xs
xsm
sm
md
lg

ชิงนาง ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงนาง ตอนที่ 11

ในขณะที่ภูผายืนมองใบชาที่วางตากแห้งอยู่เพียงลำพัง สักครู่หนึ่งสว่างวิ่งพรวดเข้ามาหาท่าทีร้อนรน

“นายครับ...” สว่างตัดสินใจบอก “ตอนนี้คุณเดือนป่วยหนัก”
ภูผาตกใจมาก “เดือนเป็นอะไร”
“คงเป็นผลจากตอนที่รถเกิดดอุบัติเหตุน่ะครับ เอ่อ..ทางโน้นบอกว่าคุณเดือนคงอยู่ได้อีกไม่นาน แล้วก็เพ้อเรียกหาแต่นาย”
ภูผาเครียดหนัก นิ่งงันไป

ไม่นานหลังจากนั้น ภูผาเดินออกจากห้อง พร้อมสะพายเป้เดินทาง หนูนากับดอยที่ยกอาหารเข้ามาต่างรู้สึกแปลกใจ
“คุณจะไปไหน”
ภูผามอง แต่ไม่ยอมตอบตั้งท่าจะเดินไป หนูนาวิ่งตามไปคว้าแขนไว้
“ฉันถามว่าคุณจะไปไหน” หนูนาคาดคั้น
ภูผาเข้าใจความรู้สึกแต่จำเป็นดึงมือหนูนาออก
“กลับแสนสมุทร!”
พูดจบภูผาเดินจากไป หนูนาวิ่งตามมาที่ระเบียง
“คุณภูผา”
หนูนาใจหายวาบ เสียใจจนร้องร้องไห้โฮออกมา สว่างเดินเข้ามาปลอบ
“หนูนา”
หนูนาโผกอดสว่างระบดระบาย “ฉันไม่เคยมีความสำคัญกับเขาเลย ไม่เคยเลย...”
หนูนาร่ำไห้สะอึกสะอื้น สว่างกอดปลอบด้วยความเห็นใจ

พฤกษ์เปิดประตูเข้ามาในห้องอรุณ พบทุกคนหน้าตาแช่มชื่น
“คุณพ่อเรียกให้คนตามผมมา มีอะไรเหรอครับ”
ศรีดารามองไปที่อนุต แปลกใจว่าเรียกพฤกษ์มาทำไม?
“พ่อจะตกแต่งห้องใหม่ให้เป็นห้องหอของอรุณกับเดือน” อนุตบอกเสียงเรียบ
พฤกษ์ชะงัก
ศรีดาราจับแขนอนุตเป็นเชิงขอร้องไว้ ไม่อยากให้พูดทำร้ายจิตใจพฤกษ์มากกว่าไปกว่านี้

“ครั้งที่แล้วมันกะทันหันไปหน่อย ก็เลยไม่ได้ทำ แต่ครั้งนี้มีเวลา พ่อก็เลยจะตกแต่งให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน”
พฤกษ์เจ็บจนจุก “พ่อบอกผมทำไมครับ”
“พ่อคงต้องให้พฤกษ์ช่วยคุมช่างให้หน่อย” ท้ายประโยคอนุตเน้นทุกคำ “ถือว่าทำให้น้อง!”
พฤกษ์แทบพูดไม่ออก แต่ต้องรับคำ “ครับ”
จากนั้นพฤกษ์เดินออกไปเงียบๆ ศรีดาราทนไม่ได้ตามพฤกษ์ออกไป

พฤกษ์เดินออกมาที่หน้าตึกใหญ่ กำลังจะออกไปท่าเรือ ศรีดารารีบตามออกมา เรียกไว้
“พฤกษ์!”
พฤกษ์ชะงักหันมาหา ศรีดาราจับแขนพฤกษ์ลูบเบาๆ
“เข้มแข็งไว้นะลูกนะ”
“แม่...ผมรับไม่ไหว..ไม่ไหวจริง ๆ ครับแม่”
ศรีดารามองพฤกษ์ด้วยความสงสาร
อนุตตามมาส่งเสียงแทรกเข้ามา “แต่แกต้องรับให้ได้”
ศรีดารากับพฤกษ์หันมอง อนุตเดินเข้ามา
อนุตพูดกดดันพฤกษ์ “ในฐานะที่แกเป็นสามี แกต้องรักและดูแลเมียของแก”
สีหน้าพฤกษ์ยามนั้นใกล้จะหมดความอดทนเต็มที ทุกคำที่อนุตพูดกระแทกและกดดันให้พฤกษ์ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการแม้แต่อย่างเดียว
“ในฐานะที่แกเป็นพี่ชาย แกต้องเสียสละให้น้อง ไม่ใช่มาแย่งหัวใจของน้องไปแบบนี้! เลิกยุ่งกับวงเดือนซะ”
ความอดทนของพฤกษ์ขาดผึง พูดเสียงดัง “พอที..ผมไม่อยากฟัง!”
อนุตกับศรีดาราอึ้ง พฤกษ์รู้ว่าตัวเองกำลังจะขาดสติ จึงรีบออกไปทันที
“พฤกษ์” ศรีดาราใจหายทำท่าจะตามไป
“ไม่ต้องตาม! ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น...” อนุตบอกภรรยา
ศรีดาราพะว้าพะวง สีหน้าเป็นกังวลมาก

ตกตอนเย็นวันนั้น พฤกษ์ว่ายน้ำระบายความเครียด ชายหนุ่มว่ายๆๆ อยู่ในทะเล สักครู่ใหญ่ พฤกษ์เดินขึ้นมาที่ชายหาดทิ้งตัวลงนอนบนผืนทราย
“โว๊ย...” พฤกษ์แหกปากตะโกนก้อง ระบายความเครียดที่ตัวเองไม่รู้จะจัดการมันยังไง

ค่ำคืนนั้น อรุณนอนฟังวงเดือนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอน อย่างสุขใจ
“เดือน...เบื่อไหมที่ต้องมาอยู่กับคนป่วยอย่างฉัน”
วงเดือนขยับเดินกลับมานั่งลงข้างเตียง
“อย่าคิดมากสิคะ”
“แม้แต่ฉันเองยังเบื่อเลยที่ต้องมาติดอยู่ในห้องแบบนี้ คนป่วยไม่มีค่า...อย่างฉัน”
วงเดือนวางมือบนหลังมืออรุณ “เดือนไม่เบื่อหรอกค่ะ แล้วคุณอรุณก็ไม่ใช่คนป่วย จำได้ไหมคะ ที่แพคราวที่แล้วคุณอรุณยังว่ายน้ำชนะคุณผาเลย”
วงเดือนหลุดปากพูดถึงภูผาออกมา แล้วก็ชะงักที่เห็นอรุณหน้าเสีย
อรุณพยายามเข้มแข็ง “ดึกแล้ว เดือนกลับไปพักเถอะ
“เดือน…”
“ฉันอยู่ได้” อรุณบอก

วงเดือนเดินออกไป อรุณมองตามสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง

วงเดือนเข้ามาในห้อง หยิบรูปของภูผาออกมาดูอย่างอาลัยอาวรณ์

“อีกนานแค่ไหน เดือนถึงจะลืมคุณได้ คุณภูผา”
เสียงเคาะประตูดัง วงเดือนหันมองตามเสียง

สักครู่หนึ่งวงเดือนเปิดประตูออกมา แต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นอรุณยืนอยู่หน้าห้อง
“คุณอรุณ ดึกแล้วลงมาทำไมคะ
“เดือน...ฉันอยากเดินเล่น เธอไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม”

บริเวณทั้งทั้งชายหาดในยามค่ำคืนเงียบสงัด ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญส่องสว่างไปทั่วบริเวณ อรุณเดินเลียบชายหาดมากับวงเดือน
“เธอรู้ไหมว่าฉันดีใจมากที่เธอกลับมาหาฉัน ดีใจที่เรากำลังจะแต่งงานกัน”
วงเดือนยิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไรตอบออกมา
อรุณมองมือวงเดือน แล้วรวบรวมความกล้าจับมือวงเดือนมากอบกุม วงเดือนชะงักเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ดึงมือออกแต่อย่างใด อรุณเดินจูงมือวงเดือนอย่างมีความสุข
“ได้จูงมือเดือนแบบนี้ ทำให้ฉันคิดถึงวันแรกที่พ่อพาเดือนมาที่บ้าน พ่อบอกฉันว่าเดือนจะมาเป็นนางฟ้าของฉัน ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ฉันก็อยากจะให้เดือนอยู่ข้างฉันตลอดเวลา” อรุณหงุดเดิน จับตัววงเดือนให้หันหน้าเข้ามาหากัน “สัญญากับฉันได้ไหมเดือน ว่าเดือนจะอยู่กับฉันตลอดไป”
วงเดือนลำบากใจแต่ก็ฝืนยิ้มพลางตอบ “ค่ะ เดือนสัญญา”
อรุณยิ้มอย่างปลื้มปริ่มมีความสุข จูงมือวงเดือนเดินไปตามชายหาด

ที่บริเวณไม่ไกลนั้น มีนักเลง 2 คนนั่งดื่มเหล้าอยู่
นักเลงหนึ่งในสองสะกิดคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน ให้มองไปทางอรุณกับวงเดือน “พี่...ดูโน่น”
นักเลงลูกพี่ ยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหา นักเลงลูกน้องเดินตาม
นักเลงทั้ง 2 คนเข้าไปขวางอรุณกับวงเดือน
“ไม่เหงาเหรอ มาเดินเล่นกันสองคน พวกพี่เดินเป็นเพื่อนไหม” นักเลงลูกพี่เอ่ยขึ้น
ไวเท่าความคิดอรุณรีบดึงวงเดือนไปอยู่ด้านหลังโดยอัตโนมัติ
นักเลงลูกน้องแซว “แฟนสวยนะ มาสนุกกับพวกพี่ดีกว่า”
อรุณกระชากมือวงเดือนจะวิ่งแต่ช้ากว่านักเลงลูกน้องที่คว้าแขนของวงเดือนดึงรั้งไว้กระชากตัวมา
“จะไปไหน!”
อรุณเห็นวงเดือนโดนดึงไว้ จึงหันไปต่อยเข้าหน้านักเลงคนที่จับวงเดือนอยู่ แต่แรงต่อยของอรุณทำได้แค่มันผงะไปเท่านั้น
วงเดือนตัดสินใจตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
“เดือน หนีไป” อรุณตะโกนก้อง
นักเลงลูกพี่เตะอรุณจนเซไปทันที ขณะที่ลูกน้องเข้าไปกระชากอรุณมาต่อยไม่ยั้ง นักเลงทั้ง 2 เข้ารุมซ้อมอรุณ ร่างอรุณที่อ่อนแออยู่แล้วพอถูกซ้อมก็สลบไป
วงเดือนหวีดร้อง “คุณอรุณ” ลืมตัวพยายามเข้าไปผลักนักเลงให้พ้นจากอรุณ
นักเลงลูกน้อง กระชากแขนวงเดือนออกมา แล้วเหวี่ยงลงไปกับพื้นทราย วงเดือนหวีดร้อง นักเลงลูกน้องจะลวนลาม ก้มลงซุกไซ้วงเดือน
ทันใดนั้น มีมือของใครคนหนึ่งเข้ากระชากนักเลงลูกน้อง แล้วต่อยล้มคว่ำไป นักเลงลูกพี่ ตกใจจะลุกขึ้นมาเล่นงานเจอถีบจนร่างกระเด็นไป
เป็นภูผานั่นเองที่มาช่วยวงเดือนไว้ทันท่วงที สองนักเลงพยายามตั้งหลักหมายจะเข้ารุมภูผา แต่ถูกเล่นงานจนต้องหนีกระเจิงไปทั้งคู่
วงเดือนพยายามเพ่งมอง จนเห็นชัดว่าคนที่หันมาเป็นภูผา วงเดือนทั้งตกใจและดีใจ
“คุณภูผา”
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“เดือนไม่เป็นไรค่ะ..แต่คุณอรุณ”
ภูผากับวงเดือนรีบเข้าไปดูอาการอรุณ
“อรุณ..อรุณ”
อรุณสลบไม่ได้สติ

เตียงรถเข็นที่มีร่างอรุณอยู่ถูกเข็นเข้ามาอย่างเร่งรีบ ภูผากับวงเดือนจะตามเข้าไปด้วยกัน แต่แล้วภูผาต้องชะงักเมื่อมองไปเห็นเมฆาเดินออกมาจากด้านใน เพราะเพิ่งออกเวรมา
ภูผาฉีกตัวหลบฉากตรงมุมทางเดิน เจ้าหน้าที่เข็นอรุณกำลังจะผ่านเมฆาไป เมฆาเห็นเป็นอรุณก็ตกใจ วิ่งเข้ามาหา วงเดือนที่ตามติดมาคว้าตัวไว้
“อรุณ!” เมฆาหันมาถามวงเดือนอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น”
ด้วยความฉุกละหุก วงเดือนยังไม่ทันได้ตอบอะไร เมฆารีบตามอรุณเข้าห้องฉุกเฉินไป

วงเดือนหยุดที่หน้าห้องฉุกเฉินยืนมองอย่างเป็นห่วง จนวงเดือนนึกได้เหลียวมองหาภูผา แต่ไม่เห็นภูผาแล้ว

อรุณนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องคนไข้ เมฆาและวงเดือนนั่งเฝ้าอยู่ สักครู่หนึ่งอนุตกับศรีดาราก็มาถึง

“อรุณ!...” ศรีดารารีบเดินไปข้างเตียง
“น้องเป็นยังไงบ้าง” อนุตถามเมฆา
“แค่มีแผลฟกช้ำกับอาการช้ำในครับ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้”
ศรีดาราสงสัย “เดือน..ทำไมอรุณถึงเป็นแบบนี้”
“คือ...เดือนจะโดนฉุด คุณอรุณพยายามช่วยเดือนค่ะก็เลยโดนรุมทำร้าย แต่โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ แล้วก็รีบพาคุณอรุณมาโรงพยาบาล” วงเดือนเล่า
ศรีดาราจับมืออรุณแนบแก้ม “ลูกแม่”
“แล้วคนที่มาช่วย เขาเป็นใคร” อนุตถาม
วงเดือนอึกอัก “คือ...เอ่อ...” หลบตา “เดือนก็ไม่ทราบค่ะ”
เมฆามองวงเดือนจับกิริยา รู้สึกสงสัยว่าวงเดือนมีพิรุธ

อนุตกับศรีดาราเดินไปตามทาง วงเดือนเดินตาม
เมฆาเดินตามมาคว้าแขนวงเดือนไว้
วงเดือนตกใจ “คุณเมฆา! มีอะไรคะ”
“ใครเป็นคนช่วยเธอกับอรุณ”
วงเดือนอึกอัก “ก็...เดือนบอกแล้วนี่คะว่า...เดือนไม่ทราบ”
เมฆามองวงเดือนยังรู้สึกคาใจไม่หาย
“เดือน..บอกฉันมา...”
เสียงศรีดาราเรียกขัดจังหวะขึ้นเสียงก่อน “เดือนจ๊ะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่รออยู่ เดือนไปก่อนนะคะ”
วงเดือนถือโอกาสปลีกตัวตามไป เมฆามองตามรู้สึกสงสัยหนัก

วงเดือนเปิดประตูเข้ามาในห้องเก็บศพศรีเรือน มองไปรอบๆ ห้องอย่างผิดหวัง ก่อนจะเดินมาหยุดยืนมองจ้องไปที่รูปของศรีเรือนที่ตั้งอยู่
“คุณท่านคะ..เดือนอยากพบคุณภูผาอีกสักครั้ง คุณท่านเมตตาช่วยให้เดือนได้พบคุณผาอีกสักครั้งนะคะ”
วงเดือนจ้องรูปภาพของศรีเรือนแน่วนิ่ง น่าประหลาดที่ใบหน้าศรีเรือนที่มองมายามนี้ดูอ่อนโยนเหลือแสน

ศรีดารานั่งมองอนุตที่นอนหลับอยู่บนเตียง ฟ้าแล่บแปลบปลาบเป็นระยะ ศรีดารารู้สึกไม่สบายใจ ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมมาสวมจะเดินออกจากห้อง
จังหวะนั้นอนุตรู้สึกตัวพอดี “คุณจะไปไหน”
“ฉันไม่ค่อยสบายใจ อยากจะไปไหว้คุณแม่ค่ะ ขอให้ท่านคุ้มครองอรุณ”
ศรีดาราออกไป อนุตมองตาม

ฝนตกหนัก ภูผาเปิดประตูเข้ามาในห้องเก็บศพศรีเรือน ชายหนุ่มยืนมองโลงศพของศรีเรือนที่วางตั้งอยู่ ก่อนจะเดินมานั่งลงตรงหน้ารูป ภูผาหยิบซองผ้าเล็กๆ ออกมา แล้วหยิบจานรองแก้วเล็กๆ เป็นจานรองแก้วน้ำที่ใช้ไหว้ศรีเรือนอยู่แล้ว ภูผาเทของในซองผ้าออกมาใส่จาน ที่แท้เป็นใบชาจากไร่ของเขา ภูผายกแล้วมองนิ่งที่ภาพศรีเรือน
“คุณย่าเคยบอกผมว่า อย่ากลับมาจนกว่าผมจะสร้างอาณาจักรภูผาได้สำเร็จ...”
ระหว่างนั้นศรีดาราเดินเข้ามาที่หน้าห้อง ชะงักหยุดฟัง
“ผมทำสำเร็จแล้วครับ นี่เป็นใบชาจากไร่ของผม...ไร่ที่ผมตั้งใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อคุณย่า คุณย่าภูมิใจในตัวหลานคนนี้ไหมครับ”
ภูผาวางจานใบชา...น้ำตาร่วงอย่างสุดกลั้น
ศรีดาราแง้มประตูเปิดเข้ามา ภูผายินเสียงหันกลับไป ทั้งสองแม่ลูกต่างชะงัก
ศรีดาราร้องออกมา “ภูผา”
ภูผาดีใจ “แม่”
ศรีดาราโผเข้ากอดภูผาด้วยความรักและคิดถึง ภูผากอดตอบดีใจไม่ต่างกัน
“ภูผา...” ศรีดาราจับหน้าลูกชายมองอย่างเพ่งพิศ “ทำไมลูกถึงหนีแม่ไป ลูกรู้ไหมว่าแม่
เป็นห่วงลูกมากแค่ไหน คุณพ่อตั้งใจเก็บศพคุณย่าไว้ให้ลูกกลับมาไหว้ท่าน”
“ผมเสียใจที่ไม่มีโอกาสกราบเท้าท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
“แล้วทำไมต้องแอบเข้ามาแบบนี้ นี่บ้านเรานะลูก”
“แต่เป็นบ้านที่พ่อไม่ต้องการลูกคนนี้อีกแล้ว ผมไม่อยากให้พ่อโกรธผมอีก”
ศรีดารากอดลูกด้วยความรัก “ภูผา...ลูกรู้ใช่ไหมว่าอรุณกำลังจะแต่งงาน”
“ผมรู้ครับ”
“ภูผา...จริงเหรอเปล่าที่ลูกพาเดือน...” ศรีดาราพยายามจะถามเรื่องที่เมฆาลักพาตัววงเดือน
ภูผาแทรกขึ้น ไม่ยอมตอบคำถามแม่ “ไม่ต้องห่วงนะครับแม่ ผมจะไม่ทำให้น้องต้องเสียใจ ผมจะขอเป็นคนไปเพื่อให้บ้านแสนสมุทรสงบสุข”
“ไม่ ภูผา กลับมาอยู่บ้านได้ไหมลูก แม่จะพูดกับพ่อให้เองนะ” ศรีดาราบอก
“ถ้าผมอยู่จะทำให้อรุณเจ็บปวด ผมอยากจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าผมพร้อมจะเจ็บปวด เพื่อครอบครัวได้เหมือนกัน”
ศรีดารากอดภูผาด้วยความรักและสงสาร

อนุตยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองภาพหน้าตรงนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับหุ่นปั้น

ชิงนาง ตอนที่ 11 (ต่อ)

รุ่งเช้าวงเดือนถือถาดแก้วน้ำเข้ามาในห้องเก็บศพศรีเรือน ในขณะที่วงเดือนกำลังจะจัดการเปลี่ยนน้ำไหว้ศรีเรือนนั้น วงเดือนต้องชะงักที่เห็นว่าจานรอง ถูกนำมาใส่ใบชาวางไว้เหมือนไหว้ศรีเรือน

วงเดือนสังหรณ์ใจ “คุณภูผา” รีบออกไปนอกห้องอย่างร้อนรน
จังหวะที่วงเดือนออกมา ชนเข้ากับเมฆาที่เดินมาพอดี
“ขอโทษค่ะ” วงเดือนลุกลี้ลุกลนจะรีบไป
เมฆานึกสงสัย “ธอจะรีบไปไหน”
วงเดือนชะงัก
วงเดือนนึกหาข้อแก้ตัว “เอ่อ..เดือนจะรีบไปที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ ไม่อยากให้คุณอรุณรอนาน”
เมฆาดึงแขนไว้มองจ้องหน้าวงเดือนเหมือนจะค้นความจริง “แน่ใจเหรอว่าเธอจะไปหาอรุณ”
วงเดือนอึ้ง ยิ่งเห็นเมฆาเพ่งมองอย่างจดจ้องก็อึกอักหลบตาวูบ
“ค่ะ”
เมฆาไม่เชื่อใช้สองมือจับไหล่ให้วงเดือนหันมา
“เดือน...” ตั้งใจจะถามว่า...เธอกำลังปิดบังอะไร
แต่เสียงโฉมเข้ามาขัดจังหวะพอดี
“โรแมนติกจริงๆ พลอดรักกันหน้าโลงศพ!”
วงเดือนไม่พอใจ “กรุณาให้เกียรติคุณท่านด้วย”
โฉมไฉไลฉุนกึก มองอย่างไม่พอใจ “อรุณอยู่โรงพยาบาลแท้ๆ” มองเหยียดวงเดือน “น่าจะหัดอายบ้างนะ”
วงเดือนสุดเอือมระอาแต่ไม่อยากมีเรื่อง ตัดสินใจเดินหนีไป
เมฆาจะตามวงเดือน ถูกโฉมไฉไลคว้าแขนเอาไว้
“เมฆา! คุณจะแย่งของน้องชายตัวเองเหรอ”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ! แล้วก่อนจะบอกให้คนอื่นละอาย มองตัวเองซะก่อนนะว่าผู้หญิงมีสามีแล้วควรทำพฤติกรรมที่น่าละอายแบบนี้ไหม?”
เมฆาปลดมือโฉมไฉไลแล้วเดินออกไป
โฉมไฉไลมองตามอย่างแค้นใจแล้วหันไปพาลกับรูปศรีเรือน
“สะใจแกแล้วใช่ไหมอีแก่หลานแกมันหลงนังวงเดือนหมดทุกคน!”

ขณะที่พฤกษ์กำลังคุมคนงานที่กำลังจะเอาเรือออก ระหว่างนั้นภูผาเดินเข้ามาตั้งใจจะมาหาพฤกษ์ แต่เขาต้องชะงัก เมื่อเห็นวงเดือนเดินเข้ามาหาพฤกษ์จากอีกทางหนึ่ง
“คุณพฤกษ์คะ”
“เดือน...” พฤกษ์มองวงเดือนเห็นสีหน้าร้อนใจฉายชัด “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
วงเดือนตัดสินใจถามอ้อมๆ “คือ...มีใครมาหาคุณพฤกษ์บ้างไหมคะ”
พฤกษ์งงแกมสงสัย “เดือนหมายถึงใคร”
วงเดือนอึกอัก “คือ...”
“ไม่มีใครมาหาฉันทั้งนั้น”
วงเดือนผิดหวัง “เดือนไปก่อนนะคะ”
วงเดือนไม่รอให้พฤกษ์ซักต่อ เดินออกไปทันที พฤกษ์ยังคาใจ แต่ติดงานที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ได้ตามไป
ภูผามองอยู่อย่างเป็นห่วง จะเข้าไปหา แต่ต้องชะงักอยู่กับที่ เพราะเห็นเมฆาเข้ามาดักวงเดือนอีกทางหนึ่ง ตรงทางเดินในท่าเรือ
วงเดือนตกใจที่เมฆามาขวางไว้
“คุณเมฆา”
“เธอโกหกว่าจะไปหาอรุณ”
วงเดือนพูดไม่ออก “เดือน”
เมฆาจ้องหน้าคาดคั้น “เธอกำลังตามหาใคร?”
“เดือนมีธุระ ขอตัวนะคะ”
วงเดือนจะไปอีก เมฆาจับแขนดึงวงเดือนไว้
“เธอต้องตอบฉันมาก่อนว่าเธอกำลังตามหาใคร”
วงเดือนมองอย่างไม่พอใจ ดึงมือเมฆาออก เสียงแข็งขึ้น “เดือนไม่ใช่นักโทษที่คุณจะต้องตามจับผิดแบบนี้”
เมฆาอึ้ง วงเดือนเดินไปอย่างเร็วรี่
เมฆาพูดไล่หลัง “อย่าลืมว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับอรุณ อย่าทรยศอรุณอีก”
วงเดือนชะงักนิดหนึ่งก่อนเดินไปต่อ เมฆามองตามไม่พอใจที่คุมวงเดือนไม่ได้
ส่วนภูผาได้แต่ยืนมองดูเมฆา และมองตามวงเดือนไปด้วยความเป็นห่วง

เย็นนั้น อรุณนอนซมพิษไข้อยู่บนเตียง อาการกระสับกระส่าย ศรีดาราเข้ามานั่งข้างเตียง อนุตตามเข้ามา
อรุณดีใจ “แม่ครับ...ผมอยากกลับบ้าน”
ศรีดาราจับตัวแล้วตกใจ “อรุณ ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะลูก”
อนุตรีบมาจับที่หน้าผาก “พ่อว่าลูกนอนโรงพยาบาลอีกสักคืนนะ”
“ไม่ครับ ผมจะกลับบ้านครับพ่อ” อรุณดื้อดึง
“อรุณ...อยู่ใกล้หมอดีกว่านะลูก”
“พ่อกับพี่เมฆาก็เป็นหมอเหมือนกัน ให้ผมกลับบ้านนะครับแม่ ผมอยากกลับไปหาเดือน” อรุณอ้อน
“เดี๋ยวพ่อจะให้เดือนมาหาลูกที่นี่”
“ผมไม่อยากให้เดือนมองผมว่าผมอ่อนแอ แม่ครับ..ให้ผมกลับบ้านนะครับแม่”
ศรีดาราลำบากใจ “อรุณ...แม่ว่า”
อรุณสวนออกมาอย่างเอาแต่ใจ “ถ้าแม่ไม่ให้ผมกลับ ผมจะไม่กินข้าว ไม่กินยา ไม่ให้หมอตรวจ”
อนุตขึ้นเสียงปราม “อรุณ”
อรุณขอร้อง “ให้ผมกลับบ้านนะครับ”
อนุตกับศรีดาราสบตากันอย่างหนักใจว่าห้ามไม่ได้แน่

เสียงโทรศัพท์ในห้องโถงบ้านแสนสมุทรดังขึ้น ชอุ่มรีบวิ่งมารับ

“ค่ะ..ค่ะ” ชอุ่มวางสาย
โฉมไฉไลเดินผ่านมาพอดี “ใครโทร.มา”
“คุณผู้หญิงค่ะ ท่านให้ทำความสะอาดห้องคุณอรุณ กำลังจะพาคุณอรุณกลับมาค่ะ”
ชอุ่มพูดจบก็เดินขึ้นบนบ้านไป โฉมไฉไลมองตามอย่างหมั่นไส้

วงเดือนกลับเข้ามามาในบ้าน แต่เห็นโฉมไฉไลมายืนขวางเอาไว้
“ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะ ผู้ชายรุมหน้าล้อมหลังหายไปไหนกันหมด”
ถูกโฉมไฉไลแขวะ แต่วงเดือนไม่อยากต่อความด้วย จะเดินหนี แต่โฉมไฉไลยังขวางไว้ไม่ยอมให้ไป
“ถ้าคิดจะแย่งเมฆากับฉัน ฉันไม่ยอมแน่
วงเดือนมองอย่าง อิดหนาระอาใจ “ฉันไม่ไร้ยางอาย ถึงขนาดจะอยากแย่งคุณเมฆากับคุณทั้งๆ ที่มีคุณอรุณเป็นคู่หมั้นอยู่แล้วหรอกค่ะ ว่าแต่คุณเถอะ...นึกถึงคุณพฤกษ์บ้างรึเปล่า”
“นังวงเดือน” ถูกย้อนเข้าให้ โฉมไฉไลโกรธจัดเงื้อมือขึ้นหมายจะตบ
วงเดือนเงื้อมือขึ้นสู้ “อย่านึกว่าเดือนไม่สู้นะคะ”
โฉมไฉไลอึ้ง “นัง...นังวงเดือน”
วงเดือนเดินหนีไป
“ทำให้ได้เหมือนที่ปากพูดก็แล้วกัน นังเดือน!” แค้นจัด “วันไหนที่แกทำเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมา ฉันนี่แหละจะเป็นคนที่เฉดหัวแกออกจากบ้าน”
โฉมไฉไลสะบัดหน้าพรืดด้วยความโกรธ แต่แล้วต้องชะงักเมื่อทอดสายตามองไปเห็นภูผาที่ยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน โฉมไฉไลตาลุกวาว
ภูผาแอบมองวงเดือนเดินกลับเรือนไป ด้วยความเป็นห่วง
โฉมไฉไลเยาะ “ไม่คิดจะแย่งเมฆาทั้งๆ ที่มีอรุณเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว...แต่ถ้าเป็นภูผาล่ะ นังวงเดือน”

คืนนั้น ภูผาแอบหลบอยู่ที่หน้ารั้วบ้านแสนสมุทร ก่อนที่จะตัดสินใจเดินกลับ เสียงโฉมดังขึ้นเรียกไว้ก่อน
“คุณภูผา”
ภูผาชะงักหันกลับไปมอง เมื่อเห็นเป็นโฉมไฉไลก็จะเดินกลับไปไม่อยากต่อความ แต่ถูกเรียกไว้อีกครั้ง
“คุณภูผามาหาคุณพ่อคุณแม่ใช่ไหมคะ?”
ภูผาหันมาหา “เปล่า”
“งั้นก็แล้วไป พอดีตอนนี้ท่านไม่อยู่ไปเฝ้าน้องอรุณที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ” เน้นคำ “มีแต่เดือนเฝ้าบ้านอยู่คนเดียว”
ภูผาชะงักสนใจ
“โฉมขอตัวก่อนนะคะ”
โฉมไฉไลเดินกลับเข้าบ้านพร้อมผุดยิ้มร้ายออกมาอย่างสะใจ
โฉมไฉไลพูดกับตัวเอง “นังเดือน..ถ้ามีใครมาเห็นว่าแกนอนกกอยู่กับผู้ชาย รับรองบ้านแตกแน่!”
ภูผาลังเลว่าจะเข้าไปหาวงเดือนหรือไม่?


อนุตเดินนำเข้ามา ขณะที่ศรีดาราประคองอรุณ ที่มีร่องรอยแผลฟกช้ำจากที่โดนนักเลงซ้อม เข้ามาในห้องโถง
“ขึ้นไปพักบนห้องก่อนนะลูก” ศรีดาราเอ่ยขึ้น
“ผมขอไปหาเดือนนะครับแม่”
ศรีดารามองอนุตให้ช่วยห้าม
“พ่อว่า...”
“ให้ผมไปนะครับพ่อ ผมคิดถึงเดือน อยากเจอ”
อนุตจนใจ “งั้นพ่อจะพาไป”
“ไม่ต้องครับพ่อ ผมอยากเดินไปเอง ผมไม่อยากให้เดือนเห็นว่าผมอ่อนแอ...นะครับพ่อ”
อนุตมองอรุณแล้วพยักหน้าให้ อรุณหันมามองแม่อย่างขอบคุณ
อรุณกอดแม่ “ผมรักแม่นะครับ”
อรุณเดินออกไป อนุตกับศรีดารามองตามอย่างหนักใจและเป็นห่วง

วงเดือนนั่งอยู่ในห้องมองดูรูปภูผา ระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น วงเดือนรีบเก็บรูปภูผาแล้วเดินไปเปิดประตู
เมื่อประตูเปิดออกกลายเป็นภูผาที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณภูผา”
ภูผาเข้ากอดเดือนอย่างสุดรัก วงเดือนจะกอดตอบด้วยความคิดถึง แต่ต้องชะงักเมื่อตั้งสติได้จึงผลักตัวภูผาออก
“คุณไม่รักเดือนแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ภูผาจะอธิบาย “วงเดือน...”
วงเดือนตัดบท “คุณกลับมาเพื่อไหว้ศพคุณท่านใช่ไหมคะ”
“เธอไม่สบาย ฉันเป็นห่วงเธอนะ..เดือน” ภูผาบอก
“อย่าห่วงเดือนอีกเลยค่ะ เพราะเรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว คุณออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ อีกไม่นาน..เดือนจะแต่งงานกับคุณอรุณ” วงเดือนจงใจเน้นคำ “อย่างเต็มใจ เดือนไม่อยากเป็นคนที่ทรยศต่อคนที่รักเดือน”
ภูผาเจ็บแปลบในใจ

โฉมไฉไลเคาะประตูหน้าห้องอรุณ
“น้องอรุณคะ..พี่โฉมมีเรื่องจะบอก น้องอรุณ”
ประตูเปิดออกมากลายเป็นชอุ่ม
“คุณอรุณไปหาเดือนที่ห้อง ยังไม่ขึ้นมาค่ะ”
ชอุ่มเดินออกไป โฉมไฉไลยิ้มกริ่ม
“เข้าล๊อคพอดีเป๊ะ!”

ส่วนภูผากับวงเดือนยังยืนนิ่งมองหน้ากันอยู่

“เดือน..เธอฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้รัก...”
วงเดือนแทรกขึ้นก่อน “เดือนรู้แล้วค่ะว่าคุณไม่รักเดือน”
“ฉันผิดเอง” ภูผาพยายามอธิบาย “ที่ฉันต้องทำกับเธอแบบนั้นเพราะ”
วงเดือนตัดบท “คุณกลับไปหาคนที่คุณรักเถอะค่ะ ต่อไปนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป”
ภูผาใจหล่นวูบ มองวงเดือนอย่างอาลัย
“ฉันขอให้เธอมีความสุข...กับอรุณ”
วงเดือนพยายามกลั้นน้ำตา “ลาก่อนค่ะ”
ภูผาตัดใจครั้งสุดท้าย ก่อนจะรั้งร่างวงเดือนเข้ามาสวมกอด วงเดือนยอมให้ภูผากอดนิ่งอยู่อย่างนั้น
จังหวะนั้น อรุณเข้ามาที่หน้าห้อง ตะลึงกับภาพภูผากำลังกอดวงเดือน
“พี่ผา”
สองคนผละออกจากกัน อรุณโกรธจัดเข้าต่อยภูผาเต็มแรง
“คุณอรุณ” วงเดือนตกใจ
อรุณคลั่งหนักต่อยภูผาไม่นับ ภูผาไม่ตอบโต้
“ไอ้พี่เลว ไอ้เลว”
อรุณต่อยภูผาจนเลือดกบปาก ภูผาเซทรุดลงไปกับพื้น แต่อรุณยังไม่หยุดคลั่งตามเข้าไปจะต่อยซ้ำ เดือนเอาตัวเข้าไปขวางกอดภูผาไว้
“ถอยไปเดือน”
“พอได้แล้ว คุณผาเป็นพี่คุณนะคะ” วงเดือนพยายามเตือนสติ
อรุณไม่ฟัง “มันไม่ใช่พี่ฉันอีกต่อไป ฉันจะฆ่ามัน”
อรุณจะเข้าทำร้ายภูผา แต่วงเดือนกลับเอาตัวเข้าขวางกอดภูผาไว้
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องฆ่าเดือนด้วย”
อรุณยิ่งคลั่งหนักจะดึงวงเดือนออกไป “ทำไมเธอต้องปกป้องมัน”
“เพราะเดือนรักคุณภูผา! เดือนรักคุณภูผาคนเดียว”
วงเดือนกอดภูผาแน่น
อรุณมองวงเดือนกอดภูผาอย่างเจ็บปวด อรุณเดินออกไปทิ้งเดือนที่ร้องไห้กับภูผาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน

โฉมไฉไลกระวนกระวาย มองไปทางเรือนวงเดือนที ทางเรือนใหญ่ที
“ทำไมไม่แห่กันลงมานะ? ป่านนี้มันต้องมีเรื่องแล้วสิ” ร้อนรุ่มใจ
เมฆาเดินกลับเข้ามาจากหน้าบ้าน เจอโฉมไฉไล
โฉมไฉไลพยายามทำตัวให้เป็นปกติ “กลับมาแล้วเหรอ”
“คุณมาทำอะไรตรงนี้?”
“ก็ฉันเบื่อๆ ก็เลยมายืนรับลม”
ศรีดาราเดินท่าทีร้อนใจมา เหมือนจะไปนอกบ้าน
“จะไปไหนครับแม่” เมฆา
“จะไปตามอรุณที่ห้องเดือน อรุณหายไปนานแล้ว ยังไม่กลับขึ้นห้องสักที”
เมฆากับศรีดารารีบไปออกไป โฉมไฉไลยิ้มสะใจ พึมพำออกมา
“ป่านนี้ไอ้ลูกแหง่ มันขาดใจตายไปแล้วมั้ง”
พูดจบก็นึกได้รีบวิ่งตามออกไป

เมฆากับศรีดาราเดินมาที่หน้าประตูห้องวงเดือน เมฆาเปิดประตูเข้าไปแล้วต้องชะงัก
เมื่อเห็นภูผาอยู่ในห้องโดยมีวงเดือนกำลังทำแผลให้ สภาพภูผาหน้าบวมช้ำปากแตกยับ
โฉมไฉไลที่ยืนอยู่ด้านหลังสุดมองอย่างกระหยิ่ม จู่ๆ ทำเป็นตกใจ
“ว๊าย..เดือนกับ...”
ศรีดาราตกใจที่เห็นสภาพภูผาชิงพูดขึ้นก่อน “ภูผา..นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
วงเดือนอึกอัก “คือ...”
เมฆาคาดคั้นเอากับภูผา “พี่มาที่นี่ได้ยังไง”
ภูผาและวงเดือนยังไม่ทันตอบ ศรีดาราก็โพล่งถามขึ้นมาก่อน
“แล้วอรุณล่ะ อรุณอยู่ที่ไหน”
“คุณอรุณกลับไปแล้วค่ะ”
ศรีดาราตกใจ “แต่อรุณยังไม่กลับไปที่ห้อง”
ทุกคนมองกันอย่างตกใจที่รู้ว่าอรุณหายไป
“อรุณ”
ภูผาลืมความเจ็บปวด วิ่งพรวดออกไป เมฆาวิ่งตามไปติดๆ
ศรีดาราหน้ามืดจะเป็นลม “อรุณ” วงเดือนปรี่เข้ามาประคอง
โฉมไฉไลรำพึงกับตัวเอง “ทำไมกลายเป็นแบบนี้นะ” รู้สึกขัดใจสุดๆ

อรุณเดินโซซัดโซเซมาตามชายหาด ทั้งเสียใจผสมกับอาการไข้ อรุณเดินเข้ามาจนถึงเวิ้งที่จอดแพ อรุณยืนมองแพที่ทรุดโทรมติดโขดหินอยู่ในเวิ้ง อรุณเดินลุยน้ำตรงไปที่แพนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ตนพาวงเดือนมาที่แพหลังนี้
“ฉันรักเดือนนะ...ฉันมีความสุขจัง เอาไว้พอเราแต่งงานกันแล้ว ฉันจะให้คนมาสร้างบ้านเล็กๆ ที่แพแล้วเราก็มาฉลองกันสองคนที่นี่”
วงเดือนใช้มือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากอรุณเบาๆ อรุณจับมือวงเดือนมาแนบแก้ม หลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข

อรุณ เสียใจหนัก นึกถึงตอนทะเลาะกับวงเดือนเรื่องภูผา
“ทำไมเธอต้องปกป้องมัน”
“เพราะเดือนรักคุณผา! เดือนรักคุณผาคนเดียว ได้ยินไหมคะ...เดือนรักเขา”

อรุณลุยมาจนใกล้จะถึงแพแล้ว ร้องไห้เสียใจจนเกิดอาการหอบอย่างรุนแรง อรุณหายใจไม่ออกล้มฟุบทิ้งตัวลงไปในน้ำ อรุณตะเกียกตะกายเอื้อมมือไปแตะที่แพ พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดพาร่างตัวเองขึ้นไปบนแพให้ได้
“เดือน...ฉันรักเธอ...เดือน...เดือน”
ทว่ามือของอรุณหลุดจากแพ พร้อมลมหายใจที่ค่อยๆ หมดลง อรุณขาดใจตายแล้ว
พฤกษ์กำลังจะขึ้นเรือ เมฆากับภูผาวิ่งเข้ามาหา
“พี่พฤกษ์!”
พฤกษ์ดีใจ ระคนแปลกใจที่เห็นภูผา “ภูผา..กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พี่พฤกษ์ อรุณมาหาพี่หรือเปล่า”
“เปล่า” พฤกษ์สังหรณ์ใจ “นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“อรุณหายออกไปจากบ้าน” ภูผาบอก
พฤกษ์ตกใจ “อะไรนะ”

รุ่งเช้าวงเดือนเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่หน้าห้อง ชอุ่มเดินร้องไห้เข้ามา วงเดือนรีบเข้าไปหาเร็วรี่
“เช้าแล้วยังไม่เจอคุณอรุณเลย”
ชอุ่มเอ่ยขึ้นก่อน วงเดือนใจหล่นวูบ “คุณอรุณ”
ชอุ่มร้อนใจ “ช่วยคิดหน่อยสิเดือนว่าคุณอรุณจะไปที่ไหนได้ ชีวิตคุณอรุณไม่เคยออกไปไหนเลย น้าว่ามีไม่กี่ที่หรอกที่คุณอรุณจะไปได้”
วงเดือนชะงัก นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมา

ไม่นานหลังจากนั้น วงเดือนวิ่งเข้ามาที่ชายหาดตรงเวิ้งที่จอดแพ
“คุณอรุณ...” แต่ทุกอย่างว่างเปล่าไร้วี่แววของอรุณ

วงเดือนขยับเดินออกไปตามโขดหินอีกมุมที่ไม่ห่างจากเวิ้งที่จอดแพนัก
“คุณอรุณ...ออกมาเถอะค่ะ เดือนขอโทษ กลับมาหาเดือนนะคะ”
พฤกษ์ เมฆา และภูผา วิ่งเข้ามาสมทบ
สามหนุ่มตะโกนก้อง “อรุณ! อรุณ”
ภูผาร้องถามเดือน “เจอไหม”
วงเดือนส่ายหน้าน้ำตาจะไหล
เมฆารับไม่ได้ “อรุณต้องอยู่ที่นี่” สั่งทุกคน “ออกตามหากันสิ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันตามหานั้น บังเอิญภูผาหันไปเห็นอรุณนอนคว่ำอยู่ที่โขดหิน
ภูผาใจหายวาบ ตะโกนขึ้นสุดเสียง “อรุณ”
ภูผาโผนทะยานลงไปอุ้มอรุณขึ้นมาอย่างเร็วรี่ ทุกคนต่างรุมกันช่วยชีวิตอรุณ
เมฆาใช้นิ้วอังที่จมูก เมฆาตกใจ วงเดือนช็อกที่รู้ว่าอรุณไม่มีลมหายใจแล้ว
“คุณอรุณ! ไม่”
ภูผาและพฤกษ์ช้อนร่างของอรุณตะโกนเรียกอย่างบ้าคลั่ง

เมฆายังพยายามจะปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอรุณ
“ฟื้นสิอรุณ แกต้องไม่ตาย อรุณ แกต้องฟื้น ฟื้นขึ้นมา”

พฤกษ์นิ่งงัน เสียใจจนพูดไม่ออก ภูผากอดร่างอรุณร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด

ชิงนาง ตอนที่ 11 (ต่อ)


สองหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล อนุตกับศรีดาราเดินเข้ามาหาภูผา กับพฤกษ์

อนุตพยายามปรับสีหน้าเมื่อเจอภูผาจังๆ
“พ่อ” ภูผาเรียก แต่อนุตเบือนหน้าหนี
ศรีดาราถามขึ้นไวๆ “น้องล่ะลูก....น้องอยู่ที่ไหน”
ภูผาเงียบ พูดไม่ออกแล้ว
พฤกษ์รีบบอก “อยู่ข้างในครับ...”
ศรีดารารีบเข้าไปในห้องฉุกเฉินเร็วรี่ อนุตจะตามไป แต่พฤกษ์จับแขนอนุตเอาไว้เป็นการบอกนัยๆ
พฤกษ์น้ำตาคลอ “พ่อครับ”
อนุตใจหายวาบ แต่พยายามแข็งใจเดินเข้าไปในห้อง
ภูผาและพฤกษ์สะเทือนใจ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ศรีดาราเข้ามาในห้องแล้ว แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นเมฆาที่ทั้งเหนื่อยล้าโรยแรง เพราะพยายามช่วยชีวิตอรุณอย่างเต็มที่ และทั้งยังเศร้าใจ ส่วนวงเดือน ยืนร้องไห้อยู่ข้างเตียงที่มีผ้าคลุมร่างอยู่
อนุตตามเข้ามา ทั้งคู่ยืนอึ้งตะลึงงัน
ศรีดาราพยายามปฏิเสธความคิดตัวเอง หันไปถามเมฆา “น้องอยู่ที่ไหน?”
“แม่ครับ...” เมฆาน้ำตาคลอพูดอะไรไม่ออก
ศรีดาราใจจะขาดรอนๆ มองร่างที่นอนบนเตียง “ไม่ใช่ใช่ไหมเมฆา” มองร่างนั้นแน่วนิ่ง เอ่ยออกมา “ไม่ใช่น้องใช่มั้ยลูก”
อนุตช็อก ค่อยๆ เดินไปเปิดผ้าคลุม
เมื่อผ้าคลุมสีขาวเปิดออก เห็นร่างอรุณที่นอนสงบนิ่งสิ้นลมหายใจอยู่บนเตียง
ศรีดาราช็อกแทบล้มทั้งยืน ร้องไห้โฮออกมา ตะโกนสุดเสียง “ไม่จริง! ไม่ใช่อรุณ!! อรุณต้องไม่ตาย อรุณลูกแม่”
ศรีดาราทรุดลงหมดสิ้นเรี่ยวแรงร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าเวทนา เมฆาและวงเดือนต้องคอยประคองไว้
อนุตใช้มือลูบหัวอรุณเบาๆ ก่อนจับร่างของอรุณขึ้นมากอด
วงเดือนสะอื้นน้ำตาไหลพราก ศรีดาราร้องไห้โฮ ส่วนเมฆาน้ำตาหยด

ทุกคนออกจากห้องฉุกเฉิน อนุตค่อยๆเดินเข้าไปหาพฤกษ์และภูผา
“มันเป็นความผิดของผมเอง” ภูผาบอกพ่อ
อนุตตบหน้าภูผาเสียงดังเผียะ!
อนุตแผดเสียงอย่างกราดเกรี้ยว “แกยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า แกรู้ว่าอรุณรักเดือนมาก แกก็ยังลักพาตัว เดือนขึ้นเหนือ ทุกคนต้องพยายามมากแค่ไหนที่จะประคองอาการของอรุณ แล้วแกยังมีหน้ากลับมาฆ่าน้องอย่างเลือดเย็นอีก แกทำได้ยังไง?”
ภูผาอึ้ง “ลักพาตัว...ผม” พยายามจะอธิบาย แต่ทว่าเสียงขาดหายไปในลำคอ
ภูผามองหน้าเมฆาแงบหนึ่ง หันไปมองหน้าวงเดือน
อนุตไม่ฟัง “ฉันเคยหวัง..ว่าคนอย่างแกจะคิดกลับตัวเป็นคนดีได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าแกจะเลวได้ถึงขนาดนี้”อนุตบันดาลโทสะถึงขีดสุด กระชากคอเสื้อภูผา ด่าว่าแรงๆ “จิตใจแกทำด้วยอะไรถึงได้ฆ่าน้องได้ลงคอ!! เลือดชั่วๆ อย่างแก ฉันจะไม่นับว่าเป็นลูกอีกต่อไป”
ภูผานิ่งชา ทุกคนอึ้ง
สักครู่หนึ่งภูผาจำใจต้องเดินจากไป พฤกษ์กับวงเดือนขยับตัว
“ถ้าใครตามมันไป ก็แสดงว่าไม่เห็นหัวชั้น!!” อนุตตวาด สั่งเสียงกร้าว
ภูผาได้ยินเสียงพ่อตามหลังมาสะเทือนใจ ภูผาเดินออกไป พฤกษ์ กับวงเดือน ชะงักไม่กล้าตามไป

ภูผายืนอยู่ริมชายหาดตรงแนวหินที่อรุณนอนตาย ภูผาทรุดตัวลงนั่งกำทรายขึ้นมาแล้วปล่อยทรายให้ไหลผ่านมือลงสู่พื้น ภาพเหตุการณ์ในอดีตตอนหยอกล้อกับอรุณผุดขึ้นมาในความคิดภูผา
วันนั้นขณะที่ภูผานอนหลับอยู่ที่ใต้ต้นไม้ริมชายหาด จู่ๆ ทรายไหลลงใส่ใบหน้าของเขาช้าๆ ภูผาสะดุ้งปัดทรายออกแล้วลุกขึ้นมองเห็นอรุณยืนหัวเราะร่า ชอบอกชอบใจ
“แกแกล้งพี่เหรอ”
“กลับบ้านเถอะพี่ ผมหิว” อรุณเฉไฉ
“กลับก็ได้ แต่หลังจากแกโดนฉันเตะซะก่อน มานี่”
ภูผาไล่เตะอุตลุด อรุณวิ่งหนีอย่างสนุกสนาน สักพักอรุณเหนื่อยหอบหันมายกมือ
“ไม่ไหวแล้วพี่”
อรุณทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทราย ภูผาตกใจมาก
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า หายใจออกไหม
“ได้พี่ แค่เหนื่อยมากไปหน่อย”
“พี่ไม่น่าให้แกวิ่ง”
“พี่ผา ผมขอเลยนะ อย่าทำเหมือนพี่เมฆาได้ไหม ไอ้นั่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ห้าม ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น...” อรุณผินหน้าไปมองทะเล “อย่างเรื่องว่ายน้ำก็เหมือนกัน เวลาผมเห็นพวกพี่แข่งกันแย่งดอกไม้ของเดือน...ผม...”
ภูผาน้องชายมองอย่างรู้ทันความคิด “พี่ฝึกให้เอาไหม”
“แต่ถ้าพี่เมฆารู้...ผมตายแน่”
“ก็อย่าให้เมฆารู้สิ” ภูผาลุกขึ้นยืน พูดท้าทาย “ทะเลก็อยู่แค่นี้ กล้าไหม”
“แมนๆ อย่างผม ไม่ถอยอยู่แล้ว”
แล้วอรุณก็วิ่งตรงลงไปที่ทะเล ภูผายิ้มวิ่งตามไป

อีกเหตุการณ์ ตอนกลางวันในวันนั้น อรุณนอนอยู่บนเตียงในห้องนอน ที่ปากคาบปรอทวัดไข้ ก่อนที่มือเมฆาจะดึงปรอทออกมาดู
“ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ได้ยังไง แกไปทำอะไรมาอรุณ” เมฆาคาดคั้น
“สงสัยเพราะโดนฝนมั้งพี่” อรุณบอก
เมฆาไม่เชื่อ “ฝน? วันนี้ไม่มีฝนตกสักหน่อย”
“มีนะพี่ ที่ชายหาดไง พี่อยู่แต่โรงพยาบาลก็ไม่รู้น่ะสิ”
เมฆาหันเหลียวมามองภูผา ภูผาจำต้องพยักหน้ารับมุกอรุณ
เมฆาส่ายหน้า “คราวหลังก็หัดระวังให้มันมากกว่านี้นะ”
อรุณทำหน้าล้อเลียน “คร๊าบคุณหมอ”
แล้วอรุณหันไปแอบยิ้มกับภูผาอย่างรู้กัน ภูผายิ้มขำความเฮี้ยวของอรุณ

ภูผาดึงตัวเองกลับมา พร้อมๆ กับปล่อยทรายจนหมดมือ ภูผากำหมัดแน่น
เหตุการณ์ตอนหมัดอรุณต่อยหน้าภูผาผุดขึ้นมาอีก
อรุณคลั่งต่อยภูผาไม่นับ ภูผาไม่ตอบโต้ใดๆ วงเดือนกอดภูผาไว้แน่น
“พอได้แล้ว คุณผาเป็นพี่คุณนะคะ”
“มันไม่ใช่พี่ฉันอีกต่อไป ฉันจะฆ่ามัน!”
ยินเสียงอนุตประกาศตัดพ่อตัดลูก ดังย้ำซ้ำๆ อยู่ในหัวภูผาตลอดเวลา
“แต่วันนี้แกฆ่าน้อง! เลือดชั่วๆ อย่างแก ฉันจะไม่นับว่าเป็นลูกอีกต่อไป”

ภูผายิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ ชายหนุ่มต่อยผืนทรายดังปึ้ก! น้ำตาร่วงด้วยความเสียอกเสียใจ

ค่ำวันนั้นโฉมไฉไลกำลังแต่งตัวอยู่ในห้องเป็นอาภรณ์ชุดสีดำแต่งไว้ทุกข์ อนงค์เข้ามาหยิกโฉมไฉไลเต็มแรง

โฉมไฉไลร้องลั่น “โอ๊ย..เจ็บนะหม่าม๊า! หยิกโฉมทำไมเนี่ย?”
“ก็หยิกให้แกหายโง่ไง ไหนว่าจะเฉดหัวนังเดือน ดันกลายเป็นอรุณตายซะนี่ ทีนี้พฤกษ์กับเมฆาก็จะไม่มีกว้างขวางคอ แล้วถ้านังวงเดือนมันจับทั้งพฤกษ์ทั้งเมฆา สมบัติมันจะเหลือมาถึงแกไหม?! แกนี่มันโง่ๆ ๆ ๆ”
“ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ล่ะหม่าม๊า”
อนงค์เสี้ยมลูกสาวทันที “ปล่อยไว้แบบนี้ สักวันแกต้องโดนนังวงเดือนมันเฉดหัวออกจาก
แสนสมุทรแน่ๆ” ไม่ได้ดั่งใจอนงค์ก็ตวาดแว๊ดเข้าให้ “เอ๊า! รีบๆ แต่งตัวเข้าสิ ขืนไม่รีบไปเสนอหน้าล่ะ มีหวังนังวงเดือนหน้าจืดนั่นมันคงฮุบไปหมดล่ะ ทั้งมรดก ทั้งผู้ชาย”
โฉมไฉไลเครียด หงุดหงิดมาก รีบทาปากสีแดงแช้ดสุดฤทธิ์ ทั้งที่สวมชุดดำแท้ๆ

บรรยากาศบนศาลาสวดพระอภิธรรมศพอรุณ เต็มไปด้วยความเศร้าโศก พระสงฆ์กำลังสวด
อนงค์แต่งดำสวยเต็มที่เดินเข้ามา แต่ต้องชะงักเมื่อกวาดตามองไปไม่มีใครมาเลย มีเพียงครอบครัวแสนสมุทรที่นั่งฟังอยู่ อนงค์เข้าไปหาศรีดารากับอนุต
“เสียใจด้วยนะคะ...ว่าแต่ทำไมถึงไม่มีแขกมาเลยล่ะคะ”
“ฉันอยากให้อรุณหลับอย่างสงบ ไม่อยากให้มีคนอื่นมาวุ่นวายน่ะค่ะ” ศรีดาราว่า
อนงค์ยังไม่รู้ตัวอีก “อ๋อ...เหรอคะ..ดีค่ะ
อนงค์ขยับไปนั่งกับโฉมไฉไล พูดเบาๆ “ทำไมแกไม่บอกฉันว่าไม่มีแขก ฉันจะได้ไม่ต้องมา
นี่ก็แต่งซะเต็มที่เลย เสียเวลาจริงๆ”
“โฉมจะรู้ไหมล่ะ?”
อนงค์หงุดหงิดใส่ “ไม่รู้ๆๆๆ ไม่เคยรู้อะไรเลย โง่จริงๆ” พอหันมองไปเห็นวงเดือนนั่งอยู่กับอนุตและศรีดารา จึงหันมาโวยโฉมไฉไลอีกดอก “แล้วนี่ใจคอจะปล่อยให้นังวงเดือนนั่งทำคะแนนกับพ่อแม่ผัวแกอยู่อย่างนั้นเหรอ? นังโง่”
โฉมไฉไลรีบลุก ขยับตัวไปนั่งเสนอหน้าด้านหน้า ตามคำสั่งอนงค์
พฤกษ์ปรายตาไปมองอนงค์กับโฉมไฉไล อนงค์ชะงักรู้ตัวว่าพูดเสียงดังไป สีหน้าพฤกษ์รังเกียจสองแม่ลูกเต็มที ก่อนจะขยับหนีไปนั่งอีกที่ ซึ่งทำให้เขาเห็นใครบางคน!

เสียงพระสวดดังออกไปด้านนอกศาลา ได้ยินถึงมุมลับตาที่ภูผามายืนแอบอยู่ พฤกษ์มองสบตากับภูผาอย่างเห็นใจ

หลังสวดศพเสร็จคืนแรก ภูผาเดินเข้ามาที่ชายหาด พฤกษ์ตามเข้ามา
“ผมตั้งใจว่าจะกลับมากราบคุณย่า ปรับความเข้าใจกับพ่อ..และขอให้อรุณเข้าใจว่าผมรักเดือน แต่ผมกลับทำให้อรุณตาย ผมฆ่าน้อง ผมทำลายทุกอย่าง”
พฤกษ์ปลอบ “เรื่องของหัวใจมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะ พี่เชื่อว่าอรุณรู้ว่าเดือนรักแกแต่อรุณไม่ยอมรับความจริง”
“ผมพยายามตัดใจจากเดือน แต่ผมทำไม่ได้”
“ในเมื่อเดือนตัดสินใจไปหาแกแล้ว ทำไมแกถึงปล่อยให้เดือนกลับมา เดือนบอกฉันว่าแกรักคนอื่นแล้ว?”
ภูผามองพฤกษ์ น้ำท่วมปากพูดไม่ออก
พฤกษ์มองท่าทีของภูผาอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นระหว่างแกกับเดือน แล้วเมฆาไปรับเดือนกลับมาได้ยังไง”
ภูผาอึกอัก “ผม...”
“ภูผา...ถ้าแกยังเห็นว่าฉันเป็นพี่ก็พูดออกมา”
ถูกพฤกษ์ต้อน ภูผาลำบากใจมาก

เมฆาเดินเข้ามาในห้องอรุณ เมฆามองเครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ในการรักษาอรุณ เมฆาหยิบหูฟังขึ้นมา พร้อมๆ กับภาพอดีตที่พร่างพราย

วันนั้นอรุณที่นอนป่วยอยู่บนเตียง เมฆาตรวจการหายใจของอรุณ อรุณแกล้งกลั้นหายใจ เมฆาใจหาบวูบ
สักครู่หนึ่งอรุณก็หัวเราะออกมา
“อย่าเล่นแบบนี้อีกนะ”
“ผมแค่แกล้งพี่เล่น ทำเป็นตกใจไปได้ ผมไม่ตายง่ายๆหรอก รับรองว่าสักวันผมจะแข็งแรงให้เหมือนพวกพี่ๆ เลย”
อรุณยิ้ม เมฆามองด้วยความเอ็นดู

เมฆาดึงตัวเองกลับมา กำสายหูฟังแน่น เสียใจกับการจากไปของอรุณ พฤกษ์เปิดประตูเข้ามาด้วยแรงโทสะ
“เมฆา!” พฤกษ์ชกหน้าเมฆา เต็มๆ แรงเสียงดังผัวะ!
เมฆาเซ อึ้งไป
“พี่ชกผมเรื่องอะไร”
“แกทำให้อรุณตาย! แกฆ่าอรุณ!” พฤกษ์พูดแทบเป็นตวาด
เมฆาโดนจี้ใจดำแต่โต้กลับหลอกตัวเอง “คนที่ฆ่าอรุณคือพี่ผา ถ้าพี่ผาไม่กลับมา อรุณก็ไม่ตาย”
“แกทำทุกอย่างเพื่อดึงเดือนกลับมา โดยไม่สนใจว่าใครจะต้องเจ็บปวดถ้าแกไม่โกหกว่าภูผาลักพาตัวเดือนไป อรุณคงไม่ต้องทะเลาะกับภูผา น้องต้องตายเพราะความเห็นแก่ตัวของแก”
เมฆาปฏิเสธลั่น “ไม่จริง”
พฤกษ์อารมณ์ขึ้นจนหยุดไม่อยู่แล้ว “จริง เพราะแกทำให้พ่อตัดภูผาจากบ้านแสนสมุทร เพราะแกทำให้ฉันต้องแต่งงานกับโฉมไฉไล แกทำลายชีวิตทุกคนในบ้านแสนสมุทร”
เมฆาอึ้ง นิ่งงันไป ศรีดาราเข้ามาด้วยท่าทีตกใจ
“อะไรกันลูก”
เมฆากับพฤกษ์เงียบงัน
“ไม่มีอะไรครับแม่” พฤกษ์บอก
ศรีดาราไม่เชื่อ “เมฆาบอกแม่สิว่ามีเรื่องอะไร”
เมฆามองสายตาพฤกษ์ที่จ้องมายังตนอย่างตำหนิ
“ไม่มีอะไรจริง ๆครับแม่ ผมปวดหัว ขอไปพักก่อนนะครับ”
เมฆาเดินออกไป ศรีดาราหันมองพฤกษ์
“แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นครับ” พฤกษ์ทำท่าจะไป
ถูกศรีดาราขวางไว้ “พฤกษ์...เหลือกันอยู่แค่นี้แล้ว...เป็นพี่น้องต้องรักกันนะลูกนะ”
พฤกษ์อึ้ง “ครับแม่”

สีหน้าพฤกษ์ลำบากใจมากขณะเดินออกไป สีหน้าผู้แม่ทุกข์แสนสาหัส

ที่ไร่วงเดือน สายวันนั้นหนูนาอาเจียนอย่างหนักจนแทบหมดแรง พออ้วกเสร็จหนูนากลั้วน้ำล้างปากแล้วเดินกลับมานอนที่เตียงอย่างโรยแรง

ดอยถือถาดข้าวกับแกงจืดเข้ามาวาง “กินข้าวจ้ะลูกพี่”
หนูนาขยับเข้ามาดูแล้วผงะออก “เหม็นเป็นบ้า...แกงเสียแล้วหรือเปล่าไอ้ดอย”
ดอย ดมๆ ดู เงยหน้าบอก “ไม่นะลูกพี่ ดอยตักจากหม้อมาร้อนๆ เลยนะจะเสียได้ยังไง”
ดอยตักแกงราดข้าวให้
“กินหน่อยนะลูกพี่ เมื่อวานก็ไม่กินข้าวทั้งวัน”
หนูนายิ่งผงะถอยห่างออก “ไม่กิน เหม็น!! จะอ้วก”
ดอยงง “ดอยว่าลูกพี่ไปหาหมอดีกว่าไหม เดี๋ยวดอยไปบอกลุงหว่างให้”
ว่าพลางดอยจะออกไป แต่ถูกหนูนาคว้าเสื้อไว้
“ไม่ต้อง แค่ไม่สบายนิดเดียว กินยาเดี๋ยวก็หาย”
ดอยไม่เชื่อ แต่ก็ต้องพยักหน้ารับไปแกนๆ ก่อนค่อยๆ เดินออกจากห้อง
หนูนาเรียกไว้ “ไอ้ดอย”
“จ๋าา”
หนูนาถอนใจเฮือกใหญ่ “แกว่า..เมื่อไหร่คุณภูผาจะกลับมาซะทีวะ”
“นายไปนานแบบนี้ไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกหรือเปล่า” เห็นหนูนามองอยู่ก็รู้ตัวสะดุ้ง “อุ้ย...คิดดังไปหน่อย” รีบถอยออกไป
หนูนาฟังแล้วเครียด พึมพำคนเดียว
“ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงบ้าง..คนไม่มีหัวใจ?”

บนศาลาสวดพระอภิธรรมคืนต่อมา ทุกคนนั่งฟังพระสวดอยู่ ศรีดาราพยายามสงบจิตใจ คนอื่นๆ ต่างฟังพระสวดด้วยสีหน้าที่หลากหลายแตกต่างกันไป
เมฆากับพฤกษ์แยกกันนั่งคนละฝั่งอย่างเห็นได้ชัด ศรีดารามองท่าทีของทั้งสองคนอย่างไม่สบายใจ อนุตมองศรีดาราที่ดูเครียด ๆ
“มีอะไรหรือเปล่าคุณ”
ศรีดาราไม่อยากให้อนุตไม่สบายใจ “ไม่มีค่ะ”
ขณะที่วงเดือนน้ำตาไหล นึกถึงความน่ารักระหว่างอรุณที่แสดงออกต่อตัวเอง
พอวงเดือนเงยหน้าขึ้นมา เห็นสายตาของโฉมไฉไลกับอนงค์มองมาอย่าง ชิงชังเอามาก ๆ
วงเดือนหลบตามองไปทางด้านนอก เห็นภูผายืนหลบอยู่ลิบๆ
วงเดือนมองภูผาอย่างเป็นห่วงความรู้สึก ก่อนจะหันกลับมาป๊ะสายตากับรูปอรุณที่หน้าศพ วงเดือนรู้สึกผิด หลบตาวูบอย่างละอาย

สองคนอยู่ตรงมุมลับตาในวัด พฤกษ์หันขวับมาพูดกับภูผา
“พรุ่งนี้จะเผาศพอรุณกับคุณย่า แกต้องมาลาคุณย่ากับอรุณเป็นครั้งสุดท้ายนะภูผา”
ภูผาลำบากใจ “แต่พ่อคง...”
ภูผาไม่พูดต่อ เหม่อมองออกไปไกลลิบตา ไม่ต่อความใดๆ พฤกษ์มองอย่างเข้าใจและเห็นใจ

วันฌาปนกิจศพมาถึง รูปของศรีเรือนกับอรุณตั้งวางอยู่หน้าเตาเผาบนเมรุ อนุตและศรีดาราประคองกันมาวางดอกไม้จันทน์ในเตาเผา ไฟในเตากำลังประทุมากขึ้น
“อรุณ..คุณแม่..ขอให้ไปสู่สุคตินะครับ”
ศรีดารากลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ปล่อยโฮออกมา
พฤกษ์ เมฆา และวงเดือนตามมาวางดอกไม้จันทน์ตามลำดับ
อนงค์และโฉมไฉไลที่รั้งท้าย มองอย่างสมเพช
“เดี๋ยวย่าตาย เดี๋ยวหลานตาย บ้านนี้มันอะไรกันนักกันหนา”
“แกต้องระวังตัวนะ ได้สมบัติเมื่อไหร่ก็รีบหย่าเลย เดี๋ยวจะพลอยโชคร้ายไปด้วย” อนงค์ถอนใจเฮือกๆ ก่อนเข้าไปวางดอกไม้จันทน์
เจ้าหน้าที่วัดกำลังจะปิดเตาเผา
พฤกษ์มองไปทางด้านล่าง แล้วรีบหันมาบอกเจ้าหน้าที่
“เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนหันไปมองเห็นภูผาสวมชุดดำเดินขึ้นมาบนเมรุ
อนงค์กระซิบถามโฉมไฉไล “นี่คือภูผาใช่ไหม”
“ใช่” โฉมไฉไลบอกพร้อมกับมองอย่างถูกใจ
ภูผาเดินมาหยิบดอกไม้จันทน์แล้วเดินตรงมาที่เตาเผา ภูผาเดินมาหาอนุตแล้วยกมือไหว้
“ผมขอลาน้องกับคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย นะครับพ่อ”
ศรีดาราเข้ามาจับแขนอนุต “คุณคะ...ฉันขอร้อง”
อนุตมองภูผาอย่างเจ็บช้ำแล้วจำใจยืนนิ่ง
ภูผาเดินตรงไปที่รูป ยกมือไหว้ศรีเรือน พลางหันมองรูปของอรุณด้วยความเสียใจ ก่อนจะวางดอกไม้จันทน์ใส่ลงไปในเตาเผา
อนุตบอกด้วยเสียงเย็นชา “เสร็จแล้วก็ไปให้พ้น..ไม่ต้องกลับมาอีก”
ภูผาหันมองอนุต ด้วยสายตาอันเจ็บปวด เดินลงจากเมรุด้วยความเสียใจ
วงเดือนมองตามภูผาไปด้วยความสงสาร พอขยับจะตาม เมฆาคว้าข้อมือไว้หมับ วงเดือนชะงัก
“ช่วยดูแลคุณแม่ดีกว่า”
วงเดือนจำใจ “ค่ะ”
เมฆาสบตากับพฤกษ์ที่มองมาอย่างตำหนิ เมฆาวูบหลบตา
เจ้าหน้าที่วัดปิดเตาเผา ตรงปล่องเมรุควันลอยขึ้นก่อนจะสลายหายไปในอากาศ ทุกคนเศร้าสะเทือนใจ ภูผาเดินออกมาอย่างเศร้าๆ
อนุตเครียดมาก ปวดหัวจี๊ดจนเซล้ม ทุกคนตกใจช่วยกันประคอง
อนงค์กระซิบกับโฉมไฉไล “จะตายอีกคนไหมเนี่ย”

โฉมไฉไลยกมือท่วมหัว “ส้า...ธุ”

ชิงนาง ตอนที่ 11 (ต่อ)

(ต่อจากตอนที่แล้ว)

อนุตนอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอน ศรีดาราจับมืออนุตมาแนบแก้มให้กำลังใจ

“คุณต้องไม่เป็นอะไร นอนพักเถอะนะคะ”
เมฆายืนข้างพฤกษ์ ดูอาการศรีดาราอย่างสะเทือนใจ
พฤกษ์พูดบอกเบาๆ กับเมฆา “เห็นแล้วใช่ไหม ว่าแกทำอะไรกับทุกคนในบ้านนี้”
เมฆาจุก

ที่ห้องพักในท่าเรือเวลาต่อมา ภูผากำลังปิดกระเป๋าเสื้อผ้า พฤกษ์เข้ามาที่ห้อง
“แกจะไปจริงๆ เหรอ”
ภูผาไม่ตอบ
“พ่อไม่สบาย”
ภูผาตกใจ “พ่อเป็นอะไร”
“พี่ว่าแกน่าจะกลับบ้านลองค่อยๆ คุยกับพ่อ” พฤกษ์ว่า
“ผมคงทำให้อาการพ่อแย่ลง ผมฝากพี่ดูแลพ่อกับแม่ด้วย”
พูดจบภูผาก็คว้ากระเป๋าเดินออก
พฤกษ์พูดไล่ตามหลังมา “แล้วเดือนล่ะ”
ภูผาชะงักก่อนจะหันมาหาพฤกษ์
“แกจะไปโดยไม่บอกลาเดือนซักนิดงั้นเหรอ?”
สีหน้าภูผาคิดหนัก

ตอนเย็นวันนั้น วงเดือนเดินเข้ามาที่ท่าเรือ แต่แล้วชะงักเมื่อเห็นภูผายืนอยู่ จึงรีบหันหลังกลับ
ภูผาเอ่ยเรียบๆ “ฉันจะมาลาเธอ”
วงเดือนชะงักนิ่ง ยังไม่หันมา
ภูผาพูดต่อ “กลับไปครั้งนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกมั้ย”
วงเดือนหันขวับ ใจหายเหมือนกัน สองคนต่างมองกัน...ความรู้สึกท่วมท้นทั้งรักทั้งเจ็บปวด
ภูผาหยิบสร้อยถักออกมา “แต่หัวใจของฉันจะอยู่กับเธอคนเดียวตลอดไป
ภูผาจะใส่สร้อยถักให้วงเดือน วงเดือนชักมือออก
“คนที่คุณควรจะให้คือหนูนา...ไม่ใช่เดือน”
ภูผารู้ว่าถึงบอกความจริงทั้งหมดในตอนนี้ ก็ไม่ได้ช่วยให้ความรักของเขาและวงเดือนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ภูผาตัดสินใจจับมือวงเดือนขึ้นมา วางสร้อยหนังถักลงบนมือให้วงเดือนกำไว้
“สร้อยเส้นนี้ฉันตั้งใจทำขึ้นเพื่อเธอ มันจะเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น”
วงเดือนมองภูผา สองคนมองตากันทั้งที่ต่างยังรักอยู่เต็มหัวใจ
ภูผาหันหลังออกจากห้องไป วงเดือนขยับตามแต่สองก้าวแล้วหยุด
วงเดือนหยิบสร้อยถักขึ้นมาแนบอกน้ำตาคลอ เจ็บปวดกับความรักที่ต้องจบลง

วงเดือนถือถาดยาเดินมาตามทางเดินกำลังจะไปที่ตึกใหญ่ โฉมไฉไลก้าวมาดักไว้ พูดจากระทบกระเทียบ แดกดัน
“เธอนี่มันร้ายนะ”
“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ตอนนี้อรุณก็ตายไปแล้ว แกยังเสนอหน้าอยูที่นี่อีกทำไม หรือว่าแกคิดจะจับเมฆากับพฤกษ์ ฉันรู้มันแกหรอกนะ อยากจะกวาดให้หมดทั้งแสนสมุทรล่ะสิ”
“ฉันอยู่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่บ้านแสนสมุทรชุบเลี้ยงฉันมา ไม่ใช่อยู่เพราะหวังฮุบสมบัติอย่างคุณ”
“นังเดือน”
โฉมไฉไลเงื้อมือตบวงเดือนสุดแรงจนเซไป วงเดือนสุดทนตบโฉมไฉไลกลับจนล้มคว่ำไปกับพื้น
“แกกล้าตบฉันเหรอ”
“ฉันไม่ปล่อยให้คุณมาทำร้ายฉันได้ง่ายๆ อีกแล้ว”
“ปากดีให้ตลอดเถอะ”
โฉมไฉไลโผนทะยานจะเข้าทำร้ายวงเดือน แต่วงเดือนคว้าแจกันขึ้นมาขู่ โฉมไฉไลชะงัก
“แกกล้าเหรอ”
“ถ้าคุณไม่หยุด...แจกันนี่ไม่อยู่ในมือฉันแน่”
โฉมไฉไลเห็นวงเดือนฮึดสู้ขึ้นมาก็ไม่กล้าเสี่ยง
“อย่าคิดนะว่าแกจะได้สมบัติของแสนสมุทร ไม่มีอรุณแกก็ต้องออกไปจากบ้านนี้ ตัวซวยอย่างแกใครจะเอาไว้ ผู้ชายคนไหนรักแก..ก็ต้องชิงตายก่อนได้แกทำเมียเพราะแกทำให้คนในบ้านนี้ต้องตายไปกี่คนแล้ว สักวันฉันจะเฉดหัวแกออกจากบ้านนี้ให้ได้ นังตัวซวย!”
โฉมไฉไลสะบัดหน้าเดินไป วงเดือนยืนนิ่งงัน สะเทือนใจที่โดนด่ากระทบปมในใจตัวเองจังๆ

อนุตกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ศรีดาราส่งเครื่องดื่มร้อนให้ดื่ม วงเดือนวางถาดยา
“ยาก่อนนอนค่ะ”
เมฆาตามเข้ามาในเวลาไม่ห่างกัน “วัดความดันนะครับพ่อ”
เมฆาจะพันผ้าสำหรับวัดความดันที่ต้นแขน
“ลูกไม่ต้องเข้ามาตรวจเช้าเย็นขนาดนี้ก็ได้นะ” อนุตบอก
“ลูกเหนื่อยเรื่องที่คลินิก...ที่โรงพยาบาลก็มากแล้ว อีกอย่าง..เดือนก็มาดูแลอยู่ไม่ได้ขาด” ศรีดาราเห็นงามด้วย
อนุตหันมาพูดกับวงเดือน “ต่อจากดูแลอรุณก็ต้องมาดูแลฉัน”
วงเดือนมองอนุตกับศรีดารา เสียงโฉมไฉไลดังก้องขึ้นมาในหัว
“ตัวซวยอย่างแกใครจะเอาไว้ เพราะแกทำให้คนในบ้านนี้ต้องตายไปกี่คนแล้ว นังตัวซวย”
วงเดือนดึงตัวเองกลับมา ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงเอ่ยขึ้น
“คุณผู้ชายคะ สิ้นคุณอรุณแล้วเดือนอยากจะขอออกไปจากบ้านแสนสมุทร”
ทุกคนอึ้งกับความมคิดของวงเดือน โดยเฉพาะเมฆา
“เดือนไม่ได้อกตัญญูหรือคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็ง แต่เป็นเพราะเดือนทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ ในบ้านแสนสมุทร ที่คุณท่าน คุณอรุณต้องตายก็เพราะเดือนนำความโชคร้ายมา เดือนไม่อยากให้มีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับบ้านแสนสมุทรอีก” อนุตท้วง
“เธอยังเชื่อเรื่องคำทำนายนั่นอยู่อีกเหรอ”
วงเดือนพูดไม่ออก
“อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดไม่เกี่ยวกับเธอ ส่วนเรื่องเลวร้ายที่มันเกิดขึ้นในแสนสมุทร” สีหน้าเคืองไม่หาย “ก็เพราะ...ความเห็นแก่ตัวของภูผาคนเดียว”
“แต่คุณภูผา”
เมฆารีบขัดขึ้น “เธอควรจะฟังเหตุผลของคุณพ่อให้จบนะเดือน”
“ในฐานะที่ฉันเป็นผู้ปกครอง ถ้าเธอพูดว่าเธออยากจะไปมีชีวิตของตัวเอง ฉันก็อนุญาต แต่ฉันคงจะปล่อยให้เธอออกจากบ้านไปเพราะเธอคิดมากเรื่องไร้สาระแบบนี้ไม่ได้”
วงเดือนก้มหน้านิ่ง

เมฆามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ คิดว่าวงเดือนจะไปอยู่กับภูผา

วงเดือนกำลังจะเดินกลับไปที่ห้อง เมฆาเดินตามวงเดือนมา

“เธอจะออกจากแสนสมุทร เพื่อกลับไปหาพี่ผาใช่ไหม”
วงเดือนบอกเสียงเศร้า “เดือนกับคุณภูผา....เราไม่สามารถมีความสุขบนความตายของคุณอรุณได้หรอกค่ะ”
เมฆาจับมือวงเดือนขึ้นมากุม “ถ้าอย่างนั้นให้โอกาสฉันได้ไหม”
วงเดือนอึ้ง ที่โดนจู่โจม ปลดมือเมฆาออก “เดือนรักคุณเมฆาไม่ได้”
เมฆา เจ็บแปลบในใจ “ทำไมล่ะฉันมีตรงไหนที่สู้พี่ผาไม่ได้”
“คุณมีพร้อมทุกอย่าง แต่มีแค่เหตุผลเดียว...คือ เดือนไม่ได้รักคุณ”
เมฆาอึ้ง มองวงเดือนเดินเข้าห้องไป ด้วยสีหน้าเจ็บปวดเหลือแสน
“ซักวัน..เธอจะต้องรักชั้น..วงเดือน” จากใบหน้าหมองหน้าเศร้ากลายเป็นแววตาวาวโรจน์ร้ายเหลือ “ซักวัน”

แก้วเหล้าถูกวางกระแทกลงบนโต๊ะ เมฆาเครียดหาทางระบายด้วยการดื่ม และดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายรับไม่ได้กับความพ่ายแพ้ของตัวเองส่วนโฉมไฉไลอาละวาดอยู่ในห้อง ทำลายข้าวของ พึมพำเบาๆ
“นังเดือน! ฉันอยากจะฆ่าแกนัก นังบ้า”
สภาพห้องเละเทะ แต่ไม่กล้าเสียงดังมากกลัวอนุตกับศรีดาราได้ยิน
“ทำไมฉันต้องมาดักดานอยู่ในบ้านนี้ด้วยนะ”
โฉมไฉไลแต่งตัวจะออกไปเที่ยว

โฉมไฉไลแต่งตัวเรียบร้อยกำลังจะออกไป ขณะเดินผ่านหน้าห้องเมฆา ได้ยินเสียงวางแก้วดังเคล้ง!
โฉมไฉไลชะงักหยุดฟัง แล้วลองบิดลูกบิดประตูเปิดแง้มดู เห็นเมฆาที่ดื่มเหล้าเมามายอยู่เพียงลำพัง เมฆาประคองสติไม่ค่อยอยู่ โฉมไฉไลเมียงมอง แล้วตัดสินใจเข้าไปในห้องแล้วกดล็อคประตู
โฉมไฉไลเข้าไปหาเมฆา จับมือเมฆาที่ถือแก้วอยู่
“เมฆา...”
เมฆาเงยหน้ามอง เห็นโฉมไฉไลเป็นวงเดือน สติขาดผึง
“เดือน...” โฉมไฉไลชะงัก “ฉันรักเธอนะเดือน!”
เมฆาเข้ากอด โฉมไฉไลคิดแผนร้ายจึงไม่ยอมผละออก
โฉมไฉไลคิดแล้วตัดสินใจ “เมฆา...”สวมกอดตอบ “เดือนก็รักคุณนะคะ”
“เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว” เมฆาว่า
โฉมไฉไลดันตัวออกมามองหน้าเมฆา “ค่ะ...เดือนจะเป็นของคุณคนเดียว
เมฆาก้มลงซุกไซร้โฉมไฉไลโดยคิดว่าเป็นวงเดือน เมฆาดันโฉมไฉไลลงไปที่เตียง แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามครรลอง

เช้าวันใหม่ สว่างกำลังจัดการซ่อมระเบียงบนเรือนภูผา ดอยเข้ามาหานายสว่าง
“ลุงหว่างขา..เมื่อไหร่นายภูผาจะกลับมาซะที”
“มันไม่ใช่เรื่องของเอ็งน่า เอ็งเห็นเขากลับมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
เสียงหนูนาแทรกเข้ามา “ลุง”
สว่างสวนไปไม่ทันสังเกตว่าเป็นหนูนา “เอ๊ะ..ไอ้นี่...” ชะงักเมื่อเห็นหนูน
“ฉันอยากรู้จริงๆ” จู่เกิดอาการคลื่นไส้ “อุ๊บ”
หนูนารีบวิ่งไปอาเจียนจนสว่างหันมองอย่างสงสัย
“เอ็งเป็นอะไรหนูนา”
“ฉัน...เวียนหัว”
“ไปหาหมอดีกว่า ไป...”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะพากันออกไป ภูผาก็เดินขึ้นเรือนมาก่อน
หนูนาดีใจมาก “คุณภูผา! ฉันคิดว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว”
“ต้องกลับมาสิ “ชีวิต” ฉันอยู่ที่นี่” ภูผาบอกเน้นความตรงคำว่าชีวิต
หนูนายิ้มลิงโลด คิดว่าหมายถึงตัวเอง
“ไร่วงเดือน เป็นชีวิตของฉัน” ก่อนจะหันไปหาสว่าง “ไปดูไร่ กันเถอะนายสว่าง”
หนูนาวูบ เสียใจ น้อยใจ
“ครับนาย”
ภูผาเดินลงจากเรือนไป สว่างรีบตามไป
หนูนามองตาม พูดตัดพ้อคนเดียว
“ใช่สิ..ไอ้หนูนามันไม่มีค่า ไอ้หนูนามันกระจอก ไอ้หนูนามันไม่ใช่ชีวิตของคุณภูผา”

อนุตตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วจะลุกลงจากเตียง แต่เกิดมีอาการปวดหัวมาก ในสายตาอนุตเห็นภาพรอบข้างหมุนไปหมดจะล้ม
ศรีดาราที่เข้ามาพอดี โดยมีชอุ่มถือถาดข้าวต้มตามมาเห็นตกใจรีบเข้าไปประคองอนุต
“เป็นอะไรคะคุณ”
“ผมปวดหัว”
“ชอุ่ม! ไปตามเมฆามาเร็ว”

ชอุ่มวิ่งเข้ามาที่หน้าห้อง ชอุ่มเคาะประตู “คุณเมฆาคะ คุณเมฆา”
เมฆากับโฉมไฉไลกอดก่ายกันหลับสนิท ชอุ่มเห็นว่าไม่ตอบก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้อง

อนุตนั่งเอนอยู่บนเตียง ศรีดารายืนกระวนกระวายอย่างร้อนใจ ชอุ่มกลับเข้ามา
“คุณเมฆาไม่เปิดประตูค่ะ ชอุ่มเคาะเรียกก็ไม่ตอบ”
ศรีดาราบอกปากคอสั่น “งั้นไปสั่งให้คนเตรียมเอารถออกไปโรงพยาบาล ตามเดือนมาด้วย”

ชอุ่มรีบออกไป ศรีดาราโผกอดอนุตอย่างเป็นห่วง

พฤกษ์พุ่งเข้ามาในห้องโถงบ้านแสนสมุทรอย่างร้อนรนและตกใจ
 
“คุณพ่อ คุณแม่ล่ะ”
ชอุ่มรีบรายงานอย่างร้อนรน “คุณผู้ชายปวดหัวมากน่ะค่ะ คุณผู้หญิงกับเดือนก็เลยพาไปโรงพยาบาล”
“แล้วเมฆาล่ะ?”
“ไปเรียกที่ห้องแล้วค่ะ แต่คุณเมฆาไม่ตอบ ห้องก็ล็อก สงสัยจะออกไปข้างนอกแล้วน่ะค่ะ”
พฤกษ์สงสัย “ปกติถ้าเมฆาไม่อยู่จะไม่ล็อคห้อง” กังวลว่าจะมีอะไร “เมฆาเป็นอะไรรึเปล่า” รีบสั่ง “มีกุญแจไขห้องคุณเมฆามั๊ย?
ชอุ่มรีบควักพวงกุญแจที่เอวออกโชว์
“มีค่ะ”
สองคนรีบพุ่งออกไป

โฉมไฉไลนอนซบเมฆาอยู่บนเตียง โฉมไฉไลรู้สึกตัวก่อนมองเมฆา แล้วกอดเมฆาอย่างหลงใหล
เมฆารู้สึกตัวตื่น หันมองเห็นเป็นโฉมไฉไลก็ผลักออกอย่างตกใจ
“โฉม” เมฆามองสภาพตัวเองกับโฉมไฉไลยิ่งตกใจ “คุณเข้ามาได้ยังไง แล้วทำไม...” เมฆาพยายามตั้งสติว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โฉมไฉไลเข้ามากระแซะกอดแขน “เมื่อคืนเรามีความสุขกันมากนะคะเมฆา”
โฉมไฉไลพยายามจะเข้ากอดหอมเมฆาพัลวัน เมฆาปัดป้องพยายามดันตัวออก แต่โฉมไฉไลก็ไม่ยอมเข้ากอดจะให้เมฆาเคลิ้มให้ได้
พฤกษ์เปิดประตูเข้ามา เมฆากับโฉมไฉไลตกใจ ต่างคนต่างตะลึง
พฤกษ์ตกตะลึง “เมฆา”
“พี่พฤกษ์..ฟังผมก่อน”
พฤกษ์โกรธจัดตรงเข้าต่อยเมฆาไม่ยั้ง เมฆาพยายามปัดป้อง โฉมไฉไลตกใจ
พฤกษ์ต่อยเมฆาพลางตะโกน “ไอ้เมฆา ไอ้น้องชั่ว”
พฤกษ์ต่อยเมฆาลงไปคว่ำกับพื้นหน้าช้ำ ปากเจ่อ พฤกษ์หันมาหาโฉมไฉไล สีหน้าโกรธจัด
โฉมไฉไลเริ่มกลัวรีบแก้ตัวทันที “เอ่อ...เมฆาขืนใจโฉมนะคะพฤกษ์ โฉมพยายามขัดขืนแล้ว แต่เมฆาเมามาก โฉมสู้แรงเขาไม่ไหว”
พฤกษ์มองโฉมอย่างรู้ทัน “ขืนใจ? เธอเข้ามาให้เมฆามันขืนใจถึงในห้องเลยเหรอ?”
โฉมไฉไลอึ้ง “เอ่อ...โฉม...”
“ผู้ชายสารเลวกับผู้หญิงมักมากอย่างเธอมันก็เหมาะสมกันแล้ว”
โฉมไฉไลกรี๊ด “ก็ผู้หญิงมักมากคนนี้ล่ะที่เป็นเมียคุณ ที่คุณต้องมาต่อยตีก็เพราะแย่งฉันไม่ใช่หรือไง
พฤกษ์มองอย่างเหยียดหยัน “ไม่ใช่เพราะเห็นค่าของเธอ แต่ที่ชั้นต่อยไอ้เมฆาก็เพราะมันเป็นไอ้น้องชั่ว ส่วนเธอ...ชั้นทนให้นังกากีอย่างเธอเหยียบย่ำศักดิ์ศรีฉันไม่ได้ ไสหัวไป!! ฉันจะหย่ากับเธอ”
ทั้งโฉมไฉไลทั้งเมฆาตะลึงทั้งคู่
“ไม่ได้นะถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ อาการพ่อทรุดแน่”
“แกห่วงพ่อหรือว่าห่วงตัวเองกันแน่? เลิกสร้างภาพพ่อพระได้แล้วไอ้เมฆา! ต่อจากนี้ไปฉันจะไม่อดทน! ไม่ทำเพื่อใครอีกแล้ว” พฤกษ์จะออกไป
เมฆาเรียกไว้ “พี่พฤกษ์”
พฤกษ์สวนย้อนออกมาทันที “ฉันไม่มีน้องอย่างแกอีกต่อไป”
เมฆาตะลึง
พฤกษ์พรวดพราดออกมาที่หน้าห้อง ชอุ่มแอบดูเหตุการณ์อย่างหวาดหวั่น

อนุตกับศรีดารากลับมาจากโรงพยาบาล ลงนั่งที่โซฟา วงเดือนเดินตามมาพร้อมกับถุงยา อนุตกับศรีดารามีสีหน้าเหนื่อยอ่อน ดวงตาโศกเศร้าจากเรื่องร้ายๆ ของอรุณ และของบ้านแสนสมุทร
วงเดือนมองอย่างสงสารสุดหัวใจ ทรุดลงข้างศรีดารา “คุณแม่คะ...คุณแม่ต้องเข็มแข็งนะคะเดือนจะคอยดูแลคุณแม่และคุณพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่เดือนจะทำได้”
ศรีดาราพยักหน้าน้อยๆ สีหน้ายังเศร้า “จ้ะ..ขอบใจจ้ะ”
อนุตน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างสมเพชตัวเอง “เดือนเป็นลูกที่เราขอมาเลี้ยงแท้ๆ” ส่ายหน้าเบาๆ “แต่..ลูกชายเราสิ..” ถอนใจเฮือกใหญ่ “ก็ยังโชคดีที่มีพฤกษ์กับเมฆา”
วงเดือนอึ้งไป รู้ว่าอนุตหมายถึง ‘ภูผา’
ชอุ่มเข้ามาแอบกวักมือเรียกวงเดือนออกมา วงเดือนเห็นก็เดินออกไปหาชอุ่ม
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“คุณเมฆากับคุณพฤกษ์น่ะสิ...” ชอุ่มหน้าตาสยองสุดขีด
วงเดือนอึ้ง งง และสงสัย

เมฆาหน้าตาบอบช้ำนั่งอยู่ที่เตียง โฉมไฉไลเข้ามาจะจับหน้าเมฆา
“เจ็บไหมคะ..เมฆา”
เมฆาผลักตัวโฉมไฉไลอย่างแรง “ออกไปได้แล้ว”
โฉมไฉไลโมโหที่โดนไล่ “คุณจะมาทำอย่างนี้กับโฉมไม่ได้นะ”
“แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงน่ารังเกียจอย่างเธอ”
“โฉมเป็นเมียคุณแล้วนะ”
เมฆาสุดทน ชี้หน้า “อย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาด!!” บีบแก้มโฉม “ไม่ว่ากับใคร!! ไม่งั้น..” แววตาเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม โฉมไฉไลตะลึงมอง
เมฆาตวาดลั่น “ไปให้พ้น”
“ไม่ว่าจะยังไงคุณก็ต้องเป็นของโฉม จำไว้!”
โฉมไฉไลออกไปอย่างฉุนเฉียว เมฆาเครียดจัดหยิบของเขวี้ยงระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย”

เมฆาเดินมาชะงักนิดหนึ่ง แล้วก้าวพรวดมาหาอนุต และศรีดาราอย่างเป็นห่วง เจอพ่อกับแม่ที่นั่งพักอยู่ที่โซฟาในห้องโถง โดยวงเดือนยืนอยู่ใกล้ๆ
“พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้างครับ”
วงเดือนเหลือบตามองเมฆา รับรู้เรื่องจากชอุ่มแล้ว
“เมื่อเช้า ชอุ่มไปตามลูกที่ห้อง” ศรีดาราถาม
“เมื่อคืนผมทานยาแก้แพ้ ก็เลยหลับลึกไปหน่อยน่ะครับ”
วงเดือนชะอัก “เอ๊ะ”
อนุตสังเกตุเห็นแผล “หน้าแกไปโดนอะไรมา”
“คือ..ผมล้มกระแทกกับขอบเตียงน่ะครับ”
วงเดือนเบือนหน้าไปทางอื่น
“แกต้องดูแลตัวเองให้ดี” อนุตว่า
ศรีดาราเสียงสั่น “ตอนนี้แม่ก็เหลือแค่พฤกษ์ เมฆา แล้วก็...” เห็นอนุตมองก็เลี่ยงจะไม่พูด “...ลูกๆ ก็ต้องรักและดูแลกันให้ดีนะลูก”
เมฆาฟังแล้วสะอึก
โฉมไฉไลแต่งตัวลงมาเห็นอนุตกับศรีดาราก็รีบเข้ามาหา
“คุณพ่อขา..โฉมเพิ่งทราบว่าเมื่อเช้าคุณพ่อไม่สบายมาก ขอโทษนะคะที่โฉมไม่ได้ดูแลคุณพ่อให้ดี”
อนุตยิ้มน้อยๆ รักษามารยาท
“ถ้ายังไงโฉมต้องขอให้เมฆาช่วยสอนโฉมด้วยนะคะว่าจะต้องดูแลคุณพ่อยังไงถึงจะถูกวิธี นะคะเมฆา”
เมฆามองโฉมไฉไลอย่างไม่พอใจนักที่ทำกิริยาฉอเลาะออกนอกหน้า เมฆาหันไปทางวงเดือนเห็นสายตาเย็นชา แถมวงเดือนเมินมองไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าเมฆา

เมฆามองวงเดือนสังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่าง

 
โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น