xs
xsm
sm
md
lg

ไฟมาร ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แจ้งเพื่อทราบ... บทโทรทัศน์ “ไฟมาร” ตอนที่ 11 หน้า 2 - หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ ตัวหนังสือสีแดง คือบทที่เพิ่มเติมใหม่ จ้า

ไฟมาร ตอนที่ 11

จากเที่ยง นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงแล้ว มะยมกับนิคที่รอกรรณนรีมานานเริ่มหน้าหงิกหน้างอตามๆ กัน จ๋าเดินมาเห็นก็แปลกใจ

“อ้าว! มานั่งหน้าหงิกหน้างออะไรไม่ไปทานข้าว”
“ก็กาวสิคะ..บอกจะเข้ามา...บ่ายสองแล้วยังไม่มาอีก”
“มะยมหิวข้าวจนท้องกิ่วน่ะครับ เลยรมณ์เสีย”
จ๋าอมยิ้ม “ไปเชื่ออะไรกับคนมีพันธะ” ท่าทีเปลี่ยนเป็นขึงขัง “พี่ไม่ได้เสี้ยมนะ ยังใหม่ขนาด
นั้น พี่ว่าท่านอารักษ์ไม่ปล่อยให้กาวออกมาหรอก..ไปกินข้าวได้แล้ว ไป”
พูดจบจ๋าก็เดินไปทำงานต่อ จ๋าพูดไปงั้นๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่นิคกับมะยม มองหน้ากันอย่างนึกโกรธกรรณนรีจริงๆ

สรวงขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักยามค่ำ แล้วฉุดกระชากกรรณนรีที่ดิ้นรนขัดขืนเข้าบ้านไป
“ปล่อยนะคะคุณสรวง ปล่อย”
สรวงกร้าว ตวาดใส่ “ไม่ปล่อย ฉันจะไม่ยอมให้เธอทำความวุ่นวายให้ใครอีก เธอต้องอยู่ที่นี่” พลางผลักกรรณนรีเข้าไปคนเดียวแล้วล็อกประตูห้อง
กรรณนรีทุบประตู ร้องลั่น “ปล่อยฉันนะคะ ปล่อย” ออกแรงทุบๆๆๆ อยู่อย่างนั้น
สรวงโมโหกระชากประตูออกอย่างแรง “จะทุบอะไรนักหนา?..อ้อ! เรียกร้องความสนใจ อยากให้ฉันอยู่ด้วย..ได้” เดินพรวดเข้าไป กรรณนรีถอยหลัง “ทีอย่างนี้ละถอย”
สรวงหัวเราะ พลางพูดเหยียดหยัน “คงจะรู้สินะ..ผู้ชายเป็นนักล่า” ขยับเข้าหากรรณนรี เชยคางขึ้น “คืนนี้ฉันจะล่าเธอเอง”
สรวงกระชากร่างกรรณนรีมากอด และก้มลงจูบไซร้ทั่วใบหน้า

เวลาเดียวกัน ที่ห้องอาหารในสปาแห่งหนึ่ง สองคนนั่งอยู่ด้วยกัน แฉล้มเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย
“ดีแล้วค่ะเวลามีอะไร คุณเล่าให้คุณสรวงฟัง เพราะคุณสรวงเป็นคนใจอ่อน”
“แต่คุณสรวงรักนังเด็กนั่น” ภาพิศกังวลอยู่
“ความหึงความหวงมันไม่เข้าใครออกใครนะคุณ..โดยเฉพาะ...คนที่ตัวเองรัก ตัวเองชอบ ไปเป็นเมียน้อยพ่อ ไม่มีใครรับได้หรอก ต่อให้คุณถูกหรือผิด ยังไงคุณสรวงก็ต้องเข้าข้างคุณ เพราะเกลียดนังเด็กนั่นแล้ว”
ภาพิศยิ้มร้าย “มันก็จริง”
“สำคัญก็แต่คุณต้องขยันหมั่นโทร.หาติดต่อคุณสรวง...อ้อนเข้าไว้ ทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้ ยังไงอริยะวรรต ก็ไม่ทิ้งคุณหรอก”
ภาพิศยิ้ม..นิ่งคิด ก่อนหยิบมือถือขึ้นมา

ในขณะที่สรวงใช้แรงปลุกปล้ำกรรณนรีอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น กรรณนรีรีบบอกเสียงรัวเร็ว
“คุณสรวง...โทรศัพท์..รีบรับเร็ว”
สรวงแสยะยิ้มน่ากลัว “ไม่รับ”
“รับเถอะค่ะ..รับเถอะ”
สรวงยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ กรรณนรีถอนใจอย่างโล่งอก ถดตัวจะถอยตัวหนี ทว่าสรวงหันมาเห็น จึงโยนมือถือทิ้งหันมาคว้าร่างกรรณนรีเอาไว้ กรรณนรีร้อง “ว๊าย” สรวงคำราม
“ฉันไม่ปล่อยให้เธอไปแย่งผู้ชายกับแม่เธอหรอก”
สรวงโถมตัวเจ้าปลุกปล้ำกอดจูบกรรรณนรีพัลวัน

ภาพิศอยู่ที่สปากับแฉล้ม ถือหูรอนาน จนแฉล้มถาม
“คุณสรวงไม่รับสาย”
ภาพิศพยักหน้า “สงสัยติดธุระสำคัญอยู่”
“สำคัญไม่สำคัญก็คงมากกว่าคุณล่ะ” แฉล้มยิ้มพูดเย้า “เค้าถึงไม่รับสายคุณ”
ภาพิศชักสีหน้าไม่พอใจ รู้สึกขัดใจนิดๆ แฉล้มกระเซ้า
“เออน่า..ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่อยากให้คุณโกหกแล้วกัน”
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าบ้านเด็กนั่นมันอยู่ที่ไหน” ภาพิศปรารภ
“คุณจะทำไม” แฉล้มฉงน
“ก็ไปประจานมันสิ มันจะได้ไม่กล้ายุ่งกับสามีคนอื่น” ภาพิศบอก
“วิธีบางทีก็ช่วยไม่ได้หรอกนะถ้าเจอ ผู้หญิงหน้าด้านน่ะ ฉันว่าทางที่ดี..คุณยึดคุณสรวงไว้แหละ ถ้าคุณสรวงเป็นพวกคุณ..ยังไงคุณก็สบาย”
แฉล้มผู้เป็นกุนซือประจำตัวของภาพิศแนะนำ

ทางด้านกรรณรี กำลังออกแรงต้านทาน และสู้สรวงสุดชีวิต
“ปล่อยฉัน!” กรรณนรีผลักสรวงออกสุดแรง สรวงล้มลง กรรณนรีวิ่งหนี
สรวงลุกขึ้นมาเร็วรี่ คว้าตัวกรรณนรีกอดเอาไว้ “เธอยังไปไหนไม่ได้”
กรรณนรีมองสู้ด้วยหน้าตาดุดัน “ตราบใดที่คุณเอาแต่ใช้อารมณ์เราไม่มีทางคุยกันรู้เรื่อง”
“งั้นเธอก็บอกมาสิ...เหตุผลที่เธอยอมมาเป็นผู้หญิงของพ่อฉันคืออะไร?” สรวงมองจ้อง “มันก็ไม่ได้ต่างจากแม่เธอ..เพราะเงิน”
กรรณณรีตบอีกผลัวะ
สรวงโกรธจัด “กรรณรี”
“ถ้าคุณรู้ความจริง ว่าทุกอย่างมันเกิดจากแม่คุณ...คุณจะไม่ดูถูกฉัน ดูถูกแม่ฉันอย่างนี้”
สรวงจับร่างกรรณนรีเขย่าอย่างแรง “งั้นเธอก็บอกฉันมาสิ...มันคืออะไร อย่ามาพูดพล่อยๆปรักปรำแม่ฉัน” น้ำเสียงของสรวงกร้าว “พูดมาสิ พูดมา กรรณนรี” แทบขย้ำ
กรรณนรีน้ำตาคลอเบ้า “ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะคุณสรวง...ถึงฉันพูดไป คุณก็คงไม่ฟัง...เพราะตอนนี้คุณเกลียดฉันแล้ว” กรรณนรีสะบัดสุดแรงวิ่งหนีไป

“กรรณรีๆ” สรวงตามออกไป

กรรณนรีวิ่งร้องไห้มาตามทางหน้าบ้านพัก สรวงตามไปคว้าตัวเอาไว้ คำรามใส่

“อย่ามาทำกับฉันอย่างนี้ บอกฉันมา...แม่ฉันทำอะไร”
กรรณนรีส่ายหน้า บอกเสียงกร้าว “ยังไง คุณก็ไม่พร้อมฟังฉันหรอกค่ะ”
สรวงสวนคำออกมา “เพราะเธอตั้งใจใส่ร้ายแม่ฉัน เธอตั้งใจใส่ร้ายแม่ฉัน เพื่อแย่งคุณพ่อ”
กรรณนรีโมโหตบอีกผลัวะ สรวงมองอย่างโกรธขึ้ง กรรณนรีจะวิ่งหนี สรวงคว้าตัวมากอดแน่น สายตาคู่นั้นมีทั้งความทุกข์ เจ็บช้ำ
“ตบฉันเลยกรรณรี...ถ้าคำพูดของฉันมันทำร้ายหัวใจเธอ แต่ขอให้เธอรู้..สิ่งที่เธอทำ มันทำร้ายหัวใจฉันเหมือนกัน”
กรรณนรีสะเทือนใจ เอื้อมมือมาลูบหน้าสรวงตรงรอยตบ บอกย้ำความรู้สึกด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันไม่เคยคิดทำร้ายคุณ...ไม่ว่ายังไง...คนที่ฉันรักที่สุดคือคุณ....สิ่งที่ฉันทำทุกอย่างเพราะปกป้องคุณ”
สรวงดึงร่างกรรณนรีเข้ามากอดไว้แนบแน่น กรรณนรีร้องไห้ สรวงพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ฉันจะเชื่อเธอได้ยังไงกรรณรี...ในเมื่อ...ฐานะของเธอตอนนี้...คือผู้หญิงของพ่อฉัน”
สรวงค่อยๆ ปล่อยมือออกจากกรรณนรี สีหน้ามีแต่ความเจ็บช้ำ กรรณนรีมองมาด้วยแววเจ็บปวดร้าวรานไม่ต่างกัน

เช้ามืดวันต่อมาสรวงขับรถมาส่งกรรณนรี หน้าตึงตลอดเวลา กรรณนรีเดินลงจากรถ สรวงไม่หันมาแล แต่พอกรรณนรีจะเดินเข้าบ้าน สรวงกลับเรียกไว้
“เดี๋ยว”
จังหวะนั้นที่ด้านในบ้าน เกริกกำลังจะเดินออกมาเห็นสองคนพอดี
กรรณนรีเหลียวไปมอง แม้จะโกรธ แต่ก็นึกสงสารสรวง พยายามคุมอารมณ์
“คะ”
“ฉันจะไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด จนกว่าเธอจะมีหลักฐานมาให้ฉันดู”
สรวงขับรถออกไป กรรณนรียืนนิ่ง ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือ จับมือถือแน่น ท่าทางหนักใจ

ส่วนที่ด้านในบ้าน เกริกเอามือกุมหน้าอก สีหน้าเจ็บปวดมาก กาวินทร์เดินลงมาจากบนบ้านเห็นเข้าก็ตกใจ
“พ่อ” รีบก้าวยาวๆ เข้ามาประคอง
กรรณนรีเข้ามาเห็นตกใจ “พ่อ” รีบเข้ามาประคอง “พ่อนั่งก่อนจ้ะ” กรรณนรีรีบเดินเอาหยิบยามาให้
เกริกรับยากินก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
“กาว...กาวยังติดต่อกับคุณสรวง”
“กาว...” กรรณนรีพูดไม่ออก
เกริกหน้าหม่น “ลูกรักเค้า”
กรรณนรีน้ำตาซึมแข็งใจบอก “ไม่แล้วค่ะพ่อ เราแค่...มีงานต้องคุยกัน”
เกริกไม่โกรธและเข้าใจ “พ่อไม่เชื่อ...พ่อรู้....ความรักห้ามกันลำบาก...เหมือนที่แม่...รักท่านอารักษ์ ไม่ได้รักพ่อ” เกริกโผเผลุกขึ้นเดินออกไป
กาวินทร์จะเข้าไปช่วย
“ไม่ต้อง....พ่อไปเอง”
เกริกบอก ก่อนจะเดินเศร้าเข้าห้อง แล้วร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่ได้โกรธลูก แต่น้อยเนื้อต่ำใจ คิดไปเองว่าสรวงกำลังจะพากรรณนรีไปจากชีวิตอีกคน

สองพี่น้องหน้าหม่น ไม่ต่างกัน กาวินทร์เอ่ยขึ้นก่อน นึกเสียใจขึ้นมาอีก
“แค่พ่อเห็นกาวกับคุณสรวง..พ่อยังแย่ขนาดนี้...แล้วถ้าพ่อเห็นรูปอุบาทว์ของพี่ พ่อคง...”
กรรณนรีตาวาวขึ้นมาอย่างโกรธแค้นชิงชัง “เพราะคุณหญิงสุดา”
กาวินทร์ตาวาวโรจน์โกรธไม่ต่างกัน “ใช่! เพราะคุณหญิงสุดา...เราต้องหาวิธีทำให้เค้าหยุดเร็วที่สุด”
กรรณนรีหยิบมือถือออกมา กาวินทร์มองงงๆ
“มีอะไร”
กรรณนรีบอก “ทุกครั้งที่ออกไปหาเค้า....กาวจะแอบอัดคลิปเอาไว้”
กาวินทร์ยิ้ม “งั้นพี่รู้แล้วว่าจะทำให้คุณหญิงสุดาหยุดยังไง”

กรรณนรีมองกาวินทร์ด้วยความอยากรู้

สรวงกลับถึงบ้าน เดินเข้ามามองหน้าสุดาที่นั่งอยู่ในห้องโถงอย่างคลางแคลงใจ สุดาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“สรวงหายไปไหนมาทั้งคืนลูก”
“ไปกับหนูศุภาวีร์ของคุณแม่มาครับ” สรวงบอก
สุดามองอย่างตกใจ สีหน้าเริ่มระแวง “แล้วมันว่ายังไง”
“แล้วคุณแม่คิดว่าเค้าจะว่ายังไงล่ะครับ”
สุดาหยั่งเชิง ด่ากลบเกลื่อน “มันก็คงจะออดอ้อนสรวง เหมือนที่มันออดอ้อนคุณพ่อ”
“เค้าไม่ได้ออดอ้อนผมหรอก..เพียงแค่แสดงความจริงใจกับผม”
“มันเปิดเผยอะไร?”
สรวงยิ้มมีเลศนัย “ความลับครับคุณแม่...ความลับของผมกับเค้าแค่...สองคน”
พูดเท่านั้นสรวงก็เดินจากไป ทั้งคำพูดและสายตาของสรวงทำให้สุดาหนาวๆ ร้อนๆ อารักษ์เดินมา สุดาเดินตรงดิ่งไปหาทุบตีอารักษ์พัลวัน อารักษ์โวยลั่น
“เป็นบ้าอะไรอีกล่ะคุณ”
“ผู้หญิงของคุณพาลูกฉันไปค้างทั้งคืน จะไม่ให้ฉันบ้าได้ยังไง”
อารักษ์ตกใจหน้าซีด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งขึ้นมา

กรรณนรีอยู่กับกาวินทร์ เสียงมือถือดัง กรรณนรีรับมาดู ทำหน้ายุ่ง
“พี่แก้ว..นายอารักษ์โทร.มา”
“รับเลย..มันจะมาไม้ไหนก็คุยอย่างที่เราเตี๊ยมกันเอาไว้”
“ค่ะ” กรรณนรีทำหน้าเชิดมั่นใจก่อนรับสาย “ค่ะท่าน” พร้อมกับเปิดสปีกเกอร์ให้กาวินทร์ฟังด้วย
อารักษ์โมโห คาใจกับคำพูดของคุณหญิงสุดา แต่ไม่กล้าดุ “หนูไปกับนายสรวงมาเหรอ”
กรรณนรีตกใจแต่ปรับน้ำเสียงและสีหน้า “ค่ะ”
อารักษ์โกรธ “ทำไมหนูทำกับฉันอย่างนี้”
“ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน? หนูก็มีสิทธิ์คบใครก็ได้นี่คะ” กรรณนรีบอก
“แต่ไม่ใช่นายสรวง” อารักษ์ขึ้นเสียง
สรวงยืนด้านหลังมองอารักษ์ สังเวชใจ กรรณนรีตอบกลับมา
“งั้นท่านก็ต้องทำตามข้อเสนอของหนู”
“หนูต้องการอะไร”
สรวงทำสีหน้าอดสูใจ สะบัดหน้าเดินออกไป กรรณนรีกับกาวินทร์หันไปยิ้มให้กัน

ภายในร้านอาหาร สองคนนั่งอยู่ด้วยกัน อารักษ์มีสีหน้าท่าทางว้าวุ่นใจ กลัวกรรณนรีโกรธ ขณะที่กรรณนรีนั่งหน้าเชิด คอตั้ง เหมือนเป็นต่อ บอกว่า
“อย่างที่หนูเคยเรียนท่านน่ะค่ะ...ถ้าท่านบอกว่าไม่มีอะไรกับคุณหญิงสุดาแล้วจริงๆ ท่านต้องยอมให้หนูเข้าไปอยู่ในบ้าน”
อารักษ์นิ่วหน้า “แต่หนูก็รู้..ว่าฉันยังไม่หย่ากับคุณหญิง”
“ก็หย่าสิคะ”
“ฉันอยากหย่าใจจะขาด แต่คุณหญิงไม่ยอม”
“งั้น..ถ้าจะให้หนูเชื่อ หนูต้องได้เห็นกับตา ว่าท่านหยุดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับคุณหญิงแล้วจริงๆ นั่นคือ..หนูจะเข้าไปอยู่ในบ้านของท่าน”
อารักษ์นิ่งคิดประเดี๋ยวเดียว ก่อนตัดสินใจ “ได้...ถ้าเป็นความต้องการของหนู ฉันยอม”
กรรณนรียิ้มร้ายออกมาอย่างพอใจ

ภาพิศอยู่ในห้องโถงที่คฤหาสน์ คุยสายกับสุดา
“จริงๆ น้องอยากบุกไปบ้านนังศุภาวีร์มากเลยค่ะ แต่ไม่รู้จัก...คุณหญิงพี่พอจะรู้จักบ้านมันรึเปล่าคะ”
สุดายิ้มสาใจ ได้ทีแดกดัน “พี่ไม่ไปรู้จักให้เป็นเสนียดหรอกค่ะ..แต่ถ้าคุณน้องจะไปตามหาพี่ก็ไม่ห้ามนะคะ...คนพื้นเพเดียวกัน อาจจะจูนกันติดก็ได้”
ภาพิศโมโหเหน็บกลับ “เหมือนกับที่น้องกับคุณหญิงพี่จูนกันติดน่ะเหรอคะ”
สุดาโมโหเหมือนกัน “แค่ชั่วคราวเท่านั้นล่ะค่ะ.... เพราะยังไง พี่ก็เหนือกว่าคุณน้อง ตรงที่ถือทะเบียนเอาไว้อยู่ดี...” ยั่วโทสะ “แค่นี้นะคะ....ท่านกลับมาหาพี่แล้ว”
สุดาวางสายไปอย่างโมโห ภาพิศเองก็โมโหเหมือนกัน

ในขณะที่สุดาเดินลงบันไดมาจากชั้นบน เห็นอารักษ์ ยืนอยู่ที่ประตูตรงหน้าห้องโถง ผายมือเชื้อเชิญใครบางคนพูดเสียงหวาน “เข้ามาสิจ๊ะหนู”
สุดาทำหน้างง เอียงหน้าเหล่มองว่าใครกัน จังหวะนั้นกรรณนรีในชุดสวยและเซ็กซี่เดินเข้ามา
สุดาตาโตตกใจ “นังกรรณรี” รีบเดินรี่เข้ามาหา “คุณพามันเข้ามาทำไม”
อารักษ์รีบบอก “หนูศุภาวีร์จะเข้ามาอยู่ที่นี่”
สุดาตกใจแทบช็อก! “อยู่ที่นี่..หมายความว่ายังไง”
กรรณนรียิ้มเย้ย ฉอเลาะเล่นหูเล่นตากับอารักษ์ “หนูจะเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านอริยะวรรตอีกหนึ่งคน ใช่มั้ยคะท่าน”
อารักษ์ยิ้มอย่างชอบใจ “จ้ะ”
อารักษ์เดินพากรรณนรีเข้าไปด้านในชั้นบนของบ้าน สุดามองตามตกใจแทบสิ้นสติ
สรวงนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงรับ
“ครับคุณแม่”
สุดาโทร.จากบ้านในอาการร้องไห้ คร่ำครวญ “สรวง..รีบกลับมาบ้านนะลูก...คุณพ่อ...คุณพ่อพานังศุภาวีร์เข้ามาอยู่ในบ้าน”
สรวงตื่นตะลึง ตกใจ และคาดไม่ถึง
 

แจ้งเพื่อทราบ... บทโทรทัศน์ “ไฟมาร” ตอนที่ 11 หน้า 2 - หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ ตัวหนังสือสีแดง คือบทที่เพิ่มเติมใหม่ จ้า

ไฟมาร ตอนที่ 11 (ต่อ)

อารักษ์พะเน้าพะนอ เอาอกเอาใจสุดขีด พากรรณนรีเดินเข้าไปในห้องนอนสวยหรู บนชั้นสองของคฤหาสน์ ที่สั่งจัดเตรียมเอาไว้แล้ว

“นี่...ห้องที่ฉันจัดเตรียมไว้ให้หนู...ถูกใจหรือเปล่า”
กรรณนรียิ้มหวานใส่จริต น้ำคำออดอ้อนเต็มที่ “ไม่ว่าจะห้องไหน แค่หนูได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ..หนูถูกใจหมดค่ะ”
“หนูนี่น่ารักจริงๆ” อารักษ์แทบละลาย ยกมือหมายจะเชยคาง
กรรณนรีขยับตัวออกห่างระวังแจ อารักษ์หน้าเสีย ทอดเสียงอ้อน
“จนป่านนี้แล้ว..หนูยังหวงเนื้อหวงตัวกับฉันอีกเหรอ”
“ก็เป็นสิ่งที่ท่านชอบไม่ใช่เหรอคะ?..เพราะถ้าหนูง่าย..ท่านคงไม่ชอบ” กรรณนรีเล่นหูเล่นตา
อารักษ์ยิ้มกว้าง มองด้วยความหลงใหล สีหน้าพอใจมาก “โอเค...งั้นฉันจะรีบจัดการเรื่องทุกอย่าง ตามที่หนูต้องการ หนูจะได้ตามใจฉันซะที”
กรรณนรียิ้มหวาน “ด้วยความยินดีค่ะ”
อารักษ์จับมือกรรณนรีมากุม “แต่ระหว่างที่ฉันไม่อยู่...หนูคิดถึงฉันบ้างนะ ฉันจะได้มีกำลังใจทำงาน และมีกำลังใจทำทุกอย่างเพื่อเรื่องของเรา”
กรรณนรียิ้มแทนคำตอบ

ขณะเดียวกันสุดาเดินหน้าคว่ำไปมา ยืนแทบไม่ติดที่ พอเห็นอารักษ์เดินลงมา สุดาก็ปรี่เข้าไปด่า ไม่ไว้หน้า
“คุณนี่มันเลวเกินผู้เกินคนจริงๆ กล้ามาก ที่เอามันมาเหยียบหน้าฉันถึงนี่น่ะ”
“เหยียบหน้าที่ไหน คุณน่ะชอบคิดไปเอง บ้านออกกว้าง เดินทั้งวันก็ไม่สวนกันอยู่แล้ว” อารักษ์ว่า
“พามันออกไปจากบ้านเดี๋ยวนี้” สุดาพูดแทบเป็นตวาด
อารักษ์จ้องหน้าคาดโทษ “นอกจากจะไม่เอาออกแล้ว คุณยังต้องดูแล ถ้าผมกลับมาจากต่างประเทศแล้วไม่เห็นหนูศุภาวีร์ ผมจะเหมาทันทีว่าเป็นคุณ...” มือถือดังขัดขึ้นก่อน อารักษ์กดรับ “ จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว ไม่อยู่บ้านนานหรอก รำคาญ” อารักษ์พูดค้างไว้เท่านั้น เดินออกไปเร็วรี่
“คุณ..คุณอารักษ์”
สุดากำมือกำไม้แค้นใจมาก

กรรณนรียืนอยู่ มองไปรอบๆ ห้องอย่างระแวดระวัง แต่ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังโครมคราม ปังๆๆ ตามด้วยเสียงสุดาตะโกน
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะนังกรรณนรี เปิด”
กรรณนรีค่อยๆ เดินมาแต่ไม่ส่งเสียงตอบโต้ สุดาทุบอีกอาการโมโหมาก
“แกลองดีกับฉันใช่มั้ย?” ทุบเสียงดังโครม
เว้นสักพักกรรณนรีก็เปิดประตูออก แล้วกระชากประตูเหวี่ยงอย่างแรง ร่างของสุดาเซหลุนๆ ถลาเข้ามาแทบล้มลงไปกอง
สุดาเหลียวขวับ “นังกรรณนรีแกแกล้งฉัน”
กรรณนรียิ้มยั่ว “กรุณาเรียกฉันว่าหนูศุภาวีร์ เหมือนอย่างที่คุณหญิงตั้งให้ค่ะ”
“แกทำแบบนี้ แสดงว่าแกอยากลองดีกับฉันใช่มั้ย แกท้าทาย ให้ฉันปล่อยคลิปใช่มั้ย”
กรรณนรีไม่หวาดหวั่น แถมยังท้าทาย “ก็ปล่อยสิคะ...” ว่าพลางเดินไปหยิบมือถือจากกระเป๋าถือ “เพราะฉันก็มีคลิปที่คุณหญิงข่มขู่ฉันเหมือนกัน”

กรรณนรีเปิดคลิปมือถือ เสียงของสุดาขู่คำรามกรรณนรี ดังก้องไปทั้งห้อง สุดาหน้าซีดเผือด กรรณนรีบอกเสียงแข็ง
“คุณหญิงคงลืมไปว่าฉันเป็นนักข่าว เรื่องหลักฐานฉันแน่นเสมอค่ะ” กรรณนรีเปลี่ยนท่าทีเป็น
เหนื่อยใจ “รู้ไว้นะคะ..ที่ฉันยอมทำตามคำสั่งคุณหญิง ก็เพราะฉันอยากให้เรื่องเลวร้ายทั้งหมดมันจบลงซะที”
สุดามองอย่างไม่เข้าใจ “มันจะจบได้ยังไง ในเมื่อเธอเองกำลังสุมไฟให้มันแรงขึ้น เธอกำลังแย่งท่านอารักษ์ไปจากฉัน”
“ฉันไม่มีวันแย่งท่านอารักษ์ไปจากคุณหญิง สิ่งที่ฉันต้องการคือทำให้แม่เลิกกับท่านอารักษ์ แม่จะได้พ้นจากสภาพทรมานอย่างนี้ซักที ที่สำคัญฉันต้องรักษาใจพ่อ ใจพี่ ใจคุณสรวง คุณสรวงจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าคุณหญิง บังคับให้ฉันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ เลิกกดดันฉัน...แล้วฉันจะทำตามคำสั่งคุณหญิงต่อไป นั่นคือ ทำให้ท่านอารักษ์เลิกเด็ดขาดจากคุณภาพิศ”
กรรณนรีเปิดประตูออกกว้าง เป็นเชิงไล่ สุดาจำต้องเดินออกไป แต่ทันทีที่ประตูปิดลง สุดาก็หันขวับกลับไปมองอย่างอาฆาต
“ทำยังกับฉันจะเชื่อน้ำหน้าแก...แกสองคนแม่ลูก ต้องตีกันต่อไป”

ด้านภาพิศ อยู่ที่สปากับแฉล้ม สองคนกำลังนวดตัวเบาๆ และภาพิศกำลังคุยโทรศัพท์กับสุดา
“อะไรนะคะ...ท่านอารักษ์พานังเด็กนั่นเข้าไปอยู่ในบ้าน”
“ใช่ค่ะคุณน้อง....มารยามันเยอะจริงๆ ฮึ! คงได้เชื้อมาจากแม่มาแหงๆ มันถึงได้กำเริบขนาดนี้...ได้คืบไม่พอ จะเอาศอก” สุดาอยู่ที่คฤหาสน์ หลอกด่าโดนที่ภาพิศไม่รู้ตัว
“น้องอยากรู้จริงๆ ว่าพ่อแม่มันเป็นใคร? จะบุกอาละวาดให้ถึงบ้านเลย ดูสิ…พ่อแม่มันหน้าตาแบบไหน ถึงได้ปล่อยให้ลูกเที่ยวแย่งสามีชาวบ้านW
สุดายิ้มสะใจ ด่าอีกดอก “งั้นคุณน้องส่องดูที่กระจกก่อนก็ได้นะคะ อย่างน้อยก็ได้เห็นเงาของผู้หญิงที่เที่ยวแย่งสามีคนอื่นเหมือนกัน”
ภาพิศตาลุกวาว เจ็บใจที่โดนด่า “งั้นในฐานะเมียหลวง คุณหญิงพี่ก็จัดการมันเลยแล้วกันค่ะ ทำเหมือนที่เคยทำกับฉัน”
“ไม่ได้ ท่านขู่พี่ไว้ ถ้ามันเป็นอะไร ท่านเอาพี่ตาย”
“งั้น...น้องจะจัดการมันเอง คุณหญิงพี่จะตายก็เรื่องของคุณหญิงพี่..ดูแลตัวเองแล้วกัน”
ภาพิศวางโทรศัพท์ สุดาหัวเราะชอบใจ

“คงคิดว่าแน่ล่ะสินังภาพิศ ที่แท้แกน่ะมันโง่...โง่ๆ”

ไม่นานนักสองคนเดินออกมาที่หน้าสปาหรู ภาพิศหน้าเครียดไม่สบายใจ โกรธขึ้งขึ้นมา

“ฉันไม่เข้าใจเลย ท่านจะหลงเด็กนั่นอะไรนักหนา”
แฉล้มทำหน้าเบื่อหน่าย “คุณเอ๊ย! แค่นี้ก็ไม่รู้อีกเหรอ? เหตุผลง่ายๆ นั่นเด็กนั่นทั้งสาว
ทั้งสวย คนแก่จีบเด็กๆ มันก็กระชุ่มกระชวยทั้งนั้นล่ะ ที่สำคัญ…”
ภาพิศมองตาขวางรอฟัง “อะไร”
แฉล้มยิ้มพรายสมกับเป็นแม่เล้าไฮโซ “ต้องยังไม่ได้ชัวร์...แล้วเวลาที่ผู้ชายยังไม่สมใจคุณก็รู้...ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ คนโบราณเค้าถึงได้สอนนักหนาให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวใครที่ปล่อยตัวง่ายๆ ก็โดนทิ้งง่ายๆ” ยิ้มเยาะ “แสดงว่านังเด็กนั่น ฉลาดไม่เบา”
ภาพิศทำตาขวางใส่อีก “ต่อให้มันฉลาดยังไง ก็ไม่มากเกินฉันหรอก....ฉันจะทำให้คุณสรวงโกรธ จนไม่มองหน้ามันเลย คอยดู”
ภาพิศยิ่งโกรธแค้นชิงชังกรรณนรีมากขึ้นอีก

สรวงขับรถมาบนถนนเส้นหนึ่งด้วยความเร็วสูง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทันทีที่รู้ว่ากรรณนรีเข้าอยู่บ้าน เพราะมัวแต่ใจลอย จู่มีเด็กวิ่งเล่นออกมาริมถนน สรวงเบี่ยงรถหลบกระทันหัน รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างแรง

เสียงโทรศัพท์สายในดังลั่นบ้าน สุดากดรับ
“คุณหญิงสุดาค่ะ...” นิ่งฟัง “อะไรนะคะ...ตาสรวงขับรถชน”
กรรณนรีที่เพิ่งเดินลงบันไดมาได้ยินเข้าพอดี ใจสั่นหน้าซีดเผือด นึกเป็นห่วงสรวง

***
ขณะเดียวกันภาพิศเดินมาที่หน้าสำนักพิมพ์สตาร์อินเทรนด์ ด้วยท่าทางร้อนใจ พอจะเดินตรงเข้าไปด้านใน รปภ.เข้ามาถาม
“ประทานโทษครับ ติดต่อฝ่ายไหนครับ”
“ฝ่ายบันเทิง สังคม สตรีค่ะ”
“ตอนนี้ไม่มีคนอยู่ครับ” รปภ.บอก
ภาพิศหน้านิ่วคิ้วขมวด ถามอย่างร้อนใจ “งั้นพอจะรู้มั้ยคะ บ้านของก้างอยู่ที่ไหน”
รปภ.ทำท่าคิด “ก้าง..ที่นี่ไม่มีคนชื่อก้างนี่ครับ”
ภาพิศโมโห “มีสิ...ก็เค้าเคยไปสัมภาษณ์ฉันอยู่เลย”
ขณะนั้นจ๋าเดินโทรศัพท์หน้ายุ่งเข้ามา คุยเรื่องประเด็นข่าวกำลังฮอต พร้อมกำชับว่า
ต้องตามให้ได้ รปภ. เห็นจึงรีบบอกภาพิศ
“นั่นคุณจ๋า..หัวหน้ากอง เดี๋ยวผมถามให้”
รปภ.เดินไปหา จ๋าไม่ได้มอง ก้าวฉับๆ เข้าไปคุยงานไปแบบไม่สนใจใครเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยบอกคุณจ๋า..ว่าฉันขอที่อยู่ของหนูก้าง” เปิดกระเป๋า “อ้าว! ฉันลืมนามบัตร”
“จดไว้ก็ได้ครับ” รปภ.ยื่นกระดาษโน้ตตรงโต๊ะให้
ภาพิศจดเบอร์โทร.ยื่นให้ “ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นภาพิศก็เดินออกไป ท่าทางฉุนๆ หงุดหงิด และดูไม่สบอารมณ์

ภาพิศเดินหน้างอไปที่รถ เสียงมือถือดัง ภาพิศรับ แฉล้มชวนคุยตามประสาขาเม้าท์
“ว่าไงคุณ..วันนี้ทำอะไรบ้าง”
“ฉันมาสำนักพิมพ์นังก้าง”
แฉล้มตกใจ “เฮ้ย! คุณไปทำไม”
“ก็มาตามหาบ้านมันน่ะสิ คอยดูนะ รู้เมื่อไหร่ ฉันจะบุกให้ถึงบ้านมันเลย”
“ตาย! ฉันแค่โทร.มาคุยตามประสา ไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องแซบเวอร์..เบาเบา
หน่อยเถอะ คุณท้องอยู่นะ” แฉล้มเตือน
“ยิ่งท้องฉันก็ยิ่งต้องทำ เพื่อปกป้องลูกของฉัน...” ภาพิศเสียงเครือนึกสะท้อนใจ “ฉันจะไม่
ยอมพลาดเหมือนคราวที่ฉันทิ้งกาวกับแก้วมา” พลางลูบท้อง “ลูกของฉันคนนี้ต้องได้ทุกอย่าง”
“โอเค! ถ้าคุณยังตั้งใจจะไปตบนังศุภาวีร์ ฉันจะไปตบช่วย...”
“ขอบใจ...ฉันรู้ที่อยู่มันเมื่อไหร่ จะบอกคุณทันทีเลย”
ภาพิศวางสายขึ้นรถทันที
ส่วนแฉล้มถอนหายใจ “เมียหลวง เมียน้อย เมียเก็บ นางเล็กๆ แซ่บเวอร์กันทุกคน ถ้า
นุดีรู้บ้านนังเด็กนั่นอยู่ไหน แหลกแน่!”

ทางด้านรปภ. วิ่งไปดึงที่คั่นประตูออก กระดาษโน้ตปลิว จ๋าเดินมาพอดี
“คุณจ๋า...ตะกี้มีคนฝากโน้ตไว้ครับ” มองหา..แต่ไม่เห็นแล้ว
“ไหน”
รปภ.มองหาพื้น แต่ก็ไม่มี ปลิวอยู่ในจุดที่ไม่เห็น “ตะกี้ยังเห็นอยู่เลย หายไปไหนก็ไม่รู้”
“งั้นเค้าบอกหรือเปล่าว่าชื่ออะไร”
“โทษทีครับ เค้าไม่ได้บอก ผมเองก็ลืมถาม รู้แค่มาถามถึงที่อยู่คนชื่อก้างผมก็บอกเค้าไปแล้วว่าที่นี่ไม่มีคนชื่อก้าง เค้าก็ไม่เชื่อ”
“หรือจะเป็นกาว”
จ๋าครุ่นคิด

ส่วนกรรณนรีเดินไปเดินมาร้อนใจอยู่ในบ้านอารักษ์
“คุณสรวง.. คุณอย่าเป็นอะไรนะคะ”
กรรณนรีร้อนใจ ไล่กดมือถือ เห็นเป็นเบอร์มะยม กรรณนรีทำท่าชั่งใจ แต่ไม่กล้า ครั้นพอจะกดชื่อนิค ก็ไม่กล้าอีก สุดท้ายเลยได้แต่ถือมือถือเอาไว้ ร้อนรุ่มในใจ

***

เวลาเดียวกันที่ด้านหน้าสปา สองเกลอมาทำคอลัมน์แนะนำร้าน นิคเก็บภาพขณะที่มะยมเขียนจดบันทึกข้อมูล
“ถ่ายรูปสวยๆนะโว้ยนิค....ไม่ได้สัมภาษณ์ธรรมดา เค้าจ้างให้เราทำแอดด้วย”
“โอเค...แต่สปาเค้าสวย ถ่ายยังไงก็สวยโว้ย” นิคเคาะหัวมะยมเล่นเบาๆ
มะยมจะตีคืน มือถือดังรีบกดรับเพราะเป็นเบอร์จ๋า “คะพี่จ๋า”นิ่งฟัง ก่อนจะทำหน้าตาตื่นเต้น “คุณสรวง..ขับรถชน ค่ะ...มะยมจะรีบเช็คข่าวว่าอาการคุณสรวงเป็นยังไง”
มะยมรีบวางสาย

ช่วงค่ำวันนั้นสุดากับสุขหฤทัยช่วยประคองสรวงที่บาดเจ็บเล็กน้อยเข้ามาในโถงกลางบ้าน สุขหฤทัยเอ่ยขึ้น
“นี่ถ้าสรวงเป็นอะไร ฤทัยต้องขาดใจตายแน่ๆเลยค่ะ”
“แม่ก็เหมือนกัน....เฮ้อ! จริงๆ ลูกน่าจะนอนพักที่โรงพยาบาลให้หมอเค้าดูอาการซักคืนนะลูก
“ผมอยู่รพ.ไม่ได้หรอกครับ..ร้อนใจ
กรรณนรีเดินลงมาจากด้านบนด้วยความเป็นห่วง สรวงเงยหน้าขึ้นไปมอง สองคนสบสายตากันอย่างเจ็บปวด ทรมาน สรวงโกรธ กรรณนรีแสนเป็นห่วง สุดามองแบบไม่กล้าหือ สุขหฤทัยพูดกับสรวงแต่จงใจเหน็บแนมถากถางกรรณนรีทุกคำ
“ก็เพราะร้อนใจนี่ไงคะ...สรวงถึงได้ขับรถชน ทั้งๆที่...คนบางคน ไม่สมควรที่สรวงจะให้ค่าเลยด้วยซ้ำ”
สุดาตัดบท “ไปพักผ่อนเถอะลูก ไม่ต้องสนใจ ก็แค่เห็บหมาตัวหนึ่ง มันอยากจะอยู่ก็อยู่
ไป”
สองคนพยุงพาสรวงเดินผ่านหน้ากรรณนรีไป สรวงไม่ชายตาแลสักนิด หน้าบึ้งตลอดเวลา กรรณนรีแอบตามมาห่างๆ อย่างหวงๆ

สุขหฤทัยประคองสรวงลงบนเตียง สุดาเอ่ยขึ้น
“แม่รู้ว่าสรวงเจ็บ สรวงโกรธมากที่คุณพ่อทำอย่างนี้”
“โทษคุณพ่อฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ มันต้องเป็นเพราะนังนั่นขอให้คุณพ่อพาเข้ามา ไม่งั้นผู้ชายที่ไหนจะบ้าพาเมียน้อยเข้ามาอยู่กับลูกกับเมีย” สุขหฤทัยพ่นตามประสาสาวปากไว
“มันคงอยากให้แม่อกแตกตาย” สุดาว่า
“แล้วมันก็จะฮุบทั้งคุณพ่อ ทั้งสมบัติของสรวง อย่าไปยอมนะคะคุณหญิงแม่”
“อยู่แล้ว แม่ไม่มีทางยอม”
สรวงรำคาญ รีบตัดบท “ผมอยากพักผ่อน”
“อย่าเพิ่งสิคะ...ฤทัยยังไม่ได้คุยกับสรวงเลย”
“คุณคุยกับคุณแม่ต่อได้เลย ผมจะพักผ่อน” สรวงหลับตาลง
“อ้าว! หลับแล้วใครจะอยู่กวนสรวงล่ะ”
สองคนหน้างอเดินออกไปแล้ว
สรวงลืมตาขึ้นมา กลุ้มใจต่อ

มะยมกับนิคทำงานเสร็จ พนักงานสปาเดินมาถาม
“เรียบร้อยนะคะ”
“ค่ะ..ขอบคุณมากที่ช่วยอำนวยความสะดวก”
“ยินดีค่ะ...” ยื่นซองที่มีโลโก้สปาให้มะยม “คุณแพรฝากบัตร complimentary ไว้ให้ค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ” พอพนักงานเดินไป มะยมบอกนิค “วันไหนว่างๆ มาด้วยกันนะ”
“ถ้ามาก็มาเป็นเพื่อนแกล่ะ ฉันเคยทำที่ไหนล่ะสปงสปา”
“ว่าแล้วก็คิดถึงกาวนะ...ถ้ามีมัน ฉันก็ไม่ต้องกวนแก”
มะยมหน้าเศร้าลง

ด้านกรรณนรีจะตามขึ้นไปบนห้องสรวง แต่เจอสุดากับสุขหฤทัยที่เดินลงมาต้องรีบหลบ
“นังกรรณรีมันทำเกินบทบาท ส่งคลิปให้พ่อมันดูเลยมั้ยคะ? พ่อมันจะได้หัวใจวาย ตายๆๆไปเลย”
กรรณนรีโกรธจัด สุดาหน้าเจื่อน เลี่ยงไปคุยอย่างอื่น
“ถ้าพ่อมันตายก็ไม่สนุกหรอก..ยุให้มันตีกับแม่มันนั่นแหละสนุกดี”
กรรณนรีมองสุดา รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สุดาไม่กล้า แต่ฤทัยกลับทำหน้าง้ำ
“แต่ฤทัยว่าไม่สนุก..ฤทัยไม่เห็นจะได้เล่นอะไรด้วยเลย”
“หนูก็หาทางเล่นงานพี่ชายมันสิลูก...คลิปอุบาทว์อยู่ในมือหนู กลัวอะไร”
สุขหฤทัยยิ้ม “มันก็จริงค่ะ”
กรรณนรีมองตามสองคนอย่างโกรธแค้น

สรวงนอนอยู่ในห้องสรวง อาการบาดเจ็บอยู่ ชายหนุ่มคว้ายาแก้ปวดมากิน ก่อนจะล้มตัวลงนอน
ส่วนที่ด้านหน้าห้อง กรรณนรีค่อยๆ เดินมา ทำท่าจะเคาะประตูแต่ไม่กล้า ขณะที่ด้านในห้อง สรวงนอนไม่หลับ ลืมตาโพลง สีหน้าเศร้าหมอง
 
และก็ไม่รู้ว่ากรรณนรียืนพิงประตูห้องอยู่อย่างห่วงใย

กรรณนรีกลับเข้าห้อง รีบโทร.เตือนกาวินทร์ทันที

“ทางคุณหญิงสุดา...กาวคิดว่ากาวเอาอยู่...แต่ทางคุณฤทัย..กาวไม่แน่ใจ กาวกลัวว่าเค้าจะเล่นงานพี่แก้วอีก”
กาวินทร์อยู่ที่บ้าน บอกเสียงกร้าว “ไม่ต้องห่วง พี่มีวิธีที่จะจัดการกับเค้า”
กรรณนรีปราม “อย่าทำอะไรรุนแรงนะพี่แก้ว”
กาวินทร์หัวเราะ “เห็นพี่เป็นซาตานเหมือนมดอีกคนรึไง? ไม่ต้องห่วง พี่รู้...วิธีไหนจะเอาชนะใจผู้หญิงได้อยู่หมัด จากแม่เสือกลายเป็นแค่แมวเชื่องๆ หนึ่งตัว
กรรณนรีอยู่ในอาการงวยงง สงสัยไม่เข้าใจ ขณะที่กาวินทร์ยิ้มร้ายมีแผนการในใจ

***
ส่วนทางด้านภาพิศนอนหน้าบูดบึ้ง คิดถึงเหตุการณ์ตอนที่ทำดีกับกรรณนรีสารพัด และตอนลงทุนเป็นแม่สื่อให้สรวง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“ฉันไม่น่าทำดีกับแกเลยจริงๆ” มือถือดังขึ้น ภาพิศกดรับ “ว่าไงคุณแฉล้ม”
“นี่....มีคนมาทำผมที่ร้านฉัน เมาท์ว่าคุณสรวงขับรถชน”
“คุณสรวงขับรถชน” ภาพิศตกใจ
“ใช่! แต่แค่บาดเจ็บนิดๆ หน่อยๆ คุณไม่ไปเยี่ยมเค้าหน่อยเหรอ”
“ไปหาคุณสรวงบ่อยๆ ฉันกลัวว่ามันจะน่าเกลียด”
แฉล้มหัวเราะ “จริงดิ...” พูดแหย่ตามประสาคนปากไว “ฉันนึกว่าคุณอยากกินคุณสรวงซะอีก”
ภาพิศเสียงดุใส่ “นี่!ฉันไม่ใช่พวกสาวแก่ที่ชอบเด็กหนุ่มๆ อยากกินเด็กหนุ่มๆ หรอกนะ ที่ฉันไปยุ่งกับคุณสรวง เพราะฉันอยากแกล้งนังก้าง อีกอย่าง...เป็นเมียพ่อแล้วจะให้ไปยุ่งกับลูกอีก อุบาทว์ พวกวิปริตจิตวิปลาสมันยิ่งชอบคิดอกุศล”
แฉล้มหัวเราะ “รู้ค่า ฉันรู้...ฉันก็แกล้งแหย่คุณเล่น...ที่ฉันให้คุณไปหาคุณสรวงเพราะฉันคิดออก”
“อะไร” ภาพิศถามอย่างสนใจ
“นังก้างมันอยู่ที่นั่น คุณแกล้งทำทีไปเยี่ยมคุณสรวง แล้วหาโอกาสกระชากหัวมันตบเลย” ภาพิศคิดตาม นัยน์ตาวาววับ

เช้าวันต่อมา เห็นภาพิศหอบดอกไม้ช่อใหญ่สวยมาก เดินเข้ามาในห้องโถงราวกับบ้านตัวเอง สุดาเห็นก็แปลกใจ
“คุณน้องมาทำไมคะ”
“ก็น้องได้ข่าวว่าคุณสรวง ขับรถชนเลยอยากมาเยี่ยมค่ะ คุณสรวงล่ะคะ”
สรวงเดินลงมาจากชั้นบนพอดี ภาพิศเห็นก็ยิ้มให้สรวงพร้อมเดินไปหา
“พี่เอาดอกไม้มาเยี่ยม คุณสรวงเป็นยังไงบ้างคะ”
สุดารีบเดินไปดึงสรวงขึ้นบ้าน “เอ๊!หมอบอกให้พักผ่อนเยอะๆ ลูกลงมาทำไม”
สรวงงง ไม่ทันพูดอะไร สุดาก็เอ็ดซ้ำ
“รีบเข้าห้องไปพักเลยลูก”
สรวงอิดออด “แต่ผม…”
“เอ๊ะ!สรวงนี่ คุณพ่อก็ทำให้แม่กลุ้มใจ สรวงอย่าทำให้แม่เป็นห่วงอีกได้มั้ย”
ภาพิศท้วง “ก็แค่รับดอกไม้นิดเดียว” พร้อมกับมองสรวง
สรวงมองสุดาอย่างเกรงใจ ก่อนเดินมาหาภาพิศ รับดอกไม้ “ขอบคุณมากครับ”
ภาพิศยิ้มให้สรวง สุดาทำหน้ากังวล อีกมุม กรรณนรีเห็นภาพสามคน ราวกับครอบครัวเดียวกัน

สุดารีบโทรศัพท์ไปฟ้องสุขหฤทัย หน้าตาสุดาดูเป็นกังวล กรรณนรีเห็นรีบมาย่องแอบฟัง
“ไม่รู้นังภาพิศมันคิดยังไง มันเอาดอกไม้มาเยี่ยมสรวง”
สุขหฤทัยที่ช็อปปิ้งอยู่ตาโต “หา! จริงหรือคะคุณหญิงแม่”
“ก็จริงน่ะสิ แม่ล่ะกลั๊วกลัว ว่ามันจะหลุดพูดความลับของพวกเรา”
“มันไม่กล้าหรอกค่ะ เพราะมันก็ผิดเหมือนกัน”
“แล้วทำไมมันไม่ยอมกลับ ฮึยังทำเนียนชวนสรวงคุยนั่นคุยนี่อยู่ได้”
สุขหฤทัยตาโต น้ำเสียงแทบจะทนไม่ได้ “หรือนังภาพิศมันคิดจะกินสรวงคะคุณหญิงแม่”
สุดาตาวาวเปลี่ยนเป็นกังวลแทน “ลองนังภาพิศมันกินสรวงแม่เอามันตาย”
กรรณนรีไม่พอใจ ตั้งใจฟัง ได้ยินสุดาว่า
“ฤทัยรีบมาจัดการนังภาพิศเลยนะลูก เอาให้มันแท้งลูกไปเลย”
กรรณนรีมองเขม็ง ทั้งโกรธแค้น และเกลียดชังสุดา

กรรณนรีเดินหน้าตากังวลเดินเข้าไปด้านใน เห็นสรวงนั่งคุยกับภาพิศ สรวงเหลือบมาเห็น
กรรณนรีพอดี ภาพิศมองตาม พอเห็นกรรณนรีก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แกล้งยิ้มกับสรวง
“คุณสรวงลองดูนะคะ พี่ไปนวดสมุนไพรอยู่บ่อยๆ ตอนไม่สบาย เหมือนร่างกายมันได้ผ่อนคลายน่ะค่ะ”
“เดี๋ยวผมจะลองดู”
“คุณสรวงไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ยคะ...ฉันพาไป” กรรณนรีแทรกขึ้นมา
“ฉันคุยกับคุณสรวงอยู่ มาแทรกได้ยังไง ไม่มีมารยาท” ภาพิศตำหนิ
กรรณนรีกังวล “ฉันเห็นว่าคุณสรวงไม่สบาย”
สรวงสวนคำออกมา “เห็นหน้าเธอ ฉันจะตายมากกว่า ขอตัวนะครับ”
สรวงลุกเดินขึ้นห้องไป กรรณนรีบอกภาพิศเป็นนัย
“ที่นี่อันตราย คุณภาพิศรีบกลับเถอะนะคะ...”
ภาพิศเยาะ “อันตรายเพราะมีคนหลายหน้าอย่างเธออยู่ด้วยใช่มั้ย”
กรรณนรีหน้าเจื่อน ภาพิศจ้องหน้า ทั้งโกรธ เกลียด เจ็บแค้น และเสียความรู้สึกปนเปกัน
“เธอรู้มั้ย...วันนี้ฉันมาที่นี่เพราะอะไร?” กรรณนรีเงียบ ภาพิศมองอย่างหมั่นไส้ “ฉันตั้งใจมาจิกหัวเธอตบ ตบ ตบๆ เพราะฉันเกลียดคนดัดจริตแอ๊บหน้าซื่อ น่าสงสาร ฉันคิดดูแล้ว ฉันไม่ควรเอามือฉันไปแปดเปื้อนคนอย่างเธอ” ภาพิศเหยียดเย้ย “สู้อยู่นานๆ คอยดูแลคุณสรวงดีกว่า”
ภาพิศเดินออกไป กรรณนรีเดินตาม

ภาพิศเดินหนี กรรณนรีเดินตาม
“คุณภาพิศคะ รีบกลับเถอะค่ะ.. คุณ…”
ภาพิศหยุดกึก เหลียวขวับมามองตาเขียว ขวาง พูดสวนขึ้นไม่สนใจฟัง “เอ๊ะ!เธอนี่..ที่อยากให้ฉันกลับเพราะหึงคุณสรวงใช่มั้ย? ดี...ยิ่งเธอหึงเธอหวงคุณสรวงเท่าไหร่ ฉันจะยิ่งทำให้เธออกแตกตายจำไว้นังหน้าจืด...ฉันจะแย่งคุณสรวงจากเธอ” เดินหนีไปไม่แยแส
“คุณภาพิศคะ ฉันไม่ได้หวงไม่ได้หึงคุณสรวง แต่ฉันห่วงคุณ...คุณหญิง…”
กรรณนรีตามติดพูดเตือนไม่ทันจบคำ ภาพิศก็กระชากผมกรรณนรีอย่างแรงจนหน้าแหงนหงาย
“หุบปากแล้วไม่ต้องพูดอะไร..ไม่งั้น..เธอจะโดนตบ
ภาพิศผลักกรรณนรีออกแล้วเดินหนี กรรณนรีจะตาม แต่ภาพิศหันมาจ้องตาเขียว กรรณนรีกลัวสายตาคู่นั้น
สุดาแอบมองอย่างพึงพอใจ ที่เห็นแม่ลูกฟาดฟันกันเอง

สุดาเดินเข้ามาในห้องสรวงพร้อมถาดยาและน้ำ
“ได้เวลาทานยาแล้วลูก”
สรวงมองอย่างสงสัย “ทำไมคุณแม่ไม่ให้เด็กเอามาให้ล่ะครับ”
“แม่ก็อยากดูแลลูกแม่บ้างสิจ๊ะ” สุดากุลีกุจอ “ทานเลยลูก ทานเลย มะแม่ป้อน”
สุดาหยิบยาจะป้อน สรวงบอก
“ไม่เป็นไรครับผมทานเอง” หยิบยาจากสุดา แล้วทำท่ากิน
สุดายิ้มพอใจ ดวงตามีแผน “พักผ่อนเยอะๆ นะลูก แม่ไม่กวนแล้ว”
สุดาเดินออกไป สรวงแบมือออก เห็นยาอยู่ในนั้น นึกถึงคำพูดตอนที่กรรณนรีเล่าว่าความจริงเรื่องยุ่งเหยิงทั้งปวง ที่เกิดขึ้น เพราะสุดาเป็นต้นเหตุ สรวงมองตามแม่ไปด้วยความสงสัย

สุขหฤทัยเดินเข้ามาในบ้าน สุดาเดินไปหากระซิบ
“แม่ให้ตาสรวงกินยานอนหลับอย่างแรง ป่านนี้คงหลับไปแล้ว”
“แล้วนังภาพิศล่ะค่ะ”
“แม่หลอกให้มันไปนั่งเล่นที่สระว่ายน้ำ ไปจัดการมันเลยฤทัย ทำยังไงก็ได้ให้มันแท้ง แล้วโยนความผิดให้นังกรรณรี”
สุขหฤทัยยิ้มร้ายออกมา

สรวงนอนอยู่ ลุกขึ้นมานั่งใคร่ครวญครุ่นคิด ลังเลสงสัย จนในที่สุดตัดสินใจลุกจากเตียงไป

ภาพิศนั่งอยู่แถวบริเวณสระว่ายน้ำ กรรณนรีเดินเข้าไปหา สุขหฤทัยตามาเห็น
“คุณภาพิศคะ”
ภาพิศหันขวับมองมาอย่างไม่พอใจ “เอ๊ะ!เธอนี่ยังไง รู้ว่าคนเค้าเกลียด เค้าเหม็นหน้า ยังจะตามมาให้เห็นอยู่ได้”
“เชื่อฉันนะคะรีบกลับไป คุณหญิง…”
สุขหฤทัยตาเหลือกวิ่งเข้ามาแว้ดใส่ “นี่!เธอมายุ่งอะไรกับคุณภาพิศฮึศุภาวีร์?”
กรรณนรียืนอยู่ตรงกลางระหว่างภาพิศและฤทัย
สุขหฤทัยจับกรรณนรีไว้แน่น พยายามดันกรรณนรีไปชนภาพิศ “เธอนี่มันจริงๆ เลย เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับคุณภาพิศซักที”
กรรณนรีตาวาว พูดเสียงดัง “คุณนั่นแหละอย่ามายุ่ง” ปัดมือออกอย่างแรง
สุขหฤทัยหาเรื่อง “เธอกล้าทำกับฉันอย่างนี้เหรอ?? ได้!”
สุขหฤทัยดันร่างกรรณนรีไปทางภาพิศและตบอย่างแรง กรรณนรีไม่ยอมตบคืน สุขหฤทัยก็ไม่ยอม ตบกลับ พร้อมทั้งผลักและดันร่างกรรณนรีไปทางภาพิศอย่างจงใจ ปากก็ร้อง
“คุณภาพิศช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”
ภาพิศหลงกลเข้ามาจับกรรณนรี สุขหฤทัยตรงเข้ามา
“เสร็จฉันแน่นังศุภาวีร์”
สุขหฤทัยตบกรรณนรีอย่างแรง ตบๆๆ ตั้งใจหาเรื่องให้โกรธเต็มที่
ขณะเดียวกันที่ด้านในบ้านสุดายิ้มสะใจ แต่ต้องตกใจหน้าซีดเมื่อมองขึ้นไปด้านบนบันได เห็นสรวงกำลังเดินลงมา
“ตาสรวง” สุดารีบเข้าไปหา

สรวงเดินลงมาจากบันได สุดาวิ่งเข้าไปตกใจ ที่เห็นสรวงตื่นได้ยังไง เพราะกินยาแล้ว
“เอ้า! สรวง ตื่นได้ยังไงลูก”
สรวงมองแม่จับอาการ “ทำไมจะตื่นไม่ได้ล่ะครับ ก็ผมนอนไม่หลับ หรือคุณแม่เอายานอนหลับให้ผมกิน”
“แม่จะให้ยานอนหลับลูกกินทำไม” สุดาเลิ่กลั่กร้อนรน เพราะที่สระว่ายน้ำกำลังตบตีกัน
“คุณแม่เป็นอะไรครับท่าทางแปลกๆ”
“แม่เหมือนจะเป็นไข้นะจ้ะ โอ๊ย!” เอามือกุมศีรษะ “แม่ปวดหัว แม่ปวดหัวเหลือเกินลูก พาแม่ไปห้องที”
“ครับๆ” สรวงรีบเข้ามาประคองภาสุดาที่แกล้งแข้งขาอ่อนกลับห้องทันที

ที่สระว่ายน้ำกำลังตบกันนัว สุขหฤทัยตบกรรณนรีไม่ยั้ง กรรณนรีสะบัดตัวออกจากภาพิศราวอัตโนมัติป้องกันตัวเอง ภาพิศเซร้องว้ายจะล้มเป็นจังหวะเดียวกับที่กรรณนรีทะยานเข้ามาหาสุขหฤทัยหมายจะตบคืน สุขหฤทัยร้องกรี๊ดๆ วิ่งหนีมาทางหลังภาพิศ
กรรณนรีโมโหหันมาผลักเต็มแรง แต่กลายเป็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือภาพิศไม่ใช่สุขหฤทัย ภาพิศร้องว้าย สุดเสียง เซหลุนๆ เท้าของภาพิศลื่น ร่างเสียหลักหล่นตูมลงไปกระแทกน้ำในสระอย่างแรง กรรณนรีร้องสุดเสียง
“คุณภาพิศ”
ภาพิศทั้งเจ็บทั้งสำลักน้ำ “ช่วยด้วย ฉันว่ายน้ำไม่เป็น”
สุขหฤทัยทำหน้าสะใจ ขณะที่กรรณนรีกระโดดลงน้ำทันที

ขณะที่สรวงประคองสุดาลงบนเตียง ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น
“ใครเป็นอะไร? ผมลงไปดูก่อนนะครับแม่” สรวงออกไปทันที
“สรวง ตาสรวง” สุดาฮึดฮัดขัดใจตามลงไปอีก

ที่ในสระกรรณนรีว่ายเข้าไปประคองร่างของภาพิศ สุขหฤทัยตะโกนให้ภาพิศได้ยิน
“นังศุภาวีร์ แกจะทำอะไรคุณภาพิศ”
สุขหฤทัยกระโดดตามลงไป ขณะกรรณนรีประคองภาพิศที่หลับตาแหงนหน้าอยู่ สุขหฤทัยเข้าไปด้านหลัง กดข่มทั้งกรรณนรีทั้งภาพิศลงน้ำ ปากก็ร้อง
“แกจะกดคุณภาพิศจมน้ำทำไม ปล่อยคุณภาพิศเดี๋ยวนี้”
ปากว่า แต่มือของสุขฤทัยกลับกดทั้งสองคนลงน้ำ ท่ามกลางความชุลมุน สรวงวิ่งออก
สุขหฤทัยเห็นรีบปล่อยมือ ร้องตะโกน “ช่วยด้วยค่ะสรวง ก้างผลักคุณภาพิศตกน้ำ”
สรวงกระโดดลงน้ำ ว่ายตรงเข้าหาภาพิศ ผลักกรรณนรีออก ภาพิศหอบหายใจ แทบสิ้นสติ
“ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยด้วย ...ลูก...ลูกฉัน”
กรรณนรีผวาตัวเข้าหาภาพิศจะมาช่วย ถูกสรวงผลักออกอย่างแรง ด้วยอาการรังเกียจ
“อย่ามายุ่งกับคุณภาพิศ”
ร่างกรรณนรี เซถลาลงน้ำไปอีก สรวงประคองพาภาพิศขึ้นจากสระ สุขหฤทัยขึ้นตาม สรวงสั่ง
“ฤทัย เรียกรถพยาบาลที”
“ค่ะๆ”
สรวงอุ้มภาพิศเข้าด้านใน สุขหฤทัยมองกรรณนรีที่ยังอยู่ในสระ แสยะยิ้มพูดเย้ยเสียงเบาๆ
“นังหน้าจืด สมน้ำหน้า” สุขหฤทัยเบ้ปากใส่ แล้ววิ่งเข้าด้านในไป

ภาพิศตัวเปียกโชก นอนอยู่บนโซฟาด้านใน ข้างๆมีสุดา ฤทัย สรวง นั่งอยู่
สุดาแกล้งเป็นห่วง เอายาดมให้ดม “นี่เด็กในท้องจะเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย”
“ศุภาวีร์ผลักซะแรงเลย กะให้แท้งลูกแหงๆ”
กรรณนรีขึ้นจากสระตามมาอยู่วงนอกรีบบอก “เปล่านะคะฉันเปล่า”
“ยังจะเปล่าอีก ฉันเห็นกับตา คุณภาพิศก็เห็น” สุขหฤทัยแหวอีก
ภาพิศหลับตาอยู่ พูดเสียงหอบเหนื่อย เหมือนคนพึมพำ “เธอผลัก ฉันศุภาวีร์”
สรวงหันขวับไปมอง “ทั้งๆ ที่คุณภาพิศกำลังท้องอยู่ ทำไมเธอใจร้ายอย่างนี้”
“ฉันเปล่านะคะ....คุณฤทัยต่างหาก”
กรรณนรีพูดไม่ทันจบ แม่บ้านพรรณีก็เดินมาบอก
“รถพยาบาลมาแล้วค่ะ”
สรวงประคองภาพิศ แต่สุดารีบอาสา
“เดี๋ยวแม่กับฤทัยไปเอง”
“แต่คุณแม่ไม่สบาย” สรวงท้วง
“แม่จะได้ไปหาหมอด้วยไง ส่วนสรวงก็เฝ้าแม่นี่ด้วยแล้วกัน ถ้าคุณภาพิศเป็นอะไร จะได้จับหล่อนส่งตำรวจได้ทัน”
สรวงมองกรรณนรีตาขวาง กรรณนรีมองตามภาพิศตาละห้อย
“ไม่ต้องทำตาแบบนี้ ถ้าคุณภาพิศเป็นอะไร เธอเจอดีแน่”

ไม่นานนัก ในห้องพักผู้ป่วย ภาพิศนอนหน้าซีดตาวาวโกรธแค้นกรรณนรีสุดๆ สุดาใส่ไฟเป็นฉากๆ
“ดีนะคะที่คุณน้องปลอดภัย..ถ้าแท้งลูกนี่..โอ๊ย! พี่ไม่อยากจะคิดเลย”
“คุณภาพิศคงต้องพรากลูกถึงสองครั้ง ครั้งแรกทิ้ง ครั้งที่สองแท้ง” สุขหฤทัยเน้น “ตาย
ไปตกนรกแน่ๆ”
ภาพิศสะเทือนใจ “ฉันไม่ได้อยากแท้ง” เอามือลูบท้องอย่างหวงแหน
สุดาเสียงสูง “ข้อนี้พี่รู้ค่ะ...แต่คนที่อยากให้คุณน้องแท้งก็คือนังศุภาวีร์ โอ๊ย...แค่นึกภาพพี่ยังกลัว ตอนคุณน้องอยู่ในน้ำ มันทั้งตบทั้งตีทั้งกดหัวคุณน้องลงน้ำ”
“มันคงหวังให้คุณตาย ไม่ก็แท้งล่ะค่ะ” สุขหฤทัยผสมโรง
ภาพิศตาวาวโรจน์ สองคนลอบยิ้มให้กันอย่างพอใจ

สองคนหัวเราะพลางเม้าท์มาตามทางในโรงพยาบาล
“หนูเห็นหน้านังภาพิศมั้ยลูก”
“เห็นสิคะ....ถ้ามันมีแรง ป่านนี้มันวิ่งไปจิกหัวนังกรรณรีตบไปแล้ว”
“แม่ว่ามากกว่าตบนะ..ฆ่าได้มันคงฆ่า” หัวเราะพอใจ “ฮึ! แม่ไม่อยากจะเชื่อเล้ย คนเราบทจะโง่ก็โง้โง่” สุดาว่า
“มันอาจจะไม่ได้โง่มากนักก็ได้นะคะ แต่คุณหญิงแม่เสี้ยมเก่งตลอด”
สุดามองหน้าสุขหฤทัย อีกฝ่ายหัวเราะกลบเกลื่อน “แต่คนที่เสี้ยมคนได้ ฉลาดทุกคน...และคุณหญิงแม่ก็ฉลาดสุดๆ นังภาพิศก็โง่สุดๆ เหมือนกัน”
“แค่นี้มันยังน้อยไป เพราะแม่ยังมีอะไรสนุกๆเล่นกับมันสองแม่ลูกอีกเย้อะ”
สุขหฤทัยหน้าแหย “คุณหญิงแม่จะอะไรกับพวกมันนักหนาคะ”
“ฤทัยยังไม่เคยถูกแย่งสามี ไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน? สิ่งที่นังภาพิศกับพ่อทำกับแม่ มันฝังใจแม่ตลอด ...ความรักของแม่ที่มีต่อพ่อ ตอนนี้มันไม่เหลือแล้ว มันเหลือแต่ความเกลียดชัง และนังกรรณรีมันก็ต้องเป็นเหยื่อ ที่แม่จะใช้ทำลายทุกคน”

สุดาตาวาวโรจน์ เกลียดแค้นชิงชังกรรณนรี อารักษ์ และภาพิศ สุขหฤทัยมองสุดาอย่างหวาดกลัว

แจ้งเพื่อทราบ... บทโทรทัศน์ “ไฟมาร” ตอนที่ 11 หน้า 2 - หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ ตัวหนังสือสีแดง คือบทที่เพิ่มเติมใหม่ จ้า

ไฟมาร ตอนที่ 11 (ต่อ)

กรรณนรีเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว เดินลงมาตรงห้องโถง เจอสรวง มองมาอย่างเหยียมหยาม

“ทำร้ายคนอื่นแล้วยังจะมาเดินลอยหน้าลอยตาอีก”
“ก็ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไมได้ทำ”
สรวงตะคอก “ยังจะมาแก้ตัวอีก ทั้งๆ ที่คุณภาพิศเค้าบอกเองว่าเธอเป็นคนผลักเค้าตกน้ำ”
กรรณนรีจ้องหน้าสรวง “คุณเชื่อฉันบ้างสิคะ”
“ที่ผ่านมาฉันก็เชื่อใจเธอ ไว้ใจเธอ แต่มันก็ได้ความทรยศกลับคืนมา ฮึ!แต่มันก็ไม่แปลกหรอก..ขนาดแม่แท้ๆ เธอยังทำร้ายได้ นับอะไรกับฉัน”
“คุณสรวง ฉันไม่เคยคิดทำร้ายแม่ฉันนะ”
สรวงเสียงกร้าวท่าทีดุดัน “แล้วที่เธอผลักเค้าตกน้ำมันคืออะไร ไม่ต้องแก้ตัวเลยกรรณรี ฉันจะ
ทำให้เธอได้รู้ ว่าความทรมานของคนที่จมน้ำตายมันเป็นยังไง” ลากกรรณนรีไปทันที
“คุณสรวง” กรรณนรียื้อตัวสุดกำลัง แต่สู้แรงสรวงไม่ได้ เลยถูกลากออกไป

สรวงเหวี่ยงกรรณนรีลงสระน้ำเต็มแรง ร่างกรรณนรีจมน้ำลงไปเพราะไม่ทันตั้งตัว สรวงกระโจนลงไป จับกรรณนรีกดน้ำ กรรณนรีดิ้นรน เริ่มจะหายใจไม่ออก ผงกหน้าขึ้นมา
“คุณไม่มีเหตุผล”
“แล้วเหตุผลของเธอมันคืออะไร? บอกฉันมาสิ บอกฉันมา”
กรรณนรีเงียบมองสรวงด้วยความเสียใจ และน้อยใจ สรวงบอกใส่หน้า
“ก็เหมือนเคย เธอตอบไม่ได้ แล้วเธอจะให้ฉันเชื่อใจเธอได้ยังไง กรรณนรี”
สรวงกระโจนขึ้นจากสระไม่สนใจ กรรณนรีมองตามเสียใจ พูดออกมาเบาๆ
“ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจแม้แต่นิดเดียว เพราะคุณหญิงสุดาคนเป็นวางแผนทุกอย่าง”
กรรณนรีได้แต่หนักใจ

กาวินทร์อยู่ที่ทำงาน คุยโทรศัพท์กับกรรณนรี สีหน้าโกรธมาก
“คุณหญิงสุดาร้ายมาก”
กรรณนรีไม่อยากเอ่ยถึงสุดา เกรงใจสรวงแต่ก็โกรธ “เค้ายังเกลียดแม่มาก”
“ไม่มีเมียหลวงคนไหน ชอบเมียน้อยหรอก อย่างเก่งก็แต่แอ๊บ เสแสร้ง แม่ผิดตั้งแต่แรกที่ไปยุ่งกับคนมีครอบครัว” กาวินทร์เริ่มหงุดหงิดตัวเอง “พี่เองก็ผิดที่ไปหลงกลยัยฤทัย” ฮึดฮัด “พี่อยากบีบคอหล่อนให้ตายเลยจริงๆ”
“อย่านะพี่แก้ว เดี๋ยวติดคุก อีกอย่าง...พี่แก้วก็ต้องยอมรับ ว่าพี่แก้วเองก็ผิดที่ไปยุ่งกับเค้าตั้งแต่แรก”
กาวินทร์เสียงอ่อนลง “พี่รู้...มันเป็นความมักง่ายของพี่เอง ทุกอย่างถึงเป็นอย่างนี้...โอเค...ถ้าพี่ใช้ความรุนแรงไม่ได้ พี่ก็จะใช้ความเป็นสุภาพบุรุษทำลายมัน”
“พี่แก้วจะทำยังไง?”
“ผู้หญิงตายเพราะคำหวานของผู้ชายมานักต่อนักแล้ว ยัยฤทัยก็จะเป็นอีกหนึ่งคน”
กาวินทร์ตาลุกวาวโกรธเกลียดสุขหฤทัยเข้าไส้

ค่ำคืนนั้นขณะที่สุขหฤทัยนั่งกับเพื่อน กาวินทร์เดินตามเข้ามา พอสุขหฤทัยหันไปเห็นก็บ่นอย่างรำคาญ

“คนอะไรตามตื้ออยู่ได้ น่ารำคาญ”
“ท่าทางเค้าจะชอบเธอจริงๆนะฤทัย” เพื่อนว่า
เพื่อนอีกคนบอก “ใช่!ไม่งั้นเค้าไม่ตามตื้อเธออย่างนี้หรอก”
สุขหฤทัยหันไปมอง เห็นกาวินทร์ยืนทำตาละห้อย ก็ทำเป็นเมิน หันหลังให้
“ช่าง!ฉันไม่ชอบ ฉันไม่สน”
สุขหฤทัยหันหลัง แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงกาวินทร์จากบนเวที
“เพลงที่ผมจะร้องต่อไปนี้...ผมขอมอบให้ผู้หญิงที่ผมรัก คุณสุขหฤทัยครับ...”
สุขหฤทัยตกตะลึง เหลียวมองกาวินทร์ที่ร้องเพลงจีบ

กาวินทร์มองมาจากบนเวที จ้องสุขหฤทัยตาละห้อย..ออดอ้อน
“เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน...”
สุขหฤทัยใจเต้น รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าหญิง เพื่อนๆ ของสุขหฤทัยกิ๊วก๊าวกันยกใหญ่
ภาพเก่าๆ ของ สองคนตั้งแต่ทะเลาะกัน จูบกัน ผุดขึ้นมา กาวินทร์มองสุขหฤทัยแววตาซึ้ง

สุขหฤทัยเดินออกมาจากผับ ตัวแทบลอยได้รู้สึกว่าตัวเองเริดมาก เพื่อนผลัดกันแซวอย่างอิจฉา
“โอ๊ย! นี่ถ้ามีคนมาร้องเพลงให้ฉันแบบนี้ ฉันรับรักเค้าไปเลยนะเนี่ย”
“ใช่!ไม่ปล่อยให้เค้ารอนานหรอก...ฉันว่าเค้าอินเลิฟเธอจริงๆนะฤทัย
สุขหฤทัยเชิดหน้า คอตั้ง “ก็แหงล่ะ..น้ำหน้าอย่างนั้น...จะหาผู้หญิงดีๆ อย่างฉันได้ยังไง?”

กาวินทร์ตามมาจากด้านหลัง หยอดหวานใส่ทันที “ใช่ครับ..น้ำหน้าอย่างผมไม่รู้จะหาผู้หญิงดีๆ อย่างคุณได้ยังไง”
เพื่อนๆ เลี่ยงไปอีกมุม หลบแอบฟัง สุขหฤทัยมองกาวินทร์ที่เดินเข้ามา ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้า
“นี่! อย่าทำอะไรฉันนะ ไม่งั้นฉันตบจริงๆ ด้วย”
“ผมขอโทษครับที่แกล้งคุณ จนคุณระแวงผมขนาดนี้....แต่จากวันนี้มันจะไม่มีอีกแล้วครับ เพราะผมรักคุณ..รักจนไม่กล้าแตะต้องให้คุณมัวหมอง ทำให้คุณเสียใจ”
มือของสุขหฤทัยค่อยๆ ลดลงไป..มองกาวินทร์นิ่ง...กาวินทร์รีบพูดต่อ น้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมจะรอ...จนกว่าคุณจะเห็นใจ...
กาวินทร์เดินออกไปแล้ว สุขหฤทัยมองตามอย่างเคลิบเคลิ้ม งงๆ ในหัวยังอื้ออึง แต่เริ่มรู้สึกดีๆ กับกาวินทร์

บริเวณริมน้ำยามค่ำ ท่ามกลางผืนฟ้าสวยสว่าง สุขหฤทัยจอดรถไว้เดินทอดอารมณ์ยิ้มอยู่คนเดียว รู้สึกดีเหลือเกินที่มีคนมาบอกรัก...ไม่ต้องตามเฝ้าตามแหนเหมือนที่ผ่านมา เสียงของกาวินทร์ดังก้อง
“ผมจะรอ...จนกว่าคุณจะเห็นใจ”
ดวงตาของสุขหฤทัยดูสดใส มองไปทางไหนก็สวยงาม

ขณะเดียวกันกาวินทร์แสยะยิ้ม รู้สึกขยะแขยงสิ่งที่ทำเหลือเกิน

สรวงเดินเล่นอยู่คนเดียวที่ริมน้ำที่เคยมากับกรรณนรี เห็นผู้คนเดินมากันเป็นคู่ๆ แต่วันนี้สรวงมาคนเดียว มองไปมุมไหน ทางใด ก็เห็นแต่กรรณนรี
“เดินคนเดียว ไม่เห็นจะตาย”
สรวงส่ายหน้า สลัดความคิดออกจากหัว เดินเหงาคนเดียวต่อไป

วันต่อมา ขณะที่กรรณนรีเดินลงบันไดมาด้วยท่าทีเร่งรีบร้อนรนจะออกจากบ้าน เจอคุณหญิงสุดาพูดถากถาง

“จะไปไหนจ๊ะแม่กรรณรี ไม่อยู่เฝ้าทรัพย์สมบัติสามีฉันล่ะ”
กรรณนรีย้อนกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็ทรัพย์สมบัติสามีคุณหญิง ไม่ใช่ของฉัน”
“แต่เธอก็อยากได้” สุดาหยัน
“ฉันไม่เคยอยากได้...”
“แต่ก็อยากให้เค้าหย่าขาดจากฉัน ฮึ!เธออย่าหวังเลย ต่อให้ท่านอารักษ์หย่าจากฉัน เค้าก็ไม่มีวันกลับไปหาแม่แก”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องการค่ะ” กรรณนรีจะเดินไป
สุดาเบ้ปากพูดใส่ “ทำยังกับฉันจะเชื่อ”
“แล้วแต่คุณหญิง แต่ถ้าแม่ฉันเป็นอะไร? คุณหญิงจะต้องสูญเสียทุกอย่าง เพราะฉันจะเล่าความจริงให้คุณสรวงฟัง”
“โอ๊ย! งั้นแกไม่ได้เล่าหรอก เพราะแม่แกมันหัวแข็ง ป่านนี้มันกลับไปเดินปร๋อที่บ้านแล้ว” กรรณนรีส่ายหัว มองสุดาอย่างระอา ก่อนจะเดินหนีไป สุดาว่าไล่หลังตาม “พูดอะไรก็เชื่อ...โง่อย่างนี้ ถูกฉันปั่นหัวอีกนานแน่” เดินไปหยิบมือถือ “คุณน้องขา..เดี๋ยวพี่ไปหานะคะ...”

สุดาวางสายเบ้ปากใส่ภาพิศอีกราย

กรรณนรีท่าทางร้อนใจไปกดกริ่งประตู น้อยเดินออกมา ชะงักที่เห็นกรรณนรี มองไม่พอใจ
“อ้าว!เธอมาทำไม?”
“ฉันมาหาคุณภาพิศ”
“คุณภาพิศไม่อยู่” น้อยมองอย่างไม่พอใจ จะปิดประตูใส่หน้า
กรรณนรีเอามือดึงประตูยั้งไว้ “ฉันขอร้องล่ะ ฉันมาดี....คุณภาพิศเป็นยังไงบ้าง”
“นี่เธอพูดอะไร แช่งคุณภาพิศเหรอ” น้อยโมโหคว้าไม้กวาดๆ หญ้าอันยาวๆ จะมาฟาดกรรณนรี พลางด่า “เธอนี่มันจริงๆเลย เห็นหน้าจืดๆหน้าซื่อๆกลับทำร้ายคุณภาพิศได้อย่างเลือดเย็น” เงื้อไม้กวาดอยู่แล้ว “เธอกลับไปเลยนะ กลับไป ไม่งั้นเธอโดนฟาดหัวแตกแน่ นังแพศยา”
“ฉันขอร้องล่ะ ฉันขอเข้าไปเยี่ยมคุณภาพิศหน่อย” กรรณนรีคุมสติ
น้อยแว๊ดใส่ “เอ๊ะ!เธอนี่ แช่งนายฉันอยู่ได้ เค้าไม่อยู่ แล้วก็ไม่ได้กลับมา รู้ไว้ ไป๊”
น้อยเขวี้ยงไม้กวาดใส่ กรรณนรีรีบหลบแล้ววิ่งออกมา น้อยด่าตามหลัง
“หน้าจืดๆ ร้ายนักนะแก”
น้อยมองตาม ด้วยสายตามองเกลียดชัง

กรรณนรีวิ่งหนีออกมา หน้าตาตื่นแล้วหยุดฉุกคิด
“หรือคุณหญิงสุดาจะโกหก?” กรรณนรีได้แต่ถามตัวเอง

ตรงทางเดินในโรงพยาบาล สุดาประคองภาพิศเดินลงบันไดมาแกล้งทำทีเป็นห่วงใยมาก แต่เหน็บ กัด ทุกวาจา
“เดินดีๆ ค่ะคุณน้อง เดินดีๆ พลั้งพลาดประเดี๋ยวจะตายทั้งกลม”
ภาพิศฉุนนิดๆ “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ”
“ดีค่ะ...อย่างน้อยคุณน้องก็ต้องอยู่เอาคืนนังศุภาวีร์..ดู๊ดู...คนอะไรใจร้ายใจดำ ขนาดมันทำคุณน้องเกือบแท้ง มันยังไม่มีแก่ใจมาเยี่ยมแม้แต่นิดเดียว สงสัยมันคงอยากให้คุณน้องตาย มันจะได้มาแทนที่คุณน้อง”
ภาพิศคำราม “เลว”
“ไม่ใช่เลวธรรมดาค่ะ เลวมาก...” มองภาพิศอย่างเกลียดชัง “เลว เหมือนแม่ของมัน”
“คุณหญิงพี่รู้จักแม่ของนังศุภาวีร์ด้วยเหรอคะ” ภาพิศแปลกใจ ไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกด่า
“ถึงไม่รู้จักก็เดาออก ช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” น้ำเสียงเข้ม “ลูกเลว แม่ก็ต้องเลว”
“ดีค่ะ..ถ้าฉันเจอแม่มัน ฉันจะได้ตบสั่งสอน ทั้งแม่เลวๆ ลูกเลวๆ”
ภาพิศโกรธจัด สุดาลอบยิ้มเยาะ ทำหน้าสาแก่ใจมาก

กรรณนรีเดินฉับๆ ตรงมาที่ห้องสุดา เคาะประตูเรียกเสียงดังๆ
“คุณหญิงสุดาๆ ออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้นะคะ”
สรวงเดินมาจากห้องตัวเอง มองตาวาว อย่างไม่พอใจ “หยุดก้าวร้าวแม่ฉัน กรรณรี”
“ฉันไม่ได้ก้าวร้าว แค่อยากถาม ทำไมต้องโกหกฉันด้วย ว่าแม่ฉันกลับไปอยู่บ้าน ทั้งๆ ที่แม่ฉันไม่ได้กลับ”
“แล้วเธอไปเยี่ยมแม่เธอที่รพ.แล้วเหรอ” สรวงถาม
กรรณนรีเงียบ สรวงโมโหมองด้วยแววตาโกรธขึ้ง
“เธอไม่ได้ไปแล้วก็มาเอะอะโวยวาย...ทั้งๆที่ความจริง แม่เธออาจจะทนรังเกียจเธอไม่ไหว เลยหนีไปอยู่ที่อื่น”
กรรณนรีประชดเสียงแข็ง “ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ”
สรวงเสียงดังใส่ “ใช่! แต่ถึงจะน่ารังเกียจ เป็นนกไม่ซ้ำคอน นอนไม่ซ้ำคน ไอ้ภรตมันก็ยังรอเธอ”
“อย่าดูถูกฉันนะคุณสรวง”
“ฉันจะว่า เธอจะทำไม”
กรรณนรีไม่ตอบตบหน้าสรวงอย่างแรง สรวงโกรธจัด
“กรรณนรี” สรวงกระชากกรรณนรีเข้ามากอด จูบแรงๆ
กรรณนรีดิ้นรนผลักไส “ปล่อยฉันนะปล่อย
สรวงไม่ปล่อย แต่ทั้งกอดทั้งจูบจนร่างของกรรณนรีหยุดนิ่ง สรวงค่อยๆ จูบอ่อนโยนแผ่วเบา แต่ทว่าร่างของกรรณนรีกลับสั่นสะท้านพร้อมแรงสะอื้น สรวงตกใจ
“เธอร้องไห้”
กรรณนรีย้อนถามเสียงแผ่วเบา ด้วยความเสียใจ “สนใจด้วยเหรอคะว่าฉันร้องไห้ ในเมื่อในสายตาคุณ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงไร้ค่า...นกไม่ซ้ำคอน นอนไม่ซ้ำคน”

กรรณนรีวิ่งร้องไห้ออกไป สรวงนิ่งงันเสียใจอยู่ตรงนั้น

ที่บ้านมาลินี หญิงสาวกำลังจัดขนมใส่กล่อง ภรตเดินเข้ามาหา

“อื้อหือ..หอมเชียว”
“อร่อยด้วยค่ะ...มดเก็บไว้ให้พี่ภรตแล้ว...ที่เหลือ เดี๋ยวเอาไปส่ง”
“มะพี่ช่วย...”
ภรตตรงเข้ามาช่วยมาลินีหิ้วของ สองคนเดินเคียงกันออกไป

มาลินีเดินขึ้นรถของภรตที่จอดอดยู่หน้าบ้าน สองคนไม่ทันเห็นว่าที่ด้านหลัง กาวินทร์ขับรถมาจอดซุ่มอยู่ และเมื่อเห็นสองคนไปด้วยกัน
กาวินทร์หน้าเจื่อน เหมือนว่าของสำคัญที่ไม่เคยเห็นค่ากำลังจะหลุดลอยไป ส่วนมาลินีกับภรตยิ้มให้กัน

กาวินทร์กลับเข้าบริษัท เดินมาที่มุมหนึ่งท่าทางไม่สบายใจ ก่อนหยิบมือถือออกมา
กดชื่อ “มด” จะโทร.ออก แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
กาวินทร์บอกตัวเองในใจ “จะโทร.ไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับมดแม้แต่นิดเดียว”

จากนั้นกาวินทร์ก็ยืนมองมือถือที่มีชื่อมาลินีค้างอยู่อย่างนั้น

กรรณนรีหนีมาแอบนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน ท่าทางหมองเศร้าและหดหู่ สรวงเดินมาแอบมองวูบหนึ่งด้วยความรู้สึกสงสาร แต่พอเห็นกรรณนรีหยิบโทรศัพท์คุยกับอารักษ์ สรวงก็จ้องตาแทบถลน ก่อนที่จะเห็นกรรณนรีคว้ากระเป๋าเดินออกไป

กรรณนรีเดินเร็วรี่ ออกมายังนอกบ้าน ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้านองน้ำตา สรวงทำท่าจะตามไปแต่ ชะงักกึก
“หล่อนจะไปไหน ไม่ต้องสนใจ” สรวงหน้าบูดบึ้งบอกตัวเอง ยืนมองกรรณนรีจนลับสายตา

กรรณนรีเดินเข้ามาในบ้าน ยกมือไหว้เกริก กรรณนรีหน้าตาซีดเซียว ฝืนยิ้มก่อนจะซ่อนหน้าหลบตาพ่อ
“ไม่สบายรึเปล่าลูก”
“นิดหน่อยค่ะ”
“มิน่า..ตอนโทร.มาหาพ่อเสียงอู้อี้เชียว” เกริกมองจับสังเกต “พ่อก็นึกว่าร้องไห้นะนั่น”
กรรณนรีรีบเดินมากอดประจบ “ถ้ากาวจะร้องไห้ก็เพราะกาวคิดถึงพ่อค่ะ” เกริกมองสังเกตอีก “พ่อก็นึกว่ามีเรื่องอะไร? ไม่สบายก็นอนพักนะลูก พ่อทำกับข้าวเสร็จเดี๋ยวไปเรียก”
“ค่ะ” กรรณนรีเดินขึ้นห้องไป เกริกมองตามอย่างเป็นห่วง

กรรณนรีเปิดประตูเข้าไปในห้อง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
ท่าทีเศร้าหมอง ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลอเบ้า ส่วรที่หน้าห้อง เกริกค่อยๆ เดินมาห้อง หมุนลูกบิดประตูอย่างแผ่วเบาแอบมอง เห็นกรรณนรีนั่งซึม ท่าทางเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ

คณู่ต่อมาเกริกเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง หยิบรูปภาพของภาพิศขึ้นมาดู
“เรื่องบางเรื่อง ผู้หญิงคุยกันน่าจะเข้าใจมากกว่าผู้ชาย ถ้าเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน...ลูกคงได้ปรึกษานุดีบ้าง”
เกริกมองรูปอย่างเศร้าใจ จ้องมองที่ภาพิศตอนสมัยยังเป็นนุดีที่อยู่ในกรอบรูปยิ้มแย้มสวยงามมาก

ส่วนภาพิศเอามือลูบท้อง ท่าทางหวงแหน บอกลูกในท้อง
“แม่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกแม่......ใครที่มันคิดฆ่าลูกแม่ แม่จะเอาคืนมันให้ถึงที่สุด” ภาพิศกำมือแน่นท่าทางเกรี้ยวกราด “นังศุภาวีร์!”
สีหน้าภาพิศยามนี้ แตกต่างจากภาพที่เกริกมองเมื่อครู่ราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน

สรวงเดินกระวนกระวายท่าทางไม่สบายใจ สายตามองไปที่ประตูตลอดเวลา
สักครู่สุดาเดินหัวเราะมากับสุขหฤทัย
“นี่คุณแม่แดกดันนังภาพิศถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ?” สุขหฤทัยว่าตาโต
สุดาปราม “เบาๆ”
สุขหฤทัยหัวเราะ ระรื่น “ไม่เบาหรอกค่ะ พลาดพลั้งตายทั้งกลมงี้ ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนาง
ให้ดูที่แม่งี้ หลอกด่ามันชัดๆ”
สุดาหัวเราะ “เค้าถึงเรียกว่าหลอกด่าไงจ้ะ..เพราะนังภาพิศมันไม่รู้เรื่องอะไร ตั้งหน้าตั้งตาจะตบนังกรรณนรีอย่างเดียว”
“แม่ลูกตบกันมันดีนะคะคุณหญิงแม่”
สองคนหัวเราะสนุก สุขหฤทัยเหลือบไปเห็นสรวง ในระยะห่างๆ
“อ้าว! สรวงยืนทำอะไรอยู่นะนั่น”
“นั่นสิ”
สองคนเดินเข้าไปหาสรวง

สุขหฤทัย และสุดาเดินไปหาสรวง สุขหฤทัยกอดแขนสรวงออเซาะตามประสา
“คิดถึงฤทัยอยู่เหรอคะสรวง”
“เปล่า” สรวงบอกเสียงแข็ง
“อ้าว” สาวแสบเซ็ง
สุดาตกใจ “ทำไมสรวงพูดอย่างนี้ล่ะลูก ฤทัยอุตส่าห์มาหา เสียน้ำใจหมด”
สรวงถอนหายใจแบบเบื่อๆ “ก็ผมไม่ได้อยากให้ใครมาหา”
สุขหฤทัยกระเง้ากระงอด “ก็ฤทัยเป็นห่วง”
“ผมสบายดี”
“สบายดีแล้วมาทำเป็นไก่ยืนซึมอยู่ทำไมคะ” สุขหฤทัยค่อนแคะ
“อย่าบอกนะว่าลูกรอนังนั่น” สุดาโกรธขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ ป่านนี้มันไปกับผู้ชายแล้ว เฮอะ! คงจะฉวยโอกาสที่คุณพ่อไม่อยู่ ออกไปล่านับแต้ม”
“คุณเป็นคนสวยนะฤทัย สูงด้วย แต่คำพูดของคุณมันขัดกับความสูงของคุณจังเลย”
สรวงเดินออกไป ฤทัยงง
สุขหฤทัยงง ไม่รู้ตัวว่าถูกด่า “ฤทัยสูง คำพูดของฤทัยขัดกับความสูงหมายความว่าไงคะคุณหญิงแม่?”
สุดาทำท่าคิด “ขัดกับความสูง...งั้นก็คงต่ำ”
สุขหฤทัยกรี๊ดแตก “แอร๊ยยย..สรวงว่าฤทัยต่ำ ฤทัยไม่ยอม”
สุขหฤทัยตามสรวงไป สุดาชักสีหน้าไม่พอใจสรวงเช่นกัน

สรวงเดินมาอีกมุม สุขหฤทัยตามมาเอาเรื่อง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะสรวง หยุด”
สรวงหยุด สุขหฤทัยแว้ดใส่อีก
“ทำไมคุณด่าฤทัยอย่างนี้?”
“คุณจะได้คิดก่อนพูดบ้างไง? ไม่งั้นแต่ละวันพ่นแต่สิ่งโสมมออกมา”
“ถึงปากฤทัยจะโสมม ฤทัยก็ไม่เคยเป็นเมียเก็บ เป็นนางเล็กๆ เป็นเมียน้อยใคร? ไม่เหมือนนังศุภาวีร์”
“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับคุณ?”
“เกี่ยวค่ะเพราะฤทัยรักคุณ ฤทัยทนเห็นคุณยกย่องผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยพ่อเกินหน้าเกินตาไม่ได้”
“มันก็เรื่องของคุณ....เพราะผมไม่ได้แคร์คุณ...ได้ยินมั้ยฤทัย” สรวงรำคาญเดินหนีไปต่อหน้า
“สรวง..สรวง...” สุขหฤทัยกำมือแน่น น้ำตาคลอ ทั้งโกรธ ทั้งแค้นใจ เสียใจ

สุขหฤทัยก้าวฉับๆ ออกมาที่หน้าคฤหาสน์อารักษ์ น้ำตาคลอเบ้า ทั้งโกรธ ทั้งอาย กิริยาอาการฟึดฟัด กราดเกรี้ยว
“ทำไมต้องทนขนาดนี้ด้วยฤทัย..คนที่รักเธอยังมีนะ”
สุขหฤทัยทำท่าชะงัก หยิบมือถือขึ้นมาดู ยืนนิ่งอยู่ครู่ก่อนกดมือถือ เห็นเป็นเบอร์กาวินทร์ ทำท่าจะโทร.หา แต่เกิดลังเล สุดท้ายก็ไม่โทร.ขึ้นรถแล้วขับไป
สุขหฤทัยไม่ได้รักกาวินทร์อะไรหรอก แต่สาวแสบเริ่มหวั่นไหว เหมือนมีคนที่ชอบตัวเองอยู่ ทำไมต้องทนกับสรวงที่ไม่ได้รักใคร่ใยดีเลยสักนิด

กาวินทร์เดินเข้ามาในบ้าน ยกมือไหว้พ่อ
“หวัดดีครับพ่อ”
“วันนี้น้องกลับแต่วัน...แต่ท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ แก้วไปคุยกับน้องหน่อยไปลูก...เผื่อน้องมีเรื่องอะไร?”
กาวินทร์เครียดรู้ดีว่ากรรณนรีกลุ้มใจเรื่องอะไร

สองพี่น้องอยู่ในห้อง กาวินทร์บอกปลอบกรรณนรี
“เอาน่า...ยังไง กาวก็ต้องอดทน อดทนจนกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเรา”
“กาวรู้...แต่กาวเบื่อ น้ำท่วมปาก นั้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้”
กาวินทร์พยักหน้า “ใช่!โดยเฉพาะจิตใจคุณสรวง....คุณสรวงคงเจ็บมากถ้ารู้ว่าคุณหญิงสุดาเป็นต้นเหตุแห่งความเลวร้ายทุกอย่าง”
“ไม่ใช่คุณหญิงสุดา แต่เป็นนายอารักษ์ เพราะถ้าเค้าไม่หลงในกิเลสตัณหาเรื่องทุกอย่างมันก็ไม่เป็นแบบนี้”
“โทษเค้าฝ่ายเดียวไม่ได้...เพราะแม่ก็ผิด...เพราะอย่างงี้พี่ถึงอยากให้กาวดึงแม่ออกมาจากนายอารักษ์ให้เร็วที่สุด แม่จะได้มีชีวิตใหม่ ไม่ต้องทนกับความสุขจอมปลอม ที่นายอารักษ์เอามาล่อ”
“กาวจะอดทนพี่แก้ว...อดทนเพื่อทุกคน”
“โดยเฉพาะคุณสรวง....เพราะพี่รู้...เค้ารักกาว”
ฟังคำพี่ชายกรรณนรีหน้าหมอง ทั้งเสียใจ และสงสารสรวงจับจิต

ขณะเดียวกันสรวงเดินวนเวียนอยู่ในห้องเอาแต่มองนาฬิกาตรงผนัง
“เที่ยงคืนแล้วยังไม่กลับมาอีก มัวไปไหน? ทำอะไรกับใคร?”
สรวงเดินวนไปเวียนมาบ่นตลอดๆ ก่อนนึกได้
“แล้วจะไปรอผู้หญิงอย่างนั้นทำไม?”
สรวงทรุดตัวลงนอนที่เตียง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลับลง

กรรรณนรีเดินหน้าเศร้าเข้ามาบนบ้าน ผ่านหน้าห้องสรวง กรรณนรียืนมองตาละห้อย เอามือแตะประตู เบาๆ ก่อนเดินเลยไปกลับห้องตัวเอง

แจ้งเพื่อทราบ... บทโทรทัศน์ “ไฟมาร” ตอนที่ 11 หน้า 2 - หน้า 4 มีการเพิ่มเติมเพื่อความสมบูรณ์ ตัวหนังสือสีแดง คือบทที่เพิ่มเติมใหม่ จ้า

ไฟมาร ตอนที่ 11 (ต่อ)


ภายในร้านอาหาร มาลินีส่งขนมเสร็จแล้ว กำลังจะเดินออกไปพร้อมกับภรต ระหว่างนั้นเจอมะยมกับนิคนั่งทานข้าวกันอยู่ มะยมเห็นจำได้จึงรีบลุกมาหาอย่างเร็วรี่ ทำเอานิคตกใจ

“เอ่อ..คุณคะ” มาลินีทำหน้าแปลกใจ มะยมถามต่อ “ขอโทษที่รบกวน..คุณเป็นเพื่อนพี่แก้วใช่มั้ยคะ”
มาลินีได้ยินชื่อกาวินทร์ก็หน้าเจื่อน “ค่ะ”
“เจอกาวบ้างมั้ยคะ? ฉันติดต่อกาวไม่ได้เลย”
มาลินีหันไปมองหน้าภรต “ไม่ค่ะ”
มะยมมีสีหน้าผิดหวัง “ขอบคุณค่ะ” มาลินีกับภรตเดินหน้าเจื่อนออกไป
นิคต่อว่ามะยม “ไปทักอะไรอย่างนั้นวะ”
“ก็ฉันร้อนใจ...”
“แต่แกดูหน้าเค้าสองคนสิ...เหมือนเห็นผีเลย ตอนที่เห็นแกน่ะ...”
มะยมค้อนขวับ “ออกจะสวย เหมือนผีได้ยังไง”

สองคนเดินออกมา ภรตถามขึ้น
“ไหวเปล่ามด”
มาลินียิ้มบางๆ “ไหวสิคะ พี่ภรตน่ะแหละ แค่ได้ยินชื่อกาวก็หน้าถอดสีแล้วไหวเปล่า”
“ไหวสิ...ตอนนี้พี่ไม่ได้คิดอะไรกับกาวแล้ว” ภรตมองมาลินีด้วยสายตาลึกซึ้ง
มาลินีรีบหลบตาซ่อนหน้า เพราะใจยังชอบกาวินทร์อยู่ จึงกลบเกลื่อน “ดีแล้วค่ะถ้าตัดใจได้ จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก”
ภรตเหมือนจะรู้ตัวมองมาลินีหน้าหม่น “หรือจะเจ็บอีกรึเปล่าก็ไม่รู้...ท่าทางพี่จะไม่มีดวงเรื่องความรัก”
มาลินียิ้มเจื่อนปลอบใจ “มดเชื่อ..ว่าเราทุกคน ต้องมีคู่เป็นของตัวเอง...”
“ก็แล้วคนที่ใช่..เมื่อไหร่จะมา” ภรตพูดแล้วมองอย่างลึกซึ้ง
มาลินีเฉไฉยิ้มขำไม่ใส่ใจ เดินนำไป

ภายในร้าน สองคนนั่งด้วยกัน แฉล้มตัดพ้อขึ้นมา
“นี่คุณ....ฉันชวนให้คุณมาผ่อนคลาย ไม่ได้ให้มาทำหน้าหงิก”
“ก็ฉันยังทำใจไม่ได้นี่ ที่จู่ๆ นังเด็กนั่น มันแย่งทุกอย่างจากฉันไป” ภาพิศโกรธกรุ่นๆ
แฉล้มปากไว “แถมยังทำท่าว่าได้ดีกว่าซะด้วย”
ภาพิศตาเขียว แฉล้มหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันล้อเล่นน่ะคุณ....โธ่! ยังไง คุณก็มีลูกของท่านอยู่ในท้อง กลัวอะไร? แต่ถ้าสู้ไม่ไหว..ก็แท็กทีมกับยัยคุณหญิงสุดาสิ...ขานั้น...เค้าคิดเรื่องร้ายๆ ได้เก่งจะตาย ดีไม่ดี ตอนนี้อาจจะคิดแผนอะไรอยู่ก็ได้”
ภาพิศนิ่งคิด

มะยมกับนิคคุยหารือกัน ตั้งข้อสังเกตว่า หรือกรรณนรีจะไปคบกับอารักษ์จริงๆ มะยมบอกถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่ให้อภัยอีกเลย จ๋าออกมาเรียก

จ๋าแจ้งข่าวเรื่องที่คุณหญิงสุดาจะมา คุยเรื่องกรรณนรีกับสองคน มะยมและนิค

สรวงว่ายน้ำอารมณ์ไม่ดี กรรณรีเดินออกมาเห็นสรวงตกใจ หันหลังกลับ
สรวงเห็นหัวเราะ เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย้ย พูดออกมาอย่างน่าขัน
“อะไร เคยเห็นแต่พุงคนแก่ พอเห็นซิกซ์แพ็กคนหนุ่มเท่านั้น ใจสั่นเลยล่ะซี้
กรรรณรีแกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำเป็นใจกล้ามองดู “ไหนคะซิกซ์แพ็ก? เห็นแต่ซี่โครง”
สรวงชี้แผงอกตัวเอง “ไหนซี่โครง” คว้ามือกรรณนรีมาจับอกซ้ายตัวเองอย่างจงใจ “จับดูสิ...มีแต่หัวใจ...หัวใจที่ถูกเธอทำร้าย”
สองคนสบตากัน สรวงมองจ้องดวงหน้ากรรณนรีทั้งรักทั้งเกลียด กรรณนรีหลบตาซ่อนหน้า ด้วยความเสียใจ
“หลบตาทำไม? สบตาฉันสิเธอจะได้รู้...สิ่งที่เธอทำ มันเลวแค่ไหน
“ใช่...ฉันมันเลว...เลวเกินกว่าคุณจะมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน” สะบัดตัวออก แล้ววิ่งออกไป
“กรรณรีๆๆๆ” กรรณนรีไม่หยุด

ขณะที่กรรณนรีวิ่งเข้าไปในบ้าน ร้องไห้เสียใจ สรวงตะโกน กรรณนรีไม่เหลียวหลัง สรวงคิดแผนทันที ร้องเสียงดัง
“โอ๊ย!ช่วยด้วย...ฉันเป็นตะคริว ช่วยด้วย”
กรรณนรีพะว้าพะวัง ขณะที่สรวงชะเง้อมองลุ้นว่ากรรณนรีจะออกมาเปล่า?
สรวงตะโกนเหมือนเจ็บหนัก “ช่วยด้วยๆๆ ฉันเป็นตะคริว”
ที่สุดกรรรณรีก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว วิ่งออกมา ทันทีที่เห็นกรรณนรีโผล่มา สรวงรีบปล่อยตัวจมน้ำทันที
“คุณสรวง” กรรณนรีใจหายวาบ รีบกระโดดลงสระ ว่ายเข้าไปหาสุดแรง ลากสรวงที่ทำท่าจะหมดสติขึ้นมาตรงขอบสระอย่างทุลักทุเล

เวลาเดียวกันสุขหฤทัยอยู่ในห้องนอนที่บ้าน กดมือถือหาสรวง แต่มือถืออยู่ในห้องสรวง ไม่มีคนรับ
“อย่าบอกว่าสรวงหลงเสน่ห์นังนั่นนะ”
สุขหฤทัยบ่นอย่างกังวล พร้อมกับกดจิกอีก
ทว่ามือถือสรวงยังวางอยู่ในห้อง กรีดเสียงโดยไม่มีคนรับอยู่อย่างนั้น

สรวงแกล้งนอนหมดสติ กรรณนรีมองเป็นห่วง
“คุณสรวงๆ” กรรณนรีตบแก้มสรวงเบาๆ แต่สรวงไม่ฟื้น
กรรณนรีตัดสินใจก้มหน้าลงเพื่อจะผายปอดให้ สรวงแอบยิ้มถือโอกาสจูบกรรณนรีฟอดหนึ่งและกอดเอาไว้
กรรณนรีตกใจ “คุณหลอกกาว”
สรวงยิ้มตาหยี “ขอโทษ...แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้ว่า...เธอยังรักฉันอยู่ แต่ที่ฉันแปลกใจเธอรักฉัน แล้วเธอยอมเป็นผู้หญิงของพ่อ ถึงขนาดเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับฉันได้ยังไง” สรวงขยับตัวลุกขึ้นได้ ช้อนอุ้มกรรรนรีทันควัน
กรรณนรีร้องลั่น “ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
สรวงหรือจะยอมปล่อย

สรวงอุ้มกรรณนรีขึ้นชั้นบนบ้านเข้ามาในห้องกรรณนรี โยนลงบนเตียง จากนั้นก็โถมตัวเข้าหากอดจูบปลุกปล้ำ กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนไปมา ร้องเสียงดังอย่างไม่ยอม

“ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย”
“ไม่ปล่อย..อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเธอเป็นของฉัน แล้วเธอยังจะกล้าเสนอตัวให้พ่ออีกรึเปล่า”
สรวงก้มลงจูบ กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง

เวลานั้นภาพิศเดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ เห็นบ้านเงียบผิดปกติ
“บ้านเงียบจัง....ไปไหนกันหมด” ตะโกนเรียก “คุณสรวง...คุณหญิงพี่...คุณสรวง”
ทุกอย่างเงียบกริบ ภาพิศค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน

ส่วนในห้อง สรวงปลุกปล้ำกรรณนรี ในขณะที่กรรณนรีขัดขืนร้องบอกให้ปล่อยตลอดๆ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“ก็บอกแล้วไง อยากรู้...ถ้าเธอเป็นของฉัน เธอยังจะกล้าเสนอตัวให้พ่อฉันอีกรึเปล่า”
“เลิกดูถูกฉันได้แล้ว” กรรณนรีกัดหัวไหล่สรวงหมับเต็มเขี้ยว
สรวงเจ็บแปล๊บ ร้องสุดเสียง “โอ๊ยย...เธอนี่ท่าจะชอบความรุนแรง”
กรรณนรีตาวาว “ใช่! ฉันชอบความรุนแรง”
พลางกรรณนรีอ้าปากจะกัดสรวงอีก สรวงถือโอกาสนั้นก้มลงจูบประกบปากอิ่มสวยของกรรณนรีพอดี คราวนี้กรรณนรีทั้งดิ้นทั้งทุบ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ภาพิศได้ยินเหมือนเสียงร้องแว่วๆ จึงหยุดยืนเงี่ยหูฟัง
“ไม่ปล่อย” สรวงเสียงดัง
“ฉันบอกให้ปล่อย”
ภาพิศตาวาวได้ยิน ร้องตะโกนเรียกเสียงดัง “คุณสรวงๆๆๆ”

สรวงอยู่ด้านในได้ยินภาพิศ ขณะที่กรรณนรีตาโต สรวงชี้หน้าขู่
“อยู่เฉยๆ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันบอก...เธอเป็นลูกใคร”
สรวงคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับก่อนจะเดินออกไป
 
กรรณนรีมองตามตาคว่ำ กระโจนมาที่ประตูห้องล็อกทันที

ภาพิศเดินแกมวิ่งไปยังห้องที่ได้ยินเสียง เห็นสรวงเดินออกมาตรงระเบียง สภาพรุ่ยร่ายไม่เรียบร้อย มีเสื้อคลุมหลวมๆ ภาพิศรีบหันหลังให้

“ขอโทษค่ะ พอดีพี่โทร.ติดต่อใครไม่ได้ เลยมาที่นี่” แววตาสงสัย
สรวงกระชับเสื้อคลุม “คุณแม่ออกไปข้างนอกครับ...คุณภาพิศมีธุระอะไร”
“ก็เรื่องเดิม...” ภาพิศมองเข้าไปด้านใน “ว่าแต่...คุณสรวงอยู่คนเดียวเหรอคะ”
“ครับ”
ภาพิศมองอย่างคาใจ “พี่นึกว่ามีคนอยู่ด้วยซะอีก”
สรวงกลบเกลื่อน “อยู่คนเดียวครับ ดูละครอยู่”
“คุณสรวงดูละครด้วยเหรอคะ เรื่องอะไร น่าตื่นเต้นจัง มีเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยด้วย”
“ฟ้ามีตาครับ....ละครเค้ามีแง่คิดสอนใจ” สรวงว่า
“อ๋อ! พี่เคยดู...ทีแรกพี่ก็นึกว่าคุณหญิงพี่ร้องกรี๊ดๆ ตกใจหมดนึกว่ามีเรื่องอะไร” เห็นสรวงเงียบ ภาพิศจึงขอตัวกลับ “งั้นพี่ไม่กวนแล้ว กลับก่อนค่ะ”
ภาพิศเดินออกไปอย่างคลางแคลงใจ สรวงโล่งอก แต่หงุดหงิดเรื่องกรรณนรีขึ้นมาอีก

สรวงเดินกลับมาที่หน้าห้องกรรณนรี เอื้อมมือจับลูกบิดเปิดประตู แต่ห้องล็อก ส่วนด้านในกรรณนรียืนถือไม้กวาดตาเขียว
สรวงรู้ว่ากรรณนรีล็อกห้อง จึงตะโกนบอก “อยู่บ้านนี้ยังไงเธอก็หนีฉันไม่รอดหรอก กรรณนรี”
สรวงเดินหนีไปอย่างฉุนเฉียว กรรณนรีค้อน รู้สึกหนักใจขึ้นมา

ทางด้านสุดากำลังปั้นหน้าเศร้าโศก เสียใจเหลือเกินเดินเข้าในออฟฟิศสตาร์อินเทรนด์ เสียงโทรศัพท์ดัง สุดารับ
“ว่าไงคะคุณน้อง”
ภาพิศพูดสายตอนเดินออกนอกบ้าน “น้องกลัวจังค่ะว่านังเด็กนั่นจะใช้มารยาล่อลวงคุณสรวง”
“สรวงฉลาด ไม่มักง่ายเหมือนพ่อหรอกค่ะที่คว้าผู้หญิงไม่เลือก”
ภาพิศโกรธที่ถูกด่า “แต่น้องกลัวจังเลยค่ะว่าเชื้อพ่อจะแรง อะไรๆ มันอาจไม่เป็นอย่างที่
คุณหญิงพี่คิดก็ได้”
สุดาคำราม “ก็ก็ให้มันรู้ไป..ถ้านังเด็กนั่นมีข่าวฉาวโฉ่ ตาสรวงยังจะตาต่ำไปคว้ามาอีก”
“หมายความว่ายังไงคะ” ภาพิศสงสัย
“ตอนนี้พี่อยู่ที่หนังสือพิมพ์ สตาร์ อินเทรนด์” สุดาบอก

ภายในห้องสัมภาษณ์ บรรยากาศเศร้าสลดชวนหดหู่ สุดาบีบน้ำตาร้องไห้เสียใจเป็นวรรคเป็นเวร
“ก็เป็นอย่างที่พี่เล่านะคะ....แค่สามีพี่..หนูกาวไม่พอ...ตอนนี้ยังไปยุ่งกับตาสรวงลูกพี่อีก” บีบน้ำตา สะอึกสะอื้น “พี่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ถูกชาวบ้านเค้ามองว่าเป็นพวกวิปริต จิตวิปลาส พ่อลูกใช้ผู้หญิงคนเดียวกัน” ทำท่าขนลุกขนพอง “น่าขยะแขยงเหลือเกินค่ะ”
จ๋าถาม “สรุปว่าคุณหญิงจะให้ฉันลงข่าว”
“ก็มันสมควรมั้ยล่ะคะ? กรรณรีเป็นสื่อ แต่กลับทำเรื่องแบบนี้ซะเอง หรือพวกน้องๆ จะไม่ลง เพราะถือเป็นพวกเดียวกัน”
“สตาร์อินเทรนด์เป็นกลางค่ะ” จ๋าย้ำ
“งั้นน้องก็ต้องลง...เหมือนเมื่อครั้งที่พี่กับภาพิศมีเรื่องกัน”
สุดากราดมองสามคนตาดุ เอาเรื่อง

มะยม กับนิค เดินมาที่โต๊ะทำงานตัวเอง พร้อมจ๋า...มะยมถามขึ้นเสียงอ่อยๆ
“ตกลง..พี่จ๋า..จะเอายังไงคะ”
“อย่างที่บอก สตาร์อินเทรนด์เป็นกลาง ถึงกาวจะเป็นคนของเราก็เถอะ”
นิคถาม “แปลว่า...”
“ก็ต้องลง...มะยมเขียนข่าวนี้แล้วกัน” จ๋าพูดจบก็เดินกลับห้องตัวเอง
มะยมหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ นิคมองอย่างเห็นใจ

สุดาเดินมายังรถ มองเข้าไปที่สำนักงานสตาร์อินเทรนด์
“บังอาจมาขู่ฉัน ฉันก็จะใช้พวกของแกนี่แหละ ทำให้พ่อแกหัวใจวายตายนังกรรณนรี”
สุดาเดินขึ้นรถสบายใจเฉิบ

แฉล้มกับภาพิศเดินเข้าไปด้านในสปา ภาพิศเอ่ยขึ้น
“เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ คุณหญิงสุดา..บุกไปหาหนังสือพิมพ์”
แฉล้มยิ้ม ที่คาดเอาไว้ไม่ผิด “ขนาดคุณอยู่กับท่านมาเป็นสิบๆ ปี..นางยังไม่ยอม...อย่าหวังเลย เด็กใหม่ๆ หน้าใสๆ นางจะยอม....แต่นับว่านางกล้ามาก ที่ทำอย่างนั้น..ขนาดท่านอารักษ์ห้ามเอาไว้นะเนี่ย”
ภาพิศนิ่งนานเงียบงันไม่ตอบต่อใดๆ แต่ดวงตาครุ่นคิด แฉล้มทัก
“นี่คุณ..หลับรึไงคุณ”
“เปล่า...ฉันกำลังคิด...ถ้าคุณหญิงสุดาทำได้...ฉันก็ทำได้..และวิธีของฉันก็ต้องแนบเนียนกว่าด้วย”
ภาพิศอมยิ้ม ขณะที่แฉล้มมองอย่างไม่เข้าใจ

ภาพิศยิ้มพลางหันบอกพนักงานสปา
“ฉันจองคิวไว้นะคะ..วันที่10 ฉันจะมาใช้บริการ”
“ค่ะ” พนักงานบันทึกเอาไว้
ภาพิศเดินออกมา แฉล้มถาม อยากรู้เต็มทน
“จะทำอะไรคุณ?”
“เดี๋ยวก็รู้...” ภาพิศยิ้มร้าย
“นี่...จะทำอะไรคิดให้ดีคิดให้ถ้วนถี่นะ ยังไงคุณก็มีลูกในท้อง อีกอย่าง..ที่คุณหญิงสุดาคอยมาสุมไฟให้คุณ จะมีแผนอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“มีไม่มี...คนที่ต้องรับกรรมก็คือคุณหญิงสุดา และคนที่เจ็บก็คือนังเด็กนั่น”

ภาพิศยิ้มด้วยแววตาอาฆาตแค้น

สรวงนั่งอยู่ตรงห้องโถง กรรณนรีเดินผ่านมา สรวงผุดลุกขึ้น เดินเข้าหา กรรณนรีถอยหลังกรูด
“คุณจะทำอะไร”
“ปล้ำ” กระชากร่างกรรณนรีแกล้งทำหน้าหื่นใส่
“อย่านะ อย่า” กรรณนรีเอามือดันหน้าสรวงออก
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันปล้ำ เธอก็ออกไปจากที่นี่”
“คุณไม่มีเหตุผล”
“มีสิ” สรวงทำตากรุ้มกริ่ม เจ้าชู้ใส่ “เหตุผลที่จะปล้ำเธอไง”
พลางสรวงอ้าแขนออกทำท่าจะกอด กรรณนรีหลบรีบวิ่งหนีไปทันที สรวงมองตามอย่างข้องจิต
“ถ้าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับพ่อ เธอจะอยู่บ้านฉันทำไม”

เย็นนั้นกรรณนรีแวะมาหารือกับกาวินทร์ที่บ้าน กาวินทร์บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องออกมา อยู่ที่นั่นล่ะ”
“แต่คุณสรวง...เค้าบอกว่า...” กรรณนรี อาย เขิน ไม่กล้าพูดต่อ
กาวินทร์หัวเราะขำๆ “นี่..ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ห่วงไม่หวงกาวนะ...” เปลี่ยนเสียงพูดจริงจัง “แต่พี่มั่นใจ คุณสรวงเค้าเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทำอะไรกาว..หรือไม่จริง”
กรรณนรีใจสั่น หน้าร้อนผ่าว อบอุ่นหวามไหวอย่างประหลาด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กาวินทร์เห็นท่าทีของน้องสาวก็ยิ้มแซว
“เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่า..ที่ผ่านมา กาวกับคุณสรวง…”
กรรณนรีรีบบอกทันที “กาวไม่มีอะไรกับเค้านะ”
“นั่นไง..พี่ถึงบอกว่าคุณสรวงเป็นสุภาพบุรุษ...เพราะถ้าเป็นคนอื่น กาวไม่รอดหรอก เพราะฉะนั้นอยู่ที่นั่นให้คุณหญิงสุดาอกแตกตาย ไม่ต้องออกมา”
จังหวะนั้นเกริกเดินออกมา กรรณนรีหันไปเห็นรีบพูดกลบเกลื่อน
“กาวไปทำงานก่อนนะพี่แก้ว”
“เออ..พี่ก็มีประชุม ไปก่อนนะพ่อ”
สองพี่น้องรีบคว้ากระเป๋าออกไป เกริกมองตามทำท่างงๆ สองพี่น้องคุยกันเรื่องอะไร?

เกริกออกมาเดินยืนยืดเส้นยืนสายกับสองป้าตามทางในหมู่บ้าน ป้าตั๊กแตนเอ่ยขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เด็กหนุ่มเด็กสาวบางทีเค้าก็ไม่อยากคุยกันให้ผู้ใหญ่ได้ยิน”
“แต่ฉันเป็นพ่อนะ” เกริกท้วง
“แล้วไง” เกริกมองหน้า ป้าจักจั่นหัวเราะบอก “ฉันไม่ได้หาเรื่องพ่อเกริก ฉันแค่หมายความว่า....แก้วกับกาวเค้าอาจจะมีเรื่องส่วนตัวคุยกันก็ได้”
เกริกบ่นตามประสาพ่อ “ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ฉันถึงจะรู้ไม่ได้”
“ก็เรื่องที่เค้าไม่อยากให้รู้ไง..น่า...ปล่อยให้เค้ามีเวลาส่วนตัวกันบ้าง เรามาออกกำลังกายกัน” พลางป้าตั๊กแตนเริ่มขยับขาเต้นท่าฮิตโครตๆ กังนัมสไตล์
เกริกงง “ทำท่าอะไรน่ะป้า”
ป้าจักจั่นเย้า “พ่อเกริกนี่เชยจริงๆ”
สองป้าตะโกนเสียงดังเลียนแบบนักร้องแดนกิมจิต้นฉบับ
“กังนัมสไตล์”
สองป้าวาดลีลาเต้นกันอย่างสนุกเบิกบานแล้วจับเกริกขยับเต้นไปด้วย

คืนนั้น มะยมนั่งเจ่าจุกที่หน้าคอมพ์ เขียนข่าวรักสามเส้า กรรณนรี สรวง และอารักษ์ตามบทสัมภาษณ์ของคุณหญิงสุดาด้วยความทุกข์ใจ พิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบอยู่อย่างนั้น เครียดจนร้องสบถออกมา
“ปั๊ดโธ่เว้ย”
นิคเดินมาตบไหล่ “ฉันรู้ว่าแกลำบากใจ”
มะยมเสียงเครือสั่น อย่างเจ็บใจ “ต่อให้ฉันโกรธกาวยังไง แต่กาวมันก็เป็นเพื่อนฉัน” มองมือตัวเองที่แป้นพิมพ์ดีด “แล้วนี่ฉันต้องเขียนข่าวทำลายเพื่อนตัวเอง”
“แกทำตามหน้าที่
มะยมเสียงเครือกว่าเก่า “แต่หน้าที่ของฉัน ต้องทำลายเพื่อน ฉันทำไม่ได้นิค ทำไม่ได้จริงๆ”
มะยมซบหน้าลงโต๊ะร้องไห้อย่างสุดกลั้น นิคบีบไหล่ พูดปลอบ
“แกกลับไปพักก่อนไปมะยม...พรุ่งนี้อะไรๆ มันอาจมีการเปลี่ยนแปลง”

ขณะเดียวกันนพเดินวนเวียนหน้าออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ มองเข้าไปด้านใน เหมือนรอใครซักคน
มะยมเดินออกมาเห็น “อ้าว! คุณนพ มาทำอะไรคะ”
“พอดีผมมาธุระแถวนี้เลยแวะมา เป็นอะไรรึเปล่าครับ..ท่าทางคุณดูไม่ดีเลย”
“มีเรื่องไม่สบายใจน่ะค่ะ”
นพห่วงออกนอกหน้า “พรุ่งนี้ผมหยุด..ไปเดินเล่นด้วยกันมั้นครับ?เผื่อคุณจะสบายใจ”
มะยมยิ้มบางๆ พยักหน้าให้แทนคำตอบ แต่สีหน้าเครียดอยู่ดี

ที่สวนสวยในวันต่อมา สองคนเดินมาด้วยกัน ท่าทางมะยมเศร้าไม่หาย หน้าหมอง อมทุกข์ มีเรื่องกลุ้มใจ และเครียดหนักที่สุดเรื่องกรรณนรี นพบอกยิ้มๆ 

“ยิ้มหน่อยน่าคุณมะยม...จะแบกโลกทั้งใบไว้ทำไม” นพยิ้มกว้าง
“จริงด้วย...จะแบกโลกทั้งใบไว้ทำไม” มะยมยิ้มตาม “ขอบคุณมากค่ะคุณนพที่อยู่เป็นเพื่อนมะยมตลอด”
“ผมอยากเห็นมะยมยิ้ม”
มะยมยิ้มแต่แบบยิ้มเจื่อนๆ จืดๆ นพบอก
“ไม่เอา..ไม่อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้ มะยมต้องยิ้มกว้างๆ”
นพมองมา มะยมมองตอบ ก่อนจะยิ้มออกมา นพบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
นพเล่นกีตาร์ ร้องเพลงให้ฟัง มะยมยิ้ม มองนพรู้สึกดีมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

มะยมกับนพเดินเล่นไปด้วยกัน เหมือนหนุ่มสาวเริ่มจีบกัน บางจังหวะหยอกล้อ หัวเราะอย่างมีความสุข ความสัมพันธ์สองคนเริ่มงอกงามและพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โปรดติดตาม "ไฟมาร" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น