xs
xsm
sm
md
lg

พริกกับเกลือ ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พริกกับเกลือ ตอนที่ 11
 
ศยาม และศุวิมลเปิดประตูเข้ามา โดยที่มารศรีที่แสร้งทำเป็นตกใจเป็นคนเปิดประตูให้ ศยามเห็นเศกนอนหมดสติอยู่บนพื้น กับข้าวของเกลื่อนกระจายแล้วตกใจ
 
“คุณพ่อ!”
ศยามและศุวิมลปราดเข้าไปหาเศก มารศรีมองอย่างสาสมใจ ก่อนจะรีบบีบน้ำตา เข้าไปประคองเศก
“ช่วยคุณเศกด้วย ช่วยด้วยค่ะ”
ศยามสาละวนประคองเศกลุกขึ้นทันที โดยมีศุวิมลช่วย มารศรีแกล้งเข้าไปช่วย ให้ดิ่งเห็นว่าเธอเป็นห่วงเศกจริงๆ

เช้าวันใหมา...เจตนาเล่าเรื่องเศกให้รัตนาฟัง
“นายเศกเข้าโรงพยาบาลอาการโคม่า เมื่อคืน”
รัตนาหน้าเสีย รู้สึกเห็นใจ
“เพราะอะไรคะ”
“หัวใจล้มเหลว แล้วก็เส้นเลือดในสมองตีบ”
“ตายจริง”
“เธอว่า ฉันไปเยี่ยมนายเศกดีมั้ย”
“ไม่มีอะไรไม่ดีหรอกค่ะ ในเมื่อท่านไปด้วยมิตรภาพ”
“เขาจะคิดอย่างนั้นหรือเปล่า”
“เขาจะคิดยังไงไม่สำคัญ เท่ากับที่เราคิดหรอกค่ะ”
เจตนามองรัตนาอย่างพึงพอใจ แอบมีแววตาลึกซึ้งฉายชัดออกมา รัตนาอึ้ง หลบตาวูบ แกล้งทำอย่างอื่นทันที
“นี่ค่ะ ตารางงานของวันนี้ ดิฉันขอตัวไปดูคุณจี๊ดก่อนนะคะ”
รัตนารีบเกินไป จนเดินสะดุดขาตัวเอง เซ เจตนารับตัวของรัตนาเอาไว้
“ระวัง คุณ...”
รัตนาสบตาเจตนาอีก เห็นความห่วงใยที่ชัดเจน ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์ จิตรวรรณเดินเข้ามาเห็นเข้าพอดี จิตรวรรณตกใจ รีบหลบ รัตนารู้สึกตัว รีบทรงตัว ถอยห่างจากเจตนา
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันซุ่มซ่ามจริงๆ ขอตัวนะคะ”
รัตนารีบเดินออกไป โดยที่รัตนาไม่เห็นจิตรวรรณ เจตนามองตามรัตนา รู้สึกเป็นห่วง จิตรวรรณแอบมองพ่อ...หวั่นใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเจตนากับรัตนา

รัตนาเดินเข้ามาในห้องทำงาน รู้สึกโล่งใจ ที่หลุดมาจากภาวะความอึดอัด จิตรวรรณเข้ามา หน้าเข้ม
“คุณพ่อหาเลขาคนใหม่ได้แล้ว ทำไมไม่ปล่อยให้เขาทำงาน เธอยังไปวนเวียนอีกทำไม”
รัตนาสะดุ้ง รู้ได้ทันทีว่าจิตรวรรณไม่ไว้ใจ
“วันนี้เลขาท่าน ลาป่วยค่ะ ดิฉันเลยต้องที่หน้าแทนชั่วคราว”
จิตรวรรณเพ่งมองรัตนา อ่านความรู้สึก เห็นเพียงใบหน้าที่จริงใจ รัตนารู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
“ทำไมหน้าซีด”
“เหรอคะ”
“นอนน้อยหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“พักมากๆหน่อย เธอไม่สบาย ใครจะช่วยงานฉัน เครียดอะไรนักหนา”
จิตรวรรณเดินไปเปิดแฟ้มเอกสารที่โต๊ะ ไม่รู้ไม่ชี้อีกต่อไป รัตนายิ้มๆ รู้สึกดีที่จิตรวรรณเป็นห่วง ในแบบของเธอ ไปทำงานของตัวเองต่อ โดยไม่รู้ว่าจิตรวรรณเหลือบดูอย่างเป็นห่วง...และกังวล

ศุวิมลที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว กำลังจะออกไป ศยามเดินออกมาจากห้อง
“วันนี้มีสอนเช้าเหรอศุ”
“ใครจะมีจิตใจไปทำงานได้คะ คุณพ่ออาการหนักขนาดนี้ ศุจะไปอยู่กับคุณพ่อ”
ศุวิมลน้ำตาไหลด้วยความสงสารเศก ศยามโอบศุวิมลเข้ามาปลอบ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรเหรอคะ ลุงหมอบอกว่า คุณพ่ออาจจะเป็นอัมพาต”
“แต่ก็อาจจะไม่เป็น คุณพ่อต้องหาย”
ศยามจำใจปลอบ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเศกจะหาย ศยามพยายามเข้มแข็ง
“ไปทำงานเถอะไป”
“แต่...”
“ศุไป ก็ทำอะไรไม่ได้ ลุงหมอห้ามเยี่ยมเด็ดขาด ไม่เห็นเหรอ ลูกศิษย์ต้องการศุนะ คนดูแลคุณพ่อท่านมีอยู่แล้ว”
“ยัยมารศรีน่ะเหรอ ศุไม่ไว้ใจ”
“อย่างอแงสิ ศุไปไปทำหน้าที่ของศุ ส่วนทางนี้พี่ดูแลเอง ไม่ต้องห่วง”
ศุวิมลมองหน้าศยาม ก่อนจะยอมแต่โดยดี เดินออกไป ศยามโล่งอกที่ศุวิมลเชื่อฟัง

ศยามเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร แม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเช้า
“ใครสั่งให้เตรียมอาหารเช้า”
ศยามถามอย่างแปลกใจ มารศรีเดินเข้ามา หน้าตาสวย ชุดสวย
“ฉันเองค่ะ”
ศยามชะงัก มารศรียิ้มให้ศยามอย่างเชิญชวน ก่อนจะหันไปสั่งแม่บ้าน
“ไปเตรียมของให้ฉันไปเฝ้าไข้คุณเศก ทางนี้ ฉันจัดการเอง”
“ค่ะ”
แม่บ้านเดินออกไป มารศรีเดินมาพาศยามไปนั่งที่โต๊ะ เอาใจ ดูแล เหมือนทุกอย่างป็นปกติ
“นั่งก่อนนะคะ ทานอะไรก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปโรงพยาบาลพร้อมกัน”
ศยามหน้าเครียด ไม่ไว้ใจมารศรี
“ตัวแข็งเชียว ไม่เอาน่า ทำตัวสบายๆเถอะ กลัวเหรอ”
“เปล่า”
“อย่ากลัวเลย ฉันไม่เคยคิดร้ายกับคุณ ฉันดีใจมากที่รู้ว่าคุณยังมีชีวิต มันทำให้ฉันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง รู้มั้ยคะดิ่ง”
มารศรีบรรจงรินกาแฟให้ศยามอย่างเอาใจและมีความสุข ศยามนั่งนิ่ง มองการกระทำของเธออย่างสังเกต

เจตนาชื่นชมจิตรวรรณหลังจากตรวจงาน
“เก่งมากลูก ผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ แต่ทำฝรั่งยักษ์ใหญ่ของวงการรถสวีเดนยอมรับ ให้เราเป็นดีลเลอร์รายเดียวของเขาที่เมืองไทย”
จิตรวรรณปลื้มมาก ดีใจที่พ่อชม
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
จิตรวรรณหันไปมองรัตนาที่ยิ้มให้อย่างยินดี ทำให้เธอฉีกยิ้มกว้างไปด้วย...
“แต่...”
“อ้าว ทำไมต้องมีแต่ด้วยล่ะคะ จี๊ดเห็นทุกอย่างก็โอเคเพอร์เฟ็กต์ มีอะไรผิดพลาดตรงไหนคะคุณพ่อ”
“พ่ออยากให้ลูกสัญญาบางอย่างกับพ่อได้มั้ย”
“ได้เสมอค่ะ จะหลายอย่างก็ได้ จี๊ดไม่เกี่ยง ถ้าทำให้คุณพ่อสบายใจ”
“จำไว้นะ อย่าเหลิงกับความสำเร็จในวันนี้ เพราะพรุ่งนี้ สิ่งที่เราคิดว่าโอเค เพอร์เฟ็กต์อาจจะกลายเป็นปัญหา”
“แล้วจี๊ดต้องยังไงคะ”
“อย่าประมาท ท่องไว้”
จิตรวรรณอึ้ง หน้าจ๋อย รัตนารีบให้กำลังใจ
“คุณจี๊ดคะ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจนะคะ ท่านพูดในฐานะที่ท่านมีประสบการณ์อยู่ในวงการนี้มานาน”
“เกมธุรกิจมันพลิกผันได้ตลอดเวลานะลูก จี๊ดต้องฝึกตัวเองให้รับมือกับสิ่งเหล่านี้ให้ได้ นั่นแหละ จี๊ดจึงจะประสบความสำเร็จ”
“ค่ะคุณพ่อ จี๊ดสัญญา จี๊ดจะทำให้คุณพ่อเห็นความสำเร็จของจี๊ด”
เจตนายิ้มให้กำลังใจ จิตรวรรณหันไปสั่งรัตนา
“สั่งประชุมฝ่ายการตลาดให้ฉันหน่อยนะ บ่ายนี้เลย”
“ค่ะ”
รัตนารีบออกไป จิตรวรรณบอกกับเจตนา
“จี๊ดมีเรืองจะต้องคุยกับคุณพ่อค่ะ”
เจตนาแปลกใจ

ศยามยังนั่งมองอาหารเช้าและกาแฟในถ้วย ไม่แตะ มารศรียังรับประทานอาหารเช้าอยู่อย่างสบายใจ ไม่สนใจสายตาของศยามที่มองมา มารศรียกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม
“ค่อยรู้สึกดีหน่อย ทำไมไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”
“ผมไม่หิว”
“เป็นห่วงคุณพ่อ”
“ใช่ ไม่มีใครกินอะไรลง ยกเว้นคุณ”
“ฉันคือภรรยาคุณเศก ฉันมีหน้าที่ต้องดูแลเขา ซึ่งไม่รู้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหน ฉันต้องทานค่ะ เพื่อความพร้อมของตัวเอง ทำไมอคติกับฉันจัง”
ศยามอึ้ง คลายยิ้ม มีแผนในใจ ทำให้มารศรีตายใจ
“ผมขอโทษ ผมอาจจะรู้สึกเครียดมากเกินไป”
มารศรีเอื้อมมือมาแตะมือศยามอย่างแผ่วเบา
“อย่าเครียดสิคะ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เราต้องช่วยกัน ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ทอดทิ้งไปไหน ฉันสัญญา”
ศยามอึ้ง ค่อยๆชักมือกลับ...
“ขอบคุณ ที่รู้หน้าที่ของตัวเอง ผมก็จะทำหน้าที่ของผมเหมือนกัน ขอตัว...”
ศยามลุกขึ้น มารศรีมองตามศยาม อย่างมีความสุข
“ฉันจะไม่ยอมให้คุณทิ้งฉันไปไหนอีกแล้วเหมือนกัน ฉันลงทุนกับคุณมามากแล้ว”
มารศรีมุ่งมั่นกับสิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคต

เจนนานั่งคุยอยู่กับจิตรวรรณ เขาถามอย่างอารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด
“ทำไมถามพ่อแบบนี้”
“ในเมื่อจี๊ดอยากรู้คำตอบ จี๊ดก็ต้องถาม คุณพ่อก็ควรจะตอบตามความเป็นจริง”
เจตนาอึ้ง
“คุณพ่อคิดยังไงกับรัตนากันแน่”
“พ่อไม่ได้คิดอะไร ทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม”
“แน่ใจเหรอคะ”
“แน่ใจเหรอ? แกหมายความว่ายังไง”
“แต่จี๊ดเห็นสายตาที่คุณพ่อมองรัตนา มันไม่เหมือนเดิมค่ะ”
เจตนาอึ้ง
“จี๊ดเข้าใจค่ะ ว่าความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ และจี๊ดก็รู้แล้วว่า รัตนาเป็นคนน่ารักและเป็นคนดี ใครได้อยู่ใกล้ ย่อมเกิดความรู้สึกที่ดีด้วยได้ไม่ยาก”
เจตนาอึ้ง ไม่ตอบรับ ไม่แสดงออก หากแต่กดดันอยู่ลึกๆ
“แต่ความรู้สึกบางอย่าง เกิดขึ้นได้ แต่เราจะปล่อยให้มันเติบโตต่อไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณพ่อ”
เจตนาหันมามองจิตรวรรณอย่างเจ็บปวด
“ทำไมล่ะ”
“ความจริงกับความฝัน มันอยู่กันคนฝั่งค่ะ”
จิตรวรรณลุกขึ้น เจ็บปวด เพราะเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องของตัวเองเหมือนกัน เจตนาอึ้ง ลงนั่ง...สับสน

จิตรวรรณเดินน้ำตาคลอมาอย่างเร่งรีบ โดยไม่ทันดูทาง แล้วชนเข้ากับร่างของคนๆหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้น แล้วก็ตกใจ เพราะเป็นศยาม ในชุดทำงานดูดี ยืนอยู่ มองมาที่จิตรวรรณด้วยความดีใจ เธอเผลอดีใจที่ได้เจอหน้าเขา
“นายดิ่ง...”
แต่แล้วศยามก็ทำเมินเฉย
“ผมมาพบคุณเจตนา”
จิตรวรรณอึ้ง เปลี่ยนท่าทีเป็นเย็นชาและถือดีขึ้นมาทันที
“กล้ามากนะคะ ที่มาเหยียบที่นี่ มีธุระอะไรไม่ทราบคะ คุณศยาม”
“ผมมีธุระกับคุณเจตนา”
จิตรวรรณไม่พอใจ
“คุณพ่อไม่อยู่! และคิดว่าท่านคงไม่อยากพบคุณเหมือนกัน”
เจตนาเข้ามา เห็นศยาม แปลกใจมาก
“มาพบฉันเหรอ ดิ่ง เชิญสิ”
จิตรวรรณอึ้ง ศยามยิ้มเย้ยให้...
“ทีหลัง อย่าคิดแทนคนอื่น เพราะมันไม่ถูกต้องเสมอไปหรอก”
จิตรวรรณมองศยามอย่างไม่พอใจ ท้าทาย
“ฉันคิดแทนพ่อฉัน เพราะฉันต้องการปกป้องท่าน จากคนปลิ้นปล้อน เชื่อไม่ได้อย่างนาย”
ศยามนึกเสียใจที่จิตรวรรณมองในแง่ร้าย แต่ก็ฝืนยิ้ม
“อย่าตัดสินผม”
แล้วศยามก็เดินไปยกมือไหว้สวัสดีเจตนา จิตรวรรณหงุดหงิดจะเดินไป เจตนาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนจี๊ด”
“คะ”
“บอกแม่บ้านให้ช่วยหาเครื่องดื่มมาให้นายดิ่งด้วยนะ”
“ไม่บอกค่ะ เพราะไม่ให้กิน...เปลือง!”
จิตรวรรณกระแทกกระทั้นออกไปทันที ศยามมองตาจิตรวรรณยิ้มๆ
“ยังเหมือนเดิม...อย่าไปถือสาเลยนะ”
“ผมเข้าใจเธอดีครับ”
“แต่ฉันไม่เข้าใจเธอเลย ดิ่ง”
ศยามอึ้ง

มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์...เจ๊ยุพาแอบนินทากับพนักงาน
“อู๊ย เจ๊ล่ะไม่อยากจะเม้า”
พนักงานทั้งหมดมองหน้ากัน แล้วจะพากันไปทำงานต่อ
“แต่เม้าดีกว่า...เพราะเรื่องนี้เด็ดมาก”
“เด็ดยังไงล่ะเจ๊”
“คุณดิ่งแห่งลักชัวรี่คาร์มาหาคุณจี๊ดน่ะสิ”
“หา!”
พนักงานร้องอกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
“ไม่ต้องไปหา อยู่ในห้องคุณจี๊ด คุยกันกระหนุงกระหนิง มีความสุข นี่ถ้าสองบริษัทยักษ์ใหญ่ได้รวมตัวกัน สงสัย...”
รัตนาทีมาทันได้ยินถามทันที...
“สงสัยอะไรคะ เจ๊ยุพา”
“ก็สงสัยว่า...ว้าย”
เจ๊ยุพาหันไปเห็นรัตนามายืนหน้าดุอยู่
“ฉันถามว่าสงสัยอะไร”
“ลืมไปแล้ว”
“งั้นก็อย่าลืมว่าตอนนี้เวลาทำงาน ไม่ใช่เวลาเม้าเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย”
ยุพาหน้าเสีย ชักสีหน้าไม่พอใจ รัตนาหันไปบอกพนักงาน
“บ่ายนี้คุณจี๊ดนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด”
ยุพาหัวเราะเย้ยพนักงาน
“ฮ่ะๆๆๆ งานหนักหน่อยนะจ๊ะ คุณจี๊ดกำลังไฟแรงก็เงี้ย”
รัตนาหันมาพูดเรียบๆ
“แต่ฉันจะเสนอคุณจี๊ดใหม่ว่า ฝ่ายขายก็ควรจะเข้าร่วมด้วย”
“หา”
“ตามนี้นะคะ”
รัตนาเดินออกไป ยุพาไม่สบอารมณ์
“หมั่นไส้ พอได้เป็นผู้ช่วยคุณจี๊ดเข้าหน่อย ก็ชูคอ ผยองพองขน ฉันก็คนสนิทคุณจี๊ดคนหนึ่งนะยะ...เจ๊ไม่อยากจะเม้าเลยจริงๆ ยัยเนี่ยน่ะ...”
ยุพาหันกลับมา ไม่เห็นใครแล้ว ทุกคนสลายตัวไปทำงานกันหมด
“ว้าย!! ไปเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก”
ยุพาอารมณ์เสียเดินออกไป
เมื่อเข้าไปนั่งคุยในห้องทำงาน ศยามยื่นเช็คให้เจตนา
“อะไร”
“ค่าเสียหาย ที่ผมเคยทำรถของท่านพังครับ”
“เธอไม่ได้ทำมันพัง มันเกิดจาดอุบัติเหตุที่เธอไม่ได้ตั้งใจ”
“แต่เป็นความเลินเล่อของผม”
“แล้วถ้าเธอไม่ใช่คุณศยาม ทายาทของนายเศก เธอจะชดใช้ฉันยังไง”
ศยามอึ้ง
“ฉันไม่รับ”
“ผม...เอ่อ...ครับ...ขอบพระคุณมากครับ”
ศยามยกมือไหว้
“แน่ใจเหรอ ว่ามาเพราะเรื่องนี้ ไม่ได้อยากมาหายัยจี๊ด”
ศยามอึ้ง อาย แต่พยายามปกปิด

จิตรวรรณเดินไปเดินมาดื่มกาแฟอยู่ พล่านเรื่องที่ศยามมา แม่บ้านกำลังเตรียมเครื่องดื่ม
“เตรียมให้ใคร”
“แขกท่านประธานค่ะ”
“ไม่ต้องเอาไป”
“แต่...”
“ฉันสั่ง ว่าไม่ต้องไง”
“ค่ะ”แม่บ้านกลัวๆ
“ไปได้แล้ว”
แม่บ้านรีบออกไป จิตรวรรณมองถ้วยกาแฟ คิดทำอะไรบางอย่าง

ยุพาเดินหงุดหงิดมา ทันใดนั้นก็เจอเทวัญยืนขวางหน้า หน้าเข้ม
“ว้าย คุณเทวัญ!”
เทวัญมองมาที่ยุพา เต็มไปด้วยคำถาม
“เธอเห็นเหรอว่าไอ้ดิ่งมันมาหาน้องจี๊ด”
“เอ่อ...”
ยุพาหน้าซีด ถอยกรูด

เจตนาจ้องหน้าศยาม ที่นั่งนิ่ง
“ว่าไง...”
“ผมไม่ได้มาแค่เรื่องเช็ค ผมจะมาเรียนท่านเรื่องคุณพ่อด้วยครับ”
“ปากแข็ง...แล้วพ่อเธอเป็นยังไงบ้าง”
“ท่าน...เป็นอัมพาตแล้วครับ”
“อะไรนะ”
“คุณลุงหมอเพิ่งบอกผมเมื่อเช้า ตอนนี้ผมเลยต้องเข้ามาดูแลธุรกิจแทนท่านอย่างเต็มตัว”
“ฉันเสียใจด้วย”
“ขอบพระคุณครับ”
“แล้วไม่กลัวพ่อเธอจะไม่พอใจหรือไง ที่มาคุยกับฉันแบบนี้”
“ไม่กลัวครับ ผมตั้งใจจะทำธุรกิจโดยการสร้างพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรูหรือคู่แข่ง นี่จะเป็นโอกาสให้ผมได้พิสูจน์กับท่านว่า...ผมคิดไม่ผิด”
เจตนามองศยามอย่างพึงพอใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
จิตรวรรณถือถ้วยกาแฟเข้ามา ทั้งศยามและเจตนาแปลกใจ จิตรวรรณเดินมาวางถ้วยกาแฟบนโต๊ะตรงหน้าศยาม ยิ้มกว้างมากว่าที่ควรจะเป็น จนศยามรู้สึกสยองและได้กลิ่นความผิดปกติ
“กาแฟค่ะ คุณศยาม”
“จี๊ด...พ่อว่า...จี๊ด...”
ยังไม่ทันที่เจตนาจะพูดจบ จิตรวรรณก็แกล้งเขี่ยถ้วยถาแฟ หกใส่ศยามทันที
“ว้าย..ขอโทษด้วยค่ะ...”
เจตนาส่ายหน้า
“น่านไง....เฮ้อ...”
ศยามมองจิตรวรรณ ตาเขียวปั๊ด จิตรวรรณไม่รู้ไม่ชี้...
“ไม่ได้ตั้งใจอ่ะค่ะ แต่จงใจ ไม่มีกาแฟให้ทานแล้ว กลับได้แล้วนะคะ เชิญ!”
จิตรวรรณผายมือให้ศยาม มองศยามอย่างท้าทาย
“จี๊ด” เจตนาพยายามปราม
“จี๊ด...”
จิตรวรรณไม่สนใจพ่อ ยังตั้งหน้าตั้งตาไล่ศยาม
“เชิญ”
“ได้...”
ศยามหันไปลาเจตนา
“ผมลาล่ะครับ...”
แล้วหันมาสั่งจี๊ด
“แต่จะไม่ไป ถ้าคุณไม่ไปส่ง”
“นี่!”
ศยามหันไปถามเจตนา
“หลังจากที่เสียมารยาทกับผมไปแล้ว คุณจี๊ดควรจะแก้ตัวด้วยการเดินไปส่งผม ใช่มั้ยครับท่าน”
“ใช่...เชิญ...”
จิตรวรรณอึ้ง...ไม่พอใจที่เจตนาเข้าข้างศยาม..จำใจ
“เชิญ...”
จิตรวรรณกระแทกเท้าเดินนำศยามออกไป ศยามเดินตามไปยิ้มๆ เจตนามองตามศยามกับจิตรวรรณ เผลอยิ้มอย่างพอใจ
จิตรวรรณเดินนำศยามมาตามทางเดิน ศยามรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินเคียงคู่
“ออกไปเดินห่างๆ”
“ทางมันแคบ”
จิตรวรรณแยกตัวไปเดินห่างๆเอง แต่เขากลับดึงตัวเธอเข้ามาประชิด
“เอ๊ะ นายดิ่ง”
“ผมกลัวคุณจะไปชนเสานั่น”
ศยามชี้ไปข้างหน้า เสาขวางทางจิตรวรรณอยู่
“คิดว่าผมอยากจะแตะเนื้อต้องตัวคุณมากนักหรือไง”
จิตรวรรณมองศยาม ท้าทาย
“หรือไม่อยาก”
ศยามอึ้ง หน้าแดง
“ว่าไง”
ศยามรีบปล่อยตัว
“ผู้หญิงอะไร หน้าไม่อาย”
“ฉันไม่อาย เพราะไม่งั้น ฉันก็อด”
“อดอะไร”
“อดรู้ความจริงที่อยู่ในใจของนาย”
“ความจริงในใจของผมเหรอ อยากรู้มากนักใช่มั้ย”
ศยามก้าวเข้าหาจิตรวรรณที่ถอยกรูด
“อย่าทำอะไรบ้าๆที่นี่นะ”
“ก็คุณอยากรู้ ผมก็จะให้ดู อย่าหนีสิ”
ทันใด มารศรีเข้ามาควงแขนศยามทันที
“ทำอะไรกันคะ คุณจี๊ด...ดิ่ง”
จิตรวรรณไม่พอใจ
“ฉันทำอะไร ไม่น่าสนใจเท่ากับที่ว่า แม่เลี้ยงทำแบบนั้นกับลูกเลี้ยงได้ยังไง ไม่อายฟ้าอายดิน”

มารศรีไม่พอใจ จิตรวรรณไม่สะทกสะท้าน ขณะที่ศยามอึดอัด
 
อ่านต่อหน้า 2



พริกกับเกลือ ตอนที่ 11 (ต่อ)
 

มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์... เทวัญตาวาว ในขณะที่ยุพาจ๋อยๆอยู่ข้างๆ
 
“คุณดิ่งเขามาหาท่านประธานค่ะ คุณจี๊ดแค่ไปเจอโดยบังเอิญ ไม่ได้อะไรๆกัน อย่างที่เม้าเลยนะคะ ถึงจะอยากให้อะไรๆกันจริงๆก็เหอะ”
เทวัญ หันมองยุพาขวับ ไม่พอใจมาก
“ขอโทษค่ะ คิดดังไปหน่อย”
“ชอบมันกันมากนักใช่มั้ย”
“ไม่ค่ะไม่ชอบ เจ๊ชอบคุณเทวัญ เชียร์สุดตัวเสมอๆ”
“งั้นก็ต้องช่วยผม...ไม่งั้น เจ๊เดือดร้อนแน่”
“ว๊าย...”
ยุพาหน้าเสีย เทวัญแค้นใจศยาม

จิตรวรรณและมารศรีมองกันอย่างท้าทาย
“ฉันมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของดิ่ง ถือว่าเป็นคนในเครือญาติที่มีความสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง...ไม่น่าเกลียดขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่คุณจี๊ดไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดิ่ง เดือดร้อนทำไมคะ”
“ฉันไม่ได้เดือดร้อน” จิตรวรรณโต้
“แต่ดูเนื้อเต้นนะคะ น่าแปลก ตัวเองก็มีคู่หมั้น กำลังจะแต่งงานกันด้วย แต่กลับมาวุ่นวายกับผู้ชายคนอื่น”
จิตรวรรณโมโห จะโต้ ศยามตัดบท
“พอเถอะ มารศรี”
“พอก็ได้ค่ะ เห็นแก่ดิ่งนะคะ”
จิตรวรรณไม่ยอม
“แต่ฉันไม่พอ! พูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่า...มาอ่อยผู้ชายคนอื่นได้ยังไง ทั้งๆที่มีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตน”
“มารศรี” ศนามปราม
จิตรวรรณโมโหมาก จนอยู่ไม่สุข
“ทำได้แค่นี้เหรอ นายดิ่ง! ห้ามยัยแม่เลี้ยงปากสกปรก ของนายได้แค่นี้ใช่มั้ย”
“คุณด้วย พอได้แล้ว! มายุ่งวุ่นวายกับผมอยู่ได้”
จิตรวรรณอึ้งเหมือนถูกตบหน้า มารศรีเองก็อึ้ง ที่เห็นศยามเย็นชาใส่จิตรวรรณ แต่ก็พอใจ
“ผมไม่ได้พิศวาสคุณสักนิดเลยนะ ไม่ต้องมาแสดงกริยาแบบนั้นกับผมอีก”
จิตรวรรณ ตบหน้าศยาม มารศรีตกใจ
“คุณจี๊ด!”
“ฉันแน่ใจแล้วล่ะ ว่าฉันควรจะคิดยังไงกับนายกันแน่ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
จิตรวรรณเดินออกไป ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งอาย ศยามวูบไหว เสียใจ แต่พยายามกลบเกลื่อน
“ไปหาคุณพ่อกันเถอะ”
“ไปสิคะ ศรีมารับคุณตรงเวลานะ”
“ขอบคุณที่ไม่ต้องให้ผมรอนาน”
“ขอแค่ดิ่งขอมา ศรีทำให้คุณได้ทุกอย่างค่ะ”
มารศรีควงศยามเดินออกไป จิตรวรรณที่มุมหนึ่ง ยืนหลบอยู่ น้ำตาไหลพราก
“ฉันเกลียดนาย เกลียดๆๆๆๆ”
ยอดชายเดินผ่านมาเห็นศยามและมารศรีควงแขนออกไปคู่กัน ยอดชายแปลกใจ และคิดถึงจิตรวรรณ
“คุณดิ่ง...จี๊ด...”
ยอดชายรีบเดินไปหาจิตรวรรณ ที่ห้องทำงาน
“จี๊ด...”
“มีอะไร”
หญิงสาวหน้าตึง
“คุณดิ่ง...”
“อย่าพูดชื่อผู้ชายคนนี้ ให้ฉันได้ยินอีก”
“จี๊ด...ทะเลาะอะไรกับ...เขา”
“แล้วก็ไม่ต้องลากฉันเข้าไปคุยเรื่องของผู้ชายคนนั้นด้วย”
“เป็นอะไร”
“เป็นคนที่ถูกหักหลัง และต่อไปนี้ สำหรับฉัน นายคนนั้นเป็นศัตรูที่ฉันต้องกำจัด”
ยอดชายตกใจ พยายามไกล่เกลี่ย
“จี๊ด....คุณดิ่งไม่ใช่ศัตรูที่จี๊ดต้องระแวง”
“แล้วใครที่ฉันต้องระแวง พี่เทวัญน่ะเหรอ”
“ใช่”
“แต่ฉันไม่มีทางเชื่อใครอีกแล้ว นอกจากตัวเองเท่านั้น”
“แต่...”
จิตรวรรณตัดบท
“จบ”
จิตรวรรณเดินหนียอดชายเข้าไปทันที ยอดชายกลุ้มใจ ตะโกนไล่หลัง
“กลับไปงี่เง่าเหมือนเดิมแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่ชีวิตจะมีความสุข”
ยอดชายเซ็ง จะเดินออก จิตรวรรณเดินกลับเข้ามาใหม่เอาเรื่อง ยอดชายสะดุ้ง
“แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งว่าฉันจะมีความสุขหรือความทุกข์ เพราะไม่ใช่เรื่องของใคร! จบ!”
“ผมน่ะจบ แต่จี๊ดสิ ไม่จบ!”
“ฉันจบแน่ คอยดู”
จิตรวรรณเดินออกไป ยอดชายมองตามรู้ทัน
“ไม่มีทางหรอกจี๊ด คนที่เป็นแบบนี้ เพราะไม่อยากจะจบต่างหาก ผมรู้ดี”
ยอดชายยิ้มเศร้า

ที่ร้านอาหารหรู ศยามเลื่อนเก้าอี้ให้มารศรีลงนั่งที่โต๊ะอาหาร
“ขอบคุณค่ะ”
“เป็นมารยาท”
มารศรีอึ้ง ที่ศยามตอบไม่รักษาน้ำใจแต่เฉยเสีย ศยามเดินอ้อมไปนั่งตรงข้ามกับ
“แปลกใจจัง...ที่คุณยอมมาทานกลางวันกับศรี ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอยากไปโรงพยาบาลหาคุณพ่อ”
“คุณพ่ออยู่ในมือหมอแล้ว ผมไม่ต้องร้อนใจ แต่ถ้าต้องอยู่ในมือคนอื่นนี่สิ ผมไม่ไว้ใจ”
“หมายถึงศรีใช่มั้ยคะ”
“ผมไว้ใจคุณได้หรือเปล่าล่ะ”
“ศรีรู้ ว่าคุณยังไม่หายโกรธเรื่องของเรา”
“ผมลืมไปแล้ว”
“ลืม..แต่เย็นชากับศรี”
“ไม่มีความเจ็บปวดใดที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ผมขอถามอะไรหน่อยนะ ตอนนี้ คุณรู้สึกยังไงกับพ่อผม”
“เคารพ เทิดทูนและจะต้องทุ่มเทดูแลท่านให้ดีที่สุด จนกว่าชีวิตของศรีจะหาไม่”
“ทั้งๆที่คุณบอกว่าท่านข่มขืนคุณ”
มารศรียิ้มกลบเกลื่อน
“ค่ะ ทั้งๆที่ท่านทำร้ายฉัน...แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าท่านทำไปด้วยความรัก ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ไม่เหมือนความรักของคุณ ที่หมดอายุขัยในเวลาแค่ไม่นาน”
“ผมผิด”
“ไม่ค่ะ ศรีผิดเอง พอใจหรือยังคะ”
ศยามมองมารศรีนิ่ง พยายามหาพิรุธ แต่ไม่เจอ

จิตรวรรณลงนั่งอย่างโมโหเมื่ออยู่ตามลำพัง เธอมองไปที่เอกสารบนโต๊ะ อยากจะกวาดทิ้ง แต่ยั้งมือไว้ หงุดหงิดอยู่เพียงลำพัง เทวัญเปิดประตูเข้ามา
“น้องจี๊ดคะ...”
“ทำไมไม่เคาะประตูห้องก่อนคะ”
เทวัญหน้าเสีย
“พี่ขอโทษ ใช่สินะ...ตอนนี้พี่ก็เป็นแค่เพียง...”
จิตรวรรณตัดบทอย่างรู้สึกผิด
“จี๊ดขอโทษ...พี่เทวัญมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เทวัญยิ้มใจชื้นขึ้น เดินเข้ามาหาจิตรวรรณ จับมืออย่างเอาใจ จิตรวรรณรู้สึกอึดอัด มองสัมผัสนั้นอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ได้แต่นิ่งเฉย
“พี่รู้ว่าน้องจี๊ดเครียด กลางวันนี้เราออกไปหาอะไรทานกันมั้ยคะ เดี๋ยวพี่จะพาไปร้านโปรดของน้องจี๊ด”
จิตรวรรณลังเล เทวัญยิ้มอย่างเอาใจ ดึงมือจิตรวรรณขึ้นมา
“ไปเถอะ นะคะ อย่าดื้อ...ไปเปลี่ยนบรรยากาศซะบ้าง เดี๋ยวค่อยมาทำงานต่อ”
“ก็ได้ค่ะ จี๊ดเองก็อยากออกไปจากตรงนี้เหมือนกัน”
จิตรวรรณคว้ากระเป๋าเดินนำเทวัญไป เทวัญยิ้มย่อง มีแผนบางอย่าง

ศยามดื่มน้ำเฉยอยู่ ไม่แตะต้องอาหารบนโต๊ะที่มีมารศรีกินอยู่เพียงลำพัง มารศรีกินอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“การทานข้าวกับศรี มันคงไม่อร่อย ไม่เหมือนกับทานกับบางคน ทั้งที่มีแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ก็เหมือนได้ทานอยู่บนสวรรค์”
“เขาถึงได้มีคำพูดพูดกันไงล่ะ ว่ามันไม่สำคัญว่าเราทานอะไร แต่อยู่ที่เราทานอยู่กับใคร”
“ยอมรับแล้วเหรอคะ ว่าคุณจี๊ดเป็นคนพิเศษสำหรับคุณ”
“ไม่ใช่...คุณจี๊ดก็เป็นแค่คุณจี๊ด ไม่ได้พิเศษหรือธรรมดาอะไรสำหรับผมทั้งนั้น”
จิตรวรรณและเทวัญเดินมาหยุดที่ข้างหลังของศยามพอดี จิตรวรรณคอแข็งขึ้นมาพอดี
“พี่เทวัญคะ...”
ศยามสะดุ้ง หันไปเห็นจิตรวรรณมองมาที่ศยามอย่างชิงชัง มารศรีแอบยิ้มพรายให้กับเทวัญ
“ว่าไงคะ น้องจี๊ด”
มารศรีแกล้งทัก
“บังเอิ๊ญ บังเอิญนะคะคุณจี๊ด ร้านอื่นมีเยอะแยะ ไม่ยักกะไปทานนะคะ ต้องเป็นร้านเดียวกันทำไมไม่รู้”
“นั่นสิคะ เหมือนพรหมจะลิขิต ว่าชีวิตฉันยังจะต้องรบรากับพวกคุณไปอีกนาน” จิตรวรรณหันไปหาเทวัญ “ตอนแรกเห็นว่ามีนายคนนี้อยู่ จี๊ดว่าจะเปลี่ยนใจไปทานที่อื่น แต่ตอนนี้...สั่งอาหารเลยค่ะ จี๊ดหิว ไม่อยากรอนาน”
จิตรวรรณลงนั่งโต๊ะข้างศยามทันที เทวัญลงนั่งตาม เรียกบริกร ศยามเครียด ในขณะที่มารศรียิ้มพราย สบตากับเทวัญอย่างรู้กัน
จิตรวรรณดูเมนูไม่รู้ไม่ชี้ ศยามพยายามสงบสติอารมณ์ จิตรวรรณจับช้อนส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะกระแทกจานโครมครามใส่ ศยามสะดุ้งหันมองจิตรวรรณ อย่างไม่สบอารมณ์ จิตรวรรณปรายตามองศยาม ยักไหล่ ไม่แคร์ ไม่สน ศยามจึงหันไปถามมารศรี
“เราไปกันได้หรือยัง”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ...ขอศรีทานกาแฟก่อน นะคะ...”
มารศรีส่งสายตาออดอ้อนศยาม...ศยามจำใจนั่งต่อไป จิตรวรรณค้อนอย่างหมั่นไส้ หันไปดูเมนู แต่ตัวเองแยกเขี้ยวกรอดๆ

ยอดชายนัดศุวิมลไว้ เขารออยู่ไม่นาน ก็เห็นเธอเดินเข้ามาอย่างเคร่งเครียด
“มีอะไร”
“คิดถึง”
ศุวิมลค้อน
“ใช่เวลาหรือเปล่า ฉันกำลังทำงาน”
“นี่คุณ...มีผู้ชายบอกว่าคิดถึง จะไม่ตื่นเต้นบ้างหรือไง ขนลุก ใจสั่นเงี้ย”
“นั่นมันอาการของคนท้องเสีย”
“เหมือนกันนั่นแหละ”
“ขี้เกียจเถียง มีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวมีสอนตอนบ่าย กลัวกลับไปไม่ทัน”
ยอดชายเพ่งมอง
“มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”
“เยอะ อยากรู้เหรอ ว่าเรื่องอะไรบ้าง”
“แล้วอยากเล่าหรือเปล่า”
ศุวิมลนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วร้องไห้โฮออกมาเลย จนยอดชายอึ้ง....
“ฮื้ออออ เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของฉันเนี่ย ไม่เข้าใจ!”
“คุณ ใจเย็นๆ...ไม่เป็นไร ค่อยๆเล่า”
ศุวิมลเข้าไปซบกับไหล่ของยอดชาย ยอดชายทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งให้ศุวิมลใช้เป็นที่ซบ

รัตนารอเจตนาเซ็นเอกสาร รัตนามีบางอย่างอยากจะพูด เจตนารู้ดี ถามโดยไม่เงยหน้ามอง ขณะที่เซ็นเอกสารอยู่
“อยากจะพูดอะไรกับฉัน ก็พูดมาเถอะ”
“ท่านไม่คิดจะกลับบ้านบ้างเหรอคะ”
เจตนาอึ้ง เงยหน้าขึ้นสบตารัตนา มีแววความอ่อนโยนบางอย่าง รัตนาหลบตาวูบ
“อยากให้ฉันกลับไปทะเลาะกับคุณวันดีนักหรือไง”
“แต่ถ้าแยกกันอยู่ รอยร้าวที่เกิดขึ้น มันก็จะยิ่งสมานกันยากมากขึ้นนะคะ”
“รัตนา...ฉันควรจะกลับไปจริงๆเหรอ”
“ค่ะ ท่านควรจะกลับไป บ้าน มีคนที่รักท่านมากทั้งสองคนรออยู่ ในขณะที่ข้างนอก...ไม่มีใคร”
“ข้างนอกบ้าน ไม่มีใครรักฉันอยู่เลยจริงเหรอ”
“มีค่ะ แต่ความรักของใครจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักจากคนในครอบครัวล่ะคะ ทุกอย่างที่คุณวันดีและคุณจี๊ดทำลงไป เพราะความรักค่ะ ไม่ใช่ความเกลียดชังเลย”
รัตนายิ้มอย่างจริงใจให้ เจตนายิ้มรับความปรารถนาดีของรัตนา อย่าง...จำยอม....ลังเลที่จะกลับบ้าน
“ครอบครัวของท่านเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดนะคะ บางทีท่านอาจจะต้องยอมเสียสละความรู้สึกหรือความต้องการบางอย่าง เพื่อรักษาครอบครัวเอาไว้”
เจตนาสบตารัตนา
“ดิฉันไม่อยากเห็นผู้มีพระคุณของดิฉันต้องสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตไป การได้มาไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องเสียไปหรอกค่ะ”
เจตนาอึ้ง....ยังจ้องมอง รัตนายิ้มให้เจตนาด้วยความจริงใจ

จิตรวรรณรับประทานอาหารอย่างสบายใจ ตักให้เทวัญอย่างเอาใจ
“ทานเยอะๆนะคะพี่เทวัญ เดี๋ยวจะซูบ จี๊ดไม่ชอบคนผอมๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
จิตรวรรณปรายตามอง ศยามกำลังดื่มกาแฟกับมารศรี ไม่รู้ไม่ชี้อยู่
“ตกลง...เราจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ดีคะ พี่เทวัญ”
ศยามสำลักกาแฟพรวด มารศรีลุกมาช่วยเช็ดเสื้อให้ศยาม
“ดิ่งคะ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร”
จิตรวรรณยิ่งหมั่นไส้
“ชิ...ว่าไงคะพี่เทวัญ”
เทวัญยิ้มกริ่ม ดึงเกม
“พี่อยากให้น้องจี๊ดคิดให้ดีๆก่อนนะคะ พี่ไม่อยากให้น้องจี๊ดทำไปเพื่อประชดใคร”
“จี๊ดไม่ได้ประชดใครทั้งนั้น ไม่มีใครสำคัญกับจี๊ดได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ศยามกล้ำกลืนความรู้สึก จิตรวรรณพูดขึ้นอีก
“ลืมไป เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ...เราไม่ควรคุยกันที่นี่ให้คนนอกได้ยิน เช็คบิลเถอะค่ะ...จี๊ดอิ่มแล้ว ทานไม่ลง”
“ตามใจน้องจี๊ดสิคะ”
เทวัญยกมือเรียกบริกรเช็กบิล จิตรวรรณปรายตามองศยาม ที่นิ่งมาก ไม่รู้สึกยินดียินร้ายอะไรเลย จิตรวรรณไม่พอใจ ลุกขึ้นกระแทกเก้าอี้โครมครามอย่างไม่พอใจ จะออกไป
“ไฮโซซะเปล่า แต่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย” ศยามบ่น
จิตรวรรณชะงัก เดินถอยหลังกลับมา ตั้งใจพูดใส่หน้าศยาม
“ใช่ ฉันมันไม่มีมารยาท แถมยัง...ทำอะไรต่ำๆได้มากกว่าที่คนบางคนทำอยู่ เช่น ตีท้ายครัวพ่อตัวเองอะไรยังเงี้ยอีกด้วยนะ”
มารศรีถาม
“จะทำอะไร”
“ก็นี่ไง...”
จิตรวรรณยกขวดน้ำขึ้นมา แต่ศยามไวกว่า จับมือจิตรวรรณเอาไว้อย่างแน่น เสียงเครียด
“หยุดนะ”
“โอ๊ยเจ็บ! ปล่อยนะ”
เทวัญโวย
“เฮ้ย ปล่อยน้องจี๊ดนะ”
“ปล่อยแน่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
ศยามลากจิตรวรรณออกไปนอกร้านทันที จิตรวรรณร้องลั่น
“ปล่อยฉันนะ”
เทวัญและมารศรีตามออกไปนอกร้าน จิตรวรรณโวย
“จะปล่อยฉันได้หรือยัง”
ศยามไม่ตอบแต่ดึงจิตรวรรณเข้ามา กอดเอาไว้ จ้องหน้า แล้วประกบจูบปากทันที เทวัญ มารศรีอึ้ง ตกใจ เหวอ ไม่คิดว่าศยามจะทำแบบนี้
จิตรวรรณเคลิ้ม แต่รีบดึงตัวเองกลับมา ผลักศยามออกไปทันที ศยามมองจิตรวรรณด้วยสายตาลึกซึ้ง...รู้ดีว่าจิตรวรรณยังมีเยื่อใย จิตรวรรณรีบตัดอารมณ์ แล้วเงื้อมือจะตบ
“ต่ำ!”
ศยามรับฝ่ามือของจิตรวรรณเอาไว้ได้
“ก็พอๆกับคุณไง”
เทวัญดึงตัวจิตรวรรณออกมา จะต่อยศยาม
“ไอ้ดิ่ง แก!”
จิตรวรรณห้ามเทวัญเอาไว้
“อย่าค่ะพี่เทวัญ”
“ทำไมล่ะคะ น้องจี๊ด มันไม่ให้เกียรติน้องจี๊ด! พี่จะสั่งสอนมัน!”
“คนอย่างเขา ไม่รู้จักคำๆนี้หรอกค่ะ เสียแรง เสียมือเปล่าๆ ถือว่าทำบุญทำทาน จี๊ดไม่ถือ จี๊ดพลาดเอง”
จิตรวรรณมองศยามอย่างผิดหวัง เดินออกไป ผ่านศยามอย่างช้าๆ นิ่งมากขึ้น ศยามมองตามจิตรวรรณอย่างเสียใจ...
เทวัญมองศยามอย่างไม่พอใจ รีบตามจิตรวรรณไป มารศรีมองตามจิตรวรรณและเทวัญยิ้มเยาะ เดินมาหาศยาม
“ยังตัดใจจากคุณจี๊ดไม่ได้ใช่มั้ยคะ”
“ผมไม่ทำร้ายคนที่ผมรักอย่างนี้หรอก อีกอย่าง ผมเองก็ยังไม่ลืมความเจ็บปวดที่คุณเคยทำกับผม...ผมรักใครไม่ได้หรอก มารศรี”
ศยามเดินออกไป มารศรีมองตามศยามอย่างรู้สึกมีความหวัง

จิตรวรรณเดินมาตามทางด้วยความรู้สึกเคร่งเครียด เจ็บปวด พร้อมจะตัดใจจากศยามได้จริงๆ เช่นเดียวกับศยามเดินมาตามทาง เจ็บปวด ไม่ต่างไปจากเธอ...ต่างเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง...คนละทาง

ค่ำคืนนั้น...เทวัญกับมารศรีนัดคุยกัน
“ให้น้องจี๊ดและไอ้ดิ่งได้เจอกัน ในที่สุดก็เข้าแผน...หวังว่า น้องจี๊ดกับไอ้ดิ่ง คงจะหมดเยื่อใยกันแล้วจริงๆ” เทวัญพูดอย่างรู้สึกสบายใจขึ้น
“ที่เหลือ ก็เป็นหน้าที่คุณ ที่จะมัดใจยัยจี๊ดนั่นให้ดี อย่าปล่อยให้ออกมาแสดงฤทธิ์เดชได้อีก”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ห่วงแต่ตัวเธอเถอะ”
“อย่าประมาท...จำไว้...สิ่งที่เลี้ยงไม่เชื่องมากที่สุดก็คือ....หัวใจของคน”
มารศรีเดินจากไปอย่างเคร่งขรึม ในขณะที่เทวัญบอกอย่างหยิ่งผยอง...
“ไม่เคยมีใครหลุดมือฉันไปได้!”

จิตรวรรณดีใจกลับมาบ้าน เห็นเจตนาที่เข้ามาพอดี ก็วิ่งเข้าไปสวมกอด
“คุณพ่อ!!! จี๊ดดีใจที่สุดเลยที่คุณพ่อกลับมาอยู่บ้าน”
“กอดจนพ่อหายใจไม่ออกแล้วนะ ทำเหมือนไม่ได้เจอกันอยู่ทุกวัน”
“ก็มันดีใจนี่คะ”
วันดีเดินเข้ามาจากมุมหนึ่ง เห็นแช่ม สำรวย ป้าเพ็ญช่วยกันแบกกระเป๋าและสัมภาระของเจตนาเข้ามาในบ้านแล้วดีใจ....
“แต่คนที่ดีใจที่สุดคือคุณแม่ค่ะ”
วันดีปั้นหน้า เคร่งขรึมเดินเข้ามา
“กลับมาตายรังหรือไงคะ”
เจตนาอึ้ง..นึกเบื่อ จิตรวรรณหน้าเสีย
“คุณแม่คะ...เมื่อกี้คุณแม่ยัง...”
วันดีตัดบท
“กลับมาก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอะไรที่จะไม่ให้อภัยคนที่เคยหลงผิด”
แล้ววันดีก็อึ้ง เมื่อเห็นรัตนาเดินถือแฟ้มเอกสารของเจตนาเข้ามาในบ้าน
“นังเมียน้อย...ให้มันมาเหยียบบ้านฉันทำไม หา!”
“ใจเย็นๆสิคุณ รัตนาเขาช่วยขนของกลับมาให้ผม” เจตนาปราม
“ให้มันมาสมน้ำหน้าฉันล่ะสิ หรือไม่ ก็มาทวงบุญคุณ ว่าที่คุณยอมกลับมาเพราะมันอนุญาตให้กลับ ใช่มั้ย”
จิตรวรรณพยายามช่วยพูด
“คุณแม่คะ ใจเย็นๆค่ะ”
“เพราะฉันใจเย็น มันถึงได้ยังลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยฉันอยู่แบบนี้ไง”
วันดีปราดเข้าไปตบหน้ารัตนาเปรี้ยง รัตนาหน้าหัน ของในมือหล่นเกลื่อนกระจาย เจตนาเข้าไปห้าม
“คุณมันบ้าไปแล้ว คิดเองเออเองอยู่ได้ ทั้งหมดมันเละเทะก็เพราะจินตนาการของคุณทั้งนั้น”
จิตรวรรณเข้าไปดูอาการของรัตนา
 
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.



พริกกับเกลือ ตอนที่ 11 (ต่อ)
 

“เป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
รัตนาก้มลงเก็บเอกสารที่หล่นเกลื่อนกระจาย เจตนามองรัตนาอย่างสงสาร ในขณะที่วันดีสะใจมาก
ป้าเพ็ญ สำรวยและแช่มวิ่งออกมาดูแตกตื่น
รัตนากำลังจะเก็บเอกสารขึ้นมาได้หมด วันดีปราดเข้าไปปัดทิ้ง หล่นกระจายลงพื้นอีก ทุกคนตกใจ
“คุณแม่! ทำแบบนี้ทำไมคะ”
“อยากดูว่ามันจะตีหน้าเศร้าสร้อย ทำตัวน่าสงสารเรียกคะแนนจากพ่อแกอีกยังไง”
รัตนาพยายามเชิดหน้า มองดูเอกสาร ก้มลงเก็บอีก วันดีทนไม่ไหว กรี๊ดลั่นอย่างไม่พอใจ จะเข้าไปอาละวาดอีก
“นังเมียน้อย!! นังหน้าด้าน”
เจตนาจับตัวเอาไว้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณวันดี”
“ไม่หยุด มันท้าทายฉัน ทุกคนเห็นมั้ย จี๊ด แกเห็นมั้ย!!”
วันดีกรี๊ดลั่น พยายามดิ้นจะเข้าไปตบรัตนาให้ได้ด้วยความแค้น
“จี๊ดไม่เห็นอะไรทั้งนั้น นอกจากเห็นคุณแม่เป็นบ้า!!”
“จี๊ด!! นังลูกไม่รักดี!”
จิตรวรรณลากตัวรัตนาออกไป
“ไม่ต้องเก็บแล้ว มานี่!”
รัตนาตามจิตรวรรณออกไป ในขณะที่วันดีดิ้นพล่านด้วยความเจ็บใจ เจตนาร้องบอก...
“ป้าเพ็ญ มาช่วยฉันเร็ว ห้ามคุณผู้หญิงที”
“ค่ะๆๆๆ นังสำรวยมาช่วยกัน!”
สำรวยไปช่วยป้าเพ็ญห้ามวันดีไม่ให้ตามรัตนาออกไปข้างนอกเอาไว้

จิตรวรรณพารัตนาออกมาจากในบ้าน พลางบ่น
“คิดยังไงของเธอนะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่เห็นเธอเมื่อไหร่ ของต้องขึ้นเมื่อนั้น”
“ดิฉันต้องมาค่ะ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
“แต่ไม่ใช่กับแม่ฉัน ตอนนี้ อารมณ์นี้”
“ดิฉันไม่คิดว่า...มันจะ...ลงเอยแบบนี้”
จิตรวรรณถอนใจ
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง ทุกอย่างมันพลิกผัน เปลี่ยนแปลงได้เสมอทุกวินาที ไม่มีอะไรที่เราจะวางใจได้ เธอเป็นคนสอนฉันเองนะ รัตนา”
“แต่เรื่องความบริสุทธิ์ใจของดิฉันและท่านประธานไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เคยเป็นมาอย่างไร ก็จะยังคงเป็นอย่างนั้น ตลอดไป และดิฉันก็เชื่อมั่นว่าคุณวันดีต้องเข้าใจ”
“ในสักวันหนึ่ง...แต่เราต้องรอ อย่างที่บอกว่า ไม่ใช่ตอนนี้”
รัตนาหน้าเสีย ยิ้มเศร้า
“ดิฉันอาจจะรอไม่ได้”
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ดิฉันทำเรื่องวุ่นวายมาพอแล้ว ขอตัวกลับนะคะ ฝากกราบลาท่านด้วย”
รัตนาไหว้ลา จิตรวรรณรีบรับไหว้ รัตนาเดินออกไป จิตรวรรณมองตามอย่างเห็นใจ

ในบ้าน...วันดีอาละวาดลั่นบ้าน จนทุกคนกำลังจะห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เจตนาโวยเสียงดัง
“คุณวันดี หยุด !!”
“ไม่หยุด! ฉันจะไปฆ่ามัน จะได้ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีก รู้มั้ยว่าฉันเกลียดมัน เกลียด มัน เกลียดๆๆๆ!!”
จิตรวรรณเข้ามาเห็นสภาพของวันดีแล้วสงสาร
“รัตนาไปแล้วค่ะ”
วันดีตะโกน
“ไอ้แช่ม เอารถออก ฉันจะไปขยี้มันที่บ้าน!”
แช่มอึกอัก ไม่กล้า
“ไอ้แช่ม ไม่ทำตามคำสั่งของฉัน แกถูกไล่ออก!”
“แช่ม ไปเอารถออกไป แต่ไปโรงพยาบาล ไม่ใช่บ้านรัตนา”
“คุณจะพาฉันไปโรงพยาบาลอะไร โรงพยาบาลบ้าเหรอ ฉันไม่ไปนะ ฉันไม่ไป! ฉันไม่ได้บ้า!!!”
“ถ้าคุณยังไม่ยอมสงบ มันคงเลี่ยงไม่ได้”
“คุณแม่ขา คุณแม่กำลังทำตัวให้พวกเราคิดว่าคุณแม่เป็นอย่างนะคะ ทำไมคะ กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว ที่คุณพ่อให้ความสำคัญเพียงแค่เป็นเลขา...แต่คุณแม่ต้องไปแคร์ ให้ค่า ให้ความสำคัญมากกว่าตัวเอง ซึ่งเป็นผู้หญิงที่คุณพ่อรักมากที่สุด”
วันดีอึ้ง...มองเจตนา ที่มองมาด้วยสายตาที่ปวดร้าว
“คุณวันดีที่ผมรักคนนั้น...เขาหายไปไหน”
วันดีอึ้ง...ร้องไห้ออกมาอย่างหมดรูป...จิตรวรรณ เจตนา และทุกคนมองวันดีอย่างสะเทือนใจ

มารศรีเข็นรถเข็นให้เศกอยู่ภายในสวน เศกนั้นนั่งนิ่งบนรถเข็น มีผ้าคลุมหน้าตักเรียบร้อย มีเพียงนัยน์ตาของเศกเท่านั้นที่รับรู้เรื่องราว แต่ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มารศรีเข็นรถของเศกมาดูต้นไม้ หยุด แล้วเดินมาคุกเข่าตรงหน้า เศกมองมารศรีอย่างหวาดกลัว อยากจะถอยหนีแต่ไม่สามารถขยับได้
มารศรีจับมือเศก บีบอย่างแรง หน้ายิ้ม
“กลัวเหรอคะ ไม่ต้องกลัวนะ ฉันยังต้องให้คุณมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากดิ่ง” เศกยิ่งเจ็บปวด มารศรียิ้มเอาใจเศก ชี้ชวนดูต้นไม้ เมื่อเห็นศยามเดินมา แต่ทำเป็นไม่เห็น
“ต้นไม้ต้นนั้น โตเร็วนะคะ...ดูสิ...เพิ่งจะอาลงดินแท้ๆ...หนาวมั้ยคะ ศรีห่มผ้าให้ใหม่นะคะ”
มารศรีบรรจงคลี่ผ้าห่มให้เศกใหม่ จัดผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างเอาใจใส่มาก ศยามเดินเข้ามา
“ดิ่ง...”
มารศรีปลีกตัวไปยืนอยู่ห่างๆ ศยามลงนั่งคุยกับเศก
“คุณพ่อครับ...ผมไปทำงานแล้วนะครับ”
เศกเหลือกตามองไปยังมารศรี ศยามมองตาม พอจะเข้าใจ แต่ทำเป็นไม่เข้าใจ
“อีกไม่นาน คุณพ่อต้องเดินได้ คุณลุงหมอบอกพวกเราเอาไว้”
เศกมองศยามน้ำตาคลอ ศยามเช็ดน้ำตาให้
“คุณพ่ออย่าเพิ่งหมดกำลังใจนะครับ เราจะสู้ไปด้วยกัน เย็นนี้เจอกันนะครับ”
ศยามบีบมือให้กำลังใจเศก หันไปบอกมารศรี
“ฝากคุณพ่อด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สามีทั้งคน ถ้าภรรยาไม่ดูแล จะให้ใครที่ไหนมาดูแลล่ะคะ จริงมั้ยคะ คุณเศก”
มารศรีเข้ามาโอบเศก ด้วยความรัก เศกมองมารศรีด้วยสายตาเกลียดชัง...
“ดูซิ แค่ไม่หอมแก้มตอนเช้าอย่างที่เคยทำ...ก็งอนศรีซะแล้ว ไม่งอนนะคะ”
มารศรีหอมแก้มเศกโชว์ศยาม ศยามยิ้มเหมือนจะไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ไม่ใช่ หันเดินออกไป สีหน้าเปลี่ยนทันที มารศรีมองตามศยาม ยิ้มเยาะ ในขณะที่ยังกอดเศกเอาไว้ อย่างเหนียวแน่น

วันดีนั่งซึมอยู่ในบ้าน จิตรวรรณเข้ามากราบที่ตัก
“คุณแม่ขา...จี๊ดไปทำงานก่อนนะคะ คุณแม่ให้พรจี๊ดด้วยนะคะ”
วันดีเอามือลูบที่ผมของจิตรวรรณอย่างช้าๆ ยิ้มให้น้อยๆ จิตรวรรณเอามือของวันดีมาแนบแก้มอย่างมีความสุข
“จี๊ดรักคุณแม่มากนะคะ”
วันดีพยักหน้าน้อยๆ แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อเห็นเจตนาเข้ามาและเมินหน้าหนี เจตนาอึ้ง
“คุณแม่คะ...เมื่อไหร่จะหายโกรธคุณพ่อคะ”
วันดียังนิ่ง เจตนาบอกเซ็งๆ
“ช่างเถอะลูก...”
“จี๊ดไปรอที่รถนะคะ”
จิตรวรรณเดินออกไป ปล่อยให้เจตนาได้อยู่กับวันดีตามลำพัง
“คุณวันดี...ผมไปทำงานก่อนนะ”
วันดียังนิ่งไม่หันมา
“ไม่ต้องกังวลนะ...ผมรอได้ จนกว่าคุณจะหายขุ่นข้องใจในตัวผม...ผมจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนอีกแล้ว...”
วันดีน้ำตาคลอ
“ผมขอโทษ ผมลืมคำพูดที่เราเคยตกลงกันไว้ ว่าถ้าเราทะเลาะกันเมื่อไหร่ ขอ อย่างเดียว...อย่าออกไปจากบ้าน เพราะมันจะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้ยาก ผมกลับมาเพราะผมไม่อยากสูญเสียคนที่รักผมและผมก็รักเขามากที่สุดไป ผมยอมได้ทุกอย่างนะ ขอแค่คุณบอกผมมาเท่านั้นว่าคุณต้องการอะไร”
เจตนาเข้ามาบรรจงจูบหน้าผากของวันดี .แล้วเดินออกไป วันดีสะเทือนใจหนัก ร้องไห้ออกมาอีก

ศยามเดินจ้ำ อย่างกระฉับกระเฉงมาตามทางเดินในออฟฟิศลักชัวรี่คาร์ โดยมีกัลยา ที่ทำหน้าที่เลขาคอยเดินตามจดงานอย่างตั้งใจ
“เรียกประชุมทุกฝ่าย ผมอยากให้นโยบายใหม่ ตอนบ่ายนัดฝ่ายเซอร์วิส ผมจะเข้าไปดูโครงสร้างการบริการลูกค้าอย่างละเอียด”
กัลยารอจดคำสั่งของศยามต่อ ในขณะที่ศยามใช้ความคิดอยู่
“ผมไม่ได้นัดใคร...ถ้ามีคนถามก็บอกว่า...ผมไปวัด ทำบุญ”
“ค่ะ ท่านประธาน”
“เรียกชื่อผมเฉยๆก็พอ คุณพ่อยังคงเป็นประธานของที่นี่ ไม่ใช่ผม”
“ค่ะ คุณศยาม”
ศยามเดินออกไป กัลยามองตามศยามอย่างชื่นชม

มุมหนึ่งโมเดิร์นคาร์ จิตรวรรณเดินจ้ำสั่งงานรัตนา
“ให้ยอดชายเข้ามาคุยกับฉัน ทำไมยอดลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของศูนย์เราถึงลดน้อยลงไป หายไปไหนกันหมด ส่วนตอนเย็น จองโต๊ะที่ร้านประจำ”
“นัดใครคะ”
จิตรวรรณอึ้ง หันมองรัตนายิ้มๆ

เมื่อยอดชายมาหาที่ห้องทำงาน จิตรวรรณถามกวนๆ
“ทำไม”
“ทำไม อะไร” ยอดชายย้อน
“รัตนาไม่ได้แจ้งเหรอ ว่าฉันเรียกนายมาคุยทำไม”
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง”
“นี่ สนใจงานหน่อยได้มั้ย ยอด เอาใจไปใส่กับเรื่องอะไรที่มันสำคัญกว่าเรื่องงานนัก ฮึ”
“ไม่บอก เพราะจี๊ดคงไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก ใช่มั้ย”
จิตรวรรณอยากรู้ แต่ฟอร์ม ว่าไม่อยากรู้
“ใช่”
“เพราะตอนนี้ สิ่งที่จี๊ดเอาใจไปใส่อย่างเต็มที่ มีเพียงแค่เรื่องงานของตัวเองเท่านั้น จริงมั้ย”
“จริง”
“งั้นก็อย่าสนใจเลย ว่ายอดคิดเรื่องอะไรอยู่”
“อย่าบอกนะว่าคิดเรื่องนายนั่น”
“เปล่า แต่คิดเรื่องของน้องสาวเขาคนนั้น น่าสงสารออกนะจี๊ด พ่อก็ล้มป่วยเป็นอัมพาต พี่ชายก็ทำแต่งาน จนไม่สนใจตัวเอง บ้านทั้งบ้านแห้งแล้ง ไม่มีชีวิต บรรยากาศเหมือน...”
จิตรวรรณตัดบท เพราะอ่อนไหวกับเรื่องของศยามอยู่ ทำใจแข็ง
“พอได้แล้ว!ขืนพูดเรื่อง ของนายนั่นอีกครั้งเดียว ฉันไล่เธอออกแน่ยอด”
“ขอโทษๆๆๆ”
“เข้าเรื่องได้หรือยัง คิดว่าทำไมลูกค้าถึงได้ลดลง”
เทวัญเข้ามา
“จะเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะ ใครบางคนอาจจะมีเอี่ยวกับทางคู่แข่ง”
จิตรวรรณ ยอดชายอึ้งไม่พอใจเทวัญมาก...เทวัญจ้องหน้ายอดชายเขม็ง อย่างเอาเรื่องเช่นกัน

มุมหนึ่งออฟฟิศลักชัวรี่คาร์ มารศรีคุยกับกัลยา อย่างประหลาดใจ
“คุณดิ่ง ไปวัดเหรอ”
“ค่ะ”
“ไปกับใคร”
“ท่านไปคนเดียวค่ะ”
มารศรีแปลกใจ หยิบมิอถือขึ้นมาโทรหาศยาม...

ในวัด...ศยามให้อาหารปลา ขณะที่ป๊อดเดินเข้ามาหา...
“พี่ดิ่ง..โห...บอกเราว่านัดมาจะเลี้ยงอาหารหรู...ในวัดเนี่ยนะ”
“พาแกมาทำบุญก่อน แล้วค่อยพาไปเลี้ยงไง อย่าใจร้อนสิ”
“ทำไมต้องทำ”
“ทำซะบ้างเถอะ จะได้อยู่ในที่ดีๆ ไปในที่ดีๆ”
“นี่ก็ดี จนไม่รู้จะดียังไงแล้ว สบายกว่าอยู่บ้านแม่ซะอีก”
“ฉันจะให้แกไปอยู่บ้านฉัน”
“อะไรนะ”
“ฉันอยากให้แกไปช่วยฉันดูแลคุณพ่อ”
“เป็นพี่เลี้ยงคนแก่เหรอ ไม่เอาอ่ะ”
“งั้นก็กลับไปอยู่บ้านแม่”
“อยู่กับพ่อพี่น่ะแหละ ดีแล้ว..แหม ๆๆ แค่พูดเล่น”
“อย่าทำเป็นเล่นนะ เพราะฉันฝากชีวิตของพวกเราทุกคนไว้ในมือแกเพียงคนเดียว”
“ฟังดูยิ่งใหญ่มากเลยพี่ดิ่ง ตกลงให้ฉันทำอะไร”
ศยามยิ้ม มองป๊อดอย่างไว้ใจ ป๊อดรอฟังภารกิจอย่างใจจดใจจ่อ

เทวัญจ้องหน้ายอดชายเอาเรื่องอยู่ ยอดชายมองเทวัญ..พยายามอ่านเกม
“พูดแบบนี้ ต้องการอะไร เสี้ยมให้จี๊ดไม่ไว้ใจผม คิดว่าผมคือไอ้เลวคนนั้นใช่มั้ย”
“ก็ไม่โง่นี่”
“ผมน่ะ ไม่โง่หรอก...แต่คนที่โง่คงเป็นจี๊ด ถ้ายอมเชื่อนายเทวัญ”
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าฉันเชื่อพี่เทวัญ”
“ก็ดี เตือนไว้ก่อน เพราะเดี๋ยวนี้ จี๊ดงี่เง่า พร้อมจะเชื่อเขาทุกอย่างโดยไม่คิดจะเชื่อเพื่อนที่หวังดีและจริงใจอย่างผม”
“ยอด อย่าประชิด” จิตรวรรณปราม
“และอย่าเปลี่ยนเรื่อง ตอบมาสิ....ว่านายเป็นไอ้เลวนั่นจริงหรือเปล่า เห็นสนิมสนมกับนายศยามนั่นดีนี่”
“ผมไม่จำเป็นต้องตอบคุณ เพราะคุณไม่ใช่หัวหน้าสายงานผม”
“แต่ฉันเป็น...”
ยอดชายตัดบท
“เป็นอะไร...ว่าที่สามีของจี๊ดเหรอ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นนี่ อย่าเพิ่งตัวสั่นไปหน่อยเลย อะไรๆก็พลิกกันได้”
เทวัญโกรธยอดชาย พยายามอดกลั้น ยอดชายหันไปบอกจิตรวรรณ
“ไว้ยอดจะทำรายงานส่งมาให้ ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างที่ทำให้ยอดลูกค้าที่มาใช้บริการที่ศูนย์เราลดน้อยลงไป”
ยอดชายเดินออกไปทันที จิตรวรรณลำบากใจ เรียกไว้
“ยอด เดี๋ยวก่อน...ยอด”
แต่ยอดชายไม่ฟัง เดินหนี จิตรวรรณกลุ้มใจ เทวัญรีบบอก
“พี่ขอโทษนะคะ ที่เข้ามาขัดจังหวะน้องจี๊ดคุยงาน แต่พี่ทนไม่ไหว ถ้าหากน้อง จี๊ดต้องถูกเพื่อนที่น้องจี๊ดไว้ใจหลอกให้เชื่อไปวันๆ แต่น้องจี๊ดจะไม่เชื่อพี่ก็ได้นะคะ”
จิตรวรรณอึ้ง...ไตร่ตรอง....เทวัญยิ้มกริ่ม

ศยามกำชับป๊อด ที่หน้าตามุ่งมั่นมาก...
“แกทำได้ใช่มั้ย ป๊อด”
“ไม่มีอะไรที่ป๊อดทำไม่ได้”
“จำไว้ ว่าห้ามให้ใครจับได้”
“รับรอง เนียน”
ศยามกำชับอีก...
“ห้ามแพร่งพราย ทุกอย่างเป็นความลับ”
“รูดซิปปากโบกปูน”
“สัญญาลูกผู้ชาย...ต่อหน้าโบสถ์”
ป๊อดหันไปมองเห็นโบสถ์
“โห...เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นพยานเลยเหรอพี่”
“ไม่งั้น ฉันจะเชื่อแกได้ยังไง ว่าจะทำจริงอย่างที่พูด”
“ป๊อดสาบาน! พี่ดิ่งจำไว้ให้ขึ้นใจเลย คนอย่างป๊อดเกิดมาเพื่อภารกิจนี้”
ศยามยิ้มชอบใจ กอดคอป๊อดเดินไป
“ไป ฉันเลี้ยงข้าว....ขอต้อนรับสมาชิกใหม่”

มารศรีเดินมาอย่างหงุดหงิด...
“จะปิดเครื่องทำไมนะดิ่ง”
เสียงมือถือมารศรีดังขึ้น มารศรีดีใจ คิดว่าศยามโทรกลับ
“ดิ่งโทรกลับมา...”
แต่แล้วมารศรีก็ต้องผิดหวัง เห็นเบอร์แปลกตา แต่ตัดสินใจรับ...
“เบอร์ใคร....ฮัลโหล....ทันวิทย์...”
ทันวิทย์อยู่ในสภาพที่โทรมจัด เพราะเสียใจเรื่องมารศรี พูดอย่างจริงจัง...
“ถ้าคุณไม่มาเจอผม ผมจะไปประกาศตัวกับสามีของคุณ ว่าเราเป็นอะไรกัน”
มารศรีอึ้ง ตกใจและไม่พอใจ
“อย่ามาขู่ฉัน”
“ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริง”
มารศรีพยายามสงบสติ คิดหาทางโน้มน้าว
“โอเค...ใจเย็นๆก่อนนะ”
“ก็บอกมาก่อนสิ ว่าจะออกมาพบผม”
“จะให้ฉันไปเจอที่ไหน”
ทันวิทย์ทรุดลงอย่างดีใจ ในขณะที่มารศรีไม่พอใจทันวิทย์อย่างรุนแรง

ที่ร้านอาหารหรู...เจตนาเลื่อนเก้าอี้ให้วันดีที่แต่งตัวสวยอย่างเอาใจ วันดีลงนั่ง ยังวางท่าทีหมางเมิน เจตนาลงนั่งตรงข้ามกับวันดี บริกรเข้ามาเสิร์ฟไวน์ วันดีเพ่งมองที่ขวดไวน์
“ไวน์ที่คุณชอบ...”
“ขอบคุณที่ยังจำได้”
เจตนายิ้มออกมาได้ เมื่อวันดียอมพูดด้วย
“ขอบคุณนะ ที่ยอมพูดกับผม”
วันดียกไวน์ขึ้นจิบ
“เป็นไง...ทุกอย่าง...เหมือนเดิมใช่มั้ย”
“ค่ะ ทุกอย่างเหมือนเดิม รสชาติของไวน์ บรรยากาศของร้านอาหาร ยกเว้นเรื่องของเรา”
เจตนาอึ้ง วันดีมองเจตนาด้วยสายตาที่แห้งผากจนเจตนาใจหาย

ที่บ้านเศก...ป๊อดยกมือไหว้ศุวิมลอย่างนอบน้อมที่สุด แต่ดูขัดตาที่สุด
“ป๊อด...ไหว้ดีกว่านี้ได้มั้ย” ศยามปราม
“นี่ก็สุดๆแล้วนะพี่ ไหว้แม่ยังไม่ได้เท่านี้เลย”
ศุวิมลและศยามพากันยิ้มขำและเอ็นดู
“เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอกพี่ดิ่ง ถึงจะดูห่ามๆ แต่ก็จริงใจดี แบบนี้ดีกว่าคนเรียบร้อยแต่ซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างในนะ”
“ให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อ ตอนที่เราออกไปทำงาน”
“ก็ดี....คุณพ่อจะได้ไม่ต้องอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเพียงลำพัง อยู่ได้มั้ยป๊อด”
“สบายมากครับ”
ศยามกับแม่บ้าน
“พาเจ้านี่ไปที่ห้องพักไป”
“ค่ะ”
ป๊อดเดินตามแม่บ้านไป ป๊อดแซวแม่บ้าน
“พี่มีแฟนหรือยังเนี่ย”
“ไอ้ป๊อด อย่า!”
“โหย ล้อเล่น ถามไปงั้นๆ จริงๆแล้ว เคารพ หน้ารุ่นแม่ขนาดนี้”
ศยามและศุวิมลขำป๊อด ที่เดินตามแม่บ้านไปอย่างเรียบร้อย
“ศุ...คุณศรีไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้บอกใครไว้ อยากรู้ก็โทรตามกันเองสิคะ”
ศุวิมลยังงอนศยามไม่เลิก เดินออกไป ศยามถอนใจ...ลงนั่ง ปลดปล่อยอารมณ์ เสียงเตือนว่ามีอีเมลเข้าดังจากมือถือ ศยามหยิบมือถือขึ้นมากดดู...เห็นหัวข้อความอีเมลเข้าว่า”ตัวอย่างกล้อง CCTV “ ศยามรีบเปิดดูอีเมลทันที

ในห้องนอน...ทันวิทย์นั่งซบกับตักของมารศรีอย่างอาลัย มารศรีนั่งลูบหัวทันวิทย์
“ให้ฉันมาหาที่นี่ ฉันกลัวว่าพี่ชายเธออาจจะ...”
“พี่เทวัญเขาไม่สนใจหรอกว่าผมจะทำอะไร”
มารศรีเตือน
“เทวัญ มีเหตุผลหน่อยสิ”
“จะให้ผมมีเหตุผล ในขณะที่คุณกำลังตีจากผมไป ทั้งๆที่ผมรักคุณมากอย่างนั้นเหรอครับ”
“ทันวิทย์ ไม่เอาน่ะ”
“อย่ามองเหมือนผมเป็นเด็กไม่รู้จักโต! ถ้าผมไม่โต ผมจะเป็นผัวอีกคนของคุณได้ยังไง”
มารศรีตบหน้าทันวิทย์เปรี้ยงด้วยความโกรธ จนทันวิทย์หน้าหัน
“คุณ...”
“ฉันคิดว่าเธอจะเป็นผู้ชายคนเดียวในโลกที่ไม่ดูถูกฉัน เหยียบย่ำฉันให้เจ็บช้ำ น้ำใจ แต่เธอก็เหมือนกับคนอื่นๆ”
มารศรีจะไป ทันวิทย์เข้าไปกอดเอวมารศรีเอาไว้
“อย่าไป! ผมขอโทษ อย่าเพิ่งทิ้งผมไปนะครับ”
มารศรีหยุดชะงัก แอบยิ้มสมใจ ทันวิทย์กำลังตกหลุมพรางที่เธอตั้งใจจะ...ยืมมือทันวิทย์ทำลายเทวัญ

จิตรวรรณเดินมากับเทวัญที่ลานจอดรถ หลังจากทานอาหารด้วยกัน
“ร้านนี้อาหารโอเคมั้ยคะน้องจี๊ด”
“ก็งั้นๆค่ะ”
เทวัญหน้าเสีย
“เหรอคะ...งั้น ไว้พี่หาร้านใหม่ ไว้เราไปทัวร์ทานอาหารกัน น้องจี๊ดจะได้ไม่เครียด”
“แต่จี๊ดคงกลายเป็นหมู...”
“แต่พี่ก็ยังรักเหมือนเดิม และรักมากกว่าเดิม”
เทวัญมองจิตรวรรณลึกซึ้ง รุกคืบเข้าไปหา...จับมือจิตรวรรณขึ้นมาเกาะกุม
“ถึงพี่จะรู้ว่า...ตอนนี้ หัวใจของน้องจี๊ดอาจจะไม่เหมือนเดิม”
จิตรวรรณหลบตา
“แต่รู้อะไรมั้ยคะ ว่าพี่จะรอ รอวันที่หัวใจของน้องจี๊ดจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่เรารักกันแรกๆ”
เทวัญจับหน้าของจิตรวรรณเอาไว้อย่างทนุถนอม ค่อยๆลูบไปตามต้นคอ ให้มือได้สัมผัสผิวหนังของจิตรวรรณมากที่สุด เพราะที่มือได้ฉาบน้ำยาทำให้เบลออย่างที่แกงค์ตกทองใช้
“พี่เทวัญ...”
“คะ น้องจี๊ด...”
จิตรวรรณเห็นหน้าเทวัญค่อยๆเบลอ
“น้องจี๊ดคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ น้องจี๊ด...”
จิตรวรรณเริ่มโงนเงน มีอาการเบลอ คุมตัวเองไม่ได้ ตกอยู่ในอ้อมกอดของเทวัญ ที่ยิ้มกริ่ม ค่อยๆลูบผมของจิตรวรรณอย่างแผ่วเบา...
“น้องจี๊ด จะต้องกลับมาเป็นของพี่คนเดียวเท่านั้น”
จิตรวรรณอยู่ในอ้อมแขนของเทวัญ อย่างไร้เรี่ยวแรง
 
อ่านต่อหน้า 4



พริกกับเกลือ ตอนที่ 11 (ต่อ)
 

เจตนาและวันดีเดินมาด้วยกัน เงียบงันกันไปทั้งคู่ เจตนาทำลายความเงียบขึ้นมา

“ยัยจี๊ดเนี่ย รู้ใจพ่อกับแม่จริงๆ...ถึงได้จองโต๊ะที่ร้านนั้นให้เราไปดินเนอร์กัน”
“ค่ะ”
“คุณวันดี....ทำไมระหว่างเราถึงไม่เหมือนเดิม”
วันดีเข้าไปกอดเจตนาเอาไว้
“เพราะฉันสัญญาว่าจะไม่ทำตัวร้ายกาจอย่างที่ผ่านมาอีกไงล่ะคะ”
เจตนาดีใจ
“คุณวันดี...”
“ฉันไม่อยากให้คุณเลิกรักฉัน หรือรักฉันน้อยลง เพราะฉันยังจำได้ ว่าเราเคยรักกันมากแค่ไหน”
“ขอบคุณมากนะ”
“สัญญากับฉันนะคะ ว่าเราจะไม่ทำให้ใครต้องเสียใจ”
“ผมสัญญา ผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจ”
“ฉันก็สัญญาค่ะ ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อคุณ เพื่อยัยจี๊ด”
“เพื่อครอบครัวของเรา”
เจตนาและวันดียิ้มให้กันอย่างเข้าใจ

เทวัญประคองจิตรวรรณลงนอนบนเตียงในโรงแรม หญิงสาวไม่รู้เนื้อรู้ตัว มึน งง เทวัญยืนมองอย่างสะใจ ลงไปลูบไล้ตามเนื้อตามตัวของจิตรวรรณอย่างพิศวาส ยกมือขึ้นหอม
“ใครอ่ะ....” จิตรวรรณมึนงง
เทวัญยิ้มกริ่ม นึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางวัน ที่เขานัดพบ ลุงแก่นซึ่งเป็นสืบแปดมงกุฎ เขารับขวดยาที่สั่งไว้มา...
‘แน่ใจนะว่าได้ผล’ เทวัญถาม
‘ผมใช้เวลาตกทอง ได้ผลทุกครั้ง ป้ายแค่นิดเดียว รับรองเบลอไม่รู้เรื่อง’
‘นานแค่ไหนกว่าจะได้สติ’
‘สามชั่วโมง’
เทวัญยื่นซองเงินให้
‘ขอบใจ’
ลุงแก่นรับซองเงินมา แล้วรีบหนีหายออกไป เทวัญมองขวดยาเล็กๆอย่างพอใจ

ในห้องโรงแรม...จิตรวรรณเพ้อ พยายามเพ่งมอง เห็นแต่หน้าผู้ชายคนหนึ่งลางเลือน
“ใคร...”
จิตรวรรณยังอ่อนแรงและมึนงง เทวัญมองนาฬิกาข้อมือ
“ใกล้จะสามชั่วโมงแล้ว...ก็คงจะพอดี”
เทวัญหยิบมือถือขึ้นมา กดสาย จนมีเสียงรับสายจากปลายทาง
“ฮัลโหล....ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
เทวัญหันไปมองจิตรวรรณยิ้มกริ่ม

ยอดชายกำลังนั่งทำงาน มีเสียงเคาะประตูห้อง....
“เชิญครับ”
ยุพาเปิดประตูเข้ามา ยอดชายแปลกใจ
“อ้าว...เจ๊ยุพา ยังไม่กลับอีกเหรอครับ”
“กลับไปแล้วค่ะ แต่มีเรื่องด่วนค่ะ”
ยอดชายแปลกใจ
“เรื่องอะไรครับ”
“เจ๊เห็นคุณเทวัญพาคุณจี๊ดเข้าโรงแรมค่ะ เจ๊โทรหาคุณไม่ติด คิดว่ายังอยู่ที่ออฟฟิศ เลยรีบมาบอก”
“ที่ไหน”
ยอดชายรีบวิ่งออกไปทันทีด้วยความเป็นห่วงจิตรวรรณ ยุพามองตามยอดชายด้วยความรู้สึกผิด แต่ไม่มีทางเลือก

ในบ้านเศก...ศยามเดินไปเดินมา มองตามมุมต่างๆของบ้าน ตั้งใจจะติดกล้องวงจรปิด ขณะที่มารศรีหน้าตาตื่นเข้ามาหา
“ดิ่งคะ....เกิดเรื่องไม่ดีกับคุณจี๊ดค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“คือ ฉันโทรศัพท์ไปคุยกับคุณเทวัญ ถึงได้รู้เรื่อง”
“ผมถามว่าเรื่องอะไร”
มารศรีหน้าเจื่อน เมื่อเห็นศยามเครียดมาก

ศยามฉวยกุญแจรถเดินออกไปด้วยความร้อนใจ มารศรีเดินตามออกมามองอย่างสะใจ ป๊อดเดินเข้ามา ในชุดเตรียมนอนที่เยินมาก ปะแป้งขาว มารศรีสะดุ้ง ตกใจ
“แกเป็นใคร! โจรเหรอ ช่วยด้วย!”
ป๊อดลนลาน
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่โจร! ใจเย็นๆครับ”
“ช่วยด้วย!”
มารศรีร้องลั่น
ป๊อดทำอะไรไม่ถูก เข้าไปปิดปากมารศรี
“หยุดร้องก่อนครับ ผมไม่ใช่โจร ผมมาดีมีมารยาท...” ป๊อดยกมือไหว้มารศรี “ สวัสดีครับ ผมป๊อดครับ” มารศรีตบป๊อดหน้าหัน
“ป๊อดปอดใครกัน ฉันไม่รู้จัก”
ศุวิมลเข้ามา
“ป๊อดเป็นเพื่อนพี่ดิ่ง พี่ดิ่งพามาอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อ”
มารศรีอึ้ง
“อะไรนะ”
ศุวิมลเดินเช้ามา พูดกวนๆ
“หูตึงบ่อยนะช่วงนี้...ป๊อด พี่ดิ่งไปไหน”
“ไม่ทราบครับ”
“ช่างมันเถอะ ไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้ ต้องตื่นแต่เช้านะ”
“ครับผม”
ป๊อดยกมือไหว้มารศรีและศุวิมล
“ราตรีสวัสดิ์ครับ อูย!!”
ป๊อดเดินแก้มช้ำเข้าไปข้างใน ศุวิมลมองมารศรีค้อนๆ จะเดินเข้าข้างใน มารศรีไม่พอใจศุวิมล โพล่งขึ้นมา
“ไม่อยากรู้เหรอว่า ดิ่งไปไหน”
ศุวิมลชะงัก หันมา
“แล้วเธอรู้เหรอ”
“ไม่รู้แล้วฉันจะพูดทำไม”
ศุวิมลแปลกใจว่ามารศรีมีข้อมูลอะไร

ในห้องโรงแรม...เทวัญลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของจิตรวรรณที่พยายามจะปัดออกอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ใคร....อย่า...”
“ยอดเองจ๊ะจี๊ด” เทวัญพยายามทำให้จิตรวรรณเข้าใจผิด
“ยอด...”
จิตรวรรณค่อยๆมีสติขึ้น
“ขอยอดไปล็อกประตูก่อนนะ เราจะได้มีความสุขกัน โดยไม่มีใครกวน”
เทวัญลุกไปที่ประตู แทนที่จะล็อก กลับเปิดประตูแง้มเอาไว้ แล้วเดินกลับมาที่เตียง
“ยอดเหรอ”
จิตรวรรณพยายามเพ่งมองหน้าเทวัญ ทันใดนั้น ประตูก็ถูผลักเข้ามาอย่างแรง ยอดชายเห็นเทวัญอยู่บนเตียงกับจิตรวรรณ ยอดชายเข้ามาต่อยเทวัญทันที
“ไอ้เลว!”
เทวัญพยายามต่อยกลับ ยอดชายเสียหลัก จิตรวรรณได้สติคืนกลับมา หายเบลอ เห็นยอดชายและเทวัญต่อสู้กัน
“พี่เทวัญ ยอด” จิตรวรรณมองห้อง “ที่นี่ที่ไหน อะไรกัน”
เทวัญรีบบอก
“ไอ้ยอดชายมันพาจี๊ดเข้าม่านรูด พี่ตามมาช่วยเอาไว้”
ยอดชายชะงัก ตกใจ ไม่คิดว่าเทวัญจะมาไม้นี้
“ไอ้...”
จิตรวรรณมองยอดชายตกใจ ผิดหวัง
“ยอด”
“จี๊ดอย่าไปเชื่อมัน! เจ๊ยุพา...”
เทวัญไม่ปล่อยให้ยอดชายพูดจบ ต่อยเปรี้ยง ยอดชายลงไปกอง ขณะเดียวกันดิ่งวิ่งเข้ามาพอดี มองเหตุการณ์อย่างตกใจ
“นายดิ่ง”
จิตรวรรณร้องเรียก ศยามเข้ามาหาจิตรวรรณ
“คุณจี๊ด เป็นยังไงบ้าง”
จิตรวรรณกอดศยาม ร้องไห้อย่างหนัก ยอดชายเข้ามาพยายามอธิบาย
“จี๊ดฟังยอดก่อน ยอดเพิ่งจะเข้ามา แล้วก็เห็น...”
จิตรวรรณตบหน้ายอดชายอย่างแรง ศยามตกใจ ยอดชายเสียใจ เทวัญสะใจ
“ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“คุณจี๊ด ฟังคุณยอดก่อน”
“แล้วนายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หรือว่ามาเยาะเย้ยฉันหลังจากที่เพื่อนทรยศ ฉันทำสำเร็จ นายกับยอดซี้กันนี่ นี่นายอยากให้ฉันถูกทำร้ายมากขนาดนี้เลยเหรอ ทุเรศ! ไปให้พ้น!”
จิตรวรรณผลักศยามออกไปอย่างเสียใจ วิ่งออกไป เมื่อไม่มีจิตรวรรณ เทวัญยืดตัวมองยอดชายและศยามอย่างสะใจ ยอดชาย กัดฟันกรอด พุ่งเข้าไปจะทำร้ายเทวัญด้วยความแค้น
“ไอ้เลว!”
ศยามห้ามเอาไว้
“อย่าคุณยอด”
เทวัญตวาด
“ขืนแกแตะต้องฉันแม้แต่นิดเดียวอีก เรื่องนี้ถึงตำรวจแน่ อย่าลืมนะ ว่าชะตา ของแกอยู่ที่ลิ้นของฉัน ควรจะทำดีต่อฉันให้มากๆถ้าไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ”
เทวัญเดินออกไป ยอดชายแค้นจัด ศยาม....เห็นใจยอดชาย...

มุมหนึ่งโรงแรม จิตรวรรณวิ่งร้องไห้ออกมา เทวัญวิ่งตามมาแสดงความเป็นห่วง ศุวิมลวิ่งมาจากอีกทาง เห็นจิตรวรรณและเทวัญ จิตรวรรณเห็นศุวิมลยิ่งอับอาย วิ่งหนีไป
ศยาม ยอดชายวิ่งออกมา ยอดชายเห็นศุวิมลแล้วอึ้ง ศุวิมลมองยอดชายอย่างผิดหวัง
“สารเลว”
ศุวิมลตบหน้ายอดชายอย่างแรงด้วยความเสียใจ ยอดชายอึ้ง เสียใจ ศยามปราม...
“ศุ! ฟังก่อนสิ เรื่องเป็นมายังไง เรายังไม่รู้ พี่ไม่เชื่อว่าคุณยอดจะทำเรื่องแบบนี้กับคุณจี๊ดได้หรอกนะ”
“เขาหลงรักคุณจี๊ดมาตลอด เมื่อสบโอกาส ทำไมจะทำไม่ได้”
“คุณคิดว่าผมเลวจริงๆเหรอ คุณศุ”
ยอดชายโต้ ศุวิมลอึ้ง แต่ความเสียใจมีมากกว่าจะมีสติยั้งคิด ศุวิมลเดินหนีออกไป ยอดชายมองตามศุวิมลอย่างเสียใจ ศยามเห็นใจยอดชายมาก

ยอดชายนั่งซึมอยู่ในสวนสาธารณะ ศยามเข้ามาคุยด้วย
“ไม่ต้องเครียดหรอกคุณยอด ความจริงจะปกป้องคุณเอง”
ยอดชายหันมอง
“คุณเชื่อผมใช่มั้ย”
“ใช่...คุณต้องไม่หวั่นไหว ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณ ไม่อย่างนั้นมันก็จะเข้าทางแผนนายเทวัญ และมารศรี....”
ยอดชายแปลกใจ
“คุณมารศรี...”
“สองคนนี้กำลังร่วมมือกันทำลายทุกคนที่อยู่รอบตัวจี๊ดและผม ตอนนี้หลักฐานเดียวที่เรามีคือ เจ๊ยุพา....ต้องหาทางทำให้เจ๊ยอมรับให้ได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของมัน”
ยอดชายเห็นด้วยกับความคิดของศยาม

เทวัญขับรถพาจิตรวรรณมาส่งที่บ้าน
“น้องจี๊ด....น้องจี๊ดควรจะแจ้งความ”
“ให้จี๊ดต้องอับอายมากไปกว่านี้เหรอคะ”
เทวัญนึกขัดใจ แต่ทำเป็นเข้าใจ
“พี่ขอโทษ พี่ลืมคิดไปค่ะ”
“อย่าบอกคุณพ่อคุณแม่นะคะ จี๊ดไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ”
“แล้วจี๊ดจะจัดการเรื่องนายยอดชายยังไง”
“จี๊ดยังไม่รู้ จี๊ดขอเวลา พรุ่งนี้ จี๊ดอาจจะคิดออก ว่าจะเอายังไง”
จิตรวรรณเดินเข้าบ้านไป เทวัญสะใจ ที่แม้เธอจะไม่เอาเรื่อง...แต่ก็ได้ผล...กำจัดยอดชายออกไปให้พ้นทาง

จิตรวรรณเดินจะขึ้นห้อง ต้องชะงัก เมื่อมองไปทางหนึ่ง เห็นเจตนาและวันดีนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันกระหนุงกระหนิง จิตรวรรณมองภาพนั้นด้วยความสุข และตื้นตันจนอดน้ำตาซึมไม่ได้ แล้วเธอก็หมองลง เมื่อนึกถึงเรื่องของตัวเอง ผิดหวังกับเพื่อนรัก ร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ ตรงกันข้ามกับภาพของพ่อแม่ด้านหลัง

เช้าวันใหม่...
ศยามกำลังจะไปทำงาน มารศรีเข้ามาถาม
“ยังทำตัวเป็นปกติได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“แล้วจะให้ทำตัวยังไง”
“ทั้งๆที่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเมื่อคืนไงคะ”
“ไม่มีอะไรนี่”
มารศรีแปลกใจ
“นี่คุณไม่นึกเดือดร้อนอะไรบ้างเลยหรือยังไง”
“ในเมื่อ...เรื่องใหญ่ที่ว่า...มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ จะให้ผมเดือดร้อนทำไม”
“อะไรนะ”
“ป๊อดดูแลคุณพ่ออยู่ใช่มั้ย”
มารศรีนึกไม่พอใจ ที่ศยามทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วเดินออกไป

ป๊อดกำลังช่วยยกขาให้เศกได้เคลื่อนไหว...
“ยกหนึ่ง ยกสอง....น่าน ดีครับ”
แม่บ้านยกชุดน้ำชามา
“คุณผู้หญิงบอกให้ท่านดื่มชานี่ด้วย”
แม่บ้านวางถาดแล้วรีบออกไป ป๊อดเห็นสายตาตื่นๆของเศกเมื่อมองกาน้ำชา แล้วฉุกคิดอะไรบางอย่าง
ศยามเข้ามาหาเศก
“ผมไปทำงานแล้วนะครับ คุณพ่อ”
ป๊อดรีบบอก
“พี่ดิ่ง ผมมีเรื่อง”
“จะไปต่อยกับใคร”
“ป๊าดโธ่ ไม่ใช่! แต่ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้มั้ย”
ศยามแปลกใจกับท่าทีของป๊อด

มารศรีเปิดม่านดู เห็นศยามกับป๊อดคุยกันอย่างสนใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียง...ป๊อดรายงาน...
“พอแกได้ยินคำว่าคุณผู้หญิงปุ๊บ สายตาแกเปลี่ยนปั๊บเลยนะ เหมือนกลัว”
ศยามตัดสินใจทันที
“เอาชาในกาไปเททิ้ง เก็บบางส่วนแล้วเอามาให้ฉัน”
“เอาไปไหนพี่”
“เออน่ะ...แล้วก็ต่อไปนี้ ไม่ต้องให้คุณพ่อดื่มชาอีก บอกว่าลุงหมอสั่ง ช่วงนี้อาการคุณพ่อยังทรง ไม่ควรดื่มของพวกนี้”
“โหย...ตื่นเต้น เหมือนกำลังอยู่ในหนังสืบสวนสอบสวนเลยพี่ แต่ผมว่าชีวิตจริงยิ่งกว่าอีก”
“พูดมาก...ไป จัดการตามที่สั่ง”
“ครับผม”
ป๊อดวิ่งออกไป ศยามครุ่นคิด เครียดเป็นกังวล หันไปทางที่มารศรีแอบดูอยู่พอดี มารศรีหลบสายตาศยาม ซ่อนตัวหลังม่าน กลัวศยามเห็น มารศรีร้อนใจ รีบเดินออกไป

จิตรวรรณนั่งซึมอยู่อยู่ในบ้าน เจ็บปวดเรื่องยอดชาย วันดีเข้ามาคุยด้วย
“ไม่สบายหรือเปล่าจี๊ด ถึงไม่ไปทำงาน”
“ค่ะ จี๊ดปวดหัว”
“เมื่อคืนกลับดึก ไปไหนมา”
“เอ่อ....ไปทานข้าวกับพี่เทวัญค่ะ”
“เมื่อไหร่จะตบจะแต่งได้สักที หือ ลูก ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบนี้มานานแล้ว แม่ว่ามันควรจะถึงเวลาได้แล้วนะ รออะไร”
“เอ่อ..รอ...ให้งานลงตัวก่อนดีกว่าค่ะคุณแม่....”
“จี๊ด....ลูกผู้หญิงต่อให้ทำงานเก่งยังไง เมื่อแต่งงานมีครอบครัว เราก็ต้องเลือกครอบครัวก่อนงานนะลูก สามี หรือลูก คือคนที่เราต้องดูแลมากกว่าอะไรทั้งหมด”
จิตรวรรณกอดวันดี
“จี๊ดทราบค่ะ จี๊ดถึงต้องขอทำงานให้ดีที่สุดก่อนไงคะคุณแม่”
“ตามใจ...ถ้าลูกแม่เป็นฝั่งเป็นฝากับเทวัญ คนที่แม่มั่นใจว่าจะดูแลจี๊ดได้ดีที่สุดเมื่อไหร่ วันนั้นแม่จะมีความสุขมากที่สุด มากกว่าวันนี้อีก”
“ค่ะแม่...จี๊ดก็คงจะเหมือนกัน...”
จิตรวรรณน้ำตาซึม รู้สึกสับสนในใจอย่างที่สุด ป้าเพ็ญเดินเข้ามา
“คุณหนูจี๊ดคะ เพื่อนมาหาค่ะ”
“คนไหน?!” จิตรวรรณแปลกใจ

มุมหนึ่งออฟฟิศโมเดิร์นคาร์...เทวัญไล่บี้ยุพา ที่กลัวเทวัญหัวหด...
“คราวนี้ล่ะปิดปากเงียบทำไม”
“ก็...เจ๊ไม่อยากพูดนี่คะ มัน..ไม่ดีกับคุณจี๊ด”
“แต่ดีกับฉัน”
“คุณเทวัญขา เจ๊ยอมทำตามคุณเทวัญทุกอย่างแล้ว แต่เจ๊ขอเถอะนะคะ เจ๊สงสารคนดีๆอย่างคุณยอด คุณเทวัญจะเลวไปถึงไหนคะ”
เทวัญโกรธ ตบหน้ายุพาจนหน้าหัน
“โอ๊ย!!!”
“ฉันเลวได้มากกว่านี้”
ลุงแปลงและโพเดินเข้ามาเห็นพอดี ตกใจมาก
“เจ๊ยุพา”
เทวัญชะงัก ลุงแปลง โพเข้ามากันตัวยุพาเอาไว้
“ทำเจ๊ยุพาทำไมครับ คุณเทวัญ” โพถาม
“มันขโมยเงินฉัน”
ลุงแปลง โพตกใจมองหน้าหัน ยุพาหน้าเหรอ....ไม่รู้เรื่อง
“ฉันจะให้มันถูกไล่ออก”
ยุพาตกใจ
“ยุพาถูกไล่ออกไม่ได้นะคะ หนี้เพียบเลย”
“เรื่องของแก จนกว่าแกจะยอมรับผิด ว่าแกเป็นคนขโมยกระเป๋าเงินฉันไป”
ยุพาอึ้ง...ลุงแปลง โพ มองหน้ายุพา อย่างต้องการคำตอบ
จิตรวรรณเดินเข้ามาในบ้าน พบใจดียืนรออยู่แล้ว
“ใจดี...”
ใจดีพูดในสิ่งที่อยากจะพูด...
“ยอดไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น”
“ยอดเล่าอะไรให้เธอฟัง”
“เล่าเรื่องเพื่อนที่ทำตัวน่าผิดหวังมากที่สุดอย่างเธอให้ฟังไงล่ะ”
จิตรวรรณไม่พอใจ
“ใจดี ฉันเป็นเหยื่อนะ”
“ยอดต่างหากที่ตกเป็นเหยื่อของนายเทวัญ โดยที่ใช้เธอเป็นเครื่องมือ อย่าโง่ได้มั้ยจี๊ด”
จิตรวรรณอึ้งไม่พอใจที่ถูกเพื่อนด่าว่าโง่ ใจดีพูดต่อ...
“แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง ว่านายเทวัญมันวางแผนล่อให้ยอดเข้าไปติดกับ นึกทบทวนซิ ว่าครั้งสุดท้ายเธออยู่กับใคร อยู่กับนายนั่น ไม่ใช่ยอด”
“ฉันอยู่กับยอด! ยอดเป็นคนพาฉันเข้าโรงแรม ถึงฉันจะไม่มีสติ แต่ฉันก็เห็นยอด ฉันเห็นเพื่อนฉันกำลังจะทำร้ายฉัน!!!”
“จี๊ด...”
“ไม่ต้องพูด พอ! ถ้าคิดว่าฉันโง่ ก็ไม่ต้องมาเสียเวลา เพราะไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะเชื่อของฉันแบบนี้ ออกไปให้พ้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก!”
วันดีเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นลูก ทะเลาะอะไรกัน”
ใจดีหันไปบอก
“คือว่าจี๊ดกำลังเข้าใจ...”
จิตรวรรณขัดจังหวะ
“ใจดีมาขอลาออกจากงานค่ะ และจี๊ดก็อนุมัติเรียบร้อยแล้ว”
“จี๊ด...” ใจดีตกใจ ผิดหวัง
“ทำไมล่ะลูกใจดี...”
“ไม่มีอะไรค่ะคุณแม่ หนูก็แค่เบื่อ...ที่ต้องทำงานกับคนอวดฉลาด ขอบคุณมากจี๊ด ที่ทำให้ฉันตาสว่าง ว่ากว่าสิบปีที่เราคบกันมา มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย ขอให้เธอโชคดี”

ใจดีเดินออกไป ด้วยความผิดหวังในตัวเพื่อน จิตรวรรณเชิดหน้า ไม่ยอมรับความเสียใจ ทั้งๆที่เสียใจ
 
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.


กำลังโหลดความคิดเห็น