ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 11
ที่บริเวณหน้าเรือนใหญ่เวลาเดียวกัน คนงานชาย 2 คน ถือปืนยาวยืนยามอยู่สายตาสอดส่ายไปทางต้นเพลิง เห็นเปลวไฟแดงฉานตรงโรงเก็บหญ้า
ขณะเดียวกัน ทุกคนนั่งกันหน้าเครียดอยู่ในห้องโถง รอฟังข่าวอย่างระทึก ปานเทพกระสับกระส่ายเพราะห่วงพ่อ
“ผมอยู่ไม่ได้แล้วน้าเพ็ญ ผมไปช่วยพ่อกับอาหวินดีกว่า”
น้อยอาสาจะไปด้วย “น้อยไปด้วย เผื่อใครหิวน้ำท่าจะได้หาให้ดื่ม”
“หวานไปด้วย ดีกว่านั่งรออยู่อย่างนี้”
“ถ้าอย่างนั้นรอก่อน ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน ขอชั้นขึ้นไปเอาของก่อน”
ทุกคนลุกพรวด เพ็ญเดินเร็วรี่ขึ้นบันไดไป
คนงาน 2 คน ยืนยามหน้าเครียดอยู่ ทันใดนั้นลูกน้องเสี่ยตงก็เข้ามาข้างหลังทั้งคู่ ข้างละ 2 คน จัดการกระหน่ำตีหัวคนงานสลบเหมือด
สมุนหัวโจกลูกน้องเสี่ยตงที่เคยมีเรื่องกับใหญ่ ก้าวเข้ามาหน้าเหี้ยมกับลูกน้องอีกสอง เดินนำหน้าจะเข้าเรือนใหญ่
ปานเทพเดินก้มหน้าตรวจปืนในมือ น้อยกะหวานเดินตามติดออกมา
พอปานเทพเงยหน้าก็เจอสมุนหัวโจก กับลูกน้อง
“เฮ้ย ...”
สมุนหัวโจก เตะปืนที่มือปานเทพกระเด็นไป
น้อยกะหวานร้องกรี๊ด สีหน้าเพ็ญที่อยู่บนห้อง ตกใจตาโต
ปานเทพชกสมุนหัวโจก แต่มันหลบฉาก ระหว่างนั้นลูกน้องสองคนเข้าไปล็อกปิดปากน้อยกะหวาน
เหล่าลูกน้องเสี่ยรุมเตะต่อยปานเทพ และปานเตะต่อยสู้ไปได้สองสามครั้ง ลูกน้องเข้าล็อกแขนได้ สมุน หัวโจกต่อยท้องปานเทพระบายแค้นเก่า
ปานเทพจุกจนตัวงอ สมุนหัวโจกตีท้ายทอยด้วยด้ามปืนร่างปานเทพทรุดลงสลบไสล
ปานเทพถูกมัดสลบอยู่ในโถงเรือนใหญ่ น้อยกะหวานถูกมัดมือมัดเท้า หน้าตื่นเลิ่กลั่กนั่งที่พื้น เหล่าลูกน้องถือปืนคุมเชิง
สมุนหัวโจกชักมีดสั้นออกมา พูดถามหวานกะน้อยเบาๆ “ถ้าไม่อยากเสียโฉม บอกมา ห้องไอ้ใหญ่อยู่ไหน” .
เพ็ญแอบดูที่บันไดชั้นบนเห็นแค่หน้าแคบๆ น้อยกะหวานตาตื่น สมุนหัวโจก เดินเข้าหาปัดปาดมีดฉวัดเฉวียนไปมาบนมือ
ครู่ต่อมาสมุนหัวโจก เดินนำลูกน้องมาที่หน้าห้องใหญ่ กระชับปืนเตรียมพร้อม
ลูกน้องค่อยๆ จับลูกบิดประตู เปิดเข้าไปช้าๆ
ประตูเปิดกว้าง เสียงปืนดังสองนัด ลูกน้องสองคนโดนลูกปืนที่เอวร่างกระเด็น อีกคนโดนที่โคนขา
สมุนหัวโจกกับลูกน้องที่เหลือ ลากคนที่โดนปืนถอยไปทางเดียวกัน
เพ็ญโผล่ออกมา แอบตรงขอบประตูยิงพวกผู้ร้ายอีกสองนัด ลูกน้องอีกคนโดนเข้าที่ท้องทรุดลงไปกอง
สมุนหัวโจกยิงเพ็ญสองนัด ลูกน้องอีกสองคนยิงอีกสองนัด
เพ็ญหลบวูบ สมุนหัวโจก กับลูกน้องลากคนเจ็บหนีพลาง จดจ้องปืนระวังพลาง
เพ็ญโผล่ยิงไล่ไปอีกสองนัด สมุนหัวโจก ยิงสวนสองนัด เพ็ญหลบวูบ
ทางด้านถวิลกับปลอด พร้อมเหล่าคนงานส่งกระแป๋งน้ำเป็นทอดๆ ช่วยกันดับไฟอยู่วุ่นวาย เห็นคานไม้โรงเก็บหญ้าหล่นโครมคราม คนงานโดนไฟไหม้วิ่งออกมาล้มกลิ้งดับไฟ
เปี๊ยกช่วยประคองปีกคนงานออกมา คนงานบาดเจ็บหัวแตก เนื้อตัวดำปื้น
จังหวะนั้นคนงานที่โดนตีหัวจากเรือนใหญ่กุมท้ายทอย จุดที่โดนตี เข้ามาโซเซเข้าหาถวิล
“ลุงหวิน คนร้ายบุกเรือนใหญ่”
ก่อนที่ร่างคนงานจะทรุดลงสลบกับพื้นอีกรอบ
ปลอด ถวิล และเปี๊ยกสบตากัน วิ่งออกไป
บรรดาเหล่าร้ายถอยหนีอย่างทุลักทุเลลงมา ผ่านปานเทพ น้อย และหวานไป ลูกน้องลากกันไป สมุนหัวโจก แตะแขนลูกน้องอีกคน
“เรียกรถมารับเร็วเข้า เอ็ง... ยิงไอ้สามตัวนี่ทิ้ง มันเห็นหน้าเรา”
น้อยกะหวานผวา ถดตัวซบกัน หลับตาปี๋
ลูกน้องง้างนกปืน จ่อจะยิงปานเทพก่อน เพ็ญโผล่มาที่บันไดชั้นบน ยิงปัง ลูกปืนถูกมือลูกน้อง ปืนกระเด็นไป โชคร้ายปืนเพ็ญลูกปืนหมด คันชักค้าง เพ็ญตกใจ
“หมดฤทธิ์แล้ว อีเวร ตาย...”
สมุนหัวโจก เล็งปืนใส่เพ็ญเขม็ง เพ็ญตาโต เสียงปืนดังปัง
ที่หน้ากระท่อมป้าทองในหมู่บ้านชาวนาเวลาเดียวกันขวานเล่มเบ้อเริ่มจามลงบนท่อนฟืนจนแยกกระเด็นด้วยฝีมือใหญ่
ใหญ่หยิบฟืนอันใหม่ตั้ง ยกขวานจามฟืนกระเด็น
ใหญ่หยิบฟืนตั้งอีก ปากก็พร่ำบ่นไป “โกหก ตลบตะแลง ไอ้โง่ ไปรักเค้าทำไม”
ใหญ่หอบเหนื่อย ยกแขนเช็ดเหงื่อ
เสียงป้าทองพร่ำสอน “ผัวเมียมันไม่ได้ สะบั้นหั่นขาดง่ายๆ เหมือนผ่าฟืนหรอกไอ้ใหญ่”
ป้าทองนั่งตำน้ำพริกที่ชานบ้าน
“แต่ปิ่นอนงค์ใจร้าย จะฆ่าผมเลยนะป้า”
“พระพุทธเจ้าบอกว่า แม้จะได้ยินกับหู รู้เห็นกับตา ก็อย่าเพิ่งไปเชื่อ แล้วที่เอ็งหลบมานี่ที่ไร่ไพศาลจะเป็นยังไงไม่คิดบ้างเหรอ”
“ช่างมัน ผมไม่สนหรอก ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ”
ชาวนาเพื่อนบ้านป้าทองวิ่งเข้ามาหน้าตื่น ชี้ไปอีกทาง “ไฟไหม้ที่ไร่ไพศาล แสงไฟเห็นมาถึงนี่เลย”
ใหญ่กับป้าทอง ตกใจ สบตากัน
ไม่นานหลังจากนั้นใหญ่ขี่รถเข้ามาจอดที่หน้าเรือน ก้าวลงจากรถอย่างร้อนใจ
เปี๊ยก หวาน และน้อย ทายาให้คนงานที่บาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ เหล่าคนงานต่างมอมแมมเนื้อตัวเต็มไปด้วยเขม่าไฟ
“มีใครบาดเจ็บอีกรึเปล่า” ใหญ่ถาม
“ส่งโรงพยาบาลไปสามคนค่ะ” หวานตอบ
น้อยชี้ไปในบ้าน “คุณเพ็ญ”
“น้าเพ็ญ”
ใหญ่ตกใจรีบวิ่งเข้าบ้านไป
เพ็ญนอนหนุนตักปลอดอยู่บนโซฟา เพ็ญหลับตา เสื้อตรงอกมีเลือดเป็นดวงๆ
มือขวาเพ็ญเปื้อนเลือดวางอยู่บนช่วงท้อง เพ็ญโดนยิงถากต้นแขนซ้าย เอามือขวาไปจับแผลเลยเปื้อนเลือด ปลอดลูบหน้าเพ็ญไปมา
ปานเทพเช็ดเลือดที่แขนเพ็ญข้างซ้ายเสร็จ ก็นั่งชันเข่าที่พื้น พงษ์และลูกน้อง ยืนหน้าเครียดอยู่
ใหญ่ เปี๊ยก หวาน และน้อย วิ่งเข้ามา หยุดกึก ใหญ่เห็นเพ็ญเจ็บ นึกว่าตาย ช็อกคาที่
“น้าเพ็ญ”
น้อยรีบบอก “น้าเพ็ญช่วยพวกหนูเลยโดนยิง”
ปานเทพโมโหจัด ลุกเข้าผลักใหญ่กระเด็น ใหญ่รู้สึกผิด หลบตา
“เพราะแก ไอ้คุณใหญ่ มัวแต่เล่นเกมวางแผนแก้แค้นบ้าๆ บอๆ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องให้มีการตายใช่มั้ย ถึงจะสะใจแก”
ปลอดปราม “ปากเสีย ไอ้ปาน”
เพ็ญลุกขึ้นนั่ง ปลอดคอยประคอง “จะเถียงกันทำไม ลูกปืนแค่เฉียดแขนนิดเดียวเอง อุ๊ย...”
เพ็ญเจ็บแปล๊บ กุมแผลที่พันผ้าเรียบร้อยแล้ว
ใหญ่ ยิ้มโล่งอก เพ็ญยิ้มให้ใหญ่ เล่าเรื่องให้ใหญ่ฟัง
ในขณะที่สมุนหัวโจก เล็งปืนไปที่เพ็ญ เพ็ญตกใจ ปลอดย่องเข้ามากับถวิล และเปี๊ยก ที่อีกด้านของบ้าน ปลอดยิงใส่สมุนหัวโจก กระสุนเข้าที่หัวไหล่ มันกระตุกปืนลั่นไปโดนเพ็ญเฉียดไหล่ ต้นแขนซ้ายของเพ็ญปืนตกจากมือ
เพ็ญกุมแผล ลูกน้องเสี่ยตงถอยหนีกันอย่างทุลักทุเลลากกันออกไปทางหน้าเรือน
เปี๊ยก ถวิล ช่วยแก้มัด น้อย หวาน กับปานเทพ ปลอดวิ่งเข้าไปดูเพ็ญบนบันได
เวลาต่อมามีรถกระบะเข้ามาจอดรับ สมุนที่เป็นคนวางเพลิงรีบลงมาช่วยทุกคน สมุนหัวโจก ขึ้นรถ
พงษ์กับลูกน้องเข้ามาอีกทาง ยิงใส่พวกสมุนเสี่ยตง อีกคนยิงป้องกันพวกที่เข้าไปที่เรือนใหญ่
พวกสมุนเสี่ยตงหนีตายขึ้นรถ ลูกปืนโดนรถกระบะประปราย พวกสมุนเสี่ยขับรถออกไปฝุ่นคลุ้ง
พงษ์พร้อมกับลูกน้อง มองตามพลางขยับเข้าบ้านไป
พอฟังเรื่องราวจบ ในเวลาต่อมาใหญ่ ปลอด ปานเทพ และถวิล พากันยืนมองซากโรงเก็บหญ้า ไฟยังกรุ่นอยู่ ควันลอยโขมง
ถวิลเสียใจ ขอโทษขอโพย “พวกเราพยายามกันสุดกำลังแล้วครับคุณใหญ่ แต่ทำได้แค่นี้ ผมขอโทษ”
ปลอดมองหน้าถวิล “คนงานบาดเจ็บกันบ้าง แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครตาย เอาไว้ค่อยสร้างกันใหม่”
“ผมจะสืบให้ได้ว่า พวกมันเป็นใคร พ่อไม่ต้องห่วง”
ใหญ่ละอายใจ “เป็นความผิดของผมเอง ผมต้องรับผิดชอบไร่ไพศาล ผมกลับทิ้งทุกคนไปในเวลาวิกฤติ ผมจะอ่อนแออย่างนี้ไม่ได้ ปาน... ชั้นพร้อมจะดูแลกิจการของพ่ออย่างเต็มตัวแล้ว”
ปานเทพงง “แกหมายความว่า...”
“ฉันต้องการแสดงตัวต่อศาลว่ายังมีชีวิต ยังทันเวลาหรือเปล่า”
ปานเทพ ปลอด และถวิลมองใหญ่เป็นตาเดียว ขณะที่ใหญ่มองจ้องซากโรงเก็บหญ้าด้วยสีหน้ามาดมั่น
เสี่ยตงโมโหลูกน้องที่งานเผาไร่และฆ่าใหญ่พลาด ตบหน้าลูกน้องคว่ำลงไปกองกับพื้น
“บัดซบ เรื่องแค่นี้จัดการไม่สำเร็จ ออกไป!”
ลูกน้องรีบแจ้นออกไป ครองสุขเข้ามา
“ตอนนี้ไอ้ใหญ่มันมีไอ้ปลอดกับสมุนคุ้มกันมันอยู่ จะเล่นงาน มันช่วงนี้เห็นทีจะยากนะเสี่ย”
“ถ้างั้นก็รอจังหวะที่มันเผลอ ค่อยลงมือเก็บให้เรียบ” เสี่ยตงสรุป
ระหว่างนั้นทัศนีย์เปิดประตูเข้ามาในชุดแซ็กรัดรูปสีดำ สั้นจู๋ อกเว้าจนเห็นเนินเนียน เสี่ยตงกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก
ทัศนีย์แบมือ “คุณน้า ขอเงินหน่อยสิ”
ถูกครองสุขด่า “เมื่อไหร่แกจะหยุดทำตัวมั่วๆ อย่างนี้สักที เที่ยวมันได้ทุกคืน”
“แหมคุณน้า ชีวิตมันเครียดก็ต้องหาทางปลดปล่อยกันบ้างทีคุณน้ายังต้องระบายออกทุกคืน ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ครองสุขกลัวเสี่ยตงรู้อะไรเยอะ รีบเบรก “นังนี เอาไปเลย แล้วอย่ากลับเช้าล่ะ”
ทัศนีย์ดีใจคว้าเงิน เดินตัวปลิวออกไป เสี่ยตงมองสะโพกทัศนีย์ตาวาว แต่ครองสุขไม่เห็น
ชุมชนในตำบลเล็กๆ ชุมชนแห่งนี้จะมีซอกซอยเล็กๆ มากมาย หากไม่ใช่คนพื้นที่จะไม่มีทางรู้
เช้านี้ปิ่นอนงค์เริ่มชีวิตใหม่เป็นแม่ค้าที่นี่ หญิงสาวใส่หมวกสานปีกกว้างปิดบังหน้าตาไว้ เพราะไม่อยากให้พวกใหญ่ตามพบ
ปิ่นอนงค์เดินก้มหน้าเข็นรถขายขนมจีนและข้าวแกง บนรถเข็นมีแกงหลายหม้อ กระจาดขนมจีน
ชาวบ้านเดินผ่านหยุดถาม “แม่ค้าขายอะไรจ๊ะ มีหลายหม้อเชียว”
แม่ค้าเงยหน้า จึงเห็นเป็นปิ่นอนงค์ “ขนมจีนจ้ะ พวกแกงเขียวหวาน แกงเผ็ด แกงส้ม ไข่พะโล้ก็มี”
ชาวบ้านมองหน้าปิ่นอนงค์อย่างไม่คุ้น “เพิ่งมาขายแถวนี้เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า”
ปิ่นอนงค์เลิ่กลั่กรีบพยักหน้า “จ้ะ”
อีกฟากถนน น้อยปั่นจักรยานกำลังจะกลับไร่ ในตะกร้าหน้ารถมีถุงกับข้าว และมีผักโผล่แพลมๆ น้อยปั่นผ่านรถเข็นปิ่นอนงค์
น้อยเหลียวไปมาเห็นปิ่นอนงค์ก็ตาโต เบรกจักรยานเอี๊ยด เห็นเป็นปิ่นอนงค์กำลังตักกับข้าวใส่ถุง น้อยตะลึง ตะโกนเรียก
“พี่ปิ่น”
ปิ่นอนงค์หันมา ตกใจพอกัน รีบเข็นรถหนี ชาวบ้านที่รออยู่งุนงง
“อ้าว เฮ้ยอะไรกันเนี่ย ไม่ขายแล้วเหรอ”
ปิ่นอนงค์หนี น้อยปั่นจักรยานตามไม่ลดละ “พี่ปิ่นเดี๋ยวก่อน พี่ปิ่น”
น้อยนั่งหอบเหนื่อยมากๆ ปิ่นอนงค์หายใจแรงเพราะเหนื่อยเหมือนกัน สองคนอยู่ตรงร้านกาแฟโบราณในตรอกเล็กๆ ของชุมชน
“อย่าบอกใครว่าพี่อยู่ที่นี่นะน้อย ถ้าคุณใหญ่รู้เข้า พี่เดือดร้อนแน่ๆ เลย”
น้อยดูดโอเลี้ยงแก้กระหาย “เชื่อใจน้อยได้พี่ปิ่น น้อยไม่อยากให้พี่ปิ่นโดนตำรวจจับเข้าตะรางหรอก แล้วป้าอุ่นล่ะพี่ เป็นยังไงบ้าง”
สีหน้าปิ่นอนงค์เศร้าสลด “ไม่เป็นอะไรหรอกน้อย ไม่ต้องห่วง พี่ดูแลแม่ได้”
น้อยเล่าเรื่องร้ายๆ เมื่อคืนนี้ “เออ ... เมื่อคืนมีคนร้ายบุกเข้ามาเผาไร่ ยิงกันสนั่น คนงานเจ็บ” ปิ่นอนงค์ตกใจนึกห่วงใหญ่จับมือน้อยมาบีบ “ตั้งหลายคน น้อยเองก็เกือบตาย โชคดีรอดมาได้”
“แล้ว...”
น้อยดูนาฬิกาที่ข้อมือ แตะมือปิ่นอนงค์บอกเบาๆ “คุณใหญ่ปลอดภัยดีพี่ น้อยไปล่ะพี่ ต้องรีบกลับไปเตรียมอาหาร ถ้าไม่ถูกปากคุณใหญ่ นังน้อยสิ้นชีวาวายแน่”
น้อยจะไป ปิ่นเรียกไว้ “เดี๋ยวสิน้อย พี่ช่วยได้นะ”
ปิ่นอนงค์มองไปที่รถเข็นข้าวแกงของตัวเองที่จอดอยู่หน้าร้านกาแฟ
ทุกคนกินข้าวกันอยู่ตรงโต๊ะอาหารเรือนใหญ่ มีไข่พะโล้ แกงส้ม ผัดผักรวม ซึ่งเป็นกับข้าวจากรถเข็นปิ่นอนงค์
น้อยคอยดูแล ตักข้าวเติม รินน้ำให้
“คอยดูนะอาปลอด ล้างบางคนชั่วหมดเมื่อไหร่ ผมจะบริหารไร่ไพศาลให้เจริญรุ่งเรืองติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวของประเทศให้ได้” ใหญ่บอกขณะเคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
“ดีสิ อากับเพ็ญจะได้มาช่วยดูแล ถือว่าได้กลับบ้านเดิมอีกครั้ง” ปลอดตักกับข้าวให้เพ็ญ
“หาวัวเนื้อพันธุ์ดีๆ มาลงเยอะๆ เปิดเป็นศูนย์สเต็กด้วย เนื้อวัวแปรรูปด้วย น้าเพ็ญเค้ารู้สูตรอาหารเยอะ”
“งานนี้ไม่รับ น้าว่าวัวมันน่ารักน่าสงสาร ดูตาเค้าสิ ทั้งหวานทั้งเศร้า”
ใหญ่เห็นด้วย “น้าเพ็ญพูดถูก แค่รายได้จากน้ำนมวัว ก็เลี้ยงชีวิตคนงานในไร่ได้แล้ว ไปเอาชีวิตเค้าอีก เท่ากับไม่รู้บุญคุณกัน ปิ่นเค้าบอกว่า...”
ใหญ่หลุดปาก แต่พอรู้ตัว ก็ชะงัก
ปลอด ปานเทพ และเพ็ญ สบตากัน มองจ้องใหญ่รอฟัง
ใหญ่แก้เก้อตักข้าวกิน “น้อย ขอเติมข้าวอีกทัพพี”
“วันนี้คุณใหญ่เติมข้าว แปลกจริง ทุกครั้งแค่จานเดียวก็อิ่มแล้ว”
“ก็น้าเพ็ญทำกับข้าวอร่อยนี่ครับ ผมเลยต้องกินเยอะหน่อย”
เพ็ญหน้าเหลอหลา “น้าไม่ได้ทำนะ แขนยังเจ็บอยู่เลย”
ใหญ่หันไปหาน้อย น้อยยิ้มเรี่ยราด หลบตา “เอ้อ ... น้อยเห็นน้าเพ็ญยังทำกับข้าวไม่ได้ เลยไปซื้อกับข้าวจากตลาดมาค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นน้อยไปสั่งร้านนี้มาทุกมื้อเลยนะ อร่อยดี”
ใหญ่ตักกับข้าวใส่จาน กินอย่างเอร็ดอร่อย
น้อยมองใหญ่ คิดถึงปิ่นอนงค์ขึ้นมา
บ่อนในบ้านเสี่ยตง ทั้งเจ้ามือ และนักพนันชายหญิง กว่า 20 คน กำลังลุ้นมันส์ สมุนเสี่ย 3 คน คุมเชิง ตรงมุมหนึ่งในห้องเป็นบาร์เล็กๆ มีบาร์เทนเดอร์ยืนอยู่
ครองสุขพร้อมขาไพ่อีก 7 คน กรีดไพ่ที่โต๊ะลุ้นตัวโก่ง “แปดเด้ง...”
เจ้ามือบอก “เจ้ามือ เก้าแต้มครับ”
เจ้ามือรวบไพ่และเงินลูกขาโต๊ะทั้ง 7 คน ไปรวมหน้าเจ้ามือ ครองสุขอารมณ์เสียลุกพรวด หยิบกระเป๋า เดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ บาร์เทนเดอร์รินเหล้าสีชมพูวางหน้าครองสุข ครองสุขเครียด ยกจะดื่ม
ธีระเดินนำนักพนันเข้ามาใหม่ เป็นชาย-หญิง เดินนำไปนั่งที่โต๊ะ แล้วปรี่มานวดไหล่ครองสุข
“บวกมั้ยพี่ อย่าลืมส่วนแบ่งผมนะ” ธีระว่า
“แบ่งบ้าอะไร หมดไปแสนกว่าแล้ว” ครองสุขหน้าบูดบึ้ง
“เงินปิ่นยังเหลืออีกนี่พี่ ขอหุ้นกับเจ้าเลย จะได้เป็นกอบเป็นกำเต็มๆ”
ครองสุขครุ่นคิดแล้วตกลง “เออ ... ดีๆ หุ้นกับเจ้าดีกว่า”
ครองสุขดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
ด้านอรสอางค์นั่งที่เตียง ถุงเสื้อผ้าตามห้างรายล้อมตัว
ทรรศนะเข้าห้องมา หน้าเครียด นั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง เอามือเสยผม
อรสอางค์ลุกไปนั่งข้างๆ “เป็นอะไรคะ หน้าตาเครียดมาเชียว”
“ผมไม่ชอบทำงานอย่างนี้เลย ต้องเอาชื่อพ่ออรไปอ้างฮั้วประมูลงานให้เสี่ยตง มันทั้งน่าอาย ทั้งผิดกฎหมาย”
“คิดมาก ใครๆเค้าก็ทำกันทั้งนั้น”
ทรรศนะเซ็ง มองที่เตียง เห็นถุงข้าวของ “ช็อปปิ้งอีกแล้วเหรอ อรเอาเงินมาจากไหน”
“เสี่ยตงเค้าให้” อรสอางค์บอก
ทรรศนะเตือนดีๆ “อร ตอนนี้เราต้องช่วยกันประหยัดสิ มีอะไรก็ใช้ๆ ไปก่อน”
“เกิดมา ก็เพิ่งมาเจอความลำบากลำบนอย่างนี้ จะให้ประหยัดอะไรอีก หรือจะให้อรออกไปขอทานเค้ากินนะถึงจะพอใจ”
ทรรศนะเริ่มขึ้นเสียง “แล้วไปรับเงินจากเสี่ยตง มันต่างจากขอทานตรงไหน”
อรสอางค์สวนกลับอย่างไม่พอใจ “นี่นะกล้าด่าอรเป็นขอทานเหรอ ขอโทษอรเดี๋ยวนี้นะ”
“ถ้าไม่จริงก็อย่าเดือดร้อน”
ทรรศนะเดินหนีไปที่ประตู อรสอางค์หยิบถุงผ้าปูที่นอนเขวี้ยงใส่ จิ๋วเปิดประตูเข้ามาโดนเข้าไปเต็มหน้า“ว้าย แหก”
ทรรศนะมองจิ๋ว มองอรสอางค์ แล้วพูดประชด “สมเป็นผู้ดีทั้งคู่”
ทรรศนะออกไป จิ๋วเลิ่กลั่กรีบยกมือขอโทษอรสอางค์
“ขอประทานโทษค่ะคุณหนู เกิดอะไรขึ้นคะ”
อรสอางค์ไม่ตอบ หน้าบูดบึ้งฉุนทรรศนะเอามากๆ
ไม่นานหลังจากนั้นทรรศนะก็พาตัวเองมานั่งอยู่ร้านลาบน้ำตกส้มตำ และกำลังเมาแอ่นโงกเงกไปมา มีขวดเบียร์ตั้งบ้างล้มบ้างบนโต๊ะ 8 ขวด ทรรศนะเรียกเด็กเสิร์ฟมาเก็บเงิน หยิบรูปจากกระเป๋าสตางค์ออกมาดู
เป็นรูปทรรศนะ กับปิ่นอนงค์ถ่ายคู่กัน ทรรศนะสวมในชุดนักศึกษา ปิ่นอนงค์อยู่ในชุดนักเรียนมัธยม ปลาย ทรรศนะมองแล้วยิ้มให้รูปนั้น
ระหว่างนั้นปิ่นอนงค์เข็นรถผ่านไปไกลๆ ทรรศนะเห็นในกรอบสายตา พยายามเขม้นมอง และขยี้ตามองซ้ำ“ปิ่น ... ปิ่นอนงค์”
ทรรศนะลุกพรวด อย่างดีใจ แต่แล้วล้มกลับลุกคลุกคลาน ทรงตัวไม่อยู่
ทรรศนะเดินเซประคองร่างมาตรงทางเดินกลางตลาด สวนกับผู้คนที่ต่างทำหน้ารังเกียจทรรศนะเพราะกลิ่นเหล้าคลุ้ง ทรรศนะยืนเหลียวมองไปมา เห็นแต่หน้าผู้คนไม่คุ้นตา และแสงไฟในตลาด
ทรรศนะหมุนรอบตัวมองหาปิ่นอนงค์ ยืนกะพริบตาถี่ เดินโซเซไป
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ในขณะที่ปิ่นอนงค์กำลังเข็นรถข้าวแกงจะกลับบ้าน ยินเสียงนกหวีดปี๊ดๆ มาจากด้านหลัง ปิ่นอนงค์สะดุ้งหันไปมอง เห็นตำรวจสองนายเป่านกหวีดวิ่งตรงมาทางตัวเอง
ปิ่นอนงค์ตกใจคิดว่าตำรวจจะมาจับ ผวาเข็นรถวิ่งหนี แต่จู่ๆ ตำรวจกลับวิ่งเลยผ่านรถเข็นปิ่นอนงค์ไป ปิ่นอนงค์หยุดวิ่ง มองไปข้างหน้าเห็นผู้ร้ายกอดกระเป๋าเงินผู้หญิงวิ่งหนี ตำรวจวิ่งไล่ล่า
ปิ่นอนงค์รู้สึกโล่งอกที่แท้ตำรวจไล่จับคนอื่น รีบเข็นรถเข้าบ้าน
จินตนากับจอมออกมาจากในตัวบ้านพอดี
“ปิ่น เรากับจอมกำลังจะไปช่วยอยู่พอดี”
“ไม่ ไม่เป็นไร เราขายเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ก้นหม้อเก็บไว้กินมื้อค่ำได้อีก”
“เหนื่อยมั้ยปิ่น เราว่าจะไม่ไปทำงานที่ปศุสัตว์แล้ว ออกมาช่วยปิ่นขายของดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอกจอม ไปกันสองคน มันสะดุดตาเกินไป ขนาดวันนี้...”
จอมรีบถาม “เจอคนที่ไร่ไพศาลเหรอ”
ปิ่นอนงค์อึกอักรีบปฏิเสธ “เปล่าจ้ะ ปิ่นแค่ระวังไว้ก่อน”
“เราเห็นด้วยกับปิ่นนะ มาเราช่วย ปิ่นไปนั่งพักเถอะ”
จินตนายกหม้อ ช่วยปิ่นอนงค์
ค่ำมากแล้วอรสอางค์กับจิ๋ว นั่งที่โต๊ะริมสนามหญ้าหน้าตึกบ้านเสี่ยตง รอทรรศนะอย่างกระวนกระวาย อรสอางค์ชะเง้อชะแง้มองหาตรงหน้าบ้าน สมุนเสี่ยตง 3 คน เดินผ่านมาบุ้ยปากให้มองสองคน
จิ๋วเชิดวางท่าหยิ่งใส่ มองหัวจรดเท้าเหล่าสมุน มีนักพนัน 3 คน เดินออกมา ธีระตามมาส่ง นักพนันให้ทิปธีระ ธีระโค้งเดินกลับเข้าบ่อนไป
“กลับเข้าห้องก่อนดีกว่าค่ะ คุณหนู ที่อโคจรแบบนี้ มีแต่พวกกุ๊ยสถุล ไม่น่าไว้วางใจเลยสักคน” จิ๋วบอก
“พี่จิ๋วเข้าไปก่อนเถอะ อรจะรอนะ”
จิ๋วมองนายสาวสงสารจับจิต ถอนหายใจเฮือก ร่ายยาวอย่างคับแค้นแทน “พี่จิ๋วว่า ถึงขั้นนี้แล้ว เรากลับบ้านกันดีกว่า คุณหนูจะทนอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนคะ ไม่รู้อีกกี่ปีกี่ชาติ คุณนะถึงจะได้รับมรดกที่ว่า สู้เราขอหย่ากับคุณนะเงียบๆกลับไปอยู่กรุงเทพฯกัน รูปร่างหน้าตาอย่างคุณหนู ดูยังไงก็ยังหาที่ติไม่ได้ พวกเศรษฐีผู้ดีอย่างท่านชาย...”
อรสอางค์ลุกพรวดผลักจิ๋วล้มลงกับพื้นหญ้า ก้นจ้ำเบ้า
“ปากเสีย นี่พี่จิ๋วคิดว่าอรตามมาง้อนะ เพราะอยากได้เงินได้สมบัติของเค้าอย่างนั้นเหรอคะ อรรักนะ ได้ยินมั้ย อรรักนะ”
อรสอางค์เดินสะบัดตัวไป จิ๋วมองตามจะลุกเจ็บก้นกบ ต้องค่อยพยุงตัวกับเก้าอี้ถึงจะลุกได้ หน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
รุ่งเช้าใหญ่เดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร น้อยรีบตักข้าวให้ ใหญ่เหลียวหาไปมา
“คนอื่นล่ะ”
“ลุงปลอด น้าเพ็ญ ผู้จัดการปานไปธุระในเมืองค่ะ”
ใหญ่ขยับจะกินข้าว มองกับข้าว แล้วชะงักเขม้นมอง เห็นต้มบ๊วยหมูสับ
“ซื้อกับข้าวจากร้านเดิมรึเปล่าน้อย”
น้อยเลิ่กลั่ก “ค่ะ”
“ต้มบ๊วยหมูสับชามนี้ด้วยเหรอ”
น้อยงงๆ “ค่ะ”
ใหญ่ตักต้มบ๊วยขึ้นมากิน หน้านิ่ง น้อยขยับจะไป แต่ก้าวขาไม่ออก ใหญ่ตบโต๊ะทั้งสองมือปังใหญ่ น้อยสะดุ้ง
ใหญ่จ้องตาน้อย “ปิ่นอนงค์อยู่ที่ไหน”
น้อยหลบตา ตัวสั่น
เวลาต่อมาน้อยเดินนำใหญ่อยู่ในตลาดชุมชน มองหาปิ่นอนงค์
“พี่ปิ่น เอ๊ย คุณผู้หญิง เข็นรถขายไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งขายประจำแต่ช่วงสายๆ จะอยู่แถวๆ นี้ค่ะ”
“ทำไมไม่เปิดร้านขายเป็นเรื่องเป็นราว”
“คงกลัวคุณใหญ่จับไปขังไว้อีกมั้ง”
ใหญ่มองหน้าน้อย น้อยหด เสียงกระดิ่งดัง น้อยรีบมองหาเสียง
“เสียงกระดิ่งรถพี่ปิ่น”
ใหญ่มองหาทางที่มาของเสียง วิ่งไปเข้าอีกซอย
ปิ่นอนงค์เข็นรถออกมาทางปากซอยพอดีเกือบชนใหญ่ ชะงักทั้งคู่ มองหน้ากันไม่คาดฝัน
ปิ่นอนงค์ตกใจเข็นรถชนใหญ่ ใหญ่เบี่ยงตัวหลบทัน ปิ่นอนงค์เข็นหนี ใหญ่กระชากรถไว้ไม่ให้ไป
“คิดจะหนีอีกเหรอ”
“เปล่า”
“เห็นอยู่ชัดๆ”
น้อยวิ่งเข้ามา ปิ่นอนงค์มองน้อยเป็นเชิงตำหนิ น้อยรู้สึกผิด
“หนูขอโทษนะพี่ปิ่น คุณใหญ่บังคับน้อย”
“เธอคิดจะใส่ยาพิษให้ฉันกินอีกใช่มั้ย ถึงจงใจให้น้อยซื้อไปให้ฉันกิน แถมยังบังคับน้อยไม่ให้บอกว่าเธอเป็นคนทำ คนใจยักษ์ใจมาร”
ปิ่นอนงค์น้ำตาคลอ ยกมือไหว้ใหญ่ “พอเถอะค่ะ ปล่อยปิ่นไปเถอะนะคะ ถือว่าสงสาร”
ใหญ่อึ้ง แต่ยังจับรถเข็นไว้แน่นหนา “บอกมาก่อนว่าพักอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร”
เสียงจอมดังลอดเข้ามา “ปิ่นอยู่กับผม”
ใหญ่มองไปตามเสียง เห็นจอมหิ้วถุงน้ำแข็งแต่โยนทิ้ง ตรงมายืนข้างปิ่นอนงค์ จ้องหน้ากับใหญ่
“ที่แท้คนที่ช่วยปิ่นอนงค์หนี ก็คือนาย”
“ไม่ใช่นะคะ ปิ่นหนีมาเอง จอมไม่รู้เห็น ถ้าจะเอาตำรวจมาจับก็จับปิ่นคนเดียว จอมกลับไปซะ”
ปิ่นอนงค์พยายามผลักจอมให้ไป “ไปสิจอม”
ใหญ่ยิ่งเจ็บใจที่เห็นปิ่นอนงค์ปกป้องจอม “คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อ” ใหญ่คว้าข้อมือจอม“ใครทำร้ายคนของฉันบาดเจ็บ มันต้องชดใช้”
จอมสะบัดมือออก ปิ่นอนงค์รีบจับแขนจอมท่าทีร้อนรน
“อย่าทำอะไรจอมเลยนะคะ ปิ่นกับจอม เราสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าจอมเป็นอะไรไป ปิ่นคงอยู่ไม่ได้”
น้อยตาโต ร้องเสียงดัง “ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หมายถึงเป็นผัวเมียกัน”
จอมงง มองหน้าปิ่นอนงค์ ปิ่นอนงค์ก้มหน้านิ่ง ใหญ่อึ้ง มองปิ่นอนงค์ที มองจอมที จอมรีบเชิดใส่ ใหญ่รู้สึกเจ็บปวด หัวใจสลาย ถดตัวถอยมาสองสามก้าว
พูดออกมาอย่างยากเย็น “ความจริง ฉันเองไม่ได้เหลือเยื่อใยอะไรกับเธอ ที่มาเนี่ย แค่อยากมาดูหน้าว่าจะไปได้สักกี่น้ำ ตอนนี้เห็นแล้ว ก็ได้แค่นี้”
ใหญ่มองสองคนอย่างดูถูก “ปิ่น ฉันจะปล่อยเธอเอาบุญ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีก”
ใหญ่กลับหลังเดินไป น้อยหายตะลึงรีบตาม
ปิ่นอนงค์เจ็บปวดไม่แพ้กันกับคำพูดของใหญ่
ถวิล เปี๊ยก และหวาน นั่งกินข้าวกันที่หน้าเรือนพักคนงาน น้อยหน้าง้ำเข้ามาถวิลเรียกมากินข้าว
“มานังน้อย กินข้าวกัน เพิ่งลงมือได้เดี๋ยวเดียวเอง”
หวานตักข้าววางให้น้อย “ไปไหนมาแต่เช้า”
“พาคุณใหญ่ไปหาพี่ปิ่น”
เปี๊ยกร้อง “หา”
ถวิลถือช้อนค้าง “เอ็งว่าอะไรนังน้อย”
“ลุงหวินต้องไม่คาดฝันแน่ๆ พี่ปิ่นกับพี่จอมเค้าตกลงอยู่ด้วยกัน ช่วยกันขายข้าวแกงอยู่ท้ายตลาด คุณใหญ่งี้หน้าซีดเหลือ 2 นิ้ว”
ถวิลเขวี้ยงช้อนลงบนโต๊ะ “ไอ้จอม ไอ้คนไม่รู้จักบุญคุณคน”
ถวิลลุกจะไปเอาเรื่องจอม หวานกะเปี๊ยกช่วยกันจับไว้ เปี๊ยกกอดขา หวานจับแขนกับน้อย หวานห้ามเสียงหลง
“ใจเย็นๆ ลุงหวิน”
ถวิลฮึดฮัดดึงขาชักออก “ปล่อยข้า ข้าจะไปสั่งสอนไอ้ลูกชั่ว”
เปี๊ยกโวยวายว่ารู้เหรอจะไปหาที่ไหน หวานสำทับ “นั่นสิ รู้เหรอว่าปิ่นอยู่ที่ไหน ลุงก็ดีแต่ใช้อารมณ์ พ่อลูกนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด”
ถวิลมองจ้องน้อยเป็นเชิงถาม น้อยเหลอหลา
จอมเข็นรถข้าวแกงเข้ามาจอด ปิ่นอนงค์เดินหงอยตามเข้ามา จอมเดินไปคว้าไม้หน้าสามที่วางกองไว้ใต้ต้นไม้ จะเดินออกจากบ้าน
“จอม จะไปไหน”
“เราไม่เชื่อว่าไอ้คุณใหญ่มันจะยอมปล่อยปิ่นไปง่ายๆ”
ปิ่นอนงค์จับไม้ไว้ “ไม่เอา อย่านะ อย่าไปทำอะไรคุณใหญ่ มันจะไม่จบ”
จอมไม่เชื่อรั้นจะไป ถวิลขับรถเข้ามาจอด ลงรถเดินเข้าหาจอม จอมชะงักตกใจ
“พ่อ!”
ถวิลชี้หน้าจอม “อย่ามาเรียกข้าว่าพ่อ เอ็งทำอย่างนี้ได้ยังไง เค้าตกแต่งกันแล้ว เอ็งคิดเป็นชู้กับเมียเจ้านายเหรอ ไอ้สิ้นคิด”
“ชั้นไม่ได้เป็นลูกน้องมัน ชั้นรักปิ่น ทำไมชั้นจะอยู่กับปิ่นไม่ได้” จอมเถียงอย่างยโส
“เถียงคำไม่ตกฟาก ข้าเป็นพ่อเอ็งนะ”
ถวิลตรงเข้ากระชากไม้จากมือจอม ไล่ตีก้น ตีขาเหมือนจอมเป็นเด็กๆ
จอมวนหลบรอบรถเข็น
ปิ่นอนงค์ร้องห้าม “ลุงหวินฟังปิ่นอธิบายก่อน”
ถวิลโกรธจนหูอื้อไม่ฟัง “อย่าหนีไอ้จอม วันนี้ข้าจะเอาเลือดหัวเอ็งออกให้ได้”
ถวิลโกรธเงื้อไม้จะตี จอมเข้ายื้อแย่งไม้ “ฉันโตแล้วนะพ่อ พ่อจะตีฉันตามใจชอบเหมือนเด็กๆ ไม่ได้”
“ถุย พูดมาได้ สิ่งที่เอ็งทำเค้าเรียกว่าโตแล้วไม่รู้จักโต”
อุ่นเรือนเดินออกมาจากบ้าน เห็นเข้าก็ตกใจร้องห้าม “นายถวิล ตายแล้ว หยุดๆ”
อุ่นเรือนกะปิ่นอนงค์เข้ามาดึงจอมกับถวิลไปมา อุ่นเรือนออกแรงดึงถวิลแต่ถวิลไม่ยอมจะตีจอมให้ได้
อุ่นเรือนใช้แรงมากไปจู่ๆ ตาเหลือก เอามือทาบอกเป็นลมหมดสติ
ถวิลรับร่างอุ่นเอาไว้ทันปิ่นช็อค “แม่”
จอมตะลึง “ป้าอุ่น”
สามคนสบตากัน ตกใจ
ถวิลนั่งเครียด หน้าห้องรวมคนไข้หญิง จอมยืนรอ รีบหันมาทางพ่อ
“พ่อ อย่าบอกคุณใหญ่นะว่าปิ่นอยู่ที่ไหน”
“ทำไมข้าต้องช่วยเอ็งปิดบังด้วย”
“เห็นแก่ความสุขของฉันบ้างสิพ่อ ฉันอยากอยู่กับปิ่น”
“ความสุขเหรอ แกพาเมียนายหนีมา ชาตินี้แกจะหาความสุขได้อีกเหรอ กะโหลกแกทำด้วยอะไร ถึงไม่รู้จักถูกผิด”
ปิ่นอนงค์เดินออกมาพอดี หน้าเครียดจัดจอมถามทันที “ป้าอุ่นเป็นยังไงบ้างปิ่น”
“ความดันขึ้น หมอให้อยู่ดูอาการก่อน ยังกลับบ้านไม่ได้”
“อยู่กันสภาพนี้จะมีปัญญาดูแลกันเหรอ” ถวิลกังวลแทน
“มี พ่อไม่ต้องห่วง ยังไงฉันก็ดูแลครอบครัวฉันได้ ขออย่างเดียวอย่าให้นายของพ่อมาตามรังควาญพวกฉันก็แล้วกัน” จอมอวดดี
“คนที่แกพูดถึงก็คือลูกชายคนที่ให้ข้าวให้น้ำ ให้บ้านคุ้มกะลาหัวข้ากับเอ็งมา แล้วตอนนี้เค้าก็ถูกพวกเอ็งรวมหัวกันเนรคุณ”
ปิ่นอนงค์อ้ำอึ้ง หลบตาถวิล
จอมลุกพรวด “ใช่ฉันมันเลว พ่อรักคุณใหญ่เจ้านายของพ่อมากนัก ก็กลับไปรับใช้กันให้ดีๆ ก็แล้วกัน”
ถวิลมองปิ่นอนงค์ สลับมองจอม แล้วเดินไปอย่างเร็วโกรธมาก
ปิ่นอนงค์หันมาต่อว่าจอม “ทำไมจอมพูดกับพ่ออย่างนั้น จะโกรธจะน้อยใจยังไงก็ไม่ควรทำให้พ่อแม่เสียใจ รู้มั้ย”
จอมพูดฉุนๆ “ก็พ่อรักคุณใหญ่มากกว่าเรา ปิ่นก็เห็น”
ปิ่นอนงค์ย้อนเอา “หมายความว่า ถ้าพ่อไม่รักเรา เราก็ไม่ต้องรักพ่ออย่างนั้นเหรอ คิดอะไรอย่างนี้”
จอมอึ้ง ปิ่นอนงค์รีบเดินตามถวิลไป
ถวิลตรงมาที่รถตรงลานจอดรถ ปิ่นอนงค์เร่งรีบเดินเข้ามา ถวิลมองงงๆ ปิ่นอนงค์ไหว้
“ปิ่นขอโทษแทนจอมด้วยนะจ๊ะ ที่เค้าพูดอย่างนั้น ก็เพราะน้อยใจลุงหวินแค่นั้นเอง”
ถวิลยิ้มประชดตัวเอง “มีลูกก็อย่างนี้แหละ เลี้ยงมันมาจนโต ยังต้องพยายามเข้าใจมันอีก คำก็เสียใจ คำก็น้อยใจ เอะอะก็หาว่าไม่รักมันอีก ปิ่นดูแลอุ่นดีๆก็เป็นกุศลแล้วล่ะ พ่อแม่ก็รักลูกทั้งนั้น แต่มีเหตุผลที่จะทำเพื่อลูกไม่เหมือนกัน ปิ่นกับไอ้จอมจะทำอะไรคิดให้ดีๆ แล้วกัน”
ปิ่นอนงค์พยายามอธิบาย แต่เสียงเบา สับสนหนัก“ปิ่นกับจอม...”
ถวิลสวนออกมา “คุณใหญ่รักปิ่นมาก ปิ่นน่าจะรู้ดีกว่าใคร ลุงกลับไร่ก่อน มีงานค้างอยู่”
ถวิลขึ้นรถขับออกไป ปิ่นมองตามสีหน้าเครียด
ใหญ่กลับมาถึงเอาแต่ยิงเป้าบินอย่างบ้าระห่ำ กลางทุ่งหญ้าในไร่ ยิงแล้วไม่ถูกเพราะไม่มีสมาธิ ก็ยิ่งยิง ยินเสียง ปิ่นอนงค์ที่บอกว่าใช้ชีวิตอยู่กับจอมแล้วดังมาซ้ำๆๆ
และในที่สุด ใหญ่ขว้างปืนทิ้ง ตะโกนก้อง ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด
“อ้ากกก”
ด้านเสี่ยตงสวมเสื้อคลุมยืนหันหลัง มองไปที่หน้าต่าง เสี่ยตงยกหลังนิ้วชี้ตรงปลายสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงดังปื๊ด ที่แท้เสี่ยจอมหื่นยืนเสพโคเคนนั่นเอง
เสี่ยตงหันกลับมา เอานิ้วเช็ดคราบผงโคเคนที่จมูก เอิบอิ่มในอารมณ์ เสี่ยตงกำขวดโคเคนในมือ เปิดลิ้นชักโต๊ะ โยนขวดเข้าไปเก็บ เดินไปเปิดประตู เท้าแขนกับขอบประตู
ระหว่างนั้นทัศนีย์สวมชุดขาสั้นจุ๊ดจู๋เดินผ่านมา กดแช็ตมือถืออยู่ไปมา
เสี่ยตงมองสายตากระหยิ่ม จดจ้องรูปร่างทัศนีย์หัวจรดเท้า
ขณะทัศนีย์เดินผ่านหน้าห้อง เสี่ยตงออกปากแซว “แต่งตัวแบบนี้ไม่กลัวโดนฉุดเหรอแม่หนูน้อย”
ทัศนีย์เชิดใส่ตอบโง่ๆ ตามประสาสาวใจแตก “ก็ผู้ชายชอบมอง ก็เลยชอบแต่ง ไม่เห็นจะเข้าใจยาก”
เสี่ยตงยิ้มตาวาว “ฉันเห็นด้วย”
เสี่ยตงไม่พูดพล่ามฉุดแขนทัศนีย์เข้าห้องแล้วปิดประตูปัง ซุกไซ้ไม่พูดจา
“อ๊าย ปล่อย ไอ้ทุเรศ จะทำอะไรชั้น” ทัศนีย์ร้องโวยวายลั่นห้อง
เสี่ยตงไม่สน หน้ามืดแล้ว ผลักร่างทัศนีย์ลงบนเตียง โผขึ้นคร่อมเตรียมเผด็จศึก
ทัศนีย์หรือจะยอม กลิ้งหลบแล้วลุกหนีไปที่ประตู เสี่ยตงพุ่งตาม
ทัศนีย์คว้าแจกันฟาดหัวเสี่ยตง แจกันแตกกระจาย เสี่ยล้มลง ลุกนั่งลูบหัวยิ้มถูกจริตซาดิสต์นัก เสี่ยตงซู๊ดปาก
ทัศนีย์ตกใจ ตะลึงมอง “ต้องอย่างนี้สิ อีหนู มันถึงกึ๋น”
ครองสุขเสียพนันหมดตูด เดินหน้าง้ำบ่นงึมงำมาตามทางจะไปห้องเสี่ยตง
“บ้าชะมัด นึกว่าจะได้คืนสักแสนสองแสน เสียอีกจนได้”
ทัศนีย์วิ่งออกมาที่หน้าห้อง เสี่ยตงตามออกมาจิกผม
“จะไปไหน”
“อ๊าย!”
ทัศนีย์สู้ตาย กระทืบเท้าใส่เท้า เสี่ยตงร้องลั่น “โอ๊ย!”
เสี่ยตงรัดคอทัศนีย์จากด้านหลังจนหน้าแหงนหงาน ทัศนีย์กัดมืออีกเสี่ยตงร้องดังกว่าเดิม
“โอ๊ย! อีนี่”
เสี่ยตงสะบัด แล้วจับทัศนีย์หันกลับมาตบเพี๊ยะ! ทัศนีย์ล้มคว่ำไปกองที่พื้น
ครองสุขเดินมาเห็นพอดี ใจหายวาบ “ยัยนี!”
เสี่ยตงหูอื้อไปหมด เข้าไปลากร่างทัศนีย์ถูไปตามพื้น จะพาเข้าห้อง
ทัศนีย์ร้องกรี๊ดๆ ไม่ยอมหันมาเห็นแม่ “คุณน้า ช่วยนีด้วย ไอ้วิตถารเนี่ยมันจะปล้ำนี”
ครองสุขรีบถลาไปเข้าไปดึงเสี่ยตงไว้ “เสี่ยทำแบบนี้ไม่ได้นะ นี่มันหลานฉัน”
เสี่ยตงไม่สน หันมาบีบคอครองสุข “อย่ายุ่ง นังนี่มันร้าย มันกล้าสู้ฉันทั้งที่ฉันให้ที่คุ้มหัวมันอยู่”
ครองสุขตาเหลือก ทำมือไล่ทัศนีย์ให้รีบหนีไป ทัศนีย์ลุกตะเกียกตะกายวิ่งหนี
เสี่ยตงปล่อยมือจากคอครองสุขหมายจะตามทัศนีย์ แต่ครองสุขรีบกอดเสี่ยไว้แน่นไม่ให้ไป
“อย่าเสี่ย ฉันขอร้อง”
ครองสุขรัดแน่นขึ้น เสี่ยตงเกิดอารมณ์หน้าหื่นมองจ้องครองสุข
“ได้สิ เข้ามานี่”
เสี่ยตงกระชากครองสุขเข้าห้อง ปิดประตูปัง
ธีระเดินเข้ามาตรงห้องโถง เห็นพวกลูกน้องเสี่ยชะเง้อชะแง้มองขึ้นไปด้านบน ยินเสียงปึงปังเหมือนต่อสู้กันดังลงมาถึงข้างล่าง พร้อมกับเสียงครองสุขร้องกรี๊ดๆ
ธีระสะกิดบ่าลูกน้องถาม “ข้างบนมีอะไรกัน”
ลูกน้องคนนั้นหันมาทำปากจุ๊ๆ “คุณนายกับเสี่ยกำลังต่อสู้กันอยู่ในห้องร่วมชั่วโมงแล้ว”
ลูกน้องอีกคนเสริม “บู๊กันสุดฤทธิ์ ไม่รู้ใครจะหมดแรงก่อน”
ลูกน้องพากันหัวเราะชอบใจ ธีระตกใจวิ่งขึ้นไปข้างบน
ธีระโกรธจัด ถีบประตูเข้าไปเพื่อช่วยครองสุข เห็นเสี่ยปล้ำครองสุขอยู่บนเตียง ธีระเข้าไปกระชากเสี่ยตงชกหน้ากลิ้งตกเตียง
ครองสุขรีบดึงผ้าปิดตัว หันมาด่าธีระ “เสี่ย! ธีระ ทำเสี่ยทำไม”
ธีระงง “มันรังแกพี่ครอง”
เสี่ยตงลุกยืนมองครองสุขตาเยิ้ม “กระดังงาลนไฟอย่างนี้ไม่ต้องรังแกหรอก พึ่บเดียวก็ติดไฟสงสัยว่าไฟจะมอดยากเสียด้วย”
ครองสุขยิ้มระรื่นชอบใจ ธีระโกรธเข้าไปกระชากคอเสื้อเสี่ยตงจะชก แต่โดนเสี่ยตงชกใส่ท้องหลายทีจนตัวงอ
เสี่ยตงถีบหงายท้อง “อาการเหมือนมันหึง”
เสี่ยตงมองจ้องหน้าครองสุข ครองสุขโผเข้าไปกอด
“ไม่มีอะไร ไอ้นี่มันเป็นหมามองเครื่องบิน คนงานกระจอกอย่างมันไม่มีทางสู้เสี่ยได้หรอก”
ธีระมองจ้องหน้าครองสุขอย่างผิดหวัง
ครู่ต่อมาธีระถูกลูกน้องเสี่ยตงรุมกระทืบด้วยเท้า ทั้งเตะทั้งกระทืบ ธีระร้องโอดโอยบิดตัวไปมา ลูกน้องเสี่ยตงหิ้วธีระโยนออกไปนอกบ้าน ธีระมองจ้องเข้าไปด้านในสายตาแค้นจัด
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
พระอาทิตย์ส่องแสงกระจ่างท้องฟ้ายามเช้า ใหญ่เข็นรถให้เพ็ญซึ่งใส่เฝือกที่แขน มาหยุดที่แผนกอุบัติเหตุ ในโรงพยาบาลรัฐบาลเล็กๆ ประจำชุมชน
“ช่วงนี้คุณใหญ่ไม่ค่อยได้พักผ่อน ไม่น่าต้องเหนื่อยพาเพ็ญมาเองเลย” เพ็ญเกรงใจนัก
“ที่น้าเพ็ญบาดเจ็บก็เพราะผม ผมสมควรทำครับ”
พยาบาลมารับช่วงต่อ เข็นเพ็ญเข้าห้องไป ใหญ่เดินไปถามเจ้าหน้าที่
“ร้านกาแฟไปทางไหนครับ”
เจ้าหน้าที่ชี้ทางหนึ่ง “ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปจนสุดทางค่ะจะเจอคอร์เนอร์เห็นชัดสะดุดตาเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ใหญ่เดินออกจากแผนก เห็นปิ่นอนงค์เดินหิ้วของกินผ่านไป ใหญ่ชะงัก
“ปิ่นอนงค์!”
ใหญ่รีบสาวเท้าตาม
ใหญ่สะกดรอยตามปิ่นอนงค์มาห่างๆ เห็นปิ่นอนงค์เดินหายเข้าไปในห้องผู้ป่วยรวม ใหญ่ตามเข้าไปแอบดูทางประตู เห็นอุ่นเรือนนอนหลับตา และปิ่นอนงค์กำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อยู่
ญาติของคนไข้ข้างเตียงถอยมาชนปิ่นอนงค์เพราะที่ทางคับแคบมากๆ ทำเอาเกือบล้มทับแม่ แต่ยั้งมือดันเตียงไว้ทัน
“อุ๊ย ขอโทษนังหนู” ป้าขอโทษ
“ไม่เป็นไรค่ะป้า”
ใหญ่เผลอเห็นใจปิ่นอนงค์จนได้ ป้าพยาบาลที่เคยดูแลไพศาลเดินออกมา ใหญ่ถอยหลีกทางให้
ป้าพยาบาลมองใหญ่แต่จำไม่ได้เพราะตอนนั้นใหญ่ยังไม่หล่อ
“จำผมได้มั้ยครับ”
ไม่นานนักปิ่นอนงค์กับป้าพยาบาล ประคองอุ่นเรือนให้นอนพิงเตียง อุ่นเรือนมองรอบๆ ห้องดูดีเกินฐานะ มองหน้าลูกสาว “ย้ายทำไม คิดว่าตัวเองมีเงินเยอะเหรอ”
ป้าพยาบาลอธิบาย “อย่าห่วงเลยแม่อุ่นเรือน มีคนขอรับเป็นเจ้าของไข้”
ปิ่นอนงค์ก็สงสัย “ใครเหรอคะคุณป้า”
“โรงพยาบาลเรามีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ ทางผู้ใจบุญจะบริจาคเงินผ่านเข้ามาให้จ้ะ”
“ปิ่นขอทราบชื่อได้มั้ยคะ ปิ่นอยากขอบคุณ”
“คงไม่ได้หรอกหนูปิ่น เค้าไม่ประสงค์จะออกนาม”
อุ่นเรือนตื้นตันยกมือท่วมหัว “ช่างใจบุญเหลือเกิน ขอให้เจริญๆ” ก่อนจะไอแคกๆ ออกมา
ปิ่นอนงค์รีบยกแก้วน้ำให้แม่ดูดจากหลอด
ป้าพยาบาลปลีกตัวออกมาคุยอยู่กับใหญ่ “ป้าจัดการย้ายห้องให้เรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากครับ” ใหญ่ส่งนามบัตรให้ “นี่เบอร์โทรผม ถ้ามีเรื่องด่วนเกี่ยวกับป้าอุ่น รบกวนแจ้งข่าวถึงผมด้วยนะครับ”
“นี่ถ้าคุณไม่บอกป้าว่าเป็นลูกชายคุณไพศาล ป้าคงจำไม่ได้”
“พ่อผมโดนยาพิษหรือเปล่าครับ” ใหญ่ตัดสิใจถาม
ป้าพยาบาลตกใจ “ไม่นี่คะ แต่ก็แปลก จู่ๆกล้ามเนื้อก็อ่อนแรงไปซะเฉยๆ ตอนหลังนี่พูดไม่ได้เลย มีหนูปิ่นนี่แหละที่คอยปรนนิบัติอยู่คนเดียว”
“แล้ว..ภรรยาพ่อผม”
ป้าพยาบาลบอกต่อ “คุณไพศาลไม่ยอมให้เข้าใกล้เลย จะเรียกหาแต่หนูปิ่นอนงค์คนเดียว”
ใหญ่พูดลอยๆ หมั่นไส้ “ผู้หญิงหน้าเนื้อใจเสือมักเล่นละครตบตาคนเก่ง”
เพ็ญถอดเฝือกเสร็จแล้ว ถูกพยาบาลเข็นออกมาพอดี “ใครหน้าเนื้อใจเสือเหรอจ๊ะ”
ปิ่นอนงค์ล้วงเงินจากกระเป๋าเงินจะหย่อนใส่กล่องบริจาคเงินทำบุญ แต่เหรียญสิบหล่นจากมือกลิ้งไป ปิ่นอนงค์รีบตามจะตะครุบ เหรียญไปหยุดที่ขาใหญ่พอดิบพอดี
ปิ่นอนงค์เงยหน้ามอง เห็นใหญ่ยืนคู่กับเพ็ญ ใหญ่ก้มหยิบเหรียญขึ้นมา ยื่นให้
“ทำบุญให้ตายก็ล้างบาปไม่หมดหรอก”
“คุณใหญ่ มาทำอะไรที่นี่คะ”
“ฉันเปลี่ยนใจ จะมาลากเธอกับแม่ไปรับโทษ”
ว่าแล้วใหญ่ก็ลากปิ่นอนงค์ไปทางบันไดหนีไฟ
จอมเข้ามา ไม่เห็นเดินมองหาปิ่นอนงค์ทั่ว
ใหญ่ลากปิ่นอนงค์ขึ้นบันไดหนีไฟ
“คุณใหญ่ได้โปรดเถอะค่ะ ขอให้แม่รักษาตัวให้หายแล้วปิ่นยินดีจะไปรับโทษ”
ใหญ่ไม่สน ลากปิ่นอนงค์เปิดประตูออกมาที่ดาดฟ้า
“โอ๊ย คุณใหญ่ ปล่อยปิ่นเถอะนะคะ”
ใหญ่พาปิ่นอนงค์มาตรงขอบตึก “ฉันให้เธอเลือก ระหว่างถูกจับโยนลงไป กับพูดความจริง”
“ปิ่นสารภาพกับคุณใหญ่ไปหมดแล้ว”
“เธอกับจอม มีอะไรกันจริงหรือเปล่า”
ปิ่นอนงค์อึ้ง “บอกมาเธอสวมเขาให้ฉันจริงมั้ย”
“มันสำคัญด้วยเหรอคะ”
ใหญ่ฉุนที่ถูกย้อน อุ้มปิ่นอนงค์จนตัวลอย ทำท่าจะโยนปิ่นอนงค์ร้องวี๊ดกอดคอใหญ่แน่น
“นอกจากอยากให้ฉันตาย เธอยังสวมเขาให้ฉัน ใจเธอทำด้วยอะไรปิ่นอนงค์”
ปิ่นอนงค์ร้องไห้ เนื้อตัวสั่น “ร้องไห้ทำไม คนที่ต้องเสียใจคือฉันไม่ใช่เธอ”
“คุณใหญ่ไม่เข้าใจ ปิ่นอยากตาย แต่ปิ่นตายไม่ได้”
ใหญ่มองปิ่นอนงค์แล้วปล่อยลงเพราะใจอ่อน “เธอเล่นละครเก่งจริงๆ ปิ่นอนงค์ ฉันไม่เคยชนะเธอได้เลย ไปได้แล้ว”
ปิ่นอนงค์เช็ดน้ำตาครวญคราง “คุณใหญ่”
ใหญ่จ้องหน้า “คราวนี้ฉันจะโยนเธอลงไปจริงๆ”
ปิ่นอนงค์ถอยหนี ใหญ่เดินตาม ปิ่นอนงค์วิ่งหนีลงบันได ใหญ่แกล้งวิ่งตาม ชะลอแล้วหยุดลงนั่ง มองตามด้วยสายตาเจ็บปวด
บุรุษพยาบาลเข็นเพ็ญมาตามทาง ปิ่นอนงค์เดินร้องไห้เลี้ยวมุมตึกไป เพ็ญมองตาม เห็นใหญ่เดินหน้าขรึมเข้ามาหา
“เสร็จแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ คุณใหญ่คะเมื่อกี๊เพ็ญเห็นปิ่นอนงค์”
“ผมไม่สนผู้หญิงหน้าซื่อใจคดอย่างงั้นอีกแล้ว กลับเถอะครับ”
ปานเทพโทร.เข้ามา ใหญ่กดรับ “ฮัลโหล ปานว่าไง”
ปานเทพแต่งชุดสูทสุดเนี้ยบหิ้วกระเป๋าเอกสารเดินมาหยุดหน้าศาลคุยโทรศัพท์กับใหญ่อยู่
“ข่าวดี ศาลถอนคำสั่งที่เคยประกาศว่าแกเป็นบุคคลสาบสูญแล้วนะโว้ย แกเตรียมตัวรับมรดกตามพินัยกรรม แต่ปัญหาก็คือ ยัยแม่มดจดทะเบียนกับพ่อแก จึงมีสิทธิ์แบ่งมรดกกับแกครึ่งหนึ่ง”
ใหญ่อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล บ่นพึมพำด้วยความแปลกใจ “แปลก แล้วทำไมยัยแม่มดไม่ทวงสิทธิ์นี้กับศาลตั้งแต่ต้น”
“ฉันว่าคงมีชนักติดหลังเรื่องฆ่าพ่อแกอย่างที่เราสงสัย ลองคิดดูเค้ากล้าสั่งวางยาแก แล้วคุณไพศาลจะเหลือเหรอ”
“แล้วจะให้ฉันสู้ยังไง” ใหญ่ถาม
เสียงปานลอดออกมา “แจ้งตำรวจจับเลย ถ้ายัยแม่มดทำผิดจริง ก็ชวดมรดกแน่อยู่ที่ว่าแกจะกล้ามั้ย เพราะปิ่นอนงค์กับป้าอุ่นก็ต้องโดนหางเลขไปด้วย”
ใหญ่อึ้ง เพ็ญได้ยินด้วย มองจ้องหน้าใหญ่
ปานเทพรู้ทันทีเห็นใหญ่เงียบ รู้สึกหงุดหงิดจึงพูดกรอกสาย “ถ้าแกใจอ่อนอีกที ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้วนะโว้ย เบื่อ”
ปานเทพตัดสาย จะเดินไปที่รถ ได้ยินเสียงรถบนถนนบีบแตรยาวดังลั่น
ปานเทพหันไปมองที่ถนน เห็นทัศนีย์วิ่งข้ามถนนอย่างร้อนรนเกือบโดนรถชน มีลูกน้องเสี่ยตงไล่ตาม
“ยัยชะนีนี่หว่า”
ทัศนีย์จะวิ่งหนีเข้าไปในสวนสาธารณะใกล้ๆ แต่ไม่ทัน ลูกน้องเสี่ยตงมายืนดักหน้า ทัศนีย์ถอยหลังหนี ลูกน้องเสี่ยตงขู่
“เสี่ยให้มาตามกลับไป”
“กลับไปให้มันทำเมียเหรอ ไม่มีทาง”
ทัศนีย์เหวี่ยงกระเป๋าสะพายใส่ ลูกน้องคนนั้นคว้าไว้แล้วกระชากทิ้ง ลูกน้องทั้งสองคนเข้าไปจับทัศนีย์หิ้วปีกจนตัวลอย
ทัศนีย์ดิ้นถีบขา “ปล่อยฉัน ช่วยด้วย ๆ”
จู่ๆ มีไม้ฟาดผลัวะมาที่หลังลูกน้องเสี่ยล้มคว่ำ ลูกน้องอีกคนหันไปมอง ปานเทพเงื้อไม้ฟาดเปรี้ยงเข้าที่หน้าอีกที ล้มไปอีกคน
ทัศนีย์เงอะงะ หวาดกลัว “ทำไงดี”
“หนีสิถามได้ ไปเร็ว”
ทัศนีย์ออกตัววิ่งจู๊ดไปอย่างไว พอหันกลับมาไม่เห็นปานเทพตามมา เพราะปานเทพโดนลูกน้องสองคนดึงข้อเท้าไว้คนละข้าง
ปานเทพพยายามสะบัด “รีบมาเร็วสิ ไม่งั้นฉันไปก่อนนะ”
“ผมมาช่วยคุณนะ ใจคอจะเอาตัวรอดคนเดียวเหรอ”
ทัศนีย์วิ่งกลับมายกเท้าเสยคางลูกน้องคนหนึ่งจนปล่อยขาปานเทพ
ปานเทพใช้เท้าที่ว่างกระทืบๆ ลูกน้องอีกคน ได้ทัศนีย์ช่วยกระทืบซ้ำ
จากนั้นสองคนพากันวิ่งหนีอย่างไวว่อง
ป่านเทพพาทัศนีย์มาที่เรือนใหญ่ ทัศนีย์กำลังเขย่าแขนใหญ่ร้องไห้โฮ “ขอนีกลับมาอยู่ที่นี่นะคะคุณใหญ่ ไอ้เสี่ยตงมันลากนีเข้าห้องมัน มันคิดจะข่มขืนนี ฮือๆๆ”
“งั้นก็แสดงว่าไอ้คนที่มาช่วยน้าเธอไปก็คือพวกมัน คนที่บุกมาเผาไร่ก็ฝีมือมันกับน้าของเธอ”
ทัศนีย์โบกไม้โบกมือ “หนูไม่รู้ด้วยนะ คุณน้าทำอะไรหนูไม่รู้ไม่เห็นด้วยจริงๆ”
ปลอดเข้าไปกระชากตัวทัศนีย์มาเขย่า “โกหก รู้อะไรบอกมาให้หมด ที่พ่อคุณใหญ่ตายก็เป็นฝีมือคุณนายครองสุขด้วยใช่มั้ย ฆ่าพ่อคนเดียวยังไม่พอ ยังส่งคนมาเอาชีวิตลูกด้วย เลวไม่มีที่ติ ฉันสุดจะทนแล้ว”
ปลอดโกรธจนลืมตัวบีบคอทัศนีย์ “นังคุณนายมันฆ่านายไพศาลยังไง บอกมา”
ทัศนีย์หายใจไม่ออก พยายามพูด “ไม่รู้”
“อย่าพี่ปลอด” เพ็ญร้องห้ามเสียงหลง ปลอดไม่สนเหวี่ยงร่างทัศนีย์จนกระเด็นไปกับมือ
ใหญ่กับปานเทพตกใจรีบเข้าไปช่วยนี “พ่อจะเค้นถามเอาความจริง หรือจะฆ่าเค้ากันแน่เนี่ย”
“แกอย่ายุ่ง คุณใหญ่ถอยไป”
ปลอดไม่ยอมปล่อย ใหญ่กับปานเทพพยายามแยกปลอดออกจากทัศนีย์
“เรื่องทัศนีย์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเองอาปลอด”
“ไม่ได้ครับ เพ็ญเกือบตายก็เพราะคนอำมหิตพวกนี้”
เพ็ญกลัวปลอดฆ่าคน แกล้งหน้ามืดเป็นลมล้มพับไปที่พื้น ใหญ่กะปานเทพร้องเสียงหลง
“น้าเพ็ญ!”
ปลอดยอมปล่อยทัศนีย์ทันที ทัศนีย์ทรุดลงไปกองเพราะหมดแรง ปลอดถลาไปประคองเมีย
ปานเทพประคองทัศนีย์ไว้ ใหญ่วิ่งไปหาเพ็ญใหญ่อุ้มไปที่ห้องก่อน
“อา ผมเอง”
ใหญ่ช้อนร่างเพ็ญขึ้นมา
ปลอดถือแก้วยาหอมเข้ามา ใหญ่ยืนหันหลังให้กำลังห่มผ้าให้เพ็ญ
“ให้น้าเพ็ญกินยาก่อน”
ใหญ่หันมา “น้าเพ็ญรู้สึกตัวแล้วครับ สั่งผมให้บอกอาปลอดว่าแค่มึนหัวขอนอนสักพัก”
ปลอดเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรแน่นะ”
ใหญ่พยักหน้าดูมีพิรุธ ปลอดโล่งใจนั่งลงที่เตียงจับมือเพ็ญ หน้าเครียด
“ที่เพ็ญเป็นแบบนี้มันต้องเป็นผลกระทบจากที่ถูกยิงคราวก่อนแน่” ปลอดเงยหน้ามองใหญ่ “กับคนพวกนี้ คุณใหญ่อย่าใจอ่อนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นทัศนีย์หรือปิ่นอนงค์”
ใหญ่ได้ยินชื่อปิ่นอนงค์ติดโผ ก็เครียดขึ้นมาทันที
ปานเทพพาทัศนีย์มาหลบที่ห้องเก่าของอุ่นเรือนกับปิ่นอนงค์ ทัศนีย์มองห้องแล้วหันขวับมาหาปานเทพอย่างไม่พอใจ “เรื่องอะไรให้ฉันมาอยู่ห้องคนใช้ ฉันไม่อยู่”
ทัศนีย์เดินลงส้นปึงๆ จะไป ปานเทพคว้าแขนไว้แล้วผลักล้มไปที่เตียงอย่างแรง
“โอ๊ย”
“พ่อผมเป็นคนจริง ถ้าไม่กลัว ก็ออกไปเลย”
“ทำไมนายต้องช่วยฉันด้วย”
ปานเทพยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “สั้นๆนะ สมเพช!”
ปานเทพเดินไปที่ประตู ทัศนีย์ร้องกรี๊ดปาหมอนใส่แต่ไม่โดน
ปานเทพผลักประตูออกมา พวกหวาน เปี๊ยก และน้อย ที่แอบฟังกันอยู่โดนประตูดีดหงายหลังล้มผึ่ง
ปานเทพชี้กราด “อย่าบอกให้พ่อฉันรู้ว่าทัศนีย์อยู่ที่เรือนคนงาน ใครปากโป้ง” ทำนิ้วแทนปืน “ตาย! เข้าใจ๋”
น้อยกะหวานประสานเสียง “เข้าใจค่ะ”
เปี๊ยกส่งเสียงอ้อแอ้ว่าบอกคุณใหญ่ได้ไหม หวานบ้องหัวเปี๊ยก
“คุณใหญ่ยิ่งบอกไม่ได้ ขนาดปิ่นเป็นเมียยังเตลิดเปิดเปิงไปจากไร่ นับประสาอะไรกับอีแค่คุณนี ไปไอ้เปี๊ยก”
หวานดึงเปี๊ยกหันกลับพร้อมน้อย ใหญ่ยืนจังก้าได้ยินหมดเลย หน้าตาเหี้ยมเกรียมจ้องเขม็ง หวานสะดุ้งโหยง
“ว้าย คุณใหญ่ หวาน...หวานไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ ไอ้เปี๊ยกมันเป็นคนพูด หวานแค่ช่วยแปลให้นังน้อยมันฟังอีกที”
น้อยแป่ว!หน้าตาเลิ่กลั่ก “ว้าย เปล่านะคะคุณใหญ่ อย่าโยนขี้มาใส่ฉันสิพี่หวาน”
เปี๊ยกร้องโวยวายจะพูดว่าตัวเองไม่ได้พูด หวานปิดปากเปี๊ยก
ใหญ่ดูอารมณ์เสียทันทีที่ได้ยินเรื่องปิ่นอนงค์ ตวาดลั่น “ใครเอ่ยชื่อปิ่นอนงค์ให้ฉันได้ยินอีก ฉันไม่ไว้หน้าแน่ หรือจะลองดี” ใหญ่ชักปืนออกมาขู่
พวกหวานตกใจร้องลั่นพากันวิ่งกระเจิงแบบตัวใครตัวมัน เปี๊ยกก็รีบจนล้มกลิ้ง หวานต้องช่วยประคองลากไป
สองคนอยู่ที่อีกมุมหน้าเรือนคนงานปานเทพขอร้องใหญ่
“อย่าบอกพ่อนะโว้ย แกก็รู้ว่ายัยชะนีเป็นแค่เด็กใจแตก”
ใหญ่มองไปที่ห้องอุ่นเรือน แล้วเหน็บปืนที่เอว “แกเป็นอะไรของแกวะ ดูปกป้องยัยนีจนผิดสังเกต หรือว่า...”
ปานเทพโวยวายกลบเกลื่อน “เฮ้ย แกอย่ามาคิดอกุศลกับฉันนะโว้ย”
“ไม่ใช่ฉันที่คิด แต่น้าเพ็ญก็คิด ถึงได้รู้ใจแก แกล้งเป็นลมเพื่อช่วยทัศนีย์”
ปานเทพตะลึง “น้าเพ็ญแกล้งเป็นลมเหรอ”
“ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ใครจะห้ามอาปลอดเวลาอารมณ์ขึ้นได้”
เสียงเพ็ญที่ฟังดูตื่นเต้นดังเข้ามา “คุณใหญ่! นายปาน! เร็วเข้า!”
ปานเทพใหญ่ หันไปมอง เห็นเพ็ญวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
เสี่ยตงนั่งอยู่ในห้องรับแขก ทรรศนะกับครองสุขวิ่งเข้ามา ครองสุขเข้าไปนั่งข้างเสี่ยเขย่าแขนถาม
“ให้คนไปตามหายัยนีเจอตัวมั้ยเสี่ย”
เสี่ยตงจับมือครองสุขที่เกาะแขนอยู่ ตาเยิ้ม ครองสุขปรายตามองไปทางทรรศนะกลัวลูกรู้ ค่อยๆ ชักมือออกจากเสี่ย
ครองสุขยิ้มหวาน “ว่าไงคะเสี่ย”
“เจอสิจ๊ะ”
ครองสุขมองหา “อ้าวแล้วมันอยู่ไหนล่ะ”
“ลูกน้องมันบอกว่าเกือบพาหนูนีมาได้แล้ว แต่คนของไอ้ใหญ่มาจับหนูนีไป”
ทรรศนะตกใจ “ไอ้ใหญ่ ผมจะไปช่วยนี”
ทรรศนะจะไป ครองสุขรีบวิ่งไปดึงไว้ “ไปไม่ได้นะ ไอ้ใหญ่มันรอเล่นงานนะอยู่” หันมาหาเสี่ยเสียงอ้อน “เสี่ยคะ”
เพราะครองสุขยืนหันหลังให้ ทรรศนะจึงไม่เห็นกริยาครองสุข ครองสุขกรีดนิ้วแถวๆร่องอกยั่วยวน
“ถ้าฉันอยากจะขอร้องให้เสี่ย ส่งลูกน้องไปช่วยหลานฉัน จะเป็นการรบกวนเสี่ยจนเกินไปมั้ยคะ”
เสี่ยตงมองตามมือและนิ้วครองสุข กลืนน้ำลายเอื้อกติดใจรสสวาท
“ไม่รบกวนเลยจ้ะ เดี๋ยวเสี่ยจัดให้” ส่งเสียงตะโกน “เด็กๆ”
จู่ๆ เสียงปืนดังเปรี้ยง!
ลูกปืนพุ่งเข้ามาโดนแจกันใบใหญ่ตรงหน้าเสี่ยตงแตกกระจาย
เสี่ยตงร้องเสียงหลง “เฮ้ย!” กระโดดหลบข้างเก้าอี้
ครองสุขร้อง “ว้าย!”
ทรรศนะรีบพุ่งไปจับครองสุขให้หมอบลง เสียงปืนดังเข้ามาอีกหลายนัด
ที่หน้าตึก ปลอด พงษ์ พร้อมลูกน้องปลอด ที่หลบหลังรถแวน 2 คัน ยิงถล่มใส่ลูกน้องเสี่ยตง ที่หลบอยู่ตามต้นไม้บริเวณหน้าตึกยิงตอบโต้เสียงปืนดังสนั่น
ฝ่ายเสี่ยตงโดนยิงบาดเจ็บไปหลายคน ต่างฝ่ายต่างกระสุนหมดโยนปืนทิ้ง แต่บางคนก็ยังมีปืน
ปลอดประกาศลั่น “ลุย เข้าไป”
ทั้งสองฝ่ายตะลุมบอนเข้าใส่กัน ใครมีปืนก็ถูกอีกฝ่ายหักข้อมือ แล้วเตะปืนหล่น สู้กันมือเปล่าแทน
เสี่ยตง ครองสุข ทรรศนะ วิ่งออกมา ปลอดเห็นรีบกระโดดเข้าหาครองสุข
เสี่ยตงจะยิงปลอด ปลอดเตะปืนหล่นไป สองคนออกหมัดต่อสู้โรมรันพันตูกัน
พงษ์เข้ามาจับครองสุข ทรรศนะเข้าไปชก แต่เจอหมัดสวนกลับ ลงไปนอนเจ็บ จังหวะหนึ่งพงษ์หยิบปืนที่หล่นจะยิงทรรศนะ ครองสุขถลาไปคร่อมเอาตัวบังทรรศนะไว้
“อย่านะ อย่ายิง”
ลูกน้องปลอดเข้าไปใกล้เล็งปืนขู่ไว้ไม่ให้สองคนขยับหนี
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ด้านปลอดชั้นเชิงเหนือกว่า อัดเสี่ยตงคว่ำหน้าลงไปติดที่พื้น ปลอดยกขาเหยียบหลังเสี่ยไม่ให้ลุกขึ้น
“วันนี้ผมจะปิดบัญชีแค้นให้กับนายไพศาล และทุกความชั่วที่คุณนายทำกับผม ทำกับคุณใหญ่ไว้”
ครองสุขยังมีฤทธิ์ “ถ้าแกฆ่าฉัน แกก็ติดคุก”
“ขอบคุณที่เตือน สำหรับคนร้อยเล่ห์กลอย่างคุณนาย ติดคุกตลอดชีวิตหรือโดนโทษประหาร น่าจะเหมาะที่สุด”
ครองสุขท้า “เอาเลย แจ้งตำรวจจับฉันเลย ฉันจะได้แจ้งความกลับว่าแกกับไอ้ใหญ่ฉุดคร่าหลานสาวฉันไป”
ทรรศนะผสมโรง “พวกคุณไม่ใช่ลูกผู้ชาย ดีแต่ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้ คืนน้องผมมา”
พร้อมกันนั้นทรรศนะทำท่าขยับ พงษ์เล็งปืนไปทางทรรศนะ ครองสุขตกใจกัดมือพงษ์เต็มแรง พงษ์ร้องลั่น ครองสุขแย่งปืนมาได้จะยิงปลอด
แต่ยังไม่ทันได้ยิง ลูกปืนพุ่งมาโดนปืนของครองสุขอย่างแม่นยำ ครองสุขร้องกรี๊ดตกใจปล่อยปืน
ปลอดกะพงษ์หันไปทางวิถีกระสุต เห็นใหญ่เล็งปืนมาทางครองสุข โดยมีปานยืนพิงหลังใหญ่เล็งปืนไปหาลูกน้องเสี่ยตงคนอื่นๆ ถวิลกับเปี๊ยกเล็งปืนขู่ไม่ให้ลูกน้องเสี่ยที่เหลือขยับตัว
“ถ้าใครขยับรับรองศพไม่สวยแน่พี่พงษ์คุ้มครองอาปลอดไปที่รถ”
พงษ์รีบเก็บปืนคุ้มครองปลอด ปลอดเตะสีข้างเสี่ยตงไปหนึ่งทีระบายแค้น จ้องหน้าครองสุขแล้วยอมออกไป เสี่ยตงลุกยืนชี้ไปทางปลอด “แค้นนี้ฉันเอาคืนแน่ ไอ้เสือเก๊”
ใหญ่ยิงใส่แถวขาเสี่ยตงหลายนัด เสี่ยร้องลั่นกระโดดหนีไปมา
“เจอกันตัวต่อตัวที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าดีแต่เป็นหมาลอบกัดเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วกัน” มองจ้องครองสุขเขม็ง “ผมจะหาหลักฐานเล่นงานคุณนายให้ได้ รับรองไม่นานเกินรอ”
ใหญ่จะไปครองสุขเรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน ถ้าแกทำร้ายยัยนี ฉันจะสู้ตายกับแก”
ใหญ่ไม่ต่อปาก ยิ้มเยาะให้
กลับมาถึงเรือนปลอดก็เฉ่งปานเทพทันที
“ป่านนี้แล้วทำไมไม่มีใครแจ้งความเอาผิดคุณนายเรื่องที่วางยาคุณใหญ่” หันมาทางลูกชาย “ไหนแกบอกว่าจะรีบจัดการ”
ปานเทพอึกอักมองมาทางใหญ่ “ผมทำได้เองก็ทำไปแล้ว แต่มีบางคนที่ดูไม่อยาก”
ใหญ่พูดเสียงเข้ม “ผมขอเวลาอีกนิด”
“คุณใหญ่จะรออะไรอีก หรือเพราะปิ่นอนงค์”
เพ็ญเดินเร่งร้อนเข้ามา “พี่ปลอด ทำไมใจร้อนอย่างนี้ เอะอะก็ยกพวกไปต่อยตี คิดว่าตัวเองเป็นเด็กช่างกลหรือยังไง”
ปลอดอ่อนลง เข้ามาประคองเพ็ญ “มันเป็นเรื่องของผู้ชาย ผู้หญิงไม่เข้าใจหรอก แล้วนี่คุณหายดีแล้วเหรอ ทำไมไม่นอนพักอีกสักหน่อย”
เพ็ญอึกอัก “เออ ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ก็มัวแต่ห่วงพี่นี่แหละ”
เพ็ญ ใหญ่ และปานเทพมองสบตารู้กัน “เมื่อกี้คุยอะไรกันเหรอคะ เพ็ญได้ยินชื่อปิ่นอนงค์”
คราวนี้ทุกคนมองจ้องใหญ่ เห็นใหญ่หน้าเครียด
เช้าวันต่อมาใหญ่ขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถโรงพยาบาล เปิดประตูแต่เปลี่ยนใจปิดตามเดิม
ใหญ่นั่งชั่งใจจะลงไปดีหรือไม่ดี
ยินเสียงปานในหัว “แจ้งตำรวจจับเลย ถ้ายัยแม่มดทำผิดจริง ก็ชวดมรดกแน่อยู่ที่ว่าแกจะกล้ามั้ย เพราะปิ่นอนงค์กับป้าอุ่นก็ต้องโดนหางเลขไปด้วย”
ตามด้วยเสียงคาดคั้นของปลอด “คุณใหญ่จะรออะไรอีก”
ใหญ่ตัดสินใจผลักประตูรถออกไป
ครู่ต่อมาใหญ่มายืนหน้าห้องอุ่นเรือน ได้ยินเสียง “ไม่ อย่า อย่าทำปิ่น”
ใหญ่ชะงักมองผ่านกระจก เห็นอุ่นเรือนดิ้นไปดิ้นมา กระชากสายน้ำเกลือ ใหญ่รีบผลักประตูเข้าไป พยายามจับมือไว้ไม่ให้ดิ้น
“ป้า ! อย่าดิ้น ผมจะเรียกหมอให้”
ใหญ่จะหยิบที่กดเรียกหมอแต่ก็เปลี่ยนใจ มองด้วยสีหน้าคั่งแค้น
“ป้าคิดฆ่าผม ทำไมผมต้องช่วยป้าด้วย” อุ่นเรือนหลับตาละเมอจับมือใหญ่แน่นไม่ยอมปล่อย เพราะคิดว่าเป็นปิ่นอนงค์
“แม่เอง แม่แอบใส่ยาในอาหารให้คุณใหญ่กิน แกมันโง่แกมารับผิดแทนแม่ทำไม” อุ่นเรือนร้องไห้โฮ “แม่ขอโทษนะลูก แม่ห่วงคุณนาย ไอ้ใหญ่มันจะทำร้ายคุณนาย ทำร้ายลูก”
ใหญ่อึ้ง อุ่นเรือนยังยกมือไขว่คว้า ใหญ่จับมืออุ่นเรือนไว้ อุ่นเรือนค่อยๆ สงบลง
ด้านปิ่นอนงค์เข็นรถออกมาพร้อมจอม “จอมไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะสาย”
จอมเดินไป ใหญ่ยืนแอบอยู่ที่หน้าบ้าน พอเห็นจอมลับตัวไปแล้วใหญ่เข้ามาขวาง
“คุณใหญ่”
ปิ่นอนงค์ทำใจกล้าถาม “ต้องการอะไรอีกคะ”
ปิ่นอนงค์ตั้งท่าจะเข็นรถไป ใหญ่พูดเสียงแข็ง “ฉันต้องการคุยเรื่องหย่า”
แม้จะทำใจแล้ว แต่ปิ่นอนงค์ก็ชะงักใจหายวูบ หัวใจปวดหนึบ
“ได้ค่ะ”
อรสอางค์กลับมาจากช็อปปิ้งเดินเข้ามา จิ๋วหอบถุงตามมาหลายถุง วางบนเตียง
จิ๋วหน้าซีด มึนๆ รีบนั่งที่พื้น “นะหายไปไหนเนี่ย”
อรสอางค์มองจิ๋วใช้ต่อ ไม่ถามอาการสักคำ “อ้าวพี่จิ๋ว นั่งอยู่ทำไม เอาเสื้อผ้าในถุงไปซักสิคะ อรอยากใส่คอลเลคชั่นใหม่ๆ บ้าง ไอ้ที่ใส่อยู่เนี่ยมันเอ๊าท์ไปหมดแล้ว”
จิ๋วตอบด้วยเสียงอ่อนแรง “ขอพี่จิ๋วไปนอนพักสักครู่ได้มั้ยคะ พี่จิ๋วรู้สึกเวียนศีรษะ”
“ทำไมพักนี้ไม่สบายบ่อยจัง หาเรื่องขี้เกียจหรือเปล่าคะ ไม่รู้ละซักให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมง” ยื่นกระดาษให้ “อาหารเย็นนี้ที่อรอยากทาน จัดให้อรส่วนตัวในห้องนอน อรไม่อยากทานร่วมกับไอ้เสี่ยกริยาถ่อย เคี้ยวดังจุ๊บจั๊บไม่เกรงใจใคร”
อรสอางค์เดินเข้าห้องน้ำไป จิ๋วประคองตัวเองให้ลุกยืนพอเงยหน้าเจอทรรศนะยืนมองอยู่ที่ประตู
จิ๋วจะอ้าปากพูด ทรรศนะรีบยกนิ้วปิดปากไม่ให้ส่งเสียง จิ๋วเลยเดินเลี่ยงออกไป
ทรรศนะมองไปที่ห้องน้ำ เห็นอรสอางค์ยังไม่ออกมา ทรรศนะรีบปิดประตู
ทรรศนะเดินมากิริยาเซ็งๆ เลี้ยวตรงมุมห้อง ชะงักกึกตกตะลึงตาค้างกับภาพตรงหน้า เห็นครองสุขยืนกอดกับเสี่ยตง เสี่ยตงไซ้ซอกคอครองสุข
ทรรศนะทนไม่ได้ เข้าไปทันที “คุณน้า!”
ครองสุขสะดุ้ง “ตานะ”
ทรรศนะดึงแขนครองสุขออกไปด้วยกัน เสี่ยตงอารมณ์ค้าง
ทรรศนะเดินเข้าห้องครองสุข สีหน้าเสียใจมาก “ทำไมคุณน้าต้องทำแบบนี้” ทรรศนะหันกลับมาหา “คุณน้าชอบด่ายัยนีว่าใจง่าย เที่ยวมั่วผู้ชายไปทั่ว แต่คุณน้ากลับทำเสียเอง”
ครองสุขหน้าเสีย น้ำตาคลอ “คิดว่าน้าอยากทำเหรอ คิดว่าน้าร่านผู้ชาย คิดอยากจะนอนกับใครก็นอนอย่างนั้นใช่มั้ย”
ทรรศนะเหน็บ “นั่นคือสิ่งที่ผมเห็น ก่อนหน้านี้ก็นายธีระ จนมาถึงไอ้เสี่ยตงอีกคน น้ารู้มั้ยว่าใจผมมันเจ็บแค่ไหน ที่เห็นแม่ตัวเองกอดกกกับผู้ชายไม่รู้กี่คนต่อกี่คน น้าลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีผม มีนีเป็นลูก เลยคิดอยากทำอะไรก็ได้”
ครองสุขสะอื้นออกมา “น้าไม่เคยลืม น้าถึงได้ทำแบบนี้ไง เสี่ยตงมันลวนลามยัยนียัยนีถึงต้องหนีไป ถ้าน้าไม่เอาตัวเข้าแลก มันคงไม่ยอมเลิกรา”
ทรรศนะโกรธเสี่ยตง จะพุ่งออกไป “ไอ้เสี่ยตง”
ครองสุขรีบวิ่งไปขวางประตูไว้ไม่ให้ไป “ไม่ได้นะ นะสู้มันไม่ได้หรอก”
“แล้วคุณน้าจะยอมมันไปอย่างนี้เหรอ”
“น้าทนได้ เมื่อได้จังหวะเหมาะเราจะยืมมือมันฆ่าไอ้ใหญ่ สมบัติของไร่ไพศาลทั้งหมดต้องเป็นของนะคนเดียว”
ทรรศนะท้วง “แต่คุณน้า”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องน้า น้าทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่น้ารัก”
ครองสุขจับสองบ่าลูกชาย ทรรศนะน้ำตาคลอสงสารแม่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง
ใหญ่ขับรถมาตามทาง ผิวปากสบายอารมณ์ “จะไปที่อำเภอใช่มั้ยคะ”
“ใครบอก”
“คุณใหญ่บอกว่าจะคุยเรื่องหย่า เลยเดาเอา” ปิ่นอนงค์พูดประชด
ใหญ่อารมณ์บูด เบรกทันที “ทำไม อยากหย่ามากงั้นเหรอ หรือว่าชู้รักของเธอมันเร่งรัด”
ปิ่นอนงค์ไม่พอใจ เปิดประตูรถลงไปทันที
“ปิ่นอนงค์ กลับมา” ใหญ่รีบเปิดประตูตาม
ปิ่นอนงค์เดินหนี ใหญ่มาดักหน้า “กลับไปขึ้นรถ ฉันจะพาเธอไปฝากงาน”
ปิ่นอนงค์ดื้อขึ้นมา “ไม่ค่ะ ไม่อยากทำ”
“ฉันสั่ง” ใหญ่ขึ้นเสียง
“ปิ่นยอมมาด้วย เพราะคุณใหญ่อยากคุยเรื่องหย่า ปิ่นเต็มใจเซ็นใบอย่าให้ แต่อย่าพูดดูหมิ่นกัน มันเจ็บค่ะ”
มีรถสองแถววิ่งมาจอดให้คนลงใกล้ๆ ปิ่นอนงค์รีบวิ่งขึ้นรถด้านหน้าคนขับ รถบึ่งออกไป
“ปิ่นอนงค์ พูดกันดีๆ ไม่รู้เรื่องเหรอ”
ใหญ่รีบขึ้นรถตัวเอง ขับตามไปทันที
ใหญ่ขับจี้ตามรถสองแถว บีบแตรยาวให้จอด
คนขับงงๆ บ่นอุบ “อะไรของมันวะ”
ปิ่นอนงค์ชะโงกมองด้านหลัง เห็นใหญ่ขับรถขึ้นมาเทียบสำเร็จ
ใหญ่กดกระจกลง ตะโกนพูดกับปิ่นอนงค์ “จอดรถ!”
ปิ่นอนงค์นั่งตัวตรงทำเป็นไม่สนใจ
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก อย่าคิดว่าฉันจะหย่าให้เธอไปมีความสุขกับคนอื่น ไม่มีทาง (บอกคนขับ) จอดรถให้ที”
คนขับเหลียวมองปิ่นอนงค์ว่าจะเอายังไง
“ไม่ต้องจอดค่ะ เค้าเป็นพวกโรคจิต จะลวนลามฉัน” ปิ่นอนงค์บอก
คนขับของขึ้น “อ้าวอย่างนี้ก็สวยสิ เกลียดนักไอ้พวกรังแกผู้หญิง”
คนขับเร่งเครื่องเบียดรถใหญ่ ใหญ่ไม่ยอมพยายามจะแซง
รถสองคันขับบี้กันไปมา ใหญ่แกล้งพลาดท่าขับรถพุ่งตกข้างทางจอดสนิท ปิ่นกรี๊ดตกใจกลัวใหญ่เป็นอะไร
“คุณใหญ่!”
รถใหญ่จอดนิ่งริมทาง ใหญ่พิงเบาะหลับตาเหมือนสลบ ห่างออกไปที่รถสองแถว พอรถจอดปิ่นอนงค์ลงจากรถ วิ่งตรงมาหาใหญ่
ปิ่นอนงค์วิ่งมาถึงเปิดประตู เขย่าตัวใหญ่
“คุณใหญ่ คุณใหญ่เป็นยังไงบ้าง คุณใหญ่ๆๆอย่าเป็นอะไรไปนะคะ”
ปิ่นอนงค์กอดใหญ่ซบไหล่ร้องไห้ ขณะที่ใหญ่หรี่ตาข้างเดียวมองอยู่ แล้วอมยิ้มชอบใจที่หลอกปิ่นอนงค์ได้สำเร็จ ปิ่นอนงค์มองหน้า ใหญ่รีบหลับตา
“คุณใหญ่อดทนไว้นะคะ ปิ่นจะพาคุณใหญ่ไปหาหมอ”
ปิ่นอนงค์ประคองใหญ่ออกมาจากรถ พยายามจะพาไปนั่งท้ายรถ เพื่อจะขับรถเอง
ปิ่นอนงค์พยุงใหญ่เข้าไปนั่ง ใหญ่ลืมตาแกล้งดึงปิ่นอนงค์ให้ล้มไปด้วยกัน ร่างปิ่นอนงค์ทับบนอกใหญ่ หัวปิ่นโขกหัวใหญ่ ดังโป๊ก ท่าทีเอาตลกๆ
“โอ๊ย! นี่เธอจะฆ่าปิดปากฉันเหรอ” ใหญ่โวยวาย
ปิ่นอนงค์ตกใจ เห็นใหญ่มองตาแป๋ว “คุณใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรเหรอคะ”
“มีเมียสวย เรื่องอะไรจะตายให้โง่”
ปิ่นอนงค์โมโหทุบที่อกอย่างแรงใหญ่ร้องลั่น “โอ๊ย!”
“คนโกหก”
ปิ่นอนงค์ผละตัวรีบถอยออกจากรถจะเดินหนี ใหญ่รีบตามไปจับแขนไว้หน้าตายียวน
“ไหนว่าจะพาไปหาหมอ”
ปิ่นอนงค์หันขวับมา เสียงสั่นเครือ “เรื่องเป็นเรื่องตาย ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่จะเอามาหลอกกัน คุณใหญ่สนุก แต่ปิ่นไม่สักนิด”
ปิ่นอนงค์น้ำตาคลอ ใหญ่อึ้งไป เอามือเชยคางปิ่นอนงค์ท่าทีนุ่มนวล น้ำเสียงประชดประชัน
“แล้วร้องไห้ทำไม เป็นห่วงฉัน กลัวฉันตายเหรอ ถ้ากลัวฉันตาย แล้วปล่อยให้ฉันเป็นไอ้งั่ง หลงคิดว่าเธอวางยาฉันทำไม”
“คุณใหญ่ พูดอะไร ปิ่นไม่เข้าใจ”
“ก็พูดความจริงไง เธอไม่ได้วางยาฉันใช่มั้ย”
“คุณใหญ่ถามทำไมคะ ในเมื่อคุณใหญ่เชื่อไปแล้วว่าปิ่นทำ”
ใหญ่คาดคั้น “แล้วทำไมเธอต้องโกหก เพื่อรับผิดแทนแม่งั้นเหรอ เธอห่วงแม่ แต่ไม่เคยห่วงว่าฉันจะเสียใจแค่ไหน เธอรักแม่แล้วฉันล่ะ เอาฉันไปทิ้งไว้ที่ไหน”
ปิ่นอนงค์สะท้อนใจ สะอื้นฮัก “แต่คุณใหญ่ก็เชื่อไม่ใช่เหรอคะ ถ้าเพียงแต่คุณใหญ่มั่นใจในตัวปิ่น ต่อให้เห็นกับตา ได้ยินกับหู คุณใหญ่ก็ต้องหนักแน่น”
ใหญ่น้อยใจ “เธอจะบอกว่าฉันผิด”
“เปล่าค่ะ ปิ่นผิดเอง ปิ่นไม่ควรเข้ามาในชีวิตคุณใหญ่ตั้งแต่แรกทำให้คุณใหญ่เป็นทุกข์ มีแต่เรื่องวุ่นวายใจ ไม่สมควรจะเป็นภรรยาคุณใหญ่”
ปิ่นอนงค์จะพูดต่อ แต่ใหญ่ดึงร่างปิ่นอนงค์เข้ามาจูบอย่างลึกซึ้ง ปิ่นอนงค์นิ่งงัน ยืนตัวแข็งทื่อ
พอได้สติปิ่นอนงค์รีบผลักใหญ่ออก ไม่กล้าสบตา “เราไม่เกี่ยวกันแล้วนะคะ อย่าทำอย่างนี้อีก”
ปิ่นอนงค์รีบเดินไปที่รถ ใหญ่ซึมตะโกนถาม “เพราะไอ้จอมเหรอ”
“ใช่”
ปิ่นอนงค์บอกแล้ววิ่งหนีไป ทิ้งใหญ่ที่ยืนอึ้งไว้ข้างหลัง
ขณะที่จิ๋วหิ้วตะกร้าจ่ายตลาดมาตรงซอยทางไปบ้านเช่าของจอม จู่ๆ เกิดอาการวิงเวียนตาพร่ามัว มองคนตัวซ้อนกัน จิ๋วเซแต่พยายามประคองตัวเดินต่อ
ปิ่นอนงค์หิ้วถุงใส่วัตถุดิบทำอาหารหลายถุงเดินตามมาด้านหลัง เว้นระยะห่างพอควร
จู่ๆ มีเสียงชาวบ้านร้องเอะอะ “ว้าย คนเป็นลม”
ปิ่นอนงค์เงยหน้ามองเห็นไทยมุง รีบวิ่งไปดู คนอื่นยืนดูเฉยๆ เอาแต่ถามกันไปมาว่าใคร
ปิ่นอนงค์เข้าไปประคอง พอเห็นหน้าก็ตกใจ “พี่จิ๋ว!”
ทรรศนะนั่งหัวโคลงไปมาจากฤทธิ์เหล้าตรงโต๊ะในสวนบ้านเสี่ยตง กำลังเอื้อมมือไปคว้าขวดเหล้า กลุ้มใจเรื่องแม่
อรสอางค์เข้ามาคว้าหมับ แย่งไป “นี่เหรอคนที่เรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก ทำตัวไร้อนาคตสิ้นดี งานดีๆ มีเข้ามาก็ไม่คว้าเอาไว้”
“ไปคอยเลียแข้งเลียขาเพื่อให้ได้งานประมูลนะเหรอ ที่คุณว่างานดี” ทรรศนะย้อน
“จะงานอะไร ถ้าได้เงินมาให้เราได้กินใช้อย่างสุขสบาย ก็ไม่เห็นต้องแคร์”
“ผมไม่ชอบ”
“ไม่ชอบก็ต้องทำ เสี่ยไม่พอใจนะมาก ดีที่อรช่วยแก้ตัวให้ ถ้าไม่มีบารมีพ่ออร นะตกงานไปแล้ว”
“ก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่ชอบ ผมเกลียดมันไม่อยากทำงานให้มัน”
ทรรศนะจะแย่งเหล้าคืนมาอรสอางค์ไม่ให้ วางอำนาจอย่างเคยตัว
“อย่าตวาดอรแบบนี้นะ ขอโทษอรเดี๋ยวนี้”
“คุณก็เลิกจู้จี้ชี้นิ้วให้ผมต้องทำนั่นทำนี่สักที ผมเป็นสามีคุณ ไม่ใช่คนรับใช้”
อรสอางค์โกรธปาขวดเหล้าแตก มือกวาดของบนโต๊ะหล่นกระจายไปหมด จังหวะนั้นกระเป๋าตังทรรศนะหล่นพื้น รูปปิ่นอนงค์หลุดออกมา
ทรรศนะใจหายรีบก้มเก็บแต่อรสอางค์ไวกว่า แย่งหยิบมาดูได้ก่อน อรสอางค์มือสั่น มองหน้าทรรศนะอย่างเอาเรื่อง
“มันใช่มั้ยคือเหตุผลที่นะนอนหันหลังให้อรทุกคืน”
ทรรศนะนิ่งไม่ตอบ อรสอางค์ของขึ้นเขย่าตัวทรรศนะอย่างแรง
“ทำไมไม่พูด รักมัน ชอบมัน คิดถึงมัน อยากนอนกับมัน ถึงได้เก็บรูปมันไว้ดูต่างหน้า อันไหน พูดออกมา”
ทรรศนะตอบห้วน “ทั้งหมด”
อรสอางค์ช็อก คุมตัวเองไม่อยู่ตบหน้าทรรศนะสุดแรง จนหน้าหัน ทรรศนะจ้องอรสอางค์อย่างไม่พอใจ กระชากรูปคืน ทรรศนะจะเดินไป อรสอางค์ผลักแล้วเข้าไปตีๆๆๆ ตามตัว
“คนเลว คนโกหก”
ทรรศนะเจ็บ ทนไม่ไหวเลยเหวี่ยงอรสอางค์ล้มลงไป
“อรโกหกผมก่อน จนถึงตอนนี้ ไม่มีสักนาทีเดียวที่อรทำให้ผมรู้สึกว่าคุณรักผม ไม่ใช่สิ คุณไม่เคยรักใครเลยมากกว่า แม้แต่พี่จิ๋วคนที่ดีแสนดีกับคุณ คุณก็ยังจิกใช้งานเค้าทั้งๆ ที่เค้าไม่สบาย”
ทรรศนะเดินหนีกิริยายังมึนๆ อรสอางค์ปล่อยโฮออกมา ทั้งเสียใจทั้งแค้นใจ
ที่บ้านเช่าจอมเวลานั้น ปิ่นอนงค์ให้จิ๋วดมยาดม จิ๋วลืมตาตื่นมองอย่างงงๆ
“พี่จิ๋วเป็นลมที่ตลาด ปิ่นเลยพาพี่จิ๋วมาที่บ้านปิ่น”
จิ๋วมองหน้าร้านปิ่นอนงค์ หน้าตาอย่างไม่เป็นมิตรจะลุกไป
ปิ่นอนงค์จับแขนห้ามไว้ “ตอนนี้แดดยังร้อนอยู่ ถ้าไปตอนนี้ลมจะจับเอาอีก”
จิ๋วเสียงห้วน “ฉันต้องรีบกลับไปทำอาหารให้คุณหนู”
“แต่พี่จิ๋วไม่สบาย ควรนอนพัก”
“นอนพักแล้วให้คุณหนูอดเหรอ” จิ๋วครวญ
“ปิ่นจะตักกับข้าวใส่ปิ่นโตให้พี่จิ๋วทุกวัน จนกว่าพี่จิ๋วจะแข็งแรงขึ้น คุณอรไม่รู้หรอก”
จิ๋วอึ้งไป เสียงอ่อนลง “หล่อนไม่โกรธฉันเหรอ”
“ปิ่นเคยเป็นคนรับใช้ นายไม่ชอบอะไร เราก็ขัดไม่ได้ ต้องเออออตามนายไป ถึงจะอยู่กับเค้าได้”
ปิ่นอนงค์พูดตรงใจจิ๋วนัก จิ๋วรู้สึกดีกับปิ่นอนงค์
ปิ่นอนงค์ส่งยาดมให้ จิ๋วรับไปอย่างเต็มใจ
อรสอางค์อาละวาดทันที ปาข้าวของทิ้งกระจุยกระจาย
“อรนะเหรอไม่เคยรักใคร ถ้าไม่รักแล้วจะทนอยู่ด้วยอย่างนี้เหรอ คนลังเล คนหลายใจ นังปิ่นอนงค์ ฉันเกลียดแก”
จิ๋วถือถาดอาหารเข้ามา อรสอางค์หันขวับ “ทำไมพี่จิ๋วมาช้านัก หรือว่าแก่จนสมองเสื่อมถึงจำไม่ได้ว่าอรต้องทานมื้อเย็นกี่โมง”
จิ๋วรีบกุลีกุจอยกไปที่โต๊ะ “พี่จิ๋วขอโทษค่ะ จะรีบจัดโต๊ะให้เดี๋ยวนี้”
อรสอางค์อารมณ์มาเต็มๆ พุ่งไปปัดถาดหลุดมือ จานชามแตกกระจาย “ไม่กงไม่กินมันแล้ว กินไม่ลง”
อรสอางค์อารมณ์ไม่ดีเดินหนีออกจากห้อง จิ๋วยืนตะลึงไม่คิดว่าอรสอางค์ที่ตนเทิดทูนจะทำขนาดนี้ จิ๋วน้อยใจนัก
บรรยากาศตลาดตอนเช้าคึกคักวุ่นวาย ผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของ
ทรรศนะเมาแอ๋นั่งซบที่โต๊ะในร้านอาหารอีสานกลางตลาด สภาพกินดื่มโต้รุ่ง มีขวดโซดาหลายขวดวางปนกับขวดเหล้า
เด็กเสิร์ฟผู้ชายมาเขย่าตัว “พี่ๆๆ เช้าแล้วนะ”
ทรรศนะเงยหน้าสะบัดหัวมึนๆ ลุกยืนหยิบกระเป๋าเงินล้วงแบงก์ให้เด็กเป็นค่าเหล้า
ครู่ต่อมาทรรศนะเดินโผเผมาในตลาด กวาดตามองหาปิ่นอนงค์
ทรรศนะมองไปเห็นด้านหลังผู้หญิงคนหนึ่ง เหมือนทรรศนะเมาตาลายจนขาดสติ เห็นผู้หญิงก็เที่ยวไปกระชากตัวดูหน้าเขาไปหมด
ทรรศนะกระชากบ่าให้ผู้หญิงคนหนึ่งหันมา ร้องเรียก “ปิ่น”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ปิ่นอนงค์ โกรธที่ถูกกระชาก ถลึงตาใส่แล้วเดินหนี แต่ทรรศนะเข้าไปกอดด้านหลังรั้งไว้ ทรรศนะส่งเสียง อ้อแอ้ เมาๆ อยู่
“ปิ่น อย่าทิ้งพี่ไป พี่คิดถึงปิ่น”
“ว้าย ไอ้ทะลึ่ง ไอ้โรคจิต”
ผู้หญิงคนนั้นผลักทรรศนะสุดแรง ร่างกระเด็นไปชนกับรถเข็นของปิ่นอนงค์ที่เข็นมาพอดี
ทรรศนะเงยหน้ามอง สองคนตกใจทั้งคู่
เวลาต่อมาสองคนนั่งอยู่ตรงตรงโต๊ะหินหน้าบ้านเช่าจอม ทรรศนะรู้เรื่องร้องเสียงหลง
“คุณใหญ่ไล่ปิ่นออกจากไร่เหรอ”
“ปิ่นหนีมาเองค่ะ แล้วคุณนะเจอคุณอรหรือยังคะ”
ทรรศนะพยักหน้า ปิ่นอนงค์มองสภาพทรรศนะเห็นโทรมไปมาก ปิ่นอนงค์แตะจมูกตัวเองเล็กน้อยได้กลิ่นเหล้า
“แล้วทำไมคุณนะถึงปล่อยตัวแบบนี้”
ทรรศนะตาแดงจะร้องไห้ “พี่ไม่มีความสุขเลยปิ่น อยู่ใกล้อรเหมือนอยู่กับไฟ ไม่เหมือนกับปิ่น เย็นเหมือนน้ำ”
ปิ่นอนงค์ได้แต่สงสาร “คุณนะ”
ทรรศนะรีบคว้ามือปิ่นกุมไว้ “ปิ่นไปกับพี่ได้มั้ย เราหนีไปด้วยกัน ไปตั้งต้นชีวิตใหม่ พี่จะทำงานหาเลี้ยงปิ่นเอง”
ได้ฟังแล้วปิ่นอนงค์ตกใจมาก “ให้คุณนะสร่างเมาก่อนดีมั้ยคะ แล้วค่อยคุยกัน”
ปิ่นอนงค์จะดึงมือออก ทรรศนะยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่ไม่มีเวลาแล้ว ถ้าจะไปก็ไปด้วยกันเลย อรอาจให้เสี่ยตงส่งลูกน้องมาตามพี่”
“ปล่อยปิ่นก่อนค่ะ คุณนะพูดเพราะไม่มีสติ”
ทรรศนะโมโห “ปิ่นยังอาลัยอาวรณ์คุณใหญ่มากกว่าเลยไม่ยอมไปกับพี่”
ระหว่างนั้นจอมเดินเข้ามาเห็นทรรศนะดึงมือปิ่นอนงค์อยู่
จอมชี้หน้า “ปล่อยมือปิ่น”
จอมพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อนะ ชกเปรี้ยง ทรรศนะเซไป
ปิ่นอนงค์ร้องห้าม “อย่าจอม”
ทรรศนะไม่ยอมฮึดฮัด พุ่งเข้าชกจอมแต่ปล่อยหมัดมั่วซั่ว จอมซัดทรรศนะอีกที แล้วเซไป
“หยุด อย่าตีกัน” ปิ่นตะโกนก้อง
แต่ไม่ได้ผล ทรรศนะพุ่งเข้าชนจอมกอดรัดจอมไว้ จอมพยายามสะบัดให้หลุด แต่ไม่หลุด
สุดท้ายทั้งคู่ล้มไปชนหม้อแกงคว่ำระเนระนาด จอมถีบทรรศนะกระเด็นไป ล้มใส่เศษแก้วตำหัวเข่าทรรศนะร้อง “อูย”
ปิ่นอนงค์โกรธจัด “หมดกัน มีลูกค้าสั่งไว้ เราต้องเอาไปส่งวันนี้”
จอมมองหม้อแกงที่คว่ำอยู่ “เราขอโทษ” ชี้ไปทางทรรศนะ “ก็มัน…”
ปิ่นอนงค์โมโห เตือนจอม “จอมไม่เคยหยุดฟังปิ่น ดีแต่ใช้กำลังชกต่อย คุณนะเค้ากำลังมีปัญหาครอบครัว แค่มาระบาย”
“แต่มันจะฉุดปิ่นไปกับมัน”
ปิ่นอนงค์ฉุน พยายามควบคุมเสียงให้เย็นลงย้อนถาม “แล้วปิ่นไปมั้ย”
จอมอึ้งเถียงไม่ออก ทรรศนะอาย พยุงตัวเดินเซๆ ออกไป ปิ่นอนงค์มองตาม
ครองสุขต่อว่าอรสอางค์ทันที
“เธอเป็นเมียภาษาอะไร ผัวหายตัวไปทั้งคืนไม่รู้ว่าไปไหน”
อรสอางค์ไม่สำเหนียกนั่งเชิด “ช่วยใช้คำให้สุภาพหน่อยนะคะ อรไม่ใช่ลูกตาสีตาสา”
ครองสุขหัวเราะ “เป็นแค่ผู้ดีตกกระป๋อง ไม่ต้องทำดัดจริตฟังไม่ได้ ฉันยอมให้เธออยู่กับตานะก็นับว่าเป็นบุญ เธอก็ควรเอาอกเอาใจตานะให้มันมากๆ หน่อย”
ขณะนั้นเองเสียงมือถือครองสุขดังมองจอสีหน้าดีใจ “ตานะโทร.มา” รีบรับสาย “ฮัลโหล นะอยู่ไหน น้าเป็นห่วงมากรู้มั้ย” ครองสุขตกใจเมื่อฟัง ร้องเสียงหลง “อะไรนะ อยู่โรงพยาบาล!”
อรสอางค์ตาค้างตกใจไปด้วย
อรสอางค์กำลังประคองทรรศนะให้เดินมาทตามทางเดินในโรงพยาบาล อาการยังกระเผลกเล็กน้อย
“โชคดีนะที่เย็บหัวเข่าไปแค่5เข็ม ไม่รู้เดินอีท่าไหนให้รถมอเตอร์ไซค์มันเฉี่ยวเอาได้”
ทรรศนะหลบตาเพราะโกหก
อรสอางค์สวนขึ้นก่อน “นังปิ่นอนงค์ใช่มั้ย ที่นะไม่ยอมกลับบ้านเพราะไปนอนค้างอยู่กับมัน”
“คิดบ้าๆ” ทรรศนะด่า
ครองสุขงง “นี่มันอะไรกัน พูดให้น้ารู้เรื่องหน่อย”
อรสอางค์ฟ้อง “หลานชายคุณน้า รักนังปิ่นถึงขนาดเก็บรูปมันไว้ดูต่างหน้าวันๆ เอาแต่เมามายคิดถึงมัน”
ครองสุขเหน็บ “ที่ผู้ชายชอบไปหาความสุขนอกบ้าน คนเป็นเมียก็ต้องพิจารณาตัวเองด้วย ไม่ใช่ดีแต่โทษผัวฝ่ายเดียว” ครองสุขหันไปหาทรรศนะ “นังปิ่นมันอยู่ที่ไหน น้าอยากเจอแม่มัน”
ทรรศนะตัดปัญหา พูดโกหก “ผมไม่รู้ครับ ไม่เคยเจอปิ่น พอแล้วนะอรอย่าพูดเรื่องนี้อีก”
ทรรศนะแกะมือเดินกระเผลกไป อรสอางค์ไล่จิก
“ทำไมคะ อรแตะมันไม่ได้เลยเหรอ”
ครองสุขเห็นพยาบาลเข็นรถพาอุ่นเรือนผ่านหน้าไป
พยาบาลเข็นรถมาถึงหน้าห้อง เจอใหญ่ถือกระเช้าผลไม้ยืนรอ
อุ่นเรือนเสียงแข็ง “คุณมาทำไม ถ้าคิดจะมาเอาเรื่อง ก็เอาตัวฉันไปคนเดียว”
ใหญ่มองพยาบาล “ผมจะพาเข้าข้างในเองนะครับ”
พยาบาลเลี่ยงไป “เดี๋ยวคุณอย่าเพิ่งไป กลับมาก่อน คุณ”
ใหญ่บอก “ผมเป็นคนจ้างพยาบาลพิเศษไว้เอง เค้าต้องฟังผม”
อุ่นเรือนงงๆ ใหญ่เข็นอุ่นเรือนเข้าห้องไป
ครองสุขเพิ่งตามมาถึงพอดี แต่ไม่ได้ยินการสนทนา ตกตะลึงที่เห็นอุ่นเรือนอยู่กับใหญ่ ครองสุขนึกถึงคำพูดใหญ่ขณะจ้องหน้าเขม็งที่หน้าบ้านเสี่ยตง
“...ผมจะหาหลักฐานเล่นงานคุณนายให้ได้ รับรองไม่นานเกินรอ”
ครองสุขหวาดหวั่นว่าหลักฐานที่ใหญ่พูดถึงคืออุ่นเรือน
“หลักฐานที่มันว่า คือแกเองเหรอ นังอุ่น!”
โปรดติดตามอ่าน “ปิ่นอนงค์” ตอนต่อไป