xs
xsm
sm
md
lg

ไฟมาร ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไฟมาร ตอนที่ 5
 

คุณหญิงสุดานอนหมดสติอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล หมอให้น้ำเกลือ ตามใบหน้าและเนื้อตัวยังเห็นมีร่องรอยฟกช้ำอยู่ สุขหฤทัยกอดสุดาอย่างดีใจ

“ฤทัยดีใจจังเลยที่คุณหญิงแม่ไม่เป็นอะไร ตอนแรกฤทัยคิดว่าคุณหญิงแม่จะตายไปแล้วซะอีก”
อารักษ์จับมือสุดา ในขณะที่สรวงจ้องหน้าผู้เป็นบิดา เอ่ยขึ้นอย่างเคียดแค้น
“คนทำมันเลวมาก”
“มันเป็นใครคะสรวง...แล้วทำไมมันถึงต้องมาทำร้ายคุณหญิงแม่” สุขหฤทัยถามอย่างสู่รู้
สรวงจ้องหน้าอารักษ์อยู่อย่างนั้น “เป็นคนที่คุณพ่อรู้จัก..รู้จักเป็นอย่างดีด้วย”
“ลูกหมายความว่ายังไงสรวง” อารักษ์ฉงน
สองพ่อลูกมองหน้ากัน สุขหฤทัยมองหน้าสรวงสลับกับอารักษ์ อยากรู้เต็มแก่

สรวงเดินลิ่วออกมาจากโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่รถ อารักษ์เดินตามมาท่าทีร้อนใจ
“หยุดก่อนสรวง มาพูดกันให้รู้เรื่อง ลูกหมายถึงใคร”
“มีคนเดียวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแม่” สรวงหันมาบอก
อารักษ์เสียงสั่น ตกใจแทบช็อก! “ภาพิศ”
“ผมเคยบอกพ่อแล้ว ว่าพ่อเป็นคนเอาไฟมาเผาบ้าน มาถึงวันนี้มันลามไปหมดแล้ว พ่อจะดับมันยังไง” สรวงเหน็บบิดา
อารักษ์ไม่อยากเชื่อ “อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
สรวงมองอารักษ์ด้วยแววตาเสียใจ “ขนาดนี้แล้ว พ่อยังคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด โอเค! ถ้าพ่อดับไฟไม่ได้ ผมจะเป็นคนดับมันเอง” สรวงเดินลิ่วขึ้นรถไป
ที่ด้านหลังสองพ่อลูก สุขหฤทัยได้ยินเต็มหู ตาโต

ขณะที่ภาพิศซึ่งแต่งตัวสวยเฉิดฉาย กำลังแนะนำเพชรกับลูกค้าอยู่ สรวงเดินหน้าบึ้งเข้ามา ภาพิศเห็นหันมายิ้มแย้มทักทาย
“คุณสรวง” ภาพิศถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ยั่วเย้า “เป็นอะไรคะ ถึงได้ทำหน้าอย่างนี้”
“เธอรู้ดีภาพิศ มานี่” สรวงฉุดกระชากแขนลากภาพิศอย่างแรง
ภาพิศตกใจมาก และตกใจจริงๆ ยื้อมือไว้ถาม “นี่มันเรื่องอะไรกันคุณสรวง”
“แผนที่เธอวางไว้ มันไม่สำเร็จแล้วภาพิศ”
สรวงฉุดกระชากลากตัวภาพิศออกไปต่อหน้าคนในร้านเพชร มือข้างหนึ่งของภาพิศประคองท้องพลางขอร้องสรวง
“อย่าคุณสรวง....ลูกพี่”

ไม่นานต่อมาสรวงเปิดประตูห้องพักของสุดา พร้อมกับลากภาพิศเข้ามา ภาพิศเห็นสุดานอนเหมือนคนไม่มีแรงอยู่บนเตียง โดยมีอารักษ์และสุขหฤทัยขนาบข้าง ภาพิศงวยงง
“คุณหญิงพี่เป็นอะไรคะ”
“เธอน่าจะรู้ดีนะภาพิศ” สุขหฤทัยเยาะ
ภาพิศมองหน้าสุขหฤทัยพูดกวนใส่ “ทำไมฉันต้องรู้”
สรวงเสียงเข้ม “เพราะเธอเป็นคนสั่งให้คนมาทำร้ายแม่ฉันไง”
ภาพิศตกใจ มองอารักษ์ แล้วมองสรวง “เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำ”
“เธอทำเพราะเธอโกรธแค้นคุณหญิงแม่เรื่องวันงาน เธอเสียหน้า เธออับอายที่คนจับได้ ว่าเธอน่ะเสแสร้ง มารยา” สุขหฤทัยพูดใส่หน้า
ภาพิศชักฉุน “อย่ามาใส่ร้ายฉัน”
สรวงเอ่ยขึ้น “คนร้ายมันสารภาพหมดแล้ว ต่อให้เธอปฏิเสธยังไง ก็ดิ้นไม่หลุด กราบขอโทษแม่ฉันเดี๋ยวนี้”
ภาพิศส่ายหน้า เชิดหน้าขึ้น “ไม่..พี่ไม่ใช่คนผิด พี่ไม่ทำ”
สรวงโกรธจัด “ภาพิศ”
“ช่างเค้าเถอะลูก” สุดาพูดเสียงแผ่วๆ กับภาพิศ ดูน่าสงสาร “ภา...ทั้งๆ ที่พี่ยอมเธอทุกอย่างแล้ว เธอยังจะเอาชีวิตพี่อีกเหรอ”
ภาพิศเสียงแข็ง “น้องไม่ได้ทำนะคะ”
สรวงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว “เธอมันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง ตำรวจเท่านั้นที่จะง้างปากเธอได้ ภาพิศ”
สรวงเดินลิ่วเปิดประตูออกไป อารักษ์ตกใจ
“สรวง..สรวง หยุดเดี๋ยวนี้สรวง” อารักษ์เดินตามไปเร็วรี่
“ฤทัยไปสน.ด้วยค่ะสรวง” สุขหฤทัยตามติด

ภาพิศกับสุดาเผชิญหน้ากันสองต่อสอง

สรวงเดินลิ่วอย่างโกรธจัด อารักษ์ก้าวเท้ายาวๆ มาขวางหน้าเอาไว้

“พ่อขอได้มั้ย ให้มันเป็นเรื่องภายในครอบครัว”
สรวงจ้องหน้าบิดา “ทั้งๆ ที่เค้าคิดจะฆ่าแม่ผมน่ะเหรอ? พ่อไม่รักแม่ แต่ผมรักแม่”
“พ่อบอกแล้วไง...มันอาจจะเป็นการเข้าใจผิด” อารักษ์เสียงอ่อยๆ
“พ่อยังเข้าข้างเค้า ทั้งๆ ที่แม่นอนเจ็บอย่างนี้. หรือพ่อคิดว่า..แม่จ้างคนมาทำร้ายตัวเอง”
สรวงจ้องหน้าอารักษ์เขม็ง อารักษ์อึ้ง ไม่ได้คิดสักนิดว่าสุดาจะทำอย่างนั้น แต่รู้สึกลำบากใจ

ส่วนสุดากับภาพิศเผชิญหน้ากันอยู่ และสักครู่หนึ่งสุดาก็ยิ้มร้าย หัวเราะนิดๆ ยักคิ้วยั่ว
“ไง...ฝีมือการแสดงของฉัน ขั้นเทพพอมั้ย”
“แก” ภาพิศโกรธมาก ปราดเข้ามาจิกผมสุดา จนหน้าหงาย
สุดามองอย่างไม่สะทกสะท้านหรือหวาดกลัว “เธอรู้อยู่แล้ววันงาน ฉันไม่มีทางใส่ยาพิษให้เธอกินแน่ แต่เธอก็ยังเสแสร้ง สร้างเรื่องใส่ร้ายฉัน แล้วเป็นไง พอถูกฉันตลบหลัง...เธอโกรธ เธอแค้น เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะจ้างคนมาทำร้ายฉัน”
ภาพิศคำรามในลำคอ “เลว” ตบหน้าสุดาเสียงดังเผียะ
“ยังไงก็น้อยกว่าแก”
สุดาผงกตัวขึ้นมาจิกผมภาพิศ หัวเราะเบาๆ อย่างเย้ยหยัน
“นี่แค่เบา....เบา...ระหว่างเรา..ยังมีเรื่องให้ทำอีกเยอะ”
สุดากระชากสายน้ำเกลือออก เลือดจากรอยเข็มพุ่งกระฉูด ภาพิศตื่นตะลึง ตกใจ อึ้ง และคาดไม่ถึง เลือดไหลหยดลงที่นอนสีขาว ซัดซึมเป็นวงกว้าง น่ากลัวนัก
“คาดไม่ถึงล่ะสิคะคุณน้อง...” สุดาพูดเสียงเข้ม “เธอส่งโลงให้ตัวเองได้ ฉันก็ทำร้ายตัวเอง
ได้ เหมือนกัน” หัวเราะเยาะ พูดเย้ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“แต่เสียใจด้วยนะ ที่เธอจะไม่มีโอกาสได้แก้มือ”

ยินเสียงประตูเปิด ภาพิศหันขวับไปมอง แต่พลก้าวพรวดเดียวถึงตัวภาพิศ โปะยาสลบอย่างแรง ภาพิศร่วงผล็อย พลประคองภาพิศ คุณหญิงสุดาเปิดกระเป๋าหยิบเช็คส่งให้
“ค่าจ้างแก เอาไปครึ่งนึงพอ โทษฐานเล่นเกินบท มาเรียกฉันว่านังแก่”
พลชะงัก “คุณหญิง”
“รีบไป เสร็จงานค่อยมาเอาอีกครึ่ง ไป๊”
พลประคองพาภาพิศออกไปอย่างรวดเร็ว สุดาปรายตามองเลือดที่ไหลจากข้อมือตัวเอง
ดวงตาวายวับ ร้ายกาจ กดออดหัวเตียง ตะโกนดังลั่น “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”

สรวงกับอารักษ์เผชิญหน้ากันอยู่ สรวงมองอารักษ์ ด้วยแววตาทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง
“ถ้าพ่อหมดรักแม่ ผมขอปกป้องและดูแลแม่ ด้วยวิธีของผมเอง”
จังหวะนั้นพยาบาลวิ่งเข้ามาหา “ท่านคะท่าน ...คุณหญิง” ทุกคนตกใจ

พริบตาเดียว สรวงเปิดประตูพรวดเข้ามาตามด้วยอารักษ์ และสุขหฤทัย เห็นเจ้าหน้าที่เก็บผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดออกไป สุดาร้องไห้ตัวสั่นนอนอยู่บนเตียง สรวงเข้าไปกอดมารดา มองอย่าง งวยงง ตกใจและสงสาร
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่”
“ไม่มีอะไรลูก..แค่ภาพิศระงับสติอารมณ์ไม่ได้”
อารักษ์กลุ้มหนัก สุขหฤทัยทำหน้าหวาดกลัวขณะเอ่ยขึ้น
“จ้างคนฆ่าไม่สำเร็จ มันก็ตามมาทำร้ายคุณหญิงแม่ถึงที่นี่เลยเหรอคะ”
สุดาเอ่ยขึ้น “เค้าคงไม่ตั้งใจ แม่เองก็ไม่อยากมีเรื่อง....” หันไปพูดกับอารักษ์ “คุณพี่คะ...ไปคุยกับภาพิศนะคะ...น้องให้อภัย อริยะวรรตจะได้ไม่เสื่อมเสีย โดยเฉพาะกับเด็กที่กำลังจะเกิดมา เค้าไม่ควรรับรู้เรื่องราวเลวร้ายแบบนี้ค่ะ”

ยิ่งเห็นคุณหญิงสุดาแสนดีขนาดนี้ อารักษ์ยิ่งหนักใจ

คืนนั้นสรวงกับฤทัยเดินออกมาจากโรงพยาบาล สุขหฤทัยบ่นไม่เลิก

“คุณหญิงแม่ไม่น่าใจดีกับภาพิศขนาดนี้เลย”
“ถึงคุณแม่จะให้อภัย แต่ผมไม่มีทางให้ภาพิศเด็ดขาด”
ดวงตาสรวงกร้าว และดุดัน

ภาพิศรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง เห็นพลกำลังขุดหลุมอยู่ พลหันมาเห็น
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ?...งั้นคุณจะต้องทรมานก่อนตายมากกว่าเดิม เพราะคุณจะถูกฝังทั้งเป็น”
ภาพิศถอยหลังกรูด พยายามตั้งสติ อ้อนวอน “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“คุณก็รู้..ขอร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงคุณหญิงสุดาไม่ปล่อยให้คุณรอด เป็นครั้งที่สองแน่”
ภาพิศตั้งสติ พูดดีๆ ด้วย “แต่เธอปล่อยฉันได้....เธอช่วยฉันนะพล แล้วเธออยากได้อะไร ฉันจะให้เธอทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ตัวเธอ แต่รวมถึงลูกเมียเธอ พ่อแม่ ครอบครัวของเธอ ทุกคนจะสุขสบายไปทั้งชาติ”
พลชะงัก สีหน้าดูออกว่าอยากจะได้ ภาพิศเห็น ได้ที โน้มน้าวต่อ
“แต่ถ้าฉันตาย....เธอคิดว่าท่านอารักษ์จะปล่อยให้เรื่องเงียบเหรอ? ตำรวจต้องตามไล่ล่าเธอ และคุณหญิงก็จะฆ่าตัดตอนเธอ”
พลคิดหนัก ภาพิศรุกต่อ
“เรื่องครั้งนั้นฉันก็ไม่ได้เอาโทษเธอ และครั้งนี้ฉันก็จะไม่เอาผิด ปล่อยฉันไปนะพล แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง”
พลจ้องหน้าเอ่ยขึ้น “รวมทั้งตัวคุณด้วยหรือเปล่า”
ภาพิศตกใจนิดหนึ่ง แต่มีสติยิ้มรับ “ถ้าเธอต้องการ…”
พลปราดเข้ามาหาภาพิศมองด้วยสายตาโลมเลีย ภาพิศเอามือดันพลออกเบาๆ ยิ้มหวาน
“แต่ไม่ใช่ตอนนี้...เธอต้องใจเย็นๆ...แล้วเธอจะได้ทุกอย่าง...รวมทั้งอนาคตของเธอกับฉัน ที่เราจะสร้างด้วยกัน”
พลมองจ้อง “อย่าตุกติกกับฉัน...ไม่งั้น” พลยกมือทำท่าปาดคอภาพิศ “เธอตาย”
ภาพิศยิ้มหวาน...ในรอยยิ้มแฝงเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและเลือดเย็น

ภาพิศเอาตัวรอดกลับมาได้ และกำลังเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนด้วยสภาพทรุดโทรม ท่าทางเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ดวงตาวาววาบ เต็มไปด้วยความแค้น คำรามในลำคอ
“ทำกับฉันขนาดนี้ ฉันเอาคืนแน่ ไอ้พล นังสุดา”

กรรณนรีเดินคอตกกลับมาจะเข้าบ้าน สรวงขับรถมาจอดขนาบข้างอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวลงมาด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอาเรื่อง
กรรณนรีตกใจปนงง “คุณสรวง” ถอยหลังกรูด “คุณมีอะไรกับฉัน”
สรวงย่างเท้าเข้ามา หน้าเหี้ยมบอกเสียงดุ “แม่ฉันถูกอุ้ม”
กรรณนรีตกใจ “หา”
“ภาพิศคือคนบงการ” สรวงบอกต่อสีหน้าเคียดแค้น
กรรณนรีตกใจ หน้าซีดเผือด “ไม่จริง”
“ต่อให้เธอปฏิเสธ ก็หนีความจริงไม่พ้น เธอต้องชดใช้ให้ฉันกรรณรี”
สรวงลากกรรณนรีขึ้นรถทันที กรรณนรีกรี๊ดๆ ร้องลั่น
“ปล่อยฉัน ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่เกี่ยว ปล่อย”
สรวงไม่ฟัง ขับรถออกไปรวดเร็ว

สรวงหน้าคว่ำจอดรถที่หน้าบ้านพัก อ้อมมาลากกรรณนรีลงจากรถ กรรณนรีมองจ้องทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนเหมือนครั้งแรกที่ถูกฉุด เพียงแต่ยื้อมือตัวเองเอาไว้ บอกสรวงเสียงเครียด
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย เอะอะก็ใช้กำลัง”
“ก็เพราะผู้หญิงอย่างพวกเธอมีแต่แผนการร้ายไง” สรวง
“ยังไง...คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันอย่างนี้”
“ก็กำลังจะใช้สิทธิ์เดี๋ยวนี้ไง มานี่”
สรวงลากกรรณนรีเข้าไปด้านใน กรรณนรีได้แต่ร้อง โดยที่สรวงไม่สนใจ
“ปล่อย”

สรวงเหวี่ยงกรรณนรีเข้าไปในห้อง กรรณนรีล้มลงบนเตียง หันขวับมาตวาดอย่างกราดเกรี้ยวด้วยความโมโห
“คุณสรวง”
“ทำไม?” สรวงโถมตัวตามลงมาที่เตียง หน้าตาถมึงทึง ขึงขัง
กรรณนรีถอยหลังกรูด ท่าทีหวาดกลัว “ถึงคุณจะโกรธคุณภาพิศ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับฉัน
อย่างนี้!”
สรวงขยับตัวตามเข้าไปอีก “ก็บอกแล้วไงว่ากำลังจะใช้สิทธิ์”
ว่าพลางสรวงปราดเข้าไปถึงตัวกรรณนรี กอดล็อกตัวเอาไว้ ปล้ำลงบนเตียง กรรณนรีร้องออกมาอย่างหวาดกลัว
“ปล่อยฉันนะ คุณสรวง ปล่อยๆๆ”
สรวงยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนหน้าเป็นดุดัน พูดแดกดัน “ปล่อยให้เธอตบฉันน่ะเหรอ?
“ก็มันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
สรวงหัวเราะเบาๆ “อ้อ! สิทธิ์ของเธอ...ตบ งั้น..สิทธิ์ของฉัน...จูบ”
ในขณะที่สรวงกำกลังกอดปล้ำจูบกรรณนรีนั้น เสียงมือถือของกรรณนรีดังลั่น สรวงมองกรรณนรีกร้าว กระชากกระเป๋าของกรรณนรี หยิบมือถือออกมา
สรวงเห็นเบอร์ “พ่อโทร.มา”
กรรณนรีตกใจ “พ่อ” จะคว้าโทรศัพท์ในมือสรวง
สรวงชักมือหนี “จะรับเหรอ? ก็ได้...งั้นรับแล้วก็บอกพ่อเธอด้วยนะว่า..เธออยู่กับฉัน สรวง อริยะวรรต” สรวงทอดเสียงยั่วยวน “บนเตียงนอน”
กรรณนรีมองอย่างโกรธจัด “คุณ”
สรวงยื่นมือถือให้ พูดเยาะเย้ยถากถาง “เอาสิ....เรียกร้องสิทธิ์ดีนัก ก็ใช้สิทธิ์ของเธอให้เต็มที่ บอกพ่อเธอไปเลย ว่าเธออยู่กับสรวง ลูกชายพลตรีอารักษ์ แม่เธอเป็นเมียน้อยพ่อฉันไม่พอ เธอก็จะมาเป็นของเล่นฉันอีก”
กรรณนรีมองสรวงอย่างเคียดขึ้ง สรวงมองยั่ว ยื่นมือถือมาตรงหน้า
โดยที่สรวงไม่ทันคาดคิด กรรณนรีคว้ามือถือปาใส่หน้าสรวงอย่างแรง
“เธอ” สรวงโกรธจัด โถมตัวเข้าหา ปลุกปล้ำกรรณนรีลงบนเตียง ท่ามกลางเสียงโทรศัพท์ที่ดังลั่นอยู่อย่างนั้น

ด้านเกริกวางสาย ด้วยสีหน้ากังวลที่ลูกสาวไม่รับสาย เป็นจังหวะที่กาวินทร์กลับจากทำงานพอดี
“มีอะไรพ่อ”
“โทร.หากาว....ไม่รู้กาวทำอะไรอยู่ ไม่ยอมรับสาย”
“คงทำงานตามประสามันแหละ พ่อไม่ต้องห่วงหรอก”
“แต่วันนี้พ่อนึกห่วงกาว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อ...ป่านนี้กาวอาจจะกำลังยิ้มอยู่ก็ได้”
เกริกมองลูกชาย พึมพำ “ยิ้ม”
“ก็เวลาที่กาวทำงานหนักๆ มันชอบยิ้มให้กำลังใจตัวเองไง เดี๋ยวผมส่งไลน์ไปทักมันดีกว่า”
กาวินทร์กดมือถือ

เวลาเดียวกันทางอีกฝั่ง เสียงโทรศัพท์มือถือกรรณนรีดังขึ้นอีก ขณะที่ร่างของสรวงทาบทับตัวกรรณนรีอยู่
หญิงสาวควานหยิบมือถือมาดู “พี่แก้ว...”
กรรณนรีทำท่าขยับจะหนี สรวงหันมามองจ้อง ลุกขึ้นไปยืนขวางประตูพลางพูดขู่
“อย่านะ” แล้วชะโงกหน้ามาอ่านไลน์ “ไหนดูซิพี่แก้วส่งอะไรมา”
สรวงเปิดดูเห็นไลน์ รูปน่ารักยิ้มๆ อ่านข้อความตามมาในไลน์ “ยิ้มเยอะๆ นะกาว” สรวงอ่านแล้วหัวเราะ “พี่แก้วรู้ใจเธอจริงๆ” พร้อมกับเดินกลับมานั่งลงข้างๆ กรรณนรีที่เตียงนอน
“งั้นใช้สิทธิ์เธอให้เต็มที่นะกรรณรี ยิ้มเยอะๆ”

สรวงพูดพร้อมกับคว้าตัวกรรณนรีมากอด โน้มหน้าก้มลงจูบ

ไฟมาร ตอนที่ 5 (ต่อ)
 

สรวงใช้กำลังปลุกปล้ำระดมจูบกรรณนรีทั่วดวงหน้า ขณะที่กรรณนรีซึ่งอยู่ในอ้อมกอด ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง

“ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย” กรรณนรีทั้งผลักทั้งเอามือดันออก
“ไม่ปล่อย”
กรรณนรีจ้องหน้าสรวง ก่อนตัดสินใจยกเท้ายันเปรี้ยง สรวงไม่ทันตั้งตัวเสียหลัก ล้มลง
ไป กรรณนรีจะวิ่งหนี สรวงกระโจนคว้าตัวเอาไว้ด้วยความโมโห
“จะหนีฉันไปไหน? มานี่?” สรวงเหวี่ยงกรรณนรีลงบนเตียง แล้วโถมตัวลงมาระดมจูบ
กรรณนรีร้องลั่น “ปล่อยฉันนะปล่อย ถ้าคุณจะทำร้ายฉัน เพื่อหวังจะแก้แค้นคุณภาพิศ บอกได้เลยว่าคุณคิดผิด”
“ไม่ผิดถ้าทำร้ายแม่ไม่ได้ฉันก็จะทำร้ายลูกนี่แหละ ให้มันสะใจ” สรวงพูดจบ จะก้มลงจูบ
กรรณนรีเอามือดันหน้าสรวง “แล้วคุณภาพิศเค้ารู้มั้ยว่าฉันเป็นลูก” น้ำเสียงที่พูดเริ่มเครือสั่น “
เค้าลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยมีลูก ต่อให้คุณฆ่าฉันให้ตาย คุณภาพิศเค้าก็ไม่รู้สึกอะไร” กรรณนรีร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น “แต่คนที่เจ็บปวดคือฉัน คนที่ตายทั้งเป็นคือฉัน”
สรวงชะงักมองกรรณนรี ดวงตาเริ่มฉายแววอ่อนลง
กรรณนรีพูดต่อทั้งน้ำตา “แต่ถ้าคุณโกรธฉัน เกลียดฉัน อยากเห็นฉันตายทั้งเป็น ก็เชิญคุณย่ำยีฉันตามชอบใจ เพราะต่อให้ฉันตาย...ฉันก็สู้คุณไม่ได้”
สรวงได้สติมองกรรณนรีด้วยความเสียใจ “ฉันขอโทษกรรณรี” พลางกอดกระชับกรรณนรีเอาไว้แน่น เพื่อปลอบประโลม “ฉันขอโทษ...”
“ฉันรู้ว่าคุณเจ็บ คุณปวด คุณโกรธคุณแค้น แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะช่วยคุณยังไง เพราะฉันเองก็เจ็บ ก็ปวดไม่แพ้คุณ” กรรณนรีบอกเสียงขื่นขม
“ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเรา” สรวงครวญ
สองคนกอดกันแนบแน่น ถ่ายเทความเห็นอกเห็นใจให้กันและกัน


เช้านั้นกาวินทร์กับภรตมาออกกำลังกายด้วยกันที่ฟิตเนสแห่งหนึ่ง เห็นหน้าตาของภรตไม่สบายใจ กาวินทร์ตบไหล่พลางสัพยอก
“รักไอ้กาวแล้วเหนื่อยใจ ออกกำลังกายให้เสียเหงื่อดีกว่า”
ภรตยิ้มแห้งๆ หันไปสนใจการออกกำลังกายต่อ
ที่ด้านนอกฟิตเนสแห่งนั้น สุขหฤทัยอยู่ในชุดสวยเดินมากับสมหญิงผู้เป็นแม่ ซึ่งดูเหมือนว่าสมหญิงจะพาลูกสาวมาออกกำลังกาย สุขหฤทัยหน้าหงิกงอท่าทางไม่สบอารมณ์ กาวินทร์หันไปเห็นจึงบอกภรต
“เดี๋ยวฉันมา” กาวินทร์เดินออกไปทันที

ที่มุมกาแฟ สุขหฤทัยพาสมหญิงมานั่งพัก ก่อนบ่นออกมา
“ฤทัยล่ะเบื่อสรวงจริงๆ เลย ทำไมถึงได้ตาต่ำไปยุ่งกับยัยกรรณรีอยู่ได้”
“ตามประสาผู้ชาย อะไรง่ายๆ เค้าก็คว้าไว้ก่อน อย่าคิดมากเลยลูก ยังไงคุณสรวงไม่มีทางจริงจังกับมันแน่ๆ” สมหญิงปลอบลูกสาว
“คุณแม่ไม่ได้พูดปลอบใจฤทัยนะคะ”
“แม่พูดความจริงจ้ะ ใครจะเลือกพลอยมากกว่าเพชร ไปว่ายน้ำเถอะลูก ออกกำลังกายจะได้สวยๆ”
“งั้นฤทัยไปเปลี่ยนชุดก่อน คุณแม่รอนี่นะคะ”
“จ้ะ”
สุขหฤทัยคว้ากระเป๋าใบเล็กๆ เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยไม่รู้ว่ากาวินทร์เดินตาม ก่อนจะแยกตรงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ชายหญิง

สุขหฤทัยอยู่ในชุดเสื้อคลุมเดินมาที่สระว่ายน้ำ วางกระเป๋าใบเล็กที่โต๊ะ ก่อนจะถอดชุดคลุมออก ลงสระไป
กาวินทร์เดินมา มองอย่างหมั่นไส้ก่อนจะถอดเสื้อคลุมกระโดดตูมลงในสระแรงๆ จนน้ำกระเซ็นใส่สุขหฤทัยร้อง “ว๊าย” หันขวับมามอง กาวินทร์โผล่มายักคิ้วให้
“แก”
กาวินทร์ยักคิ้วยั่ว “ผมชื่อแก้ว”
“ฉันไม่ได้อยากรู้จักแก”
“ก็ผมนึกว่าคุณความจำเสื่อม เลยจะขอทบทวนความจำคุณซะหน่อย”
กาวินทร์ปราดเข้ามาถึงตัวสุขหฤทัยแล้วคว้าตัวเอาไว้ สุขหฤทัยร้องกรี๊ด กาวินทร์กอดสุขหฤทับเอาไว้พูดเสียงดุดัน
“เมื่อไหร่คุณจะหยุดราวีน้องสาวผม”
“ก็ต่อเมื่อน้องแก เลิกยุ่งกับแฟนฉัน แต่มันคงไม่มีวันนั้นหรอกมั้ง...เพราะน้องสาวแกหน้าด้านเหมือนลูกพี่ของหล่อน”
“ใครลูกพี่กาว?”
“ก็นังภาพิศไง”
กาวินทร์ได้ฟังดังนั้นก็ของขึ้น ผลักร่างสุขหฤทัยออกไปอย่างแรง
สุขหฤทัยร้อง “ว๊าย” เซออกไปตามแรงเหวี่ยง ก่อนจะหันขวับมามองตาขวาง “แกคิดว่าแกเป็นใครถึงมาทำกับฉันอย่างนี้”
สุขหฤทัยบันดาลโทสะ โผนทะยานเข้าหากาวินทร์แล้วตบอย่างแรง และขย้ำต่อทันที
“โอ๊ย! หยุดเดี๋ยวนี้คุณ” กาวินทร์ปกป้องตัวเอง โดยจับรั้งสุขหฤทัยไว้ โดยไม่ได้ทำร้าย
“ไม่หยุด! ฉันจะตบปากแกให้แตกเลย” สุขหฤทัยขย้ำ กาวินทร์ได้แต่ปกป้องไปมา
ภรตเดินเข้ามากะมาตามกาวินทร์เห็นเข้า “แก้ว หยุด”
สุขหฤทัยผลักกาวินทร์ออก สองคนมองหน้ากัน อย่างเกลียดชัง
“ไอ้เลว ดีแต่รังแกผู้หญิง” สุขหฤทัยขึ้นจากสระคว้าเสื้อมาคลุมอย่างฉุนเฉียว พอดีกับเสียงมือถือดัง สุขหฤทัยรับ “ค่ะคุณหญิงแม่....ฤทัยจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” หันมามองเย้ยกาวินทร์ “คุณหญิงสุดาโทร.มาตามว่าที่ลูกสะใภ้ ส่วนน้องสาวแก อนาคตก็เป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหละย่ะ” สะบัดตัวเดินหนีไป
กาวินทร์ตะโกนตามหลัง “ปากอย่างนี้ มันน่าปล่อยคลิปจริงๆ” ก่อนจะกระโจนขึ้นจากสระ
“มีเรื่องอะไรกัน”
“เยอะ!”

กาวินทร์ตอบแค่นั้น ก็คว้าเสื้อคลุมเดินไปเลย ภรตมองตามอย่างงวยงง

ด้านอารักษ์ประคองสุดาที่ทำท่าอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามาในบ้าน สุดายิ้มอย่างพอใจมาก

“ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณหญิงเดือดร้อน”
สุดาแสร้งเป็นแสนดี “มันผ่านไปแล้วค่ะ เราอย่าไปพูดถึงมันอีกเลย” พร้อมกับกุมมืออารักษ์ไว้

อารักษ์มีท่าทีเหนื่อยใจ “แต่ผมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปหรอก..ผมจะจัดการกับภาพิศแน่นอน”
คุณหญิงสุดาทำท่าเหมือนตกใจไม่อยากให้ทำ แต่ลับหลังแอบยิ้มอย่างสะใจ

ส่วนภาพิศแต่งตัวสวยบาดใจ เดินแกมวิ่งออกมา สีหน้าหวาดหวั่นระคนตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นอารักษ์เดินเข้ามาในบ้าน หน้าตาอารักษ์ไม่ได้บูดบึ้ง แต่เหนื่อยหน่าย เป็นสีหน้าที่ยังเดาอารมณ์ไม่ออก ภาพิศโผเข้าไปกอดอย่างดีใจ
“ท่าน...ภาดีใจจังเลยที่ท่านมา ตอนแรกภานึกว่าท่านจะโกรธ จะเกลียด จนไม่มาหาภาแล้วนะคะ” ซบหน้าลงกับอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท่าทีโกรธๆ “ภามีเรื่องจะบอกท่าน”
อารักษ์สับสนไปหมด ทั้งเสียใจ เหนื่อยใจ และไม่ไว้ใจ “ฉันก็มีเรื่องจะพูดกับภา”
เห็นสายตาที่อารักษ์มองมา ทำให้ ภาพิศ รู้สึกใจไม่ดี...และในที่สุดอารักษ์ก็พูดออกมาอย่างลำบากใจ
“ฉันจะให้เงินภาก้อนหนึ่ง ที่ภาสามารถอยู่อย่างสุขสบายไปได้ตลอดชีวิต ไม่ต้องห่วงเรื่องลูก...ฉันจะให้เค้าใช้อริยะวรรต และเลี้ยงดูส่งเสีย เทียบเท่านายสรวงทุกอย่าง”
ภาพิศอึ้งตกใจแทบช็อก “ท่านจะเลิกกับภา” โผเข้ากอดไว้แน่น “ไม่นะคะ ภาไม่เลิก” ก่อนจะผละออกมา “คนร้ายตัวจริงคือคุณหญิงสุดา” ภาพิศโกรธจัดจนเริ่มข่มอารมณ์ไม่อยู่แล้ว “ท่านได้ยินมั้ยคะ คนร้ายตัวจริงคือคุณหญิงสุดา”
“เลิกโทษคนอื่นได้แล้วภา คุณหญิงสุดาจะเป็นคนร้ายได้ยังไง” อารักษ์ไม่เชื่อ
“เพราะคุณหญิงสุดาจ้างคนมาทำร้ายตัวเองไงคะ ถ้าท่านไม่เชื่อ ภาจะพาคนที่มันทำร้ายภามาเป็นพยาน”
อารักษ์อึ้ง งง สับสนหนักว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่

ทางด้านสรวงกับกรรณนรีเดินออกมาจากบ้านพักตากอากาศ สีหน้าของสองคนหมองเศร้า สรวงจับมือกรรณนรีกุมไว้
“ฉันขอโทษ...ต่อไป...ฉันจะไม่ทำร้ายเธออีก ฉันสัญญา”
เสียงมือถือของสรวงดัง สรวงรับ “ครับคุณแม่”

สุดาอยู่ที่บ้าน ร้องไห้โฮๆ
“สรวง สรวงช่วยแม่ด้วย”
สรวงตกใจ “คุณแม่เป็นอะไรครับ”
“ภาพิศเค้าใส่ร้ายแม่ ว่าแม่เป็นคนจ้างวานคนมาทำร้ายตัวเอง สรวงอยู่ไหนรีบกลับมาช่วยแม่นะลูก”
“ครับคุณแม่”
สรวงกระโจนขึ้นรถพร้อมกับกรรณนรีทันที สรวงบอกขณะเร่งเครื่องออกไป
“คุณได้ยินแล้วใช่มั้ย? แม่คุณให้คนมาใส่ร้ายแม่ผม”

ที่ร้านกาแฟ ภายในห้างสรรพสินค้า พลย้อนถามภาพิศหน้าตาซีเรียส
“อะไรนะ? คุณจะพาผมไปหาท่านอารักษ์”
“ใช่! เธอต้องไปบอกว่าคุณหญิงสุดา เป็นคนบงการเธอทำร้ายฉัน”
พลแกล้งทำหน้านิ่งอึ้ง ไม่กล้า ภาพิศพูดต่อ
“เธอไม่อยากได้สิ่งที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอ?” พลมองหน้าภาพิศ “เงิน ทอง ทรัพย์สมบัติของฉัน ตัวฉัน เราจะสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน”
“ผม..กลัว..กลัวท่านอารักษ์จะเอาผิด”
“เธอไม่ต้องกลัว ฉันจะช่วยเธอเอง เพียงเธอไปบอกกับท่านอารักษ์ตามที่เราคุยกัน” ภาพิศบอกเสียงเข้ม “คุณหญิงสุดาเป็นคนบงการเธอ แล้วทุกอย่างจะเป็นของเธอ”
พลทำท่าคิดก่อนตอบ “ได้..ผมจะไปกับคุณ”
ภาพิศแอบยิ้มพอใจ
ระหว่างนั้นมะยม กับนิค ผ่านมาเห็นภาพิศกับพล สองคนมองหน้ากัน ก่อนที่นิคจะยกกล้องขึ้นถ่ายภาพภาพิศกับพล

มะยมกับนิคคุยกันมาตามทางในห้าง
“แกว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณภาพิศเป็นใคร” มะยมถาม
“กิ๊กหรือเปล่าวะ?” นิคว่า
“บ้า! คนอย่างคุณภาพิศเหรอ จะมองกุ๊ยอย่างนั้น...ฉันว่า..ท่าทางเค้าสองคนแปลกๆ ดูมีลับลมคมนัย ยังไงไม่รู้”
 
มะยมมองหน้านิคบอกอย่างมั่นใจ “ต้องมีเรื่องอะไรแน่”

สรวงนั่งกอดสุดาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ ส่วนกรรณนรีนั่งหน้าซีดอยู่อีกมุมหนึ่ง

สุขหฤทัยปลอบสุดา “คุณหญิงแม่ไม่ใช่คนผิด ไม่ต้องกลัวค่ะ ต่อให้นังภาพิศมันใส่ร้ายแค่ไหน ความจริงก็เป็นความจริงวันยังค่ำ”
สรวงบอกเสียงเข้ม สายตามองไปที่กรรณนรี “ผมไม่ยอมให้ใครทำร้ายแม่อย่างเด็ดขาด”
“สรวงไม่ยอม” สุขหฤทัยมองเหยียดกรรณนรี “แล้วสรวงพาพวกนังภาพิศมาทำไม”
กรรณนรีมองหน้าสรวง ตอบเลี่ยง “ฉันมาทำข่าว”
“งั้นเธอเตรียมตัวได้เลยกรรณรี งานนี้ข่าวใหญ่แน่”
ระหว่างนั้นอารักษ์เดินลงมาจากด้านบน หน้าตาซีเรียสขณะบอก
“ภาพิศมาแล้ว”
อารักษ์เดินนำออกมา สรวงประคองสุดาที่ทำท่าหมดแรงตามไป กรรณนรีถือกล้องหน้าซีดสุขหฤทัยสั่ง
“จับภาพให้ตลอดเลยนะ โดยเฉพาะตอนนังภาพิศมันถูกลากคอเข้าคุก”
กรรณนรีหน้าซีดเป็นไข่ต้ม
ภาพิศเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามาแบบคนมั่นใจว่าชนะแน่ ภาพิศประสานสายตากับสุดาอย่างไม่กลัวเกรง สุดาเย้ยตอบด้วยสายตา ก่อนทำท่าร้องไห้ต่อ สรวงจ้องหน้าภาพิศ
“ไหน....คนร้ายที่ภาว่า” อารักษ์ถาม
สุขหฤทัยเยาะเย้ย “ไม่มีล่ะซี้....เพราะเธอโกหก”
ภาพิศยิ้มเย้ย พูดเสียงดัง “พล...เข้ามา”
พลเดินเข้ามาแสดงท่าทีว่ากลัวๆ กล้าๆ สรวงมองจ้อง สุดากรี๊ดทำท่ากลัวจนตัวสั่น
สุดากอดสรวงชี้พล มองอารักษ์ “ฉันจำได้..นี่ล่ะค่ะคนที่มันทำร้ายฉัน ฉันจำได้”
ภาพิศสุดจะหมั่นไส้ “จำได้สิคะ...เพราะคุณหญิงเป็นคนจ้างมันมาทำร้ายฉัน”
สรวงเดินมาเผชิญหน้า “เธอรู้ใช่มั้ยภาพิศ ถ้าเธอปรักปรำแม่ฉัน เธอจะถูกข้อหาอะไร”
ภาพิศหัวเราะเยาะ ตอบกลับเสียงกร้าว “แล้วคุณสรวงก็รู้ใช่มั้ยคะ...คนที่จ้างวานฆ่า จะถูกข้อหาอะไร?” ภาพิศหันไปบอกกับพลเสียงเข้ม “บอกไปเลย พล ว่าคุณหญิงสุดา ให้เธอมาทำอะไรฉัน”
ทุกคนจ้องมองไปที่พลเป็นตาเดียว พลมีท่าทางกลัวๆ อารักษ์ข่มความรู้สึก ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องกลัว..ฉันไม่เอาผิด พูดความจริง” อารักเสียงเข้ม มองพลตาไม่กระพริบ “ไม่อย่างนั้นได้ติดคุกจนตาย”
ภาพิศบอกอย่างเป็นต่อ “บอกไปเลยพล บอกไป คุณหญิงสุดาจ้างเธอมาฆ่าฉัน”
สีหน้าของแต่ละคนมองจ้องมาที่พลด้วยใจระทึก และพลก็พูดออกมา
พลมองภาพิศก่อนหลบหน้า พูดอึกอัก “คุณหญิงไม่ได้จ้าง”
ภาพิศตะลึง แทบล้มทั้งยืน สุดาทำเป็นโล่งอก อารักษ์ก็โล่ง สรวงโกรธภาพิศ สุขหฤทัยสาแก่ใจ กรรณนรีหน้าสลดลง เป็นห่วงภาพิศ ขณะที่ภาพิศแทบคุมสติไม่อยู่ เข้ามาผลักพลอย่างขัดใจ
“แกกลัวอะไร บอกความจริงไปสิว่าคุณหญิงจ้างแกมาฆ่าฉัน”
“คุณหญิงไม่ได้จ้างผม” ภาพิศเอะใจ มองจ้องว่าพลจะมาไม้ไหน “แต่เป็นคุณ”
พลหยิบมือถือออกมาเปิด เสียงพูดคุยของภาพิศและพลที่ร้านกาแฟ ดังก้อง
โดยไม่มีใครทันสังเกต สุดายิ้มเย้ยภาพิศ เหมือนบอกให้รู้ว่าฉันเหนือกว่า ฉันชนะ กรรณนรีน้ำตาแทบหยด ภาพิศคลั่ง เนื้อตัวสั่นสะท้าน เสียงสั่นเครือ “ไม่นะ....มันไม่ใช่”
สรวงถลันเข้ามาอาการโกรธเกรี้ยว “ยังจะไม่ยอมรับอีก”
“ท่านค่ะ” ภาพิศวิ่งมาจับมืออารักษ์
อารักษ์เสียใจคาดไม่ถึง ปัดมือออก พูดเสียงแข็ง “หลักฐานมันชัดเจนอย่างนี้ไม่ต้องพูดอะไรภา”
ภาพิศตกใจกลัว “ท่าน”
“เธอบงการคนร้ายไม่พอ ยังจะสวมเขาให้ฉันอีก เลว”
ภาพิศร้องไห้โฮ “ไม่จริงนะคะท่าน คุณหญิงสุดาคือคนร้าย”
“ยังจะปรักปรำคุณหญิงอีก” อารักษ์ชี้หน้าพล “พามันไปให้พ้นหน้าฉัน ก่อนที่ฉันจะจับเธอกับมันเข้าคุก ไป๊”
พูดจบอารักษ์หันไปประคองกอดสุดาพาเข้าบ้านไป สุดายิ้มเย้ยให้ภาพิศอีกทีก่อนเดินเข้าไป ภาพิศร้องไห้ครวญคร่ำ กรีดร้องอย่างน่าเวทนา
“ม่าย...!ท่านคะฟังภาก่อน ฟังภา” ภาพิศจะตามเข้าไป
สรวงออกมาขวาง “ออกไปภาพิศ”
ภาพิศตะโกนใส่หน้าด้วยความโมโห “ไม่! ฉันจะคุยกับท่าน”
“ภาพิศ” สรวงคว้าตัวเอาไว้ แล้วเหวี่ยงออกไป พร้อมตะโกนบอกรปภ. “ลากตัวออกไป”
รปภ.เข้ามาลากตัวภาพิศ และไล่พลออกไป กรรณนรีหน้าซีด
“คุณสรวง”
สรวงไม่ยอมมองกรรณนรี สั่งรปภ. “ลากตัวออกไป”
ภาพิศกรีดร้อง ดิ้นพราดๆ “ปล่อยฉัน ปล่อย”
“ดิ้นขนาดนั้น ไม่กลัวลูกหลุดรึไง” สุขหฤทัยนึกขึ้นได้หันไปมองสรวงแล้วถาม “หรือมันจะไม่ได้ท้อง”
กรรณนรีมองค้อนด้วยความหมั่นไส้ “คิดได้”
แล้ววิ่งตามภาพิศออกไป สรวงวิ่งตามมา

รปภ.ลากตัวภาพิศออกมานอกบ้าน ภาพิศดิ้นจนหลุดแต่เสียหลักเซล้มลงไปกองกับพื้น กรรณนรีเห็น
“คุณภาพิศ” จะเข้าไปหา
ภาพิศไม่ได้มองกรรณนรี แต่ถลันเข้าหาพลทุบตีอย่างโกรธแค้น “ไอ้พล ไอ้สารเลว แกหักหลังฉัน”
พลร้องลั่น “โอ๊ย” ผลักภาพิศล้มลงไปอีก ภาพิศมองอย่างคั่งแค้น พลชี้หน้า “เธอโง่เอง”
พลเดินหนี ภาพิศกรี๊ดสุดเสียง
“ไอ้พล ไอ้เลว” ภาพิศร้องไห้เหมือนคนสติแตก พอหันมาเห็นกรรณนรีก็ตรงเข้ามาจับพยายามอธิบาย
“หนูก้าง มันไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ใช่คนผิดนะ ฉันอธิบายได้”
“ฉันก็อยากจะฟังคุณเหมือนกัน ถ้าฉันจะไม่เห็นสายตาที่คุณมองคุณหญิงวันงาน”
ภาพิศจ้องหน้ากรรณนรี ภาพเหตุการณ์วันน้อยหลวงปรองดองผุดขึ้นมา กรรณนรีกลั้นน้ำตาอย่างเจ็บปวดรวดร้าว รีบวิ่งหนีไป ภาพิศร้องเหมือนคนบ้า วิ่งเข้าหารปภ.
“ฟังนะ...ฟังฉัน ฉันไม่ใช่คนผิด ฟังฉัน”
รปภ.เดินหนีเข้าบ้านปิดประตูใส่หน้า

ภาพิศวิ่งมาเขย่าประตูร้องไห้คร่ำครวญ แพ้อย่างหมดรูป สรวงมองภาพตรงหน้าอย่างอนาถใจ

ไฟมาร ตอนที่ 5 (ต่อ)
 

ค่ำนั้น ท่ามกลางผู้คนมากมายและความสับสนวุ่นวาย กรรณนรีวิ่งร้องไห้มาด้วยความปวดร้าวภายใต้ม่านน้ำตาหญิงสาวมองไม่เห็นใครอีกแล้ว ในขณะที่บรรดาผู้คนที่เดินสวนผ่านไปมาต่างมองมายังเธอ ด้วยสีหน้าหลากหลายความรู้สึกแต่เต็มไปด้วยอยากรู้

ด้านภาพิศยังอยู่ในอาการแค้นจัดขณะขับรถมาตามทาง ได้แต่ทุบพวงมาลัย ทุบๆๆ ระบายอารมณ์
“ฉันอยากฆ่าแกนังสุดา”
ภาพิศปัดพวงมาลัยอย่างแรง จนรถเซถลา พอภาพิศมองไปก็เห็นรถอีกคันวิ่งสวนมาอย่างเร็ว
ภาพิศร้องกรี๊ดรีบหักรถหลบอย่างกระทันหัน รถไถลเข้าข้างทาง และภาพิศก็ต้องกรี๊ดลั่นเมื่อเห็นมีคนล้มลงตรงหน้ารถ
“ว๊าย” ภาพิศตกใจ หลับหูหลับตาเบรกอย่างรวดเร็ว

ภาพิศเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยรถ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง และเห็นมีไทยมุงพากันมามุงดูจนมิดแทบไม่เห็นคนเจ็บ แต่ทันทีที่เปิดประตูลงไปก็ได้ยินเสียงด่าทอจากไทยมุงทันที
“ขับรถยังไง คนตายจะว่าไง”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษ” ภาพิศยกมือไหว้ แล้วแหวกไทยมุงเข้าไปดูคนเจ็บ
เป็นเกริกที่กำลังช่วยคนเจ็บ โดยภาพิศเห็นเพียงด้านหลัง ก่อนที่เกริกจะประคองคนเจ็บขึ้นมา
“ขอทางพาคนเจ็บไปหาหมอด้วยครับ”
ภาพิศตะลึงเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูนั้น และก็รู้สึกชาวูบไปทั้งตัวเมื่อเห็นเป็นเกริกจริงๆ ส่วนเกริกเองก็ตกใจมากเช่นกัน
“นุดี”

หลังจากจัดการเรื่องคนเจ็บเสร็จ สองคนนั่งอยู่ด้วยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภาพิศเลื่อนแก้วน้ำให้เกริก พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ช่วย” น้ำเสียงภาพิศหยันตัวเองอยู่ในที “อย่างว่าพี่เป็นคนของประชาชน”
เกริกถามเสียงอ่อนโยน “แล้ว..นุดี เป็นอะไรรึเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย”
ภาพิศพูดอย่างไม่มีเยื่อใย “ฉันเป็นคนขับรถชนเค้า ฉันจะเจ็บได้ยังไง”
“ก็...” เกริกไล่สายตามองทั่วหน้า “หน้าผากนุดีช้ำ”
ภาพิศอึ้งไป นึกสะท้อนใจที่เกริกยังใส่ใจและเก็บรายละเอียดตัวเธอเหมือนเดิม
“ลูกเป็นไงบ้างพี่?” ภาพิศเปลี่ยนเรื่อง
เกริกพูดที่สีหน้าภูมิใจ “สบายดี ทั้งแก้วทั้งกาวเป็นลูกที่ดีมาก นุดีไม่อยากเจอลูกบ้างเลยเหรอ”
ภาพิศเริ่มเสียงเครือ..น้ำตาคลอหน่วย “อยากเจอสิ..ฉันอยากเจอลูกมาก”
“แล้วทำไมนุดีไม่...”
ภาพิศพูดแทรกทันที “ฉันไม่อยากเจอพี่”
เกริกอึ้ง นิ่งงันไป ท่าทีน่าสงสารมาก ภาพิศไม่ยอมมอง พูดต่อ
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ช่วยเป็นธุระทุกอย่าง” ภาพิศหันไปบอกบริกร “เช็คบิลค่ะ” พลางเปิดกระเป๋าตังค์ใบหรู
“ไม่เป็นไร นุดีพี่มี” เกริกรีบล้วงกระเป๋าเงินใบเก่าๆ ออกมา
ภาพิศรีบบอก โดยไม่ได้ตั้งใจดูถูก “แต่ฉันมีมากกว่า”
ภาพิศควักเงินแบงก์พันออกมาวางแล้วเดินออกไปเลย เกริกมองเงินพันบาทซึ่งภาพิศจ่ายค่าน้ำเปล่าหนึ่งขวดก็ยิ่งสะท้อนใจ
เกริกออกจากร้าน ยืนมองจนรถของภาพิศแล่นไปลับตา ก่อนจะเดินไปตามทาง น้ำตาไหลริน เสียใจ

ด้านกรรณนรีเดินคอตกมาตามทางกลับบ้าน หน้าตาเศร้าหมอง ทุกข์หนัก ขณะที่กรรณนรีจะเข้าบ้าน ก็เห็นสรวงมาดักรออยู่แล้ว
“คุณสรวง...” กรรณนรีมองหน้าสรวงนิ่งๆ “ฉันขอโทษ...ฉันรู้ว่าคุณโกรธ”
“ฉันไม่ได้มาฟังคำขอโทษจากเธอ...เพราะคนที่ต้องเป็นคนพูดคำนี้คือภาพิศ แต่อย่างว่า ต่อให้ขอโทษ มันก็ไม่พอกับสิ่งที่เค้าทำ” สรวงเสียงกร้าว
“แล้วถ้าคุณภาพิศไม่ได้ทำล่ะคะ” กรรณนรีท้วง
“ไม่ได้ทำ เธอตั้งคำถามนี้...ทั้งที่หลักฐานชัดเจนขนาดนั้นนะ”
กรรณนรีนิ่งงันไปทันที สรวงบอกต่อ
“บอกภาพิศให้ไปจากครอบครัวฉัน แล้วฉันจะไม่เอาผิด ฉันจะยุติทุกอย่าง”
“งั้นคุณควรไปบอกเองค่ะ เพราะตอนนี้คุณภาพิศคือคนในครอบครัวของคุณไม่ใช่ฉัน นอกซะจาก....คุณเองก็กำลังคิดเหมือนกัน...ว่าเรื่องนี้...มันน่าจะมีเงื่อนงำ”
สองยืนจ้องหน้าสบตากัน ดวงตาของสรวงมีแววหวาดหวั่นปนอยู่ กรรณนรีเข้าบ้าน

ในคืนเดียวกันภรตยืนทอดอารมณ์อยู่ด้านนอกตัวบ้าน หมอบุญยิ่งผู้เป็นบิดาเดินออกมา ถามกลั้วหัวเราะไม่อยากให้เครียด
“หมู่นี้ขยันทำมิวสิกวิดีโอนะเรา กาวปฏิเสธเหรอ” บุญยิ่งถาม
ภรตยิ้มเยื้อน “เปล่าหรอกครับพ่อ แต่อย่างที่ผมเคยพูด...ถึงบอกรักไป..กาวคงรักผมได้แค่พี่ชาย”
“แล้วเศร้าทำไม”
“ผมเป็นห่วงกาว....พ่อว่า...มันจะเป็นไปได้มั้ย? ถ้ากาวกับคุณสรวงจะรักกัน” ภรตปรารภ
บุญยิ่งหัวเราะ “เป็นไปได้ยังไงล่ะ? คุณหญิงสุดากับภาพิศ เกลียดกันจะตาย”
“แต่ผมคิดว่ากาวกับคุณสรวงรักกัน”

หมอบุญยิ่งมองภรตด้วยสีหน้าประหลาดใจ กับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งรับรู้

รุ่งเช้าวันนั้นสามคนนัดออกมาวิ่งจ๊อกกิ้งกันที่สวนสาธารณะ ก่อนไปทำงาน ทว่ากรรณนรีมีหน้าเศร้าตลอดเวลา มะยมกับนิคชำเลืองมองเป็นระยะ

“คิดไรเจ๊” นิคถาม
“คิดถึงคุณสรวงเหรอ?” มะยมแซว
กรรณนรีปฏิเสธ “เปล่า”
“ไม่ได้คิดถึงคุณสรวง...งั้นเป็นคุณสอ-ระ-วง”
กรรณนรีไม่ทันระวัง สะดุดล้มลงกับพื้นร้อง “ว๊าย”
นิคกับมะยมช่วยกันประคอง
“โห! ชื่อมีอาถรรพ์ว่ะ จะสรวงหรือสอระวงก็ทำให้เจ้าของเราสะดุดรักได้”
“อย่าพูดเล่นได้มั้ย? คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
“เครียดเรื่องอะไร” มะยมถามอย่างเป็นห่วง

ที่มุมหนึ่งในสวนสาธารณะ มะยมกับนิค ช่วยกันทำแผลที่หัวเข่าให้กรรณนรี แค่ถลอกนิดๆ เห็นเลือดซึมออกมา
กรรณนรีถอนหายใจ “เรื่องคุณภาพิศ”
“ตอนคุณหญิงสุดาร้าย ฉันก็นึกเห็นใจเค้านะ ...แต่วันงานเลี้ยง คุณภาพิศร้ายกว่าจนฉันแหยง” มะยมยักไหล่อย่างแหยงๆ “ขึ้นชื่อว่าเมียน้อยยังไงก็ร้ายอยู่ดี”
“นี่..แล้วฉันกับมะยมยังเห็นคุณภาพิศ คุยกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้” นิคบอก
มะยมเสริม “ท่าทางแปลกๆ” บอกนิค “เอาวิดีโอที่แกแอบถ่ายมาให้กาวดูเลย นิค”
“เออๆ” นิคคว้ากล้องในกระเป๋า เปิดให้กรรณนรีดู
กรรณนรีมองดูภาพ จำได้ว่าเป็นพล กรรณนรีหน้าซีด
“แกรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอกาว” มะยมถาม
“เปล่า” กรรณนรีปฏิเสธ พลางคิดในใจ “หรือแม่จะถูกหักหลังจริงๆ”

กรรณนรีหลบมุมมาโทรศัพท์ ขณะเดียวกันภาพิศแต่งตัวสวย ท่าทีกระฉับกระเฉงสีหน้าร้อนใจ
ต้องทำบางอย่างเพื่อช่วยตัวเองให้พ้นมลทิน ก้าวฉับๆออกมา เสียงโทรศัพท์ดัง ภาพิศรับโดยไม่มองชื่อ
น้ำเสียงกรรณนรีทั้งร้อนใจและเป็นห่วง “คุณภาพิศ...นี่ก้างนะคะ คุณภาพิศเป็นยังไงบ้าง”
ภาพิศชักสีหน้า ยังโกรธอยู่ที่กรรณนรีไม่เชื่อ “คนที่ถูกปรักปรำใส่ร้ายจะสบายใจคงเป็นไปไม่ได้ แค่นี้นะคะ พี่มีธุระ” วางสายเดินไปขึ้นรถ
“คุณภาพิศๆ” ภาพิศวางสายไปแล้ว กรรณนรีหน้าหม่น
ภาพิศขับรถออกไป พลที่ใส่หมวกสวมแว่นดำจอดรถซุ่มมองอยู่ที่หน้าบ้าน รีบขับตามทันที

ภาพิศวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล โดยมีพลวิ่งตามมาห่างๆ ภาพิศวิ่งไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ด้วยท่าทีร้อนใจ
“ฉันขออนุญาตดูกล้องวงจรปิดค่ะ”

สุดาถามด้วยสีหน้าตกใจเมื่อพลโทร.มารายงาน
“ว่าไงนะนังภาพิศมันขอดูกล้องวงจรปิด”

ภาพที่จอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิดไม่มีตัวเอง ภาพิศหน้าเสีย
“ไม่เห็นฉันเลยเหรอคะ? ขอดูอีกที”
เจ้าหน้าที่มองมอนิเตอร์เซิร์ชภาพตามวันที่ และเวลา แต่ไม่มี เจ้าหน้าที่ส่ายหน้า
“ตามเส้นทางที่คุณบอก กล้องบางตัวเสีย ที่จับภาพได้ก็ไม่มี”
ภาพิศเหวี่ยงใส่ “เกิดเรื่องทีไร กล้องเสียทุกที” ก่อนจะสะบัดตัวเดินหน้างอออกไป
ภาพิศเดินออกมาน้ำตาคลอ ทั้งเสียใจ และคับแค้นใจ ม่านน้ำตาบดบังทุกในกรอบสายตาพร่าเลือน โลกหมุนคว้าง และภาพิศก็ล้มลงหมดสติตรงนั้น พลยิ้มโล่งใจ

สุดาอยู่ที่บ้าน เหยียดยิ้มอย่างสะใจ ขณะโทรศัพท์คุยกับพล
“แกทำดีมาก งานนี้ฉับตบรางวัลแกแน่นอน”

ที่สนามกอล์ฟ ช่วงตอนกลางวัน
อารักษ์ตีกอล์ฟอยู่สีหน้าเครียด บุญยิ่งมองมา นึกถึงเรื่องที่ภรตบอกตนว่ากรรณนรีมีใจให้สรวง
บุญยิ่งตัดสินใจถาม “ตอนนี้...สรวง..คบใครอยู่หรือเปล่า”
อารักษ์นิ่งคิด “ไม่มี...” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยชอบใจนัก “จะมีแต่สุขหฤทัยมาป้วนเปี้ยนอยู่ มีอะไรเหรอ”
“คือ...” บุญยิ่งไม่ทันพูดจบ เสียงมือถืออารักษ์ดังขัดขึ้นก่อน
“ฉันรับโทรศัพท์เดี๋ยว” กดรับ “สวัสดีครับ...” นิ่งฟัง “ครับผมพลตรีอารักษ์....ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้”
บุญยิ่งสงสัย “มีอะไร?”
“ภาพิศเป็นลม ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ไปก่อนนะหมอ แล้วเจอกัน” อารักษ์เดินลิ่วไปเลย
บุญยิ่งถอนหายใจ “ก็ดี..ไม่ต้องยุ่งเรื่องชาวบ้าน” ก่อนหันไปตีกอล์ฟต่อ

อารักษ์ขับรถมาตามทาง กำลังจะไปโรงพยาบาล เสียงมือถือดังขึ้น อารักษ์รับสาย
“ว่าไงคุณหญิง”
สุดาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ท่าทางสบายใจ สุดาถามเสียงหวาน
“เย็นนี้อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ? ฉันจะได้ซื้อของ”
“ตามใจคุณหญิงเลย” อารักษ์บอก
“งั้นเสร็จงานแล้วรีบกลับมานะคะ ฉันจะรอทานข้าว” สุดาวางสายยิ้มอย่างพอใจ

อารักษ์ถอนหายใจ แล้วเลี้ยวรถบ้านกลับทันที

สุดาเดินมาเก็บของที่รถพลางกดโทรศัพท์โทร.ออก ยิ้มมีอย่างมีเลศนัยขณะพูดสายกับใครบางคน

“แกไปถึงแล้วใช่มั้ย?” บอกเสียงเข้ม “แล้วเจอกัน”
สุดากดวางสายยิ้มอย่างน่ากลัวออกมา

ภาพิศนอนแบบอยู่บนเตียงคนไข้ร้องไห้ฟูมฟาย ถามเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่
“สามีฉันว่ายังไงบ้างคะ”
เจ้าหน้าที่ยิ้ม “บอกว่าจะรีบมาค่ะ” แล้วเดินออกไป
ภาพิศปาดน้ำตา สายตามีความหวังขึ้นมา มีเสียงข้อความเข้าดังขึ้น ภาพิศรับมาอ่าน
“พี่ไปไม่ได้นะภา” ภาพิศมือไม้สั่น รีบกดโทร.ออกแต่มือถือปิดไปแล้ว ภาพิศร้องไห้โฮ

ระหว่างนั้นประตูถูกเคาะเบาๆ ก่อนที่จะเปิดเข้ามา โดยไม่รออนุญาต ภาพิศหันไปมอง
ก็เห็นคุณหญิงสุดาเดินเข้ามาพร้อมพล ภาพิศจะกดออดเรียกพยาบาล พลก็ปราดไปถึงตัวล็อกมือเอาไว้ สุดาเดินเข้ามาเอามือลูบหน้าผากภาพิศเบาๆ พูดยั่ว
“อย่ารนหาที่ดีกว่าค่ะ ยังไงคุณน้องก็ไม่มีทางเอาชนะพี่ได้”
“หมาหมู่” ภาพิศด่า
สุดาหัวเราะเยาะ บอกเสียงสูง “หมาหมู่ที่ไหนกั้น” พร้อมกับกระชากผมให้เงยหน้าขึ้น “คุณน้องร้ายมากพี่เลยจำเป็นต้องมีผู้ช่วย” สีหน้าเย้ยหยัน “และคุณน้องพลาดก็โง่มากที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น”
พลยิ้มยียวนผสมโรง “ไม่ว่าจะคุณจะมาไม้ไหน คุณหญิงก็ดักทางคุณได้หมด”
“พลทำตามแผนของฉันได้ดีมาก...แต่ฉันไม่สะใจ ขอจัดการเองซักที...สองทีเถอะภาพิศ”
ขาดคำสุดาตบหน้าภาพิศสุดแรงจนหน้าหัน ภาพิศทำท่าจะลุกมาสู้ แต่พลปราดเข้ามาคุมเชิง ภาพิศชะงัก จำต้องหยุด ตามองจ้องสุดาเขม็ง สุดามองมาอย่างเจ็บปวด
“น้ำหน้าเมียน้อยอย่างเธอ ไม่รู้หรอกภาพิศว่า หัวอกเมียหลวงมันเจ็บช้ำแค่ไหน ที่ฉันทำแค่นี้มันน้อยไป” น้ำเสียงสุดาเต็มไปด้วยความขมขื่น “เพราะถ้าฉันจะเอาน้ำกรดมาสาดหน้าเธอ ฉันก็ทำได้ แต่ฉันไม่ทำ” น้ำตาไหลรินออกมา “ฉันไม่ทำ..เพราะฉันยังเห็นแก่หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันอยู่ แต่เธอไม่เคยเห็นใจฉัน” ท้ายประโยคคุณหญิงตวัดน้ำเสียงด้วยความโกรธแค้น
ภาพิศมองหน้าสุดาในอาการหวาดกลัวๆ สุดาเสียงเข้มขึ้นมาอีก
“เอาเล้ย....เธอจะไปแจ้งความก็เอาเลย แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนเข้าข้างเธอหรอกนอกจากพวกเมียน้อยเหมือนกัน เธอแพ้ยับเยินแล้ว ภาพิศ”
สุดาสะบัดตัวเดินออกไป พร้อมพลที่หน้าตายียวนใส่ ภาพิศได้แต่ร้องไห้โฮ คับแค้นใจมาก

กรรณนรีทำงานอยู่ในออฟฟิศ ส่วนมะยมกับนิคนั่งอยู่อีกมุม กรรณนรีกดมือถือออก หน้าจอเห็นเป็นเบอร์โทร.ภาพิศ แต่ไม่มีใครรับสาย กรรณนรีรู้สึกกังวล จึงโทร.เข้าเบอร์บ้าน
น้อยรับสาย “สวัสดีค่ะ บ้านคุณหญิงภาพิศค่ะ”
กรรณนรีปรายตามองเพื่อนไม่อยากให้ใครได้ยิน และเบาเสียงลง “ขอสายคุณภาพิศค่ะ”
“คุณภาพิศไม่สบายค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” น้อยบอก
กรรณนรีหน้าซีดเผือด

กรรณนรีเดินถือดอกไม้ช่อใหญ่เข้ามาที่บริเวณหน้าโรงพยาบาล ยืนนิ่งเหมือนช่างใจอย่างหนัก
“อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย”
ในที่สุดกรรณนรีตัดสินใจวางช่อดอกไม้บนถังขยะโรงพยาบาล แล้วเดินออกมา

กรรณนรีเดินมาตามทางจะกลับบ้าน เห็นสรวงยืนพิงรถรออยู่
“เป็นยังไงบ้าง”
กรรณนรีย้อน “คุณถามถึงใคร ฉัน หรือคุณภาพิศ”
สรวงพูดใส่หน้า “ฉันไม่เคยห่วงภาพิศ...” เน้นนำคำในท่าทีจริงจัง น้ำเสียงดุแต่เจือปนไปด้วยความห่วงใย “ฉันห่วงเธอ”
กรรณนรีฟังแล้วซึ้งใจ ลดเสียงอ่อนลง “ขอบคุณที่ห่วงกัน แต่ไม่เป็นไร...ยังไงชีวิตก็ต้องเดิน
ต่อไป” ขณะเดินผ่านหน้าสรวงจะไปต่อ สรวงคว้าตัวมากอด กรรณนรีตกใจ “คุณ!”
สรวงพูดด้วยน้ำเสียงขื่นขม “เราสองคนก็ต้องเดินต่อไปด้วยเหมือนกัน...
ขณะอยู่ในอ้อมกอดกรรณนรีมองหน้าชายหนุ่มอย่างเป็นกังวล “ถึงแม้จะมีเรื่องแบบนี้…”
สรวงพยักหน้า “ฉันจะพยายามไม่คิดถึง”คนอื่น”
“ไม่ได้หรอกค่ะ..คนอื่นที่คุณว่า คือแม่ของเรา” กรรณนรีสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ
สรวงฟังแล้วกลุ้ม “แต่วินาทีนี้....ฉันขอให้มีแค่เราได้มั้ย กรรณรี”
กรรณนรีมองจ้องหน้าสรวงนิ่ง สรวงก้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผาก ก่อนจะไล่เรื่อยลงมาประทับที่ริมฝีปากอิ่มสวย อย่างละมุนละไม กรรณนรีไม่มีทีท่าขัดขืนแม้สักน้อย
เวลาแค่เพียงวินาทีเดียวนั้น แต่ในความรู้สึกของกรรณนรีมันช่างยาวนานเหลือแสน กรรณนรีดันตัวสรวงออก ยิ้มอายๆ
“คุณชอบทำให้ฉันลืมว่าเกลียดคุณ” กรรณนรีเย้า
“เธอหนักกว่าเพราะเธอทำให้ฉันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว” สรวงบอกเสียงนุ่มพลางจะก้มลงจูบอีก
กรรณนรีรีบดันตัวออก “อย่าค่ะ” แล้ววิ่งหนีไป
สรวงยิ้มตะโกนไล่หลัง “ฉันจะฝันถึงเธอ กรรณรี”

กรรณนรียิ้มเขินเดินเข้าบ้าน ในขณะที่สรวงยิ้มพรายอย่างมีความสุข

วันต่อมาคุณหญิงสุดากับสุขหฤทัยควงแขนกันมาเดินช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าที่มีร้านเพชรภาพิศ อย่างสบายอกสบายใจ จังหวะหนึ่งสุขหฤทัยเอ่ยขึ้น

“ตกลงคุณพ่อกลับมาทานข้าวกับคุณหญิงแม่ใช่มั้ยคะ”
สุดายิ้มเยื้อน ตอบด้วยท่าทีพอใจ และสะใจมาก
“ใช่...แล้วก็ยังเล่าให้แม่ฟังด้วย ว่านังภาพิศให้ไปเยี่ยมมันที่โรงพยาบาล แต่คุณพ่อไม่ไป”
สุขหฤทัยหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ “อีกไม่นานมันก็คงจะตรอมใจตาย
ระหว่างสุดาเดินผ่านร้านเพชรของภาพิศ มองเข้าไปด้านในเห็นบรรยากาศเงียบเหงา มีเพียงพนักงานขายของเฝ้าร้านอยู่ สุดามองจ้องพูดอย่างสะใจ
“และร้านเพชรของมันก็ต้องปิดตาย”
สองคนยิ้มให้กันด้วยความสะใจ ก่อนที่สุดาบอกอีกว่า
“ขอบใจมากฤทัยที่อยู่เคียงข้างแม่...ต่อไป...ถึงคิวของหนูกับตาสรวงซะที
สุขหฤทัยปลื้มปริ่มยิ้มแก้มแทบแตก

ตรงทางเข้าฟิตเนสเซ็นเตอร์ในห้าง สรวงเดินมากับนพ นพเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบใจมากนะสรวง ที่มาฟินเนสกับพี่ ไม่ไหว คุยกับลูกค้าคนนี้ เครียดจนกล้ามเนื้อเกร็งไปหมด”
สรวงยิ้มรับ “ออกกำลังกายเดี๋ยวก็ดีขึ้นพี่” ระหว่างนั้นเสียงมือถือดังขึ้น สรวงรับ “ครับคุณแม่”
สุดายืนยิ้มอยู่กับสุขหฤทัย ขณะพูดสาย
“อยู่ที่ไหนสรวง ทำอะไรอยู่ลูก”
“แวะมาฟิตเนสน่ะครับ คุณแม่มีอะไร”
“คิดถึง...เอาเป็นว่าเดี๋ยวแม่แวะไปหานะลูก”
สรวงรับคำงง “ครับ”
สุดาวางสาย หันมายิ้มพยักเพยิดอย่างรู้กันกับสุขหฤทัย
“แม่ไม่ต้องบอกใช่มั้ย ว่าหนูต้องทำยังไง?”
สุขหฤทัยยิ้มแป้น

ที่ห้องหนึ่ง บริเวณด้านในฟิตเนส ที่จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้ทีมงาน สตาร์ อินเทรนด์ มาถ่ายแฟชั่นปก อุปกรณ์ภาพแฟชั่น วางอยู่ โดยมีนิคกำลังเซ็ต จ๋ามองดูนาฬิกาสีหน้ากังวล
“ทำไมป่านนี้น้องแคทยังไม่มาอีก”
“มะยมโทร.ตามแล้วนะคะ แต่น้องแคทไม่รับสาย” มะยมว่า
“แต่นี่มันสายแล้ว รู้มั้ย...เราต้องทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับสถานที่...ทำไมน้องแคทเป็นคนแบบนี้”
สีหน้าทุกคนดูร้อนใจ จู่ๆ เสียงมือถือดังขึ้น มะยมรับ
“ว่าไงจ๊ะน้องแคท?” ฟังแล้วโพล่งออกมา “แก้มบวม ต่อมน้ำลายอักเสบมาไม่ได้”
จ๋าได้ยินก็ตาเหลือก “มาไม่ได้”
“นี่ค่ะ น้องเค้าส่งรูปมาให้ดูด้วย” มะยมวางสายสักครู่ แล้วยื่นมือถือมาตรงหน้า จ๋าดูแล้วโวยวายทันที
“นี่นะต่อมน้ำลายอักเสบ ฉีดฟิลเลอร์แล้วอักเสบหน้าเลยบวมชัดๆ”
“แล้วพี่จ๋ารู้ได้ไงล่ะ” นิคงง?
“พี่ก็ฉีดเหมือนกัน อุ๊ปส์!” จ๋ารู้ตัว “นี่! ไม่ต้องถามพี่...ช่วยกันคิดก่อนว่าจะทำยังไง? คุณอรุณไม่ยอมแน่ๆ”

เวลาต่อมาอรุณเข้าคอนโด เดินเข้ามาในฟิตเนส มีจ๋า กรรณนรี มะยม และนิคเดินตาม
“ใช่ ผมไม่ยอม อย่าหาว่าผมเรื่องมากเลยนะ ผมจำเป็นต้องลง AD เล่มนี้จริงๆ” อรุณเอ่ยขึ้นท่าทีซีเรียส
“ค่ะ..ฉันเข้าใจค่ะ ขอโทษคุณอรุณมากๆ มันเป็นเหตุสุดวิสัย น้องแคท…”
อรุณทำหน้าหน่ายๆ “ต่อมน้ำลายอักเสบ”
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างยิ้มแหยๆ มะยมถามอย่างกังวล
“แล้วคุณอรุณอยากให้ดารา นางแบบคนไหนมาถ่ายแบบให้คะ...มะยมจะลองตามตัวให้”
“ผมขี้เกียจรอ คุยกับซุปตาร์...เยอะ” อรุณว่า พลางมองปราดกรรณนรีกับมะยม “เอาน้องสองคนนี้ถ่ายแทนแล้วกัน”
กรรณนรีกับมะยมทำหน้าเหวอ ชี้หน้าตัวเอง
“หนู” สองคนร้องขึ้นพร้อมกัน
อรุณย้ำ “ใช่! น้องสองคนนี่แหละ โครงหน้าแบบนี้แต่งออกมาสวยอินเทรนด์ ทันสมัย เข้ากับกลุ่มเป้าหมายของผมพอดี”
จ๋ารีบคว้ามือกรรณนรีกับมะยม พลางบอกเสียงอ้อน “กาว..มะยมช่วยหน่อยนะ”
นิคกระซิบจ๋าแซว “คอนโดของคุณอรุณจะขายออกมั้ยเนี่ย”
จ๋ายิ้มอย่างมั่นใจ “เดี๋ยวก็รู้”

ที่ห้องห้องหนึ่งภายในฟิตเนสแห่งนั้น ถูกใช้เป็นห้องแต่งตัว ช่างแต่งหน้า และช่างทำผม ลงมือแต่งสวยให้กรรณนรี กับมะยม สองสาวมีท่าทางขัดเขิน แบบคนไม่เคย
ขณะที่สรวงกับ นพออกกำลังกายอยู่ด้านใน

สรวงกับนพ อยู่ในชุดออกกำลังกายเดินมาที่ริมสระ พร้อมถือเครื่องดื่มคนละแก้ว
“เหงื่อออกแล้วมานั่งเล่น รับลมเย็นๆ อย่างนี้ สบายดีจริงๆ แล้วนั่นเค้าทำอะไรกัน”
สรวงมองตามเห็นกลุ่มคนทีมงานกำลังเตรียมงานถ่ายแบบ
“คงถ่ายแบบอะไรมังครับ” สรวงว่า
อรุณเดินมาทางด้านหลัง “อ้าว! สรวง”
สรวงหันไปหา รีบยกมือไหว้ “อาอรุณ....มาทำอะไรที่นี่ครับ”
“ถ่าย AD จะโปรโมทคอนโดใหม่ของอา ที่มีฟิตเนส ขนาดใหญ่เหมือนที่นี่” อรุณว่า
สรวงหันมาทางนพแนะนำให้รู้จักกัน “คุณอาอรุณ...เจ้าของที่นี่ ที่ผมเล่าให้ฟัง”
นพยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณอา”
“เจอสรวงก็ดี....ช่วยอาหน่อย” อรุณเอ่ยขึ้น
สรวงฉงน “ช่วยอะไรครับ”
“ถ่ายแบบให้หน่อย มีน้องนางแบบผู้หญิงแล้ว มีผู้ชายมาถ่ายด้วยก็ดี” อรุณมัดมือชก
สรวงรีบออกตัว “ไม่ไหวมังครับคุณอา”
“น่าช่วยอาหน่อย ขำๆ” อรุณคะยั้นคะยอ
สรวงยังไม่ทันตอบ จ๋าก็เดินมาบอกอรุณ
“น้องนางแบบ พร้อมแล้วค่ะ”
ขาดคำของจ๋า กรรณนรี กับมะยม ซึ่งอยู่ในชุดน่ารัก สวยจับตา และทันสมัย ก็เดินออกมา ราวกับนางแบบ ไม่เหลือมาดนักข่าวขาลุยแม้แต่น้อย

สรวงตะลึงแลจ้องแต่กรรณนรีตาไม่กระพริบ ส่วนนพก็เอาแต่มองมะยม

ตรงด้านนอกฟิตเนส สุขฤทัยเดินหน้ามุ่ยตรงดิ่งมายังประตูทางเข้า บ่นออกมาอย่างหงุดหงิด
“รถจะติดอะไรกันนักกันหนาเนี่ย”
สุขหฤทัยบ่นพลางก้าวฉับๆ เข้าไปด้านใน

ส่วนที่สระว่ายน้ำในฟิตเนส ผู้คนมามุงดู เห็นสรวงกับกรรณนรี และมะยมยืนเก้ๆ กังๆ เหมือนคนไม่เคยถ่ายแบบ มีจ๋า อรุณประกบนิคซึ่งเป็นตากล้อง นอกจากนี้ยังมีนพยืนดูอยู่แถวนั้น จ๋าทำหน้าที่สไตลิสต์ เดินมาจัดท่าทางนายนางแบบ
“คุณสรวงอยู่ตรงกลาง กาวกับมะยมประกบ แบบนี้ดีแล้วค่ะ”
“แต่ผมว่าสรวงแข็งไปนะครับ” อรุณท้วง พลางเดินเข้ามา “นี่สรวงต้องเอามือกอดน้อง
กาว น้องมะยมเอาไว้ แบบนี้ ๆ” อรุณจัดการจับมือให้มาวางเลย
สรวงเก้ๆ กังๆ ยิ่งเวลาเอามือแตะกรรณนรีด้วยแล้ว มะยมหัวเราะขำ อรุณถอยออกมามอง ทำท่าไม่ค่อยชอบใจ
“ไม่ดีกว่า....เดี๋ยวจะกลายเป็นหนึ่งชายสองหญิง ทอล์คออฟเดอะทาวน์อีก” พลางดึงมือมะยมออก “หนูออกมาดีกว่า”
มะยมทำหน้าเหวอท่าทีน่าขัน นิคกับนพหัวเราะเอ็นดู ก่อนที่นพจะเหลือบตามองว่าเอ๊ะจะยังไงต่อ? สักครู่หนึ่ง อรุณดีดนิ้วเปาะ
“แบบนี้ล่ะเป๊ะเลย..” หันมาทางจ๋า “คุณจ๋า..ผมเอาแบบนี้”
จ๋าเห็นงามตาม “ค่ะๆ”
มะยมชี้หน้าตัวเองอย่างขำๆ “แล้วมะยมล่ะคะ เสื้อผ้าหน้าผมมะยมเป๊ะมากเลยนะคะ”
อรุณสัพยอก “น้องมะยมทำงานเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว”
“ซะงั้น” มะยมเซ็ง
ทุกคนหัวเราะขำเอ็นดูมะยมกันไป ขณะที่สรวงและกรรณนรีถ่ายแบบคู่ ตามโลเคชั่น มีทั้งท่า
นั่ง ยืน กอด ใกล้ชิด
จังหวะหนึ่งกรรณนรีเอามือประคองหน้าสรวงแบบคู่รัก สรวงถือโอกาสโอบกอดกรรณนรีไว้
กรรณนรีกระซิบ “มันเยอะไปแล้วนะคุณสอระวง”
“ผมบอกคุณแล้วนี่..ถ้าคุณเรียกผมว่าสอระวง ผมจะแกล้งคุณ”
สรวงไม่พูดเปล่า หันหน้ามาเอาใบหน้าแนบชิดใบหน้ากรรณนรี จมูกชนจมูก กรรณนรีตกใจ ในขณะที่ทุกคนกรี๊ดกร๊าด และโดยไม่มีใครคาดคิด สรวงโน้มหน้าเอาริมฝีปากตัวเองแตะที่ริมฝีปากกรรณนรีแผ่วเบาเหมือนคู่รัก กรรณนรีตาโต
อรุณร้อง ทำท่าประหนึ่งเชียร์มวย “ฟิน!!! ผมฟิน” หมายถึงฟินาเล
จ๋า มะยม นพ ทุกคนตาโตยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ นิครัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง จ๋าเมาท์แซว
“แน่ใจนะว่า..นี่คือการถ่ายโฆษณาฟิตเนสคอนโด” จ๋าเมาท์
มะยมยิ้ม พูดเย้า “มะยมนึกว่าหนังสือพวก เวดดิ้ง ฮันนีมูนซะอีกค่ะ”
ภรตที่มาออกกำลังกายพอดี ผ่านมามองเห็น
“กาว”
ขณะเดียวกันสุขฤทัยเดินมาเห็น ตาลุกวาวด้วยความโกรธ
“สรวง!” ทั้งภรตและสุขหฤทัยรีบสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างเร็วรี่

แดดเปรี้ยง สรวงกอดกรรณนรีถ่ายภาพ สุขหฤทัยแหวกไทยมุงมามอง หน้าตาโกรธขึ้ง
ด้านภรตมาถึง ยืนดูปะปนอยู่กับผู้คน
กรรณนรีหน้ามืดเห็นเป็นโลกหมุนติ้วๆ กรรณนรีเข่าอ่อนซวนเซ สรวงรีบคว้าตัวกรรณนรีกอดเอาไว้ แซว ขำๆ “ถูกผมจูบจนเข่าอ่อนเลยเหรอคุณ”
“ฉันเวียนหัว” กรรณนรีบอก สรวงตกใจ
“กาวไม่สบายครับ” สรวงร้องบอกทีมงาน
จ๋าตกใจรีบเข้ามา “งั้น..มาๆพักก่อน”
มะยม กับจ๋า พากรรณนรีออกมานั่งพัก ทีมงานเอาน้ำมาให้ เอาร่มมาบังแดดให้
“ไหมมั้ยกาว” จ๋าถาม
“ค่ะ”
ระหว่างนั้นภรตเดินเข้ามาทักทาย “กาว”
“พี่ภรต”
สรวงเห็นเข้ามองภรตตาขวาง ขณะที่อรุณไม่รู้ไม่ชี้เดินมาบอก
“พอน้องกาวค่อยยังชั่ว สรวงถ่ายแบบให้อาอีกหลายๆ เซ็ตเลยนะ”
สรวงชักเขม่นภรต “ครับ” อรุณเดินออกไปเช็กภาพแฟชั่นที่นิคโหลดลงคอมพิวเตอร์
นพกระซิบแซว “โอ้โห! นายหล่อขั้นเทพเลยนะสรวง..ถูกทาบให้เป็นนายแบบเลยเนี่ย”
“ใช่ที่ไหนล่ะพี่ อาอรุณเค้าเซฟงบไปงั้นแหละ” สรวงตอบนพ แต่สายตาจ้องอยู่ที่ภรต พูดแดกดัน “ต่อไปอาจจะมีนายแบบคนใหม่ เสนอตัวมาถ่ายคู่กับนางแบบเสน่ห์แรงแบบฟรีๆ ก็ได้”
ภรตหันมามองสรวง
สุขหฤทัยที่ยืนมองอยู่ เดินปรี่เข้ามา พูดหยันตามนิสัย “ของฟรี ไร้รสนิยม....เซฟจนกระทั่งเอานักข่าวหน้าจืดๆ มาเป็นนางแบบ” ทุกคนหันไปมองสุขหฤทัยเป็นตาเดียว โดยเฉพาะอรุณ
สุขหฤทัยออกท่าทางก๋ากั๋น หันมาบอกอรุณ “ฉันเป็นนางแบบ เป็นพรีเซนเตอร์ คูล 2012”
“อ้อ! ผมจำได้...ที่มีข่าวว่าคุณจะตบคนท้องในงานวันนั้น” อรุณหัวเราะ “โอ! ดัง...ดังจริงๆ”
“ฉันจะเป็นนางแบบให้คุณแบบไม่คิดค่าตัว” สุขหฤทัยเอ่ยขึ้น
อรุณตอบ “โอเค.” ทันที
นพบอกกับสรวงเบาๆ “เชื่อแล้วว่ะว่าคุณอรุณแกเซฟงบจริงๆ”
จ๋าหัยไปบอกกับทีมงานแบบเซ็งๆ “แต่งหน้าทำผมให้คุณฤทัยด่วน”
ทีมงานเดินมาหาสุขหฤทัยพาไปแต่งหน้า ทำผม

เวลาต่อมา สุดาอยู่ที่ร้านกาแฟ โทรศัพท์คุยกับสุขหฤทัยอย่างอารมณ์ดี

“ฤทัยทำดีมาก ประกาศตัวไปเลยนะลูก ว่าหนูเป็นอะไรกับนายสรวง นังกรรณรีมันจะได้รู้ น้ำหน้าอย่างมัน เป็นได้แต่...ของเล่น”


ที่อีกมุมในฟิตเนส กรรณนรียังมีอาการไม่สบายให้เห็นอยู่ ภรตกับมะยมคอยนั่งประกบดูแล ภรตหยิบนิตยสารเล่มบางๆ ที่วางอยู่แถวนั้นมาพัดให้
“กาวคงนอนดึกตื่นเช้ามาหลายวันนะค่ะคุณภรต เลยไม่สบาย” มะยมว่า
ภรตเหน็บด้วยความน้อยใจนิดๆ “พี่ก็เคยบอกกาวแล้วให้พักผ่อนเยอะๆ แต่กาวก็ชอบ...คุยงานตอนดึก”
กรรณนรีช้อนตามองภรต รู้ดีว่าตัวเองถูกชายหนุ่มเหน็บแนม
“กาวชอบทำงานน่ะค่ะ ฝากคุณภรตดูกาวหน่อยนะคะ มะยมจะไปช่วยพี่จ๋า”
พูดจบมะยมก็เดินไป
สรวงเดินมาจากอีกทาง เห็นภรตดูแลเอาใจใส่กรรณนรีอย่างใกล้ชิด แถมเอาผ้าคอยเช็ดหน้าเช็ดตาอย่างห่วงใยและอาทร สรวงหึง หน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก่อนสะบัดตัวเดินกลับไป
“กาวค่อยยังชั่วแล้ว ไปทำงานดีกว่าค่ะ” กรรณนรีบอก

ภรตประคองกรรณนรีพาเข้าไปด้านในกองถ่ายแฟชั่น

สรวงหล่อเหลาอยู่ในชุดหรูเตรียมถ่ายแบบกับสุขหฤทัย เบื้องแรกสรวงยืนตัวแข็งทื่อ ท่าทางซังกะตาย ไม่กระตือรือร้น ปล่อยให้จ๋า อรุณ และนิคกำกับท่าตามชอบใจ

แต่พอเห็นภรตประคองกรรณนรีเข้ามา สรวงก็ยกมือขึ้นกอดสุขหฤทัยโดยอัตโนมัติ
สรวงถามจ๋า อรุณขึ้น “หวานแค่นี้พอมั้ยครับ” ทำเอาจ๋า นิคและอรุณงวยงง
“น้อยไปค่ะ” สุขหฤทัยว่า พลางยกมือมาประคองใบหน้าสรวงให้เข้ามาใกล้ตัวเองอีก
สรวงมองกรรณนรีเขม็ง ก่อนหันหน้ามาทำท่าราวกับจะจุมพิตสุขหฤทัย กรรณนรีมองภาพตรงหน้าอย่างบาดตาบาดใจ ภรตเองก็เห็น
“ฉันว่าอีกไม่นานมีข่าวดีคุณสรวงกับคุณฤทัยแน่ๆ” ทีมงานคนหนึ่งแซว
สรวงได้ยิน พูดกับทีมงานคนนั้น แต่หันไปมองกรรณนรี
“ใช่ครับ...อีกไม่นานมีข่าวดีของผมกับฤทัยแน่ๆ
กรรณนรีมองหน้าสรวงนิ่งๆ สรวงก็มองหน้ากรรณนรีกลับอย่างท้าทาย สองคนสู้สายตากันอยู่อย่างนั้น
“พร้อมเมื่อไหร่ เราสองคนจะบอก สตาร์อินเทรนด์เป็นที่แรกเลยค่ะ” สุขหฤทัยดี๊ด๊า
มะยมมองกรรณนรี สลับกับมองสรวง ทันใดนั้นมะยมก็เดินชนกรรณนรีอย่างแรง ร่างของกรรณนรีหล่นลงไปในสระดังตูม กรรณนรีตกใจร้อง “ว๊าย”
มะยมร้องขึ้นทันที “กาวเป็นลมตกน้ำ”
สรวงผละจากสุขหฤทัยทันที ทำท่าจะกระโดดลงไป แต่ช้ากว่าภรตที่พุ่งตัวลงไปในสระ
คว้าร่างกรรณนรีเอาไว้กอดประคองอย่างห่วงใยและหวงแหน สรวงมองภาพตรงหน้า ด้วยความรู้สึกแสลงใจ

หลังเลิกกองที่มุมหนึ่งในฟิตเนส นิคต่อว่ามะยม “แกทำเกินไป”
มะยมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ทำอะไร”
“ฉันมองผ่านเลนส์เห็นพอดีโว้ย..ว่าแกเอาสะโพกดินระเบิดชนกาวจนตกน้ำ” นิคเหน็บ
“ก็ฉันหมั่นไส้คุณสรวงนี่ ทำอี๋อ๋อกับยัยขี้ไคล เลยอยากรู้ ถ้ากาวตกน้ำอีตาคุณสอระวงจะทำยังไง?” มะยมว่า
“ทำยังไง ถูกคุณภรตแย่งซีนน่ะสิ ป่านนี้คุณสอ-ระ-วงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว” นิคบอกสีหน้าเป็นกังวล

สรวงขับรถมาส่งสุขหฤทัย สองคนยืนอยู่ที่หน้าบ้าน สุขหฤทัยหงุดหงิดถามขึ้นด้วยใบหน้าหงิกงอ
“ทำไมสรวงทำหน้าแบบนี้คะ ไม่พอใจที่ต้องมาส่งฤทัยเหรอ”
“เปล่า” สรวงบอกห้วนสั้น
สุขหฤทัยเซ้าซี้ “แล้วทำไมสรวงทำหน้าแบบนี้”
สรวงเริ่มรำคาญ จึงบอกตัดบท “ไม่มีอะไรน่าฤทัย”
สุขหฤทัยแสร้งทำเสียงเครือนิดๆ ใส่จริตออดอ้อน “แต่ฤทัยว่ามี... สรวงหึงกรรณนรีใช่มั้ยคะ”
สรวงปากแข็ง เสียงแข็ง “เปล่า”
สุขหฤทัย พูดอย่างน่าสงสาร “ก็ดีแล้วล่ะค่ะ..เพราะกรรณนรีเค้าไม่ได้สนใจสรวง...อีกอย่าง เค้ามีแฟนอยู่แล้ว...สรวงก็เห็น”
สรวงหน้าตาบึ้งตึงขึ้นมาทันที ทั้งโกรธและหึงหวงระคนกัน
สุขหาฤทัยโผเข้ากอดสรวงพูดเสียงหวานออดอ้อน “มีแต่ฤทัยนี่แหละที่รักสรวง รักมานาน” เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าของสรวงอย่างรักใคร่ “สรวงมองตาฤทัยสิคะ แล้วจะรู้ว่าฤทัยรักสรวงมากแค่ไหน”
สรวงก้มหน้าลงมามอง สุขหฤทัยถือโอกาสนั้นยื่นหน้าขึ้นไปจูบสรวงอย่างแผ่วเบา
“ถึงเวลาที่สรวง ควรจะมีฤทัยเพียงคนเดียวได้แล้วค่ะ
สรวงหน้าเครียดเคร่ง ตอบตกลงเพราะหึงและต้องการประชดกรรณนรี “ได้...ต่อไป..ผมจะมีแค่ฤทัยเพียงคนเดียว”
“สรวง....ฤทัยดีใจที่สุดเลยค่ะ”
สุขหฤทัยโผเข้ากอดสรวงแน่น นัยน์ตามีทั้งความตื่นเต้น ดีใจ และหวงแหน ส่วนสรวงหน้าเครียดจัด ไม่ได้ยินดีตามพูดแม้แต่น้อย

คืนนั้น สมหญิงกับสุขหฤทัยกรี๊ดลั่นบ้านแทบแตก
“คุณสรวงบอก...ต่อไป..จะมีฤทัยเพียงคนเดียว หมายความว่า...” สมหญิงทวนคำลูกสาวที่เล่าให้ฟัง ค้างคำไว้
“ฤทัยกับสรวงตกลงเป็นแฟนกันแล้วน่ะสิคะคุณแม่” สุขหฤทัยบอกพร้อมกับโผเข้ากอดแม่อย่างดีใจเป็นล้นพ้น “ต่อไป ผู้หญิงหน้าไหนมายุ่งกับสรวง เจอดีแน่”
“เอาให้พวกผู้หญิงหน้า ด้านชอบแย่งแฟนคนอื่นเหมือนนังภาพิศ แพ้เลยนะลูก” สมหญิงอวยลูกสาว
“แน่นอนค่ะ ฤทัยจะรวมความร้ายกาจของคุณหญิงสุดา กับนังภาพิศมาไว้ในตัวฤทัย” สุขหฤทัยบอก
“โอ!! แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้วล่ะจ้ะ” สมหญิงว่าพลางทำท่าสยอง
จากนั้นสองแม่ลูกหัวเราะกันอย่างสนุก

ทางด้านภรตขับรถมาส่งกรรณนรีที่บ้าน กรรณนรีหน้าซีด ใจสั่นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมา สองคนเดินลงมาจากรถ
ภรตถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างห่วงใย “ดีขึ้นหรือยังกาว”
“ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ”
“อย่าลืมทานยาตามที่หมอสั่งนะ”
“ค่ะ” กรรณนรีรับคำ ทำท่าจะเดินเข้าบ้านไป
ภรตร้องด้วยน้ำเรียกอาทร “กาว”
กรรณนรีหันมาหา “คะ”
“กาว...เสียใจเรื่องคุณสรวงใช่มั้ย”
เจอคำพูดแทงใจ กรรณนรีเม้มปาก พยายามกลั้นก้อนสะอื้นกลืนน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
“เปล่าค่ะพี่ภรต...กาวรู้..ซักวันมันต้องจบแบบนี้ ก็ดี...จบเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี” กรรณนรีพูดเหมือนว่าทำใจได้ ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมกลับทำท่าจะไหลออกมา
“แต่สายตาของกาวบอกพี่....กาวเจ็บ” ภรตบอก
กรรณนรีกลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้ว ปล่อยให้มันไหลรินออกมา “เจ็บ... แต่กาวก็ต้องทนค่ะ กาวต้องทน”
ภรตสะท้อนใจ แสนสงสารดึงกรรณนรีเข้ามากอดปลอบประโลม
“ร้องไห้ออกมาเถอะกาว....พี่จะอยู่เป็นเพื่อนกาว”
กรรณนรีร้องไห้ซบลงกับอกภรต
สรวงซึ่งขับรถตามมาเห็นภาพตรงหน้า สุดจะเสียใจ

กรรณนรีกลับเข้ามาในห้องก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ในเวลาเดียวกับที่สรวงขับรถมาทางตาม ก่อนที่จะเบนรถเข้าจอดข้างทาง ทอดสายตามองออกไปเบื้องหน้า ในท่าทีนิ่งเฉย แต่ดวงตากลับมีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าว

โปรดติดตามตอนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น