ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11
ค่ำนั้น...ยามาดะค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นที่โรงพยาบาล ด้วยการพ่นทรายออกจากปาก จนเขาลืมตาขึ้น ก็เห็นซีซีนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นไม่ได้สนใจ เขาเริ่มลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังตอนที่ขับเรืออยู่กลับทะเลฝ่าพายุ คุยกับยูกิแล้วอยู่ๆก็วูบไป เขารู้ตัว รีบหันมองหายูกิทันที
“ยูกิล่ะ ยูกิอยู่ไหน”
“ตื่นขึ้นมาก็แหกปากเลยนะแก”
“ยูกิล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงมันนักหรอก คนโง่ๆอย่างมันหนีไปไหนไม่รอดหรอก”
“แปลว่ายูกิยังไม่ตาย”
“ก็แน่สิ”
“แล้วนี่ผมเป็นอะไรเนี่ย”
“ฉันต้องถามแกมากกว่า ว่าไปทำอีท่าไหนหัวถึงไปฟาดกับเรือได้”
“แล้วยูกิอยู่ไหน”
“ถามถึงมันอยู่นั่น ทำไม กลัวมันหนีไปแล้วได้เงินไม่ครบรึไง ไม่ต้องห่วงหรอกยายนั่นน่ะโง่จะตาย ขนาดแกสลบไปแล้วยังไม่หนีไปไหน ขับเรือมาหาฉัน แล้วก็พามาโรงพยาบาลเนี่ย เป็นฉันนะ เอาแกโยนทิ้งน้ำแล้วก็เปิดไปแล้ว ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนาทั้งที่แกก็เป็นคนจับตัวมันมาแท้ๆ”
ยามาดะได้ยินสิ่งที่ซีซีพูดแล้วยิ่งซึ้งใจยูกิ เขาอยากจะเจอเธอให้ได้
“แล้วยูกิอยู่ไหนล่ะ”
“ฉันก็จับมันขังไว้น่ะสิ”
“ที่ไหนล่ะ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ยแล้วค่อยทำงาน”
“คุณไม่ได้ทำร้ายเธอใช่มั้ย”
“นี่...ฉันไม่ได้ซาดิสม์ขนาดนั้น นี่ฉันพาแกมาโรงพยาบาลเนี่ยจะขอบคุณซักคำก็ไม่มี”
ยามาดะค่อยโล่งอก เขาลุกจากเตียงเดินไป
“นั่นแกจะไปไหน”
“ห้องน้ำ จะมาดูมั้ย”
ซีซีเชิดใส่ ยามาดะผลักประตูห้องน้ำ พอเขาเข้าไปในห้องน้ำล็อคประตู เขาก็ต้องตกใจที่หันมาเห็นยูกิถูกล็อคกุญแจมือติดอยู่กับท่อน้ำ
“เฮ้ย”
ยูกิดีใจ
“คุณรู้สึกตัวแล้ว”
“มาทำอะไรในนี้เนี่ย”
ยูกิชูกุญแจมือที่ติดกับข้อมือเธอให้เขาดู
“แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
ยามาดะเลือดขึ้นหน้าที่เห็นซีซีทำกับยูกิแบบนี้ เขาเปิดประตูออกไปทันที ซีซีมองเหยียด
“เจอกันแล้วละสิ นะ”
ยามาดะไม่พอใจ
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำอะไร”
“ก็เอายูกิไปขังในห้องน้ำได้ยังไง”
“ก็ทำไมละ แกป่วยอยู่นี่ ฉันต้องรอแกออกจากโรงพยาบาลสิ แล้วจะให้ฉันพามันไปไหนได้”
“งั้นผมหายแล้ว ปล่อยยูกิได้แล้ว”
“ห่วงกันจริง”
“จะให้ทำอะไรต่อ นี่มันนอกเหนือที่ตกลงแล้วนะ”
“ฉันรู้ เดี๋ยวฉันจ่ายเพิ่มน่า”
“เอากุญแจมา ผมจะปล่อยยูกิ”
ซีซีไม่เต็มใจนัก แต่ก็หยิบกุญแจให้
วราพรรณยืนแอบฟังอยู่หน้าห้องพักฟื้น กดเทปอัดเหมือนสายลับทำคดี
“มีผู้ชายญี่ปุ่นอีกคนร่วมมือด้วย กำลังจะย้ายยูกิไปไว้ซักที่หนึ่ง ต้องสะกดรอยตามต่อไป...ว่าแต่พวกมันทำไมต้องถ่อมาเข้าโรงพยาบาลถึงกรุงเทพด้วยเนี่ย”
ไคคุงนั่งเครียดกัดกรามอยู่ในรถ มองแสงไฟที่ลอดมาจากบ้านรจนา
“ยูกิหายไปตั้งแต่เมื่อวาน จนป่านนี้ยังไม่กลับ ถ้าไปกับแกนะไอ้เป็นไท ฉันจะถือว่าแกหยามกันเกินไปแล้ว คราวนี้จะไม่ใช่แค่เตือน”
ไคคุงพูดจบไม่ทันไร รถของเป็นไทก็ขับเข้ามา ไคคุงเห็นรถเป็นไท แค้นขึ้นมาทันที
“เป็นแกจริงๆด้วย”
ไคคุงเดินลงจากรถ มองรถเป็นไทตาขวาง...เป็นไทขับรถเข้ามาเห็นเหมือนมีรถใครจอดอยู่ เขาจอดรถทันที
“นั่นรถใครจอดอยู่หน้าบ้านคุณน่ะ”
นับดาวชะเง้อมอง
“ฉันไม่รู้หรอก มันมืด”
“ใครที่รู้จักบ้านคุณบ้าง”
“โอ๊ย ใครก็รู้จักบ้านฉันทั้งนั้นแหละ คนแถวนี้รู้จักหมดแหละ”
“ไคคุงล่ะ”
“ก็เคยมาส่ง”
“เขารู้รึเปล่าว่าคุณไม่ใช่...”
“ไม่รู้”
“นั่นไง”
เป็นไทจะกลับรถเพื่อหนี แต่ว่าเขาก็เจอไคคุงมายืนขวางหน้ารถพอดี
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ มีเรื่องอะไรกัน”
เสียงไคคุงตะโกนออกจากด้านนอกรถ
“ยูกิเข้าบ้านก่อนมั้ย เดี๋ยวผมกับคุณไทมีเรื่องต้องคุยกันยาวนิดนึง”
เป็นไทหันบอกนับดาว
“คุณกลับเข้าบ้านก่อนไป ตรงนี้ผมจัดการเอง”
เป็นไทท่าที่ระแววระวัง นับดาวสังเกตเขา รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีแน่ๆ
นับดาวกับเป็นไทลงมาจากรถ ไคคุงพูดจากดีกับนับดาว
“เดี๋ยวยูกิเข้าไปรอข้างในก่อนนะ เดี๋ยวผมคุยกับคุณเป็นไทเสร็จเดี๋ยวผมตามเข้าไป”
นับดาวไม่ค่อยไว้ใจอาการของทั้งสอง รู้สึกว่าต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ
“ทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้านละคะ ตรงนี้ยุงเยอะจะตาย”
“มันเป็นเรื่องประสาผู้ชายน่ะ ขอคุยแบบส่วนตัวดีกว่า”
นับดาวมองไคคุง สังเกตเห็นมีดพกที่ไคคุงเหน็บไว้ที่เอว นับดาวเป็นห่วงเป็นไทขึ้นมาทันที
“เข้าไปคุยในบ้านก็ได้ ไม่มีใครแอบฟังหรอก”
ไคคุงดุ
“ผมว่าคุยแบบส่วนตัวดีกว่า เชิญยูกิไปรอข้างในก่อนเลย”
นับดาวเห็นไคคุงไม่ทันตั้งตัว นับดาวรีบวิ่งผลักเขาล้มลงไป แล้ววิ่งไปหาเป็นไท จูงมือเขาวิ่งหนีทันที
“หนีเร็ว”
เป็นไทกับนับดาวจับมือกันวิ่งออกไป ไคคุงลุกขึ้นยืนมาได้
“ยูกิ คุณปกป้องมันเหรอ”
ไคคุงรีบวิ่งตามออกไป
นับดาวพาเป็นไทวิ่งมาตามซอยต่างๆ ไคคุงวิ่งตามมา
“ทางนี้ๆ”
นับดาวพาเป็นไทซอกแซกไปตามหลืบต่างๆ เข้ามาแอบอยู่ในซอกซอกนึง
“คุณจะหนีมาทำไม เค้าไม่ทำร้ายคุณ”
“ถ้ามีฉันเค้าคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง คุณกับไคคุงไปมีเรื่องอะไรกันมา”
“เขาแค่ไม่อยากให้ผมยุ่งกับคุณ”
“มารความสุขจริงๆ”
เสียงฝีเท้าของไคคุงดังเข้ามาพอดี เป็นไทส่งสัญญาณให้เงียบ
“ออกมาเถอะน่ายูกิ ผมไม่ได้จะทำร้ายใครซักหน่อย คุณก็รู้ว่าผมสุภาพจะตาย ยูกิออกมาเถอะ”
ไคคุงเดินผ่านบริเวณที่ทั้งคู่อยู่ไปอย่างลุ้นๆ ในมือมีไม้หน้าสามด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่เห็น นับดาวกับเป็นไทโล่งใจ
“ฉันว่าคุณต้องมีอาวุธซักอย่างไว้ป้องกันตัวนะ”
มองหาแถวนั้น เห็นมีไม้จิ้มฟันร่วงอยู่
“นี่มั้ย เข้าเมื่อไหร่จิ้มฟันมันเลย”
“มันใช่เวลามาตลกเหรอ”
นับดาวจ๋อย โดนดุ
“แค่ไม่ขำก็เจ็บแล้วไม่เห็นจะต้องดุเลย”
“ไปเร็ว..ทางนี้”
เป็นไทให้นับดาววิ่งหนีนำไป เป็นไทยืนชะเง้อมองนับดาว แล้วเขาก็หันกลับไปทางด้านที่เพิ่งเดินมา เพื่อจัดการไคคุง
“นึกว่ากลัวเหรอ...”
นับดาวมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดภัย หันกลับไปไม่เห็นเป็นไทตามมา เธอเป็นห่วง วิ่งกลับไปหาเป็นไท
เป็นไทย่องๆดักไคคุง โดยที่ไม่รู้ว่าไคคุงเห็นเขาแล้วแอบอ้อมมาด้านหลังเป็นไท นับดาวเดินกลับมา เห็นไคคุงกำลังเตรียมไม้จะฟาดเป็นไทจากด้านหลัง เป็นไทยังไม่รู้ตัว นับดาวรีบเข้าไปช่วยเป็นไททันที
ไคคุงกำลังจะฟาดไม้ลงที่เป็นไท แต่นับดาวเอาตัวไปกอดเป็นไทขวางไว้ ไม้ฟาดลงที่หัวนับดาวอย่างจัง นับดาวลงไปนิ่งที่พื้น เลือดค่อยๆไหล เป็นไทและไคคุงต่างก็ตกใจ
“ยูกิ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ชาวบ้านแถวนั้นเดินผ่านมาช่วยพอดี
“ทำอะไรกันน่ะ”
ไคคุงตกใจรีบวิ่งหนีไปทันที เหลือแต่เป็นไทที่ยังตกใจอยู่ เขาเข้าไปประคองนับดาวที่อยู่พื้นขึ้นมานอนบนตัก
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
นับดาวส่งยิ้มก่อนที่จะสลบไป ชาวบ้านเดินเข้ามาดู
“เป็นอะไรรึเปล่า”
ชาวบ้านตะโกนโหวกเหวกให้มาช่วยกัน เป็นไทกอดนับดาวไว้อย่างเป็นห่วง
ยามาดะ พายูกิออกมาจากห้องน้ำ เขาถือกุญแจมือที่ถอดออกมาด้วย
“ทำไมต้องรอเวลาให้มืดค่ำแบบนี้ด้วย”
“แกอยากแห่ออกไปกลางวันแสกๆแล้วมีคนเห็นเยอะๆรึไง” ซีซีมองยูกิ “ยายนี่มันใช่ คนธรรมดาซะที่ไหน เดี๋ยวนักข่าวก็ถ่ายรูปไปลงหน้าหนึ่งหรอก”
ยูกิหันไปถามยามาดะ
“คุณหายดีแล้วแน่เหรอ จะไปเป็นอะไรระหว่างทางรึเปล่า”
“นี่ห่วงหรือแช่งเนี่ย ห๊า”
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอ”
“ชิ” ซีซีเบ้ปาก
“ไม่เป็นไรหรอก หนักกว่านี้ผมก็โดนมาแล้ว ตอนที่อยู่ยากูซ่าน่ะนะ”
“พอๆๆ ฉันไม่ฟังเรื่องยากูซ่าของแกแล้ว ฉันฟังจนเอียนจะแย่อยู่แล้ว” ซีซีมองยูกิ “แล้วนี่ถ้ามันหนีไปจะทำไง เดินไปตามท้องถนนแบบนี้เนี่ย”
“เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอก”
ซีซีคว้ากุญแจมือในมือของยามาดะ
“เอามานี่”
“จะทำอะไรน่ะ”
“เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย โดยไม่ต้องมาไล่คอยแก้ปัญหาทีหลัง”
ซีซีเอากุญแจมือล็อคยูกิข้างนึง ยามาดะข้างนึง ยามาดะตกใจ
“แต่แบบนี้จะยิ่งหนีลำบากใหญ่”
“แกสองคนลำบาก ฉันไม่ได้ลำบากนี่ ...จบมะ” ซีซีหันไปบอกยูกิ “แล้วก็อย่าลืมบังหน้าตัว เองไว้ด้วยล่ะ”
ยามาดะกับยูกิมองหน้ากันเซ็งๆ ซีซีเดินนำออกไปจากห้อง ยามาดะกับยูกิเดินตามหลังไป
ยามาดะ ยูกิ และซีซี เดินกันมาถึงโถงด้านหน้าของโรงพยาบาล ยูกิก้มหน้า กุญแจมือที่แขนมีผ้าบังไว้ ทั้งหมดรีบเดินเพื่อจะไปให้พ้นฝูงชน แต่แล้ววราพรรณที่ปลอมเป็นพยาบาลใส่แว่นคาดผ้าปิดปากก็ทักซีซีขึ้นมา
“คุณซีซีรึเปล่าคะ ติดตามผลงานตลอดเลย”
ซีซีดีใจ
“ก็เข้าใจนะคะคนมันดัง ต้องมีคนติดตามผลงานเป็นธรรมดา”
“นี่จะกลับกันแล้วเหรอคะ น่าจะอยู่ต่ออีกซักหน่อย”
ซีซีประชด
“ทักเป็นทำงานโรงแรมเลยนะคะ โรงพยาบาลมันควรจะชวนให้คนอยู่ต่อมั้ยเนี่ย”
“แหะ แหะ...คุณคนนี้ก็หน้าตาคุ้นๆนะคะ เป็นดาราด้วยรึเปล่า”
ยูกิพยายามเบนหน้าไปทางอื่น
“คุณนี่มนุษย์สัมพันธ์ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ ทักไปซะทุกคน”
“แน่นอนค่ะ”
“พอดีว่ารีบ โอเคมั้ย”
วราพรรณยิ้มให้
“ตามสบายค่ะ โอกาสหน้าแวะมาใช้บริการของเราอีกนะคะ”
ซีซีหงุดหงิดพยาบาลเดินนำยูกิกับยามาดะออกไป ตลอดทางวราพรรณเดินตามอยู่ห่างๆ ยามาดะ ยูกิ ซีซี เดินออกมาทางด้านหน้า รถของเป็นไทเข้ามาจอดทันที บุรุษพยาบาลเข้าไปล้อมรถเป็นไท เป็นไทอุ้มนับดาวที่สลบออกมาวางบนรถเข็น ซีซีกับยามาดะไม่เห็น แต่ยูกิเห็นใบหน้าของนับดาวเธอตกใจถึงกับชะงัก ยามาดะเดินต่อไปไม่ได้เช่นกันเมื่อยูกิหยุด
ยูกิจ้องหน้านับดาวที่สลบบนรถเข็นค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตามามองเห็นยูกิเช่นกัน ยูกิจะเดินตามไป แต่ก็ชะงักเพราะข้อมือที่ติดกับยามาดะ ยามาดะหันมองตามยูกิแต่บุรษพยาบาลเข็นนับดาวเข้าไปแล้ว เป็นไทก็มองตามสายตานับดาวที่มองไปด้านนอก แต่ทั้งยามาดะและเป็นไทไม่เห็นกัน ยามาดะหันมาถามยูกิเบาๆ
“มีอะไรเหรอ”
“เปล่า”
ซีซีหันไปเร่ง
“มัวช้าอะไรกันอยู่ล่ะ เร็วสิ”
วราพรรณกำลังจะตามซีซีไป แต่เห็นเป็นไทเข้าพอดี
“อ้าว มาทำอะไรที่นี่เนี่ย” เธอหันไปเห็นนับดาวก็ตกใจ “เฮ้ย...”
วราพรรณเปิดผ้าคาดปากออก เป็นไทมองอย่างปวดหัวกับท่าทางของวราพรรณ
นับดาวถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน หมอพยาบาลมองวราพรรณที่อยู่ในชุดพยาบาล เธอยิ้มแก้เก้อ
“จะไปแฟนซีปาร์ตี้กะเพื่อนน่ะค่ะ”
หมอกันไม่ให้เป็นไทกับวราพรรณเข้า ทั้งคู่ต่างห่วงนับดาว แต่พอได้สติ วราพรรณก็มองเป็นไทตาขวาง
“รู้ว่าไม่พอใจ...แต่ไม่เห็นต้องทำอะไรรุนแรงแบบนี้เลย”
เป็นไทชะงัก
“เอ่อ...”
“เพื่อนฉันถึงมันจะหลอกคุณแต่มันก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ทำไมต้องทำร้ายมันด้วย แค่คนธรรมดาที่อยากจะเป็นคนสำคัญบ้างมันผิดตรงไหนวะ”
“คือผม...”
“นี่ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง ถึงเราจะจน ไม่มีชื่อเสียง แต่ก็เป็นคนเหมือนกันนะเว้ย”
เป็นไทถอนใจ
“มาเป็นชุดเลย...ดราม่าด้วย”
“ยังไม่สำนึกผิดอีก”
วราพรรณเดินเข้าไปต่อยหน้า เป็นไทล้มคว่ำ องอาจที่เพิ่งมาถึงรี่เข้ามากันไว้
“เฮ้ย...นี่มันอะไรเนี่ย...คุณไทไม่ต้องห่วง ผมเคลียร์เอง”
“เจ้านายคุณทำร้ายเพื่อนฉัน”
องอาจหันไปว่าเป็นไท
“มันต้องถึงขั้นนั้นเลยเหรอ”
“ผู้หญิงด้วย”
องอาจหันไปว่าเป็นไทอีก
“เมาป่ะเนี่ยเราน่ะ”
เป็นไทเซ็ง
“ผมทำที่ไหนเล่า เขาเข้าใจผิดไปเอง”
องอาจหันไปว่าวราพรรณ
“นั่นไง เธอน่ะฟังความข้างเดียว”
“ฟังความข้างเดียวอะไร เพื่อนฉันเลือดท่วมขนาดนั้น”
องอาจหันไปที่เป็นไท
“ถึงเลือดเลยเหรอ”
เป็นไทพยายามอธิบาย
“เขาโดนตีหัว ผมก็ช่วยเค้ามาส่งโรงพยาบาล”
องอาจหันไปว่าวราพรรณต่อ
“นี่ไงเราน่ะ มองโลกในแง่ร้าย เค้ามาช่วยวุ้ย”
วราพรรณไม่เชื่อ
“จะมาช่วยได้ไง เพื่อนฉันไปกับคุณ จะไปโดนใครที่ไหนตีหัวถ้าไม่ใช่คุณ”
องอาจหันต่อไปว่าเป็นไท
“หลักฐานชัดเลย คราวนี้แก้ตัวไม่ขึ้นแน่ ไปทำผู้หญิงแบบนั้น ได้ยังไง”
เป็นไทถอนหายใจ
“เฮ้อ...ผมพูดไปคุณก็ไม่เชื่อ”
“แน่นอนล่ะ ท่าทางยายทอมนี่จะเชื่อมั้ยล่ะ ดูหน้าก็รู้เป็นคนใจแคบจะตาย”
วราพรรณจ้องหน้าองอาจ โกรธๆ องอาจเกรงๆ
“แต่ถึงใจแคบ แต่ผมมั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนไม่พอใจที่คุณเป็นไททำแบบนี้ พอเถียงไม่ออกก็ทำเปลี่ยนประเด็น ว่ามะ”
องอาจทำเออออกับวราพรรณ วราพรรณกับเป็นไทจ้องหน้าองอาจเขม็ง องอาจรีบชิ่ง
“เอ๊ะ นี่มีใครไปทำประวัติคนไข้รึยังนะ ดูจากลักษณะแล้วท่าจะยังนะ” องอาจทำเป็นว่าคนเรียก “ห๊า...ผมเหรอ...นั่นไง พยาบาลเรียกละ ไปก่อน”
องอาจรีบชิ่งไปทันที เป็นไทกับวราพรรณมองตามไปเซ็งๆแล้วก็หันหน้ามาเจอกันพอดีต่างคนก็ต่างหันไปทางอื่น
ทางด้าน ไคคุงกลับมาที่โรงแรมโกรธตัวสั่น
“ยูกิ คุณทรยศผมได้ยังไง คุณปกป้องมันได้ยังไง ไม่ได้...เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ยูกิเป็นของฉัน”
ไคคุงแค้นกับทุกคนที่ทำให้เป็นแบบนี้
วราพรรณซื้อข้าวมากินที่โต๊ะ องอาจถือจานข้าวมานั่งด้วย วราพรรณไม่สบอารมณ์นักที่เขาเข้ามา
“ผมบอกแล้วว่าเจ้านายผมไม่ได้ทำ”
“หืม คุณนั่นแหละตัวดีเลย”
“ว่าแต่คุณกับคุณยูกิไปเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่”
วราพรรณชะงักมีพิรุธเล็กน้อย
“เอ่อ...แล้วจะเป็นกันเมื่อไหร่มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ”
“ผมกับคุณไทน่ะ รู้จักกันมาเป็นสิบปีละ...ตาคุณบอกมั่งละ”
“เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ถาม”
“แต่คุณรู้เรื่องผมไปแล้วนี่”
“อย่ามาตุ๊ดใส่ฉันได้มะ”
“ผมไม่ใช่ตุ๊ดนะ แมนทั้งแท่ง”
“เรื่องของคุณ”
“ไม่ชอบผู้ชายเหรอ”
“ชอบผู้ชายทุกคน ยกเว้นคุณนั่นแหละ”
“ชอบจริงๆผู้หญิงจองหอง ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเนี่ย”
“นี่ ไม่ใช่เพื่อนเล่น”
วราพรรณกินข้าว ไม่อยากคุยกับเขา
“นี่คุณน่ะ...”
องอาจยังไม่ทันพูดเข้าเรื่อง ก็ถูกไม้ลูกชิ้นที่วราพรรณถือขึ้นมาจากจาน ยัดปาก
“กินซะ จะได้เงียบปากไป”
องอาจอยากพูดแต่ลูกชิ้นเต็มปาก
เป็นไทคุยรายละเอียดกับหมอ เขาถามอาการของนับดาว
“ไม่ต้องห่วง เท่าที่หมอเช็คดูแล้วเนี่ย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
“แค่นี้ผมก็โล่งใจแล้วครับ กลัวพวกสมองจะกระทบกระเทือนมาก”
หมอเดินไป เป็นไทก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ยืนมองนับดาวที่นอนหลับอยู่ใกล้ๆ
“เหมือนกันเหลือเกิน เหมือนกันมาก”
เป็นไททิ้งตัวลงนั่งข้างๆนับดาว จ้องดูใบหน้าของเธอยามหลับ
“ทำไมต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงช่วยผมด้วย...นี่ผมควรจะเอายังไงกับคุณดีเนี่ย คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่”
เป็นไทถอนหายใจ นับดาวรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นเขา เป็นไทเปลี่ยนท่าทีจากดูอ่อนโยนก็เก็กขึ้นมาทันที
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“ยัง...ยังฝันอยู่เลย”
“ตื่นมาก็ปากดี”
“ฉันพูดจริงๆ การที่ตื่นมาเห็นคุณอยู่ข้างๆ ไม่เหมือนฝันรึไง”
เป็นไทรู้สึกดีแต่เก็บอาการ นับดาวเอามือกุมหัว
“ปวดหัวจัง”
“แล้วใครให้เอาหัวไปรองไม้คนอื่นแบบนั้นล่ะ”
“ก็ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกนี่”
“ก็บอกให้หนีไป รู้จักมั้ย ไม่ฉลาดเอาซะเลย”
“ตอนนี้ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดสินะ แต่ฉันเข้าใจ ยังไงก็ขอบคุณนะที่พาฉันมาโรงพยาบาล”
เป็นไททำเฉย
องอาจกับวราพรรณ คุยกัน เรื่องนับดาวกับเป็นไท ในขณะที่กินข้าว
“นี่ ฉันถามหน่อยสิ ว่าเจ้านายคุณน่ะ เค้าคิดยังไงกับเพื่อนฉัน”
องอาจยังเคี้ยวเต็มปาก ตอบไม่ได้
“ตอบเร็วสิ ฉันอยากรู้”
องอาจรีบกลืน กินน้ำตาม
“โอ๊ย จะรีบไปไหน บทจะให้กินก็ยัดเข้ามา ไม่คำนึงถึงตอนอยากให้พูดเลย”
“อย่าบ่นนักเลยน่ะ ตอบมาว่าเจ้านายคุณคิดยังไงกับเพื่อนฉัน”
“ดีสิ คุณกำลังพูดถึงคุณยูกิอยู่นะครับ ใครก็ชอบคุณยูกิทั้งนั้น”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงทีท่าที่มันมากกว่าแค่งานน่ะ”
“แล้วคุณยูกิล่ะ คิดยังไงกับเจ้านายผม”
“ทำไมฉันต้องบอกด้วย”
“งั้นทำไมผมต้องบอกด้วยล่ะ”
“คุณนี่มันกวนประสาทจริงๆ”
“ว่าแต่คุณกับคุณยูกิ...เป็นเพื่อนกันจริงๆเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้”
วราพรรณมองหน้า
“ยังไม่จบใช่มั้ยเรื่องนี้น่ะ”
“เวลาเดินไปไหนด้วยกันรู้สึกเป็นปมด้อยบ้างมั้ย”
วราพรรณฉุนกึก
“ไอ้นี่ อยากให้ข้าวไปเละอยู่บนหัวละมั้งเนี่ย”
องอาจหยุดพูดเพราะรู้ดีว่าวราพรรณทำจริงแน่ๆ
นับดาวกับเป็นไทยังคุยกันอยู่ในห้องพัก
“แล้วนี่ไปมีเรื่องอะไรกับไคคุงเค้า ถึงต้องรุนแรงขนาดนี้”
“ทำไมไม่ไปถามไคคุงล่ะ เขาจะมีเรื่องกับผม ผมไม่ได้จะมีเรื่องกับเขา”
นับดาวครุ่นคิด
“แปลกนะ ปกติก็เห็นไคคุงเขาสุภาพจะตาย ดูไม่น่าจะมีเรื่องกับใครได้”
“พูดเหมือนรู้จักสนิทสนมกันมาจริงตั้งแต่เด็กยังงั้นแหละ อย่าลืมสิว่าคุณน่ะ...”
“ฉันรู้ ไม่ต้องย้ำ ฉันไม่เคยลืมตัวเองหรอก...ถ้าคุณเกลียดฉันนัก ฉันว่าคุณกลับไปเถอะ”
“อ๋อ ถือว่าเป็นคนป่วยเลยไล่แขกงี้ ไม่มีมารยาท”
“งั้นก็อยู่ต่อ นอนเฝ้าฉันซะที่นี่เลยแล้วกัน”
“เธอคิดว่าเธอสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เอ๊า...เอาใจไม่ถูกแล้วเนี่ย ฉันเริ่มอึดอัดแล้วนะ”
“ถ้าอึดอัดก็จะอยู่ จะมีวิธีไหนทรมานคนที่เกลียดได้ดีไปกว่าทำให้อึดอัด”
“ดี...งั้นอยู่ไปเลย ฉันรู้สึกดีที่มีคุณอยู่ใกล้ แม้จะรู้ว่าไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็ทำให้ฉันคิดไปได้ว่าคุณก็ห่วงฉันเหมือนกัน”
เป็นไทจ้องหน้านับดาว ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น
“งั้นผมกลับ...”
“ตามใจ ยังไงฉันก็มีนุ้ยเฝ้าอยู่แล้ว”
เป็นไทออกอาการไม่พอใจที่นับดาวไม่แคร์เขาเลย เขาเดินออกไปจากห้อง นับดาวเสียใจที่เขาออกไปจริงๆ
วราพรรณเดินมาตามทางเดิน องอาจเดินตามต้อยๆ เธออึดอัดที่เขาเดินตาม
“เดินตามมาทำไม”
“ใครว่าเดินตาม ก็ทางไปหาคุณยูกิมันมีทางนี้ทางเดียว”
“งั้นก็รีบๆเดินไปสิ มาเดินอยู่ข้างหลังฉันทำไมล่ะ”
“ผมไม่รีบนี่ คุณรีบคุณก็เดินนำไปไกลๆสิ”
“เฮ้ย...อยากโดนใช่มั้ยเนี่ย”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์วราพรรณดังขึ้น เธอมองเห็นชื่อ “สังวรณ์” ก็ตกใจแต่ก็รับสาย
“ฮัลโหล”
สังวรณ์คุยโทรศัพท์หน้าเข้ม
“นี่...หายหน้าหายตาไปเลยนะ เรื่องยายนับดาวที่ให้ปลอมตัวเป็นยูกิไปถึงไหนแล้ว”
“กำลังจัดการอยู่ค่ะ”
“นี่งาน met &greet ก็ใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว หวังว่ามันคงไม่ล่มหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณซังวอน”
“แล้วนี่อยู่ไหน สองสามวันมานี่ไม่เคยเข้าออฟฟิศเลยนะ”
“ก็เก็บงานให้คุณซังวอนอยู่แหละค่ะ”
“นี่...ผมเป็นคนเลื่อนตำแหน่งให้คุณนะ ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงก็ไว้หน้ากันด้วยอะไร พอได้ตำแหน่งก็ไม่เข้ามาทำงานเลย คนจะพูดว่ายังไง”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
“เข้ามาเลยตอนนี้ ผมอยากเห็นความคืบหน้า”
วราพรรณหน้าตื่น
“ห๊า...แต่นี่มันเลยเวลางานมาแล้ว”
“หรือจะให้ลดตำแหน่งไปทำงานเหมือนเดิม ผมสั่งอะไรก็ทำสิ”
“ค่ะ...เดี๋ยวเข้าไปค่ะ”
สังวรณ์วางโทรศัพท์จากวราพรรณ แพรวไพลินเดินเข้ามาหา
“หวังว่าคงเลือกใช้คนถูก ใช่มั้ยคะ”
“หัดเคาะประตูซะบ้างนะ”
สังวรหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรกับแพรวไพลินนัก
พอวางโทรศัพท์จากสังวรณ์ วราพรรณหน้าไม่ดีนัก เป็นไทเดินมาเจอทั้งคู่พอดี องอาจหันไปเห็น
“อ้าว คุณไท กลับแล้วเหรอ”
“ใช่”
“ดีเลย...เดี๋ยวผมขอติดรถไปด้วย”
“เอาสิ” เป็นไทหันไปถามวราพรรณ “แล้วคุณล่ะ”
“ฉันต้องรีบไปทำธุระเหมือนกัน”
“อ้าว แล้วทำไมไม่อยู่เฝ้าเพื่อนเธอล่ะ”
“งานสำคัญ เดี๋ยวฉันอาจจะแว้บมาได้ตอนดึกละมั้ง”
องอาจ ทำหน้าหื่น
“ถ้างั้น เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าคุณยูกิเอง”
“ไม่ต้องเลย ไปส่งคุณนักข่าวนี่ซะไป”
องอาจเซ็งๆ
“ไปส่งยังไง ผมไม่มีรถ”
“คุณไม่มีแต่ฉันมี” วราพรรณบอก
“เอาวะก็ยังดี ยังไงก็ได้ขึ้นรถฟรีกลับบ้าน”
วราพรรณหัวเราะในลำคอ
“หึ หึ”
เป็นไทหันไปบอกวราพรรณ
“งั้นฝากคุณนักข่าวนี่ด้วยแล้วกัน”
“ฉันว่าคุณฝากเพื่อนคุณกับฉันถึงจะถูก...ตกลงคุณจะเฝ้าเพื่อนฉันนะ”
“เออ แล้วคุณก็ทำธุระคุณไปเถอะ ไม่ต้องแวะมาก็ได้ ทางนี้ผมดูให้”
วราพรรณยิ้มดีใจแทนเพื่อน
แพรวไพลินทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องสังวรณ์
“มาทำไม”
“ฉันก็จะมาถามเรื่องความคืบหน้าของงานน่ะสิ”
“ผมสิต้องถามคุณ คุณเป็นแฟนเป็นไท ผมก็อยากรู้ว่ายายนั่นปลอมตัวไปเป็นยูกิได้ดีแค่ไหน”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ ฉันเพิ่งกลับจากการไปช็อปปิ้งที่ฝรั่งเศสมา กลับมาถึงก็แวะมาถามเนี่ย”
“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ ผมเพิ่งไปถ่ายรายการสัมภาษณ์สาวเกาหลีมาเนี่ย”
“จะไปสัมภาษณ์คนอื่นทำไม ฉันก็เห็นว่ารายการมีแต่หน้าคุณนั่นแหละ”
“ก็มันรายการผม จะให้มีหน้าคนอื่นเยอะกว่าผมเองได้ไง”
“แล้วนี่ตกลงเราไม่มีใครตามงานกันเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“คุณนั่นแหละต้องตาม เอาแต่ทำตัวไร้สาระไปวัน”
“นั่นไง ฉันเลยไม่ว่าง”
“เจริญละ นี่ฉันเอาเธอมาเป็นตัวถ่วงใช่มั้ยเนี่ย”
สังวรณ์เซ็งจัดกับแพรวไพลิน
เป็นไทเปิดประตูเข้ามาในห้องอีกครั้ง นับดาวนอนหันหลังให้ประตูอยู่ นึกว่าวรพรรณเข้ามา
“ตกลงเค้าเกลียดฉันจริงด้วยแก”
เป็นไทงงนิดหน่อย แต่เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาที่เตียง
“ฉันไม่อยากทำแล้ว ไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สุดท้ายฉันก็เป็นไอ้ขี้แพ้คนเดิมอยู่ดี”
เป็นไทยืนฟังนับดาวอยู่นิ่งๆ เขาจะเอามือไปลูบหัวเธอ แต่เขาก็ไม่ทำ ชักมือกลับมา
“ฉันผิดตั้งแต่เกิดมาหน้าเหมือนยูกิแล้วล่ะ”
นับดาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา เป็นไทแอบสงสารเธอ นับดาวหันหน้ามา
“แกพาฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อย ฉันมึนหัวว่ะ”
นับดาวก็ต้องผงะเมื่อเห็นเป็นไทยืนอยู่ข้างๆเตียง
“คุณ...ไปแล้วนิ...ทำไม...เพื่อนฉัน”
“เพื่อนคุณเค้าต้องไปทำงานด่วน”
“แปลว่าเมื่อกี้...”
นับดาวอายมาก เธอรีบหันหลังให้เขาเอาผ้าห่มมาคลุมโปงทันที
“ไหนบอกจะไปห้องน้ำ”
นับดาวส่งสัญลักษณ์แค่มือไล่ให้เขาไป โดยไม่เอาตัวเองออกจากผ้าห่ม เป็นไทมองงงๆ
“แปลว่าอะไร เรียกให้มาหาเหรอ”
นับดาวยังอยู่ในผ้าห่ม มือกวักไปมาให้ไป
“บอกให้ออกไปก่อน”
เป็นไทแกล้งไม่ได้ยิน
“ว่าไงนะ”
“ออกไปก่อน”
“ให้ล็อคกลอนเหรอ...จะดีเหรอ ชายหญิงอยู่ในห้องสองคน”
นับดาวหงุดหงิด เปิดผ้าห่มหันหน้าออกมาพูด
“บอกให้ออกไปก่อน”
เป็นไทอมยิ้มที่นับดาวยอมออกมาสู้หน้าแล้ว เขายืนนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะออก
“ได้...คุณไม่ออกฉันออกเอง”
นับดาวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว พอลงมาก็เซเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นไทรีบเข้ามาประคอง ทั้งคู่มองตากันหวานซึ้ง แต่แล้วนับดาวก็ผลักเขาออก
“เป็นไง เก่งดีนัก”
“ฉันไม่เป็นไร”
นับดาวมึนหัว ตาเบลอไปหมด
“ฉันจะออกไปข้างนอก ไม่ต้องตามมา”
นับดาวเดินไปทางหนึ่ง เป็นไทรีบบอก
“นั่นตู้เสื้อผ้า ไม่ใช่ประตู”
นับดาวรีบแก้ตัว
“ฉันกะจะเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนต่างหาก แต่ไม่เปลี่ยนละ”
เธอหันเดินไปอีกทาง
“นั่นหน้าต่างแล้ว รีบเหรอ จะกระโดดลงไปเลย”
“แค่จะดูว่านี่ฉันอะไร แต่ไปเลยดีกว่า”
นับดาวหันเดินไปอีกทางเดินไปถึงประตูห้องน้ำ แล้วหันมาพูดอย่างเด็ดขาดกับเขา
“ลาก่อน”
นับดาวเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตู เป็นไทเห็นก็งงๆ ตามไป
อ่านต่อหน้า 2
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เป็นไทเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา เห็นนับดาวยืนเอ๋อๆอยู่
“ข้างนอกวิวดีมั้ย”
นับดาวทำท่าสูดอากาศ
“อากาศสดชื่น”
เป็นไทมองๆ
“ไหวป่ะเนี่ย”
“ไม่ไหว ยาดมหน่อย”
นับดาวทรุดกับฟื้น เป็นไทเข้ามาประคอง
สายวันใหม่ เป็นไทเรียกนับดาวที่นั่งหลับอยู่เบาะข้างคนขับ
“นี่คุณ...คุณ”
นับดาวนิ่งไม่รู้สึกตัว เป็นไทเอาหน้าเข้าไปใกล้หูของเธอใกล้มากจนเขาอดที่จะมองความงามของเธอไม่ได้ นับดาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นเอง หันมาเจอหน้าเขา ทั้งคู่ต่างสะดุ้ง ผละจากกัน เป็นไทอายๆ
“ผมเรียกแล้วคุณไม่ตื่น”
นับดาวก็อายๆเหมือนกัน
“ฉันหูไม่ดีน่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“นี่...ถ้าไหว ก็อยากให้ไปซ้อมหน่อย พรุ่งนี้จะงานมีทแอนด์กรี๊ดแล้ว”
นับดาวพึมพำ
“มีทแอนด์กรี๊ด”
สังวรณ์เปิดเพลงเกาหลีแล้วเต้นตามท่าเป๊ะๆอยู่ในห้อง วราพรรณเปิดประตูเข้ามาท่าทางสลึมสลือ สังวรณ์ยังไม่รู้ตัวเต้นใหญ่
“ซอรี่ ซอรี่ นิกกี้ นิกกี้...” เขาหันมาเจอวราพรรณพอดีรีบเก็กทันที “เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
“เคาะตั้งนานแล้วค่ะ แต่คุณซังวอนไม่ได้ยิน”
“มีอะไร”
“ต้นฉบับทั้งหมดค่ะ ตรวจดูหมดแล้ว” วราพรรณหาว “ดูท่าทางคุณซังวอนจะมีความสุขนะคะ”
“ก็แน่ละสิ พรุ่งนี้ก็วันมีทแอนด์กรี๊ด วันตายของไอ้เป็นไทมัน อยากจะดูน้ำหน้ามันตอนที่โดนแฉนัก”
สังวรณ์สะใจไปล่วงหน้าซะแล้ว
เป็นไทยังคุยกับนับดาว เธอเหม่อๆเมื่อได้ยินมีทแอนด์กรี๊ดจากปากเขา
“เป็นอะไร แค่บอกมีทแอนด์กรี๊ดถึงกับตาลอยเลยเหรอ”
“คุณนี่ประหลาดรึเปล่า คุณน่าจะไล่ฉันไปตั้งแต่รู้ความจริงว่าฉันเป็นตัวปลอมแล้ว แล้วก็ตามหายูกิตัวจริงให้เจอสิ”
เป็นไทส่ายหน้า
“ไม่ว่าใครจะใช้ให้คุณมาทำแบบนี้...ฝากไปบอกเขาด้วยละกัน ถ้าผมชนะ ผมขอยูกิตัวจริงคืนในคอนเสิร์ตใหญ่”
นับดาวน้อยใจ
“แล้วฉันล่ะ จะเอาไปไว้ที่ไหน”
“ผมก็จะทำให้คุณมาอยู่ข้างผมแทนที่จะไปช่วยฝั่งนั้น”
นับดาวน้อยใจ
“โอเค ฉันเป็นได้แค่หมากตัวนึง”
“ทุกคนคือหมากทั้งนั้นแหละ แม้กระทั่งผม”
“แต่ยูกิเขาเป็นขุน ส่วนฉันก็เป็นได้แค่เบี้ย แล้วฉันจะบอกให้ว่าคุณไม่ได้มีเวลาเยอะอย่างที่คุณคิดหรอก”
นับดาวน้อยใจเปิดประตูลงจากรถ เป็นไทมองตาม ครุ่นคิด
ซีซีมองซ้ายมองขวา พายามาดะกับยูกิเข้ามาในโกดังร้าง
“ทำไมต้องพามาไกลขนาดนี้ด้วย”
“แกอยากให้คนเห็น อยากให้มันหนีได้รึไง ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้ามันหนีไป เงิน 40% งวดสุดท้าย ฉันไม่จ่ายแกแน่”
“แน่ใจนะว่าไม่มีใครตามมา”
“ใครตามมามันก็ท้อตั้งแต่พุทธมณฑลแล้ว ฉันยังท้อเลย”
“ให้ยูกิอยู่ที่นี่ แล้วอาหารการกินจะกินยังไง”
“หน้าที่ฉันเหรอ แกก็จัดการซะซิ”
“แต่แถวนี้ไม่มีตลาด”
“แล้วยังไง แกจะให้ฉันซื้อแฟนไชส์เซเว่นมาเปิดบริการแกรึไง”
“งั้นผมขอรถคันนึง ไว้ขับไปซื้อของ”
“ส่งชิงโชคสิ เดี๋ยวก็ได้”
ยามาดะโกรธ
“เฮ้ย...จะเอาไงวะ ขอรถก็ไม่ให้ จะให้เดินไปตลาดเองรึไง ไกลเป็นสิบกิโล”
ซีซีเกรงๆ
“นี่ฉันเจ้านายแกนะ”
“เจ้านายแล้วไง นี่ยากูซ่าเก่านะ ไม่ธรรมดานะ อย่าให้โมโห เข้าใจป่ะเดี๋ยวฆ่าหมกซะเลยนี่”
ซีซีหวาดๆ
“เออ เดี๋ยวหารถมาให้ ทำเป็นใจร้อนไปได้”
ยูกิมองทั้งคู่แล้วถอนหายใจ
แสงสีเสียงฉากบนเวทีเซ็ตไว้พร้อมหมดแล้ว ขาดแต่นับดาวที่ยังไม่มาซ้อม เป็นไทชะเง้อมองหา
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมยังไม่มารันทรูอีก”
องอาจวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณไท คุณไท...มาแล้วครับ”
“ยูกิน่ะเหรอ”
“ไคคุง พาลูกน้องมาเต็มเลย จะมาถล่มเราแน่ๆเลย”
“อย่าเพิ่งกลัว เราก็มีคนของเราเหมือนกัน”
เป็นไทชูมือขึ้นตบสองที พวกเด็กพร็อพ เด็กไฟ หุ่นผอมบางตัวเล็กก็มายืนเรียงแถวกัน 5-6 คน บางคนใส่เสื้อกล้าม บางคนถอดเสื้อ กางเกงสามส่วน องอาจเห็นสภาพแล้วท้อ
“นี่รวมทีมยุวชนทหารเปิดเทอมไปรบเหรอเนี่ย ดูสภาพแต่ละคน”
ไคคุงเดินเข้ามาหน้าเวที พร้อมกับพวก 5-6 คน ใส่สูทพร้อมแว่นดำ ตัวใหญ่ ล่ำ สูง เท่ ทุกคน บอดี้การ์ดทั้ง 5-6 คนมาประชันหน้ากัน องอาจหันไปมอง
“จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า จะต่อยหน้าเขาต้องเอาไม้มาสอยซะละมั้ง”
ไคคุงเดินมาประชันหน้าเป็นไท
“ยูกิอยู่ไหน”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“เรามาคุยกันอย่างลูกผู้ชายดีกว่าน่า”
องอาจที่ยืนฟังอยู่ด้วย พึมพำออกมา
“ตั้งใจมาคุย ต้องพาพวกมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วดูหน้าพวกมันแต่ละคน” องอาจมองไปที่บอดี้การ์ดไคคุงแต่ละคน “ถ้าพูดเก่งน่าจะเป็นมิตรกว่านี้”
ไคคุงและบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมด หันควับมามอง องอาจหนาวๆร้อนๆ ยกวอขึ้นมากด
“เออ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
องอาจเฉไฉรีบชิ่งออกไป
ซีซีจับยูกิมัดกับเก้าอี้เธอเดินถอยออกมา ยามาดะที่มองอยู่ไม่เข้าใจการกระทำซีซี
“จะมัดทำไม จากตรงนี้หนีไปไหนได้ที่ไหน”
“ฉันจะสัมภาษณ์มัน ฉันไม่อยากให้มันเดินหนีไปไหนหรือไม่ตอบคำถาม”
“คุยกันดีๆก็ได้มั้ง”
“แล้วนี่ฉันคุยไม่ดี หรือพูดหยาบคายตรงไหนล่ะ” ซีซีหันไปมองยูกิ “เธอคือยูกิตัวจริงรึเปล่า”
ยูกิงง
“เธอเป็นอะไรของเธอ ทำไมต้องถามคำถามงี่เง่าแบบนี้ด้วย”
“ก็อยู่ๆยูกิก็โผล่มาสองคนจะไม่ให้ฉันถามได้ยังไง”
“คุณเพ้อไปเองรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้บ้า” ซีซีหันไปหายูกิ “ตอบมา ตัวจริงรึเปล่า”
ยูกิไม่ค่อยพอใจ
“ถามแบบนี้จะได้อะไร ทำไมไม่เอาหลักฐานมายันกันล่ะ”
“ผมตอบได้...ว่านี่คือตัวจริง” ยามาดะยืนยัน
ซีซีมองหน้า
“แกชัวร์ได้ไง แกเคยเจอตัวปลอมแล้วเหรอ มันอาจจะจริงกว่ายายนี่ก็ได้”
“ผมรู้จักยูกิตั้งแต่เด็ก คอยแอบดูเธอ สังเกตเกี่ยวกับเธอมาตลอด ผมจะไม่รู้ได้ยังไงว่าใครตัวจริงใครตัวปลอม”
ยูกิหันไปมองยามาดะ อมยิ้ม ซีซีพอใจ
“ดี...ถ้าแกชัวร์ก็ดี พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปแฉกับนักข่าวให้มันรู้กันไป ว่าทางค่ายเทปเอาตัวปลอมมาแทนยูกิเพื่อปิดข่าว”
ยูกิไม่เห็นด้วยกับการกระทำของซีซี
“ขนาดตัวปลอมของฉัน เธอยังต้องทำลายเค้าเหรอ เค้าไม่ได้เกี่ยวด้วยเลยนะ”
“อะไรที่เกี่ยวกับแก ก็ขวางทางฉันทั้งนั้นแหละ...ฉันไม่เหลือที่ไว้ให้แกเดินหรอก”
ยูกิระอากับซีซี ยามาดะก็เช่นกัน
ไคคุงจ้องหน้า เป็นไทยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ยูกิอยู่ไหน”
“ก็คุณเป็นคนตีเธอสลบไปไม่ใช่เหรอ แล้วเธอควรจะมาอยู่ที่นี่มั้ยล่ะ”
“ผมให้คนเช็คทุกโรงพยาบาลแล้ว ไม่มี โรงพยาบาลไหนมีชื่อเธอพักอยู่”
“งั้นผมก็ไม่รู้”
“คุณอย่ามาปากดี ยูกิเป็นของผม ใครจะพาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ผมว่าคุณไม่ได้รักยูกิจริงๆหรอก เพราะถ้าคุณรักเธอจริง คุณน่าจะรู้ว่ายูกิคนนี้ไม่ใช่ของคุณ”
“พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”
นับดาวเดินเข้ามาในห้องโถงพอดี
“ไม่ว่าคุณจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผมจะบอกคุณว่ายูกิคนนี้เป็นของผมไม่ใช่ของคุณ”
นับดาวอึ้งที่ได้ยินสิ่งที่เป็นไทพูด ส่วนบอดี้การ์ดของไคคุง รีบบุกเข้าไปจะไปทำร้ายเป็นไท แต่บอดี้การ์ดเป็นไทมายืนกันไว้ บอดี้การ์ดไคคุงชนบอดี้การ์ดเป็นไทกระเด็นล้ม จะลุยต่อ นับดาวตะโกนห้ามสำเนียงญี่ปุ่น
“หยุดนะ”
นับดาวเดินมากลางวง
“นี่ฉันเจ็บคนเดียวยังไม่พออีกใช่มั้ย”
ทั้งวงเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ไคคุงดีใจ
“ยูกิ คุณไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย คุณกลับญี่ปุ่นกับผมเถอะ ไม่ต้องจัดมันแล้วคอนเสิร์ตอะไรเนี่ย”
“ฉันว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
ไคคุงอื้ง
“ยูกิ...คุณไล่ผม”
“ฉันว่าคุยกันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องหรอก คุณกลับไปก่อนเถอะ”
ไคคุงอายที่โดนปฏิเสธจากยูกิ เขารีบพาพวกออกไป นับดาวถอนหายใจโล่งอก องอาจวิ่งเข้ามาทำท่าเก๋าทันที
“โธ่เอ๊ย ไม่เจ๋งนี่หว่า แน่จริงเข้ามาดิ จะสอยให้ร่วงเลย”
เป็นไทหมั่นไส้
“ตามไปดิ ยังทัน”
องอาจจ๋อย
“ไม่อยากมีเรื่อง ม่าม๊าห้ามไว้”
เป็นไทมองหน้า
“ทำไม กลัวลูกแพ้เหรอ”
องอาจทำฮึดฮัด
“เฮ้ย...คุณไท พูดอย่างนี้...”
นับดาวมองยิ้มๆให้องอาจ แต่หลบตาเป็นไท เธอเดินเข้าไปหลังเวที เป็นไทได้แต่มองตาม
ซีซีเดินออกมาข้างนอก ยูกิเดินตามออกมาถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้าเธอทำอย่างนั้นเธอก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าถ้าเธอแฉเค้า ทุกคนก็ต้องรู้ว่าฉันหายตัวไป แล้วมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาตัวฉัน”
“แล้วคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอลอยนวลอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าเธอคิดจะทำอะไรฉันจริง ๆ เธอคงไม่ปล่อยฉันจนทุกวันนี้หรอกจริงมั้ย”
“อย่าท้านะ”
“ฉันไม่ได้ท้า ฉันแค่อยากเตือนสติเธอให้คิดให้ดี อย่าทำอะไรเอาแต่สะใจ แล้วไม่คิดถึงผลที่ตามมา ตอนนี้เธอยังมีโอกาสกลับตัวนะซีซี”
“เทศน์เป็นแม่ชีเชียวคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูฉลาดขึ้นเหรอ”
“คนโง่มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นเสมอ”
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่า พรุ่งนี้หลังจากที่ฉันแฉเรื่องนังยูกิตัวปลอม ฉันจะปล่อยข่าวว่าตัวเองเป็นฮีโร่ช่วยเหลือซุปเปอร์สตาร์พลัดถิ่นอย่างเธอล่ะ คราวนี้ฉันจะได้กลับมาดังอีกครั้งแน่ๆ อย่างนี้ฉลาดพอมั้ย”
“แล้วไม่กลัวว่าฉันจะแฉเธอเหรอ”
“เธอคงไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก”
“ตำรวจคงตามสืบเรื่องนี้ไม่ยาก”
“ถ้าเธออยากให้กิ๊กเก่าเธอถูกจับก็เอาสิ”
“มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคนยามาดะไม่เกี่ยว”
“งั้นก็หุบปากซะแล้วฉันคงไม่ต้องสอนอีกนะว่าต้องทำยังไง”
ยูกิอึ้งไป
“คราวนี้เห็นหรือยังเธอกับฉันมันคนละฉัน ยังไงเธอก็ไม่มีวันตามฉันทันหรอก แล้วนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมวันนี้เธอถึงมาอยู่ที่นี่”
ซีซียิ้มเหยียดด้วยความเหนือกว่า ก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไป ยูกิอ่อนใจยามาดะเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุยอะไรกัน”
“เปล่า ถ้าเป็นสุภาษิตไทยคงพูดว่าสีซอให้ควายฟังมั้ง” ยูกิบอกเซ็งๆ
นับดาวถือชุดกำลังจะเข้าห้องแต่งตัว เป็นไทผลักประตูห้องแต่งตัวเข้ามาพร้อมกับดันนับดาวเข้าไปข้างในด้วย เขาปิดล็อคประตูเธอตกใจ เขาเอามือปิดปากเธอไว้ พร้อมเอานิ้วชี้แตะปากเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบๆ ก่อนจะพูดกับเธอเบาๆ
“ผมดีใจที่คุณมา”
“ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้นี่”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราคุยกันคนอื่นก็รู้เรื่องหมดสิ พวกช่างแต่งหน้าน่ะ ขี้เม้าธ์จะตาย”
“ถ้าจะเข้ามาพูดแค่นี้ก็ออกไปได้แล้ว”
“ตั้งใจซ้อมนะ”
“คุณไม่พูดฉันก็รู้หน้าที่อยู่แล้ว”
“นี่คุณโกรธอะไรผมเนี่ย คุณหลอกผม แล้วผมเดินไปตามเกมของคุณ ผมผิดตรงไหน ผมสิควรจะโกรธ”
นับดาวนึกถึงที่เป็นไทพูดกับไคคุงว่ายูกิคนนี้ของผมขึ้นมา เธอทำหน้าไม่ค่อยถูก
“ถ้าจะแค่เล่นเกม ก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาแบบที่พูดกับไคคุงอีก มันไม่ได้ทำให้เกมสนุกขึ้นหรอก”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ คอสตูมมาตามนับดาว เป็นไทกับนับดาวตกใจ
“ยูกิคุยกับใครอยู่เหรอคะ”
“เปล่าค่ะ แค่ซ้อมร้องเพลง”
“เหรอคะ แล้วเป็นไง ชุดใส่พอดีมั้ย”
“กำลังลองอยู่ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่เข้าไปช่วยใส่มั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใส่เสื้อผ้าเองมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ”
“งั้นพี่รออยู่หน้าห้องนะคะ”
“รอทำไมค่ะ ไม่ต้องรอค่ะ”
“เดี๋ยวชุดมันต้องติดแอคเซสซารี่ด้วยน่ะค่ะคุณน้อง มันถึงจะฟูลออฟชั่น”
นับดาวจ้องหน้าเป็นไทอยากจะเอาเรื่องเขาใจจะขาด
“ได้เรื่องเลยเห็นมั้ย”
เป็นไทได้แต่ยิ้มแหยๆ
นับดาวจ้องหน้าเป็นไทเขม็ง โกรธที่เป็นไทหาเรื่องมาให้เธอ เพราะตอนนี้คอสตูมมายืนรอนับดาวอยู่หน้าห้องแต่งตัวแล้ว เธอไม่รู้จะทำยังไงกับเป็นไทดี เพราะถ้ามีใครเห็นว่าทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ไม่ดีแน่ เป็นไทได้แต่ยิ้มแหยๆ
“เอาไงดีล่ะทีนี้”
“ก็ออกไปแบบนี้แหละ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
“จะบ้าเหรอ ชื่อเสียงฉันเสียหายหมด”
“ชื่อเสียงยูกิ ไม่ใช่ของคุณซักหน่อย”
“แค่นี้ฉันยังไม่บาปพออีกรึไง จะต้องมีใครมาเสียหายเพราะฉันอีกใช่มั้ย”
เป็นไทมองนับดาวยิ้มๆที่เธอเป็นคนดี นับดาวหันไปเห็นกระสอบใสเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้น เธอหันไปมองหน้าเป็นไทยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นไทเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไม่นะ...”
คอสตูมยืนรอนับดาวอยู่หน้าห้องแต่งตัว หน้าเบื่อนิดหน่อยที่รอนาน ประตูห้องแต่งตัวเปิดออกมา นับดาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ยิ้มให้
“ยูกิใส่ชุดนี้แล้วเพอร์เฟคมากๆ เติมแอคเซสซารี่อีกยิ่งเลิศค่ะ”
นับดาวได้แต่ยิ้มๆ ตาก็คอยมองกระสอบเสื้อผ้าอย่างระแวงๆ คอสตูมเอาสร้อย เข็มกลัด สารพัดแอคเซสเซอรี่มาใส่ให้นับดาว แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นกระสอบเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวขยับ สงสัย
“นั่นถุงอะไรคะ”
“เอ่อ...คงเป็นถุงเสื้อผ้ามั้งคะ”
“ใครเอาไปวางไว้ในห้องแต่งตัวนี่ แย่ะจริง ห้องก็เล็กอยู่แล้วยังจะไปยัดไว้อีก”
คอสตูมเดินจะไปย้าย นับดาวห้ามไว้
“อย่าย้ายนะ”
“ทำไมละคะ เกะกะออก”
“ไม่เห็นจะเกะกะตรงไหนเลย เอาวางตรงนั้นแหละ”
“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณไทรู้ว่าฉันละเลยหน้าที่ละแย่เลย”
เป็นไทที่อยู่ในกระสอบสภาพแย่ เริ่มกังวลใจที่คอสตูมจะเดินมา คอสตูมจะเข้าไปเก็บ นับดาวคว้าแขนไว้ คอสตูมหันมามองหน้านับดาว สงสัยว่าทำไมต้องห้าม
“อย่าเลยค่ะ แต่งตัวตัวฉันให้เสร็จก่อนดีกว่า ข้างหน้าเขาพร้อมแล้ว เดี๋ยวเค้าวอมาเร่ง เดี๋ยวจะโดนกันหมดนะคะ”
“ก็จริงเนอะ”
นับดาวยิ้มที่พูดจูงใจคอสตูมได้ แต่ไม่ทันไร คอสตูมก็ส่งเสียงเรียกเพื่อนมาช่วย
“ป้าจิ๋ม...มานี่หน่อยเร้ว”
นับดาวหน้าเสียที่มีคนมาเพิ่มอีก แล้วคอสตูมอีกคนก็เดินมา
“ว่าไงจ้ะ”
“ช่วยยกถุงนั่นไปเก็บให้เป็นที่เป็นทางหน่อยได้มั้ย อะไร เอามาวางไว้ในห้องแต่งตัวได้ยังไง”
“แหม ทีงานหนักๆนี่โยนฉันตลอดเลยนะ”
ป้าจิ๋มเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพยายามจะยกถุงออกมา แต่ยกไม่ขึ้น ลากออกมาจากห้องแต่งตัวได้นิดหน่อย
เป็นไทอยู่ในกระสอบหน้าเหยเก เกร็งตัวให้นิ่งที่สุด ป้าจิ๋มลากถุงแทบไม่ไป
“นี่ใส่อะไรไว้เนี่ย หนักยังกะศพ”
ป้าจิ๋มจะเปิด นับดาวหันไปเห็น รีบผลักป้าจิ๋มออกแล้วก็นั่งทับบนกระสอบทันที กระสอบที่ถูกนับดาวนั่งทับ ยวบลงมาทับคอเป็นไท เป็นไทอยากจะแหกปากร้องแต่ได้แต่ทำท่าโดยไม่ออกเสียง คอ หลังงอ เพราะถูกทับ
“ไม่ต้องยกไปไหนหรอกค่ะ เมื่อยอยู่พอดีเลย” นับดาวรีบบอก
คอสตูมทั้งสองมองนับดาวอย่างงงๆ
“มาแต่งต่อสิคะ ฉันแค่อยากหาที่นั่งสบายๆพักขาหน่อย เดี๋ยวขึ้นเวทีนี่ต้องยืนอีกนาน”
“แล้วนั่นมันสบายเหรอคะ ฉันไปเอาเก้าอี้มาให้ดีกว่ามั้ย”
นับดาวนั่งยักแย่ยักยันอยู่บนกระสอบที่เอียงไปเอียงมา เป็นไทที่อยู่ภายในหน้าเบ้ ตัวสั่นแทบรับน้ำหนักไม่ไหว
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากเปล่าๆ” นับดาวพูดกับกระสอบ “อยู่เฉยๆสิ”
คอสตูมมองพฤติกรรมแปลกๆของนับดาว
“ดูอะไรคะ มาทำต่อสิคะ จะได้เสร็จ”
“เสร็จแล้วค่ะ”
“เสร็จแล้วดูอะไรอยู่คะ ก็ไปสิ”
“แล้วยังจะนั่งอยู่อีกเหรอ”
“ฉันขอพักแป๊บนึง จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
นับดาวทำหน้าว่านั่งสบายมาก แต่จริงๆท่าทางไม่น่าสบายเลย คอสตูมทั้งสองเดินออกไปอย่างงงๆ นับดาวมองดูจนเห็นว่าทั้งคู่ไปแน่นอนแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้น รูดซิบเปิดให้เป็นไทโผล่ออกมา แต่เป็นไทกลับนิ่ง ไม่โผล่ออกมา นับดาวชะโงกหน้าไปดูในกระสอบ เห็นเขานั่งตัวงอ คอพับ นับดาว แหวกปากกระสอบเปิด
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
เป็นไทลุกขึ้นยืนแต่คอยังเอียง
“ท่ามันเหมือนคนไม่เป็นไรตรงไหนเนี่ย”
“อุ่ย...ท่าเก๋เชียวนะ”
“เก๋อะไรล่ะ คุณนั่งทับหัวผม”
“ปัญหาแค่นี้ เรื่องเล็ก”
นับดาวเดินไปที่เป็นไท จับคอล็อคแล้วง้างมาในแนวตรง เป็นไทร้องเสียงดัง”
“โอ๊ย...จะบ้าเหรอ”
“ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
เป็นไทคอแข็ง หันซ้ายขวาไม่ได้ จะทำอะไรต้องหมุนเอาทั้งตัว
“นี่...อยากให้ผมคอหักตายรึไง”
“แล้วเป็นอะไรมั้ยล่ะ”
นับดาวเดินออกไป ทิ้งเป็นไทยืนคอแข็งอยู่คนเดียว
“เฮ้ย ไปไหนล่ะ ทำผมเป็นแบบนี้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบเลยรึไง”
นับดาวประชด
“ฉันมีงานต้องทำ ถ้าฉันหลอกคนได้ไม่เนียน เดี๋ยวฉันจะตกงานเปล่าๆ”
“เอาไงดีละเรา”
เป็นไทหมุนตัวทั้งตัวแบบคอแข็งๆ เดินออกไป
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ เวลา 9.00 น.
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11 (ต่อ)
บนเวทีพร้อมแล้ว ทีมงานกำลังเทสต์ไฟจุดต่างๆ บนเวที เป็นไทนั่งคอแข็งดู มีองอาจนั่งอยู่ข้างๆ
“คุณไทดูไฟทางขวาเวทีหน่อยสิครับ โอเคมั้ย”
เป็นไทแค่เหลือบตา
“โอเค”
“โอเคได้ไง คุณไทยังไม่หันไปดูเลย”
“ผมไว้ใจคุณ”
“จะไว้ใจผมได้ไง ก็ผมอยากให้คุณไทแสดงความเห็น”
“เอ๊ะไอ้นี่ ไว้ใจก็ไม่ชอบ ต้องทำไงถึงจะพอใจ ต้องตอบว่าไม่ชอบ ไม่เวิร์คว่ะ แก้ใหม่หมดเลย”
“แก้ไม่ได้แล้วครับ งานมีพรุ่งนี้”
“นั่นไง มันยังงี้ไง แล้วคุณจะขอความเห็นผมเพื่อ?”
“แหะ แหะ”
องอาจเหลือบตาหันไปเห็นแพรวไพลินกำลังเดินเข้ามา
“คุณไท มาโน่นละ”
เป็นไทคอแข็งไม่ได้หันตาม
“ยูกิเหรอ”
เป็นไทยิ้ม จะหันไปหายูกิ แต่แพรวไพลินเข้ามาประชิดตัวพร้อมของเต็มมือ พร้อมกับหอมแก้มหนึ่งที เป็นไทตกใจ
“คิดถึงพี่ไทจังเลยค่ะ”
“คุณแพรวไพลิน มาเต็มไม้เต็มมือเลยนะครับวันนี้”
เป็นไทดุองอาจเบาๆ
“คราวหลังบอกล่วงหน้าด้วย”
“เมื่อกี้ก็บอกแล้วนะ”
แพรวไพลินมองสงสัย
“คุยอะไรกันคะ ท่าทางสนุกเชียว”
องอาจประชด
“เครียดจนคิ้วรวมร่างกันแล้ว บอกท่าทางสนุก”
แพรวไพลินส่งถุงของฝากให้เป็นไท
“แพรวไปปารีสกับที่บ้านมาค่ะ เลยซื้อของมาฝาก”
“หลายถุงแบบนี้...” องอาจหวังในใจว่าต้องได้บ้าง “มันต้องมีของเราซักถุงแหละ”
แพรวไพลินแบ่งของ เปิดดูในถุงว่าเป็นของใคร
“อ่ะนี่ของพี่ไท”
องอาจมีความหวัง อยากได้ของฝาก แพรวไพลินไม่สนใจองอาจ เธอเปิดอีกถุง
“อันนี้ก็...ของพี่ไทอีกนั่นแหละ”
องอาจจากที่ลุ้นว่าเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่ เก้อ แต่พอเห็นแพรวค้นถุงใหม่ องอาจก็มีหวังอีก
“อันนี้ฝากคุณพ่อ คุณแม่ พี่ไทนะคะ แล้วอันนี้ก็ฝาก...”
องอาจจามที่ลุ้นแล้วท้อมาหลายอัน พอเห็นแพรวไพลินหันมามอง ความหวังก็ขึ้นเต็มปรี่ สบตาแพรวไพลินตาประกาย
“มองอะไร...”
“ก็ไม่รู้...คนมันมีหวัง”
“อันนี้อันสุดท้าย...ของแพรวเองค่ะ”
องอาจหมดหวังในที่สุด บ่น
“ของฝากตัวเองจะถือมาทำไมวะน่ะ”
เป็นไทคอแข็งไม่ได้สนใจของนัก แต่แพรวไพลินก็นั่งประชิดตัวเขามาก
นับดาวเดินขึ้นมาข้างเวที เปิดม่านไปเพื่อจะมองเป็นไท เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง แต่กลับเห็นแพรวไพลินอยู่กับเป็นไท เธอมองจ๋อยๆ ค่อยๆปิดม่านลง
แพรวไพลินคุยกับเป็นไทที่นั่งคอแข็งอยู่ เป็นการคุยที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย เป็นไทมีน้ำแข็งคอยประคบที่คอด้วย
“แล้วนี่ยูกิไปไหนละคะ”
“ทำไมวันนี้ถึงถามถึงยูกิล่ะ ปกติไม่เห็นสนใจ”
“ก็แค่ถามไปทั่วๆน่ะค่ะ”
“ก็ดี”
“ก็ดีนี่หมายถึงอะไรคะ เหมือนเดิมมั้ย หรือแปลกๆไป ดูน่าสงสัย”
“ทำไมเขาต้องดูแปลก หรือน่าสงสัยด้วย”
แพรวไพลินพิรุธเล็กน้อย รีบแก้ตัว
“แหม ก็นางนั่นมันประหลาดจะตาย ก็นึกว่าก่อเรื่องอะไรอีกน่ะสิคะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคนอื่นหรอก เอาตัวเองให้ดีก่อนเถอะ”
“พี่ไทอ่ะ”
องอาจวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ บอกเป็นไท
“มาแล้ว”
“ยูกิเหรอ”
ยังไม่ทันที่จะหันไป เสียงของคนที่มาก็โผล่มาทางด้านหลังของเป็นไทก็ดังขึ้น
“รันทรูสำหรับงานพรุ่งนี้อยู่เหรอ”
เป็นไทที่คอแข็งไม่หันไป ก็รู้ทันทีว่าใครมา
“มาทำไม วันนี้ไม่ได้เชิญนักข่าวมา วันจริงมันพรุ่งนี้โน่น”
สังวรณ์ทำเข้ม ถือว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
“ก็อยากดูน้ำหน้าคนที่พยายามจะทำงานใหญ่น่ะสิ”
“เสร็จแล้วก็ไปซะสิ ผมจะทำงานของผม”
“แกอย่ามาทำท่าจองหองกับฉันนะ”
“จองหองอะไร”
“ก็ท่าทางที่แกทำอยู่น่ะ หันหลังคุยกับฉัน ไม่เหลียวมามองหน้าด้วยซ้ำ นึกว่าเจ๋งนักเหรอ ห๊า”
“อะไรเนี่ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย คอผมมัน...”
“ดี งั้นฉันบอกใบ้ให้นะ ว่าแกจะทำจองหองได้วันนี้วันสุดท้าย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะคอยดูน้ำหน้าคนอย่างแก”
“หมายความว่าไง”
“แกคอยดูเอาเองก็แล้วกัน”
สังวรณ์โมโหเดินออกไป แพรวไพลินรีบวิ่งตามไป”
“เดี๋ยวแพรวเคลียร์ให้เองนะคะ มาทำแบบนี้กับพี่ไทได้ยังไง”
เป็นไทพึมพัมกับตัวเอง
“หมายความว่า...สังวรณ์อาจจะเป็นคนจ้างตัวปลอมงั้นเหรอ แล้วพรุ่งนี้คืออะไร”
เป็นไทสับสนไปหมด องอาจก็ยืนงงๆแถวนั้น ไม่รู้พูดเรื่องอะไรกัน
แพรวไพลินเดินตามสังวรณ์มาที่หน้างาน
“จะบ้ารึเปล่า พูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำหรอกที่วางแผนไว้น่ะ”
สังวรณ์โวยกลับ
“ก็ดูมันทำท่าทางกับผม ดูถูกกันชัดๆ แม้แต่คุยยังไม่มองหน้าเลย”
“ไม่เห็นว่าจะเรื่องใหญ่ตรงไหน เค้าทำกับฉันยิ่งกว่านั้นก็มี”
“ก็คุณมันหน้าด้านนี่”
“เอ๊ะ นี่ จะเปิดศึกสองด้านรึไง”
“ไปตามนับดาวมา ผมจะคุยด้วย”
“เค้าจะรันทรูกันอยู่แล้ว”
“นั่นแหละไปตามมา ผมไม่สนใครทั้งนั้น ผมต้องการคำยืนยันว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรพลาด”
“นี่เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย”
แพรวไพลินเดินไปก็บ่นไป สังวรณ์ยังโกรธเป็นไทไม่หาย
ด้านใน...แพรวไพลินแง้มม่านเข้ามา กวักมือเรียกนับดาว นับดาวส่ายหน้าไม่ยอมไป ชี้ไม้ชี้มือเป็นสัญลักษณ์ว่าจะรันทรูแล้ว ทีมงานเตรียมพร้อมกันทุกคน พอทุกคนเผลอ แพรวไพลินก็เข้ามาฉุดกระชากนับดาวออกมาด้านนอก นับดาวโวยวาย
“จะบ้ารึไง เค้ากำลังจะซ้อมใหญ่กันอยู่แล้ว คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ไปกับฉัน มีคนอยากจะคุยกับเธอ”
“ถ้าให้เค้ารอ ฉันไม่รู้ว่าย่าเธอจะยังมีงานจ้างรึเปล่า แล้วเพื่อนเธอจะถูกไล่ออกรึเปล่านะ”
“เอาแต่ใจจริงๆเลย”
นับดาวไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็จำต้องทำ
เป็นไทไม่ค่อยมีสมาธิกับการแสดงที่กำลังจะเริ่มตรงหน้านัก เขาครุ่นคิดสิ่งที่สังวรณ์พูด แสง สี พร้อม ดนตรีพร้อม ทุกอย่างเริ่ม แต่พอถึงคิวที่นับดาวต้องเดินออกมา กลับไม่มีเธอ ทีมงานงง องอาจกับเป็นไทที่นั่งดูอยู่ด้านล่างก็งง
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“คุณยูกิหายครับ หายไปไหนไม่รู้” แบ็คสเตจบอก
“อ้าว หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่แน่ใจครับ แต่เมื่อกี้เธอยังอยู่เลย”
เป็นไทได้ยินก็ตกใจ รีบวิ่งออกไปด้านนอกหาเธอทันที เขาวิ่งตามหานับดาวไปทั่ว มุมนั้นมุมนี้ก็ไม่เห็น เมื่อวิ่งผ่านหลืบๆหนึ่ง แล้วเขาก็เดินย้อนกลับมา เข้าไปดู เห็นนับดาว สังวรณ์ แพรวไพลิน กำลังคุยกัน เป็นไทตกใจ ยืนแอบฟังทั้งหมดคุยกัน นับดาวก้มหน้าคุย ไม่กล้าสบตาใครนัก
“ไอ้เป็นไทมันจับเธอไม่ได้ใช่มั้ย” สังวรณ์ถาม
นับดาวหลบตา
“ค่ะ ไม่ได้...”
“งั้นก็ดี ตามแผนเดิม”
แพรวไพลินเสริม
“แล้วก็อย่าลืมก็แล้วกัน ทั้งสองคนนั่นแหละ ว่าถ้าเรื่องมันจบแล้ว อย่าบอกว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เข้าใจมั้ย”
เป็นไทที่แอบมองอยู่ รู้สึกผิดหวังมากที่คนใกล้ตัวเขาก็มีส่วนด้วย
“ฉันไปได้รึยัง เค้ากำลังจะซ้อมใหญ่กัน ป่านนี้คงหาฉันกันวุ่นแล้ว”
“เดี๋ยว...แล้วยูกิตัวจริงที่เธอเอาไปซ่อนน่ะ เป็นยังไง” สังวรณ์ถาม
“ก็ดี...สบายดี”
“จบเรื่องนี้แล้วส่งเธอคืนมาให้ฉัน ฉันจะจัดการต่อเอง”
“อืม ฉันขอตัว”
เป็นไทพอเห็นนับดาวแยกมา เขาก็หาที่ซ่อน นับดาวเดินออกไป
“เราไว้ใจมันได้แน่นะ” แพรวพินหันมาถามสังวรณ์
“เดี๋ยวเรื่องมันก็จบแล้ว มันไม่ได้ทันทำอะไรหรอก เพราะสิ่งที่ผมให้มันไปก็ไม่ใช่น้อย”
เป็นไทยืนมอง กำหมัดแน่น เจ็บใจมาก
ค่ำคืนนั้น...นับดาวเดินออกจากโรงแรม กำลังจะโบกแท็กซี่ ขณะที่นับดาวไม่ทันตั้งตัว เป็นไทก็คว้าแขนเธอแล้วลากเธอไปขึ้นรถ
“ทำอะไรน่ะ”
นับดาวพยายามขืนไม่ไป แต่สุดท้ายเป็นไทก็ลากเธอขึ้นรถจนได้
“คุณไทจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
นับดาวไม่พอใจนักที่ถูกเป็นไทจับขึ้นรถแบบนี้ เป็นไทขับรถไปไม่สนใจ
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา”
“แน่ล่ะ”
“แค่ฉันทำคุณคอเคล็ดแค่นี้ ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันก็เห็นว่าคุณดีขึ้นแล้วนี่”
“ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นก็ดีสิ”
“แล้วอะไร”
“คุณเอายูกิตัวจริงไปไว้ไหน”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเจอยูกิตัวจริงด้วยซ้ำ”
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณทำงานให้ไอ้สังวรณ์ คุณก็รู้ว่าผมเกลียดมันขนาดไหน”
ด้วยความโมโห เป็นไทขับรถเร็วจี๋ ปาดไปปาดมา นับดาวกลัว
“ใจเย็นๆก่อนนะ ฉันว่าเราหาที่จอดรถคุยกันดีๆมั้ย”
“ไม่...ตอบมาว่าเอายูกิไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้เรื่องยูกิตัวจริงเลย จริงๆนะ”
เป็นไทโมโหเหยียบคันเร่งมิดอีกรถพุ่งเร็วจี๋
“เออ...ฉันยอมแล้ว ที่ฉันรู้ก็แค่มีคนจับตัวเธอไว้ แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน”
“อย่ามาโกหก ฉันได้ยินเธอพูดกับไอ้สังวรณ์หมดแล้ว”
เป็นไทเหยียบคันเร่งอีก นับดาวกลัว
“คุณจะรู้อะไร ก็แค่ฟังผ่านๆ ฉันนี่สิรู้ดีที่สุดเลย”
“แต่คุณน่ะหลอกทุกคนเพื่อจะมายืนตำแหน่งที่ยูกิอยู่ ต้องเป็นคุณนั่นแหละที่เอายูกิไปซ่อน”
“ถึงฉันขี้โกหก ขี้อิจฉา แต่ฉันก็ไม่เลวขนาดต้องทำร้ายใครหรอกนะ ถ้าคุณคิดว่าฉันเลวนัก ก็ฆ่าฉันให้ตายซะเลยสิ เอาเลย”
เป็นไทนิ่ง เขาไม่ได้เร่งเครื่องอีก แต่นับดาวเริ่มบ้า
“ทำไมไม่เร่งเครื่องอีกล่ะ จะได้ตายๆไปซะ ถ้าคุณไม่ทำ เดี๋ยวฉันทำเอง”
นับดาวเอามือไปหักพวงมาลัย เป็นไทตกใจยื้อๆเอาไว้ แล้วเขาก็รีบจอดรถเข้าข้างทาง
“จะบ้ารึไง ฉันไม่ได้อยากตายไปกับเธอด้วยหรอกนะ”
“ได้ ฉันไปตายคนเดียวก็ได้”
นับดาวเปิดประตูลงจากรถไป เป็นไทยังโกรธ
“ไปเลย อยากตายแบบไหนก็เลือกเอาเองเลย”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากนับดาว เป็นไทนั่งเงียบอยู่ซักพักในรถ เริ่มเป็นห่วง เขาลงจากรถไปตามหานับดาว
เป็นไทลงจากรถ มองซ้าย มองขวาตลอดเส้น ก็ไม่เห็นเงาของนับดาวเลย เป็นไทเริ่มเป็นห่วง
นับดาวเดินขึ้นสะพานลอยมาปรากฏว่าส้นสูงหัก เธอหงุดหงิด ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าขึ้นสะพานลอยไป เธอเดินเหม่อๆบนสะพานลอย หยุดที่กลางสะพานก้มลงไปมองด้านล่าง ขยาดๆ ทำไม่ลง นับดาวเดินเศร้าๆต่อไป โดยไม่ได้สังเกตว่ารถเป็นไทเพิ่งแล่นผ่านไป
เป็นไทเดินมาที่หน้าบ้านนับดาว เห็นบ้านมืด เหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน เขานั่งรอที่หน้าบ้านในความมืด ยุงมารุมกัด เขาพยายามตบมันและรออย่างอดทน
นับดาวนั่งเท้าเปล่าเซ็งๆ มือข้างหนึ่งก็ถือรองเท้า แกว่งไปมา หน้าตาโทรม ครู่หนึ่งมอเตอร์ไซค์ของวราพรรณก็มาจอดที่ป้ายรถเมล์ เธอถอดหมวกกันน็อคออกแต่ยังนั่งอยู่บนรถ เห็นสภาพนับดาวเต็มๆ
“นี่เพิ่งกลับจากชายแดนเหรอ”
นับดาวลุกเดินมาหาเพื่อน พยักหน้ารับเนือยๆ ขึ้นรถตำแหน่งคนซ้อน
“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”
“มาก”
นับดาวซุกหน้าร้องไห้กับหลังวราพรรณ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร วราพรรณเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“บอกแล้วว่าอย่าไปใส่มากส้นสูงน่ะ อยู่สูงๆเวลาตกมันก็เจ็บเหมือนกันหมดแหละ ...เกาะดีๆล่ะ เดี๋ยวจะตกลงไปอีก”
วราพรรณสตาร์ทรถออกไป โดยมีนับดาวซ้อนท้ายโดยซุกหน้ากับหลังเธอ
เป็นไทนั่งรออยู่หน้าบ้าน เห็นไฟของรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านรจนา เขาดีใจคิดว่านับดาวกลับมาแล้ว ในความมืด มองไม่ค่อยชัดนักว่าใครเป็นใคร รจนาเมาเดินเซไปเซมา มาถึงบริเวณหน้าบ้าน ความหากุญแจในกระเป๋า
“รอตั้งนาน กว่าจะกลับมา...”
รจนาเมา เบลอๆหันมา เดินมาตามเสียง แต่เซถลา เป็นไทรีบเขามาพยุงไว้
“ไปทำอะไรมา เนื้อเหลวๆนะ ออกกำลังกายมั่งรึเปล่า กินพวกยาเสริมสร้างคอลลาเจนหน่อยก็ดีนะ เนื้อเริ่มไม่ติดกระดูกแล้ว”
รจนาเรอเอิ๊ก
“นี่คุณกินเหล้ามาเหรอเนี่ย ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องกินเหล้าด้วย มันไม่ดีเลย”
รจนาสะอึก
“ผมขอโทษ...ทีหลังอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้ นี่ดื่มมาเยอะเลยใช่มั้ยเนี่ย”
รจนาพยายามจะพูดตอบโต้ แต่สุดท้ายความเมาก็ทำเธออ้วกใส่เป็นไทเต็มๆ แล้วเธอก็หลับนิ่งไปเลย เป็นไทพยายามหากุญแจบ้านในกระเป๋า พอเจอเขาก็ไขประตูแล้วเปิดไฟ แล้วก็ต้องตกใจ ที่เห็นรจนานอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น
“เฮ้ย...คุณ เปิดไฟแค่นิดเดียว เหี่ยวขนาดนี้เลยเหรอ นี่แพ้แสงรึเปล่าเนี่ย”
รจนานอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่กับพื้น เป็นไทมองเสื้อตัวเองที่เปื้อนอ้วกรจนา เขาส่ายหัวเบาๆ
ที่ตลาดโต้รุ่งริมถนน นับดาวหน้าตาโทรม ตายังบวมตุ่ย กำลังซัดก๋วยเตี๋ยวชามโตอย่างไม่บันยะบันยัง วราพรรณนั่งดูเพื่อนที่หิวโซ
“นี่เหรอวะ ซุปเปอร์สตาร์”
“ไม่ต้องพูดมากน่า แกไม่กิน ฉันขอนะ”
นับดาวดึงชามของวราพรรณมากินต่อ
“เอาเข้าไป...นี่ แล้วจะเอาไงต่อ”
“เอาไง เรื่องอะไร”
“แกยังจะไปเจอหน้าคุณเป็นไทเค้าอีกมั้ยล่ะ”
นับดาวถอนหายใจ
“แกจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมเนี่ย หมดอร่อยเลย”
“ก็แกบอกเค้าเกลียดแก อยากให้แกตายไม่ใช่เหรอ”
“พอแล้ว ไม่ต้องย้ำ”
“ดี ไม่ไปตายจริงๆ”
“แค่คิด แต่ไม่กล้าทำหรอก”
“ดีแล้ว จะไปตายเพื่อคนที่กลียดเราได้ยังไง แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป”
“ก็เคลียร์มันให้จบๆ พรุ่งนี้แค่วันเดียวนี่”
“นี่แกยังกล้าไปเจอเขาอีกเหรอ”
“แล้วจะให้ทำไง พรุ่งนี้ก็งานมีทแอนด์กรี๊ดแล้ว วันที่เจ้านายแกวางแผนไว้ แล้วก็เป็นวันที่เราจะตลบหลังเขาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“แกไม่ต้องเอาเรื่องงานมาอ้างเลย...แกทำเพื่อเขาขนาดนี้ แกรักเขาจริงๆแล้วใช่มั้ยนับดาว”
นับดาวเงียบไม่ตอบอะไร
“นับดาว”
“ฉันต้องโทรบอกย่าหน่อยว่ากลับดึก”
นับดาวทำเปลี่ยนเรื่อง
เป็นไทแบกรจนาขึ้นหลังมาวางลงบนโซฟาหน้าทีวี รจนารู้สึกตัวเบลอๆ
“โทษที ปาร์ตี้หนักไปหน่อย นาน ๆ จะมีงานใหญ่จ้างซักที ...” รจนามองเป็นไท “นี่คุณไม่ใช่หลานฉันนี่”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”
“งั้นตามสบายเลยนะ”
รจนาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เธอหลับปุ๋ยไม่รู้สึกตัว
“เดี๋ยวสิ ยาย...ยาย...ยาย... ตื่นมามาคุยกันก่อน”
เป็นไทเขย่าตัวรจา แต่ไม่มีเววขยับ เขากลุ้มใจ
“หลานก็หาย ยายก็เมา เจริญละครอบครัวนี้”
เสียงโทรศัพท์บ้านส่งเสียงดังขึ้น รจนาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เป็นไทจึงเดินไปยกหูรับแต่ไม่ได้พูดอะไร เสียงนับดาวดังขึ้น
“ย่าเหรอ หนูเองนะ จะบอกว่าวันนี้หนูกลับดึกหน่อยนะ อยู่กับนุ้ยไม่ต้องห่วง”
เป็นไทถอนหายใจโล่งอกที่นับดาวยังปลอดภัย
“เงียบๆ นี่หลับไปแล้วละเมอขึ้นมารับอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไปนอนต่อได้แล้วไป หนูรักย่านะ”
เป็นไทอมยิ้มกับสิ่งที่นับดาวพูด นับดาววางหู วราพรรณถามต่อ
“แกไม่ต้องทำเปลี่ยนเรื่อง”
“เปลี่ยนเรื่องอะไร”
“ฉันถามว่าแกรักคุณไทใช่มั้ย”
“ตอนนี้ฉันว่าฉันจะรักเค้ารึเปล่า มันไม่สำคัญหรอกแก ยังไงเค้าก็เกลียดฉันอยู่ดี อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ เราอย่าไปพูดถึงมันดีกว่า แกเป็นคนบอกฉันเองนี่ว่าอย่าฝันสูง ตกมาจะเจ็บ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันกับเค้าก็เดินกันคนละโลกแล้ว”
วราพรรณเลิกซักไซร้ เปลี่ยนมาเห็นใจเพื่อนแทน
อ่านต่อหน้า 4
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11 (ต่อ)
นับดาวยืนร้องเพลงญี่ปุ่นอยู่บนเวทีอย่างไพเราะ สะกดคนดูทั้งห้องให้เคลิ้มไปกับเสียงของเธอ ไคคุงยืนเคลิ้มกับเสียงนับดาว เพลงจบลงนับดาวหันไปสบตาเป็นไท ไคคุงหลุดจากภวังค์ทันที
“พอกันที”
ไคคุงกำลังจะเดินลุยเดี่ยวเข้าไป แต่เขาก็ถูกรั้งเอาไว้จากมือคู่หนึ่ง
“อย่าห้าม”ไคคุงไม่ได้หันไปมอง
มือคู่นั้นยังไม่ปล่อยจากไคคุงอีก
“เอ๊ะ ก็บอกว่าอย่าห้ามไง”ไคคุงหันไปมอง
เสียงทักทายจากเจ้าของมือดังขึ้น
“สวัสดี...ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคุณไคคุง” แพรวไพลินทัก
ไคคุงแปลกใจ
“คุณมาได้ไงเนี่ย”
“ลืมไปแล้วรึไง ฉันเป็นแฟนของคนจัดงานแล้ว คุณเถอะมายังไง”
“แล้วคุณลืมไปแล้วรึเปล่า ผมก็เป็นแฟนของศิลปินชื่อดังบนเวที”
“แต่คุณน่าจะสนใจงานส่งออกอาหารทะเลของคุณ มากกว่าแฟนที่คุณบอกว่าไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอ”
ไคคุงเงียบ
“ตอนนี้ ไว้ใจไม่ได้แล้วล่ะสิ”
“แฟนผมน่ะไว้ใจได้ แฟนคุณต่างหากมายุ่งกับแฟนผมเอง”
“นี่ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ถ้าแฟนคุณมันไม่ยั่ว ผู้ชายมีเหรอที่จะสนใจ”
“เออ จะอะไรก็ช่าง ผมไม่สนหรอก ผมมีวิธีจัดการของผม”
“ฉันก็มีวิธีจัดการของฉันเหมือนกัน ...เอ๊ะ คุณจะทำอะไร”
“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย”
“ไม่ได้นะ จะมาทำอะไรบุ่มบ่ามวันนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไม กลัวงานแฟนตัวเองจะพังรึไง จะบอกให้ว่าผมไม่สนหรอก”
“ไม่ได้ จะมาแซงคิวกันได้ยังไง ฉันวางแผนของฉันมาตั้งเป็นอาทิตย์”
“ห๊ะ หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าให้ต่อคิวยังไงล่ะ คิดจะทำอะไรน่ะ ก็ต้องให้พวกฉันทำเสร็จก่อนย่ะ”
แพรวไพลินเดินเชิดออกไป ไคคุงยังงงๆ ว่าแพรวไพลินคิดจะทำอะไร
ที่โกดังร้าง...ยูกินั่งหน้าเซ็งอยู่หน้าโกดังร้าง ยามาดะเดินตามออกมา ยูกิหันไปเห็นก็งอนๆ
“ตามออกมาทำไม จะจับฉันไปขังอีกรึไง”
“ผมไม่เข้าใจ...ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร”
“พูดไปตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันจำไม่ได้หรอก”
“ที่คุณบอกว่า ตอนเรียนที่ผมส่งจดหมายรักให้คุณ แล้วผมก็หายไป ผมให้ความหวังคุณทำไม”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าการศึกษาสำคัญก็ตอนนี้นี่แหละ”
“ฮึ๊ นั่นคือคำตอบเหรอ ผมยิ่งไม่เข้าใจ”
“ฉันประชด”
“แปลว่าไม่ใช่คำตอบ แล้วคำตอบคืออะไร”
“โอ๊ย...ฉันชอบคนบื้อขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย”
ยามาดะยืนนิ่งๆ เหวอๆ พยายามคิด
“คุณ...ชอบผม”
“ตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว ทีนี้เข้าใจรึยังล่ะ”
ยามาดะได้ยินก็ช็อค...หงายตึงไปทันที ยูกิรีบเข้าไปช่วย
ยามาดะรู้สึกตัวอีกที เขานอนอยู่บนตักของยูกิในโกดัง เขาตื่นมามองเห็นหน้ายูกิก็ช็อคไปเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเขานอนอยู่บนตักของยูกิ เขาก็เป็นลมไปอีก
ยูกิเขย่าตัว
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ มัวแต่เป็นลมอยู่นั่น เดี๋ยวซีซีก็กลับมาก่อนจะได้หนีหรอก ฉันปรับนาฬิกาซีซีให้ช้าไปสองชั่วโมงเองนะ” ยูกิถอนใจ
ยามาดะยังไม่รู้สึกตัว ยูกินึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...
ซีซีถอดนาฬิกาไว้หน้าห้องน้ำ เพื่อจะเข้าไปล้างมือ ล้างหน้า เธอเดินเข้าห้องน้ำไป ฮัมทำนองเพลง พร้อมใส่เนื้อลงไป
“สิบโมงพรุ่งนี้ฉันจะทำให้ยายตัวปลอมเผยโฉมหน้าออกมา แล้วฉันจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ลา ลา”
ยูกิเดินมาหน้าห้องน้ำ ได้ยินสิ่งที่ซีซีฮัมเป็นเพลง เธอมองเห็นนาฬิกา เธอปรับเวลาถอยหลังให้เดินช้าลง 2 ช.ม. ก่อนที่ซีซีจะออกมาจากห้องน้ำ
ยูกิมองยามาดะที่ยังนอนเป็นลมอยู่บนตัก
“ป่านนี้ไม่รู้ซีซีรู้รึยังเนี่ย ว่านาฬิกาไม่ตรง ขอให้ไปทำลายงานไม่ทันทีเถอะ” ยูกิก้มมองยามาดะ “นี่ก็ตื่นซักทีสิ โอ๊ย”
ยามาดะยังคงนอนนิ่ง
ทางด้านซีซีขับรถอย่างสบายใจ
“ฉันก็บอกให้ทุกคนรู้ให้หมดว่ายูกิที่ทุกคนเห็นเป็นตัวปลอม คราวนี้แกก็จะหายสาบสูญไปจริงๆซักที...” ซีซีดูนาฬิกาข้อมือ “อุ๊ย เพิ่งจะเก้าโมงงานยังไม่เริ่มเลย ฉันไปถึงก็พอดี”
ซีซีขับรถไปอย่างไม่รีบร้อน โดยไม่รู้ว่านาฬิกาเธอน่ะ ช้ากว่าเวลาไปสองชั่วโมง
พิธีกรขึ้นมาบนเวที เชิญนับดาวนั่งสัมภาษณ์ นับดาวยิ้มๆนั่งเก้าอี้ตามที่จัดไว้ แต่สายตาเธอชะเง้อหาวราพรรณอยู่ตลอด เธอยังไม่เห็นวราพรรณในงาน เธอเริ่มร้อนใจเล็กน้อย
“มัวไปอยู่ไหนนะ ยายวราพรรณ”
ขณะเดียวกัน สังวรณ์ก็ชะเง้อหาวราพรรณเช่นกัน มือก็โทรศัพท์หาวราพรรณไปด้วย
“ไอ้นุ้ย นี่แกจะเบี้ยวงานสำคัญรึไง โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ” สังวรณ์ชะเง้อมองในงาน “โอเค ฉันลุยเดี่ยวก็ได้” สังวรณ์ถอนใจเซ็งๆ
บนเวที พิธีกรเริ่มสัมภาษณ์
“สำหรับตอนนี้ แฟนคลับคนไหนที่มีคำถามอยากจะถามยูกิ เตรียมตัวได้เลย เราจะให้ถามได้คนละคำถามนะครับ เดี๋ยวผมจะเลือกจากแฟนคลับที่โดดเด่นที่สุดเลยดีกว่า”
แฟนคลับกรี๊ดๆๆๆๆ ชูไม้ชูมือกันใหญ่ นับดาวสบตาสังวรณ์ที่ยืนอยู่แถวหน้า เธอหลบตา
“ผมเจอแล้วครับ แฟนคลับที่โดดเด่นที่สุด” พิธีกรชี้ไปที่สังวรณ์ “เชิญคุณแฟนคลับคนนั้นถามเลยครับ”
ทุกคนหันไปที่สังวรณ์ เป็นไทหันไปเห็นเป็นสังวรณ์ก็ตกใจ เริ่มจะเข้าใจแผนร้ายของเขาบ้างแล้ว ทีมงานเอาไมค์ยื่นให้ สังวรณ์หันไปมองหน้าเป็นไท ยิ้มเยาะ นับดาวเห็นแล้วก็ถอนหายใจ ชะเง้อหาวราพรรณ
“อันนี้ผมเข้าใจเรื่องความโดดเด่นของผม ที่มันเย้ายวนใจมากๆ” สังวรณ์บอกอย่างภูมิใจ
“คุณชื่ออะไรครับ” พิธีกรถาม
“ผมชื่อซังวอนครับ”
“ชื่อเกาหลีซะด้วย”
“แน่นอนครับ ผมไม่เคยตกเทรนด์อยู่แล้ว”
“คิดยังไงถึงเป็นแฟนคลับยูกิครับ ทั้งที่อายุปูนนี้แล้ว หันไปดูรอบๆตัวสิครับ มีแต่เด็กวัยรุ่นทั้งนั้น คุณแก่โดดเด่นมาก”
ทั้งห้องจัดงานหัวเราะกันครืน สังวรณ์หน้าเสีย
“ถึงผมจะแก่ ผมก็รู้อะไรที่คนในห้องนี้ไม่รู้ก็แล้วกัน”
“รู้อะไรครับ ไหนลองเล่าให้คนรุ่นเราฟังหน่อยสิครับ”
สังวรณ์หันไปมองยูกิ
“ใช่มั้ยครับคุณยูกิ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
สังวรณ์เดินขึ้นบนเวที
“มีใครดูออกบ้างรึเปล่าว่ายูกิคนนี้แปลกไปจากเดิม”
คนในห้องส่งเริ่มซุบซิบกัน
“พูดไทยสำเนียงญี่ปุ่นเก่งเกินคาด ท่าทางการเดิน เนื้อเสียง ทำไมรู้มั้ยครับ...”
นับดาวก้มหน้า ไม่อยากจะเห็นภาพที่เกิดตรงหน้า เป็นไทเจ็บใจกับการกระทำของสังวรณ์ คนงงๆ องอาจวิ่งมาถามเป็นไท
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณไท”
เป็นไทนิ่ง หน้าเครียด
องอาจวอบอกคนคุมเสียง
“ปิดไมค์ตัวนั้นด่วนเลย”
บรรยากาศทีมงานโกลาหล คนในห้องจัดงานก็แซแซ่ด ไคคุงเริ่มสงสัยว่าสังวรณ์จะทำอะไร
คนคุมเสียงรีบเฟดไมค์ตัวที่สังวรณ์กำลังพูดลงทันที สังวรณ์กำลังพูดเข้าด้ายเข้าเข็ม พูดต่อเนื่อง นับดาวก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร
“ก็เพราะว่า...คนๆนี้” ไมค์ไม่ดัง “ไม่ใช่ยูกิตัวจริงยังไงล่ะ”
ไมค์เงียบ คนเริ่มฮือ ฟังไม่ได้ศัพท์ สังวรณ์เคาะไมค์
“กะแล้วเชียวว่าพวกแกต้องเล่นไม้นี้” สังวรณ์มองไปที่เป็นไท
“แค่นี้ก็หมดปัญหา” องอาจพูด
สังวรณ์หยิบไมค์อีกอันจากกระเป๋ากางเกงออกมา เปิดไมค์ขึ้น มีเสียงหวีดเล็กน้อย เสียงดังออกจากแอมป์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง
“ฮัลโหลๆๆ เทส หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก จุ๊ๆๆ”
องอาจตกใจว่าเสียงดังมาจากไหน
“โชคดีนะที่ผมเป็นคนฉลาด ผมคาดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น ผมเลยเตรียมไมค์และเครื่องขยายเสียงมาเองจากบ้านด้วย” สังวรณ์ประกาศ
‘องอาจเจ็บใจ
“เป็นแบบนี้ได้ไงเนี่ย”
สังวรณ์พูดต่อ
“เอาล่ะ เรามาต่อกันดีกว่า ผมจะบอกว่าผู้หญิงคนที่นั่งอยู่บนเวทีนี้ ไม่ใช่ยูกิตัวจริงครับ”
องอาจตกใจ ไคคุงก็ตกใจ คนเริ่มฮือฮากันใหญ่
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“หมายความว่าไงครับคุณไท”
เป็นไทก้มหน้านิ่ง
“พวกมันเล่นไม้นี้...แน่จริงทำไมไม่แกล้งฉันแบบตัวต่อตัว”
สังวรณ์พูดต่อ
“หลายคนอาจสงสัยว่าผมมีหลักฐานอะไร... ผมอยากจะบอกว่าผมเฝ้าติดตามผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เธอมาเมืองไทย สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ สัมภาษณ์อะไรเกี่ยวกับยูกิ เธอก็ตอบมั่วไปหมด แถมยังไปอาศัยอยู่บ้านเก่าๆหลังเล็กๆ แทนที่จะอยู่โรงแรมห้าดาว ผมไม่เคยได้ยินเธอพูดญี่ปุ่นเลยซักคำ”
เสียงในห้องยิ่งฮือฮากันหนักขึ้น บางส่วนแสดงการต่อต้านว่าไม่จริง ไม่เชื่อ แต่ส่วนใหญ่เอาแต่ซุบซิบไม่แสดงความคิดเห็น ไคคุงหน้าเสีย ลุ้นความจริง
“โอเค สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ผมก็เข้าใจได้ คุณรักของคุณมา แต่ผมอยากให้ตาสว่างกันหน่อย ไม่เชื่อลองถามคำถามเกี่ยวกับยูกิกับเธอเลยครับ ผมรับประกันว่าเธอตอบไม่ได้”
ในห้องส่งฮือฮา มีแฟนคลับคนหนึ่งตะโกนถาม
“หนูหัดเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อมาเจอยูกิวันนี้” แฟนคลับถามภาษาญี่ปุ่น “ทำไมถึงรักเมืองไทย”
นับดาวนิ่ง ฟังไม่รู้เรื่อง เธอมองแฟนๆด้านล่าง แฟนๆเริ่มยกมือประท้วงให้ยูกิตอบ นับดาวอึกอักตามองหาวราพรรณ แอบพึมพำ
“นุ้ย แกมาซักทีสิ”
บรรยากาศในห้องจัดงานตึงเครียด
ซีซีขับรถเข้าจอดในลานจอดรถโรงแรม เดินลงจากรถอย่างสบายใจ เธอมองดูนาฬิกา
“อุ๊ย ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะกว่างานจะเริ่ม หาข้าวกินหน่อยดีกว่า”
ซีซีเรื่อยเปื่อยมาก หารู้ไม่ว่างานกำลังถึงตอนสำคัญแล้ว
บนเวที...นับดาวอึกอักบนเวที ตอบไม่ได้ สังวรณ์เริ่มจี้
“ทำไมเงียบไปล่ะ แฟนคลับถามคำถามง่ายๆแค่นี้ ถึงกับอึ้ง หรือว่าไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น”
นับดาวอึกอัก เป็นไททนดูไม่ได้ เดินออกไป เจอแพรวไพลินพอดี
“พี่ไทจะไปไหนคะ ถึงกับทนฟังไม่ได้เลยรึไง”
เป็นไทไม่พูด มองแพรวไพลินตาขวาง แพรวกลัวปล่อยให้เป็นไทเดินออกไป แต่แล้วเสียงสวรรค์สำหรับนับดาวก็ดังขึ้น
“ฉันขอตอบคำถามทั้งหมดนี่ แทนยูกิละกันนะคะ”
นับดาวดีใจที่ได้ยินเสียงวราพรรณ สังวรณ์ก็เช่นกัน
“กว่าจะมาได้นะ ...” สังวรณ์บอกทุกคน “นี่คือผู้ช่วยผมเองครับ คุณบอกทุกคนไปสิ”
วราพรรณยิ้มๆ
“นี่ไง เด็กผม มือหนึ่งเลยนะเนี่ย” สังวรณ์โอ่
วราพรรณบอกเสียงดัง
“ฉันถูกบังคับให้ร่วมมือจ้างนับดาวตัวปลอม เพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัทอิสสยามของคุณเป็นไทค่ะ”
“นี่เธอ...”
“ถ้าฉันไม่ร่วมมือกับเขาเขาจะไล่ฉันออก แต่ถ้าร่วมมือจะเลื่อนตำแหน่งให้ ส่วนคนที่จะจ้างเป็นยูกิตัวปลอมก็มีผลประโชน์เกี่ยวกับย่าเธอด้วย”
สังวรณ์ไม่ใช้ไมค์
“นี่เธอจะเล่นไม้นี้กับฉันใช่มั้ย คอยดูว่าคนจะเชื่อใครมากกว่ากัน”สงวรณ์พูดใช้ไมค์ หน้างง “คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ นี่พวกเป็นไทจ้างคุณมาขัดขวางผม เพื่อไม่ให้เสียงานใช่มั้ย”
คนฮือฮากันใหญ่ สับสนว่าอะไรคือความจริงกันแน่
“ไม่มีใครจ้างมาทั้งนั้น ที่ฉันมา เพราะฉันไม่อยากให้มีคนเดือดร้อนเพราะการกระทำนี้อีก”
“เธอได้เงินจากไอ้เป็นไทมาเท่าไหร่ล่ะ ถึงได้ยอมหักหลังฉัน” สังวรณ์หันบอกผู้ชม “ถ้าคนดีจริงเค้าไม่หักหลังคนอื่นหรอก จริงมั้ย ...ความจริงของเรื่องนี้ก็คือ นายเป็นไทจ้างยูกิตัวปลอมมาหลอกลวงทุกคน”
“ไม่จริง คนที่จ้างยูกิตัวปลอมคือนายสังวรณ์นี่ต่างหาก แถมยังลักพาตัวยูกิตัวจริงไปซ่อนด้วย”
“ไม่จริงนะ” สังวรณ์บอกผู้ชม “เราอย่าไปเชื่ออะไรที่มันไม่มีหลักฐาน”
“ฉันอัดเสียงไว้ทุกครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ คุณอยากฟังสียงตัวเองมั้ยล่ะ ”วราพรรณหยิบเครื่องเล่น mp3 มาโชว์
สังวรณ์ตกใจ
“นี่เธอวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น”
วราพรรณลอยหนาลอยตา
“ไม่งั้นฉันจะทำงานกับคนอย่างคุณได้เหรอ”
สังวรณ์บีบมือแน่น เจ็บใจ นับดาวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไคคุงร้อนรน ทนฟังไม่ได้
ในโกดังร้าง…ยามาดะนั่งอยู่มุมห้องอายๆ หันมาสบตายูกิที่มองเขาอยู่ เขาก็หันกลับไปที่มุมห้องอีก เอามือขีดเขียนผนังมั่วๆ แก้เขิน
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
“อะไร”
“ก็มัวเขินอยู่ได้ …ตกลงจะไม่หนีไปกับฉันใช่มั้ย ฉันจะได้ไปคนเดียว”
“ไป”
“ไปก็รีบไปสิ เดี๋ยวซีซีก็กลับมาหรอก”
“แต่จะไปยังไง กว่าจะไปถึงถนนมันไกลมากเลยนะ”
“ถ้าคุณกลัวเหนื่อย ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ผมไม่ได้กลัวเหนื่อย ผมกลัวพาคุณไปลำบากมากกว่า”
“นี่คุณยังไม่เข้าใจใช่มั้ย ว่าฉันไม่ได้กลัวลำบาก จะต้องให้บอกอีกมั้ย”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง” ยามาดะอายขึ้นมาทันที “ผมขอเก็บของก่อนก็แล้วกัน”
ยามาดะยังไม่กล้าสบตายูกินัก เขาเดินเลี่ยงๆออกไป ยูกิมองตามถอนหายใจ
เหตุการณ์บนเวทีกำลังตึงเครียด สังวรณ์ถูกวราพรรณหักหน้าซะยับ
“คุณเป็นไท ไม่ได้เกี่ยวอะไรเรื่องนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงใคร มีแต่คนอื่นต่างหากที่จ้องจะทำลายเค้า”
ไคคุงที่ทนไม่ไหว เดินขึ้นเวที แย่งไมค์จากพิธีกรที่ยืนเหวออยู่มา
“ผมไม่สนใจว่าใครจะดีใครจะเลว”
ทุกคนหันตามเสียงไป องอาจที่ยืนดูอยู่ล่างเวทีถอนใจเฮือก
“นั่นไง มาอีกคนละ นี่นึกว่างานแซยิดกันรึไงเนี่ย หมดๆๆๆ งานที่ปั้นมาเป็นเดือนๆ ไม่เหลืออะไรแล้ว”
ไคคุงเดินมุ่งหน้ามาที่นับดาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ เขาเชยคางเธอดูหน้าชัดๆ
“ตกลงว่านี่คือยูกิตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่”
คนในห้องจัดงานเริ่มเห็นด้วย เออออกับสิ่งที่ไคคุงสงสัย คนเริ่มกดดัน นับดาวยิ่งเครียด เธอค่อยๆรวบรวมความกล้า แล้วลุกขึ้นยืนประกาศต่อหน้าทุกคน
“ฉันไม่ใช่ยูกิ”
คนในห้องส่งเงียบกริบ ไคคุงช็อค
“ฉันไม่ใช่ยูกิ แล้วชีวิตฉันก็ไม่มีอะไรเหมือนยูกิเลยด้วย ฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ คนที่ไปต่อแถวที่ไหนก็ต้องโดนแซงคิว ไม่สิ...จริงๆแล้วฉันไม่ใช่คนธรรมดาด้วยซ้ำ หูฉันพิการไปข้างนึง ก่อนหน้านี้มันเคยมีผลทางการได้ยินค่อนข้างมาก แต่ตั้งแต่ฉันเป็นยูกิ...ความพิเศษของเธอทำให้ฉันรู้สึกว่ามันดีขึ้น”
ไคคุงรับไม่ได้
“ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย ผมไม่เคยเจอกับยูกิเลย...”
“ฉันขอโทษ”
“แล้วยูกิตัวจริงอยู่ที่ไหน”
คนทั้งห้องส่งเงียบกริบ รอฟังคำตอบ สังวรณ์รีบฉวยโอกาสนี้ชี้ไปที่วราพรรณ
“มัน มันเอาไปซ่อน”
“ฉันแค่ทำตามคำสั่งของคุณเท่านั้น”
นับดาวมองหน้าวราพรรณ
“แต่จริงๆคนที่เอายูกิไปซ่อนคือ...ซี...”
วราพรรณเอามือปิดปากนับดาวไว้ไม่ให้พูด แล้วกระซิบ
“อยากให้ซีซีพายูกิหนีไปที่อื่นอีกรึไง อย่าลืมสิ เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมัดตัวมันได้เลยนะ”
ไคคุงมองพิรุธของทั้งคู่
“คุยอะไรกัน แน่จริงก็พูดออกไมค์สิ”
“ฉันจะบอกว่า ถ้าอยากรู้เรื่องยูกิจริงๆ ให้ถามจากคุณสังวรณ์ เขาเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ฉันหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว”
วราพรรณมองหน้ากับนับดาว แล้วพากันเดินไปด้านหลังเวที เหลือสังวรณ์ที่ยืนอยู่บนเวที คนเริ่มโห่ แล้วพูดพร้อมๆกันว่าเอายูกิคืนมา
“ผมไม่รู้ ผมไม่เกี่ยว”
วราพรรณกับนับดาว ทำเดินนิ่งๆมาหลังเวที พอพ้นเวทีลงมาทั้งคู่ก็เลิ่กลั่ก
“รีบชิ่งเหอะตอนนี้ ก่อนที่เราจะโดนแฟนคลับรุมสกัม”
นับดาวพยักหน้ารับ ทั้งคู่จะพากันวิ่งหนี องอาจเข้ามา
“สนุกกันมากมั้ยเนี่ย”
วราพรรณกับนับดาวชะงัก
“คุณรู้มั้ยว่าผมกับคุณเป็นไททุ่มเทกับงานนี้เท่าไหร่ คิดจะพังก็พังกันง่ายๆแบบนี้เลยรึไง”
“ฉันขอโทษ” นับดาวมองหาเป็นไท “แล้วคุณไท”
“คิดว่าเค้าจะอยู่ดูสิ่งที่ตัวเองสร้างมาโดนทำลายรึไง”
นับดาวรู้สึกผิดมาก
“ฉันฝากบอกเค้าด้วยว่าฉันขอโทษ”
“เอาเป็นว่าฉันกับนับดาวจะพายูกิตัวจริงมาคืนคุณไทให้เร็วที่สุด” วราพรรณบอก
“มันคงไม่มีความหมายแล้วล่ะ”
วราพรรณกับนับดาวจะหนีออกไปต่อ ทั้งคู่มององอาจอย่างรู้สึกผิด
“แล้วจะวิ่งออกไปด้านหน้าแบบนั้น อยากตายรึไง ทางด้านหลังมีประตู” องอาจชี้ไปทางออกด้านหลัง
“ขอบคุณนะ”
“แค่ไม่อยากให้มีคนตายเพิ่ม แค่ผมก็พอแล้ว”
วราพรรณกับนับดาวมองอาจซาบซึ้ง วิ่งออกไป องอาจมองดูทั้งคู่จากไป
“ทำไมมันถึงมีคนที่หน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้วะ ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ ก็อดใจไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นยูกิ เฮ้อ...”
อีกมุมนึงที่ไม่มีใครสังเกต ไคคุงแอบยืนดูวราพรรณกับนับดาว แล้วเขาก็วิ่งตามออกไป
ซีซีเดินมาตามทางจะไปที่ห้องจัดงาน เธอเดินสวนกับพนักงานโรงแรม
“นี่ ห้องมีทแอนด์กรี๊ดไปทางไหน”
พนักงานหันหลัง ชี้ทางไป
“คุณจะไปทำไมตอนนี้ งานเค้าเลิกแล้ว”
ซีซีมองนาฬิกาตัวเอง
“พูดบ้าๆ นี่มันเพิ่งสิบโมง งานมันเริ่มสิบโมงไม่ใช่รึไง”
พนักงานมองดูนาฬิกาตัวเอง
“นี่เที่ยงแล้วครับ”
“จะเที่ยงได้ยังไง”
พนักงานชี้ไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดผนังอยู่ ซีซีกรี๊ด
“เป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย”
พนักงานเดินจากไป นับดาวกับวราพรรณวิ่งชนเข้ากับซีซี ที่กำลังยืนไม่สบอารมณ์พอดี
“โอ๊ย อะไรเนี่ย วิ่งไม่ดูคนเลยรึไง”
แล้วทั้งสองฝ่ายก็เห็นหน้ากัน
“ซีซี”
“ยูกิ แกคือตัวปลอมใช่มั้ย ฉันรู้นะ ฉันจะแฉแกให้หมดเลย”
วราพรรณโวย
“ยังจะแฉอะไร คนเค้ารู้กันหมดแล้ว”
“ห๊ะ จะเป็นไปได้ไง ฉันเพิ่งมาถึง”
“ตื่นสายรึไง ตลาดเค้าวายหมดแล้ว”
“นี่แกเป็นใครเนี่ย มาว่าฉันฉอดๆ”
“คนที่รู้ว่าแกน่ะเอายูกิตัวจริงไปซ่อนนะสิ มาก็ดีเลย พาฉันไปหายูกิเดี๋ยวนี้”
ซีซีตกใจ
“เอาอะไรมาพูด ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ฉันน่ะแฉทุกคนที่ทำเรื่องนี้มาแล้ว จะให้ฉันพูดเรื่องเธออีกคนมั้ย จะได้ให้ตำรวจลากคอไปทีเดียวเลยข้อหากักขังและหน่วงเหนี่ยว”
“อย่ามาขู่ ฉันไม่เชื่อหรอก”
เสียงคนในฮอลล์โห่ร้อง ตะโกนเอายูกิตัวจริงคืนมา ดังมาถึงจุดที่ซีซียืน ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ไคคุงก็ถือปืนโผล่มา
“พาฉันไปเจอยูกิเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันเป่าสมองเรียงตัวแน่ๆ”
ทั้งสามคนตกใจที่ไคคุงโผล่มา
เสียงคนเรียกร้องให้เอายูกิกลับมาดังลั่น สังวรณ์เริ่มกระวนกระวายใจมองไปทั่ว หันหลังก็ไม่เห็นใครอยู่แล้ว สังวรณ์กำลังจะวิ่งหนี แต่แค่ลงจากเวทีมา องอาจก็พาตำรวจมาดักไว้ซะแล้ว
“จะไปไหนคุณสังวรณ์ อยู่คุยกันหน่อยสิ”
“ผมมีงานต่อ”
“งั้นไปต่อกันที่โรงพักก็ได้นี่”
ตำรวจยืนมองสังวรณ์เข้ม สังวรณ์กลืนน้ำลายเอื๊อก เสียงอ่อน
“ผมไม่ด้ทำอะไร”
“มาถึงขนาดนี้ยังบอกไม่ได้ทำอะไรอีกเหอ ห๊า”
ตำรวจลากสังวรณ์ออกไป
ไคคุงเอาปืนซ่อนต่ำ จี้ทั้งสามคนมาที่รถ แล้วไล่สมุนลงจากรถหมด
“พวกแกลงไปให้หมด เรื่องนี้ฉันจัดการได้”
สมุนทุกคนพยักหน้ารับ
“ขึ้นรถเร็ว ฉันไม่อยากเสียเวลา”
ซีซีรีบขึ้นไปขับรถ ไคคุงนั่งคู่คนขับ นับดาวกับวราพรรณก็ขึ้นรถไปเบาะหลังด้วย
“ถ้าใครตุกติก ฉันยิงตับแตกแน่” ไคคุงขู่
นับดาวกับวราพรรณหน้าเซ็ง
“เกือบจะรอดแล้วเชียว”
“ฉันยอมโดนจับกับยูกิตัวจริง ดีกว่ารอดไปคนเดียว”
ยูกิมงไปที่กระจกรถเศร้าๆ ไคคุงขู่ซีซี
“ยูกิอยู่กับเธอแน่ใช่มั้ย ถ้าไม่ใช่ก็ตายกันซะให้หมดนี่ล่ะ”
“อยู่สิ ก็ฉันเป็นคนจับตัวมันมาเองนี่” ซีซีรีบบอก
ไคคุงจะเอาด้ามปืนตบซีซี แต่เค้าก็ยั้งใจไว้ทัน
ยูกิกับยามาดะพากันวิ่งหนีออกมาจากโกดัง ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ขณะที่วิ่งอยู่บนถนนลูกรัง เห็นรถอีแต๋นชาวบ้านขับผ่านมา ยูกิจะเข้าไปขอความช่วยเหลือ ยามาดะห้ามไว้
“แน่ใจได้ไงว่าไม่ใช่คนที่ซีซีส่งมาดูเรา”
ยูกิชะงัก
แล้วทั้งคู่ก็แอบอยู่ที่พุ่มไม้ข้างทางแทน ดูชาวบ้านที่ผ่านไป ซึ่งดูท่าทางใจดี ไม่ร้าย
“ฉันว่าเค้าดูใจดีออกนะ”
“ผมก็ว่างั้น”
“ถ้างั้นคราวหน้าถ้าเจอรถ เราติดรถพวกเค้าไปเถอะ เดินแบบนี้ได้มืดกลางทางแน่”
ยามาดะพยักหน้ารับ
แพรวไพลินเห็นสังวรณ์กำลังโดนตำรวจลากไปสอบสวน เธอมองนิ่งๆ สังวรณ์เห็นรีบร้องบอก
“คุณให้พ่อคุณช่วยผมด้วยนะ ไม่งั้นผมจะแฉให้หมดว่าคุณมีส่วนร่วมด้วย”
“ฉันต้องกลัวอะไร แฉก็แฉไปสิ พ่อช่วยฉันได้อยู่แล้ว ทำไมต้องให้ไปช่วยคุณด้วยล่ะ”
“อย่ามาพูดปัดความรับผิดชอบนะ เราลงเรือเดียวกันแล้ว”
“มันก็จริงนะ แต่ไม่ว่าใครจะผิดชอบชั่วดียังไง ฉันไม่สนหรอก เพราะยังไงงานนี้ก็ล่มไปแล้ว ยายยูกิก็หายไป ฉันสมหวังทุกด้าน”
“นี่คุณ...”
“เชิญคุณตำรวจเอาตัวไปได้เลยค่ะ”
สังวรณ์โมโหมาก ตะโกนแช่งแพรวไพลิน
“คุณไม่มีทางสมหวังเหมือนกัน คอยดู”
แพรวไพลินมองสังวรณ์ ที่โดนจับไปอย่างไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่
ยูกิเดินมาอ่อนแรง ยามาดะพาเธอมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ ส่งขวดน้ำให้เธอ
“คุณคงยังไม่คุ้นกับแดดแรงๆของเมืองไทย พักตรงนี้ก่อนละกัน เดี๋ยวก็มีคนขับรถผ่านมา”
ยูกิพยักหน้ารับ ยามาดะมองอย่างสงสาร แล้วออกไปยืนชะเง้อมองรถที่กำลังแล่นเข้ามา แต่ยังไม่เห็น ยูกินั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ รถของไคคุงแล่นมาบนถนนฝุ่นตลบ ยามาดะก็เห็นฝุ่นตลบวิ่งมา ก็ยิ้มดีใจ
“เรารอดแล้วยูกิ มีรถมาแล้ว”
ยูกิยิ้ม ขณะเดียวกัน ซีซีเห็นคนยืนโบกรถข้างถนนไกลๆ
“ใครมายืนโบกรถแถวนี้เนี่ย จะจอดรับมั้ย” ซีซีถาม
“อยากให้มีคนตายเพิ่มรึไง”
“แต่ถนนแถวนี้มันไกลนะ”
“ขังคนไว้ทั้งคน ยังจะมามีน้ำใจอะไรตอนนี้ ขับไป ไม่ต้องไปสนใจมัน”
ซีซีพยักหน้าเซ็งๆ ส่วนวราพรรณกับนับดาวหลับอยู่หลังรถ
“สองคนนี้ก็อะไร โดนจับเป็นตัวประกันแท้ๆ ยังหลับลงอีก”
ไคคุงส่ายหน้าระอา รถแล่นผ่านยามาดะ กับยูกิฝุ่นตลบ ต่างแทบๆไม่เห็นว่าใครเป็นใคร นับดาวงัวเงียลืมตามองออกไปนอกหน้าต่าง เธอสบตายูกิที่นั่งอยู่ใต้ต้นแว้บๆ เธอก็รู้สึกตัวขึ้น หันมองไปทางหลังรถ ฝุ่นก็บังหมดแล้ว
ฝุ่นของถนนลูกรังตลบอบอวน ยามาดะไอค่อกแค่ก
“เออ ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ”
ยูกิมองตามรถไปเพราะเธอเห็นเหมือนคนหน้าตาคล้ายเธออยู่บนนั้น แต่ฝุ่นตลบทำให้เธอไม่เห็นใคร
“เหมือนฉันเห็นตัวเองอยู่แว๊บๆ”
“อะไรนะ” ยามาดะไม่ได้ยิน
“คงตาลายน่ะ”
“รออีกแป๊บนะ เดี๋ยวก็มีคนมาอีก”
ยูกิตายังมองไปที่รถ
“ไม่เป็นไร เราเดินต่อเถอะ”
“แต่คุณไม่ไหว”
“ฉันไม่ยอมนั่งรอความหวังเฉยๆหรอกน่า”
ยูกิลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำยามาดะไป ยามาดะเดินตาม
องอาจมองเห็นคนค่อยๆทยอยเดินออกจากงาน อย่างช้ำใจ
“เฮ้ย…หมด ไม่เหลืออะไรละ ต่อไปจะมีงานจ้างอีกมั้ยเนี่ย”
แพรวไพลินเดินเข้ามา
“พี่ไทไปไหนล่ะ”
“คุณยังกล้ามาถามอีกเหรอ ผมรู้นะว่าคุณร่วมมือกับพวกนั้นล้มงานนี้”
“บ้าเหรอ ฉันจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ คุณก็พูดไปเรื่อย”
“ก็เพราะคุณไม่อยากให้คุณไทหาเงินมาใช้หนี้คุณได้ยังไงล่ะ คุณกับคุณไทจะได้ยังเป็นแฟนกันอยู่”
“รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“คุณไทบอกผมทุกเรื่อง”
“งั้นก็ต้องบอกด้วยสิว่าตอนนี้เค้าอยู่ไหน”
“ให้ตายผมก็ไม่มีวันบอกคนหน้าไม่อายอย่างคุณหรอก”
“แก…ไม่บอกก็ไม่บอก ฉันหาเองก็ได้”
แพรวไพลินเดินออกไป องอาจถอนหายใจ
“น่าสงสารคุณไทจริงๆเลย ต้องมาเจอคนแบบนี้”
รถของไคคุงถูกจอดไว้หน้าโกดังร้าง ทุกคนลงจากรถ
“ที่เธอขังยูกิไว้ในที่แบบนี้เหรอ” ไคคุงเงื้อมมืออยากจะตบซีซี แต่ก็ยั้งไว้
“ตอนแรกฉันให้เธออยู่ที่ดีเลยนะ แต่ก็เพราะยายนี่” ซีซีหันหน้าไปทางนับดาว “ทำให้ฉันต้องพิสูจน์ว่าคนไหนยูกิตัวจริง”
“เพื่อนฉันไม่เกี่ยวนะ เธอคิดของเธอไปเองต่างหาก” วราพรรณโต้
“แล้วไหน ยูกิ”
“ด้านใน”
ซีซีเดินนำทุกคนไป คนอื่นๆเดินตามไปติดๆ ทั้งหมดเดินเข้ามาในโกดังร้าง ไม่เห็นใคร
“ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” วรรณพรรณหันมองทั่วๆ
“มีสิ ...” ซีซีตะโกน “ยามาดะ ยามาดะ”
“ยามาดะ...ใครคือยามาดะ” ไคคุงถาม
“ก็ยากูซ่าที่ให้มาดูแลยูกินะสิ จะให้ฉันทำคนเดียวรึไงล่ะ ยัยนั่นร้ายจะตาย”
ไคคุงหันปืนไปทางซีซี
“ไหนพูดใหม่ซิ ใครร้าย”
“ฉันเอง”
“ถ้าไอ้ยากูซ่านั่นทำอะไรยูกิแม้แต่ปลายเล็บนะ ฉันจะฆ่าทั้งเธอและยากูซ่านั่นเลย คอยดู”
นับดาวยิ่งเห็นสถานที่ที่ยูกิอยู่ ยิ่งได้ยินว่ามียากูซ่าคุมด้วย เธอยิ่งรู้สึกแย่
“ไม่เห็นจะมีใครซักคน แหกตาเรารึเปล่าเนี่ย” วราพรรณถาม
“ณ จุดนี้แกคิดว่าฉันกล้ารึไง ปืนจ่ออยู่ขนาดนี้ แถมแกยังจะไปฟ้องนักข่าวอีก คิดว่าฉันจะเสี่ยงมั้ยล่ะ”
“แล้วไหนล่ะ”
“ใช่ ฉันไม่เห็นจะวี่แววใคร หรือจะต้องให้ใครเป็นอะไรซักคนถึงจะเลิกยึกยัก ฮึ??”
“ไม่ต้อง...” ซีซีร้อนรน เดินหา “ยามาดะ ยูกิ อยู่ไหนกันเนี่ย”
นับดาวเดินไปเจอโน้ตที่แปะไว้บนเก้าอี้
“มีโน้ตอยู่ทางนี้...ฉันว่าพวกเค้าไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
ทุกคนวิ่งมายังจุดที่นับดาวอยู่ อ่านโน้ตที่แปะไว้ ว่า “ลาก่อน”
ซีซีตกใจ
“เอ้ย...”
ซีซีร้อนรนหาทุกที่ของโกดัง ไคคุงตวาด
“เอาไง เลือกมาว่าจะวิธีไหนดี”
“วิธีไหนคืออะไร”
“ก็จะตายแบบไหนน่ะสิ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันว่ามันยังหนีไปได้ไม่ไกลหรอก รีบออกไปถามหาเถอะ”
ซีซีผลุนผลันออกไปทันที ทุกคนตามไปมองหาตามข้างทาง รวมทั้งซีซีด้วย
“จากนี่กว่าจะถึงปากทางน่ะไกลมาก เราก็ไม่เห็นรถสวนมาซักคัน มันต้องอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้แน่”
“แล้วยามาดะคนของคุณล่ะ หายหัวไปไหน”
“มันอาจกำลังตามหายูกิอยู่ก็ได้”
“แต่เราก็ไม่ได้เห็นใครตลอดทางที่มานี่”
วราพรรณเริ่มสงสัย
“หรือว่าจะหนีไปด้วยกันรึเปล่า”
“หุบปากของเธอไปดีกว่า ก่อนที่ฉันจะหงุดหงิด”
ทั้งหมดมองหาตามข้างทางแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของใคร
อ่านต่อตอนที่ 12