xs
xsm
sm
md
lg

เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 9
 

ภายในห้อง ธาวินเปิดประตูเข้ามาแล้วเอากระเป๋ามาวางไว้มุมหนึ่ง

“ตาลยังไม่ตอบผมเลยว่าตาลจะหนีผมไปไหน”
“ก็ คุณ คุณจำทุกอย่างได้หมดแล้ว”
“ใช่ ผมจำทุกอย่างได้หมดแล้ว แล้วผมก็จำได้แล้วว่าตาลคือใคร”
ญาดาทำตาโต
“นั่นไง ชั้นว่าแล้ว”
ญาดาจะคว้ากระเป๋าเตรียมเผ่นอีก ธาวินคว้ามือไว้
“เดี๋ยวสิ ฟังผมให้จบก่อน”
ญาดาสะบัดมือออก
“ไม่ ชั้นไม่ฟังอะไรทั้งนั้นในเมื่อนายจำทุกอย่างได้ นายจะเอาตำรวจมาจับชั้นใช่มั้ย”
“ผมจะทำอย่างงั้นทำไม ผมรักตาลนะ”
“อย่ามาโกหกเลย นายจะรักชั้นได้ยังไง”
“แล้วทำไมผมจะรักตาลไม่ได้”
“ก็ชั้นเป็นขโมย ชั้นมอมยาแล้วก็ลอกคราบนาย ทำให้นายสมองเสื่อม แถมยังโกหกว่าเป็นเมียนายอีก ชั้นไม่มีอะไรดีที่นายจะรักได้”
“ถูกของตาล ตอนแรกที่เรารู้จักกันผมอาจจะไม่ได้รักตาลแต่ตอนนี้ผมรักตาลจริงๆนะ”
ญาดามองหน้าธาวินนิ่ง
“เชื่อผมสิ ผมจำทุกอย่างได้ตั้งนานแล้ว ถ้าผมจะเอาตำรวจจับตาล ผมจับไปนานแล้ว”
ญาดาตกใจเพราะนึกไม่ถึง
“จริงหรือ นี่นายจำทุกอย่างได้นานแล้วหรือ”
“ใช่ ผมจำทุกอย่างได้ก่อนที่ตาลจะโดนยิงซะอีก”
“แล้วทำไมไม่บอกชั้น ปล่อยให้ชั้นเล่นละครปล่อยไก่อยู่ได้”
“ถ้าผมบอกตาล ตาลก็ต้องทิ้งผมไปน่ะสิ นี่ดีนะที่ผมฉุกคิดวิ่งกลับมาทัน ไม่งั้นล่ะก็ผมจะไปตามหาตัวตาลได้ที่ไหน”
ญาดาทุบธาวินอย่างแรงและรัว
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ไอ้คนเจ้าเล่ห์”
ธาวินคว้ามือรวบตัวญาดามากอดทางด้านหลังไว้
“ที่ผมต้องทำแบบนี้เพราะว่าผมรักตาลนะ”
“คุณไม่รังเกียจหรือที่ชั้นเป็นคนปลิ้นปล้อนหลอกลวง”
ธาวินวินหอมแก้ม
“ไม่ ผมรักตาลที่ตาลเป็นยัยตัวแสบ ยัยตัวแสบของผม”
ญาดามองธาวินอย่างขวยเขิน
“สัญญานะว่าตาลจะไม่หนีผมไปไหนอีก”
“ก็ได้ ถ้าคุณไม่เอาตำรวจจับชั้น ชั้นก็จะไม่หนีคุณ เอาล่ะ คุณปล่อยชั้นได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ ให้ผมกอดอีกหน่อยไม่ได้หรือ”
“ในเมื่อคุณจำทุกอย่างได้แล้ว คุณก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ปล่อย”
“ไม่ ผมไม่ปล่อย”
ญาดากระทุ้งศอกอย่างแรงใส่ท้องธาวินจนร้องลั่นแล้วปล่อยมือ
“โอ๊ย!”
“ต่อไปนี้ห้ามแตะเนื้อต้องตัวชั้นอีก”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“เพราะชั้นไม่ไว้ใจคุณ ก่อนที่คุณจะสมองเสื่อมคุณเป็นพวกชีกอไว้ใจไม่ได้”
“แต่เรารักกันแล้วนะ”
“ใช่ แต่เราต้องมาเริ่มต้นความสัมพันธ์กันใหม่”
ญาดาเชิดใส่แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำไป ธาวินมองตามอย่างเซ็งๆ
“อ้าว ซวยเลยเรา” ธาวินบ่นฮุบ
ภายในห้องน้ำ ญาดายิ้มและพูดกับตัวเองอย่างสะใจ
“ในที่สุดเค้าก็รักเราจริง ๆ เยส”

อนุทินเดินเข้าบ้านมาในเวลาเย็น ขณะที่มะยมกำลังเดินออกจากบ้านเพื่อกลับไปที่เรือนคนใช้จึงสวนกันพอดี อนุทินถาม
“มะยม คุณเมย์ล่ะ”
“คุณเมย์ออกไปข้างนอกกับพี่บุญทันค่ะ”
“ไปไหน”
“เห็นว่าไปทานข้าวค่ะ”
อนุทินพยักหน้ารับรู้แล้วหยิบโทรศัพท์กดโทรมณทกานต์ทันที

ภายในร้านอาหาร มณทกานต์นั่งเขี่ยอาหารไปมาเพราะกินไม่ลง บุญทันนั่งฝั่งตรงข้ามเหลือบมองอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มณทกานต์เหลือบมองหน้าจอนิดนึงแล้วตัดสินใจไม่รับสายของอนุทิน
“ไม่รับโทรศัพท์หรือครับ” บุญทันถาม
“ไม่”
มณทกานต์ตอบเสียงแผ่วเบา บุญทันได้แต่มองอย่างแปลกใจ
เมื่อมณทกานต์ไม่รับสาย อนุทินจึงวางสายไปแล้วพูดว่า
“หวังว่ายัยเมย์คงไม่เอาเรื่องของเราไปบอกไอ้บุญทันหรอกนะ”
อนุทินถอนหายใจก่อนเดินขึ้นบ้านไป

ภายในร้านอาหาร มณทกานต์รวบช้อนส้อม แล้วยกน้ำขึ้นจิบ บุญทันถามขึ้น
“ทำไมอิ่มเร็วนักล่ะครับ คุณเมย์ทานไปไม่กี่คำเอง”
“ชั้นไม่อยากกิน”
“งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปดูหนังกันมั้ยครับ”
มณทกานต์ส่ายหน้าแล้วบอก
“ชั้นไม่อยากดู”
“แล้วคุณเมย์อยากไปไหนล่ะครับ เดินช้อปปิ้งมั้ย”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน ชั้นไม่อยากกลับบ้าน”
“งั้นไปหาคุณภูกันมั้ยครับ คุณภูอยู่หัวหิน”
มณทกานต์หลบสายตาบุญทัน
“ชั้นไม่อยากเจอพี่ภู ไม่อยากเจอใครเลย”
“ก็ได้ครับ งั้นผมจะพาคุณเมย์นั่งรถเล่นไปเรื่อยๆดีมั้ยครับ”
มณทกานต์พยักหน้า บุญทันมองอย่างห่วงใย

มณทกานต์เหม่อมองริมน้ำยามค่ำคืน บุญทันเดินเข้ามาหาแล้วถาม
“บอกผมได้มั้ยว่าคุณเป็นอะไร”
มณทกานต์น้ำตารินมองหน้าบุญทัน
“ชั้นบอกใครไม่ได้”
“ทำไมหรือว่ามีใครทำอะไรคุณ”
“ไม่มี”
“แล้วทำไมถึงบอกผมไม่ได้”
“มันเป็นเรื่องไม่ดี”
บุญทันจับมือมณทกานต์มากุมไว้
“เรื่องไม่ดีอะไรบอกผมเถอะนะให้ผมได้รู้ อย่างน้อยผมจะได้ช่วยแบ่งเบาความรู้สึกจากคุณบ้าง”
มณทกานต์น้ำตารินมองหน้าบุญทันแล้วส่ายหน้าอย่างอัดอั้นใจ
“ชั้นบอกใครไม่ได้จริง ๆ ชั้นบอกใครไม่ได้”
มณทกานต์ร้องไห้สะอึกสะอื้นโผกอดบุญทันแน่น บุญทันแปลกใจเรื่องอะไรกัน

ภายในห้องพักในโรงแรมริมทะเล ญาดานอนหลับอยู่บนเตียง ธาวินนอนหลับอยู่บนโซฟา เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ธาวินสะดุ้งตื่นแล้วกดรับ
“ฮัลโหล”
ญาดาตื่นลุกนั่งมองเห็นธาวินกำลังฟังเสียงปลายสายพูด
“อืมม์ จริงหรือ แล้วนี่แกอยู่ไหน”
บุญทันพูดโทรศัพท์อยู่ที่ริมน้ำ ธาวินถาม
“น้องเมย์ล่ะ”
“หลับไปแล้ว เค้าไม่ยอมกลับบ้าน ชั้นไม่รู้จะพาไปไหน จะไปนอนโรงแรมมันก็ดูน่าเกลียด”
“งั้นแกก็ขับรถพาเค้ามาหัวหินสิ” ธาวินบอก
“เค้าบอกไม่อยากเจอใคร”
“แล้วแกจะปล่อยให้น้องเมย์นอนอยู่ในรถอย่างนี้หรือ เชื่อชั้น ขับรถมาหาชั้นที่นี่”
“เออ ก็ได้”
บุญทันวางสายแล้วหันไปมองมณทกานต์ที่หลับอยู่เบาะข้างๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆแล้วขับรถออกไป

ญาดาเดินเข้ามาถามธาวิน
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“บุญทันบอกว่าน้องเมย์ไม่ยอมกลับบ้าน มันไม่รู้จะพาไปไหน ผมเลยบอกให้พามาหาเรา”
“มุกรึเปล่าคะ”
“มุกอะไร”
“นายบุญทันคิดล่อลวงคุณเมย์รึเปล่า” ญาดาถาม
“เค้าจะล่อลวงอะไร เค้าจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่เหมือนคู่เรา”
“ทำไมคะ”
“ก็ตาลมาล่อลวงผม พอผมตกหลุมรักก็ทำบ่ายเบี่ยง”
“บ่ายเบี่ยงอะไร”
“ก็ขอกอด ขอหอมหน่อยก็ไม่ได้”
“ก็ถ้าคุณรักตาลจริง คุณก็ต้องรอได้”
“ต้องให้ผมรอจนถึงเมื่อไหร่”
“จนกว่าเราจะแต่งงานกัน”
“ก็ได้ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น ทำไมผมจะรอไม่ได้”
“ดีมาก”
ญาดาเข้ามาดึงจมูก ธาวินฉวยโอกาสหอมแก้มฟอด
“ว้าย คุณภู ไหนบอกจะรอไงคะ”
“ก็ตาลไม่ระวังตัวเอง ช่วยไม่ได้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
ธาวินหัวเราะชอบใจเดินเข้าห้องน้ำไป ญาดามองค้อนแล้วอมยิ้ม
“คุณภูนี่นะ เจ้าเล่ห์ที่สุดเลย”

ริมหาด ทะเลสวยในเช้าวันใหม่ มณทกานต์ขยับตัวลืมตาตื่นเห็นบุญทันหลับอยู่ในรถ มณทกานต์มองบุญทันด้วยสายตาซาบซึ้งใจแล้วขยับเปิดประตูเดินลงจากรถแล้วปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา
บุญทันขยับตัวลืมตาตื่นหันมามองไม่เห็นมณทกานต์ก็ตกใจ
“น้องเมย์”
บุญทันรีบเปิดประตูออกจากรถกวาดสายตามองหาแต่ไม่พบ บุญทันตกใจวิ่งกลับไปที่รถหยิบโทรศัพท์โทรออกแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ บุญทันวางสายโทรศัพท์อย่างร้อนใจ มณทกานต์เดินเข้ามาพร้อมถุงของกินจากร้านมินิมาร์ท บุญทันโล่งอก
“คุณเมย์”
“ชั้นหิวก็เลยเดินไปเดินดูแถวนี้ว่ามีอะไรขายบ้าง”
“ผมตกใจหมดเลยนึกว่าคุณหายไปไหน”
มณทกานต์ส่งกาแฟกระป๋องให้บุญทัน
“ชั้นจะไปไหนได้ กาแฟของนาย”
“แล้วทำไมไม่ปลุกผม” บุญทันถาม
“ชั้นเห็นนายหลับสนิท เลยไม่อยากกวน”
มณทกานต์ส่งแซนด์วิชให้อีก
“ขอบคุณครับ”
มณทกานต์เดินผละลงไปที่ริมหาด บุญทันมองตามอย่างโล่งอกที่มณทกานต์สงบขึ้น
มณทกานต์กับบุญทันนั่งกินกาแฟกับแซนด์วิชอยู่ริมหาด ต่างคนต่างนิ่งไม่พูดอะไรกัน

ภายในบ้านของเอนก อนุทินเดินลงมาจากชั้นบนเมื่อเวลากลางวันแล้วถามมะยม
“มะยม คุณเมย์ตื่นรึยัง”
“เมื่อวานคุณเมย์ไม่ได้กลับบ้านค่ะ”
“หมายความว่าไง ไม่กลับบ้าน”
“เห็นพี่บุญทันโทรมาบอกว่าจะพาคุณเมย์ไปหาคุณภูบดีน่ะค่ะ”
“แกว่าอะไรนะ ยัยเมย์ไปหาภูบดีงั้นหรือ”
“เห็นพี่บุญทันแกว่างั้นนะคะ”
มะยมเดินออกไป อนุทินนึกหวั่นใจหยิบโทรศัพท์กดโทรหาปารมี

ภายในบ้านนภา ปารมีกำลังเดินลงมาจากชั้นบน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย ออกไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย”
“พอดีเที่ยงนี้ปามีนัด ไว้เจอกันตอนเย็นได้มั้ย”
“นัดกับใคร”
“เพื่อนน่ะค่ะ” ปารมีบอก
“เพื่อนที่ไหน” อนุทินซัก
“พี่เอไม่รู้จักหรอก เอาไว้เจอกันตอนห้าโมงเย็นแล้วกันแค่นี้นะคะ”
ปารมีกดวางสายไปแล้วเดินออกจากบ้าน
อนุทินหลังวางสาย ก็นึกสงสัย
“เพื่อนหรือ”
อนุทินเดินออกไป

มณทกานต์นั่งเหม่อมองทะเล บุญทันเดินออกจากบังกะโลริมทะเลขณะที่ยังพูดโทรศัพท์
“น้องเมย์เค้าไม่ยอมไปหาแก ชั้นก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ตอนนี้เลยเปิดบ้านพักไว้ก่อน”
ธาวินออกมาพูดโทรศัพท์ที่นอกระเบียง
“งั้นก็ตามใจว่าแต่น้องเมย์เค้ายังไม่บอกแกอีกหรือว่าเค้าเป็นอะไร”
บุญทันถอนใจแล้วบอก
“ เธอไม่ยอมบอกอะไรเลย พูดแต่ว่าบอกใครไม่ได้”
“มันเรื่องอะไรกันวะ”
“นั่นสิ ชั้นก็พยายามคิดอยู่”
“แกว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่อง ...” ธาวินถาม
“ที่คนตัดสายเบรกรถน่ะหรือ”
“อืมม์ แกว่ามันจะเป็นเรื่องนั้นมั้ย”
“ชั้นก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยววันนี้ชั้นจะพยายามถามเธออีกที”
มณทกานต์เดินกลับมาที่บ้านพักพอดี บุญทันรีบวางสาย
“แค่นี้ก่อนนะ”
“เออ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน”
ธาวินวางสายแล้วหันไปหยิบน้ำดื่ม ญาดากัดแอปเปิลยืนแอบฟังอยู่หลังประตูพึมพำขึ้น
“พูดเรื่องอะไรกัน ...”
ญาดาหันกลับไปมองธาวินอย่างครุ่นคิด

ภายในร้านกาแฟในมุมสงบ ปารมีเดินเข้ามาในร้าน สารวัตรสมยศนั่งรออยู่
“มานานแล้วหรือ” ปารมีถาม
“ก่อนหน้าคุณห้านาที ดื่มอะไรดี” สารวัตรสมยศบอก
“มะนาวโซดา”
สารวัตรสมยศหันไปบอกพนักงาน
“มะนาวโซดาแก้วน้อง”
“คุณบอกว่ามีแผนอะไร ไหนเล่ามาซิ”
“ผมจะจับตัวไอ้ภูบดีกับเมียมันไปเรียกค่าไถ่ หลังจากนั้นผมถึงจะฆ่ามัน”
“แต่ชั้นไม่เห็นด้วยนะเรื่องเรียกค่าไถ่ อย่าไปเสียเวลาเลยได้ตัวมาก็ฆ่าทิ้งซะ”
“คุณก็ใจร้อนอีกแล้ว ไอ้เรื่องฆ่ามันต้องฆ่าอยู่แล้ว แต่ทีมงานผมมันอยากได้โบนัสกะว่าจะเรียกค่าไถ่ซักห้าสิบล้าน”
“ชั้นว่ามันมากไปนะ” ปารมีบอก
“ไม่มากหรอกสำหรับเศรษฐีระดับนี้”
“ถ้าคุณกับทีมงานจะเรียกค่าไถ่ ชั้นก็ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างสิ”
“นั่นมันคนล่ะส่วนกัน ส่วนของคุณคือส่วนว่าจ้าง ส่วนเรียกค่าไถ่ถือว่าเป็นของแถม”
“คุณนี่มันเคี่ยวกับชั้นจริงๆนะ”
“โธ่ คุณปา ผมไม่ได้เอาไปใช้เองนะ ผมก็ต้องแจกลูกน้อง งานแบบนี้มันต้องเปย์เยอะ”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมากทำให้สำเร็จก็แล้วกัน”
พนักงานในร้านเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ปารมี อนุทินเดินเข้ามาในร้านแล้วกวาดสายตาเห็นปารมีนั่งอยู่กับสมยศ
“ที่แท้ก็นัดกับไอ้ตำรวจนี่เองหรือ”
อนุทินมองด้วยแววตาโกรธ

ในเวลาต่อมา ปารมีเดินออกจากร้านมาขึ้นรถสารวัตรสมยศ รถแล่นออกจากร้าน อนุทินนั่งอยู่ในรถของตัวเองขับตามไป
ภายในรถ มือถือของปารมีดังขึ้น ปารมีรับสาย
“ว่าไงคะ”
อนุทินคุยโทรศัพท์และขับรถตามมาทางด้านหลัง
“นี่ปาอยู่ไหน” อนุทินถาม
“ปานั่งคุยอยู่กับเพื่อนแถวสยามน่ะค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร แค่โทรมาถามดู”
“งั้นเดี๋ยวห้าโมงเจอกันค่ะ”
อนุทินวางสายด้วยแววตาโกรธแค้น
“นี่เธอคิดสวมเขาให้ชั้นหรือปารมี”
ภายในรถ สารวัตรสมยศหันมาถามปารมี
“ใครหรือ”
“แม่น่ะ โทรมาถามว่าอยู่ไหน”

รถของสารวัตรสมยศแล่นเข้ามาจอดที่อพาร์ทเม้นท์ ปารมีก้าวลงจากรถ อนุทินขับรถแล่นเข้ามาจอดเห็นปารมีเดินขึ้นคอนโดฯไปกับสารวัตรสมยศ อนุทินมองอย่างแค้นใจ เปิดเก๊ะหน้ารถหยิบปืนสั้นออกมา แล้วลงจากรถเดินตรงไปที่คอนโดฯ มุ่งตรงถามเจ้าหน้าที่คอนโดฯทันที
“โทษทีน้อง ชั้นเป็นเพื่อนสารวัตรสมยศ เค้าอยู่ห้องเบอร์อะไร”
พนักงานบอกเบอร์ห้อง อนุทินพยักหน้ารับรู้แล้วไปยังที่หมายทันที
อนุทินยืนอยู่ในลิฟต์คนเดียว สีหน้า แววตาด้วยเลือดลมเพชรหึงไหลเวียนอย่างรุนแรง

ภายในห้อง สารวัตรสมยศถอดปืนวางบนโต๊ะ ปารมีถอดต่างหู สารวัตรสมยศเดินเข้าไปกอดด้านหลังปารมี
“คืนนี้ค้างที่นี่นะ” สารวัตรสมยศบอก
“ไม่ได้หรอก ชั้นต้องกลับไปดูแม่”

อนุทินเดินถือปืนเดินมาตามทาง
ภายในห้องสารวัตรสมยศกำลังซุกไซร้ปารมี ปารมีเบี่ยงตัวออก
“ใจเย็นน่า ให้ชั้นอาบน้ำก่อน”
ปารมีเดินเข้าห้องน้ำไป ภายในห้องน้ำ ปารมีถอดเสื้อออกก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่

เสียงเคาะประตูดังขึ้น สารวัตรสมยศได้ยินเสียงเคาะประตู ก็ชะงักด้วยความแปลกใจ
“ใคร”
ไม่มีเสียงตอบ อนุทินเคาะซ้ำอีก
“ใครวะ”
สารวัตรสมยศกระชากประตูเปิดออก อนุทินยืนอยู่หน้าห้อง
“ปารมีอยู่ไหน” อนุทินถาม
ปารมีโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำแล้วถาม
“ใครมา”
ปารมีเห็นอนุทินก็ตะลึงค้างไป
“พี่เอ”
อนุทินยกปืนขึ้นจะยิง สารวัตรสมยศอาศัยจังหวะตบปืนจนมืออนุทินสะบัดไป
“หลบ” สารวัตรสมยศสั่ง
ปารมีกระโดดหลบตามคำบอก สารวัตรสมยศพุ่งตัวไปที่ปืนตัวเอง อนุทินยกปืนกลับขึ้นมายิงใส่ แล้วเดินตามเข้ามาในห้อง สารวัตรสมยศคว้าปืนยิงอนุทินเข้าอย่างจังจนร่างของอนุทินผงะไป สารวัตรสมยศยิงซ้ำอีกสองนัดปารมีมองด้วยความตะลึง
“พี่เอ”
ปารมียืนอึ้ง สารวัตรสมยศถือปืนเข้ามาดูศพอนุทิน
“มันตายแล้ว”

โปรดติดตามตอนต่อไป .




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
 
 
ธาวินพูดโทรศัพท์ที่บริเวณโรงแรมริมทะเลด้วยน้ำเสียงตกใจ
 
“อะไรนะครับ พี่เอตายแล้ว”
ญาดาซึ่งนอนอยู่บนเตียงผ้าใบริมชายหาดหันมองธาวินอย่างแปลกใจ
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมจะกลับกรุงเทพเลย”
ธาวินวางสาย ญาดาถามขึ้นทันที
“มีเรื่องอะไรกันคะ”
“คุณปรารภโทรมาบอกว่าพี่เอถูกยิงตาย”
“แล้วใครยิงล่ะคะ”
“เค้าบอกว่าสารวัตรสมยศ ตอนนี้กำลังสอบปากคำกันอยู่ เดี๋ยวผมโทรบอกบุญทันก่อน”
ธาวินกดโทรศัพท์หาบุญทัน

บุญทันกำลังกินข้าวอยู่กับมณทกานต์บนบ้านพักตากอากาศริมทะเล เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น บุญทันรีบกดรับ
“ฮัลโหล”
ธาวินพูดโทรศัพท์อยู่ที่บริเวณโรงแรมริมทะเล
“คุณปรารภโทรมาบอกชั้นว่าพี่เอถูกสารวัตรสมยศยิงตาย”
บุญทันมีสีหน้าอึ้งไป มณทกานต์เหลือบมองสบตา บุญทันลุกเดินเลี่ยงไปพูดที่อื่นเพราะไม่อยากให้มณทกานต์ได้ยิน
“แล้วมีเรื่องอะไรกัน” บุญทันถาม
“ชั้นก็ยังไม่รู้รายละเอียด รีบโทรมาบอกแกให้พาน้องเมย์กลับกรุงเทพก่อน”
“อืมม์”
“แกแวะรับชั้นด้วยนะ”
“อืมม์”
ธาวินวางสาย แล้วหันไปมองหน้าญาดาแล้วถอนหายใจกับข่าวร้ายพร้อมกัน บุญทันเมื่อวางสายก็เดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร มณทกานต์มองแล้วถาม
“ใครโทรมา”
“คุณภูครับ” บุญทันตอบ
มณทกานต์พยักหน้ารับรู้แต่ไม่ได้สนใจซักถามอะไรต่อ มณทกานต์ยังคงตักข้าวกินอย่างไร้อารมณ์จมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง บุญทันเหลือบมองแล้วตัดสินใจ
“เอ่อ คุณเมย์ครับ”
“หือ”
“คือ คุณภูโทรมาบอกว่าคุณเอเสียชีวิตแล้วครับ”
มณทกานต์อึ้งตกใจปล่อยช้อนที่ถืออยู่หลุดมือ
“นายว่าอะไรนะ” มณทกานต์ถามย้ำ
“คุณเอตายแล้วครับ”
มณทกานต์ส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ น้ำตาเอ่อคลอเบ้าแล้วพึมพำ
“ไม่จริง ไม่จริงใช่มั้ยบุญทัน ไม่จริงใช่มั้ย”
“ผมเสียใจด้วย”
มณทกานต์ร้องไห้สะอึกสะอื้น บุญทันเดินเข้ามากอด

ภายในห้องรับแขก บ้านพิพัฒน์ในเวลาเย็น ปารมีร้องไห้ก้มลงกราบพิพัฒน์แล้วบอก
“ปาขอโทษค่ะคุณปู่ ปาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“แล้วแกไปที่นั่นทำไม”
“คือ เพื่อนปาเป็นแฟนกับสารวัตรสมยศน่ะค่ะ แล้วเค้าฝากของมาให้ปา ปาก็เลยแวะไปเอา ไม่คิดว่าพี่เอจะตามไป” ปารมีอธิบาย
“นายเอต้องเข้าใจผิดคิดว่ายัยปามีอะไรกับสารวัตรสมยศแน่ๆใช่มั้ยลูก” นภาบอก
“ปาก็ไม่รู้ค่ะแม่ ก่อนหน้านี้พี่เอพยายามตื๊อขอเป็นแฟนปา แต่ปาบอกเค้าแล้วว่าปาไม่ได้ชอบเค้า” ปารมีบอก
“นี่คงจะหึงหวงยัยปาจนขาดสติ ถึงได้เอาปืนขึ้นไปเพื่อจะยิงยัยปา โชคดีนะคะคุณลุงที่ยัยปาไม่เป็นอะไร” นภาพูดขึ้น
“แล้วตำรวจเค้าว่ายังไง ปรารภ” พิพัฒน์ถาม
“เค้าก็สรุปอย่างที่คุณปารมีบอกครับว่าเป็นเหตุหึงหวง” ปรารภบอก
“แน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอื่น”
“ในเบื้องต้นตำรวจเค้าสืบประวัติดู ไม่พบว่าคุณเอกับสารวัตรสมยศเคยมีเรื่องอะไรบาดหมางกันมาก่อนครับ” ปรารภบอก
พิพัฒน์ถอนหายใจแล้วว่า
“ไม่น่าเลย เจ้าเอนะเจ้าเอ ทำไมมันถึงใจร้อนวู่วามจนต้องพบจุดจบแบบนี้”
นภาเหลือบมองปารมีด้วยความสงสัย

ปารมีเดินเข้ามาในบ้านในเวลาต่อมา นภาเดินตามมา ปารมีจะเดินขึ้นชั้นบน นภาเรียกขึ้น
“เดี๋ยวยัยปา”
“คะแม่”
“ลูกไม่ได้มีอะไรกับนายเอหรือสารวัตรสมยศจริงใช่มั้ยลูก” นถาถามด้วยความสงสัย
“ก็ปาบอกแล้วไงคะว่าไม่มี”
“ถ้าไม่มีอะไรกัน ทำไมนายเอมันถึงหึงหวงลูกขนาดนั้น”
นภามองหน้าปารมีอย่างแคลงใจ
“ปาจะไปรู้เค้าได้ยังไงล่ะคะแม่ แม่ไม่เชื่อปาหรือคะ ปาไม่เคยโกหกแม่นะคะ”
“เอาล่ะจ้ะ แม่เชื่อ”
“ปาว่าพี่เอเค้าคงโกรธที่ปาไม่ชอบเค้ามากกว่า”
“อืมม์ ก็คงใช่ เจ้าเอมันก็มีนิสัยเอาแต่ใจไม่ต่างจากน้องสาวมัน เอาล่ะ ลูกไปพักผ่อนเถอะไป”
ปารมีเดินขึ้นชั้นบนไป นภามองตามถอนใจอย่างห่วงใยในตัวปารมี

ปารมีเดินขึ้นมาในห้องนอนแล้วห้องกดโทรศัพท์
สารวัตรสมยศเดินออกมาจากห้องสอบสวนภายในสถานีตำรวจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล”
“เป็นไงบ้าง” ปารมีถาม
“ไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามที่เราให้ปากคำ”
“แล้วตำรวจเค้าสงสัยอะไรเกี่ยวกับชั้นรึเปล่า”
“คุณไม่ต้องกลัว เพราะถึงยังไงงานนี้เราไม่มีทางผิดแน่เพราะไอ้เอมันเป็นฝ่ายบุกมายิงผมถึงห้อง”
“ชั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ชั้นหมายถึงว่าคุณแน่ใจนะว่าไม่มีใครรู้เรื่องของเรา”
“อ๋อ เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วง ถ้าผมไม่พูดไม่มีใครรู้แน่”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”
“อืมม์”
ปารมีวางสายแล้วนึกถึงอนุทินอย่างสมน้ำหน้า
“ตายซะได้ก็ดี โง่ดีนักทำอะไรไม่สำเร็จซักอย่าง”

ภายในบ้าน เวลากลางคืน พิพัฒน์วางแก้วชาลงมองแล้วมองหน้ามณทกานต์
“ปู่เสียใจกับแกด้วยนะยัยเมย์ ที่มาเสียพ่อกับพี่ในเวลาติดๆกันแบบนี้”
มณทกานต์มีแววตาเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นิ่งงันไม่พูดอะไร
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าอยู่ๆคนเราจะตายกันง่ายๆ” ธาวินบอก
“นั่นสิคะ แค่เรื่องผู้หญิงคนเดียวคุยกันดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องฆ่ากัน” ญาดาบอก
“เห็นยัยปาบอกว่าเจ้าเอมันตื๊อเค้า แต่เค้าไม่เล่นด้วยมันก็เลยโกรธ” พิพัฒน์บอก
มณทกานต์แย้งขึ้นทันที
“ไม่จริงหรอกค่ะ ปารมีโกหก”
ทุกคนหันไปมองหน้ามณทกานต์เป็นตาเดียว
“ปารมีเค้าเป็นแฟนพี่เอ แล้วพี่เอก็รักเค้าถึงขั้นจะแต่งงานด้วย”
“ใครบอกแกยัยเมย์” พิพัฒน์ถาม
“พี่เอเคยบอกเมย์ แล้วเมย์ก็เคยเห็นเค้าสองคนแอบนัดเจอกันตอนกลางคืนไม่เชื่อถามบุญทันดูก็ได้ค่ะ”
“จริงหรือบุญทัน” พิพัฒน์ถาม
“ครับ ผมเคยเห็นคุณปากับคุณเอนัดเจอกันในสวนครั้งนึง” บุญทันพูดยืนยัน
“แล้วทำไมปารมีต้องโกหกด้วย” ธาวินพูดขึ้น
“นั่นสิคะ ถ้าคุณปาชอบอยู่กับคุณเอจริง ไม่เห็นต้องโกหกเลย” ญาดาพูดเสริม
“บางทีคุณนภาอาจจะไม่ชอบคุณเอก็ได้ครับ” บุญทันตั้งข้อสังเกต
“ก็อาจจะเป็นไปได้ ปารมีคงกลัวคุณป้านภาจะรู้” ธาวินว่า
พิพัฒน์ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“ทำไมบ้านเรามันถึงมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่รู้จบนะ นี่ปู่ชักหวั่นใจแล้วนะว่ามันจะมีเรื่องร้ายๆอะไรตามมาอีก”
ธาวินกับบุญทันมองสบตากันอย่างหนักใจ ญาดาเหลือบมองทั้งคู่อย่างสงสัย

ในเวลาต่อมา บุญทันเดินมาส่งมณทกานต์ที่หน้าบ้าน
“แน่ใจนะครับว่าคุณเมย์อยู่คนเดียวได้ ให้มะยมหรือต้นหอมมาอยู่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอก ชั้นอยู่ได้”
มณทกานต์ขยับเดินไปสองก้าวก็หยุดตัดสินใจหันมาพูดกับบุญทัน
“บุญทัน”
“ครับ”
“พี่เอเป็นคนตัดสายเบรกรถ”
“คุณเมย์ว่าอะไรนะครับ”
“พี่เอต้องการฆ่าพี่ภู เค้าต้องการมรดกคุณปู่”
บุญทันอึ้งไปแล้วเดินก้าวเข้ามาหามณทกานต์แล้วถามอย่างสนใจ
“คุณเอบอกคุณหรือครับ”
“ใช่ เค้าบอกว่าถ้าพี่ภูตายสมบัติทั้งหมดก็จะเป็นของเค้ากับชั้น ชั้นขอโทษนะบุญทันที่ชั้นไม่บอกความจริงนาย ชั้นไม่รู้จะทำยังไง ชั้นกลัวตำรวจจับพี่เอแล้วพี่เอต้องมีจุดจบเหมือนกับพ่อ”
“ช่างมันเถอะครับ ตอนนี้คุณเอก็ชดใช้กรรมไปแล้ว”
“นายสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณปู่ ชั้นไม่อยากให้คุณปู่ต้องเสียใจและผิดหวังในตัวพี่เอเหมือนที่พ่อทำ”
“ครับ ผมสัญญาผมจะไม่บอกคุณท่าน แต่คุณเมย์ต้องสัญญากับผมเหมือนกัน”
“สัญญาอะไร”
“สัญญาว่าคุณจะไม่คิดสั้นและทำร้ายตัวเองอีก”
มณทกานต์มองหน้า บุญทันจับมือมณทกานต์ขึ้นมา
“นะครับ สัญญากับผมว่าเราจะเดินไปด้วยกัน”
มณทกานต์น้ำตารื้นที่หน่วยตาพยักหน้าตอบบุญทัน
“ชั้นสัญญา”
บุญทันเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบมณทกานต์อย่างแผ่วเบาถนุถนอม
“เข้าบ้านเถอะครับ”
มณทกานต์มองหน้าบุญทันด้วยความรู้สึกเปี่ยมอย่างเต็มหัวใจ
“ชั้นรักนายนะบุญทัน”
บุญทันยืนอึ้ง มณทกานต์หันเดินเข้าบ้านไป บุญทันมองตามยิ้มอย่างสุขใจ

ภายในห้องนอนของภูบดี ธาวินเดินพูดโทรศัพท์อยู่กับบุญทัน
“นายเอน่ะหรือตัดสายเบรกรถ”
“ใช่ น้องเมย์บอกว่าเค้าต้องการมรดกของคุณปู่ถึงคิดฆ่าแก”
“ถ้างั้นเค้าก็ต้องอยู่เบื้องหลังการตายของลุงภาคินน่ะสิ” ธาวินว่า
“ชั้นคิดว่าใช่นะเพราะตอนที่ลุงภาคินตาย คนร้ายมันบอกชั้นว่า ถ้าไม่อยากตายอย่ากลับมาเมืองไทย”
ธาวินถอนหายใจแล้วบอก
“ ถ้าเป็นอย่างที่แกว่าทุกอย่างจะได้จบซะที”
“ใช่ ทุกอย่างจะได้จบซะที” บุญทันว่า
ญาดาเดินออกจากห้องน้ำพอดี ธาวินรีบตัดบทจากบุญทันทันที
“งั้นแค่นี้นะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
“อืมม์”
บุญทันถอนหายใจแล้ววางสายไป
ญาดาเดินเข้ามาหาธาวินที่เพิ่งวางสายไป
“คุยกับใครหรือคะ”
“อ๋อ บุญทันน่ะ พูดเรื่องงานศพพรุ่งนี้”
ญาดาพยักหน้ารับรู้
“ตาลนอนก่อนนะคะ ง่วงจังเลย”
“จ้ะ”
ญาดาขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอน ธาวินถอนหายใจก่อนล้มตัวลงนอนบนโซฟา
ญาดานอนคิดถึงคำพูดของธาวินที่คุยกับบุญทัน เพราะญาดาเอียงหูแอบฟังอยู่ในห้องน้ำ
“ถ้างั้นเค้าก็อยู่เบื้องหลังการตายของลุงภาคินน่ะสิ”
“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงทุกอย่างจะได้จบซะที”
ญาดาเหลือบมองธาวินอย่างสงสัย

เช้าวันรุ่งขึ้น ธาวินเดินจ๊อกกิ้งเข้ามาในสวน ญาดาแอบเดินสะกดรอยตามมาด้านหลังห่างๆ ก็เห็นว่า ธาวินเดินเลี้ยวไปทางบ้านคนงาน
ธาวินเดินมาหยุดหน้าบ้านพักคนงานแล้วมองซ้ายขวาหน้าหลังไม่เห็นใครก็เดินเข้าไปในบ้านบุญทันอย่างรวดเร็ว ญาดาโผล่หน้าออกมามองเห็นพอดี

ธาวินนั่งอยู่บนเตียง บุญทันเดินไปกดล็อกประตู
“แกแน่ใจนะว่าที่น้องเมย์พูดจะเป็นเรื่องจริง”
“ชั้นไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่เค้าจะโกหกเพราะนายเอก็เป็นพี่ชายเค้า เค้าคงไม่ใส่ร้ายพี่ตัวเองหรอก”
“อืมม์ ก็จริง แล้วแกจะเอาไงจะบอกความจริงคุณปู่ได้รึยัง”
ญาดาแนบหูฟังอยู่ที่หน้าประตู
“ความจริง ความจริงอะไร”
ภายในห้อง บุญทันบอก
“ชั้นคิดว่าให้เสร็จงานศพนายเอไปก่อน แล้วชั้นจะบอกท่าน”
“ก็ดี”
ญาดาตัดสินใจเคาะประตู ธาวินกับบุญทันมองหน้ากันก็ชะงักไป
“อย่าบอกนะว่าน้องเมย์” บุญทันว่า
ธาวินกระโดดเข้าไปหลบในห้องน้ำ บุญทันเดินไปเปิดประตูก็เห็นญาดายืนอยู่หน้าห้อง
“คุณตาล”
ในห้องน้ำ ธาวินสะดุ้งเฮือก
ญาดามองกราดสายตาเข้ามาในห้อง
“เห็นคุณภูมั้ยบุญทัน”
“เอ่อ เช้านี้ผมยังไม่เจอคุณภูเลยครับ”
“อ้าวหรือ ชั้นนึกว่าคุณภูมาหานายซะอีก”
“ไม่ได้มาครับ”
“งั้นคงอยู่บนตึกใหญ่ ขอบใจนะ”
“ครับ”
ญาดายิ้มให้เดินออก บุญทันรีบดึงประตูปิด ญาดาเดินออกจากหน้าบ้านพักบุญทันได้เพียงสามก้าวก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองที่ห้องบุญทันอีกครั้งแล้วพยักหน้าอย่างคอนเฟิร์มกับตัวเองว่าธาวินกับบุญทันมีอะไรปกปิดอยู่
ธาวินโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ บุญทันบอก
“เมียแกมาตาม”
“แล้วไปรึยัง”
“ไปแล้ว”
“แล้วเค้าสงสัยอะไรรึเปล่า”
“ไม่เห็นสงสัยอะไรนะ ชั้นว่าแกรีบกลับไปเสนอหน้าก่อนเถอะก่อนจะเป็นเรื่อง”
“อืมม์”
บุญทันเปิดประตูออกไปดูต้นทาง ญาดาแอบมองอยู่หลังพุ่มไม้ บุญทันมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใคร ก็หันไปพยักหน้าเรียกธาวิน
ญาดายิ้มเยาะแอบมองอยู่หลังพุ่มไม้ที่จับโกหกธาวินได้ ทันทีที่ธาวินเดินเลี้ยวตรงหัวมุมที่จะเดินกลับตึกใหญ่ก็เผชิญหน้ากับญาดาที่ยืนรออยู่ ธาวินสะดุ้งเฮือก
“ตาล”
“คุณภูไปไหนมาคะ” ญาดาถาม
“เอ่อ ผม ผมมาเดินจ๊อกกิ้งน่ะ”
“แล้วเข้าไปทำอะไรในห้องบุญทันคะ”
“คือผม ผมไปเข้าห้องน้ำ พอดีปวดท้องกะทันหัน”
“อ๋อ หรือคะ”
“ใช่จ้ะ แล้วตาลล่ะทำไมตื่นแต่เช้า เมื่อกี้ตอนผมลงมา ผมยังเห็นตาลหลับอยู่เลย”
“เมื่อไหร่จะหยุดโกหกซะทีคะ” ญาดาถามตรงๆ
“โกหกอะไร”
“คุณกับบุญทันมีเรื่องอะไรปิดบังตาลอยู่”
“ไม่มี”
“คุณภู ตาลไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ เมื่อกี้ตาลไปถามหาคุณ บุญทันบอกว่าคุณไม่อยู่ ทั้งๆที่ตาลเห็นคุณเดินเข้าไปในห้องเค้า คุณยังจะโกหกอีกหรือคะว่าไม่มีอะไรปิดบัง”
“ไม่มีจริงๆ ผมบอกมันเองแหละว่าอย่าบอกใครว่าผมเข้าห้องน้ำอยู่ในห้องมันไม่อยากให้ใครมากวน”
ญาดามองหน้าธาวินด้วยสายตาโกรธ
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณภูไม่พูดความจริงกับตาล เราก็จบกันแค่นี้”
ญาดาจะผละไป ธาวินคว้าแขนไว้
“เดี๋ยวสิตาล ฟังผมก่อน”
“ตาลไม่ฟัง ในเมื่อคุณภูไม่จริงใจกับตาล เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกัน ปล่อยค่ะ”
“เอาล่ะ ๆ ผมบอกก็ได้ ผมมาคุยธุระกับบุญทัน”
“ธุระเรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องงานที่คุณปู่จะให้มันมาเป็นเลขาผม”
ญาดารู้ตัวว่าธาวินโกหก
“ตาลผิดหวังในตัวคุณภูจริง ๆ”
ญาดาสะบัดหน้าเดินหนีไปทันที
“ตาล” ธาวินร้องเรียกแล้วรีบเดินตามไป

ภายในสวน ธาวินวิ่งมาขวางดักหน้าญาดาไว้
“เดี๋ยวสิตาล ฟังผมก่อน”
“ตาลไม่ฟังถอยไปค่ะ”
“คือผม...”
“คุณภูไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ตาลไม่อยากฟังแล้ว ถอย”
ญาดาผลักธาวินแล้วเดินผละขึ้นบ้านไปธาวินถอนหายใจไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
“ทำไงดีวะเรา”

ภายในห้องภูบดี ญาดาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า ธาวินเปิดประตูเข้ามาเห็นเข้าก็ตกใจ
“ตาล นี่ตาลทำอะไร”
“ตาลจะไปจากที่นี่”
ญาดาจะเดินไปหยิบของ ธาวินเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวสิตาล ฟังผมก่อนได้มั้ย”
“ตาลไม่อยากฟังเรื่องโกหก”
ญาดาผลักธาวินออกแล้วเดินไปหยิบของใส่กระเป๋า
“เอาล่ะ ผมบอกความจริงก็ได้”
ญาดาหยุดแล้วมองจ้องหน้าธาวินนิ่ง
“ว่ามา”
“แต่ตาลต้องสัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“ได้ ตาลสัญญา”
“คือ ผมกับบุญทัน”
“ตาลบอกก่อนนะคะ ถ้าคุณโกหกอีกคำเดียว ตาลจะไปจริงๆ”
“ผมกับบุญทันเป็นเพื่อนกัน”
“นั่นไง ตาลนึกแล้วไม่มีผิดว่าคุณสองคนต้องรู้จักกัน”
“เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่อยู่อเมริกา”
“แล้วยังไงคะ ทำไมบุญทันถึงมาเป็นคนขับรถที่นี่”
“เรื่องมันยาว”
“ยาวยังไงก็ต้องเล่าค่ะ เล่าความจริงมาทั้งหมด” ญาดาน้ำเสียงคาดคั้น
ธาวินถอนหายใจแล้วพรั่งพรูเรื่องทั้งหลายให้ญาดาฟัง

ญาดามีสีหน้าตะลึงงัน
“หมายความว่ามีคนฆ่าคุณลุงคุณ เพื่อจะเอามรดกงั้นหรือคะ”
“ใช่ ผมกับบุญทันก็เลยมาสืบหาตัวคนร้าย”
“แล้วใครล่ะคะ คุณรู้รึยังว่าใครที่เป็นคนร้าย”
“นายเอ”
“คุณเอพี่คุณเมย์น่ะหรือคะ”
“ใช่ บุญทันบอกว่าเค้าเป็นคนตัดสายเบรกรถเรา”
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเค้าจะกล้าทำแบบนี้”
“คราวนี้เข้าใจผมแล้วใช่มั้ยว่าทำไมผมถึงบอกความจริงตาลไม่ได้”
“ค่ะ ตาลเข้าใจแล้ว”
“งั้นให้ผมหอมแก้มทีนึง เป็นการปลอบใจ”
ธาวินยื่นหน้าเข้ามาจะหอม ญาดาเอามือยกดันไว้
“ยังค่ะ คุณภูต้องบอกมาก่อนว่ามีเรื่องอะไรที่ปิดบังตาลอีก”
ธาวินชะงักอีก ญาดาจ้องหน้าคาดคั้น
“ไม่มีแล้ว”
“จริงนะคะ”
“จริง”
“แล้วที่ตาลได้ยินคุณบอกบุญทันว่า ต้องบอกความจริงคุณปู่ ความจริงเรื่องอะไรคะ”
ธาวินมองญาดาอย่างลังเลว่าจะบอกความจริงดีหรือไม่
“ว่าไงคะเรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่พี่เอเป็นคนตัดสายเบรกรถไง”
“แค่นั้นหรือคะ”
“ใช่”
ญาดามองจ้องหน้าค้นหาความจริง ธาวินตีหน้าซื่อมองตอบ
“จริงนะคะที่ไม่มีเรื่องอื่นปิดบังตาลแล้ว”
“จริง หรือจะให้ผมถอดเสื้อผ้าพิสูจน์ก็ได้นะ”
ธาวินทำท่าจะถอดเสื้อ
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ตาลเชื่อแล้ว”
ญาดาจะเดินหนีไป แต่ธาวินคว้าแขนไว้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกคะ”
ธาวินดึงญาดาเข้ามากอด
“ยังไม่ให้ผมหอมแก้มเลย”
ญาดาเอียงแก้มให้ธาวินหอมเบาๆ
“ให้หอมทีเดียวนะคะ ปล่อยตาลได้แล้วค่ะ เดี๋ยวตาลเก็บของเข้าตู้ก่อน”

ธาวินปล่อยแขนที่กอดอยู่ ญาดาเดินไปหยิบของจากกระเป๋าใส่ตู้เหมือนเดิม ธาวินมองอย่างกังวลแล้วถอนหายใจเบาๆที่ยังไม่กล้าบอกความจริงว่าเขาไม่ใช่คุณภูบดี

อ่านต่อหน้า 3




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
 
 
เวลาต่อมา ที่โต๊ะอาหารบ้านพิพัฒน์ เจ๊อ้อยเก็บแก้วกาแฟจากโต๊ะเข้าไปล้างในห้องครัว ญาดาเดินเข้ามาหยุดมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ๊อ้อยจะหันหลังกลับ

“ว้าย ไอ้ตาลทำไมมาเงียบๆแม่ตกใจหมด”
“ช่วงที่หนูไม่อยู่สองวันแม่ก่อเรื่องอะไรรึเปล่า” ญาดาถาม
“เอ็งนี่นะ พูดเหมือนแม่เป็นเด็ก แม่จะไปก่อเรื่องอะไร ตั้งใจทำงานทุกวัน”
“จริงหรือ”
“ก็จริงสิ ว่าแต่เอ็งเถอะเมื่อไหร่จะไปจากที่นี่”
“หนูคงไม่ไปแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าเอ็งจะอยู่ที่นี่กับไอ้คุณภู”
“ใช่ ตอนนี้คุณภูเค้าจำอะไรได้หมดแล้ว”
“รวมทั้งแม่ด้วยหรือ”
ธาวินเดินเข้ามาพอดีแล้วพูดขึ้น
“ถูกต้องครับ”
เจ๊อ้อยยกมือไหว้
“อุ๊ย สวัสดีค่ะคุณภูบดี”
ธาวินยกมือไหว้กลับ
“คุณแม่ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่”
ญาดายิ้มให้เจ๊อ้อย
“หนูกับคุณภูเราจะแต่งงานกันแม่”
เจ๊อ้อยมองหน้าธาวินด้วยสายตาไม่มั่นใจแล้วถาม
“คุณรักลูกสาวชั้นจริงหรือ”
“จริงครับ”
“แล้วญาติพี่น้องคุณเค้าจะไม่รังเกียจตาลมันหรือ ถ้ารู้ว่าตาลเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ”
“ไม่หรอกครับ ทุกอย่างอยู่ที่ผม ถ้าผมจะรักตาลก็ไม่มีใครห้ามผมได้หรอก”
ธาวินหันมาจับมือญาดาที่ยิ้มให้ เจ๊อ้อยดีใจกับญาดา
“แม่ดีใจกับเอ็งด้วยนะ ในที่สุดเอ็งก็สมหวังซะที เอ๊ะอย่างนี้แม่ก็เปิดเผยตัวได้แล้วสิว่าเป็นแม่ยายคุณ”
“อย่าเพิ่งเลยครับคุณแม่ ผมขอเวลาเคลียร์อะไรซักนิด เอาไว้ให้ทุกอย่างพร้อมแล้วผมจะบอกทุกคนเอง”
“หมายความว่าไง เคลียร์ทุกอย่างให้พร้อม อย่าบอกนะว่าคุณมีเมียอยู่ก่อนแล้ว” เจ๊อ้อยสงสัย
“ไม่ใช่แม่ คุณภูหมายถึงว่าเค้าต้องเคลียร์เรื่องในครอบครัวบอกคุณปู่เค้าน่ะ”
“งั้นก็แล้วไป แต่ชั้นบอกคุณก่อนนะ ห้ามคุณทำให้ลูกสาวชั้นเสียใจ ถ้าไอ้ตาลต้องเสียน้ำตาเพราะคุณล่ะก็ ชั้นจะฆ่าคุณ” เจ๊อ้อยขมขู่
“ไม่มีวันหรอกครับคุณแม่ ผมสัญญาผมจะไม่มีวันทำให้ตาลต้องเสียใจเพราะผม”
ปารมีเดินเข้ามาพอดี
“พี่ภูกับพี่ตาลอยู่นี่เอง”
“คุณปามีอะไรหรือคะ”
“ปาจะถามว่าพี่ภูกับพี่ตาลจะไปวัดรึยังคะ ปาจะขอติดรถไปด้วย”
“ไปสิ แต่พี่กับตาลขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ธาวินบอก
“ค่ะ”
ธาวินกับญาดาเดินออกไป ปารมีมองตามด้วยความอยากรู้จึงหันมาถามเจ๊อ้อย
“คุณภูกับคุณตาลเค้ามาคุยอะไรหรือ”
“อ๋อ คุณตาลเค้ามาถามว่าคนแพ้ท้องอาการเป็นยังไงค่ะ” เจ๊อ้อยพูดเฉไฉ
“คุณตาลแพ้ท้องหรือ”
“ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อ้อยขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
ปารมีมองตามคิดเจ๊อ้อยที่เดินออกไปแล้วพูดกับตัวเอง
“ต้องบอกสมยศให้รีบจัดการแล้ว”

บริเวณศาลาสวดศพ มณทกานต์ไหว้ศพอนุทินโดยมีบุญทันนั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ลุกออกไป ปารมีเดินเข้ามาพร้อมกับญาดาและธาวิน มณทกานต์มองปารมีด้วยสายตาไม่พอใจ ปารมีแสร้งยิ้มแล้วทักทาย
“เสียใจด้วยนะคะน้องเมย์”
“เธอฆ่าพี่เอ”
“น้องเมย์พูดอะไรคะ” ปารมีแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ
“เธอทำให้พี่เอต้องตาย”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับปานะคะ”
“เธออย่ามาโกหก ชั้นรู้ว่าเธอกับพี่เอมีอะไรกันแล้วเธอก็หลอกเค้าใช่มั้ย”
มณทกานต์พูดเสียงดังจนแขกในงานหันมามองเป็นตาเดียว
“น้องเมย์ พี่ว่าอย่ามาทะเลาะอะไรกันตรงนี้เลย บุญทันแกพาน้องเมย์ออกไปข้างนอกก่อนไป” ธาวินบอก
“ไปครับคุณเมย์”
“ซักวันทุกคนจะต้องรู้ความจริงว่าเธอไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่ใครๆคิด” มณทกานต์พูดทิ้งท้าย
บุญทันดึงมณทกานต์ออกไป ญาดาเหลือบมองเห็นสีหน้าของปารมีเรียบเฉย ครั้นเมื่อเบือนหน้าลงก็ชะงักที่เห็นมือปารมีกำแน่นด้วยความโกรธ ญาดามองหน้าปารมีที่ฝืนยิ้มอีกที
“ปาอย่าไปถือสาน้องเมย์เลยนะ เค้าคงกำลังเสียใจ” ธาวินบอก
ปารมีฝืนยิ้มแสร้งทำแสนดี
“ไม่หรอกค่ะพี่ภู ปาเข้าใจค่ะ น้องเมย์เค้าเกลียดปามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ปาไม่เคยโกรธเค้าหรอก ไปไหว้ศพกันเถอะค่ะ”
ปารมีเดินนำเข้าไปเคารพศพ ญาดามองตามและสะดุดใจกับท่าทีของปารมี

ภายในห้องพักในคอนโดฯ สารวัตรสมยศเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเครื่องดื่มออกมาเปิดดื่ม เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น สารวัตรสมยศกดรับทันที
“ฮัลโหล”
มุมหนึ่งในศาลาสวดศพ ปารมีพูดโทรศัพท์กับสารวัตรสมยศ
“ชั้นอยากให้คุณจัดการฆ่านังเมย์ไปพร้อมๆกับนังตาลและไอ้ภูบดี”
“น้องสาวไอ้เอน่ะหรือ”
“ใช่ เอามันไปเผาแล้วเอากระดูกไปป่นทิ้งอย่าให้เหลือหลักฐาน”
“ท่าทางคุณจะเกลียดเค้ามากนะ”
“ใช่ ชั้นเกลียดมัน”
“ได้ แต่ต้องจ่ายเพิ่มนะ”
“ไม่มีปัญหา”
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะลงมือจัดการรวบทีเดียวสามคนเลยนะ”
“ดี อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียวนะ”
“รับรอง”
หลังวางสายจากสารวัตรสมยศ ปารมีมองด้วยสายตาเกลียดชังไปที่ศาลา เห็นมณทกานต์นั่งอยู่กับญาดา ธาวินและบุญทัน

ภายในห้องนอนของภูบดีเวลากลางคืน ญาดานั่งเช็ดผมอยู่บนเตียงด้วยแววตาครุ่นคิด ธาวินเดินออกจากห้องน้ำเห็นญาดามีอาการเหม่อลอยก็ย่องมาด้านหลังจะแอบบหอมแก้ม ญาดาหันขวับมาถาม
“ทำอะไรคะ”
“เปล่า ผมเห็นตาลนั่งเหม่อก็เลยจะทดสอบว่าเหม่อจริงรึเปล่า”
“ใครบอกว่าตาลเหม่อ ตาลกำลังคิดอะไรอยู่ต่างหาก”
ธาวินลงนอนบนเตียงแล้วนอนตะแคงถาม
“คิดอะไรไหนบอกผมซิ”
“ตาลกำลังคิดว่าคุณปารมีเค้าดูแปลกๆเหมือนกันนะคะ”
“แปลกยังไง”
“ไม่รู้สิคะ ตาลบอกไม่ถูก วันนี้ที่คุณเมย์ว่าเค้า ตาลว่าเค้าโกรธคุณเมย์มากนะคะ แต่เค้ายังยิ้มกับเราแล้วบอกว่าเค้าไม่โกรธ ตาลว่าคนแบบนี้น่ากลัวจัง”
ธาวินยิ้มขำ
“ผมว่าตาลคิดมากน่ะ ปารมีเค้าไม่มีอะไรหรอก”
“แต่ตาลจำได้ว่า ตอนที่ตาลเข้ามาอยู่ที่นี่กับคุณภู คุณปู่บอกว่าถ้าไม่ใช่คุณเมย์ก็ต้องเป็นคุณปาที่จะได้แต่งงานกับคุณ ไม่รู้ว่าคุณปาเค้าจะโกรธตาลบ้างรึเปล่า”
“ถ้าเค้าโกรธแล้วทำไม”
“เค้าก็อาจจะอยากกำจัดตาลน่ะสิคะ”
ธาวินดึงจมูกตาลเบาๆแบบหยอกเอิน
“ผมว่าตาลคิดเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว นี่ มาตอบคำถามผมดีกว่า”
“คำถามอะไรคะ”
“แม่ตาลยกตาลให้ผมแล้ว เมื่อไหร่ลูกสาวจะใจอ่อนยอมให้ผมขึ้นมานอนบนเตียงซะที”
“ก็บอกแล้วไงคะว่ารอให้ถึงวันแต่งงานก่อน”
“ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเลยหรือ”
“ไม่ค่ะ”
“ก็ได้ ผมจะรอ”
ธาวินจับมือตาลมาจูบแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายหายใจยาวอย่างมีความสุข
“เฮ้อ ที่จริงผมต้องขอบใจบุญทันนะที่ทำให้ผมได้เจอตาล”
“ทำไมคะ”
“อ้าว ก็ถ้าบุญทันไม่สลับตัว”
ญาดาหันขวับมาจ้องหน้า ธาวินชะงักนึกได้ว่าหลุดปาก
“สลับตัว”
“คือ ผมหมายถึงว่าถ้ามันไม่สลับตัวมันเองมาเป็นคนสวนที่บ้านนี้ ผมคงลำบากน่าดู”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่คุณภูเจอตาลล่ะคะ”
“เกี่ยวสิ ตอนที่ผมเจอตาล บุญทันมันเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว มันก็คอยรายงานเรื่องในบ้านให้ผมฟัง”
ญาดาทำหน้างง
“คุณภูพูดอะไรตาลไม่เห็นเข้าใจเลย ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว”
“ผมก็แค่จะบอกว่าผมดีใจที่ได้เจอตาล ได้รักตาล แล้วก็จะได้อยู่กับตาลไปตลอดชีวิต”
ธาวินบอกอย่างจริงใจ ญาดามองด้วยแววตาปลื้ม
“ตาลก็ดีใจค่ะที่ได้รักคุณภูแล้วก็จะได้อยู่ดูแลคุณภูไปตลอดชีวิตเหมือนกัน”
ธาวินเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบหน้าผากและดึงญาดาเข้ามากอดแบบเนียนๆ ญาดายิ้มแล้วผลักธาวินออกไป
“เอาล่ะค่ะได้เวลานอนแล้ว เชิญค่ะ”
“โห ตาลน่ะกำลังซึ้ง ทำไมคัตอารมณ์กันแบบนี้”
“ตาลง่วงแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว”
ธาวินเอียงแก้มให้ญาดาจูบเบาๆ
“ฝันดีค่ะ”
“จ้ะ เจอกันในฝัน”
ธาวินยิ้มแล้วเดินไปที่โซฟาล้มตัวลงนอน ญาดามองตามแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“หวังว่าคงไม่มีอะไรมาทำให้เรากับคุณภูต้องเลิกกันนะ”
ญาดาปิดไฟล้มตัวนอน

เช้าวันใหม่ ภายในห้องทำงานพิพัฒน์ ปรารภนั่งตรงข้ามกับพิพัฒน์แล้วยื่นภาพถ่ายใบหนึ่งให้ ภาพถ่ายใบนั้นเป็นรูปธาวินและบุญทันถ่ายรูปคู่กันในชุดสูทสมัยที่อยู่ต่างประเทศ พิพัฒน์พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ปรารภพูดขึ้น
“เป็นไปอย่างที่ท่านสงสัยจริงๆครับ คุณภูบดีตัวจริงคือบุญทัน”
“แน่ใจนะ”
“ผมเช็คกลับไปที่อเมริกา ลูกน้องผมที่อยู่ที่นู่นยืนยันว่าใช่ครับ”
พิพัฒน์ชี้ไปที่หน้าธาวินในรูป
“แล้วไอ้ตัวปลอมมันเป็นใคร”
“ชื่อคุณธาวินครับเป็นเพื่อนรักที่เป็นหุ้นส่วนร้านกับคุณภูบดี”
“ชั้นนึกแล้วไม่มีผิดว่าไอ้สองคนนี้มันต้องมีอะไรปกปิดเรา”
“แล้วทำไมท่านถึงสงสัยขึ้นมาครับ”
“ชั้นเคยเห็นมันสองคนคุยอะไรกันท่าทางเหมือนสนิทกันผิดปกติ แล้วเวลาที่ชั้นคุยกับไอ้บุญทันชั้นรู้สึกเหมือนมันมีอะไรบางอย่าง ที่ชั้นคุ้นเคยกับมัน โดยเฉพาะรอยยิ้มของมัน เหมือนพ่อมันมาก” พิพัฒน์พูดแล้วยิ้มขำ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตอนแรกผมเช็คไม่ละเอียด เห็นแค่แหวนต้นตระกูลก็เข้าใจว่าเป็นคุณภูบดี”
“ชั้นไม่โทษคุณหรอก เราต่างก็ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าภูบดี มีภาคินคนเดียวเท่านั้นที่เคยคุยกับเค้า ใครจะไปคิดว่ามันจะอุตตริสลับตัวกัน”
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณภูบดีแกจะทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“นั่นสิ ชั้นก็กำลังสงสัยอยู่”
“แล้วท่านจะเอายังไงครับ จะบอกให้คุณภูรู้มั้ยครับว่าท่านรู้ความจริงแล้ว”
“ยัง ชั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคิดจะทำอะไรกันแล้วจะปกปิดเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
ปรารภพยักหน้ารับรู้ พิพัฒน์มองรูปในมืออีกครั้ง

ภายในห้องครัวคนใช้ในเวลากลางวัน เจ๊อ้อยนั่งกินข้าวพลางอ่านนิยายในหนังสือพิมพ์ ป้านวลกับลุงแย้มมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“นี่ แม่อ้อย อย่ามัวแต่อ่านหนังสืออยู่เลย งานการยังมีให้ทำอีกเยอะแยะนะ” ป้านวลว่า
“ขอชั้นอ่านละครทีวีก่อนน่ะป้านวลใกล้จบแล้ว”
“แต่ชั้นว่าแม่อ้อยมาอ่านตอนเย็นดีกว่ามั้ย ไปทำงานให้เสร็จๆก่อนไป” ลุงแย้มบอก
“ใช่ วันก่อนชั้นได้ยินคุณนภาแกบ่นๆอยู่ว่าแม่อ้อยทำบ้านแกไม่ค่อยสะอาด ไม่ใช่หรือ” ป้านวลบอก
เจ๊อ้อยจำใจพับหนังสือพิมพ์อย่างเซ็งๆ
“นี่ชั้นก็ทำเต็มที่แล้วนะ ถ้ายังบอกว่าไม่สะอาดก็ต้องทำเองแล้ว”
“พูดอย่างงั้นได้ไง เราเป็นลูกจ้างเค้านะ เค้าจ่ายเงินนะไม่ได้ให้ทำฟรีๆ” ป้านวลว่า
“โอ๊ย ไอ้เงินค่าจ้างนิดหน่อย แค่เดือนล่ะไม่กี่พันชั้นไม่อยากได้หรอก”
“อ้าว ถ้าไม่อยากได้ แล้วมาเป็นลูกจ้างเค้าทำไม” ลุงแย้มถาม
“ใช่ ไม่อยากได้ก็อย่าทำ ไปลาออกเค้าซะ” ป้านวลบอก
เจ๊อ้อยยิ้มเยาะแล้วบอก
“วันนึงลุงแย้มกับป้านวลก็รู้เองแหละว่า ทำไมชั้นถึงต้องทำ”
เจ๊อ้อยทิ้งรอยยิ้มปริศนาไว้ ป้านวลกับลุงแย้มมองหน้ากันอย่างงงๆ ต้นหอมเข้ามาพอดี
“อ้าว น้าอ้อย นี่ ยังกินข้าวไม่เสร็จอีกหรือ หนูนึกว่าน้าทำงานอยู่ที่บ้านคุณนภาแล้ว”
“ก็กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอกินน้ำก่อน”
เจ๊อ้อยหยิบน้ำขึ้นดื่ม ต้นหอมมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“เอา เรียบร้อยแล้ว”
ต้นหอมเดินตามเจ๊อ้อยออกไป ป้านวลกับลุงแย้มมองตาม
“ข้าว่านังอ้อยนี่ท่าทางมันจะอยู่ได้ไม่นานนะ แกว่ามั้ย” ป้านวลว่า
“ข้าก็ว่างั้นล่ะ ท่าทางมันขี้เกียจเหลือเกิน”
ป้านวลกับลุงแย้มส่ายหน้าอย่างระอาใจ

ภายในบ้านนภา ในเวลาเดียวกัน ปารมีเดินลงมาจากชั้นบน
“แม่คะ หนูจะออกไปแบงก์ แม่จะเอาอะไรรึเปล่าคะ”
“ซื้อน้ำผลไม้ติดเข้ามาหน่อยนะลูก” นภาว่า
“ค่ะ”
ปารมีเดินออกไป นภามองตามแล้วหันกลับมาเห็นอ้อยกำลังหยิบของมีราคาที่ตั้งโชว์บนชั้นมาดูอย่างประเมินราคา นภาเดินเข้าไปหาด้านหลังแล้วถาม
“ทำอะไร”
เจ๊อ้อยสะดุ้ง
“ว้าย คุณพระ อุ๊ย คุณนภา ขอโทษค่ะ ตกใจหมดเลย”
“มองอะไร ทำไมไม่ทำงาน”
เจ๊อ้อยหยิบรูปปารมีที่ตั้งโต๊ะขึ้นมาแล้วพูดว่า
“อ้อยกำลังดูรูปน่ะค่ะ ว่าคุณปารมีนี่สวยเหมือนใคร ที่แท้ก็สวยเหมือนคุณนภานั่นเอง”
นภาไม่ยินดีกับคำชม
“ไม่ต้องมายอเพราะชั้นไม่บ้ายอ ชั้นจะบอกเธอว่าเธอล้างห้องน้ำไม่สะอาดอีกแล้วนะ กลับไปล้างใหม่”
“อ้อยล้างไปสองรอบแล้วนะคะ”
“แต่มันยังไม่สะอาด แล้วในครัวก็เอาน้ำยาออกมาเช็ดพื้นซ้ำอีกที ครัวยังมีคราบน้ำมันอยู่เลย”
“ค่ะ”
นภาเดินออกไป เจ๊อ้อยมองตามแล้วเบ้หน้าทำปากมุบมิบด่าตามหลัง
“เคี่ยวจริง ๆ”
นภาหันกลับมา เจ๊อ้อยสะดุ้งใจหายวาบ
“เดี๋ยวชั้นจะไปตึกใหญ่ และถ้าชั้นกลับมาเธอยังทำงานไม่เรียบร้อยตามที่ชั้นบอก เธอเตรียมตัวออกจากงานได้เลย”
เจ๊อ้อยฝืนยิ้มบอก
“ค่ะ”
เจ๊อ้อยมองตามแล้วยิ้มเยาะเมื่อนภาเดินออกไป
“รอให้ถึงวันที่เปิดเผยว่าชั้นเป็นแม่ยายคุณภูบดีก่อนเถอะจะเรียกมานวดเท้าทั้งวันเลย”
เจ๊อ้อยมองซ้าย มองขวา แล้วนึกได้
“เอ๊ะ ไม่มีใครอยู่นี่หว่า”
เจ๊อ้อยหยิบกุญแจผีที่เตรียมไว้ออกมาแล้วยิ้มกับตัวเองวิ่งขึ้นชั้นบนไป

เจ๊อ้อยวิ่งขึ้นมาที่ชั้นบนและตรงไปยังห้องนภา เสียบกุญแจไขประตู เสียงลูกบิดประตูดังกริ๊ก เจ๊อ้อยยิ้มแล้วเปิดประตูเข้าไปมองสำรวจห้องนภา
“ไม่เห็นจะมีอะไร ทำเป็นหวงไม่ให้ใครเข้า”
เจ๊อ้อยเดินไปเปิดลิ้นชักข้างบานกระจกแต่งหน้า ภายในนั้นไม่มีอะไรนอกจากเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆ เจ๊อ้อยเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเห็นมีกระเป๋าถือสามสี่ใบวางอยู่ที่บนชั้น นอกจากนั้นยังมีกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบวางอยู่
เจ๊อ้อยมองไม่เห็นของมีค่าอะไรก็ส่ายหน้าทำท่าหันจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ลังเล
“แต่ถ้าคนเราไม่มีอะไรซ่อนอยู่ จะล็อกห้องทำไม”
เจ๊อ้อยหันกลับเดินไปเปิดตู้อีกที หยิบกระเป๋าถือของนภาสามสี่ใบที่วางเก็บบนชั้นมารื้อดูไม่มีอะไร เจ๊อ้อยขยับกระเป๋าเดินทางก็ชะงัก เพราะกระเป๋าหนักผิดปกติ
“ทำไมหนักอย่างนี้วะ”
เจ๊อ้อยดึงกระเป๋าออกมารูดซิปเปิดออก ก็เห็นปึกเงินวางเรียงในกระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ เจ๊อ้อยตะลึงหยิบเงินออกมาดู
“เฮ้ย นี่มันของจริงหรือของปลอมวะเนี่ย”

นภาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นกระป๋องทำความสะอาดยังตั้งอยู่
“อ้อย ยัยอ้อย” นภาร้องเรียก
เจ๊อ้อยสะดุ้งหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ยัยอ้อย ”
“ซวยแล้ว” เจ๊อ้อยมองซ้ายขวาหาทางหนีทันที
นภาเดินเข้าไปดูในครัวไม่เห็นใคร นภาชะงักเอะใจเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบกุญแจไขเปิดเข้าห้องไป นภามองกวาดสายตา ภายในห้องไม่มีใคร นภาเดินไปดูในห้องน้ำ ไม่มีใคร ตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดตู้ออก เห็นทุกอย่างยังอยู่เป็นปกติ นภาถอนหายใจแล้วปิดตู้
“นังอ้อยนี่ ท่าทางต้องไล่ออกซะแล้ว”
นภาเดินออกปิดประตู เจ๊อ้อยโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนในห้อง
“เอาไงดีวะเรา เงินเยอะซะด้วย”
ความอยากได้เงินครอบงำจิตใจ เจ๊อ้อยเริ่มใช้ความคิด
 
อ่านต่อหน้า 4 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.




เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
 
 
ญาดาเดินเข้ามาในครัวเห็นเพียงต้นหอมกำลังทำความสะอาดอยู่คนเดียว
 
“ต้นหอม เห็นน้าอ้อยมั้ย”
“ทำงานอยู่บ้านคุณนภาค่ะ คุณตาลเอาอะไรคะ”
“เปล่า ไม่มีอะไรจะถามอะไรแกหน่อย เออ ต้นหอม น้าอ้อยเค้าทำงานเป็นยังไง ใช้ได้มั้ย”
“ไม่ค่อยได้เรื่องหรอกค่ะ น้าอ้อยเนี่ยจอมขี้เกียจเลย แถมยังชอบอู้งานด้วยค่ะ”
“จริงหรือ”
“ค่ะ ทำอะไรก็ไม่ค่อยสะอาดไม่เรียบร้อย ที่ในครัวป้านวลก็บ่นอยู่ว่าให้ช่วยเด็ดผักหั่นเนื้อหั่นหมูแกก็ไม่ค่อยช่วย นี่ หนูกะว่าสิ้นเดือนนี้จะต้องรายงานคุณนภาอาจต้องให้แกออกค่ะ”
“แล้วทำไมไม่บอกเค้าล่ะ เค้าจะได้ปรับปรุงตัว”
“หนูบอกแกหลายหนแล้วค่ะ แต่แกไม่ค่อยฟังและที่สำคัญตกกลางคืนแกชอบชวนคนงานตั้งวงเล่นไพ่ด้วยค่ะ”
“เล่นไพ่ด้วยหรือ”
“ค่ะ เป็นเจ้ามือด้วยนะคะคุณตาล”
ต้นหอมพูดจบหันไปทำงานต่อ ญาดานึกถึงเจ๊อ้อยด้วยความรู้สึกเซ็งๆ
“แม่นะแม่”
ญาดาจะเดินออกไปก็เห็นนภาเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณป้านภา”
นภาเมินไม่สนใจคำทักทายของญาดา
“ต้นหอม เห็นนังอ้อยมั้ย”
“อ้าว น้าอ้อยไม่ได้ทำงานอยู่ที่บ้านคุณนภาหรือคะ”
“ไม่รู้มันหายหัวไปไหน ชั้นเดินหาทั่วบ้านก็ไม่เจอ สงสัยต้องให้มันออกจริงๆแล้ว นังนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน”
“แกอาจจะไปเข้าห้องน้ำหรือไปทานข้าวรึเปล่าคะ” ญาดาพูดแก้ตัวทน
นภามองหน้าญาดาด้วยอารมณ์ประมาณว่าไม่เกี่ยวกับเธอ ญาดายิ้มเจื่อนอย่างเข้าใจในสายตาที่นภามองมา
“ต้นหอม ถ้าแกเจอมันบอกให้มันเก็บเสื้อผ้าออกแล้วไปเลยนะ ชั้นไม่จ้างมันแล้ว เงินเดือนที่เหลือชั้นก็ไม่ให้”
“ค่ะ”
นภามองหน้าญาดาที่ฝืนยิ้มให้ นภาเมินใส่เดินออก ญาดารู้สึกผิดแทนแม่ได้แต่มองตามนภาแล้วพึมพำกับตัวเอง
“แม่นะแม่ ออกลายแล้วมั้ยล่ะ”
ต้นหอมหันขวับมาถามว่า
“คุณตาลว่าอะไรคะ”
“เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไร”
ญาดามองตามต้นหอมที่เดินออกไปแล้วถอนใจ
“โทรบอกให้แม่รู้ตัวก่อนดีกว่า”

เจ๊อ้อยโผล่หน้าออกมาจากห้องนภากวาดตามองไม่เห็นใครก็ค่อยๆย่องเดินออกมา ปารมียืนมองอยู่ด้านหลัง
“แกเข้าไปทำอะไรในห้องแม่ชั้น”
เจ๊อ้อยสะดุ้ง หันกลับไปมองเห็นปารมียืนอยู่
“คุณปารมี”
“แม่ชั้นเค้าสั่งห้ามไม่ใช่หรือว่าอย่าเข้าไปในห้องเค้า”
“เอ่อ..อ้อย..อ้อย”
“แกคิดจะขโมยของใช่มั้ย ชั้นจะเอาตำรวจจับแก”
“เปล่านะคะ อ้อยไม่ได้ขโมย อ้อยแค่สงสัยว่าทำไมคุณนภาถึงไม่ให้เข้าห้อง”
“แกอย่ามาโกหก บอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเข้าไปขโมยอะไร ไม่งั้นชั้นจะโทรให้ตำรวจมาจับแกจริงๆ”
“ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณปารมีจะเอาตำรวจจับอ้อย อ้อยจะได้บอกให้ทุกคนรู้ว่า คุณแม่คุณมีเงินสดซ่อนอยู่ในบ้านเต็มกระเป๋า”
ปารมีชะงักไปแล้วถาม
“เงินอะไร”
“อ้อ นี่คุณคงไม่รู้เหมือนกันสิคะว่าคุณแม่คุณแอบซ่อนเงินสดเป็นล้านๆไว้ในห้อง”
“แกอย่ามาพูดให้ร้ายแม่ชั้นนะ”
“อ้อยไม่ได้ให้ร้ายค่ะ แต่อ้อยว่ามันต้องเป็นเงินไม่ดีแน่ ไม่งั้นคุณแม่คุณต้องเอาไปฝากธนาคารแล้ว เงินเกือบสิบล้านใครจะเก็บไว้ในบ้าน”
“ชั้นว่าแกพูดเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว”
“ถ้าคุณปารมีไม่เชื่อเราเข้าไปดูด้วยกันในห้องก็ได้ค่ะ”
เจ๊อ้อยทำหน้าท้าทายมองหน้าปารมีที่กำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการอย่างไรกับเจ๊อ้อยดีเพื่อไม่ให้ปากสว่างไปบอกกับใครต่อใคร

ญาดากดโทรศัพท์หาเจ๊อ้อยแล้วรอฟังเสียงปลายสาย ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่เรียก
“แม่นะแม่ดันปิดโทรศัพท์อีก”
ญาดาลองกดใหม่อีกทียังเป็นเสียงสัญญาณหมือนเดิม ญาดาวางสายแล้วถอนใจ
“เฮ้อ แม่ชั้น ไปแอบอู้อยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย”

ภายในห้องนภา เจ๊อ้อยเปิดตู้ หยิบกระเป๋าใส่เงินลากออกมาเปิดให้ปารมีดู ปารมีมองนิ่ง
“เป็นไงคะ ตะลึงใช่มั้ยคะ เห็นรึยังว่าอ้อยไม่ได้โกหก คุณแม่คุณต้องไปขโมยเงินใครมาแน่ๆ”
“เอาล่ะ ชั้นจะไม่จับแกส่งตำรวจ แต่แกต้องสัญญาว่าแกจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“อะไรกันคะเงินตั้งเยอะแยะ คุณปารมีจะให้อ้อยสัญญาแค่ปากเปล่าหรือคะ” เจ๊อ้อยถาม
“แล้วแกต้องการอะไร”
“แหม ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเงินตั้งเยอะ แบ่งให้อ้อยใช้ซักล้านสองล้านคงไม่เป็นไรมั้งคะ”
ปารมีมองเจ๊อ้อยอย่างใช้ความคิด
“ก็ตามใจนะคะ ถ้าคุณปารมีไม่อยากให้อ้อย อ้อยจะได้บอกให้ตำรวจเค้าตรวจสอบว่าทำไมคุณแม่คุณถึงมีเงินซ่อนอยู่ในบ้านเยอะขนาดนี้”
ปารมีตัดสินใจ
“ก็ได้ ชั้นจะแบ่งให้แกสองล้าน”
“สามล้านแล้วกันค่ะ” เจ๊อ้อยต่อรอง
“แกนี่มันไม่รู้จักพอจริงๆนะ ได้สองจะเอาสาม ได้ ชั้นให้แกสามล้าน”
“มันต้องอย่างนี้สิคะ งั้นอ้อยขอยืมกระเป๋าใส่เงินซักใบนะคะ”
อ้อยเดินไปหยิบกระเป๋าผ้าใบย่อมออกมาจากตู้แล้วหยิบเงินจากกระเป๋า ปารมีส่งสายตาไปรอบๆห้องเห็นสายเข็มขัดเส้นหนึ่งวางพาดอยู่บนเก้าอี้
เจ๊อ้อยกำลังมีความสุข ตื่นเต้นไปกับการหยิบเงินขึ้นนับตามจำนวน
“หนึ่งแสน สองแสน สามแสน สี่แสน”
ปารมีเดินไปหยิบเข็มขัดขึ้นมาม้วนใส่มือทั้งสองข้างแล้วเดินเข้าไปหาอ้อยทางด้านหลัง เจ๊อ้อยยังคงนับเงินใส่กระเป๋าอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินไม่ทันระวังตัว
ปารมีเดินเข้าไปใกล้ เจ๊อ้อยนับเงิน
“ล้านห้า ... ล้านหก... ล้านเจ็ด”
ปารมีหยุดด้านหลังของเจ๊อ้อยแล้วตวัดเข็มขัดรัดคอ เจ๊อ้อยดิ้นพยามดึงเข็มขัดที่รัดคอออก ปารมีออกแรงดึงรัดอย่างเต็มที่ เจ๊อ้อยหมดลม ตาเหลือกทรุดลงกองกับพื้น
ปารมีก้มลงแตะจมูกเจ๊อ้อยเพื่อให้แน่ใจว่า เจ๊อ้อยขาดใจตายต่อหน้า ปารมีหายใจหอบด้วยแววตาโหดเหี้ยมน่ากลัว
“คนอย่างแกไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก”
นภาเปิดประตูเข้ามาเห็นปารมียืนอยู่ในห้อง และมีศพอ้อยนอนตาค้างอยู่ข้างๆ
“ยัยปา นี่มันอะไรกัน ทำไมนังอ้อยมานอนอยู่นี่”
นภามองเห็นเงินซึ่งตกอยู่กับพื้น
“นังอ้อยมันอยากได้เงินที่แม่ซ่อนไว้ หนูก็เลยจัดการมันซะ” ปารมีบอก
“จัดการ หมายความว่าไงลูก อย่าบอกนะว่าลูกฆ่ามัน”
“ใช่ค่ะ”
นภาตกใจเพราะคิดไม่ถึง
“หา.. จริงหรือลูก”
“ค่ะ ถ้าหนูไม่ฆ่ามัน มันจะไปบอกใครๆว่าแม่ซ่อนเงินไว้ในห้องนี้”
“แต่แม่ว่าลูกไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย”
“ทำไมแม่พูดแบบนี้ที่หนูทำก็เพื่อปกป้องแม่นะคะ หรือแม่อยากให้คุณปู่รู้ว่า แม่ขโมยเงินคุณปู่มาตลอดหลายปี”
นภาอึ้งไปไม่คิดว่าปารมีจะรู้เรื่องนี้
“แม่คิดว่าหนูไม่รู้ใช่มั้ยว่าดึกๆแม่ลุกไปทำอะไรที่ตึกใหญ่”
“แต่ถึงยังไงมันน่าจะมีวิธีอื่นนะลูก ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่ามัน ถ้าใครรู้เข้าเราจะเดือดร้อนนะ”
“เราเดือดร้อนตั้งแต่ครั้งแรกที่แม่ไปขโมยเงินคุณปู่แล้วล่ะค่ะ ถ้าแม่ไม่ขโมยเงินมาหนูก็ไม่ต้องฆ่า
มัน”
นภาอึ้งไปที่ได้ยินคำพูดจากปารมี
“หนูว่าแม่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย แม่มาช่วยหนูจัดการกับศพนังอ้อยก่อนดีกว่า แม่มัดมือมัดเท้ามันนะ เดี๋ยวหนูจะไปหากระเป๋าใบใหญ่ๆมาใส่ศพมัน”
ปารมีเดินออก นภามองศพอ้อยอย่างอึ้ง ตะลึง และผิดหวัง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของลูกในไส้
“ทำไมยัยปาถึงอำมหิตโหดเหี้ยมแบบนี้”

ญาดาเดินเข้ามาที่ครัวคนงานแล้วถามป้านวลกำลังทำงานอยู่ในครัว
“ป้านวล น้าอ้อยอยู่แถวนี้มั้ย
“ไม่อยู่ค่ะ ป้าไม่เห็นหน้าตั้งแต่บ่ายแล้ว ข้าวเที่ยงก็ไม่มากินไม่รู้ไปไหน”
“หรือว่าไม่สบาย ชั้นไปดูที่บ้านพักดีกว่า”
“ไม่มีค่ะคุณตาล นังมะยมไปดูแล้วไม่เจอตัว”
“แล้วเค้าไม่บอกใครหรือว่าจะไปไหน”
“ล่าสุดที่เจอหน้ากันก็เห็นว่าไปทำงานบ้านคุณนภานะคะ แต่เห็นว่าคุณนภาก็ตามหาตัวอยู่เหมือนกัน คุณตาลมีอะไรกับนังอ้อยรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าเจอจะบอกให้”
“เปล่าจ้ะไม่มีอะไร แค่จะถามอะไรแกสองสามคำ”
ป้านวลมองตามญาดาที่เดินออกไปอย่างไม่ได้ติดใจอะไร ญาดาเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
“หรือว่าแม่จะหนีไปแล้ว”
เสียงโทรศัพท์มือถือญาดาดังขึ้นพอดี
“ค่ะคุณภู”
ธาวินพูดโทรศัพท์ อยู่ในห้องนอน
“ตาลอยู่ไหน นี่จะได้เวลาไปงานศพแล้วนะ”
“ค่ะค่ะ เดี๋ยวตาลจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”

นภายืนมองปารมีมัดมือ มัดเท้าศพของเจ๊อ้อยแล้วลากศพใส่กระเป๋าอย่างจิตตก เมื่อปารมีรูดซิปปิดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็หันมาบอกนภา
“เรียบร้อย เดี๋ยวคืนนี้ปาจะเอาไปทิ้งในแม่น้ำเอง”
“ปา”
“คะ”
“ลูกไม่ได้ตั้งใจฆ่านังอ้อยใช่มั้ย” นภาถาม
“เปล่าค่ะ ปาตั้งใจ”
นภาจับตัวปารมี
“ไม่จริง ลูกของแม่ไม่ใช่คนอำมหิตเลือดเย็นแบบนี้ บอกแม่สิว่าลูกไม่ได้ตั้งใจ ลูกไม่ได้คิดที่จะฆ่ามัน บอกแม่สิปา”
“แม่คะ หนูจะไม่โกหกแม่อีกต่อไปแล้ว หนูจะบอกให้แม่รู้ว่า หนูจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเราหนูจะฆ่าทุกคนที่มันคิดขวางทางเรา”
นภาตะลึงนิ่งอึ้ง
“ ไม่ ไม่จริง ลูกของชั้นไม่ใช่คนใจร้าย ลูกของชั้นเป็นคนดี แกไม่ใช่ลูกชั้น”
“แม่ แม่ต้องสงบสติอารมณ์นะ”
“ไม่ แกไม่ใช่ลูกชั้น แกไม่ใช่ลูกชั้น”
นภาหวีดร้องดึงทึ้งผมตัวเองอาการประสาทกำเริบ ปารมีเข้าไปยื้อยุด
ต้นหอมได้ยินเสียงกรีดร้องก็วิ่งเข้ามาในบ้านนภาแล้ววิ่งขึ้นไปข้างบน ต้นหอมเคาะประตูห้อง ปารมีเปิดออกมา เสียงนภาร้องไห้สะอื้น
“มีอะไร”
“หนูได้ยินเสียงคุณนภาร้อง เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไร แม่เค้าลืมกินยา แกกลับไปได้แล้ว”
“หนูจะมาทำบ้านแทนน้าอ้อยน่ะค่ะ ไม่รู้แกหายไปไหน”
“ไม่ต้องทำ วันนี้แม่ชั้นไม่ค่อยสบาย กลับไปก่อน”
“ค่ะ”
ปารมีปิดประตูลงอย่างเดิม ต้นหอมมองแวบหนึ่งแล้วก็เดินกลับไป
ภายในห้อง นภายังนั่งร้องไห้พึมพำ
“แกไม่ใช่ลูกชั้น แกมันอำมหิต แกไม่ใช่ลูกชั้น .. ฮือ ฮือ”
ปารมีมองแม่แล้วส่ายหน้าก่อนจะลากกระเป๋าใส่ศพออกไปจากห้องไปปล่อยให้นภาร้องไห้อยู่คนเดียว
ภายในศาลาสวดศพ ธาวิน ญาดา มณทกานต์ บุญทันนั่งฟังพระสวดอยู่ ส่วนแขกเหรื่อนั่งอยู่ด้านหลังถัดไป ญาดานั่งครุ่นคิดถึงแม่อย่างเป็นกังวล
“เอ๊ะ นังนี่ เห็นแม่เป็นคนยังไง ที่แม่เข้ามาที่นี่ก็เพราะว่าแม่เป็นห่วงเอ็งนะ กลัวว่าเอ็งจะมีอันตราย เห็นมั้ยเพราะเอ็งไม่บอกความจริงแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเอ็งถึงโดนยิง”
“หนูขอร้องล่ะแม่อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งไปกว่านี้เลย”
“ก็ได้ แม่จะไป แต่เอ็งต้องไปกับแม่”
“หนูยังไปตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาหนูหน่อย”
“งั้นแม่ก็ไม่ไป ให้เวลาแม่หน่อย”
ญาดายิ่งคิดก็ยิ่งกังวลได้แต่ถอนใจ ธาวินเหลือบมองอย่างสังเกตแล้วกระซิบถาม
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
ญาดาฝืนยิ้ม ธาวินพยักหน้ารับรู้
มณทกานต์มองรูปอนุทินแล้วน้ำตาไหลริน บุญทันเหลือบมองก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้
“ขอบคุณ”
บุญทันมองอย่างห่วงใย
พระสวดเสร็จไปหนึ่งจบ ญาดากระซิบบอกธาวิน
“ตาลไปเข้าห้องน้ำนะคะ”
“ผมไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ญาดาลุกเดินออกไป ธาวินมองตามแล้วหันกลับมาฟังพระสวดต่อ
มีสายตาของใครบางคนมองตามญาดาไป
ญาดาเดินออกมากดโทรศัพท์หาเจ๊อ้อยแต่ไม่มีสัญญาณเหมือนเดิม ญาดาเลี้ยวเข้าห้องน้ำไป ใครคนนั้นเดินตามหลังมาแล้วหยุดรออยู่
พระเริ่มสวดจบที่สองบนศาลา
ญาดาเดินออกจากห้องน้ำ หยิบโทรศัพท์ออกมากดหาแม่อีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนเดิม
“หรือว่าแม่จะเป็นอะไร”
ญาดาเดินเลี้ยวออกมาก็ชะงัก คนร้ายคนหนึ่งก้าวออกมาขวางทางแล้วจ้องมองเขม็ง ญาดาขยับถอยหลัง คนร้ายอีกคนก้าวมาทางด้านหลังแล้วเอาผ้าโปะยาสลบปิดเข้าที่จมูกญาดาที่พยายามดิ้นสู้อยู่ครู่หนึ่งก่อนหมดสติไป คนร้ายพยุงญาดาออกไป

ภายในศาลา เจ้าหน้าที่เดินแจกกาแฟให้ธาวินกับมณทกานต์และบุญทัน
“ทำไมตาลไปห้องน้ำนานจัง” ธาวินพูดขึ้น
“เดี๋ยวเมย์ไปดูให้ค่ะ เมย์จะไปเข้าห้องน้ำด้วย”
บุญทันมองตามมณทกานต์ที่เดินออกไป
“ท่าทางน้องเมย์จะเข้มแข็งขึ้นกว่าตอนที่พ่อตายนะ” ธาวินบอก
“ก็คงทำใจได้เยอะแล้ว”
“ชีวิตคนเรามันเอาแน่ไม่ได้จริงๆนะ เพิ่งเห็นหน้ากันแท้ๆบทจะตายก็ตายง่ายๆ”
“เค้าถึงบอกว่าอย่าประมาทกับชีวิตไง” บุญทันว่า
ธาวินพยักหน้าอย่างเห็นด้วยยกกาแฟขึ้นดื่ม
มณทกานต์เดินเลี้ยวมุมตึกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ คนร้ายที่ยืนดักรออยู่ก็จ่อปืนแล้วบอก
“อยู่เฉยๆถ้าไม่อยากตาย”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
คนร้ายอีกคนเข้ามาล็อกตัวไว้แล้วเอาปืนจ่อที่หลัง
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น เดินไป”
คนร้ายทำเนียนด้วยการเอาปืนจ่อที่หลัง อีกมือโอบเอว แม้มณทกานต์จะพยายามมองเพื่อขอความช่วยเหลือจากคนที่เดินสวนมา แต่คนร้ายก็กระทุ้งปืนที่หลังมณทกานต์จนสะดุ้งแล้วเตือนว่า
“อยากตายหรือไง เดินไปเฉยๆ”

ธาวินชะเง้อมองจากศาลาไปด้านนอกแล้วหันไปคุยกับบุญทัน
“ทำไมตาลกับน้องเมย์หายไปทั้งคู่เลย”
“นั่นสิ เป็นอะไรรึเปล่า ชั้นว่าไปดูหน่อยดีกว่า” บุญทันว่า
ทั้งธาวินและบุญทันลุกเดินออกไป

บริเวณหน้าห้องน้ำ ธาวินกับบุญทันมองชะเง้อหา
“ตาล น้องเมย์” ธาวินเรียก บุญทันเรียกซ้ำ
“คุณเมย์ คุณตาล”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องถาม ธาวินถาม
“โทษนะครับในห้องน้ำมีผู้หญิงคนอื่นอยู่มั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ”
ธาวินกับบุญทันมองหน้ากัน
“แล้วเค้าไปไหนกัน” บุญทันว่า
“แกลองโทรหาน้องเมย์ซิ” ธาวินบอก บุญทันกดหามณทกานต์
“ไม่รับว่ะ”
ธาวินกดโทรศัพท์หาญาดา
“ตาลก็ไม่รับเหมือนกัน”
“หรือจะมีอะไรไม่ดี” บุณทันเริ่มรู้สึกผิดสังเกต
“ไม่หรอกน่ะ ชั้นว่าเราแยกกันเดินหาดีกว่า เค้าอาจจะเจอเพื่อนหรือเจอใครก็ได้เลยแวะคุย” ธาวินว่า
บุญทันพยักหน้า ทั้งสองคนเดินแยกกันออกไปคนละทาง


จบตอนที่ 9
 
อ่านต่อตอนที่ 10 เวลา 09.30น.



กำลังโหลดความคิดเห็น