นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 5
เวลาเดียวกันตรงถนนทางที่จะไปยังบ่อนเสี่ยเล้ง จำเริญ กับผู้จัดการบ่อน และสมุนกำลังยืนดูชาวบ้านคนหนึ่งที่กำลังปืนต้นตาลอยู่ ผู้จัดการบ่อนเริ่มสาธยาย แผนอันลึกล้ำ
“ชาวบ้านที่อยู่รอบบ่อนในรัศมี 300 เมตรนี่ เป็นสายของเราทั้งหมดครับ ถ้าเห็นคนแปลกหน้า หรือตำรวจเข้ามาใกล้บ่อนเมื่อไหร่ ระบบรักษาความปลอดภัยของเราก็จะทำงานทันที”
“มีด้วยเหรอวะ”
ผู้จัดกการบ่อนหันไปพยักหน้า ตะโกนขึ้น “เฮ้ย สมมุติว่าตำรวจมา”
เห็นชาวบ้านคนหนึ่งที่อยู่บนต้นตาลแล้ว งัดกล้องส่องทางไกลจากย่ามออกมา ตะโกนก้อง
“ตำรวจมา”
จากนั้นชาวบ้านคนนั้นก็กระดึ๊บๆ ลงจากต้นตาลอย่างรวดเร็ว วิ่งมาที่ดอกไม้ไฟวี๊ดปัง ที่ปักอยู่ มันรีบจุดไม้ขีดจ่อชนวนทันที ดอกไม้ไฟทำงาน..วี๊ดดดดด…ปุ๊
“ใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นเองครับ” ผู้จัดการบ่อนคุยโว
“โคตรทันสมัยเลยนะเนี่ย” จำเริญว่า
“พูดจริงเหรอครับเสี่ย” ผู้จัดการถามพาซื่อ
“ประชด” จำเริญกระแทกเสียงใส่ แล้วปลีกตัวออกไป
เวลานั้นลิ้นจี่ทิ้งไพ่ในมือลงอย่างรันทดหดหู่ใจ เห็นเจ้ามือกวาดรวบกินรอบวง ลิ้นจี่เสียงสั่นเครือ
“ชีวิตของลิ้นจี่ทำไมถึงได้อาภัพอับโชคแบบนี้ เปิดเกมมาก็แป๊กแต่หัววัน หมดตูดอีกแล้วเหรอเนี่ย”
ลิ้นจี่เบือนหน้าไปแล้วเห็นจำเริญกับผจก.บ่อนเดินนำสมุนเข้ามาพอดี
“คุณจำเริญ” เมียน้อยผีพนันคิดบางอย่างออก “ขอเครดิตเพิ่มดีกว่า”
ว่าแล้วลิ้นจี่ยิ้ม รีบลุกไปจากโต๊ะ
ภายในออฟฟิศ ที่บ่อนเสี่ยเล้ง
ผจก.บ่อนเพิ่งกลับออกไปแล้วปิดประตูเพื่อหลีกทางให้ลิ้นจี่กับจำเริญได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“อีกแล้วเหรอครับคุณลิ้นจี่ ตอนนี้คุณเป็นหนี้ผมเกือบล้านแล้วนะครับ” จำเริญอึ้ง
“เอ่อลิ้นจี่ไม่ได้ตั้งใจนะคะ พอดีช่วงนี้ลิ้นจี่ดวงตกนิดนึงค่ะ ถ้าเล่นได้เมื่อไหร่ จะรีบคืนให้ทันทีเลยนะคะคุณจำเริญ” ลิ้นจี่อ้อน
“แหมถ้าเล่นเสียล่ะครับ คุณลิ้นจี่จะชดใช้ยังไง” จำเริญถามไปงั้นๆ
ลิ้นจี่อ่อยสุดฤทธิ์ “ก็แล้วแต่คุณจำเริญสิคะ จะให้ลิ้นจี่ชดใช้ยังไงวิธีไหน ลิ้นจี่ไม่เกี่ยงหรอกค่ะ”
ลิ้นจี่ไม่พูดเปล่า พลางสลัดรองเท้าแตะออก แล้วเอานิ้วเท้าเขี่ยไต่ไล้ไปตามขาของจำเริญ จนอีกฝ่ายฟูฟ่องเกือบของขึ้น แต่ก็ระงับอารมณ์ คว้าเท้าของลิ้นจี่ไว้ซะก่อน
“เอ่อคุณลิ้นจี่ อย่าทำแบบนี้เลยครับ เพราะคุณเป็นถึงเมียของกำนัน แล้วที่สำคัญผมก็จีบน้องวาสนาอยู่ด้วย”
ลิ้นจี่อารมณ์เสีย กระแทกเสียงใส่ “ค่ะลิ้นจี่ทราบ”
“เอาเป็นว่าคุณลิ้นจี่ตอบแทนผมด้วยการเป็นแม่สื่อดีกว่าครับถ้างานนี้สำเร็จล่ะก็ ถึงจ่ายเป็นล้านผมก็ยอม”
“ช่วยน่ะช่วยได้ค่ะ แต่ก่อนอื่น คุณต้องจัดการกับคู่แข่งซะก่อน” ลิ้นจี่บอก
“ใครเหรอครับ”
“จะมีใครซะอีกคะ ที่คอยประกบน้องวาสนาอยู่ตอนนี้”
จำเริญคิดได้แทบจะทันที “ไอ้ย้ง”
สภาพบ้านผู้ใหญ่ทองยามนี้ กลายเป็นบ้านร้าง รกเรื้อ เต็มไปด้วยหยากไย่ ทรุดโทรมจนน่าใจหาย
ผู้กองธัมโมเดินสำรวจดูบ้านของผู้ใหญ่ทองอย่างใช้ความคิด ผู้กองตงฉินสัมผัสได้ว่าบ้านไม้หลังนี้เคยมีความสุขมากมายเกิดขึ้น จังหวะนั้นผู้กองธัมโมยินเสียงหัวเราะของเด็กหญิงบัว และเด็กหญิงแก้ว แว่วมากับสายลม
พร้อมกันนั้น นางสิงห์กำลังโรยตัวด้วยโซ่ลูกตุ้มลงมาจากต้นไม้ เห็นใบไม้ร่วงโปรยปราย นางสิงห์และธัมโมเผชิญหน้ากันจังๆ
“ผู้กอง” เก่งในคราบนางสิงห์เรียก
ธัมโมหันมา จ้องตา “คุณ…”
“เรียกชั้นว่านางสิงห์เถอะค่ะ” นางสิงห์ชุดดำบอก
“คุณไม่มีชื่อหรือไง” ธัมโมซัก
“มันเป็นความลับ”
นางสิงห์ว่าพลางสะบัดพลองศอกเก็บโซ่เข้าที่
“ทำไมเราต้องเจอกันที่นี่ คุณกับผู้ใหญ่ทองเกี่ยวข้องอะไรกัน” ผู้กองหนุ่มสงสัย
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง ที่ชั้นนัดคุณออกมาก็เพราะอยากพิสูจน์ว่า เรามีจุดยืนเดียวกัน
“ตำรวจกับโจรเนี่ยนะ ไม่มีทางหรอกคุณ”
“ต้องมีสิคะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะกว้างล้างอิทธิพลเถื่อนไปจากบ้านไม้งามได้สำเร็จ” นางสิงห์ว่า
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“ชั้นจะมอบตัว” นางสิงห์บอกท่าทีจริงจัง
“คุณมีคาถาอาคม ขนาดกุญแจมือยังล็อคคุณไว้ไม่อยู่แล้วคำพูดคุณ ผมจะเชื่อถือได้ยังไง”
นางสิงห์เดินเข้ามาใกล้ธัมโม…ใกล้มาก..จนแทบหายใจรดหน้ากัน
“ถ้าอุดมการณ์ของผู้ใหญ่ทองเป็นจริงเมื่อไหร่ ถึงตายชั้นก็ไม่เสียดายชีวิต คุณจับตัวชั้น ชั้นจะไม่หนี…” นางสิงห์คว้ามือของธัมโมมาวางไว้เหนือหน้าอกของตัวเอง พูดเหมือนจะสาบาน
“ถึงเป็นโจร แต่ชั้นก็มีชีวิต มีหัวใจ ให้หัวใจของชั้นเป็นพยานถ้าชั้นโกหก…ก็ขอให้…”
ธัมโมรีบยกมือห้าม “เอาล่ะๆผมเชื่อคุณ ว่าแต่คุณมีแผนยังไง…”
นางสิงห์ยิ้มให้ธัมโม
เวลานั้นย้งเดินหัวยุ่งลุยพงหญ้าละแวกบ้านผู้ใหญ่ทอง ออกมาอย่างอ่อนล้าโรยแรง
“อูยไอ้เก่งนะไอ้เก่ง มันจะดอดมาที่นี่ทำไมวะ รกก็รก เปลี่ยวก็เปลี่ยว สงสัยต้องแอบนัดสาวมาพลอดรักแหงๆ เลย” ย้งเหลียวมองไป “นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย”
ย้งเดินไปดูที่กิ่งไม้แล้วเห็นเสื้อผ้าของเก่งแขวนไว้
“ถอดเสื้อผ้ากางเกงล่อนจ้อนแบบนี้ ฮึ่ย! บัดสีบัดเถลิงที่สุด อร๊ายย คิดแล้วขนลุก” ย้งขำก๊าก “มีความสุขเกินหน้าเกินตาใช่มั้ยไอ้เก่ง อย่างนี้มันต้องแกล้งกันหน่อยแล้ว”
ย้งยิ้มขำ แล้วคว้าเสื้อผ้าของเก่งขึ้นมา ก่อนจะเห็นผ้ารัดอกร่วงไปที่พื้น
“นี่มันผ้าอะไรวะ”
ในขณะที่ย้งกำลังยืนงงอยู่ตรงพงไม้อยู่นั้น ตี๋ขี้โม้แห่งบ้านไม้งามก็ได้ยินเสียงบางอย่างใกล้เข้ามา
เป็นนางสิงห์กำลังโหนโซ่มายังจุดที่ซ่อนเสื้อผ้าไว้ และเมื่อมาถึงก็ไม่มีวี่แววของย้งอยู่ที่นั่นแล้ว
นางสิงห์ถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นว่าเป็นเก่ง ก่อนจะลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ย้งที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ รีบผลุบกลับเข้ามานั่ง
“ฮึย ไอ้เก่ง คือนางสิงห์ชุดดำ เป็นไปได้ยังไงวะ”
เวลาเดียวกัน รถของเสี่ยเล้งแล่นมาส่งกำนันศร กับยอดที่บ้าน เพลินตาและมิ่งนั่งมาด้วย
“ขอบใจมากนะกำนันที่ช่วยเป็นธุระให้”
“หุ้นส่วนกันอย่าพูดอะไรอย่างนั้นเสี่ย เสี่ยมีเงินมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเท่านั้น” กำนันว่า
“แน่นอน ว่าแต่ไม้ที่เราทิ้งไว้ในป่า มันจะปลอดภัยรึเปล่าถ้าเกิดนางสิงห์มันย้อนกลับไป”
กำนันศรยกมือตัดบท “ฮือ มีไอ้ยอดคอยเฝ้าอยู่ทั้งคน ถ้าใครกล้าบุกไปที่นั่นล่ะก็..รับรอง…ตายสถานเดียว”
ห้องโถงสถานีตำรวจบ้านไม้งามเวลานั้น จ่าไชโยสั่งการตำรวจทั้งหมด ต่อหน้าผู้กองธัมโม และหมู่โอฬาร
“ทั้งหมดแถวตรง! ตามระเบียบพัก” เริ่มรายงาน “เรียนผู้กอง เจ้าหน้าที่ทุกคนมาพร้อมแล้ว
ครับผม”
ธัมโมพยักหน้า แล้วก้าวออกไปหน้าแถว “เอาล่ะทุกคนฟังให้ดี เย็นนี้เราจะมีปฏิบัติการพิเศษ บุกจู่โจมฐานที่มั่นของคนร้ายขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ห้ามลา ห้ามกระจายข่าวและห้ามออกเวรเด็ดขาด”
หมู่โอฬารเอ่ยขึ้น “ขออนุญาตครับ”
“เชิญหมู่” ธัมโมอนุญาต
“ไม่ทราบเราจะไปที่ไหน แล้วไปสู้กับใครครับผู้กอง”
“เรื่องนี้เป็นความลับ ผมจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลา”
ไชโยสงสัยมั่ง “ขออนุญาตด้วยคนครับ”
“เชิญจ่า”
“แล้วผู้กองไปได้ข่าวกรองมาจากไหนครับ หรือว่ามีสายข่าวในพื้นที่”
“เรื่องนี้ก็เป็นความลับเช่นกัน ผมจะเปิดเผยเมื่อถึงเวลา”
ไชโยแอบบ่นเบาๆ กับโอฬาร “สรุปว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
โอฬารตอบกลับเบาๆ “จะเปิดเผยเมื่อถึงเวลาไงจ่า”
ไชโยกระซิบกระซาบเบาๆต่อ “เออนั่นแหละ เวลาไหนวะ”
ธัมโมดูนาฬิกาข้อมืออย่างใช้ความคิด นึกเรื่องที่คุยกับนางสิงห์
ผู้กองธัมโมตกใจมากเมื่อทราบข้อมูลจากนางสิงห์เรื่องไม้เถื่อน
“ไม้เถื่อน!! นี่กำนันศรมีเอี่ยวด้วยเหรอ”
“กำนันศรกับเสี่ยเล้งเป็นหุ้นส่วนกัน เสี่ยเล้งค้าขายอะไร กำนันศรก็คอยหนุนหลังทุกอย่าง เหมือนบ่อนที่ผู้กองเคยจับนั่นไง” นางสิงห์บอก
“เป็นข้าราชการแท้ๆ ไม่มียางอายเอาซะเลย”
“ตอนนี้ไม้เถื่อนยังอยู่ที่เดิม ถ้าผู้กองจะจับล่ะก็ต้องรีบหน่อยนะ” นางสิงห์กำชับ
“ถ้างั้นชั้นจะไปเดี๋ยวนี้! ชั้นจะจับพวกมันให้หมด” ผู้กองเลือดร้อน
“ใจเย็นๆ รอให้ใกล้ค่ำซะก่อน พวกมันจะได้ชะล่าใจ”
นางสิงห์ว่าก่อนจะหยิบขลุ่ยไม้อันเล็กๆ อันหนึ่งใส่ให้ ผู้กองธัมโมรับมาอย่างแปลกใจ
ทางด้านเถ้าแก่ตงกับตาคงกำลังเล่นหมากรุกอยู่ด้วยกันที่หน้าร้าน ขณะที่หมวยใหญ่กำลังจัดของไปพลางชะเง้อบ่นไปพลางด้วยความหงุดหงิด
“เอ.. หายไปไหนทั้งน้องเก่ง ทั้งไอ้ย้งเนี่ย ตกลงวันนี้จะขายกาแฟกันรึเปล่าวะ”
ตาคงรอจนเถ้าแก่ตงเดินเสร็จ “รุก”
เถ้าแก่ตงรำพึง “หือ”
ตาคง รอจนเถ้าแก่ตงเดินเสร็จ “รุก”
เถ้าแก่ตง “หือ” อีก
ตาคงรอจนเถ้าแก่ตงเดินเสร็จ “รุก”
เถ้าแก่ตงด่า “โอ๊ยไอ้คง ลื้อจะรุกทำไมนักหนา นี่มันหมากฮอร์สนะโว้ย รุกๆๆ อยู่ได้ อั๊วจะลุกตามอยู่แล้วเนี่ย”
“ลุกไปไหน”
“ลุกไปเตะก้านคอลื้อไง รำคาญโว๊ย”
“แหม ก็มันสนุกนี่เถ้าแก่ อันที่จริงเล่นอะไรก็รุกได้ ถ้าใจยังสู้” ว่าพลางเดินหมาก “รุก”
“ชะ! เอากับมันสิ ไอ้นี่สงสัยต้องเมายาดองอีกแหงๆ”
หมวยใหญ่บ่นอุบ “ป๊าอ่ะ มัวแต่เล่นหมากฮอสอยู่ได้ ไม่ห่วงอาย้งกับน้องเก่งเค้าหน่อยเหรอ นี่หายไปตั้งนานแล้วนะ”
เถ้าแก่ตงร้องลั่น “ไอ๋หย่า ลื้อไม่ต้องไปสนมันหรอกอาหมวย ถ้ามันอยากขายกาแฟมันก็โผล่มาเองน่อ ไม่มาก็อย่าขาย ดีซะอีก อั๊วจะได้ไม่มีคู่แข่ง”
“แหมๆ ลื้อก็พูดไปเถ้าแก่ ว่าที่ลูกเขยทั้งคน ไม่คิดจะส่งเสริมกันบ้างหรือไร” ตาคงแซว
เถ้าแก่ตงยั๊ว “ใครบอกลื้อว่าอั๊วจะให้มันเป็นลูกเขย ท่าทางนุ่มนิ่ม เสียงอย่างกับผู้หญิงแบบนั้น อั๊วไม่เอาหรอก อั๊วขี้เกียจฟังชาวบ้านนินทาว่าอั๊วมีลูกเขยเป็นตุ๊ด”
หมวยใหญ่เม้ง “ป๊าอ่ะ น้องเก่งเค้าไม่ใช่กะเทยนะ”
ทันใดนั้นเองรถกระบะคันหนึ่งก็แล่นมาจอด เห็นชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมจำนวน 3-4 คนลงจากรถมาที่ร้าน แล้วลงมือถีบผลักโต๊ะเก้าอี้ชุดหนึ่งจนล้ม
หมวยใหญ่กรี๊ด “อร๊าย อะไรเนี่ย”
เถ้าแก่ตงโวย “เฮ้ยๆ พวกลื้อเป็นใครวะ มาอาละวาดที่ร้านอั๊วทำไม”
ไอ้โม่งหนึ่งในนั้นชักปืนขึ้นถาม “ไอ้ย้งอยู่ไหน”
ตาคงตกใจ “เย้ย... ปืน”
หมวยใหญ่นมหด “ป๊า”
เถ้าแก่ตงเกิดอาการติดอ่างทันควัน “ม..ม..มันไม่อยู่ อาย้งไม่อยู่ ลื้ออย่ายิงอั๊วนะ อยาก
ได้อะไร ลื้อเอาไปเลย ขออย่างเดียว อย่ายิง”
ไอ้โม่งหันไปหาพรรคพวก “เฮ้ย ลูกไม่อยู่ กระทืบพ่อแทนโว้ย”
ไอ้โม่งลูกพี่ใหญ่เอาด้ามปืนฟาดเถ้าแก่ตงจนล้มลงไป แล้วกระทืบซ้ำ คนอื่นกรูกันเข้าช่วย
“เฮ้ยเถ้าแก่ เป็นยังไงบ้าง” ตาคงถามอย่างห่วงใย
เถ้าแก่ตงยังโดนกระทืบอยู่ เลือดทะลักปาก “สนุกมั้งไอ้คง ลื้อจะถามหาเตี่ยเหรอมาช่วยกันหน่อยโว้ย”
“อร๊าย... ไอ้พวกเลว ลื้อปล่อยพ่ออั๊วนะ ไม่งั้นอั๊ว..อั๊วสู้ตายย๊าก...”
หมวยใหญ่หันไปคว้าตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยวจะเล่นงานคนร้าย แต่ถูกไอ้โม่งอีกคนกระชากแขนไปตบทีเดียวร่วงลงไปกองกับพื้น
ตาคงโวยลั่น “เฮ้ยย... มันเกินไปแล้วนะโว้ย กล้าดียังไงมาทำร้ายครอบครัวของเถ้าแก่ตง ซึ่งเป็นเจ้าหนี้และเพื่อนรักที่สุดของข้า แบบนี้ไอ้คงขอสู้ตายเหมือนกันโว๊ย”
ไอ้โม่งลูกพี่ หันไปเล็งปืนใส่ตาคง แต่แทนที่จะกลัวตาคงกลับคว้าพระที่ห้อยคออยู่มาพนมมือท่องคาถา เถ้าแก่ตง หมวยใหญ่ คนร้ายต่างลุ้นระทึก
ตาคงก้มหน้าก้มตาท่องคาถา ท่องคาถา ท่องคาถา และท่องคาถา จนกระทั่งคนร้ายทนไม่ไหวเดินเข้ามาตบกะโหลกจนหน้าทิ่ม
“ท่องเสร็จรึยังไอ้แก่”
“อุ๊ย รอเดี๋ยวสิวะ เหลืออีกห้าจบ”
“ขี้เกียจรอโว้ย ไปท่องที่บ้านไป” ไอ้โม่งลูกพี่ซัดตาคงจนคว่ำ “เฮ้ยพวกเรา ทำลายข้าวของ พังมันให้ราบ”
คนร้ายลงมือพังร้านต่อทันที หมวยใหญ่คลานมากอดเถ้าแก่ตงด้วยความตื่นกลัว
เค้าจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว ไอ้ย้งกำลังเดินกลับมาอย่างใช้ความคิดเรื่องเก่งอยู่นั่นแล้ว
“ไอ้เก่งนะไอ้เก่ง เป็นโจรก็ดันไม่บอกเพื่อน ทำแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันวะ เอ..แล้วเราจะบอกตำรวจดีมั้ยเนี่ย” ย้งได้ยินเสียงข้าวของหล่นแตกหันไปมองทางเสียง ย้งตาค้าง “เสียงอะไรวะ เฮ้ย อาป๊า อาเจ้”
หมวยใหญ่ตะโกนบอก “ไอ้ย้งหนีไป”
“อาย้ง อย่าเข้ามา ลื้ออย่าเข้ามา”
“ไอ้พวกเลว เอ็งทำร้ายพ่อข้า เอ็งตาย”
ย้งวิ่งรี่ตรงมา ไอ้โม่งลูกพี่ เล็งปืนใส่ย้ง แต่โม่งอีกคนรีบคว้าข้อมือไว้
“อย่าฆ่ามัน คุณจำเริญให้สั่งสอนมันเฉยๆ”
ไอ้โม่งลูกพี่ ยอมลดปืนลง จังหวะที่ย้งวิ่งมาถึงพอดี การต่อสู้เปิดฉากขี้นเห็นย้งพยายามชกต่อยสุดความสามารถแต่ก็สู้พวกไอ้โม่งไม่ได้ สุดท้ายเลยถูกอัดจนน่วม สภาพเละน่าสงสาร
เถ้าแก่ตงครวญ “อาย้ง”
หมวยใหญ่ไหว้ปลกๆ “ปล่อยน้องชายอั๊วไปเถอะ อั๊วขอร้อง อีสู้ไม่ไหวแล้วอย่าทำอีเลย”
ไอ้โม่งลูกพี่จิกหัวย้ง “จำไว้ไอ้กระจอก ถ้ายังตามตื๊อคุณวาสนาอีกล่ะก็พวกข้าจะกลับมาเผาร้านเอ็ง”
ย้งไม่มีแรงตอบ คนร้ายอัดซ้ำอีกครั้งจนหงายล้มไป
ไม่นานต่อมาวาสนาก้าวฉับๆ ผลุนผลันขึ้นบ้านมา และตรงไปยังห้องรับแขกต่อว่ากำนันศร ที่กำลังนอนให้ลิ้นจี่นวดเหยียบอยู่บนหลัง
“สบายมั้ยจ๊ะผัวจ๋า สูงอีกมั้ยจ๊ะ”
“สบาย เออดี ตรงนั้นแหละ
“ตรงนี้เหรอ สูงอีกเหรอ” ลิ้นจี่อ้อล้อ
“พอแล้วโว้ย จะไต่ถึงหัวแล้วนังลิ้นจี่”
“พ่อ!” วาสนารอจนกำนันศรหันมา “พ่อทำแบบนี้ทำไม”
“อะไรของเอ็งนังวาสนา ข้าไปทำอะไรที่ไหน” กำนันศรงวยงง
“ก็พ่อให้คนไปซ้อมนายย้ง พ่อให้คนไปพังร้านของเตี่ยเค้า”
“เฮ้ย ข้าไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
ลิ้นจี่สอดขึ้น “นั่นสิจ๊ะน้องวาสนา มาปรักปรำพ่อกำนันแบบนี้มันไม่ถูกนะจ๊ะพ่อกำนันเค้าระดับไหน ไม่มีเวลาไปสนใจไอ้ขี้แพ้อย่างนายย้งหรอกจ้ะ”
“ชั้นพูดกับพ่อชั้น คนอื่นอย่าสอด” วาสนาสวนคำ
ลิ้นจี่ฉุนเท้าสะเอวโต้ “นี่ อย่าให้มันเกินไปนะ ถึงไงชั้นก็เป็นแม่เลี้ยง เป็นเมียของกำนัน พูดจาไว้หน้ากันบ้างโว้ย”
กำนันห้ามทัพ “เอาล่ะนังลิ้นจี่ ก่อนจะมีเรื่องกัน เอ็งช่วยลงจากหลังข้าก่อนได้มั้ยเดี๋ยวหักกันพอดี”
“อุ๊ย โทษจ้ะผัวจ๋า”
กำนันศรลุกนั่ง “พ่อไม่รู้ว่าเอ็งพูดถึงเรื่องอะไรวาสนา แต่คนอย่างพ่อถ้าจะเล่นงานไอ้ย้ง ป่านนี้มันตายไปแล้ว” ชี้หน้า “ดังนั้น คิดดูให้ดีว่าในบ้านไม้งามเนี่ย มีใครบ้างที่ไม่ชอบไอ้ย้งและไม่ชอบเพราะอะไร
วาสนาอึ้งไป
เก่งตกใจเมื่อทราบข่าวย้งจากครูเพิ่ม
“ถ้างั้นพวกที่เล่นงานไอ้ย้งเป็นใครกันแน่”
ครูเพิ่มจิบเหล้าก่อนตอบ “อ้าว เอ็งมาถามข้า แล้วข้าจะไปถามใครวะไอ้แก้ว คนร้ายมันไม่ได้บอกนะโว้ยว่าใครจ้างมา”
“แต่คนอย่างไอ้ย้งไม่น่าจะมีเรื่องกับใครเลยนะครู
“ก็นั่นสิ เอ่อแต่เห็นเค้าลือกันว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับหนูวาสนาด้วยนะ”
เก่งนึกเป็นห่วงย้งขึ้นมาครามครัน
เก่งใส่รองเท้าผลุนผลันจะออกจากบ้าน ครูเพิ่มทักท้วง
“นี่นังแก้ว..เอ้ย ไอ้เก่ง เอ็งจะออกไปไหนอีกวะ เย็นนี้เอ็งมีงานสำคัญนะ”
“ชั้นขอไปเยี่ยมไอ้ย้งมันก่อน เดี๋ยวมานะครูเก่งวิ่งไป ครูเพิ่มส่ายหน้าปลง”
ครูเพิ่มส่ายหน้าบ่นงึมงำ “เฮ้อ เดี๋ยวก็เสียงานใหญ่จนได้”
วาสนากำลังเดินสะพายกระเป๋าขนของส่วนตัวกลับไปที่สถานีอนามัย สีหน้าวาสนาแค้นมาก
“คอยดูเหอะ อย่าให้จับได้นะว่าใครทำร้ายนายย้งรับรองว่าชั้นเอาเรื่องแน่”
เก่งวิ่งตัดหน้ามาพอดี “อ้าวคุณ..คุณหมอวาสนา”
วาสนางง “นายเป็นใคร”
“ผมชื่อเก่งครับ เป็นเพื่อนของย้ง”
“อ๋อนายเองเหรอ เคยได้ยินย้งเค้าพูดถึงอยู่บ่อยๆ”
“ตอนนี้ย้งเป็นยังไงบ้างครับ” เก่งรีบถามอาการย้ง
สีหน้าวาสนาหนักใจ
ภายในห้องพักฟื้นคนไข้ในสถานีอนามัย ข้างเตียงย้ง เห็นหมวยใหญ่ กับเถ้าแก่ตงคอยเฝ้าอาการอยู่ก่อน
“ฮ่าย อาย้งเอ้ยอาย้ง ทำไมลื้อถึงได้ดวงตกแบบนี้ เช้าเจี๊ยะหมัดเย็นเจี๊ยะส้น ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตอาตี๋เอ๊ย” เถ้าแก่ตงบ่นอุบ
ย้งรู้สึกตัว ครางออกมา “ป๊า อาเจ้”
หมวยใหญ่ดีใจ “อาย้ง ลื้อตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง ลื้อเจ็บมากมั้ย”
“ไม่เป็นไร อั๊วทนได้”
“ไอ๋หยา ยังจะปากเก่งอีก วันนี้ลื้อทนได้ แล้ววันต่อไปจะทนไหวรึเปล่า ไม่เอาน่ออาย้งเอ้ย เพื่อความปลอดภัยของลื้อและครอบครัวนะ ลื้อเลิกคบกับหนูวาสนาเถอะ เชื่ออั๊ว”
หมวยใหญ่ก็เห็นด้วย “จริงด้วยย้ง ไม่งั้นไอ้พวกนักเลง มันต้องกลับมาเล่นงานเราอีกแหงๆ
เลย”
ตาคงผลุนผลันเข้ามา “เฮ้ยไอ้เถ้าแก่ เวรแล้วโว้ย มีคนมาเยี่ยมไอ้ย้ง”
“อะไรของลื้อวะอาคง มีคนมาเยี่ยม แล้วมันเวรตรงไหน ซี๊ซั๊วต่า”
“ก็คนที่มา มันคือไอ้จำเริญ” ตาคงบอก
ย้งผุดลุกขึ้นนั่งพรวดพราด “ไอ้จำเริญ” แล้วขบกรามด้วยความแค้น “ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ”
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 5 (ต่อ)
จำเริญและสมุนหัวเราะลั่น เมื่อเห็นเถ้าแก่ตง ตาคง และหมวยใหญ่ประคองปีกย้งเพื่อมาเจรจากับมัน
“ฮ่าๆๆ อย่าพาลสิวะไอ้ย้ง ข้าอุตส่าห์มาเยี่ยมเอ็ง แต่เอ็งมาปรักปรำข้าแบบนี้ มันไม่ถูกนะโว๊ย”
“ไอ้หมาลอบกัด เป็นลูกผู้ชาย ต้องกล้าทำกล้ารับสิวะ ถ้าเอ็งอยากได้ตัวคุณวาสนาไป เอ็งต้องข้ามศพข้าก่อน” ย้งโมโหมาก
“พูดเองนะโว๊ยไอ้ย้ง ก็ได้ เฮ้ยพวกเรา…รอบสอง..จัดเต็ม” จำเริญสั่งสมุน
เสียงวาสนาตะโกนก้อง “หยุดนะ”
ทุกคนหันไปเห็นวาสนาเพิ่งมาถึง โดยมีเก่งสะพายกระเป๋าให้ตามมาติดๆ
“น้องวาสนา” จำเริญอึ้ง
“คุณหมอ คุณหมอมาก็ดีแล้ว ช่วยห้ามพวกนี้หน่อยเถอะ มันจะกระทืบน้องชายอั๊ว” หมวยใหญ่ฟ้องทันที
“อั๊วจำเสื้อมันได้ พวกมันนี่แหละที่ไปพังร้านอั๊ว” เถ้าแก่ก็จำคนร้ายได้
“เปล่าซะหน่อย บังเอิญเสื้อเหมือนกันต่างหาก” สมุนจำเริญ ที่สวมไอ้โม่งรีบปฏิเสธ
ตาคงก็เป็นพยานด้วย “เสื้อเหมือน รองเท้าก็เหมือน แถมเสียงยังเหมือนกันอีกต่างหากนึกว่าพวกข้าโง่หรือไงวะ จำได้โว๊ย โดยเฉพาะรองเท้าเนี่ย รสชาติยังติดปากอยู่เลย ผุย”
วาสนาขอร้องจำเริญขู่อยู่ในที “พี่จำเริญ ชั้นขอล่ะ ย้งเป็นเพื่อนสนิทของชั้นถ้าพี่แตะต้องเค้าอีกล่ะก็ เราได้เห็นดีกันแน่”
จำเริญฉุนบอกอย่างถือตัว “อ้าว โทษพี่คนเดียวก็ไม่ถูกนะน้องวาสนา ดอกไม้งามอย่างน้องใครๆ ก็อยากครอบครองทั้งนั้น ส่วนไอ้กระจอกย้งน่ะ ใครเห็นก็อยากกระทืบ”
เก่งเหลืออด “เอาสิ ถ้ามีปัญญาก็ลองดู ผมขอท้าว่าไอ้ย้งมันเก่งกว่าคุณซะอีก”
จำเริญจ้องหน้าเก่ง จำได้ “นี่เอ็งอีกแล้วเหรอวะ ที่ไปอาละวาดในบ่อนคราวก่อนข้ายังไม่คิดบัญชีเลยนะโว๊ย”
เก่งกลัวซะที่ไหน “ก็คิดซะสิ คิดรวมกับไอ้ย้งเลยก็ได้ เพราะผมนี่แหละจะเป็นพี่เลี้ยงสอนไอ้ย้ง ให้มันฟาดปากคุณ”
ย้งตกใจ “หา”
“หาป้าอะไรเล่า เล่นลอบกัดแบบนี้เมื่อไหร่จะจบ ท้าสู้กันเลยดีกว่า” เก่งยุส่ง
ตาคงเห็นด้วย “เออจริง ตกลงกันแบบลูกผู้ชาย หนึ่งต่อหนึ่ง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
จำเริญคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตกลงเสียงเหี้ยมหน้าโหด “ก็ดี ถ้าใครแพ้ ต้องไปจากชีวิตของวาสนา”
ย้งหันไปสบตากับวาสนา แต่วาสนาส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้รับคำท้า แต่ย้งกลับฮึดสู้
“เออ! งั้นเอ็งกับข้ามาดวลกันไอ้จำเริญ ถ้าเอ็งแพ้ เอ็งห้ามมายุ่งกับวาสนาอีกเด็ดขาด” ย้งรับปากส่งๆ
“ได้! ที่ไหน เมื่อไหร่ เอ็งว่ามาเลย”
ย้งขยับปากจะพูด แต่เถ้าแก่ตงก็ปราดออกมาขวางและบอกกับจำเริญแทน
“อีกสามอาทิตย์ ลื้อกับลูกชายอั๊วไปปะทะฝีมือกันที่ลานวัดบ้านไม้งามชาวบ้านทุกคนจะไปเป็นสักขีพยานที่โน่น”
หมวยใหญ่อึ้ง “ป๊า นี่เอากะเค้าด้วยเหรอเนี่ย”
“อาย้งมันลูกป๊า ถึงใครจะมองว่ามันห่วย แต่มันมีเลือดนักสู้ดังนั้นงานนี้มันต้องสู้ สู้ให้ถึงที่สุด”
จบคำพูดเถ้าแก่ตง ทุกคนตามองตา…ท้าทายกัน โดยเฉพาะย้งกับจำเริญ
เวลาต่อมาเก่งประคองย้งลงนอนที่เตียง
“ไม่ต้องห่วงนะเพื่อน ข้ารับรองว่าเอ็งต้องชนะ”
“เอ็งมั่นใจเหรอวะไอ้เก่ง” ย้งไม่มั่นใจว่าจะชนะ
“เออ มีข้าเป็นเทรนเน่อร์ทั้งคน เอ็งจะแพ้ได้ยังไงวะ” เก่งบอกหน้าจริงจัง
“ใช่สินะ ไม่แพ้ ก็ในเมื่อเอ็ง…เป็น…” ย้งเกือบหลุดปากเรื่องความลับที่ไปบังเอิญรู้
“หือ…?” เก่งสงสัยรอฟัง ไม่คิดว่าย้งจะรู้เรื่องที่ตนเป็นนางสิงห์
ย้งตัดบท “เอ่อเปล่า ไม่มีอะไร ขอบใจเอ็งมากนะที่หนุนหลังข้า”
“เฮ้ยเพื่อนกันแค่นี้เรื่องเล็กโว๊ย”
เก่งยิ้มให้ย้งอย่างจริงใจ ทำให้ย้งรู้สึกลังเล เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง คิดในใจ
“ไอ้เก่ง มันดีกับเราขนาดนี้ แล้วเราจะแจ้งตำรวจจับมันได้ยังไงวะ ถึงมันจะเป็นคนร้าย แต่มันก็เป็นเพื่อนเรา เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน จะหักหลังกันไม่ได้เด็ดขาด”
“ไอ้ย้ง เอ็งเป็นอะไรมากมั้ย หน้าเอ็งแปลกๆ นะ”
ย้งใจลอย มองเก่งแล้วคิดในใจอีก “ไม่มีอะไรหรอก ข้ากำลังคิดในใจอยู่ข้ารู้สึกว่า ถึงเอ็งจะเป็นผู้หญิง เป็นคนร้าย แต่เอ็งก็คือเพื่อนแท้ของข้านะไอ้เก่ง”
เก่งฉงน “ไม่พูดแล้วจะรู้มั้ย”
ย้งรู้สึกตัว “เออลืมไป คือพอดีคิดในใจอยู่น่ะ คิดเรื่อยเปื่อย”
“ฮือ พักเยอะๆ นะโว๊ย สงสัยสมองจะกระเทือนนะเนี่ย”
เก่งมองย้งอย่างสงสัยท่าทีแปลกๆ ย้งยิ้มกลบเกลื่อน
ด้านวาสนาเดินมาหน้าสถานีอนามัยส่ง หมวยใหญ่ เถ้าแก่ตง และตาคงที่กำลังกลับบ้าน
“ชั้นกลับก่อนนะหมอ ฝากดูแลน้องชายชั้นด้วยนะ” หมวยใหญ่เอ่ยขึ้น
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้เดือดร้อน”
หมวยใหญ่คุยฟุ้ง “ฮึ ไม่เป็นไรหรอก เกิดมาสวยมันก็ลำบากแบบนี้แหละ ชั้นเข้าใจ แบบว่าบางทีก็วางตัวไม่ถูกอ่ะเนอะ พวกผู้ชายชอบมาเกาะแกะ อยู่เรื่อย”
วาสนายิ้มให้หมวยใหญ่อย่างเบาใจที่หมวยใหญ่ไม่โทษตนเรื่องจำเริญ
ระหว่างนั้นเองเสียงเพลงเคารพธงชาติก็ดังขึ้น เป็นเสียงตามสายของกำนันศรนั่นเอง
“สัญญาณต่อไปเป็นเวลา 18 นาฬิกา”
เสียงเพลงชาติดังก้อง “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย....” ฯลฯ
เก่งวิ่งผลุนผลันมาที่ระเบียง “เฮ้ย ถึงเวลาแล้วนี่”
ที่โรงพักเวลาเดียวกัน ผู้กองธัมโมและบรรดาตำรวจทุกนายยืนตะเบ๊ะ เคารพธงชาติอย่างมุ่งมั่นกล้าหาญ เมื่อเสียงเพลงสิ้นสุดลง ธัมโมก็หันมาสั่งการ
“ทั้งหมด..ออกเดินทาง”
จ่าไชโยพูดเบาๆ กับหมู่โอฬาร “อ่ะนะ แล้วบอกว่าลับสุดยอด ดันแหกปากซะดังลั่น”
หมู่โอฬารบอกเบาๆ เช่นกัน “อาจเป็นกลยุทธ์ของผู้กองก็ได้จ่า คนร้ายมันคงนึกไม่ถึงหรอก ว่าเอ็ดตะโรขนาดนี้จะมีปฏิบัติการลับ”
บรรดาตำรวจต่างทยอยกันขึ้นรถและออกรถไปจากโรงพัก
เย็นนั้น รถจี๊ปกำลังตำรวจ แล่นมาบนถนนลูกรังซึ่งเก่งอธิบายบอกทางก่อนหน้านี้ ผู้กองธัมโมที่นั่งมาบนรถจี๊ปเหลือบเห็นอะไรบางอย่างจึงออกคำสั่ง
“หยุดรถก่อน”
ขบวนรถจอดลง ธัมโมลงจากรถไปดูที่พื้นและเห็นรอยน้ำมันเครื่องที่หนูเก่งหรือนางสิงห์ราดไว้เป็นแนวยาวตรงไปยังเบื้องหน้า
“เป็นแบบที่นางสิงห์บอกไว้จริงๆ” ธัมโมพึมพำ
ไชโยได้ยินเข้า “นางสิงห์? ตะกี๊ผู้กองพูดชื่อนางสิงห์เหรอครับ”
ธัมโมไม่สนใจตอบ แต่เดินมาประกาศ “ทุกคนฟังให้ดี ตรงไปข้างหน้าอีกสามกิโลจะเป็นจุดที่มีการลักลอบทำไม้เถื่อน พวกเราจะบุกเข้าจับกุมและยึดของกลางทั้งหมด ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี เพราะเวรยามของพวกมันมีอาวุธครบมือ”
โอฬารสะกิดใจ “มีอาวุธด้วย ตกลงมันเป็นพวกไหนกันครับผู้กอง”
ธัมโมบอกทันที “กำนันศร กับเสี่ยเล้ง”
ทุกคนพากันตกตะลึง..คิดในใจเหมือนกัน นี่มันงานช้างสุรินทร์ชัดๆ
เก่งในชุดนางสิงห์กระโจนลงมาที่พื้นในป่าบริเวณซึ่งเคยปะทะกับยอดและมิ่ง นางสิงห์มองไปที่ยังจุดที่ตั้งแค้มป์ทำไม้เถื่อน ก่อนจะหยิบขลุ่ยเล็กๆ มาเป่าเป็นเสียงนก ส่งสัญญาณ
บริเวณแหล่งตัดไม้เถื่อนกลางป่า คนงานยังคงทำงานเลื่อยไม้ และแปรรูปไม้อย่างอ่อนล้า มียอดยืนคุมเชิงอยู่อย่างระแวดระวัง ขณะที่ยามคนหนึ่งมารายงาน
“ใกล้ค่ำแล้วพี่ยอด คงไม่มีใครบุกมาหรอกพี่”
“อย่าประมาท ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางโจรนั่นมันจะรามือแค่นี้” ยอดสั่งเข้ม
ระหว่างนั้น ยินเสียงขลุ่ยที่เป่าคล้ายนกร้องแว่วมาสั้นๆ ยาวๆ ยอดเหลียวมองไปอย่างคลางแคลงใจนิดๆ
กองกำลังตำรวจ นำทีมโดยผู้กองธัมโมแอบย่องเข้ามาในบริเวณตัดไม้เถื่อนอย่างเงียบเชียบ พอได้ยินเสียงขลุ่ยธัมโมก็โบกมือให้ทุกคนขยับหลบเข้าที่กำบัง เห็นเขาเงี่ยหูฟังเสียงขลุ่ย ก่อนจะหยิบขลุ่ยของตัวเองมาเป่าตอบโต้ไป
“ผู้กองคุยกับนกอยู่เหรอครับ” ไชโยไม่เข้าใจ
“แนวร่วมของเราต่างหากจ่า เค้าสื่อสารกับผมด้วยรหัสมอส” ธัมโมบอก
โอฬารทึ่ง “โว้ว เจ๋งอ่ะ”
ธัมโมเป่าขลุ่ยซ้ำอีกครั้ง สั้นๆ ยาวๆ
พอนางสิงห์ได้ยินเสียงขลุ่ยตอบรับจากผู้กองธัมโม ก็ยิงลูกโซ่โหนตัวไปจัดการตามแผนทันที
บรรดาคนงานยังทำงานอยู่ ขณะที่ธัมโมกับพวกลัดเลาะมา พร้อมกับประกาศตัวเข้าจับกุม
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกคนวางอาวุธแล้วหมอบลงไปกับพื้นอย่าขัดขืน หมอบลงไป”
พวกคนงานมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะยอมทำตามโดยดี พวกตำรวจจึงตรงไปเคลียร์พื้นที่
“เอ๊ะ ทำไมมันง่ายแบบนี้อ่ะจ่า” โอฬารงง
ไชโยท้วง “นั่นสิครับผู้กอง ไหนผู้กองบอกว่าพวกมันมียามคุ้มกันพร้อมอาวุธไงครับ
เสียงยอดแหลมเข้ามา “ทางนี้โว๊ย ไอ้หน้าโง่”
ผู้กองธัมโมหันไปเห็นยอดกับสมุนใช้ผ้าคลุมหน้า ปรากฏกายขึ้นบนที่สูงโดยรอบ
“ทุกคนระวัง” ผู้กองสั่งเร็ว
ยอดกับสมุนเปิดฉากยิงถล่มใส่ตำรวจทันที ขณะที่พวกคนงานต่างหนีตายกันจ้าละหวั่น
“ยิงมัน ฆ่ามันให้หมด” ยอดประกาศก้อง
สมุนคนหนึ่งหันขวับ “แต่มันเป็นตำรวจนะพี่”
“ไม่สนโว๊ย ไม่มีตำรวจ ก็ไม่มีกฏหมาย ฆ่ามัน” ยอดสั่งเข้ม
จากนั้นพวกยอดยิงถล่มอย่างหนักจนพวกของธัมโมต้องหลบเข้าที่กำบัง
“เอาไงดีครับผู้กอง อาวุธมันหนักกว่าของพวกเราอีกนะครับเนี่ย” ไชโยหารือท่ามกลางเสียงห่ากระสุน
“ลูกโม่เจอเอ็มสิบหกเข้าไป ยังไงก็แพ้ครับผู้กอง” โอฬารว่า
ธัมโมพยักหน้า “มันอยู่ที่สูงเราอยู่ที่ต่ำ มันได้เปรียบกว่าเห็นๆ”
“สรุปมีข้อด้อยครบสามประการ สั่งถอนกำลังเลยนะครับ” ไชโยออกลายกลัวตาย
ธัมโมเสียงเข้ม “ไม่ ผมต้องจับพวกมันให้ได้”
จังหวะนั้นตำรวจคนหนึ่งพยายามยิงต่อสู้กับคนร้ายจนถูกยิงล้มลง
ไชโยตะลึง “อ้าวเฮ้ย โดนสอยไปแล้วหนึ่ง”
“จ่ายิงคุ้มกันให้ที ผมจะไปช่วยเค้า”
“ฮึ่ย อันตรายนะครับผู้กอง” โอฬารทักท้วง
“ลูกน้องผม ทุกคนจะต้องปลอดภัย”
พูดจบธัมโมวิ่งออกไปจากที่กำบัง ไชโยกับโอฬารช่วยกันยิงคุ้มกัน
ผู้กองธัมโมวิ่งไปยิงคุ้มกันให้ตัวเองไป จนถึงร่างของตำรวจที่บาดเจ็บ เขาพยุงปีกลูกน้องให้ลุกขึ้น
“อดทนหน่อยนะ ตามผมมาทางนี้”
ไชโย กับโอฬารและตำรวจยิงคุ้มกันให้ธัมโม จนสมุนของยอดคนหนึ่งถูกยิงตายคาที่
ยอดโกรธจัดด้วยความแค้น มันหันมากราดยิงใส่พวกตำรวจอย่างบ้าคลั่งจนทุกคนต่างหลบไป เหลือแต่ธัมโมที่ยังประคองตำรวจที่บาดเจ็บอยู่
“ไอ้ธัมโม มึงตาย”
ธัมโมมองไปอย่างตกใจ จังหวะนั้นเองนางสิงห์ก็โหนตัวมาจากต้นไม้พร้อมกับชักปืนกระหน่ำยิงใส่พวกของยอดจนล้มตาย เห็นยอดถูกยิงจนปืนหลุดมือ
“นางสิงห์” ไชโยตาค้าง
โอฬารหมั่นไส้ “โอ้โหแย่งซีนกันเห็นๆ หมั่นไส้เลยนะเนี่ย”
นางสิงห์ตีลังกาลงมายืนบนที่สูงนั้น และเผชิญหน้ากับยอด เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมือเปล่าไร้อาวุธนางสิงห์จึงเก็บปืน และมองยอดอย่างท้าทาย
ยอดกัดฟันชักมีดพกของมันออกมาควงอย่างว่องไว ก่อนจะบุกเข้าเล่นงานนางสิงห์ ซึ่งชักพลองศอกออกมารับมือเช่นกัน ทั้งคู่ต่อสู้กันดุเดือด
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ขณะเดียวกันธัมโมก็ส่งตำรวจที่บาดเจ็บให้ไชโยกับโอฬารรับไป
“ฝากเคลียร์ทางนี้ด้วยนะจ่า เดี๋ยวผมไปช่วยนางสิงห์ก่อน”
ไชโยเห็นธัมโมวิ่งจากไปก็อึ้ง “อ้าว โจรมาช่วยตำรวจ ตำรวจไปช่วยโจร ตกลงยังไงวะหมู่”
“ไม่รู้เหมือนกันครับจ่า”
ยอดโดนนางสิงห์ฟาดพลองเข้าใส่ แต่มันก็ปาดมีดไปถูกนางสิงห์เช่น ทว่าคมมีดนั้นทะลุได้แค่เสื้อผ้าเท่านั้น
“แก….หนังเหนียวนักใช่มั้ย”
ยอดว่าพลางล้วงไปในกระเป๋าแล้วหยิบเอากริชเล่มหนึ่งออกมา
กริชเล่มนั้นเหมือนมีพลังแห่งอาคมแฝงอยู่ มันทำให้นางสิงห์รู้สึกสะท้านในกายขึ้นมาทันที และถอยร่นไปครึ่งก้าว
ที่แท้ก่อนมากำนันศรส่งกริชเล่มนั้นให้ยอด เพื่อมาจัดการนางสิงห์
“กริชเล่มนี้หลอมจาก ปลาทู...เอ๊ย ตะปูเจ็ดป่าช้าแถมยังลงคาถาอาคมเอาไว้ ต่อให้คนมีวิชาแก่กล้าแค่ไหนก็แทงเข้าทุกราย”
“ของดีแบบนี้ พ่อกำนันมาให้ชั้นทำไม”
“เอ็งเป็นทั้งลูกน้อง และลูกศิษย์ที่ข้าไว้วางใจไอ้ยอดมีแต่เอ็งเท่านั้น ที่คู่ควรกับมัน”
ยอดชักกริชออกมาดูด้วยความภาคภูมิใจ
ในขณะที่ยอดกำลังจ้วงกริชใส่นางสิงห์ ธัมโมก็โผล่เข้ามาขวางเลยโดนกริชแทงเข้าที่บ่าพอดี
“ระวัง” ธัมโมตะโกน
ยอดชะงัก “เฮ้ย”
เก่งในคราบนางสิงห์ตกใจ “ผู้กอง”
ธัมโมกัดฟันถีบยอดจนร่วงไป แต่ตัวเขาเองก็ทรุดฮวบเพราะพิษบาดแผลเช่นกัน
“ผู้กอง ผู้กองเป็นยังไงบ้างผู้กอง ทำใจดีๆ ไว้ ผู้กอง” นางสิงห์ตกใจมาก
ธัมโมรู้สึกตัวเองกำลังหมดสติ ทุกอย่างที่เห็นในกรอบสายตาดูพร่าเลือน เลือดทะลักออกมาก และไม่ยอมหยุด ธัมโมสลบ พร้อมๆ กับที่พระอาทิตย์ตกดิน
ตกกลางคืนย้งนอนเหงื่อแตกเพราะพิษไข้ วาสนายื่นมือเข้ามาอังที่หน้าผาก
ย้งรู้สึกตัว “คุณวาสนา”
“เธอตัวรุมๆ นะย้ง สงสัยแผลจะอักเสบ ทานยาหน่อยมั้ย”
ย้งอวดเก่ง “ไม่เป็นไรครับ เปลือง”
“จะบ้าเหรอ เป็นไข้ก็ต้องกินยาสิ มาปงมาเปลืองได้ยังไง”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังไหว แค่นี้ผมทนได้”
“ถ้างั้น..ชั้นเช็ดตัวให้นะ”
เวลาผ่านไป วาสนาบิดผ้าขนหนูจากกาละมังมาเช็ดตัวให้ย้ง
“ดีขึ้นมั้ย”
ย้งยิ้มยิงฟัน “ดีครับ คุณวาสนา สวรรค์ชัดๆ เลยครับ”
“พูดไปโน่น เจ็บขนาดนี้ยังมีอารมณ์ขันอีกนะเรา”
“ก็มันมีความสุขนี่ครับ ถึงเจ็บแต่ก็ภูมิใจ ที่ผมได้ปกป้องคุณ”
วาสนาอึ้ง “ย้ง”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเอาชนะไอ้จำเริญให้ได้ ผมไม่ยอมให้คนชั่วแบบนั้นมาเกาะแกะคุณวาสนาเด็ดขาด”
“ย้ง นายไม่ควรทำแบบนี้ นายก็รู้ว่าชั้นเห็นนายเป็นแค่เพื่อน แต่ว่านาย…”
“ผมรู้ตัวครับ ผมเจียมตัวเสมอ ผมเป็นแค่นายย้งอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนของคุณ แต่คุณวาสนาดีกับผม ผมก็เลย..” เสียงย้งขาดหายไปในลำคอ
วาสนานิ่งงันไปสักพัก “นายให้ชั้นมามากแล้วย้ง สิ่งที่นายทำให้ชั้นชั้น..ชั้นไม่รู้จะตอบแทนคืนยังไง ในฐานะเพื่อน…”
ย้งยิ้มให้วาสนา ท่ามกลางแสงไฟที่อ่อนสลัวนั้น ย้งเอื้อมมือไปกุมมือวาสนาเอาไว้
“เพื่อนคนนี้ มีแต่ความภักดี ไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกครับ คุณวาสนา”
วาสนาตื้นตัน
ด้านกำนันศรเดินมาชะเง้อชะแง้ดูที่หน้าต่างอย่างหงุดหงิดใจ
“ฮึย นังลูกไม่รักดี ค่ำมืดดึกดื่นดันไปนอนเฝ้าผู้ชายไม่ยอมกลับบ้านนี่มันจะฉีกหน้าพ่อไปถึงไหนกันวะ”
ลิ้นจี่ยุส่ง “นั่นสิคะพ่อกำนันขา ลิ้นจี่ว่ายิ่งปล่อยไว้ มันจะยิ่งไม่งามนะเนี่ยทางที่ดีเราควรจะให้น้องวาสนาแต่งงานไปซะ มันจะได้หมดเรื่อง”
กำนันศรฉงนหันมาหาลิ้นจี่ “แต่งงาน? แต่งกับใครวะ”
“แหมก็ในบ้านไม้งามเนี่ย จะมีใครซะอีกที่คู่ควรกับน้องวาสนา ถ้าไม่ใช่เสี่ยจำเริญ”
กำนันศรนิ่งคิด “ฮืม มันก็ใช่ ไอ้เสี่ยเล้งมันก็เคยทาบทามข้าอยู่เหมือน แต่นังลูกคนนี้มันยอมหักไม่ยอมงอ จะบังคับมันคงไม่ไหว”
“อู้ย ไม่ต้องห่วงจ้ะ เรื่องนั้นลิ้นจี่มีวิธี”
กำนันศรมองลิ้นจี่อย่างลังเล ลิ้นจี่พยักหน้ายืนยัน
เสียงเบิ้มดังลอดเข้ามา “พ่อกำนัน พ่อกำนัน”
กำนันศรรู้ทันทีว่ามีเรื่องแน่ “มีเรื่องอีกแล้วเหรอวะไอ้เบิ้ม”
“ใช่จ้ะมีเรื่อง อ้าว! แล้วพ่อกำนันรู้ได้ยังไง” เบิ้มงง
กำนันศรประชด “สี่ทุ่มแล้ว เอ็งคงไม่เรียกข้าไปตีดัมมี่หรอกมั้ง”
เวลานั้นวาสนาถือไฟฉายลงมาดูที่หน้าสถานี เห็นไชโยกับโอฬารช่วยกันประคองร่างธัมโมลงจากรถ
“ตายจริง ผู้กองโดนอะไรมาคะเนี่ย”
“ถูกแทงครับหมอ รีบช่วยกันก่อนเถอะครับ” จ่าไชโยบอก
“พาขึ้นไปข้างบนเลยค่ะ เดี๋ยวชั้นจะดูแผลให้”
ย้งอยู่ในห้องพักคนไข้ในสถานี กำลังนั่งฟังเสียงอยู่ด้วยความงุนงง ก่อนจะเห็นวาสนาเดินนำไชโยกับโอฬารที่แบกธัมโมเข้ามา
“โทษทีนะย้ง อนามัยมีเตียงแค่เตียงเดียว ถ้าไงชั้นขอ…”
“ไม่เป็นไรครับ ผมหายพอดี”
ย้งรีบกระเสือกกระสนลงจากเตียง เพื่อให้ไชโยกับโอฬารประคองธัมโมขึ้นไปนอน
“ทำใจดีๆ ไว้นะครับผู้กอง” หมู่โอฬารปลอบ
“ผมยังไม่ตายง่ายๆ หรอกหมู่ ไม่ต้องเป็นห่วงผม รีบกลับไปดูที่โรงพัก ตรวจเช็คของกลาง แล้วก็เตรียมสอบปากคำผู้ต้องหา”
“โธ่ อย่าเพิ่งห่วงเรื่องงานเลยครับผู้กอง นาทีนี้ห่วงชีวิตก่อนเถอะครับ” จ่าไชโยว่า
ธัมโมกัดฟันกล้ำกลืนอาการบาดเจ็บ วาสนาสวมถุงมือยางเข้ามาพอดี
“ขอตรวจหน่อยนะคะผู้กอง ถ้าแผลไม่ใหญ่มากชั้นจะเย็บให้เองแต่ถ้าสาหัสกว่านั้น เราคงต้องส่งตัวคุณไปที่โรงพยาบาลค่ะ”
“ครับ เชิญครับ”
วาสนาเข้าตรวจเช็คบาดแผลของธัมโม โดยไม่รู้ตัวว่าที่หน้าต่างด้านนอก นางสิงห์กำลังเกาะกิ่งไม้เฝ้ามองธัมโมอยู่ด้วยความเป็นห่วง นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยพบเจอด้วยกัน
เก่งกับธัมโมเจอกันบนรถทัวร์ เก่งกับธัมโมทะเลาะกันจนตกน้ำ เก่งกับธัมโมวิ่งแข่งกัน เก่งกับธัมโมยื้อยุดกันจนตามองตา และธัมโมที่ปกป้องนางสิงห์จนถูกแทง
ที่ระเบียงริมน้ำบ้านครูเพิ่ม เก่งเปลี่ยนชุดเด็กหนุ่มแล้ว…กำลังนั่งเหม่อมองพระจันทร์อย่างอ่อนล้าในใจ
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เอ็งน่าจะดีใจนะนังแก้ว”
“แต่ชั้นเป็นห่วงผู้กองธัมโม ผู้กองเค้าเป็นคนดีนะครู”
“ฮืม อย่าบอกนะว่าเอ็งชอบเค้า” ครูเพิ่มดักคอ
เก่งโวยแก้เขิน “ฮึ่ย เปล่าซะหน่อย”
“อย่าวางใจนะนังแก้ว ถึงเค้าจะเป็นคนดี แต่เอ็งเป็นคนร้ายที่สำคัญ เค้าเป็นตำรวจ เอ็งเป็นโจร ไม่มีวันเป็นเพื่อนกันได้หรอก”
เก่งนิ่งงันไปแล้วไม่พูดอะไรอีก แต่ลึกลงไปในสีหน้ารู้ว่ายามนี้ในใจหญิงสาวรู้สึกปวดร้าวยิ่งนัก
กำนันศรเดินนำยอดเข้ามาในห้องพักฟื้นคนไข้ที่สถานีอนามัยบ้านไม้งาม เห็นวาสนากำลังประคองผู้กองธัมโมให้ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางรู้แล้วว่ากำนันจะมา ยอดกับธัมโมสบสายตากันเป็นพิเศษ
ธัมโมมองแผลที่บ่าตน แล้วมองหน้ายอดเหมือนสงสัยอยู่ว่าเป็นฝีมือของใคร
“อย่านานนะพ่อ คนไข้ต้องพักผ่อน”
วาสนาว่าแล้วปลีกตัวออกไป
ยอดยกเก้าอี้ให้กำนันศรนั่งคุยอยู่กับธัมโม
“งานนี้คงได้หน้าอีกตามเคยสินะผู้กอง เพิ่งทลายบ่อนไปหยกๆ ก็มาจับไม้เถื่อน ขยันจริงๆ” กำนันศรแดกดัน
“ผมเพิ่งมาใหม่นี่ครับ ก็เลยต้องรีบสร้างผลงาน”
“แต่ผมเป็นห่วงนะ คนทำงานมากเกินไปอย่างผู้กอง ส่วนใหญ่จะอายุสั้น” เห็นธัมโมชักสีหน้ากำนันรีบพูดต่อ “เพราะความเครียด”
ธัมโมเย้ยอยู่ในที “ใครกันแน่ครับที่เครียด ผม หรือว่ากำนัน
กำนันศรหัวเราะหึๆ “หึ ๆๆ มาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะผู้กอง อันที่จริงผมตั้งใจจะมาคุยเรื่องของกลางที่ถูกยึด” ขยับมาใกล้ๆ เตียง “ไม้เถื่อนพวกนั้นน่ะ หลวงเค้าไม่อยากได้หรอกผมว่าผู้กองเอามาประมูลดีกว่ามั้ย จะได้หาเงินบำรุงโรงพัก”
“มีใครสนใจเหรอครับ” ธัมโมถาม
กำนันศรยิ้ม “เสี่ยเล้ง เค้ายินดีจ่ายไม่อั้น เพื่อจะซื้อไม้พวกนั้น”
ธัมโมมองหน้ากำนันศรอย่างรู้ทัน
สองพ่อลูกอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน เสี่ยเล้งโวยวายกับเพลินตาด้วยความไม่พอใจ หลังรู้เรื่องจากกำนันศร
“บัดซบ ไอ้ธัมโมคนนี้มันปัญญาอ่อนหรือไง ป๊าอุตส่าห์ให้กำนันศรไปเจรจากับมัน แต่มันบอกปัดหน้าตาเฉยเงินเป็นแสนเป็นล้าน มันก็ไม่เอา”
“ธัมโมเค้าเป็นคนตงฉินค่ะป๊า เพราะแบบนี้ไงคะ ตาถึงได้เลิกคบ” เพลินตาว่า
“เราต้องรีบจัดการกับไอ้หมอนี่ ทำยังไงก็ได้ ให้มันเลิกบ้าอุดมการณ์ซะที หรือไม่…” เสี่ยเล้งทอดระยะพูดเน้นคำ เสียงเหี้ยม “ก็เก็บมันซะ”
เพลินตาอึ้งไป รู้ว่าพ่อเอาจริง
ที่หน้าร้านกาแฟเถ้าแก่ตงเวลานั้น หมวยใหญ่กระชากผ้าคลุมออกอวดรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างขายกาแฟให้เก่งได้ยลโฉม โดยมีเถ้าแก่ตงร่วมยิ้มปลาบปลื้ม
“แต่น แตน แต๊น ว่าไงจ๊ะน้องเก่งชอบมั้ยเอ่ย”
เก่งตาโต “โอ้โห เท่สุดๆไปเลยครับเจ๊ ใครเป็นคนออกแบบเหรอครับ”
เถ้าแก่ตงแทรกขึ้น คุยฟุ้ง “จะมีใครซะอีกถ้าไม่ใช่มืออาชีพอย่างอั้วกับอาย้ง รับรองได้ว่ารถขายกาแฟคันนี้ไม่เหมือนใครในจังหวัดแน่นอน ข้าวของทุกอย่างมีครบ ทั้งกาแฟ ทั้งขนมปังปิ้ง หอเจี๊ยะทั้งนั้น”
หมวยใหญ่เสริม “หรือถ้าขาดเหลืออะไร ก็มาบอกเจ๊ได้นะเก่ง เจ๊ว่างตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถ้าเจ๊หลับ ก็ปีนเข้าไปปลุกก็ได้จ้ะ หน้าต่างไม่ได้ใส่กลอน”
เก่งฟังแล้วสยอง “แหะๆ ขอบคุณครับเจ๊ เอ่อ ว่าแต่วันนี้ย้งไม่อยู่เหรอครับ หรือว่ายังไม่หายเจ็บ”
พอพูดถึงย้งเท่านั้น หมวยใหญ่กับเถ้าแก่ตงก็มองหน้ากันอย่างหนักใจ
ย้งหมกตัวอยู่ที่ลานซ้อมมวยริมน้ำ กำลังซ้อมชก เตะ อย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงแตรรถขายกาแฟของเก่ง
“ไอ้เก่ง” ย้งรู้ทันที
เก่งจอดรถถามอย่างฉุนเฉียว “เอ็งจะบ้าหรือไงวะ เพิ่งหายเจ็บก็มาซ้อมมวย”
“ก็ข้าไม่มีเวลานี่หว่า ข้าต้องสู้กับไอ้จำเริญแล้วนะโว้ย แล้วไหนเอ็งบอกว่าจะสอนมวยให้ข้าวะ” ย้งทวง
เก่งปลง “ฮ่ายย จะฝึกมวยน่ะ ร่างกายต้องมีพื้นฐาน”
“ก็มีแล้วนี่ไง เห็นมั้ย เอ็งดูสิ กล้ามข้าเป็นมัดๆ เลยนะโว้ย นี่ๆ”
ย้งเบ่งกล้ามน้อยนิดโชว์ของ ด้วยความรำคาญเก่งเลยคว้าแก้วพลาสติกปาใส่หัวย้ง
“โอ้ย เอ็งปาข้าทำไมวะไอ้เก่ง”
“เอ็งก็ปาคืนบ้างสิ”
“ได้เสีย แน่จริงอย่าหลบนะโว้ย”
ย้งปาคืน แต่ปรากฏว่าเก่งคว้าไว้หมับ ก่อนจะโดนหัวตัวเอง
ย้งทึ่ง “เฮ้ย ทำได้ไงวะ”
“นั่นแหละที่ข้าจะสอนเอ็ง แต่เอ็งต้องสัญญานะว่าจะฝึกตามที่ข้าแนะนำทุกอย่าง”
ด้านวาสนาถือถาดยาและน้ำมาในห้องพักฟื้นผู้กองธัมโม
“ผู้กอง ทานยาได้แล้วค่ะ ผู้กองคะ…”
ไม่มีเสียงตอบ วาสนาชะเง้อดูชัดๆ จึงเห็นว่าธัมโมนอนหลับอยู่ จึงวางถาดยา แล้วเดินเข้าไปห่มผ้าให้ ก่อนจะชะงักไป เมื่อมองเห็นว่าใบหน้าธัมโมดูหล่อเหลาแม้ในยามหลับไหล
วาสนาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเสยผมให้ ก่อนจะอมยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่แล้วธัมโมก็สะดุ้งตื่นเขารีบคว้ามือวาสนาไว้โดยสัญชาติญาณ
วาสนาสะท้าน “ผู้กอง”
“คุณหมอ”
เสียงแตรรถดังขัดขึ้นพอดี ธัมโมรีบปล่อยมือวาสนาแล้วลุกขึ้นนั่งมองไป
“คงเป็นจ่าไชโยน่ะครับ ผมบอกให้เค้ามารับตอนสายๆ”
วาสนาพยักหน้าหงึกหงักเออออไปตามเรื่อง ในใจยังสะเทิ้นไม่หายที่โดนธัมโมจับมือ
ครู่ต่อมาจ่าไชโยกับวาสนาช่วยกันประคองธัมโมลงบันได
“โอย มันจะไหวเหรอครับผู้กอง ยังเจ็บอยู่แบบนี้ แล้วกลับไปใครจะหุงข้าวหาปลาให้ครับ”
วาสนาเห็นด้วย “นั่นสิคะผู้กอง น่าจะค้างที่นี่อีกสักคืน ชั้นจะได้ช่วยดูไงคะ”
“อย่าเลยครับ รบกวนเวลาคุณหมอเปล่า ๆ ผมว่า…”
พูดไม่ทันจบ รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดฝุ่นตลบ ทุกคนมองไปเห็นเพลินตาเปิดประตูลงมาในชุดค่อนข้างเซ็กซี่แบบบ้านๆ
ไชโยตาค้าง “โอ้แม่เจ้า”
เพลินตาโผเข้ามากอดธัมโม “โมขา โมหายดีแล้วเหรอ พอรู้ข่าว ตาตกใจไปหมดเลย
ตาเป็นห่วงโมม๊ากมาก”
วาสนาอึ้งไปเมื่อพบว่าเพลินตาสนิทกับธัมโมมาก เพลินตาพอเห็นวาสนาจ้องก็เชิดใส่เหมือนจะบอกเป็นนัยว่า “ผู้กอง...ของชั้นย่ะ”
นางสิงห์สะบัดช่อ ตอนที่ 5 (ต่อ)
เวลาเดียวกันนั้นเก่งกำลังขายกาแฟให้ชาวบ้านที่หน้าโรงพัก หมู่โอฬารเห็นเข้าก็แถเข้ามาวางก้ามใส่
“แหมๆๆๆ ไอ้คุณเก่ง เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะเว้ยมาขายของในสถานที่ราชการ ทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะเว้ยเฮ้ย”
“ผิดที่ไหนกันหมู่ ผมขออนุญาตผู้กองแล้วนะ”
“เออรู้ แต่ผู้กองก็ส่วนผู้กองสิวะ” หมู่โอฬารเชิดใส่ ทั้งทีใส่แว่นดำ “ข้าก็ส่วนข้า”
เก่งเดาทางออก “จะกินโอเลี้ยงมั้ย ฟรี”
“เอา! ขอหวานๆนะ แหม กำลังเปรี้ยวปากอยู่พอดี”
“ก็แค่นั้นแหละ ทำเป็นเบ่งอยู่ได้” เก่งชงโอเลี้ยงพลางถาม “แล้วผู้กองยังไม่มาทำงานอีกเหรอหมู่นี่สายแล้วนะ”
“โอย วันนี้ลาหยุด เมื่อวานเค้าถูกคนร้ายแทง เอ็งไม่รู้หรือไง เนี่ยจ่าไชโยไปตั้งนานยังไม่กลับ สงสัยเจ็บหนักแหงๆ”
เก่งที่กำลังตักน้ำแข็งชะงักมือ เริ่มเป็นห่วงธัมโมขึ้นมาครามครัน
ส่วนเพลินตากำลังช่วยประคองธัมโมลงนั่งที่เตียง
“มากนะเพลินตา แต่ความจริงคุณไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะโม ตากับโมเป็นเพื่อนกันนะหรือจะว่าไป เราเคยเป็นมากกว่าเพื่อนซะด้วยซ้ำ”
ธัมโมอึ้งไป มองสบตาเพลินตาอยู่อย่างเงียบงัน ยิ่งเมื่อเพลินตายื่นหน้าใกล้เข้ามาๆ จะจูบหรืออะไร ธัมโมนั่งตัวเกร็งทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เพลินตาจะมากระซิบใกล้ๆ
“เดี๋ยวตาเช็ดตัวให้โมนะ”
ธัมโมใจเต้นระทึก ไม่กล้าปฏิเสธ
เมื่อเพลินตาลุกไปปิดม่านหน้าต่าง ทั้งห้องตกอยู่ในเงาสลัว เพลินตาหันมายิ้มให้ธัมโมอีกครั้ง ก่อนจะนวยนาดออกไปจากห้อง
ก๊อกน้ำในครัวถูกเปิดรองน้ำใส่กาละมัง เพลินตายืนครุ่นคิดอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออกอีกเม็ด เพื่อเป็นไม้ตาย
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าจนทนได้สักกี่น้ำ”
เพลินตามองก๊อกน้ำ ที่เวลานี้น้ำไหลแรงแตกกระจาย
ธัมโมนั่งกระสับกระส่าย หัวใจเต้นโครมคราม เวลานั้นเองเขาก็เหลือบไปที่ผนังแล้วเห็นรูปนางสิงห์พิฆาตทรชนที่เขาเคยเสก็ตซ์ไว้แปะอยู่
นึกถึงตอนที่นางสิงห์สาบานว่า เมื่อใดบ้านเมืองสงบสุข ปราบคนชั่วได้หมดสิ้น เธอจะยอมมอบตัวกับธัมโม
และตอนที่ธัมโมสาบานกับเก่งว่าเจ้าหน้าที่คนนี้จะซื่อสัตย์ต่อกฎหมาย ถ้าทรยศขอให้ฟ้าดินลงโทษ
ธัมโมคิดมาถึงตรงนี้ก็ได้สติ “ไม่ได้ เราทำแบบนี้ไม่ได้”
ธัมโมรีบกุมแผลลุกไปที่ประตูเพื่อจะออกจากห้อง แต่เพลินตาก็เปิดประตูเข้ามาซะก่อนพร้อมกาละมังสำหรับเช็ดตัว
“โม? โมจะไปไหนเหรอคะ”
ธัมโมพูดไม่ออก ถอยหลังกรูด เพลินตาตีหน้าบ๊องแบ๊วเดินรุกไล่เข้ามาเหมือนสิงโตต้อนเหยื่อ
ขณะเดียวกันวาสนากำลังตอบคำถามของเก่งที่จอดรถขายกาแฟอยู่หน้าสถานีอนามัย
“ผู้กองธัมโมเค้ากลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้วล่ะนายเก่งเพิ่งไปเมื่อช่วงสายนี่เอง”
เก่งอึ้ง “อ้าว แต่ผู้กองเค้าเจ็บอยู่นี่ครับ แล้วแบบนี้จะอยู่คนเดียวได้ยังไง”
วาสนาออกอาการเซ็ง “ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก แต่มีคุณเพลินตาอยู่ด้วย”
วาสนาว่าแล้วก็เมินหน้าไปเพื่อระงับโทสะ เธอไม่รู้เลยว่าเก่งเองก็ออกอาการเดียวกัน
ธัมโมทรุดตัวนั่งลงบนเตียง เพลินตาหันมาปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างแผ่วเบา
“ถอดเสื้อออกนะ เดี๋ยวตาจะเช็ดตัวให้”
ธัมโมมองหน้าเพลินตา เห็นความรักความหลังในอดีตผ่านเข้ามาในสำนึก เพลินตาน่ารัก เขาเคยรักเธอมากมาย รักยิ่งกว่าชีวิตจิตใจที่เหลืออยู่ แต่ทุกอย่าง..มันคืออดีต ตั้งแต่วันที่เธอทิ้งเขาไป
วินาทีนั้น มือธัมโมคว้ามือเพลินตาเอาไว้
“อย่าเลยตา ผมจัดการเองได้”
เพลินตาอ้อนนิดๆ “แหม อย่าเขินสิคะโม คนกันเองแท้ๆ ทำอย่างกับตาไม่เคยเห็นให้ตาช่วยเถอะค่ะ”
เก่งขับรถพ่วงขายกาแฟมาจอดที่หน้าบ้านผู้กองธัมโม แต่แล้วก็ต้องหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงธัมโมกับเพลินตาแว่วออกมา
“อย่าสิคะโม ฟังตาบ้างสิ เอ๊ะ ทำแบบนี้ตาไม่ชอบนะ”
“ผมขอเถอะนะตา เชื่อผมเถอะ ผมขอร้อง”
“ไม่เอาอ่ะโม ปล่อยสิ เอ๊ะยังไงเนี่ย ดื้อจริง ตาบอกให้ปล่อยนะปล่อย”
“เฮ้ย อะไรวะ เป็นตำรวจแท้ๆ ปล้ำผู้หญิงกลางวันแสกๆ” เก่งฉุนกึก “ยอมไม่ได้แล้ว”
เก่งผลักหรือถีบประตูเข้ามาชี้นิ้ว
“นี่คุณปล่อยผู้หญิง…เย้ยยยย!!”
เก่งชะงักไปเพราะภาพที่เห็น คือเพลินตากำลังขึ้นคร่อมจะถอดเสื้อธัมโม
เก่งเกาหัวแกรกๆ มองไปมางงๆ “ตกลง ใครปล้ำใครวะเนี่ย”
ธัมโมคาดไม่ถึง “นายเก่ง”
เพลินตาขัดใจมาก พูดแทบเป็นตวาด “แก…แกเข้ามาทำไม”
เก่งกลับลำ “ก็คุณ…คุณน่ะ ปล่อยผู้ชายเดี๋ยวนี้นะ”
“มายุ่งอะไรด้วย ชั้นกับธัมโมเป็นแฟนกันนะ”
เก่งตะลึง ตาค้าง “จริงเหรอครับผู้กอง ตกลงนี่คุณสมยอมใช่มั้ย”
ธัมโมมองมาที่เพลินตา และเห็นอีกฝ่ายมองมาอย่างเว้าวอน
“เพลินตา….คุณกลับไปซะ”
“ธัมโม!” เพลินตาอึ้งไป
“อดีตมันผ่านไปแล้ว อย่ารื้อฟื้นอีกเลย”
เก่งอดมองธัมโมไม่ได้ สัมผัสได้ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของธัมโมแฝงไว้ด้วยความขมขื่น เห็นเพลินตานิ่งมองอย่างมีโทสะก่อนจะหันมาบอกกับเก่ง
“แกมันสอดไม่เข้าเรื่อง สักวันต้องเจอดีแน่”
เพลินตาคว้ากระเป๋าผลุนผลันออกไป ทิ้งเก่งกับธัมโมไว้ด้วยกันสองต่อสอง
เวลาผ่านไป เก่งจะเอากาแฟกับขนมปังปิ้งมาเสิร์ฟให้ ธัมโมที่นั่งซึมอยู่
“ผู้กอง ไม่สบายก็ทานอะไรรองท้องก่อนสิครับ จะได้ทานยา”
ธัมโมยังคงนิ่งซึมอยู่
“ผู้กองโกรธผมเหรอครับ ที่เข้ามาขัดจังหวะ”
“นายทำถูกแล้วนายเก่ง เพลินตาเป็นลูกสาวของเสี่ยเล้ง ผู้มีอิทธิพลในบ้านไม้งาม และเป็นศัตรูของมือกฎหมายอย่างชั้น เราไม่ควรจะติดต่อกัน”
“แต่คุณเพลินตาเค้าบอกว่า เป็นแฟนกับผู้กองนี่ครับ”
ธัมโมรำพึง “เคย… เคยรัก ชั้นเคยคิดว่าจะยอมตายเพื่อผู้หญิงคนนั้นแต่ตำรวจจนๆ อย่างชั้น ไม่มีใครเค้าอยากได้เป็นสามีหรอก”
เก่งหลุดปาก “ฮึ่ย! มี”
ธัมโมหันขวับ “หือ..ใครอ่ะ…”
เก่งแก้เก้อ “เอ่อ คือผมหมายถึงว่าผู้กองเป็นคนดีครับ ต้องมีผู้หญิงมาชอบผู้กองแน่ๆ เลย”
“ขอบใจมากนะ ที่เป็นห่วงชั้น”
“แหม ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่ครับผู้กอง” พลางเลื่อนจานขนมปังกับแก้วกาแฟ “ทานก่อนเถอะครับ ท้องอิ่มแล้วจะได้สดชื่น”
ธัมโมยิ้มก่อนจะหยิบกาแฟเย็นมาจิบ แล้วหยิบขนมปังมาทาน เก่งจ้องตาแป๋ว
ธัมโมยิ้มให้ “ฮืม วันนี้อร่อยแฮะ อร่อยที่สุดเลยรู้มั้ย”
เก่งดี๊ด๊า “จริงเหรอครับผู้กอง อร่อยจริงๆเหรอครับ”
“ก็เพื่อนชั้นทำเองกับมือ ทำไมจะไม่อร่อย”
ว่าพลางธัมโมตบบ่าเก่งเบาๆ เล่นเอาเก่งยิ้มปลื้มขวยเขิน มองดูธัมโมกินกาแฟและขนมอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกัน ที่สวนในอาณาเขตบ้านเสี่ยเล้ง กำนันศรกับเสี่ยเล้งเดินเล่นพลางหารือกันโดยมียอดและมิ่งคอยติดตาม
“เสียเวลาเปล่าๆเสี่ย คนหัวดื้ออย่างไอ้ธัมโมน่ะ ฆ่าทิ้งยังง่ายว่า”
“ผมก็อยากทำ แต่ทำไม่ได้” เสี่ยว่า
“กลัวเป็นข่าวหน้าหนึ่งหรือไงเสี่ย ทีแต่ก่อนเราฆ่าแทบทุกเดือนไม่เห็นเสี่ยจะสนใจ” กำนันบอก
“มันไม่เหมือนกัน เพราะตอนนั้นผมเป็นแค่พ่อค้า” เห็นกำนันมองอย่างสงสัย “บอกตามตรงนะกำนัน ผมมีแผนว่าเร็วๆ นี้ จะลงสมัครเป็นผู้แทน”
“อะไรนะเสี่ย เสี่ยจะเล่นการเมืองงั้นเหรอ”
เสี่ยเล้งพยักหน้า ขณะที่กำนันศรอึ้งไป และเริ่มระแวงลึกๆ
กำนันศรเดินกลับมาที่หน้าบ้านอย่างหนักใจ ขณะที่ยอดให้ความเห็น
“ชั้นไม่เข้าใจเลยพ่อกำนัน ถ้าเสี่ยเล้งเป็นนักการเมืองแล้วมันจะมีปัญหาตรงไหน ในเมื่อเสี่ยก็อยู่ข้างเดียวกับเรา” ยอดคาใจ
“ได้ดีแล้วถีบหัวเรือส่ง เอ็งไม่เคยได้ยินหรือไงวะไอ้ยอดทุกวันนี้ไอ้เล้งมันมีอำนาจได้ ก็เพราะอาศัยข้าแต่ถ้ามันเป็นนักการเมืองเมื่อไหร่ ข้าก็หมดความหมาย”
ยอดสงสัยอีก “ถ้างั้นเราควรทำยังไงครับพ่อกำนัน”
กำนันศรคิดหนัก
ท่ามกลางแสงยามเย็น ย้งฝึกซ้อมชกหมัดแย็บกับลูกมะนาวสามลูกซึ่งแขวนอยู่กับราวไม้ โดยต้องคอยก้มหลบสลับไปมา และโดนมะนาวฟาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างนั้นวาสนาปั่นจักรยานหิ้วปิ่นโตแวะมาดูย้งด้วยความหนักใจก่อนจะเอ่ยปากเรียก
“ย้ง”
เวลาผ่านไปวาสนาปลดปิ่นโต คดข้าวตักกับส่งให้ย้ง
“คุณวาสนาไม่ต้องลำบากแบบนี้ก็ได้ครับ”
“นายต่างหากที่ต้องลำบากเพราะชั้น ทานเถอะย้งนี่ชั้นทำเองนะ”
ย้งรับข้าวมาทานอย่างเจียมๆ
“อร่อยมั้ย”
“ครับ”
วาสนายิ้มโล่งใจ เฝ้าดูย้งกินข้าวสักพัก จึงเอ่ยขึ้น “ย้ง ตอนนี้ถ้าเธออยากถอนตัว ชั้นก็ไม่ว่าอะไรนะ”
“อ้าว ทำไมคุณวาสนาพูดแบบนั้นล่ะครับ ก็ผมเคยบอกแล้วว่าผมเต็มใจ”
“ถึงเอาชนะพี่จำเริญได้ แต่นายก็ต้องมีศัตรูนะย้ง คนอย่างพี่จำเริญ ไม่ปล่อยให้ใครเหยียบหน้าฟรีๆ หรอก”
“ผมทราบครับ แต่ผมตัดสินใจแล้ว ผมต้องสั่งสอนไอ้จำเริญให้มันเลิกเกาะแกะคุณวาสนาซะที”
วาสนาระอาใจ “เธอนี่มันดื้อจริงๆ”
ย้งสบตาวาสนาแล้วยิ้มสภาพข้าวเลอะปาก วาสนายิ้มขำ เอื้อมมือมาเขี่ยออกให้แล้วถือโอกาสใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากของย้งเบาๆ อย่างมีความหมาย ย้งถึงกับตะลึงค้าง
วาสนายิ้มนิดนึงก่อนจะชักมือกลับ ทำไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ย้งกินข้าวต่อไปใจคอสั่น
ไกลออกไป จำเริญที่นั่งอยู่บนรถ และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันทุบพวงมาลัยด้วยความแค้น
“ไอ้ย้ง เอ็งต้องตาย”
จำเริญคำรามในลำคอ
โปรดติดตาม "นางสิงห์สะบัดช่อ" ตอนต่อไป