เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 12
ภายในร้านกาแฟของโรงพยาบาล ปารมีวางแก้วกาแฟลงโดยมีตำรวจนั่งอยู่ตรงหน้า
“จริงๆแล้วปากับคุณสมยศก็แอบชอบกันอยู่ค่ะ แต่คุณแม่ปาไม่ปลื้มแก คุณตำรวจก็คงทราบว่าอาชีพตำรวจไม่ได้ร่ำรวยอะไร”
“ใช่ครับ แม่ยายผมก็ไม่ค่อยชอบผมเหมือนกัน”
“นั่นล่ะค่ะ ปาก็เลยต้องปิดบังไม่ให้คุณแม่รู้ว่าแอบคบกับคุณสมยศอยู่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราก็มีแพลนที่จะแต่งงานกัน”
“แล้วคุณปารมีทราบเรื่องที่สารวัตรสมยศจับตัวคุณตาลกับคุณเมย์ไปเรียกค่าไถ่มั้ยครับ”
“ปาไม่ทราบเลยค่ะ มีแค่ก่อนที่เค้าจะถูกจับ เค้าบอกปาว่าเค้าจะหาเงินซักก้อนมาขอปา เพื่อไม่ให้คุณแม่ปาดูถูก”
ปารมีแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้นก่อนพูดต่อ
“แต่ปาไม่คิดเลยว่าเค้าจะหาทางออกด้วยการจับพี่ตาลกับน้องเมย์ไปเรียกค่าไถ่ ตอนที่ปารู้ปาทั้งตกใจแล้วก็เสียใจ ใจนึงก็อยากไปเยี่ยมเค้า แต่อีกใจก็กลัวคุณแม่จะโกรธ จนรู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่าเค้าตายแล้ว ปาได้แต่ร้องไห้เสียใจที่ตัวเองทอดทิ้งเค้า”
ตำรวจดึงทิชชู่ส่งให้และมองปารมีอย่างเห็นใจ
“เอาล่ะครับ ขอบคุณคุณปารมีมากนะครับ ผมเสียใจด้วย”
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีอะไรที่ปาพอจะช่วยทำหรือช่วยหาตัวคนร้ายได้บอกปามาเลยนะคะ ปาก็อยากรู้ว่าใครที่ฆ่าเค้า”
“ครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะแจ้งให้ทราบ ผมลาล่ะครับ”
“ค่ะ”
ปารมียกมือไหว้และยืนส่งจนตำรวจเดินออกไป ปารมีถอนหายใจแล้วแสยะยิ้มมองตามก่อนปาดน้ำตาทิ้ง
ภายในห้องคนไข้ นภานอนชะเง้อมองไปที่ประตูอย่างเป็นห่วงแล้วนึกถึงคำพูดของปารมีที่พูดไว้
“เชื่อแม่นะปา ไปสารภาพความจริงซะ ก่อนที่สมยศมันจะบอกตำรวจ”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ มันจะไม่มีโอกาสไปบอกตำรวจแน่”
“แกจะไปไหน”
“ก็ไปจัดการไอ้สมยศให้มันหมดโอกาสพูดน่ะสิคะ”
นภานอนส่ายหน้าด้วยความเสียใจที่ปารมีฆ่าสมยศ
ปารมีเปิดประตูเข้ามาแล้วเดินยิ้มเข้ามาหาแม่
“หนูบอกแล้วไงคะว่าตำรวจไม่มีทางจับหนูได้หรอก”
นภามองด้วยสายตาเป็นห่วง ปารมียิ้มแล้วแตะไหล่นภา
“หนูรู้ค่ะว่าแม่เป็นห่วงหนู แต่ขอให้เชื่อหนูเถอะค่ะไม่มีใครทำอะไรลูกสาวแม่ได้หรอก”
ปารมียิ้มให้แม่อย่างมั่นใจก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำ นภาใจหายที่ปารมีไม่มีความหวาดกลัวหรือละอายต่อการฆ่าคนได้แต่นอนร่ำไห้น้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
วันรุ่งขึ้นเวลากลางวัน ต้นหอมกับสาวใช้อีกคนถืออุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาในบ้านนภา
“แกทำข้างล่างนะ ชั้นจะขึ้นไปทำข้างบน” ต้นหอมบอกแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
ต้นหอมถูพื้นชั้นบนอยู่ครู่หนึ่ง ปารมีก็เดินออกมาจากห้องพอดี
“ต้นหอมวันนี้ทำห้องคุณแม่ด้วยนะ บางทีอาทิตย์หน้าหมออาจจะให้กลับบ้านได้แล้ว”
“ได้ค่ะ แต่คุณปาต้องเปิดห้องให้นะคะ หนูไม่มีกุญแจ”
ปารมีเดินมาไปไขกุญแจเปิดห้องไว้ให้
“ทำให้สะอาดนะเสร็จแล้วก็ล็อกด้วย”
“ค่ะ”
ปารมีเดินลงชั้นล่างไป
ต้นหอมเดินเข้ามาในห้องนภาที่มืดทึม ต้นหอมเดินไปรูดม่าน เปิดตู้เสื้อผ้าค้างไว้เพื่อระบายอากาศภายในห้องไม่มีกระเป๋าใส่เงินใบนั้นแล้ว ต้นหอมหยิบไม้กวาดออกมากวาดพื้นล้วงไปตามซอกต่าง ๆ ต้นหอมกวาดล้วงไปใต้เตียง ก็ชะงัก เพราะเจอต่างหูข้างนึงตกอยู่ที่พื้นที่ ต้นหอมหยิบมาดูมอง
“นี่มันตุ้มหูน้าอ้อยนี้ทำไมมาหล่นอยู่ในนี้”
ต้นหอมมองสงสัย ปารมีเดินเข้ามาเรียกด้านหลังพอดี
“ต้นหอม”
ต้นหอมสะดุ้งแล้วหันไปมองปารมีก่อนตอบ
“ขา”
“เปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนด้วยนะ ถ้าผ้าม่านถอดไปซักได้ก็ซักซะ “
“ค่ะ”
ปารมีเดินออก ต้นหอมมองตามแล้วยกต่างหูในมือออกมาดูอีกครั้ง
“เอาไปให้คุณตาลดูดีกว่า”
ต้นหอมเก็บใส่กระเป๋ารีบทำงานต่อจนเสร็จ
ญาดายกต่างหูขึ้นมาดูในเวลาต่อมา
“ใช่ตุ้มหูของแม่จริงๆด้วย ตาลจำได้เพราะตาลเป็นคนซื้อให้แม่” ญาดาบอก
“แล้วทำไมตุ้มหูของน้าอ้อยถึงไปตกอยู่ในห้องป้านภา” มณทกานต์ถามอย่างสงสัย
“คงเข้าไปทำความสะอาดในห้องแล้วมันคงหลุดน่ะสิ” ธาวินบอก
“แต่เท่าที่ผมรู้ คุณนภาเค้าไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปทำความสะอาดห้องเค้าไม่ใช่หรือต้นหอม” บุญทันถาม
“ค่ะ คุณนภาแกไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งในห้อง แกมักจะทำของแกเอง”
“ถ้าคุณนภาไม่อนุญาตให้ใครเข้าห้องแล้วแม่เข้าไปได้ยังไง”
สีหน้าทุกคนอึ้งแล้วคิด
“เป็นไปได้มั้ยคะว่าน้าอ้อยไปแอบรู้มาว่าป้านภาซ่อนอะไรไว้ในห้องก็เลยแอบเข้าไปดู” มณทกานต์ตั้งข้อสังเกต
“ก็เป็นไปได้นะ น้าอ้อยอาจจะไปเห็นอะไรที่คุณป้านภาไม่อยากให้เห็น คุณป้านภาก็เลย...” ธาวินพูดค้างไว้
“ฆ่าแม่พี่ตาล” มณทกานต์ต่ประโยคที่เหลือ
ญาดาฟังแล้วถึงกับอึ้งไป
“คงไม่ใช่หรอก ต่างหูมันอาจจะหล่นนานแล้วก็ได้” บุญทันว่า
“ไม่นานหรอกค่ะ ต้นหอมจำได้ว่าเช้านั้นก่อนที่น้าอ้อยจะเข้าไปทำงานบ้านคุณนภา แกยังใส่ตุ้มหูคู่นี้อยู่เลย”
“ทำไมถึงมั่นใจว่าเช้านั้นยังใส่อยู่” ธาวินถาม
“ก็ต้นหอมขอแก แกบอกว่าให้ไม่ได้เพราะลูกสาวซื้อให้”
ญาดาน้ำตาซึม
“หมายความว่าคุณป้านภาฆ่าแม่ตาลงั้นหรือ” ญาดาว่า
“ผมว่าเราอย่าเพิ่งสรุปเองเลยให้ตำรวจเป็นคนจัดการเรื่องนี้ดีกว่า” บุญทันบอก
ธาวินดึงญาดามากอดปลอบใจ
ตำรวจยศร้อยตำรวจเอกและจ่าตำรวจเดินเข้ามาในห้องคนไข้แล้วบอก
“เราพบต่างหูคุณอ้อยตกอยู่ในห้องนอนคุณนภาครับ”
“หมายความว่าไงคะ” ปารมีถาม
“สาวใช้คุณเอาต่างหูนี่มาให้ผม และคุณตาลกับสาวใช้ยืนยันตรงกันว่าเป็นของคุณอ้อย”
ปารมีมองหน้านภาที่นอนอยู่บนเตียง
“เราสันนิษฐานว่าคุณอ้อยน่าจะถูกฆ่าตายในห้องคุณนภา ผมต้องขอสอบปากคำคุณนภาด้วยครับ”
“แต่คุณแม่พูดไม่ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณนภาแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้ากับคำถามที่ผมถามก็พอ คุณนภาได้ยินที่ผมพูดใช่มั้ยครับ”
นภาพยักหน้า
“ผมคงต้องเชิญคุณปารมีไปรอด้านนอกนะครับ”
“แต่ว่า”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมใช้เวลาไม่มาก”
“เชิญครับ” จ่าตำรวจบอก
ปารมีเริ่มกลัวว่าตำรวจจะจับได้ นภามองหน้าปารมี
“หนูอยู่ข้างนอกนะคะแม่”
นภาพยักหน้า ปารมีหันเดินออกไปโดยมีจ่าตำรวจเดินออกไปด้วย ภายในห้องเหลือเพียงร้อยตำรวจเอกกับนภา ตพรวจดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
“วันที่คุณอ้อยหายตัวไปคุณนภาอยู่บ้านรึเปล่าครับ”
นภาพยักหน้า
“แล้ววันนั้นคุณปารมีอยู่รึเปล่าครับ”
นภาพยักหน้า
ปารมีกระวนกระวายใจมองเข้าไปในห้อง เห็นตำรวจกำลังพูดกับนภาอยู่
ปารมีหันกลับนึกถึงเหตุการณ์ที่ตวัดรัดคออ้อย เห็นอ้อยตาเหลือกค้าง ร่วงลงกองกับพื้น
ปารมีหันมองกลับเข้าไปในห้อง เห็นแม่พยักหน้าให้ตำรวจ ปารมีมองอย่างใจไม่ดี
“ทำยังไงดี แม่ต้องบอกตำรวจแน่ว่าเราป็นคนฆ่านังอ้อย”
ปารมีคิดกระสับกระส่าย เหลือบมองเห็นจ่าตำรวจที่ยืนคุมห่างออกไป
ตำรวจแตะมือนภาที่น้ำตารินไหล
“ขอบคุณมากนะครับที่คุณนภาให้ความร่วมมือกับผม”
นภาพยักหน้า
“ผมลาล่ะครับ”
ตำรวจหันเดินออกขณะที่นภาน้ำตาไหลริน
บริเวณหน้าห้องคนไข้ ปารมีเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ เพราะคิดว่า คราวนี้คงจะจนมุมหมดหนทางที่จะหนี นายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกเปิดประตูออกมา ปารมีเดินเข้ามาหาอย่างยอมจำนน
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
ปารมีมีสีหน้าอึ้งสลดไป
“คุณนภายอมรับสารภาพว่าเธอเป็นคนฆ่าคุณอ้อย”
ปารมีถึงกับตะลึงมองตำรวจนิ่งแล้วถาม
“อะไรนะคะ”
“และเธอก็เป็นคนจ้างเด็กไปวางยาคุณสมยศ” ตำรวจพูดต่อ
“แม่บอกคุณอย่างงั้นหรือคะ” ปารมีถามย้ำ
“ใช่ครับ เดี๋ยวผมจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเฝ้าเธอที่นี่ไว้ก่อนผมขอตัวนะครับ”
ตำรวจเดินออกไป ปารมีรู้สึกสับสนแล้วรีบเปิดประตูเข้าห้องไปหานภา
ภายในห้อง นภายังนอนอยู่บนเตียง ปารมีเดินเข้าไปหา
“แม่ ...ทำไมแม่บอกตำรวจแบบนั้นล่ะคะ”
นภาหันมองปารมีแล้วยิ้มให้ด้วยความรัก
“นี่แม่ทำเพื่อหนูหรือคะ”
นภาพยักหน้า ปารมีร้องไห้โฮโผเข้ากอดนภา
“แม่ ...”
ภายในบ้าน เมื่อเวลากลางวันวันเดียวกัน พิพัฒน์นั่งอยู่ในบ้านแล้วถาม
“นภาน่ะหรือฆ่าแม่หนูตาลแล้วจ้างคนไปฆ่าสมยศ”
“ใช่ครับท่าน” ปรารภบอก
“แน่ใจหรือ ชั้นไม่อยากเชื่อนะว่านภาจะกล้าทำแบบนี้”
“ตำรวจบอกว่าคุณนภาเป็นคนสารภาพทุกอย่างเองครับ ตอนแรกตำรวจถามแค่เรื่องแม่คุณตาล แต่บังเอิญพูดพาดพิงไปเรื่องสมยศ คุณนภาก็เลยสารภาพมาทั้งหมด”
“แปลกนะคะ ทำไมป้านภายอมรับผิดง่ายๆ” มณทกานต์ตั้งข้อสังเกต
“นั่นสิครับ ไม่น่าเชื่อว่าคุณนภาจะสารภาพง่าย ๆทั้งสองคดี” บุญทันว่า
“แกอาจจะเห็นว่าตำรวจมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ถ้าไม่สารภาพก็คงไม่รอดอยู่ดี” ธาวินบอก
“ทำไมเค้าใจร้ายอย่างนี้ ... ทำไมเค้าต้องฆ่าแม่ตาลด้วย”
ญาดาน้ำตาไหลแล้วลุกขึ้น ธาวินคว้าตัวไว้
“เดี๋ยวตาล ตาลจะไปไหน”
“ตาลจะไปถามเค้าว่าทำไมเค้าถึงอำมหิตโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ แม่ตาลไปทำอะไรให้ ทำไมต้องฆ่าแม่ด้วย” ญาดาบอก
“อย่าไปเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ตอนนี้ป้านภาเค้าก็ไม่สบายมาก ถึงตาลไปมันก็ไม่ช่วยให้แม่ตาลฟื้นขึ้นมาได้” ธาวินบอก
“ใช่ อย่าไปเลยลูก ปู่รู้ว่าหนูเสียใจ แต่ปู่ขอเถอะนะ อย่ามีเวรมีกรรมต่อกันเลย อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ เพราะตอนนี้เค้าก็เหมือนตายทั้งเป็นไปแล้ว” พิพัฒน์บอก
ญาดามองหน้าพิพัฒน์ที่พยักหน้าให้อย่างขอร้อง
“เห็นแก่ปู่เถอะนะ อโหสิกรรมให้เค้า”
ญาดาทรุดลงนั่งน้ำตาไหลริน ธาวินดึงเข้ามากอดปลอบใจ มณทกานต์กับบุญทันมองหน้ากันอย่าง
เห็นใจญาดา ปรารภเหลือบมองหน้าพิพัฒน์ที่ถอนใจอย่างหดหู่
ในเวลาต่อมาที่ระเบียงบ้านพิพัฒน์ ธาวิน ญาดา และบุญทันนั่งอยู่ก่อน มณทกานต์เดินเข้ามานั่ง สมทบ
“เมย์ว่าเรื่องป้านภามันดูแปลกๆนะคะพี่ภู” มณทกานต์ว่า
“แปลกยังไง” ธาวินถาม
“เมย์ว่ามันไม่ค่อยเมกเซ้นท์ ที่ป้านภายอมรับว่าฆ่าแม่พี่ตาล เมย์ก็พอจะเข้าใจได้ว่าตำรวจมีหลักฐาน แต่เรื่องสารวัตรสมยศนี่สิทำไมแกต้องสารภาพ ในเมื่อตำรวจเค้าไม่ได้สงสัยแกซะหน่อย”
“นั่นสิ ถ้าไม่สารภาพก็ไม่มีใครรู้” บุญทันเห็นด้วย
“พี่ว่าแกอาจจะสำนึกผิดก็ได้ เพราะตอนนี้แกก็เจ็บหนัก บางทีแกอาจจะไม่อยากให้ความผิดติดตัวไปจนตาย” ธาวินบอก
มณทกานต์กับบุญทันมองหน้ากัน
“ก็อาจจะเป็นไปได้” บุญทันว่า
“ตาลจะไปเยี่ยมคุณนภาได้มั้ยคะ” ญาดาถามขอความเห็น
“จะดีหรือ” ธาวินพูดขึ้น
“คุณภูไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ตาลไม่ทำอะไรเค้าหรอก”
“งั้นก็ได้ ไปด้วยกันมั้ยเมย์”
“ไม่ดีกว่าค่ะ แกยิ่งไม่ชอบหน้าเมย์อยู่ เดี๋ยวแกเห็นหน้าเมย์แกจะยิ่งทรุด” มณทกานต์ว่า
ธาวินหันไปถามบุญทัน
“นายล่ะ”
“เชิญคุณภูเถอะครับ”
ธาวินเดินออกไปกับญาดา มณทกานต์พูดกับบุญทัน
“หวังว่าเรื่องร้ายๆคงจะจบซะทีนะ”
บุญทันมองหน้ามณทกานต์อย่างไม่มั่นใจนัก
ที่บริเวณห้องพักของนภา ในโรงพยาบาลมีตรวจเฝ้าหน้าห้องอยู่ ญาดากับธาวินเดินเข้ามา
“ผมมาขอเยี่ยมคุณนภาครับ” ธาวินบอก
“คุณภูบดีใช่มั้ยครับ” ตำรวจถาม
“ครับ”
“เชิญครับ ผู้กำกับโทรมาสั่งไว้แล้วครับ”
ตำรวจเปิดประตูให้ ธาวินกับญาดาเดินเข้าห้องไป
ญาดากับธาวินเดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจ นภานอนอยู่บนเตียงหันไปมองญาดา
“สวัสดีค่ะคุณนภา”
“ผมกับตาลมาเยี่ยมคุณป้าครับ”
นภามองญาดาด้วยแววตาเสียใจ ญาดามองนภาแล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเสียใจที่นภาฆ่าเจ๊อ้อย
“บอกหนูได้มั้ยคะว่าทำไมต้องฆ่าแม่หนูด้วย”
นภานอนนิ่งน้ำตารินไหล
“แม่หนูทำอะไรให้คุณโกรธหรือเกลียดคะ คุณถึงต้องฆ่าเค้า”
นภาน้ำตายังไหลริน อยากขอโทษญาดาแต่พูดไม่ได้ ธาวินแตะแขนญาดาแล้วส่ายหน้าไม่ให้พูด อะไรอีก
“พูดอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกตาล” ธาวินบอกแล้วหันไปพูดกับนภา
“ที่ตาลเค้ามาวันนี้ก็เพราะจะมาอโหสิกรรมให้คุณป้า”
นภาได้ฟังแล้วก็น้ำตาไหลรินออกมาอีก
“ขอให้คุณกับแม่หมดเวรต่อกันแค่นี้เถอะนะคะ อย่าได้มีเวรมีกรรมต่อกันอีกเลย” ญาดาบอก
นภาน้ำตาไหลอาบแก้ม ญาดามองแล้วบอก
“แค่นี้แหละค่ะที่หนูอยากจะบอกคุณ”
ธาวินมองนภาอย่างสลดใจก่อนจะหันเดินตามญาดาออกจากห้องไป คงเหลือนภาเพียงคนเดียวในห้องที่ร่ำไห้
อ่านต่อ หน้า 2 เวลา 17.00น.
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
บริเวณทางเดินหน้าห้องคนไข้ ญาดากับธาวินเดินสวนกับปารมีซึ่งแสร้งตีหน้าเศร้าโผเข้ากอดญาดา
“พี่ตาล ปาขอโทษนะคะ ปาไม่รู้จริงๆว่าคุณแม่ฆ่าแม่พี่ตาล พี่ตาลยกโทษให้ปานะคะ”
ญาดายืนอึ้งมองหน้าปารมีก่อนที่ปารมีจะผละตัวออกมาจับมือญาดา
“นะคะพี่ตาล อย่าโกรธหรือเกลียดปานะคะ ปาขอโทษแทนคุณแม่”
ปารมียกมือไหว้ญาดา
“ไม่หรอกค่ะ ตาลไม่โกรธคุณปาหรอกมันไม่เกี่ยวกับคุณปา”
“จริงนะคะพี่ตาล”
ญาดาพยักหน้า ปารมีโผกอดแล้วบอก
“ขอบคุณนะคะพี่ตาล แม่ปาไม่น่าทำร้ายแม่พี่ตาลเลย”
ปารมีบีบน้ำตาทำเสียงเครือ
“ตาลเค้ามาอโหสิกรรมให้คุณป้านภา” ธาวินบอก
ปารมีมองหน้าญาดาแล้วบอก
“จริงหรือคะพี่ตาล”
ญาดาพยักหน้า
“พี่ตาลเป็นคนดีจริง ๆ ขอบคุณนะคะพี่ตาล”
ปารมีโผกอดญาดาอีกครั้ง ญาดาเหลือบมองหน้าธาวินอย่างเห็นใจปารมี ธาวินพยักหน้ารับรู้
ภายในห้องคนไข้ในเวลากลางคืน นภานอนเหม่อลอยอยู่ที่เตียง ปารมีเดินเข้ามาพูดกับนภา
“นังตาลมันบอกหนูว่ามันอโหสิกรรมให้แม่หรือคะ”
นภาพยักหน้า
“นังนี่มันโง่จริงๆนะแม่ แค่หนูบอกมันว่าหนูเสียใจที่แม่ฆ่าแม่มัน มันก็เชื่อหนูแล้ว”
นภามองปารมีด้วยแววตาอย่างผิดหวัง
ก่อนนอนคืนนั้น นางพยาบาลเปิดประตูห้องคนไข้เข้ามาพร้อมกับตำรวจที่ยืนเฝ้าหน้าห้อง พยาบาลมองเห็นว่า นภานอนน้ำตาไหลอยู่บนเตียง
“ทานยาค่ะ คุณป้าเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
นภาส่ายหน้า นางพยาบาลหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้
“เจ็บตรงไหนรึเปล่า นางพยาบาลถาม นภาส่ายหน้า
“งั้นทานยานะคะ”
นางพยาบาลประคองนภาขึ้นป้อนยาแล้วประคองให้นอนลงบนเตียงเหมือนเดิม แล้วจับผ้าห่มห่มให้กับนภาอย่างเรียบร้อยก่อนหันเดินออก นภามองเหม่อ น้ำตายังไหลเป็นทางอาบแก้ม
เช้าวันใหม่ ภายในห้องคนไข้ นภายังหลับอยู่บนเตียง นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามากับตำรวจ
“ทานยาค่ะคุณป้า” นางพยาบาลเรียก
นภายังนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว นางพยาบาลแตะที่ตัวนภาพบว่าตัวเย็นเฉียบจึงแตะจมูกนภาแล้วก็ชะงักตกใจ เพราะนภาไม่มีลมหายใจแล้ว
“มีอะไรครับ”
“คนไข้เสียชีวิตแล้ว”
ตำรวจรีบเดินเข้ามาดูที่ข้างตียง นางพยาบาลกดเรียกหมอทันที
“คุณหมอคะคนไข้ที่ชื่อนภาเสียชีวิตแล้วค่ะ”
ภายในห้องนอนของปารมี เช้าวันเดียวกัน เสียงโทรศัพท์ดังปลุก ปารมีเอื้อมมือหยิบรับ
“ฮัลโหล”
ปารมีนิ่งฟังต้นสายอยู่ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าตกใจ
“อะไรนะคะ”
“คุณนภาเสียชีวิตแล้วค่ะ” เสียงจากต้นสายบอกกับปารมี
ปารมีช็อกโทรศัพท์ร่วงจากมือร้องไห้ไหลสะอึกสะอื้น คิดไม่ถึงว่านภาจะมาด่วนเสียชีวิตกะทันหันแบบนี้
ภายในบ้านพิพัฒน์เวลากลางวัน พิพัฒน์ ธาวิน ญาดา บุญทันและมณทกานต์นั่งฟังปรารภ
“หมอบอกว่าคุณนภาหัวใจวายครับ”
พิพัฒน์ถอนหายใจแล้วบอก
“สมัยนี้กรรมมันติดจรวดจริงๆ”
“แล้วคุณปารมีล่ะคะเป็นยังไงบ้าง” ญาดาถาม
“ผมเจอที่โรงพยาบาลเมื่อเช้าครับ เธอคงเสียใจมากที่ต้องมาเสียคุณแม่ไปกะทันหันแบบนี้”
“แล้วคุณปรารภได้คุยกับตำรวจมั้ยครับว่าทำไมคุณนภาถึงฆ่าแม่ตาลกับสมยศ” ธาวินถาม
“ตำรวจบอกว่าได้คุยกับคุณปารมี คุณปารมีบอกว่าคุณนภาแกฆ่าแม่คุณตาลเพราะกลัวว่าจะไปขโมยของ”
“อะไรคะ แค่ขโมยของนี่หรือคะถึงกับต้องฆ่ากัน” มณทกานต์ว่า
ญาดาได้แต่ถอนใจไม่ออกความเห็นใดๆ
“แล้วสารวัตรสมยศล่ะครับ” บุญทันถาม
“อย่าบอกนะครับว่าป้านภาอยู่เบื้องหลังสมยศที่จับตาลกับเมย์ไปเรียกค่าไถ่” ธาวินว่า
“ไม่ใช่ครับ คุณปารมีให้การกับตำรวจว่าเธอกับสมยศแอบคบกันแต่คุณนภาไม่ชอบสมยศก็เลยจ้างให้คนเอายาพิษใส่ในอาหารไปให้” ปรารภบอก
“ไม่น่าเชื่อ ชั้นเลี้ยงฆาตกรไว้ในบ้านโดยไม่รู้ตัวหรือเนี่ย” พิพัฒน์ว่า
“นี่ถ้าความจริงไม่เปิดเผยขึ้นมา บางทีแกอาจจะฆ่าพวกเราก็ได้นะคะคุณปู่” มณทกานต์บอก
“สงสารคุณปารมีนะคะ ถ้าตาลเป็นเธอตาลคงเสียใจมากที่แม่เป็นแบบนี้” ญาดาว่า
ทุกคนถอนหายใจพร้อมกัน
ภายในบ้านนภา วันรุ่งขึ้น เวลากลางวัน ปารมีในชุดดำเดินถือรูปนภาเข้ามาในบ้านแล้ววางรูปลงบนโต๊ะ ต้นหอมเดินเข้ามาในบ้าน เจอปารมีก็สะดุ้ง ปารมีหันไปถาม
“มีอะไร”
“เอ่อ ต้นหอมจะมาถามว่าคุณปาจะให้ทำความสะอาดชั้นบนมั้ยคะ”
“ไม่ต้อง”
“คุณปาคะ ต้นหอมขอโทษนะคะ ที่ต้นหอมเอาตุ้มหูน้าอ้อยไปให้ตำรวจ”
ปารมีมองจ้องต้นหอมจนต้องหลบตาด้วยความกลัว
“แกทำถูกแล้ว ในเมื่อแม่ชั้นทำผิดก็ต้องรับผิด”
“ขอบคุณนะคะที่คุณปาไม่โกรธ ต้นหอมไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
“แกจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ค่ะ”
ปารมีพยักหน้า ต้นหอมเดินออกไป ปารมีหันมามองรูปนภาแล้วยิ้มอย่างอำมหิต
“ขอบคุณนะคะแม่ สำหรับความรักและความเสียสละที่แม่มีให้หนู”
ปารมีตั้งวางรูปไว้ที่เดิม แล้วพาตัวเองเดินออกไปยังตึกใหญ่เพื่อหาพิพัฒน์
ปารมีก้มลงกราบพิพัฒน์พร้อมน้ำตา
“คุณปู่ขาปากราบขอโทษแทนแม่นะคะ ปาไม่คิดเลยว่าแม่จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้”
“อย่าไปโกรธแม่เค้าเลย อย่างน้อยเค้าก็เป็นคนให้กำเนิดเรา” พิพัฒน์เตือนสติ
“คุณปู่ไม่เกลียดปานะคะ”
“ปู่จะไปเกลียดแกได้ยังไง แกไม่ได้เป็นคนทำนี่ อย่าคิดมาก ปู่ไม่อยากเห็นแกเป็นอะไรไปอีกคน”
“ขอบคุณนะคะคุณปู่”
พิพัฒน์มองปารมีด้วยความสงสาร
ปารมีเดินออกมาจากห้องทำงานของพิพัฒน์ก็เห็นมณทกานต์นั่งคุยอยู่กับญาดา ปารมีแอบมองด้วยแววตาเกลียดชัง
“ถ้าไม่มีแกสองคน ชั้นก็จะได้เป็นเจ้าของที่นี่”
ธาวินกับบุญทันเดินมาด้านหลังเห็นปารมีเข้าพอดี ธาวินทัก
“อ้าว ปารมี”
ปารมีสะดุ้งเฮือกรีบหันมาแล้วปรับสีหน้าทันที
“พี่ภู หวัดดีค่ะ”
“เสียใจด้วยนะเรื่องคุณป้า”ธาวินบอก
“ค่ะ”
“ถ้าคุณปารมีอยากให้ผมช่วยอะไรบอกนะครับ” บุญทันว่า
ปารมีพยักหน้ารับแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของบุญทัน
“รีบไปไหนรึเปล่า ไปนั่งคุยกันก่อนมั้ย” ธาวินถาม
“ไม่ดีกว่าค่ะ ปาไม่กล้ามองหน้าพี่ตาล ปากลัวว่าพี่ตาลจะเกลียดปา”
“ตาลเค้าไม่คิดอย่างงั้นหรอก” ธาวินบอก
“ไม่ล่ะค่ะ เชิญพี่ภูเถอะ ปาขอตัว”
ปารมีทำยิ้มเศร้าใส่ธาวินก่อนเดินออกไป ธาวินกับบุญทันมองตาม
“นี่ดีนะที่คุณนภายอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าสมยศ ไม่งั้นล่ะก็ชั้นคงต้องสงสัยปารมี”
“ทำไม”
“เมื่อกี้แกไม่เห็นหรือก่อนที่เราจะทักเธอชั้นเห็นเธอมองตาลกับเมย์แปลกๆ” บุญทันบอก
“อืมม์ เห็นอยู่เหมือนกันว่าเธอตาขวาง ๆยังนึกอยู่เลยว่าโกรธใคร”
“ชั้นว่าเธออาจจะจิตไม่ค่อยปกติเท่าไหร่” บุญทันว่า
“หมายถึงเป็นบ้าหรือ”
“คงไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นพวกอารมณ์รุนแรงแต่เก็บกดคนแบบนี้อันตรายนะ”
“แต่ยังไงเราก็เบาใจได้ว่าเธอไม่ใช่ฆาตกร” ธาวินบอก
“ใช่ ชั้นถึงบอกไงว่าโชคดีที่คุณนภายอมรับสารภาพก่อน”
ธาวินพยักหน้ารับรู้เดินออกไปกับบุญทัน
กลางวันในวันต่อมา ญาดาอยู่บนเรือแล้วยกห่อเศษเถ้ากระดูกของเจ๊อ้อยขึ้นอธิษฐาน
“แม่ ขอให้วิญญาณแม่ไปสู่สุคคตินะ เกิดชาติหน้าก็ขอให้หนูได้เป็นลูกของแม่อีก แม่รู้ใช่มั้ยว่าหนูรักแม่แค่ไหน หลับให้สบายนะแม่ ... หนูรักแม่นะ”
ญาดาน้ำตาริน ไหลแล้วหยิบเถ้ากระดูกโปรยลงน้ำ ธาวินมองญาดาน้ำตารื้น
คืนนั้น ญาดานอนหลับอยู่ในอ้อมกอดธาวิน
เช้าวันรุ่งขึ้น มณทกานต์กำลังสอนภาษาอังกฤษให้บุญทัน
“นายดูประโยคนี้เวลาที่เราต้องถามใครว่าต้องการอะไรมั้ย เราก็จะใช้ WOULD YOU LIKE เช่นชั้นจะถามนายว่าอยากได้กาแฟมั้ย”
“WOULD YOU LIKE SOME COFFEE ?”
“แล้วถ้าจะนายถามว่าชั้นอยากกินอะไร”
“WHAT WOULD YOU LIKE TO EAT ?”
“ถูกต้อง แหม นายนี่หัวไวจริง ๆ สอนอะไรไปทำไมเรียนรู้ได้ไวจัง”
“ก็คุณเมย์สอนเก่งนี่ครับ”
บุญทันมองจ้อง มณทกานต์ยิ้มเขิน
“ถ้างั้นเย็นนี้นายต้องพาชั้นไปเลี้ยงชาบูนะ”
“ได้เลยครับ”
มะยมเดินเข้ามาหา
“คุณเมย์คะ คุณท่านบอกว่าเก้าโมงให้คุณเมย์ไปหาที่ตึกใหญ่นะคะ”
“มีอะไรหรือ”
“ไม่ทราบค่ะ ท่านไม่ได้บอกอะไร”
มณทกานต์พยักหน้ารับรู้แล้ว มะยมก็เดินกลับไป มณทกานต์หันไปพูดกับบุญทัน
“สงสัยจะพูดเรื่องแต่งงาน”
“คงงั้นมั้งครับ”
“ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมง มาเรียนกันต่อเถอะ”
“ไม่เรียนแล้วได้มั้ย ผมว่าเรามาคุยเรื่องของเราบ้างดีกว่า”
“เรื่องอะไร”
“ก็ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว คุณอยากมีลูกกี่คน”
“สามคนดีมั้ย”
“คุณจะเลี้ยงไหวหรือ”
“ไหวสิ ชั้นอยากมีลูกเยอะๆ ถ้านายรวยกว่านี้ชั้นก็อยากมีซักหกเลย ครอบครัวจะได้อบอุ่น”
“ก็ได้นะ ผมจะทำงานให้หนักขึ้น จะได้มีเงินมาเลี้ยงคุณกับลูกๆ”
“นายนี่น่ารักที่สุดเลย ไม่ว่าชั้นจะบอกอะไรก็ไม่เคยขัดใจ”
“ก็ผมรักคุณนี่”
บุญทันเคลื่อนหน้าเข้ามาหอมแก้ม มณทกานต์หอมตอบ
“ชั้นก็รักนาย”
ทั้งคู่ยังคุยกันหนุงหนิงเพราะยังไม่ถึงเวลานัดหมายของพิพัฒน์
ในเวลาเดียวกัน ญาดาเดินเข้าห้องมายังเห็นธาวินหลับอยู่บนเตียงจึงเรียกปลุก
“คุณภูคะ”
“หือม์”
“ตื่นได้แล้วค่ะ คุณปู่บอกว่าให้ไปพบ”
“เดี๋ยวนี้หรือ”
“ค่ะ”
“มีเรื่องอะไร”
“ไม่รู้สิคะ ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ”
“ขอนอนต่ออีกหน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้ค่ะ คุณปู่รออยู่นะคะ ไปเร็ว”
ญาดาดึงมือธาวินให้ลุกขึ้น ธาวินทำท่าจะลุกแล้วดึงญาดามากอด
“ว้าย คุณภูน่ะ ปล่อยตาลนะ”
“ขอกอดหน่อยสิ”
“ไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวคุยกับคุณปู่เสร็จแล้วจะให้กอดทั้งวันเลย”
“จริงนะ”
“จริงค่ะ ไปเร็ว”
ญาดาลุกขึ้น ธาวินลุกตามแล้วหอมแก้มตาลหนึ่งฟอด
“รักตาลนะ”
“รู้แล้วค่ะ อย่าลีลาเยอะไปเร็ว ๆ”
ธาวินเดินเข้าห้องน้ำไป ญาดามองตามแล้วยิ้มให้กับความน่ารักของธาวิน
อ่านต่อหน้า 3
เล่ห์ร้อยรัก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ภายในบ้านพิพัฒน์ สาวใช้วางเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ ญาดานั่งคู่กับธาวิน บุญทันนั่งคู่กับมณทกานต์
“พี่ภูรู้มั้ยคะว่าคุณปู่เรียกพวกเรามามีเรื่องอะไร” มณทกานต์ถาม
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน นายรู้มั้ยบุญทัน” บุญทันว่า
“ผมก็ไม่ทราบครับ”
พิพัฒน์กับปรารภเดินเข้ามานั่ง
“มากันครบแล้วนะ”
“มีอะไรหรือคะคุณปู่ อย่าบอกนะคะว่าจะแจกมรดก” มณทกานต์ว่า
“ปู่มีเรื่องจะคุยกับพวกแก” พิพัฒน์บอก
“เรื่องอะไรครับ ทำไมดูป็นพิธีการจังเลย” ธาวินถาม
“ปู่จะบอกว่าสิ้นเดือนนี้แกกับเจ้าภูควรจะแต่งงานได้แล้วนะ” พิพัฒน์พูดขึ้น
ญาดากับมณทกานต์ชะงักมองหน้ากัน
“เจ้าภู” ญาดานึกว่าพิพัฒน์เรียกชื่อผิด
“คุณปู่พูดถึงใครคะ” มณทกานต์ถาม
ธาวินกับบุญทันหันมาสบตากัน
“ก็หมายถึงคุณภูน่ะสิครับ” บุญทันว่า
“ใช่จ้ะ คุณปู่หมายถึงผม” ธาวินบอก
“คืออย่างนี้ครับคุณภูคุณวิน คุณปู่คิดว่าถึงเวลาที่คุณสองคนควรจะบอกความจริงคุณเมย์กับคุณตาลได้แล้ว”
“ความจริง” ญาดาพูดขึ้นอย่างงงๆ
“ความจริงอะไรคะ” มณทกานต์ถาม
“ก็ความจริงที่ว่าบุญทันคือภูบดี” พิพัฒน์ว่า
มณทกานต์มองหน้าบุญทันอย่างงงๆ บุญทันยิ้มให้
ญาดามองหน้าธาวิน
“แล้ว ...”
“นั่นคือคุณธาวินครับ” ปรารภบอก
ญาดาทวนคำอย่างงงๆ
“ ธาวิน”
ธาวินยิ้มให้ญาดา
“ใช่ ธาวินกับภูบดีสลับตัวกัน”
“เดี๋ยวนะคะคุณปู่ ตาลไม่เข้าใจว่านี่เรื่องอะไร”
“ใช่ค่ะ เมย์ก็ไม่เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไร”
“เอาเป็นว่าให้เจ้าภูบดีกับธาวินอธิบายดีกว่า” พิพัฒน์โยนลูกต่อ
ธาวินกับบุญทันสบตากัน
“แกเล่าสิไอ้ภู” ธาวินบอกภูบดี
“ชั้นว่าแกดีกว่า” ภูบดีบอก
“ชั้นว่าแกเถอะ”
“ไม่ต้องเกี่ยงกันค่ะ คุณน่ะแหละเล่ามาให้หมด” ญาดาว่า
ญาดาบอกธาวินด้วยน้ำเสียงเครียด ธาวินพยายามฝืนยิ้ม
แก้วน้ำถูกวางลงบนโต๊ะ มณทกานต์เงยหน้าขึ้นถาม
“หมายความว่าคุณสองคนหลอกเรา” มณทกานต์ว่า
“ไม่ได้หลอกนะน้องเมย์ เพียงแต่พี่บอกความจริงไม่ได้” ภูบดีว่า
“ไหนคุณบอกว่าไม่มีอะไรปิดบังตาลแล้วไง” ญาดาว่า
“คือ..มันจำเป็นจริงๆถ้าผมบอกตาลไปผมกลัวว่าคนร้ายจะรู้ตัวก่อน” ธาวินบอก
“แสดงว่าคุณไม่ไว้ใจตาล”
“ไม่ใช่นะตาล”
“ตาลขอตัวนะคะคุณปู่”
“เดี๋ยวสิตาล”
ธาวินตามญาดาที่ลุกเดินออกไป
“ชั้นไม่คิดเลยว่านายจะหักหลังชั้น” มณทกานต์ว่า
“ไม่ใช่นะน้องเมย์พี่ไม่ได้หักหลัง เพียงแต่ว่า” ภูบดีว่า
“พอได้แล้ว ชั้นไม่อยากฟัง เมย์ขอตัวค่ะ”
มณทกานต์ลุกเดินออกไปอีกคน ภูบดีหันมามองหน้าพิพัฒน์
“คุณปู่นะคุณปู่ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งเฉลย”
ภูบดีวิ่งตามมณทกานต์ออกไป
“อ้าว ไอ้เราก็หวังดี ไม่อยากให้ต้องปกปิดอะไรกันอีก” พิพัฒน์ว่า
“ผมบอกแล้วไงครับว่าให้เค้าบอกกันเอง” ปรารภว่า
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่เห็นมันบอกซะที ก็เลยช่วยเฉลยให้”
ปรารภส่ายหน้า
ภายในห้องนอนของธาวิน ญาดาเปิดประตูเดินเข้าห้องมาเปิดตู้หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกมา ธาวินตามเข้ามา
“ฟังผมก่อนได้มั้ยตาล”
“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว ตาลเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าโกหกตาล”
ญาดาจะหยิบเสื้อผ้าในตู้ ธาวินเดินเข้ามาขวาง
“ก็ผมบอกแล้วไงว่ามันจำเป็น”
“ใช่สิคะ มันจำเป็นสำหรับคุณ คุณก็เลยไม่เห็นความสำคัญของตาล”
“ไม่ใช่นะตาล ตาลสำคัญสำหรับผม”
“ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าตาลสำคัญ คุณคงไม่ทำแบบนี้กับตาล ถอยไป”
“ไม่ ผมไม่ให้ตาลไปไหนทั้งนั้น”
“คุณยังรู้จักตาลน้อยไป”
ญาดาหันเดินออกไปโดยไม่หยิบของ ธาวินวิ่งตามไปขวางอีก
“เดี๋ยวสิตาล ได้โปรดเถอะฟังผมก่อนได้มั้ย ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะปิดบังหรือโกหกตาล แต่ผม...”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะตาลไม่อยากฟัง ตาลคิดว่าที่เราอยู่ด้วยกันก็เพราะว่าเรารักกัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ คุณไม่ได้รักตาลคุณถึงโกหกหลอกลวงตาล”
“ไม่ใช่นะตาล ผมรักคุณนะ”
“ไม่จริง แม้แต่ชื่อคุณคุณยังปิดบัง แสดงว่าทุกเรื่องที่คุณพูดกับตาลมันเป็นเรื่องโกหก”
“ไม่นะตาล”
“ถ้างั้นคุณลองบอกมาสิว่ามีเรื่องอะไรที่คุณพูดกับตาลแล้วเป็นเรื่องจริง บอกมาสิคะ ว่ามีเรื่องไหนบ้าง”
ญาดามองธาวินอย่างผิดหวัง
“ตาลเสียใจจริงๆ ตาลไม่น่ารักคุณเลย ตาลไม่รู้จักคุณเลยจริงๆ”
ญาดาผลักธาวินแล้วเดินร้องไห้ออกไป
“ตาล ...”
บริเวณหน้าบ้านพิพัฒน์ ธาวินตามมาคว้าแขนญาดาไว้
“ตาล อย่าไปเลยนะ ผมขอร้อง”
“ปล่อยตาลค่ะ”
“ไม่ ผมไม่ยอมให้ตาลไปไหนทั้งนั้น”
“ก็ได้”
ญาดากำหมัดต่อยโครม เข้าไปที่หน้าธาวินจนผงะไป
“อย่ามายุ่งกับชั้นเพราะเราไม่รู้จักกัน”
ญาดาเดินสะบัดออกไป
“ตาล ...”
ธาวินขยับจะตามแต่ญาดาหันมาคว้าไม้ที่พื้นแล้วว่า
“ถ้าคุณเข้ามาหัวแบะแน่”
ธาวินชะงัก ญาดามองด้วยความโกรธ
“คุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับสิบแปดมงกุฎหรอก ไอ้คนหลอกลวง”
ญาดาเดินออกจากบ้านวริทธิวรนันท์ไป ธาวินได้แต่ยืนอึ้ง
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ายภูบดีเดินขึ้นมาเคาะประตูหน้าห้องนอนของมณทกานต์
“น้องเมย์ ฟังพี่ก่อนได้มั้ย ให้พี่ได้อธิบายหน่อย”
ภายในห้อง มณทกานต์พูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
“ไม่ กลับไปซะ ชั้นไม่มีอะไรจะพูดด้วย”
“ไม่เอาน่า เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ เปิดประตูออกมาคุยกับพี่เถอะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่”
“ก็ได้ ถ้าเมย์ไม่ออกมา พี่ก็จะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”
“ก็ตามใจ อยากนั่งก็นั่งไปสิ”
ภายในห้องนอน มณทกานต์เดินเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูไป ฝ่ายภูบดีถอนใจอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน
ภายในโรงครัว บรรดาคนงาน สาวใช้ทั้งหลายจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสนุกปาก
“จริงหรือวะนังต้นหอม” ป้านวลถาม
“ก็จริงน่ะสิ หนูจะโกหกทำไม” ต้นหอมบอก
“ใช่ พี่บุญทันแท้จริงก็คือคุณภูบดี” มะยมพูดเสริม
“ตายโหง ข้าใช้คุณภูขุดดินรดน้ำต้นไม้ล้างส้วม ท่านต้องโกรธข้าแน่ๆ” ลุงแย้มว่า
“ท่านไม่โกรธหรอกก็ท่านปลอมตัวมาเองนี่” ต้นหอมว่า
“แล้วคุณภูตัวปลอมเป็นใคร” ป้านวลถาม
“เป็นเพื่อนคุณภูตัวจริง” ต้นหอมว่า
“แล้วคุณตาลล่ะ คุณตาลเป็นแฟนใครคุณภูตัวจริงหรือตัวปลอม” ลุงแย้มถาม
“ก็ต้องตัวปลอมสิ” มะยมว่า
“อุ๊ย ทำไมมันอลวนอลเวงกันอย่างนี้” ป้านวลว่า
เสียงโทรศัพท์มือถือของต้นหอมดังขึ้น
“ขา คุณปา ...ได้ค่ะ ต้นหอมจะไปเดี๋ยวนี้”
ต้นหอมวางสายแล้วบอกทุกคน
“ชั้นไปหาคุณปาก่อนนะ”
ต้นหอมเดินออกไป
“ตาแย้ม ชั้นว่าแกต้องหาจังหวะไปกราบขอโทษคุณภูท่านนะ ดีไม่ดีท่านจะไล่แกออก” ป้านวลว่า
“แกอย่าพูดสิ ข้ายิ่งเสียวอยู่” ลุงแย้มว่า
ต้นหอมเดินเข้ามาหาปารมีที่บ้านในเวลาต่อมา
“ขา คุณปา”
“ที่ตึกใหญ่มีเรื่องอะไรกัน ชั้นเห็นคุณภูทะเลาะกับคุณตาล” ปารมีถาม
“นี่คุณปายังไม่ทราบหรือคะว่าคุณภูบดีตัวจริงคือพี่บุญทัน”
ปารมีอึ้ง
“อะไรนะ”
“คุณภูน่ะค่ะแกปลอมตัวมาเป็นคนสวน แล้วให้เพื่อนปลอมตัวมาเป็นตัวแก”
“จริงหรือ”
“ค่ะ”
“แล้วเค้าปลอมตัวมาเพื่ออะไร”
“ต้นหอมก็ไม่ทราบค่ะ รู้แต่ว่าตอนนี้คุณตาลกับคุณเมย์โกรธมาก สงสัยเพิ่งจะรู้ความจริง”
“อืมม์ ขอบใจ”
หลังจากที่ต้นหอมเดินกลับไป ปารมีมีสีหน้าโกรธ
“นี่หมายความว่าที่ผ่านมาเราลงทุนไปสูญเปล่างั้นหรือ”
ภายในบ้านพิพัฒน์ ธาวินกับภูบดีนั่งอยู่กับพิพัฒน์
“ปู่ขอโทษ ปู่ไม่คิดว่าหนูตาลกับยัยเมย์เค้าจะโกรธแกสองคนขนาดนี้” พิพัฒน์ว่า
“ผมว่าให้เวลาคุณตาลกับคุณเมย์แกหน่อยเถอะครับ แกคงช็อก”
“ใช่ครับ ช็อกมากด้วย ผมโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย ป่านนี้ไปอยู่ไหนก็ไม่รู้” ธาวินว่า
“แล้วยัยเมย์ล่ะว่าไง”
“ไม่ยอมออกจากห้องครับ พูดอะไรก็ไม่ฟัง” ภูบดีบอก
ปารมีเดินเข้ามาพอดี
“หวัดดีค่ะ คุณปู่ หวัดดีค่ะพี่ภู”
ปารมียกมือไหว้ภูบดีตัวจริง ภูบดีชะงักไป
“เอ่อ ...”
“ปาทักถูกคนใช่มั้ยคะ”
“อ๋อ ครับ” ภูบดีว่า
“แล้วนี่”
“ผมธาวินครับ”
“หวัดดีค่ะ”
ปารมีทักธาวินแบบไม่สนใจผิดจากแต่เดิม แต่หันมาสนใจภูบดีมากกว่า
“พี่ภูนึกสนุกอะไรคะถึงได้ปลอมตัวมาเป็นคนขับรถ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะเซอร์ไพรส์คุณปู่”
“เซอร์ไพรส์มากเลยค่ะ ปาก็นึกอยู่แล้วว่าพี่ภูไม่เหมือนคนรถคนสวนทั่วไป”
“ยัยปามาก็ดีแล้ว เป็นที่ปรึกษาให้สองหนุ่มนี่หน่อย” พิพัฒน์บอก
“ปรึกษาเรื่องอะไรคะ”
“หนูตาลกับยัยเมย์น่ะสิโกรธที่เจ้าสองคนนี่โกหก” พิพัฒน์บอก
“เรื่องแบบนี้ปาไม่รู้หรอกค่ะคุณปู่ ต้องให้พี่ภูกับคุณธาวินเคลียร์กันเอง จริงมั้ยคะพี่ภู”
ปารมียิ้มตีสนิทกับภูบดีที่ยิ้มตอบในฐานะพี่ชาย ธาวินเหลือบมองปารมีอย่างรู้สึกแปลกๆในท่าที แต่ไม่ได้ติดใจอะไร
ภายในห้องนอนในเวลากลางคืน ธาวินกดโทรศัพท์ ญาดาไม่รับสาย เขาฝากข้อความไว้
“ตาล ยกโทษให้ผมเถอะนะ จะให้ผมทำอะไรเพื่อไถ่โทษก็ได้ กลับมาหาผมเถอะ อย่าโกรธผมเลย ผมรักตาลนะ”
ธาวินวางสายแล้วถอนหายใจ
จบตอนที่ 12
อ่านต่อตอนที่ 13 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.