรถได้ยินเสียงตึบๆมันเงียบไป ร่างของฤทธิชัยกลิ้งออกมาด้านหนึ่ง น้ำมันไหลตามออกมา แต่แล้วคาดไม่ถึงร่างของนินจาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าดาบเงื้อสูง นินจาฟันดาบลงมาฤทธิชัยกลิ้งหลบคมดาบของนินจาที่ฟันเปรี้ยงลงมา ที่พื้นเกิดเป็นประไฟวาบ ไฟติดน้ำมันพรึบขึ้นมาท่วมร่างนินจาร้องไม่เป็นภาษา ฤทธิชัยดีดตัวขึ้นมากระโดดถีบร่างของมันกระเด็นออกไปกระแทกรถบรรทุกอาวุธล้มลงบนน้ำมันที่ไหลออกมาทำให้ไฟลุกพรึบท่วมรถบรรทุกอาวุธทั้งสองระเบิดตูมดังสนั่นไฟเต็มหมดไปทั่วบริเวณ
ดาวพุ่งมาหยุดที่กิ่งไม้ใหญ่ต้นหนึ่งกราดสายตารอบๆไม่เห็นนาคี ดาวพุ่งไปทางด้านหน้าแต่แล้วเสียงปืนเปรี้ยงๆๆๆๆ ดังสนั่นร่างของดาวตีลังกากลับม้วนตัวร่อนลงที่พื้น ดาวตั้งหลักได้ก็พบว่าร่างของนาคียืนอยู่ตรงหน้ามีปืนอยู่ในมือ
“นึกไม่ถึงว่าอาวุธของพวกท่านก็ใช้การได้ดีเหมือนกัน”
ดาวตวัดปืนยิงสาดออกไปเปรี้ยงปืนในมือของนาคีกระเด็นหลุดไป
“ใช้ได้แน่นอน”
ดาวพุ่งตัวออกไปในแนวไม้ นาคีพุ่งตาม...ดาวร่อนลงมาที่พื้นท่ามกลางต้นไม้กราดสายตาไปมา ทันใดนั้นดาวเงยหน้าขึ้น ร่างของนาคีพุ่งตรงลงมาอุ้งมือทั้งสองเป็นกรงเล็บขยุ้มลงมาที่หน้า ดาวตวัดมือรับกระแทกขึ้นไป ร่างของนาคีลอยขึ้น แต่ร่างของดาวกระเด็นไถลไปกับพื้นกลิ้งไปไกล ดาวเงยหน้าขึ้นมอง เห็นร่างนาคีพุ่งเข้ามา ดาวตวัดปืนยิงออกไปเปรี้ยงๆๆๆๆ ร่างนาคีแวบหายไปต่อหน้า ดาวดีดตัวขึ้นกราดปืนไปมารอบๆ ทันใดนั้นร่างของนาคีแวบมาอยู่ทางด้านหลัง ดาวหมุนตัวตวัดปืนเข้าใส่ นาคีตวัดฝ่ามือตบปืนของดาวกระเด็นหลุดมือไป
นาคีกระแทกร่างของดาวกระเด็นไปกระแทกต้นไม้โครม ดาวดีดตัวพุ่งออกไปนอกดงไม้ นาคีดีดตัวตาม ร่างของดาวแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่กราดสายตาไปรอบๆ สะบัดมือขึ้นมามีดสั้นอยู่ในมือ ทันใดนั้นดาวหันมาทางด้านหลัง เห็นงูพุ่งเข้าหา ดาวตวัดมีดสั้นออกไป งูขาดเป็นสองท่อนดิ้นอยู่กับพื้น แล้วกลายเป็นฝุ่นไป นาคีแวบมาตรงหน้าดาวตวัดมีดสั้นใส่นาคียกมือรับแล้วเหวี่ยงร่างของดาวกลิ้งลงไปกับพื้นหลายตลบ นาคียิ้มดุดัน
“เราจะกำจัดท่านให้พ้นทางของเรา”
ดาวเลือดออกทางมุมปาก แข็งใจยืนขึ้นมา นาคียิ้มเดินเข้าใส่ ดาวถอยสถานการณ์คับขัน
ควันไฟดำพุ่งพวยออกมาจากถ้ำ สัตยา นพ กับ พวกมือปืนมองดูด้วยความแค้นใจ นพหันมาต่อว่าสัตยา
“ไหนว่ามีนาคี แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย”
สัตยาแค้นๆ
“งานนี้อาจารย์คายามังต้องรับผิดชอบ”
ดาวถอยกรูด ทันใดดาวเห็นควันดำลอยขึ้นมาในระยะไกล
“ท่านหลงกลเรา อาวุธของพวกท่านถูกทำลายหมดแล้ว”
นาคีเห็นไปเห็นควันไฟนาคีแค้นหันมาทางดาวเดินเข้าใส่ สีหน้าดุดัน
“ท่านคิดว่าเราสนใจอาวุธของพวกมันอย่างนั้นรึ”
ดาวถอยกรูดร่างกายบาดเจ็บ นาคีขยับก้าวเข้ามา ทันใดนั้นนาคีหายใจไม่ออกเชือกมนตร์รัดคอแน่น นาคีดิ้นทรุดลงกับพื้น ดาวจ้องเห็นนาคีเอามือดึงที่เชือกมนตร์ สุดท้ายดาวดีดตัวพรวดหายออกไป นาคีดิ้นอย่างทรมาน
ในห้องประชุม ศักดานั่งฟังพลางกราดสายตามองทุกคน
“เราสูญเสียเจ้าหน้าที่ไปมาก เราต้องเพิ่มมาตรการ ในการจู่โจม”
ศักดาพยักหน้ารับฟัง
“เรากำลังสืบหานายใหญ่ของมันว่าเป็นใคร รังใหญ่ของมันว่าอยู่ที่ไหน เราจะทำลายมันให้พินาศ”
ศักดาขัดขึ้น
“อย่าลืมนะว่าพวกมันยังมีอาวุธร้ายแรงอยู่ในกำมือ”
ชายคนหนึ่งยักไหล่
“มันอยากจะระเบิดอะไรให้มันระเบิดไป คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วสูญเสียน้อยมาก”
ชายอีกคนมองศักดา
“เราอยากให้ท่านรองเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่พิเศษให้พร้อม”
ศักดาพยักหน้ารับ กราดสายตามองทุกคนก่อนจะถาม
“แล้วท่านว่ายังไง”
“ท่านเป็นคนสั่งลงมาเอง”
นาคีปรากฏตัวขึ้นในถ้ำยังหายใจติดขัดอยู่ คายามังยืนอยู่ตรงหน้าค่อยๆโบกมือเชือกมนต์คลายตัว นาคีค่อยๆหายใจกลับมาเป็นปกติ
“เจ้ามัวแต่คิดแค้นจนหลงกลศัตรูทำเสียเรื่องอาวุธของนายใหญ่ถูกทำลายจนหมด”
“เราไม่สนใจ”
“เอาล่ะเราเข้าใจเจ้า บังคับเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ในเมื่อจิตใจเจ้ามีแต่ความรัก เราจะช่วยให้ความรักของเจ้าสมหวัง”
นาคีจ้องนิ่งไม่ตอบ คายามังสะบัดมือออกมา มีเชือกสีทองปรากฏ นาคีจ้องเขม็ง ผมบนศีรษะเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง คายามังยิ้ม
“ใช่ เชือกสีเงินข้าใช้บังคับเจ้า แต่เชือกเส้นนี้สามารถสยบชายคนรักของเจ้าได้”
นาคียิ้มหยัน
“เชอะ เราสามารถสยบได้อยู่แล้ว”
“พวกนางเสือมีวิชา ถึงแม้ว่าพลังของเจ้าจะมากกว่าแต่ถ้าพวกมันร่วมมือกัน เจ้าก็อาจจะพ่ายแพ้ได้”
คายามังยิ้มสะบัดเชือกพุ่งมา นาคีรับไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ใช้เชือกเส้นนี้สยบมันเหมือนอย่างที่ข้าสยบเจ้า แล้วเจ้าจะได้ตัวมันมาครอบครองตลอดไป”
คายามังแวบหายไป นาคีมองเชือกอย่างครุ่นคิด
อ่านต่อหน้า 2
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 12 (ต่อ)
รถเข้ามาจอดที่หน้าตึกลึกลับ ศักดาลงจากรถแล้วเข้าไปในตึก...เปิดประตูเข้ามาในห้อง ถอดเสื้อนอกออกโยนไปที่โซฟาแล้วเอามือจับที่คอถอดหน้ากากออกมา ปรากฏว่าเป็นดำรงนายใหญ่นั่นเอง
“พวกมันกำลังตามหาข้ายังงั้นเหรอ ให้มันรู้ไปว่าใครจะหา ใครเจอก่อน”
ดำรงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกด
เสียงโทรศัพท์ดัง ศักดารับสาย
“ครับท่าน”
“พวกนั้นยังไม่สงสัยท่านรอง ท่านรองกลับไปทำงานได้ตามปกติ หาทางสืบให้ได้ว่า นาย ของพวกมันคือใคร”
“ผมคิดว่าพวกนั้นก็กำลังสืบว่าท่านเป็นใคร”
“ผมรู้” ดำรงหัวเราะอย่างย่ามใจ “พวกมันไม่มีวันรู้”
โจจ้องที่จอคอมพิวเตอร์ นายใหญ่ อยู่ตรงหน้าจอ
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พวกนางเสือหลงกล พวกมันคิดว่าได้ทำลายอาวุธไปแล้ว”
“เพิ่มกำลังที่ฐานบังคับการใหญ่หลังกำแพงมนต์ส่งนาคีจัดการกับพวกนางเสือให้ได้เร็วที่สุดเตรียมพร้อมยิงจรวดถล่มทุกจุด”
โจได้แต่พยักหน้ารับ
ฤทธิชัยอยู่บนเนินห่างออกมา มองเห็นไฟและควันดำพวยพุ่ง ยิ้มอย่างพอใจ แต่แล้ว เสียงสายลมร้องก้องเสียงสายฟ้าร้องดังขึ้น ฤทธิชัยแหงนหน้าขึ้นมอง แล้วหลับตาสมาธิ อึดใจก็ลืมตาขึ้น หน้าเคร่งเครียด
“อาวุธยังไม่ได้ถูกทำลาย”
เครื่องยิงจรวดถูกติดตั้งอยู่บนตึกสูงแห่งหนึ่ง มีตาข่ายผ้าใบปิด มีมือปืนเฝ้าอยู่ 5 คน ข้างๆมีลังใส่ลูกจรวดแสงเลเซอร์นำอยู่
รถของอภิชาติวิ่งเข้ามาในบริเวณบ้านสวน ชายฉกรรจ์ 5 คนโผล่มายืนรอบๆ ในมือต่างถือปืนพร้อม ทั้งหมดเปิดประตูรถออกมา เทพยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีครับคุณอภิชาติ”
“สบายดีเหรอเทพ”
“ครับผม”
“จักจั่นจำได้บ้านสวนที่เราเอารถขนเงินพวกมันมาซ่อน...ลุงมั่นล่ะ”
“ลุงแก่แล้วผมเลยให้ไปอยู่ต่างจังหวัด”
อภิชาติแนะนำ
“คุณจักจั่น”
จักจั่นยิ้มแย้ม
“ภรรยา”
งิ้วยิ้มขำ อภิชาติหันมาแนะนำ
“แล้วนั่นคุณงิ้ว”
งิ้วยิ้ม
“ไม่ใช่ภรรยา”
จักจั่นยิ้มขำ เทพยิ้มแย้มให้ทุกคน
“เชิญข้างในเลยครับ ทุกอย่างจัดไว้พร้อม”
“ขอบใจมากเทพ...แล้วก็”
“อย่าห่วงครับ ใครผ่านมาผมจะแจ้งให้ทราบ”
อภิชาติยิ้ม ทั้งหมดเดินเข้าไปในสวนด้านใน
อภิชาติ จักจั่น งิ้ว อยู่ในบ้าน
“ที่นี่ปลอดภัยเหมาะที่จะเป็นฐานปฏิบัติงานของเรา”
จักจั่นยังเจ็บใจไม่หาย
“เสียดายนายดำรงหลุดมือเราไปจนได้”
งิ้วคิดเครียด
“นางงูพิษสงร้ายแรง ถ้าจะให้งานนี้สำเร็จ นางเสือต้องหาทางกำจัดนางงูให้พ้นทาง”
อภิชาติกับจักจั่นต่างมองหน้ากัน
“อย่าบอกนะว่านางเสือมือไม่ถึง”
อภิชาติถอนใจ
“เราต้องรวมกำลังกันอย่างน้อย สามคนขึ้นไปถึงจะต้านนางงูได้”
จักจั่นหน้าเครียด
“ปัญหาก็คือ ถ้านางงูเริ่มเสียเปรียบก็จะหายไปเราไม่มีทางตามทัน แล้วก็จะโผล่มาลอบกัดเราอีก”
อภิชาติเสริม
“ตอนนั้นถ้าเราอยู่ตามลำพัง นาคีสามารถกำจัดเราได้ไม่ยาก”
งิ้วถอนใจ
“เสียดายงิ้วฝีมือไม่ถึงช่วยอะไรไม่ได้”
จักจั่นยิ้ม
“พกระเบิดไว้เยอะๆก็แล้วกัน”
ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน
ทุกคนนั่งตรวจสัมภาระอาวุธของตัวเองอยู่ งิ้วพูดขึ้น
“ได้ตัวนายดำรงคราวนี้ ต้องทำลายเครื่องบอกตำแหน่งก่อนเป็นอันดับแรกงิ้วให้หัวหน้าประสานงานทางเมืองไทยส่งเครื่องช็อตมาแล้ว สามารถทำลายชิฟทุกตัวที่ฝังอยู่ในร่างคน”
จักจั่นยิ้มพอใจ
“เก่งมาก ยังไงก็อย่าลืมพกระเบิดไว้ด้วยล่ะ จักจั่นชอบ”
ทุกคนต่างหัวเราะกัน งิ้วคิดหนัก
“สงสัยว่าเราจะหาตัวนายดำรงได้ยังไง”
อภิชาตินึกบางอย่างได้
“เดี๋ยวนะ...ในเมื่อมันมีเครื่องบอกตำแหน่งติดตัวอยู่คุณงิ้วน่าจะลองใช้คอมพิวเตอร์หาสัญญาณของพวกมันแล้วตรวจจับดู”
งิ้วตาวาวโรจน์
“เยส...ใช่แล้วใช้เครื่องบอกตำแหน่งของมันนี่แหละตามหาตัวมันต้องใช้เวลาหน่อยแต่แบบนี้ไม่ใช่แค่หาตัวนายดำรงเท่านั้นเราหาพวกมันได้หมดทุกคน”
จักจั่นยิ้มเดินเข้ามาหาอภิชาติ เอามือกอดรอบคอ อภิชาติยิ้มแป้น
“เก่งมาก ต้องให้รางวัล”
งิ้วหันมาขัดคอ
“ไปเลย รีบแยกห้องไปเลย”
จักจั่นกับอภิชาติต่างขำ งิ้วเหล่ๆ
งิ้วนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มือกดที่คีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องที่หน้าจอเขม็ง จักจั่นเดินเข้ามาทางด้านหลัง เอากาแฟมาวางไว้ตรงหน้าของงิ้ว
“เป็นไงบ้าง”
“ไม่ง่าย...ไม่ง่าย”
งิ้วส่ายหน้าถอนหายใจถอยออกห่างจอแล้วเอื้อมมือหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ จักจั่นปลอบ
“ใจเย็นๆ”
งิ้ววางแก้วกาแฟลง นิ้วรัวที่คีย์บอร์ดอีกรัวไปคุยไป
“คุณอภิชาติล่ะ”
“ออกไปตรวจรอบๆด้านนอก”
งิ้วกดรัวไปเรื่อยๆในที่สุดหยุดมองอย่างตื่นเต้น...
“เยส”
“เยสน่ะ...ชัวร์หรือเปล่า”
“เจอหลายจุดแต่มีทุกจุดจะแสดงชิฟคู่กันสองตัว มีอยู่จุดเดียวที่นั้นที่ไม่ใช่ชิฟคู่”
จักจั่นโพล่งออกมา
“นายดำรง”
ทั้งสองต่างยกมือไฮไฟว์กัน อภิชาติก้าวเข้ามาในห้อง
“อย่าบอกนะว่าเจอแล้ว”
“ฮันนี้ รถ”
“ได้เลย” อภิชาติโค้งรับ
รถของอภิชาติเคลื่อนเข้ามาในลานจอดรถของโรงแรมแล้วเคลื่อนไปจอดมุมว่างมุมหนึ่ง งิ้วเป็นคนขับรถ จักจั่นนั่งหน้า อภิชาติอยู่ด้านหลัง งิ้วจอดรถเรียบร้อยแล้วส่งวิทยุติดต่อขนาดจิ๋วให้จักจั่นกับอภิชาติ
“วิทยุสื่อสารขนาดจิ๋ว”
อภิชาติกับจักจั่นรับมา งิ้วหยิบคอมพิวเตอร์มากางออกกดเครื่องเปิด
“งิ้วจะคอยบอกความเคลื่อนไหวของนายดำรงจะได้รู้ตำแหน่งชัดเจน”
“โอเค...”
“เทส...เทส”
อภิชาติกรอกเสียง
“ชัด...เทส”
จักจั่นลองเครื่องบ้าง
“เทส”
“ชัด...”
งิ้วจ้องที่คอมพิวเตอร์กดคีย์บอร์ด
“ชั้น 8 ห้อง 804”
อภิชาติกับจักจั่นเปิดประตูรถออกไป งิ้วจ้องที่จอคอมพิวเตอร์ตาไม่กระพริบ
โรงแรมหรู...ประตูลิฟท์เปิดออก อภิชาติกับจักจั่นเดินควงกันออกมา แล้วเดินไปตามทางเดิน เห็นพวกมือปืนสองคนยืนอยู่หน้าห้อง อภิชาติกับจักจั่นเดินใกล้หน้าห้องของนายดำรง อภิชาติติดต่อทางวิทยุกับงิ้ว
“กำลังเข้าใกล้เป้าหมาย”
“เป้าหมายคงที่”
อภิชาติหันมาหาจักจั่น
“ผมคนขวา”
จักจั่นพยักหน้า
“โอเค”
อภิชาติกับจักจั่นเดินผ่านหน้าห้องที่มือปืนยืนอยู่สองคน ทันใดนั้นทั้งสองก็ซัดเปรี้ยงเข้าให้คนละหมัดตามที่นัดหมาย มือปืนสองคนทรุดกองอยู่หน้าประตู อภิชาติค้นตัวพวกมันได้คีย์การ์ดแล้วเปิดประตูพรวดเข้าไป ดำรงกำลังอยู่กับสาวบนเตียง สาวกรี๊ดตกใจ อภิชาติกับจักจั่นมองหน้ากันอย่างพอใจ สาวสวยร้องกรี๊ดๆไม่หยุดจักจั่นจ้องหน้าขู่
“น้องถ้าไม่หยุดร้องเจ็บแน่”
สาวสวยหยุดร้องดำรงอยู่บนเตียงหน้าซีด จักจั่นยิ้มหยัน
“เจอกันอีกแล้ว หนอยหลุดมายังไม่ทันไรคั่วสาวแล้ว”
“พวกคุณ ต้องการอะไรกันแน่”
อภิชาติตะคอก
“ต้องการตัวนายนะซิ แต่งตัวเร็วเข้า”
ดำรงนุ่งผ้าขนหนูลุกจากเตียง
“เสื้อผ้าผมอยู่ในห้องน้ำ”
อภิชาติตวาด
“เร็วเข้า”
ดำรงเข้าไปในห้องน้ำ จักจั่นพูดวิทยุ
“เป้าหมายอยู่ในห้องเรียบร้อย”
งิ้วตอบกลับมา
“ผิดแล้วเป้าหมายกำลังเคลื่อนที่”
จักจั่นชะงักอึ้งคาดไม่ถึง
“เป็นไปไม่ได้”
อภิชาติหันมาถาม
“อะไร”
“เป้าหมายกำลังเคลื่อนที่”
อภิชาติเปิดประตูห้องน้ำพรวดเข้าไป ดำรงกำลังแต่งตัวอยู่ อภิชาติพูดวิทยุ
“เรามีเป้าหมาย คอนเฟิม”
“เป้าหมายกำลังเคลื่อนที่ รีบลงมาด่วน”
จักจั่นเข้าใจทันที
“มันเอาตัวปลอมมาล่อ”
อภิชาติกราดสายตามองเห็นประตูห้องติดกันอยู่ ดีดตัวพรวดเปิดประตูเข้าไป
“ทางนี้”
งิ้วอยู่ที่ลานจอดรถ สตาร์ทเครื่องแล้วขับไปทางด้านหน้า เห็นดำรงกับมือปืนสองคนออกมาจากโรงแรม ขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่แล้วรถตู้เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว งิ้วจอดรถทางด้านหน้า
“เป้าหมายอยู่ในสายตา เร็วเข้า”
จักจั่นกับอภิชาติวิ่งออกมาแล้วตรงมาที่รถขึ้นอย่างรวดเร็ว งิ้วออกรถตามไป จักจั่นกับอภิชาติต่างมองหน้ากันเสียอารมณ์ อภิชาติแปลกใจ
“พวกมันรู้ว่าเรามา”
จักจั่นคิดๆอย่างสงสัย
“มันรู้ได้ยังไง”
งิ้วอธิบาย
“มันไม่รู้หรอก...แค่วางระบบทางหนีทีไล่อย่างดี มีตัวหลอกเตรียมไว้พร้อม”
จักจั่นเจ็บใจ
“ตามทันต้องเบิร์ดกะโหลกให้เข็ด”
“อยู่ข้างหน้า มันหนีไม่พ้นหรอก”
งิ้วเหยียดคันเร่งรถวิ่งฉิวตามรถตู้ไป...รถตู้ของพวกมันอยู่ข้างหน้า งิ้วเร่งขึ้นไป
“พวกมันกำลังเข้าทางโค้ง”
“ทันอยู่แล้วน่า”
งิ้วเร่งเครื่องแต่พอพ้นทางโค้งก็ต้องเบรกจนรถปัด เพราะตรงหน้ารถตู้ของพวกมันจอดอยู่ข้างทางเหมือนชนต้นไม้ไฟลุกท่วมร่างของมือปืนคนหนึ่งนอนครวญครางอยู่ ทั้งหมดลงมาจากรถ แต่ทำอะไรไม่ได้
รถปอเต๊กตึ๊ง รถเจ้าหน้าที่ รถพยาบาล และเจ้าหน้าที่ ทุกหน่วย เดินกันวุ่นวาย พร้อมกลุ่มไทยมุงกลุ่มหนึ่ง...กำจรกับทีมข่าวกำลังรายงานข่าว
“พบศพนายดำรง คู่แข่งคนสำคัญของอินเตอร์บิส เกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงรถระเบิดร่างไหม้จนไม่เหลือเป็นรูปร่างแต่จากคำให้การของคนขับรถและบอดี้การ์ด ซึ่งบาดเจ็บสาหัสยืนยันว่าเป็นนายดำรงอย่างแน่นอน ผมกำจรแสงรุ่งเรืองรายงาน”
ในห้องลึกลับ...ภาพโจอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กำลังรายงาน
“ทุกอย่างเรียบร้อยตามแผนครับ นายดำรงที่จัดไว้ตายแล้วตามที่ท่านต้องการ”
“ดีมาก”
ดำรงยิ้มแล้วหยิบหน้ากากขึ้นมาสวมบนใบหน้า กลายเป็นก้องเกียรติยิ้มแย้มอย่างพอใจ
อภิชาติ จักจั่น งิ้ว กลับมาที่บ้านสวน
“พวกมันวางแผนได้ฉลาดมาก เราใกล้ตัวนายดำรงมันเลยเก็บนายดำรง ตอนนี้เราเลยไม่รู้ว่าใครคือนายใหญ่ของมัน” อภิชาติหน้าเคร่งเครียด
จักจั่นไม่ไว้ใจ
“ใช่นายดำรงคนเดียวกันหรือเปล่าก็ไม่รู้หน้าเละจนจำไม่ได้”
งิ้วถอนใจ
“ไม่ใช่แน่นอน ตอนนี้นายดำรงตัวจริง เปลี่ยนหน้าเป็นใครไปแล้วก็ไม่รู้”
อภิชาติคิดนิดนึงก่อนจะบอก
“เรากลับมาเริ่มที่ศูนย์เหมือนเดิม”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากันเสียอารมณ์
ป้าเนียนกับจันจิราขึ้นมาบนบ้าน
“ไม่รู้ว่าหนูดาวกับคุณฤทธิชัยเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ปิดค่ายอาสาแล้วไม่ได้เจอเลย”
“พวกมันบุกหนัก พี่ดาวกับคุณหนึ่งมีภาระที่รัดตัว ลำพังพวกมันไม่เท่าไหร่ แต่นางงูนี่ซิน่ากลัว”
แต่แล้วทันใดนั้นจันจิรายกมือให้ป้าเนียนหยุด พลางตวัดมือมาจากด้านหลัง มีปืนติดมือขึ้นมา ป้าเนียนรีบหลบด้านหลัง จันจิราเดินนำเคลื่อนตัวเข้าไปในครัวปืนในมือกระชับแน่น แต่เป็น ฤทธิชัยนั่นเองที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว
“ผมเองครับป้าเนียน คุณจันจิรา”
จันจิราลดปืนลงป้าเนียนถอนหายใจเฮือก ฤทธิชัยนั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าวมีสำรับอาหารตั้งอยู่เต็ม
“คุณหนึ่งเองเหรอคะ กำลังนึกถึงอยู่เลยค่ะ ตายแล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยถือโอกาสจัดปาร์ตี้ ฉลองที่พวกเราทุกคนรอดพ้นอันตรายจากพวกมัน”
“พี่ดาวละคะคุณหนึ่ง”
“กำลังมาครับที่นี่คือจุดนัดพบของเรา”
“บทจะได้เจอก็ได้เจอทั้งสองคนเลย”
ป้าเนียนตื่นเต้นดีใจ บรรยากาศสดใส ทันใดนั้นดาวปรากฏตัวเดินเซเข้ามา ฤทธิชัยตกใจ
“คุณดาว”
ฤทธิชัยปราดเข้าไปรับได้ทันท่วงที
“ดาวไม่เป็นไรค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงนาคีดังขึ้น
“ท่านแน่ใจรึ ว่าไม่เป็นไร”
นาคีปรากฏตัว สายตาจ้องมายังทุกคน งูบนหัวส่ายไปมาน่ากลัว
ฤทธิชัยค่อยประคองดาวยืนขึ้นประจัญหน้ากับนาคีอย่างเตรียมพร้อม นาคีไม่สนใจจันจิรากับป้าเนียนซึ่งอยู่ถัดไปทางด้านข้าง
“ป้าเนียน”
จันจิราเรียกเบาๆ แล้วโบกมือให้ถอยออกไป ป้าเนียนค่อยๆเคลื่อนตัวออกขณะที่ เธอปาดไปทางด้านหลัง
“คราวนี้ท่านพี่ต้องไปกับเราอย่างแน่นอน” นาคีบอกอย่างมั่นใจ
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของนาคีเซไป เป็นจันจิรา เป็นคนยิง
“ไปคนเดียวดีที่สุด”
นาคีตาวาวแล้วแวบเข้าหา ตบจันจิรากระเด็นไป นาคีหันมาก็พบว่าดาวกับฤทธิชัยอยู่ตรงหน้า ทั้งสองปล่อยหมัดพร้อมกันแต่นาคีหายแวบไปทั้งสองคนวืด ต่างกราดสายตาระวัง แต่แล้วนาคีแวบโผล่มาทางด้านหลังของดาว นาคีตบเปรี้ยงแต่แขนของฤทธิชัยเข้ามารับไว้ทันท่วงที นาคีสะบัดสองมือ ปล่อยพลังกระแทกสองคนกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ดาวกลิ้งไปที่พื้น นาคียิ้มเยือกเย็นสะบัดมือในมือมีปืนติดขึ้นมากระบอกหนึ่งตวัดไปทางดาวแล้วเหนี่ยวไก เปรี้ยงๆๆ ทันใดนั้นร่างป้าเนียนเข้ามาขวางไว้พอดี ป้าเนียนทรุด อยู่ในอ้อมกอดของดาว
“ป้าเนียน”
ป้าเนียนหลับตานิ่งสนิท
“ป้าเนียน”
ดาวกอดป้าเนียนสายตากราดจ้องนาคี นาคีเสียอารมณ์ตวัดปืนหมายยิงซ้ำแต่แล้วร่างของฤทธิชัยแวบมาตรงหน้าตบเปรี้ยงนาคีกระเด็นกลิ้งไปที่พื้น จันจิราตั้งตัวได้ตวัดปืนใส่นาคีที่ดีดตัวขึ้นมาเปรี้ยงๆๆๆ นาคีเซไปตามแรงปืน ดาวกับฤทธิชัยต่างตวัดปืนในมือขึ้นมา ทั้งสองสาดกระสุนใส่
นาคีถอยไปตามแรงกระสุน จันจิราเดินเข้ามาสมทบกราดยิงนาคีด้วยอีกคน นาคีปัดป้องถอยกรูดๆที่สุดแวบหายไป ทั้งหมดกราดปืนไปมาเพื่อความมั่นใจ อึดใจผ่านไปเหตุการณ์สงบ ทั้งหมดปราดไปที่ร่างของป้าเนียนที่ฟุบอยู่ ดาวประคองป้าเนียนที่ไม่รู้สึกตัวขึ้นมา ทุกคนใจหาย
จันจิราเดินออกมากับหมอที่มาดูแลอาการป้าเนียน ดาว กับ ฤทธิชัยลุกขึ้น ดาวถามอย่างร้อนใจ
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“พ้นขีดอันตราย แต่ยังต้องคอยตรวจเฝ้าระวัง”
“ขอบคุณครับ”
หมอถอนใจแล้วเดินออกไป ดาวกับฤทธิชัยหันไปทางจันจิรา
“อาการหนักพอดูค่ะ แต่จันจะคอยเฝ้าอย่างใกล้ชิดพี่ดาวกับคุณหนึ่งไม่ต้องเป็นห่วง”
“เป็นเพราะพี่กับคุณหนึ่งประมาท เราเห็นว่าพวกมันไม่ได้ สนใจจับตาดูบ้านป้าเนียน ก็เลยนัดกันมาที่นี่นึกไม่ถึงว่ากลับเป็นนาคีที่ตามมา”
ฤทธิชัยถอนใจ
“ดีที่คุณจันอยู่ด้วยเป็นสามพลัง เราถึงต้านนาคีได้”
ดาวคิดๆ
“แปลก…คราวนี้เหมือนกับว่านาคีมั่นใจที่จะได้ตัวคุณหนึ่งกลับไป”
“นาคีมั่นใจว่าจะได้ตัวผมทุกครั้งอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติไม่มีอะไรแปลกหรอกครับ”
ฤทธิชัยบอก ดาวครุ่นคิดกังวล
นาคีปรากฏตัวขึ้นในถ้ำ เธอเซเล็กน้อย ตามตัวมีรอยกระสุนเลือดออกซิบๆ นาคีค่อยๆทรุดตัวลงบนเตียงนั่งสมาธิ อึดใจรอยกระสุนก็ค่อยๆหายไปจนหมดในที่สุด นาคีลืมตาขึ้นก็พบว่าคายะมังยืนอยู่ตรงหน้า
“ท่านต้องการอะไรอีก”
“เราบอกเจ้าแล้ว ถ้าพวกมันรวมพลังกัน ท่านจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เจ้ายังดื้อดึงเสี่ยงอันตราย”
“พวกมันแค่โชคดีเท่านั้น”
“ต่อไปนี้ห้ามเผชิญหน้าตอนที่พวกมันอยู่พร้อมกันสามคนเป็นอันขาด มิฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้อยู่เห็นหน้าคนรักของเจ้าอีกต่อไป”
“ท่านเป็นห่วงเรารึ”
คายามังยิ้มเยือกเย็น แต่แล้วสายตาจ้องนาคีคาดไม่ถึง
“เจ้ากำลังลอกคราบ”
นาคีก้มลงมองที่แขนของตน แล้วเอามือลูกมีผิวหนังเป็นแผ่นติดมือขึ้นมา
ค่ำนั้น ดาวกับฤทธิชัยนั่งสมาธิอยู่ในห้อง ส่วนด้านนอก จันจิรายืนระวังเฝ้าเหตุการณ์อยู่
สายตากราดไปทั่วอย่างระมัดระวัง แต่แล้วรู้สึกว่ามีความเคลื่อนไหวทางด้านล่าง จันจิราตวัดปืน ค่อยๆลงบันไดไปข้างล่างอย่างช้าๆ ปืนกราดไปมา เงาแวบมาทางด้านหลัง จันจิราตวัดปืนกลับไป แต่แล้วก็โล่งใจ ชายสมาชิกโจรยืนอยู่สองคน
“แม่สมพรส่งผมให้มาอยู่ช่วยคุณจันจิราครับ”
“แม่สมพรจะตามมาที่หลังครับ”
จันจิราตวัดปืนเก็บ
“ขอบใจจ้ะ”
นาคีมองแขนตนเองแล้วหันมาถาม คายามัง
“หมายความว่ายังไง ข้าเป็นอะไร”
“เจ้าไม่ต้องตกใจ เป็นเรื่องธรรมดาระหว่างนี้ห้ามไปไหน เพราะเจ้ากำลังอ่อนแอที่สุดจนกว่าร่างกายของเจ้าจะลอกคราบหมด”
“ข้าต้องรอถึงกี่วัน”
“อาจแค่วันเดียว หรือสองวัน แต่ไม่เกินสามวัน”
คายามังจ้องอึดใจแล้วค่อยๆเลือนหายไป นาคีมองตามด้วยสายตาดุดัน
อ่านต่อหน้า 3 .
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 12 (ต่อ)
ท้องฟ้าสดใสของเช้าวันใหม่...จันจิรากราดสายตาไปมาเฝ้าระวัง ได้ยินเสียงหันกลับไปเห็น ดาว กับ ฤทธิชัย ออกมาจากห้องด้านในอาการเป็นปกติแล้ว
“ไม่มีวี่แววของนาคีค่ะ”
ทั้งหมดต่างโล่งใจ
“พี่กับคุณหนึ่งต้องไปก่อนนะจ๊ะ เราไม่อยากให้นาคีมาที่นี่เราต้องรีบหาอาวุธที่พวกมันซ่อนไว้ให้ได้”
“จันจะคอยดูแลป้าเนียนอย่างใกล้ชิด”
“ถ้าฉุกเฉิน ติดต่อผ่านทางสายลม”
จันจิราพยักหน้า ดาวกับฤทธิชัยออกไป จันจิราถอนใจสีหน้ากังวล
กลุ่มของไผ่ เดินทางมายังที่พักอีกจุดหนึ่ง พ่ออาตงหยุดเดิน
“เราหยุดพักกันที่นี่แน่นอน เพราะเรามีเด็กกว่าจะถึงบ้านต้องหยุดพักหลายแห่ง”
ลุงเดชยิ้มบางๆ
“ไม่เป็นไร กี่แห่งเราก็จะหยุด เป็นทางเดียวที่จะเจอกำแพงมนต์”
ไผ่มองเด็กทั้งสอง
“ถ้า เม่งจู กับ อาตง ยังจำได้”
อาตงยิ้มไม่มั่นใจนัก เม่งจูหันมาบอก
“หนูจะพยายามค่ะ”
ทุกคนยิ้มให้กำลังใจเด็กทั้งสอง
ภาพของไผ่และคณะปรากฏอยู่บนกำแพงมนต์ของคายามัง จนภาพหายไป คายามังจ้องอย่างเคร่งเครียด คายามังรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
“สวัสดีท่านนายใหญ่ วันนี้ท่านมาถึงนี่”
ด้านหลังของคายามัง คือก้องเกียรติ ยืนอยู่ ซึ่งเป็นตัวปลอม
“ไม่ได้พบกันระยะหนึ่ง หวังว่างานของอาจารย์คงคืบหน้า”
“ทุกอย่างกำลังเข้าแผน ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย”
“หวังว่าเป็นเช่นนั้น”
“เรามีธุระต้องจัดการ”
คายามังเลือนหายไป ก้องเกียรติมองตามสายตาเคร่งเครียด
สัตยานั่งอยู่ในเต๊นท์ แต่แล้วก็ตวัดปืนในมือหันขวับไป ร่างของคายามังยืนอยู่ สัตยาเก็บปืน
“ว่าไงอาจารย์ จะมาบอกหวยหรือไง”
“มีเด็กสองคนเคยผ่านเข้าไปในกำแพงมนต์”
“ฮะ กำแพงมนตร์ของท่าน ลงยันต์ไว้อย่างดี ไม่มีใครมองเห็น แม้กระทั่งเหยี่ยวมนต์ของพวกนางเสือแต่กลายเป็นว่าเด็กผ่านเข้าไปได้ โอย สะใจจริงๆ”
“ท่านได้รับคำสั่งให้ดูแลควบคุมทางด้านนี้ถ้าพวกมันเจอกำแพงมนต์ ย่อมเป็นความผิดของท่าน”
สัตยายักไหล่ ไม่สนใจหันไปหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะเทใส่แก้วแล้วกระดกพรวดเดียวหมด แต่พอเขาหันกลับมา คายามังก็หายไปแล้ว สัตยาเสียอารมณ์พรวดลุกขึ้น
“หายไปไหนวะ...โธ่เอ๊ย…อวดเก่งว่ามีวิชาพอทำเสียเรื่องแล้วโยนมาให้คนอื่นแก้ ถุย...”
สัตยาบ่นแล้วก้าวออกจากเต็นท์ไปสั่งการพวกมือปืน
“ทุกคนออกตรวจการณ์ให้ดี เป้าหมายเป็นเด็กสองคนลากตัวมันมาให้ข้า”
พวกมือปืนต่างงึมงำ แล้วแยกย้ายกันออกไป นพเดินเข้ามา
“ผมเอารถอาวุธเปล่าล่อพวกมันมาตามแผนที่วางไว้แล้ว...ถือว่าหมดหน้าที่ผมแค่นี้”
สัตยาพยักหน้า...นพยิ้ม เดินออกไป สัตยามองตามยังอารมณ์เสียอยู่
“เออ...ไม่ต้องเจอกันได้เป็นดี”
ก้องเกียรติ นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องคุมขัง ร่างหนึ่งเดินใกล้เข้ามา ก้องเกียรติเงยหน้าขึ้น ยิ้มเยาะ ตรงหน้าคือก้องเกียรติตัวปลอม
“มาหาผมถึงนี่แสดงว่ากำลังจนตรอก”
“ติดขัดนิดหน่อย เจอพวกโกงกินแฝงตัวอยู่ก่อนแล้ว”
“คุณน่าจะรู้ดี...ประเทศไทยถูกจัดอันดับคอรัปชั่นอยู่ประมาณต้นๆนะคุณ”
“ผมพอจะรู้ว่าพวกมันเป็นใคร”
ก้องเกียรติยิ้ม
“โธ่คุณ เขารู้กันทั้งประเทศ คุณไม่รู้ก็บ้าแล้ว”
“ถ้าคุณบอกผม ว่าหัวหน้ามันเป็นใคร ผมจะจัดการให้”
“ผมไม่รู้จักหัวหน้าของมันแต่ไอ้พวกนี้มันสืบทอดกันมานานแล้ว เก็บกวาดยังไงก็ไม่หมด”
ก้องเกียรติตัวปลอมฉีกยิ้ม
“คุณไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีเก็บกวาดพวกมันแน่นอน”
ก้องเกียรติตัวปลอมหน้าเคร่งเครียด แล้วเดินออกไป ก้องเกียรติตัวจริงมองตามอย่างครุ่นคิด
“มันมีแผนอะไรกันแน่”
ก้องเกียรติตัวปลอมเดินเข้ามาในเซฟเฮ้าท์ เปิดจอคอมพิวเตอร์ขึ้นแล้ว กด หน้าจอปรากฏเป็นหน้าของโจขึ้นมา
“เรื่องมือปืนกับมือระเบิดไปถึงไหนแล้ว”
“กำลังเดินทางกันเข้ามาครับผมสงสัยว่า ทำไมท่านไม่ใช้พวกนินจาของเราจัดการกับคนพวกนี้”
“เราต้องการให้ทั่วโลกคิดว่าการตายของพวกมันเกิดจาก พวกก่อการร้ายจะทำให้การลงทุนจากต่างชาติและการท่องเที่ยวของประเทศมีผลกระทบที่พวกมันไม่คาดคิด”
“ผมจะรีบรายงานทันที ถ้ามีความคืบหน้าจากพวกมือปืน”
“ดีมาก”
โจดับวูบหายไป ก้องเกียรติยิ้มอย่างพอใจ เอามือลูบใบหน้าอีกครั้งกลับกลายเป็นหน้ากากยางของก้องเกียรติหลุดออกมา แล้ววางลงบนโต๊ะ
งิ้วอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ในบ้านสวน
“แย่แล้ว”
อภิชาติกับจักจั่นนั่งอยู่ที่โซฟาลุกขึ้นพรวดเข้ามา จักจั่นถามอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น”
“หัวหน้าของงิ้วส่งข้อความเป็นรหัสมา พวกแบล็คอีวิลสั่งมือปืนและมือระเบิด เข้ามาในประเทศไทย”
“ก็ดีแล้วนี่ให้มันจัดการพวกองค์กรกัดกันให้ตายไปข้างหนึ่ง”
อภิชาติหน้าเครียด
“ใช่ แต่ถ้าเป็นคนมีระดับของบ้านเมือง ถูกลอบสังหารจะทำให้ต่างชาติไม่เชื่อถือ อาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศสุดท้ายผู้เดือดร้อนคือประชาชน”
“น่าขำที่ประชาชนพวกนี้ส่วนหนึ่งเป็นคนยกย่องพวกมันยอมตายเพื่อมัน”
งิ้วถอนใจ
“เฮ้อ...น่าเศร้า”
งิ้วลุกขึ้นเดินออกไป อภิชาติแววตาเครียด
“จะยังไงก็แล้วแต่เราต้องรีบหาตัวพวกมือปืนพวกนี้ให้ได้ก่อนที่พวกมันจะลงมือ”
จักจั่นมองหน้าอภิชาติ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป อภิชาติมองตาม
“เซ็ง...”
จักจั่นถอนใจเซ็ง แต่แล้วก็มีดอกไม้ช่อนึงยื่นเข้ามาตรงหน้า
“ฟอร์ ยู ดาร์หลิง”
“โห...แต๊งกิ้ว...เลิฟยู น่ารักที่สุด”
จักจั่นเข้ามาหอมแก้มอภิชาติฟอดใหญ่ เสียงงิ้ว แหวะ ดังเข้ามา จักจั่นตะโกนออกไป
“อย่าอิจฉา”
รถพวกมือปืนเข้ามาจอดหน้าถ้ำนาคี มือปืน 4-5 คนอยู่บนรถมันสองคนมีขวดเหล้าอยู่ในมือ ทุกคนลงมาจากรถ
“จอดหาที่งีบก่อนดีกว่า ชักเมาแล้วเว๊ย”
“คุณสัตยารู้เอ็งโดนแน่”
“เฮ้ย งีบหน่อยเดียว หายเมาแล้วออกไปตามหาเด็กพวกนั้น”
“จะดีเหรอพี่”
“ไม่รู้เว้ย…ปวดฉี่”
มือปืนคนนั้นเดินเข้าไปในพงไม้ ส่วนพวกมันต่างยืนพิงรถส่งเหล้าผลัดกันกิน
มือปืนยืนฉี่เสร็จ แล้วยกขวดเหล้าขึ้นดวด พลันสายตาของมันก็เห็นถ้ำอยู่หลังกิ่งไม้ที่สุมบังไว้
“เฮ้ย มีถ้ำให้นอนเว้ย”
มันเดินเข้าไปในถ้ำ พวกมันที่เหลือพรวดเข้ามาแล้วเดินตามกันเข้าไป...มือปืนเดินเข้ามาก็ต้องตะลึงตาโต เพราะตรงหน้าคือร่างสวยของนาคีนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง มันเดินเข้าไปใกล้ สายตามองไปทั่วร่างของนาคียิ้มอย่างพอใจ เสียงพวกมันเดินเข้ามา มันหันกลับไปเอามือกางขวางพวกมันไว้
“เฮ้ย...หยุด...พวกเอง ออกไป ข้าเห็นก่อน ต้องเริ่มก่อนเสร็จแล้วจะเรียก”
พวกมันต่างยืนมองนิ่งหน้าซีด ไม่ตอบ มือปืนสงสัย ค่อยๆหันไปมองร่างของนาคี แต่แล้วมันก็ต้องตาเหลือกเพราะบนเตียง มีร่างของงูตัวมหึมาแผ่แม่เบี้ยใหญ่สูงจรดเพดานถ้ำกำลังจ้องมาที่พวกมัน พวกมันต่างร้องด้วยความ หวาดกลัว เงาดำพาดมาที่พวกมัน
ใบหน้าของ ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นในจอแลบท็อปของอภิชาติ
“นี่คือกลุ่มคนต่างชาติที่เพื่อนผมทางกองตรวจคนเข้าเมืองคิดว่าน่าสงสัย ทุกคนเป็นมือปืนรับจ้างระดับอินเตอร์”
จักจั่นกับงิ้วจับตาดูข้อมูลทุกอย่างของใบหน้า มีอีกใบหน้าหนึ่งปรากฏขึ้นมา เป็นชาย แล้วตามด้วยทีละใบหน้า รวมทั้งหมด 5 หน้าด้วยกันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จักจั่นรับสาย
“พี่ดาว...เป็นไงบ้าง...หา ป้าเนียน”
อภิชาติกับงิ้วต่างมองหน้ากันอย่างกังวล
งิ้วกับอภิชาติต่างตั้งใจฟังจักจั่น
“ป้าเนียนปลอดภัย แต่ไม่พบอาวุธ จักจั่นบอกเรื่องมือปืนที่เข้ามาในไทยพี่ดาวกับคุณหนึ่งกำลังเดินทางมากรุงเทพฯหาทางวางแผนตั้งรับพวกมัน”
ทั้งหมดต่างมองหน้ากันหน้าเคร่งเครียด เสียงคนเคาะประตูดังชึ้น ทั้งหมดต่างตวัดปืนขึ้นมาแทบพร้อมกัน อภิชาติเดินไปเปิดประตู เทพโผล่เข้ามา
“มีคนเห็นความเคลื่อนไหว รอบๆสวนครับ”
“ปล่อยให้พวกมันเข้ามา พวกเราจะจัดการเองวางกำลังทุก คนไว้ด้านนอกอย่าให้พวกมันหลุดออกไปได้”
เทพพยักหน้าแล้วออกไป อภิชาติหันกลับมาทางจักจั่นกับงิ้ว ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
อภิชาติ กับ จักจั่น และ งิ้ว ออกมาตรงลานเล็ก กราดสายตาไปรอบๆ เห็นเงาพวกมันเคลื่อนตัวเข้ามารอบด้าน อภิชาติหันมาบอกสองสาว
“แยกย้ายกันไป ยั้งมือได้ก็ยั้งนะครับ จะได้บาปน้อยลงหน่อย”
“จักจั่นว่าส่งคนชั่วลงนรกไม่บาป”
“ยังไงก็บาปนะ ฮันนี้”
“นี่...เก็บไว้เถียงกันตอนฮันนีมูนเถอะ พวกมันมาแล้ว”
งิ้วพรวดออกไปด้านหนึ่ง จักจั่นนึกได้
“ใช่แล้ว คุณชาติบอกว่าจะพาไปจักจั่นไปฮันนีมูนรอบสอง”
“โห...ไม่ได้ลืมแต่ทั้งตามล่า ทั้งโดนล่า จะเอาเวลาที่ใหนจ๊ะ ฮันนี่”
“ไม่รู้ล่ะ...ไม่ยอมด้วย”
จักจั่นพรวดออกไป อภิชาติถอนใจ
“เฮ้อ...อาร์ทตัวแม่จริงๆ”
“บ่นอะไร ดาร์หลิง”
อภิชาติหันกลับมา เจอจักจั่นส่องปืนมาตรงพอดี
“เปล่าจ้ะ”
จักจั่นตวัดปืนเหนี่ยวไกเปรี้ยงผ่านเลยไป มือปืนทางด้านหลังทรุดลง
“ระวังหน่อย ดาร์หลิง”
จักจั่นพรวดออกไปอีกครั้ง อภิชาติยิ้มๆ
“ฟิ้ว นึกว่าได้ยินเราบ่นซะอีก”
มือปืนคนหนึ่งโผล่มาหลังต้น ไม้กราดปืนไปมาตามต้นไม้ในสวน แต่แล้วก็มีมือมากระชากแขนที่ถือปืนของมันเหวี่ยงตัวมันไปกระแทกต้นไม้ดังโครม มันเสียหลัก งิ้วยิงเปรี้ยงเข้าที่หัวเข่ามันทรุดร้องครวญคราง งิ้วเตะโครม เข้าที่ปลายคางมันทรุด หญิงสาวกราดปืนแล้วเดินออกไป
มือปืนสามคนเคลื่อนตัวมาข้างหน้า กราดปืนไปทางซ้ายและขวา ทันใดนั้นจักจั่นลอยดิ่งลงมาจากด้านบน เหยียบบนไหล่ของคนตรงกลางแล้วตีลังกาลงมาตรงหน้าของพวกมัน ปืนในมือยิงเข้าที่เข่าของคนทางซ้ายตวัดปืนเข้าปลายคางของคนทางขวา แล้วมือขวาตบกลับมายังคนตรงกลางเข้าที่หน้า พวกมันทรุด จักจั่นเดินออกไป
อภิชาติกราดปืนไปมา เคลื่อนตัวไปตามต้นไม้ สายตามุ่งไปข้างหน้า เห็นเงาพวกมันเคลื่อนมาจึงหลบวูบไปข้างๆ
“ไอ้พวกนี้มาถึงนี่ได้ยังไง”
มือปืนเดินเข้ามา 3 คน อภิชาติโผล่พรวดออกไปตรงหน้าปืนในมือสองข้างส่องใส่พวกมัน มือปืนขยับกราดปืนใส่แต่โดน อภิชาติยิงที่ไหล่ ที่เข่า จนทรุดไป งิ้วกับจักจั่นพรวดเข้ามา งิ้วถามอย่างสงสัย
“พวกไหนกันแน่”
จักจั่นมองพวกมือปืนอย่างแปลกใจ
“แบล็คอีวิลหรือคนขององค์กรแฝง”
อภิชาติคิดๆ
“คนขององค์กรไม่ยุ่งกับเราหรอก จนกว่าเราจะดับพวกแบล็คอีวิลหมดแล้ว”
จักจั่นตวัดปืนจ่อเข้าที่หัวเข่าของไอ้คนที่ถูกอภิชาติยิงไหล่
“พวกแกมาที่นี่ได้ยังไง”
“รถพวกแกถูกติดเครื่องบอกตำแหน่ง”
จักจั่นส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้”
“พวกแกตามนายดำรงมาจนเห็นรถนายดำรงระเบิดไม่ใช่เหรอ”
จักจั่นตวัดมือตบมันด้วยปืนจนหงายสลบไป
“เราพลาดจนได้”
งิ้วร้อนใจ
“เราต้องรีบไปจากที่นี่”
ขณะเดียวกันนั้น เทพกับชายฉกรรจ์ โผล่กันเข้ามา อภิชาติหันไปสั่ง
“ลากพวกนี้ไปโยนไว้ให้ไกล แล้วแจ้งโรงพยาบาลให้มารับพวกมัน”
อภิชาติ ขับรถมาบนถนน โดยมีจักจั่น นั่งคู่กับเขาส่วนงิ้วนั่งทางด้านหลัง จักจั่นมีเครื่องบอกตำแหน่งที่พวกมันติดไว้อยู่ในมือ
“มันล่อให้เราตามมาดูนายดำรงถูกระเบิด แล้วยิงเครื่องบอกตำแหน่งใส่รถเรา”
อภิชาติยิ้ม
“ได้...พวกมันอยากตาม…เราก็จะให้พวกมันตาม”
งิ้วกับจักจั่นต่างมองหน้ากัน อภิชาติขับรถตะบึงไป
อภิชาติขับรถเข้ามาจอดในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง อภิชาติแบมือขอเครื่องบอกตำแหน่ง จักจั่นหย่อนลงบนมือ
“เชิญเข้าห้องน้ำ ซื้อขนมกินกันก่อน อีก 5 นาทีรถออก”
ทั้งหมดต่างลงจากรถ อภิชาติ จักจั่น งิ้ว ยืนกินน้ำพิงรถเก๋งสายตามองรถทัวร์ ที่ขับออกไปนอกปํ๊ม ต่างหันมามองแล้วยิ้มให้กัน
“ให้พวกมันตามรถทัวร์ไปก่อนก็แล้วกัน”
จักจั่นยิ้มพอใจ
“เก่งมาก ดาหลิง ขอจุ๊บหน่อย”
“โห…คุณแม่ขอร้อง”
งิ้วเปิดประตูขึ้นรถทางด้านหลัง อภิชาติกับจักจั่นต่างขำ
ป้าเนียนนอนอยู่บนเตียงในอนามัย มีสายระโยงระยาง จันจิรานั่งอยู่ข้างเตียงมองด้วยความสงสารดวงตามีน้ำใส ค่อยๆเอื้อมมือไปจับมือป้าเนียนเบาๆสุดท้ายควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ฟุบหน้าข้างๆเตียง
ร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจ...ด้านนอกห้องพยาบาลผู้ช่วยส่งยาให้คนไข้ คนไข้เดินออกไป พยาบาลผู้ช่วยอีคนเดินเข้ามาหา
“คุณจันจิราล่ะ”
“เฝ้าป้าเนียนทั้งวันทั้งคืน วันนี้ก็มาแต่เช้า ยังไม่ออกมาเลย”
“แหมก็ป้าเนียนเลี้ยงคุณจันมาตั้งแต่เด็กนี่นา”
“เฮ้อ…น่าสงสารทั้งสองคนเลย”
ทั้งสองคนพากันเศร้าได้ด้วย
ป้าเนียนยังคงหลับตาพริ้ม มีเครื่องช่วยหายใจระโยงรยางค์ จันจิราฟุบหลับอยู่ข้างๆเตียง มือยังกุมมือป้าเนียนอยู่ ทันใดนั้น มีแสงทองออกจากมือของจันจิราค่อยๆซึมผ่านมือของป้าเนียนเข้าไป
ภาพจากจอโทรทัศน์ที่อภิชาต งิ้ว จักจั่นนั่งดูอยู่นั้น เป็นภาพกำจรกำลังรายงานข่าว
“มีข่าวที่น่าสะเทือนใจรถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดระเบิดเสียหลักตกเขา มีผู้ตายนับสิบทางการกำลังสอบสวนหาสาเหตุอย่างเข้มข้น…ผมกำจร แสงรุ่งเรืองรายงาน”
อภิชาติเจ็บแค้นมาก
“พวกมันเลวจริงๆ มันรู้ว่าตามผิด...ไม่ใช่พวกเราแท้ๆก็ยังอุตสาห์ระเบิดรถทำร้ายผู้บริสุทธิ์”
งิ้วหน้าเครียด
“มันแก้เผ็ดโต้ตอบพวกเรา”
“คอยดูจักจั่นแก้เผ็ดพวกมันมั่ง”
จักจั่นโกรธหน้าตาเอาเรื่อง
งิ้วนั่งที่โต๊ะหน้าคอมตามเคย อภิชาติกับจักจั่น นั่งที่โซฟา ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูหน้าห้อง จักจั่นดีดตัวลุกขึ้น งิ้วหันมามอง จักจั่นหยุดสมาธิอึดใจก็ยกมือเป็นเชิงว่าโอเค
“พี่ดาว กับ คุณหนึ่ง”
จักจั่นเปิดประตู ดาว กับ ฤทธิชัย ยืนอยู่หน้าห้อง
“เย้ พี่ดาว คุณหนึ่ง” จักจั่นดีใจ
ดาวเดินไปมาสีหน้าครุ่นคิด ทุกคนนั่ง ยืน กันตามสบาย
“อาจเป็นไปได้ที่อาวุธจะอยู่ในกรุงเทพฯ”
ฤทธิชัยหน้าเครียด
“ที่ผ่านมาสองแห่งเราคว้าน้ำเหลว เราถูกพวกมันหลอกจนหัวปั่น”
จักจั่นยิ้มบางๆ
“ตอนนี้ไม่ยากแล้วพี่ดาว”
อภิชาติหันไปบอก
“คุณงิ้วใช้คอมจูนชิฟที่พวกมันฝังอยู่ในตัวของนายดำรง ตรวจจับระบบติดตามตัวของพวกมันได้แค่กดคอมพิวเตอร์ก็จะรู้ว่าพวกมันอยู่ตรงไหน”
ฤทธิชัยไม่วางใจ
“แน่ใจได้แค่ไหน”
งิ้วยิ้ม
“เกือบเก้าสิบเปอร์เซนต์ เพราะตอนนายดำรงถูกระเบิดตายชิฟของนายดำรงก็ดับไป แต่ของคนอื่นยังอยู่”
ดาวยังไม่ไว้ใจ
“พวกมันมีทางแก้ไขหลอกเราได้หรือเปล่า”
งิ้วพยักหน้า
“ได้…แต่เราบันทึกรูปแบบสัญญาณจากชิฟของพวกมันแล้ว ไม่ว่าพวกมันจะปรับเปลี่ยนยังไง สัญญาณที่เราบันทึกไว้ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย นอกจากว่ามันจะปิดสัญญาณไปเลย”
จักจั่นแค้นๆ
“ทางเดียวที่จะรู้ คือลุยก่อน ถามที่หลัง”
ดาวหันไปหางิ้ว
“งั้นคุณงิ้ว…เชิญ”
กลุ่มของไผ่เดินทางมาตามแนวป่าใกล้ถ้ำนาคี ไผ่หยุดทำให้ทุกคนหยุด ตรงหน้าคือ รถของพวกมือปืนจอดอยู่ ไผ่ส่งสัญญาณให้ทุกคนหลบเข้าไปหลังพุ่มไม้ แสงพูดขึ้นเบาๆ
“มีพวกมันอยู่แถวนี้”
ลุงเดชคิดบางอย่างได้
“เราน่าจะยึดรถไว้ใช้ เด็กๆแย่เต็มที”
ไผ่เห็นด้วย
“ได้ครับ ทุกคนรออยู่ที่นี่”
ไผ่เคลื่อนตัวออกไปที่รถ เห็นกุญแจคาอยู่ที่รถ เขากราดสายตาไปมาเห็นขวดเหล้าตกอยู่ในรถ มีปืนวางไว้มีลูกระเบิดตกเกลื่อนกราดอยู่สองสามลูก แต่ไม่เห็นพวกมือปืน
“ท่าทางพวกมันคงเมาได้ ที่ทั้งปืนทั้งระเบิดทิ้งเรี่ยราด”
ทันใดนั้นสายลมร้องก้อง ไผ่นิ่งสมาธิฟัง
“แย่แล้ว นางงู”
ไผ่โบกมือเรียกทุกคนออกมาจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว ตัวเองโดดขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง ขณะที่ลุงเดช แสง ต่างพาเด็กๆวิ่งมาที่รถอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนขึ้นรถเร็วเข้า ช้าไม่ได้”
ลุงเดชงงๆ
“มีอะไรเหรอ”
“นางงูอยู่ใกล้ๆแถวนี้เร็วเข้า”
ทุกคนต่างรีบขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น หัวงูมหึมาโผล่ออกมาจากดงไม้ แสงตกใจ
“เฮ้ย...ไปเร็ว”
ไผ่เหยียบรถพุ่งพรวดออกไป งูหันมายังรถ แสงและลุงเดชสาดกระสุนใส่เปรี้ยงๆ รถวิ่งตะบึงไป
ทันใดนั้น งูเห็นทุกคนแล้วพุ่งตัวตามรถไป
ไผ่ขับรถตะบึง ทุกคนอยู่หลังรถ ทางด้านหลังมีงูตัวมหึมาไล่ตามมา ลุงเดชกับแสงสาดกระสุนปืนดังสนั่น ทันใดนั้นลุงเดชโยนระเบิดสองสามลูกออกไป ระเบิดตูมไฟลุกท่วมขวางทางไว้ ไผ่เหยียบรถพุ่งหนีออกไป ควันและไฟจางลงงูยักษ์หยุดอยู่กับที่แล้วค่อยๆย่อตัวลงหายไปในพงไม้
อ่านต่อหน้า 4
ป่านางเสือ 2 ตอนที่ 12 (ต่อ)
ทุกคนต่างรองิ้วที่กำลังกดคีย์บอร์ด ที่คอมพิวเตอร์อยู่ งิ้วหันมา
“เจอแล้ว จุดที่ตั้งของพวกมัน”
ดาวก้าวเข้ามาใกล้ แล้วมองที่จอหน้าเคร่งเครียด
“มีมากกว่าสิบตำแหน่งอยู่บนหน้าจอตั้งอยู่รอบบ้านดอนเสือห่างราว 20 กิโล”
จักจั่นเข้าใจได้
“แน่ล่ะ ระยะที่นาคีสามารถปรากฏตัวได้ทุกเวลา”
อภิชาติยิ้ม
“นึกอยู่แล้วว่ามันต้องเล่นมุขนี้”
งิ้วหันมาถาม
“แยกกันลุยไม่ได้เหรอคะ”
ฤทธิชัยส่ายหน้า
“อย่าดีกว่า พวกเราต้านนาคีไม่ไหวนอกจากจะรวมพลังกันถึงสามคน ทุกคนต่างมองหน้ากันหน้าตาเคร่งเครียด นิ่งกันไปอึดใจ แต่แล้วงิ้วก็เห็นบางอย่างปรากฏบนจอ
“เอ๊ะ...มีขึ้นมาอีกจุดหนึ่ง แต่อยู่ในกรุงเทพ”
ดาวชะงัก
“แน่ใจเหรอ”
งิ้วพยักหน้า ทุกคนต่างมองหน้ากัน อภิชาติตัดสินใจ
“รถพร้อมภายในห้านาที”
อภิชาติขับรถมาจอดที่หน้าตึกร้างแห่งหนึ่ง ฤทธิชัย นั่งด้านหน้าสาวๆนั่งด้านหลัง ปรากฏว่าหน้าตึกมีป้ายปิดอยู่ อันตราย ตึกเก่าห้ามเข้า จักจั่นมองๆ
“เอาป้ายมาติดแค่นี้ นึกว่าจะหลอกคนได้หรือไง”
งิ้วเปิดแลบท็อปตรวจดูข้อมูล
“เครื่องแสดงตำแหน่งบ่งว่าพวกมันอยู่ข้างในแน่นอน...เอ๊ะ…มันจะเอายังไงกันแน่”
ฤทธิชัยสงสัย
“มีอะไรเหรอครับ”
“พวกมันแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ด้านซ้ายกับขวาของตึก”
ดาวหันไปยอกทุกคน
“ดาว จักจั่น คุณงิ้ว ปีกขวา คุณชาติกับ คุณหนึ่ง ปีกซ้าย”
“รับทราบ”
อภิชาติเลื่อนรถเข้าไปด้านในลานจอดรถ ทันใดนั้นจรวดอาร์พีจีวิ่งดิ่งลงมาจากยอดตึก อภิชาติตะโกนลั่น
“อาร์ พี จี”
ลูกระเบิดอาร์พีจี วิ่งเข้าหารถประตูรถเปิดออกพร้อมกันทั้ง 4 ด้านร่างของทุกคนพุ่งออกมาจากรถกลิ้งห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ฤทธิชัยหมุนตัวขึ้นมาได้ก่อนสะบัดมือออกไปปืนในมือส่งเสียงดังสนั่น กระสุนวิ่งเข้ากระแทกลูกอาร์พีจี ระเบิดตูมก่อนจะถึงรถแรงระเบิดทำให้ทุกคนกลิ้งกระเด็นไปไกล ทุกคนดีดตัวขึ้นมา ฤทธิชัยหันไปถาม
“มีใครบาดเจ็บมั้ย”
ดาวส่งเสียงขึ้น
“เคลียร์”
จักจั่นตอบ
“เคลียร์”
งิ้วตอบรับอีกคน
“เคลียร์”
อภิชาติไอ คอกแคก
“ไม่ค่อยเคลียร์…แต่โอเค”
ทุกคนต่างตวัดปืนกราดขึ้นไปบนยอดตึก เห็นแต่ความว่างเปล่า อภิชาติมองแค้นๆ
“พวกมันจัดงานไว้รอเรา”
ฤทธิชัยยิ้ม
“เปิดตัวได้สวยซะด้วย”
ทันใดนั้นร่างของพวกมือปืนโผล่บนดาดฟ้าตึกนับสิบ สาดกระสุนลงมายังเบื้องล่าง ฤทธิชัยสาดกระสุนใส่พวกมันคว่ำไปสอง
“ฉันจะเข้าไปจัดการกับพวกมันก่อน”
ฤทธิชัยสาดกระสุนแล้วแวบหายเข้าไปในตึก อภิชาติหันไปทางจักจั่น
“ฮันนี้ คุณงิ้ว”
จักจั่นหันไปทางงิ้วที่กำลังกราดกระสุนอยู่ จักจั่นพุ่งตัวเข้าชนร่างของงิ้วโครมกลิ้งเข้าไปหลังรถพอดีกระสุนปลิวมาถูกพื้นใกล้ๆรถกระจุยกระจาย อภิชาติมองเห็นว่าทั้งสองปลอดภัยแล้วแวบเข้าไปในตึก จักจั่นหันไปต่อว่างิ้ว
“คิดว่าเหนียวหรือไง”
งิ้วยิ้มแหยๆ
“เฮ่…แท็งคิ่ว”
ทั้งสองขยับตัวลุกขึ้นใช้หลังรถหลบกระสุนยิงโต้กลับใส่พวกมัน ดาวแวบโผล่มาตรงข้างๆ
“เข้าไปในตึกก่อน เร็วเข้า”
ดาวยิงสาดใส่พวกมันคุ้มกันทั้งสอง จักจั่นคว้างิ้วแล้วแวบหายไปทั้งสองคน ดาวยิงสาดใส่พวกมันล้มหงายไปสองคน แล้วแวบออกไป
สมพรเดินเข้ามาพร้อมจันจิราตรงไปที่เตียง ป้าเนียนนอนหลับตาพริ้ม ยังมีสายช่วยหายใจระโยงระยางอยู่
“แม่จะมาอยู่บ้านป้าเนียน จะได้มาคอยดูได้ง่ายหน่อย” สมพรพูดเบาๆ
“จะดีเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ตั้งแต่ ไผ่ พา อาตง กับ เม่งจูไปก็ไม่เห็นพวกมันอีกอย่าง ลุงเดช ให้พวกสมาชิกโจร 3-4 คนคอยดูแลอยู่แล้ว”
“ก็ได้ค่ะ”
“แม่จะพาแม่เด็กสองคนนั่นมาด้วย จะได้ช่วยกัน”
ทันใดนั้นเสียงป้าเนียนดังขึ้น
“คุยกันเสียงดัง คนจะหลับจะนอน”
ทั้งสองหันไปเห็นป้าเนียนรู้สึกตัว ต่างยิ้มดีใจตื่นเต้นคาดไม่ถึง สมพรอึ้งๆ
“เป็นไปได้ยังไง หนูจันทำอะไรเหรอ”
“เปล่านี่คะ”
จันจิรากอดป้าเนียนด้วยความตื้นตันใจ แม่สมพรยืนดูยิ้มทั้งน้ำตา
จักจั่นกับงิ้วแวบเข้ามาในตึกปีกขวา
“วู้ แวบแบบนี้มันเป็นบ้า…แต่มึนแฮะ”
งิ้วเซมึนๆ…จักจั่นยิ้มแล้วผลักงิ้วห่างออกไป พลางตวัดปืนยิงเปรี้ยงพวกมันร้องลั่นไปหนึ่ง งิ้วยิ้มๆ
“โชว์ฟอร์มอีกแล้ว”
ดาวแวบเข้ามายืนข้างๆ
“ตามมา จักจั่นคุมหลัง”
ดาวเดินผ่านออกไป งิ้วเดินตาม จักจั่นปิดท้ายหันกราดปืนรอบๆก่อนที่จะตามดาวกับงิ้วไป
ในตึกร้างปีกซ้าย...ฤทธิชัยกราดปืนไปมา พวกมันโผล่มาตามมุมตึก ฤทธิชัยสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันคว่ำไป อีกคนหนึ่ง ทันใดนั้นเขาหันไปเห็น คนหนึ่งโผล่มาอีกด้านหนึ่ง ฤทธิชัยหันปืนไปทางมันแต่เสียงปืนดังขึ้นก่อนมันกระเด็นร้องลั่น ฤทธิชัยหันไปเห็นอภิชาติยืนอยู่ทางด้านหลัง อภิชาติยิ้มแล้วเดินผ่านฤทธิชัย
“แกติดข้าวฉันมื้อนึง”
อภิชาติกราดปืนผ่านหน้าไป ฤทธิชัยอดยิ้มขำไม่ได้ ก่อนจะออกเดินตามไป
ดาวเดินนำขึ้นบันไดมาถึงบริเวณที่จะหักมุมขึ้นบันใดไปอีกชั้นหนึ่ง ทันใดนั้นร่างของนินจาแวบโผล่มาตรงหน้า ดาวตวัดปืนใส่มันฟันถูกปืนดาวกระเด็นไป มันฟันอีกดาวเอามือรับจับมือมันไว้ ต่างยื้อกัน งิ้วตวัดปืนก้าวเข้าไปจ่อมันระยะเผาขนยิงเปรี้ยงๆ แต่มันรีบแวบหายดาวจับมือมันอยู่แวบหายไปด้วย งิ้วคาดไม่ถึงแต่แล้วร่างของนินจา อีกตัวแวบโผล่มาตรงหน้าตบงิ้วโครมกระเด็นไป เสียงจักจั่นดังขึ้น
“เฮ้”
นินจาหันมาเจอกระบอกปืนเข้าเต็มๆจักจั่นยิงตูมมันกระเด็นแวบหายไป จักจั่นกราดปืนตาม งิ้วโผล่เข้ามา
“มันเอาตัวพี่ดาวไปแล้ว”
จักจั่นยิ้ม
“เป็นคราวซวยของมัน”
ดาวกับนินจาปรากฏขึ้นมาต่างจับยื้อกันอยู่ ดาวสะบัดมือนินจากระเด็นไปกระแทกฝาตึกโครม ดาวสะบัดมือตามไปประกายสีเงินพุ่งวาบตามไป ปักอกมันอย่างแม่นยำ มันทรุด ดาวตวัดมือไปด้านหลังกลับมามีปืนติดมือ ดาวกราดไปมา จักจั่น กับ งิ้ว วิ่งขึ้นบันใดมาพอดี มองร่างของนินจาที่ทรุดอยู่
“บอกแล้วว่ามันต้องซวย”
งิ้วยิ้มชื่นชม
“สุดยอด”
“อย่ามัวแต่คุย...ระวังตัว”
ดาวพูดจบแล้วเดินออกไป จักจั่นทำหน้าตุ่ยเพราะโดนดุทั้งสองรีบเดินตาม
ดาวปราดมาถึงหน้าประตูห้องหนึ่ง งิ้วกับจักจั่นเข้ามาสมทบ ดาวพยักหน้าให้สาวทั้งสองระวังตัว ทั้งสามเคลื่อนตัวพร้อมกราดปืนไปมา งิ้วหันไปเห็นประตูทางด้านตน
“ประตู”
งิ้วพรวดเข้าไปที่ประตู
“เดี๋ยว”
ดาวเรียกไว้แต่ช้าไปงิ้วถีบประตูพังโครมแล้วพรวดเข้าไป จักจั่นอยู่ใกล้กว่าพรวดตามเข้าไปก่อนดาวตามติดก็เห็น งิ้วยืนจ้องตรงหน้าคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับดาวและจักจั่นข้างหน้าคือป้ายใหญ่เขียนคำว่า
บึ้ม!
สายตาทั้งหมดกราดลง มาเห็นระเบิดตั้งอยู่เป็นท่อนกลมๆขนาดถังดับไฟประจำตึกติดกันอยู่สามถัง มีกล่องสี่เหลี่ยมเป็นหน้าปัดดิจิตอลตัวเลขวิ่งเร็วอยู่ที่ศูนย์พอดี ไฟแดงติดเสียงดังตื๊ด
ดาวตะโกนลั่น
“ถอย”
ดาวสะบัดมือไปที่จักจั่นกับงิ้ว ร่างของจักจั่นกับงิ้วเหมือนถูกผลักลอยออกไปจากประตู ในขณะที่ระเบิดตูม ปีกขวาทั้งตึกลุกท่วมด้วยไฟสะเทือนไปทั้งตึก
อีกด้านหนึ่ง อภิชาติกับ ฤทธิชัยขยับปืนกราดไปมารู้สึกได้ว่าตึกสะเทือน อภิชาติยิ้มๆ
“สาวๆลุยพวกมันเละไปแล้ว”
ฤทธิชัยนิ่งจับสัมผัส
“ทำไมสาวๆเงียบกันไปหมด”
“คิดมากน่า”
อภิชาติเดินผ่านไป ฤทธิชัยเดินตาม แต่อภิชาติยกมือขึ้นให้หยุด นินจาสามคนยืนอยู่หน้าประตูห้องหนึ่ง
“สะเทือนขนาดนี้พวกมันทำไมยังไม่ไปดู” ฤทธิชัยบอกเบาๆ
“ร้ายมาก...พวกมันจัดระบบเฝ้าระวังไว้อย่างดี ไม่มีการแตกตื่นของใครของมัน”
“อืม…งั้นก็ต้องออกแรงดูกันหน่อย”
ฤทธิชัยพูดจบก็แวบหายไป
“เฮ้ย เดี๋ยว”
ร่างของฤทธิชัยไปโผล่ตรงนินจา 3 คนที่เฝ้าประตูอยู่ ระยะประชิดตัว เกิดการต่อสู้กัน 3 รุมหนึ่ง
อภิชาติออกลูกเบื่อ ตวัดปืนขึ้นมา
“เฮ้อ…เบื่อเว้ย”
อภิชาติกราดปืนยิงพวกนินจาเปรี้ยงๆๆ นินจาดีดร่างหนีไปอย่างรวดเร็ว
“มีปืนทำไมไม่ใช้วะเพื่อน”
ฤทธิชัยกราดสายตาพร้อมพยายามสัมผัสสิ่งผิดปรกติ
“พวกมันเผ่นเร็วเกินไป ไม่ดี”
“มันจะไม่เผ่นได้ยังไง ในเมื่อถูกฉันไล่ยิง” อภิชาติส่ายหน้าทำเซ็งใส่ “แกคิดมากว่ะ เข้าไปดูข้างในดีกว่า”
“เดี๋ยว เพื่อน”
อภิชาติไม่สนถีบประตูโครม ประตูพัง อภิชาติพรวดเข้าไป ฤทธิชัยตามติด แต่แล้วก็คาดไม่ถึง ตรงหน้าคือป้ายคำว่า
บึ้ม!
อภิชาติตาเหลือก
“เฮ้ย...”
ฤทธิชัยพึมพำ
“นึกแล้ว”
ไฟแดงขึ้นเสียงดังตื๊ด ระเบิดตูมไฟลุกท่วม…
ไผ่ขับรถเข้ามาจอดในพงไม้ ทั้งหมดลงจากรถ ตรงหน้าคือหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พ่ออาตงจำได้
“เราเคยพักที่นี่ แล้วเดินทางต่อไปอีกครึ่งวัน จะถึงตำแหน่งที่หยุด ตำแหน่งที่สาม”
แสงเห็นบางอย่าง
“ดูโน่น”
รถจิ๊ปวิ่งผ่านเข้ามา มีมือปืนเต็มรถ ลุงเดชกังวลใจ
“พวกมันเต็มไปหมด เราต้องระวังตัวให้ดี”
ไผ่แนะ
“หาอะไรกินกันก่อนดีกว่าครับ ให้เด็กๆได้พักเหนื่อยแล้วค่อยออกเดินทางต่อ”
ทั้งหมดทิ้งรถแล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
ดาวค่อยลืมตาขึ้น กราดสายตาไปมาเห็นตัวเองถูกขังอยู่ในห้องมีกรงเหล็กกั้น งิ้ว กับ จักจั่น
นั่งฟุบพิงผนังอยู่ถัดไป ดาวปราดเข้าไปใกล้ทั้งสอง เอามือวนรอบๆตัวจักจั่นกับงิ้วตรวจดู ถอนใจโล่งอก ทันใดนั้นเสียงฤทธิชัยดังขึ้น
“คุณดาว”
ดาวหันมาเห็น ฤทธิชัยกับอภิชาติถูกขังอยู่ในห้องถัดไปเช่นกัน
“คุณดาว เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ดาวโอเคค่ะ”
อภิชาติถามบ้าง
“แล้วคุณจักจั่น กับ คุณ งิ้ว”
“ดาวตรวจดูแล้วไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคงรู้สึกตัว”
“เราเดินเข้าหากับดักของมันเต็มๆ”
ดาวรู้สึกได้บางอย่าง
“มีคนมา”
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เป็นศักดา กับ นพ นั่นเอง อภิชาติเบ้หน้า
“โห...มนุษย์สองหน้าตัวจริงเสียงจริง”
ทั้งหมดจ้อง ศักดา กับ นพ อย่างเคร่งเครียด
“นายโจกับนายสัตยาไม่มาด้วยเหรอ” ฤทธิชัยหันไปถาม
ศักดายิ้ม
“ติดภารกิจของพวกแบล็คอีวิลอยู่มั้ง”
ดาวมองทั้งสองก่อนจะโพล่งออกมา
“ที่แท้ ท่านทำงานให้องค์กร แฝงตัวอยู่ในพวกแบล็คอีวิล”
ทุกคนหันมามองดาวอย่างคาดไม่ถึง
กลุ่มของไผ่เดินเข้ามาในตลาดแล้วเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ต่างนั่งลงที่โต๊ะ พวกมือปืนต่างมอง มันคนหนึ่งพยักหน้า อีกคนหนึ่งค่อยๆลุกเดินออกไปหน้าร้าน ไผ่กราดสายตามองระมัดระวัง ชายเจ้าของร้านเดินเข้ามาที่โต๊ะกราดสายตามองทุกคน ลุงเดชหันไปบอก
“ช่วยจัดข้าวมาชุดหนึ่ง กับข้าวซักห้าหกอย่าง น้ำแดงสำหรับเด็กสองแก้ว”
ชายเจ้าของร้านกราดสายตามองเม่งจูกับอาตง แล้วออกไป
ศักดากราดสายตามองทุกคน จักจั่นกับงิ้วรู้สึกตัวขึ้นมา
“เรารู้ว่าพวกคุณเป็นนางเสือ ยกเว้นคุณงิ้ว”
ฤทธิชัยมองหน้า
“คิดจะเปิดข่าวพวกเราลงเน็ตหรือไง”
“ตัวจริงของนางเสือเป็นใคร...หรือใครจะเป็นนางเสือ…ไม่มีผลกระทบต่อองค์กรของเรา”
จักจั่นแย้งขึ้น
“ผิดแล้ว...ยังไงเราต้องได้กระทบกันแน่”
ศักดายิ้ม
“พวกคุณเข้าไม่ถึงคนพวกนี้หรอก กำจัดได้หนึ่งคนก็ยังเหลือเป็นสิบเป็นร้อย”
ฤทธิชัยยิ้มหยัน
“ท่านรองจะมาโม้เรื่ององค์กรของท่านรองเหรอ”
“ผมจะแถลงข่าวว่าพวกคุณบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนพัวพันกับท่านรองก้องเกียรติ”
ทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วหันไปจ้อศักดาจับพิรุธ อภิชาติถามเสียงนิ่ง
“เพื่อแลกกับอะไรมิทราบ”
“ทำลายพวกแบล็คอีวิลให้สิ้นซาก”
ทุกคนอึ้งคาดไม่ถึง
ทุกคนต่างกินข้าวกันเสร็จ ลุงเดชเรียกเจ้าของร้าน
“เก็บเงิน”
เจ้าของร้านเดินเข้ามาลุงเดชยื่นเงินให้หลายใบ
“เก็บไว้เลย”
เจ้าของร้านพยักหน้าคว้าเงินเก็บใส่กระเป๋า แล้วเก็บจานชามกลับไป เหลือแต่แก้วน้ำอยู่บนโต๊ะ
ทันใดนั้นมีรถจิ๊ปพรวดเข้ามา จอดหน้าร้าน พวกมือปืน 5-6 คนลงมาจากรถ แสงรีบบอกทุกคน
“เรารีบไปจะดีกว่า”
ทั้งหมดต่างลุกขึ้น แต่พวกมือปืนเข้ามาขวาง
“จะรีบไปไหนกัน”
มันกราดสายตามองอาตงกับเม่งจู ไผ่ก้าวมาข้างหน้าทุกคนกราดสายตามองพวกมัน
ศักดากราดสายตามองทุกคน
“พวกคุณก็พร้อมที่จะจัดการกับแบล็คอีวิลอยู่แล้วนี่”
จักจั่นเบ้หน้าเหยียด
“เพื่อให้พวกแกได้กินสบายเหมือนเดิม”
ศักดายักไหล่…ยิ้มกวน
“รู้มั๊ยว่าคนสมัยนี้เขาคิดว่ายังไง…เขาคิดว่ากินได้ไม่เป็นไร ไม่ผิดพวกคุณตกเทรนซะแล้ว”
“อ๋อเหรอ เจอเทรนลูกตบซะหน่อยดีมั๊ย”
จักจั่นขยับตัว ดาวปรามไว้
“จักจั่น...”
จักจั่นหยุดแต่สีหน้าอยากตบศักดามาก ศักดามองหน้าทุกคน
“พวกแบล็คอีวิลวางแผนล่อพวกคุณมาเก็บให้สิ้นซากผมบังเอิญรู้ก็เลยชิงตัวพวกคุณมาที่นี่”
นพเสริม
“ไม่ยังงั้นพวกคุณดับกันหมดแล้ว”
ดาวมองหน้าพูดเสียงนิ่ง
“ถ้าเราไม่ตกลงคิดเหรอว่ากรงเหล็กแค่นี้จะกักพวกเราได้”
“ไม่ได้กัก แต่ให้พวกคุณได้ฟังผมก่อน”
ศักดาพยักหน้า นพเดินไปไขกุญแจกรงขังออกทุกคนเป็นอิสระ จักจั่นพรวดออกมาก่อนเป็นคนแรกแวบเข้าหานพ ชกเปรี้ยง นพหน้าหัน ดาวปราม
“จักจั่น”
จักจั่นหยุด มองนพแค้นๆ
“โทษฐานหลอกลวงและหักหลัง”
จักจั่นถอยมา ฤทธิชัยหันไปหาศักดา
“เราจะลองฟังท่านรองดูก่อน ส่วนจะตกลงหรือไม่ค่อยว่ากันที่หลัง”
ทุกคนต่างจ้องศักดาหน้าเคร่งเครียด
ร่างของมือปืนลอยออกมาจากร้านสองคน แล้วก็มีพวกมือปืนวิ่งออกมาจากร้านในมือของพวกมันถือปืนจ้องร่างของไผ่ทีดีดตัวออกมายืนประจันหน้ากับพวกมัน ตามด้วยลุงเดช แสง พ่ออาตง และอาตง กับ เม่งจู
“ลุงเดช พ่อแสง พาเด็กๆหลบออกไปก่อน” ไผ่หันไปสั่ง
ลุงเดช แสง ต่างขยับตัวแต่แล้วซวนเซไปมา ไผ่หน้าตื่น
“พวกมันวางยา”
ไผ่เริ่มซวนเซ ขณะนี้ ลุงเดช แสง พ่ออาตง เริ่มทรุดลงไปหมดแล้ว เหลือ อาตง กับ เม่งจู ที่เกาะร่างของพ่อตนอยู่ มือปืนยิ้มพอใจ
“ยาออกฤทธิ์แล้วเว๊ย ลุย”
พวกมันบุกเข้าหา ไผ่ซวนเซเข้าหาพวกมันตบซ้ายขวาพวกมันเข้ายังไม่ติด สายตาไผ่เริ่มพร่า ทันใดนั้น ตัดสินใจพุ่งร่างเหินออกไป พวกมันกราดปืนตามยิงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่ร่างของไผ่ลอยลงไปหลังตลาดหายไปจากสายตา…พวกมันหันกลับมามอง อาตงกับเม่งจู ที่พยายามเขย่าร่างของพ่ออยู่
ศักดาอธิบายให้ทั้งหมดเข้าใจ
“อย่างที่บอก องค์กรร่วมมือให้พวกแบล็คอีวิลเข้ามาคุมธุรกิจทั้งหมด”
อภิชาติคิดตาม
“แบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน ถ้ามีอะไรผิดพลาดองค์กรก็จะโยนความผิดให้พวกแบล็คอีวิล”
ศักดาพยักหน้า
“แต่พวกแบล็คอีวิลล้ำเส้น ต้องการตำแหน่งใน สภาอย่างที่พวกคุณรู้กันอยู่แล้ว ซึ่งทางองค์กรยอมไม่ได้”
จักจั่นเบื่อหน่าย
“ที่แท้แบ่งกันไม่ลงตัว ประชาชนถึงต้องเดือดร้อน”
“ทางองค์กรพยายามเจรจากับพวกแบล็คอีวิลมันยอมยกเลิกเรื่องส่งคนเข้าสภา แต่ต้องเซ็นเอกสารอนุญาตให้พวกมันคุมส่งออกทรัพยากรธรรมชาติทุกอย่างเป็นระยะเวลา 30 ปี”
ฤทธิชัยหน้าตื่น
“30 ปีประเทศไทยก็ไม่มีอะไรเหลือ”
ลุงเดช รู้ตัวขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกมัดไผล่หลังพิงก้อนหินอยู่ ถัดไปคือแสง ที่เริ่มรู้สึกตัวเช่นกันพ่ออาตงยังไม่ฟื้นฟุบอยู่ข้างๆ ต่างกราดสายตาพบว่าตัวเองอยู่ในหุบเขา ลุงเดชหันไปคุยกับแสงอย่างกังวลใจ
“มันเอาเด็กๆไปแล้ว”
“มันรู้ว่า อาตงกับ เม่งจู สามารถเข้ากำแพงมนต์ได้”
“อย่างน้อยไผ่ก็หนีไปได้”
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เป็นสัตยากับพวกมือปืน ลุงเดชมองหน้าสัตยา
“ถ้าเด็กสองคนเป็นอะไรไป แกไม่รอดแน่”
สัตยายิ้มๆ
“เด็กๆ สบายดี…แต่ถ้าพวกแกบุกเข้ามาละก็เด็กๆไปก่อน”
แสงโกรธที่สัตยาเอาเด็กเป็นตัวประกัน
“ไอ้...”
สัตยาสะบัดมือยิงเปรี้ยงถูกก้อนหินข้างๆแสง...
“พูดมาก…ที่แกยังไม่ตายก็เพราะยังมีประโยชน์ในการต่อรองเท่านั้น”
ลุงเดชกับแสงข่มใจเงียบ สัตยายิ้มเยาะอย่างสะใจ
จบตอนที่ 12
อ่านต่อ ตอนที่ 13 พรุ่งนี้ เวลา 09.30 น.