ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 11
อาหารถูกยกออกไปจนหมดแล้ว มาเรียและลัดลดานั่งกอดอกหน้าตาเซ็งสุดขีดอยู่ที่โต๊ะ ทั้งสองมองไปที่ขิงและโซว์ที่กำลังสวีทกันสุดๆ
“ปากเธอเปื้อนแน่ะ ชั้นเช็ดให้”
โซว์เช็ดปากให้ขิง พัชรีกับปีเตอร์ยิ้มปลื้ม
“หวานจนมดขึ้นแล้วเพคะ” พัชรีแซว
โซว์หัวเราะ ขิงอาย นางกำนัลยกชาและขนมเข้ามาเสิร์ฟให้แต่ละคน ขิงเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง
“หาอะไรเหรอจ๊ะ” โซว์ถาม
“น้ำตาลอยู่ไหน”
มาเรียหัวเราะขำ “ชาวนิวแลนด์เวลาจะดื่มน้ำชาจะใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลจ๊ะขิง เดี๋ยวชั้นทำให้เธอเอง “ มาเรียเทน้ำผึ้งลงไปในแก้วขิง “แล้วเธอคงไม่หาครีมเทียมหรอกนะ เพราะที่นี่เราใช้นมแพะแทน” มาเรียเทนมให้ขิงแล้วเลยไปเทให้โซว์ “อย่างโซว์น่ะชอบนมแพะมากๆ น้ำผึ้งน้อยๆ ใช่มั้ย” มาเรียเทน้ำผึ่งให้โซว์
“รู้ใจเสมอเลย” โซว์พูดเน้น “เพื่อนคนนี้”
มาเรียได้ยินโซว์พูดว่าเพื่อนก็หน้าเสียเพราะไม่พอใจ ลัดลดาแอบขำ มาเรียเห็นลัดลดาขำก็ไม่พอใจ
“ขำอะไรของเธอ ไม่ทราบ”
“ก็ขำไปเรื่อย แถวนี้มีอะไรให้น่าขำเยอะแยะ” ลัดลดาบอก
ลัดลดาแกล้งหัวเราะใส่หน้ามาเรีย จนมาเรียโมโห มาเรียจึงแกล้งเอาเท้าเตะลัดลดา ลัดลดาสะดุ้ง !!
พัชรีที่นั่งข้างๆลัดลดาก็สะดุ้งด้วย “อุ๊ย เป็นอะไรคะ”
ลัดลดามองมาเรีย “อ๋อไม่มีอะไรหรอกค่ะ หมาลอบกัดน่ะค่ะ”
ปีเตอร์ตกใจ “หมาอะไรครับ ในพระราชวังเราไม่ปล่อยให้หมามาเพ่นพ่านนะครับ”
ลัดลดาเฟค “อุ๊ย..ไม่ใช่หมา ..แต่เป็น “ขา” เจ้าหญิงมาเรียนั่นเอง โฮะๆๆๆๆ”
ลัดลดามองหน้ามาเรียก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจที่หลอกด่ามาเรียได้ มาเรียมองลัดลดาด้วยความแค้น ทั้งสองเขม่นกันสุดๆ
โซว์ป้อนขนมให้ขิงอย่างน่ารักน่าเอ็นดู พัชรียิ้มไม่หุบ ปีเตอร์ก็หน้าบานด้วยความดีใจ มาเรียไม่พอใจจึงกระแทกแก้วชาลงกับจานรองเสียงดัง !!
“ชารสชาติเลี่ยนมาก สงสัยจะใส่น้ำผึ้งมากไปหน่อย” มาเรียพูด
“คงไม่ใช่แค่เลี่ยนหรอก อาจจะเกิดจากอาการร้อนรุ่มในอกด้วย อาการแบบนี้มักจะเกิดกับพวกขี้อิจฉาริษยา” ลัดลดาว่า
“ท่าทางเธอก็ดูร้อนไม่น้อยไม่น้อยไปกว่ากันเลยนะ”
ลัดลดาและมาเรียจ้องหน้ากันอย่างจะเอาเรื่องกัน โซว์มองสองสาวด้วยความแปลกใจ
“เธอสองคนนี่สนิทกันเร็วดีนะ”
“คงงั้นแหละเพคะ เจ้าหญิงมาเรียกับดาด้ามีอะไรคล้ายๆกัน เพราะชอบ” ลัดลดาจ้องหน้าโซว์ “อะไรเหมือนๆกัน”
“งั้นเราคงต้องฝากดาด้าให้เธอดูแลแล้วหละมาเรีย”
มาเรียหน้าเสีย พัชรีแอบสะกิดปีเตอร์ที่ยืนข้างๆ แล้วก็ขำสะใจมาเรีย ปีเตอร์เห็นบรรยากาศกร่อยก็รีบเปลี่ยนบรรยากาศ
“ทานเสร็จแล้ว ปีเตอร์ว่าน่าจะลองไปยืดเส้นยืดสายกันสักหน่อยนะครับ” ปีเตอร์มองมาเรียและลัดลดา “ออกกำลังปากกันมามากแล้ว”
ลัดลดารู้ว่าโดนปีเตอร์แขวะก็ค้อนใส่ โซว์รีบหันไปหาขิงแล้วพูดออดอ้อน
“ขิงอยากทำอะไรจ๊ะ”
ขิงกำลังจะตอบ มาเรียรีบแทรกขึ้นมา
“มาเรียอยากยิงธนู”
ทุกคนหันไปมองมาเรีย
โซว์โชว์ลีลายิงธนูเข้าเป้าตรงกลางอย่างสวยงาม ขิง ลัดลดา และพัชรีทึ่งมากๆ ทุกคนปรบมือ โซว์หันมาโค้งแล้วหันไปยิ้มให้ขิง
“เจ้าชายทรงเก่งที่สุด เลิศมากเพคะ” ลัดลดาชม
“มีสิ่งนึงที่ผมลืมบอกสาวๆทุกคนไปนะครับว่าเจ้าชายโซว์คืออดีตนักกีฬาทีมชาติยิงธนูที่เก่งหาตัวจับได้ยาก เจ้าชายเป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้เป็นแชมป์ถึงสามสมัยซ้อน” ปีเตอร์บอก
สาวส่งเสียงทึ่ง “โอ้ว้าว!!!”
โซว์ทำเป็นโม้ “ไม่ใช่สี่เหรอปีเตอร์ เราคิดมาตลอดว่าสี่สมัยซ้อน”
“แหมเจ้าชาย...ไม่ต้องข่มพวกสาวๆมากหรอกกระหม่อม แค่สาม..สาวๆก็พากันกลัวจนทึ่งตะลึงงันแล้ว ดูสิกระหม่อมเห็นมั้ย อ้าปากค้างกันทู้กคน”
ขิง มาเรีย พัชรี และลัดลดารู้ตัวว่าอ้าปากค้างเลยรีบหุบปาก โซว์กับปีเตอร์ขำ
“ทำเป็นหัวเราะกันไปเถอะ พัชรีไม่อยากจะโม้เลยว่าพัชรีเองก็เล่นกีฬายิงธนูเป็นประจำตอนอยู่ประเทศไทย”
โซว์กับปีเตอร์มองพัชรีอย่างไม่เชื่อ
“อ๊ะไม่เชื่อ...ขออนุญาตนะเพคะ”
โซว์ผายมือเชิญพัชรี พัชรีหยิบคันธนูกับลูกธนูขึ้นมาแล้วเล็งไปที่เป้า เธอหรี่ตามองแล้วยิง ลูกธนูเข้ากลางเป้าเช่นกัน โซว์กับปีเตอร์อ้าปากค้าง ขิงยิ้ม ลัดลดากับมาเรียอึ้ง พัชรีหันมายักไหล่แบบอวดๆ
“พวกเราดูเจ้าชายกับปีเตอร์สิ..อ้าปากค้างกันเชียว” พัชรีว่า
โซว์กับปีเตอร์รีบหุบยิ้ม
“ท่าทางเจ้าชายจะเจอคู่แข่งแล้วนะกระหม่อม” ปีเตอร์บอก
“นั่นสินะ”
มาเรียอยากอวดบ้าง “ชั้นว่าเรามาแบ่งข้างแข่งกันยิงธนูดีกว่า”
“ฟังดูท่าทางสนุก” โซว์พูด
ปีเตอร์รีบขยับมาข้างๆ โซว์ ลัดดาจะรีบเข้ามาแต่เจอมาเรียตัดหน้ามายืนข้างโซว์ก่อน ลัดลดาไม่พอใจ
ขิง ลัดลดา และพัชรีอยู่ทีมเดียวกัน สามสาวมองโซว์ ปีเตอร์ และมาเรียที่อยู่ทีมเดียวกันอย่างไม่พอใจ
“อย่างนี้มันโกงกันนี่หน่าให้คนเล่นไม่เป็นสองคนมาอยู่ข้างเดียวกัน แล้วจะไปชนะได้ยังไง” ขิงท้วง
“พวกขี้แพ้ มักจะยอมแพ้ก่อนที่จะได้ลองทำ แต่คนอย่างชั้นถึงจะยากแค่ไหน หากต้องการจะได้ ชั้นก็จะต้องเอามาให้ได้”
มาเรียพูดเสร็จก็เดินไปยิงธนูเข้าเป้าตรงเป๊ะ ทุกคนมองอย่างทึ่งๆ มาเรียหันมา
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าคนอย่างมาเรีย ถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ” มาเรียเหล่มองพัชรี
“แต่สำหรับประเทศของเรา การแข่งบุญแข่งวาสนาโดยเฉพาะเรื่องความรักเนี่ย หากไม่ได้ทำบุญร่วมกันมาในชาติที่แล้ว การที่จะให้เค้ามารักมันก็คงจะยากหน่อย ยิ่งถ้าผู้หญิงที่คิดจะไปแย่งเค้ามีเพื่อนเก่งๆสวยๆคอยอยู่ช่วยด้วยแล้ว โอกาสยิ่งเป็นศูนย์เลยล่ะค่ะ” พัชรีบอก
พัชรีหยิบคันธนูกับลูกธนูขึ้นมาอีกครั้งแล้วเล็งไปที่เป้า เธอหรี่ตามองแล้วยิง ลูกธนูเข้ากลางเป้าเช่นกัน ทุกคนมองทึ่งๆ พัชรีหันไปเหล่มองมาเรีย มาเรียมองพัชรีด้วยความเจ็บใจ ลัดลดารีบวิ่งเข้ามาหยิบคันธนูและลูกธนูแล้วตั้งท่าจะยิงบ้าง
“สำหรับดาด้าถือคติ มาทีหลังดังกว่า ปล่อยตาอินกับตานาให้เค้าแย่งหัวปลากับหางปลากันไป ส่วนตาอยู่อย่างเราก็ค่อยๆแอบย่องไปคว้าพุงปลาดีดีมากินแทน”
ลัดลดาหัวเราะสะใจก่อนทำท่ายิงธนู แต่ก็ไม่มีแรงดึง ทำให้ลูกธนูตกแปะลงตรงหน้า มาเรียขำ ลัดลดาไม่พอใจมาก
ลัดลดาเข้าไปอ้อนเจ้าชาย “เจ้าชายเพคะ เจ้าชายสอนดาด้ายิงธนูนะเพคะ ดาด้าอยากเล่นกีฬาที่เจ้าชายทรงโปรด”
โซวตอบรับ “ได้สิ”
ขิง มาเรีย พัชรี และปีเตอร์งงมากที่โซว์รับปาก แต่โซว์หันมาพูดกับปีเตอร์
“ปีเตอร์..ช่วยสอนคุณดาด้าที”
ลัดลดาเหวอ ปีเตอร์ พัชรี มาเรีย และขิงอมยิ้ม ปีเตอร์รีบก้าวออกมา
“ได้เลยกระหม่อม มาครับคุณดาด้า ผมจะสอนแบบหลักสูตรเร่งรัดให้คุณเอง”
ปีเตอร์เข้ามาโอบลัดลดาพร้อมจับมือตั้งท่ายิงธนู ลัดลดาหัวเสีย
“ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนี้ก็ได้”
พัชรีตาเขียวด้วยความหึงจึงแกล้งกระแอมเสียงดัง “อ้ะแฮ่มม!! แค่กแค่ก”
ปีเตอร์สะดุ้งรีบผละออกจากลัดลดา มาเรียรำคาญจึงโวยขึ้น
“เริ่มแข่งกันซักทีเถอะ”
“ใจเย็นมาเรีย ให้โอกาสขิงกับคุณดาด้าเค้าได้เรียนรู้ก่อน” โซว์หันไปทางขิง “ชั้นจะสอนเธอเอง”
ขิงพยักหน้า มาเรียกับลัดลดาผงะ พัชรีกับปีเตอร์แอบสะใจ โซว์เข้ามาทางด้านหลังขิงแล้วจัดท่าให้ทำให้ดูเผินๆเหมือนโซว์กำลังกอดขิงเอาไว้ ขิงหันไปยิ้มให้โซว์
“จับแบบนี้ ตามองตรงที่เป้าตรงหน้า...ดึงลูกธนูไปทางด้านหลัง ออกแรงหน่อยนะ”
ขิงตอบรับ “อื้อ...”
“แล้วก็...ยิง”
โซว์ช่วยขิงยิงธนูออกไป ลูกธนูปักตรงกลางและเป็นที่เดียวกับลูกธนูของโซว์
ขิงกับโซว์หันมายิ้มให้กันด้วยความดีใจ แล้วขิงก็หันไปทางมาเรียกับลัดลดา
“ชั้นลืมบอกทุกคนไปว่า...สำหรับชั้น..ชนะอะไรก็ไม่สำคัญเท่าชนะใจเธอ” ขิงพูดพร้อมกับมองโซว์
โซว์เห็นขิงพูดแบบนั้นก็ปลื้มจึงเข้าไปกอดขิงก่อนจะหอมโชว์ ลัดลดาและมาเรียเห็นถึงกับโกรธเพราะอิจฉา ปีเตอร์เผลอโอบพัชรี พัชรีตีมือเขาดังเพียะ!! ปีเตอร์สะดุ้งแล้วรีบเอามือออก
“ส่วนของผม...ขอยิงธนูไปที่หัวใจของเธอเท่านั้น” ปีเตอร์ทำท่าศรรักปักอกแบบเกาหลี
พัชรีทำท่ารับแล้วปาลงพื้นก่อนจะกระทืบๆๆ ปีเตอร์ทำสีหน้าเจ็บปวด โซว์ ขิง และพัชรีหัวเราะ
“สรุปว่าเราไม่ต้องแข่งกันดีกว่า เพราะชั้นชักอยากได้คนนวดไหล่ให้มากกว่า” โซว์บอก
โซว์หันไปมองขิงอ้อนๆ แล้วโซว์กับขิงก็จับมือกันเดินออกไป ปีเตอร์กับพัชรีจับมือกันแล้วเดินตาม
ลัดลดาและมาเรียแค้นมาก ทั้งสองหันมาเจอกัน มาเรียยิ่งหัวเสียก่อนจะเดินออกไป ลัดลดามองมาเรียแล้วครุ่นคิด
มาเรียยืนกอดอกหน้าเคร่งเครียดด้วยความโมโหจัดเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคน ลัดลดาเดินเข้ามา มาเรียหันมามองอย่างไม่พอใจ ลัดลดายิ้มเยาะเย้ย
“ชั้นว่าแผนของเธอมันถึงทางตันแล้วหละ หยุดซะก่อนที่เจ้าชายโซว์เค้าจะไม่คิดว่าเธอเป็นแม้กระทั่งเพื่อน ยังไงเธอก็ไม่มีวันแย่งเจ้าชายมาจากขิงได้หรอก”
มาเรียมองลัดลดาอย่างแปลกใจ “นี่เธอมาพูดแบบนี้กับชั้นทำไมเนี่ย ..เพราะชั้นรู้ว่าสิ่งที่เธอพยายามจะทำมันก็ไม่ต่างจากชั้น รวมแม้กระทั่งมุขทำตัวเป็นคนดีแบบที่เธอกำลังทำอยู่นี่ด้วย ชั้นมองเธอทะลุปรุโปร่งหมดล่ะย่ะ”
“ใช่ ชั้นยอมรับว่าชั้นอยากได้เจ้าชายโซว์ แต่คนอย่างชั้นชอบทำอะไรแฟร์ๆ ไม่ชอบลอบกัดเหมือนอย่างเธอ”
“ชั้นว่าเธอน่ะแหละเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า แล้วไสหัวกลับไปดีกว่า เพราะหน้าอย่างเธอ ยังไงโซว์เค้าก็ไม่เอา”
“อย่ามาดูถูกคนอย่างชั้นนะเจ้าหญิงมาเรีย เพราะคนอย่างชั้นมีอะไรๆที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ”
“งั้นชั้นก็จะคอยดู ...อยากรู้เหมือนกันว่าข้างในตัวเธอจะมีอะไรนอกจากซิลิโคนที่ทั้งฉีดเอาไว้จนแทบจะปริบ้าง ฮ่าๆๆ”
มาเรียมองลัดลดาอย่างเยาะเย้ยๆ ก่อนจะเดินออกไป ลัดลดาโมโหมาก
พัชรีที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งได้ยินทุกอย่างก็อึ้งไปด้วยความกังวลใจ
ขิงนั่งหวีผมอยู่บนเตียง พัชรีเดินวนไปวนมาอยู่รอบๆ ด้วยสีหน้าเครียด
“ขิงต้องระวังตัวดีดีนะ ....ตอนนี้มีคนไม่หวังดีกับขิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว” พัชรีบอก
“ใคร?” ขิงถาม
“ก็ยัยดาด้ากับเจ้าหญิงมาเลเรียไง”
“ขิงบอกแล้วไงพี่พัชว่ามาเรียไม่มีอะไร แต่ถ้าเป็นคุณดาด้า ขิงเชื่อ ว่าเค้าคิดไม่ดีกับขิง”
“นังเจ้าหญิงนั่นน่ะตัวดีเลย ชั้นได้ยินมากับหูว่าพวกนั้นทั้งตั้งใจ จงใจ มุ่งมั่นกันสุดๆว่าจะต้องแย่งเจ้าชายมาจากเธอให้ได้ คนเรานี่ก็แปลก ผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปหา กลับมาแย่งคนที่เค้ามีคนรักแล้ว หน้าด้านกันจริงๆ”
“เอาเถอะน่า ยังไงของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวก็ไม่ดังอยู่แล้ว และขิงก็มั่นใจในตัวโซว์ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” ขิงบอก
ขิงหวีผมต่อไปโดยไม่คิดอะไร พัชรีมองขิงแล้วก็รู้สึกเครียดแทน
กลางดึก ขิงกดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล” ขิงฟังแล้วก็ชะงัก “คุณดาด้า.. คุณโทรมาทำไม?”
ลัดลดาพอกครีมหน้าขาวนั่งคุยโทรศัพท์อยู่หน้ากระจก
“ชั้นโทรมาเตือน ให้เธอระวังเจ้าหญิงมาเรีย”
ขิงถอนใจอย่างเซ็งๆ
“เธอมาเตือนชั้นทำไม? เราไม่ได้ญาติดีกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่..แต่คนที่เหมาะจะเป็นคู่แข่งกับชั้น คือเธอ ไม่ใช่เจ้าหญิงมาเรีย ชั้นถึงอยากให้เธอร่วมมือกับชั้น กำจัดนังนั่นออกไปจากชีวิตเจ้าชาย”
ขิงรู้ทันลัดลดา
“ถ้าชั้นร่วมมือกับเธอ เธอจะโยนความผิดให้ชั้นทั้งหมด แล้วโซว์ก็จะมองว่าชั้นเป็นคนไม่ดี เมื่อถึงเวลานั้นเธอก็จะกำจัดทั้งชั้นทั้งมาเรีย แล้วเธอก็จะได้ตัวโซว์ไปใช่มั้ยล่ะ”
ลัดลดาเหวอที่ขิงรู้ทัน เธอถึงกับพูดไม่ออก
“ชั้นเปลี่ยนไปแล้ว” ขิงพูด “ประสบการณ์สอนให้ชั้นอย่ามองคนด้านเดียว ชั้นว่าเธอเลิกล้มความตั้งใจเรื่องโซว์ซักเถอะ มันเสียเวลาเธอเปล่าๆ เพราะโซว์กับชั้นรักกัน แค่นี้นะ”
ขิงกำลังจะวางสาย
ลัดลดารีบทัก “เดี๋ยว!!”
ขิงผงะ
ลัดลดารีบพูด
“ระวังเจ้าหญิงนั่นไว้ให้ดีก็แล้วกัน ชั้นบอกได้เลยว่าอีกไม่นานเธอจะต้องเสียโซว์ให้กับมัน ถ้าเธอไม่ยอมร่วมมือกับชั้น”
ลัดลดาวางสาย ขิงถอนหายใจ
วันรุ่งขึ้น ขิงเดินออกมาที่สถานที่จัดงานวันเกิดให้มาเรีย โซว์และมาเรียกำลังดูการจัดเตรียมสถานที่อยู่ ขิงกำลังจะเดินเข้าไปแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นมาเรียหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้โซว์
ขิงยืนมองภาพนั้นก่อนจะครุ่นคิดไปถึงคำพูดของลัดลดา
“ระวังเจ้าหญิงนั่นไว้ให้ดีก็แล้วกัน ชั้นบอกได้เลยว่าอีกไม่นานเธอจะต้องเสียโซว์ให้กับมัน ถ้าเธอไม่ยอมร่วมมือกับชั้น”
ขิงชักใจไม่ดี มาเรียเหลือบเห็นขิงก็เลยยิ้มมุมปาก และแกล้งเซ โซว์รีบประคองกอดมาเรียเอาไว้ ขิงผงะ
“ขอบใจนะโซว์ ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีดีๆก็หน้ามืด” มาเรียบอก
“เข้าไปพักด้านในก่อนมั้ย”
มาเรียพยักหน้า โซว์ประคองมาเรียออกไป ขิงมองตามอย่างรู้สึกใจคอไม่ดี แต่เธอก็อยากรู้อยากเห็นจึงตัดสินใจรีบตามไป
โซว์ประคองมาเรียเข้ามาในห้องก่อนจะหันไปปิดประตู มาเรียรู้ว่าขิงตามมาจึงรีบหันไปบอก
“ไม่ต้องปิดประตู อากาศในห้องจะได้ถ่ายเท”
โซว์พยักหน้าแล้วพามาเรียมาที่เตียง ขิงแอบตามมาดูตรงหน้าห้อง มาเรียเหลือบไปเห็นขิงก็ลอบยิ้มร้าย ก่อนจะแกล้งสะดุดแล้วดึงโซว์ให้ล้มลงไปบนเตียงแบบทับตัวเธอเอาไว้ ขิงอึ้ง
โซว์กับมาเรียหน้าใกล้กันมาก ขิงยืนมองด้วยแววตาสั่นระริก แล้วเธอก็รีบเดินออกไป โซว์รีบลุกขึ้นยืน
“ขอโทษ” โซว์กล่าว
“จะขอโทษชั้นทำไม ชั้นนี่แย่จัง ขาอ่อนไปหมด ไม่รู้เป็นอะไรสิน่า”
“เธออาจจะตากแดดมากไป”
มาเรียจับแขนโซว์ “อยู่เป็นเพื่อนชั้นก่อนได้มั้ย”
โซว์นิ่งคิด “ได้สิ ความจริงชั้นมีเรื่องอยากปรึกษาเธอ”
มาเรียแปลกใจ โซว์เอาสร้อยที่มีจี้รูปหัวใจเพชรออกมา มาเรียเห็นแล้วก็ชอบมาก
“ชั้นจะให้ขิง” โซว์บอก มาเรียอึ้งเพราะโมโห “เธอว่าขิงจะชอบมั้ย”
มาเรียทำเป็นยิ้ม “ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบ ในเมื่อมันออกจะสวยงามขนาดนี้ ดูท่าเธอจะรักขิงมากเลยนะ”
โซว์ยิ้มเขินๆ “อื้อ ชั้นไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าชั้นจะสามารถรักใครได้ขนาดนี้ ชั้นจะบอกขิงว่าหัวใจของชั้นอยู่ข้างๆหัวใจเค้า มันฟังดูเลี่ยนมั้ย”
“ไม่หรอก มันโรแมนติคมากเลยต่างหาก”
โซว์มองสร้อยแล้วก็ยิ้ม มาเรียกำมือแน่นด้วยความโกรธแค้น
ขิงนั่งลงถอนหายใจด้วยความกลุ้ม เธอคิดถึงภาพที่เห็นโซว์กับมาเรียก็ยิ่งเครียด ทันใดนั้น ปีเตอร์กับพัชรีเดินมาเห็นขิงทอดถอนใจอยู่ก็มองหน้าขิงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปหาขิง
“ขิง..ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียว แล้วเจ้าชายล่ะ”
“เออ..ไม่รู้สิ” ขิงตอบ
ขิงเศร้า พัชรีหันไปเอาศอกกระทุ้งสีข้างปีเตอร์ ปีเตอร์งง
พัชรีกระซิบ “พูดอะไรบ้างสิ”
“เอ้า..อ่า” ปีเตอร์หันไปทางขิง “ช่วงนี้เจ้าชายอาจจะต้องวุ่นกับการจัดเตรียมงานวันเกิดของคุณมาเรีย แล้วไหนยังมีงานราชงานหลวงอีกมากมาย แต่ผมมั่นใจว่าถ้าถึงวันงานคุณขิงจะต้องสนุกสุดเหวี่ยงแน่”
“ชิ !! ยายมาเลเรียฉลาด ทำเป็นเอางานมาอ้าง ที่แท้หาข้ออ้างอยู่กับเจ้าชายมากกว่า” พัชรีว่า
ขิงอึ้ง “คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ขิงพยายามปลอบใจตัวเอง
ปีเตอร์แขวะพัชรี “จริงด้วย ผู้หญิงชอบมองกันในแง่ร้าย”
“อ๋อ มาว่าชั้นเหรอ คอยดูนะ เกิดเรื่องอะไร แล้วอย่าหาว่าพัชรีไม่เตือนก็แล้วกัน”
ขิงเครียดและกังวลมากกว่าเดิม
ขิงยังคงกลุ้มเรื่องโซว์กับมาเรียอยู่ในห้อง ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ขิงสะดุ้ง
“ใครคะ”
ไม่มีเสียงตอบจากหน้าห้อง ขิงแปลกใจจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง ปรากฏว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องของขิงก็คือโซว์นั่นเอง
“ชั้นขอโทษนะที่วันนี้ ชั้นไม่ได้มาหาเธอเลย”
“ไม่เป็นไร ชั้นรู้ว่านายงานยุ่ง แล้วไหนยังมีงานของมาเรียอีก” ขิงบอก
“เธอนี่น่ารักที่สุด เข้าใจชั้นทุกอย่าง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น คงงอนชั้นแย่แล้ว”
“แล้วนายไม่คิดว่าชั้นอาจจะงอนบ้างเหรอ” ขิงถาม
“ไม่หรอก ชั้นรู้นิสัยของเธอดี”
ขิงยิ้มๆ แล้วก็มองหยั่งเชิง “แล้ววันนี้นายทำอะไรบ้าง”
“ก็มีประชุมงานกับเสด็จพ่อ แล้วก็คุยกับมาเรียเรื่องงาน”
“แค่นั้น?”
“อือ..” โซว์ตอบ
“เสียเวลาไปทั้งวันเลยเนอะ”
“ใช่..เล่นเอาชั้นเหนื่อยเลยล่ะ แต่พอเห็นหน้าเธอ ชั้นก็หายเหนื่อยทันที”
โซว์เดินเข้ามา ขิงหันไปมองโซว์แล้วก็แอบเสียใจที่โซว์โกหกเรื่องมาเรีย โซว์หันมา ขิงพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ
“ชั้นมีอะไรให้เธอด้วยนะ” โซว์บอก
ขิงแปลกใจ โซว์เดินมาจับมือขิงแล้วก็เอาของบางอย่างใส่ลงในมือขิง ขิงหงายมือก็เห็นว่าเป็นสร้อยคอที่มีจี้รูปหัวใจเพชร ขิงอึ้ง
“เธอชอบรึเปล่าขิง” โซว์ถาม
“มันสวยมาก แต่มันมีค่ามากเกินไปสำหรับชั้น”
โซว์จ้องตาขิง “สร้อยเส้นนี้ไม่มีค่าอะไรเลยเมื่อเทียบกับตัวเธอ นี่คือหัวใจของชั้น” โซว์ใส่สร้อยให้ขิง “มันหมายความว่าหัวใจของชั้นจะอยู่ข้างๆหัวใจของเธอตลอดไป”
โซว์เดินมาตรงหน้าขิง ทั้งสองจ้องตากันก่อนที่โซว์จะค่อยๆ โน้มตัวไปจูบหน้าผากขิงอย่างทะนุถนอมแล้วทั้งคู่ก็กอดกันอย่างมีความสุข
พัชรีดูสร้อยที่ห้อยอยู่ที่คอขิงด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
“โอ้ว้าวว งามงดมากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุดในโลกรู้มั๊ยขิง”
“ขิงบอกพี่พัชแล้วเห็นมั๊ยว่าขิงมั่นใจในตัวโซว์” ขิงบอก
“จริงด้วย ต่อให้แมลงหวี่แมลงวันมาจากไหน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเจ้าชายมีหัวใจที่มั่นคงในความรัก” พัชรีพูดแล้วก็อินเอง
ขิงยิ้ม แล้วพัชรีก็นึกขึ้นมาได้
“อุ๊ยตายแล้วลืมไปเลยว่าต้องตามเจ้าชายไปเยี่ยมเยียนประชาชน ชั้นไปก่อนนะ”
ขิงพยักหน้า พัชรีเดินออกไป ขิงหยิบสร้อยขึ้นมองแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแอมดังขึ้น
“แฮ่ม”
ขิงหันไปเห็นมาเรีย “มาเรีย...”
มาเรียเดินมานั่งข้างๆ ขิงแล้วก็เห็นสร้อย
“โซว์ให้เหรอ??”
ขิงผงะ “ใช่..เธอรู้ได้ไง”
“เค้าเคยให้สร้อยแบบนี้กับชั้นเหมือนกัน”
ขิงอึ้ง มาเรียทำเป็นเล่าไปเรื่อยๆ
“พอถูกใจใครก็ชอบให้สร้อยรูปหัวใจ แล้วก็บอกว่านี่เป็นหัวใจของชั้นที่จะอยู่ข้างๆหัวใจของเธอ” มาเรียเล่าเป็นตุเป็นตะ ขิงอึ้งมาก “อย่าบอกนะว่าเค้าพูดกับเธอแบบนี้”
ขิงตอบโดยที่รู้สึกแย่มาก “ใช่...”
“โซว์นี่แย่จริงๆ พูดกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้ได้ไง เห็นเป็นเรื่องสนุกไปซะหมด”
ขิงกำมือแน่น มาเรียลอบยิ้มร้าย
ขิงนั่งหน้ากระจกในห้องพร้อมกับมองสร้อยที่คอด้วยสีหน้าเศร้า
“ตกลงว่าชั้นรู้จักตัวตนของนายจริงๆรึเปล่าโซว์” ขิงรำพึง
ขิงถอนหายใจ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ขิงเดินมาเปิดประตูแล้วก็เห็นคนรับใช้ยืนอยู่
“เจ้าหญิงมาเรียให้ชั้นมาเรียนคุณเรื่องธีมงานวันเกิดพรุ่งนี้ว่าเป็นธีมงานแฟนซีนะคะ”
ขิงทวนคำอย่างงๆ “งานแฟนซี?”
ขิงยืนอยู่กับปีเตอร์
“ชั้นไม่รู้จะหาชุดจากที่ไหน วันพรุ่งนี้แล้วด้วย ก็เลยอยากมาปรึกษาปีเตอร์” ขิงบอก
“เรื่องชุดไม่ต้องห่วง ผมหาให้คุณขิงได้ทุกชุด แล้วแต่คุณขิงจะบัญชา ไม่ว่าจะเป็นชุดแดร็กคิวล่า” ปีเตอร์ทำท่าประกอบเวลาพูดไปด้วย “เจ้าสาวแฟรงเกนสไตน์ wonder woman หรือ มาร์คไรเดอร์”
“เอาล่ะพอพอ เยอะจนเลือกไม่ถูกแล้ว” ขิงครุ่นคิดแล้วก็นึกออก “เฮ้ย!! ความจริงไม่ต้องหาก็ได้ชั้นนึกออกแล้วว่าจะใส่ชุดอะไร ชั้นจะใส่ชุดที่จะทำให้ทุกคนรู้จักประเทศไทย”
ขิงหันไปยิ้มให้ปีเตอร์ด้วยความมั่นใจ
ตกกลางดึก มาเรียและโซว์เดินมาด้วยกัน มาเรียมีท่าทางระริกระรี้และมีความสุขมาก
“ขอบใจมากนะโซว์ที่เธอเป็นธุระจัดงานวันเกิดให้ชั้น มันจะเป็นงานวันเกิดที่มีความหมายมากที่สุดตั้งแต่ชั้นเกิดมา”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่ต้องพูดเอาใจชั้นก็ได้นะ”
มาเรียหยุดเดินแล้วหันมา “ชั้นไม่ได้พูดเอาใจ แต่ชั้นพูดจากใจ” มาเรียจับมือโซว์ “เธอเป็นเพื่อนที่ชั้น..รักมากที่สุด ชั้นขอบใจเธอนะ ขอบใจมากจริงๆ ชั้นเองไม่มีอะไรจะให้เธอนอกจาก...”
มาเรียยิ้มเขิน โซว์มองด้วยความแปลกใจ มาเรียหอมแก้มโซว์ โซว์อึ้งเพราะเริ่มรู้สึกว่ามันชักจะเกินเพื่อนไปแล้ว โซว์รีบดึงมือออกจากมาเรียแล้วผละออกห่าง
“เออ...เรานึกได้ว่าต้องไปหาเสด็จแม่ เราขอตัวก่อนนะ”
โซว์รีบเดินออกไป มาเรียอึ้งและไม่พอใจ
“อะไรกัน! รีบไปแถมไม่พูดอะไรซักคำ” มาเรียคิดแล้วก็ยิ้ม “หรือว่าโซว์จะเขิน ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ นี่แสดงว่าโซว์ต้องเริ่มชอบเราแล้ว”
มาเรียยิ้มอย่างมีความสุขเพราะคิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ
วันรุ่งขึ้น ปีเตอร์กำลังช่วยขิงแต่งตัว
ปีเตอร์ยิ้มปลื้ม “คุณขิงฉลาดสุดๆไปเลยครับที่แต่งชุดนี้ คิดได้ยังไง๊”
ขิงยิ้ม “โชคดีที่ยายขมให้ชุดนี้มาเป็นที่ระลึก ไม่งั้นชั้นก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”
“ผมว่าวันนี้คุณขิงต้องเจิดจรัสและเด่นที่สุดเลยครับ”
ขิงมองตัวเองในกระจกแล้วก็ยิ้มด้วยความมั่นใจ
บรรยากาศงานปาร์ตี้วันเกิดกลางสวนไฮโซสุดๆ มีแขกทั้งไฮโซ ราชวงศ์ และนักข่าวแต่งตัวในชุดลำลองสบายๆ หลั่งไหลทยอยกันมามากมายถวายบังคมพระราชา พระราชินีที่นั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง มาเรียในชุดสุดสวยกำลังยืนกอดแขนโซว์ราวกับเป็นแฟนต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ที่หน้างาน บรรดาแขกทยอยเอาของขวัญมาให้มาเรีย
“ขอบคุณค่ะ”
คนรับใช้เอาของขวัญไปเก็บ
“เห็นข่าวกอซซิบบอกว่าที่คุณมาเรียกับเจ้าชายหายไปจากนิวแลนด์เพราะไปเที่ยวประเทศไทยกันมาสองต่อสองจริงรึเปล่าคะ” แขกคนหนึ่งถาม
โซว์เหวอ มาเรียยิ้มพอใจ
“ข่าวคงผิดแล้วล่ะ เราไปกับปีเตอร์ คนสนิทของเรา” โซว์บอก
“แหมเจ้าชายอย่าทรงแก้ตัวเลยค่ะ เค้ามีภาพมายืนยันด้วยนะคะ ว่าเจ้าชายเดินอยู่กับผู้หญิง นี่เรียกว่าเป็นการฮันนีมูนล่วงหน้ารึเปล่าเอ่ย” แขกอีกคนยืนยัน
โซว์เริ่มไม่พอใจ “ผู้หญิงที่อยู่ในรูปกับเราเป็นผู้หญิงไทย” มาเรียชะงัก “และผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของเรา ไม่ใช่มาเรีย”
ทุกคนพากันอึ้ง มาเรียไม่พอใจ โซว์หันมามองมาเรียนิ่งก่อนจะดึงมือมาเรียออก
เวลาต่อมา มาเรียมายืนจับกลุ่มซุบซิบอยู่กับเพื่อนไฮโซ
“งานวันเกิดของเธอปีนี้ จัดยิ่งใหญ่สมกับเป็นว่าที่เจ้าหญิงในอนาคตจริงๆเลยนะจ๊ะ” เพื่อนคนหนึ่งบอก
“นี่ๆๆ อย่าเพิ่งพูดไป เมื่อกี๊ไม่เห็นเจ้าชายบอกเหรอ ท่านบอกท่านมีแฟนเป็นผู้หญิงไทย ไม่เห็นบอกซักนิดว่าเธอเป็นแฟน” เพื่อนอีกคนท้วง
มาเรียเบ้หน้า “แม่นั่นก็แค่กิ๊ก ชั้นต่างหากที่เป็นตัวจริง อีกไม่นานพวกเธออาจจะได้ยินข่าวดีก็ได้นะ”
“เอาให้แน่แล้วค่อยมาพูดดีกว่ามั้ง”
“คนอย่างชั้น ถ้าไม่มั่นใจไม่พูดออกมาหรอกย่ะ เดี๋ยวพวกเธอคอยดูก็แล้วกัน วันนี้มีอะไรสนุกๆให้ดูแน่”
พูดจบมาเรียก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
โซว์ดูเวลา เขาชะเง้อมองไปตรงทางเข้างานด้วยสีหน้ากังวล
“ทำไมป่านนี้ขิงยังไม่มาอีก”
โซว์ชั่งใจแล้วก็ตัดสินใจเดินไปดูแต่กลับเจอปีเตอร์วิ่งเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นเต้นดีใจ
“ปีเตอร์..ขิงล่ะ ทำไมยังไม่มาอีก นี่มันเลทมากแล้วนะ”
“ใจเย็นๆกระหม่อม ของดีก็ต้องรอหน่อย ถ้าเจ้าชายเห็นคุณขิงจะต้องทรงภูมิใจมากแน่ๆ เพราะงานนี้คุณขิงเริ่ด”
โซว์แปลกใจ “เหรอ??”
ปีเตอร์ยิ้มมั่นใจแต่เมื่อมองไปรอบๆ พอเห็นคนแต่งชุดลำลองสบายๆ เขาก็ตกใจ
“ฉิบหาย!!”
“อะไรหายปีเตอร์??”
โซว์มองปีเตอร์ด้วยความสงสัย
ขิงกำลังเดินเข้ามาในงานด้วยชุดที่ชายกระโปรงยาวละพื้น แขกในงานหันไปมองขิงด้วยความตกตะลึง แล้วก็สะกิดกันให้ดูก่อนจะซุบซิบแล้วหัวเราะกันออกมา
ขิงใส่ชุดลิเก เธอแต่งหน้าจัด แต่งตัวจัดและกำลังยืนอึ้งหน้าชาไปทั้งแทบ ไม่นานมาเรียกับเพื่อนก็เดินออกมาประจันหน้ากับขิง
“ตายแล้ว แต่งตัวอะไรยะเนี่ย เพชรปลอมเต็มไปหมด” เพื่อนของมาเรียคนหนึ่งทัก
“นั่นสิ จะสวยก็ไม่ใช่ จะไม่สวยก็ไม่ใช่ มันดูเหมือนอะไรก็ไม่รู้ที่ประหลาดๆ แปลกมาก จริงๆ”
ขิงหน้าเสีย เธอกำมือแน่นเพราะพูดไม่ออก ขิงทั้งอายทั้งโกรธ
“อย่าไปว่าขิงเค้าสิ ที่เค้าใส่เนี่ยเป็นชุดลิเก” มาเรียหันไปตีหน้าแสนดีกับขิง “ชั้นต้องขอโทษจริงๆนะ พอดีชั้นลืมไปบอกว่า theme งานเปลี่ยนแล้ว”
ทุกคนหัวเราะเยาะ ขิงโกรธจนตัวสั่นและรู้สึกอายมากๆ โซว์กับปีเตอร์เดินเข้ามาเห็น ปีเตอร์ถึงกับยกมือปิดตาเพราะไม่อยากมอง โซว์ตกใจ เขาเดินไปหาขิง
“แต่งตัวอะไรของเธอ?” โซว์ถาม ขิงหันไปมองโซว์อย่างอึ้งๆ ที่ถูกโซว์ตำหนิ “รีบไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้!”
ขิงโกรธสุดๆ จนทนไม่ไหวจึงระเบิดใส่โซว์
“ชั้นไม่เปลี่ยน ชั้นจะใส่ชุดนี้”
โซว์อึ้ง ขิงสะบัดหน้าใส่โซว์แล้วเดินอย่างมั่นใจออกไป มาเรียลอบมองโซว์แล้วก็ยิ้มสะใจ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 11 (ต่อ)
พระราชากับพระราชินีกำลังจิบน้ำชาให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
“จะไปจริงจังอะไรกับเจ้าชายโซว์ เค้าก็เหมือนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่พอไปไหน เจอใครที่หน้าตาดีเข้าหน่อยก็อยากควงเป็นแฟน” พระราชาบอก
“แสดงว่าที่เจ้าชายตรัสว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงไทยก็ไม่จริงเหรอเพคะ” นักข่าวถาม
“ก็ไม่จริงน่ะสิ” พระราชาย้ำ “คนรักที่แท้จริงของเจ้าชายเราหาไว้ให้แล้ว”
“พอจะบอกได้มั้ยเพคะว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
ยังไม่ทันที่พระราชากับพระราชินีจะตอบก็เห็นขิงในชุดลิเกเดินเข้ามา พระราชา กับพระราชินีถึงกับตกใจสำลักน้ำชาพุ่งใส่หน้านักข่าว
“หนูขิง!!!” พระราชินีตกใจ
นักข่าวหันไปมองเห็นขิงเดินมา พระราชารู้สึกอายสุดๆ
“ผู้หญิงคนนั้นใช่คนที่พระราชาทรงหาให้เจ้าชายรึเปล่า” นักข่าวถาม
พระราชารีบปฎิเสธ “ไม่ใช่!!”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเพคะ” นักข่าวถาม
พระราชากับพระราชินีเหล่มองหน้ากันเพราะพูดไม่ออก
ขิงเดินมาตามทางโดยไม่แคร์สายตาที่จับจ้องเหมือนเธอเป็นตัวประหลาด ทันใดนั้นโซว์ก็ดึงขิงเข้าไปหลบตรงหมุมหนึ่ง ขิงตกใจหันไปทางโซว์ โซว์ถามเสียงดัง
“เธอคิดจะทำอะไรของเธอห๊ะขิง!! เธอจะทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
“นายก็ไปถามคนของนายสิว่าเค้าบอกธีมงานวันนี้ว่าอะไร?” ขิงสวน
โซว์ผงะ “เธอหมายถึงมาเรีย?”
“ใช่ เค้าบอกชั้นว่าธีมงานวันนี้เป็นงานแฟนซี”
โซว์ไม่ฟังกลับตวาดกลับ “ตัวเองฟังไม่ดี ก็อย่าไปโทษคนอื่น” ขิงอึ้ง “เค้าจะโกหกเธอเพื่ออะไร”
ขิงน้อยใจสุดๆ “นายเข้าข้างเค้าใช่มั๊ย?!”
“ชั้นไม่ได้เข้าข้างใคร ชั้นพูดไปตามที่เห็น ทำไมเธอถึงไม่เคยเข้าใจอะไรเลยนะ”
ขิงโกรธและเสียใจมาก “ใช่สิ ชั้นมันเป็นคนเข้าใจยาก” ขิงพยายามจะถอดสร้อยแต่ถอดไม่ออก
“เธอจะทำอะไร??”
“ชั้นไม่อยากได้หัวใจของนาย!”
ขิงยังถอดสร้อยไม่ออก โซว์เสียใจ ส่วนขิงหัวเสียและหงุดหงิด
“เรื่องเล็กน้อยแค่เนี้ย ทำไมเธอต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ด้วย” โซว์ว่า
“มันอาจจะเล็กน้อยสำหรับนาย แต่มันยิ่งใหญ่สำหรับชั้น ชั้นต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทิ้งชีวิต เพื่อมาเริ่มต้นใหม่กับนายที่นี่ แต่พอเวลาผ่านไป มันทำให้ชั้นรู้ว่าชั้นไม่ได้รู้จักนายเลยซักนิด”
โซว์โมโห “เธอเองก็เหมือนกัน ตั้งแต่เธอมาที่นี่ เธอทำตัวให้ชั้นเข้าใจยากเหลือเกิน เธอเปลี่ยนไป ไม่เหมือนขิงคนเดิมที่ชั้นรู้จัก”
ขิงเสียใจสุดๆ น้ำตาของเธอรื้อขึ้นมา โซว์มองขิงด้วยสายตาผิดหวัง พอพูดเสร็จเขาก็เดินออกไป ขิงกำมือแน่นและมีสีหน้าเจ็บปวด ทันใดนั้นมาเรียก็เดินเข้ามา
“ขิง”
ขิงรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันไปทางมาเรีย
“แขกในงานสนใจชุดที่เธอใส่กันใหญ่ ชั้นก็เลยอธิบายไปว่ามันเป็นการแสดงอย่างหนึ่งของคนไทย ยังไงเธอช่วยขึ้นไปร้องลิเกโชว์แขกในงานหน่อยได้มั้ย”
“ชั้นไม่สะดวก” ขิงตอบ
“ทำไมล่ะ?” มาเรียเสียงอ่อนและตีหน้าเป็นคนดี “เธอยังโกรธชั้นอยู่เหรอ ถ้าอะไรที่ชั้นทำให้เธอไม่พอใจ ชั้นขอโทษ แต่อย่าปฏิเสธชั้นเลยนะ ถือว่าร้องเป็นของขวัญให้ชั้นก็แล้วกัน...นะขิงนะ..นะ “
ขิงมองมาเรียแล้วนิ่งไป ก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่างเพราะเธออยากเอาคืนโซว์
โซว์เดินออกมาด้วยความเซ็ง ปีเตอร์เห็นสีหน้าโซว์ก็เป็นห่วงจึงรีบเดินไปหา
“เจ้าชาย แล้วคุณขิงล่ะ” ปีเตอร์ถาม
“คนอะไรไม่มีเหตุผล” โซว์ว่า
“เจ้าชายทรงด่าหม่อมชั้นเหรอกระหม่อม”
“เราไม่ได้ด่าเจ้า เราไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ ทำไมผู้หญิงต้องเข้าใจยากแบบนี้ด้วย เราไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
ระหว่างนั้นมาเรียก็ขึ้นไปยืนบนเวที
“สวัสดีค่ะทุกท่าน “ ทุกคนหันไปมองมาเรีย “ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะที่ให้เกียรติมางานวันเกิดของมาเรีย วันนี้เป็นวันที่มาเรียมีความสุขมาก ต่อไปนี้ขอเชิญทุกท่านพบกับแสดงชุดพิเศษจากเพื่อนของมาเรียได้เลยค่ะ”
ทุกคนปรบมือ โซว์กับปีเตอร์แปลกใจ ไม่นานขิงก็เดินออกมา โซว์กับปีเตอร์ผงะ ส่วนพระราชากับพระราชินีอึ้ง
ยัยเด็กนั่นจะทำอะไร?” พระราชาแปลกใจ
“ลิเกที่ชั้นจะร้องในวันนี้ เป็นเรื่องของผู้หญิงต่ำต้อยที่ไปหลงรักเจ้าชาย” ขิงบอก
ขิงหันไปมองโซว์ด้วยสายตาตัดพ้อสุดๆ แล้วขิงก็เริ่มร้องลิเก
“อันตัวเราเป็นชาวนาผู้ยากไร้ ที่แอบหลงรักเจ้าชายผู้สูงศักดิ์” ขิงร้องเพี้ยน “เจ้าชายท่านก็ทรงฟูมฟัก เราจึงต้องจำใจจากบ้านมา ถึงเมืองกรุงศิวิไลซ์นักหนา มีความสุขทุเพลา จนวันหนึ่งเจ้าชายก็เปลี่ยนไป”
โซว์มองขิงเพราะรู้ว่าขิงร้องให้เขา ขิงรำแล้วก็ร้องต่อด้วยน้ำเสียงแปร่งๆเพราะต้องกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ คนดูมองขิงแล้วก็ซุบซิบกันเพราะไม่เข้าใจ มาเรียยิ้มด้วยความพอใจ
“ท่านเจอกิ๊กใหม่ไฉไลกว่าเรา เราก็เลยตกอันดับ...” ขิงเริ่มร้องไห้เพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว “กลายเป็นคนเก่า” ขิงทำเสียงระนาดเอง “เตร่ เตร่ เตร่ เตร๊ร”
คนดูทนไม่ไหว พระราชาก็ทนไม่ได้ พระราชินีมองขิงด้วยความสงสาร เพื่อนไฮโซของมาเรียโห่ไล่ขิง
“ร้องบ้าอะไร ไม่เข้าใจ ลงมา”
“ไป...ลงไปได้แล้ว”
ทุกคนโห่ไล่ขิง
ขิงหน้าเสีย เธอทนยืนต่อไปไม่ไหวจึงรีบเดินลงมา แต่กลับถูกมาเรียแกล้งเหยียบชุดจนหกล้มกระโปรงขาดดังแคว่ก คนดูทั้งหมดหัวเราะ ขิงหันไปมองมาเรียแล้วเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมาเรีย ขิงโมโห
“อุ๊บ ขอโทษนะ” มาเรียยิ้มใส่
ขิงโมโหมากจนสุดจะทนได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นมายืน แล้วผลักมาเรียจนหงายหลังไปโดนเค้กวันเกิดที่ตั้งอยู่ ทุกคนช็อค มาเรียกรี๊ดลั่น
“อ๊าย!!!! แกแกล้งชั้น!”
“เออ ชั้นตั้งใจแกล้งเธอ เพราะต่อไปนี้ชั้นจะไม่ยอมเธอแกล้งอีกต่อไปแล้ว” ขิงบอก
ขิงจะเข้าไปซ้ำมาเรีย แต่โซว์เข้ามาจับแขน ขิงหันไปมอง
โซว์ดุ “เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอขิง ขอโทษมาเรียซะ!”
ขิงดึงมือออกจากโซว์แล้วทำหน้าตาขึงขัง
“ชั้นไม่ขอโทษ”
โซว์อึ้ง พระราชาเดินมาอย่างสุดทน
“เสียมารยาท!! ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่ลูกจะแต่งงานด้วย”
ทุกคนฮือฮา โซว์ตกใจ ขิงมองโซว์ว่าจะทำยังไง แต่โซว์ไม่กล้าพูดอะไร ขิงผิดหวังและเสียใจ มาเรียทำตัวแสนดีรีบเข้ามาช่วยพูดให้ขิง
“ทุกคนอย่าต่อว่าขิงเลยนะคะ มาเรียไม่โกรธขิงหรอกค่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ใช่มั้ยจ๊ะขิง”
ขิงจ้องหน้ามาเรียอย่างไม่พอใจ “ชั้นไม่ใช่เพื่อนเธอ”
ขิงหันไปมองโซว์อย่างโกรธแค้นแล้วเธอก็จ้ำเดินออกไป มาเรียยิ้มสะใจแต่ก็แกล้งทำเป็นเศร้าเสียใจ
“ขิง..ขิงจ๊ะ ขิง...” มาเรียเรียก
โซว์มองตามขิงด้วยสีหน้าเครียด พระราชาพอใจแต่พระราชินีกลัดกลุ้ม
ขิงกลับมาร้องไห้อย่างหนักในห้องเพราะสุดจะเก็บได้อีกต่อไป เธอทั้งเจ็บใจ เสียใจ และผิดหวัง ขิงหันไปมองกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
โซว์นั่งนิ่งเพราะคิดหนักเรื่องขิงว่าจะทำยังไงดี สักพักพระราชาก็เดินมาหา
“โซว์...”
โซว์หันไป “เสด็จพ่อ”
“อย่าเครียดเรื่องผู้หญิงคนนั้นเลยนะลูก ลูกก็เห็นแล้วว่าเธอไม่เหมาะที่จะเป็นเจ้าหญิงของนิวแลนด์แม้แต่น้อย”
“บางทีเราอาจจะกดดันขิงมากเกินไป ทำให้เค้าอึดอัด แล้วก็ทำตัวไม่ถูก” โซว์บอก
“จนขนาดนี้แล้วลูกยังเข้าข้างเค้าอีกเหรอ พ่อไม่มีวันยอมให้ลูกได้ก้อนดินแทนที่จะได้ก้อนทองหรอก”
“เสด็จพ่อหมายความว่ายังไง”
“ลูกต้องแต่งงานกับมาเรียเพื่อหน้าตาของพ่อกับแม่ และเพื่อประเทศของเรา”
โซว์อึ้งเพราะพูดอะไรไม่ออก
ขิงลากกระเป๋าเดินมาตามทาง สีหน้าของเธอยังลังเล ขิงมองไปที่ห้องโซว์ก็เห็นโซว์เดินกำลังจะเข้าห้อง ขิงจะเดินไปหาโซว์ แต่เสียงมาเรียดังขึ้นก่อน
“โซว์...”
ขิงชะงัก เธอรีบหาที่หลบแล้วแอบดู โซว์หันไปทางมาเรีย มาเรียจูบปากโซว์ทันที โซว์อึ้งตะลึง ขิงเองก็นึกไม่ถึง เธอมองภาพตรงหน้าด้วยความเสียใจแล้วก็ตัดสินใจลากกระเป๋าเดินออกไปเงียบๆทั้งน้ำตา โซว์รีบดึงมาเรียออกมา แววตาของโซว์เต็มไปด้วยคำถาม
“ทำอะไร?!” โซว์ถาม
“จูบคนที่ชั้นรักไง ไม่ได้เหรอ” มาเรียบอก
“เธอกำลังเข้าใจผิดนะมาเรีย”
“ชั้นเข้าใจผิดตรงไหน เสด็จอาบอกเองว่าเธอต้องแต่งงานกับชั้น นั่นก็แปลว่าเราเป็นคนรักกัน แล้วคนรักกันก็ต้องจูบกันได้ แล้วก็กอดกันได้ด้วย”
มาเรียกอดโซว์ โซว์รีบดึงมาเรียออก มาเรียผงะ
“นั่นคือสิ่งที่เสด็จพ่อพูดกับเธอ ไม่ใช่ชั้น ชั้นไม่รู้ ไม่เห็นอะไรด้วย”
“ชั้นรู้ว่านะว่าเธอหลงขิงมาก แต่เธอต้องคิดให้ดีนะโซว์ว่าใครกันที่เหมาะสมกับเธอ ทั้งฐานะ ทั้งหน้าตาในสังคม ชั้นชนะขิงขาดลอย”
มาเรียเผยธาตุแท้ออกมาจนทำให้โซว์อึ้ง
“ทำไมเธอพูดแบบนี้? แสดงว่าเธอเป็นอย่างที่ขิงบอก? เธอจงใจทำให้ขิงอับอาย ทำให้ชั้น เสด็จพ่อ และคนอื่นเข้าใจว่าขิงแกล้ง”
มาเรียหน้าถอดสีแล้วก็ยืดอกยอมรับ “ใช่!! ชั้นทำ เพราะเธอต้องเป็นของชั้นคนเดียวไง” โซว์รู้สึกผิดกับขิงทันที “เธอกล้าขัดคำสั่งพ่อของเธอเหรอ? เธอเป็นถึงเจ้าเหนือหัว อนาคตเธอต้องปกครองนิวแลนด์ เธอต้องทำเพื่อส่วนรวมนะโซว์”
โซว์ไม่สนใจ เขาเดินออกไปด้วยความโกรธ มาเรียเองก็โมโห
โซว์เปิดประตูเข้ามาในห้องของขิงแต่ก็ไม่เห็นขิงแล้ว
“ขิง”
โซว์หาไปรอบห้องแต่ก็ไม่มี โซว์เริ่มเอะใจ เขาเปิดดูตู้เสื้อผ้าก็เห็นเสื้อผ้าหายไป กระเป๋าหายไป โซว์อึ้ง
“ขิง!!”
โซว์หยิบมือถือออกมากดโทรหาปีเตอร์
“ปีเตอร์...ขิงหนีเราไปแล้ว รีบตามหาขิง!”
โซว์เครียดเพราะเขารู้แล้วว่าตัวเองรักขิงมากมายขนาดไหน
ปีเตอร์วางสายจากโซว์แล้วหันไปทางพัชรี
“เจ้าชายบอกว่าคุณขิงหนีไปแล้ว ให้เรารีบออกตามหา”
พัชรีตกใจ “ห๊ะ!!”
มาเรียกำลังรินน้ำชาเอาใจพระราชากับพระราชินี พระราชาปลื้มมาก
“หนูมาเรียนี่กิริยาอ่อนช้อย มีความเป็นผู้ดีเต็มตัวจริงๆ เราเห็นแล้วก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่เลือกเจ้าให้มาเป็นสะใภ้”
มาเรียยิ้มเอียงอาย
“หม่อมชั้นมีความรักในตัวเจ้าชายเต็มเปี่ยม รับรองว่าหม่อมชั้นจะทำให้เจ้าชายมีความสุขมากที่สุดเพคะ” มาเรียบอก
พระราชาพอใจ แต่พระราชินีมีสีหน้าเป็นกังวล ทันใดนั้นโซว์ก็เดินหน้าเครียดเข้ามา พระราชา พระราชินี มาเรียหันไปมอง
“โซว์มาก็ดีแล้ว จะได้มาคุยกันเรื่องวันแต่งงานของลูกกับมาเรีย” พระราชาบอก
“หม่อมชั้นจะไม่แต่งงานกับมาเรีย” โซว์ประกาศ ทุกคนอึ้ง “ตอนนี้ขิงหนีหม่อมชั้นไปแล้ว”
“ที่เค้าหนี เพราะเค้ารู้ตัวยังไงล่ะว่าเค้าไม่เหมาะสมกับที่นี่” พระราชาบอก
“ไม่ใช่...แต่เป็นเพราะมาเรีย” โซว์ยืนยัน มาเรียชะงัก “มาเรียโกหกขิงว่างานวันนี้เป็นงานแฟนซี ขิงก็เลยแต่งชุดลิเกมา! มาเรียจงใจทำให้ขิงอับอาย”
มาเรียนิ่ง พระราชา พระราชินีหันไปมองมาเรียอย่างอึ้งๆ
“ตอนนี้คนที่หม่อมชั้นรักหนีหม่อมชั้นไปแล้ว หม่อมชั้นขอโทษที่ทำตามที่เสด็จพ่อต้องการไม่ได้”
มาเรียกำมือแน่นด้วยความเสียใจที่ได้ยินจากปากโซว์ พระราชินีลอบยิ้มอย่างพอใจ
“มาเรีย” พระราชาเรียก มาเรียหันไปทางพระราชาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ครั้งนี้เจ้าทำเกินไป”
“หม่อมชั้นขอโทษเพคะ”
พระราชาหันไปทางโซว์ “ส่วนเจ้า..ต้องทำตามที่เราสั่ง” โซว์อึ้ง พระราชินีหันไปมองพระราชา “หยุดเห็นแก่ตัว และคิดถึงแต่ปัญหาของตนเองซักที และอย่าอ่อนแอเพราะผู้หญิงคนเดียว ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้จะให้ข้าไว้ใจให้เจ้าปกครองประเทศนี้ได้อย่างไร ยังไงเจ้าต้องแต่งงานกับมาเรีย เพราะความเหมาะสม”
“ไม่!! หม่อมชั้นจะไม่ยอมเดินตามเส้นทางที่เสด็จพ่อขีดให้อีกแล้ว!!! หม่อมชั้นจะไปตามขิง”
โซว์จะเดินออกไป ทุกคนอึ้ง พระราชาเสียใจและเจ็บปวด พระองค์เครียดจนปวดหัวใจขึ้นมา พระราชายกมือขึ้นกุมหน้าอกแล้วก็เป็นลมหมดสติลงไปกองกับพื้น พระราชินีกับมาเรียตกใจ
“ท่าน!! // เสด็จลุง!”
โซว์หันมาเห็นเสด็จพ่อล้มไปก็ตกใจมาก
ที่หน้าห้องพัก โซว์ยืนประคองพระราชินีที่มีสีหน้าเป็นกังวล โดยที่มาเรียยืนอยู่ข้างๆ สักพักหมอก็เดินออกมา ทุกคนรีบเข้าไปรุมล้อม
“เสด็จพ่อเป็นยังไงบ้าง” โซว์ถาม
หมอหน้าเครียด “อาการไม่สู้ดีนักกระหม่อม” ทุกคนตกใจ “พระองค์ทรงเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ก็เลยเกิดอาการกำเริบขึ้นมา ไม่ทราบว่าช่วงนี้ท่านทรงมีเรื่องเครียดอะไรรึเปล่า”
โซว์ พระราชินี และมาเรียเงียบ หมอเลยพูดต่อ
“ช่วงนี้หม่อมชั้นไม่อยากให้มีเรื่องเครียด ถ้าเป็นไปได้ อย่าทำอะไรที่เป็นการขัดใจท่าน เพราะหัวใจท่านอ่อนแอมาก”
“ขอบคุณมากหมอ เราเข้าไปหาเสด็จพ่อได้รึเปล่า” โซว์ถาม
“เชิญกระหม่อม”
โซว์กับพระราชินีเดินเข้าไป มาเรียเดินมาหาหมอ
“ชั้นไปส่งค่ะ”
มาเรียกับหมอเดินออกไปด้วยกัน
โซว์เดินมานั่งข้างเตียง เขาจับมือพระราชาที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
“ลูกขอโทษ เพราะลูกทำให้เสด็จพ่อล้มป่วย”
“ไม่เกี่ยวกับลูก พ่อเป็นโรคประจำอยู่แล้ว” พระราชาบอก
“แต่ถ้าไม่ใช่เพราะลูกนำปัญหามาให้ เสด็จพ่อก็คงไม่ทรุดหนักมากขนาดนี้”
“พ่อแก่แล้ว อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานหรอก”
“เสด็จพ่ออย่าทรงพูดอย่างนั้น เสด็จพ่อต้องอยู่กับลูก อยู่กับเสด็จแม่ไปอีกนานแสนนาน”
พระราชาจับมือโซว์ “อย่าปลอบใจพ่อ พ่อรู้ตัวดี” โซว์เศร้า “โซว์..พ่อลูกว่าไม่มีใครสามารถบังคับใจลูกได้ แต่พ่ออยากขอร้องลูก ถือเป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตก่อนที่พ่อจะเป็นอะไรไป พ่ออยากเห็นลูกแต่งงาน..กับมาเรีย”
โซว์มองพระราชาอย่างอึ้งๆ เพราะพูดอะไรไม่ออก พระราชินีมองโซว์ด้วยความเห็นใจ
โซว์เดินหน้าเครียดออกมากับพระราชินี จังหวะเดียวกับที่ปีเตอร์กับพัชรีหน้าตาตื่นกลับมา
“เจ้าชาย หม่อมชั้นตามคุณขิงไม่ทัน คุณขิงขึ้นเครื่องบินไปแล้วกระหม่อม” ปีเตอร์บอก
“หม่อมชั้นจะรีบกลับประเทศไทยแล้วตามขิงกลับมาหาเจ้าชายเองเพคะ” พัชรีอาสา
“ไม่ต้อง ให้จบแบบนี้ดีแล้ว” โซว์บอก
ปีเตอร์กับพัชรีแปลกใจ
โซว์พูดเสียงเครียด “เราจะออกแถลงการณ์ เรื่องแต่งงานกับมาเรีย”
ปีเตอร์กับพัชรีช็อคมาก
มาเรียยืนต่อหน้าโซว์ เธอมีสีหน้าแปลกใจ
“ตกลงว่าเธอยอมแต่งงานกับชั้นจริงๆเหรอ?”
“ใช่” โซว์ตอบ มาเรียยิ้ม “แต่อย่านึกว่าชั้นจะรักเธอ” มาเรียอึ้ง “คนที่ชั้นรักคือขิง” มาเรียอึ้ง “ที่ชั้นแต่งงานกับเธอ เป็นเพราะเสด็จพ่อขอร้อง”
มาเรียมีสีหน้าเจ็บปวด
“ชั้นขอถามอะไรเธอตรงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเคยรักชั้นบ้างรึเปล่า” มาเรียถาม
“ชั้นไม่เคยรักเธอเลย”
ประโยคนี้กระแทกใจมาเรียสุดๆ “ถ้างั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ในเมื่อเธอไม่ได้รักชั้น”
“เลิกเล่นละครซักทีมาเรีย” โซว์ว่า มาเรียผงะ “ชั้นรู้ว่าเธอดีใจ”
“ถ้าชั้นต้องแต่งงานกับเธอเพราะคำสั่งจากเสด็จอา ชั้นไม่ดีใจ”
“พอเถอะ ชั้นรู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการคือตัวชั้น เธอก็ได้แล้ว จะเอาอะไรอีก” โซว์ถาม มาเรียไม่พอใจ “งานนี้คนที่มีความสุขมากที่สุดคงจะเป็นเธอ”
โซว์พูดจบแล้วก็เดินออกไป มาเรียอึ้ง ความเสียใจและเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความแค้น
“ในเมื่อเธอคิดว่าชั้นเป็นคนแบบนี้ ชั้นก็จะเป็น ชาตินี้เธอจะไม่ได้เจอกับขิงอีกเลยโซว์”
โซว์นั่งดูสร้อยพระ เขาคิดถึงตอนที่ขิงให้เขา โซว์ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง เขาเหม่อออกไปด้านนอกพร้อมกับกำสร้อยในมือ หน้าของโซว์เศร้าหมองเพราะคิดถึงขิง
ขิงที่อยู่ประเทศไทยก็มีสีหน้าเศร้าไม่แพ้กัน ขิงนั่งเหงาคนเดียวอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง เธอคิดถึงภาพอดีตอันแสนหวานระหว่างเธอกับโซว์ จนมาถึงภาพที่มาเรียจูบปากโซว์ ขิงก้มหน้าร้องไห้ โดยไม่ได้มองกระเป๋าถือที่วางอยู่ ทันใดนั้นก็มีโจรวิ่งเข้ามาคว้ากระเป๋าขิงแล้ววิ่งหนี ขิงตกใจมากหันไปมอง
“เฮ้ย!!! ช่วยด้วย!”
สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตามโจรไป ขิงหันไปมองแต่เห็นแต่ด้านหลังของเขา
โจรวิ่งหนีไปตามทาง แต่ผู้ชายคนนั้นก็วิ่งตามมาทัน เขากระชากไหล่โจรให้หันมาแล้วต่อยเปรี้ยงเข้าที่หน้า โจรจะสู้แต่เจอชายคนนั้นซัดเข้าอีก กระเป๋าขิงหล่นลงพื้น ชายหนุ่มถอดเป้ออกปาลงบนพื้นแล้วตั้งการ์ด พร้อมกวักมือเรียกโจรให้เข้ามา โจรเข้าไปแล้วทั้งสองก็ต่อสู้กัน
ขิงตามมาเก็บกระเป๋าตัวเองที่ตกอยู่บนพื้น ชายคนนั้นต่อยโจรอีกหลายหมัด โจรเห็นกองลังกระดาษก็เอามาปาใส่แต่ชายคนนั้นปัดออก โจรเห็นกระเป๋าเป้ของชายหนุ่มที่ตกอยู่เลยรีบคว้าแล้ววิ่งหนีไป ชายคนนั้นตกใจ
“กระเป๋าชั้น!!”
ชายหนุ่มจะวิ่งตาม แต่โจรวิ่งข้ามถนน ชายหนุ่มตามไปไม่ได้เพราะรถแล่นมาเยอะ ชายหนุ่มหอบเหนื่อย สีหน้าของเขาแย่สุดๆ ก่อนจะหันไปมองขิงที่มองเขาอย่างรู้สึกผิด
ขิงกับชายคนนั้นซึ่งชื่อ ฟ้าครามเดินมาด้วยกันตามทางเดิน
“ตกลงคุณไม่มีเงินเหลือ?” ขิงเอ่ยถาม
“ใช่..อยู่ในกระเป๋าใบนั้นหมดเลย” ฟ้าครามตอบ
“ชั้นขอโทษ เป็นเพราะชั้นเอง”
“ไม่เป็นไร”
“แล้วคุณจะไปไหน?”
“ราชบุรี” ฟ้าครามตอบ
“คุณไปทำอะไรที่นั่น ไปเที่ยวเหรอ?”
“เปล่า ผมเพิ่งเปิดรีสอร์ทเล็กๆที่นั่น แต่นี่มาทำธุระที่กรุงเทพ”
ขิงคิด “งั้นเอางี้ ชั้นจะออกเงินค่ารถให้ก่อน แต่มีข้อแลกเปลี่ยน คุณต้องให้ชั้นทำงานที่รีสอร์ทของคุณตกลงป่ะ”
ฟ้าครามมองหน้าขิงแล้วก็ขำ
ขิงแปลกใจ “หัวเราะอะไร? คำพูดของชั้นตลกตรงไหน”
“ผมไม่ได้หัวเราะคำพูดของคุณ ที่ผมหัวเราะเพราะผมชอบที่คุณพูดตรงดี ในเมื่อคุณกล้าขอ ผมก็กล้าให้ เพราะรีสอร์ทผมกำลังขาดคนพอดี”
ฟ้าครามกับขิงยิ้มให้กัน
ลัดลดานั่งรอโซว์อยู่ สักพักมาเรียก็เดินออกมา ลัดลดาผงะเพราะแปลกใจ เธอลุกขึ้นยืน
“ชั้นมาหาเจ้าชาย ไม่ได้มาหาเธอ” ลัดลดาบอก
“ต่อไปนี้เธอห้ามมาหาโซว์ และห้ามมาเหยียบที่นี่อีก เพราะชั้นกับโซว์กำลังจะแต่งงานกัน”
ลัดลดาตกใจ “ไม่จริง!”
“มันคือความจริง! ทหาร..”
ทหารเดินเข้ามา
“เชิญคุณผู้หญิงคนนี้ออกไป และห้ามเธอเข้ามาในวังนี้อีกเป็นอันขาด” มาเรียสั่ง
ลัดลดาตกใจ มาเรียเดินกลับไป ทหารเข้ามาล็อคแขนลัดลดา
“ปล่อย! ชั้นเดินเองได้” ลัดลดาโวยวาย ทหารไม่ปล่อย “จำไว้นะมาเรีย ชั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
มาเรียหยุดเดินแล้วหันมาด้วยสีหน้าร้ายกาจ
“ทางที่ดีชั้นว่าเธอห้ามเข้าประเทศนี้อีกเลยจะดีกว่า และถ้าเธอดึงดันจะเข้ามา เธอจะถูกจับเป็นนักโทษของนิวแลนด์”
มาเรียเดินออกไป ลัดลดาโมโหสุดๆ
ทหารลากลัดลดาออกมาหน้าวังแล้วปิดประตูใส่หน้า ลัดลดาโวยวาย
“ไอ้พวกบ้า!!! รู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร??!”
ลัดลดาหงุดหงิดมาก ทันใดนั้นเสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น ลัดลดารับสาย
“ฮัลโหล” ลัดลดาตกใจมาก “ว่าไงนะ!”
ณ รีสอร์ทเล็กๆ แต่น่ารักของฟ้าคราม ฟ้าครามพาขิงเดินเข้ามา พนักงานเห็นฟ้าครามก็ยกมือไหว้ ฟ้าครามรับไหว้ ขิงหันไปมองรอบๆ อย่างถูกใจ
“รีสอร์ทคุณน่ารักดีนะ ดูอบอุ่น เหมือนอยู่บ้าน” ขิงชม
“ไอเดียในการสร้างรีสอร์ทนี้มาจากผมเอง ผมต้องการให้แขกที่พักรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน อยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง”
ขิงยิ้มแล้วเดินสำรวจไปรอบๆอย่างรู้สึกดี ฟ้าครามเดินมาข้างๆ ขิงหันไปถาม
“ตกลงคุณรับชั้นเป็นพนักงานที่นี่แล้วจริงๆใช่มั้ย” ฟ้าครามพยักหน้า ขิงดีใจมาก “ขอบคุณมากนะ”
ขิงจับมือฟ้าครามแน่น ฟ้าครามมองมือของที่จับมือตัวเองแล้วก็อึ้งๆ ขิงไม่ได้คิดอะไร แล้วขิงก็ปล่อยมือฟ้าคราม
“แล้วที่คุณบอกมีที่พักให้ชั้นด้วย ห้องอยู่ไหน” ขิงถาม
“ไม่อยากคุยเรื่องเงินเดือนก่อนเหรอ”
“อยากให้ชั้นเท่าไหร่ก็ได้ บอกแล้วไงว่าเงินสำหรับชั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“คุณนี่แปลกเนอะ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปที่ห้อง”
ขิงพยักหน้า ฟ้าครามพาขิงเดินออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น แก้วกับรุ้งกำลังซ้อมบทลิเกกันอยู่ที่บ้านยายขม
“อันตัวพี่นี้ต้องจากน้องไปไกล พี่อยากจะขอจุ๊บุ จุ๊บุน้องก่อนจากจรได้มั้ยจ๊ะ” แก้วพูด
รุ้งผลักแก้วออกแล้วรำออกไป “พี่จะมาจุ๊บุจุ๊บุน้องได้อย่างไร เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะจ๊ะ”
แก้วรำเข้ามากอด “ถ้างั้นเราก็มาแต่งงานกันซะตอนนี้ พี่จะได้ทำมากกว่าจุ๊บุจุ๊บุ”
แก้วพยายามจะหอมแก้มรุ้ง รุ้งปัดป้องแบบมีจริต
“อย่าค่ะ อย่า..น้องจั๊กจี้ไปหมดแล้ว”
ทันใดนั้นมีรองเท้าปาเข้ามาใกล้ๆ ที่แก้วกับรุ้งซ้อมอยู่ ทั้งสองสะดุ้งโหยงแล้ว็รีบผละออกจากกัน ทั้งคู่หันไปก็เห็นตุ๊กยืนใส่รองเท้าข้างเดียว ตุ๊กโวยใส่
“ชั้นให้แกสองคนซ้อมฉากทะเลาะ ไม่ได้ให้ซ้อมฉากเข้าพระเข้านาง ให้ซ้อมเองทีไรมันซ้อมฉากนี้ทุกที”
“โธ่น้าตุ๊ก พอชั้นเข้าใกล้น้องรุ้งทีไร มันก็เกิดอารมณ์อยากเข้าพระเข้านางทุกที” แก้วบอก
รุ้งเขิน “บ้าบ้าบ้าพี่แก้ว”
แก้วกับรุ้งเขินกันไปมา ตุ๊กส่ายหัวด้วยความเอือมระอา ระหว่างนั้นยายขมก็ยกถาดอาหารเข้ามา
“มากินข้าวกันได้แล้วเว๊ย มานี่ มานี่”
“แหมแม่..เรียกเหมือนเรียกหมาเลยนะ” ตุ๊กว่า
“แล้วพวกเอ็งไม่ใช่หมาเหรอ”
ทั้งสามคนหอนพร้อมกัน “บรู้ว” แล้วทั้งสามก็นึกขึ้นได้ “เยย”
“ตุ๊ก ไปเปิดทีวี” ยายขมสั่ง
ตุ๊กเปิดทีวีแล้วมานั่งกินข้าวกับทุกคน
ทีวีในลอบบี้ที่รีสอร์ทฟ้าครามเปิดช่องเดียวกับทีวีบ้านยายขม ขิงส่งกุญแจห้องให้นักท่องเที่ยว
“Thank you”
นักท่องเที่ยวเดินออกไป ฟ้าครามมองขิงแล้วเดินมาตรงเคาท์เตอร์ แต่ขิงไม่เห็นเพราะมัวแต่ก้มหน้าจดอะไรบางอย่างอยู่
“ขิง” ฟ้าครามเรียก ขิงเงยหน้า “เมื่อคืนหลับสบายมั๊ย”
“สบายมาก ชั้นไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มาหลายวันแล้ว เหมือนชั้นได้นอนอยู่ที่บ้านตัวเองจริงๆ”
“คุณยังอายุไม่เท่าไหร่ นอนไม่หลับซะแล้วเหรอ”
ขิงนิ่งไปพัก “ก็..ชั้นมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะน่ะ” ขิงเศร้าไป
“คุณเป็นอะไร ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ บอกผมได้นะ ผมเป็นผู้ฟังที่ดี”
ขิงฝืนยิ้ม “ขอบใจ แต่ชั้นไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่คิดถึงบ้าน ไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว”
ระหว่างนั้นมีลูกค้าเดินเข้ามา ขิงหันไปต้อนรับ ฟ้าครามหันไปมองขิงด้วยความสงสัย
โซว์อยู่ในห้องอย่างไม่มีความสุข ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น โซว์หันไปพูด
“เข้ามา”
ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามา “พระราชาให้หม่อมชั้นมาตามเจ้าชาย เจ้าชายพร้อมเหรอยังกระหม่อม”
โซว์พยักหน้า ปีเตอร์มองโซว์แล้วน้ำตาก็ปริ่มออกมา โซว์เห็นแล้วก็แปลกใจ
“ร้องไห้ทำไม ชั้นไม่ได้ไปตายนะปีเตอร์”
“ขอประทานโทษเจ้าชาย หม่อมชั้นกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ หม่อมชั้นสงสารเจ้าชาย” ปีเตอร์บอก โซว์นิ่งไป “ที่ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ”
โซว์เครียด “เราก็สงสารตัวเองเหมือนกัน แต่เราต้องทำเพื่อพ่อของเรา ถ้าติดต่อขิงได้เมื่อไหร่ รีบบอกเราด้วยนะปีเตอร์”
“กระหม่อม”
โซว์ถอนหายใจแล้วเดินออกไป ปีเตอร์รีบปาดน้ำตาแล้วเดินตามไป
ยายขม ตุ๊ก แก้ว และรุ้งกำลังนั่งกินข้าวพร้อมเปิดทีวีช่อง 3 ดูไปด้วย ตอนนั้นเป็นช่วงรายการข่าวพอดี
เสียงนักข่าวจากทีวีดังขึ้น
“ต่อไปนี้เป็นข่าวด่วนจากประเทศนิวแลนด์”
ทุกคนรีบหันขวับไปดูด้วยความตื่นเต้น
“ประเทศไอ้โซ่นี่แม่” ตุ๊กบอก
“ไอ้แก้ว..เปิดเสียงดังๆสิ” ยายขมสั่ง
แก้วหยิบรีโมทมากดเร่งเสียงให้ดังขึ้น ภาพในทีวีเป็นภาพนิ่งประเทศนิวแลนด์ และมีเสียงนักข่าวบรรยาย
“ขณะนี้มีการแถลงข่าวเรื่องงานแต่งงานของเจ้าชายโซว์ บุตรของพระราชาฟิลิปกับพระราชินีเบลล่า”
ทุกคนมีท่าทางตื่นเต้นมากๆ
“เฮ้ย สงสัยจะเป็นงานเปิดตัวนังขิงแน่ๆเลยแม่” ตุ๊กบอก
“นังขิงนะนังขิง ไม่โทรมาบอกกันเลย ข้าจะได้ตั้งใจดู” ยายขิงว่า
“น้องขิงคงอยากเซอร์ไพร์สพวกเรามั๊งยาย” แก้วบอก
ทุกคนพยักหน้าดีใจกัน ก่อนจะหันไปจดจ่อกับการดูทีวี
พระราชายืนอยู่ท่ามกลางนักข่าว โดยมีพระราชินีนั่งอยู่ข้างๆ พัชรีกับปีเตอร์ยืนอยู่ด้วยกันแต่ทั้งสองกลับมีสีหน้าที่ไม่มีความสุข
“ทุกคนคงอยากจะรู้กันแล้วว่าใครคือเจ้าสาวของเจ้าชายโซว์ และจะเป็นพระราชินีองค์ต่อไปของนิวแลนด์ ขอเชิญทุกคนพบกับว่าที่เจ้าหญิงแห่งนิวแลนด์...” พระราชาประกาศ
นักข่าวมองลุ้นๆ ทันใดนั้น โซว์กับมาเรียก็เดินควงกันออกมา นักข่าวฮือฮากดชัตเตอร์รัวไม่หยุด ไฟแฟลชสว่างวาบไปทั่วทั้งห้อง
มาเรียเหล่โซว์ “ยิ้มหน่อยสิโซว์ ไม่งั้นเสด็จอาจะสงสัยนะ”
โซว์จำต้องฝืนยิ้ม มาเรียกระชับแขนโซว์แน่น ทั้งสองมาหยุดยืนข้างพระราชา
“สาวน้อยคนนี้คือมาเรีย ทายาทลำดับที่ 17 ของพระราชาผู้ปกครองรัฐสิงขร” พระราชาบอก
มาเรียโบกมือราวกับได้เป็นพระราชินีแล้ว พระราชินีมองโซว์ด้วยความเห็นใจ ปีเตอร์กับพัชรีมองโซว์แล้วถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ชั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าขิงเห็นภาพนี้แล้วจะเป็นยังไง” พัชรีพูดกับปีเตอร์
“คุณขิงอาจจะไม่ได้ดูก็ได้นะ” ปีเตอร์บอก
พัชรีกับปีเตอร์เครียดกันสุดๆ
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ขิงมองภาพในทีวีที่รีสอร์ตซึ่งเป็นภาพนิ่งโซว์กับมาเรีย เธอถึงกับอึ้งและมือไม้อ่อน ขิงทำแก้วน้ำที่จะเอาไปเสิร์ฟนักท่องเที่ยวตกแตกดังเพล้ง
ขิงตกใจรีบหันไป “I’m sorry”
ขิงหันไปทางแม่บ้าน
“ป้าคะ ช่วยทำความสะอาดด้วยค่ะ”
แม่บ้านเข้ามาเก็บเศษแก้ว ฟ้าครามเดินมาหาขิง
“ตะลึงในความหล่อของเจ้าชายจนทำแก้วแตกเลยเหรอ แบบนี้ต้องตัดเงินเดือนนะเนี่ย”
“ได้สิ” ขิงรับ
“ผมพูดเล่น แค่นี้ก็ต้องหน้าซีดด้วย ผมไม่ตัดเงินเดือนคุณหรอก”
ขิงยิ้มเจื่อนๆ ฟ้าครามหันไปดูภาพข่าวแล้วพูดทีเล่นทีจริง
“ผมว่าผมหล่อกว่าเจ้าชายองค์นี้อีกนะเนี่ย คุณว่ามั้ย” ขิงไม่ตอบอะไร “คุณเองก็สวยกว่าผู้หญิงที่เค้าจะแต่งงานด้วยเหมือนกัน”
ขิงทนดูต่อไปไม่ได้ “ชั้นขอตัวไปทำงานต่อนะ”
ฟ้าครามหันไปมองขิงด้วยความแปลกใจ ขิงแอบปาดน้ำตาแล้วเดินออกไป ฟ้าครามอึ้งและยิ่งสงสัยมากขึ้น
ทุกคนที่บ้านยายขมมองภาพของมาเรียในทีวีแล้วก็อึ้งตะลึงงัน
“ขิงดูเปลี่ยนไปมาก” รุ้งบอก
“แถมยังเปลี่ยนชื่อเป็นมาเรียอีกด้วย” แก้วเสริม
“ประเทศนี้ทำศัลยกรรมดีกว่าเกาหลีอีกนะเนี่ย” รุ้งว่า
“จะบ้าเหรอ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ขิง” ตุ๊กรีบบอก
“แล้วนังขิง มันอยู่ไหน??” ยายขมถาม
ทุกคนมองหน้ากันอย่างเหรอหราๆ ยายขมกำมือแน่นด้วยความโมโห
“อีหรอบนี้แสดงว่ามันทิ้งหลานข้าไปแล้วใช่มั้ย”
“เออ แม่ใจเย็นนะจ๊ะ” ตุ๊กพูด
ยายขมทุบโต๊ะเสียงดังปังจนทุกคนตกใจ
“ข้าเย็นไม่ไหวแล้ว” ยายขมพูดกับตุ๊ก “โทรศัพท์หาไอ้โซว์เดี๋ยวนี้!”
“ทันทีจ๊ะแม่”
ตุ๊กรีบเดินออกไปต่อโทรศัพท์ทันที ยายขมตัวเกร็งด้วยความโมโหสุดๆ
ปีเตอร์กับพัชรีกำลังดูนักข่าวที่รุมถ่ายรูปโซว์ มาเรีย พระราชา และพระราชินี ทันใดนั้นเสียงมือถือปีเตอร์ก็ดังขึ้น ปีเตอร์หยิบมือถือออกมาพอเห็นเบอร์ที่หน้าจอแล้วก็ตื่นเต้นดีใจ
“พัชรี..เบอร์บ้านยายขม ต้องเป็นคุณขิงแน่ๆ”
พัชรีตื่นเต้นดีใจ ปีเตอร์เดินเลี่ยงไปตรงมุมลับตากับพัชรีแล้วกดรับสาย
ปีเตอร์ใส่ไม่หยุด “คุณขิง..ทำไมไปไม่บอกไม่กล่าว เจ้าชายทรงเป็นห่วงคุณขิงมากนะครับ”
ยายขมแว๊ดออกมา “ข้าขม ไม่ใช่ขิง!!”
“อ๋อขมนั่นเอง” ปีเตอร์นึกได้ก็ถึงกับผงะ “ห๊ะ!! คุณยายขม!”
พัชรีกับปีเตอร์มองหน้ากันคล้ายจะพูดว่า “ตายแน่กู”
ยายขมเลือดขึ้นหน้า ตุ๊ก แก้ว รุ้ง แอบฟังอยู่ใกล้ๆ
“หลานข้าอยู่ไหน!! ทำไมคนที่แต่งงานกับโซว์ไม่ใช่ขิง มันเกิดอะไรขึ้นห๊ะ!”
ปีเตอร์เอาหูออกห่างมือถือเพราะเสียงยายขมดังมาก
“เออ คุณยาย ฟังผมก่อนนะครับ”
เสียงยายขมดังแว๊ดๆ ฟังไม่เป็นภาษา
ปีเตอร์พูดไม่ทัน พัชรีทนไม่ไหวรีบคว้ามือถือมาจากปีเตอร์
“ชั้นคุยเอง ไม่ได้เรื่อง” พัชรีพูดใส่มือถือ “เออคุณยายขา ใจเย็นๆแล้วฟังก่อนนะคะ”
ยายขมยังไม่ฟังและยังคงด่าออกมาอย่างไม่เป็นภาษา พัชรีใบ้รับประทาน
“รู้ยังว่าทำไมพูดไม่ทัน” ปีเตอร์ถาม
พัชรีหน้าแหยๆ ระหว่างนั้นโซว์ก็เดินมาหาทั้งคู่
“ปีเตอร์ พัชรี”
ปีเตอร์กับพัชรีหันไปเห็นโซว์ก็ดีใจ
“เสร็จงานแล้วเหรอเพคะ” พัชรีถาม
“ใช่ คุยโทรศัพท์กับใครอยู่” โซว์ถามกลับ
“ยายขมกระหม่อม” ปีเตอร์ตอบ
โซว์ดีใจเพราะนึกว่าขิงอยู่ด้วย “ยายขม!! เราคุยเอง”
“จะดีเหรอกระหม่อม”
โซว์ไม่ฟัง เขารีบเอามือถือจากพัชรีมาคุย
“คุณยาย..ผมโซว์นะครับ”
ยายขมชะงัก
“เจอตัวก็ดีแล้วไอ้โซ่”
พอทุกคนที่บ้านยายขมได้ยินว่าเป็นโซว์ก็รีบเงี่ยหูฟัง
“แกเอาหลานชั้นไปไว้ที่ไหน” ยายขมถาม
โซว์ผงะ
“ขิงไม่ได้กลับไปหาคุณยายเหรอครับ”
ยายขมปรี๊ดแตก
“ถ้ามันกลับบ้าน แล้วข้าจะถามหามันจากเอ็งมั้ยล่ะ”
โซว์หน้าเสียเพราะยิ่งเป็นกังวล
“คุณยายไม่ต้องห่วงนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะตามหาขิงให้เจอ ถ้าผมเจอขิงแล้วผมจะรีบติดต่อกลับไปนะครับ”
โซว์วางสาย ปีเตอร์กับพัชรีรีบเสนอหน้าเข้ามา
“ขิงไม่ได้กลับบ้าน” โซว์บอก
ปีเตอร์กับพัชรีตกใจ “ห๊ะ!!”
โซว์เป็นห่วงขิงสุดๆ
“ขิง..เธอไปไหน??”
โซว์ที่นั่งอยู่ในห้องผุดลุกขึ้น เขาหันไปมองปีเตอร์กับพัชรีด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราจะไปประเทศไทย”
“จะไปได้ไงล่ะกระหม่อม เจ้าชายกำลังจะอภิเษกสมรสนะ” ปีเตอร์ท้วง
“แต่เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าขิงอยู่ไหน พัชรี..เจ้ามีเส้นสายเยอะ เจ้าช่วยให้คนสืบหาขิงให้เราทีสิ แล้วเราจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม”
“หม่อมชั้นไม่อยากได้อะไรเลยเพคะ และเจ้าชายไม่ต้องห่วง หม่อมชั้นจะช่วยเหลือเต็มที่” พัชรีบอก
โซว์พยักหน้าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลมากๆ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
“ใคร?” โซว์ถาม
เสียงมาเรียดังเข้ามา “ชั้นเองโซว์”
โซว์ ปีเตอร์ และพัชรีมองหน้ากันอย่างเซ็งๆ
“เข้ามา” โซว์บอก
มาเรียเปิดประตูเข้ามาแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นปีเตอร์กับพัชรี พัชรีเบ้หน้าใส่ มาเรียแกล้งเดินชนพัชรีแล้วเดินมาหาโซว์ พัชรีจะล้ม แต่ปีเตอร์รีบรับเอาไว้พร้อมกับมองมาเรียอย่างไม่พอใจ มาเรียควงแขนโซว์ โซว์ดึงแขนออก พัชรีหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ”
“หัวเราะอะไร??” มาเรียถาม
“หัวเราะอะไรกัน..ชั้นกระแอมต่างหาก ฮะฮะแฮ่มแฮ่ม”
มาเรียค้อนหนึ่งทีก่อนจะหันไปพูดกับโซว์
“ช่างตัดเสื้อที่จะมาวัดตัวตัดชุดเจ้าบ่าว เจ้าสาวมาแล้ว”
“เธอไปก่อน” โซว์บอก
“แต่เสด็จอารออยู่ โซว์คงไม่อยากให้พระองค์ต้องเครียดล่ะมั้ง” มาเรียพูด โซว์เงียบ “รีบไปเถอะ”
โซว์เซ็งสุดๆ แต่ก็จำต้องเดินออกไปกับมาเรีย มาเรียหันมายิ้มเยาะใส่พัชรี พัชรีหัวเสีย
“นังปีศาจ!!” พัชรีว่า
“นี่ อย่ามัวแต่ว่าเค้าเลย รีบโทรให้คนตามหาคุณขิงเถอะ” ปีเตอร์บอก
ขิงยืนน้ำตาซึมอยู่ที่รีสอร์ต เธอนึกถึงภาพโซว์ควงแขนกับมาเรียที่เห็นในทีวี ขิงน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ ทันใดนั้นก็มีลูกโป่งยื่นมาข้างหน้าเธอ ขิงชะงัก พอหันไปก็ผงะเพราะไม่เห็นหน้าคนถือลูกโป่ง
ฟ้าครามทำเสียงบี้ๆ “หยิบลูกโป่งหนึ่งใบ พี่สาวจะมีความสุขหนึ่งวัน แต่ถ้าพี่สาวหยิบลูกโป่งทุกใบ พี่สาวจะมีความสุขตลอดชีวิต”
ขิงรู้ทันทีว่าเป็นฟ้าคราม
“คุณฟ้าคราม..”
ฟ้าครามโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มลูกโป่ง เขาทำหน้าเซ็งที่โดนจับได้
“ว้า..รู้เหรอว่าเป็นผม”
“ต่อให้คุณดัดเสียง ชั้นก็จำได้อยู่ดี เพราะคุณไม่เนียนเอาซะเลย”
ฟ้าครามยิ้มเขินที่ถูกจับได้ “ผมทำเต็มที่แล้ว คุณยังไม่ยิ้มอีกเหรอ เส้นลึกนะเนี่ย”
“ขอบใจที่พยายามช่วยชั้น” ขิงบอก
“ด้วยความยินดีครับ”
“แล้ว.คุณไม่อยากรู้เหรอว่าชั้นเป็นอะไร”
ฟ้าครามส่ายหัว “เรื่องบางเรื่องยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยเล่าให้ผมฟังก็ได้ เพราะปัญหาของคุณคงหนักมาก”
ขิงนิ่งไปเพราะฟ้าครามพูดจี้จุด ฟ้าครามส่งลูกโป่งให้
“เอาปัญหาของคุณผูกกับลูกโป่งพวกนี้แล้วให้มันพาไปจากคุณดีกว่านะครับ”
ขิงมองลูกโป่งแล้วรับมาถือเอาไว้ แล้วเธอก็ปล่อยลูกโป่งทั้งหมดลอยขึ้นไปบนฟ้า ขิงเงยหน้ามองตามแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ฟ้าครามมองขิงอย่างเห็นใจ เขามีท่าทางลังเลแล้วก็ตัดสินใจจับมือขิง เพียงเท่านั้นขิงก็ก้มหน้าร้องไห้โฮจนตัวสั่นพร้อมกับบีบมือฟ้าครามแน่น
ตุ๊กถือโทรศัพท์แล้วก็หันมาทางยายขม รุ้ง และแก้วด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ขิงปิดมือถือน่ะแม่” ตุ๊กบอก
ยายขมนั่งไม่ติดเพราะเป็นห่วงขิงสุดๆ
“นังขิงมันหายหัวไปไหน แล้วมันปิดมือถือทำไม!”
“หรือขิงจะเสียใจมากก็เลยฆ่าตัวตาย!” รุ้งเปรยออกมา
“ห๊ะ! ไม่จริง น้องขิง...!” แก้วร้องลั่น
ยายขมตีกะบาลรุ้งกับแก้ว
“ปากเสีย ปากไม่เป็นมงคล นังขิงมันไม่ใช่คนโง่ มันไม่สิ้นคิดเพราะผู้ชายคนเดียวหรอก ตุ๊ก..แจ้งความ”
“แต่ขิงมันยังหายตัวไปไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลยนะแม่ เราแจ้งความไม่ได้หรอก”
“แต่ข้านั่งไม่ติดแล้ว ข้าเป็นห่วงนังขิง” ยายขมจะร้องไห้ “มันเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ โธ่.นังขิงหลานยาย”
ยายขมปล่อยโฮ แก้ว รุ้ง และตุ๊กมองยายขมอย่างตกใจ
“แม่จ๋า แม่ก็บอกว่าขิงไม่ใช่คนโง่ ขิงมันต้องเอาตัวรอดได้สิแม่” ตุ๊กปลอบ
“จริงด้วยยาย ขิงมันเก่งจะตาย” รุ้งบอก
“แล้วยังสวยอีกด้วย” แก้วเสริม
รุ้งกับตุ๊กมองหน้าแก้ว แก้วเหวอ
“เออ ชั้นก็แค่อยากปลอบใจยาย” แก้วบอก
“แม่จ๋า เราไปไหว้พระกันมั้ย ไปขอพรให้ท่านคุ้มครองขิง” ตุ๊กเสนอ
ยายขมพยักหน้าแล้วก็ปาดน้ำตาทิ้ง ตุ๊ก แก้ว และรุ้งพายายขมออกไป
โซว์หยุดเดินแล้วก็ถอนหายใจ พระราชินีเดินตามมา
“โซว์”
โซว์หันไป “เสด็จแม่”
“เป็นอะไรรึเปล่าลูก หน้าตาไม่ค่อยดี” พระราชินีถาม
“เปล่า ลูกสบายดี”
“คนกำลังจะแต่งงาน ไม่มีใครเค้าหน้าตาแบบนี้หรอก” พระราชินีบอก โซว์เงียบ “แม่รู้ว่าลูกรักเสด็จพ่อ เป็นห่วงเสด็จพ่อ แต่แม่อยากให้ลูกคิดให้ดี เปลี่ยนใจตอนนี้ยังไม่สาย”
โซว์มองแม่ “ไม่ได้หรอกเสด็จแม่ ลูกเป็นถึงเจ้าชายแห่งนิวแลนด์ ส่วนรวมย่อมต้องสำคัญกว่าส่วนตน ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานกับมาเรีย”
พระราชินีมองโซว์ด้วยความเห็นใจ ก่อนจะเข้ามาลูบหัวด้วยความสงสาร โซว์หน้าเศร้าสุดๆ
ขิงเปิดมือถือก็เห็นว่ามีมิสคอลเพียบ ขิงกดไล่ดูเบอร์เห็นเป็นเบอร์บ้านยายขม
“ยาย...??”
ยายขมกำลังนั่งเศร้าอยู่ที่บ้าน ตุ๊ก แก้ว และรุ้งมองยายขมด้วยความเห็นใจ
ไม่นานเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น
“ชั้นรับเองจ๊ะ” แก้วบอก
แก้วรับสาย
“ฮัลโหล” แก้วไม่ได้ยิน “นั่นใคร ไม่ได้ยิน”
รุ้งหันมามอง “ถ้าเป็นโทรศัพท์โรคจิตส่งมา ชั้นพูดเอง”
รุ้งเอาโทรศัพท์มาพูด
“ฮัลโหล ฮัลโหล!! ไม่ได้ยินเว๊ย”
รุ้งวางสายอย่างหัวเสีย
“คนบ้าอะไร โทรมาแล้วไม่พูด”
ขิงเองก็หัวเสีย
“ทำไมไม่ได้ยินวะ”
ขิงต่อสายอีกครั้ง
โทรศัพท์ที่บ้านยายขมดัง ยายขมจะเดินไปรับ
“อย่าไปรับเลยยาย ชั้นว่าโทรศัพท์โรคจิตมากกว่า” รุ้งบอก
“แบบนี้มันต้องเจอด่า ข้ากำลังเซ็งเลย”
ยายขมรับสายปุ๊บก็ด่าปั๊บ
“โรคจิต มีความสุขมากนักเหรอที่โทรมารบกวนคนอื่น ถ้าแกอยากมากนะก็ไปหาแม่แกโน่น ไอ้บ้า ไอ้สารเลว...”
ขิงถึงกับหน้าเหวอ
“ยาย..นี่ขิงเอง”
“อย่าเอาชื่อหลานข้ามาล้อเล่นนะเว๊ย” ยายขมชะงักแล้วก็ดีใจ “ขิง ขิงจริงๆเหรอลูก”
ยายขมหันไปทางตุ๊ก แก้ว รุ้ง ด้วยความดีใจสุดๆ ทั้งสามคนรีบมาใกล้ๆยายขมแล้วทุกคนก็แย่งกันพูด “ขิงอยู่ไหน / หายไหนมา / ทำไมไม่รับโทรศัพท์ / เรื่องแกกับเจ้าชายมันยังไง ฯลฯ”
ยายขมสุดทน
“โว๊ย!!” ทุกคนเงียบ “หุบปากกันบ้างได้มั้ย ถามมันซะยิบขนาดนี้ มันจะตอบได้มั้ยเนี่ย ข้าถามเอง” ยายขมดีใจมากจนพ่นคำถามออกมาไม่หยุด “ขิง..เอ็งอยู่ไหน หายไปไหนมา รู้มั้ยทุกคนเค้าเป็นห่วง แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์”
ตุ๊ก แก้ว และรุ้งมองยายขมแบบงงๆ
“แม่..ค่อยๆพูด เดี๋ยวหัวใจวาย” ตุ๊กว่า
ขิงดีใจที่ได้ยินเสียงทุกคน
“ขิงสบายดีจ๊ะยาย บอกน้าตุ๊ก รุ้ง แก้วด้วยนะจ๊ะ”
รุ้งแย่งโทรศัพท์มาคุย
“แกจะสบายดีได้ไง พวกเราเห็นข่าวแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น”
ขิงอึ้ง “เห็นแล้วเหรอ”
ทุกคนตอบพร้อมกัน “เออ”
ขิงสะดุ้ง
“คือ ขิงยังไม่เล่าตอนนี้ได้มั้ย แต่เอาเป็นว่าขิงสบายดี ขิงอยากเที่ยวซักพักแล้วค่อยกลับ ทุกคนไม่ต้องห่วง”
ยายขมเอาโทรศัพท์มาคุย
“งั้นก็ตามใจเอ็ง เอ็งโตแล้ว รู้ว่าต้องทำยังไง อยากเที่ยวนานเท่าไหร่ก็ได้ ยายกับทุกคนเข้าใจ”
ขิงน้ำตาซึม
ขิงยิ้มทั้งน้ำตา “จ๊ะ”
ขิงวางสาย พอหันไปก็เจอฟ้าครามยืนยิ้มให้ ขิงชะงัก ฟ้าครามเดินมาหาขิง
“ผมจะมาชวนคุณไปตลาด ไปด้วยกันนะ”
ขิงกับฟ้าครามเลือกซื้อของในตลาด ทั้งสองคนช่วยกันเลือกของ ฟ้าครามมีความสุข ขิงเองก็สบายใจขึ้น ฟ้าครามกับขิงซื้อขนมกินไปเดินไป ฟ้าครามซื้อน้ำส่งให้ขิง ขิงรับน้ำมาดื่ม ฟ้าครามเห็นเหงื่อซึมเต็มหน้าขิงเลยหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ขิง ขิงชะงักไปนิดนึง แล้วก็คว้าผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาเช็ดเหงื่อเอง
ที่ห้องครัวของรีสอร์ท ฟ้าครามล้างผัก หั่นผัก สับหมู ทอดปลา ก่อนจะเอาผักสลัดมาวางบนจาน แล้วจึงหันมาทำน้ำสลัด อาหารบางส่วนเสร็จแล้ว ขิงเดินมาดูอาหารด้วยอาการตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองฟ้าครามทึ่งๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะทำอาหารเก่ง”
ฟ้าครามทำไปคุยไป “เริ่มหลงเสน่ห์ผมแล้วสิ”
“ฝันไปเถอะ”
“ซักวันคุณต้องชอบผม”
ขิงหัวเราะ “อย่าพูดอะไรที่เป็นไปได้ได้มั้ย”
ฟ้าครามหยุดทำแล้วมองขิงจริงจัง “ผมพูดจริง ไม่เชื่อคุณคอยดู ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”
ขิงอึ้งเพราะพูดไม่ออก ฟ้าครามหัวเราะ
“ถูกผมหลอกจนได้”
ขิงยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ ฟ้าครามตักน้ำสลัดในชามขึ้นมา
“ช่วยผมชิมทีว่ารสชาติโอเครึยัง”
ขิงรับช้อนมาแล้วชิม
“อื้อ..โอเค..” ขิงยกนิ้วโป้งให้ “เยี่ยมเลย”
ฟ้าครามยิ้ม “ถ้างั้นลองกินสลัดผักในแบบวิธีของผมมั้ย”
“ยังไง?”
ฟ้าครามเอาผักขึ้นมา เขาเอาไข่ต้มที่ฟานเป็นแผ่นๆแล้วใส่ลงไป พร้อมกับแฮม เบคอน ตักน้ำสลัดใส่ลงไป แล้วห่อทั้งหมดด้วยผัก ก่อนจะยื่นไปตรงหน้าขิง ขิงจะรับมากิน
“รีบกินเร็วเข้า น้ำสลัดจะหยดแล้ว” ฟ้าครามเร่ง
ขิงจึงต้องกินจากมือฟ้าคราม แล้วเธอก็ตะลึง
“อร่อยมาก ขอชั้นลองทำบ้างนะ”
ฟ้าครามพยักหน้า ขิงทำทุกอย่างเหมือนที่ฟ้าครามทำ แล้วก็ยื่นไปให้ฟ้าคราม
“อ่ะ..ชั้นทำให้”
ฟ้าครามจับมือขิง ขิงผงะแล้วฟ้าครามก็กินจากมือขิง
“อร่อยตรงที่มีคนป้อนเนี่ยแหละ” ฟ้าครามบอก
ฟ้าครามยิ้มอย่างมีความสุข ขิงทำหน้าไม่ถูกเลยต้องหันไปทางอื่น เธอรู้สึกแปลกๆ กับท่าทางของฟ้าคราม
มาเรียเอาจานใส่เค้กเดินมานั่งกับโซว์ โซว์เห็นแล้วก็ขยับหนี มาเรียขยับตาม
“ชั้นฝึกทำเค้กแต่งงานของเรา เธอชิมหน่อยนะ” มาเรียบอก
“ชั้นไม่กิน”
“กินซักคำหนึ่งเถอะนะ”
มาเรียตักเค้กจะป้อนโซว์ โซว์ปัดออกทำให้เค้กหล่นใส่มาเรีย มาเรียตกใจ โซว์มองแบบรำคาญ
“ชั้นพยายามเอาใจเธอสารพัดแล้วนะ เมื่อไหร่เธอจะยอมพูดดีดีกับชั้นซักที” มาเรียว่า
“คงไม่มีวันนั้น”
มาเรียอึ้งแล้วก็โมโห “เรากำลังจะแต่งงานกัน ช่วยทำเป็นรักชั้นหน่อยไม่ได้เหรอ”
“ชั้นไม่ใช่คนเสแสร้งเก่งเหมือนเธอ” โซว์ว่า มาเรียอึ้ง “จำไว้นะมาเรียว่าเธอได้แต่ตัว ส่วนหัวใจของชั้นยังไงเธอก็ไม่มีวันได้ไป”
โซว์เดินออกไป มาเรียหัวเสียสุดๆ
เจ้าหนี้เข้ามาขนของในบ้านลัดลดา ขณะที่ลัดลดากำลังโวยลั่น
“พวกแกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!! เอาของชั้นคืนมา”
ลัดลดาเข้าไปแย่งแต่เจอเจ้าหนี้สะบัดแขนออก ทำให้ลัดลดาเซล้มไปบนโซฟา
“ชั้นจะแจ้งตำรวจให้มาจับพวกแกทุกคนเลยคอยดู”
“ถ้ากล้าก็เอาเลย!! ชั้นจะได้จัดการฆ่าแกทิ้งซะตอนนี้ แล้วก็เผาบ้านของแกซะ ทำลายหลักฐาน ตำรวจไม่มีทางจับชั้นได้หรอก”
พูดจบเจ้าหนี้จับปืนที่เอวเป็นการขู่ ทำให้ลัดลดาไม่กล้า
“ที่ชั้นเอาไปมันยังไม่ได้ค่าดอกเบี้ยเลยด้วยซ้ำ ทางที่ดีรีบตามหาพ่อของแกให้เจอ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”
เจ้าหนี้เดินออกไปกับลูกน้อง ลัดลดาเครียดสุดๆ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
เช้าวันรุ่งขึ้น ขิงออกมายืนสูดอากาศที่หน้ารีสอร์ท เธอมีหน้าตาสดชื่นขึ้น ฟ้าครามเดินออกมาที่ด้านหลัง เขาเห็นขิงยืนอยู่จึงหยุดมองแล้วยิ้มก่อนจะหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปขิงเอาไว้ แล้วฟ้าครามก็นึกอะไรออก เขาหยิบดอกลีลาวดีที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาปัดๆ แล้วเดินไปยื่นให้ตรงหน้าขิง ขิงชะงักแล้วหันไปมอง
“ชั้นให้”
“ให้ทำไม” ขิงถาม
“วันนี้เธอเหมือนดอกลีลาวดี”
ขิงผงะ “ชั้นเหมือนดอกลีลาวดียังไง”
“ความหมายของดอกลีลาวดี ก็คือ ดอกไม้ที่สวยงาม อ่อนช้อย และวันนี้คุณก็ดูสวยงามและอ้อนช้อยมากๆ ไม่เหมือนวันแรกที่เจอกัน”
ขิงเขินนิดๆ “แล้ววันแรกชั้นเหมือนดอกอะไร”
“อืมม์ เหมือนดอกหน้าวัวมั้ง”
“บ้า!”
ฟ้าครามหัวเราะ ขิงอมยิ้ม
ฟ้าครามจ้องขิงตาไม่กระพริบทำเอาขิงทำหน้าไม่ถูก ฟ้าครามเองก็เขินๆ
ฟ้าครามรีบเปลี่ยนเรื่อง “ชั้นเอาดอกไม้ทัดหูให้นะ”
ขิงไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมให้ฟ้าครามเอาดอกไม้ทัดหูให้ ฟ้าครามมองขิงตาเป็นประกาย
ที่พระราชวัง มาเรียกำลังกวาดอาหารบนโต๊ะจนหล่นกระจายลงพื้น ทำเอานางกำนัลตกใจ
“ชั้นบอกว่าไม่กินไง!! ไม่ต้องเอาเข้ามาอีก!! จะออกไปไหนก็ไปเลย...ไป!!”
นางกำนัลกลัวมาก พวกเธอรีบเก็บข้าวของแล้วออกไป มาเรียหัวเสียสุดๆ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น มาเรียหันไปเห็นทหารยืนอยู่
“มีอะไร!!”
“มีคนมาขอพบเจ้าหญิงกระหม่อม”
มาเรียแปลกใจว่าใครมาพบเธอ
มาเรียเดินเข้ามาในห้องรับแขกที่มีชายร่างสูงใหญ่ยืนหันหลังรออยู่ ทันทีที่มาเรียเห็นเธอก็ผงะเพราะจำได้ทันทีว่าเป็นใคร
“เจ้าชายเรล์ฟ!”
เรล์ฟหันมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มาเรียอึ้ง เธอหันไปมองรอบๆว่ามีใครเห็นรึปล่า
“กลัวพระคู่หมั้นของเจ้าจะเห็นเรางั้นเหรอ” เรล์ฟถาม
มาเรียสีหน้าเครียด เธอรีบเดินมาตรงหน้าเรล์ฟ “ท่านมาที่นี่ทำไม?”
“เรามาเพราะต้องการรู้ว่าเหตุใดผู้หญิงที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักเรา จะอยู่กับเราไปจนชั่วนิจนิรันด์ ถึงกำลังจะแต่งงานกับชายอื่น เราต้องการคำตอบ”
มาเรียลำบากใจ “ชั้น..ชั้นขอโทษ”
“แค่คำว่าขอโทษคงไม่พอ” เรล์ฟมีสีหน้าเจ็บปวด “เราต้องการเหตุผล หรือว่าเราให้ความรักกับเจ้าไม่มากพอ เจ้าถึงต้องไปแสวงหาความรักจากที่อื่น”
“มันไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วมันเป็นแบบไหน? อธิบายให้เราเข้าใจที”
“โซว์เป็นรักแรกของเรา และรักแรกนั้น ก็ยากที่จะลืม”
“ถึงแม้เราจะรักเจ้ามาก จนยอมมอบชีวิตทั้งชีวิตให้ ก็ไม่สามารถทำให้เจ้าลืมรักครั้งแรกได้เลยใช่มั้ย”
มาเรียเงียบเพราะรู้สึกผิดมาก แล้วเธอก็เดินออกไป เรล์ฟรู้คำตอบในทันที แววตาของเขาบ่งบอกว่าเขาเสียใจมาก
โซว์กำลังจะเดินไปยังห้องทรงงาน ทันใดนั้น เขาก็เห็นมาเรียเดินผ่านทางเดินไปจากที่ไกลๆ แต่อยู่ๆก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามารั้งแขนมาเรียเอาไว้ ทั้งสองหันไปคุยกันแต่มองไปอีกทาง ทำให้ทั้งสองมองไม่เห็นโซว์
มาเรียหลบตาเรลฟ์ เรล์ฟปล่อยแขนมาเรีย
“แล้วตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมามันคืออะไร” เรล์ฟถาม มาเรียเงียบ “อย่าบอกว่านั่นคือการแสดงว่าเจ้ากับเรารักกัน เป็นคู่รักที่ใครก็อิจฉา อย่าบอกว่าเจ้าแสร้งทำเป็นรักเรา เพื่อให้ลืมรักแรก”
มาเรียนิ่งไปซักพักน้ำตาก็รื้นขึ้นมา “ชั้นไม่คู่ควรกับคนดีอย่างท่าน ชั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว ทุกอย่างที่ชั้นทำก็เพื่อตัวชั้นเอง ชั้นไม่เคยคิดจะทำเพื่อใคร?”
“เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลยจริงๆ” เรล์ฟว่า มาเรียเมินหน้าไปทางอื่น “ถึงเราจะรู้ว่าเจ้าหลอกเรา แต่ทำไมนะ..ทำไมเราถึงพร้อมจะอภัยให้เจ้าเสมอ” มาเรียหันมาน้ำตาไหลด้วยความซึ้งใจ “เราเคารพในการตัดสินใจของเจ้า ขอให้เจ้าจำคำพูดของเราในวันนี้ให้ดี ถ้าวันใดที่เจ้าไม่เหลือใคร โปรดจงกลับมาหาเรา เราสัญญาว่าเราจะเป็นผู้ชายที่ทำให้เจ้ามีความสุขมากที่สุดในโลก”
เรล์ฟหันหลังเดินออกไป น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม มาเรียเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน พอหันกลับมาเธอก็เจอโซว์ยืนอยู่ มาเรียถึงกับอึ้ง โซว์เดินเข้ามาหามาเรีย
“โซว์..ที่เธอได้ยิน...” มาเรียพยายามจะพูด
“ไม่ต้องแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ชั้นพอจะรู้ว่าระหว่างเธอกับเจ้าชายองค์นั้นมีบางอย่างที่พิเศษต่อกัน”
“แต่มันเป็นอดีต ชั้นกับเค้าจบไปแล้ว”
โซว์ถอนใจแล้วจับไหล่มาเรีย “มาเรีย..ในชีวิตนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคืออะไร?”
มาเรียคิด “ชั้นต้องการความสุข”
“แล้วตอนที่เธออยู่กับชั้น เธอมีความสุขรึเปล่า”
มาเรียเงียบและอึ้ง
“แล้วตอนที่เธออยู่กับเจ้าชายองค์นั้น เธอมีความสุขมั้ย” โซว์ถามต่อ
มาเรียนิ่งไป เธอมองหน้าโซว์
“แต่ชั้นรักเธอนะโซว์”
“รักแต่ต้องไม่มีความสุขไปจนชั่วชีวิต เธอรับได้เหรอ ผู้ชายคนนั้นเค้ารักเธอ เค้ามอบความสุขให้เธอได้ แต่ชั้น..ชั้นไม่ได้รักเธอ ชั้นไม่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้ เธอต้องคิดให้ดีว่าเธอจะอยู่กับคนที่เธอรัก หรือคนที่รักเธอ ความสุข เธอสร้างเองได้นะมาเรีย มันขึ้นอยู่กับเธอเท่านั้น”
มาเรียทั้งเครียด ทั้งสับสน และลังเล
ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 11 (ต่อ)
พระราชามองมาเรียอย่างอึ้งๆ แต่พระราชินีกลับสบายใจ
“เจ้าหมายความว่ายังไงที่จะขอยกเลิกงานแต่งงานกับโซว์?” พระราชาถาม
“โซว์ไม่ได้รักหม่อมชั้นเพคะ คนที่เค้ารักคือขิงคนเดียว” มาเรียบอก
“ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนั้นล่ะก้อ ไม่ต้องสนใจ อยู่ๆกันไป ก็รักกันเอง”
“ไม่เพคะ ความรักของโซว์ที่มีให้ขิงนั้นยิ่งใหญ่มาก มากซะจนไม่มีผู้หญิงคนไหน เข้าไปนั่งกลางหัวใจของโซว์ได้อีกแล้ว”
พระราชาชะงัก พระราชินียิ้มพอใจ
“โซว์บอกให้เจ้ามาพูดกับเราใช่มั้ย” พระราชาถาม
“ไม่มีใครบังคับหม่อมชั้นได้ หม่อมชั้นมาด้วยตัวเอง โซว์ไม่ได้เป็นเด็ก หรือ อ่อนแออย่างที่เสด็จลุงคิด การที่ผู้ชายคนหนึ่งมีความรักที่มั่นคงและหนักแน่นให้กับผู้หญิงคนเดียว มันทำให้หม่อมชั้นมั่นใจว่าโซว์จะเป็นพระราชาที่ดี ที่สามารถปกครองประเทศได้อย่างเป็นสุข เพราะโซว์เชื่อในความรัก เค้าจะมีความรักให้กับประชาชนและประเทศของเค้าโดยเสมอภาค ไม่แบ่งคนจนหรือว่าคนรวย”
พระราชาพูดไม่ออก พระราชินีหันไปมองพระราชาอย่างลุ้นๆ
“เสด็จลุงให้โอกาสโซว์เถอะนะเพคะ” มาเรียบอก
พระราชาครุ่นคิดก่อนจะหันไปมองพระราชินีที่พยักหน้าให้
โซว์กับมาเรียกอดกันก่อนจะผละออกมา
“ขอบใจมากนะโซว์ที่ทำให้ชั้นหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เธอเหมาะจะเป็นเพื่อนมากกว่าคนรักจริงๆ”
โซว์ยิ้มดีใจ “ชั้นขอให้เธอโชคดี และมีความสุขอย่างที่ต้องการ”
“ชั้นก็ขอให้เธอมีความสุข ได้อยู่กับคนที่เธอรักและขอให้เสด็จลุงให้โอกาสเธออีกครั้ง ฝากบอกขิงว่าชั้นขอโทษ ถ้าอะไรที่เธอกับขิงต้องการให้ชั้นทำ อย่าได้ลังเลที่จะบอก” มาเรียบอก โซว์พยักหน้า “ลาก่อน”
“ลาก่อน”
โซว์กับมาเรียมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กัน แล้วมาเรียก็เดินออกไป
“มาเรีย” โซว์เรียก
มาเรียหันมา
“อย่าปล่อยความสุขในชีวิตของเธอจากไป ตามความรักของเธอกลับมาให้ได้”
มาเรียยิ้มและชูสองนิ้วให้โซว์
“เธอก็เช่นเดียวกันล่ะ”
มาเรียยิ้มให้โซว์แล้วก็เดินออกไป โซว์ถอนหายใจเงยหน้ามองท้องฟ้าก็เห็นหน้าขิงอยู่บนเมฆ โซว์ยิ้ม
“รอชั้นนะขิง อีกไม่นาน ชั้นจะไปหาเธอ”
โซว์มีแววตามุ่งมั่น
ขิงหันมาพร้อมกับอีโต้ที่ยื่นไปตรงหน้าฟ้าคราม ฟ้าครามตกใจ
“วันนี้ชั้นจะทำอาหารให้คุณทาน ตอบแทนที่เมื่อวานคุณเลี้ยงอาหารชั้น” ขิงบอก
“ท่าทางแบบนี้เนี่ยนะ จะทำอาหารได้ วางมันลงก่อนมั้ย ชั้นกลัวผีผลัก”
ขิงยิ้มแหย “แฮ่..”
ขิงวางมีดอีโต้ลงบนเขียง
“แน่ใจนะว่าผมไม่ต้องช่วย”
“แน่น๊อนนนน!! ออกไปรอข้างนอกได้เลย อีกไม่นานเกินรอ คุณจะได้ทานอาหารอร่อยรสเลิศ ระดับเชฟห้าดาวอย่างชั้น”
ฟ้าครามหัวเราะ “ตกลง...”
ฟ้าครามหันหลังจะเดินออกไป เสียงขิงก็ดังขึ้น
“โอ๊ย!!!”
ฟ้าครามตกใจมาก เขาหันมาก็เห็นมีดบาดนิ้วขิงจนเลือดออก ฟ้าครามเป็นห่วงมาก
“ขิง!!”
ขิงมองฟ้าครามแล้วยิ้มแหยๆ เพราะรู้สึกขายหน้ามาก ฟ้าครามถอนหายใจ
ฟ้าครามเอายาทาแผลให้ขิง ขิงร้องลั่นพร้อมกับสะดุ้งแล้วรีบดึงมือออก
“โอ๊ย! แสบแสบ..ไม่เอาแล้ว” ขิงร้อง
“ไม่เอาไม่ได้ อดทนหน่อย ไม่งั้นแผลจะติดเชื้อ”
“พอแล้วมั้ง”
“อะไรกัน..เห็นเก่งไปซะทุกอย่าง แค่นี้ทำไมถึงกลัว”
“ก็มันแสบ มาลองดูบ้างมั้ยล่ะ”
“ถ้าผมเจ็บแทนคุณ ผมก็ยอม”
ขิงอึ้ง ฟ้าครามมองหน้าขิงแล้วก็รีบทำแผลต่อ
“อดทนหน่อย..เดี๋ยวก็หายแสบ”
ขิงพยักหน้า ฟ้าครามทาแผลไปก็เป่าไป ขิงมองฟ้าครามแล้วก็เห็นถึงความอ่อนโยนของเขา ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมาเห็นขิงมองก็ผงะ
ขิงรีบพูด “หายแสบแล้วจริงๆด้วย”
“เห็นไหม แผลสดแบบนี้ต้องรีบใส่ยารักษาจะได้หาย” ฟ้าครามมองหน้าขิง “แต่รอยแผลเก่าที่เป็นอยู่ถึงแม้ว่าจะถูกทิ้งไว้จนกลายเป็นรอยแผลเป็น แต่ถ้าค่อยๆเยียวยารักษา วันนึงถึงแม้รอยแผลนั้นจะไม่หายไปแต่เราจะรู้สึกเจ็บกับบาดแผลนั้นน้อยลงหรือไม่รู้สึกเจ็บกับมันอีกเพราะมันก็คงจะจางลงและเหลือทิ้งไว้เป็นแค่เครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่ผ่านมาเท่านั้น เมื่อใดที่คุณบาดเจ็บ ผมยินดีจะช่วยทำแผลให้คุณเสมอ”
ฟ้าครามยิ้มแล้วเอาพลาสเตอร์มาผิดแผลที่นิ้วให้ ขิงจะดึงมือออกแต่ฟ้าครามกลับจับไม่ยอมปล่อย
“ทำแผลเสร็จ ก็ปล่อยมือชั้นได้แล้ว”
“ผมไม่อยากปล่อย...ไม่อยากปล่อยจนชั่วชีวิตด้วยซ้ำ”
“พูดอะไร หรือว่าหิวจนมึน?”
“ผมมีสตินะขิง ไม่ได้พูดมั่วๆ หรือว่าแกล้งพูด” ฟ้าครามจริงจังมากจนขิงใจเต้น “ผมชอบคุณ”
ขิงทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน “มุขนี้ได้ผล ทำชั้นเชื่อเลย”
“ผมไม่ได้มุข” ฟ้าครามบอก ขิงนิ่ง “ผมชอบคุณจริงๆ ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณ” ขิงกำลังจะพูด “แต่คุณไม่ต้องชอบผมตอบก็ได้ ผมแฟร์ๆอยู่แล้ว แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีคนๆหนึ่งที่พร้อมจะปกป้องคุณ ถ้าคิดจะชอบใคร ก็ขอให้มองผมเป็นคนแรก”
ฟ้าครามยิ้มให้อย่างจริงใจ ขิงเหวอและไม่กล้าสบตา เธอแอบใจสั่นนิดๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงซ่าน
โซว์นั่งลงข้างๆ เตียงพระราชา ขณะที่พระราชินีนั่งอยู่อีกด้าน
“เสด็จพ่อเป็นไงบ้างกระหม่อม” โซว์ถาม
“ดีขึ้นมากแล้ว” พระราชาบอก
โซว์ยิ้มด้วยความโล่งใจ แต่พระราชาหน้าเครียด
“ถึงลูกไม่ต้องแต่งงานกับมาเรีย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะอนุญาตให้ลูกแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น”
พระราชินีผงะ โซว์หน้าเสีย
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ” พระราชินีถาม
“ชั้นพูดความจริง มันผิดตรงไหน ลูกก็รู้ว่าเราเป็นใคร? ยังไงระหว่างลูกกับผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มีทางเป็นไปได้”
โซว์พูดจริงจัง “ลูกอยากให้พ่อให้โอกาสขิง”
“พ่อไม่อยากฟัง พ่อจะพักแล้ว”
พระราชาหลับตาทันที โซว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองแม่ พระราชินีลุกขึ้นมาจับแขนโซว์ให้เดินออกไป ทั้งคู่เดินออกไปด้วยกัน พระราชาลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าเครียดเพราะคิดหนัก
โซว์กับพระราชินีเดินออกมาด้วยกัน โซว์หน้าเศร้า
พระราชินีจับแขนโซว์ให้กำลังใจ “ให้เวลาพ่อเค้าอีกหน่อยนะลูก ตอนนี้พ่อเค้าเครียดมาก”
“ลูกเข้าใจเสด็จแม่”
“ไว้มีโอกาส..แม่จะช่วยพูดกับพ่อเค้าอีกครั้ง”
โซว์พยักหน้า พระราชินีตบหลังโซว์เบาๆ เพื่อปลอบใจ
ยายขมกำลังทำโน่นทำนี่อยู่ในครัว โดยมีตุ๊กคอยเดินตาม
“แม่..แม่ไม่คิดจะโทรบอกโซว์หน่อยเหรอว่าขิงติดต่อมาแล้ว”
“จะไปบอกมันทำไม?!” ยายขมหยิบอีโต้มาสับหมูอย่างใส่อารมณ์ “ในเมื่อมันไม่รู้จักคุณค่าของนังขิง ก็ไม่ต้องให้มันรู้”
“โธ่แม่..ทำแบบนี้เท่ากับกีดกันนังขิงกับโซว์ โซว์ยังรักขิงอยู่นะแม่ แม่อย่าทำตัวเป็นแม่มดใจร้ายไปหน่อยเลย”
ยายขมโมโหจึงสับอีโต้ปักลงไปบนเขียงเสียงดัง ตุ๊กสะดุ้งตกใจ
“ใครกันแน่วะที่ใจร้าย! เพราะครอบครัวของไอ้โซ่ถึงทำให้หลานข้าต้องระหกระเหิน ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง มันเป็นเพราะไอ้โซ่คนเดียว”
ตุ๊กสยองกับมีดที่แกว่งไปมาในมือยายขม
“ใจเย็นแม่ เดี๋ยวผีผลัก”
“ต่อไปนี้อย่าให้ข้าได้ยินเอ็งพูดถึงไอ้โซ่ในบ้านหลังนี้อีก!!”
ยายขมพูดจบก็วางอีโต้แล้วเดินออกไป ตุ๊กถอนหายใจด้วยความกลุ้ม เสียงมือถือตุ๊กดังขึ้น ตุ๊กหยิบขึ้นมากดรับ
“ฮัลโหล” ตุ๊กตกใจ “โซว์!!”
โซว์แอบคุยมือถือกับตุ๊ก
“ขิงยังไม่ติดต่อมาอีกเหรอครับ?!” โซว์ถามด้วยความไม่สบายใจ
ตุ๊กอึกอัก
“เออ...ชะใช่ใช่...ตอนนี้ชั้นยังไม่รู้เลยว่าขิงมันอยู่ที่ไหน?”
โซว์ฟังน้ำเสียงตุ๊กแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
“น้าตุ๊กไม่ได้โกหกผมใช่มั้ย”
ตุ๊กหน้าถอดสีแต่ก็รีบปฏิเสธ
“ไม่ได้โกหก!! น้าไม่รู้จริงๆ ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ซักนิดว่านังขิงอยู่ไหน??” ตุ๊กหัวเราะเก้อๆ “เฮอะๆๆ”
โซว์มั่นใจว่าตุ๊กโกหกแน่ๆ จึงพูดเสียงเข้ม
“น้าตุ๊ก..เลิกโกหกผมได้แล้ว น้ารู้ใช่มั้ยว่าขิงอยู่ที่ไหน”
ตุ๊กทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อน
“เอ๊ะ! ก็บอกว่าไม่รู้ไงวะ”
“งั้นก็สาบานสิ”
ตุ๊กทำหน้าเหรอหรา “ทำไมต้องสาบาน ข้าไม่ชอบสาบานเว๊ย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าน้าโกหก!” โซว์ย้ำ
ตุ๊กเงียบเพราะพูดไม่ออก
โซว์ทำเสียงโหด “บอกชั้นมาว่าขิงอยู่ที่ไหน?”
ตุ๊กกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแล้วก็เริ่มหน้าเสีย
โซว์ยืนอยู่กับปีเตอร์และพัชรี
“คุณขิงติดต่อน้าตุ๊กมาแล้วเหรอกระหม่อม!?” ปีเตอร์ถาม
“ใช่...แต่ขิงไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน” โซว์ตอบ
พัชรีครุ่นคิด “หม่อมชั้นกำลังจะกลับประเทศไทย ถ้ายังไงหม่อมชั้นจะช่วยสืบให้นะเพคะว่าขิงอยู่ไหน?”
โซว์ดีใจ “ถ้างั้นก็ดีเลย ขอบใจเธอมากนะพัชรี”
“ด้วยความเต็มใจเพคะ”
พระราชานั่งเหม่อเพราะคิดเรื่องโซว์ พระราชินีเอาน้ำชาเข้ามาให้
“ชาสมุนไพรค่ะ”
พระราชาหันไปพูด “ขอบใจ..”
“ไม่ต้องขอบใจหม่อมชั้นหรอกเพคะ”
“ชั้นอยากขอบใจ สำหรับทุกอย่างที่เธอทำเพื่อชั้น เพื่อประเทศของชั้น” พระราชาบอก พระราชินียิ้ม “นึกๆแล้ว เวลาก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ชั้นยังจำได้ติดตาอยู่เลยว่าชั้นมักจะแอบหนีเสด็จพ่อเสด็จแม่ออกมาพบเธอ”
“แต่คุณมาสายตลอด” พระราชินีท้วง พระราชาขำ “ความจริงชั้นควรจะเลิกชอบคุณนะ แต่เพราะความพยายามของคุณ ความมีมานะ และมั่นคงของคุณ มันพิสูจน์ให้ชั้นเห็นว่าคุณเป็นนักสู้ ก็เลยทำให้เราได้แต่งงานกัน ชั้นรักคุณก็ตรงนี้แหละ”
พระราชาชะงักกับสิ่งที่พระราชินีพูดแล้วเขาก็คิดได้
“ที่เธอต้องการจะบอกชั้นเรื่องโซว์กับขิงใช่มั้ย”
พระราชินีจับมือพระราชา “เราสองคนต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายกว่าจะได้รักกัน แล้วคุณไม่เห็นใจลูกบ้างเหรอคะ ทำไมต้องให้ลูกทนทุกข์ทรมานเพราะเราด้วย”
“มันไม่เหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นไม่มีหัวนอนปลายเท้า และไม่ใช่คนของนิวแลนด์”
“อย่าให้อำนาจมาทำให้หัวใจที่เคยอ่อนโยนของคุณต้องแข็งกระด้างเลยนะคะ ให้โอกาสลูกของเรา เหมือนที่เสด็จพ่อเสด็จแม่ของคุณให้โอกาสพวกเราเถอะนะ”
พระราชาถอนหายใจ
“ความจริง เธอไม่ต้องพูดขนาดนี้ก็ได้ เพราะเราคิดไว้อยู่แล้ว ว่าเราจะให้โอกาสลูก”
พระราชินียิ้มด้วยความดีใจก่อนจะสวมกอดพระราชาแน่น
เวลาผ่านไป โซว์ยืนยิ้มหน้าบานอยู่ต่อหน้าพระราชา โดยมีพระราชินียืนอยู่ข้างๆ
“เสด็จพ่ออนุญาตให้ลูกไปหาขิงแล้วเหรอกระหม่อม”
“อย่าเพิ่งดีใจ คิดว่าพ่อยอมรับ พ่อจะให้โอกาสลูกหนึ่งอาทิตย์ ในการจัดการเรื่องผู้หญิงคนนั้น และพิสูจนตัวเองว่าลูกสามารถปกครองประเทศนี้ได้ ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ ลูกทำไม่สำเร็จ ลูกต้องสละบัลลังค์”
โซว์อึ้งไปนิดนึงแล้วก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่น “ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
โซว์เข้ามากอดพระราชา พระราชามีแววตาอ่อนลง ส่วนพระราชินียิ้มด้วยความพอใจ
โซว์ดูสร้อยพระที่ขิงให้ด้วยสีหน้ามีความหวังเต็มเปี่ยม ขิงเองก็กำลังดูสร้อยที่โซว์สวมให้ที่คออยู่ด้วยสีหน้าครุ่นคิด โซว์ใส่สร้อยพระของขิง ส่วนขิงพยายามถอดสร้อยโซว์ออกซึ่งคราวนี้ถอดออกมาได้สำเร็จ ขิงอึ้งแล้วก็ตัดสินใจเอาสร้อยเก็บใส่กล่อง เพราะตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
เครื่องบินแล่นลงจอดที่สนามบินในกรุงเทพฯ
ยายขมกับตุ๊กเดินออกมาที่หน้าบ้าน โซว์กับปีเตอร์ยืนหันหลังอยู่ ยายขมกับตุ๊กมองอย่างแปลกใจเพราะยังจำไม่ได้
ยายขมเอ่ยถาม “มาหาใคร?!!”
โซว์กับปีเตอร์หันมา ยายขมกับตุ๊กตกใจ
ตุ๊กดีใจ “ไอ้โซ่! ปีเตอร์!!”
โซว์กับปีเตอร์ยกมือไหว้ยายขมกับตุ๊ก
“สวัสดีครับยายขม น้าตุ๊ก”
ยายขมไม่พูดอะไรแต่เดินดุ่ยๆไปตรงหน้าโซว์ ตุ๊กมองอย่างแปลกใจ ทันใดนั้นยายขมก็เอาไม้เกาหลังตีหัวโซว์อย่างแรง
“โอ๊ย!! ยายตีหัวผมทำไม?”
ยายขมตีซ้ำ “ยังมีหน้ามาถามข้าอีกว่าทำไม?!! ไอ้สารเลว ไอ้คนเจ้าชู้ ไอ้คนหลายใจ...”
โซว์ยกมือกัน ยายขมตีไม่หยุด ปีเตอร์เข้ามากันโซว์
“ใจเย็นก่อนยาย มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันได้” ปีเตอร์บอก
ยายขมจะตีโซว์แต่กลับไปโดนหัวปีเตอร์อย่างแรง
ปีเตอร์ร้องลั่น “โอ๊ย!!” ปีเตอร์โดนยายขมตีไม่หยุด “อ๊าก ว๊าก จ๊าก”
ตุ๊กพยายามห้าม “แม่..พอแล้วแม่” ยายขมหันมาตีแขนตุ๊ก “โอ๊ยแม่ ชั้นเจ็บนะ!! ถ้าแม่ไม่หยุด ชั้นไม่เกรงใจแล้วนะ”
ยายขมไม่สนใจ ตุ๊กจึงอุ้มยายขมพาดบ่า ยายขมตกใจ
“เฮ้ย ไอ้ตุ๊ก ปล่อยข้านะเว๊ย เฮ้ย....”
“โซว์..เอ็งหนีไปก่อน” ตุ๊กบอก
โซว์กับปีเตอร์ทำหน้าเหรอหรา ยายขมกระหน่ำตีหลังตุ๊ก
“ไปสิวะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว ไปสิ..ไป!!!”
“รีบไปก่อนเถอะเจ้าชาย หม่อมชั้นไม่อยากเห็นเจ้าชายถูกตีจนตายก่อนเจอคุณขิง” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์จับแขนโซว์พาวิ่งออกไป ตุ๊กสุดทนจึงปล่อยยายขมก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ยายขมหมดแรง
“ไอ้..ตุ๊ก..ก..ก...!!!”
“ชั้นไปล่ะแม่”
ตุ๊กรีบวิ่งออกไป ยายขมลุกตามไม่ไหวได้แต่นั่งหอบ
โซว์กับปีเตอร์เดินมาด้วยกัน
“เจ้าชายทรงเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ปีเตอร์ถาม
โซว์ตอบสั้นๆ “ไม่”
“คุณยายขมทำไม่ถูก ถึงจะไม่พอใจเจ้าชายยังไง ก็ไม่สมควรจะทำรุนแรงกับเจ้าชายขนาดนี้”
“มันสมควรแล้วที่ชั้นโดน ชั้นรับปากยายขมว่าจะดูแลขิง แต่ชั้นกลับทำไม่ได้ ทำให้ขิงหนีไป แถมยังไม่รู้อีกว่าตอนนี้ขิงอยู่ที่ไหน”
โซว์หน้าเศร้ามาก ปีเตอร์มองอย่างเห็นใจ ทั้งสองเดินผ่านร้านขายขนมที่รุ้งกับแก้วกำลังป้อนขนมกันอยู่
“อ๊ะๆอย่าเพิ่งกิน บอกพี่แก้วมาก่อนว่านี่ขนมอะไร?” แก้วถาม
“ขนมชั้นยังไงล่ะ”
“ไม่ใช่ไม่ใช่ มันคือขนมชั้นรักเธอ..”
“คนบ้า” รุ้งหยิกปาก “ปากหวานจริงจริ๊ง.ง..ง”
“อ้ำนะจ๊ะ”
แก้วป้อนขนมชั้นให้ รุ้งกินขนมชั้นไปทั้งชิ้นแล้วก็เห็นโซว์กับปีเตอร์เดินผ่านไป รุ้งตกใจจนทำขนมติดคอ เธอไอหน้าดำหน้าแดง แก้วตกใจ
“น้องรุ้งเป็นไรไปจ๊ะ”
รุ้งพยายามชี้มือไปทางโซว์ แต่แก้วไม่รู้เรื่อง
“พี่จะช่วยน้องรุ้งเอง”
แก้วตบหลังรุ้งอย่างแรงแต่ก็ไม่ช่วยอะไร รุ้งหน้าแดงหายใจไม่ออก แก้วตัดสินใจถีบรุ้งเต็มแรง รุ้งถลาออกไปชนโซว์อย่างจังจนขนมชั้นหลุดออกมา โซว์กับปีเตอร์หันไปเห็น
“รุ้ง!!”
“เจ้าชาย!!!”
แก้วเดินตามออกมาเห็นโซว์กับปีเตอร์ก็ตกใจ
แก้วกับรุ้งนั่งอยู่กับโซว์และปีเตอร์
“ไม่รู้เหรอว่าขิงอยู่ไหน??” โซว์ถาม
“ไม่รู้เลยค่ะ ขิงไม่ยอมบอกว่าตัวเองไปไหน” รุ้งตอบ
“นี่..น้องรุ้ง จะไปพูดดีกับมันทำไม เพราะหมอนี่ทำให้ขิงหายตัวไป! แกมันคนใจทราม แย่งน้องขิงซึ่งเป็นหัวใจของชั้นไป แต่กลับไม่รักษาดูแล” แก้วว่า
รุ้งตีแขนแก้ว “แก้ว!! แกยังรักขิงอยู่อีกเหรอห๊ะ!!”
แก้วยิ้มแหยๆ “ไม่จ๊ะไม่...พี่แก้วพูดไปเพราะโกรธแทนน้องขิง ตอนนี้พี่แก้วมีน้องรุ้งเพียงคนเดียวในหัวใจจ๊ะ จุ๊บจุ๊บ”
รุ้งสบายใจขึ้น เธอหันมาทางโซว์ “แล้วเจ้าชายจะตามหาขิงยังไง”
“ตอนนี้ชั้นให้พัชรีช่วยตามหาจากสัญญาณมือถือของขิงว่าโทรมาจากที่ไหน คิดว่าพรุ่งนี้คงได้คำตอบแล้วล่ะ”
“ถ้ารู้แล้วก็บอกรุ้งด้วยนะ รุ้งจะได้บอกยาย”
โซว์พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
รุ้งถามต่อ “ว่าแต่ตอนนี้เจ้าชายพักอยู่ที่ไหนจ๊ะ”
ขิงยืนอยู่ในลอบบี้ของรีสอร์ตฟ้าคราม
“อีกสิบนาทีจะมีรถจากโรงแรมเข้าตัวเมือง ท่านใดสนใจอยากทำกิจกรรมแนวแอดเจอร์ หรืออยากแวะซื้อของที่ระลึกน่ารักกิ๊บเก๋ ก็เชิญขึ้นรถได้เลยนะคะ” ขิงพูด
นักท่องเที่ยวสนใจในสิ่งที่ขิงพูดจึงทยอยกันเดินออกไป
“เชิญค่ะ เชิญ...”
ฟ้าครามสะกิดขิง ขิงหันไปเห็นฟ้าครามแล้วก็ชะงัก
“นักท่องเที่ยวเต็มรถแล้ว ไปกันเถอะ” ฟ้าครามบอก
“คุณไปด้วยเหรอ?”
“พนักงานที่โรงแรมไม่พอ ผมก็เลยต้องมาเป็นคนขับรถ”
ขิงพยักหน้า แล้วก็เดินออกไปกับฟ้าคราม ไม่นานนักปีเตอร์กับโซว์ก็เดินเข้าในรีสอร์ต ปีเตอร์มองไปรอบๆแล้วเบ้หน้า
“ทำไมทรงเลือกโรงแรมเล็กเท่ารูหนูอย่างนี้ล่ะกระหม่อม”
“เราอยากอยู่แบบธรรมดาๆ แล้วอีกอย่างทีนี่ก็ใกล้ตัวเมือง สะดวกดี” โซว์บอก
โซว์กับปีเตอร์เดินเข้าไปด้านใน
พนักงานเงยหน้าขึ้นมองโซว์กับปีเตอร์
“มีห้องว่างเหลืออยู่ห้องเดียวค่ะ จองเลยมั้ยคะ” พนักงานถาม
“จองเลยครับ” โซว์ตอบ
“จะพักกี่คืนคะ”
“หนึ่งอาทิตย์ครับ”
“รอซักครู่นะคะ”
พนักงานเดินออกไป โซว์กับปีเตอร์ยืนรอ สักพักมีพนักงานสองคนเดินมาทางด้านหลัง
“เห็นขิงรึเปล่า” พนักงานคนนั้นพูด
โซว์ชะงักเมื่อได้ยินชื่อ “ขิง” เลยหันไปมอง
พนักงานอีกคนตอบ “ไม่เห็น”
พนักงานสองคนเดินออกไป โซว์นิ่งอึ้ง ปีเตอร์แปลกใจ
“เจ้าชายเป็นอะไรกระหม่อม”
“เออ ไม่เป็นอะไร”
โซว์นึกว่าตัวเองหูฝาดไปเอง
ขิงพานักท่องเที่ยวมาไหว้พระที่วัด เธออธิบายให้นักท่องเที่ยวฟังด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ฟ้าครามมองขิงด้วยสายตาชื่นชมสุดๆ หลังจากอธิบายเสร็จขิงก็เดินมาหาฟ้าคราม
“ทุกคนขึ้นไปไหว้พระกันหมดแล้ว” ขิงบอก
“คุณเคยเป็นไกด์มาก่อนเหรอ” ฟ้าครามถาม
“ใช่” ขิงตอบ
“ทำงานบริษัทไหน”
“ชั้นเป็นไกด์ผี”
ฟ้าครามหัวเราะ “อ๋อ....ชั้นได้ยินเธอบอกกับนักท่องเที่ยวว่าถ้าเราขอพรอะไรที่วัดนี้..แล้วจะได้อย่างนั้นจริงเหรอ”
“ไม่จริง”
“อ้าว??”
“เราต้องสร้างจุดขาย ไม่งั้นคนจะอยากมาเที่ยวเหรอ”
“เออจริงด้วย ถ้างั้นเราไปไหว้พระกันดีกว่า”
ขิงพยักหน้าแล้วเดินไปกับฟ้าคราม
ขิงไหว้พระพร้อมกับหลับตาอธิษฐาน ฟ้าครามหันไปมอง ทันใดนั้นขิงก็หันมามอง ฟ้าครามตกใจ รีบหันไปหยิบเซียมซี
“เสี่ยงเซียมซีกันมั้ย”
ฟ้าครามส่งกระบอกเซียมซีให้ขิงอันหนึ่ง ขิงรับมา แล้วสองคนก็เขย่าเซียมซีจนไม้หล่นออกมา
“ได้แล้ว”
“ผมก็ได้แล้วเหมือนกัน”
ขิงกับฟ้าครามหยิบไม้ขึ้นมาดูแล้วก็เห็นว่าได้เบอร์เดียวกัน