แสบสลับขั้ว ตอนที่ 5
ครรชิตยิ้มและทักทายปลาใหญ่
“คุณปลาใหญ่...จำนายเซียนได้ใช่ไหมครับ”
ปลาใหญ่ปรับสีหน้าได้ในทันที โดยทำเท่ห์ลุกขึ้นเดินมายื่นมือให้เซียนจับ
“ทำไมจะจำไม่ได้ ว่าไง ... นายเซียน”
เซียนก้มลงมองมือปลาใหญ่แว่บหนึ่ง แล้วเงยหน้ามองปลาใหญ่
“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไง ถ้าอยากได้เงินทำไมไม่บอกกันดีๆ รู้ไหมว่าการกระทำของคุณมันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างย่อยยับกับธุรกิจของผม”
ปลาใหญ่เอามือลงยืดอกช่วงแรก แล้วทำกร่าง
“คุณคัน เรียก รปภ. มาลากตัวไอ้หมอนี่ออกไปเดี๋ยวนี้”
“คุณปลาใหญ่ไม่เคยเรียกผมว่าคุณคัน” ครรชิตบอก เซียนจึงก้าวเข้ามาใกล้อีก
“ยอมสารภาพมาเสียดีๆ ว่าคุณทำยังไงกับผม”
“ออกไปให้หมดทุกคน” ปลาใหญ่เกรี้ยวกราดใส่ ครรชิตจ้องปลาใหญ่เขม็ง
“นายเซียน คืนร่างให้คุณปลาใหญ่เดี๋ยวนี้”
ปลาใหญ่หัวเราะก้อง
“ไปแจ้งความซิ หรือจะให้ไปฟ้องศาลก็ได้ ไปเล้ยตูจะรออยู่ที่นี่แหละ...อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีซักกี่คนที่เชื่อพวกแก”
เซียนสบตาครรชิตอย่างจนปัญญา
ระหว่างนั้นน้ำเพชรรออยู่ด้านนอกมือขวาของน้ำเพชรที่อยู่บนตักกระตุกไปมา น้ำเพชรผุดลุกขึ้นยืน สีหน้าถมึงทึง
“ทนไม่ไหวแล้ว ไอ้เซียน แกจะต้องชดใช้”
ประตูห้องปลาใหญ่เปิดออก น้ำเพชรเดินตรงเข้ามาทุกคนหันมามอง โดยปลาใหญ่ยังคงหัวเราะลั่น
“เลขาคนสวยของผมมาพอดี สองคนนี่มันหาว่าผมขโมยร่างปลาใหญ่มาจ้ะที่รัก”
น้ำเพชรถึงตัวปลาใหญ่พอดี น้ำเพชรตบเปรี้ยงซ้ายขวาจนปลาใหญ่ทรุด
“นี่แน่ะ...ที่รัก จะไปไหนล่ะที่รัก” น้ำเพชรไล่ตามปลาใหญ่ที่พยายามคลานหนี “จะไปไหน ไอ้บ้าเซียน”
น้ำเพชรดักจับตัวปลาใหญ่ได้ ตบซ้ายตบขวาเซียนและครรชิตมองอย่างสะใจครู่หนึ่ง แล้วเซียนรีบเข้าห้าม เมื่อเห็นปลาใหญ่เลือดออกกลิ้งไปมา เซียนรีบจับตัวน้ำเพชรไว้
“คุณน้ำพอเถอะครับ ขอที...”
น้ำเพชรหันขวับมา
“ขอทีเรอะ เอาไปเลย 2 ที”
น้ำเพชรซึ่งกำลังเมามันส์กับการตบเซียนในร่างปลาใหญ่ ตบปลาใหญ่ในร่างเซียนไปอีก 2 ที ท่ามกลางความตกใจของครรชิต
“ไม่เข้าใจทำไมถึงชอบพูด ขอที...ขอที กันนัก”
“หนูน้ำ นั่นมันคุณปลาใหญ่นะ” ครรชิตบอกอย่างตกใจ น้ำเพชรชะงักแล้วรีบยกมือไหว้
“ขอประทานโทษค่ะ ก็อยากหน้าเป็นไอ้เซียนทำไมล่ะคะ”
“ก็นั่นมันไอ้เซียน”
ปลาใหญ่บอกแต่ต้องชะงักเมมื่อน้ำเพชรหันขวับมาจ้องเขม็ง
“ว่าไง นายเซียนจะยอมรับหรือเปล่า” ครรชิตถามอีกครั้ง
“พูดเป็นหนังไซไฟไปได้”
“ไอ้เซียน” น้ำเพชรเรียก
“ครับ” ปลาใหญ่เผลอขานรับ แล้วสะดุ้งเมื่อพลาดไป
“ยอมรับแล้วใช่ไหม”
“ไม่” ทุกคนเซ็งจัด “ผมขอยืนยัน...นั่งยัน...นอนยันว่า ผมคือปลาใหญ่ ผมเพิ่งฟื้นจากอุบัติเหตุร้ายแรงมา จะให้ผมกลับไปฉลาดปราดเปรื่องประเทืองปัญญาได้ยังไงในเมื่อสมองผมได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก”
ครรชิตและน้ำเพชรเริ่มลังเล เมื่อเห็นท่าทางยืนยันมั่นคงของปลาใหญ่
“ไม่จริง” เซียนแย้ง ปลาใหญ่เบือนหน้ามาจ้องเซียนเคร่งขรึม
“นายเซียน ฉันเข้าใจดีว่านายอยากเป็นฉันมากขนาดไหน เอาอย่างนี้คุณคัน...ครรชิต ช่วยมอบเงินทำขวัญให้นายเซียนกับครอบครัว”
“ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องการ ผมแค่ต้องการร่างคืนเท่านั้น”
“คุณน้ำ ช่วยทำแผลให้ผมหน่อย”
“อย่านะ... คุณน้ำ นั่นมันนายเซียน ไม่ใช่ผมอย่าหลงกลเด็ดขาด”
“คุณน้ำ นายเซียนพยายามทำให้คุณน้ำไขว้เขว”
น้ำเพชรถึงกับกุมขมับ
“พอที”สองหนุ่มนิ่งเงียบมองน้ำเพชร “ฉันขอลาออก”
“หนูน้ำ/ คุณน้ำ”
ทุกคนอุทานออกมาพร้อมกัน น้ำเพชรเดินออกไปท่ามกลางอาการตกตะลึงของทั้งสามคน
น้ำเพชรเดินออกมาและกำลังเก็บข้าวของด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ปลาใหญ่และเซียนรีบแย่งกันไปเปิดประตู เบียดกันจะออกไป โดยครรชิตยืนอยู่ข้างหลังพยายามพูดให้ออกทีละคน แต่ทั้งสองหนุ่มไม่ยอมกัน
“คุณน้ำ...”
“อย่าไปฟังมัน ฟังผมคนเดียว”
น้ำเพชรสะพายกระเป๋า หันกลับมา
“ฉันไม่ฟังทั้ง 2 คนนั่นแหละ คุณลุงคะของที่เหลือน้ำยกให้เอาไปบริจาคไม่เอากลับไปแล้ว เซ็ง”
น้ำเพชรเดินออกไป ทิ้งข้าวของไว้ตรงนั้น
ขณะนั้นเกริกก้องอยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง ประตูห้องทำงานถูกเคาะถี่ๆ แล้วอลิสาก็รีบหน้าตาตื่นเข้ามา
“ท่านรอง...เอ๊ย ท่านประธานคะ น้ำเพชรเลขาคุณปลาใหญ่ลาออกแล้วค่ะ”
“ทำไม” เกริกก้องถามอย่างแปลกใจ
“เห็นว่าคุณครรชิตพานายเซียนมาพบคุณปลาใหญ่ แล้วเกิดเรื่องทะเลาะอะไรกันไม่รู้จนยัยน้ำเพชรลาออกไป”
“คุณครรชิตพานายเซียนมาทำไม”
“หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ส่วนที่ห้องทำงานหลาใหญ่ ครรชิตมองปลาใหญ่กับเซียนสลับกัน
“หนูน้ำเพชรออกไปแล้ว”
ปลาใหญ่รีบชี้หน้าเซียน
“เป็นความผิดของแก”
“เป็นความผิดของคุณ”
“ผมก็ชักอยากจะลาออกอีกคนนึงแล้ว” ครรชิตบอก
“ไม่ได้นะครับ คุณครรชิตรับปากกับคุณพ่อแล้ว” เซียนบอก ปลาใหญ่จึงรีบแทรก
“ถ้าคุณคัน...เอ๊ย ครรชิตไป คุณอาก้องก็จะครอบครองกิจการหมด ทีนี้คุณพ่อก็จะนอนตายตาเหลือก” เซียน และครรชิตมองเขม็ง ปลาใหญ่รีบอธิบายต่อ “ซึ่งมันจะทรมานยิ่งกว่านอนตายตาไม่หลับอีกนะครับ”
“การที่คุณมาเข้าร่างผมนี่ ก็ทำให้ท่านนอนตายตาไม่หลับอยู่แล้ว” เซียนบอก
“เอาละ...เรื่องนี้ก็จะต้องพิสูจน์กันต่อไป”
“นี่คุณคัน...ชิต ไม่เชื่อผมเรอะ”
“ผมยอมรับว่าใช่ครับ”
เซียนเดินออกไป ครรชิตนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วเดินออกไปเช่นกัน
“ไปซะได้ก็ดี แต่อาหมวยน้ำเพชรนี่ซิจะทำยังไง”
ปลาใหญ่เดินกลับไปกลับมาครุ่นคิด
เซียนยืนรอลิฟท์จนคน 2-3 คนออกแล้วจึงเดินเข้าไป ประตูลิฟท์กำลังจะปิดขณะที่ครรชิตเดินแกมวิ่งตามมา
“เดี๋ยว นายเซียน”
เซียนปล่อยให้ประตูปิด ครรชิตยืนเกาหัวอยู่หน้าลิฟท์
ที่ร้านทอง กิมฮวยหัวเสียใส่น้ำเพชร เมื่อรู้ว่าน้ำเพชรลาออกจากงานแล้ว
“ลาออก ลื้อคิดยังไงของลื้อเงินทั้งนั้น”
“น้ำจะช่วยหม่าม้าขายทองไง”
“ไอ๊หยา แล้วอั๊วก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้ลื้อ”
น้ำเพชรชักจะน้อยใจ
“ไม่ต้องจ่ายก็ได้ ไม่มีเงิน น้ำก็ไม่ต้องกินอะไร”
“อาน้ำ อั๊วเสียดายเงินยังไม่เท่าเสียดายอาท่านประธาน” น้ำเพชรนิ่งไป “หรือว่าลื้อไม่เสียดาย อีทั้งรวย ทั้งหล่อ ทั้งหนุ่ม แถมอียังชอบลื้ออีก อั๊วดูนัยน์ตาอีก็รู้”
ขณะกิมฮวยกำลังพูด เสียงโทรศัพท์น้ำเพชรดังขึ้น น้ำเพชรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“น้ำขอขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ”
น้ำเพชรบอกแล้วรีบเดินขึ้นไป
“อาน้ำ ลื้อจะไปไหน อั๊วยังพูดไม่จบ”
น้ำเพชรเข้ามาในห้องขณะรับโทรศัพท์
“โทร. มาทำไม”
เซียนลงจากแท็กซี่แล้วเดินไปที่ลานจอดรถ
“กรุณาออกมาพบผมหน่อยได้ไหม”
“บังอาจ”
“ผมเข้าใจดีว่าคุณต้องรู้สึกสับสน แต่คุณไม่ควรออกจากบริษัท”
“นายเซียน นายไม่มีสิทธิ์จะออกความคิดเห็น...”
เซียนขัดขึ้นก่อนน้ำเพชรพูดจบ
“คุณจะทิ้งผมน่ะ ไม่เป็นไรเพราะผมมันไม่มีอะไรน่าเชื่อถือแล้ว แต่อย่าทิ้งคุณครรชิต...ผมสงสารแก”
“หมดเรื่องแล้วใช่ไหม”
“ผมรออยู่ที่ลานจอดรถ ถ้าคุณยังเป็นห่วงปลาใหญ่ละก็ผมจะรออยู่”
น้ำเพชรปิดโทรศัพท์ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด
ขณะนั้นโทรศัพท์มือถือครรชิตที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น ครรชิตซึ่งแหงนหน้าพิงพนักหลับตาขยับตัวขึ้นนั่งตรงแล้วหยิบมือถือทันที
“คุณก้อง เฮ้อ...” ครรชิตสูดลมหายใจยาว แล้วกดรับ “ครับ คุณก้อง”
“ได้ข่าวว่า น้ำเพชรลาออกหลังจากที่คุณพานายเซียนเข้ามาวุ่นวายกับปลาใหญ่เรอะ”
“ใครคาบเรื่องเอ๊ย…นำเรื่องไปเรียนคุณก้องครับ”
“ผมไม่ชอบให้ใครมาย้อนยอก ที่โทร.มานี่ก็เพื่อจะบอกว่าผมจะส่งเลขาคนใหม่ไปให้ปลาใหญ่”
ครรชิตตกใจแล้วรีบพูด
“อ๋อ หนูน้ำไม่ได้ลาออกครับ คนที่ไปรายงานคุณก้องคงเข้าใจผิด แกปวดหัวไมเกรนก็เลยลากลับครึ่งวัน” เกริกก้องอึ้งไป “พรุ่งนี้แกลาอีกวัน มะรืนนี้ถึงจะมาทำงานตามปกติครับ”
“แล้วถ้าไม่มาล่ะ”
“ต้องมาแน่ๆ ครับ”
“ถ้าหากไม่มา ผมจะส่งคนของผมไปแทนทันที”
“ครับ” ครรชิตจำใจตอบรับสีหน้าเป็นกังวล “โว้ย ทำไมมันยุ่งยังงี้”
ครรชิตรีบเดินมาห้องปลาใหญ่ เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไปครรชิตถึงกับชะงักเมื่อเห็นรัญญาช่วยทำแผลให้ปลาใหญ่เสร็จเรียบร้อย ขณะที่จันทร์ทิพย์นั่งดู บนโต๊ะมีขนมนมเนยพร้อมนอกจากเครื่องปฐมพยาบาล
“เข้ามาซิ คุณครรชิต”
“คุณครรชิตนี่ไม่ไหวเลย ปล่อยให้ปลาใหญ่ถูกทำร้ายแล้วยังปล่อยคนทำให้ลอยนวล แถมไม่ยอมพาไปหาหมอ”
“ปลาใหญ่ก็สุดแสนจะสุภาพบุรุษ ไม่ยอมบอกว่า ใครทำ”
“เรื่องมันแล้วก็ให้มันแล้วไป ผมไม่วอรี่ ...วอเตอร์” ปลาใหญ่ทำหน้าขรึม
“ผมกำลังจะมาพาไปหาหมออยู่เดี๋ยวนี้แหละครับ”
“โอ๊ย ความรู้สึกช้าจัง ไม่ต้องแล้วละ” รัญญาบอก
“เมื่อกี้คุณปลาใหญ่บอกว่าต้องการพบผม”
“เรอะ แต่ตอนนี้ไม่ต้องการแล้ว...ไปได้”
ครรชิตนิ่งอึ้ง
“ได้ยินแล้วนะ คุณครรชิต”
ครรชิตจำใจเดินออกไป จันทร์ทิพย์ รัญญาและปลาใหญ่ต่างหัวเราะขบขันกัน
เซียนนั่งหลบแดดอยู่มุมหนึ่งที่ลานจอดรถอย่างนิ่งๆ ไม่ได้ชะเง้อชะแง้ล่อกแล่ก จนกระทั่งน้ำเพชรเดินเข้ามา
น้ำเพชรมองเซียนอย่างเพ่งพิศสังเกตสังกาครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินเข้าไปช้าๆ เงาของน้ำเพชรทำให้เซียนหันกลับมาแล้วเงยหน้ามอง
“ฉันมาแล้ว”
“เราควรจะหาที่ร่มๆ พูดกัน เพราะแดดตอนนี้กำลังแรง อาจจะเป็นอันตรายกับคุณหรือผิวหนังของคุณ”
“ฉันไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอก มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมต้องการให้คุณกลับไปทำงาน”
“แต่ฉันก็ลาออกแล้ว”
“บริษัทต้องการคุณ ผมมาขอร้องให้คุณเห็นกับบริษัท”
“แล้วทำไมฉันถึงจะต้องเห็นกับบริษัทที่ฉันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องด้วย”
“คนที่ทำงานกับองค์กรไหนก็มักจะมี loyalty กับองค์กรนั้น ...ซึ่งผมคิดว่าคุณก็เหมือนกัน” น้ำเพชรมองเซียนอย่างเพ่งพิศ “ผมไปละ”
เซียนก้มหัวให้นิดๆ แล้วเดินไป น้ำเพชรมองตาม ถอนใจเฮือก
“รูปร่างหน้าตาเหมือนไอ้เซียน แต่พูดเหมือนคุณปลาใหญ่”
เซียนเดินเรื่อยๆ มาจนถึงบ้านแล้วชะงัก เมื่อเห็นสายพิณนั่งมองเขม็ง
“หายหัวไปไหนมา พิณกับพี่ชายสี่ถึงบ้านตั้งนานแล้ว”
เซียนสะดุ้ง
“คุณสายพิณ คุณเป็นสุภาพสตรี สุภาพสตรีควรจะมีวาจาสุภาพอ่อนหวาน ...”
“ไอ้พี่เซียนบ้า”
เซียนส่ายหน้
“ยิ่งว่ายิ่งยุ”
“เฮ้ย”
“เข้าใจละว่า สิ่งแวดล้อมทำให้คุณเป็นอย่างนี้แต่คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้”
“โว้ย ปวดหัว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพัก ถ้าปวดไม่มากก็ไม่ควรทานยา”
สายพิณตบเปรี้ยง เซียนเซถลาส่ายหน้ามึนงง
“เป็นไง ไอ้ตัวบ้าออกไปรึยัง”
“ผมน่ะอยากจะออกจากร่างนี้เต็มทีแล้ว ตัวก็ใหญ่เทอะทะ” สายพิณยื่นหน้าเข้าไปจนใกล้ ตามองตาเขม็ง เซียนผงะด้วยความตกใจ “อย่าทำอย่างนี้”
“ไม่ใช่พี่เซียนจริงๆ ด้วย แต่รูปร่างหน้าตามันก็ใช่ชัดๆ เอาไงดี”
สายพิณเดินรอบๆ ตัวเซียน ตามองพินิจพิจารณา
ชายสี่อยู่บนมอเตอร์ไซค์ ขณะหมอแม่นขึ้นซ้อนท้าย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นชายสี่หยิบมารับ
“ฮัลโหล”
“เอ็งจะรับโทรศัพท์หรือจะไปส่งข้าฮึ ชายสี่” หมอแม่นถาม
“ทั้ง 2 อย่างเลย...ว่าไงครับ คุณครรชิต”
“ชายสี่ ข้าจะรีบไปดูหมอให้คุณนายร้านทองนะเว้ย”
“ใจเย็น ป้า ใจเย็น... อ๋อ ได้ครับ ครับ ...” ชายสี่เก็บมือถือเข้ากระเป๋า “แค่นี้เอง”
ชายสี่ขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
ชายสี่ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านทองกิมฮวย หมอแม่นก้าวลงมาควักตังค์ส่งให้อย่างหงุดหงิด
“เอาไป เสียเวลาทำมาหากิน”
“วันหลังช่วยดูเรื่องเนื้อคู่ให้หน่อยซิป้า”
“ไม่ต้องดูก็รู้ว่า เอ็งไม่มีคู่”
ชายสี่ส่ายหน้าขำๆ แล้วขับมอเตอร์ไซค์ไป หมอแม่นเดินเข้ามาในร้านทักทายกับทุกคนไป
กิมฮวยกุลีกุจอพาหมอแม่นเข้ามานั่ง
“จ๋อ...จ๋อ...นั่งก่อนซิอาหมอ”
“วันนี้จะดูอะไรอีก เจ๊”
กิมฮวยหันซ้ายหันขวาและลดเสียงลง
“ดวงอาน้ำเพชร”
“โห ดูจนทุกซอกทุกมุม ขนาดฉันดูแล้วได้เงินยังเบื่อเลย”
“เออน่า ไหนลื้อบอกว่าอาน้ำเพชรจะเจริญรุ่งเรืองในการอาชีพไงตอนนี้อีลาออกแล้ว”
“ฮ้า! ลาออก”
“ช่าย”
“ลาออกมันก็ไม่เจริญซิเจ๊”
“อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”
หมอแม่นเปิดกระเป๋า หยิบสมุดจดดวงลูกค้ามาเปิด
“เดี๋ยว ขอฉันตรวจดูอีกทีนะ” หมอแม่นเอานิ้วแตะน้ำลายแล้วเปิดหาจนถึงแผ่นที่ต้องการ “น้ำเพชร น้ำเพชร นี่ไง ...อยู่นี่เอง” หมอแม่นตรวจดูฤกษ์ผาพาทีพักหนึ่งแล้วร้องขึ้น ตบเข่าฉาด “ว่าแล้วไง คุณหนูน้ำเพชรมีดวงต้องออกจากงาน”
“แล้วทำไมไม่บอกอั๊ว เห็นพูดแต่ว่าดี...ดี...ดีเจริญดี”
“ก็คุณนายไม่ได้ถาม ถ้าถามฉันก็จะบอกแล้วตอนอยู่ก็เจริญดีใช่มั้ยล่ะ”
“ลื้อนี่ดูแปลกๆ”
“คุณเจ๊จ๋า...ดวงคนมันก็แบบนี้แหละ มีขึ้นมีลง แบบน้ำไง น้ำยังมีขึ้น น้ำลงก็เหมือนกับดวงคน”
คืนนั้นน้ำเพชรยืนกอดอกที่หน้าต่างห้องทอดสายตามองออกไปยังยวดยานพาหนะที่แล่นผ่านมาไปมา แต่สีหน้าเหมือนจดจ่ออยู่กับความคิดบางอย่าง จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นน้ำเพชรค่อยๆ เบือนหน้ามามองครู่หนึ่งแล้วเดินมาหยิบขึ้นดู น้ำเพชรชั่งใจครู่หนึ่งแล้วกดรับ
“สวัสดีค่ะ... คุณลุง”
น้ำเพชรเปิดประตูรับครรชิตเข้ามา
“ขอโทษที่ต้องมารบกวนป่านนี้”
น้ำเพชรปิดประตูล็อคกุญแจ แล้วหันกลับมา
“เชิญข้างในดีกว่าค่ะ”
น้ำเพชรพูดพลางเดินนำครรชิตเข้าข้างใน
น้ำเพชรพาครรชิตมาที่ห้องรับแขก ครรชิตมองน้ำเพชรซึ่งกำลังรินน้ำให้
“ลุงมาขอร้องให้หนูกลับไปทำงาน”
“คงไม่ไหวแล้วละค่ะ ... น้ำวางตัวไม่ถูกที่จะต้องรับคำสั่งคุณปลาใหญ่ที่ภายในคือนายเซียนหรือต้องทำดีกับนายเซียน ที่ภายในคือคุณปลาใหญ่ น้ำกลับสมองไม่ทันเลยตัดสินใจออกเสียดีกว่า”
“ลุงเองก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มันติดที่บุญคุณของคุณพ่อคุณปลาใหญ่ที่ชุบเลี้ยงลุงมา เพราะถ้าลุงออกก็เท่ากับปล่อยให้คุณก้องยืดมรดกทั้งหมดที่ท่านตั้งใจจะทิ้งไว้ให้ทายาทไปเป็นของตัวเอง”
“มันก็ลำบากเหมือนกันนะคะที่ทายาทของท่านร่างกายกับจิตวิญญาณไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
“ใช่ ลุงยอมรับว่า บางทีมันก็ทำใจให้เชื่อได้ยาก ทั้งๆ ที่เราก็พิสูจน์กันหมดทุกอย่างแล้วว่า คุณปลาใหญ่คือ นายเซียน และนายเซียนคือคุณปลาใหญ่” น้ำเพชรถอนใจเฮือก “นี่ยังไม่ทันไร พอคุณก้องรู้ว่าหนูลาออกท่านก็จะส่งเลขามาแทนทันที”
“อ้าว”
“ลุงเลยบอกไปว่า หนูขอลาหยุด 1 วัน มะรืนนี้จะไปทำตามปกติ”
“อ้าว”
“หนูจะให้ลุงกราบลุงก็ยอม ขอเพียงแต่กลับไปทำงานแล้วก็ช่วยกันแก้ปัญหา ลุงจะไม่มีวันลืมบุญคุณของหนูเลย”
“ขอเวลาหนูคิดหน่อยได้ไหมคะ”
“ก็มีเวลาแค่พรุ่งนี้วันเดียวเท่านั้นแหละ”
“แค่นั้นก็พอค่ะ”
“ขอบใจมาก ลุงไม่รบกวนแล้ว”
ครรชิตลุกขึ้น น้ำเพชรพาครรชิตออกไปเงียบๆ
ครรชิตเดินออกมาหน้าร้านแล้วรับไหว้น้ำเพชร
“ขอบใจล่วงหน้านะ”
น้ำเพชรยิ้มแห้งๆ แล้วปิดประตู ครรชิตสูดลมหายใจยาว มองไปโดยรอบแล้วตัดสินใจบางอย่าง
ที่บ้านชายสี่ ขณะนั้นชายสี่ มอม ป๋องกำลังนั่งกินข้าวกันไปคุยกันไป
“คิดถึงไอ้เซียน หมู่นี้ค่ำลงก็อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่แว้นท์ไม่อะไรทั้งนั้น”
“ก็เพราะมันไม่ใช่ไอ้เซียนไง”
“ชายสี่ มีคนมาหา” ลุงป่องตะโกนบอก
“ใครวะ”
ชายสี่ลุกเดินมาชะโงกดูจึงเห็นครรชิตยืนอยู่กับลุงป่อง
“คุณคนนี้เขาเดินเก้ๆ กังๆ อยู่ปากซอย พอดีข้าเห็นเข้าเขาบอกว่าจะมาหาเอ็ง”
“ขอบใจลุง เชิญครับ คุณครรชิต”
ครรชิตพยักหน้าขอบใจลุงป่อง แล้วขึ้นบ้านชายสี่ไป
ส่วนน้ำเพชรหลังจากส่งครรชิตแล้ว เธอก็กลับขึ้นห้อง ระหว่างนั้นปลาใหญ่ก็โทรเข้ามาหาเธอ
“โทร.มาทำไม” น้ำเพชรถามเสียงห้วน
“กลับมาทำงานด้วยกันเถอะ”
“นายเป็นใครกันแน่”
“ก็ปลาใหญ่ไง”
“ท่านประธานต้องสุภาพกว่านี้ พูดจาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่มะนาวไม่มีน้ำแบบนาย”
“บอกแล้วว่าสมองผมกระทบกระเทือนหลังจากเกิดอุบัติเหตุ”
“โกหก หมอบอกว่าสมองนายเป็นปกติ”
“หมอจะมารู้ดีกว่าคนป่วยได้ไง”
“เถียงข้างๆ คูๆ แบบนี้ไม่มีใครนอกจากนาย”
“ผมจะเป็นใครก็สุดแล้วแต่คุณจะอยากให้เป็น ขออย่างเดียวกลับมาทำงานเถอะ”
น้ำเพชรเม้มปาก นัยน์ตาเป็นประกายวาว
ครรชิตมาคุยกับมอม ชายสี่ ป๋องเรื่องเซียน
“ความจริง...คุณเชื่อหรือว่า วิญญาณของเจ้านายคุณอยู่ในตัวไอ้เซียน”
มอมถาม ครรชิตมีสีหน้าใครครวญครุ่นคิด
“ฉันไม่น่าเชื่อ แล้วฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ด้วยหลักฐานต่างๆ ทำให้ฉันเสี่ยงไม่ได้ ฉันจำเป็นหรือจะต้องรักษาไว้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้านายฉัน” ครรชิตเบือนหน้ามามองทีละคน “ซึ่งหมายถึงนายเซียนเพื่อนของนายด้วย”
“ฟังแล้วปวดหัวพิลึก”
“สรุป ... พวกนายก็ต้องให้ความร่วมมือกับฉันเพื่อช่วยเพื่อนของนายซึ่งวิญญาณดันทะลึ่งเข้ามาอยู่ในร่างของคุณปลาใหญ่”
“ลุงพูดเหมือนสองคนนั่นตกอยู่ในอันตราย”
“ประมาณเอาว่าอย่างนั้นแหละ” ชายสี่ มอม ป๋องมองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ “หรือว่าพวกนายจะยอมเอาชีวิตเพื่อนมาเสี่ยง”
“ถึงขนาดนั้นเลยเรอะ”
“ฉันก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ควรประมาท” สามหนุ่มเบือนหน้ากลับมามองครรชิต “เราต้องกลับมาเข้าแผนเดิม แต่จะลงรายละเอียดเพิ่มขึ้น”
ทั้งหมดปรึกษากัน
เช้าวันรุ่งขึ้นภายในห้องอาหารบ้านปลาใหญ่เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญากำลังนั่งกินอาหารเช้า
“เมื่อคืนรันคอแห้งนอนไม่ค่อยหลับเลย”
“คุณรันไปรับประทานอาหารนอกบ้านมานี่คะ” สมทรงบอก
“เกี่ยวอะไรด้วย”
“สมทรงสันนิษฐานว่า ที่ร้านอาหารเขาคงใส่โมโนโซเดียมกลูตาเมทน่ะค่ะ”
“แกจะพูดว่า ผงชูรสไม่ได้เรอะ” เกริกก้องบอกอย่างรำคาญ
“สมทรงเขาสนใจเรื่องเคมีไงคะ เออ... ป่านนี้สองคนนั่นเขายังไม่ลงมาเลยเรอะ”
“ถ้าหมายถึง คุณปลาใหญ่มันจะไม่ไปทำงานแล้วไงคะ” สมศรีบอก
“ไอ้บ้านั่นมันเห็นแก่เงิน”
เกริกก้องบอกด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด
ที่หน้าบ้านเอ็กซ์คอยชำเลืองมองชายสี่ ที่เข้ามาเป็นคนขับรถคนใหม่ด้วยสีหน้าเฉยเมย เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ รัญญาเดินออกมา เอ็กซ์ลุกขึ้น ชายสี่ลุกตาม แล้วทั้งสองเปิดประตูรถ เกริกก้องและจันทร์ทิพย์ขึ้นคันที่เอ็กซ์ขับ ขณะที่รัญญานั่งคันที่ชายสี่ขับ โดยรัญญาไม่ได้สังเกตว่าคนขับเปลี่ยนหน้าไปพราะเย่อหยิ่งเกินกว่าจะมองคนต่ำกว่า
รถทั้งสองคันแล่นตามกันไป ระหว่างนั้นรัญญากำลังส่งข้อความทางโทรศัพท์ สีหน้ายิ้มแย้มขบขันแต่แล้วเธอก็ชะงักเมื่อนึกขึ้นได้
“เออ เดี๋ยวแวะไปร้านคุณแก้วก่อนนะ”
“อยู่ที่ไหนครับ”
รัญญาเงยหน้ามองแล้วนิ่วหน้า
“เอ๊ะ นี่แก...”
“ผมเป็นคนขับรถคนใหม่ครับ”
“แล้วนายสิทธิ์ล่ะ”
“ผมไม่ทราบครับ อ่าน น.ส.พ. เห็นเขารับสมัครคนขับรถก็เลยลองสมัครดู ปรากฏว่าคุณสมบัติพร้อม...”
“พร้อมบ้าพร้อมบออะไร แกด่าฉัน ...”
ชายสี่ยกมือไหว้ทันที
“ผมต้องขอประทานโทษ” รัญญาร้องกรี๊ดด้วยรถส่ายไปมาเพราะชายสี่มัวแต่ปล่อยพวงมาลัย ชายสี่จับพวงมาลัยรถอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ต้องตกใจครับ ... โบราณท่านว่า “ไม่ถึงที่ก็ไม่ตายวายชีวาตม์”
“ไอ้บ้า แกจะรู้ได้ไงว่ามันถึงหรือไม่ถึงที่”
“อ้าว ถ้าถึงที่ก็ตายไงครับ ว่าแต่ไอ้ร้านคุณแก้วคุณขวดนั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
รัญญาเม้มปากแน่นมองชายสี่อย่างเกลียดชัง
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
รัญญาโทร.บอกเกริกก้องเรื่องชายสี่ จันทร์ทิพย์จึงโวยวายออกมาด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว Oh ! My god มันจะพาน้องรันไปไหนก็ไม่รู้”
“ผมว่าไม่หรอกครับ” เอ็กซ์บอก
“ก็แล้วถ้ามัน ...”
“เงียบ” เกริกก้องตวาด ทั้งสองคนเงียบกริบทำตาปริบๆ “รัน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าลูก”
เกริกก้องคุยโทรศัพท์กับรัญญาต่อ
“คนรถคันใหม่ค่ะ มันเคยไปที่บริษัทแล้วก็ด่ารัน”
“ไล่มันไป แล้วลูกขับมาเอง”
“ค่ะ”
“คุณครรชิตต้องเป็นคนรับเข้ามา”
เอ็กซ์บอก สีหน้าเกริกก้องใคร่ครวญครุ่นคิดขณะฟังเงียบๆ
“แสดงว่ามันต้องมีแผน”
รัญญาปิดโทรศัพท์แล้วสั่งชายสี่เสียงเรียบ
“ไม่ต้องไปไหนแล้วกลับบริษัทเลย”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“ไม่ต้องถาม อย่าแส่”
รัญญาตวาดชายสี่แกล้งทำกลัวคอย่น
พอถึงบริษัทเกริกก้องเรียกครรชิตมาพบที่ห้องทำงานทัน เกริกก้องลุกขึ้นยืนแล้วตบโต๊ะปังทำให้ครรชิตสะดุ้งเฮือก
“ถ้าลูกสาวผมเป็นอะไรละก็...”
“คือ...ผมดูแล้วครับว่า นายชายสี่เขาก็มีหัวนอนปลายตีน เอ๊ย! ปลายเท้า มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คงไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ผมขอสั่งให้เปลี่ยนใหม่ ไอ้ชายสี่ ชายห้า จะไปขับรถใครก็เชิญแต่ไม่ใช่รถลูกสาวผม”
“ได้ครับ ผมจะประกาศรับสมัครใหม่วันนี้”
“ผมจะเป็นคนสัมภาษณ์เอง”
“ครับ”
“ไปได้” ครรชิตก้มศีรษะนิดๆ แล้วออกไป เกริกก้องทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด “ไอ้บ้าเอ๊ย”
ชายสี่ขับรถเข้ามาจอดหน้าบริษัทแล้วรีบลงจากรถมาเปิดประตูให้รัญญา ชายสี่โค้งแทบหัวติดพื้น
“เชิญครับ”
รัญญาเดินเชิดเข้าไป
รัญญาเดินมาหาเกริกก้องที่ห้อง เกริกก้องเดินมาโอบกอดลูกสาวด้วยความเป็นห่วงผสมโล่งใจ
“พ่อเป็นห่วงแทบแย่” เกริกก้องโอบไหล่รัญญามานั่ง
“ทีแรก ตอนเห็นหน้ามันชัดๆ รันก็ใจไม่ดีเหมือนกันค่ะ”
ประตูเปิดออก จันทร์ทิพย์รีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโล่งใจสุดๆ
“น้องรัน...น้าเป็นห่วงแทบแย่ ไอ้เจ้าเอ็กซ์มันก็ไม่บอกตั้งแต่แรก”
“พ่อสั่งให้หาคนรถใหม่ให้ลูกด่วนแล้ว คราวนี้พ่อจะเป็นคนสัมภาษณ์เอง”
“ขอบคุณค่ะ ….รันไปทำงานละค่ะ”
รัญญาเดินออกไป เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์มองตาม จันทร์ทิพย์เบือนหน้ากลับมาสีหน้าครุ่นคิด
“คุณคิดว่าจะเป็นแผนของอีตาครรชิตหรือเปล่าคะ อีตาครรชิตมันดูสนิทกับพวกนั้น” เกริกก้องมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด “ว่าไม่ได้นะคะ”
“ถ้าเป็นแผนของมัน เรื่องที่ไอ้ปลาใหญ่เปลี่ยนไปหรือที่ไอ้เจ้าเซียนอ้างตัวว่าเป็นปลาใหญ่ก็อาจจะรวมอยู่ในแผนด้วย”
“ถูกค่ะ”
“แล้วมันไปวางแผนกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถมเถไปค่ะ ตาครรชิตไปเฝ้าปลาใหญ่ที่โรงพยาบาลตลอด มันอาจจะนัดแนะกันตอนไหนก็ได้”
เกริกก้องยังคงใคร่ครวญครุ่นคิด
อลิสากำลังพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น ปนตระหนก
“เหรอ เหรอ มันมาแล้วเหรอ”
จันทร์ทิพย์เดินออกมาได้ยินพอดี
“ใครมา”
“แค่นี้ก่อนนะ” อลิสารีบลุกขึ้นยืน ลดมือลง ประสานกันอย่างเรียบร้อย “แม่น้ำเพชรค่ะ...สายสืบรายงานว่ามันมาทำงานแล้ว”
“บ้า มีแต่คนบ้าๆ”
จันทร์ทิพย์กลับเข้าไปในห้องใหม่
จันทร์ทิพย์กลับเข้ามาบอกเกริกก้องเรื่องน้ำเพชรทำให้เกริกก้องเซ็งสุดๆ
“ โว้ย”
“ไม่เห็นจะยาก คุณก็ไล่มันออกไปซิคะ”
“แล้วถ้ามันเอาเรื่องไปฟ้องกรมแรงงานล่ะ”
“งั้นก็เอาเงินฟาดหัวจ้างมันออก”
“ผมดูประวัติแล้ว พ่อแม่มันเป็นเจ้าของร้านทอง”
จันทร์ทิพย์นิ่งคิดครู่หนึ่ง
“นึกออกแล้วค่ะ” เกริกก้องเลิกคิ้ว “ส่งจดหมายขู่ว่าจะปล้นร้านทอง ถ้ามันไม่ยอมลาออก”
“เข้าท่า แต่ก็อีก มันต้องรู้ว่าเป็นเรา”
“แล้วเรื่องอะไร เราจะรับ”
“งั้นก็ไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย”
บ่ายวันเดียวกันนั้นที่ร้านทองกิมฮวย กิมฮวยยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับลูกค้าส่วนเติมศักดิ์ก็ยืนถมึงทึงพกปืนมองลูกค้าอย่างสำรวจตรวจตราจนลูกค้าบางคนต้องล่าถอยออกไป
“อาเติม ลื้อทำหน้าเป็นอายักษ์ขมูขียังงั้นแล้วใครที่ไหนมันจะเข้าร้าน”
กิมฮวยต่อว่าเติมศักดิ์
“ถ้าอั๊วยิ้ม โจรมันจะนึกว่า เราเรียนเชิญให้เข้ามา”
“ลื้อก็ไม่ต้องยิ้ม ไม่ต้องบึ้ง ทำหน้ากลางๆ”
“ทำยังไง ทำหน้ากลางๆ”
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันกัน เด็กคนหนึ่งวิ่งเอาจดหมายมาส่งให้พิชิตแล้ววิ่งกลับไป
“เดี๋ยว ไอ้หนู” เด็กวิ่งลับตาไปแล้ว พิชิตมองจิดมายแล้วเอามาส่งให้เติมศักดิ์ “จดหมายถึงเถ้าแก่ครับ”
“ขอบใจ”
เติมศักดิ์ก้มมองหน้าซองซึ่งจ่าหน้าซองว่า “นายเติมศักดิ์”
“ใครเอามาให้” กิมฮวยถาม
“เด็กครับ วิ่งปรู๊ดมาแล้วก็วิ่งปร๊าดกลับไป” พิชิตบอก
“เปิดอ่านซิอาเติม กิ๊กลื้อหรือเปล่า”
เติมศักดิ์เปิดซองอ่าน
“ถ้าไม่ให้น้ำเพชรออกจากงาน ร้านทองของลื้อจะถูกปล้น ไอ๊หยา”
“ไอ๊หยา” กิมฮวยอุทานออกมาพร้อมเติมศักดิ์
“จากผู้ไม่หวังดี แถมยังหวังร้ายมากๆ” เติมศักดิ์อ่านต่อ
“มันเป็นใคร”
“ไม่ได้บอกไง้”
“ต้องเป็นศัตรูของอาน้ำเพชรแน่”
กิมฮวยบอกด้วยสีหน้าถมึงทึง
กิมฮวยโทร.บอกน้ำเพชร น้ำเพชรจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาครรชิต ครรชิตถึงกับเครียด
“แล้วหนูจะว่ายังไง”
“หนูไม่ออกค่ะ” น้ำเพชรบอกเสียงเด็ดเดี่ยว “ถ้าพูดกันดีๆ ก็ไม่แน่ แต่ถ้าขู่แบบนี้ไม่มีทาง”
“ดีมาก แต่เราก็ต้องหาทางป้องกัน”
“ไว้ใจหม่าม้าของน้ำได้ ป่านนี้คงจัดการไปแล้ว”
น้ำเพชรบอกอย่างมั่นใจ
จากเหตุการณ์นี้เติมศักดิ์จึงให้กิมฮวยจ้างยามเพิ่ม
“อาฮวย เราต้องจ้างยามเพิ่มขึ้น”
“สองคนพอแล้ว”
“อั๊วเห็นมี อาพิชิตหย็องกร็อดอยู่คนเดียว”
“ก็ลื้ออีกคนไง อาพิชิตหย็องกร็อด แต่ลื้ออ้วนพีจ้างคนอื่นเปลืองเงิน”
“อาสินเธาว์”
“อั้วไม่เอาชื่อนี้แล้ว หมอแม่นเปลี่ยนใหม่ให้อั๊วเป็น คุณนายสมรศรีมณีฉาย”
“ยาวเป็นลี้เลย”
“ไม่ต้องพูดมาก พวกลื้ออ้วนผอม 2 คนช่วยกันเป็นยาม เผลอๆ อั้วช่วยด้วยอีกคน! อั๊ว! แล้วก็มีอาพนักงานด้วย แค่นี้ก็เต็มร้านแล้ว”
“อาฮวย”
“อั้วชื่อ อาสมรศรีมณีฉาย ถ้าเรียกชื่ออื่น อั๊วจะไม่หัน ขอให้ทุกคนจำให้ขึ้นใจ”
สีหน้ากิมฮวยภาคภูมิใจในชื่อใหม่อย่างยิ่ง
ปลาใหญ่โทรศัพท์หาน้ำเพชร น้ำเพชรมองเบอร์ที่โทร.เข้ามาแล้วหน้างอ
“ว่าไง”
“พูดกับเจ้านายให้มันมีหางเสียงหน่อยซิครับ”
“ฉันถามว่าไง” น้ำเพชรตวาดกลับ
“กรุณได้โปรดเมตตาเข้ามาพบผมหน่อยได้ไหมครับ”
น้ำเพชรปิดโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
น้ำเพชรเดินเข้ามาหยุดกลางห้องทำงานปลาใหญ่ ปลาใหญ่รีบลุกขึ้น
“ขอบคุณมากครับ ดีใจจังที่คุณเข้ามา”
“อย่าพล่าม มีอะไรก็ว่ามา”
“ผมอ่านรายงานนี้แล้วไม่เข้าใจ ก็คนมันโง่นะครับ คุณหนูน้ำเพชรช่วยกรุณาสอนผมหน่อยได้ไหมครับ”
น้ำเพชรตวาดเน้นทีละคำ
“ไม่...ได้ นายบอกเองว่านายโง่ เพราะฉะนั้นคนโง่อย่างนายไม่มีวันเข้าใจหรอก เพราะฉะนั้นจงอยู่อย่างโง่ๆ ของนายต่อไป ไม่ต้องมาทำเป็นอยากฉลาด”
น้ำเพชรสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างสะใจ สีหน้าทะเล้นของปลาใหญ่สลดลง
ส่วนที่บ้านสายไหม เซียนกำลังดัดแปลงอาหารให้เป็นแบบบ้านๆ เพื่อราคาจะได้ถูกลง สายพิณเดินเข้ามาเงียบๆ จ้องมองอากัปกิริยาของเซียนอย่างเพ่งพินิจ เซียนจัดการทุกอย่างอย่างคล่องแคล่ว
“ตั้งแต่ นายหันมาทำของคาวขายร้านของฉันกับข้าวเหลือทุกวัน” สายพิณบอก เซียนสะดุ้งหันกลับมา “ทำแบบนี้เท่ากับแย่งทำมาหากิน”
“ไม่ใช่ มันเป็นทางเลือกอีกอย่างให้ชาวบ้านได้กินอาหารดีๆ ในราคาที่ถูกลงต่างหาก อีกอย่าง การทำกับข้าวขายซ้ำๆ กันทุกวัน ลูกค้าย่อมเบื่อเป็นของธรรมดา แล้วจะว่าผมแย่งลูกค้าก็ไม่ถูก เพราะผมไม่ได้ขายกับข้าว”
“ก็นั่นแหละ ในเมื่อมันอิ่มท้องเหมือนกัน ใครมันจะมากินกับข้าวซ้ำๆ”
“แสดงว่าคุณก็ยอมรับ หลักในการทำธุรกิจ”
“โว้ย” สายพิณตะโกนขึ้นอย่างหงุดหงิด เซียนสะดุ้งเฮือก “อย่ามาวิชาการกับฉัน..เบื่อ! รำคาญ! นอยว่ะ”
“การค้าขายเป็นธุรกิจอย่างนึง”
“ขายข้าวแกงเนี่ยนะ”
“พยักหน้า ใช่ ผมถึงอยากจะให้คุณรู้เรื่องธุรกิจไว้บ้าง เช่น คุณจะปรับเปลี่ยนอย่างไรเพื่อสู้กับธุรกิจของผม”
สายพิณกุมขมับเดินออกไปอย่างรำคาญสุดๆ ก่อนที่เซียนจะพูดจบ
“ปวดกบาล”
เซียนมองตามอย่างใคร่ครวญครุ่นคิด
“คงต้องพยายามหาทางเปลี่ยนทัศนคติของชาวบ้านเสียใหม่”
สายพิณเดินมาที่วินมอเตอร์ไซค์แล้วเล่าเรื่องเซียนให้เพื่อนๆ ฟัง
“อย่าว่าแต่พิณเลย พวกพี่ก็รำคาญเหมือนกัน” มอมบอก
“มันเอาแต่พูดเรื่องวิชาการ อะไรของมันก็ไม่รู้”
“เราต้องพยายามเอาไอ้เซียนคนเดิมกลับมาให้ได้”
“ยังไง” มอมกับป๋องถามออกมาพร้อมกัน
“ติดต่อหมอผีมาเชิญดวงวิญญาณให้กลับร่างเดิมดีมั้ย”
“หมอผีที่ไหนมีวะ”
“พิณจะลองติดต่อหมอแม่นดู”
อีกด้านหนึ่งที่บิรษัท อลิสาเข้ามาหาเกริกก้องในห้องทำงาน
“ท่านรองประธาน” เกริกก้องเงยหน้ามองเยือกเย็น “เอ้อ...ขอประทานโทษค่ะ ท่านประธาน คุณครรชิตส่งคนสมัครงานในตำแหน่งพนักงานขับรถมาให้ท่านสัมภาษณ์แล้วค่ะ”
“อุวะ มันเป็นหน้าที่ของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เกริกก้องบอกอย่างฉุนๆ อลิสานิ่งด้วยความกลัว “โทร.ตาม นายครรชิตมาพบฉันเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
อลิสารีบออกไป
“เดี๋ยว!... นึกออกแล้ว ให้ส่งเข้ามาได้”
“ค่ะ”
อลิสารีบออกไป
อลิสารีบทำตามคำสั่ง ครรชิตจึงให้เจี๊ยบ เลขาของเขาพาคนที่มาสมัครเป็นพนักงานขับรถไปพบเกริกก้อง
“เจี๊ยบ พาไปที่ห้องคุณก้อง”
“ค่ะ”
ครรชิตปิดประตูเดินเข้ามานั่งสีหน้าเจ้าเล่ห์นิดๆ
“หวังว่าจะได้คนที่ถูกใจนะครับ คุณเกริกก้อง”
ผู้สมัครพนักงานขับรถเป็นชายอายุกลางคน ท่าทางขี้โรค เมื่อผู้สมัครเข้ามาพบเกริกก้องที่ห้องทำงาน เกริกก้องเงยหน้าขึ้นดูแล้วทำหน้าเซ็งๆ
“ไปเลย ออกไป”
เกริกก้องโบกมือไล่ ผู้สมัครเดินกระย่องกระแย่งออกไป ผู้สมัครอีกคนจึงเข้ามาซึ่งคนนี้ดูถ่อยๆ เถื่อนๆ เกริกก้องโบกมือ...เกริกก้องโบกมือไล่อีกหลายคนจนตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน
“ไม่ต้องมาแล้วเว้ย! ออกไป”
เกริกก้องเลือกคนขับรถคนใหม่ไม่ได้สักคน สุดท้ายแล้วจึงต้องให้ชายสี่มาขับรถให้รัญญา ครรชิตบอกเรื่องนี้กับชายสี่
“ไม่ละครับ ผู้หญิงแบบนี้ ผมไม่อยากเข้าใกล้” ชายสี่บอก
“ก็ไม่ได้ให้นายเข้าใกล้ เขาให้นายไปเป็นคนขับรถ”
“รถเก๋งใช่ไหมครับ รถเก๋งนั่นแหละตัวใกล้ชิด ถ้าเป็นรถเมล์ก็ไปอย่างแต่ก็ต้องมีข้อแม้ว่า คุณวิ่งต้องไปนั่งแถวหลังสุดๆ”
ครรชิตกุมขมับ
“คุณวิ่งอะไรอีกล่ะ”
“คุณวิ่งก็คือคุณรัน ... ภาษาปะกิด ...รัน แปลเป็นภาษาไทยว่าวิ่ง อย่าดูแคลนนะครับ ผมก็รู้ศัพท์ภาษาปะกิดเหมือนกัน...ซี เค้าแปลว่าเห็น พีอีเอ็น เพ็น แปลว่า ปากกา...บิ๊ก นั้นแปลว่าใหญ่...อาย แปลว่าตา ... รัน นั้นหนาก็แปลว่าวิ่ง ...ลิงก็คือ...”
“พอ พอแล้วเว้ย พอ...โอ๊ย อยากจะบ้าตาย”
รัญญาผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าชายสี่ปฏิเสธไม่ยอมขับรถให้เธอ
“อะไรนะคะ”
“ไอ้บ้านั่นมันขอถอนตัวไม่ขับรถให้ลูก พ่อว่าโอ.เค นะ”
“ไม่ค่ะ ไม่โอเคเด็ดขาด มันเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธรัน รันต้องการให้มันมาขับรถให้”
เกริกก้องชักหงุดหงิด
“อะไรกันอีกล่ะ มันไม่รับก็ช่างหัวมันซิ ทำไมจะต้องไปง้อมันด้วย”
“ไม่ได้ง้อ แต่รันจะบังคับมัน ถ้าไม่รับก็ไสหัวออกไปเลย”
เกริกก้องโทรศัพท์บอกครรชิต ขณะนั้นชายสี่ยังอยู่กับครรชิต ซึ่งท่าทางชายสี่อึดอัดเต็มที
“ผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ” ชายสี่ถามเมื่อครรชิตวางสายจากเกริกก้องแล้ว
“คุณรันต้องการให้นายขับรถให้ ไม่อย่างนั้นก็ทำงานที่นี่ไม่ได้”
“งั้นผมก็ต้องลาคุณครรชิต”
“เฮ้ย นี่นายจะออกเรอะ”
“ครับ ถึงจะเป็นคนจน แต่ก็จนอย่างมีศักดิ์ศรี จนอย่างมีอิสระ จนอย่างภาคภูมิใจในความจน จนโดยไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจใคร จนอย่าง...”
“... ทำคุณประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์” ครรชิตพูดต่อให้ ชายสี่มองครรชิตงงๆ “จนอย่างคุ้มค่าที่เกิดมาจน”
“คุ้มค่ายังไงครับ” ชายสี่ถามอย่างแปลกใจ
“ก็คนรวยต้องอาศัยเราขับรถให้นั่งไง”
“แค่เนี้ย”
“ไม่ใช่แค่เนี้ย แต่ว่ามันยิ่งใหญ่กว่ามาก เพราะถ้านายไม่ยอมขับรถให้คุณรัน เธอผู้มีนิสัยดื้อดึงก็จะไม่ยอมไปไหน”
“ก็ช่างหัวคุณรันซิครับ”
“แต่มันจะวุ่นวายไปหมดน่ะซิ...ได้โปรด ถ้านายยอมให้ความร่วมมือ นอกจากธุรกิจของคุณปลาใหญ่จะปลอดภัยแล้ว ตัวคุณปลาใหญ่และนายเซียนก็จะปลอดภัยด้วย และเราจะช่วยกันหาวิธีให้ทั้งสองคนสลับร่างกัน”
ชายสี่ชักจะโอนเอน
“แล้วถ้าสลับกลับมาไม่ได้ล่ะครับ”
“ต้องได้ซิน่า ในเมื่อเคยสลับได้ครั้งนึงมันก็ต้องสลับได้อีก ตกลงนะพ่อคนจนผู้ยิ่งใหญ่”
ชายสี่มีสีหน้าตัดสินใจ
รัญญายิ้มอย่างพอใจเมื่อรู้ว่าชายสี่ยอมมาขับรถให้เธอแล้ว
“ดีมาก...เท่านี้แหละ คุณครรชิต” รัญญาวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าสะใจ “ใครจะมาขัดใจฉันไม่ได้เด็ดขาด”
มอมกับสายพิณมาหาหมอแม่นที่บ้านเพื่อให้ไปช่วยปราบผีที่เข้าใจว่าสิงร่างเซียน
“เฮ้ย ข้าเป็นหมอดู ไม่ใช่หมอผี”
“เอาน่า ป้าช่วยลองดูหน่อยก็แล้วกัน”
“เอ็งจะบ้าเรอะ ไอ้มอม หมอดูก็หมอดู หมอผีก็หมอผี major หรือวิชาเอกมันคนอย่าง เค้า major ผี ข้า majorดู”
“แล้วป้าไม่รู้จักหมอผีบ้างเหรอ Major ใกล้ๆ กัน”
หมอแม่นนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“มันก็...ก็พอจะรู้จักบ้าง”
“งั้นเอาเลยป้า”
“ไป” มอมดึงแขนหมอแม่น หมอแม่นสะบัดแขนออก
“จะไปไหน”
“ก็ไปหาหมอผี”
“จะบ้าเหรอ ไอ้มอม อยู่ดีๆ ก็จะพรวดพราดไป ข้าต้องสืบก่อนเว้ยว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ลงมือสืบได้เลยป้า งานนี้คุณครรชิตแกจ่ายไม่อั้น”
ค่ำวันเดียวกันนั้นเมื่อยายปิ่นอาบน้ำเสร็จ สายพิณก็เดินออกมาจากห้อง
“เดี๋ยวพิณมานะจ๊ะ ยาย”
“จะไปไหน”
“ก็...ไม่ใกล้ไม่ไกล แถวๆ นี้เองแหละจ้ะ”
สายพิณพูดพลางรีบเดินผ่านพ้นไป
“ไอ้ไม่ใกล้ไม่ไกลของเอ็งหน่ะ มันที่ไหน” สายพิณรีบออกจากบ้านไป ยายปิ่นตะโกนโหวกเหวก “สายพิณ นังพิณ ดูซิ ฟังซะเมื่อไหร่”
สายพิณมาหาเซียนที่บ้าน
“ระวังจะถูกหลอกนะคุณสายพิณ สมัยนี้ไว้ใจใครไม่ค่อยได้”
“ข้าอยากได้ไอ้เซียนคนเดิมคืนมา ชั่วดีก็ยังพอพูดจาภาษาเดียวกัน แต่ไอ้เซียนคนนี้พูดเข้าใจลำบากทั้งๆ ที่ใช้ภาษาไทยนี่แหละ..อีกอย่าง ข้าคิดถึงหลานข้าเลี้ยงมันตั้งแต่เล็กแต่น้อย”
สายไหมพูดแล้วน้ำตาเริ่มคลอ
“ป้าคิดถึงเค้า แต่เค้าไม่ได้คิดถึงป้าซักนิด” เซียนบอก
“ทำไมจะไม่คิดถึง” สายพิณแย้ง แล้วชะงักเมื่อนึกได้รีบหยุดพูด
“ไอ้พิณ เอ็งพูดมีปะรินซี”
“เปล่า ปะรินซงปะรินซีที่ไหน”
“ปะรินซี แปลว่าอะไรครับ” เซียนถามอย่างแปลกใจ สายพิณจึงรีบตัดบท
“พิณมาเรื่องนี้แหละจ้ะ ตกลงได้หมอผีเมื่อไหร่แล้วพิณจะมาบอกพี่เซียนกับป้านะจ้ะ ไปละหายมานานเดี๋ยวยายด่า”
สายพิณบอกแล้วเดินออกไป
“ปะรินซี แปลว่าอะไรครับ” เซียนยังติดใจถามสายไหมอย่างสงสัย
“วะ ข้าจะไปรู้เรอะ ได้ยินเขาพูดมา ข้าก็พูดไป”
“คนเราควรจะเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด”
“ข้าไปนอนละ พูดกับเอ็งนานๆ แล้วปวดหัว”
สายไหมเดินเข้าห้องไป เซียนเอนตัวพิงฝาห้องสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
เซียนเดินออกมาจากบ้านแล้วปิดประตู เซียนเดินตรงไปบริเวณปากซอยเมื่อมีคนทักก็ได้แต่ยิ้มนิดๆ...แท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าบ้านปลาใหญ่ เซียนส่งเงินให้คนขับแล้วก้าวลงมาแท็กซี่กลับรถออกไป ขณะเซียนเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนทางเท้าฝั่งตรงข้ามแล้วทอดสายตามองบ้านอย่างเศร้าๆ
เซียนชั่งใจครู่หนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาครรชิต พอวางหูจากเซียนแล้วครรชิตจึงรีบออกมาหาเซียนที่หน้าบ้าน
“คุณปลาใหญ่”
เซียนก้าวออกมาจากเงามืด
“คุณครรชิต เชื่อผมโดยปราศจากความระแวงแล้วใช่ไหม”
ครรชิตจ้องมองเซียนราวกับจะหยั่งให้รู้แน่ เซียนสบตาราวกับจะยืนยันคำพูด ขณะนั้นเอ็กซ์แอบมองครรชิตกับเซียนอยู่ เอ็กซ์เห็นทั้งสองคนกำลังปรึกษาอะไรบางอย่างจึงจ้องมองเขม็ง
“เป็นอันว่า ผมจะไปทำงานวันพรุ่งนี้” เซียนบอก
“ครับ ผมสั่งให้เขาตั้งโต๊ะให้คุณปลาใหญ่ในห้องผมแล้ว”
“อาจจะมีคนเอาไปรายงานคุณอาก้อง... แต่ก็ช่างเถอะ”
“ผมเตรียมคำตอบให้คุณก้องไว้เรียบร้อย ถึงจะสงสัยหรือไม่เชื่อเราก็ยืนยันกระต่ายขาเดียวเท่านั้นเป็นพอ”
เอ็กซ์พยายามเพ่งมอง
“คุยอะไรกันนักหนาวะ”
เซียนแยกเดินไปปากซอย ครรชิตมองตามแล้วเดินตรงมาที่ประตูบ้าน เอ็กซ์ถอยเข้าไป
ครรชิตเดินกลับมาจะเข้าตัวตึก เอ็กซ์จึงปรากฎตัวแล้วกล้งถาม
“ไปเดินตากลมมาหรือครับ คุณครรชิต”
ครรชิตสะดุ้งนิดหนึ่ง
“นายเอ็กซ์”
“แปลก อากาศข้างนอกอบอ้าวจะตายไป แต่ข้างในแอร์เย็นฉ่ำคุณครรชิตไม่น่าจะออกมาเล้ย จริงมั้ยครับ”
ครรชิตมองหน้าเอ็กซ์จริงจัง
“แกเป็นพ่อฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ นายเอ็กซ์”
พูดจบครรชิตก็เดินเข้าบ้านไป เอ็กซ์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างไม่พอใจ
“ไอ้แก่เอ๊ย ขอให้คุณก้องสั่งมาทีเท้อะ”
เอ็กซ์ยกมือปาดคอตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้นภายในห้องอาหารบ้านปลาใหญ่ สมทรงและสมศรี เสิร์ฟอาหารตามปกติ จันทร์ทิพย์สบตาเกริกก้องเป็นสัญญาณ
“พรุ่งนี้น้องชายจันทร์เค้าจะเข้ามาอยู่ด้วย”
เกริกก้องบอก ครรชิตชะงักถือถ้วยกาแฟค้าง
“ถึงกับตาค้างเลยหรือ คุณครรชิต”
“คุณเกรียงไกรท่านไม่ชอบผู้คนพลุกพล่านครับ”
“แล้วไง”
ครรชิตสะอึกมองปลาใหญ่ซึ่งกำลังเอร็ดอร่อยกับการกินอาหาร
“บ้านออกจะกว้าง ยกมาอีก 10 ครอบครัวยังอยู่ได้เลย แล้วที่สำคัญคุณครรชิตไม่ใช่เจ้าของบ้าน ในขณะที่ฉันเป็นศรีภรรยาของเจ้าของบ้านทำไมถึงจะให้พี่ชายฉันมาอยู่ไม่ได้”
“คุณจันทร์ทิพย์ คงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วละครับ บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดของคุณปลาใหญ่”
เกริกก้องตบโต๊ะจนทุกคนสะดุ้ง
“มันจะมากไปแล้ว ปลาใหญ่มันเป็นหลานฉันฉันยังไม่ทันเป็นอะไรแล้วพี่เกรียงไกรจะยกข้ามอาไปให้หลานได้ยังไงยิ่งตอนนี้มันบ้าๆ บอๆ เดี๋ยวได้เอาบ้านไปทำอีลุ่ยฉุยแฉก”
“ผมไม่ได้บ้า”
ปลาใหญ่ทะลุกลางปล้อง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
“ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมรับว่าตัวเองบ้าหรอก” รัญญาบอก ปลาใหญ่จึงหันมามองรัญญา
“แล้วพี่รันบ้าหรือเปล่า”
“เปล่าย่ะ”
“งั้นก็แสดงว่า พี่รันเป็นบ้าเหมือนกัน” ปลาใหญ่ยักคิ้วทะเล้นใส่ “เพราะไม่มีคนบ้าที่ไหน...”
รัญญาลุกขึ้นชี้หน้าปลาใหญ่
“ไอ้...ไอ้ปลาใหญ่...ไอ้ปลาแยง ไอ้ปลาตี ...”
ปลาใหญ่ชี้หน้ารัญญาทำยักคิ้วหลิ่วตา
“อ๊ะ...อ๊ะต้องพูดปลาเท้าซิครับ ไม่ใช่ปลาทีน”
รัญญากรี๊ดลั่น ทุกคนต้องรีบยกมืออุดหู
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
รถปลาใหญ่ค่อยๆ แล่นออกจากบ้านอย่างสง่า ภายในรถปลาใหญ่และครรชิต ซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังค่อยเบือนหน้าหันมามองกัน ปลาใหญ่หลุดพรวดออกมา ครรชิตหลุดตาม ทั้งสองคนพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่จนน้ำหูน้ำตาไหล คนรถเหลือบมองแว่บหนึ่ง
ขณะนั้นเกริกก้อง จันทร์ทิพย์และรัญญายังอยู่ที่ห้องทานอาหาร รัญญาพูดถึงปลาใหญ่อย่างโกรธจัด
“เกลียดไอ้ปลาใหญ่นัก เกลียดที่สุดในโลก”
จันทร์ทิพย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“พี่กรณ์ เข้ามาได้เลย”
จันทร์ทิพย์วางโทรศัพท์ลง ขณะทุกคนมองสีหน้ายิ้มแย้มนั้น
“หมายความว่ายังไง”
“เมื่อกี้ จันทร์โทร.บอกให้พี่กรณ์มารอแต่เช้าเลยค่ะ”
“ก็ไอ้ปลาใหญ่มันไม่อนุญาตนี่คะ”
“ก็มันใช่ไอ้ปลาใหญ่ตัวจริงที่ไหนกัน จริงมั้ยคะ คุณก้อง”
เกริกก้องมีสีหน้าครุ่นคิด
“ความจริง ผมก็ไม่อยากให้พี่คุณเข้ามาอยู่ที่นี่”
ทุกคนมีสีหน้าแปลกใจแกมตกใจโดยเฉพาะจันทร์ทิพย์
“คุณก้อง พี่กรณ์เป็นญาติจันทร์นะคะ เขาเดือดร้อนเรื่องที่อยู่คุณจะให้จันทร์ทำใจดำไม่ยอมเอื้อเฟื้อเลยหรือคะ ...เสียแรงแต่งงานกับเศรษฐี”
“จะว่าไป รันก็คงจะอึดอัดเหมือนกัน ถ้ามีคนแปลกหน้ามาเดินสวนไปสวนมาอยู่ในบ้าน”
จันทร์ทิพย์น้ำตาคลอประมาณน้อยใจสุดๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ...น้าจันทร์จะไปบอกเขาเอง”
จันทร์ทิพย์ลุกขึ้น เกริกก้องจึงตัดบท
“ไม่ต้องไปหรอก”
“คุณพ่อ”
จันทร์ทิพย์เหลือบตามองเกริกก้องตาละห้อย
“ให้ไปอยู่เรือนเล็กข้างหลังก็ได้”
“นั่นเอาไว้เก็บของไม่ใช่หรือคะ” สมทรงถาม
“ก็ไปรื้อออกให้หมด แล้วทำความสะอาดซิ ขาดเหลืออะไรก็บอก”
“จันทร์กราบขอบพระคุณ คุณก้องมากค่ะ จันทร์ขออนุญาติไปควบคุมเองนะคะ”
“ตามใจ”
จันทร์ทิพย์ยิ้มอย่างพอใจ
เรือนหลังเล็กมีสภาพเก่าและโทรมเพราะไม่มีใครอยู่และใช้เป็นที่เก็บของ ปกรณ์เดินตามจันทร์ทิพย์มา มองอย่างเซ็งๆ
“บ้านสัปปะรังเคหลังเนี้ย”
“เอาน่า เดี๋ยวเขาจะทำความสะอาด ทาสีตกแต่งให้ใหม่ ขี้คร้านจะสวยแจ่ม”
ปกรณ์เบือนหน้ากลับไปมองตึกใหญ่
“บ้านออกใหญ่เบ้อเร่อเบ้อร่า แต่ให้พี่อยู่ยังกับยาจก”
“พี่กรณ์ต้องเข้าใจว่า คุณก้องเขามีลูกสาว เขาย่อมไม่อยากให้ผู้ชายที่ไหนเข้าไปอยู่ร่วมบ้าน”
“สวยมั้ย”
“เฮ้ย พ่อเขาหวงยังกับอะไร”
“ยิ่งห่วง ยิ่งดี”
“จันทร์ขอเตือนนะพี่กรณ์ จันทร์หาที่อยู่ให้แล้ว อย่าทำให้จันทร์เดือดร้อนเด็ดขาด”
ปกรณ์ทำหูทวนลม
“แล้วระหว่างที่ยังทาสีตกแต่งไม่เสร็จนี่ จะให้พี่ไปอยู่ที่ไหนล่ะ”
จันทร์ทิพย์มองปกรณ์พลางส่ายหน้าระอา
ระหว่างที่เรือนหลังเล็กยังตกแต่งไม่เสร็จ ปกรณ์จำเป็นต้องพักที่เรือนพักคนรับใช้ สมทรงเดินนำปกรณ์มาที่เรือนพัก
“ที่นี่แหละค่ะ”
“ห้องเท่ารูหนูเนี่ยเรอะ”
สมทรงปรายตามองปกรณ์แว่บหนึ่ง ประมาณ “มากไป”
“ฉันเป็นพี่ชายของเมียเจ้าของบ้าน ดันให้มาอยู่เรือนคนใช้”
“มันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณพูดหรอกค่ะ ที่นี่ถึงจะเป็นห้องเดียว แต่ก็กว้างขวางและเป็นสัดเป็นส่วน ภายในมีแอร์แล้วก็เครื่องทำความร้อน ซึ่งทั้งหมดนี่ห่างไกลเหลือเกินจากคำว่า “รูหนู”อย่างที่คุณเปรียบเปรยค่ะ”...เป็น Assistant ของคุณเกริกก้องค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
สมทรงบอกแล้วเดินออกไป ปกรณ์มองตามฉุนๆ แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อยหมั่นไส้สุดๆ
“เป็น Assistant ทุเรศว่ะ”
ที่ครัวสมศรีกำลังเช็ดถ้วยเช็ดชามเก็บพลางร้องเพลงอย่างเพลิดเพลิน
“มีอะไรกินบ้าง”
ปกรณ์ถามสมศรีสะดุ้งเฮือก หันกลับมาชามหลุดจากมือ แต่สมศรีคว้าได้ทันใด
“ว้าย”
“สเต็ก ทำเป็นหรือเปล่า”
“เอาเป็นสเต็กลาวได้มั้ยคะ”
“มีอะไรก็เอามา หิวจะตายซากอยู่แล้ว”
ปกรณ์บอกแล้วเดินออกไป
“ไหนว่าเป็นนักเรียนนอก ทำไมพูดจาบ้านๆ”
สมศรีเปิดตู้เย็น หยิบเนื้อแช่แข็งออกมา
ขณะที่สมทรงกำลังคุมคนงานทำความสะอาดและทาสีเรือนหลังเล็ก สมศรีก็เดินหน้างอเข้ามา
“คุณพี่” สมทรงหันมามอง “คุณน้องอยากจะบ้าตาย”
“ฉันก็เหมือนกัน พี่ชายนักเรียนนอกของคุณจันทร์ใช่มั้ย”
“ก็นั่นแหละวุ่นวายที่สุด ไอ้หิวเราก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แต่กินยังกับสูบแน่ะพรึ่บเดียวเกลี้ยงหมด... พอกินเสร็จก็จะต้องนอนพักผ่อน”
“ก็ให้นอนในห้องรับแขกนั่นแหละ”
“ไม่ได้ซิ ท่านบอกว่า ท่านต้องนอนเป็นสัดเป็นส่วน คุณน้องบอกว่าทั้งปีกซ้ายปีกขวา เจ้านายอยู่กันเต็มหมด ท่านก็บอกว่าท่านเป็นน้องเมีย เมียเจ้าของบ้านท่านย่อมมีสิทธิ์เข้าพักได้”
สมทรงชะงัก
“อย่าให้ไปวุ่นวายทางปีกขวานะ”
“ช้าไปแล้ว ท่านถือวิสาสะเข้าไปนอนในห้องทำงานคุณผู้ชายเรียบร้อย”
จันทร์ทิพย์รับรู้เรื่องนี้อย่างหงุดหงิดจึงต้องจัดการเอง จันทร์ทิพย์มาหาเกริกก้องที่ห้องทำงานแต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเข้ามาเห็นอลิสากำลังเสยผมให้เรียบร้อย อลิสาสะดุ้งตกใจขณะที่เกริกก้องมีสีหน้าพิรุธแว่บหนึ่ง แล้วปรับเป็นปกติ
“นี่มันอะไรกัน”
อลิสาหยิบแฟ้มบนโต๊ะเกริกก้อง
“อลิสาขอตัวก่อนนะคะ”
อลิสาเดินค้อมตัวขณะเดินผ่านจันทร์ทิพย์ จันทร์ทิพย์จิกหัวดึงไว้ทันทีอลิสาร้องลั่น
“ยังไปไม่ได้”
เกริกก้องลุกขึ้นทันที
“ทำอะไรน่ะ”
“จิกหัวนังคนนี้ไงคะ มันยังออกไปไม่ได้ จนกว่าจะบอกว่าเข้ามาทำอะไรในนี้”
“อลิสาเอางานมาให้ท่านประธานเซ็นชื่อค่ะ”
“แล้วทำไมเมื่อกี้ต้องเสยผม”
“ผมบังเอิญตกลงมาปิดตา แล้วอลิสาก็รำคาญน่ะค่ะ”
“เฮอะ มีคำตอบให้กับทุกคำถามเชียวนะ”
“เพราะอลิสาเตรียมตัวมาดี” เกริกก้องสะดุ้ง ขณะจันทร์ทิพย์จะเอาเรื่อง อลิสารีบพูดต่อด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ “หมายถึงว่าอลิสาบริสุทธ์ใจ อลิสาไม่ได้ทำอะไรผิด”
เกริกก้องค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ สั่งอลิสาหน้าเคร่งขรึม
“ออกไปได้แล้ว อยู่ดีไม่ว่าดี ดันมาทำให้เมียฉันเข้าใจผิด”
“ค่ะ” อลิสายกมือไหว้จันทร์ทิพย์อย่างอ่อนน้อม “อลิสาขอประทานโทษคุณจันทร์ด้วยค่ะ...”
จันทร์ทิพย์เชิดหน้าไม่แม้แต่จะชายตามอง อลิสาก้มหน้าก้มตาเดินออกไป
“จันทร์มีอะไรหรือ” เกริกก้องถามเอาใจ
อลิสาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้ววางแฟ้มลงบนโต๊ะ
“เกือบไปแล้ว”
อลิสาหยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิด หยิบตลับแป้งและลิปสติกขึ้นมาเติมใบหน้า
ขณะนั้นในห้องทำงานเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ถอนหายใจกับเรื่องของปกรณ์
“จันทร์เองก็เซ็งพี่กรณ์ค่ะ แต่พอถูกเค้าตัดพ้อต่อว่าก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ไอ้ปลาใหญ่มันกลับไปนอนห้องมันแล้ว คุณก็ให้พี่คุณมาอยู่ห้องข้างล่างนั่นไปก่อนซิ ทาสีตกแต่งเรือนหลังเล็กเสร็จเมื่อไหร่ค่อยให้คุณกรณ์ไปอยู่”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ จันทร์น่ะเกรงใจ๊ ... เกรงใจ”
“ว่ามาเลย”
“เฮ้อ...เรื่องงานน่ะค่ะ”
“คุณอยากให้ทำที่นี่ใช่ไหม”
“ค่ะ แต่ก็สุดแล้วแต่คุณนะคะ จันทร์เองก็ไม่อยากตกเป็นขี้ปากพวกพนักงานว่าเล่นเส้นเอาพี่ชายเข้ามาทำงาน” จันทร์ทิพย์บอกเสียงอ่อย
“ก็ถ้าเรามีความสามารถจริงก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร คุณกรณ์เค้าก็เพิ่งเรียนจบจากอเมริกาไม่ใช่เรอะ ... มหาวิทยาลัยอะไรนะ ฮาวาร์ดหรือว่าบอสตัน”
“ฮาตันมั้งคะ” จันทร์ทิพย์อุบอิบ
“อะไรนะ” เกริกก้องถามย้ำเพราะไม่ได้ยิน
“เปล่าค่ะ ตกลงเป็นอันว่าคุณรับพี่กรณ์เข้ามาทำงานใช่ไหมคะ”
“แน่นอนจ้ะ”
จันทร์ทิพย์ยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มเกริกก้อง
“ขอบคุณค่ะ ...” จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าทำจมูกฟุดฟิด “เอ๊ะ จันทร์ได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆ”
“แปลกที่ไหน ก็น้ำหอมของจันทร์นั่นแหละ ผมชอบกลิ่นมันเลยลองฉีดดู”
“งั้นจันทร์ไปจัดการเรื่องนี้เลยนะคะ”
“จ้ะ”
จันทร์ทิพย์เดินออกไป เกริกก้องลอบผ่อนลมหายใจยาว
จันทร์ทิพย์เดินออกมาจากห้องเกริกก้องแล้วหยุดยืนท้าวสะเอวมองอลิสาด้วยสีหน้าแววตาเอาเรื่อง อลิสาก้มหน้าต่ำ นัยน์ตามองขาและเท้าของจันทร์ทิพย์ที่ขยับเดินช้าๆ อ้อมหยุดยืนตรงหน้า จันทร์ทิพย์จิกหัวอลิสาให้เงยขึ้น
“อุ๊ย เจ็บค่ะ”
“อุ๊ย เจ็บหรือคะ” จันทร์ทิพย์ลอยหน้าทำเสียงล้อเลียน แล้วน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นโหดขึ้น “แกจะเจ็บกว่านี่อีก ถ้าหากยังยึดมั่นว่าฉันรักผัวเขาอยู่”
“อลิสาเปล่านะคะ”
“เปล่าก็ดีแล้ว และอย่าคิดจะทำเด็ดขาดหรือถ้าทำไปแล้ว แกต้องรีบถอนตัวซะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน”
จันทร์ทิพย์ดึงผมอลิสาขึ้น อลิสาลุกตามร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จันทร์ทิพย์แสยะยิ้มอย่างสะใจแล้วกดหัวอลิสากระแทกลงไป อลิสาเจ็บจนน้ำตาไหลพราก จันทร์ทิพย์จิ้มหน้าผากจนอลิสาหน้าหงาย
“ฉันโหดกว่าที่แกคิด! จำใส่กะลาหัวไว้”
จันทร์ทิพย์เดินเชิดออกไป อลิสามองตามอย่างโกรธแค้น
“ฉันก็อดทนกว่าที่แกคิดเหมือนกัน”
ปกรณ์กำลังนอนหลับอย่างสบายบนโซฟา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปกรณ์ยังคงหลับสนิทปล่อยให้ดังไปจนสายหลุด จันทร์ทิพย์กดอีกอย่างมีโมโห ในที่สุดปกรณ์ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“โว้ย ใครวะ โทร.อยู่ได้” ปกรณ์คว้าโทรศัพท์มาดูในที่สุด เมื่อเสียงโทรศัพท์ยังดังไม่หยุด “อ้าว ยัยจันทร์นี่เอง...ฮัลโหล”
“นอนหลับละซิ”
“ก็จะให้ทำอะไรล่ะ งานก็ยังไม่มี”
“มีแล้ว พรุ่งนี้มารายงานตัวได้”
“เฮ้ย พี่เมียเจ้าของบริษัทยังต้องรายงานตัวอีกเรอะ”
“ก็ทำตามระเบียบเขาหน่อยนั่นแหละ แค่นี้นะ”
“เดี๋ยว เดี๋ยว จะให้พี่ทำตำแหน่งอะไร รองกรรมการผู้จัดการใช่มั้ย”
“จันทร์ยังไม่รู้ อ้อ...แล้วเรื่องห้องพัก...”
“ฉันไม่อยู่รวมกับพวกคนรถคนสวนนะ” ปกรณ์พูดสวนทันที
“จันทร์ขออนุญาตให้พี่เข้ามาอยู่ในบ้านชั่วคราวแล้ว เดี๋ยวสมทรงจะมาพาไปดู จันทร์โทรสั่งเมื่อกี้นี่ โอ.เค นะ”
จันทร์ทิย์วางโทรศัพท์ลง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“สงสัยจะเป็นนัง Assistant”
สมทรงพาปกรณ์มาที่ห้องพักชั้นล่าง ประตูห้องเปิดออก สมทรงเบี่ยงตัวให้ปกรณ์เดินเข้าไป ปกรณ์กวาดตามองไปโดยรอบ
“คุณจะให้เพิ่มเติมอะไรมั้ยค่ะ”
“ห้องดีกว่านี้ไม่มีแล้วเรอะ” สมทรงสะอึก “ที่ฉันว่าไม่ดี เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะมันอยู่ชั้นล่าง! ระดับ V.I.P อย่างฉันต้องห้องสวีท”
“ถ้าอย่างนั้น...อิฉันก็จนปัญญาแล้วค่ะ”
“ห้องชุดทางปีกซ้ายมีใครอยู่หรือเปล่า”
“อ๋อ! ที่นั่นเป็นอาณาเขตของคุณปลาใหญ่ค่ะ”
“งั้นก็ไสหัวไอ้ปลาใหญ่ลงมาอยู่ห้องนี้ ฉันจะขึ้นไปอยู่ข้างบนแทน”
“ถ้าอย่างนั้น คุณกรณ์ต้องจัดการเองแล้วละค่ะ เพราะคุณปลาใหญ่เป็นลูกชายคนเดียวของคุณเกรียงไกรเจ้าของบ้านผู้ล่วงลับไปแล้ว”
“ปลาใหญ่เรอะ”
ปกรณ์พึมพำครุ่นคิด
เซียนมานั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานของครรชิตเซียนนั่งทำงานเงียบๆ อย่างมีสมาธิ ครรชิตลอบมองเซียนอย่างสังเกตเป็นระยะๆ
“ใช่แน่อย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย”
ครรชิตพึมพำเบาๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ครรชิตหยิบขึ้นมารับ
“ครับ...ใครนะครับ...ได้ครับ...ครับ”
ครรชิตปิดโทรศัพท์วางลง สีหน้าเริ่มกังวล
“อะไรหรือ คุณครรชิต” เซียนถาม
“คุณจันทร์ทิพย์โทรมาสั่งว่า พรุ่งนี้พี่ชายของเธอจะมาทำงานที่นี่ ให้ผมจัดหาห้องแล้วก็ตำแหน่งไว้ให้ด้วย”
เซียนมีสีหน้าเป็นงานเป็นการขึ้น
“เรียนจบอะไรมาล่ะ”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“งั้นจะหาตำแหน่งให้ได้ยังไง! เอาไว้ให้สัมภาษณ์ก่อนถึงจะอนุมัติตำแหน่งได้”
ครรชิตนิ่งคิดครู่หนึ่ง
“งั้นก็ต้องนัดหมายกับนายเซียนในร่างคุณปลาใหญ่ก่อนครับว่าจะต้องพูดยังไง”
“งั้นก็โทรบอกเขาเดี๋ยวนี้เลย”
“ผมเกรงว่าจะไม่ได้เรื่องเอาให้คุยกันแบบเห็นๆ หน้าดีกว่าครับ”
“งั้นเย็นนี้หลังเลิกงานก็แล้วกัน ออกไปคุยข้างนอกจะได้ไม่มีใครสงสัย”
“ได้ครับ”
เซียนพยักหน้าแล้วจดจ่อกับงานต่อ
ค่ำวันนั้นเซียน ปลาใหญ่ ครรชิตและน้ำเพชรพากันมานั่งคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในร้านอาหารปลาใหญ่มีความสุขกับอาหารจนไม่เป็นอันฟังเขาพูดกัน
“นายเซียน! เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะนายจะต้องพูดในฐานะที่เป็นฉัน”
เซียนบอก ปลาใหญ่ยกถ้วยน้ำแกงซดโฮก
“แซ่บจริงๆ” ปลาใหญ่เงยหน้าขึ้นทำงงๆ เซียน ครรชิต น้ำเพชรมองปลาใหญ่เป็นตาเดียว โดยเฉพาะน้ำเพชรมีสีหน้าผะอืดผะอม “ อ้าว ทำไมไม่กินกันล่ะ หรือว่าไม่หิวงั้นผมเหมาเองจะได้ไม่เสียของ”
ปลาใหญ่เอื้อมมือมาจะหยิบชามน้ำแกง น้ำเพชรไวพอกันหยิบช้อนฟาดมือปลาใหญ่อย่างแรงทันที
“ตะกละ”
“โอ๊ย” ปลาใหญ่สะบัดมือ
“คุณปลาใหญ่กำลังจะบริ๊ฟให้ฟังว่านายต้องพูดยังไงบ้าง แต่นายกลับตะกละเอาแต่กิน” น้ำเพชรต่อว่า
“อ้าว ใครจะพูดก็พูดไปซิ ผมกินไปฟังไปก็ได้” ปลาใหญ่เถียง
“ฉันไม่คิดว่า นายจะฉลาดขนาดกินไปฟังไปรู้เรื่อง” เซียนบอก
“จ๊ะจ๋า อย่าทำเป็นเล่นไป ถ้าผมไม่แน่จริง คุณคงไม่ถูกถีบไปเข้าร่างผมหรอก”
ครรชิต เซียน และน้ำเพชร มองปลาใหญ่เขม็ง
“ยอมรับแล้วเรอะ”
“นายทำอย่างนั้นทำไม”
“เลวสุดขั้ว ชั่วไม่มีใครเปรียบ”
“เอาเข้าไป รุมกันเข้าไป”
น้ำเพชรกระชากคอเสื้อปลาใหญ่
“ออกมาจากร่างคุณปลาใหญ่เดี๋ยวนี้”
“มันออกไม่ได้แล้ว เสียใจด้วยนะ คุณน้ำ”
เซียนในร่างปลาใหญ่บอก น้ำเพชรจึงตบโครมเข้าให้
“นี่แน่ะ เสียใจ”
ทุกคนในร้าน หันมามองเป็นตาเดียว
“คุณน้ำ นั่งลง” เซียนบอก น้ำเพชรจึงหันมาตวาด
“ไม่ต้องมาสั่งฉัน”
“จุ๊ หนูน้ำ นี่คุณปลาใหญ่ ...คุณปลาใหญ่อยู่ในร่างนายเซียน อย่าลืม”
ครรชิตเตือน น้ำเพชรจึงนึกได้
“ขอประทานโทษค่ะ เห็นไอ้หน้าเลวๆ แบบนี้ แล้วมันอดใจไม่ได้”
เซียนและปลาใหญ่ ต่างหน้าเสียไปตามๆ กัน
“ฟังให้ดีนะนายเซียน พรุ่งนี้นายต้องพูดตามที่ฉันบอกทุกอย่าง นายฉวยโอกาสเข้ายึดร่างของฉันอย่างไม่เป็นธรรมเพราะฉะนั้นนายต้องชดใช้ด้วยการพยายามรักษาทรัพย์สมบัติ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของฉันไว้อย่างดีที่สุด”
ปลาใหญ่ในร่างเซียนบอก
เมื่อคุยกันเสร็จแล้วเซียนจึงนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แท๊กซี่แล่นมาจอดหน้าปากซอยเซียนก้าวลงมาแล้วเดินเรื่อยๆ เข้ามาในบริเวณซอย ขณะนั้นสายพิณซึ่งนั่งกินลูกชิ้นปิ้งอยู่ สายพิณปาไม้ลูกชิ้นมาที่เซียน เซียนหันมามอง
“อ้าว” สายพิณกระดิกนิ้วเรียก เซียนนิ่วหน้าขณะเดินเข้ามา “เป็นผู้หญิง ทำอย่างนี้ไม่สุภาพ”
สายพิณไม่สนท่าทีนั้น
“นั่งลง”
“คุณต้องปรับปรุงตัว”
“บอกให้นั่งลง” สายพิณย้ำแต่เซียนหันหลังเดินไป “ไอ้ปลาใหญ่” คราวนี้เซียนสะดุ้งหันกลับมา “บอกให้มานี่” เซียนยังคงยืนเฉย “หน็อยแน่ะ ไอ้ปลาใหญ่” สายพิณพูดพลาง เดินไปกระชากแขนเซียนให้หันกลับมา “ไม่ได้ยิน ฉันเรียกเรอะไง”
“ผมจะไม่พูดกับผู้หญิงหยาบคาย”
“แล้วนึกว่า อยากพูดด้วยเรอะไง ที่ฉันพยายามทำดีด้วยก็เพราะเห็นแก่รูปร่างหน้าตาของพี่เซียนที่นายเข้าไปสิงอยู่นั่นแหละ”
“คุณเคยบอกแล้ว”
“บอกแล้วก็บอกอีกได้ เพราะฉันอยากให้นายจำใส่ใจไว้”
“งั้นผมก็ขอย้ำเหมือนกันว่า ยังกับผมอยากอยู่ในร่างนี้นักนี่”
“งั้นนายก็ต้องรีบหาทางออกมา”
“สาบานได้เลยว่า ถ้าทำได้ผมจะทำเดี๋ยวนี้” สายพิณอึ้ง “คุณถามนายเซียนของคุณหรือยังล่ะว่า...เขาอยากออกจากร่างผมหรือเปล่า”
เซียนเดินตรงเข้าไป สายพิณมองตามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เซียนเดินเข้ามาในบ้านเห็นสายไหมยังไม่นอนจึงทัก
“ป้ายังไม่เข้านอนอีกหรือครับ”
“ไปทำงานเป็นยังไงบ้าง”
“ก็แปลกดี ... ผมเคยไปในฐานะเจ้านาย แต่ตอนนี้ต้องไปในฐานะลูกจ้าง ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่ง ชีวิตจะกลับตาลปัตรได้ขนาดนี้”
สายไหมและเซียนนิ่งกันไปครู่หนึ่ง
“ถ้าทุกอย่างเป็นจริงตามที่คุณเล่า ฉันก็ต้องขอโทษด้วย ไอ้เซียนมันเป็นเด็กมีปัญหาโตขึ้นมาก็กลายเป็นผู้ใหญ่มีปัญหา แล้วก็คงเป็นไอ้แก่มีปัญหาในที่สุด” เซียนล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบซองๆ หนึ่ง ส่งให้สายไหม “ อะไร”
“ต่อไปนี้ผมคงไม่ได้ช่วยป้าทำอาหารขายแล้ว เพราะผมต้องไปทำงานเพื่อปกป้องบริษัทของคุณพ่อผม ป้าเอาเงินนี่ไปใช้เถอะครับ”
“เอ็งช่างแสนดี เปรียบกับไอ้เซียนแล้วยังกะฟ้ากับเหว”
“แต่ป้าก็รักเหวใช่มั้ยล่ะ”
“ก็มันเป็นหลานป้านี่... ให้แน่นะ” สายไหมชี้ที่ซองเงิน
“เอาไปเลยป้า”
สายไหมรับไป เซียนลุกเดินเข้าห้อง
อีกด้านหนึ่งที่บ้านปลาใหญ่ ปลาใหญ่กำลังซ้อมมือเล่นสนุ๊กเกอร์อยู่คนเดียวอย่างเพลิดเพลิน
จันทร์ทิพย์เดินเข้ามาติดตามด้วยปกรณ์ ทั้งสองยืนมองปลาใหญ่ครู่หนึ่ง
“ไม่ยักรู้ว่าปลาใหญ่ชอบกีฬาประเภทนี้ ที่จริงอาไม่เคยเห็นปลาใหญ่เล่นกีฬาสักอย่าง”
“ผมเล่นได้ตั้งหลายอย่าง”
“อามีเรื่องจะปรึกษา อาอยากฝากพี่ชายของอาเข้าทำงาน”
ปลาใหญ่ยืดตัวขึ้นเต็มตัว ขณะที่ปกรณ์ยิ้มให้
“ผมเพิ่งกลับจากอเมริกา”
“เมื่อกี้ก็บอกอีตอนกินข้าวแล้วนี่”
ปกรณ์ชักฉุน แต่จันทร์ทิพย์รีบเปลี่ยนบรรยากาศ
“แหม อากลัวปลาใหญ่ลืมนี่จ้ะ อาอยากจะฝากพี่กรณ์เข้าทำงานที่จริงคุณก้องก็อนุญาตแล้ว แต่อาคิดว่าน่าจะมาบอกปลาใหญ่ตามมารยาทอีกคน”
ปลาใหญ่ทำสีหน้าครุ่นคิด
“อันที่จริง เรื่องนี้ทั้งผมทั้งคุณอาก้องไม่มีสิทธิ์”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์”
“เพราะหน้าที่รับคนเข้าทำงานเป็นหน้าที่ของคุณครรชิต you know”
ปลาใหญ่เล่นต่อ จันทร์ทิพย์และปกรณ์มองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าเกลียดชัง
จันทร์ทิพย์กลับมาที่ห้องแล้วระบายอารมณ์กับเกริกก้อง
“จันทร์เกลียดมัน เกลียดที่สุดในโลก คุณไม่เห็นหน้ามันเมื่อกี้ หน้ามันบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ในสายตาของมันเลย” เกริกก้องขบกราม มือกำแน่น จันทร์ทิพย์ชำเลืองมองพลางใส่ไฟต่อ “ขนาดจันทร์บอกว่า คุณอนุญาตแล้ว
ไอ้ปลาใหญ่ยังบอกว่าต้องแล้วแต่นายครรชิต”
“หรือว่ามันจะเป็นปลาใหญ่ ไม่ใช่ไอ้เซียน”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่เป็นผลดีกับเราทั้งนั้น” เกริกก้องมีสีหน้าแข็งกร้าว “แล้วจะให้ทำยังไงกันดีคะ”
“ให้พี่ชายคุณไปทำงานที่นั่น ลองดูซิว่าใครมันจะกล้าไล่”
กลางดึกคืนนั้นสายพิณนอนพลิกซ้ายพลิกขวาเพราะนอนไม่หลับ ในที่สุดสายพิณก็ลุกขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามาอย่างตัดสินใจจะโทรไม่โทรครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดหาเซียน ขณะนั้เนเซียนยังไม่นอนแต่กำลังนั่งทำงานหน้าคอมเซียนหยิบขึ้นมาดูก่อนจะกดรับ
“ยังไม่นอนอีกหรือ”
“ขอถามให้แน่ใจอีกครั้ง นายเป็นใครกันแน่ นายปลาใหญ่หรือว่าพี่เซียนของฉัน”
“เอาเป็นว่า สุดแล้วแต่คุณจะอยากให้เป็นก็แล้วกัน”
“ไม่ ฉันอยากรู้จากปากนาย”
“ผมบอกคุณไปแล้ว แต่คุณก็ไม่เชื่อ”
“ลองบอกอีกครั้งซิ”
“จะบอกกี่ครั้งก็ไม่มีประโยชน์ เพราะใจคุณไม่เชื่อ”
เซียนปิดโทรศัพท์แล้วทำงานต่อ สายพิณวางโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด
“คนบ้า”
สายพิณล้มตัวลงนอนกระสับกระส่ายต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านยายปิ่น ยายปิ่นกำลังเตรียมทำกับข้าวขาย
“วันนี้ทำไมพิณมันตื่นสาย”
ยายปิ่นอ้าปากจะเรียก แต่เสียงหมอแม่นดังขึ้นซะก่อน
“พิณ พิณเอ๊ย สายพิณ”
“ใครมาเรียกแต่เช้า” ยายปิ่นลุกเดินออกไปชะโงกมอง “ใครมาเรียกสายพิณ”
“ฉันเอง พิณมันตื่นหรือยังล่ะ”
“ยัง”
“งั้นฝากบอกมันด้วยว่า ฉันหาหมอผีให้ได้แล้ว” ยายปิ่นเบิกตากว้าง
“หมอผี”
สายพิณตื่นหลังจากหมอแม่นกลับไปแล้ว สายพิณเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าหมอแม่นมาหา
“แล้วทำไมยายไม่ปลุกหนู”
“สายพิณ เอ็งให้หมอแม่นมันหาหมอผีจริงๆ เรอะ”
“ใช่จ้ะยาย หนูจะช่วยให้วิญญาณพี่เซียนกลับมาเข้าร่างเดิม แล้วไล่วิญญาณปลาใหญ่ออกไป”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ให้ไปยุ่งกับมัน”
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกจ้ะ ยาย …พี่เซียนเป็นแฟนฉัน”
ยายปิ่นสะดุ้งเฮือก
“นังสายพิณ”
“เดี๋ยวมานะยาย”
สายพิณรีบออกไป โดยไม่ฟังยายปิ่นตะโกนเรียก ยายปิ่นฉุนจัด
สายพิณวิ่งมาหยุดหน้าบ้านหมอแม่น
“หมอแม่น หมอแม่น” หมอแม่นเดินออกมา “หมอแม่นหาหมอผีได้แล้วเหรอ”
“เออ เอ็งจะไปเมื่อไหร่ล่ะ”
“เดี๋ยวนี้เลยจ้ะยาย”
สีหน้าสายพิณมีความหวังเต็มเปี่ยม
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 5 (ต่อ)
หมอแม่นเดินนำสายพิณตรงมาที่บ้านกระหัง
“หมอผีอยู่ในชุมชนเราเรอะ ยาย”
“ก็ใช่น่ะซิ”
“ทำไมหนูไม่รู้ล่ะ”
“ยังกับข้ารู้นักนี่”
“อ้าว”
หมอแม่นพาสายพิณมาหยุดหน้าบ้านกระหัง
“ถึงแล้ว”
“บ้านลุงกระหังเนี่ยนะ”
“เออ”
“แกมีญาติเป็นหมอผีเหรอ ยาย”
“เข้าไปเถอะน่า”
“เข้ามา เข้ามา เข้ามาเลย”
กระหังร้องบอก หมอแม่นจึงคว้าข้อมือสายพิณลากเข้าไป
พอเข้ามาในบ้านสายพิณชะงัก เมื่อเห็นกระหังนั่งวางท่ายิ้มเผล่อยู่
“ไหนล่ะ หมอผี”
“ก็นั่งอยู่ตรงหน้าเอ็งนี่ไง อะไรวะ แค่นี้มองไม่เห็น ตาต่ำเหมือนตาตุ่ม”
“ลุงหัง...ลุงจะบอกว่า ...”
“ข้าเป็นหมอผี”
กระหังบอกอย่างภาคภูมิ สายพิณหันมามองหมอแม่นอย่างมึนสุดๆ
“ข้าก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” หมอแม่นบอก
“ยายหมอแม่น ยายหาไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่เห็นจะต้องมาหลอกกัน”
สายพิณพูดพลางเดินกลับออกไปฉุนๆ หมอแม่นรีบตามไป
“เดี๋ยว สายพิณ”
“นึกแล้วว่าต้องไม่เชื่อ”
หมอแม่นเดินตามสายพิณออกมาแล้วรีบมาขวาง กางแขนกั้นสายพิณไว้
“ฟังกันก่อนซิเว้ย”
“ยายนั่นแหละต้องฟังหนู หนูให้ยายตามหาหมอผี ไม่ใช่ตามหาผี”
“ก็ไอ้กระหังนั่นแหละ หมอผี”
“ไปดีกว่า”
“ถ้าเอ็งถูกหลอก ข้าก็ถูกหลอกเหมือนกัน” สายพิณถอนใจเฮือก “พรรคพวกเพื่อนฝูงมันบอกข้ามาว่า ไอ้หังนี่แหละหมอผีตัวจริง เสียงจริง”
“แล้วทำไมคนในซอยนี้ไม่มีใครรู้ซักคน”
หมอแม่นพาสายพิณเข้าไปถามกระหังเอง
“ก็ไม่มีใครถามนี่หว่า อีกอย่างสมัยนี้ ผีเราก็อยู่เป็นที่เป็นทางของเขาไม่ค่อยมีมาปรากฏให้เห็นแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อ”
“ก็แล้วเรื่องของเอ็งน่ะมันน่าเชื่อนักเรอะ”
“คมกริบเลย จริงของมันมั้ยล่ะ ไอ้พิณ”
สายพิณนิ่งไปครู่หนึ่ง
“แล้วลุงจะทำยังไง”
“ก่อนอื่น ต้องให้ดวงวิญญาณทั้ง 2 ดวงยินยอมก่อน”
สายพิณมีสีหน้าครุ่นคิด
“หมายถึงเอ็งต้องเกลี้ยกล่อมให้ทั้งดวงจิตเจ้าเซียน แล้วก็คุณหนูยินยอมพร้อมใจจะแลกร่างกัน นั่นเป็นบันไดขั้นที่หนึ่ง”
หมอแม่นบอก
สายพิณกับหมอแม่นจึงมาคุยกับเซียนเรื่องนี้
“สำหรับผม ไม่ได้อยากจะมาเข้าร่างนี้เลย นายเซียนนั่นแหละตัวดีใช้วิธีสกปรกยึดร่างของผมไป”
เซียนบอก สายพิณชักฉุน
“ตอนนี้พี่เซียนไม่ได้อยู่แก้ต่างนายก็พูดได้ซิ”
“เป็นธรรมดา คนรักกัน ก็ต้องแก้แทนกัน ข้อนี้ผมเข้าใจ”
สายพิณทั้งโกรธและอาย จนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แล้วจึงชี้หน้าเซียน
“ไอ้ ...ไอ้บ้า! กล้าดียังไง”
“ไม่เห็นต้องใช้ความกล้า ใช้แค่การสังเกตนิดหน่อยก็รู้”
สายพิณต่อยปากเซียนเปรี้ยง
“นี่แน่ะ สังเกต”
สายไหมและหมอแม่นตกใจ ขณะเซียนหน้าหงายร้องลั่น
“ไอ้พิณ เอ็งต่อยหลานข้าทำไม” สายไหมถามอย่างตกใจ
“หลานป้าที่ไหน นี่มันไอ้ปลาใหญ่”
“แต่มันอยู่ในร่างไอ้เซียน”
“หุบปาก อย่าเพิ่งเถียงกัน” หมอแม่นบอก
“ต่อไป เอ็งห้ามทำร้ายร่างกายหลานข้าเข้าใจไหม ....ไอ้พิณ”
สายพิณเม้มปาก จ้องหน้าเซียนเขม็ง
“การใช้กำลังเป็นเรื่องของผู้ที่ยังไม่เจริญ”
เซียนบอก สายพิณเบิกตากว้าง
“เอ็งก็หยุดซิวะ ไอ้เซียน ต่อความยาวสาวความยืดอยู่ได้”
“ผมคือปลาใหญ่”
“เออ! เอ็งจะเป็นใครก็ช่างเอ็ง ขออย่างเดียว หุบปาก”
“ได้ยินมั้ยไอ้ปลาใหญ่ นี่ถ้านายไม่มาเข้าร่างพี่เซียนละก็ แม่จะปล่อยให้อยู่อย่างนี้ไม่ต้องไปผุดไปเกิดซะให้เข็ด”
น้ำเพชรเข้ามาเรื่องงานกับปลาใหญ่ในห้องทำงาน ระหว่างนั้นครรชิตโทรศัพท์เข้ามาหา น้ำเพชรคุยโทรศัพท์กับครรชิตโดยมีปลาใหญ่นั่งมองเหมือนอยากรู้อยากเห็น
“อ๋อ ได้ค่ะ...น้ำจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง ปลาใหญ่รีบถามทันที
“จะไปไหน ครับ”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย”
น้ำเพชรลุกเดินไปที่ประตู ปลาใหญ่ลุกตาม
“แต่ขณะนี้ผมคือเจ้านายคุณ”
น้ำเพชรหันกลับมาช้าๆ สีหน้าเย็นชา
“ไหน...ขอฟังอีกทีซิ”
ปลาใหญ่หน้าจ๋อยลง
“จ๊ะจ๋า...จ๋าจ้ะ... เชิญครับ”
“ดี”
น้ำเพชรเปิดประตูออกไป ปลาทุบใหญ่หัวตัวเอง
“ไอ้เซียนเอ๊ย ขนาดอยู่ในร่างปลาใหญ่ก็ยังทำอะไรไม่ได้”
น้ำเพชรมาหาครรชิตที่ห้องทำงานซึ่งเซียนนั่งอยู่ด้วย
“นั่งซิ หนูน้ำ”
“มีอะไรหรือคะ”
“คืออย่างนี้ เราพอจะพบแสงสว่างบ้างแล้ว”
“หมายถึง...”
“พอจะมีวิธีให้ผมกับนายเซียนได้กลับเข้าร่างเดิม”
“ไชโย้”
“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือของหนูน้ำ”
“ว่ามาเลยค่ะ”
“เรารู้มาว่า นายเซียนหลงรักคุณ”
“โอ๊ย ขยะแขยง”
“เพราะฉะนั้น...คุณต้องเป็นคนพูดจาหว่านล้อมเขาให้ยอมกลับเข้าร่างเดิม”
“หมายถึงพูดดีๆ พูดให้นายเซียนยอมโอนอ่อนผ่อนตาม”
“เสียใจค่ะ น้ำทำไม่ลง”
“ถ้าอย่างนั้นก็หมดหวัง”
น้ำเพชรมองหน้าครรชิต แล้วเลยไปที่เซียน
“ถ้าคนอื่นพูด เขาจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด ทุกอย่างอยู่ที่คุณเพียงคนเดียว”
เซียนบอก น้ำเพชรถอนใจเฮือก
ที่ห้องทำงานปลาใหญ่ ปลาใหญ่กำลังเล่นเกมสนุกสนาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลาใหญ่เงยหน้าขึ้นมอง ประตูเปิดออกน้ำเพชรเดินเข้ามา ปลาใหญ่รีบเก็บเกมเข้าลิ้นชักเปิดหนังสือเกี่ยวกับการบริหารทันทีแล้วฉีกยิ้มรับ
“หนังสือเล่มนี้ดีมากจริงๆ ครับ มันเปิดโลกใหม่ให้กับผม”
น้ำเพชรส่งยิ้มหวานให้ปลาใหญ่
“นายจะเล่นเกมบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก”
ปลาใหญ่ชะงักไปครู่หนึ่ง
“พูดจริงหรือครับ”
“จริง” น้ำเพชรพยายามข่มความกระอักกระอ่วนใจ “กลางวันนี้ เราจะไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”
“จ๊ะจ๋า จ๋าจ้ะ อะไรนะครับ”
“เราจะไปทานข้าวกลางวัน วันนี้ด้วยกันเป็นการขอโทษที่ฉันเคยตบนาย”
น้ำเพชรฝืนยิ้มอีกครั้งแล้วเดินออกไป ปลาใหญ่มองตามด้วยอาการไม่เชื่อหูตัวเอง
น้ำเพชรกลับมาที่โต๊ะทำงานทรุดตัวลงนั่ง พ่นลมหายใจพรวดออกมา
“โฮ้ย...อยากจะบ้าตาย”
ระหว่างนั้นเซียนยังคุยอยู่กับครรชิตที่ห้องทำงาน
“คิดๆ ไปก็น่าสงสารนายเซียน”
ครรชิตเงยหน้าขึ้นแต่ยังไม่ทันจะถามอะไร ประตูเปิดออกปกรณ์เดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“คุณกรณ์”
“ไหนล่ะ ห้องทำงานของฉัน”
“เชิญทางนี้ครับ”
ครรชิตลุกขึ้น แล้วเดินนำออกไปอย่างสุภาพ ปกรณ์มองเซียนหัวจรดเท้าแล้วเดินตามออกไป
ครรชิตพาปกรณ์มาที่แผนกบริการลูกค้า ขณะนั้นพนักงานต่างกำลังรับโทรศัพท์ลูกค้า ประตูเปิดออกครรชิตนำปกรณ์เข้ามาแล้วชี้ไปที่โต๊ะว่าง
“นั่นครับ โต๊ะคุณกรณ์”
ปกรณ์มองโต๊ะแล้วหันมามองครรชิตอย่างฉุนจัด
“เฮ้ย ฉันถามเรื่องห้องทำงานของฉันนะเว้ย ไม่ใช่โต๊ะทำงาน”
“ขอประทานโทษครับ ห้องยังไม่มี ตำแหน่งก็ยังไม่มี ผมก็เลยจัดให้คุณกรณ์มาอยู่ฝ่ายบริการลูกค้านี้ไปก่อน”
ขณะปกรณ์อาละวาด ทุกคนค่อยๆ เหลือบสายตามามอง
“แกเห็นฉันเป็นอะไร นี่ฉันคุณปกรณ์ พี่ชายคุณจันทร์ทิพย์ ภรรยาเจ้าของบริษัท ไม่ใช่ไอ้ผีไอ้บ้าที่ไหน”
“ผมทราบครับ”
“ฉันต้องการห้องทำงานกว้างๆ เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม และตำแหน่งอย่างน้อยที่สุดก็คือ Manager ไม่ใช่พนักงานในแผนกซังกะบ๊วยนี่”
“ผมเรียนให้ทราบว่า ตำแหน่งยังไม่มี”
“งั้นก็ง่ายนิดเดียว เอาตำแหน่งและห้องทำงานของแกมาให้ฉัน”
ปกรณ์บอกด้วยหน้าตาดุเดือดเลือดพล่าน
ปกรณ์มาหาจันทร์ทิพย์อย่างหงุดหงิด
“ใจเย็นๆ ซิ พี่กรณ์” จันทร์ทิพย์ปลอบพี่ชาย
“เย็นไม่ไหวแล้ว นี่มันดูถูกพี่ ดูถูกจันทร์ แม้กระทั่งดูถูกคุณก้องซึ่งพี่จะยอมไม่ได้”
“จันทร์ไม่รู้ว่าคุณก้องเขาจะว่ายังไง” จันทร์ทิพย์ถอนหายใจอย่างลังเล
“จะว่ายังไง นอกจากไล่มันออกน่ะซิ”
“พี่กรณ์ ...”
“อย่าบอกนะว่าเธอกลัวไอ้ครรชิตนั่น”
“ไม่ได้กลัว แต่เขาเป็นคนของปลาใหญ่”
“งั้นพี่จะไปพูดกับปลาใหญ่เอง ถ้าหากยังพูดไม่รู้เรื่องกันละก็...ถึงหูคุณก้องแน่”
ปกรณ์บอกแล้วเดินออกไป จันทร์ทิพย์รีบลุกตาม
“เดี๋ยว พี่กรณ์”
ปกรณ์กับจันทร์ทิพย์มาที่ห้องทำงานปลาใหญ่ ขณะนั้นน้ำเพชรกำลังทำงานเพลินๆ ปกณ์มองน้ำเพชรอย่างสะดุดตาแว่บหนึ่งตามประสาผู้ชายเจ้าชู้
“มาพบ ท่านประธานหรือคะ”
น้ำเพชรเงยหน้าถาม จันทร์ทิพย์เดินเข้าไปในห้องทันทีติดตามด้วยปกรณ์ น้ำเพชรรีบตามเข้าไป
“ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่เงยหน้ามองจันทร์ทิพย์กับปกรณ์
“คุณอาจันทร์ เชิญนั่งครับ” ปลาใหญ่บอกแล้วหันไปทางปกรณ์ “เชิญเพ่ด้วย...คุณน้ำ...นั่งก่อน”
“ไม่ต้องนั่งก็ได้ ผมมีธุระนิดเดียว” ปกรณ์บอก
“ว่ามา”
“ผมต้องการห้องทำงาน และตำแหน่งที่อย่างน้อยที่สุดคือ ManagerW
ปลาใหญ่ทำหน้างง
“เมสเซ็นเจอร์ต้องมีห้องทำงานด้วยเรอะ อยู่รวมๆ กันก็ได้”
ปกรณ์และจันทร์ทิพย์เหวอบ้าง
“Manager...ผู้จัดการน่ะค่ะ คุณปลาใหญ่ ไม่ใช่เมสเซ็นเจอร์”
น้ำเพชรบอก
“จ๋าจ๊ะ... จ๊ะจ๋า เรื่องนี้ ผมยกให้เป็นหน้าที่ของคุณคันไปแล้วนี่ครับ นึกว่ารู้กันแล้วเสียอีก”
ปลาใหญ่ทำหน้าตายบอกออกมา น้ำเพชรคอยมองปลาใหญ่หวาดๆ ว่าจะหลุดและพยายามลุ้นเต็มที่
“แต่มัน ... เอ๊ย เขาให้ผมไปอยู่ในแผนกบริการลูกค้า ห้องหับเป็นส่วนตัวก็ไม่มี”
“งั้นก็ต้องเป็นไปตามนั้น”
“ปลาใหญ่”
“เฮ้ย นี่ผม ปกรณ์ เสพสุขสโมสร นะ”
น้ำเพชรค่อยๆ โล่งใจเมื่อเห็นท่าทีว่าปลาใหญ่น่าจะรับมือสองคนได้
“และผม...ปลาใหญ่” ปลาใหญ่ชะงัก เพราะเมื่อไม่รู้นามสกุล ทั้งสามคนมองปลาใหญ่เขม็ง ปลาใหญ่ลุกจากเก้าอี้ “ปลาใหญ่ Big fish นะ”
“คุณดูถูกผมใช่ไหม คุณหาว่า ผมไม่มีหัวนอนปลายตี...เท้า จะบอกให้ว่าผมมีทั้งหัวนอนและปลายเท้า ผมจบจากเมืองนอกเหมือนกันผมเป็นไฮโซ ผมเป็น...”
ปลาใหญ่ทำหน้าเป็นการเป็นงานขัดขึ้น
“นี่ คุณปกรณ์ คุณควรจะทำความเข้าใจสักหน่อยว่า นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่มักจะเริ่มต้นมาจากความไม่มีอะไรเลย แล้วจึงค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา” น้ำเพชรมองปลาทึ่งๆ ขณะที่ปลาใหญี่เดินกลับไปกลับมาช้าๆ “และนักธุรกิจเหล่านี้เมื่อมีลูกมีหลาน เขาก็มักจะให้ลูกหลานไต่เต้าขึ้นมาจากตำแหน่งเล็กๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจการทำงานทุกขั้นตอนโดยทะลุปรุโปร่งและขณะเดียวกันก็จะได้เข้าใจลูกน้องด้วย” จันทร์ทิพย์มองปลาใหญ่ลังเล ขณะที่ปกรณ์ขบกรามแน่นแค้นๆ “เพราะฉะนั้น ...คุณก็ไม่มีข้อยกเว้น”
ปลาใหญ่สบตาปกรณ์กวนๆ แกมท้าทายแบบเซียน
จันทร์ทิพย์นำเรื่องนี้มาฟ้องเกริกก้อง
“สมน้ำหน้า อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปให้มันด่าจนถึงที่”
เกริกก้องต่อว่า
“คุณก้อง คุณกำลังด่า พี่ชายจันทร์นะคะ”
“ถามหน่อย ทำไมต้องเสนอหน้าไปของานมัน”
“อ้าว ก็ ...
“บอกพี่ชายคุณให้อยู่เฉยๆ ไปก่อน อย่าเพิ่งซ่าส์นักทำตัวเงียบๆ เรียบร้อย แล้วผมจะจัดการเสนอแผนกใหม่ในการประชุมผู้ถือหุ้นคราวหน้า”
“เฮ้อ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก”
“อย่าลืม บอกพี่ชายคุณว่าอย่าทำกร่างจนเสียเรื่องล่ะ”
จันทร์ทิพย์เข้ามากอดเกริกก้อง
“ค่ะ...แล้วจันทร์จะบอกเขา”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น อลิสาเดินเข้ามาแล้วทำหน้าผิดปกติแว่บหนึ่งเมื่อเห็นเกริกก้องกอดจันทร์ทิพย์ เกริกก้องรีบปล่อยจันทร์ทิพย์ทันที
“ว่าไง...อลิสา”
“มีเอกสารที่คุณก้องลืมเซ็นชื่อค่ะ”
จันทร์ทิพย์นิ่วหน้าเมื่อได้ยินอลิสาเรียก “คุณก้อง”
“ไหนล่ะ”
“นี่ค่ะ”
จันทร์ทิพย์จับตาดูท่าทางของทั้งสองคนเงียบๆ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ห้องทำงานของปลาใหญ่ น้ำเพชรมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะคุยกับปลาใหญ่
“นายทำได้ดีพอใช้”
“ไม่นึกใช่มั้ยล่ะ นี่ผมยังมีอะไรดีๆ ซ่อนอยู่อีกเยอะ”
“อย่าทะลึ่ง พอชมเข้าหน่อยอย่ามาทำทะลึ่ง”
“ว่าซะเสียหายเลย” น้ำเพชรเดินไปที่ประตู “แล้วกลางวันวันนี้ล่ะครับ เหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ต้องดูก่อน”
น้ำเพชรเดินออกไป
“ใจร้ายจัง”
น้ำเพชรกลับมาที่โต๊ะทำงานแล้วทรุดตัวลงนั่งเปิดคอมจะทำงานต่อ จังหวะนั้นปกรณ์เดินเข้ามาหาน้ำเพชรด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“เรายังไม่รู้จักกันเลย”
“ดีแล้วละค่ะ”
ปกรณ์นั่งลงตรงข้ามน้ำเพฃร
“พูดแบบนี้ ผมเสียใจนะ”
“ขอโทษนะคะ ฉันมีงานต้องทำ”
“พอผมมาทำงานที่นี่แล้ว อยากให้คุณย้ายมาอยู่กับผม รับรองว่าผมจะไม่ให้คุณต้องทำงานหนักเด็ดขาด”
“ฉันจะทำงาน”
“คุยกันหน่อยไม่ได้หรือไง”
“ว่างมากนักเรอะ” ปกรณ์นิ่วหน้า “ถ้าไม่มีอะไรจะทำ ก็ไปช่วยโบกรถหน้าบริษัทดีไหม”
ปกรณ์ลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ชักจะหมดความอดทนแล้วนะเว้ย”
“เออ เหมือนกันเลยว่ะ”
น้ำเพชรลุกขึ้นเหมือนกัน ปกรณ์จ้องหน้าน้ำเพชรเขม็ง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“ที่นี่ไม่รับฝาก”
ปกรณ์มองน้ำเพชรแค้นๆ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้าก่อนเดินไป น้ำเพชรยักไหล่อย่างไม่แคร์แล้วทรุดตัวลงนั่งทำงานต่อ
ปกรณ์หน้าหงิกเดินตรงมาที่ห้องทำงานจันทร์ทิพย์ ขณะนั้นจันทร์ทิพย์กลับมาพอดีด้วยสีหน้าครุ่นคิดเป็นกังวล
“พี่กรณ์ ทำไมยังไม่กลับบ้านอีกจันทร์บอกแล้วไงว่า...”
จันทร์ทิพย์ใส่อารมณ์กับปกรณ์
“เข้าไปพูดกันข้างใน”
ปกรณ์เดินปึงๆ นำเข้าไป จันทร์ทิพย์เม้มปากเดินตาม โดยเลขาค่อยๆ เหลือบตามองตามแล้วทำคอย่นเหมือนสยอง
พอเข้ามาในห้องทำงานจันทร์ทิพย์หันขวับมาทางปกรณ์
“พี่กรณ์”
“อย่ามาวาง อำนาจใส่ฉันต่อหน้าคนอื่น”
“ก็จันทร์บอกให้กลับแล้วทำไมไม่กลับ”
“ฉันก็แค่เดินดูโน่นดูนี่”
“แน่นะ” จันทร์ทิพย์ลงเสียงหนักอย่างคาดคั้น
“เอ๊ะ... จะหาเรื่องเรอะไง”
“เปล่า แต่จันทร์รู้นิสัยพี่” ปกรณ์นิ่งไป “จันทร์คุยกับคุณก้องแล้ว”
“เขาว่าไง”
“ให้พี่กรณ์รอไปก่อน จนกว่าเขาจะเสนอเพิ่มฝ่ายในการประชุมผู้ถือหุ้นคราวหน้า”
“ทำไมจะต้องทำอย่างนั้น ไม่เข้าใจ”
“ก็เพราะบริษัทเรามีผู้ถือหุ้นอยู่ส่วนหนึ่ง ก็พรรคพวกเพื่อนฝูงคุณเกรียงไกรเขานั่นแหละ”
“ยึดคืนมาซะก็หมดเรื่อง ทำไมจะต้องให้มันวุ่นวายด้วย”
ปกรณ์บ่นพลางเดินออกไป จันทร์ทิพย์มองตามพลางส่ายหน้า
น้ำเพชรยอมออกมาทานอาหารกลางวันกับปลาใหญ่ ปลาใหญ่เดินตามน้ำเพชรเข้ามาในร้านอาหารโดยปลาใหญ่มองซ้ายมองขวาเจอกลุ่มสาวสวยเซ็กซี่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกัน แล้วหลิ่วตาให้ปลาใหญ่ ปลาใหญ่มองตอบอย่างเผลอไผลแล้วยักคิ้วหลิ่วตาแบบเจ้าชู้เถื่อนๆ ให้
เพราะมัวแต่มองสาวปลาใหญ่จึงไม่ทันระวัง เท้าเดินสะดุดเกาอี้ล้มโครมลงไปทั้งคนทั้งเก้าอี้เสียงดังสนั่น ทุกคนในนั้นหันมามองปลาใหญ่เป็นตาเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงสาวกลุ่มนั้นยิ่งหัวเราะยิ่งคิกคักขณะที่น้ำเพชรอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี จึงตัดสินเดินกลับออกไป ปลาใหญ่ลุกขึ้นตาม
“รอด้วยครับ คุณน้ำ”
ด้วยความรับปลาใหญ่เลยชนโครมเข้ากับบริกรซึ่งกำลังยกอาหารมาแล้วหกล้มกันไปอีกทั้งปลาใหญ่และบริกรจนอาหารหกกระจาย น้ำเพชรหันมามองอย่างสยอง แล้วรีบออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็ว
ปลาใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้นมา แล้วทำตลกโค้งให้ทุกคนโดยใช้มือแตะหน้าผาก แล้วผายออกแบบอัศวินโบราณ
“ขอประทานโทษครับ ขอประทานโทษ”
ทุกคนปรบมือให้ปลาใหญ่ซึ่งทำหน้าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
ปลาใหญ่รีบเดินออกมาจากร้านอาหาร ผู้คนในบริเวณนั้นมองปลาใหญ่แปลกๆ ขณะที่ปลาใหญ่เหลียวมองหาน้ำเพชร
“คุณน้ำ คุณน้ำเพชร”
ปลาใหญ่ตะโกนเรียกแต่น้ำเพชรไม่ปรากฏร่างในบริเวณนั้น ปลาใหญ่นึกได้รีบหยิบโทรศัพท์มาโทรหา ขณะนั้นน้ำเพชรกำลังขับรถกลับบริษัท เธอรับโทรศัพท์แล้วต่อว่าปลาใหญ่เป็นชุด
“นายเซียน นายทำให้ฉันอับอายขายหน้าที่สุด นายมันซุ่มซ่าม เถื่อน ถ่อย ดิบ ไม่มีที่เปรียบ รู้มั้ยว่าฉันอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น”
“รู้ซิครับ เพราะคุณหายไปจริงๆ”
“อ๋อ! แล้วนายจะให้ฉันอยู่คอยประคับประคองพานายไปอาบน้ำล้างตัวให้เรอะ”
“แหม ถ้าอีแบบนั้นก็ซู้ดยอด”
“ไอ้บ้า”
น้ำเพชรปิดโทรศัพท์อย่างโมโห
“เดี๋ยวซิ คุณน้ำ เดี๋ยว ว้าเล่นเอาตัวรอดนี่หว่า”
ปลาใหญ่ส่ายหน้าพลางเก็บโทรศัพท์
ครรชิตอยู่ที่ห้องทำงานและกำลังกินข้าวอยู่กับเซียน น้ำเพชรเดินหน้างอเข้ามา
“อ้าว! หนูน้ำ ทานข้าวด้วยกันมั้ย”
ครรชิตเอ่ยชวน
“ไม่ค่ะ กินไม่ลง”
“ทำไมละ”
น้ำเพชรหันขวับมาชี้หน้าเซียนทันที
“ยังจะมีหน้ามาถาม”
เซียนและครรชิตสะดุ้งเฮือก
“ก็นายนั่นแหละ แหม! เห็นหน้าแล้วมันอยากจะฟาดนัก”
พร้อมๆ กับคำพูด น้ำเพชรฟาดเซียนด้วยกระเป๋าทันที
“หนูน้ำ”
“โอ๊ย! คุณน้ำ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ”
ปลาใหญ่บอกทำให้น้ำยิ่งฉุน
“หน่อยแน่ะ ไอ้เซียน! ไอ้มหาวายร้าย” น้ำเพชรเหวี่ยงหมัดใส่เซียน ครรชิตรีบเข้ามาห้าม
“ขอที ขอที”
“เอาไป! จัดให้” น้ำเพชรซัดครรชิตโครม ครรชิตเซล้มลงร้องลั่นทำให้สติน้ำเพชรกลับคืนมา “คุณลุง ตายแล้ว ขอโทษค่ะ”
น้ำเพชรยกมือไหว้แล้วรีบประคองครรชิตขณะลุกขึ้น โดยเซียนมองหวาดๆ กระเถิบห่างออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โอย...หนูน้ำ...โมโหโทโสอะไรมารึ”
“ขอประทานโทษอีกครั้งนึงค่ะ ก็ไอ้เซียนนะซิค่ะ มันทำให้น้ำอับอายขายหน้าแล้วก็โมโหต่อเนื่องมา จนกระทั่งพอเห็นไอ้หน้าแบบนี้...” น้ำเพชรชี้หน้าเซียน “มันยิ่งจี๊ดได้ที”
“คุณต้องพยายามท่องให้ขึ้นใจว่าเวลานี้ผมคือปลาใหญ่”
“รู้ละค่ะ แต่รูปร่างหน้าตามันไม่ใช่นี่ค่ะ อีกอย่าง...น้ำได้ยินคำว่า ขอที แล้วมันของขึ้น”
“อย่าขึ้นบ่อยนักซิหนูเอ้ย...คุณปลาใหญ่ล่ะ” ครรชิตถามเมื่อนึกได้
“ไม่ทราบซิค่ะ”
“อ้าว”
“เฮ้! คุณเอาร่างผมไปปล่อยไว้ที่ไหน อย่าลืมว่าถึงจิตวิญญาณจะเป็นนายเซียน แต่ร่างนั้นเป็นร่างของผมนะ”
เซียนโวยวาย น้ำเพชรยิ้มแห้งๆ
“ขอประทานโทษค่ะ ป่านนี้คงเละเทะอยู่หน้าร้าน”
“เละเทะ”
ครรชิตกับปลาใหญ่ทำเสียงตกใจ น้ำเพชรสะดุ้ง มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีแบบสำนึกผิด
โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป