ทองประกายแสด ตอนที่ 11
วิไลซึ่งท้องได้หลายเดือนแล้ว นอนฟุบอยู่ข้างเตียงทองดี หลังจากที่เฝ้ามาตลอดคืน ทองดีนอนอยู่บนเตียงคนป่วย เมื่อรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นและพยายามลุก แต่รู้สึกเจ็บ เธอเห็นวิไลจึงสะกิดเรียก...
“พี่วิไล...พี่วิไล พี่มาได้ยังไงเนี่ย”
วิไลรู้สึกตัว เห็นทองดีได้สติ วิไลโผกอดทันที
“ฟื้นแล้วหรือทอง...ฉันกลัวแทบแย่...พอโรงพยาบาลโทรไป ฉันก็รีบมาทันที...”
ทองดีเห็นท้องวิไล
”...นี่พี่ท้องแล้วหรือ กี่เดือนแล้ว”
“...ห้าเดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่เจอกับนิคนั่นแหละ ตอนที่โรงพยาบาลเค้าเอาโทรศัพท์แกโทรไปน่ะ ฉันตกใจแทบแย่ โชคดีนะ ฉันเพิ่งกลับมาเมืองไทย ไม่งั้นก็คงไม่รู้เรื่องหรอก เดชะบุญนะที่แกแค่เจ็บ....”
ทองดีมองดูที่แขนตัวเองเห็นสายน้ำเกลือติดอยู่ เธอชะงัก นิ่งคิดถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุ
“คุณมนตรา..แล้วคุณมนตราล่ะพี่ แล้วเค้าเป็นยังไงบ้าง เค้าอยู่ห้องไหน ฉันอยากไปหาเค้า”
วิไลอ้ำอึ้ง
“...เอ่อ...รอให้หายดีก่อนมั๊ย ดูสิน้ำเกลือยังเต็มขวดอยู่เลย”
“ไม่เป็นไร ฉันอยากเห็นหน้าเค้า เค้าอยู่ไหน”
วิไลมองหน้าทองดีแล้วเบือนหน้าหนี
“พี่ร้องไห้ทำไม”
“....เปล่า ฉันสงสารแกว่ะทอง”
“สงสารฉันหรือ ทำไมล่ะ....หรือว่า...”
ทองดีลุกลงจากเตียง ดึงสายน้ำเกลือออก ลุกแล้วเซ แต่ทองดีแข็งใจเดินไปที่หน้าประตู แต่ไม่ไหวล้มลงกองที่พื้น วิไลรีบเข้าไปประคอง
“ทองเอ๊ย...ทำใจซะเถอะนะ คุณมนตราเค้าไปดีแล้ว”
“ไม่จริง....
ทองดีกรีดร้องเสียใจอย่างรุนแรงอยู่ในอ้อมแขนของวิไล
ทองดีนอนร้องไห้หนักอยู่บนเตียง ไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องรอบตัว โดยมีวิไลเฝ้าอยู่ตลอดเวลา วิไลมองด้วยความสงสารเอามือลูบหัว พูดปลอบใจ
วิไลป้อนข้าวให้ ทองดีที่เซื่องซึมทานข้าวไป น้ำตาร่วงไป จนวิไลป้อนต่อไม่ได้ ทองดีร้องไห้ต่ออยู่บนเตียง
หลายวันต่อมา...
ทองดีในรถเข็นริมหน้าต่างโรงพยาบาล เธอหมดอาลัยตายอยาก สายตาเลื่อนลอย มีวิไล ที่กำลังเก็บข้าวของให้อยู่
“เดี๋ยวเราไปรับยา แล้วก็กลับบ้านกันแล้วนะ แต่พี่ว่า แกอย่าพึ่งอยู่คนเดียวเลย เอางี้ ไปนอนบ้านพี่ก่อน นิคเค้าไปคุมแท่นเจาะที่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับหรอก นอนคุยกันให้สบายใจซัก 2-3 วัน แล้วค่อยกลับเนอะ”
ทองดีหันมองหน้าวิไล ไม่พูดอะไร แล้วเบือนหน้าออกต่อไป
“แม่ผัวแกก็ดีนะ จ่ายค่า โรงพยาบาลให้แกจนหมดแล้ว ไหน มาดูหน้าหน่อยสิ นี่ อีกไม่กี่วันแกก็หาย แล้วก็กลับมาสวยเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วง อยากแต่งหน้าซักหน่อยมั๊ย เดี๋ยวพี่แต่งให้แกเอง”
วิไลทำร่าเริง ทองดีมองหน้าวิไล และพยายามพูดด้วยความลำบาก
“ขอบใจมากนะ พี่วิไล ขอบใจพี่มาก”
ทองดีร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ทองเอ๊ย แกอย่าเป็นอย่างนี้เลย สู้สิวะทอง เดี๋ยวแกก็จะผ่านมันไปได้”
“ชีวิตฉัน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ ทำไมผู้ชายทุกคนต้องตายจากฉันไปแบบนี้ ฉันทำให้คุณมนตราตายใช่มั๊ยพี่วิไล เพราะฉันใช่มั้ย”
“คิดอะไรแบบนั้นวะทอง คุณมนตราเค้าหมดกรรมแล้ว แกอย่าโทษตัวเองเลย มันไม่เกี่ยวกันหรอก”
ทองดีส่ายหน้า
“คุณมนตราคือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน ชีวิตที่เหลือจากนี้ ฉันคงไม่เจอใครอย่างเค้า พี่วิไล ฉันรักเค้า ฉันรักเค้ามาก ทำไม...ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้...ทำไมเค้าต้องทิ้งฉันไป...”
วิไลพาทองดีมาที่ห้องพักในคอนโดนิค เธอประคองให้ทองดีนั่ง
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พักผ่อนตามสบายเลย”
“...ขอบใจจ๊ะพี่ ฉันเกรงใจพี่จริงๆ พี่ท้องโตเบ้อเร่อแล้ว ยังต้องมาคอยดูแลฉันอีก”
“เฮ้ย ไม่ต้องคิดอะไรมาก รักษาตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวไปต้มข้าวต้มให้ จะได้กินยา”
ทองดีส่ายหน้า
“ฉันกินไม่ลง”
วิไลมองดุๆ
“...ไม่ได้...ต้องกิน คนเราต้องรักตัวเอง ถ้าเราไม่รักตัวเรา แล้วใครจะมารักเราล่ะ รอแป๊บนึงนะ”
วิไลเดินลับตัวไป ทองดีนั่งซึมเหม่อ
ค่ำคืนนั้น ทองดีนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง เธอฝันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วร้องกรี๊ด ตกใจตื่นขึ้นทันที
“มนตรา...ไม่นะ”
วิไลสะดุ้งลุกขึ้นมาเปิดไฟทันที
“ทองแกฝันร้ายอีกแล้วหรือ”
“ฉันเห็นมนตราเลือดท่วมตัว...ฉันกลัว...”
วิไลกอดทองดีไว้
“...ขวัญเอ๊ยขวัญมา ลืมมันซะนะ เรื่องร้ายๆมันผ่านไปแล้ว นอนซะเถอะ...”
วิไลประคองให้ทองดีล้มตัวลงนอนหันหลัง ร้องไห้ วิไลนั่งลูบหลังให้อย่างสงสาร
รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้านมนตรา ทองดีลงมาจากรถ หน้าตาช้ำเพราะบาดแผล วิไลเดินลงมาพร้อมกันกดกริ่งหน้าบ้านย้ำๆ
“รอประเดี๋ยวนะทอง ไหวหรือเปล่า หน้าเธอซีดจังเลย”
“ไหวสิ ฉันไม่เป็นไรหรอกพี่”
ทองดีแข็งใจยืนทั้งที่อ่อนแรงเต็มทน ละเอียดเดินมาที่หน้ารั้วพอเห็นทองดี ละเอียดทำท่าจะเดินกลับเข้าบ้าน ทองดีรีบเรียกไว้
“เปิดประตูให้ฉันหน่อยสิ พี่เอียด”
“คงไม่ได้หรอก เจ้าของบ้านไม่อยู่”
วิไลไม่พอใจ
“อ้าว ก็เมียเจ้าของบ้าน มันก็เหมือนกันแหละน่า เปิดเร็วๆเข้า คนป่วยไม่เห็นหรือ”
“อย่ามาทำออกคำสั่ง หรือว่าหล่อนเป็นเมียคุณมนอีกคน”
ละเอียดมองหัวจรดเท้า วิไลฉุน
“...แก่แล้วยังปากปลาร้า เป็นขี้ข้าอย่ามาทำปากเก่งนะ เปิดประตูให้น้องฉันเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า ประเดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก”
“ไม่เปิด ใครจะทำไม” ละเอียดหันไปมองทองดี “เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนี้แล้ว ถ้าจะเข้า ต้องรอเจ้าของอนุญาตก่อน”
ทองดีโกรธมาก
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้น ฉันจะพังเข้าไปจะเปิดหรือไม่เปิด”
ทองดีพูดน้ำเสียงเย็นมาก ละเอียดกลัวๆ จะเปิดประตูให้ รถหรูของแม่มนตราวิ่งเข้ามาจอด ลดกระจกด้านหลังลงมองแล้วรถเคลื่อนเข้าไปในบ้าน
“นั่นใช่เจ้าของบ้านหรือเปล่าเนี่ย ทองแกรู้จักหรือเปล่า”
ทองดีส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้จักหรอก ฉันไม่เคยเห็นหน้าพ่อกับแม่เค้า”
“ตายละแก มานอนกับลูกเค้าตั้งนานสองนาน ไม่รู้จักพ่อกับแม่เค้าหรอกหรือ ทำไมแกมันได้บื้อแบบนี้วะ”
ทองดีหน้าจ๋อย วิไลมองอย่างเห็นใจ ขณะเดียวกันละเอียดเดินมาเปิดประตูเล็กให้ทั้งสองคน
“คุณผู้หญิงเรียกให้หล่อนเข้าไปพบ...เชิญ”
ทองดีมองหน้าวิไล แล้วเดินเข้าไปในบ้าน วิไลหันมาเบ้ปากใส่ละเอียด แล้วรีบเดินไป ละเอียดมองตามไปอย่างเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ...ไม่รู้จะกลับมาทำไม”
แม่ของมนตรานั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขก วิไลเดินพยุงทองดีเดินเข้ามาในบ้าน แม่มนตรามองจ้องทองดีอย่างสำรวจ เลยไปถึงวิไลด้วย
“เธอใช่มั๊ย ทองดี”
ทองดีรีบยกมือไหว้ แม่มนตรามองนิ่ง ไม่แม้แต่จะรับไหว้
“ใช่ค่ะ หนู...หนูเป็นเมียคุณมนตราค่ะ”
“เธอน่ะหรือ เป็นเมียของมนตรา” แม่มนตรามองทองดีหัวจรดเท้า “...ขอโทษเถอะนะไปเข้าพิธีกันเมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องเลย”
“เอ่อ...คุณมนตรากำลังจะพาหนูขึ้นไปพบคุณแม่ที่เชียงใหม่ แต่มาเกิดเรื่องเสียก่อน”
“...เกิดเรื่องซะก่อน เธอพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กๆ ลูกชายฉันตายทั้งคน ลูกชายคนเดียวของฉันต้องตายเพราะเธอแล้วเธอยังกล้ามาอีกเหรอ ค่ารักษาพยาบาลฉันก็ออกให้เธอ ยังไม่พอใจอีกเหรอ เธอต้องการอะไรอีก คิดว่าฉันยังเสียใจไม่พอรึไง”
ทองดีนั่งน้ำตาร่วง
“ฉันไม่อยากจะโทษเธอหรอกนะ แต่ไม่โทษก็คงจะไม่ได้ กลับไปซะ แล้วอย่ามาเหยียบที่นี่อีก”
“หนูเป็นเมีย หนูก็ควรจะมีสิทธิ์อยู่ที่บ้านนี้ต่อไป”
“เมีย ไหนล่ะทะเบียนสมรส”
ทองดีผงะ
“...ทะเบียนสมรส คุณมนตราจะพาหนูไปจดทะเบียน หลังจากกลับมากรุงเทพ แต่...”
“แสดงว่าไม่มีใช่มั๊ย งั้นหล่อนก็ไปได้แล้ว”
วิไลแย้ง
“แต่ทองควรจะมีสิทธิ์...”
แม่มนตราปรายตามองเหยียดๆ
“....สิทธิ์หรือ...ยังมีหน้ามาพูดอีก ฉันเป็นฝ่ายต้องเสียลูกชายไปทั้งคน เธอจะมาเรียกร้องอะไรอีกล่ะ พวกเธอมันก็แค่ผู้หญิงบาร์ต่ำๆที่มาเกาะลูกชายฉัน”
“แต่หนูเป็นเมียของคุณมนตราจริงๆนะคะ พี่เอียดก็รับรู้”
ละเอียดรีบบอก
“เอียดไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ”
“พอได้แล้ว เพื่อเห็นแก่มนตรา ฉันจะให้เงินเธอไปตั้งตัวซักก้อน ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดกันแค่นี้ เอียด เอาข้าวของมาให้เค้าด้วย”
“คุณมนตราอยู่วัดไหน หนูอยากไปงานศพคุณมนตรา”
“ถือว่าเห็นแก่ฉัน ถ้าเธอรักลูกชายฉัน อย่าไปงานศพลูกฉัน ฉันขอให้เราเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
ทองดีอึ้งเงียบไป ละเอียดหยิบกระเป๋าเดินทางมาส่งให้
“...อ่ะนี่เสื้อผ้าของเธอ”
ละเอียดวางกระเป๋าเสื้อผ้าของทองดีลงที่พื้นตรงหน้า พร้อมส่งซองให้ทองดี เธอมองข้าวของตัวเองนิ่งทรุดตัวลงนั่งที่พื้นแล้วร้องไห้ ละเอียดทนไม่ได้ รีบวางซองไว้ตรงหน้าแล้วเดินหนีไป
“ฉันช่วยเธอได้แค่นี้ ต่อไปนี้หวังว่า เราคงไม่ต้องพบหน้ากันอีก”
แม่มนตราพูดจบก็เดินไป ละเอียดมองทองดีอย่างสงสาร ได้แต่เมินหน้าหนี
“ไม่ต้องไปง้อมันทอง มันดูถูกพวกเรานัก เออ..ให้มันรู้ไปว่า เราจะอยู่ไม่ได้” วิไลบอก
ทองดีหันไปหาละเอียด
“พี่เอียดฉันขอร้อง ฉันขอเข้าไปในห้องคุณมนตราหน่อยนะ”
ละเอียดมองลังเล
“ฉันขอร้องนะ พี่เอียด”
ละเอียดพยักหน้าแล้วเมินไป
ในห้องมนตรา...ทองดีมองทุกอย่างในห้องที่ยังอยู่เหมือนเดิม มองไปมุมไหน ก็เห็นแต่มนตรายิ้มให้เธอ คุยเล่นกับเธอ
ทองดีเดินไปหยิบรูปถ่ายของมนตราที่ถ่ายคู่กับตัว มากอดไว้แนบอก แล้วเดินลงไปนั่งที่เตียง เอามือลูบที่นอน หมอน ที่ๆมนตราเคยนอน เธอรู้สึกอบอุ่น เหมือนมีมนตราอยู่ข้างๆ แล้วความรู้สึกนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ทองดีเศร้าใจทันที...
วิไล ประคองทองดีเดินออกจากบ้านมนตราอย่างเศร้าๆ ทองดีหันกลับไปมองบ้านมนตราอย่างอาลัย
“อย่าหันกลับไปมอง มันเป็นอดีตไปแล้ว เดินหน้าต่อไปสิ”
ทองดีแข็งใจเดินออกจากบ้านไป พอพ้นรั้ว เธอทรุดลงเป็นลมไปในอ้อมกอดของวิไล
หลายวันต่อมา...ทองดีนั่งซึมเหม่อ ไม่พูดไม่จา วิไลนั่งถักเสื้อเด็กเริ่มจากตัวเล็กๆ วิไลเปิดแบบดู แล้วนั่งถัก ทองดีมองวิไลแล้วเหม่อ
ทองดีนั่งซึมอยู่เป็นเดือน วิไลนั่งถักเสื้อเด็ก ยกขึ้นอวด เสื้อเกือบเสร็จแล้ว ทองดียิ้มรับแบบเนือยๆ
วิไลที่ท้องโตมากแล้ว หยิบเสื้อเด็กที่ถักเสร็จเรียบร้อยขึ้นมาอวด
“เสร็จซะที...สวยมั๊ยทอง”
ทองดีนั่งเหม่อ วิไลมองแล้วส่ายหน้า
“ทองเอ๊ย...ทอง นี่แกได้ยินฉันพูดมั๊ยเนี่ย”
ทองดีสะดุ้งเฮือก วิไลส่ายหน้า เก็บเสื้อเด็กใส่ถุง แล้วลุกขึ้น
“แหมขวัญอ่อนจริงๆนะแก จะเอาอะไรมั๊ย ฉันจะไปซื้อของข้างล่างหน่อย” วิไลลูบท้องตัวเอง “ไอ้หนูมันอยากกินส้มตำ”
ทองดีส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอกพี่”
“ไปด้วยกันมั๊ยล่ะ มัวแต่อุดอู้ในห้อง เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีมั๊ย”
“ไม่หรอก ฉันอยากอยู่เงียบๆ”
“ตามใจ ฉันไปแป๊บเดียว อยู่ได้นะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ เดินระวังๆหน่อยนะ”
วิไลเดินออกไป แต่ยังอดหันกลับมามองทองดี อย่างเป็นห่วงไม่ได้
“อยู่ได้แน่นะแก เฮ้อ...ทองเอ๊ย...ตัดอดตัดใจซะเถอะ ยังไงมนตราเค๊าก็ไม่ฟื้นกลับมาหาแกอีกแน่นอน เออ...หรือแกขอให้เค้ากลับมาเกิดเป็นลูกพี่สิ แล้วแกก็มาช่วยเลี้ยงลูกพี่ ดีมั้ย”
วิไลพยายามพูดให้ขำ ทองดีเงียบ วิไลจ๋อยไป ได้แต่เดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบายใจ ทองดีหยิบผ้าเช็ดหน้าของมนตราขึ้นมาดู นึกถึงวันที่ พบมนตราเป็นครั้งแรก นึกถึงวันที่ไปดูดาวด้วยกัน...วันที่เขาให้ผ้าเช็ดหน้า...
“ผมรู้ แต่ถ้าคุณกลัว คุณก็จะไม่เจอกับความสุข ความรักมันไม่น่ากลัวเสมอไปนะ...”
คำพูดของมนตรายังติดตรงอยู่ในความทรงจำ
ทองดีฟุบหน้าลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“มนตราคะ ฉันขอโทษ คุณกลับมาหาฉันได้มั๊ย...ฉันรักคุณ คุณมนตรา คุณกลับมาเถอะนะ”
ทองดีเงยหน้าขึ้น มีถาดผลไม้และมีดปอกผลไม้ วางอยู่ด้วย เธอชะงักหยิบมีดขึ้นมามองนิ่ง
วิไลยืนอยู่หน้าลิฟต์ ล้วงหากระเป๋าสตางค์วุ่นวาย
“อะไรวะเนี่ย...ลืมกระเป๋าสตางค์ แล้วจะซื้ออะไรได้ล่ะเนี่ย”
วิไลเดินกลับไปที่ห้อง ขณะเดียวกันในห้อง ทองดีมองมีดอย่างใช้ความคิด
“ไม่มีคุณฉันจะอยู่ได้ยังไง คุณรอฉันด้วย”
วิไลเดินกลับเข้ามาในห้อง พอเห็นทองดีกำลังจะกรีดมีดลงที่ข้อมือ วิไลกรี๊ด วิ่งไปแย่งมีดที่มือ
“แกจะบ้าหรือ ทอง ทำอย่างนี้ทำไม”
“ปล่อยฉันพี่วิไล ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ไม่มีคุณมนตรา ฉันก็ไม่เหลือใคร”
“แกจะบ้าหรือไง แกยังมีฉันไง ฉันยังอยู่ทั้งคน”
“พี่อย่าห้ามฉันเลย ปล่อยฉันไป ฉันอยู่ไม่ไหวจริงๆ มันไม่ไหวจริงๆ”
“ไม่ได้...ถ้าแกอยากตาย...งั้นก็มาตายพร้อมกัน”
วิไลแย่งมีดจากมือทองดีได้ จะกรีดแขนตัวเอง ทองดีได้สติคว้ามือวิไลไว้
“อย่านะ!...พี่ยังมีอนาคต มีนิคกับลูก แต่ฉันไม่มีใครอีกแล้ว”
“ไหนแกบอกว่าแกเป็นน้องของฉันไง แกรักฉันเหมือนพี่ แล้วฉันจะทิ้งน้องให้ตายไปคนเดียวได้ยังไง ถ้าแกอยากตายนัก เรามาตายพร้อมกันเลย”
วิไลจ้องหน้า ทองดีทรุดลงกองกับพื้นแล้วร้องไห้ วิไลขว้างมีดทิ้งแล้วสองสาวกอดกันร้องไห้
“ทองเอ๊ย...ผ่านไปตั้งหลายเดือนแล้ว นี่แกยังทำใจไม่ได้อีกหรือ แกเป็นแบบนี้คิดว่า คุณมนตราเค้าจะดีใจหรือไง โง่จริงๆเลย”
“ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีกแล้ว”
ทองดีโผเข้ากอด วิไลได้แต่ลูบหลังลูบหัว แล้วส่ายหัวอ่อนใจ
หลายวันต่อมา...ทองดีนั่งกินข้าวกับวิไล
“แล้วนี่แกคิดจะทำยังไงต่อไป” วิไลถาม
“คงต้องหางานทำ”
“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปทำงานกับนายนรินทร์อีก มีหวังโดนโขกตาย”
“นั่นสิ ฉันขอคิดก่อน”
“เออ...คิดให้ดีๆแล้วกัน ฉันว่า ถ้ารักไม่สมหวัง แกอาจจะรุ่งเรื่องงานก็ได้นะ ทอง แกลองนึกซิ แกฝันอยากเป็นอะไร ลองทำความฝันของแกให้เป็นจริงซิ”
ทองดีนิ่งนึก เสียงกริ่งประตูดังขึ้น วิไลรีบเดินไปเปิดประตู นิคเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ วิไลดีใจรีบโผเข้ากอดนิค”
“คิดถึงคุณจังเลยวิไล ไหนมาดูซิ ลูกพ่อโตแค่ไหนแล้ว”
นิคก้มลงทักทายลูกที่ท้อง วิไลเขิน
“ไม่เอาน่า อายทองเค๊า”
“อ้าว...คุณทองประกาย”
ทองดียิ้มให้
“สวัสดีค่ะ คุณนิค”
“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องคุณมนตรา คุณล่ะ หายดีหรือยัง”
“ดีแล้วค่ะ ได้พี่วิไลช่วยดูแล ไม่งั้นฉันคงแย่”
นิคยิ้ม
“วิไลเค้าน่ารัก ชอบเทคแคร์คน”
“แหม...ปากหวานจังเลย...ก็คุณไม่ค่อยกลับบ้านน่ะสิ วิไลเหงาแทบแย่แน่ะทองเค้ามาอยู่เป็นเพื่อนวิไล”
“งานทางโน้นยุ่งมาก ผมเลยต้องอยู่คุม แว๊บได้ก็รีบมาหาคุณทันทีเลยนะ” นิคหันไปหาทองดี “...ตามสบายนะครับ พรุ่งนี้ผมต้องบินไปดูงานที่บริษัทแม่อีก คงอีกนานกว่าจะได้กลับมาเมืองไทย”
วิไลตกใจ
“อ้าว...ทำไมเร็วจังคะ ไหนบอกว่าจะไปต้นปีหน้า”
“มันจำเป็น ผมขัดไม่ได้ เอางี้ เราแต่งงานกันพรุ่งนี้เลยดีมั๊ย”
วิไลตีแขนนิคเป็นเชิงเขิน นิคยิ้มหยอกล้อกันแบบรักใคร่ นิคประคองวิไลเข้าห้องไป ทองดีมองตามทั้งคู่ไปแล้วยิ้มอย่างอิจฉาเล็กน้อย
วันต่อมา...นิคแต่งตัวโดยวิไลยืนช่วย กระเป๋าเดินทางวางอยู่บนเตียง
“ผมไม่อยากทิ้งคุณไปเลย ไปพร้อมกันเลยดีมั๊ย บินไปแต่งงานที่โน่นเลยก็ได้”
วิไลส่ายหน้า
“อย่าดีกว่าค่ะ เรื่องแต่งงานก็ไม่สำคัญสำหรับฉันหรอก แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว”
“แต่เรื่องแต่งงานสำคัญสำหรับผมนะ สำหรับลูกของเราด้วย”
“ไว้กลับมาค่อยแต่งก็ได้นะคะ คุณตั้งใจทำงานเถอะ”
นิคทำท่าอิดออด
“...ก็ได้ ก็ได้ พอผมกลับมา คุณต้องแต่งงานกับผมนะ”
“แน่นอนค่ะ ให้ลูกถือดอกไม้ก็ได้...เหมือนในหนังดี”
นิคกอดวิไลอย่างแสนรัก วิไลหันไปหยิบตัวเครื่องบินส่งให้ นิคเดินโอบเอววิไลเดินออกจากห้องไป
วิไลยืนส่งนิคที่หน้าประตู นิคทั้งกอดทั้งจูบวิไลเป็นการล่ำลา
“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”
“ใจหายจัง ฉันคิดถึงคุณนะคะ”
นิคหันบอกทองดี
“ผมฝากครอบครัวผมด้วยนะ คุณทองประกาย”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่วิไลก็เหมือนพี่สาวของฉัน โชคดีนะคะ”
“ส่งแค่นี้พอ ผมให้คนมารอรับแล้ว ดูแลตัวเองกับลูกให้ดีนะ วิไล”
นิคจูบวิไลเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกจากห้องไป วิไลมองตามเศร้าๆ
“นิคเค้ารักพี่จังเลยเนอะ ฉันอิจฉาพี่จริงๆพี่วิไล”
“อย่าอิจฉาเลย ชีวิตแบบนี้มันก็ดีอย่างเสียอย่าง”
ทองดีมองอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ออกไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่รอเค้าคนเดียว แต่อย่างเธอยังไปโลดแล่นทำอะไรตามความฝันได้อีกตั้งมากมาย แต่สำหรับฉันคงหมดแค่นี้แหละ”
“ทำตามความฝันหรือ...”
ทองดีนิ่ง คิดถึงบุญเทียมขึ้นมา
ที่ห้องประชุมงาน...บุญเทียมกำลังอ้อนเสี่ยสี่ เจ้าของหนังสือปลุกใจเสือป่าให้เลือกเด็กของตัว
“เฮียขา...เอาน้องยอดหญ้าดีกว่า..รับรองใครเห็นต้องซี๊ด... อย่างบึ้มเลย”
คู่แข่งที่นั่งอยู่ด้วยขัด
“อ๋อ...ไอ้บึ้มเนี่ย เพราะว่ากำลังท้องหรือเปล่าเจ๊ แบบว่าต้องเตรียมให้นมลูกไงล่ะ
บุญเทียมค้อน
“อีปากหนอน...ท้องเทิ้งอะไรยะ ข่าวลือ...”
“เฮียก็ได้ยินมาเหมือนกัน...” เฮียสี่หันไปถามคู่แข่ง “...แล้วของหนูล่ะเป็นไง”
“...เอาเด็กของหนูดีกว่าค่ะเฮีย...ลูกครึ่ง...สดใหม่ ใสกว่า แต่ว่าไม่ท้องแน่นอน”
บุญเทียมแอบเบ้ปาก เพราะรู้ว่าทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำ แอบบ่น
“เอาไงดีเนี่ย...อีนังยอดหญ้า...ก็เสือกท้องจริงซะด้วย...เฮ้อ...คิดสิ คิดสิ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุญเทียมกดรับอย่างเซ็งๆ เสียงทองดีดังขึ้นทันที
“พี่บีบีใช่มั๊ยคะ หนูทองประกายนะพี่”
“ชะนีที่ไหนล่ะยะ มีอะไร...” แล้วบุญเทียมก็นึกออก “อ๊ายยย เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ”
บุญเทียมปลื้มมาก หันกลับมาพูดกับเฮียสี่
“เฮียคะ...เอางี้...พรุ่งนี้ฉันจะพานางแบบคนใหม่มาให้เฮียดูตัว รับรองกล้าถ่ายกล้าถอด ไม่มีเหนียม ไม่มีอาย ไม่มียาง...รับรองคนนี้ Best of the Best ถ้าเฮียไม่เอา เฮียจะเสียใจ....”
เฮียสี่ลังเล คู่แข่งมองบุญเทียมอย่างอารมณ์เสีย บุญเทียมยิ้มแบบมีทีเด็ด
อ่านต่อหน้า 2
ทองประกายแสด ตอนที่ 11 (ต่อ)
บุญเทียมนั่งวางมาดอยู่ที่โต๊ะ ทองดีเดินใส่แว่นดำเข้ามา ยกมือไหว้ บุญเทียมรับไหว้แบบเสียไม่ได้
“สวัสดีค่ะ พี่บีบี พี่จำหนูได้หรือเปล่า”
“จำได้สิยะหล่อน แล้วใส่แว่นดำทำไมเนี่ย...หรือว่าไปกรีดตามา ไหนถอดให้ดูหน่อยสิ”
ทองดีถอดแว่นดำออก บุญเทียมมองแล้วยิ้ม...
“ใช่ หน้านี้แหล่ะ หน้าตาแบบนี้แหล่ะ ที่ฉันต้องการ”
“เออ...พี่มีงานให้หนูทำใช่มั้ย”
“งานน่ะมี แต่ผัวหล่อนล่ะ เค้าจะให้ทำหรือเปล่า คุยกันให้รู้เรื่องนะ ฉันไม่อยากเอาหน้าไปรับแรงกระแทกให้หล่อนเหมือนคราวก่อน”
ทองดีเศร้า
“...คงไม่ต้องคุยแล้วละพี่...เค้าไม่อยู่แล้วละ พี่มีงานอะไร หนูทำทั้งนั้นแหละ”
บุญเทียมมองอย่างไม่เชื่อถือ แต่เห็นสีหน้าทองดีเศร้าก็เริ่มเข้าใจ
“ไม่อยู่นี่หมายความว่ายังไง เลิกกันแล้วใช่มั๊ย”
“ไม่ได้เลิกพี่ แต่เค้าตายแล้ว”
บุญเทียมน้าเหวอ...
“ตายจริง พี่เสียใจด้วยนะ โธ่ไม่น่าเลย”
บุญเทียมทำทีเป็นปลอบโยนทองดี แต่หันหลังแอบพูดกับตัวเอง
“ตายซะได้ก็ดี...จะได้ไม่มีก้าง...”
บุญเทียมพาทองดีมาที่บ้าน เมื่อเข้าไปด้านใน เธอมองรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น เพราะบ้านดูหรูหรา
“บ้านพี่เหรอ”
“ใช่ ถ้าหล่อนตกลงใจทำงานให้ฉัน ก็ย้ายของเข้ามาอยู่ได้เลย ตกลงว่าไงล่ะ”
“..ก็ได้ ฉันตกลงทำงานกับพี่ แต่ฉันมีข้อแม้”
“อะไรล่ะ แหม...เรื่องเยอะเหมือนกันนะหล่อนเนี่ย”
ทองดีอึกอัก
“...ฉันไม่ชอบสุงสิงกับใคร ฉันไม่นอนร่วมห้องกับใคร”
บุญเทียมบ่น
“..ย่ะ ก็ไม่มีใครหรอกย่ะ มีแต่หล่อนนั่นแหล่ะ...แหม..เข้าสังกัดวันแรกก็เรียกร้องเลยนะหล่อน”
“น่าพี่...ถ้าค่าใช้จ่ายมันสูงพี่ก็หักจากค่าตัวฉันไม่ใช่หรือ”
“อ่ะ...ก็ได้...ก็ได้..นี่เห็นว่าหล่อนลำบากมานะ ไม่งั้นฉันไม่ทำให้เสียเวลาหรอก”
“แล้วพี่จะแบ่งค่าตัวฉันยังไงล่ะพี่ เค้าคิดกันยังไง พี่บอกฉันมาเลย พูดกันให้รู้เรื่องตั้งแต่แรก ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน”
ทองดีมองหน้า บุญเทียมยิ้มตอบ”
แหม...ใจเย็นๆสิคะคุณน้องทองประกาย ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนั้นน่ะ คุยกันได้ คนกันเองแท้ๆ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป๊ เดี๋ยวจะได้ออกไปเอาของ”
บุญเทียมยิ้มหวาน ทองดีเดินเข้าห้องไป พอลับตัว บุญเทียมหุบยิ้มทันที ค้อนตาเหลือก
“เขี้ยวนักนะอีนี่...”
ทองดีพาบุญเทียมไปที่ห้องวิไล เมื่อไปถึงให้รอที่ห้องรับแขก และแยกไปคุยกับวิไลตามลำพัง วิไลถามอย่างห่วงๆ
“เธอจะไปแล้วหรือ”
“ฉันจะทำความฝันให้เป็นจริง อย่างที่พี่ว่ายังไงล่ะ”
“กับเจ๊บีบีเนี่ยนะ”
ทองดีพยักหน้า
“ใช่”
วิไลถอนหายใจยาว
“...ระวังตัวหน่อยนะ ท่าทางยัยเจ๊นั่นคงเค็มได้ทีเชียวละ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ยอมเสียเปรียบใครอีกแล้ว ฉันจะเป็นทองคนใหม่ ทุกอย่างต้องเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และชื่อเสียง”
“..เอ่อ เหรอ เอ้า...ระวังตัวหน่อยนะทอง อย่าคิดอะไรโง่ๆอีก”
“ขอบใจนะ พี่วิไล พี่เป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ในโลกนี้ ตอนนี้ฉันพร้อมแล้ว”
“ขอให้เธอประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้นะ ทอง”
“ขอบใจนะ”
ทองดีหันไปมองทางบุญเทียมอย่างมุ่งมั่น
บุญเทียมเดินเข้ามาในห้องของพักที่จัดให้ทองดี ผ่านมือเชิญชวนให้ชม
“เป็นไง นี่ห้องของหล่อน ตามสบายเลย”
ทองดีาโตเดินดูรอบๆ บุญเทียมเดินไปเปิดตู้ หยิบอุปกรณ์ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ส่งให้ ทองดีรับมางงๆ
“ทำยังกะโรงแรมเลยนะเจ๊...แถมพร้อมห้องพัก”
“...หักจากค่าตัวของหล่อนเช่นกันย่ะ”
“แหม...เจ๊นี่มีน้องชื่อเกลือหรือเปล่าเนี่ย”
บุญเทียมยิ้มหวานให้ แล้วเบือนหน้าหนีแอบเบ้ปาก แล้วเดินแยกไป เพราะมีโทรศัพท์เข้ามา ทองดีเนไปเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าของตัวเอง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของมนตราขึ้นมาดู บอกกับตัวเองเบาๆ
“ฉันคิดถึงคุณจังเลย คุณอยู่ที่ไหน เป็นกำลังให้ฉันด้วยนะ”
ทองดีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง บุญเทียมเดินกลับมาหาพร้อมโทรศัพท์มือถือ
“เอาไงดีเนี่ย พรุ่งนี้เค้าจะให้ฉันพาแกไปดูตัว...”
“ก็ไปสิ...ฉันว่าง”
“...แหม...หล่อนก็กล้าเนอะ เบิ่งตาดูสารรูปหล่อนบ้างหรือเปล่า แล้วก็ไม่มีภาพถ่ายในสตูฯ ฉันเห็นแล้วยังขวัญกระเจิง ลูกค้าเห็นเข้าก็คงวิ่งกันกระเจิง เอาไงดีเนี่ย...”
บุญเทียมคิดหนัก ทองดีนิ่งคิดแป๊บนึงก็นึกขึ้นมาได้
“เอางี้สิเจ๊...ฉันเคยมีรูปอยู่ในเวปของคลับคุณนรินทร์ เอารูปจากเวปนั่นก็ได้นี่นา”
บุญเทียมดีใจเว่อร์
“...โอ้ว...ลูกสาวของแม่ หล่อนมีช่วงฉลาดเหมือนกันนะยะ”
ทองดีสงสัย
“เออ...แล้วเจ๊ไม่มีเด็กคนอื่นบ้างหรือ”
“ตอนนี้ฉันทำให้บริษัทใหญ่อยู่ แต่อีกหน่อย ฉันจะเปิดบริษัทของฉันเอง”
“อ้าว...เป็นลูกน้องเค้าว่างั้นเหอะ”
บุญเทียมค้อน
“...นังบ้า พูดซะฉันเสียเซลฟ์เลยนะแก เออ...ฉันยอมรับ ตอนนี้แกเป็นเด็กในสังกัดฉันคนแรก ฉันนี่แหละนักปั้นมือทอง ฉันจะปั้นแกให้ดังระเบิดเลย คอยดู”
บุญเทียมมุ่งมั่นมาก ทองดีมองบุญเทียมอย่างมีความหวัง
วันใหม่...บุญเทียมยืนพูดโทรศัพท์ ทองดีนั่งอยู่มองตาแป๋ว
“หนูรับรองค่ะ น้องทองประกายคนนี้ ต้องถูกใจแน่นอน เพียงแต่ วันนี้น้องเค้าติดแคสละคร ...คิวแน่นเลยเฮีย”
ทองดีงง พยายามบอกว่าตัวเองว่าง บุญเทียมลึงตาใส่ ชี้ให้หุบปาก
“เอางี้ เดี๋ยวหนูให้แมสเซนเจอร์ส่งรูปไปให้นะคะ รับรองค่ะ”
บุญเทียมเดินมาจับหน้าทองดีดูรอยช้ำจากอุบัติเหตุ พลางพูดไปด้วย...
“ค่ะ ไม่เกินอาทิตย์หน้าหนูจะพาน้องเข้าไปหานะคะ ได้แน่นอน รับรองค่ะ โห...มือชั้นบีบีแล้ว รับรองไม่มีการย้อมแน่นอนค่ะ ค่ะ...สวัสดีนะคะ”
บุญเทียมกดวางหู แล้วกรี๊ด...ทองดียิ่งงง
“งานนี้เรารวยเละ เราได้งานแล้ว งานแรกนี่ถ่ายแฟชั่”
ทองดีตื่นเต้น
“ถ่ายเสื้อผ้าสวยๆน่ะหรือ ก็ดีนะ แต่ความจริง ฉันอยากเป็นดารามากกว่า”
“อ๊ะ...นี่หล่อน ของแบบนี้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปสิยะ ใครจะก้าวพรวดเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ล่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันจะส่งให้หล่อนเป็นนางเอกได้แน่นอน แต่ลุคหล่อน ตอนนี้เอาเป็นเซ็กซี่สตาร์น่าจะไปรุ่งกว่านะ”
“เซ็กซี่สตาร์เหรอ แต่งตัวโป๊ๆ เปิดโน่นโชว์นี่ สวยเลย ฉันชอบ”
บุญเทียมงง
“อ๊ะ...นังนี่ อยากเป็นดาวโป๊ซะอย่างงั้น เออดี ตอนนี้เริ่มต้นถ่ายแบบแฟชั่นไปก่อนแล้วกัน”
“ก็ได้ เออ...แล้วฉันได้ค่าตัวเท่าไหร่ล่ะ”
บุญเทียมชะงักหุบยิ้มทันที เริ่มหงุดหงิดที่ทองดีพูดเรื่องเงิน
“เขี้ยวเชียวนะแก...ค่าตัวหล่อน ห้าหมื่น...แต่หล่อนไม่ได้เต็มหรอกนะ ต้องหักค่าใช้จ่าย เบ็ดเสร็จแล้วอาจจะเหลือซัก....สามหมื่น....”
ทองดีตาโต
“ถ่ายแฟชั่นนี่ได้เงินตั้งสามหมื่นเลยเหรอ โห...แค่นี้ก็ดีแล้วละ...”
ทองดีดีใจออกนอกหน้า บุญเทียมแอบยิ้ม
“เออเจ๊ ถามหน่อยสิ เมื่อกี้ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย ทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ”
“อีโง่...ขืนพูดความจริงแบบนั้น ฉันมิต้องม้วนเสื่อกลับไปเป็นกะเทยบ้านนาอย่างเก่าน่ะสิ จำไว้เลย อยู่วงการนี้ ไม่มีใครเค้าพูดความจริงกันหรอก เอ๊ะ...หน้าแกนี่จะเริดทันอาทิตย์หน้ามั๊ยนะ....”
บุญเทียมมองหน้าทองดีอย่างสำรวจ
“หน้าแกใช้ได้ ไหนลุกขึ้นยืนซิ...”
ทองดีลุกขึ้นยืนหมุนตัว บุญเทียมนิ่งมอง
“ต้องปรับปรุงเล็กน้อย...หล่อนไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจะพาหล่อนไปข้างนอก เร็วเข้า”
ทองดีมองอย่างสงสัย บุญเทียมไม่อยากตอบำถามอแก ฉุดให้ลุกขึ้นแล้วผลักให้ไปอาบน้ำ
“แหม...จะช้าทำไมล่ะ สั่งให้ทำอะไรก็รีบไปทำสิ...”
ทองดีรีบเดินไปทันที พอลับตัวไป บุญเทียมแอบยิ้ม หยิบสมุดออกมาจด
“งานนี้ค่าตัว แปดหมื่น หักให้แกสามหมื่น กำไรเน็ทๆ 5 หมื่น รวยแน่”
บุญเทียมปิดสมุดบันทึกอย่างอารมณ์ดี
บุญเทียมพาทองดีมาที่ร้านเสริมสวย แบบครบวงจร เมื่อเข้าไปด้านใน ทองดีมองรอบๆตัวอย่างตื่นเต้น กับสถานที่แปลกใหม่
“ฉันต้องการชุบตัว เด็กของฉัน แบบสวยเสด็จเสร็จในวันเดียว ทำได้มั๊ย”
พนักงานยิ้มรับ
“ได้ค่ะ คุณพี่ แล้วพี่จะเลือกแบบไหนละคะ มีทั้งเฉพาะส่วน หรือแบบฟูลคอร์ส ละค่ะ”
“จัดเต็มไปเลย...ขอให้สวยเด้ง อย่างที่ว่าแล้วกัน”
พนักงานรีบพาทองดีเดินเข้าไปทันที
“ต้องลงทุนหน่อย” บุญเทียมนึกได้ “...เออ...น้องๆ แล้วพี่ใช้บัตรอะไรลดได้บ้างเนี่ย”
ทองดีอยู่ในห้องขัดตัว พนักงานขัดตัวทองดีอย่างตั้งใจ จากนั้นก็มาทำผม ทำเล็บ พนักงานรุมเข้าหาทองดี เพื่อเสริมสวยทุกส่วนของร่างกาย
ไม่นานนัก ทองดีเดินออกมาจากห้อง ในสภาพสวยปิ๊ง แต่พอเดินมาตรงหน้าบุญเทียม เธอสะดุดขาตัวเอง ล้มลงมาทับบุญเทียม ปากเกือบจะจูบกัน บุญเทียมร้องกรี๊ด พอลุกขึ้นได้ บุญเทียมโวยวาย
“อีกบ้า...นี่หล่อนจะลวนลามฉันหรือ บอกไว้ก่อน ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด นังชะนีบ้ากาม”
“ขอโทษเจ๊...ฉันใส่ส้นสูงแล้วมันเดินไม่ถนัด ขามันพันกัน”
“เวรกรรม...นี่ฉันมิต้องส่งหล่อนไปเรียนมารยาทอีกหรือนี่ ขาดทุนย่อยยับ”
บุญเทียมมองทองดีอย่างอ่อนใจ
เมื่อกลับไปที่ห้อง บุญเทีบมกดเครื่องคิดเลข จดค่าใช้จ่ายที่จ่ายล่วงหน้าให้ทองดี
“ค่าสบู่ ยาสีฟัน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าที่พัก รวมแล้ว 3 หมื่น อุ๊ย ยังมีค่าเสริมสวยอีก 2 หมื่น รวมเป็น ห้าหมื่น มีค่าอะไรอีกเนี่ย…”
ทองดีมองดูบุญเทียม แล้วหัวเราะขำ
“ขำอะไรยะ หล่อน”
“เจ๊คิดค่า อากาศหรือยังล่ะ”
“เออจริงด้วย...ค่าอากาศ” บุฯเทียมชะงักนึกได้ “...แกอำฉันหรือ แหม...บาทสองบาทก็เป็นเงินนะยะ ทุกบาททุกสตางค์ฉันต้องล่วงหน้าไปก่อนทั้งนั้น เฮ้อ...มีแต่รายจ่าย ยังไม่มีรายได้เลย มันใช่มั๊ยเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุญเทียมมองแล้วทำหน้าเหวอ ส่งสัญญาณให้ทองดีเงียบ
“พี่แก้วหรือคะ แหมหนูว่าจะโทรหาพี่เชียว”
“พรุ่งนี้หล่อนต้องพาน้องจี้บี้ ไปบวงสรวงเปิดกล้องละครนะยะ ห้ามเบี้ยว ไม่งั้นฉันไล่หล่อนออกแน่”
“โถ....โถ..พี่แก้วขา ใครจะกล้าเบี้ยวได้ล่ะคะ ไม่ต้องเป็นห่วง พรุ่งนี้ เช้าแปดโมงตรงเป๊ะ หนูจะไปรอน้องจีบี้ที่หน้าประตูแน่นอนค่ะ โอเค๊...”
บุญเทียมกดปิดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว แล้วนึกได้ รีบเปิดสมุดคิว”
“เวรละฉัน พรุ่งนี้หล่อนมีนัดถ่ายแบบกับเสี่ยสี่ซะด้วย...เอาไงดีวะเรา”
บุญเทียมมองหน้าทองดีแล้วคิด
“เอางี้ หล่อนเอาแผนที่ไป ขึ้นแท็กซี่ไปก่อน”
บุญเทียมรีบวางสมุดคิว จดที่อยู่พร้อมรายละเอียดส่งให้
“อ้าวแล้วเจ๊...ไม่ไปพร้อมกันหรือ”
“ไม่ได้เลย ขืนฉันทิ้งงานไปกับหล่อน พี่แก้วต้องแหกอกฉันแน่งานนี้ ไม่ได้ไม่ได้ หล่อนไปเองก็ได้ ไม่ยากหรอก พอฉันเสร็จงานทางโน้นแล้วจะแว๊บไปดูหล่อนเอง ยังไงก็ทัน”
ทองดีรับกระดาษจากมือบุญเทียมมาอ่าน แล้วพยักหน้า
เช้าวันใหม่... โปรดิวเซอร์ยืนอยู่หน้าสตูดิโอ คอยบุญเทียม กับทองดีอย่างกระวนกระวาย...ขณะเดียวกันนั้นอีกทางหนึ่ง แท็กซี่วิ่งเข้ามาจอด ทองดีลงจากรถมาพร้อมโพยในมือ
“ใช่ที่นี่แน่นะ”
ทองดีสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในบริษัท พอโปรดิวเซอร์เห็น ก็ยกรูปถ่ายของทองดีที่ บุญเทียมส่งมาให้ ขึ้นมาเทียบ พอเห็นเป็นคนเดียวกัน โปรดิวเซอร์รีบเดินไปคว้าแขนทันที
“ทำไมมาช้าจัง ทุกคนรอคุณคนเดียว เฮ้อ...ไปรีบไปแต่งตัว”
ทองดีงง โปรดิวเซอร์ ลากแขนเธอเข้าไปในบริษัททันที
ในห้องแต่งตัว สไตลิสต์สาวแตกกำลังยืนหงุดหงิด
“อะไรกันเนี่ย...เป็นดาราใหญ่มาจากไหน ต้องให้คนคอยทั้งกอง...ฉันแต่งให้ดาราดังๆมานักต่อนัก ไม่เห็นต้องมานั่งคอยแบบนี้เลย”
โปรดิวเซอร์ลากทองดีเข้ามาในห้อง
“มาแล้วครับ แต่งหน้าเลย”
โปรดิวเซอร์ทิ้งทองดีให้ยืนคว้างอยู่กลางห้อง สไตลิสต์มองทองดีแล้วเบ้ปาก
“ตาย...ตาย...จะไปยืนหากินเสาไฟฟ้าไหนยะหล่อน ทำไมไม่ติดป้ายไฟไว้ที่หน้าผากซะเลย แบบว่า ฉันขายตัว...”
ทองดีฉุน ก้มลงมองตัวเอง เริ่มไม่มั่นใจ สไตลิสต์จิกตามอง
“ดู๊ดู...แต่งเข้าไปได้ยังไง ชุดเลื่อม ขนตาสองชั้น...ดูเลือกสีตาเข้าสิ นกแก้...มั่กมาก...ใครเลือกหล่อนมายะเนี่ย โลว์โซ...โคโยตี้มั่กมาก...”
ทองดีเม้มปาก ด่าสวนทันที
“แล้วแกคิดว่าแกเป็นใคร นังกระเทยครึ่งบกครึ่งน้ำ ยังกะแกสวยตาย...ถ้าปากว่างมากนัก มาคาบรองเท้าฉันแก้กลุ้มเอามั๊ย...”
สไตลิสต์หน้าเหวอ ก่อนจะโกรธลมออกหู
“อีบ้า มึงกล้าด่ากูเหรอ อีนี่วอนแล้วมั๊ยล่ะ”
“นอกจากกล้าด่า แล้วยังกล้าตบอีกด้วย จะลองดูมั๊ยล่ะ”
ทองดียกมือพร้อมตบ สไตลิสเหวอ...แล้วกรี๊ดสติแตก...วิ่งกระเจิงไป ทองดีมองอย่างสะใจ นั่งลงกอดอกกลางกองถ่าย
เหล่าดารากำลังบวงสรวงเปิดกล้องละครกัน บุญเทียมกำลังประคองหน้าประคองหลังเด็กในสังกัด ให้เดินไปด้านหน้าโต๊ะเพื่อถ่ายรูป
“มาทางนี้เลยค่ะ พี่นักข่าวทั้งหลาย เชิญถ่ายรูปน้องจี้บี้ทางนี้เลยค่ะ...”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุญเทียมกดรับ
“บีบีพูดค่ะ มีอะไรให้รับใช้เอ่ย...” บุญเทียมตาเหลือก “ตายจริง...จะไปเดี๋ยวนี้ละคะ” บุญเทียมกดวางสาย “เวรละกู นังทองประกายออกฤทธิ์...”
บุญเทียมผลักให้ดาราในสังกัดไปยืนถ่ายรูป แล้วมองซ้ายมองขวาก่อนจะค่อยๆ ถอยห่าง ไปทีละน้อย ค่อยๆ ออกไปจากกองบวงสรวงแบบเงียบๆ
ทองดีนั่งเด่นเป็นสง่า อยู่กลางสตูดิโอ ทีมงานสไตลิสต์ ช่างแต่งหน้า โปรดิวเซอร์ ยืนซุบซิบกัน ไม่มีใครกล้าเข้าหน้าทองดี บุญเทียมรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในกอง พอเห็นทองดีจากด้านหลังก็รีบวิ่งเข้าไปหา พอเห็นหน้าทองดีก็ผงะก่อนจะโวยวายใส่ทันที
“ตายจริง...แกไปงานไหนมาเนี่ย...รีบไปล้างหน้าแต่งตัวเร็ว”
“ก็อีกกะเทยนั่น...มันด่าฉันนี่นา”
“กะเทยตัวไหน...ในโลกนี้มีกะเทยเป็นร้อยตัว...ไม่ต้องพูดมาก เร็วรีบไปล้างหน้า ไม่งั้นแกไม่ได้เกิดแน่”
ทองดีทำฮึดฮัด แล้วยอมเดินไปล้างหน้าแต่โดยดี บุญเทียมหันไปเรียกช่างแต่งหน้า
“ช่างแต่งหน้าอยู่ไหนล่ะ มาแต่งหน้าสิ จะยืนรอหาองค์...อะไรล่ะไปสิ”
ช่างแต่งหน้าค่อยๆเดินตามไปแบบกลัวๆกล้าๆ บุญเทียมถอนหายใจเห็นโปรดิวเซอร์เธอรีบเปลี่ยนโหมดเป็นอ่อนหวาน
“ไม่ต้องห่วงนะคะ น้องเค้ายังใหม่ รอแป๊บเดียว...นะคะ”
เสี่ยสี่เดินเข้ามากลางกองถ่ายคนหลีกเป็นทางให้ สไตลิสต์รีบเข้ามาฟ้อง
“มีปัญหาอะไร เรื่องแค่นี้ต้องตามฉันด้วย”
“ก็นังดาราโคโยตี้ของเฮียน่ะสิคะ มันไม่ยอมเชื่อฟังฉัน ให้ล้างหน้าก็ไม่ยอม แต่งหน้ามาก็ไม่สวยหน้าโลว์เทสมากก...ผิดคอนเซ็ปนะคะเฮีย”
บุญเทียมเดินประคองทองดีออกมาจากห้องแต่งตัว แบบชุดใสๆเซ็กซี่มาก
“มาแล้วค่ะ ทองประกาย พร้อมเสริฟต์”
ทุกคนตะลึง ทองดีสวยใสมาก เสี่ยสี่อ้าปากค้าง น้ำลายไหล บุญเทียมยิ้มภูมิใจนำเสนอ
“เป็นไงคะเฮีย...สวยโดนใจมั๊ยคะ”
เสี่ยสี่ตะลึง
“สวยมาก...หนูชื่ออะไรจ๊ะ...”
ทองดียิ้มหวาน
“ทองประกายค่ะ”
โปรดิวเซอร์รีบมาฉวยตัวทองดีไปเข้าฉาก เสี่ยสี่มองตามไปเหมือนละเมอ สไตลิสต์เหวอไป พยายามสะกิด เสี่ยสี่ตวาดไล่
“ไสหัวแกไปให้พ้น”
สไตลิสต์กรี๊ดวิ่งสติแตกออกไปจากกอง บุญเทียมยิ้มร้าย เสี่ยสี่ยิ้มพอใจ
“หน้าตาแบบนี้แหละ หนุ่มๆทั่วประเทศต้องฝันถึงแหง...แหง คุ้มชิบเป๋ง ค่าตัวแปดหมื่น ถ้าวางแผงยอดขายต้องเป็นล้านแน่ๆแน่”
บุญเทียมตาโต เสียงในสมองดังเหมือนเครื่องสล๊อต ดังกริ๊งกร๊างตลอดเวลา
“อะไรกัน ได้เป็นล้าน แล้วฉันได้แค่หมื่นเนี่ยนะ ไม่ได้การล่ะ”
บุญเทียมมองซ้ายมองขวาเห็นหนังสือของเสี่ยสี่ กองอยู่ที่พื้นก็เก็ทไอเดีย คว้าหนังสือเดินไปเซ็ตฉากทันที
ทองดียืนอยู่กลางฉาก บุญเทียมเดินเข้าไปแอบๆ เรียกเธอให้เดินมาหา
“มีอะไรหรือเจ๊”
“มานี่เร็ว...งานนี้กลิ่นไม่ดี ขืนถ่ายไปมีหวังแกกลายเป็นสาวไซด์ไลน์แน่”
บุญเทียมยื่นหนังสือให้ดู ทองดีตกใจ
“นี่มันหนังสือโป๊นี่เจ๊”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าแกไม่อยากขายตัว ฉันว่าถอยดีกว่า”
“ขายตัวหรือ ยี้ ไม่เอาเด็ดขาด บอกแล้วไง ฉันไม่ขายตัว”
“นั่นน่ะสิ งานนี้แกต้องวีน ฉันวีนไม่ได้ เดี๋ยวเสียคอนแน็คชั่น”
บุเทียมกระซิบข้างหู ทองดีเข้าใจ แล้ว บุญเทียมก็ถอยห่างออกไปยืนรอ ทองดีเริ่มออกอาการโววายทันที
“โอ๊ย...ร้อนจะตายชัก ปวดหัวไปหมดแล้ว ไม่ถ่งไม่ถ่ายมันแล้ว เจ๊...บีบี ฉันจะกลับ”
บุญเทียมแกล้งทำเป็นต่อว่า
“จะบ้าหรือ ทั้งกองเค้ารอหล่อนคนเดียว ไม่ได้รับปากแล้วต้องทำ”
“ไม่รู้ละ ฉันไม่ถ่าย เจ๊...อยากถ่ายก็ถ่ายเองสิ”
ทองประกายไม่ฟังเสียงเดินออกไปทันที
บุญเทียมทำท่าน่าสงสาร หันไปบอกกับคนโน้นคนนี้
“ขอโทษนะคะ เดี๋ยวกลับไปฉันจะไล่มันออก ขอโทษจริงจริง...ขอโทษนะคะเสี่ย”
เสี่ยสี่เสียอารมณ์มาก
“เฮ้ย...แล้วคราวนี้ฉันจะทำยังไงเนี่ย...เวรจริงๆ หมดกัน เซ็งโว๊ย” เสี่ยส่งหันไปบอกโปรดิวเซอร์ “ไปตามคนใหม่มาแทนซิ”
กองถ่ายโกลาหลทันที
ทองดีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินออกจากห้องพร้อมกับบุญเทียม โมเดลลิ่งคู่แข่งเดินเข้ามาพร้อมกับดาราคนใหม่ พอระยะประชิด โมเดลลิ่งเจ้าใหม่ก็ทำหน้าเยาะเย้ย
“ไงยะ เจ๊บีบี ยังไม่ทันรุ่ง ก็ริ่งซะแล้ว แค่คนแรก ก็เจ๊งไม่เป็นท่า”
โมเดลลิ่งเจ้าใหม่ทำปิดปากหัวเราะคิกคัก บุญเทียมจ้องหน้าแล้วยิ้ม
“เออ...คอยดูไปก็แล้วกัน กูจะเจ๊งให้รวยเลย เด็กของหล่อนคงขายดีนะ อีหน้าเงือกเอ๊ย...”
บุญเทียมลากทองดีออกไป ทิ้งให้โมเดลลิ่งยืนกรี๊ดตัวสั่น
ทองประกายกับบุญเทียมเดินมาที่จอดรถ บุญเทียมยังหงุดหงิดไม่หาย
“อีหน้าเงือก มาพูดจาเยาะเย้ยกู...มึงจะได้รู้ว่ากู บีบี ฆ่าได้ หยามไม่ได้...” บุญเทียมหันไปสั่งทองดี “แกรอฉันตรงนี้ก่อน”
บุญเทียมเดินลงจากรถไป ทิ้งให้ทองประกายนั่งรอแบบไม่เข้าใจ
“อะไรของเค้าเนี่ย”
ในห้องแต่งตัว คนกำลังโกลาหล แต่งหน้าทำผม สักครู่ก็ยกพวกกันออกไปในสตูดิโอ บุญเทียมเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างเงียบๆเดินไปที่ราวแขวนเสื้อผ้า หยิบออกมาดูป้ายที่ติดไว้กับเสื้อผ้า บุญเทียมหยิบออกมาแล้วทำหน้าร้าย
“กูไม่ได้งาน...อย่าหวังว่ามึงจะได้เลย อีหน้าเงือก”
บุญเทียมถอดเสื้อออกจากไม้แขวน เอาไปยัดใส่ไว้ในถังขยะ แล้วคว้าแก้วน้ำ แก้วกาแฟเทลงไปจนเสื้อผ้าเละเทะไปหมด บุญเทียมยิ้มร้าย เดินปัดมือออกจากห้องไป
ทองดีเดินเข้ามาในห้องทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน บุญเทียมเดินตามเข้ามา
“นี่เจ๊...เมื่อกี้เจ๊กลับเข้าไปทำไมหรือ”
“เปล๊า...ฉันเอาเสื้อผ้าไปซักให้พวกนั้น นิดหน่อยเอง”
ทองดีนิ่งคิด แล้วเริ่มเข้าใจ
“ร้ายนะเนี่ยเจ๊...อ๊ะ...แล้วเจ๊ไม่กลัวหรือ ถ้าเค้าจับได้ อีกหน่อยเราก็ไม่ได้งานน่ะสิ”
“แกก็อย่าโง่นักเลย...ทำให้จับได้จะทำทำไม แล้วอีกอย่าง ระดับฉัน บีบีนักปั้นมือทอง งานหาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีพลาด”
“เจ๊เล่นแรงเนอะ แล้วแบบนี้เราจะอยู่ได้หรือ”
“ช่วยไม่ได้อยู่วงการนี้ ต้องแร๊ง...ถ้าไม่แรง คนก็จะคิดว่าเราไม่กล้าสู้พวกมันก็จะคอยเอาเปรียบเราเรื่อยไป ของแบบนี้ ใครดีใครอยู่”
“โห...แล้วเจ๊มีเพื่อนบ้างหรือเปล่าเนี่ย แบบที่...คนที่จริงใจด้วยน่ะ มีมั๊ย”
“ถ้าอยากมีเพื่อน มีใครจริงใจด้วย ก็เลี้ยงหมาสิแก อย่ามาอยู่วงการนี้จำไว้นะ วงการนี้ก็เหมือนการเมืองแหล่ะ เป็นที่เดียวที่ศัตรูก็ทำงานด้วยกันได้ ขอให้มีเงินเหอะ...รับรองฉลุย”
บุญเทียมลุกขึ้นเดินไป ทองดีมองตามอย่างเริ่มวิตกกังวล
“น่ากลัวนะเนี่ย...ไม่รู้ฉันจะโดนเจ๊บ้างหรือเปล่า”
ทองประกายนอนพลิกตัวมองเพดานอย่างเซ็งๆ แล้วลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์หาวิไล
“วิไลหรือ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆแหละ ไอ้หนูเริ่มดิ้นแล้ว...ถีบใหญ่เลย”
“แสดงว่าใกล้แล้วใช่มั๊ย แล้วนิคว่าไงบ้าง”
“กำหนดคลอดเดือนหน้า แต่ไม่รู้ว่านิคจะกลับมาได้เมื่อไหร่”
“ดีจังเลย เออ...วันนี้ฉันเกือบจะได้ถ่ายแบบแล้วด้วย”
ทองดีล้มตัวลงนอนคุยโทรศัพท์กับวิไลหน้าผ่อนคลาย
บุญเทียมเดินวนไปวนมาใช้ความคิด ทองดีหยิบปาท่องโก๋บนโต๊ะขึ้นมาจะเข้าปาก บีบีรีบคว้าออกมาทันที
“จะบ้าหรือ เป็นนางแบบใครเค้ากินปาท่องโก๋กัน เดี๋ยวก็กลิ้งหรอก เอามานี่ ฉันกินเอง หล่อนกินผลไม้ไปโน่น ไม่อ้วน”
บุญเทียมยัดปาท่องโก๋ใส่ปากอย่างจริงจัง ทองดีเบ้ปากหันไปหยิบผลไม้กินแทน
“ให้ฉันกินแต่ผลไม้ จนหน้าเกือบจะเหมือนกระรอกแล้วนะเจ๊”
“จะเอาไงดีวะ ขืนปล่อยให้หล่อนกินๆนอนๆแบบนี้มีหวังอ้วนเป็นหมูเปลืองฉันด้วย ต้องทำอะไรเพิ่มค่าตัวหล่อนซะหน่อยดีกว่า...คิดออกแล้ว”
บุญเทียมมองหน้าทองดี แล้วยิ้มอย่างมีแผน
บุญเทียมพาทองดีมาที่ห้องเสื้อแบรนด์ดังของดารา ซึ่งรู้จักกันมานาน ดารานั่งมองทองดีอย่างสังเกต บุญเทียมพยายามโฆษณาสรรพคุณของทองดีจนดารารำคาญ
“แกพูดพอหรือยัง นังบีบี หยุดได้แล้ว”
บุญเทียมหุบปากทันที ทำตกใจเว่อร์มาก ดารามองทองดีนิ่ง
“ไหนเธอ...ลุกขึ้นเดินให้ฉันดูหน่อยซิ”
ทองดีลุกขึ้นเดินทันที ดารามองอย่างพอใจ
“หุ่นดีใช้ได้ หน้าสวย แหม...หล่อนนี่เกิดมาเพื่อสวยอย่างเดียวจริงๆนะ”
ทองดีงงๆ
“หมายความว่ายังไงเจ๊ ชมหรือด่ากันแน่เนี่ย”
บุญเทียมรีบคว้าทองดีปิดปาก
“น้องเค้าเพิ่งจะกลับมา ไม่ค่อยเข้าใจภาษาไทยหรอกค่ะ”
ดารามองหน้าทองดี
“ตกลง ฉันจะให้หล่อนมาลองเดินแบบ แต่ต้องมาซ้อมก่อนนะ ไม่ใช่ว่ามาแอ๊บเป็นดารา ไม่ได้ ฉันไม่ชอบ”
บุญเทียมดีใจ
“อุ๊ย...ขอบพระคุณนะคะ คุณดารา” บุญเทียมหันไปบอกทองดี” ไป...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องโน้น แล้วเดินให้เจ๊...เอ๊ย...คุณดาราเค้าดูหน่อย”
บุญเทียมลุกขึ้นฉุดให้ทองดีเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ดาราหันมาถามบุญเทียม
“ไปได้มาจากไหนล่ะ”
“น้องคนนี้มาจากเมืองนอกค่ะ เลยพูดจาแข็งๆไปหน่อย แกไปตั้งแต่เด็กๆน่ะ”
ดารายิ้มเฉยทำหน้ารู้ทัน
“ไม่ต้องมาสตอเลย ถ้าเป็นบ้านนอกก็คงเป็นได้ แต่เมืองนอกนี่ ไม่ไหว”
บุญเทียมจ๋อยไป
“แหม...ใครคุณดารานี่ตาแหลมจริงๆ มองปร๊าดเดียวทะลุปรุโปร่ง บีบีไม่กล้าแล้วค่ะ”
“ฉันไม่สนใจหรอก หล่อนจะพาแม่นั่นมาจากไหน อย่าทำตัวงี่เง่ากับฉันก็แล้วกัน”
“โอ๊ย...มันไม่กล้าหรอกค่ะ หนูจะสั่งสอนอย่างดี เอ่อ...ฝากคุณดารา ให้ช่วยขัดเกลามันหน่อยนะคะ จะพาเข้าสังคมให้รู้การรู้งานด้วยยิ่งจะเป็นพระคุณอย่างสูง”
“อย่ามาหลอกล่อให้ยากเลย ฉันช่วยแค่เรื่องนางแบบเท่านั้น เรื่องอื่นหล่อนต้องลงแรงเอง ฉันไม่เกี่ยว”
ดาราเชิดหน้าเดินออกไปทันที บุญเทียมแอบเบ้ปาก
“โธ่...อีแก่ปากร้าย...หนังเหี่ยวเคี้ยวไม่เข้าแล้ว ยังมีฤทธิ์อีกนะมึง”
อ่านต่อหน้า 3
ทองประกายแสด ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทองดีแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องลองเสื้อ ยืนเก้ๆกังแบบทำอะไรไม่ถูก ดารามองอย่างพอใจ บุญเทียมแอบสังเกตสีหน้าดาราแล้วยิ้ม
“เป็นยังไงคะ คุณดารา เด็กของหนูพอได้มั๊ย”
“สวยใช้ได้ แต่ยังไม่รู้ จะไปได้ไกลแค่ไหน”
ดาราเดินไปกดโทรศัพท์ภายใน
“ถ้าคุณโฬม เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว บอกให้เข้ามาได้เลย”
บุญเทียมแอบเบ้หน้าใส่ แล้วรีบเดินไปจัดการเสื้อผ้าให้ทองดี
“พี่เขาทำไมหน้าบึ้งจังเลย” ทองดีถามอย่างสงสัย
“อย่าพูดมาก เขาสั่งอะไรก็ทำตามไป อย่าถามมาก รู้มั๊ย”
ทองดีพยักหน้ารับรู้ แต่แอบมองดาราอย่างจับสังเกต...โฬมเดินเข้ามาอย่างเท่ห์
“พี่ดาราครับ ผมแต่งตัวเสร็จแล้ว ให้ผมถ่ายคู่กับใครครับ”
“นี่โฬม...นั่นทองประกาย คอลเลคชั่นหน้า ฉันจะให้เธอเดินคู่กัน”
โฬมเห็นหน้าทองดีแล้วปิ๊งทันที
“สวัสดีครับ ผมโฬม แหม...ชื่อคุณเก๋จัง...ทองประกาย”
บุญเทียมรีบสอด
“ฉันบีบีนะฮ๊า ไม่ยินดีที่ได้รู้จักฉันบ้างหรือ”
โฬมยิ้ม
“แหม...ใครจะไม่รู้จักเจ๊บีบีบ้างล่ะครับ”
“แหม...ปากหวานจริงนะพ่อคุณ มิหน้าถึงรุ่ง...”
โฬมแอบส่งสายตาให้ทองดี ดาราจ้องโฬมอย่างจับผิด
“อย่ามัวแต่คุยเลย มาตรงนี้ จะได้ถ่ายรูปให้เสร็จๆไป เร็วเข้า”
บุญเทียมรีบผลักทองดีเข้าไปหา โฬมโพสท่าแบบมืออาชีพ ส่วนทองดียังเงอะงะอยู่ โฬมทำสุภาพบุรุษ ช่วยแนะนำ
“ไม่ต้องเกร็งนะครับ สบาย...สบาย”
ทองดีเงยหน้ายิ้มให้เขา ดาราจ้องเขม็ง บุญเทียมแอบสังเกตเห็นท่าทางของดารา
“มัวแต่ชวน คุณโฬมคุยอยู่นั่นแหละ ทองประกาย ตั้งใจทำงานหน่อย”
โฬมชะงัก แยกออกจากทองดีทันที ดาราสีหน้าดีขึ้นนิดนึง ทั้งคู่โพสท่าถ่ายรูป อีก2-3 ท่า เสียงชัตเตอร์ดังรัว
“พอแล้ว ไปพักได้”
ดารารีบดึงมือโฬมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที บุญเทียมมองตามไปแล้วแอบยิ้ม
“เชอะ...อีแก่หวงก้างก็เงี้ยะ”
ทองดีงงๆ
“ใครหวงก้างหรือเจ๊”
“นี่หล่อน...ไม่ต้องถามซักเรื่องได้มั๊ย”
บุญเทียมค้อนควักแล้วหันไปดูเสื้อผ้าแทน ทองดีจ๋อยไป
ทองดีเดินถือแก้วน้ำอยู่ โฬมเดินมาเห็นมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นดารา เขารีบเดินมาโฉบทองดี
“เป็นไงครับ คุณทองประกาย เหนื่อยมั๊ย”
“ไม่เหนื่อยหรอก สนุกดีซะอีก”
“คุณทองนี่มีแววเป็นนางแบบนะครับ แค่ฝึกอีกนิดหน่อย ก็คล่อง”
“จริงหรือ”
“จริงสิครับ เออ...ผมขอเบอร์คุณไว้ได้มั๊ยครับ”
ดาราเดินออกมาเห็นทั้งคู่ยืนเคียงกันก็ชะงักมองนิ่ง ทองดีทำใสซื่อ
“เอาไปทำไมหรือคะ...”
“อ้าว...เวลาที่มีซ้อมเดินแบบ ผมจะได้โทรไปบอกคุณไงครับ เบอร์อะไรเอ่ย”
“ไม่จำเป็นหรอก ถ้ามีซ้อม คุณโทรบอกเจ๊บีบีได้เลย แล้วเจ๊เขาก็จะบอกฉันเองแหละ”
ทองดีเดินหนี โฬมมองตามด้วยสายตามาดมั่น ดาราแกล้งเดินเข้าใกล้ โฬมเห็นเข้ารีบกระแซะดาราทันที
“พี่ดารา ทานอะไรดีครับ เดี๋ยวผมหยิบให้”
“คุยอะไรกัน ท่าทางสนุกดีนะ”
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ น้องเขาชวนคุย ผมก็เลยคุยด้วย”
“งั้นหรือ...อย่าคุยกันเยอะเลย ทำงานดีกว่ามั๊ง...”
ดารามองหน้าโฬมดุๆ แล้วเดินไป โฬมแอบทำหน้าเบื่อหน่าย
เย็นนั้น บุญเทียมรับโทรศัพท์แล้วโดดกอดกับทองดี พอรู้สึกตัวก็รีบปล่อย แล้วทำหน้าไม่ถูก
“คราวนี้แกดังแน่ทองประกายเอ๊ย...”
“แค่ถ่ายรูปสองใบเนี่ยนะ ทำให้ดังได้เหรอ”
บุญเทียมค้อน
“แกไม่รู้อะไร เจ๊ดารานี่แกเป็นห้องเสื้อดังที่สุดในเมืองไทยเลยนะ”
“แล้วยังไง ฉันยังไม่เห็นทางเลย”
“อีโง่...เดินแบบก็ได้ชุดละห้าพันแล้ว ถ้าวันนึงเดิน 3 ชุด แล้วมีซัก 2-3 โชว์ต่อวัน ก็นับเงินแสนแล้วแกเอ๊ย”
ทองดีตะลึง
“มันรายได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ดีกว่าโคโยตี้อีก แล้วถ้าฉันได้เป็นดารารายได้มันจะขนาดไหนนะ”
“ไม่ต้องห่วง แม่นางแบบดังๆ จีจี้ ซูซี่ พวกนี้ เริ่มจากการเป็นนางแบบทั้งนั้นแหละ ก่อนจะไปเป็นดาราน่ะ อ้อ...อีกอย่างนะ อย่าได้หลุดไปพูดกับใครนะยะ ว่าแกเคยเป็นโคโยตี้มา เพราะอนาคตแกจะดับแน่”
“จ๊ะ...เจ๊...เออ ฉันว่าชื่อฉันมัน เช๊ย...เชย เราเปลี่ยนชื่อดีมั๊ย ให้เป็นฝรั่งๆหน่อย จะได้เก๋ๆ”
“จะเปลี่ยนทำไมยะ ชื่อหล่อนนะแปลกกระแทกหูดีแล้วใช้ชื่อเก่านะดีแล้ว ทองประกาย เก๋ออก”
ทองดีตาโตเคลิ้มฝัน บุญเทียมมองทองดีอย่างสมหวัง
แสงไฟกรุงเทพยามราตรีช่างสวยงาม ทองดียืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
“มนตรา...คุณอยู่บนดาวดวงไหน เห็นฉันมั้ย ฉันกำลังจะมีชื่อเสียงเป็นนางแบบ เป็นดาราฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบ แต่อย่าโกรธฉันเลยนะ เพราะคุณไม่อยู่กับฉันแล้วนี่ ฉันก็ขอเลือกทางเดินชีวิตฉันเอง ต่อแต่นี้ไป ฉันจะเป็นคนกำหนดมันเอง”
ทองดีมองบนท้องฟ้า ด้วยสายตานิ่งสงบ และมุ่งมั่น
โฬมนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ ดาราในชุดเสื้อคลุมเดินไปนั่งที่หน้ากระจก ลงมือไล้ครีมประทินผิว ดาราเหลือบตามอง
“เป็นยังไงบ้าง นางแบบคนใหม่ สวยโดนใจมั๊ย”
โฬมวางเกมส์ลงทันที เดินมาโอบดาราไว้อย่างเอาใจ
“นางแบบคนไหนผมก็ไม่สนใจหรอก ผมสนแต่พี่ดาราของผมคนเดียว”
ดาราทำท่าไม่เชื่อ
“เธอไม่ต้องมาโกหกหรอก ฉันเห็นนะ ตอนคุยกัน หน้างี้ระรื่นเชียว”
“โธ่...พี่ดาราครับ ก็ยัยคนนั้นน่ะ อ่อยผมเอง แต่ผมไม่สน...บอกแล้วไง ผมไม่สนใครทั้งนั้น นอกจากพี่ดาราของผมคนเดียว”
โฬมดึงดารามากอด แล้วดึงสายรัดเอวออก ดาราอ่อนระทวย
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลย…เธอน่ะร้ายนักเชียว”
“ผมร้ายยังไง ผมก็อยู่กับพี่ดาราของผมคนเดียว”
โฬมค่อยๆปลดเสื้อคลุมของเธอแล้วกอดซุกไซร้ ดาราเคลิ้มไปตามเขา
โฬมอยู่ในเสื้อคลุมหลุดลุ่ย เปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม ดารานอนหลับสนิทอยู่บนเตียง โฬมส่ายหน้ามองอย่างเบื่อๆ
“เฮ้อ...เบื่ออีแก่ชะมัด ถ้าเปลี่ยนเป็นน้องทองประกายคงเข้าท่าแฮะ”
โฬมยิ้มอย่างมีแผน
บุญเทียมโทรศัพท์ติดต่องานวุ่นวาย พยายามส่งรูปทองดีไปตามเอเยนซี่ต่างๆ บนโต๊ะมีรูปถ่ายของทองดี ในแอ็คชั่นต่างๆวางเต็มไปหมด ทองดีนั่งแคะเล็บเท้าอยู่บนโซฟา บุญเทียมหันมาเห็นเข้า
“นี่หล่อน นั่งให้มันหุบๆหน่อยได้มั๊ย ถึงเวลาแล้วค่อยอ้า...ไม่มีใครเขาสั่งสอนหรือยังไง”
ทองดีทำหน้าเบื่อๆ ขยับตัวนั่งให้เรียบร้อย
“เฮ้อ...เหนื่อยจริงๆ ฉันต้องหางานที่มันดูไฮโซหน่อย จะได้เพิ่มมูลค่าให้หล่อนหน่อย ไม่งั้นเสียของ ถ้าเปิดตัวโลว์ หล่อนก็จะกลายเป็นพวกสินค้าแบกะดิน ได้นิดๆหน่อยๆ ไม่คุ้มกัน”
“นี่เจ๊เห็นฉันเป็นสินค้าเลยหรือ”
“เออใช่น่ะสิ...” บุญเทียมนึกได้ “แหม...ฉันพูดเปรียบเทียบเฉยๆ ยังไงยังไง ฉันก็ต้องดันหล่อนให้ทะลุเพดานแน่นอน...หล่อนได้ดี ฉันก็พลอยได้อาศัย”
“ก็จริง ยังไงเจ๊ก็หักหัวคิวอยู่แล้วนี่”
บุญเทียมยิ้มหวาน แต่เบือนหน้าทำปากหมุบหมิบด่า ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น บุญเทียมรับสาย
“อุ๊ย...พี่ลูกอ๊อด...มีอะไรให้บีบีรับใช้หรือคะ”
“พี่อยากได้เด็กในโมฯหล่อนมาถ่ายปกหนังสือหน่อย เอาจีบี้นั่นแหละลุคหล่อนแรงดี จัดคิวให้พี่ได้หรือเปล่า ขอด่วนเลย”
บุญเทียมนั่งมองทองดี
“โหย...ยากหน่อยนะพี่ จีบี้น่ะ เรื่องเยอะ...เวลาเข้ากองงี้แทบจะต้องปูผ้ากราบ...ทั้งวีนทั้งเหวี่ยง เอางี้ หนูเสนอเด็กใหม่ให้เอามั๊ย...รับลองตรงใจพี่แน่เลย ประเดี๋ยวหนูส่งรูปให้พี่ดูทางเมล์ก่อน”
“ก็ได้...พี่เชื่อมือหนู ขอผู้ชายมาด้วยเลย แต่ย้ำหน่อยนะ ต้องเซ็กใส ใจถึง แบบโพสเหนียมๆไม่เอานะ เบื่อ...”
“อุ๊ย...งานนี้ บีบีคอนเฟริมต์ค่ะพี่ลูกอ๊อด”
บุญเทียมกดวางสายอย่างพอใจ
“ผู้ชาย หาใครดีนะ”
บุญเทียมใช้ความคิด หันไปมองบนโต๊ะเห็นรูปโฬมที่ถ่ายคู่กับทองดี บุญเทียมคว้ารูปขึ้นมาดูแล้วยิ้ม
“งานนี้ แกเกิดแน่...ทองประกายเอ๊ย...”
บุญเทียมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาโฬม
ดารานอนหลับหันหลังให้โฬม เสียงโทรศัพท์มือถือของโฬมดังขึ้นเขากดรับสาย
“สวัสดีครับ เจ๊บีบี...งานอะไรครับ”
“ถ่ายปกหนังสือ give ของพี่ลูกอ๊อดจ๊ะ คอนเซ็ปดีมากเลยนะ โฬมสนใจจะร่วมด้วยมั๊ยเอ่ย เสื้อผ้าก็ใช้ของคุณดารานั่นแหล่ะ จะได้ช่วยกันโปรโมทคอลเลคชั่นใหม่”
โฬมทำหน้าตาเบื่อหน่าย
“หรือครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะมีคิวหรือเปล่า”
“แหม...น่าเสียดายเนอะ...เจ๊กะจะดันคุณโฬม พร้อมกับทองประกาย แต่คิวไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไว้งานหน้าก็แล้วกันเนอะ”
โฬมตาลุก แอบหันไปมองดารา
“ถ่ายกับคุณทองประกายหรือครับ...แหม...ผมเคลียร์คิวให้เจ๊ได้อยู่แล้ว นี่เป็นเจ๊นะ คนอื่นผมไม่เอาด้วยหรอก”
ดาราลืมตาขึ้นทันที โดยที่โฬมไม่รู้ตัว
“อุ๊ย...ขอบคุณนะคะ...แหม..นี่ช่วยชีวิตเจ๊เลยนะเนี่ย...”
โฬมกดวางสาย ดาราหันมาทางโฬมทำเป็นเพิ่งตื่นขึ้นมาพอดี
“ใครโทรมาน่ะ”
“เจ๊บีบีน่ะครับ แกอ้อนขอคิว ขอให้ช่วยไปถ่ายปกหนังสือหน่อย ใช้เสื้อผ้าพี่ ผมเลยโอเค เห็นเป็นคนกันเอง ไม่งั้นไม่เอาดีกว่า...ผมอยากอยู่กับพี่มากกว่า”
โฬมคลอเคลียเอาใจ ดารานิ่งไม่พอใจ
“งั้นหรือ...ถ่ายคู่กับใคร ทองประกายใช่มั๊ย”
“คงอย่างนั้นแหละครับ ก็แค่งานเท่านั้น”
“อย่าให้มันนอกเหนือจากงานก็แล้วกัน ไม่อยากงั้นพี่ฟันไม่เลี้ยง”
“โธ่...พี่ไม่ไว้ใจผมหรือ ไงผมก็รักพี่คนเดียวอยู่แล้ว”
โฬมซุกไซ้ ดาราแข็งใจผลักเขาออกไป
“ให้มันแค่งานจริงๆอย่างว่าเถอะ”
ดาราลุกขึ้นเดินจากเตียงไป โฬมมองตามไปอย่างเบื่อๆ
กองถ่ายแฟชั่นทำงานกันที่ริมทะเล โฬมยืนคอยพร้อมถ่าย ห่างออกมาดารายืนมองดูเงียบๆ บุญเทียมเดินประคองทองดีที่อยู่ในชุดคลุมเข้ามาหน้าตายิ้มแย้ม
“พร้อมแล้วค่ะ...ไปตรงยืนคู่โฬมทางโน้นเลย” บุญเทียมกระซิบ “เต็มที่เลยนะแก ไม่ต้องเหนียม เกิดแน่”
“ฉันสู้ตายอยู่แล้ว”
ทองดีเชิดเตรียมพร้อม ยืนคู่โฬม แล้วถอดเสื้อคลุมออก เหวี่ยงไปด้านข้างก่อนจะโพสท่าสู้ตายเซ็กซี่เหลือเกิน เสียงชัดเตอร์ดังรัว บุญเทียมยืนยิ้มแบบถูกใจ พี่ลูกอ๊อดอ้าปากค้างหันไปตีมือกับบุญเทียม
“แรงมาก...พี่ชอบลุคน้องเขาแรงดี...งานนี้ถูกใจพี่มาก บีบีไม่ทำให้พี่ผิดหวังจริงๆ”
บุญเทียมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดาราจ้องโฬมกับทองดีเขม็งหน้าเครียด...โฬมกอดทองดีชิดมากๆ จนเธอรู้สึกอึดอัด แต่ยังยิ้มสู้
“ไม่ต้องชิดนักก็ได้ ฉันอึดอัด”
“แหม...ห่างนักมันไม่ได้ฟิวส์...”
พี่ลูกอ๊อดพอใจทั้งสองมาก
“แหม...สองคนนี่ทำงานเข้าขากันดีนะ ถ้าไม่รู้มาก่อน ต้องนึกว่ากิ๊กกันนะเนี่ย”
บุญเทียมรีบปฏิเสธ
“อุ๊ย...ไม่หรอกค่ะพี่ เด็กหนู ไม่ยุ่งเรื่องผู้ชาย”
พี่ลูกอ๊อดมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“จริงหรือ แหม...ไม่อยากจะเชื่อ ดูสิ เนื้อแนบเนื้อขนาดนั้น ใครจะไปทนไหว จริงมะ”
ดาราฮึดฮัด บุญเทียมเริ่มอึดอัดเมื่อเห็นท่าทางของโฬม พอหันไปเห็นท่าทางของดารา บุญเทียมเริ่มวิตก
เวลาผ่านไป ตากล้องมองดูพระอาทิตย์แสงเริ่มหมด
“วันนี้พอก่อนครับ พรุ่งนี้ 10 โมงเช้า ริมสระน้ำนะครับ”
ทองดีถอนหายใจเฮือก เดินออกห่างโฬมทันที โฬมมองตามอย่างเจ้าชู้ บุญเทียมรีบเดินเข้ามาหาทองดีพร้อมเสื้อคลุม
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย ทองประกาย”
บุญเทียมพาทองดีเดินออกไปทันที โฬมมองตามไปยิ้มกริ่ม
“เล่นตัวนักนะ”
บุญเทียมลากทองดีออกมา พอห่างคนก็รีบบอก
“ฉันขอเตือนไว้ก่อนนะ อย่าไปวุ่นวายกับนายโฬมนั่น”
“เจ๊ไปเตือนนายนั่นดีกว่า”
“ไม่รู้ละ ฉันเห็นกอดกันแน่น เกือบจะเป็นเนื้อเดียว เพิ่งเข้าวงการ อย่าให้มีข่าว เข้าใจมั๊ย”
ทองดีเหยียดยิ้ม
“ฉันไม่สนหรอก”
“พรุ่งนี้เช้าริมสระว่ายน้ำอีก 2 เซ็ต อย่าลืมที่ฉันบอกแล้วกัน”
“รู้แล้ว...นี่ฉันไปเข้าห้องน้ำได้หรือยัง ฉี่จะราดอยู่แล้ว”
ทองดีทำท่าเบื่อหน่าย บุญเทียมโบกมือไล่
“วุ่นชะมัด อุ๊ย...ลืมรับซอง ไปรับก่อนดีกว่า”
โฬมยืนเตร่อยู่หน้าห้องแต่งตัว ทองดีเดินออกมาจากห้องแต่งตัว พอเห็นโฬม เธอเซ็งทันที
“คุณทองประกาย เราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยดีมั๊ย”
“อย่าดีกว่า ฉันเหนื่อยอยากพัก”
“แหม...แค่ดื่มนิดหน่อยเอง ไม่เสียเวลามาหรอก นะครับ เราจะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้นยังไง หรือคุณไม่สนใจ”
โฬมทำลีลา เดินเข้ามาเฉียดๆชิดๆ ทองดีรำคาญ
“ไปหาคนอื่นเถอะ อย่ามายุ่งกับฉัน”
ทองดีเดินหนีทันที โฬมอารมณ์เสียมองตามอย่างหงุดหงิด ดาราเดินเข้ามาพอโฬมเห็นเข้า รีบเดินเข้าไปประกบดาราทันที
“เฮ้อ...ยายบ้านนอกเอ๊ย...ดูสิครับพี่ ห้องน้ำแค่นี้ก็ไปไม่ถูก...เออ...พี่ไปไหนมาฮะ...ผมตามหาพี่ตั้งนาน”
ดาราหน้าผ่อนคลายลงทันที
“พี่ก็ตามหาโฬมเหมือนกัน”
“เหรอฮะ งั้นแสดงว่าใจเราตรงกัน ถ่ายแบบนี่เหนื่อยเหมือนกันนะครับ ร้อนเปรี้ยงเลย นี่ถ้าพี่ดาราไม่มาด้วย ผมเบี้ยวแน่เลย”
ดารายิ้มออกที่โฬมเอาอกใจ
“ไม่ได้นะ โฬมขึ้นไปรอที่ห้องก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่คุยกับ บก.ก่อน แล้วพี่จะรีบตามไปนะ”
โฬมทำอิดออด
“อย่าให้ผมรอนานนะครับ คิดถึงพี่น่ะ....ผมจะอยู่ได้ยังไงนะ ถ้าไม่มีพี่”
โฬมกอดดาราไว้เหมือนรักมาก ดาราเคลิ้ม แต่เขาแอบทำหน้าเซ็ง
โฬมและดาราเดินผ่านไป ทองดีเดินออกมาจากมุมลับตา มองตามทั้งคู่ไป
“มิน่า อีตาโฬมถึงได้ดัง ซักวัน มันจะต้องเป็นวันของฉัน”
ทองดี ค้นกระเป๋าจะหยิบกุญแจห้อง แต่หาไม่เจอ
“กุญแจห้อง...เฮ้อ...”
ทองดีเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว
ทองดีกำลังจะเปิดเข้าไปในห้องแล้วชะงัก เมื่อเห็นพี่ลูกอ๊อดกำลังยื่นซองให้ บุญเทียมเซ็นใบรับแล้วรีบตระครุบซองไว้ทันที
“ขอบคุณมากนะคะพี่ขา”
“แหม...นางแบบใหม่ของหล่อนนี่ ค่าตัว 3 หมื่นไม่แพงไปหน่อยหรือยะ”
“ของดีไม่มีถูกนะคะพี่ขา น้องคนนี้กำลังดัง...วงในเลยนะพี่ ช่องแย่งตัวไปเซ็นต์สัญญา แต่หนูเห็นน้องเขายังเด็กต้องฝึกฝนอีกหน่อย”
“อ๋อเหรอยะ...เออ...ไปดูว่าจะไปดูสระว่ายน้ำ ไปด้วยกันมั๊ย”
“ไปสิคะ เชิญเลยค่ะ พี่ลูกอ๊อด เดินระวังนะคะ”
บุญเทียมเดินออกมา พี่ลูกอ๊อดเดินนำหน้าไป บุญเทียมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ช่วงนี้เป็นช่วงถอนทุน...”
บุญเทียมเอาซองเงิน มาตบๆตามกระเป๋าสมุดคิวของตัวเอง
“เงินทองไหลมาเทมานะลูกนะ...โอมเพี๊ยง”
บุญเทียมเดินออกไป ทองดีที่แอบมองอยู่มุมหนึ่งครุ่นคิด
“แกโกหกค่าตัวฉันเหรอ”
ทองดีแค้นๆจะวิ่งไปตามจิกแต่แล้วก็ชะงัก
“ฉันจะไม่ยอมให้แกเอาเปรียบ ฉันได้หรอก นึกว่าฉันโง่นักรึไง”
ทองดีหน้าตามุ่งมั่นมาก
ดารากำลังคุมทีมงานเก็บเสื้อผ้า เครื่องประดับ
“อย่าลืมติดรูปเครื่องประดับ ในเซตเสื้อผ้าด้วย เวลาใช้จะได้ไม่โดดพรุ่งนี้ต้องพร้อมนะ...เบาๆหน่อยสิ เสื้อเซ็ตนี้แพงนะ เงินเดือนหล่อนยังไม่พอจ่ายเลย ระวังหน่อย”
ดาราหันกลับมาเจอทองดียืนอยู่ ดารามองนิ่ง
“มาทำอะไรแถวนี้”
“เอ่อ...พี่ดาราคะ งานนี้หนูจะได้ค่าตัวเท่าไหร่กันแน่คะ”
ดารานิ่งไม่แน่ใจว่าจะตอบดีมั๊ย
“ทำไมเธอไม่ไปถาม...บีบีล่ะ เขาว่ายังไงก็อย่างนั้นแหละ”
“จริงหรือคะ เห็นเจ๊เขาบอกว่า หนูได้ชุดละ หมื่น”
ดาราตกใจ
“จะบ้าหรือ ฉันให้ชุดละห้าพันเท่านั้นแหละ บีบีนี่พูดจาเรื่อยเปื่อย เชื่อไม่ได้จริงๆ”
ดาราบ่นแล้วเดินออกไป ทองดีนิ่งอึ้ง
“อีเจ๊บีบี หักหลังฉันจริงๆ”
ทองดีเครียด
บุญเทียมเอาชุดสำหรับใส่มาแขวนไว้ในตู้ ทองดีเดินเข้ามาในห้องแล้วสะบัดรองเท้าไปคนละทาง ล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยๆ บุญเทียมมองเห็นแล้วส่ายหน้าเดินไปเก็บรองเท้ามาวางไว้
“ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้ เห็นสวยดีเลยซื้อมาให้หล่อนใส่ไปปาร์ตี้คืนนี้”
“ซื้อมาหรือ ไม่ใช่ตัวอย่างจากห้องเสื้อหรอกเหรอ”
บุญเทียมตกใจ ที่ ทองดีรู้ทัน
“โอ๊ย...ใครเขาจะมาหยิบยื่นอะไรให้ฟรีๆล่ะยะ แค่มีส่วนลดนิดหน่อย ฉันเลยซื้อมาให้หล่อนใส่...ลงบัญชีไว้ก่อน”
“ฉันเหนื่อย คืนนี้ไม่อยากลงไปงานเลี้ยง”
บุญเทียมตวาด
“ไม่ได้...ไม่ได้นะ ใครๆก็อยากเห็นตัวเธอสดๆ เป็นๆ ฉันถึงเอาชุดนี้มาให้ไง เอางี้มั๊ย...ที่นี่เขามีสปาด้วยนะ นวดตัวซะหน่อยจะได้ผ่อนคลาย ยังมีเวลาอีกตั้ง 2-3 ชั่วโมง เดี๋ยวฉันเรียกให้”
“ก็ได้...เจ๊จ่ายนะ”
ทองดีพูดจบก็เดินหนีไป ทิ้งให้บุญเทียมยืนมองทำปากขมุบขมิบ
อ่านต่อตอนที่ 12