พริกกับเกลือ ตอนที่ 5
จิตรวรรณเดินฉับๆ หน้าตาเหวี่ยงเต็มที่มาตามทางเดินในออฟฟิศ ยอดชายกับใจดีตามประกบ
“จี๊ดใจเย็น!” ยอดชายพยามยามเตือนสติ
ส่วนใจดีแนะนำ “จี๊ด หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ”
“ไม่! วันนี้ถ้าฉันไม่ได้ความจริงจากปากนายดิ่งว่าเป็นใครมาจากไหนกันแน่ อย่ามาเรียกฉันว่าจี๊ดอีกต่อไป”
จิตรวรรณเดินฉับๆ ไป ยอดชายกับใจดีหันมามองหน้ากัน ใจดีคิดๆ
“ก็น่าคิดนะ...ไหนบอกว่าเป็นแค่ช่างซ่อมรถยนต์ อยู่อุตรดิตถ์ แต่พูดเยอรมันเป็นไฟ สำเนียงเป๊ะ”
ยอดชายนึกๆ
“ตอนม.ปลายเรียนสายศิลป์ เยอรมันไง”
“เฮ่ย...ฉันก็เรียน ไม่เห็นจะจำได้เลย คืนครูไปหมดแล้วด้วย...ลุ้นๆๆๆๆ”
ใจดีตามจิตรวรรณไป ยอดชายถอนใจ รีบตามไปอีกคน
ศุวิมลคัดค้านเศกเรื่องจดทะเบียนกับมารศรี...
“ไหนคุณศรีบอกคุณพ่อว่า...จะจดทะเบียนหรือไม่จด ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรไม่ใช่เหรอคะ”
มารศรีเดินเข้ามาได้ยินพอดี ไม่พอใจ แอบฟัง...
“แต่ถ้าเรามีลูกด้วยกัน พ่อไม่อยากให้ลูกของเราเป็นลูกนอกสมรส”
ศุวิมลชะงัก
“จะมีลูกด้วยกันเหรอคะ!”
“ทำไมจะมีไม่ได้ หรือคิดว่าพ่อแก่เกินไป จนไม่มีน้ำยา”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่ศุว่า...รอพี่ดิ่งกลับมาก่อนดีมั้ยคะ”
“ทำไมพ่อต้องรอมัน บอกแล้วไงว่าอย่าพูดชื่อของมันให้พ่อได้ยินอีก”
เศกโมโห เดินหนี ศุวิมลกลุ้มใจ ไม่รู้จะหาเหตุผลไหนมายับยั้งเศกดี มารศรีเดินออกมา จ้องหน้าศุวิมล
“เสียใจด้วยจริงๆนะคะ...ที่คุณเศกไม่เชื่อคุณ เพราะคุณเศกรักฉันมาก อย่าได้คิดขัดขวางความรักของเราอีกเลยค่ะ...เหนื่อยเปล่า”
มารศรียิ้มเย้ยเดินออกไป ศุวิมลเจ็บใจและร้อนใจมาก
“พี่ดิ่ง...เอาไงดีอ่ะ”
เจตนาเช็กแฮนด์กับโยฮันน์ ศยามเดินนำโยฮันน์ไปสวนกับจิตรวรรณ ยอดชายและใจดีที่เดินเข้ามาพอดี จิตรวรรณขวางทางศยามและโยฮันน์เอาไว้
“นายดิ่ง!”
ศยามสวนทันที
“อยากรู้ว่าผมพูดเยอรมันได้ยังไงใช่มั้ย...”
“ใช่!”
เจตนาเรียกลูกสาว
“มาคุยกับพ่อ ดิ่งพาโยฮันน์ไปที่ศูนย์ไป”
“ครับ”
ศยามพาโยฮันน์ออกไป จิตรวรรณมองตาม คาใจและหงุดหงิด
“เข้ามาสิจี๊ด”
เจตนาเดินนำจิตรวรรณเข้าไปในห้อง ยอดชายและใจดีรีบมาหารัตนา
“รีบแถลงข่าวเลยค่ะพี่รัตนา ว่าแฟนหนูอินเตอร์ขนาดนี้ได้ไง”
ยอดชายส่ายหน้า
“โห...พูดได้ไม่อายปาก สงสารคุณดิ่งจริงๆ”
ใจดีตีแขนยอดชายอย่างแรง รัตนายิ้มขำกับท่าทางของยอดชายและใจดี
จิตรวรรณคุยกับเจตนาในห้องทำงาน หญิงสาวไม่เชื่อในสิ่งที่ศยามบอกกับพ่อ
“เคยได้ทุนไปเรียนปริญญาโทวิศวะเครื่องยนต์ที่เยอรมันแต่เรียนไม่จบ เพราะอกหักเลยหนีกลับมา! คุณพ่อเชื่อเขาเหรอคะ”
“เชื่อสิ เพราะพ่อรู้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่านายดิ่งต้องไม่ใช่แค่ช่างซ่อมรถธรรมดา”
“เขาอาจจะโกหก แล้วก็ไม่รู้ว่าจะโกหกอะไรอีก ถ้าไม่มีเหตุการณ์ให้เจอกับตาได้ยินกับหู นายนั่นไม่เคยยอมรับ”
“แต่เขาก็ไม่เคยโกหกว่าไม่ได้ทำหรือไม่ได้เป็น เพียงแต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกเรื่องส่วนตัว”
“จำเป็นสิคะ จะมาอยู่มาทำงานกับเราเข้านอกออกในอย่างนี้ เราต้องรู้ข้อมูลของเขา”
เจตนามองลูกสาว
“จี๊ด...ทุกคนต่างมีมุมส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้น และพ่อก็ถือว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่เปิดเผย สำหรับนายดิ่ง มุมส่วนตัวที่เขาปกปิดไม่เคยทำร้ายเราเลย...มีแต่ช่วยกู้สถานการณ์เราทั้งนั้น”
“กู้สถานการณ์”
จิตรวรรณแปลกใจกับสิ่งที่พ่อพูด
รัตนาชี้แจงข้อมูลให้ยอดชายและใจดีรู้
“ล่ามที่เราติดต่อไว้ เกิดป่วยกะทันหันน่ะค่ะ เลยมาทำงานไม่ได้ พอท่านทราบว่าคุณดิ่งพอจะพูดได้ ก็เลยมอบหน้าที่ล่ามให้คุณดิ่งระหว่างที่คุณโยฮันน์มาเทรนช่างของเราซะเลย”
ยอดชายและใจดียืนอึ้ง แล้วใจดีก็ตาวาวโรจน์
“มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้ตลอดๆ ผู้ชายคนนี้เร้าใจอะไรอย่างนี้”
ยอดชายแขวะ
“ใจดี...ยางที่หน้ายังเหลือมั้ย”
“ถ้าเหลือ ฉันจะกล้าพูดความในใจเหรอ...บ้า...ฉันก็พูดเล่น ขำๆ คิดมาก”
“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันนะ...ว่าคุณดิ่งจะมีเรื่องอะไรมาเซอร์ไพรส์เราได้อีก”
ทั้งสามคนมองหน้ากันยิ้มๆ จิตรวรรณเปิดประตูออกมา หน้าตายุ่งยากใจ ระหว่างจะเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่ศยามพูดดี เจตนาเดินออกมา
“ยอดชาย มาคุยกับผมหน่อย รัตนาด้วย”
ยอดชายกับรัตนารับคำพร้อมกัน
“ครับ/ค่ะ”
ยอดชายและรัตนาตามเจตนาเข้าไปในห้อง...ใจดีรีบมาหาจิตรวรรณ
“ส่วนฉัน...ก็มาคุยกับแก...เป็นไงจี๊ด”
จิตรวรรณพลุ่งพล่านเดินมาที่มุมหนึ่งกับใจดี
“ฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อดีเนี่ย!”
ใจดีมองหน้าเพื่อน
“แล้วเซ็นส์แกบอกว่ายังไง”
“เซ้นส์ฉันบอกว่า...”
ใจดีขัดคอ
“ลืมไป ว่าเซ้นส์แกไม่เคยถูก เอาใหม่...แล้วสมองของแกคิดว่าไง ใช้สมองคิด อย่าใช้อารมณ์”
“มันก็...อยากจะเชื่อ นายนั่นดูเป็นคนดี แต่ก็...มีบางอย่างที่ฉันยังไม่ไว้ใจ”
“เออ! ทีคนไม่ดีล่ะเชื่อนักว่าเขาดี”
“แกหมายถึงพี่เทวัญอีกแล้วใช่มั้ย”
“แกน่ะตายกับคนปากหวาน แค่เขาพ่นมาสองสามคำแกก็หลับหูหลับตาเชื่อและคิดว่าเขาเป็นคนดี”
“ก็ฉันรักเขา!”
ใจดีส่ายหน้า
“ไม่ใช่ เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าจีบแก มีแต่พี่เทวัญที่กล้าและยอมตามใจแกทุกอย่าง...แกเลยคิดว่านี่แหละคือความรัก”
จิตรวรรณอึ้งไป
เทวัญเดินหน้าเครียดมาตามทางเดิน ในศูนย์บริการโมเดิร์นคาร์...ศยามกำลังแปลให้ทุกคนฟัง ขณะที่โยฮันน์กำลังอธิบายลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ อยู่ที่รถคันหนึ่ง ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ของโมเดิร์นคาร์ เทวัญเดินเข้ามา เห็นมีคนเยอะก็มองอย่างเจ็บใจ ก่อนจะเดินกลับออกไป แต๋วเดินเข้ามาหาศยาม
“คุณยอดชายเรียกไปพบจ๊ะ ดิ่ง”
“ขอบคุณครับ...” ศยามหันไปบอกโยฮันน์ “Nach einer Weile komme ich wieder” (อีกสักครู่ ผมจะกลับมา)
ศยามเดินไป แต๋วดูร่าเริงมาก โพมองตามด้วยความไม่พอใจ
เทวัญเดินมาที่ฝ่ายการตลาดตรงเข้ามาหาจิตรวรรณ
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องงานเหรอคะ”
เทวัญลืมตัว
“เดี๋ยวนี้จะคุยกับจี๊ดได้ มีแค่เรื่องงานเหรอ เรื่องอื่นคุยไม่ได้ใช่มั้ย!”
จิตรวรรณรู้สึกไม่พอใจ ที่เทวัญเสียงดัง จนใจดีและคนอื่นๆหันมามองเป็นตาเดียว จิตรวรรณรู้สึกอาย
“ทำไมพี่เทวัญต้องหัวเสียด้วยคะ หมู่นี้พี่เทวัญทำตัวแปลกๆ”
“จี๊ดก็ทำตัวแปลกไป อย่าให้พี่ต้องแฉนะ”
“พี่เทวัญ! จี๊ดทำอะไรไม่ดีที่พี่ต้องใช้คำว่าแฉ”
เทวัญพยายามใจเย็น จูงมือจิตรวรรณออกไปข้างนอกทันที ใจดีรู้สึกเป็นห่วงละล้าละลังทำไงดี รีบตามไปทันที พนักงานพากันซุบซิบกันใหญ่
เทวัญจูงจิตรวรรณออกไป เพื่อหาที่ส่วนตัวคุยกัน
“จะพาจี๊ดไปไหน”
“เราต้องคุยกัน...พี่ไม่อยากให้ใครได้ยิน เพราะมันเป็นเรื่องน่าอาย”
“คุยตรงนี้เลย! ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ส่วนตัว เพราะจี๊ดไม่เคยทำอะไรน่าอาย”
“แน่ใจเหรอ”
“พี่เทวัญ อย่ามาโยกโย้ มีอะไรก็พูดมาเลย”
เทวัญจ้องหน้าจิตรวรรณอย่างไม่พอใจ จิตรวรรณไม่หลบตา
ศยามเดินมาตามทางเดิน ใจดีเดินมองหาจิตรวรรณและเทวัญอย่างร้อนใจ ศยามเห็นก็เข้าไปทัก
“คุณใจดี หาใครครับ”
“จี๊ดกับพี่เทวัญค่ะ เหมือนจะมีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต ไม่รู้พี่เทวัญไปอารมร์เสียมาจากไหน จู่ๆก็คว้ามือยัยจี๊ดออกไป”
ศยามนึกเป็นห่วงจิตรวรรณ
“ใจดีเป็นห่วงเพื่อนอ่ะ จะหาว่าสาระแนก็ยอมล่ะ”
ใจดีรีบออกไปตามหาจิตรวรรณ
“ผมไปด้วย”
ศยามรีบตามใจดีไป
จิตรวรรณพูดกับเทวัญอย่างเคร่งเครียด บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
“จี๊ดไม่เคยทำอะไรลับหลังใคร เกลียดก็บอกว่าเกลียด ชอบก็บอกว่าชอบ”
“แล้วตอนนี้กับไอ้ดิ่ง จี๊ดเกลียดหรือว่าชอบมัน”
จิตรวรรณอึ้ง
“ไม่ได้เกลียดมันแล้วใช่มั้ย เพราะว่าแอบไปคบกันลับหลังพี่แล้วนี่ ทำอะไรอายคนเขาบ้างหรือเปล่า”
จิตรวรรณตบหน้าเทวัญ
“หยุดดูถูกจี๊ดเดี๋ยวนี้นะ”
เทวัญหน้าชา อารมณ์โกรธขึ้นหน้า คว้าตัวจิตรวรรณเข้ามา เขย่าถามอย่างแรง จิตรวรรณอึ้ง ตกใจ ไม่เคยเห็นเขาอารมณ์รุนแรงมาก่อน
“บอกพี่มาสิ ว่าจริงหรือไม่จริง ตอนแรกจี๊ดเกลียดมันยังกับอะไรดี แต่ตอนนี้ถึงกับบริการขับรถรับส่งมัน ทีกับพี่ทำรังเกียจ ไม่เคยให้แตะต้องตัว ทำไมหรือว่าชอบของต่ำ”
“บอกให้หยุดดูถูกจี๊ด! ปล่อย...จี๊ดเจ็บ”
ศยามเข้ามากระชากเทวัญออกมาแล้วผลักอกออกไปอย่างแรง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ใจดีเข้ามาหาจิตรวรรณที่กำลังตกใจและเจ็บแขนมาก เทวัญมองศยาม มองจิตรวรรณอย่างเจ็บใจ พนักงานเริ่มกรูกันเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เทวัญชี้หน้าศยาม
“จำใส่หัวแกไว้นะ...นั่นคู่หมั้นฉัน!”
“คุณก็ควรจะดูแลผู้หญิงของคุณให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ทำร้ายกันแบบนี้”
“แต่แกก็ไม่มีสิทธิ์มาดูแลแทนฉัน”
จิตรวรรณอายสายตาคน
“จี๊ดไม่คิดมาก่อนเลยว่าพี่เทวัญจะเป็นคนแบบนี้! ไม่เคยเลยจริงๆ...พี่เทวัญทำจี๊ดผิดหวังมาก”
จิตรวรรณออกไปทันทีอย่างเสียใจ ใจดีและศยามเดินตามไป ศยามหันมองเทวัญด้วยความแปลกใจ ทำไมเทวัญถึงได้พูดประโยคแสดงความเป็นเจ้าของจิตรวรรณ...เทวัญเห็นพนักงานมองมา ซุบซิบก็ตวาดลั่น
“ไม่มีงานการทำหรือไง...ไป!”
พนักงานรีบสลายตัว เทวัญพลุ่งพล่าน ยุพายื่นคอยาวสังเกตการณ์อยู่มุมหนึ่ง
ศยามเดินตามจิตรวรรณและใจดีมา
“ทำไมแฟนคุณพูดแบบนั้น”
จิตรวรรณหันมองศยามขวับ
“เพราะเขาหึงนาย คิดว่าฉันกับนายมีอะไรกัน”
ใจดีหน้าตื่น
“ฮ้า!”
ศยามงงๆ
“หึงผม”
“ใช่! ซึ่งไม่น่าจะหึงเลยสักนิด เพราะยังไงคนอย่างฉันก็ไม่มีทางคิดอะไรกับนายแน่ มันคนละฉัน”
ศยามอึ้ง ใจดีหน้าเหวอ
“จี๊ด...แรงอ่ะ”
จิตรวรรณหงุดหงิด เดินออกไป...ใจดีหันมายิ้มหน้าเสีย ศยามยิ้มให้ใจดีเพื่อแสดงว่าไม่เป็นอะไร
“อย่าถือสาปากยัยจี๊ดเลยนะคะ เสียโดยธรรมชาติ...ชินแล้วเนอะ”
“ครับ ชินแล้ว”
ใจดีรีบตามจิตรวรรณไป ศยามไม่ได้ติดใจอารมณ์จิตรวรรณ แต่สงสัยว่าเทวัญไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน
“ไปฟังใครมา...หรือว่า...”
ศยามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านที่โรงพยาบาล ตอนที่เขาหาทางออกโดยการโกหกมารศรีว่าเป็นกิ๊กกับจิตรวรรณ
‘อร่อยหวานจริงๆ เลือกเก่งนี่ ไม่เสียแรงที่ยอมเป็นกิ๊กด้วย’
จิตรวรรณหน้าเหวอ
‘เฮ๊ย!’
มารศรีอึ้ง
‘กิ๊ก!’
‘ขอโทษนะศรี ผมไม่น่าพูดออกไปเลย คุณจี๊ดเสื่อมเสียแย่เลย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ที่ลูกสาวท่านประธานของโมเดิร์นคาร์ที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว แอบมากิ๊กกับช่างซ่อมรถยนต์กระจอกๆอย่างผม ศรีอย่าไปบอกใครนะ’
ศยามมั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องเกิดจากมารศรีแน่นอน
เย็นนั้น เศกลงนั่ง จะรับประทานอาหารเย็น หันไปถามแม่บ้าน
“คุณศุล่ะ”
“ออกไปข้างนอกค่ะ สั่งเอาไว้ว่าไม่ต้องรอ ให้คุณท่านทานได้เลย”
“อืม...ไปตามคุณศรีมาไป ให้มาทานข้าว”
มารศรีเข้ามาในชุดไปเที่ยวกลางคืน
“ศรีก็ไม่ทานเหมือนกันค่ะ”
เศกแปลกใจ
“ทำไม คุณจะไปไหน”
“ไปหาเพื่อนค่ะ ศรีเบื่อ...ที่ต้องอยู่อย่างคนที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ”
มารศรีเดินออกไปทันที เศกเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน คุณศรี ผมกำลัง...”
มารศรียิ้มย่อง หันไปพูดกับเศก ชวนทะเลาะ เพื่อเล่นตัว
“กำลังอะไรคะ...รู้ด้วยเหรอคะว่าศรีต้องการอะไร หรือคิดอะไร อยากได้อะไรไว้ทำให้ได้ก่อนเถอะค่ะ...ค่อยพูด”
มารศรีเดินออกไป เศกกลุ้มใจ หงุดหงิด ผลักจานข้าวออกไปอย่างแรง จนแม่บ้านตกใจ
จิตรวรรณนั่งซึมอยู่คนเดียว คิดถึงภาพถูกเทวัญตะคอกและเขย่าตัวแล้วยิ่งเสียใจ รัตนาเดินผ่านมา มองจิตรวรรณอย่างเห็นใจ ก่อนจะเข้าไปหา
“ดิฉันกำชับพนักงานทุกคน ไม่ให้พูดเรื่องระหว่างคุณจี๊ดกับคุณเทวัญอีก”
จิตรวรรณอึ้ง
“คุณท่านคงจะไม่สบายใจนัก ถ้ารู้ว่าคุณจี๊ดถูกคุณเทวัญ...เอ่อ...ใช้กำลังใส่แบบนั้น”
จิตรวรรณพยักหน้า นึกขอบใจรัตนาที่จัดการเรื่องนี้ แต่ก็ยังฟอร์ม
“ขอบใจ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ”
รัตนาจะไป จิตรวรรณเรียกไว้
“เดี๋ยว!”
“คะ”
“เธอทำงานที่นี่ก็หลายปี...เห็นพี่เทวัญทุกวัน...เขา...เป็นยังไงตอนอยู่ลับหลังฉัน”
รัตนาลังเลก่อนจะตัดสินใจพูด
“ดิฉันยอมรับว่าคุณเทวัญทำงานเก่ง...แต่เรื่องนิสัยใจคอ...ดิฉันไม่ขอออกความเห็นดีกว่าค่ะ”
“พูดมา!”
“คุณจี๊ดคะ...เวลาเท่านั้นที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่า...ใครรักจริงหรือไม่จริง ขอตัวนะคะ”
รัตนารีบออกไป จิตรวรรณอึ้งบ่นกับตัวเอง
“ทำไมมีแต่คนพูดกับเราแบบนี้...”
ยุพายังแอบสอดแนมอยู่ที่มุมหนึ่ง มองมาสะใจๆ รีบแยกออกไป จิตรวรรณยังนั่งเครียดอยู่
ศุวิมลคุยมือถืออยู่ที่หน้าโมเดิร์นคาร์ แอบตามเสาไฟฟ้า ไม่อยากให้คนข้างในมองเห็น
“พี่ดิ่ง เลิกงานยัง ศุรออยู่ข้างหน้า มีเรื่องอยากจะปรึกษาด่วน โอเคค่ะ”
ศุวิมลวางสาย หันไปทางหนึ่ง ตกใจสุดตัว เพราะยอดชายยืนอยู่ข้างหลังใกล้มาก
“ว้าย!”
“มาทำอะไรที่หน้าออฟฟิศผม คุณอาจารย์เพี้ยน”
“หน้าออฟฟิศนาย...แต่ก็เป็นทางเท้าสาธารณะ ฉันจะมาทำอะไรก็เรื่องของฉัน”
“อ๊ะ...หลบๆซ่อนๆ แบบนี้...หรือว่า...จะตามมาจีบคุณดิ่ง”
“วิปปริต ลามก คิดได้ไง”
“ทำไมจะคิดไม่ได้ คุณดิ่งก็ไม่ได้ขี้เหร่ แถมจัดว่าหล่อ แผนทิ้งผ้าเช็ดหน้าคงไม่ได้ผล เลยมาตื้อถึงที่ทำงาน...นี่ ลูกศิษย์ลูกหารู้บ้างมั้ยเนี่ยว่าอาจารย์บ้าผู้ชาย อย่างนี้ต้องฟ้องฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย”
ศุวิมลโกรธมาก ต่อยเปรี้ยงเข้าหน้ายอดชาย
“โอ๊ย!”
“นี่คือผลกรรมของพวกจิตคิดอกุศล!”
ยอดชายเจ็บมากจะเอาเรื่อง
“คุณ!”
ศยามรีบวิ่งเข้ามาห้าม
“มีอะไรกันคุณยอดชาย ยัย...เอ่อ...คุณศุ!”
“กรรมสนองคนชั่วแล้วค่ะพี่ดิ่ง อย่าไปสนใจเลย ไปกันเถอะ”
ศุวิมลควงแขนศยามเดินออกไป ศยามยังเป็นห่วงยอดชาย
“คุณยอด ไม่เป็นอะไรนะ”
“พี่ดิ่ง ไปได้แล้ว!”
ศุวิมลลากไป ยอดชายพยายามห้าม
“อย่าคุณดิ่ง! อย่าไปหลงกลยัยอาจารย์เพี้ยนนะ ดูแลตัวเองนะ ปลอดภัยกลับมานะ”
ศุวิมลย้อนกลับมาเอากระเป๋าฟาดยอดชายเข้าให้อีกที
“โอ๊ย!”
ศยามต้องรีบมาดึงตัวศุวิมลออกไป ยอดชายทั้งเจ็บเบ้าตา ทั้งเจ็บตัว
พริกกับเกลือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
จิตรวรรณยืนรอศยามอย่างหงุดหงิดอยู่ที่ลานจอดรถ
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ ไม่มีมารยาท ปล่อยให้ฉันต้องรอ”
ยอดชายเดินกุมเบ้าตาเข้ามา กำลังจะมาที่รถเพื่อกลับบ้าน
“ยอด เห็นนายดิ่งมั้ย”
“เห็น ไปกับผู้หญิง”
“อะไรนะ” จิตรวรรณโมโห “หืม เห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าฉันได้ยังไง”
ยอดชายมองหน้า
“โห...พูดเหมือนตัวเองเป็นแฟนคุณดิ่งเลย”
“บ้า! ฉันหมายถึง ฉันอุตส่าห์รอเพื่อบริการขับรถให้นั่งกลับบ้าน แต่ไปกับ ผู้หญิง...” จิตรวรรณตวาดใส่ยอดชาย “ไม่คิดจะแจ้งให้ทราบบ้างหรือไง”
“ไม่รู้! โทรไปถามเองสิ คุณดิ่งเขามีมือถือ”
“มีได้ไง!”
“ฉันให้เขาเอง ตอนอยู่โรงพยาบาลไว้ติดต่อกันสะดวกๆ เครื่องถูกๆน่า อย่าไปว่าเขาเลย อ่ะ เบอร์”
ยอดชายกดหาเบอร์ศยามในเครื่องให้...จิตรวรรณดึงมือถือยอดชายมาเม็มเอาไว้ แล้วส่งคืน
“ไปแล้วนะ! จะรีบไปหาหมอ”
ยอดชายรีบเดินออกไป จิตรวรรณเตรียมเอาเรื่องศยาม
“ไม่รู้จักจัดลำดับความสำคัญ...โอ๊ย ทำฉันเครียดอีกแล้ว”
จิตรวรรณกดมือถือโทรออกหาศยามทันที รอสาย...เทวัญมองจิตรวรรณมาจากมุมหนึ่งอย่างเจ็บใจ ยุพาเข้ามาเอาหน้า
“คุณเทวัญขา”
“อะไร!”
ยุพาผงะ แต่ยิ้มสู้
“ยุพาเข้าใจและเห็นใจคุณเทวัญอย่างที่สุดเลยค่ะ”
“ผมไม่ได้ต้องการความเห็นใจจากใคร”
“ไม่ขอยุพาก็จัดให้...เมื่อกี้ยุพาเห็นยัยรัตนาใส่ไฟคุณกับคุณหนูจี๊ดใหญ่เลยค่ะ โอ๊ย...นินทาว่าคุณเทวัญเจ้าชู้บ้างล่ะ ชอบใช้กำลังบ้างล่ะ ที่เล่าเนี่ยของจริงต้องคูณสองนะคะ ยุพานินทาได้ไม่เท่าของจริงหรอกค่ะ ไม่ถนัด”
เทวัญนึกเจ็บใจรัตนา เดินหนีไปทันที ยุพายิ้มพอใจ
“โอย...โบนัสหกเดือนแน่ๆ...โทรรายงานคุณวันดีดีกว่า ฮิๆๆๆ”
ยุพารีบออกไป
จิตรวรรณวางสายหงุดหงิด
“จะปิดเครื่องทำไม หรือว่ากำลังลั้ลลาจนไม่อยากให้ใครกวน ชิ! เชิญหาทางกลับบ้านเองแล้วกัน”
จิตรวรรณจะเดินไปขึ้นรถ เทวัญเข้ามาขวางเอาไว้
“พี่อยากคุยกับน้องจี๊ด สองต่อสอง”
จิตรวรรณชะงัก ตกใจ
ศยามและศุวิมลนั่งเครียดกันอยู่ในร้านอาหาร มีเครื่องดื่มและอาหารสองสามอย่างวางอยู่
“เอาไงดีล่ะพี่ดิ่ง...พ่อจะจดทะเบียนสมรสกับยัยนั่นเร็วๆนี้แน่”
“ก็ให้จดไป”
“อ้าว ถ้าปล่อยให้ทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเข้าทางยัยมารนั่นเลยนะ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณพ่อก็จะต้องเป็นของยัยนั่นครึ่งหนึ่งทันที ศุไม่ยอม”
“ไปคุยกับคุณอาสันติ ทนายความของคุณพ่อ ให้โน้มน้าวคุณพ่อ...ทำสัญญาก่อนจดทะเบียนสมรสว่ามารศรีจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินก่อนสมรสเด็ดขาด...เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ”
ศุวิมลดีใจที่เห็นทางออก
“ได้...ยัยมารนั่นต้องอกแตกตายแน่ ดูซิ จะใช้แผนอะไรหลอกล่อสูบเงินจากคุณพ่อได้อีก”
มารศรีเดินเข้ามาในร้านกับเพื่อน ศุวิมลเห็นก็ตกใจ
“พี่ดิ่ง ยัยมารศรีมาที่นี่! อย่าหันไปมอง”
ศยามนั่งอึ้ง ตัวแข็ง มารศรีกำลังเดินมาที่โต๊ะที่ศยามและศุวิมลกำลังนั่งอยู่ ศยามนั่งหันหลังให้หน้าร้าน มารศรียังไม่สังเกตเห็นทั้งสอง ศยามคิดหาทางออก พนักงานเข้าไปต้อนรับ มารศรีหันมองไปรอบๆ เพื่อเลือกโต๊ะ เธอกำลังจะหันมาเห็น ศุวิมลตัดสินใจลุกขึ้น วิ่งไปหาทันทีเพื่อดึงความสนใจของมารศรี
“คุณศรี! แหมบังเอิญจังเลยที่เจอกัน”
ศุวิมลจับมารศรีหันหลังให้ศยาม มารศรีแปลกใจที่ศุวิมลเข้ามาทัก ศยามรีบฉวยโอกาส ลุกขึ้นเดินหลบไปทางข้างหลังร้านทันที ศุวิมลเห็นศยามพ้นไปแล้วโล่งใจ มารศรีงงๆ
“นี่...จะปล่อยฉันได้หรือยังคะ”
ศุวิมลรีบปล่อย ยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ แล้วรีบเดินกลับไปที่โต๊ะ มารศรีมองตามงงๆ
“ประสาท...”
มารศรีเดินไปกับเพื่อนนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง ศุวิมลทำเป็นทานอาหารต่อ ไม่สนใจ มารศรีเห็นอาหารบนโต๊ะศุวิมลมีสองที่ แต่ไม่เห็นคนอื่นร่วมโต๊ะ ก็มองอย่างประหลาดใจ
เทวัญฉุดจิตรวรรณเดินมาตามทางเดิน
“ยังไงพี่ก็ไม่ปล่อยให้จี๊ดกลับไปโดยที่เรายังเคลียร์กันไม่รู้เรื่อง”
“แต่จี๊ดยังไม่อยากคุยตอนนี้”
เทวัญเผลอบีบข้อมือจิตรวรรณอย่างลืมตัวด้วยความโกรธ
“จี๊ดเจ็บ ปล่อย อย่าให้ถึงกับต้องร้องขอความช่วยเหลือใครเลยนะคะ แค่นี้จี๊ดก็อายคนพอแล้ว”
“ร้องสิ อยากร้องร้องเลย เรื่องของคนรักกันไม่มีใครอยากยุ่งด้วยหรอก”
จิตรวรรณร้องลั่น
“ช่วยด้วย!”
เทวัญตกใจ
“จี๊ดเงียบนะ!”
“ไม่เงียบ!” จี๊ดสะบัดจนหลุด “พี่เทวัญเป็นบ้าอะไรเนี่ย! จู่ๆก็กลายเป็นคนที่จี๊ดไม่เคยรู้จัก จี๊ดคิดถูกแล้วล่ะ ที่ระงับงานแต่งของเรา”
เทวัญโมโห
“นี่จี๊ดจะเลิกกับพี่เหรอ!”
“ถ้าพี่เทวัญยังไม่เลิกคลั่ง...มันก็คงต้องเกิดขึ้น”
จิตรวรรณเดินหนี ศยามเดินเข้ามาพอดี หญิงสาวรีบวิ่งไปหาเขายึดเป็นที่พึ่ง ศยามมองหน้าเทวัญที่กำลังโกรธจัด ชายหนุ่มระวังภัยให้หญิงสาว
“รีบกลับกันเถอะ”
จิตรวรรณควงแขนศยามออกไปทันที เทวัญมองตามอย่างไม่พอใจอย่างแรง
จิตรวรรณกับศยามเดินมาที่รถ หญิงสาวค่อยๆน้ำตาไหลออกมาอีก หยุดเดิน ศยามปลอบ
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ เข้มแข็งหน่อยสิ”
“ฉันไม่รู้จะจัดการอารมณ์ตัวเองยังไงดี”
“ใจเย็นก่อน ตั้งสติ สติมาปัญญาก็เกิด เคยได้ยินมั้ย”
จิตรวรรณพยักหน้า
“เคย แต่ฉันไม่เคยทำได้”
“งั้นก็ลองทำดู ทำได้ครั้งแรก ก็จะมีครั้งต่อๆไป ไป กลับบ้าน”
จู่ๆอารมณ์จิตรวรรณก็เปลี่ยน
“กลับไปเองเลยไป!”
ศยามหน้าเหวอ
“เอ๊า อะไรเนี่ย...ก็เมื่อกี้ชวนผมกลับ ตอนนี้...เป็นอะไรอีกล่ะ”
“ฉันไม่พอใจที่นายไปกับผู้หญิง โดยทิ้งฉันให้รอ ไม่บอกกันสักคำ แถมยังปิดมือถือ บอกมามันคืออะไร”
ศยามถอนใจ
“เจ้าบทเจ้ากลอนนะเรา”
“ไม่บอก ก็กลับเอง”
จิตรวรรณขึ้นรถ สตาร์ทออกไปเลย ทิ้งศยามเอาไว้
“เอ๊า อุตส่าห์รีบไปรีบกลับ”
สักพัก จิตรวรรณก็ถอยรถกลับมาหาศยาม เปิดกระจก
“ขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจอีกรอบ”
ศยามยิ้มๆ รีบขึ้นรถไป
“คุณทิ้งผมไม่ลงหรอก ผมรู้”
จิตรวรรณหมั่นไส้ กระชากรถอย่างแรง จนศยามผงะ ตกใจ
“เฮ้ย!”
ค่ำนั้น...จิตรวรรณขับรถมาจอดในบ้าน ทั้งสองลงมาจากรถ วันดีเดินมาหน้าตาไม่พอใจมาก ศยามยกมือไหว้วันดี แต่วันดีไม่รับไหว้
“อนุญาตให้นายคนนี้นั่งรถเรามาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็หลายวันแล้วค่ะ แต่คุณแม่ไม่ได้สนใจ”
“แปลว่าแม่ควรจะต้องสนใจและดูแลจี๊ดทุกฝีก้าวเลยใช่มั้ย เพื่อให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
จิตรวรรณอึ้ง ศยามเห็นใจจิตรวรรณ
“จี๊ดทำอะไรผิดคะ”
“ผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ”
วันดีเสียงแข็ง
“ไม่ต้อง อยู่นี่ล่ะ จะได้ฟังเอาไว้ แล้วจำไปปฏิบัติตาม”
“ครับ”
“อยู่ให้ห่างๆลูกสาวฉันไว้ ถ้าอยากมีที่ซุกหัวนอนต่อไป ไปได้แล้ว”
ศยามยกมือไหว้ลาวันดี ก่อนจะหันไปยิ้มให้กำลังใจจิตรวรรณ หญิงสาวยิ้มรับเศร้าๆ
“แม่มีเรื่องต้องคุยกับจี๊ดเดี๋ยวนี้ เรื่องเทวัญ”
จิตรวรรณถอนใจหนัก ความเครียดประดังเข้ามา
วันดีกับจิตรวรรณเดินเข้ามาในโถงบ้าน วันดีต่อว่าลูกสาวทันที
“งามหน้ามั้ยล่ะ คิดอะไรของลูก ถึงได้ไปใกล้ชิดสนิทสนมกับนายนั่น เห็นกรวดดีกว่าเพชร”
“คุณแม่คะ จี๊ดยังไม่ได้ทำอะไรเลย มีคนใส่ร้ายจี๊ดกับนายดิ่ง ทั้งๆที่มันไม่เป็นความจริง”
“แต่ที่เราทำอยู่ทุกวัน มันไม่น่าคิดหรือไง”
“ใครเอาเรื่องมาฟ้องคุณแม่คะ”
เทวัญเดินเข้ามา
“พี่เอง!”
จิตรวรรณยิ่งไม่พอใจที่เทวัญยังคลั่งไม่เลิกจนเอาเรื่องมาฟ้องแม่
ศยามอยู่ในห้องพักยืนมองไปนอกหน้าต่างสายตามองนิ่งไปที่ตึกใหญ่ ชายหนุ่มถอนใจ เป็นห่วงหญิงสาว
“จะโดนอะไรบ้างนะ ยัยคุณหนูนิสัยเสีย...”
จิตรวรรณเดินหนีจะขึ้นข้างบน วันดีสั่งเสียงเข้ม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะยัยจี๊ด คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“จี๊ดบอกพี่เทวัญไปแล้วนี่คะ ว่าจี๊ดจะไม่คุยเรื่องนี้ตอนนี้ จนกว่าพี่เทวัญจะมีสติ แล้วเราค่อยคุยกัน”
เทวัญไม่ฟัง
“เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครทำใจให้มีสติได้หรอกนะจี๊ด”
จิตรวรรณโมโห
“แล้วทีเรื่องพี่เทวัญกับเงาะล่ะคะ ทำไมจี๊ดยังมีสติได้ ทั้งๆที่มันมีหลักฐานคาตา!”
เทวัญอึ้ง วันดีแปลกใจ
“ยัยเงาะมาเกี่ยวอะไรด้วยเทวัญ!”
เทวัญรีบแก้ตัว
“ไม่เกี่ยวเลยครับ ผมกับเงาะเราไม่เคยมีอะไรกัน มีคนใส่ร้ายผม”
“จี๊ดก็โดนใส่ร้ายเหมือนกัน! จี๊ดไม่ได้ทำอะไรผิด จี๊ดจึงไม่จำเป็นต้องวุ่นวายทำให้อีกฝ่ายต้องกลายเป็นคนผิดแทน เหมือนที่พี่เทวัญทำ”
“จี๊ดไม่เชื่อพี่!”
“จี๊ดบอกแล้วไงคะ ว่าจี๊ดต้องการเวลา ยิ่งตอนนี้ จี๊ดยิ่งมั่นใจ ว่าเราสองคนควรจะห่างกันสักพัก”
จิตรวรรณเปลี่ยนใจ วิ่งออกไปจากบ้านอีกครั้ง เทวัญตกใจ
“จี๊ด!”
เทวัญจะตาม วันดีห้ามไว้
“เทวัญ...ปล่อยน้องไปก่อน เดี๋ยวฉันจะค่อยๆพูดให้เอง”
เทวัญชะงัก เครียด
ศยามซึ่งกำลังชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านด้วยความเป็นห่วง เห็นจิตรวรรณวิ่งร้องไห้ออกมา ตรงมาที่รถจะขับออกไป ศยามตัดสินใจ เปิดประตูขึ้นไปนั่งด้วย
“ขึ้นมาทำไม”
“ผมไปด้วย ผมไม่ปล่อยให้คุณขับรถด้วยอารมณ์แบบนี้ไปคนเดียวหรอก”
จิตรวรรณขับรถกระชากออกไปทันที
ศยามตามจิตรวรรณที่เดินลิ่วๆจะเข้าผับ เขารีบคว้ามือเธอเอาไว้
“มาที่นี่ทำไม”
“มาซื้อชุดแต่งงานมั้ง ปล่อย ฉันจะไปเข้าไปคลายเครียดในคลับที่หรูไฮที่สุดของกรุงเทพ อยากเผาเงิน มีอะไรป่ะ”
“ไม่จำเป็นต้องคลายเครียดด้วยวิธีนี้ วิธีอื่นมีเยอะแยะ ไป”
“ไม่ไป!”
“ไม่ไปอุ้ม”
“แขนเดี้ยงอยู่ มีปัญญาหรือไง”
“มี ลองดูมั้ยล่ะ”
ศยามเข้ามา ทำท่าจะใช้แขนอีกข้างที่ยังดีอยู่ช้อน
“หยุดๆ ไม่ต้องมาโม้ ยังไงนายก็ห้ามฉันไม่ได้”
ศยามตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดที่มี ลากจิตรวรรณแบบถูลู่ถูกังออกไป โดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัว การ์ดเข้ามาขวาง พร้อมเคลียร์
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าครับคุณ”
ศยามหันไปบอก
“แฟนผมอายุยังไม่ถึงยี่สิบเลย เข้าไปก็ผิดกฎหมายนะ”
จิตรวรรณหน้าตื่น
“เฮ้ย!”
การ์ดมองหน้าจิตรวรรณ
“น้อง อย่าทำพี่เดือดร้อนเลย ไปๆๆๆๆ”
การ์ดไล่ จิตรวรรณไม่ยอม
“ขอโทษที่ฉันหน้าเด็กกว่าอายุจริง...ฉันมีบัตรประชาชนยืนยัน...”
ศยามไม่รอให้จิตรวรรณพูดจบ...ลากออกไปอย่างแรง
“จะพาฉันไปไหน”
เทวัญเดินเข้ามาในผับจากอีกทาง สวนกัน และมองไม่เห็นศยามกับจิตรวรรณ
เทวัญเดินเข้ามา กวาดสายตาไปทั่ว คิดว่าน่าจะเจอจิตรวรรณ
“ปกติต้องมาที่นี่...แต่คืนนี้ไม่มา...จี๊ดไปไหน”
เทวัญจะกลับ แต่สายตาเหลือบไปเห็นมารศรีนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียว ดูเปลี่ยวๆ เหงาๆ เทวัญชะงัก ยิ้มกริ่ม พึงพอใจตัดสินใจเดินไปหาทันที
มารศรีกำลังนั่งเซ็งๆ เทวัญเข้ามายืนใกล้ๆ
“ดูท่าทางคุณมารศรีจะไม่สนุก”
มารศรีชะงัก เมื่อเห็นเป็นเทวัญก็ยิ้มยั่ว
“แสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“มาคนเดียวจะสนุกอะไรล่ะครับ”
“ไม่ได้ตั้งใจมาหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า...ไม่รู้จะทำอะไรให้หายเบื่อ”
เทวัญยิ้มพราว
“ผมมีอะไรสนุกๆแก้เบื่อให้คุณทำ...สนใจมั้ยล่ะ”
มารศรีแปลกใจ เทวัญหมายถึงอะไร
ศยามพาจิตรวรรณมาที่วัดแห่งหนึ่ง จิตรวรรณยืนนิ่งเหวอ มองคนที่มาทำบุญโลงศพ ผ้าห่อศพในศาลา
“คลายเครียดแบบนี้เนี่ยนะ”
“เอาเงินที่คุณจะไปลงขวดหรือจ่ายให้กับสิ่งไร้สาระ ซึ่งก็แค่ทำให้คุณหายเครียดแค่ชั่วครู่ชั่วยาม...มาทำบุญโลงศพ ผ้าห่อศพให้ศพอนาถาดีกว่า”
“ทำแล้วได้อะไร”
“ได้เสียสละ ได้ให้ ได้แบ่งปัน และได้บุญ...คุณจะได้ไม่อายุสั้นเพราะนิสัยแย่ๆ แบบนี้”
จิตรวรรณฉุนกึก
“หลอกด่าอีกแล้ว...ทำไงล่ะ”
“ตามผมมา”
ศยามนำจิตรวรรณเข้าไป เดินตรงไปที่โต๊ะพนักงานแจ้งความจำนงทำบุญ จิตรวรรณหยิบเงินขึ้นมาส่งให้เจ้าหน้าที่ ศยามก็หยิบเงินตัวเองร่วมด้วย...ทั้งสองปิดใบอนุโมทนาบุญบนโลงศพ แล้วพากันไปไหว้พระในศาลา...ก่อนจะเสี่ยงเซียมซี และรับคำทำนาย
มารศรีกำลังสนุกกับการแทงบาคาร่าอยู่ในบ่อน โดยมีเทวัญประกบอยู่ข้างๆ โอบไหล่ โอบเอว มารศรีดูมีความสุขมาก
จิตรวรรณเดินมากับศยาม หญิงสาวสบายใจขึ้น
“ขอบใจนะที่พามา”
“ไม่เป็นไร”
“ขออะไรอย่างได้ป่ะ”
“ไม่ได้ ไม่มีอะไรจะให้”
“อะไร เพิ่งจะบอกฉันว่าทำบุญจะทำให้รู้สึกเสียสลาย รู้จักการให้”
“ก็คนอย่างผมมีอะไรที่จะให้คุณได้ นอกจาก...หรือว่าอยากถูกผมด่า ก็ได้นะลองทำตัวแย่ๆอย่างที่เคยทำสิ...”
“ไม่ได้เสพย์ติดความเจ็บปวดจากการถูกนายด่า...ไม่ต้อง! ขออย่างอื่น นายให้ได้อยู่แล้ว”
“อะไร”
“ใบเซียมซีนายไง ทำนายว่าไง อยากรู้”
“ผมยังไม่เห็นจะอยากรู้ของคุณเลย”
“ฉันบอกให้...ของฉันท่านทักว่า...เรื่องขุ่นข้องหมองใจ จะหายสิ้นไป ด้วยคู่บุญ อยู่ใกล้ไม่เกินเอื้อม แค่มีเมฆหมอกบังตา ปัดเป่าออกไปให้ไคลครา จักพบสุขแท้แน่นักเอย ดวงดีมั่กๆ...แสดงว่าฉันต้องแก้ปัญหาเรื่องพี่เทวัญได้”
“ของผมไม่ค่อยดี มีคนบอกว่าถ้าได้คำทำนายไม่ค่อยดี อย่าเอากลับบ้าน”
จริงๆแล้วศยามยังเก็บเอาไว้ แต่ไม่อยากบอกจิตรวรรณ
“เหรอ ไม่ดียังไงอ่ะ”
“บอกว่า...ช่วงนี้ซวยเพราะต้องคอยช่วยใครบางคน”
จิตรวรรณเห็นด้วย
“เออ ไม่ดีจริงแฮะ”
ศยามยิ้มๆ เดินออกไป
“เอ๊ะ หมายถึงช่วยเราหรือเปล่า เดี๋ยวก่อนนายดิ่ง!”
จิตรวรรณวิ่งตามมาคุยกับศยาม
“หมายถึงซวยเพราะฉันเหรอ”
“อืม แม่นมั้ยล่ะ”
“นายต่างหากที่ทำให้ฉันซวย”
“ไม่เอาน่า พูดจาไม่สุภาพในเขตวัด ไม่ดี”
จิตรวรรณจะเถียงศยาม ทันใดนั้นเสียงมือถือจิตรวรรณดังขึ้นขัดจังหวะ หญิงสาวมองเบอร์
“ยอดโทรมา...คุยก่อน แล้วค่อยเคลียร์กัน” จิตรวรรณกดรับสาย “ฮัลโหล ว่าไงยอด...ว่าไงนะ เงาะน่ะเหรอ”
จิตรวรรณหน้าซีด ศยามแปลกใจ หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มหน้าเสีย สงสารเพื่อนและตกใจ
ใจดีกำลังเช็ดตัวให้เงาะที่มีสภาพบอบช้ำ เพราะถูกเทวัญซ้อม หน้าตาบวมตุ่ย เขียวช้ำไปหมด
“เงาะ...เจ็บมากมั้ยแก”
เงาะพยักหน้า ยอดชายยืนดูเงาะย่างเห็นใจอยู่ที่มุมหนึ่ง
“ทำไมแกไม่ไปแจ้งความ หา!”
เงาะส่ายหน้า มีอาการหวาดกลัวมาก จิตรวรรณเปิดประตูเข้ามา ยอดชายหันไปทัก
“จี๊ด มาแล้วเหรอ”
ศยามตามเข้ามา ยอดชายและใจดีแปลกใจ ศยามกับจิตรวรรณมาด้วยกันได้ไง ศยามยิ้มให้กับทุกคน
จิตรวรรณพุ่งเข้าไปดูอาการเงาะทันที
“เงาะ เป็นไงบ้าง ใครทำแก ตั้งแต่เมื่อไหร่ หา!”
ใจดีเสียงเศร้า
“ยังพูดไม่ค่อยได้เลยจี๊ด ปากบวมเจ่อเลย...ฉันเพิ่งแวะมาดูเงาะเมื่อหัวค่ำ เพื่อนข้างห้องบอกว่า...ให้เข้ามาช่วยดูเงาะหน่อย เงาะไม่ไหวแล้ว เข้ามาก็เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้แหละ”
ศยามมองเงาะอย่างสงสาร พาลนึกไปถึงเทวัญ ยอดชายเข้าไปบอกเงาะ
“แกต้องรีบรักษาตัวนะเงาะ แล้วบอกพวกฉันว่ามันเรื่องอะไรกัน แล้วใครที่ทำแกได้ขนาดนี้”
เงาะร้องไห้ ส่ายหน้าอย่างเดียว จิตรวรรณเข้าไปกอด
“ไม่เป็นไรเงาะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้ พวกฉันอยู่กับแกแล้วนะ ไม่มีใครทำอะไรแกแล้วนะ”
เงาะมองหน้าจิตรวรรณ รู้สึกผิดมากที่เคยทำไม่ดีกับจิตรวรรณ เธอจึงกอดเพื่อนร้องไห้อย่างหนัก ทุกคนมองอย่างสงสาร
พริกกับเกลือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
จิตรวรรณเดินมาส่งทุกคนที่หน้าอพาร์ตเม้นท์ หันไปบอกยอดชายและใจดี
“พวกแกกลับก่อนเถอะ ฉันอยู่ดูเงาะเอง”
ใจดีลังเล
“แต่...”
“ไหวน่า....ผลัดกันไง แกจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว”
ศยามยิ้ม รู้สึกประทับใจในน้ำใจของจิตรวรรณโดยไม่รู้ตัว ยอดชายหันมาเห็นสายตาของศยามแล้ว...อึ้งไป จิตรวรรณหันมาเรียก
“ยอด”
ยอดชายสะดุ้ง
“หา...ว่าไง...”
“ฝากส่งนายดิ่งด้วยนะ”
“โอเค..”
จิตรวรรณหันมาบอกศยาม
“ขอบใจนะที่...พาฉันออกมาจากที่อโคจร ไปทำอะไรดีๆ...แล้วก็....ทำให้ฉันยังมีสติ ได้ดูแลเพื่อนที่กำลังเดือดร้อน....”
ศยามยิ้ม
“ไม่งั้น เพื่อนอาจจะต้องเดือดร้อนเพราะคุณแทน เพราะคงเมาไม่รู้เรื่องอยู่ทีไหนสักแห่ง”
ยอดชายบอกขำๆ...
“โห พูดเหมือนตาเห็น รู้จักจี๊ดมานาน”
จิตรวรรณเซ็ง ไล่ให้ทุกคนกลับ
“ไปๆ กลับๆ ไปเลย...อ้อ ยอด ฝากบอกที่บ้านด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง...”
ใจดีเผลอหาว ดังมาก
“ฮ้าวววว! ไปนะจี๊ด”
ยอดชาย ใจดีเดินไป....ศยามยิ้มให้กำลังใจจิตรวรรณ
“ตัวเองก็พักซะบ้างนะ”
จิตรวรรณอึ้ง หวั่นไหว แต่กลบเกลื่อน
“รู้แล้วน่า รีบๆไปเหอะ”
หญิงสาวรีบเดินกลับเข้าไป ศยามยิ้มๆ ก่อนจะหันเดินตามยอดชายไป โดยไม่รู้ว่าจิตรวรรณหันกลับมามองศยามอีกครั้ง ยิ้มอย่างสบายใจ
เจตนาตกใจ หลังจากที่ศยามและยอดชายรายงานเรื่องเงาะ ขณะที่วันดีนั่งอึ้งอยู่ใกล้ๆ
“ยัยเงาะไม่ยอมพูดอะไรเลยเหรอ”
“ครับท่าน”
เจตนากังวลเป็นห่วงเงาะ ศยามยืนเครียดอยู่ วันดีเห็นศยามแล้วขวางหูขวางตา
“นายดิ่ง เสร็จเรื่อง ก็ไปได้แล้ว แล้วทีหลัง ไม่ต้องทำตัวเป็นฮีโร่ตามลูกสาวฉันไปอีกนะ เธอไม่ควรเข้าไปยุ่ง แฟนเขาก็มี ให้เขาง้อกันเอง”
“ง้อให้ยัยจี๊ดยิ่งเสียคนน่ะเหรอ” เจตนาแย้ง
“เอ๊ะคุณ!”
“ผมลากลับก่อนนะครับ ไปนะคุณดิ่ง”
“ผมก็ควรจะไปเหมือนกันครับ”
ศยามและยอดชายไหว้เจตนาและวันดี แล้วรีบออกไป วันดีงอนใส่เจตนา ลุกหนี เจตนารู้สึกหงุดหงิดวันดี
ศยามและยอดชายเดินกันออกมา ยอดชายดูเหมือนมีเรื่องคาใจอยากจะถาม ศยามรู้ทัน
“อยากจะถามอะไรผมก็ถามมาเถอะครับ”
“ถามจริงนะ...ที่คุณไม่เรียนต่อให้จบ เพราะอกหัก”
“ครับ”
“แล้วตอนนี้หายดีหรือยัง”
“ดีแล้วครับ”
“ดีจนพร้อมที่จะมีความรักครั้งใหม่ได้หรือยังครับ”
“ยังไม่ทราบครับ...ทำไมคุณยอดถามผมเรื่องนี้”
“อ๋อ..ก็...เห็นคุณกับยัยอาจารย์เพี้ยนนั่น....เริ่มสนิทสนมกัน เลยคิดว่า...”
“ผมกับคุณศุ?”
“นั่นแหละ...”
“ผมยังไม่พร้อมจะมีความรักครั้งใหม่ไม่ว่ากับใคร”
ยอดชายอึ้ง
“สบายใจนะครับ”
“เฮ้ย...ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณ จะมีหรือไม่มี ผมก็....แล้วแต่คุณ”
ศยามยิ้มให้ยอดชายอย่างรู้ทัน ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ยอดชายถอนหายใจ โล่งอกเหมือนกัน
จิตรวรรณนั่งมองเงาะที่นอนหลับอยู่ รู้สึกสงสารเพื่อน เงาะที่หลับอยู่ ลืมตาขึ้น....ลังเลตัดสินใจ ว่าจะบอกจิตรวรรณดีหรือไม่
จิตรวรรณเดินมาที่เงาะ เอามือจับเนื้อตัวของเงาะด้วยความเป็นห่วง
“เงาะ....ถ้ายังเจ็บก็บอกนะ...ฉันจะเอายาแก้ปวดให้”
เงาะน้ำตาไหล....ยิ่งเห็นจิตรวรรณดีด้วย เงาะยิ่งรู้สึกผิด ตัดสินใจ หันไปหาจิตรวรรณทันที
“จี๊ด...”
“จะเอายาเหรอ รอเดี๋ยวนะ”
จิตรวรรณจะลุกไปเอายาให้เงาะ เงาะจับมือจิตรวรรณเอาไว้ เงาะส่ายหน้า
“ไม่...เอา...ยา....”
จิตรวรรณแปลกใจ ลงนั่งข้างเงาะ
“มีอะไร”
“จี๊ด...”
“หือ?”
เงาะมองหน้าจิตรวรรณ ยังกลัวที่จะบอกความจริง
ศยามเข้ามาในห้อง ลงนั่ง...คิดถึงคำพูดของยอดชาย
‘แล้วตอนนี้หายดีหรือยัง’
‘ดีแล้วครับ’
‘ดีจนพร้อมที่จะมีความรักครั้งใหม่ได้หรือยังครับ’
ศยามคิดถึงใบหน้าของจิตรวรรณขณะที่ทำบุญโลงศพด้วยกัน ศยามนิ่งอึ้งไป....รู้สึกไม่พอใจตัวเองที่คิดถึงจิตรวรรณ
“บ้าจริง...คิดถึงทำไมเนี่ย”
ศยามลุกขึ้น จะเปลี่ยนชุด...แต่ชะงัก เปลี่ยนใจ คิดทำอะไรบางอย่าง...เดินออกจากห้องไป
ในห้องพักเงาะ จิตรวรรณมองหน้าเงาะด้วยความประหลาดใจ เงาะยังลังเล และยังไม่กล้าที่จะบอกจิตรวรรณเรื่องถูกเทวัญซ้อม
“ว่าไง..เงาะ แกจะเอาอะไร...เอางี้ พูดไม่ถนัด แกบอกใบ้ฉันก็ได้ หรือชี้เอา จะเอาอะไร”
“แก....”
“หือ???”
เงาะพูดลำบากมาก
“รักพี่เทวัญมาก...มั้ย”
“อะไรนะ...อีกทีซิ”
“พี่เทวัญ.....แก..รัก...เขา...มาก...มั้ย”
จิตรวรรณงง
“พี่เทวัญ....มาเกี่ยวอะไรด้วย”
เงาะลังเล ว่าจะพูดดีหรือไม่ดี
เทวัญเดินออกมาจากบ่อนกับมารศรี เพราะเสียหนัก
“ดูซิ....ถ้ากลับซะตั้งแต่แรกก็ไม่หมดตัว” มารศรีบ่น
“ ก็ผมบอกคุณแล้วว่าให้ใจเย็นๆ”
“โอ๊ย...หงุดหงิดอ่ะ”
“ใจเย็นน่า วันหลังค่อยมาแก้มือก็ได้...”
มารศรีคิดถึงเศกซึ่งเป็นแหล่งเงินทุน
“นั่นสินะ ฉันควรจะกลับบ้านก่อน...ขอบคุณนะคะ สำหรับความบันเทิงที่ถูกใจฉันมากในคืนนี้....แล้วเจอกัน”
มารศรียิ้มยั่วให้เทวัญ ก่อนจะออกไป เทวัญมองตามมารศรีตาวาว เสี่ยเจ้าของบ่อนเดินเข้ามาหาเทวัญ
“พามาบ่อยๆสิ ไฮโซสาวเปลี่ยวที่ชอบถลุงเงินสามีแบบนี้ เฮียชอบ”
“ผมก็ชอบ”
เทวัญมองตามมารศรีอย่างมีความหมาย
จิตรวรรณมองหน้าเงาะ
“ว่าไงเงาะ พี่เทวัญเกี่ยวอะไรด้วย”
“ฉัน....”
“ว่าไง แกจะบอกอะไรฉัน”
“ฉัน....”
“หรือว่าพี่เทวัญเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือว่า....แกกับพี่เทวัญ....พี่เทวัญทำแกเหรอ เงาะ!”
“ฉัน....”
เงาะจะสารภาพ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อนึกถึงที่เทวัญขู่...
‘....เมื่อคุยกันดีๆไม่ได้ ก็ไม่ต้องคุย ทนไม่ได้ก็ไปให้พ้น แต่ถ้าปากโป้ง ฉันเอาแกตาย’
เทวัญเข้าไปตบเงาะอีก เงาะตกใจลนลาน ยกมือพนมไหว้ร้องขอ
...เงาะมองหน้าจิตรวรรณ ตัดสินใจไม่บอก ผลักจิตรวรรณออกไป
“ฉัน....อยากอยู่คนเดียว....ออกไป....ออกไป!”
“อะไรกันเงาะ เดี๋ยวสิ”
“ออกไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ไป๊”
จิตรวรรณไม่ยอม...เงาะคว้าของใกล้ตัวปาใส่
“ไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันจะอยู่คนเดียว”
เงาะปาของใส่จิตรวรรณไม่เลิก
“เงาะ...อย่าทำแบบนี้ เงาะ”
เงาะลากสังขารตัวเองลุกขึ้น พยายามไล่
“ยังไม่ไปอีก ฉันบอกให้ไป”
จิตรวรรณสงสารแกมไม่เข้าใจ
“โอเค ฉันไป แกไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เงาะ แกยังไม่หาย...”
“ไป๊!”
จิตรวรรณรีบวิ่งไปเปิดประตูออกไปจากห้องทันที เงาะพาตัวเองอย่างลำบากไปล็อกประตู ร้องไห้ เสียใจ
“จี๊ด....ฉัน..ขอ...โทษ”
จิตรวรรณเดินเครียดออกมา....แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นศยามยืนอยู่
“นายดิ่ง...มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมคิดว่า...คุณอาจจะเจอปัญหา...เลย....ลองแวะมาดู”
“นกรู้หรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่รู้สิ...”
“แล้วถ้าฉันไม่...ได้มีปัญหาอะไร นายจะยืนรอฉันอยู่อย่างนี้ทั้งคืนหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่อ่ะ...อีกห้านาทีถ้าไม่เจอคุณ ผมก็ว่าจะกลับ”
“ชิ...เป็นห่วงก็ไม่ห่วงให้ตลอดรอดฝั่ง”
“ใครห่วงคุณ...”
“แล้วมาทำไม”
“ไม่อยากให้พ่อคุณไม่สบายใจ”
จิตรวรรณอึ้ง เดินผ่านศยามไป งอนๆ
“ตกลงมีปัญหาใช่มั้ย”
จิตรวรรณชะงัก หันมองศยาม....ใจอ่อน...พยักหน้าช้าๆ ศยามมองอย่างเห็นใจ
มารศรีเดินเข้ามาในบ้าน แล้วก็ต้องตกใจชะงัก เมื่อเห็นเศกนั่งรออยู่อย่างอิดโรย โดยมีศุวิมลนั่งรออยู่ด้วย
“คุณเศก...”
“ผมโทรติดต่อคุณไม่ได้เลย คุณไปไหนมา ปิดมือถือทำไม”
“เอ่อ...”
“หรือว่าไปทำอะไรไม่ดีมา ถึงต้องหลบต้องซ่อนต้องปิดบัง”
“นี่ไม่เคยไว้ใจกันเลยใช่มั้ยคะ!”
“คุณไม่ต้องมาทำเป็นเสียงดังเหมือนคุณพ่อและฉันเป็นคนผิดนะ คุณพ่อไม่สบาย แต่ยังต้องมาอดหลับอดนอนรอคุณเพราะความเป็นห่วง...เพราะไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง ใครกันแน่ที่ผิด”
“ใช่ ฉันผิด ทำอะไรก็ผิด อยากไปสนุกกับเพื่อนตัวเองให้หายเครียด เพราะคนที่นี่ไม่เคยแคร์ฉันก็ผิด ถามหน่อยเอาฉันมาอยู่ที่นี่ เอามาทำซากอะไร”
ทั้งเศก ทั้งศุวิมลอึ้ง.....มารศรีเดินหนี เศกพูดไล่หลัง
“ผมจะจดทะเบียนกับคุณ”
มารศรีชะงัก หันมามองเศกอย่างประหลาดใจ
ศยามและจิตรวรรณนั่งอยู่ด้วยกันทั้งคืน จวบจนแสงอาทิตย์ขึ้นสว่างเรืองรองที่ขอบฟ้า
“เป็นคืนที่ยาวนานมาก...และเป็นครั้งแรกที่ฉันยังตาสว่างได้ถึงตอนนี้โดยที่...ยังมีสติ”
“คุณคิดว่าไง”
“เรื่อง?”
“คุณเงาะ”
“เงาะกลัว....กลัวที่จะพูดความจริงอะไรบางอย่างกับฉัน”
“แล้วคุณคิดว่ามันคืออะไร”
“อะไรที่เกี่ยวข้องกับพี่เทวัญ”
“แล้วจะทำยังไงต่อไป”
“อยู่เฉยๆ”
ศยามแปลกใจ
“อย่างคุณน่ะเหรออยู่เฉยๆ”
“เพราะฉันยังคิดไม่ออก ไว้ฉันคิดออก รับรองไม่เฉยแน่”
“จะกลับบ้านได้หรือยัง”
“เดี๋ยวได้มั้ย...นานๆจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่กรุงเทพ....อยากดู”
จิตรวรรณยิ้มให้ศยาม....อย่างไม่มีฟอร์ม ไม่มีท่าใดๆหลงเหลืออยู่ ศยามยิ้มให้ ปล่อยเธอนั่งเงียบๆ แล้วหันไปมองพระอาทิตย์ขึ้น สักพักก็ต้องสะดุ้ง เพราะเธอเอาหัวมาซบไหล่หลับไปแล้ว
“ดูในฝันซะล่ะมั้ง...”
ศยามมองจิตรวรรณอย่างเอ็นดู.....นั่งมองแสดงอาทิตย์ทอสาดส่องแสงอ่อนละออตาที่หน้าของจิตรวรรณ...ด้วยความอ่อนโยนอย่างลืมตัว
เทวัญมาที่บ้านจิตรวรรณตอนสาย เขาพูดกับเจตนา และวันดีอย่างไม่พอใจ
“ป่านนี้น้องจี๊ดยังไม่กลับมาอีกเหรอครับ”
เจตนานั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ หันมาถาม
“นี่เราไม่รู้เรื่องเลยเหรอ ว่ายัยจี๊ดไปอยู่เป็นเพื่อนยัยเงาะ”
เทวัญอึ้ง หวั่นใจ
“ทำไมต้องไปครับ”
“ก็ยัยเงาะถูกทำร้ายร่างกาย....บอบช้ำมาก...ช่วยตัวเองยังไม่ได้เลย” วันดีเล่า
เทวัญร้อนใจ อยู่ไม่สุข กลัวความลับเปิดเผย
“ผมไม่รู้เลย น้องจี๊ดไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม...ผมจะไปหาน้องจี๊ดที่บ้านเงาะ”
จิตรวรรณเข้ามาพอดี
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ จี๊ดกลับมาแล้ว”
“น้องจี๊ด....พี่เป็นห่วงน้องจี๊ดมากเลยรู้มั้ย ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่”
“ไม่ถามถึงเงาะสักคำเลยเหรอคะ”
“เงาะเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่า...ถูกทำร้าย”
“ค่ะ...ไม่รู้ใครที่ไหน เงาะไม่ยอมพูดเลย...”
“ยัยเงาะกลัวอะไร” เจตนาถาม
“นั่นสิคะ ไม่รู้กลัวอะไร.....แต่เพื่อนจี๊ดเจ็บขนาดนี้ จี๊ดไม่มีทางปล่อยให้คนที่ทำร้ายเพื่อนลอยนวลหรอกค่ะคุณพ่อ จี๊ดขอตัวนะคะ ต้องไปทำงาน”
จิตรวรรณเดินเข้าไปข้างใน...อย่างเฉยเมยต่อเทวัญ วันดีไม่พอใจ
“ยัยจี๊ด พี่เขาอุตส่าห์มาง้อ พูดดีๆกับพี่เขาหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ก็ง้อต่อไปสิคะ เพราะจี๊ดยังไม่ยอมคืนดีด้วย”
“ยัยจี๊ด!”
จิตรวรรณเดินเข้าไป ไม่สนใจอีกต่อไป เจตนามองท่าทีของจิตรวรรณและเทวัญอย่างสังเกต ในขณะที่เทวัญแอบไม่พอใจ และกังวลใจ
เทวัญเดินหงุดหงิดออกจากบ้าน ศยามซึ่งเปลี่ยนชุดทำงานแล้วยืนรอจิตรวรรณอยู่ เทวัญเห็นก็ไม่พอใจ
“มายืนเกะกะทำอะไร”
“รอคุณจี๊ดครับ”
“ไม่ต้องรอ! ไม่มีขาหรือไง ไปเองสิ”
“คงไม่ได้หรอกครับ”
“แกจงใจจะแย่งแฟนฉัน”
เจตนาเข้ามา เห็นเทวัญมองศยามอย่างเอาเรื่อง และได้ยินพอดี
“เทวัญ”
เทวัญชะงัก
“ครับท่าน...”
“ยังไม่ไปอีกเหรอ...”
“กำลังจะไปครับ”
“ก็ไปสิ...ดิ่ง...วันนี้ไปกับฉัน..มีเรื่องจะคุยด้วย ฉันบอกยัยจี๊ดแล้ว”
“ครับท่าน”
ศยามเดินตามเจตนาไป เทวัญรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นคนไม่สำคัญ...และมีศยามมาแทนที่ เทวัญแค้น
“ไอ้ดิ่ง...ไอ้หมาวัด แก....!”
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง เจตนาเปิดฉากถามคำถาม...
“ทำไมยัยจี๊ดถึงต้องไปรับไปส่งเรา”
“เอ่อ...”
“ฉันต้องการความจริง”
“คุณจี๊ดคิดว่า...อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับผมเป็นเพราะเธอครับ”
เจตนาพยักหน้ารับรู้
“เธอจึงแสดงความรับผิดชอบครับ”
“ซึ่ง....ฉันว่าไม่ใช่เพราะยัยจี๊ด...นายพอรู้มั้ยว่าใคร”
“ก็พอรู้ครับ แต่ผม...ยังไม่มีหลักฐาน”
“ใคร”
“พูดตอนนี้ไป คงไม่ดี”
“เอาเถอะ...สักวันฉันก็ต้องรู้ให้ได้...จะว่าไปฉันชอบนะ ตั้งแต่เธอเข้ามา....ฉันว่ายัยจี๊ดที่ว่าแสบๆเหมือนพริก..ดูจะลดความเผ็ดลงไปได้เยอะ ตั้งแต่ยอมไปทำงานกับฉัน กับ...เรื่องนายเทวัญ”
ศยามแปลกใจ
“ก่อนจะหมั้นกัน ฉันปรามแล้วปรามอีกว่าคิดให้ดี แต่แม่เขาออกตัวสนับสนุนเต็มที่....ตอนนั้น จี๊ดจะทำทุกอย่างที่ตรงข้ามกับความคิดของพ่อทั้งๆที่ตัวเองรักใครเป็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“แต่คงไม่ใช่เพราะผมหรอกครับ....เป็นเพราะตัวคุณจี๊ดเองต่างหากที่หยุดคิดเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง”
“ไม่ ฉันคิดว่าเพราะนาย....เพราะนายไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้ยัยจี๊ด และยัยจี๊ดแพ้ทางนาย...นายเป็นคนดี
...รักษาความดีของนายเอาไว้เหมือนเกลือรักษาความเค็มนะ นายดิ่ง...”
“ผมไม่ได้ดีอะไรมากมายหรอกครับท่าน”
เจตนาไม่สนใจ
“บางทีฉันยังคิดเล่นๆนะ.....เออ ถ้าพริกกับเกลือมาเจอกัน....คงอร่อยน่าดู ถ้ามันเป็นไปได้นะ....ฮ่ะๆๆ”
เจตนาเดินอารมณ์ดีออกไป ศยามยิ้มเขินๆ จะเดินตามไปด้วย
“เฮ้ย ไปกับยัยจี๊ดนั่นแหละ เมื่อกี้ ฉันพูดเล่น...แค่อยากหาเวลาคุยกับนาย”
ศยามชะงัก...
“ยัยจี๊ดต้องรับผิดชอบนายให้ตลอดรอดฝั่ง...”
เจตนาเดินไป ศยามยิ้มๆ รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะแปลกๆเรื่องจิตรวรรณ ทำให้ยิ้มไม่หยุด หันไป ตกใจสะดุ้งสุดตัว เพราะเห็นจิตรวรรณที่เปลี่ยนเสื้อผ้าสวยเช้งยืนอยู่ข้างหลัง
“เฮ้ย!”
“ยิ้มอะไร” หญิงสาวถามอย่างแปลกใจ
พริกกับเกลือ ตอนที่ 5 (ต่อ)
มุมหนึ่งศูนย์บริการ ในขณะที่ด้วงเดินมากับโพ มีนักเลงคุมโต๊ะบอลเดินตรงเข้าไปหา โดยที่ศยามและลุงแปลงทำงานอยู่ใกล้ๆ
ด้วงเห็นนักเลงคุมโต๊ะบอล ตกใจ
“ซวยแล้วกู! ตามมาถึงนี่เลยเหรอวะ”
ด้วงจะวิ่งหนี นักเลงคุมโต๊ะบอลเห็นด้วงจะวิ่งหนี
“เฮ้ย! ไอ้ด้วง! มึงอย่าหนีนะ”
“อยู่ให้โง่สิวะ”
ศยาม ลุงแปลงเห็นกำลังจะมีเรื่อง...ด้วงเปิดไปแล้ว นักเลงจะตาม โพเข้าขวาง
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน”
“มึงไม่เกี่ยว”
โพถูกผลักออกไปให้พ้นทาง นักเลงทั้งสองคนวิ่งตามด้วงที่วิ่งผ่านศยามและลุงแปลงไป ศยามคว้าอุปกรณ์ทำงานมาเป็นอาวุธ เข้าขวางนักเลงทั้งสองคนไว้ รวมทั้งโพ และลุงแปลง และช่างคนอื่นๆด้วย
“พวกแกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับที่นี่” ศยามบอกเสียงเข้ม
“ออกไป” ลุงแปลงตวาด
นักเลงเห็นท่าไม่ดี ชะงัก ถอยฉาก
“พวกมึงไปบอกไอ้ด้วงด้วย ถ้าไม่อยากตาย รีบเอาเงินไปจ่ายที่โต๊ะภายในวันนี้”
นักเลงทั้งสองคนพากันออกไป ศยาม โพ ลุงแปลง โล่งอกที่ไม่มีเรื่อง ศยามมองหน้าโพ
“ลูกน้องนายไปติดหนี้อะไรพวกมัน”
โพขบกรามแน่น ไม่พอใจด้วง แต่ก็ไม่อยากเจรจากับศยาม ลุงแปลงจึงเป็นฝ่ายถาม
“ไอ้ด้วงไปแทงบอลแล้วเสียอีกล่ะสิ ใช่มั้ย”
ในห้องทำงานยอดชาย...ด้วงนั่งลอยหน้าลอยตาอยู่กับยอดชาย และลุงแปลง โดยมีโพยืนอยู่ข้างหลัง
“ใช่....แต่ผมจ่ายมันไปแล้วครึ่งนึง เหลืออีกครึ่งให้เอาสิ้นเดือน มันก็ไม่ยอม”
“ใครจะไปคิดว่ามันจะตามมาถึงที่นี่”
“เออ ไม่มีใครคิดหรอก และก็ไม่อยากจะคิดด้วยว่าทำไมเอ็งไม่เชื่อที่ข้าเตือนว่า ถ้าจับได้ว่าเอ็งไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีกเมื่อไหร่....เอ็งถูกไล่ออกแน่”
ด้วงอึ้ง ยอดชายหันไปถามโพ...
“นายเตือนมันบ้างหรือเปล่า”
“เตือนแล้วครับ แต่มัน...ไม่เชื่อ”
ยอดชายตัดสินใจทันที
“งั้นก็คงต้องให้ออก”
ด้วงโวยวาย
“เฮ้ย คุณยอด ไล่ออกง่ายๆได้ไง”
“ไม่ยากนี่ ใครฝ่าฝืนกฎของบริษัท หลายครั้งหลายหนอย่างนาย.....และอย่าคิดว่าพวกฉันไม่รู้นะว่า
เรื่องที่นายดิ่งเกิดอุบัติเยเหตุ เป็นฝีมือนายด้วยเหมือนกัน”
“ไม่รู้เรื่องเว้ย แต่ถ้าอยากไล่ออก ออกก็ได้! จ่ายค่าชดเชยมา!”
“นายทำผิดกฎ และมีการตักเตือนล่วงหน้าแล้ว....ไม่มีการจ่ายชดเชย”
ด้วงไม่พอใจมาก ลุกขึ้นถีบเก้าอี้กระเด็นใส่ยอดชาย วงแตกอย่างไม่แคร์
“เออ!ตอนนี้ไม่เอาก็ได้! แต่วันหลัง กูจะมาทวง”
ด้วงเดินออกไป โพมองตามลูกน้องอย่างระอาใจ และเป็นห่วง ในขณะที่ยอดชายและลุงแปลงได้แต่ส่ายหน้ากับความไม่เอาไหนของด้วง
ด้วงเดินหัวเสียออกมาจากห้องของยอดชาย ศยามที่ยืนรอฟังข่าวอยู่ด้านนอกหันมา ทั้งสองคนจ้องหน้ากัน
“มองอะไร”
ศยามไม่ตอบ....แต่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของด้วง
“เงินค่าจ้างที่ได้จากการทำร้ายผม...เอาไปจ่ายหนี้ไม่พอหรือไง”
ด้วงต่อยศยามโครม
“พูดอะไรของแกวะ”
จิตรวรรณเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี เข้ามาห้าม
“หยุดนะ ทำอะไร”
ด้วงชี้หน้าจิตรวรรณ
“ฉันต้องเดือดร้อนเพราะพวกแก”
ดวงจะตบจิตรวรรณ ศยามเข้าไปขวาง รั้งข้อมือของด้วงเอาไว้ แล้วผลักด้วงออกไป
“เฮ้ย! อย่านะ”
ยอดชาย ลุงแปลง โพออกมาพอดี โพรีบเข้าไปดึงตัวด้วงแล้วลากออกไป
“ไอ้ด้วงพอแล้ว ! ไป!”
ด้วงฮึดฮัด ออกไปกับโพ....ศยามมองจิตวรรณอย่างเป็นห่วง ในขณะที่จิตรวรรณก็มองศยามอย่างเป็นห่วง พูดพร้อมกัน
“คุณ /นาย...เป็นไงบ้าง”
ทั้งคู่อึ้งไปแล้วยิ้มๆให้กัน....ยอดชาย....ที่รู้สึกใจเสียเมื่อเห็นท่าทีของจิตรวรรณและศยาม
จิตรวรรณเดินเข้ามาคุยกับศยาม ที่กำลังเช็ครถอยู่
“จริงเหรอ...นายรู้แล้วเหรอ...ว่าเป็นนายด้วง”
“ใครๆก็รู้”
“แล้วทำไมไม่มีใครบอกฉันว่ารู้”
“ขอประแจเบอร์ 8”
จิตรวรรณหยิบอันเล็กมากให้
“อ่ะ”
“นี่มันเบอร์ 12”
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่ใช่ช่าง แล้วทำไมไม่หยิบเองเล่า”
“ก็คุณขวางอยู่ แล้วชวนผมคุยในเวลางานอยู่ได้ งานการไม่มีทำหรือไง”
“มี...แต่...สรุปที่ไล่นายด้วงออก เป็นเพราะฉันใช่มั้ย”
ยอดชายเข้ามา
“มีอะไรทำไมไม่คุยกับยอดล่ะจี๊ด”
ยอดชายรู้สึกหึง ไม่พอใจที่เธอสนิทสนมกับศยามมากขึ้น ซึ่งทำให้ศยามรู้สึกถึงความผิดปกติของยอดชายได้ทันที
เมื่อกลับเข้าไปในห้องทำงาน จิตรวรรณลงนั่งอย่าง โล่งใจ
“เฮ้อ...นึกว่าเพราะฉันซะอีก ทำให้เขาต้องเดือดร้อน”
“ไม่ใช่หรอก.....แล้ว...เงาะเป็นไงบ้าง จี๊ด” ยอดชายที่ตามเข้ามาบอก
“เงาะไล่ฉันออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว บอกว่าอยากอยู่คนเดียว”
“อ้าว....”
ใจดีวิ่งเข้ามา
“จี๊ด ยอด แย่แล้ว”
จิตรวรรณสงสัย
“มีอะไร!”
จิตรวรรณ ใจดีและยอดชายมายืนอยู่กลางห้องที่ว่างเปล่าของเงาะอย่างงุนงง ผู้จัดการเล่าให้ฟัง...
“น้องเขามาคืนห้อง....พี่ก็งงๆ เอาไปแต่กระเป๋าใบเดียว ของพวกนี้บอกว่าจะมาเอาทีหลัง”
จิตรวรรณแปลกใจ
“เงาะ....เงาะไปไหน”
ใจดีส่ายหน้า
“ไม่รู้สิ....ไม่มีใครรู้อะไรเลย โทรถามใครก็ไม่ได้ พ่อแม่ก็ตายหมด ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน”
“เกิดอะไรขึ้นกับเงาะ” ยอดชายกังวลมากเช่นกัน
จิตรวรรณคิดถึงเทวัญ
“ฉันเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเงาะ”
จิตรวรรณเดินออกไปทันที มุ่งมาดบางอย่าง ยอดชายและใจดีมองตากันอย่างประหลาดใจ
เทวัญยืนเอกสารบางอย่างให้ผู้ชายคนหนึ่ง ในห้างสรรพสินค้า
“นัดผมมาที่นี่ทำไม คนพลุกพล่าน ผมไม่อยากซวย”
“ที่ๆอันตรายที่สุดคือที่ๆปลอดภัยที่สุดไม่ใช่เหรอ”
ชายคนนั้นเปิดดูเอกสารในซอง ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ทางการตลาดของโมเดิร์นคาร์คร่าวๆแล้วยิ้มอย่างพอใจ
รัตนาเดินมาจากมุมหนึ่ง กำลังถือกระเช้าของเยี่ยม โทรศัพท์คุยกับใจดี
“อ้าว..คุณเงาะหายไปเหรอคะ...พี่มาซื้อของกำลังจะไปเยี่ยมพอดี..ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
รัตนาวางสาย เหลือบไปเห็นเทวัญยืนคุยกับผู้ชายคนนั้น ดูเทวัญลุกลี้ลุกลน.....รัตนารู้สึกผิดสังเกต ยังยืนดูต่อไป เทวัญบอกกับผู้ชายคนนั้น
“สงสัยอะไรแล้วค่อยโทรคุยกัน”
เทวัญเดินผละออกจากผู้ชายคนนั้น แล้วเดินแยกกันออกไป รัตนารู้สึกสงสัย..ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร รัตนาตัดสินใจตามผู้ชายคนนั้นไปทันที
ชายแต่งตัวดีถือซองเอกสารเดินไป โดยรัตนาเดินตาม เทวัญเดินออกมาจากมุมหนึ่งเห็นรัตนาเดินตามชายคนนั้น เทวัญรีบหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหล....รีบหลบไปเลยนะ มีคนของบริษัทผมตามคุณอยู่”
เทวัญวางสาย มองตามรัตนาอย่างไม่พอใจ
“สอดรู้สอดเห็นนักนะแก...”
ชายแต่งตัวดีกดวางสายมือถือ มองซ้ายขวา แล้วรีบเดินหลบไปทางหนึ่ง รัตนามองหา ไม่เห็นชายคนนั้นแล้ว ตัดสินใจเดินกลับ เจอศยามยืนอยู่
“คุณดิ่ง...”
ศยามยกมือถือให้รัตนาดูภาพถ่ายของผู้ชายคนนั้น
“กำลังคิดอยู่ว่ามือถือมีกล้องของคุณยอดชาย...ผมจะใช้ประโยชน์อะไรได้นักหนา...เพิ่งเห็นประโยชน์ก็วันนี้ล่ะ”
รัตนาเห็นหน้าชายคนนั้นแล้วยิ้มพอใจ แล้วชวนศยามไปนั่งคุยด้วยกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ
“ผมยอมรับว่า....ผมสงสัยคุณเทวัญว่า....เขาอาจจะแอบทำอะไรบางอย่างลับหลังคุณเจตนา ที่ค่อนข้างไม่ค่อยดีนัก ผมจึง...แอบตามมา” ศยามเล่า
“พี่ก็เหมือนกัน....แต่พี่พูดอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน”
“แต่ผมถ่ายได้แค่หน้าของผู้ชายคนนั้น....ไม่มีรูปที่เห็นคุณเทวัญด้วย”
“มีแค่นี้ ก็ใช้แค่นี้ก่อนได้ค่ะ เดี๋ยวพี่จะสืบดูว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร”
“ขอบคุณครับพี่...”
“ถามอะไรคุณดิ่งหน่อยได้มั้ยคะ”
“ครับ”
“ทำไมถึงได้สงสัยคุณเทวัญ...และคิดช่วยท่านประธานคะ”
“อ๋อ...ผม...แค่...ไม่อยากให้ท่านประธานเข้าใจผิดครับ มือถือนี้ไว้กับพี่ก่อนนะครับ แล้วผมค่อยไปเอาคืนตอนเย็น”
ศยามรีบลุกไป รัตนามองตามสงสัย
“เข้าใจใครผิด...”
ที่ห้องรับแขกบ้านเศก ทนายความวางเอกสารลงตรงหน้ามารศรีที่นั่งกุมมือกับเศก หน้าตามารศรีเบิกบานอย่างมาก ก่อนจะสงสัยว่านี่คือเอกสารอะไร ศุวิมลนั่งมองอยู่ห่างๆ อย่างพึงพอใจ
“เอกสารอะไรคะ” มารศรีถาม
“ไม่มีอะไรมากหรอกจ๊ะ อยากให้คุณเซ็น ก่อนที่เราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน” เศกบอก
“ไม่มีอะไรมาก แล้วมันอะไรล่ะคะ”
ทนายความอธิบาย
“สัญญาข้อตกลงก่อนจดทะเบียนสมรส...ว่าคุณมารศรีจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทั้งหมดของคุณเศก
ก่อนหน้าที่จะจดทะเบียนสมรสครับ”
“อะไรนะ”
ศุวิมลยิ้มเยาะ
“เหมือนจะหูเฝื่อนกะทันหันเลยนะคะ....เซ็นซะเถอะค่ะ จะได้เป็นการยืนยันว่าคุณศรีรักคุณพ่อจริงๆ ไม่ได้รักที่ทรัพย์สมบัติ”
“คุณเศกคะ คุณมีความคิดว่าศรีไม่ได้รักคุณ แต่รักสมบัติคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าคุณไม่ทำสัญญาฉบับนี้....ลูกของผมก็จะไม่ยอมให้เราจดทะเบียนสมรส กันอย่างที่คุณต้องการ....ผมไม่อยาก
มากความ ผมอยากทำให้คุณมีความสุข เพื่อลูกของเราในอนาคต”
มารศรีไม่พอใจมาก
“แต่...”
ศุวิมลขัด
“รักจริงต้องไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขค่ะ....นอกจากความบริสุทธิ์ใจ”
มารศรีมองศุวิมลอย่างไม่พอใจ...แต่พยายามปรับอารมณ์
“ได้ค่ะ ศรีจะทำ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของศรี”
มารศรีจับปากกา ลงมือเซ็นทันที เศกมองอย่างพอใจ โดยเฉพาะศุวิมล พึงพอใจมาก แต่มารศรี....เต็มไปด้วยความแค้น
เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องทำงาน มารศรีเข้ามาออดอ้อนเศกที่กำลังทำงานอยู่
“ขอบคุณนะคะคุณเศก ที่ทำเพื่อเรา”
“เพราะผมรักคุณ” เศกยิ้มแย้ม
“ศรีก็รักคุณค่ะ...ตอนนี้ สบายใจแล้วนะคะว่าศรีรักคุณจริงๆ”
“จ๊ะ...ผมไม่เคยติดใจอะไรในตัวคุณอยู่แล้ว แต่บางทีผมก็ไม่อาจห้ามความคิดของลูกๆได้”
“ศรีเข้าใจค่ะ”
มารศรีทำท่าจะลุกออกไป เศกอยากจะเอาใจมารศรี
“คุณศรี...”
“คะ?”
“อยากได้อะไร....ผมจะซื้อให้”
มารศรียิ้มพราว
“ศรีไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะค่ะ เพราะคุณให้ศรีเยอะแล้ว...แต่ตอนนี้ศรีแค่อยาก....เอ่อ...”
“มีอะไร...ก็บอกผม....ผมให้คุณได้ทุกอย่าง”
“ศรีรับปากกับเพื่อนตอนที่ไปเจอกันเมื่อคืนน่ะค่ะ ว่าจะช่วยสมทบทุนโครงการช่วยสร้างบ้านให้คนด้อยโอกาส....แต่ลืมไปว่าตัวเองเงินไม่พอ”
“เท่าไหร่ล่ะจ๊ะ..ผมช่วย..โครงการดีๆแบบนี้ ผมยินดีสนับสนุน”
มารศรียิ้มตาวาว
วันต่อมา...รัตนาเรียกศยามมาพบที่ห้องทำงาน แล้วยื่นมือถือคืนให้
“ขอบคุณค่ะ พี่เก็บรูปไว้เรียบร้อยแล้ว”
“อีกนานมั้ยครับกว่าจะรู้ตัวว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ขอเวลาอีกสองสามวันค่ะ”
เทวัญเดินเข้ามาถามไม่พอใจ
“คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ”
“ความลับค่ะ ขอตัวนะคะ ได้เวลาเลิกงานพอดี”
รัตนาคว้ากระเป๋าเดินออกไปกับศยามที่สบตาเทวัญอย่างไม่ครั่นคร้าม เดินออกไป เทวัญหยิบมือถือขึ้นกดเบอร์หาด้วงทันที ด้วงฟังว่าเขาต้องการให้ทำอะไร แล้วต่อรองทันที
“งานนี้....คุณเทวัญคงต้องจ่ายให้ผมหนักหน่อยนะ ให้คุ้มกับที่ผมต้องถูกไล่ออก...โอเค...จัดเต็ม”
ด้วงวางสาย...ยิ้มเยาะ ขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
ในศูนย์โพกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน ลุงแปลงเข้ามา
“เตือนๆมันหน่อยนะไอ้ด้วงน่ะ ไม่งั้น มันจะไม่แก่ตาย เอ็งยังสันดานดีกว่ามัน....ที่ไม่แตะต้องอบายมุข แค่ลดความใจร้อนลง เชื่อข้าเถอะ....สักวันนังแต๋วมันก็เห็นใจ”
ลุงแปลงเดินออกไป โพถอนหายใจ..นึกเป็นห่วงด้วง
“แล้วแกจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้มันวะ ไอ้ด้วง”
ศยามยืนรอจิตรวรรณอยู่ที่หน้าบริษัท ครู่หนึ่งจิตรวรรณเดินมา ยื่นแบงก์ร้อยมาให้สองใบ
“อะไร”
“ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านไปก่อนนะ เย็นนี้ ฉันติดธุระ”
“คุณไปไหน ผมไปด้วย” ศยามบอกหน้าตาเฉย
“จะบ้าหรือไง ฉันมีธุระส่วนตัว”
“โอเค ได้..แต่ผมไม่เอาเงินคุณ”
“ตามใจ”
จิตรวรรณเดินแยกไป ศยามเดินตามมาเงียบๆ เมื่อเธอเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในรถ แล้วก็สะดุ้งโหยงเพราะศยามตามลงมานั่งด้วยข้างๆ
“อะไรอีกเนี่ย พูดภาษาไทยฟังไม่รู้เรื่องหรือไง หรือต้องให้พูดเยอรมัน”
“พูดได้ป่ะล่ะ”
“ไม่ได้! นัดแต่ภาษาพ่อภาษาแม่...ลงไป ฉันจะไปธุระส่วนตัว”
ศยามหยิบเข็มขัดนิรภัยมาคาด นั่งนิ่ง
“โอ๊ย! อย่ากวนได้ป่ะ ไม่มีอารมณ์ล้อเล่น”
“ไม่ได้ล้อเล่น เอาจริง”
“ว้าย เอาอะไร”
“หมายถึง คุณไปไหน ผมไปด้วยจริงๆ”
“ถ้าฉันไปตาย จะไปมั้ย”
“คนรักตัวเองมากอย่างคุณ...ไม่กล้าหรอก”
“เป็นปลิงหรือไง”
“อืม”
จิตรวรรณรำคาญมาก
“โอ๊ยยยย”
แต่ศยามยังคบทำไม่รู้ไม่ชี้ ในที่สุดจิตรวรรณก็จำยอม แบบเซ็งๆ
ที่ร้านอาหารหรู จิตรวรรณนั่งพลิกเมนูบนโต๊ะอาหารโรแมนติก ขณะที่ศยามนั่งอยู่คนละโต๊ะ จิตรวรรณกำลังรอเทวัญ แต่เหลือบมองศยามที่นั่งหันหลังให้กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยอย่างหมั่นไส้ จิตรวรรณวางเมนู แล้วเดินไปเอาเรื่องศยาม
“นี่...นั่งกินไปเฉยๆเลยนะ...ไม่ต้องแสดงตัว..แล้วสั่งอะไรกิน”
“สเต็ก”
“ว้าย แพง! กินแค่ข้าวไข่เจียวก็พอแล้ว”
“เขามีขายทีไหนเล่า นี่ก็สั่งแบบถูกสุดๆแล้ว”
“ฉันจะหักเงินเดือนนาย”
“เรื่อง? รีบไปนั่งที่เดิมเหอะ คุณนั่นแหละที่จะทำให้ถูกจับได้ ไม่ใช่ผม”
จิตรวรรณหยิกศยามด้วยความหมั่นไส้เต็มทน แล้วรีบเดินกลับมานั่งที่เดิม เทวัญเดินเข้ามาหาจิตรวรรณอย่างดีใจ
“น้องจี๊ด!”
จิตรวรรณยิ้มเย็น
“นั่งสิคะพี่เทวัญ”
เทวัญรีบลงนั่ง จับมือจิตรวรรณที่วางอยู่บนโต๊ะ
“พี่ดีใจมากเลยรู้มั้ย....ที่จี๊ดนัดพี่ให้มาเจอกัน จี๊ดหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย”
จิตรวรรณ ยิ้มนิ่งๆให้เทวัญ ศยามหยุดกิน มองไปที่โต๊ะจิตรวรรณ ซึ่งเทวัญนั่งหันหลังให้อยู่
ใจดีตบไหล่ยอดชาย ขณะที่เดินคุยอยู่ด้วยกัน
“กลับบ้านเหอะ ยอด ไปช่วยกันคิดดีกว่าว่ายัยเงาะหายไปไหน”
“แกกลับไปก่อนเถอะ อยากเดินเล่นก่อนกลับ”
“เป็นอะไรของแกอีกเนี่ย”
“ไม่รู้เหมือนกัน...รู้แต่ว่าเซ็ง”
“ตามใจ งั้นฉันกลับก่อนนะ”
ใจดีเดินแยกไป ยอดชายมองไกลออกไปเห็นตลาดนัด จึงเดินเล่นไปเรื่อยๆ
จิตรวรรณจับมือของเทวัญกุมเอาไว้ มองจ้องลึกเข้าไปในดวงตา
“น้องจี๊ดหายโกรธพี่แล้วจริงๆใช่มั้ย”
“รู้เปล่าคะ ว่าเงาะไปไหน”
เทวัญอึ้ง
“น้องจี๊ด...”
“ค่ะ...จี๊ดอยากรู้ว่าเงาะไปไหน พี่เทวัญรู้ใช่มั้ยคะ”
“ทำไมถึงมาถามพี่”
“เพราะพี่ต้องรู้”
“จี๊ดกำลังยัดเยียดให้พี่เป็นคนผิด โดยที่พี่ไม่ผิด”
“แน่ใจเหรอคะ”
“จี๊ด....จี๊ดไปฟังใครมา....เราคบกันมากี่ปี จี๊ดไม่รู้จักพี่เลยเหรอ”
“แต่ก็มีหลายอย่างเกี่ยวกับพี่เทวัญที่จี๊ดไม่รู้”
“ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกตอนนี้ ตั้งแต่มีไอ้ดิ่งเข้ามาในชีวิต เพราะมันใช่มั้ย”
“ค่ะ เพราะนายดิ่งคอยให้สติจี๊ด”
ศยามที่นั่งอยู่ได้ยิน...คอตก
“ถูกพาดพิงจนได้.....เฮ้อ...”
เทวัญโกรธมาก แต่ยังเกรงใจคนในร้าน ไม่กล้าแสดงออกมาก
“จี๊ดกำลังทำร้ายจิตใจพี่ ถ้าอยากเลิกกับพี่นัก ไม่ต้องใช้แผนนี้ก็ได้”
“จี๊ดไม่ได้วางแผน แต่จี๊ดอยากรู้ว่าเพื่อนจี๊ดไปไหน”
“พี่ไม่รู้...แล้วก็จำเอาไว้นะ....จี๊ดยิ่งขับไล่พี่ พี่จะยิ่งอยู่ใกล้จี๊ด ไม่ยอมไปไหน”
เทวัญลุกเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย จิตรวรรณถอนหายใจ ที่จนแล้วจนรอดก็ไม้รู้ว่าเงาะไปอยู่ไหน
ศยามเดินเข้ามา ยิ้มเยาะให้
“พี่เทวัญ...ไม่ยอมรับ”
“ฉลาดดีนี่....แผนนัดซักฟอก โจรที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเป็นโจร เฮ้อ...”
“ถ้าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าฉัน ก็ช่วยคิดสิ”
“บางทีคุณเงาะอาจจะไม่ได้ไปไหนไกลๆก็ได้นะ”
“นายหมายความว่าไง”
“ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่า....ถ้าผมเป็นคุณเงาะ ผมจะไปที่ไหนที่เพื่อนไม่มีทางคิดว่าเขาจะไป”
จิตรวรรณครุ่นคิด
ยอดชานเดินเล่นดูข้าวของต่างๆไปตามถนน ขณะเดียวกับที่ศุวิมลเดินมากับลูกศิษย์จากมุมหนึ่ง
“ที่นี่มีแผงขายหนังสือเก่า พวกหนังสือท่องเที่ยวที่ฝรั่งเขียน....ซื้อไปลองอ่านดูจะได้ฝึกทักษะการแปลของตัวเอง...” สุวิมลบอก
“ครูชอบมาเดินที่นี่เป็นประจำเหรอคะ”
“ก็ชอบ...”
ทันใดนั้นศุวิมลเหลือบไปเห็นยอดชายเดินเล่นอยู่ ศุวิมลอึ้ง
“แต่เห็นทีจะไม่อยากมาอีกแล้วล่ะ”
ลูกศิษย์งงๆ ยอดชายหันมาเห็นศุวิมลที่สะบัดหน้าใส่ทันที ยอดชายนึกสนุก รีบเดินตามศุวิมลกับลูกศิษย์ไปทันที
“ถึงเวลาสนุกแล้วสิ...”
จิตรวรรณและศยามลงจากรถ เมื่อมาถึงบ้าน จิตรวรรณยังคงนึกว่าเงาะจะไปที่ไหนได้ แล้วหันไปบอก...
“แม่ฮ่องสอน”
“สภาพคุณเงาะเจ็บหนักอย่างนั้น นั่งรถขึ้นเขาร้อยโค้งขนาดนั้น ไม่ไหวล่ะมั้ง”
“เกาะ...”
“พอๆๆเลิกเดาก่อนนะ ไปอาบน้ำให้คลายร้อน หายเครียดก่อนไป แล้วค่อยคิด”
“ก็ได้”
จิตรวรรณเดินจะเข้าบ้าน ก่อนจะนึกได้ หันมาพูดกับศยาม ช็อกๆ อึ้งๆ
“พี่เทวัญ...หรือว่า...”
เงาะนั่งร้องไห้อยู่ในห้องนอนของเทวัญ พลางมองที่ประตูอย่างหวาดผวา นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...เธอค่อยๆเปิดประตูอพาร์ตเม้นต์ แง้มมองออกไปอย่างหวาดระแวง แล้วก็ตกใจมาก เมื่อเห็นเทวัญยืนยิ้มอยู่ เงาะจะปิดประตู เทวัญออกแรงผลักเข้ามา เงาะหมดแรงต้าน กระเด็น เทวัญปิดประตู แล้วจิกหัว
“เธอไม่ได้บอกอะไรน้องจี๊ดใช่มั้ย”
“ไม่ได้บอกเลย...อย่าทำเงาะ...เงาะเจ็บ..เงาะกลัว”
“อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ...ไปอยู่กับฉัน”
“ไม่...”
เงาะร้องไห้....ไหว้เทวัญขอความเห็นใจ
“ยังไงน้องจี๊ดก็ไม่มีทางไปที่บ้านฉัน....ที่นั่นจะเป็นที่ๆเธอจะอยู่อย่างปลอดภัยที่สุด โดยที่น้องจี๊ดหรือใครไม่มารบกวน ไป”
เงาะร้องไห้เหมือนจะขาดใจ แต่จำต้องมาที่ห้องเขา และร้องไห้อยู่ด้วยความกลัวอย่างนี้
ยอดชายเดินตามศุวิมลกับลูกศิษย์มาติดๆ
“ครูหนีใครคะ” ลูกศิษย์ถาม
“หนีสัมภเวสีค่ะ”
ยอดชายโวย
“คนครับ ไม่ใช่ผีเร่ร่อน”
“อ้าวเหรอ....คิดว่าใช่ เห็นไปสามแยกไหนๆ ก็เจอมารอขอส่วนบุญ”
“แล้วทำไมไม่เอาของมาเซ่นสักสองสามกระทง งก”
ลูกศิษย์ถาม...
“ตกลงพี่เป็นคนหรือผีเร่ร่อนจริงๆคะ”
“พี่เป็นแฟนยัยอาจารย์เพี้ยนนี่จ๊ะ”
“หา” ศุวิมลตกใจมาก “เฮ้ย”
ลูกศิษย์หันมามองศุวิมลเป็นตาเดียวด้วยความสงสัย
“เปล่านะ”
“ใช่จ๊ะ พี่มาเอง....อาจารย์เขาก็ชอบ...เราสองคนคลิกกัน เลยตกลงคบหาดูใจกันตั้งแต่เมื่อวานนี้เอง...สดๆร้อนๆ ข้าวใหม่ปลามัน จริงมั้ยจ๊ะ ตะเอง”
ยอดชายเข้าไปโอบศุวิมล ศุวิมลเหวอมาก อายลูกศิษย์
“งั้น...พวกเราไม่อยู่เป็นก.ข.ค.แล้วกันนะคะ”
“เอาไปเลยจ๊ะ รางวัลนักศึกษามารยาทงาม....งามกว่าอาจารย์อีกนะเนี่ย ดูซิแฟนกอดยังไม่กอดตอบอีก”
ลูกศิษย์รีบไหว้ลาศุวิมลออกไป...ศุวิมลเจ็บใจยอดชายมากที่แกล้งต่อหน้าลูกศิษย์ มองหน้ายอดชายเอาเรื่องแล้วก็เหยียบเท้า บี้ ขยี้อย่างแรง ยอดชายโวยลั่น...
“โอยยยย”
จิตรวรรณเดินมาที่หน้าห้องคอนโดเทวัญ แล้วเคาะประตูย่างแรง ศยามตามมาด้วย
“แน่ใจเหรอคุณ”
“ไม่รู้ รู้แต่ว่า.....ถ้าจริง ฉันก็จะได้ช่วยเพื่อน แต่ถ้าไม่จริง....นายก็ช่วยฉันด้วยแล้วกัน”
“ให้ผมช่วยอะไรคุณ”
“ช่วยหาผ้าซับน้ำตาให้ด้วย เพราะคราวนี้ พี่เทวัญคงได้เลิกกับฉันแน่ๆ แล้วฉันก็จะต้องเสียใจเสียน้ำตา”
จิตรวรรณเคาะประตู
“พี่เทวัญ”
“เขาจะอยู่เหรอ”
“พี่เทวัญ...มีใครอยู่มั้ย...เปิดประตูหน่อย” จิตรวรรณส่งเสียงดังลั่น...
เงาะสะดุ้ง ผวาอยู่ในห้องของเทวัญ ได้ยินเสียงจิตรวรรณ
“พี่เทวัญ มีใครอยู่บ้าง”
เงาะพยายามหาที่ซ่อนตัวทันที
เทวัญนั่งดื่มที่บาร์อย่างหงุดหงิด มารศรีเข้ามา
“เป็นอะไร ดูร้อนใจ...”
“คุณมาช้า”
“ก็บรรจงแต่งตัวสวย...ให้คนที่เห็นฉันได้ชื่นชม”
“ผม....จะกลับ”
“อะไรกัน ฉันเพิ่งจะได้เงินจากสามีมาสดๆร้อนๆตั้งสองล้านแน่ะ ช่วยฉันลุ้นหน่อยสิ น่า อย่าเพิ่งกลับ”
เทวัญลังเล ก่อนจะตัดสินใจ ลุกตามมารศรีเข้าข้างในไป จิตรวรรณเคาะประตู ศยามยืนรออยู่
จิตรวรรณยังเคาะประตูไม่หยุด ขณะที่เงาะนั่งหวาดผวาอยู่ในห้อง
โปรดติดตาม "พริกกับเกลือ" ตอนต่อไป