เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 11
ภายในบ้าน นภาเดินไปมาพลางชะเง้อรอปารมีอย่างเป็นห่วง ปารมีเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว แม่ ยังไม่นอนอีกหรือคะ” ปารมีถาม
“แม่จะหลับได้ยังไง ถ้าลูกยังไม่กลับ นี่ลูกไปไหนมา ไปเยี่ยมไอ้สมยศใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
“ลูกอย่าโกหก แม่รู้ว่าลูกต้องไปเยี่ยมมัน เพราะมันทำงานให้กับลูก”
“หนูว่าแม่พูดอะไรเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า เค้าจะเอาตำรวจมาจับหนูนะคะ นี่มันดึกมากแล้วแม่ไปนอนเถอะ”
“ไม่ แม่ไม่นอนจนกว่าลูกจะยอมรับว่าลูกเป็นคนใช้ไอ้สมยศให้ไปลักพาตัวเมียตาภูกับนังเมย์”
“แม่คะ”
“บอกแม่มาสิว่าแกเป็นคนบงการมัน ใช่มั้ยแกเป็นคนบงการมัน”
นภาจ้องหน้า ปารมีหมดความอดทน
“ใช่ค่ะ หนูเป็นคนสั่งสมยศให้มันไปฆ่าไอ้อีพวกนั้น แล้วไงคะแม่รู้คำตอบแล้ว แม่ยังต้องการอะไรอีก”
ปารมีย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน นภามองท่าทางไม่ยี่หระต่อความชั่วของปารมีอย่างปวดใจ ปารมีหันเดินขึ้นชั้นบน นภาตะโกนตาม
“แล้วแกจะต้องติดคุก เค้าจะต้องเอาตำรวจมาจับแก ได้ยินมั้ย ตำรวจเค้าจะมาจับแก”
ปารมีหยุดเดินหันมองแม่อย่างไม่พอใจก่อนถอนใจหันกลับเดินขึ้นห้องไป นภาสะอื้นร้องไห้
“นี่ชั้นทำเวรกรรมอะไรไว้ ทำไมลูกถึงมีจิตใจโหดเหี้ยบแบบนี้ ทำไม ... ทำไม .. ฮือ..ฮือ ..ฮือ”
ภายในห้อง ปารมีเดินมาหยุดถอนใจที่หน้ากระจกแล้วดึงต่างหูออกสีหน้าครุ่นคิด
“ถ้าสมยศหักหลังแล้วบอกตำรวจว่าเราเป็นคนบงการล่ะ ...ไม่น่ะ สมยศต้องไม่ทำแบบนั้น ... แต่ถ้ามันทำล่ะ ... นี่ชั้นจะทำยังไงดีเนี่ย”
ปารมีกระแทกตัวลงนั่ง คิดอะไรไม่ออก
ในห้องนอนของภูบดี ญาดานั่งอยู่บนเตียงเหม่อคิดเรื่องการหายตัวของเจ๊อ้อย ธาวินเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นสีหน้าไม่สบาย ใจของญาดา วินเดินเข้ามาลงนั่งข้างยกมือแตะหน้าผากตาล
“ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วเป็นอะไร ผมเห็นตั้งแต่ตอนทานข้าวตาลดูเงียบๆไปแล้วก็ทานน้อยด้วย”
“แม่ไม่รู้ไปไหนค่ะ ต้นหอมบอกว่าแม่หายไปตั้งแต่เมื่อวาน ตาลกลัวว่าแม่จะเป็นอะไร”
“คิดมากไปรึเปล่า แกอาจจะไปหาเพื่อนหรือไปหาใครที่ไหนก็ได้”
“แต่ถ้าแม่จะไปไหนแม่ต้องบอกตาล อย่างน้อยแม่ก็ต้องโทรหา แต่นี่แม่ไม่โทรแล้วก็ไม่รับโทรศัพท์ด้วย”
“โทรศัพท์แกอาจจะหายก็ได้”
ญาดาถอนหายใจแล้วบอก
“แต่ตาลใจไม่ดีเลยกลัวว่าแม่จะเป็นอะไร”
ธาวินดึงญาดาเข้ามากอดพลางปลอบใจ
“ไม่หรอกน่า แม่ตาลเก่งจะตาย ผมว่าแกไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก พรุ่งนี้ผมจะช่วยตาลตามหาแม่เอง โอเคมั้ย”
ญาดาพยักหน้า ธาวินจูบหน้าผากแล้วบอก
“นอนเถอะดึกแล้ว”
ธาวินลุกขึ้นจะเดินไปที่โซฟา ตาลมองตาม
“คุณภู”
ธาวินหันกลับมามองอย่างงงๆ
“หือม์”
“คุณภูนอนกับตาลได้มั้ย ตาลกลัวจังเลย ตาลไม่อยากนอนคนเดียว ตาลกลัวว่าตาลตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เจอใคร” ญาดาพูดน้ำตาคลอ
ธาวินยิ้มให้
“ได้สิ”
ธาวินเดินมาขึ้นเตียงล้มตัวลงนอนข้างตัวญาดา
“กอดตาลได้มั้ยคะ ตาลจะได้รู้ว่าคุณจะอยู่กับตาลไม่ไปไหน” ญาดาบอก
ธาวินยิ้มพยักหน้าเอื้อมแขนไปกอด ญาดามองหน้าธาวินอย่างอบอุ่น
“หลับเถอะ ผมสัญญา ผมจะไม่ไปไหน”
ธาวินมองญาดาอย่างรักและห่วงใยในอ้อมกอด
ภายในห้องนอน มณทกานต์เดินออกมาจากห้องน้ำมานั่งลงที่หน้ากระจก หยิบภาพถ่าย เอนก อนุทินและมณทกานต์มาดูแล้วน้ำตาซึม มณทกานต์วางรูปลงแล้วนึกถึงคำพูดของบุญทัน
“นายสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ชั้นไม่อยากให้คุณปู่ต้องเสียใจและผิดหวังในตัวพี่เอเหมือนที่พ่อทำ”
“ครับ ผมสัญญาผมจะไม่บอกคุณท่าน แต่คุณเมย์ต้องสัญญากับผมเหมือนกัน”
“สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าคุณจะไม่คิดสั้นและทำร้ายตัวเองอีก ... นะครับ สัญญากับผมว่าเราจะเดินไปด้วยกัน”
“ชั้นสัญญา”
มณทกานต์ยิ้มให้กับตัวเองอย่างมีกำลังใจ แล้วเดินจากหน้ากระจกไปนั่งที่เตียงหยิบโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียงมาดูอย่างลังเลนิดนึงก่อนจะตัดสินใจกดโทรหาบุญทัน
บุญทันหลับอยู่ในห้องพักคนงานสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอเห็นเป็นเบอร์มณทกานต์ก็รีบรับอย่างตกใจ แล้วถามอย่างห่วงใย
“ฮัลโหล .. คุณเมย์”
“นายหลับแล้วหรือ”
“เพิ่งจะหลับน่ะครับ ... คุณเมย์มีอะไรรึเปล่า”
“ตายจริง ชั้นขอโทษ นายนอนเถอะไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่เป็นไรครับ ไหนบอกผมซิว่ามีอะไร”
“ชั้นแค่นอนไม่หลับก็เลยอยากคุยกับนาย”
“เรื่องอะไรครับ”
มณทกานต์รู้สึกเขินๆแล้วบอก
“ไม่รู้เหมือนกันแค่อยากได้ยินเสียงนายก่อนนอน”
บุญทันยิ้มขำ
“จริงหรือครับ ไม่ยักรู้ว่าเสียงผมแทนยานอนหลับได้”
มณทกานต์ยิ้มกับคำหยอกล้อของบุญทัน
“บุญทัน”
“ครับ”
“เล่าเรื่องของนายให้ชั้นฟังบ้างสิ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ก็ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับตัวนาย พ่อแม่พี่น้องครอบครัวนายเป็นใครอยู่ที่ไหน”
บุญทันอึ้ง
“ครอบครัวผมหรือครับ”
“ใช่ ชั้นยังไม่เคยรู้เรื่องของนายเลย ไหนบอกมาซิว่านายมีพี่น้องกี่คน”
“ผมเป็นลูกคนเดียว”
“แล้วพ่อแม่ล่ะอยู่ที่ไหน”
“พ่อแม่ผมตายหมดแล้วครับ”
“แล้วญาติคนอื่นล่ะ”
“ผมเหลือคุณปู่อยู่คนเดียว แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนนึงเป็นผู้หญิง”
“ไม่น่าเชื่อ ชีวิตนายคล้ายชั้นนะ ชั้นก็เหลือคุณปู่อยู่คนเดียว แต่มีลูกพี่ลูกน้องอีกคนเป็นผู้ชายคือพี่ภู อ้อ มีพี่ตาลอีกคนเป็นพี่สะใภ้”
บุญทันอมยิ้มขำ
“บุญทัน”
“ครับ”
“ทำไมเงียบไป”
“ผมกำลังฟังคุณเมย์พูดอยู่น่ะครับ”
“ไหนบอกมาซิว่านายชอบอะไรไม่ชอบอะไร เรียนจบจากที่ไหน มีแฟนมาแล้วกี่คน”
“ให้ผมเล่าให้หมดเลยหรือ”
“ใช่ เล่ามาให้หมดโดยเฉพาะเรื่องแฟนเล่ามาให้ละเอียด”
“ก็ได้ครับ ... ผมชอบสีน้ำเงิน ชอบกินอาหารไทย ชอบผู้หญิงผมยาว ...มีแฟนมาแล้วสามคน คนแรกเป็นแฟนตอนปอสาม”
“อะไรมีแฟนตั้งแต่เด็กเลยหรือ นายนี่แก่แดดจริง”
บุญทันเล่าเรื่องต่างๆมากมายจนมณทกานต์หลับคาโทรศัพท์ไป
เช้าวันใหม่ พิพัฒน์วางแก้วชาร้อนลงแล้วนั่งคุยกับปรารภ
“ไม่ยอมรับทั้งๆที่มีหลักฐานมัดตัวมันแน่นหนางั้นหรือ”
“ใช่ครับ ตำรวจบอกว่าสมยศจะไปให้การในชั้นศาล”
“คุณคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ปรารภ”
“ผมกำลังสงสัยว่าสมยศทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว หรือว่ามีคนอื่นร่วมด้วย”
“ชั้นก็กำลังคิดเหมือนคุณ บางทีอาจจะมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“แล้วท่านคิดว่าใครครับ”
“ชั้นก็ไม่รู้คงต้องเป็นหน้าที่คุณ ทำยังไงก็ได้ให้สมยศยอมบอกความจริง”
“ครับ”
ปรารภพยักหน้า นภาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง
นภาเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็วและขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที ปารมีเปิดประตูออกมาเจอนภาพอดี
“อ้าวแม่”
“แม่ว่าแกควรจะรีบไปสารภาพกับคุณปู่ตอนนี้นะว่าแกทำอะไรลงไป” นภาว่า
“ถ้าแม่จะมาพูดเรื่องนี้ หนูไม่อยากฟัง”
“แต่แกต้องฟังนะ เพราะตอนนี้คุณปู่กำลังสงสัยว่ามีใครอีกคนที่ร่วมมือกับสมยศ”
ปารมีชะงักอึ้งไป
“คุณปู่บอกแม่หรือ”
“เค้าคุยกับคุณปรารภ เชื่อแม่นะปา ไปสารภาพความจริงซะก่อนที่สมยศมันจะบอกตำรวจ”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ มันจะไม่มีโอกาสไปบอกตำรวจแน่”
ปารมีจะเดินออกไป นภาขวางไว้
“แกจะไปไหน”
“ก็ไปจัดการไอ้สมยศให้มันหมดโอกาสพูดน่ะสิคะ”
นภาอึ้งไป
“ไม่นะ ปารมี”
นภาวิ่งตามออกไปคว้าแขนปารมีไว้
“ไม่นะลูก อย่าทำแบบนี้อีกเลย”
“ปล่อยหนูนะแม่”
“ไม่ แม่ไม่ปล่อย แม่จะไม่ยอมให้ลูกฆ่าใครอีกแล้ว”
“หนูบอกให้ปล่อย”
“ไม่ แม่ไม่ปล่อย”
“หนูบอกให้ปล่อย”
ปารมีสะบัดแขน นภาเซเสียหลักล้มกลิ้งตกบันได ปารมีมองตะลึง
“แม่ ...”
นภากลิ้งตกลงมาชั้นล่าง ปารมีวิ่งลงมาดูเห็นนภาหมดสติ
“แม่ .. แม่คะ ... แม่”
ในเวลาต่อมา ภายในโรงพยาบาล นภานอนอยู่บนเตียงพยาบาล บุรุษพยาบาลเข็นเตียงมาตามทางอย่างเร็ว ปารมีเดินตามมาบุรุษพยาบาลเข็นรถเข้าห้องฉุกเฉิน ปารมียืนมองอยู่ที่หน้าห้องด้วยสีหน้าห่วงใยนภา
ปารมีนึกถึงคำพูดนภา
“แต่แกต้องฟังนะเพราะคุณปู่กำลังสงสัยว่ามีใครอีกคนที่ร่วมมือกับสมยศ”
ปารมีนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน คิดทบทวนเรื่องสมยศไปมา ปารมีบอกตัวเอง
“ใช่ เราต้องกำจัดมันก่อนที่มันจะทำให้เราเดือดร้อน”
ปารมีตัดสินใจลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ภายในห้องขังของสถานีตำรวจ สมยศเดินไปเดินมาพลางชะเง้อมองออกไปนอกห้องขัง เมื่อเห็นตำรวจผ่านมา สมยศถาม
“จ่า”
“ครับ”
“มีใครมาเยี่ยมชั้นบ้างมั้ย”
“ยังไม่เห็นมีเลยครับ”
สมยศพยักหน้ารับรู้
“ขอบใจ”
จ่าตำรวจเดินออกไป สมยศมองตามหลังแล้วถอนใจ
“ปารมี หวังว่าคุณจะไม่ทิ้งผมนะ”
สมยศเดินไปนั่งในห้องอย่างวังเวง
ใครคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนโรงพัก มองซ้ายขวาแล้วเดินไปที่โต๊ะจ่าเวรที่กำลังพิมพ์งานสำนวนคดี จ่าเงยขึ้นมองหน้า
“มีอะไร”
เด็กชายวัยไม่เกิน 15 ปีที่แต่งตัวเหมือนเด็กขายพวงมาลัยยกถุงกล่องอาหารกับน้ำดื่มให้
“ฝากข้าวให้สารวัตรสมยศด้วย”
“แล้วเอ็งเป็นอะไรกับเค้า” จ่าถาม
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ มีคนเค้าฝากให้ผมเอามาให้” เด็กบอก
“แล้วคนฝากอยู่ไหน”
“วันนี้เค้ามาเยี่ยมไม่ได้ เค้าให้บอกสารวัตรสมยศว่าจะมาเยี่ยมพรุ่งนี้”
“เออ เดี๋ยวจะบอกเค้าให้”
“ขอบคุณครับ”
จ่าหิ้วกล่องอาหารเดินไปที่ห้องขัง
ปารมีใส่แว่นดำคลุมผมพรางตัวยืนซุ่มอยู่มุมหนึ่ง เด็กเดินเข้ามา
“เรียบร้อยมั้ย” ปารมีถาม
“เรียบร้อยครับ”
ปารมีหยิบเงินแบงค์ร้อยส่งให้
“ขอบคุณครับ”
เด็กชายเดินออกไป ปารมีมองเข้าไปในสถานีตำรวจแล้วยิ้มอย่างอำมหิต
อ่านต่อหน้า 2
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
หน้าห้องขัง จ่าส่งข้าวกล่องให้สมยศ
“นี่ครับสารวัตร มีคนเอามาเยี่ยม”
“ใคร”
“เด็กน่ะครับ มันบอกว่ามีคนฝากมาให้สารวัตร วันนี้เค้ามาเยี่ยมไม่ได้แต่จะมาพรุ่งนี้ครับ”
“ขอบใจ”
สมยศมองถุงข้าวแล้วยิ้มนึกรู้ว่าเป็นปารมี
“ผมนึกแล้วว่าคุณจะไม่ทิ้งผม .. ปารมี”
สมยศเดินไปนั่งแล้วเปิดกล่องอาหารออก ตักข้าวเคี้ยวกินอยู่สามสี่คำด้วยความหิวอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็เปิดน้ำยกขึ้นดื่ม สมยศจะตักข้าวเข้าปากอีกคำก็ชะงัก … แสบร้อนคอไปหมด
“โอ๊ย ...”
สมยศบ้วนข้าวออกพยายามกรอกน้ำเข้าปาก ความปวดทวีขึ้นไปทั่วท้อง สมยศตาเหลือกดิ้น ผู้ต้องหาอีกห้องเห็นอย่างนั้นก็ร้องขึ้น
“เฮ้ย เป็นอะไร”
ผู้ต้องหาเข้ามาดูเห็นสมยศน้ำลายฟูมปาก ลงนอนชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้น ผู้ต้องหาตะโกนเรียก
“จ่า .. จ่า ... มานี่เร็ว ..จ่า”
จ่าตำรวจวิ่งเข้ามาถาม
“มีอะไร”
“ไอ้นั่นมันเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ๆ ก็ลงไปชัก”
จ่าตำรวจมองเห็นสมยศดิ้นพล่าน แต่ไม่แน่ใจว่าแกล้งหรือจริง
“เร็วสิจ่า เดี๋ยวมันก็ตายหรอก” ผู้ต้องหาบอก
จ่าตำรวจมองเอีกครั้งก่อนไขกุญแจเข้าไปวิ่งเข้าไปดูแล้วเรียก
“สารวัตร ... สารวัตร”
จ่าตำรวจเขย่าตัวเรียก สมยศน้ำลายฟูมปากดิ้นด้วยความเจ็บปวด พยายามไขว่คว้าขอความช่วยเหลือ แต่หมดลมขาดใจตาย สมยศตาเหลือกค้างนอนแน่นิ่งอยู่
บนโต๊ะอาหาร ธาวินถาม
“อะไรนะครับ สมยศตายแล้ว”
“ใช่ครับ ตายเมื่อครู่นี้เอง” ปรารภบอก
“แล้วมันเรื่องอะไรครับ” บุญทันถาม
“จ่าที่เข้าเวรบอกว่ามีเด็กเอาอาหารมาให้บอกว่ามีคนฝากมาเยี่ยม”
“แล้วเด็กที่ไหน” พิพัฒน์ถาม
“ไม่มีใครรู้จักครับ ตำรวจกำลังสืบหาตัวอยู่”
ธาวินหันมองหน้าบุญทัน
“แกคิดว่าไง”
“แสดงว่าคนที่บงการฆ่าลุงภาคินไม่ใช่สมยศจริง ๆ”
“แล้วใคร” พิพัฒน์พูดขึ้น
บริเวณหน้าห้องผ่าตัด ปารมีเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ หมอเปิดประตูออกมาพอดี
“คุณแม่เป็นไงบ้างคะหมอ” ปารมีถาม
“ผมเสียใจด้วย คุณแม่คุณได้รับการรักษาช้าไป กว่าเราจะได้ผ่าตัดเลือดก็ซึมออกในสมองจนทั่ว ทำให้สมองส่วนที่ควบคุมร่างกายไม่ทำงาน”
“หมายความว่าไงคะ”
“คุณแม่คุณมีสิทธิ์เป็นอัมพาตตั้งแต่แขนลงไปจนถึงขา”
“อะไรนะคะเป็นอัมพาต”
“ใช่ครับ เราเองก็ทำจนสุดความสามารถแล้ว ถ้าเมื่อเช้าคุณไม่หายไปในช่วงที่เรา
ต้องการการตัดสินใจจากคุณเพื่อผ่าตัด คนไข้คงจะไม่เป็นแบบนี้ เอาล่ะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ปารมีทรุดลงนั่งอึ้ง เสียงหมอยังก้องในหัว
“คุณแม่คุณมีสิทธิ์เป็นอัมพาตตั้งแต่แขนลงไปถึงขา”
“ถ้าเมื่อเช้าคุณไม่หายไปในช่วงที่เราต้องการการตัดสินใจจากคุณเพื่อผ่าตัด คนไข้คงจะไม่เป็นแบบนี้”
ปารมีเสียใจน้ำตารินไหล
ภายในห้องคนไข้เวลากลางคืน นภานอนหลับอยู่บนเตียง บนหัวมีผ้าพันแผลรอบหัว มีเครื่องช่วยหายใจ ปารมีเปิดประตูเดินมาหยุดที่ข้าง ปารมีน้ำตาไหลจับมือนภาซึ่งหลับไม่รู้เรื่อง
“แม่ .. ปาขอโทษ .. ปาขอโทษ”
ภายในบ้านพิพัฒน์ ญาดากดโทรศัพท์แล้วรอฟังเสียงจนปลายสายรับโทรศัพท์
“เฮียเสกหรือ นี่ตาลลูกเจ๊อ้อยนะ แม่หนูไปที่บ่อนบ้างรึเปล่า...ไม่ได้ไปหรือ... อืมม์ ขอบคุณนะ”
ญาดาวางสายแล้วครุ่นคิด
“ ถ้าไม่ไปบ่อนแล้วแม่จะไปไหน นี่เราก็โทรหาคนรู้จักจนหมดแล้วนะ”
เสียงมือถือญาดาดังขึ้นพอดี ญาดามองเบอร์อย่างไม่คุ้นก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล”
ภายในสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตำรวจคนหนึ่งกำลังพูดสายกับญาดา
“ผมร้อยตำรวจเอก ...นะครับ เราพบศพผู้หญิงคนนึงถูกฆ่าทิ้งในแม่น้ำ ในตัวเค้ามีโทรศัพท์ที่มีเบอร์คุณอยู่ อยากให้คุณมาดูศพหน่อยได้มั้ยครับว่าคุณรู้จักรึปล่า”
“ที่ไหนคะ ... ค่ะ ค่ะจะไปเดี๋ยวนี้”
ธาวินเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว ตาลอยู่นี่เอง”
“ตำรวจโทรมาว่าเจอศพผู้หญิง ตาลสงสัยว่าจะเป็นแม่ ไปดูด้วยกันนะคะ” ญาดาบอก
“ไปสิ”
ธาวินกับญาดาเดินออกไปพร้อมกัน
ญาดาเดินใจไม่ค่อยดีมาตามทางเดินในสถาบันนิติเวช ธาวินจับมือพยักหน้าให้กำลังใจก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“ชั้นมาดูศพที่เมื่อกี้ทางนี้โทรไปน่ะค่ะ” ญาดาบอก
“เชิญทางนี้เลยครับ”
ตำรวจเดินนำไปที่ห้องเก็บศพ
“เชิญครับ”
ญาดามองหน้าธาวินที่พยักหน้าให้ แล้วยกมือไหว้พระ
“ขออย่าให้เป็นแม่เลย”
ญาดาทำใจด้วยการหลับตาแล้วสูดหายใจลึกก่อนเดินเข้าไปในห้อง
ญาดาและธาวินเดินมาหยุดที่เตียง ตำรวจเปิดผ้าคลุมศพให้ออก ญาดาตะลึงงันเห็นหน้าเจ๊อ้อยนอนบวมขึ้นอืดอยู่บนเตียง ญาดาร้องไห้เขย่าตัว
“แม่...แม่ ..ใครทำแม่ ใครฆ่าแม่ ใครฆ่าแม่”
ธาวินรวบตัวญาดาเข้ามากอดไว้
“ใจเย็นตาล”
“หมายความว่าคนตายเป็นแม่คุณผู้หญิงหรือครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำสถาบันนิติเวชถาม
“ใช่ครับ”
“ดูให้แน่ใจนะครับ” ตำรวจถามย้ำ
“แม่ชั้นค่ะ ทำไมชั้นจะจำแม่ไม่ได้” ญาดาบอก
“งั้นผมคงต้องขอสอบปากคำคุณผู้หญิงด้วยนะครับ”
“ครับ” ธาวินรับคำแทน
“เชิญข้างนอกเลยครับ”
ตำรวจคลุมผ้าปิดศพแล้วเดินออก ญาดาโผไปกอดศพเจ๊อ้อยเป็นครั้งสุดท้าย
“แม่ แม่ตื่นมาสิ แม่อย่าทิ้งหนูไป แม่ แม่ ฮือ ฮือ ฮือ”
ธาวินมองญาดาอย่างสะเทือนใจแล้วดึงตาลมากอด
“แม่ไปดีแล้วตาล” ธาวินบอก
“ใครฆ่าแม่ ... คุณภู ใครฆ่าแม่ ... ทำไมต้องฆ่าแม่ด้วย”
ญาดาร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดธาวินไว้
ในห้องสอบปากคำ ตำรวจนั่งอยู่ที่โต๊ะมีจอโนตบุ๊คอยู่ตรงหน้า ธาวินกอดประคองญาดาที่ยังร้องไห้สะอื้นเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม
“จากการชันสูตรศพเราพบว่าผู้ตายถูกรัดคอจนขาดใจ แล้วคนร้ายก็เอาศพไปทิ้งในแม่น้ำ”
“หมายความว่าถูกฆาตกรรมหรือครับ” ธาวินถาม
“ใช่ครับเพราะตอนที่เราพบศพ ศพถูกมัดอยู่ในกระเป๋าเดินทาง คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่เกินสามวัน”
“คุณตำรวจจะสืบรู้ใช่มั้ยคะว่าใครฆ่าแม่ชั้น” ญาดาถาม
“ครับ แต่ผมคงต้องขอรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ตายจากคุณก่อน ชื่อผู้ตายครับ”
“อุมาค่ะ” ญาดาบอกทั้งน้ำตา
ตำรวจพิมพ์ตามแล้วถามรายละเอียดต่อ
“นามสกุลครับ”
“พรสุขค่ะ อายุห้าสิบสอง”
“คุณเป็นอะไรกับผู้ตายครับ”
“ลูกสาวค่ะ”
“ชื่อครับ”
“ญาดาค่ะ”
ตำรวจพิมพ์ตามคำบอก ญาดาน้ำตายังคงไหลรินอาบแก้ม ธาวินมองครุ่นคิดถึงสาเหตุการตายของเจ๊อ้อย
บริเวณทางเดินในสถาบันนิติเวช ตำรวจเดินมาส่งญาดากับธาวิน
“พรุ่งนี้ผมจะขอเข้าไปสอบปากคำคนที่อยู่ในบ้านคุณนะครับ”
“ครับ ผมจะได้บอกให้คนที่บ้านทราบ” ธาวินบอก
“ไม่ต้องบอกหรอกครับเพราะถ้าคนร้ายอยู่ในบ้านคุณจริง ผมไม่อยากให้คนร้ายไหวตัวก่อน”
“ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ตำรวจพยักหน้า ญาดากับธาวินเดินออกไป
ภายในรถ ธาวินเอื้อมมือมาจับมือญาดาที่ยังร้องไห้อยู่ ญาดามองหน้าธาวิน แล้วนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ญาดาบอกแม่
“หนูจะไม่อยู่สามสี่วันแม่อย่าก่อเรื่องนะ”
“ไปไหน”
“หัวหิน”
“ไปทำไม แม่บอกแล้วไงว่าให้หนีไปกับแม่”
“ก็บอกแล้วว่าขอเวลาหน่อย”
“แม่ว่าเอ็งจะหลงผู้ชายมากไปแล้วนะ”
“หนูไม่ได้หลง หนูบอกแล้วไงว่าหนูรักเค้า”
ภายในห้องนอนของภูบดี ญาดานั่งเหม่อมองไปไกลน้ำตาไหลริน ธาวินถือน้ำเย็นเข้ามาให้
“ดื่มอะไรเย็นๆซะหน่อย”
ญาดาส่ายหน้า
“เป็นเพราะตาล ตาลเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตาย”
“ไม่เอาน่ะตาล ทำไมโทษตัวเองแบบนี้”
“แต่ถ้าตาลเชื่อแม่ หนีไปกับแม่ แม่ก็คงไม่ตาย เป็นเพราะตาล ... เป็นเพราะตาล”
ธาวินดึงญาดาเข้ามากอด
“ไม่นะตาล ถึงยังไงผมก็ไม่ให้ตาลหนีผมไป มันไม่ใช่ความผิดของตาล เชื่อผม ตำรวจเค้าจะต้องหาตัวคนร้ายได้”
ญาดายังร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดธาวิน
คืนนั้น ญาดายังคงนอนน้ำตาไหลรินซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดธาวินที่มองด้วยความห่วงใย
ภายในห้องนอนคนไข้ในโรงพยาบาล ปารมีนั่งเหม่อลอยครุ่นคิด นภาลืมตาตื่นขยับหน้ามองปารมี
“แม่ ... แม่เป็นไงบ้างคะ”
นภามองปารมีด้วยสายตาเกลียดชัง
“แกไม่ใช่ลูกชั้น .. แกออกไป”
“ปาขอโทษ ปาไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่เป็นแบบนี้”
“แกมันเป็นฆาตกร แกฆ่านังอ้อย ฆ่าไอ้สมยศแล้วแกก็จะฆ่าชั้น แกมันใจคอโหดเหี้ยม แกไม่ใช่ลูกชั้นออกไป”
“แม่”
“ชั้นบอกให้แกออกไป ...ออกไป”
นภากลั้นใจกระตุกมือที่เสียบสายน้ำเกลือเต็มแรงจนเสาแขวนน้ำเกลือล้มดัง โครม
ปารมีสะดุ้งตื่นจากหลับมองไปที่เตียงอย่างตกใจ ทุกอย่างเงียบสงัด นภายังหลับอยู่บนเตียง
ปารมีถอนหายใจ
“ที่แท้เราก็ฝันไป”
ปารมีนั่งพิงตัวสายตาเหม่อมองไกล ออกไป
เช้าวันใหม่ พิพัฒน์ ธาวิน บุญทันและปรารภนั่งคุยกันอยู่ในห้อง
“ยัยอ้อยที่เป็นแม่บ้านมาใหม่น่ะหรือเป็นแม่หนูตาล” พิพัฒน์ถามขึ้น
“ใช่ครับ” ธาวินบอก
“แล้วไปตายได้ยังไง”
“ตำรวจกำลังสืบอยู่ครับ วันนี้จะเข้ามาสอบปากคำทุกคนที่นี่”
“หมายความว่าบ้านเรามีฆาตกรงั้นหรือ” พิพัฒน์ถาม
ปารมีเดินเข้ามาทุกคนชะงักหันไปมอง
“อ้าว ยัยปาเห็นว่าแม่เข้าโรงพยาบาล เป็นยังไงบ้าง” พิพัฒน์ถามด้วยความห่วงใย
“ปากำลังจะมาเรียนให้คุณปู่ทราบว่า แม่เส้นเลือดในสมองแตกค่ะ”
ทุกคนตกใจ ปรารภถามขึ้น
“จริงหรือครับคุณปารมี”
“ค่ะ หมอบอกว่าแม่จะเป็นอัมพาตไปทั้งตัว”
“อะไรร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ” พิพัฒน์ถาม
ปารมีบีบน้ำตาไหลริน
“หมอบอกว่าแม่อาจจะไม่สามารถเดินหรือขยับตัวได้อีกต่อไปค่ะ”
“แล้วทำไมคุณป้านภาถึงตกบันได” ธาวินถาม
“แม่เป็นลมน่ะค่ะ เลยหน้ามืดล้มลงมา” ปารมีบอก
“ยัยปา แกคุยกับหมอนะบอกให้เค้ารักษาเต็มที่ เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า ขอให้เค้ารักษาให้หาย” พิพัฒน์บอก
“ค่ะ ปากราบขอบพระคุณคุณปู่มากนะคะ”
ปารมีก้มลงกราบ บุญทันกับธาวินมองปารมีด้วยแววตาเห็นใจ
“ปาขอตัวไปเยี่ยมคุณแม่ก่อนนะคะ”
ปารมีลุกเดินออกไป สายตาทุกคนมองตาม
“สงสัยชั้นคงต้องทำบุญบ้านครั้งใหญ่แล้วมั้ง ทำไมมีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน หวังว่าจะไม่มีใครตายเป็นรายต่อไปนะ” พิพัฒน์พูดแล้วถอนใจ
ธาวินกับบุญทันมองหน้ากัน เสียงโทรศัพท์มือถือปรารภดังขึ้น
“ผมปรารภครับ... ได้ตัวเด็กแล้วหรือครับ”
ธาวิน บุญทันและพิพัฒน์มองหน้าปรารภด้วยความอยากรู้
“ครับ ... ครับ ... ขอบคุณมากครับ”
ปรารภปิดโทรศัพท์ แล้วหันมาบอกทุกคนว่า
“ตำรวจบอกว่าได้ตัวเด็กที่เอาอาหารมาส่งให้สมยศแล้วครับ”
“แล้วเด็กมันว่าไง” พิพัฒน์บอก
“เด็กบอกว่ามีผู้หญิงจ้างให้เอาอาหารไปให้สมยศครับ”
“ผู้หญิงหรือครับ” ธาวินถาม
“ใช่ครับ ผู้หญิง” ปรารภบอก
ธาวินกับบุญทันมองหน้ากันอย่างครุ่นคิด พิพัฒน์มองหน้าปรารภด้วยแววตาสงสัยว่าใครกันนะที่ไปไหว้วานเด็กคนนั้น
ภายในบ้านพิพัฒน์เวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามคำต้นหอม
“น้าอ้อยแกเข้ามาทำงานได้เกือบเดือนแล้วค่ะ”
ต้นหอมมีสีหน้าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วยืนยันว่า
“ใช่ค่ะ อีกสามวันก็จะครบเดือน”
“แล้วคุณอ้อยเค้ามีปัญหาหรือเคยทะเลาะกับใครในบ้านหลังนี้บ้างรึเปล่า” ตำรวจถาม
“เท่าที่หนูเห็นก็ไม่มีนะคะ”
บริเวณระเบียงนอกบ้าน ญาดา ธาวิน มณทกานต์ บุญทันยืนมองอยู่
“แล้วตำรวจเค้าต้องสอบปากคำพวกเราด้วยรึเปล่าคะพี่ภู” มณทกานต์ถาม
“ก็คงต้องสอบ” ธาวินบอก
“ขอโทษด้วยนะคะน้องเมย์ที่ทำให้เดือดร้อน” ญาดาบอก
มณทกานต์จับมือญาดา
“อย่าพูดอย่างงั้นสิคะพี่ตาล เดือดร้อนอะไรกันเราเป็นญาติกันนะคะ เมย์ว่าพี่ตาลไปนั่งดีกว่าค่ะ ท่าทางจะอีกนานกว่าตำรวจจะสอบปากคำคนหมดทั้งบ้าน”
ญาดาเดินตามมณทกานต์ไปนั่งที่เก้าอี้ริมระเบียงซึ่งมีเครื่องดื่ม ของว่างวางรับรองอยู่ บุญทันมองไปที่ตำรวจแล้วหันมาบอกธาวิน
“หวังว่าตำรวจจะหาตัวฆาตกรเจอนะ”
“ก็ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะ”
ภายในห้อง ต้นหอมเดินลุกออกไปหลังให้ปากคำแล้ว มะยมเข้ามานั่งคุยกับตำรวจเป็นคนต่อไปธาวินมองด้วยสีหน้าเครียด
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภายในห้องคนไข้ นภานอนลืมตานิ่ง หมอเข้ามาตรวจดูอาการ พยาบาลจดค่าความดันและการเต้น ของหัวใจ ปารมีเปิดประตูเข้ามาพอดี หมอหันมามอง
“สวัสดีค่ะคุณหมอ คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”
“รู้สึกตัวแล้วครับ แต่ว่าแขนขาขยับอะไรไม่ได้ ร่างกายทั้งหมดตั้งแต่คอลงมาไม่ตอบสนองความรู้สึกอะไรเลย”
“แล้วแม่จะมีโอกาสหายเป็นปกติมั้ยคะ”
หมอส่ายหน้าถอนใจ
“มีเปอร์เซ็นต์น้อยมากครับ แต่นับว่าแกโชคดีมากนะครับที่ยังฟื้นขึ้นมาได้”
“ฝากคุณแม่ด้วยนะคะคุณหมอ ถ้ามีอะไรที่จะทำให้คุณแม่หายขอให้บอกนะคะ”
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะ”
หมอเดินออกไป ปารมีเข้ามาจับมือแม่
“แม่ .. แม่เป็นไงบ้างคะ”
ปารมีก้มลงกราบที่อกแล้วบอก
“ปาขอโทษนะคะแม่ ปาเป็นคนทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้ แม่ยกโทษให้ปานะคะ”
นภาน้ำตาคลอมองลูกสาว
“นะคะแม่ ยกโทษให้ปานะ”
นภาพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
“จริงนะคะแม่ แม่ไม่โกรธปาจริงๆนะ”
นภาพยักหน้าซ้ำ ปารมีโผกอดร้องไห้
“ขอบคุณนะคะแม่ ปารักแม่นะ ปาอยากให้แม่รู้ว่าปารักแม่”
ปารมีกอดนภาที่น้ำตาไหลรินมองลูกสาวด้วยความรัก
ตำรวจเดินออกมาหน้าบ้านพิพัฒน์เมื่อเวลาเย็น ญาดากับธาวินเดินตามมาส่ง
“เหลือคุณนภากับคุณปารมีที่ผมยังไม่ได้สอบปากคำ เดี๋ยวผมจะโทรนัดกับเค้าอีกที” ตำรวจบอก
“ครับ”
“แล้วที่วันนี้สอบปากคำไป มีใครน่าสงสัยบ้างมั้ยคะ” ญาดาถามด้วยความอยากรู้
“ยังไม่มีนะครับ เพราะเท่าที่ผมซักถาม คุณแม่คุณก็ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับใคร นอกจากติดเงินพวกคนงานด้วยกันเล็กๆน้อยๆ ซึ่งผมไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น”
“หรือว่าคนร้ายจะไม่ได้อยู่ที่นี่คะ” ญาดาถาม
“ผมก็ยังตอบไม่ได้ แต่ที่แน่ๆทุกคนพูดตรงกันว่า วันที่คุณแม่คุณหายตัวไปเธอไม่ได้ออกไปไหน เอาล่ะครับผมขอตัวกลับก่อนถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะแจ้งให้ทราบ”
“ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
บุญทันกับมณทกานต์เดินคุยกันอยู่ในสวน
“สงสารพี่ตาลจังเลยนะอยู่ๆแม่ก็ตายโดยไม่รู้ตัว”
“นับว่าคุณตาลยังโชคดีที่มีคุณภูอยู่ด้วย”
“ใช่ ชั้นเข้าใจเลยว่าพี่ตาลเค้ารู้สึกยังไง ถ้าตอนที่พ่อกับพี่เอตาย ชั้นไม่มีนายอยู่ด้วย ชั้นคงไม่รู้จะทำ
ยังไงเหมือนกัน ขอบคุณนะบุญทันที่อยู่เคียงข้างชั้นตลอดมา”
บุญทันยิ้มให้ มณทกานต์เคลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้ม บุญทันชะงัก
“เดี๋ยวใครมาเห็นนะครับ”
“เห็นก็ช่างสิ เราจะแต่งงานกันแล้วนี่”
มณทกานต์คว้ามือบุญทันแกว่งพร้อมกับเดินคุยกันไปที่ริมน้ำ
“ชั้นจะกลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมาช่วยคุณปู่ทำงาน”
“ดีครับ”
“ส่วนนาย คุณปู่บอกว่าจะให้นายไปทำงานเป็นเลขาพี่ภู แต่ชั้นคิดว่านายควรจะไปเรียนภาษาเพิ่ม
นะ”
บุญทันอมยิ้มบอก
“ครับ”
“เอ๊ะ แต่ที่จริงชั้นเก่งภาษาชั้นสอนให้นายเองดีกว่า ต่อไปนี้ นายจะต้องมาเรียนภาษาอังกฤษกับชั้น
ทุกวัน เข้าใจมั้ย”
“ครับ”
มณทกานต์หยอกล้อดึงจมูกบุญทันเล่น
“ดีมาก”
พิพัฒน์ยืนมองบุญทันกับมณทกานต์จากระเบียงบ้านด้านบน ปรารภเดินเข้ามาแล้วมองตามสายตาพิพัฒน์
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าในที่สุดคุณเมย์กับคุณภูก็จะได้แต่งงานกันสมความปรารถนาของท่าน”
พิพัฒน์ยิ้มแล้วบอก
“ ถ้าเจ้าภูไม่ปลอมตัวมาบางทียัยเมย์อาจจะไม่รักก็ได้”
“อย่างน้อยในเรื่องร้ายๆมียังเรื่องดีๆซักเรื่องนะครับ” ปรารภว่า
“ใช่”
พิพัฒน์ยิ้มมองกลับไปเห็นบุญทันกับมณทกานต์ยืนคุยหยอกล้อกันอยู่
ภายในห้องคนไข้ ปารมีเดินพูดโทรศัพท์อยู่
“ได้ค่ะ ... ยินดีค่ะ ... ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ปารมีปิดโทรศัพท์ นภามองปารมีเหมือนจะถามว่าใคร
“ตำรวจค่ะ เค้าเจอศพนังอ้อย”
นภาตะลึงตกใจ ปารมีจับมือแม่แล้วก้มลงไปกระซิบ
“แม่ไม่ต้องกลัวค่ะ ตำรวจมันไม่มีทางรู้หรอกว่าเป็นเรา”
นภาส่ายหน้าด้วยความกลัว
“เชื่อหนูสิคะ ตำรวจไม่มีวันรู้”
ปารมีบอกแม่อย่างมั่นใจ แต่แววตาของนภากลับหวาดกลัวว่าลูกจะถูกจับ
ภายในบ้านนภาในวันรุ่งขึ้น ตอนกลางวัน ปารมีกำลังนั่งคุยอยู่กับตำรวจ ส่วนต้นหอมกำลังเช็ดทำความสะอาดของตั้งโชว์อยู่ที่มุมหนึ่งซึ่งห่างออกไป
“ปาก็ไม่เคยคุยอะไรส่วนตัวกับเค้านะคะ ปกติเค้าก็จะมาทำงานบ้านตอนสายๆใช่มั้ยต้นหอม ประมาณกี่โมงนะ”
“ปกติน้าอ้อยจะมาทำตอนสิบโมงเช้าน่ะค่ะ” ต้นหอมบอก
ตำรวจจดรายละเอียด
“ครั้งสุดท้ายที่คุณปารมีเจอคุณอ้อยเมื่อไหร่ครับ”
“อืมม์ ไม่แน่ใจนะคะ รู้สึกว่าวันจันทร์หรือวันอังคารนี่แหละค่ะ ปากำลังจะออกไปข้างนอกแล้วสวนกับเค้าหน้าบ้าน”
“ช่วงที่เค้ามาทำงานในบ้าน คุณปารมีเคยได้ยินเค้าพูดโทรศัพท์กับใครหรือบ่นอะไรบ้างมั้ยครับ”
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ ปาไม่เคยสังเกตเลย”
“โอเคครับ ขอบคุณคุณปารมีมากนะครับ”
“ปาต้องขอโทษอีกครั้งนะคะที่คุณแม่ให้ปากคำไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ เอาไว้ให้ท่านดีขึ้นผมอาจจะมาคุยกับท่านอีกที”
“ยินดีค่ะ”
“ผมลาล่ะครับ”
ตำรวจลุกเดินออกไป ปารมีมองตามด้วยแววตาเยือกเย็น
ญาดาในชุดดำกำลังนั่งคุยกับมณทกานต์ในบ้านพิพัฒน์
“ตำรวจว่าไงบ้างคะพี่ตาล” มณทกานต์ถาม
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยค่ะ นี่ตำรวจก็สอบปากคำหมดทุกคนแล้ว เหลือแค่คุณป้านภา” ญาดาบอก
“แล้วพี่ตาลสงสัยใคร”
ญาดาถอนหายใจน้ำตาซึม
“ตาลไม่รู้หรอกค่ะ แต่ถ้าตาลรู้ตาลจะถามว่า ทำไมมันถึงอำมหิตโหดเหี้ยมขนาดนี้ หัวใจมันทำด้วยอะไรมันถึงฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น”
ญาดาพูดถึงแม่แล้วก็อดน้ำตาไหลรินไม่ได้ มณทกานต์จับมือปลอบใจ
“พี่ตาลอย่าคิดมากเลยนะคะ เมย์เชื่อว่าตำรวจจะต้องหาตัวฆาตกรที่ฆ่าแม่พี่ตาลได้แน่”
ปารมีก้าวเข้ามาหยุดมองญาดาและมณทกานต์ที่ด้านหลังด้วยแววตาเกลียดชัง
“เดี๋ยวเมย์ว่าเมย์ไปหาอะไรมาให้พี่ตาลดื่มดีกว่านะคะ”
ญาดานั่งอยู่ตามลำพัง เมื่อมณทกานต์เดินลุกออกไป
มโนภาพของปารมีจินตนาการว่า กำลังเดินเข้ามาหาญาดาในแววตาเกลียดชัง ญาดานั่งเหม่อลอยคิดเรื่องเจ๊อ้อย ปารมีนำเชือกที่เตรียมมาขึ้นม้วนกระชับฝ่ามือทั้งสองข้างก่อนจะเดินเข้ามาหาญาดาทางด้านหลัง ปารมีแสยะยิ้มตวัดเชือกเข้ารัดคอญาดาแน่นจนดิ้นตาเหลือกลานแน่นิ่งหมดลมไป
มณทกานต์เดินเข้ามาเรียก
“พี่ตาล”
ปารมีสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์หันไป มณทกานต์มองจ้องปารมี ญาดามองตาม
“เมย์จะถามว่าพี่ตาลจะเอาน้ำมะนาวหรือกาแฟเย็นดีคะ” มณทกานต์ถาม
“มะนาวก็ได้ค่ะ” ญาดาตอบ
มณทกานต์มองหน้าปารมีอย่างไม่ค่อยไว้ใจแล้วเดินออกไปทำเครื่องดื่ม ปารมียิ้มให้ญาดาก่อนนั่งลงข้างๆ
“ปาเสียใจด้วยนะคะ ปาเพิ่งทราบว่าน้าอ้อยเป็นคุณแม่พี่ตาล”
ญาดาฝืนยิ้มแล้วบอก
“ค่ะ”
“เมื่อเช้าตำรวจมาสอบปากคำปา ปายังบอกเลยว่าปาแทบจะไม่เคยคุยกับน้าอ้อยด้วยซ้ำ”
ปารมีแสร้งถอนใจแล้วพูดต่อ
“เฮ้อ ไม่น่าเชื่อนะคะว่าจะมีเรื่องน่ากลัวแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านเรา”
ญาดาน้ำตาซึมอีก ปารมีจับมือปลอบใจ
“มีอะไรที่ปาทำให้ได้ ขอให้บอกนะคะพี่ตาลไม่ต้องเกรงใจ”
ญาดาซาบซึ้งในน้ำใจ
“ขอบคุณคุณปามากค่ะ คุณปาดีกับตาลจริง ๆ ตาลซะอีกที่ต้องขอโทษคุณที่ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้านภาเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะปาเข้าใจ เรื่องของพี่ตาลก็หนักพออยู่แล้วแล้วปาจะบอกคุณแม่ให้ว่า พี่ตาลเป็นห่วง”
“ขอบคุณนะคะคุณปา”
ญาดาจับมือปารมี ปารมีดึงญาดามากอดปลอบใจ
“ปาอยากให้พี่ตาลรู้ว่าปาเป็นห่วงพี่ตาลนะคะ”
ญาดาน้ำตาไหลอย่างซาบซึ้งใจ ที่ใบหน้าของปารมีอีกด้านทอดมองไปข้างหน้าด้วยแววตาเกลียดชัง
ห้องผู้กำกับภายในสถานีตำรววจในเวลาต่อมา ธาวินกับบุญทันและปรารภคุยกับตำรวจผู้กำกับอยู่
“แล้วเด็กที่เอาอาหารมาให้จำหน้าผู้หญิงที่มาจ้างไม่ได้หรือครับ” บุญทันถาม
“เด็กบอกว่าผู้หญิงใส่แว่นดำแล้วก็คลุมผ้าปิดหน้าจนไม่เห็นอะไร”
“อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเราไม่มีโอกาสรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” ธาวินบอก
“เท่าที่คนของผมไปสืบมา สมยศมีผู้หญิงมาติดพันหลายคนและหนึ่งในนั้นมีคุณปารมีอยู่ด้วย”
“คุณปารมีน่ะหรือครับ” ปรารภถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ใช่ครับ แล้วเราพบว่าคุณปารมีอาจจะมีความสัมพันธ์ลับๆอยู่กับสมยศ”
ปรารภ ธาวินกับบุญทันมองหน้ากันอย่างไม่คาดคิด
มุมหนึ่งในสถานีตำรวจ ธาวินกับบุญทันยืนรอปรารภอยู่
“แกคิดว่าไงเรื่องปารมี” ธาวินถาม
“ก็อาจจะเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้เท่าๆกัน” บุญทันบอก
“แล้วถ้ามันเป็นไปได้ล่ะ”
“ถ้าเธออยู่เบื้องหลังการตายของสมยศจริงก็แสดงว่าเธอต้องเลือดเย็นมาก ถึงไม่มีท่าทีสะทกสะท้านอะไรเลย”
ธาวินถอนหายใจแล้วบอก
“ขออย่าให้เป็นปารมีเลย”
“ใช่ เพราะถ้าเป็นเธอคุณปู่อาจมีสิทธิ์ช็อกคาบ้าน” บุญทันบอก
วินพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำไมครอบครัวแกมันถึงได้ยุ่งวุ่นวายขนาดนี้วะ”
“อย่าบ่น แกเป็นคนเสนอตัวเข้ามาช่วยชั้นเอง ยังไงก็ต้องสานต่อให้จบ” บุญทันบอก
“รู้แล้วน่า”
ปรารภเดินออกมาพอดี
“ผู้กำกับบอกว่า ขอให้เราเก็บเรื่องคุณปารมีกับสมยศไว้เป็นความลับอย่าเพิ่งบอกใคร เพราะถ้าเธออยู่เบื้องหลังการตายของสมยศจริง ตำรวจจะต้องหาพยานหลักฐานที่แน่นหนามามัดตัวเธอไม่ให้หลุด”
ธาวินกับบุญทันพยักหน้ารับรู้
“ไปครับ ทางนี้เรียบร้อยแล้ว” ปรารภบอก
ธาวินกับบุญทันเดินตามปรารภออกไป
ภายในห้องคนไข้ เวลาเย็น นภานอนบนเตียงส่วนปารมีนั่งอยู่ข้างเตียง
“แม่รู้มั้ยว่านังอ้อยมันเป็นแม่นังตาล”
นภาได้ยินอย่างนั้นก็มองอย่างตกใจ
“จริงๆแม่ นังอ้อยมันสวมรอยเข้ามาเป็นคนใช้เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดลูกสาวมัน แม่ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ วันนี้หนูคุยกับตำรวจแล้ว มันไม่มีวันสงสัยเราแน่”
ปารมียิ้มให้นภา นภามองรอยยิ้มของปารมีอย่างใจไม่ดี
ตำรวจสองนายเดินมาตามทางยังหน้าห้องคนไข้ ตำรวจเดินมาหยุดที่หน้าห้องที่ขึ้นป้าย นภา รัชชยา ตำรวจเคาะห้องก่อนเปิดเข้าไป
นภานอนนิ่งมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นตำรวจเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับ ผมมาพบคุณปารมี”
นภาส่ายหน้าว่าไม่อยู่
“ผมทราบแล้วครับว่าคุณปารมียังไม่มาก็เลยจะมาขอคุยกับคุณนภาก่อน”
นภามองส่ายหน้าบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดด้วย
“ผมแค่จะถามอะไรสองสามคำเกี่ยวกับสารวัตรสมยศน่ะครับ”
นภามีสีหน้าตกใจ
“คุณนภารู้จักสารวัตรสมยศใช่มั้ยครับ”
นภาพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าคุณนภาทราบรึยังว่าสารวัตรสมยศเสียชีวิตแล้ว”
นภาตาเบิกกว้างมองตะลึง
“เรากำลังตามหาตัวฆาตกรอยู่ เพราะมีคนเอายาพิษใส่อาหารไปให้แกกิน”
นภาฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นปารมีแน่
“ผมก็เลยจะถามว่าคุณนภาทราบมั้ยครับว่าคุณปารมีเป็นแฟนกับสารวัตรสมยศ”
นภาส่ายหน้า
“แล้วคุณปารมีเคยเล่าหรือพูดอะไรเกี่ยวกับสารวัตรสมยศให้ฟังบ้างมั้ยครับ”
นภาส่ายหน้า ปารมีเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วก็เห็นตำรวจนั่งอยู่กับแม่
“มีเรื่องอะไรกันคะ” ปารมีถาม
“สวัสดีครับคุณปารมี ผมทำคดีเกี่ยวกับการตายของสารวัตรสมยศครับ”
ปารมีมีสีหน้าอึ้งไป
จบตอนที่ 11
อ่านต่อตอนที่ 12 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.