นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 11
กลางหว่างเสียงไก่ขันยามเช้าตรู่ นาฬิกาปลุกในห้องย้งดึงขึ้น ย้งงัวเงียขึ้นมาดู สภาพหัวยุ่งฟู หาวคำโต ด้วยความหงุดหงิด
“หกโมงเช้า ไอ้บ้าที่ไหนมาตั้งปลุกตอนนี้วะเนี่ย” ย้งซุกนาฬิกา “นอนต่อดีกว่า” นอนนิ่งไปสักพัก ก็ผงะตื่นผึง “เฮ้ย วันนี้วันปฏิบัติงานนี่หว่า”
ด้านเถ้าแก่ตงผลักประตูออกมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีจดหมายแปะอยู่ด้านในของร้าน
“ไอ๊หยา สายโด่ป่านนี้ทำไมถึงยังไม่เปิดร้านอีกวะ” พลางตะโกนเข้าไปข้างใน “อาหมวยลื้อตื่นรึยัง ทำอะไรอยู่ ทำไมถึงไม่เปิดร้าน อาหมวย” เงียบกริบ “ไปไหนของมันวะ”
เถ้าแก่ตงบ่นไม่ทันขาดคำก็เจอจดหมายที่หมวยใหญ่แปะไว้
“ไอ๊หยา ใครเอาซองผ้าป่ามาแปะไว้วะเนี่ย” แกะอ่าน “อาป๊า อั๊วมีเรื่องไม่สบายใจ แต่หลวงพ่อชุ่มไม่ยอมให้อั๊วบวช ดังนั้นอั๊วขอลาไปบวชชีที่หมู่บ้านอื่น” เถ้าแก่พยักหน้า “อ้อดี”
จนนึกได้ก็ตกใจร้องลั่น
“ไอ๊หยา อาหมวยใหญ่ อาหมวยใหญ่หนีไปเลี้ยว”
ย้งแต่งตัวจะออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ขณะที่เถ้าแก่ตงลนลานเข้ามาเพราะข่าวร้าย
“อาย้ง ลื้อจะไปไหน”
“อั๊วมีธุระอาป๊า”
“ลื้อไปไม่ได้ ลื้อต้องช่วยอั๊วตามหาอาหมวยก่อนอาหมวยพี่สาวลื้อ อีหนีไปเลี้ยว”
“เออ ไม่เป็นไรหรอกป๊า อีเลี้ยวเสร็จเดี๋ยวก็มา”
เถ้าแก่ตงหยุดหงิด “ไม่ใช่เลี้ยวอย่างงั้น อั๊วหมายถึงอีหนีออกจากบ้านเลี้ยว”
“ได้ๆ ป๊า เดี๋ยวอั๊วช่วยลื้อตามหาให้ แต่ตอนนี้ขออั๊วไปทำธุระก่อน”
ย้งผลุนผลันไป เถ้าแก่ตงโวยวายไล่หลัง แต่ย้งไปโลดแล้ว
“ไอ๊หยาอาย้ง ลื้อจะรีบไปปล้นควายที่ไหน พี่สาวลื้อหายไปทั้งคนทำไมลื้อไม่สน อาย้ง อาย้ง”
โทรศัพท์บนโรงพักดังขึ้น จ่าไชโยซึ่งทำหน้าที่สิบเวรรีบรับสาย คนโทร.มาคือเพ็ญพร โทร.มาจากสถานีอนามัย ซึ่งใช้เป็นบ้านพัก
“ฮัลโหล สถานีตำรวจบ้านไม้งามยินดีรับใช้ประชาชนคร๊าบ”
“ชั้นเองจ่า วันนี้ชั้นไม่สบาย วานจ่าช่วยบอกสารวัตรให้ทีนะ”
“ไม่สบาย? เป็นอะไรมากรึเปล่าครับหมวด ถ้าต้องการกำลังใจหรือของเยี่ยมไข้ หมวดแจ้งผมได้นะครับ ผมยินดีช่วย” ไชโยว่า
“ขอบใจนะจ่า แค่นอนสักวันเดี๋ยวก็หาย”
เพ็ญพรวางสายแล้วสะพายเป้ออกไปจากสถานีอนามัย โดยไม่รู้ว่าวาสนาแอบดูอยู่ก่อน
“ไหนบอกว่าไม่สบาย แล้วจะออกไปไหนของเค้า”
ท่านนำชัย โฉมฉวี คนขับรถ มือปืน ย้ง ครูเพิ่ม
ตรงป้ายบอกทางไปบ้านไม้งาม เห็นรถยนต์คันหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามา บนรถประกอบไปด้วยคนขับหนึ่งคน บอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมหนึ่งคน ส่วนท่านนำชัยแกนนำพรรค กำลังกุ๊กกิ๊กอยู่กับ โฉมฉวี เลขาสาวสวมแว่นตานางหนึ่ง
โฉมฉวีดีดดิ้นใส่จริต “อุ๊ย อย่าซนสิคะท่าน นี่เรามาทำงานนะคะ ไม่ได้มาเที่ยว”
“แหมๆ มันก็เหมือนกันแหละจ้ะ ขอให้ได้มากับโฉมฉวี ที่ไหนก็คือสวรรค์สำหรับป๋า”
โฉมฉวีค้อนพอเป็นพิธี “ท่านอ่ะ ห้ามไม่ฟังบ้างเลย โฉมล่ะเบื๊อเบื่อ”
รถหรูคันนั้นแล่นผ่านบริเวณหนึ่งไป ย้งกับครูเพิ่มกำลังซุ่มอยู่ และคอยใช้กล้องส่องทางไกลจับตาดูทะเบียนรถทุกคันที่แล่นผ่าน
“มาแล้วไอ้ย้ง ทะเบียน กง 2479 รถคันสีเขียว”
ย้งวิทยุบอกเก่งกับเพ็ญพร “วอสอง วอสอง ไอ้เสือเรียกนางสิงห์ เป้าหมายมาถึงแล้ว ใช้รถสีเขียว ทะเบียนตรงตามข้อมูลเป๊ะ”
ตรงถนนทางเข้าบ้านไม้งามยามนั้น มีรถยนต์จอดเสียอยู่ มีควันขโมง จนแทบมองทางไม่เห็น เก่งกับเพ็ญพรปลอมตัวเป็นสาวเซ็กซี่แต่งตัวฉูดฉาดล่อตากำลังยืนโบกรถอยู่ เพ็ญพรต้องปลอมตัวหนักกว่าเก่งมาก เพื่อไม่ให้ใครจำได้
นำชัยถามอาการฉงน “ข้างหน้ามีอะไร ชาวบ้านเค้าเผาหญ้าเหรอ”
“ดูเหมือนจะรถเสียครับท่าน” มือปืนบอก
“จอดหน่อยซิ” นำชัยสั่ง
โฉมฉวีท้วง “อุ๊ยไม่ได้นะคะท่าน ตามกำหนดการท่านต้อง…”
นำชัยสวนคำออกมา “ช่างเหอะน่า ชั้นบอกให้จอดก็จอดสิ”
มือปืนพยักหน้ากับโชเฟอร์ “จอดรถ”
รถของท่านนำชัยจอดเทียบรถของเก่งกับเพ็ญพร นำชัยมองส่วนสัดของสองสาวไม่วางตาพร้อมกับรำพึงออมา
“โอ้ว แม่เจ้าโว้ย” ยิ้มแย้มทักทาย “ว่าไงจ๊ะหนู มีอะไรให้พี่ช่วยรึเปล่าจ๊ะ”
“แหม พระเอกขี่ม้าขาวมาทันเวลาพอดี” เพ็ญพรชม้อยชม้ายตามอง
“รถของเราเสียค่ะคุณอา ถ้าไงขอติดรถไปด้วยนะคะ” เก่งบอก
“พวกเราจะไปที่บ้านไม้งาม อยู่ใกล้ๆ แค่นี้เองค่ะ”
โฉมฉวีไม่ถูกชะตาอย่างแรง “ต๊ายแต่งตัวอย่างกับพวกผู้หญิงอย่างว่า ใครจะยอมให้พวกหล่อนขึ้นรถยะ”
“ชั้นยอม” นำชัยบอกทันที
โฉมฉวีงอน “ท่านคะ”
“เอาเหอะน่า ช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของนักการเมืองอย่างชั้น” พูดกับสองสาว “เชิญจ้ะหนูจ๋า ขึ้นมาได้เลย ถ้าที่ไม่พอ นั่งตักพี่ก็ได้”
“ขอบคุณมากค่ะคุณพี่” เพ็ญพรยิ้มหวานหยดให้ ก่อนจะชักปืนออกมา “ยกมือขึ้น แล้วลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”
มือปืนตกใจ “เฮ้ย”
มือปืนรีบลงมาจากรถเพื่อจัดการกับเพ็ญพร แต่ก็โดนเก่งเล่นงานจนสลบไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะชักปืนออกมาขู่โชเฟอร์
เก่งสั่งเสียงเข้ม “ดับเครื่อง แล้วลงไปจากรถ”
นำชัยตกใจ “นี่พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไรกันแน่”
เพ็ญพรยกนิ้วจุ๊ปากให้นำชัยสงบสติ “ไม่ต้องห่วงเราจะไม่ทำร้ายท่าน”
“เราแค่ต้องการข้อมูลที่ท่านจะหารือกับเสี่ยเล้งวันนี้” เก่งบอก
เพ็ญพรสำทับ “ทุกเรื่อง ทุกประเด็น”
นำชัยกับเลขามองหน้ากันอย่างแปลกประหลาดใจ
ด้านสารวัตรดนัยเดินนำพลตำรวจเข้ามารายงานเสี่ยเล้ง เพลินตา และจำเริญ มีมิ่งอยู่ด้วย
“เรียบร้อยครับเสี่ย ผมให้คนวางกำลังไว้หมดแล้ว รับรองว่าใครหน้าไหนก็บุกเข้ามาไม่ได้ ถ้าเสี่ยไม่อนุญาต”
เสี่ยเล้งยิ้มอย่างพอใจ แถมหยอดคำหวานเอาใจ “ขอบใจมากสารวัตรที่ช่วยให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น นี่ถ้าเป็นตำรวจคนอื่น คงชักช้าไม่ทันใจแบบนี้”
จำเริญนึกได้ “จริงสิครับสารวัตร แล้วตำรวจหญิงอีกคนไม่มาด้วยเหรอครับ”
“อ๋อ ผู้หมวดเพ็ญพรเธอลาป่วยครับ เพิ่งโทร.มาเมื่อเช้านี้เอง”
เพลินตาสงสัย “แล้วธัมโมล่ะคะ”
“ผมให้เขาอยู่โยงที่สถานีครับ กลัวว่าถ้าเค้ามาที่นี่แล้วนางสิงห์เพื่อนเค้าอาจจะตามมาด้วย”
เสี่ยเล้ง จำเริญ มิ่ง และเพลินตามองหน้ากันอย่างอึดอัดไม่วางใจ สามพ่อลูกนึกประหวั่นไปถึงนางสิงห์ชุดดำซึ่งเคยบุกมาที่นี่แล้ว
เวลาเดียวกันที่ระเบียงสถานีตำรวจบ้านไม้งาม ผู้กองธัมโมเดินออกมายืนเหม่อปลดปล่อยอารมณ์ ขณะที่จ่าไชโยกับหมู่โอฬารซึ่งยืนดูห่างๆ ที่มุมหนึ่ง แน่นอนพากันสุมหัวแอบนินทา
“เฮ้อ ผมล่ะเซ็งชีวิตแทนผู้กองจริงๆเลยนะจ่า ไม่รู้ไปทำบาปทำกรรมอะไรเอาไว้ ถึงต้องกลายเป็นลูกน้องให้กิ๊กใหม่ของแฟนเก่า แถมยังเป็นเพื่อนรักที่เคยไว้ใจกันมาก่อน” โอฬารว่า
“โอ้โห หมู่คิดนานมั้ย เป็นลูกน้องให้กิ๊กใหม่ของแฟนเก่า แถมยังเป็นเพื่อนที่เคยไว้ใจ” ไชโยทึ่ง
“มุกนี้เตรียมมาจากบ้าน แต่ที่พูดนี่สงสารจริงๆ นะ”
“อย่าเพิ่งสงสารเลยหมู่ ถ้าบาปมันมีจริง ไอ้บุญมันก็ต้องมีจริงเหมือนกัน ผู้กองแกทำดีไว้มาก แกคงไม่โชคร้ายตลอดไปหรอก”
หมู่โอฬารพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
นำชัย และพรรคพวกโดนปิดตาปิดปากมัดไว้กับต้นไม้ ในสภาพที่เหลือแต่ชุดชั้นในตัวเดียว ขณะที่ย้งเริ่มปลอมตัวเป็นนำชัย เก่งปลอมเป็นโฉมฉวี และเพ็ญพรแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นมานพหนุ่มปลอมตัวเป็นมือปืน เพ็ญพรเอาปืนที่ยึดมาจากมือปืนของนำชัยมาส่งให้ครูเพิ่ม
“คอยเฝ้าให้ดีนะครู พอถึงบ่ายโมงเมื่อไหร่ให้ไปเจอกันที่จุดนัด” เพ็ญพรกำชับหนักแน่น
ครูเพิ่มรับปืนมาอย่างทำใจ “ทุกคนระวังตัวด้วยนะ”
ไม่นานต่อมา รถยนต์ของนำชัยแล่นใกล้เข้ามา จำเริญเดินออกมาดูก่อนจะหันไปบอกทุกคน
“รถหรูเชียวครับป๊า สงสัยคงเป็นท่านนำชัย”
เสี่ยเล้งเดินนำเพลินตา ดนัย และมิ่งออกมาดู
เมื่อรถจอดสนิท เห็นชัดว่าคนขับรถก็คือเพ็ญพร ที่ติดหนวด สวมแว่นดำ หวีผมเรียบแปล้ ปลอมตัวมาในคราบผู้ชาย ย้งติดหนวดไว้เคราเฟิ้ม ปลอมตัวเป็นนักการเมืองมาดเก๋า ส่วนเก่ง แต่งหญิง สวมวิก ปลอมเป็นเลขา ติดไฝ สวมแว่นกรอบใหญ่สีชาพรางโฉม
ย้งเห็นดนัยก็ตกใจมาดหลุด “เฮ้ย นั่นมันสารวัตรดนัยนี่หว่า”
เก่งรีบปลอบ “อย่าตื่นเต้นไอ้ย้ง ตอนนี้เอ็งสวมบทเป็นนักการเมืองอยู่นะ”
“ไม่รู้ว่าพี่แกจะจำพวกเราได้รึเปล่า ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา” ย้งบ่นอุบ
“เดี๋ยวก็รู้ คนอื่นมากันแล้ว” เพ็ญพรว่า
ย้งมองไปเห็นเสี่ยเล้ง ดนัย เพลินตา จำเริญ และมิ่งก็เดินออกมาพอดี เพ็ญพรจึงเริ่มสวมบทบอดี้การ์ดเดินลงจากรถไปเปิดประตูให้...ท่านย้ง
“เชิญครับท่าน” เพ็ญพรพูดอย่างพินอบพิเทา
ย้งกระแอม วางมาดเก๋า “อะแฮ่ม ถึงแล้วเหรอเนี่ย”
เสี่ยเล้งไหว้ทักทาย “สวัสดีครับท่าน บ้านไม้งามยินดีต้อนรับ”
ย้งรับไหว้ “คุณคงจะเป็นเสี่ยเล้งสิท่า ดูเหมือนว่าเราเคยเจอกันที่งานประชุมพรรคคราวก่อนใช่มั้ย”
เสี่ยเล้งยิ้มเรี่นราด “เฉียดๆ ครับท่าน ผมยังเสียดายอยู่เลยที่ไม่ได้สนทนากับท่านเป็นการส่วนตัว” แนะนำจำเริญกับเพลินตา “เอ่อนี่ลูกชายผมเองครับชื่อจำเริญ ส่วนลูกสาวคนเล็กชื่อเพลินตา”
จำเริญ เพลินตาไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีครับท่าน” / “สวัสดีค่ะท่าน”
ย้งรับไหว้ “อ้อ ไหว้พระเถอะ ไหว้พระ” แนะนำฝ่ายตัวเองบ้าง “ทางผมก็มากันแค่นี้แหละ นี่คุณโฉมฉวี เลขาคนสนิทของผม แล้วก็นายเทิด เป็นทั้งคนขับรถและบอดี้การ์ด”
เก่งในคราบโฉมฉวียกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม ขณะที่เพ็ญพรวางมาดขรึม โค้งศรีษะพอเป็นพิธี
ที่อีกมุมหนึ่ง ยอด เบิ้มและสมุนกำนันศร มาแอบซุ่มดูเหตุการณ์ในระยะห่าง
“รถโก้เป็นบ้าเลยพี่ยอด สงสัยคงเป็นนักการเมืองจริงๆด้วย” เบิ้มเอ่ยขึ้นพลางคิด “แล้วนี่เราจะข่มขวัญพวกมันยังไง”
“ข้ากำลังคิดอยู่ งานนี้ต้องฉีกหน้าพวกมันให้ได้”
ยอดจดสายตามองจ้องดนัยที่ยืนสนิทสนมกับเพลินตาอย่างแค้นใจ
เวลาเดียวกัน เถ้าแก่ตงวิ่งหกล้มหกลุกขึ้นมาบนโรงพักบ้านไม้งาม โวยวายเหมือนคนบ้า
“คุณตำรวจ ช่วยอั๊วด้วย อั๊วซี๊เลี้ยว อั๊วซี๊เลี้ยวคุณตำรวจ”
โอฬารถามทันที “อะไรๆ เถ้าแก่ ซี๊ก็ไปทีวัดสิ มาโวยวายอะไรที่โรงพัก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น อั๊วกำลังจะซี๊ต่างหาก” ทำท่าจะร้องไห้ออกมา “เพราะแก้วตาดวงใจอั๊ว อีหายไปเลี้ยว”
ไชโยนึกสงสัย “อะไรหายเหรอเถ้าแก่”
เถ้าแก่ตงสาธยาย “ก็อาหมวยใหญ่อะสิ อีหนีออกจากบ้าน อีบอกว่าจะไปบวชที่วัดไหนก็ไม่รู้ อั๊วตามหายังไงก็ไม่เจอ คุณตำรวจต้องช่วยอั๊วนะ”
“อ้าว คนเค้าจะไปบวช จะให้ตำรวจช่วยอะไรล่ะเถ้าแก่นี่ไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้ายนะ” ไชโยบอก
“นั่นสิเถ้าแก่ แล้วหายไปนานรึยัง ถ้าไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงน่ะไม่รับแจ้งความหรอกนะ” โอฬารว่า
“ไอ๊หยา แล้วอั๊วจะทำยังไงอ่ะ อั๊วอยากเจอหน้าลูกนี่ หายไปเฉยๆอย่างนี้อั๊วก็ซี๊กันพอดี”
ธัมโมยินเสียงโหวกเหวกจึงออกมาจากห้องทำงาน “มีอะไรเหรอหมู่ จ่า”
“หมวยใหญ่หนีไปบวชครับผู้กอง เถ้าแก่ตงอยากจะให้พวกเราช่วยออกตามหา”
ฟังไชโยบอกแล้ว ธัมโมมองเถ้าแก่ตงอย่างเห็นใจ
ธัมโมสตาร์ทรถ เถ้าแก่ตงรีบขึ้นมานั่งพร่ำบอกอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณอาผู้กอง อาผู้กองใจดีจริงๆ เหมือนพระโพธิสัตว์มาโปรดชาวบ้านอย่างอั๊ว”
“ไม่เป็นไรหรอกเถ้าแก่ คนกันเอง” หันไปบอกกับไชโยโอฬารที่มายืนส่ง “หมู่จ่า ฝากทางนี้ด้วยนะ”
“ครับผู้กอง” ไชโยรับคำขึงขัง
“เถ้าแก่ ถ้าเจอน้องหมวยช่วยบอกด้วย ว่าอย่าบวชชีเพื่อหนีรัก” โอฬารบอก
เถ้าแก่ตงงง “เพราะว่า…”
“เพราะจะมีคนอกหักเพราะรักชี ตึงโป๊ะ ฮิ้ววว...”
ไชโยหันมามองโอฬารดุๆ โอฬารเจื่อน “ไม่ขำนิ ไม่ขำเหรอ ว้าแย่จัง”
เถ้าแก่ตงพูดกับธัมโม “อั๊วลงไปถีบยอดหน้ามันก่อนได้มั้ยผู้กอง แบบหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่ช่วยไม่ว่า แต่ดันยิงมุกฝืดเนี่ย อั๊วเคียกฉิกหัยเลย”
“ไว้ขากลับเหอะเถ้าแก่ รีบไปตามหมวยใหญ่ก่อนดีกว่า” สั่งไชโยกะโอฬาร “ไปนะจ่า หมู่”
ธัมโมออกรถ ทิ้งให้ไชโยกับโอฬารยืนเอาเรื่องกันต่อ เสียงไชโยด่าโอฬารลอยมา “ยิงมาได้ยังไง มุกตะกี้ หมู่ยิงออกมาได้ยังไง”
ส่วนภายในห้องรับแขกบ้านเสี่ยเล้งยามนั้น คนรับใช้เพิ่งเสิร์ฟเครื่องดื่มเสร็จแล้วปลีกตัวไป เห็นย้งรีบคว้าน้ำมาดื่มเพื่อระงับความตื่นเต้น
เสี่ยเล้งสังเกต “เอ ผมว่าท่านนำชัย…หน้าตาดูเปลี่ยนๆ ไปนะครับ ไม่เหมือนตอนเจอกันที่กรุงเทพฯ”
ย้งร้อนตัวโวยวายกลบ “อ้าวเสี่ย พูดแบบนี้หาว่าผมเป็นตัวปลอมหรือไง ต้องให้ควักบัตร ประชาชนออกมาพิสูจน์หรือเปล่า หรือจะเช็คทะเบียนรถของผมที่จอดอยู่ก็ได้นะ ว่ารถใครกันแน่”
เพลินตารีบแก้ต่าง “เอ่อใจเย็นๆ ค่ะท่าน คุณพ่อดิฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกค่ะ”
จำเริญผสมโรง “ใช่ครับ ผมเองก็ว่าท่านดูผอมๆ ไป ไม่เห็นเหมือนในข่าว”
“ช่วงนี้ท่านเดินสายไม่ได้หยุดพักเลยค่ะ ต้องไปเยี่ยมผู้สมัครทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ เจอทั้งแดดทั้งฝน ก็เลยซูบๆไป” ย้งเล่นบทท่านนำชัยได้สมบทบาท
“อ๋ออย่างนี้นี่เอง ตอนแรกผมก็คิดแบบเดียวกับคุณจำเริญว่าท่าทางท่านไม่ค่อยเหมือนในหนังสือพิมพ์สักเท่าไหร่” ดนัยเสริม
ย้งหันไปทางดนัย “โทษนะคุณตำรวจ คุณเป็นใคร”
“ผมสารวัตรดนัย เป็นผู้ดูแลสถานีตำรวจบ้านไม้งามครับท่านวันนี้ผมรับหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับท่าน”
“ดี เพราะวันนี้ผมต้องการความปลอดภัยเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน”
เสี่ยเล้งฉงน “ท่านหมายถึง…”
ย้งหันมากระซิบใกล้เสี่ยเล้งมากๆ “เรื่องเงินที่เราคุยกันไว้ ทางผู้สมัครคนเก่าเค้าต้องการ
โดยด่วน”
“เท่าไหร่ครับท่าน”
เก่งรีบดักคอย้งก่อน “สามล้านค่ะ”
ย้งรีบบอก “สามที่ไหน ห้าล้านต่างหาก”
เพ็ญพรเหลียวขวับ “ท่านฟังผิดมั้งครับ ผมก็ได้ยินมาว่าสามล้าน”
ย้งทำท่าฮึดฮัด “เอ๊ะ ชั้นบอกว่าห้าก็ห้าสิวะ ห้ามเถียง”
เพ็ญพรแอบแค้น “ครับท่าน”
เสี่ยเล้งเห็นว่าคนอยู่เยอะก็เริ่มอึดอัด “เอ่อท่านครับ ผมมีเรื่องอยากปรึกษาท่านเป็นการส่วนตัว ขอเชิญที่ห้องทำงานจะได้มั้ยครับ”
จำเริญเพิ่งปิดประตูห้อง ขณะที่เสี่ยเล้งเริ่มต่อรองกับย้งในคราบนำชัยนักการเมือง
“ค่าป่วยการห้าล้านมันไม่มากไปหน่อยเหรอครับท่าน ก็แค่จ้างไม่ให้ลงสมัครแค่รอบเดียวเท่านั้น”
ย้งทำท่าขึงขังเก๋าเกม “เฮ้ย รอบเดียวมันก็หลายปีนะเสี่ย เสี่ยรู้มั้ยว่าถ้าเสี่ยมีอำนาจเมื่อไหร่
จะกอบโกยได้มากกว่านี้เป็นสิบเป็นร้อยเท่า”
“ครับผมทราบ”
“ถ้างั้นก็รีบไปถอนเงินสดมาเดี๋ยวนี้เลย”
“เงินมากขนาดนั้น จ่ายเป็นเช็คไม่ดีกว่าเหรอครับท่าน”
“ผมไม่อยากมีปัญหาทีหลัง เงินสดปลอดภัยกว่ากันเยอะ” ย้งบอก
“แล้วโอนผ่านบัญชีล่ะครับ จะได้รึเปล่า” เสี่ยเล้งว่า
“เฮ้ยไม่ได้ ช่วงนี้คู่แข่งกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวทางการเงินของพวกเรา โอนเงินไม่ได้เด็ดขาด ผมต้องการเงินสด เงินสดอย่างเดียวเท่านั้น”
เสี่ยเล้งมีสีหน้าหนักใจ ในขณะที่จำเริญเริ่มรู้สึกผิดสังเกต
ในห้องรับแขก เก่ง กะเพ็ญพร นั่งอยู่กับเพลินตา ดนัย และมิ่งด้วยท่าทีอึดอัด เพราะทั้งสามต่างมองพวกเธออย่างจับสังเกต
“เอ่อ ไม่ทราบห้องน้ำอยู่ทางไหนคะ” เก่งถาม
“ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวให้นายมิ่งพาไปก็ได้”
“อุ๊ยไม่ต้องหรอกค่ะ ชั้นให้นายเทิดไปเป็นเพื่อนดีกว่า”
เพ็ญพรในมาดเทิดหันมาทางดนัย “ขอตัวสักครู่นะครับ”
เพ็ญพรกับเก่งรีบปลีกตัวไป ดนัยมองตามอย่างสังหรณ์ใจ
เก่งกับเพ็ญพรทำทีเป็นเดินมาเข้าห้องน้ำ ก่อนจะหลบมุมปรึกษากัน
“ตำรวจแห่มาเป็นโขยงเลย จะฉกเงินได้ยังไง” เก่งออกอาการกังวล
“พวกตำรวจคงไม่ตามไปที่ธนาคารกันหมดทุกคนหรอกพอได้เงินเมื่อไหร่ ต้องรีบหนี” เพ็ญพรว่า
ย้งโผล่พรวดออกมาแจม “นั่นสิ ขืนกลับมาที่นี่ สงสัยหนีไม่รอดแหง”
เก่งหมั่นไส้ หยิกหูทันควัน “ไอ้ย้ง ไอ้ตัวแสบ”
“โอ้ย เบาๆไอ้เก่ง หูจะหลุดแล้ว นี่ข้าสวมบทเป็นนักการเมืองใหญ่อยู่นะ” ย้งโวย
“แกทำบ้าอะไรของแกวะไอ้ย้ง แผนของเราไม่ใช่แบบนี้” เก่งด่า
เพ็ญพรเห็นด้วย “ถ้าขอสามล้านแต่แรก ไอ้เสี่ยเล้งอาจจะจ่ายเงินให้เราไปแล้วก็ได้คงไม่เสียเวลาแบบนี้หรอก”
ย้งอวดดีคุยเขื่อง “เอาเหอะน่า บุกถ้ำเสือทั้งที มนต้องจับลูกเสือให้ได้ จะคว้าขี้เสือไปทำไม ชั้นเชื่อว่าพวกเราต้องทำสำเร็จ”
มิ่งเดินมาตาม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีรึเปล่าครับ”
“อ๋อดี ห้องน้ำที่นี่สวยมาก หรูพอๆ กับที่กรุงเทพฯเลย” ย้งตะโกนบอก
“นี่มันห้องเก็บของครับ ห้องน้ำอยู่ทางโน้น”
ย้งอึกอักนิดนึง “อ๋อ ก็พูดถึงทางโน้นไง แล้วนี่รถพร้อมรึยังจะได้เดินทางกันซะที”
ดนัยซึ่งนั่งอยู่กับเพลินตาตามลำพัง เพลินตาเห็นปลอดคนก็ปรึกษากับดนัย
“ท่าทางยังไงชอบกลอยู่นะคะสารวัตร คนใหญ่คนโตระดับท่านนำชัยไม่น่าจะหลุกหลิกแบบนี้เลย พวกเลขากับองครักษ์ก็เหมือนกัน”
“ผมเห็นด้วยครับ สงสัยคงต้องระวังกันหน่อย”
เสี่ยเล้งกำลังจัดเอกสารทางการเงินใส่กระเป๋า โดยไม่ลืมหยิบปืนพกติดไปด้วย
จำเริญเคาะประตูเข้ามาในห้อง “ผมโทร.เช็คดูแล้วป๊า รถที่ขับมาเป็นของท่านนำชัยจริงๆ”
“ก็แสดงว่าเป็นตัวจริง ไม่งั้นคงไม่รู้ข้อมูลของเราขนาดนี้”
“แต่ยังไงผมขอไปด้วยนะป๊า เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยแก้ไข” จำเริญบอก
ทางด้านท่านนำชัยตัวจริง และพรรคพวกยังถูกมัดอยู่ โดยมีครูเพิ่มเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
“เมื่อไหร่จะบ่ายโมงซะทีวะจะได้รีบเผ่น นี่ถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าล่ะก็มีหวังซวยแน่”
ครูเพิ่มกระวนกระวายพลางมองปืนในมือซึ่งเพ็ญพรให้มาอย่างอึดอัดใจ เพราะไม่อยากถือปืนผาหน้าไม้เท่าไหร่นัก
ในระหว่างนั้นครูเพิ่มก็ไม่รู้เลยว่า มือปืนของท่านนำชัยได้ใช้เศษหินคมๆ ที่ควานได้แถวนั้นถูกับเชือกที่มัดตัวเองอยู่จนใกล้ขาดแล้ว
ขณะเดียวกัน ทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่ห้องรับแขกเพื่อเตรียมตัวเรื่องไปธนาคาร
“ผมว่าเดี๋ยวท่านนำชัยรออยู่ทางนี้ดีกว่าครับ ผมกับลูกชายไปที่ธนาคารกลับมาก็คงไม่เกินสี่สิบนาที”
“เอ่อแต่ว่า ผมอยากไปด้วยนี่ ไปกันเยอะๆ ไม่ดีกว่าเหรอ” ย้งเสนอ
“อยู่ทางนี้ดีกว่าครับท่าน ผมจะได้ดูแลความปลอดภัยได้สะดวกขึ้น” ดนัยดักคอ
เพ็ญพรคิดสักครู่ “ไม่เป็นไรครับท่าน ผมจะอยู่เป็นเพื่อนท่านเองครับ งานนี้ให้คุณเลขาไปดูแลความเรียบร้อยคนเดียวก็พอ”
เพลินตาแปลกใจ “จำเป็นด้วยเหรอคะ”
เก่งในมาดเลขาสาวยิ้มเยื้อน “ก็ไปช่วยนับเงินไงคะ เผื่อเหลือเผื่อขาดยังไง จะได้ช่วยทักท้วงกัน
แต่เนิ่นๆ ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เสียเวลา”
เพลินตามองเก่งในคราบโฉมฉวี ยิ่งไม่ถูกชะตาอย่างแรง
ย้ง เพ็ญพร เพลินตา และดนัย มาส่ง มิ่ง เก่ง เสี่ยเล้ง และจำเริญ หน้าเรือน
“ขับรถดีๆ รีบไปรีบมานะเสี่ย นี่ไม่ได้เร่งนะ แต่รออยู่” ย้งเอ่ยขึ้น
เพ็ญพรแอบกระซิบบอกเก่ง “ได้เงินเมื่อไหร่ลงมือได้เลย ทางนี้ชั้นจะพานายย้งหนีเอง”
เก่งพยักหน้าให้เพ็ญพร
ทางพวกเบิ้มและยอดยังซุ่มดูเหตุการณ์อยู่
“พี่ ไอ้พวกเสี่ยเล้งมันจะไปไหนก็ไม่รู้ พี่มีแผนแล้วรึยัง” เบิ้มถามยอด
ยอดเครียด “กำลังคิดอยู่”
“โหพี่ คิดมาเป็นชั่วโมงแล้ว เอาซะทีเหอะ”
ยอดหันไปดูในบ้าน “ไอ้นักการเมืองนั่นมันไม่ได้ไปด้วยนี่หว่า ไอ้ดนัยกับคุณเพลินตาก็เหมือนกัน”
เบิ้มกระเหี้ยนกระหืออยากรู้เต็มแก่ “แล้ว…แล้วแผนของเราก็คือ…”
ยอดลังเลคิดไม่ตก “เอาไงดีว้า”
“โอ้ยพี่ เอามาสักแผนเหอะ แดดมันร้อน รอจนตัวดำไปหมดแล้วเนี่ย” เบิ้มหงุดหงิด
“ก็ได้ งั้นเราจะอุ้มตัวไอ้นักการเมืองนั่น” ยอดบอกแผน
“เฮ้ย ไม่งานช้างไปหน่อยเหรอพี่” เบิ้มทักท้วง
“ก็แค่ขู่มันไม่ให้ช่วยเหลือเสี่ยเล้ง เท่านี้ทุกอย่างก็เป็นตามเป้าหมายที่พ่อกำนันวางไว้”
เบิ้มคิดแล้วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ตรงบริเวณป่าริมถนน ครูเพิ่มดูนาฬิกาข้อมือเห็นเวลาใกล้ถึงบ่ายโมง ก็รีบมาบอกกับตัวประกันโดยบอกกับนำชัย
“ขอโทษด้วยครับท่าน ที่ต้องทำให้เดือดร้อน แต่พวกเราไม่ต้องการให้คนชั่วมามีอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านไม้งาม และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้พรรคการเมืองของท่านเลิกสนับสนุนคนพวกนี้ และเลิกหาผลประโยชน์จากการบริหารงานแผ่นดินซะที” ดูนาฬิกาอีกครั้ง “อีกเดี๋ยวผมจะแจ้งตำรวจให้มาช่วยพวกท่านขอบคุณมากครับ”
ครูเพิ่มว่าแล้วก็ลุกขึ้นทำท่าจะเดินไป แต่จังหวะนั้นเองมือปืนของนำชัยก็ตัดเชือกได้สำเร็จ มันรีบถอดผ้าปิดตาปิดปากออก แล้วตรงดิ่งเข้าหาครูเพิ่มทางด้านหลัง
ครูเพิ่มได้ยินเสียงก็จะหันมาเล็งปืนขู่ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป มือปืนเงื้อหมัดต่อยใส่หน้าครูเพิ่มเต็มแรงจนล้มคว่ำปืนกระเด็นหลุดจากมือ
ครูเพิ่มมองไปที่ปืนด้วยความตกใจ
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ผู้กองธัมโมกำลังขับรถพาเถ้าแก่ตงไปตามหาหมวยใหญ่มาจนถึงตรงถนนเลียบป่าบ้านไม้งาม เถ้าแก่ตงซาบซึ้งใจใหญ่หลวง ชื่นชมไม่ขาดปาก
“ขอบคุณนะอาผู้กองที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนอั๊ว ลื้อนี่เป็นคนดีจริงๆ เลยนา”
“แหม ไม่ต้องชมก็ได้เถ้าแก่ ผมทำตามหน้าที่” ธัมโมเขิน
“ต้องชมสิ ความจริงอาหมวยใหญ่อีน่าจะชอบลื้อนา อั๊วจะได้รับลื้อมาเป็นลูกเขย เฮ้อ…เสียดาย ลื้อไม่น่าเป็นตุ๊ดเลย”
ชมอยู่หลัดๆ เถ้าแก่ตงดันมาหักมุมเล่นเอาธัมโมสะดุ้ง รถเสียหลักไปหน่อยๆ
เถ้าแก่ตงยังไม่รู้ตัว ออกอาการงง “อั๊ยย่ะ อั๊ว…อั๊วพูดอะไรผิดรึเปล่า”
ธัมโมตัดบท “เอ่อ... ช่างเถอะเถ้าแก่ เอาไว้วันหลังผมจะอธิบายละกัน”
ระหว่างนั้น มือปืนกับครูเพิ่มชกต่อยกัน มือปืนเป็นฝ่ายเหนือกว่าเลยชกครูเพิ่มแล้วหันไปคว้าปืนได้ก่อน ครูเพิ่มเห็นเข้าก็เริ่มกระโจนเข้าไปยื้อแย่งกัน จนปืนลั่นดังเปรี้ยง
ธัมโมได้ยินเสียงปืนก็หูผึ่งทันที
เถ้าแก่ตงก็ได้ยินเช่นกัน “อาผู้กอง อั๊วได้ยินเสียงปืน”
ธัมโมมั่นใจว่าเสียงปืนดังอยู่ไม่ไกล “เสียงมาจากแถวนี้”
ธัมโมเหลียวมองหาต้นเสียง แล้วสะดุดตากับในป่าไม่ไกลนัก จึงจอดรถชิดไหล่ทาง พลางคว้าปืน บอกเถ้าแก่ตงให้รอในรถ
“รออยู่นี่ก่อนนะเถ้าแก่ เดี๋ยวผมมา”
เถ้าแก่ตงพยักหน้าอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ครูเพิ่มกับมือปืนยังต่อสู้ยื้อแย่งปืนกัน ท่ามกลางเสียงลุ้นของท่านนำชัย โฉมฉวี กับคนขับรถที่แม้ถูกปิดปากปิดตาอยู่แต่ก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไอ้โจรห้าร้อย เอ็งตาย” มือปืนตะโกนก้อง
มือปืนจะยิงใส่ แต่ครูเพิ่มเบี่ยงหน้าหลบกระสุนลั่นปัง เฉี่ยวไป ครูเพิ่มร้องเสียงหลง
ด้านธัมโมวิ่งถือปืนตามเสียงปืนเข้ามาในราวป่า แล้วมองหาทิศทางของเสียงปืนอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งไปทางหนึ่งอย่างเร็ว
ครูเพิ่มเห็นปากกระบอกปืนส่ายอยู่ตรงหน้า มือครูเพิ่มเอานิ้วขัดไกหรือกดห้ามนกปืนเอาไว้ไม่งั้นคงตายไปนานแล้ว
ครูเพิ่มผวาตัวเหงื่อทะลัก เพราะเป็นโรคกลัวปืนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมขยาดเพราะเคยโดนกำนันศรยิงจนขาพิการจนทุกวันนี้
“อย่า…ไม่เอาแล้ว ชั้นกลัวแล้ว อย่า…”
มือปืนคำรามจะกดปากกระบอกปืนยิงครูเพิ่มให้ได้ “อย่าอยู่เลยมึง”
ด้วยความกลัวจนขีดสุด ครูเพิ่มเหวี่ยงปืนจนกระเด็นออกไป ปืนหลุดติดมือแกมาได้ ด้วยสัญชาติญาณแกรีบเหนี่ยวไกยิงทันทีเพื่อเอาตัวรอด มือปืนโดนยิงจนพรุน ทรุดลงขาดใจ
ครูเพิ่มได้สติว่าตัวเองทำอะไรลงไป
จังหวะนั้นธัมโมเพิ่งวิ่งมาถึงบริเวณนั้นพอดี ครูเพิ่มรีบวิ่งหนีไป ธัมโมเห็นแค่หลังครูเพิ่มไวๆ จึงยิงตามหลังไปหลายนัดแต่ไม่โดน
ไม่นานต่อมารถของผู้กองธัมโมแล่นมาจอดที่หน้าโรงพักฝุ่นตลบ โดยมีเถ้าแก่ตง ท่านนำชัย โฉมฉวี กับคนขับรถ โดยสารมาด้วย ไชโยกับโอฬารรีบลงมาดูเหตุกาารณ์
“ผู้กอง นี่มันอะไรกันครับเนี่ย” ไชโยถามเร็วๆ
“ขอผมใช้โทรศัพท์ก่อนจ่า เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง” สั่งการกับโอฬาร “หมู่ ช่วยดูแลท่านรองนำชัยด้วย”
โอฬารรับคำแข็งขัน “ครับพ๊ม” แล้วต้องชะงัก “ท่านรองนำชัย นักการเมืองใหญ่” โอฬาร มองสภาพที่เหลือแต่เสื้อกล้ามกับชั้นใน “อุ๊ย ทำไมเหลือแค่นี้เองล่ะครับท่าน”
นำชัยมองโอฬารตาขวาง
ขณะเดียวกัน ดนัย และเพลินตา กำลังนั่งจ้องย้ง และเพ็ญพร อย่างจับสังเกต บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ย้งแกล้งอ่านหนังสือพิมพ์ทำทีเป็นไม่สนใจ พอสบโอกาสก็ยกขึ้นบังหน้าเพื่อกระซิบกระซาบกับเพ็ญพร
“เมื่อไหร่มันจะเลิกจ้องซะที นี่ถ้าเราเป็นปลากัดล่ะท้องไปแล้วนะ
“ใจเย็นๆ ทำเฉยเข้าไว้” เพ็ญพรปลอบ
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สมุนของเสี่ยเล้งคนหนึ่งกระวีกระวาดมารับสาย
“ฮัลโหลบ้านเสี่ยเล้งครับ ครับ อยู่ตรงนี้ครับ รอสักครู่นะครับ” หันมาทางดนัย “สารวัตรครับ ผู้กองธัมโมขอคุยด้วยครับ บอกว่ามีเรื่องด่วนมาก”
ดนัยเอะใจบางอย่าง หันมาพูดกับเพลินตา “ที่นี่มีโทรศัพท์เครื่องอื่นอีกรึเปล่าครับ”
เพลินตารีบบอก “ที่ห้องทำงานป๊า มีอีกเครื่องนึงค่ะ”
ดนัยมองมาที่ย้งกับเพ็ญพร ทั้งสองทำเป็นไม่สนใจ
เพลินตาเปิดประตูให้ดนัยเข้ามารับสายโทรศัพท์ในห้องทำงาน ดนัยคว้าหูโทรศัพท์จากธัมโมที่ถือสายอยู่ที่โรงพัก
“ฮัลโหล ดนัยพูด”
“สารวัตรฟังผมให้ดีนะ พวกที่อยู่ในบ้านเสี่ยเล้งตอนนี้ เป็นนักต้มตุ๋น”
ดนัยไม่เชื่อ “อะไรนะ นายไปเอาข่าวบ้าๆ นี่มาจากไหน”
ธัมโมยืนยันหนักแน่น “ผมพูดความจริง ตอนนี้ท่านดนัยกับเลขาอยู่กับผมที่โรงพัก ท่านบอกว่าถูกคนลักพาตัว แล้วขโมยรถกับเสื้อผ้าไป ที่สำคัญมันถามเรื่องการเงินของท่านกับเสี่ยเล้งด้วย”
“ตอนนี้พวกมันคนนึงพาเสี่ยเล้งไปที่ธนาคาร” ดนัยบอก
“ทางนั้นผมจัดการเอง สารวัตรเล่นงานพวกที่เหลือก็แล้วกัน” ธัมโมบอก
ดนัยมองเพลินตาอย่างลังเล คิดโมโหในใจว่าถ้าพลาด เสียเครดิตแน่
เหตุการณ์ที่หน้าธนาคารถิ่นไทยสาขาไม้งาม รถยนต์เสี่ยเล้งแล่นมาจอดแถวหน้าธนาคาร เสี่ยเล้งเปิดประตูให้ “ถึงแล้วครับคุณโฉมฉวี”
จำเริญจูงมือ “เชิญครับ”
เก่งทำเป็นอวย “ขอบคุณค่ะ แหมสุดหล่อแถมใจดีทั้งพ่อทั้งลูกเลยนะคะ”
เก่งปลีกตัวลงจากรถไป เสี่ยเล้งกับจำเริญยิ้มให้กันตามประสาผู้ชายที่ดูทางกันออก
“เด็กของท่านนำชัยนะโว้ยไอ้จำเริญ” เสี่ยเล้งปราม
“ก็แค่จีบเล่นๆ น่าพ่อ ไม่ได้เอาจริงซะหน่อย” จำเริญออกตัว
จำเริญเดินหนีไป เสี่ยเล้งส่ายหน้าตามหลังอย่างระอา
ผู้จัดการธนาคารรีบกระวีกระวาดเข้ามาต้อนรับเสี่ยเล้งและคณะทันทีที่เห็น
“สวัสดีครับเสี่ย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ธนาคารของเรารับใช้ครับ”
“ผมต้องการถอนเงิน ห้าล้านบาท”
“ห้าล้าน” ผู้จัดการตาเหลือก
จำเริญย้ำ “เดี๋ยวนี้”
ผู้จัดการอึกอัก “เอ่อคือ…”
เสี่ยเล้งฉุนนิดๆ “ทำไม มีปัญหาอะไร หรือว่าธนาคารของคุณมีเงินไม่ถึงห้าล้าน”
“มีครับมี แต่คงต้องใช้เวลาสักนิดนึง เดี๋ยวผมจะระดมพนักงานให้ช่วยกันนับเงินทันทีเลยครับ ถ้าไงเชิญทุกคนไปรอที่ห้องทำงานผมก่อนละกันครับ แอร์เย็นๆ จะได้ไม่หงุดหงิด”
ผู้จัดการบอกกิริยาพินอบพิเทาเอาใจเต็มที่
ไชโยกะโอฬารกำลังรับรองท่านนำชัยและคณะมาที่ห้องโถงโรงพัก ในขณะที่ธัมโมผลุนผลันออกมาจากห้องแล้วไขกุญแจตู้เก็บอาวุธ ก่อนจะคว้าพกอาวุธหนัก ปืนยาวติดมือไป แล้วบรรจุกระสุนอย่างเร่งรีบ ปากก็หันไปสั่งการ
“จ่าโทรไปบอกที่ธนาคาร ว่าผู้หญิงที่มากับเสี่ยเล้งเป็นคนร้ายผมจะรีบไปที่นั่น”
“อ้าวแล้วพวกผมล่ะครับหมู่” ไชโยงง
“แบ่งกำลังส่วนนึงดูแลความปลอดภัยท่านนำชัย อีกส่วนมากับผม”
โอฬารท้วง “เอ่อ ผู้กองครับ”
ธัมโมบรรจุกระสุนเสร็จ เงยหนุถาม “มีอะไร”
“สารวัตรพาคนไปที่บ้านเสี่ยเล้งหมดเลยครับ” ไชโยบอก
“คือ..เราเหลือกันแค่สามคนครับผู้กอง” โอฬารว่า
ธัมโมอึ้ง กวาดตามองไปรอบๆ ไม่มีกำลังตำรวจอยู่จริงๆ ด้วย
พอก้าวขึ้นรถแล้วธัมโมสตาร์ทเครื่อง ขับทะยานออกไปทันที บ่นงึมงำคิดว่าอยู่คนเดียว
“เอาใจหญิงจนเสียงาน ให้มันได้แบบนี้สิน่าสารวัตร”
ธัมโมตีโค้งแล่นไปฝุ่นตลบ เร่งเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปธนาคาร อย่างไม่คิดชีวิต
ยินเสียงเถ้าแก่ตงแว่วเข้ามา “อาผู้กอง นี่เราจะไปไหนอ่ะ”
“จับคนร้ายครับ” ธัมโมบอก
ยินเสียงเถ้าแก่ตงดังขึ้นอีก “แล้วลูกสาวอั๊วล่ะ”
ธัมโมตกใจหันมาทางเสียง เห็นเถ้าแก่ตงยังนั่งที่เดิม “เฮ้ย เถ้าแก่ นี่เถ้าแก่ขึ้นมา
ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ขึ้นที่ไหน เมื่อกี้อั๊วยังไม่ได้ลงเลย ก็อั๊วจะรีบไปตามหาหมวยใหญ่ลูกสาวอั๊ว”
“เอ่อ…ได้ๆ แต่ผมขอแวะจับโจรก่อนนะ”
ธัมโมหันกลับมามองทางเบื้องหน้า แล้วแอบย่นหน้า “โธ่กู ลืมได้ยังไงวะ”
ส่วนที่ธนาคาร พนักงานกำลังช่วยนับเงินกันมือระวิง ระหว่างนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งถือสมุดบัญชีจะมาทำธุรกรรม
“ติดต่ออะไรครับ” ผู้จัดการเข้าไปถาม
“ถอนเงินจ้ะ” ชาวบ้านบอก
“เท่าไหร่ครับ”
ชาวบ้านบอกนิ่งๆ “สองร้อย”
“งั้นเดี๋ยวค่อยมาใหม่วันหลังละกันครับ ประทานโทษ...พอดีวันนี้เราปิดทำการเร็วกว่ากำหนด เชิญครับ เชิญ”
ผู้จัดการส่งลูกค้าเสร็จก็รีบแขวนป้าย close ปิดทำการ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเห็นพนักงานคนหนึ่งรับสาย
“ผู้จัดการครับโทรศัพท์” พนักงานเรียกบอก
ผู้จัดการหงุดหงิดใส่ “ไม่ว่างโว้ย บอกว่าเดี๋ยวโทร.กลับ”
“ตำรวจโทร.มานะครับผู้จัดการ”
ผู้จัดการธนาคารนิ่วหน้าก่อนจะเดินไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีครับ ผมผู้จัดการธนาคารถิ่นไทย ไม่ทราบว่าคุณตำรวจมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ” ฟังแล้วตาเหลือกด้วยความตกใจ “หา จริงเหรอครับ”
เวลาเดียวกันยอดกำลังจับตาบ้านเสี่ยเล้งอย่างใช้ความคิด ก่อนจะได้ยินเสียงกรนแว่วมา เมื่อหันไปก็เห็นเบิ้มนอนหลับสนิท
“ไอ้หอกโมกขศักดิ์ ร้อนตับจะแตก เอ็งหลับเข้าไปได้ยังไงวะ”
“โห ไม่หลับก็ต้องหลับล่ะพี่ ก็พี่เล่นไม่รุกคืบซะทีนี่น่า” เบิ้มได้ยินตื่นมาบ่น
“ก็ข้าบอกแผนเอ็งแล้วไงว่าเราจะอุ้มตัวท่านนำชัย”
“ยังไงล่ะพี่ ยังไง” เบิ้มยังไม่เก็ต
ยอดเซ็งเป็ด โวยใส่ “นี่ใจคอเอ็งจะไม่ขยับสมองบ้างเลยเหรอวะไอ้เบิ้ม ช่วยคิดบ้างสิโว้ย เอะอะก็ถามอยู่ได้”
จังหวะนั้นเบิ้มเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง “ฮึ่ยพี่ ดูนั่น พวกตำรวจมันเข้าไปข้างในกันหมดเลย สงสัยต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ เลยพี่”
ยอดคิดอยู่นิดหนึ่ง “อ้อมไปดูที่หลังบ้านดีกว่าว่ะ เผื่อเห็นอะไรบ้าง”
เบิ้มพยักหน้า ทั้งสองย้ายทำเล
บรรดาพลตำรวจพากันเข้ามาในบ้านแล้วยืนประจำทางออกต่างๆ มุมละนายสองนายจนเต็มไปหมด โดยมีสมุนเสี่ยเล้งสมทบอยู่
เพ็ญพรรู้สึกผิดสังเกตเลยสะกิดย้ง ที่ยังอ่าน น.ส.พ.บังหน้า
เพ็ญพรกระซิบเบาๆ “ย้ง นายย้ง”
“ว่าไงเจ๊”
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี”
ย้งมองไป “โอ้โห แค่รุมจ้องคนสองคนก็เขินจะแย่ นี่มารุมจ้องกันเป็นโขยงเลย”
เพ็ญพรบอกแผน “ฟังชั้นให้ดีนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายรีบเผ่นออกทางด้านหลัง”
ย้งพยักหน้า รู้ทางอย่างดี “มีประตูรั้ว เปิดออกไปจะเจอป่าหญ้า”
เพ็ญพรแปลกใจ “นายรู้ได้ยังไง”
“ต้องรู้สิเจ๊ เที่ยวก่อนก็เผ่นทางนั้น ว่าแต่เจ๊เหอะทำไมไม่ไปพร้อมกัน”
“ชั้นยังมีงานต้องทำ งานเสี่ยง” เพ็ญพรบอก
“โอเค.งั้นเชิญเจ๊ฉายเดี่ยวตามสบายเลยนะ ว่าแต่..เจ๊จะเผ่นยังไง”
“ไม่ต้องห่วงชั้น ชั้นดูแลตัวเองได้ แค่ไม่มีนายเป็นตัวถ่วงก็พอแล้ว”
ย้งชะงักมองหน้าเพ็ญพรค้อนอย่างเคืองๆ คิดในใจสบประมาทกันนี่หว่า เพ็ญพรเชิดหน้า ทำไม่รู้ไม่ชี้
เวลาเดียวกัน พลตำรวจคนหนึ่งเข้ามารายงานดนัยกับเพลินตาในห้องทำงานเสี่ยเล้ง
“สารวัตรพวกเรามารวมตัวกันพร้อมแล้วครับ”
ดนัยบอกกับเพลินตา “รออยู่นี่นะครับคุณเพลินตา ไว้ผมจับคนร้ายได้เมื่อไหร่ คุณค่อยลงไป”
เพลินตาหรือจะยอม “ตาไปด้วยค่ะ” พูดเน้นคำ “ตาอยากเห็นว่าพวกมันจะเอาตัวรอดยังไง”
ดนัยลำบากใจ “แต่ว่า…”
แทนคำตอบเพลินตาเดินไปเปิดลิ้นชักเสี่ยเล้ง แล้วหยิบปืนออกมาพูดเสียงเหี้ยมแววตาดุดัน
“ตาดูแลตัวเองได้ค่ะสารวัตร”
ดนัยพยักหน้าจำยอม
เพ็ญพรกับย้งนั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นดนัยกับเพลินตาเดินลงมาจากข้างบน พร้อมพลตำรวจ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่มั้ยคุณตำรวจ” ท่านผู้นำย้งถาม
“เรียบร้อยครับท่าน เลขาของท่านกำลังหอบเงินมาที่นี่” ดนัยบอก
“อ๋อดี ได้แบบนั้นก็ดี”
เพ็ญพรยืนพรวด “ถ้างั้นผมขอไปสตาร์ทรถรอเลยนะครับท่าน เพราะนี่เราสายมากแล้ว”
ย้งงงตาแตก ตามไม่ทัน “สาย” จนเห็นเพ็ญพรขยิบตา “อ๋อใช่สายมากแล้ว ใช่ๆ เดี๋ยวผมต้องไปปราศัยไปเยี่ยมลูกพรรคที่หมู่บ้านอื่นอีก ไปๆ สตาร์ทเครื่องไว้เลย เงินมาถึงเมื่อไหร่จะได้รีบเผ่นเอ๊ยรีบไป”
เพลินตาขยับเข้ามาขวางเพ็ญพร แล้วบอกกับย้ง “ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะท่าน ยังมีเวลา”
เพ็ญพรเห็นท่าไม่ดีจากสีหน้าของพวกตำรวจ ยิ่งเมื่อหันมาเจอดนัยก็ยิ่งเดาทางได้
“นี่มันยังไงกันแน่สารวัตร ทำไมต้องเรียกตำรวจมาเฝ้ากันมากมายขนาดนี้ ผมอยู่ที่นี่ทั้งคน ผมดูแลความปลอดภัยให้ท่านนำชัยเองได้” เพ็ญพรแกล้งโวยวาย
“คุณเทิด.. เราไม่ได้มาดูแลความปลอดภัยให้คุณหรือใครทั้งนั้น แต่ที่ผมเรียกตำรวจเข้ามาในนี้ก็เพื่อเฝ้าคนร้าย” ดนัยเน้นคำตรงประโยคหลัง
เพ็ญพรชะงักมองดนัยเขม็ง ดนัยก็มองจ้องเพ็ญพร ในแววตาลึกล้ำเหมือนจอมยุทธ์ดูเชิงก่อนประลองฝีมือ
ดนัยสั่งเข้ม “จับมัน”
ขาดคำตำรวจสองสามนายก็โผเข้ายึดแขนเพ็ญพรเอาไว้เพื่อจะทำการริบอาวุธ
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทว่าเพ็ญพรตั้งรับและพลิกตัวเตะตำรวจทั้งสองนายกระดอนออกไป แล้วสอดมือเข้าไปหยิบบางอย่างที่เหน็บเอวไว้ ทั้งดนัย ทั้งตำรวจตั้งชักปืนทันที บางคนจ่อปืนมาที่ย้ง ซึ่งลืมตัวนั่งยกมือไม่กล้าขัดขืน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ วางอาวุธ” ดนัยตะโกนก้อง
“เสียใจด้วยครับสารวัตร ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดประโยคนี้”
ขาดคำเพ็ญพรชูระเบิดมือแบบเชือกกระตุกให้ทุกคนเห็น
เพลินตาตาเหลือก “ร..ร..ระเบิด” ถอยไปหลบหลังดนัยทันที
“ถ้าไม่ปล่อยผมกับเพื่อนไปล่ะก็ ทุกคนที่นี่ต้องตายกันหมดแน่” เพ็ญพรขู่
ดนัยโกรธจนลืมตัว ขยับ “แก”
“อ๊ะๆ อย่านะครับสารวัตร ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หาเรื่องเสี่ยงตายตอนนี้” หันมาสะกิดย้ง “ฮือ”
“หือ” ย้งยังงงกับสถานการณ์ที่พลิกปลิ้นไปขนาดนี้
เพ็ญพรบุ้ยใบ้ “ก็ไปสิ มัวรออะไรอยู่ได้”
“อ๋อจ้ะไป ไปตามแผนจ้ะ”
ย้งโกยแน่บไปทางด้านหลังบ้าน ขณะที่เพ็ญพรยังคุมเชิงทุกคนเอาไว้
ที่หลังบ้าน บริเวณเดิมที่ย้งเคยใช้หลบหนีตอนมาปล้นบ้านเสี่ยเล้งคราวก่อน มีสมุนยืนยามอยู่ แต่จู่ๆ ย้งก็โผล่มาเอาอิฐฟาดสมุนทั้งสองจนสลบเหมือด
“เรียบร้อย” ทิ้งอิฐมองไปที่บ้านด้วยความเป็นห่วง “เฮ้อ เรานี่ไม่เอาไหนจริงๆ ต้องให้ผู้หญิงคุ้มกันถึงจะหนีออกมาได้ พูดแล้วมันเสียเชิงชายเป็นบ้าหรือว่าจะกลับไปแก้ตัวดีวะ” คิดไปคิดมาจนคิดออก “อย่าเลย ไหนๆก็ไหนแล้ว เผ่นดีกว่า” จังหวะจะหนีดันหันมาเจอยอดกับเบิ้ม “อะเจ๊ย นี่พวกแก”
“แกเป็นนักการเมืองใช่มั้ย” ยอดจำย้งไม่ได้
“ใช่ท่านนำชัยรึเปล่า” เบิ้มถาม
ย้งตกใจ “พ…พวกแก ต้องการอะไร”
ยอดกับเบิ้มมองหน้ากันแล้วไม่รอช้าเปิดฉากออกหมัดทันที สู้กันไม่กี่หมัด แต่ย้งสลบไปแล้วและโดนเบิ้มคลุมด้วยกระสอบ
เบิ้มยิ้มกริ่ม “แหม ไม่น่าเชื่อเลยนะพี่ ว่าเราจะโชคดีแบบนี้ หมูวิ่งชนปังตอแท้ๆ”
“แต่มันแปลกๆ ว่ะ ไอ้นักการเมืองนี่ มาทำอะไรแถวนี้วะ” ยอดสะดุดใจ ฉุกคิด
“ช่างมันเหอะพี่ เผ่นก่อน เดี๋ยวค่อยถามมันทีหลัง”
ยอดพยักหน้า แล้วพาเบิ้มแบกย้งออกไปทันควัน
เพ็ญพรถือระเบิดขู่ในมือออกมาที่หน้าเรือนแล้ว โดยมีบรรดาตำรวจถือปืนเล็งตามออกมา ดนัยกับเพลินตามาสมทบเมื่อเห็นเพ็ญพรกำลังล่าถอยไปที่รถของท่านนำชัย)
“ยอมแพ้ซะเถอะ แกหนีไม่พ้นหรอก ถึงไงคนของชั้นก็ต้องตามแกไปอยู่ดี”
“ก็ลองดูสิสารวัตร ถ้าคิดว่าตามทัน”
เพ็ญพรดึงสายเชือกถอดสลักระเบิด แล้วโยนระเบิดลอยคว้างไปในอากาศ
ดนัยตะโกนก้อง “ระวัง”
ทุกคนต่างหลบระเบิดคนละทิศละทาง ก่อนที่ระเบิดจะทำงานตูม
เมื่อควันจางลงเพลินตาเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นเพ็ญพรสตาร์ทรถแล้วขับฝ่าไอฝุ่นไปอย่างรวดเร็ว เพลินตารีบยืนขึ้นแล้วเล็งตามหลังไป ก่อนจะกระหน่ำยิงหลายนัดจนหมดกระสุนหมด
ดนัยตามมาสมทบ “เพลินตา”
“รีบตามไปค่ะสารวัตร ตายิงโดนมัน ตายิงโดนมันแน่ๆ”
ดนัยไม่อยากเชื่อว่าเพลินตาจะทำได้ขนาดนี้ เหลียวมองตามรถของเพ็ญพร เห็นรถแล่นไปด้วยความรวดเร็วสูง
ผู้จัดการธนาคารเปิดประตูนำพนักงานถือถาดน้ำหวานเข้ามา เสี่ยเล้ง จำเริญ มิ่ง และเก่งรออยู่ข้างใน
“แหะๆ วันนี้อากาศร้อน สงสัยน้ำเปล่าคงเอาไม่อยู่ ทานน้ำหวานกันดีกว่าครับ ชื่นใจ”
เสี่ยเล้งถามทันที “ยังไม่เสร็จอีกเหรอผู้จัดการ”
“กำลังนับอยู่ครับเสี่ย ขาดอีกแค่ล้านเดียวเท่านั้นเอง” ผู้จัดการรีบพูดเอาใจ “ถ้าไงทานน้ำหวานก่อนละกันนะครับ”
พลางหยิบแก้วน้ำหวานเสิร์ฟให้เก่งในคราบโฉมฉวีเป็นคนแรก ก่อนจะแกล้งทำแก้วน้ำหวานหกรดเสื้อกระโปรงของเก่ง
“อู้ย ขอโทษครับคุณผู้หญิง ขออภัยจริงๆ ครับ กระผมไม่ได้ตั้งใจ”
จำเริญฉุน “นี่ ระวังหน่อยสิผู้จัดการ คุณโฉมฉวีเป็นถึงเลขาของท่านนำชัยนักการเมืองใหญ่เชียวนะ”
“โอ้ยเหรอครับ ขอโทษด้วยจริงๆครับคุณโฉมฉวี ถ้าไงไปล้างมือล้างไม้ที่ห้องน้ำก่อนนะครับ ผมจะให้คนของผมพาไป”
ผู้จัดการรีบบุ้ยใบ้กับพนักงาน
“เชิญค่ะ”
“เดี๋ยวชั้นมานะคะเสี่ย”
เก่งปลีกตัวตามพนักงานไปนอกห้องแล้ว
เสี่ยเล้งหันมาโวยใส่ “ไม่ไหวเลยนะผู้จัดการ ธนาคารของคุณบริการแย่มาก”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับเสี่ย ก่อนหน้านี้ตำรวจเค้าโทรมาบอกผมว่าคนที่มากับเสี่ยไม่ใช่เลขาของท่านนำชัยครับ แต่เป็นโจรปลอมตัวมา”
จำเริญตะลึง “อะไรนะ”
“ตำรวจกำลังจะมาที่นี่ครับ เค้าให้ผมถ่วงเวลาอีกแป๊บเดียว”
เสี่ยเล้งตกใจ มองหน้ากันกับจำเริญ เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ตัวปลอมเหรอเนี่ย แล้วท่านนำชัยตัวจริงอยู่ที่ไหน”
ท่านนำชัยที่เสี่ยเล้งเป็นห่วงกำลังนั่งดมยาดมโดยมีเลขาโฉมฉวีกับคนขับรถ คอยพัดคอยนวดอยู่ไม่ห่าง สักครู่ก็เห็นไชโยกับโอฬารเข้ามารายงาน
“ท่านครับ สารวัตรดนัยโทร.มาบอกว่า พวกคนร้ายที่บ้านเสี่ยเล้งมันหนีไปได้ครับ” ไชโยบอก
โอฬารเสริม “และที่สำคัญพวกมันก็เอารถท่านไปด้วย ครับผม”
นำชัยตาโต มือไม้สั่น “หา มันเอารถ.. เอารถชั้นไปงั้นเหรอ”
ไชโยสาระแนบอก “แหม คนใหญ่คนโตระดับท่าน รถแค่คันเดียว ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยนี่ครับ”
โฉมฉวีรีบกลบเกลื่อน “เอ่อคือรถคันนี้ท่านรักมากค่ะคุณ เป็นรถคันโปรดของท่าน”
นำชัยรีบผสมโรง “ใช่ รถคันนี้มีความสำคัญกับชั้นมาก หัวเด็ดตีนขาดยังต้องตามกลับมาให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น ชั้นจะย้ายพวกแกทั้งโรงพัก ไปอยู่ชายแดนให้หมด ไป! ไปตามกลับมา”
เก่งเปิดก๊อกน้ำล้างมือ ระหว่างนั้นก็เหลือบไปมองพนักงานธนาคารที่พาตนมาส่ง เห็นอีกฝ่ายออกอาการกลัวๆ ไม่กล้ามองหน้าตน
เก่งมองเงาตัวเองในกระจกของอ่างล้างหน้า เริ่มคิดได้ว่าแผนการที่วางไว้อาจจะมีข้อมูลรั่วไหลเสียแล้ว เก่งมองไปที่กระเป๋าถือสุภาพสตรีที่เธอพกมาด้วยความใช้ความคิด
เวลาเดียวกัน ธัมโมจอดรถแล้วสั่งกับเถ้าแก่ตง “รออยู่นี่นะเถ้าแก่ เดี๋ยวผมมา”
“ฮ่อๆ ไม่ต้องห่วงผู้กองเชิญตามสบาย”
ธัมโมรีบตรงไปที่ธนาคาร เถ้าแก่ตงรีบหันไปหยิบปืนของธัมโมที่ลืมไว้มาดู
“ไอ๊หย่า ปืนของจริงล่วย เหมือนในหนังเลย อั๊วอยากจับปืนแบบนี้มานานเลี้ยว” เถ้าแก่ตงยกปืนขึ้นเล็งทำปากเฟี้ยวฟ้าวราวกับยิงจริง “ปัง ปัง อะเฟี้ยว อะเฟี้ยว”
ธัมโมเข้ามาในธนาคารอย่างรีบเร่ง ผู้จัดการออกมาต้อนรับ
“ผู้ต้องสงสัยอยู่ที่ไหน”
“อยู่ในห้องน้ำครับคุณตำรวจ”
เสี่ยเล้ง จำเริญ และมิ่งตามออกมาจากห้องผู้จัดการ เจอธัมโมเข้าก็ฉงน
“ผู้กอง นี่คุณเองเหรอ”
“ผู้จัดการ ตำรวจคนนี้ไว้ใจไม่ได้นะ เพราะเค้าเป็นพวกเดียวกับโจร” จำเริญบอก
“ผมเป็นตำรวจ วันนี้ผมจะจับคนร้ายให้ดู” ธัมโมรีบไปที่ห้องน้ำ
“เอ็งตามไปดูไอ้มิ่ง ถ้ามีอะไรผิดสังเกตให้ลงมือได้เลย” เสี่ยเล้งสั่งการ
มิ่งตามธัมโมไปติดๆ
ธัมโมย่องมาถึงหน้าห้องน้ำพอได้ยินคนร้องอือๆๆ ก็หยุดชักปืน มิ่งที่ตามมาพลอยชักปืนด้วยแถมง้างนกอีกต่างหาก
ธัมโมได้ยินเสียงง้างนกปืน ก็หันมามองมิ่งเป็นเชิงปราม มิ่งชูมือทำนองว่าจะไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ธัมโมจึงผลักประตูและส่องปืนเข้าไป สิ่งที่เห็นก็คือพนักงานธนาคารที่พาเก่งมาส่งห้องน้ำกำลังถูกมัดอยู่กับอ่างล้างมือ โดยมีผ้าเช็ดหน้าหรือถุงน่องมัดอุดปากไว้”
ธัมโมรีบปลดผ้าถาม “ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน”
พนักงานธนาคารบอกอย่างตกใจสุดขีด “ออกไปทางด้านหลังแล้วค่ะ”
ธัมโมกับมิ่งถีบประตูออกมาเจอตรอกหลังธนาคาร ก่อนจะหันหลังชนกันพลางส่องปืนไปรอบทิศทาง ไม่เว้นแต่บนอาคาร
“ท่าทางมันคงทิ้งเงินหนีไปแล้ว” มิ่งว่า
“ไม่มีทาง มันลงทุนขนาดนี้ คงไม่ยอมหนีไปง่ายๆ เด็ดขาด” ธัมโมมั่นใจ
ทุกคนต่างชะเง้อไปด้านหลังธนาคารเพื่อรอฟังข่าว
“ไม่รู้ไอ้ธัมโมจะจับโจรได้รึเปล่า” จำเริญฮึดฮัด
“ป๊าว่าคงคว้าน้ำเหลวอีกตามเคย” เสี่ยเล้งพูดอย่างแค้นใจ “ฮึ ก็มันเป็นพวกเดียวกับโจรแล้วนี่”
วินาทีนั้นเองเก่งก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในคราบนางสิงห์ชุดดำ!!
“เสี่ย” ผู้จัดการตาค้าง
เสี่ยเล้งตื่นตะลึง “นางสิงห์”
เก่งหรือนางสิงห์สะบัดลูกตุ้มโซ่ไปคล้องหูกระเป๋าเงินก่อนจะกระชากมาใบหนึ่ง
“เฮ้ย เอาเงินคืนมา”
จำเริญชักปืนจะยิงนางสิงห์ แต่นางสิงห์กลับยิงสะกัดเอาไว้ ก่อนที่จะหอบกระเป๋าเงินหนีไป ตอนนั้นมิ่งกับธัมโมค่อยกลับออกมาจากด้านหลังธนาคาร
“มีอะไรครับเสี่ย”
“ก็นางสิงห์เพื่อนคุณน่ะสิ มันเอาเงินผมไปแล้ว” เสี่ยเล้งเกรี้ยวกราด
ธัมโมมองตามไป
ด้านเถ้าแก่ตงซึ่งกำลังนั่งลูบคลำปืนอยู่ มีอันต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินธัมโมตะโกนสุดเสียง
“นางสิงห์อย่าหนีนะ”
เถ้าแก่ตงมองไป เห็นนางสิงห์หอบกระเป๋าเงินวิ่งหนีผ่านหน้า โดยมีธัมโมถือปืนวิ่งไล่ ตามด้วยมิ่งกับจำเริญ
“เสี่ยน้อย อย่าไปเลยครับ ผมจัดการเอง”
“อย่าห้ามชั้น เรื่องแค่นี้ชั้นจัดการได้” จำเริญบอก โกรธจัดที่โดนลูบคมอีก
พอทุกคนไปกันหมดเถ้าแก่ตงก็มองปืนในมืออย่างคิดขึ้นได้
“ไอ๊หยา สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ โอกาสแจ้งเกิดของอาตงมาถึงเลี้ยว งานนี้ได้เป็นฮีโร่ละว๊อย”
เถ้าแก่ตงแบกปืนตามไปด้วย
ดนัยแปลกใจเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยเล้ง
“นางสิงห์ชุดดำ ที่แท้มันอยู่เบื้องหลังเหรอครับแล้วตอนนี้ธัมโมทำอะไรอยู่ครับ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะส่งคนไปช่วย”
“ว่าไงคะสารวัตร ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“พ่อของคุณบอกว่าทั้งหมดเป็นแผนของนางสิงห์ชุดดำ พวกที่ปลอมตัวมาก็คงเป็นสมุนของมัน”
“ตายจริง นี่มันมีลูกน้องด้วยเหรอคะ” เพลินตาตกใจ
ดนัยพยักหน้าใส่ร้ายธัมโมอีกดอก “มิน่า…งานนี้ธัมโมถึงได้ไหวตัวเร็วนัก บางทีเค้าอาจจะเป็นลูกน้องคนนึงของมันก็ได้”
เพลินตาอึ้งไป ไม่คิดว่าธัมโมจะเป็นได้ขนาดนี้
นำชัยโวยวายเอากับไชโย โอฬารลั่นโรงพัก โดยมีโฉมฉวีกับคนขับรถคอยประคอง
“ปัดโธ่โว้ย พวกคุณหูแตกหรือไง ผมไม่สนหรอกว่างานนี้ ใครจะปล้นเงินใครที่แบ๊งไหน แต่ผมห่วงรถผม ผมอยากรู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหนแล้ว” สั่งทันที “พวกคุณรีบไปบอกตำรวจคนอื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าวันนี้ไม่ต้องทำคดีอะไรทั้งนั้น นอกจากตามหารถให้ผม”
“เอ่อท่าน ประทานโทษเถอะครับ ตกลงรถท่านมันมีอะไรเป็นพิเศษเหรอครับ ท่านถึงได้ร้อนใจขนาดนี้” ไชโยสงสัย
โอฬารยิงมุก “นั่นสิครับ เห็นบ่นถึงไม่ขาดปาก รถนะครับ ไม่ใช่เมีย ถึงเสียยังไงก็ซ่อมได้”
นำชัยขัดใจขี้เกียจต่อปาก ได้แต่สบตากับโฉมฉวีอย่างลำบากใจ ไชโยกับโอฬารยิ่งสงสัย
ส่วนเพ็ญพรขับรถของนำชัยมาด้วยความยากลำบาก เหงื่อกาฬไหลท่วมหน้า
“รอเดี๋ยวนะบัว ชั้นจะไปช่วยเธอ ชั้นต้องไปให้ได้”
ที่แท้ไหล่เพ็ญพรมีรอยบาดแผลถูกเพลินตายิง
เก่งในคราบนางสิงห์วิ่งหนีมาถึงบริเวณอาคารร้างก็ควงตุ้มโซ่เหวี่ยงขึ้นไปเพื่อปีนป่ายหนีไปด้านบน ธัมโมตามมาถึงเป็นคนแรก
“นางสิงห์หยุดเดี๋ยวนี้นะ ชั้นบอกให้หยุด”
ธัมโมเห็นนางสิงห์ไม่ยอมหยุดก็ยกปืนขึ้นเล็งยิง มิ่งกับจำเริญมาเห็นเข้าก็รีบยิงถล่ม แต่ไม่มีใครยิงโดน
“นี่ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ยิงนะ” ธัมโมตะโกนอย่างไม่พอใจ
“ทำไมจะไม่มี ก็เงินที่มันฉกเป็นของพ่อผม”
เถ้าแก่ตงแบกปืนมาร่วมวง “มาเลี้ยว มาเลี้ยว อั๊วขอยิงด้วยคนนะ”
“เฮ้ยเถ้าแก่” ธัมโมตกใจ
เถ้าแก่ตงยิงตูม แต่โดนปืนถีบก้นจ้ำเบ้า กระสุนเด้งแล้วเด้งอีก แต่ดันฟลุคอีท่าไหนไม่ทราบกระสุนดันตัดโซ่นางสิงห์จนขาดกระจุย ทำให้นางสิงห์ร่วงลงมาพร้อมกับกระเป๋าเงิน
ธัมโมทั้งตกใจและห่วงใย “นางสิงห์”
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ก่อนที่ร่างนางสิงห์กำลังจะร่วงลงไปนั้น โชคดีที่มืออีกข้างของเธอยังไวและ สามารถคว้าขอบอาคารร้างได้ทัน นางสิงห์จึงโหนตัวหนีเข้าหน้าต่างอาคารร้างแห่งนั้นไป ธัมโมหงุดหงิดหันไปเอ็ดเถ้าแก่ตง แย่งปืนจากมือ
“ทำอะไรน่ะเถ้าแก่”
“ก็...ก็อั้วอยากช่วยอ่ะ” เถ้าแก่ตงอ้าง
“ไม่ต้องเลย อยู่เฉยๆ ผมจัดการได้
จำเริญเย้ยทันควัน “เฮอะ ให้มันจริงเหอะ เดี๋ยวก็ปล่อยนางสิงห์หนีไปอีกตามเคย”
“พวกคุณรอตรงนี้ เดี๋ยวผมจะจับนางสิงห์ให้ดู”
ธัมโมถือปืนยาวเข้าอาคารไป มิ่งกับจำเริญมองหน้ากันอย่างข้องใจ
อาคารร้างแห่งนั้นสูงประมาณ 3-4 ชั้น บรรยากาศบนอาคารค่อนข้างวังเวง ธัมโมถือปืนยาวส่องหาเป้าหมายอย่างระแวดระวัง
เสียงนางสิงห์ดังก้อง “จะยิงชั้นเหรอคะผู้กอง”
ธัมโมหันขวับส่ายปากกระบอกปืนไปทางต้นเสียง นางสิงห์หิ้วกระเป๋าเงินยืนอยู่
“คิดว่าจะได้ผลรึเปล่าคะ” นางสิงห์เย้ย
“ปืนนี่แรงอัดสูงกว่าปืนสั้น ถ้าโดนจังๆ ต่อให้หนังเหนียวแค่ไหนก็กระเด็น”
“ค่ะ ถ้ายิงโดนนะ”
ธัมโมง้างนกปืน ปากร้องสั่ง “ส่งกระเป๋าเงินมาให้ผม แล้วมอบตัวซะ”
“ปืนในมือคุณไม่มีความหมายหรอกค่ะผู้กอง ตราบใดที่คุณไม่กล้าเหนี่ยวไกยิงชั้น”
“รู้ได้ยังไงว่าผมไม่กล้า”
“เพราะชั้นเป็นเพื่อนของคุณ”
ธัมโมพยายามใจแข็งเหนี่ยวไกแต่ทำไม่ได้ ฉับพลันนั้นเขาเลยโยนปืนให้นางสิงห์รับไป
“รับ”
นางสิงห์ตกใจ “คุณ”
ธัมโมร้อง “ย๊าก”
นางสิงห์มือหนึ่งถือปืน อีกมือถือกระเป๋าเงิน จึงป้องกันตัวไม่ถนัด ธัมโมกระโดดรวบเอวคว้าตัวนางสิงห์จนล้มไปบนกองลังด้วยกัน ทั้งปืนทั้งกระเป๋าเงินหลุดมือนางสิงห์
“ทำบ้าอะไรของคุณ” นางสิงห์โกรธ พยายามสลัดตัวออก
“หน้าที่ของตำรวจอย่างผม ก็คือจับคนร้ายอย่างคุณให้ได้”
“แล้วมากอดชั้นทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ
“ก็คุณมันเก่งคาถาอาคมนักนี่ กุญแจมือล็อคไม่อยู่ผมถึงต้องใช้วิธีนี้” ธัมโมว่า
จากนั้นธัมโมขยับมากอด ก่าย ล็อก ยึด เหมือนเล่นมวยปล้ำยังไงยังงั้น
นางสิงห์ฉุน ร้องลั่น “อร๊าย ทุเรศที่สุด ลามก ปล่อยนะ”
“ผมกอดตามหน้าที่นะคุณ ขืนว่าผมอีกคำ คุณจะโดนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”
“โอ้ย จะกอดไปถึงไหน ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้ ไอ้ผู้กองบ้า ปล่อยโอ้ย มันจั๊กจี้ ปล่อย” นางสิงห์ทั้งดิ้น ทั้งสะบัดธัมโมออก แต่ไม่หลุด
จำเริญกับมิ่งตามมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
จำเริญหงุดหงิด “ฮึ่ย นั่นมันจับคนร้ายหรือปล้ำคนร้ายกันแน่วะ”
“เสี่ยน้อย เอายังไงดีครับ” มิ่งหารือ
จำเริญคิดแวบหนึ่ง “ฉวยโอกาสนี้ เก็บนางสิงห์มันซะเลย”
มิ่งค้าน “แต่ว่าผู้กองธัมโม”
จำเริญไม่สน “ช่างมัน มันก็พวกเดียวกันนั่นแหละ”
จำเริญบุ้ยใบ้ให้มิ่งดูปืนยาวของธัมโมที่หล่นอยู่ มิ่งรีบตรงไปคว้าขึ้นมาเล็งใส่เก่งกับธัมโมที่ขณะนั้นเปลี่ยนท่าจากนอนปล้ำมาเป็นยืนปล้ำกันอยู่
เก่งเหลือบไปเห็นมิ่งเล็งปืนมาพอดี “ผู้กองระวัง”
เก่งพลิกเอาหลังตัวเองบังร่างธัมโม จนถูกมิ่งยิงเข้าเต็มๆ แรงถีบของลูกกระสุนดันร่างของเก่งกับธัมโมกระเด็นหลุดไปนอกหน้าต่าง กระจกแตกกระจาย
กระจกร่วงแตกลงมาที่พื้น เถ้าแก่ตงมองขึ้นไปด้วยความตกใจ แหกปากร้องลั่น
“ไอ๊หยา ผู้กอง ผู้กอง”
ไวเท่าความคิด ธัมโมคว้าสายไฟใกล้ตัวเอาไว้ได้ อีกมือก็คว้าแขนของนางสิงห์ก่อนร่วงถึงพื้น
“โอ้โห มีฉากผากโผงให้ลูล่วย มาเที่ยวนี้อั้วคุ้มจริงๆ น่อ” เถ้าแก่ตงตื่นตาตื่นใจ
ธัมโมร้องบอก “นางสิงห์ จับไว้ อย่าปล่อยนะ”
ทว่านางสิงห์บาดเจ็บเพราะแรงปืน กำลังจะสิ้นแรง “ผู้กอง”
เก่งหรือนางสิงห์พูดได้แค่นั้นก็หมดสติไปทันที
จำเริญตรงมาคว้ากระเป๋าเงินอย่างดีใจ ก่อนจะพามิ่งไปชะโงกดูที่หน้าต่างจึงเห็นธัมโมกับนางสิงห์ห้อยอยู่
“เสี่ยน้อย นางสิงห์มันยังไม่ตาย” มิ่งบอก
จำเริญแค้นนัก “นังบ้า หนังเหนียวนักใช่มั้ย”
จำเริญชักปืนพกพยายามยิงใส่นางสิงห์ โดยไม่สนว่าจะเฉี่ยวธัมโมหรือไม่
ธัมโมตะโกนถามด้วยความโมโห “คุณจำเริญ นี่คุณจะฆ่าผมหรือไง”
จำเริญไม่สน “ผมจะฆ่านางโจรชั่วนี่ต่างหาก คุณนั่นแหละไปช่วยมันไว้ทำไม”
ธัมโมอ้างกฎหมายอีก “บ้านเมืองมีกฎหมาย คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ”
จำเริญเลือดขึ้นหน้าแล้ว “ไม่สนโว้ย” เรียก “ไอ้มิ่ง เอาปืนยาวซัดมันเลย”
ธัมโมตะโกนก้อง “อย่านะ ! อย่ายิง
มิ่งร้องบอกธัมโม “อยู่นิ่งๆ สิผู้กอง เดี๋ยวถูกลูกหลงผมไม่รู้ด้วยนะ”
มิ่งขยับปืนยาวส่องไปที่นางสิงห์ ธัมโมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเหวี่ยงร่างของนางสิงห์ไปยังที่ปลอดภัย เป็นบริเวณตึกข้างๆ นั่นเอง
ธัมโมเริ่มแกว่งตัว จนทำให้มิ่งต้องส่ายปืนตามไปมา จำเริญเหลือบเห็นเข้าก็เดาทางออก
“ผู้กองจะโยนนางสิงห์หนีไปทางอื่น รีบยิงเดี๋ยวนี้เลย ยิง”
ขณะที่มิ่งจะยิง นางสิงห์ก็เริ่มรู้สึกตัว เห็นชัดว่าธัมโมเหวี่ยงร่างให้ตัวเธอเองไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่มิ่งลั่นกระสุนใส่ และจังหวะนั้นเองที่สายไฟก็ขาดผึง ร่างของธัมโมร่วงไปยังเบื้องล่าง
เถ้าแก่ตงร้องลั่น “ไอ๊หยาอาผู้กองร่วงเลี้ยว อั้วรับเอง อั้วรับเอง”
ธัมโมร่วงโครมบนกองข้าวของเบื้องล่าง ห่างจากจุดที่เถ้าแก่ตงรอรับตั้งโยชน์
เถ้าแก่ตงบ่นอุบ “อ้าวฉิกหาย กะผิด มารับตรงนี้ ทำไมไปร่วงตรงโน้นวะ” ตาลีตาเหลือกไปดู “อาผู้กองเป็นยังไงบ้าง เง้อ…เลือด ผู้กองเลือดออก”
เถ้าแก่ตงตกใจมือไม้สั่นเมื่อเห็นธัมโมนอนหมดสติ มีเลือดออกหัว
นางสิงห์เองก็ตกใจเช่นกัน แต่จังหวะนั้นมิ่งกับจำเริญก็ยิงตามมาอีกจนต้องพลิกตัวหลบไป ระหว่างนั้นก็มีเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาขึ้น เป็นรถที่เพ็ญพรขับแล่นผ่านมาบีบแตรดังติดกันหลายครั้ง
นางสิงห์หันไป “คุณบัว”
เพ็ญพรดริฟท์รถให้จอดแถวนั้น ตะโกนเรียก “ขึ้นรถ”
เก่งในคราบนางสิงห์รีบกระโจนขึ้นรถก่อนที่เพ็ญพรจะขับหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความเจ็บใจของมิ่งกับจำเริญ
“ปัดโธ่เว้ย หนีไปอีกจนได้”
ขณะที่เถ้าแก่ตงยังตกใจกับอาการเลือดออกไม่หยุดของธัมโม
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ตามหมอมาช่วยตำรวจที ผู้กองหัวแตกช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที ผู้กองธัมโมซี๊เลี้ยว”
ร่างย้งที่อยู่ในกระสอบถูกยอดกับเบิ้มหิ้วมาทิ้งตุ๊บลงตรงเบื้องหน้ากำนันศร
“ฉิบหายแล้ว นี่พวกเอ็งรู้มั้ยว่าทำอะไรลงไป”
ยอดอึ้ง “อ้าว ก็ไหนพ่อกำนันบอกว่าอยากจะสั่งสอนมัน ให้รู้ว่าใครเป็นใหญ่ในบ้านไม้งาม”
เบิ้มแจม “จริงด้วย นี่พวกชั้นก็อุ้มตัวมันมาให้พ่อกำนันสั่งสอนแล้วไง”
กำนันศรเครียดปนเซ็ง “โธ่ถัง พวกเอ็งสั่งสอนแทนข้าก็ได้ ดันอุ้มมาที่บ้านทำไมวะเดี๋ยวก็ติดคุกกันหมดพอดี”
ยอดกะเบิ้มร้อง “อ้าว” ไล่ๆ กัน
เสียงหมู่โอฬารตะโกนเรียกดังเข้ามา “กำนัน กำนันครับ”
เบิ้มจำได้ “เสียงไอ้หมู่โอฬาร”
“พวกเอ็งเอามันไปซ่อน เดี๋ยวข้าลงไปรับหน้าเอง”
กำนันศรว่าแล้วรีบปลีกตัวลงจากเรือน ขณะที่ยอดและเบิ้มช่วยกันลากตัวย้งที่อยู่ในกระสอบไป
กำนันศรลงจากเรือนมาแล้วเจอโอฬารยืนยิ้มอยู่
“ว่าไงหมู่ ต้องการอะไร”
“แหะๆ ราชการด่วนจี๋จ้ะพ่อกำนัน สารวัตรขอให้พ่อกำนันไปหาที่โรงพักเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ” โอฬารบอก
กำนันศรแอบใจหายวาบ…กลัวว่าเรื่องจะเดือดร้อนมาถึงตัวเอง
ยอดกับเบิ้มช่วยกันลากร่างของย้งในกระสอบไปหาที่ซ่อน
“ซ่อนตรงไหนดีล่ะพี่ยอด ในห้องน้ำดีมั้ย หรือว่าห้องครัว” เบิ้มงุ่นง่าน
“เฮ้ยไม่ได้ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า เอาที่ที่มันลับตาหน่อยสิวะ” ยอดบอก
เบิ้มออกไอเดีย “งั้นห้องพ่อกำนัน จะได้ไม่มีคนอื่นมาเห็น”
ยอดพยักหน้า แล้วช่วยเบิ้มลากย้งไปในห้องกำนันศร ระหว่างนั้นวาสนาที่กลับมาเอาของที่ห้องจึงเห็นเข้าพอดี หญิงสาวแอบซุ่มดูด้วยความสงสัยว่ายอดกับเบิ้มลากอะไรไปที่ห้องพ่อ
ยอดกับเบิ้มมาสมทบกับกำนันศรที่ห้องรับแขก
“เรียบร้อยจ้ะพ่อกำนัน ชั้นซ่อนตัวมันแล้ว” ยอดรายงาน
เบิ้มรีบถาม “แล้วไอ้หมู่มันกลับไปรึยังพ่อกำนัน”
“ยังอยู่เว้ย สงสัยจะยุ่งแล้วงานนี้ ไอ้สารวัตรดนัยมันเรียกข้าไปหารือด่วน คงเกี่ยวกับเรื่องไอ้นักการเมืองที่พวกเอ็งอุ้มมาแน่” กำนันกังวลหนัก
ยอดนึกวิธี “ถ้างั้น…”
กำนันศรสวนคำออกมา “ไอ้ยอด เอ็งมากับข้า ส่วนไอ้เบิ้มอยู่เฝ้าทางนี้” กำชับ “คอยดูไอ้นักการเมืองนั่นให้ดีนะโว้ย อย่าให้มันร้องโวยวายเด็ดขาด”
ด้านวาสนาแอบแง้มประตูมองเข้ามาในห้องนอนกำนันศร และเห็นย้งที่อยู่ในถุงกระสอบ
“นายยอดกับนายเบิ้มจับตัวอะไรมาที่บ้าน” นิ่งคิด “อย่าบอกนะว่าเป็นคน”
วาสนาทำท่าจะเข้าไปดู แต่ได้ยินเสียงเบิ้มเดินกลับมาก่อนจึงรีบหลบไป
“อะแน่ะ!! ตื่นรึยัง ตะกี๊ได้ยินเสียงอะไรก๊อกแก๊กนะโว้ย” ลองเขี่ยๆ ดู “นี่ ตื่นอยู่รึเปล่า”
ย้งรู้สึกตัวแล้ว เริ่มขยับ “ฮือ…ฮือ…”
เบิ้มตกใจ “เฮ้ย เวรแล้วจะตื่นจริงๆนี่หว่า เดี๋ยวมันต้องแหกปากลั่นบ้านแหงๆ พ่อกำนันสั่งไม่ให้มันร้องโวยวาย เอาไงดีวะ” เบิ้มนึกขึ้นได้ “เออใช่ต้องวางยา ยานอนหลับ ต้องหายานอนหลับ”
เบิ้มรีบวิ่งจู๊ดออกจากห้องไปด้วยความเร็วสุดขีด
เบิ้ม วิ่งเข้ามาในครัวแล้วรื้อค้นตู้ยา
“ยานอนหลับ ยานอนหลับอยู่ไหนวะ ไม่มี นี่ก็ไม่ใช่” หันรีหันขวางไปเห็นอะไรเข้าบางอย่าง “ได้การล่ะ ใช้ไอ้นี่แทนก็ได้”
ย้งที่อยู่ในกระสอบเริ่มฟื้น งัวเงียตื่น นึกประมวลเหตุการณ์
“นี่เราอยู่ที่ไหนวะ แล้วเราสลบไปตั้งแต่...” สะดุ้ง นึกออกว่าโดนทุบหัว ตาค้าง “เมื่อไหร่ว๊า คร่อก”
ย้งที่อยู่ในกระสอบฟุบไปอีกรอบ ด้วยผลงานเบิ้มที่ยืนถือสากกระเบือไม้ยืนมองผลงานอยู่
“เฮอะ ได้ผล ยานอนหลับสูตรเมียเก่าข้าเอง เอาสิวะ ฟื้นอีกทุบอีก ถ้าฟื้นอีก ก็ทุบอีกทุบจนกว่าจะไม่ฟื้น ฉลาดล้ำโลกจริงๆไอ้เบิ้ม ฮ่าๆๆ”
เบิ้มถือสากกระเบือนั่งเฝ้ากระสอบด้วยความสะใจ
รถของนำชัยที่ขับโดยเพ็ญพรกำลังแล่นมา เพ็ญพรอยู่ในอาการอ่อนล้าโรยแรง การมองเห็นของเธอเริ่มพร่ามัวจนในที่สุดรถก็เริ่มเสียหลัก เก่งรีบประคองพวงมาลัยแล้วหันไปดูเพ็ญพรด้วยความตกใจ
“คุณบัว คุณเป็นยังไงบ้าง คุณบัว”
“ชั้นขับไม่ไหวแล้วแก้ว เธอช่วยขับแทนชั้นที”
เก่งพบว่าที่มือของเธอที่ประคองเพ็ญพรอยู่นั้น มีเลือดเปื้อนติดมา เมื่อเลิกดูคอเสื้อก็เห็นบาดแผลที่เพ็ญพรใช้ผ้าโปะหรือผูกไว้มีเลือดนองจนชุ่มท่าทางสาหัสพอสมควร
เก่งทั้งตกใจและห่วง “คุณบัว”
เพ็ญพรทำท่าจะหมดสติ
ครูเพิ่มเพิ่งถือปืนมาถึงที่บ้านผู้ใหญ่ทอง ล้มลุกคลุกคลานด้วยความตื่นกลัว
ครูเพิ่มหันไปส่องปืนดูว่ามีใครตามมาหรือไม่ พอไม่เห็นคนก็รีบทิ้งปืนในมือไปด้วยความตื่นตระหนก แล้วรีบโผไปล้างคราบเลือดคราบเขม่าปืนที่โอ่งน้ำ
ครูเพิ่มล้างมือจนเกลี้ยงก่อนจะยกขึ้นมาดู ภาพที่ตัวเองยิงมือปืนของนำชัยยังติดตาอยู่
ครูเพิ่มรำพึง “ไม่จริง เราไม่ได้ฆ่าคน เราไม่ได้ฆ่าคน”
รถของนำชัยแล่นมาจอด ครูเพิ่มสะดุ้งรีบโผไปหาที่ซ่อน ก่อนจะเห็นเก่งประคองเพ็ญพรลงมาจากรถ
ครูเพิ่มได้สติ “ไอ้เก่ง คุณบัว”
เก่งร้องบอกอย่างร้อนใจ “ครู ช่วยคุณบัวเร็วเข้า คุณบัวแย่แล้ว”
ด้านดนัยกำลังหารืออยู่กับไชโย ก่อนที่ไชโยจะเหลือบเห็นโอฬารพากำนันศรกับยอดขึ้นมาบนโรงพัก
“สารวัตร กำนันศรมาแล้วครับ”
ดนัยทักทาย “กำนัน”
กำนันศรทักทายกลับ “สารวัตร เรียกผมมาถึงนี่ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับใช้”
“ผมไม่กล้าหรอกครับกำนัน แต่นี่เป็นเรื่องด่วน”
ไชโยเห็นดนัยอึดอัดก็เสริมแทน “วันนี้มีคนจับตัวท่านนำชัยกับผู้ติดตามไปครับ พวกเราก็เลย…”
กำนันศรขัดขึ้น “อ้อ ถ้างั้นไม่ต้องพูดแล้ว จะให้ผมช่วยตามหาตัวท่านนำชัยสิท่า”
“เปล่าครับ เราเจอตัวท่านแล้ว” ดนัยบอก
ยอดงง “อะไรนะ”
“ผู้กองธัมโมเป็นคนช่วยท่านนำชัยกลับมาครับ แต่ตอนนี้ท่านกำลังหัวเสียที่มีคนปลอมตัวเป็นท่านไปตุ๋นเงินเสี่ยเล้ง แล้วก็ขโมยรถไป” โอฬารทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวรายงานละเอียดยิบ
“ปลอมตัว นี่หมายความว่า มีท่านนำชัยตัวปลอมงั้นเหรอ”
“ใช่ ตอนนี้เรากำลังตามล่าพวกมันอยู่ จะได้รู้ว่างานนี้มีใครบ้างที่อยู่เบื้องหลัง
กำนันศรใจหาย เหล่มองยอด
โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป