หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 11
บริเวณสวนหย่อมในบ้านกันต์ เนติมาเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาแล้วพูดอย่างตัดใจ
“ป่านนี้พี่ศิวัชคงไม่มาแล้วล่ะ”
“ใจเย็นน่าคุณ พระเอกเขามาตอนจบทั้งนั้นแหละ”
“วันนี้ไม่มีพระเอกหรอก มีแต่คนเสียใจ ช่างมันเถอะ ก็แค่วันเกิดวันหนึ่งเท่านั้น “ เนติมาพยายามฝืนยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“คนที่อยู่กับความเจ็บปวดได้ด้วยรอยยิ้มเนี่ยเก่งที่สุดเลยรู้มั้ยครับ”
ระบิลจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“อืม..เดี๋ยวผมมานะคุณ”
“นายจะไปไหนเหรอ”
ระบิลไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มให้เนติมาอย่างอารมณ์ดี
ระบิลเดินกลับเข้ามาในบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้กำกับวิเชษฐ์กำลังจะเดินสวนออกไปพอดี
“คุณเนติ์เป็นไงบ้าง”
“สงบลงแล้วล่ะครับ”
“คุณศิวัชจะมารึเปล่าก็ยังไม่รู้ใช่มั้ย”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ถามด้วยความกังวล ระบิลพยักหน้ารับแต่พยายามมองโลกในแง่ดี
“คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะครับ คนรักกันเดี๋ยวเขาก็เคลียร์กันได้ คุณขวัญล่ะครับ”
“เห็นบอกว่าไม่ค่อยสบายเลยขึ้นไปนอนแล้วล่ะ อ้อ..เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ มีงานด่วนต้องทำ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ เอางานไว้ก่อน ทางนี้ผมจัดการได้สบายมาก”
หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเนติมาขึ้นชื่อศิวัชอยู่ พร้อมกดโทรออก เนติมามองอย่างลังเลว่าจะโทรหาศิวัชดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจปิดเครื่อง น้ำตาของเนติมาคลอเบ้าด้วยความเสียใจ
“ร้องไห้อีกแล้ว”
แสงจากเปลวเทียนเรืองมากระทบใบหน้า เนติมาค่อยๆหันไปมองแล้วต้องตะลึง เมื่อเห็นระบิลยิ้มอารมณ์ดีพร้อมถือเค้กก้อนหนึ่งที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายเดินเข้ามา
“นาย...”
“สุขสันต์วันเกิดครับเจ้านาย”
“นี่นาย..ไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
เนติมาพูดด้วยความแปลกใจ ขณะที่ระบิลยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี
“ซื้อที่ไหน ขี้มือผมล้วนๆเลยนะคุณ”
เนติมาก้มมองหน้าเค้กเนยสดที่แต่งอย่างง่ายๆ มีข้อความเขียนว่า “สุขสันต์วันเกิดครับเจ้านาย” เนติมาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ระบิลพูดดักคอขึ้น
“เอ้า..เป่าสิคุณ ไม่ใช่เทียนพรรษานะจะได้อยู่เป็นเดือนๆ ที่สำคัญผมเมื่อยมือแล้ว”
“ไม่ร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้หน่อยเหรอ”
“ได้คืบจะเอาศอกนะเนี่ย...เป่า”
ระบิลแกล้งพูดเสียงเข้ม เนติมาเป่าเทียนบนเค้กจนดับหมด
“นับจากวินาทีนี้ ขอให้คุณมีแต่ความสุขนะครับ”
“ขอบคุณนายมากนะ”
ทั้งสองคนสบตากันนิ่งด้วยความรักที่มีอยู่ในใจ ระบิลจะพยายามรวบรวมสติพูดตัดบทออกมา
“ชิมเค้กขี้มือผมกันมั้ยคุณ”
เนติมาตักขนมเค้กใส่ปากด้วยความเอร็ดอร่อย
“อืม..อร่อยจัง ไม่นึกว่านอกจากอาหารแล้ว นายจะทำขนมเค้กเป็นด้วย”
“ก็ได้แต่ง่ายๆน่ะคุณ อย่างที่ทำวันนี้ก็หยิบของเหลือๆในครัวมาทำทั้งนั้น”
“ถึงจะเป็นของเหลือ แต่นายใช้ใจทำก็เลยอร่อยอย่างนี้ไง”
“แหม..นานๆชมกันทีอย่างนี้ค่อยชื่นใจหน่อย”
ระบิลยิ้มมองขึ้นไปบนฟ้าที่มีดาวประปราย ขณะที่เนติมามองระบิลด้วยรอยยิ้ม
“นายอยู่กับฉันทุกครั้งที่ฉันมีอันตราย”
“มันเป็นหน้าที่ผมนี่ครับ”
“แล้วนายก็อยู่กับฉันทุกครั้งที่ฉันเศร้า”
“นั่นไม่ใช่หน้าที่แต่ผมเต็มใจทำครับ”
เนติมาคิดอะไรอยู่นิดหนึ่งแล้วยิ้มออกมา
“ถ้าฉันจะขอบคุณนายอีกครั้ง นายจะแซวฉันมั้ยอ่ะ”
ระบิลไม่ตอบอะไร เนติมายิ้มพูดอย่างอายๆ
“ก็ฉันไม่รู้จะตอบแทนนายยังไงได้ดีเท่าคำขอบคุณแล้วนี่”
“แค่คุณมีรอยยิ้มเหมือนที่คุณยิ้มอยู่ตอนนี้ ก็แทนคำขอบคุณทั้งหมดแล้วล่ะครับ”
ระบิลเอื้อมมือไปจับมือเนติมามากระชับแน่น ขณะที่เนติมาก็กระชับมือตอบเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันนิ่งค้างด้วยความรักที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ขวัญชนกผ่านหน้าต่างห้องนอนอด้วยความเศร้าที่เห็นระบิลกับเนติมากุมมือ สบตากันอยู่ในสวนหย่อมก่อนจะเลี่ยงเดินกลับออกไป
ขณะที่ระบิลกับเนติมายังคงกุมมือและสบตากันนิ่งค้างด้วยความรักที่มีให้กัน ศิวัชถือดอกไม้ช่อโตเข้ามาพอดีก็มองตะลึงกับภาพตรงหน้า ศิวัชพยายามรวบรวมสติก่อนตัดสินใจเรียก
“เนติ์”
ระบิลกับเนติมาสะดุ้งด้วยความตกใจ
“พี่ศิวัช !”
“คุณศิวัช !”
ศิวัชพยายามยิ้มออกมาอย่างกลบเกลื่อนความรู้สึกก่อนถือช่อดอกไม้เดินเข้ามาให้เนติมา
“สุขสันต์วันเกิดจ๊ะเนติ์”
ศิวัชพยายามพูดง้ออย่างรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษนะจ๊ะเนติ์ พี่ติดภารกิจด่วนจริงๆ”
“ภารกิจด่วนขนาดคนเป็นทั้งเลขา เป็นทั้งคนรักอย่างเนติ์ยังไม่ทราบแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้เลยงั้นเหรอคะ”
“คือพี่ เออ..คุณระบิลครับ”
ศิวัชหันไปมองระบิลนิดหนึ่งเหมือนจะบอกเป็นเชิงว่าขอเวลาส่วนตัว ระบิลชะงักอย่างรู้ความหมาย ก่อนเดินเลี่ยงออกไปทันที
“เออ..งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ศิวัชมองตามระบิลไปนิดหนึ่งก่อนหันมามองเนติมาอย่างรู้สึกผิด
ภายในระเบียงบ้านกันต์ ระบิลหันไปมองศิวัชที่กำลังยืนง้อ อธิบายเหตุผลต่างๆให้เนติมาฟัง ขณะที่เนติมาหน้ายังหน้าง้ำไม่หายโกรธ ระบิลมองเนติมาด้วยความเป็นห่วง
คำพูดเมื่อครู่...
ระบิลยิ้มอารมณ์ดีพลางมองขึ้นไปบนฟ้าที่มีดาวประปราย
“นายอยู่กับฉันทุกครั้งที่ฉันมีอันตราย”
“มันเป็นหน้าที่ผมนี่ครับ”
ระบิลยิ่งรู้สึกสับสนในความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น
ระบิลหันมองไปในสวนหย่อมอีกครั้ง เห็นเนติมากำลังต่อว่าอะไรบางอย่างกับศิวัช ก่อนที่เนติมาจะร้องไห้ออกมา ขณะที่ศิวัชก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
ระบิลถอนใจออกมาด้วยความไม่สบายใจ รู้ตัวดีว่าตนได้ตกหลุมรักเนติมาแล้วอย่างเต็มหัวใจ ระบิลสับสนพยายามต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างถึงที่สุด
“แล้วนายก็อยู่กับฉันทุกครั้งที่ฉันเศร้า”
“นั่นไม่ใช่หน้าที่ แต่ผมเต็มใจทำครับ”
ระบิลหันกลับไปมอง เห็นศิวัชเอาผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เนติมา ก่อนเนติมาจะยิ้มและยอมรับช่อดอกไม้จาก ศิวัชดึงเนติมาเข้ามากอดด้วยความรัก ระบิลรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ภายในห้องหนังสือในเวลาต่อมา ระบิลที่สีหน้ายังครุ่นคิดอย่างไม่สบายใจอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก
ระบิลมองภาพในคอมพิวเตอร์เห็นรูปของเนติมาซึ่งระบิลเป็นคนถ่ายให้ในท่าทางต่างๆอยู่ 5-7 รูป ระบิลมองภาพเนติมาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ไงครับ ฝีมือพอได้มั้ย”
“อืม..สวยดีค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ระบิลค่อยๆเลื่อนรูปดูแล้วต้องชะงักกับรูปเนติมาบนหอไอเฟล แต่รูปนี้กลับมีรูปของระบิลยืนคู่อยู่ด้วยอย่างแนบเนียน ระบิลนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
เนติมาวางสายก่อนหันไปพูดกับระบิล
“พี่ศิวัชยังคุยธุระไม่เสร็จเลยค่ะ”
“อ้าว..อดเลย เอางี้มั้ย..เดี๋ยวผมถ่ายรูปคุณเดี่ยวๆไว้อีกรูป แล้วเผื่อที่ข้างๆไว้ แล้วเดี๋ยวผมไปถ่ายรูปเดี่ยวคุณศิวัช เอามาทำโฟโต้ช็อปแปะไว้ข้างๆคุณ เนียนแอ๊บหวานนิดหนึ่งก็ได้รูปคู่แล้ว”
“โอ๊ย..วุ่นวายไปรึเปล่าคะ”
เนติมาอดขำไม่ได้ ที่ระบิลเสนอความคิดพลางออกท่าทางประกอบด้วย
“ไม่วุ่นคุณ ผมทำบ่อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราสองคนถ่ายคู่กันมาเยอะแล้ว แต่ตอนนี้ฉันว่าลงไปหาอะไรทานกันเถอะ ใช้พลังงานวิ่งขึ้นมาตั้งเยอะ ชักเริ่มหิวแล้วล่ะ”
ระบิลนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ กำลังเอารูปของตัวเองเข้าไปทำในโปรแกรม photoshop ยืนข้างๆเนติมาอย่างแนบเนียน ระบิลมองภาพที่ตัดต่อเรียบร้อยด้วยรอยยิ้มขำๆอย่างอารมณ์ดี
“นายทำอะไรน่ะ”
ระบิลชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเนติมาดังมาจากด้านหลัง
ระบิลรีบปิดรูปในคอมพิวเตอร์ทันที พร้อมหันไปยิ้มแก้เก้อให้เนติมาที่เดินถือช่อดอกไม้ยิ้มเข้ามาจากทางด้านหลัง
“ทำไมต้องตกใจอย่างนั้นด้วย นายมีความลับอะไรกับฉันบอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ผมจะมีอะไรปิดบังเจ้านายล่ะครับ จู่ๆโผล่มาอย่างนี้เป็นใครก็ตกใจครับ นึกว่าผี”
ระบิลแกล้งลอยหน้าลอยตาพูดล้อเนติมา
“อ้อ..คุณศิวัชกลับไปแล้วเหรอครับ”
เนติมาไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข
“เห็นมั้ยผมบอกแล้วว่าคุณศิวัชไม่ใช่คนเหลวใหล”
“ดินเนอร์คงต้องเลื่อนไปวันอื่น ป่านนี้ร้านคงปิดหมดแล้ว”
“คืนนี้ดินเนอร์มีสาระไม่เท่าคุณศิวัชพยายามที่จะมาตามสัญญาหรอกนะ หิวมั้ยล่ะครับ เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน”
“ฉันอยากพักผ่อนมากกว่า”
เนติมาพูดยิ้มมองระบิลอย่างขอบคุณ ทั้งคู่สบตากันนิ่งค้างก่อนจะตั้งสติได้ต่างรีบหลบตากันทันที ระบิลเดินตามออกมาส่งเนติมา
เนติมาที่เดินออกมาได้สักสองสามก้าวก็ชะงักก่อนหันกลับไปพูดกับระบิล และระบิลก็พูดออกมาด้วยคำพูดเดียวกันว่า “ฝันดี...”
ระบิลกับเนติมาต่างมองหน้ากันด้วยความรัก ก่อนที่ทั้งสองคนจะถอนใจพร้อมๆกันเหมือนมีกำแพงบางอย่างมากั้นความรู้สึกบางอย่างทำให้ไม่สามารถพูดออกไปได้
ระบิลเดินเข้ามาในห้องหนังสือด้วยสีหน้าไม่สบายใจเพราะความรู้สึกที่มีต่อเนติมาชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของระบิลก็ดังขึ้น ระบิลเห็นชื่อของศิวัชโชว์ที่หน้าจอ
“ครับ..คุณศิวัช”
“พรุ่งนี้คุณระบิลมาพบผมหน่อยนะครับ”
ศิวัชน้ำเสียงนิ่งเรียบไม่แสดงอาการอะไร ระบิลนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“ได้ครับคุณศิวัช ไม่ทราบว่าคุณศิวัชจะให้ผมไปพบที่ไหนครับ”
ระบิลนิ่งฟังปลายสายด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
บนดาดฟ้าที่ทำการพรรคสยามพัฒนา ระบิลเปิดประตูออกมาเห็นศิวัชยืนสวมแว่นกันแดดมองออกไปยังวิวตึกสูงด้านนอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ศิวัชจะชำเลืองมาที่ระบิลซึ่งอยู่ทางด้านหลังนิดหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอบคุณนะครับคุณระบิล ที่อุตส่าห์มาพบผม”
“คุณศิวัชมีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมถึงต้องนัดผมขึ้นมาบนนี้”
ศิวัชหันกลับมาพร้อมถอดแว่นกันแดดออกมองหน้าระบิลด้วยสีหน้าเฉยชา ศิวัชนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อคืนทันที
ศิวัชที่ถือดอกไม้ช่อโตมาด้วยยืนมองอยู่ก็ตะลึงกับภาพตรงหน้า ศิวัชพยายามรวบรวมสติก่อนตัดสินใจเรียก
“เนติ์”
ระบิลกับเนติมาสะดุ้งด้วยความตกใจ
“พี่ศิวัช !”
“คุณศิวัช !”
ระบิลชักสีหน้าด้วยความสงสัย เมื่อเห็นศิวัชนิ่งไป
“คุณศิวัชเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
ศิวัชสะดุ้งนิดหนึ่งและพยายามเรียกสติกลับมา ศิวัชพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมกับเนติ์รักกันมานาน แล้วก็รักกันมากด้วย”
“ครับ ข้อมูลนี้ผมทราบดีครับ” แ
“เนติ์คือชีวิตของผม ผมถึงย้ำฝากคุณให้ดูแลเนติ์ด้วย”
“ครับ ผมทำตามที่รับปากทุกอย่าง งานผมมีอะไรบกพร่องรึเปล่าครับ คุณศิวัช”
ระบิลถามด้วยความไม่แน่ใจ ศิวัชพูดด้วยความลำบากใจ
“งานคุณไม่มีอะไรบกพร่อง แต่...”
ระบิลนิ่งรอฟังด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
“อาจมีอะไรเกินเลย”
“คุณศิวัช...”
ระบิลพูดออกมาด้วยความตกใจ ศิวัชถอนใจออกมาด้วยความไม่สบายใจ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี คุณเองก็เคยมีคนรัก ผมมีคนรัก ก็ไม่อยากให้ใครมาขโมยหัวใจคนที่ผมรักไปเหมือนกัน”
“คุณศิวัชครับ คุณกำลังเข้าใจผิดนะครับ”
ระบิลพยายามอธิบายทั้งๆที่ก็รู้ใจตัวเองดีอยู่ว่ารักเนติมาอย่างไม่รู้ตัว
“ดวงตาคุณกับเนติ์ซ่อนความรู้สึกไม่ได้หรอกครับ”
“คุณศิวัช !”
“คุณกำลังบอกว่า ผมคิดมากไปเองใช่มั้ย ผมคิดมากไปใช่มั้ยคุณระบิล”
ศิวัชเสียงดังอย่างคาดคั้น ระบิลตะลึงพูดอะไรไม่ออก
เนติมาเดินมาตามทางพลางส่ายตามองไปรอบๆเพื่อมองหาระบิลกับศิวัช
“ไปไหนของเขานะ”
เนติมาเดินมาถึงหน้าลิฟท์ เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี
“อ้าว..พี่ศิวัช คุณระบิลไปไหนกันมาคะเนติ์ตามหาตั้งนาน”
ระบิลกับศิวัชมองหน้ากันนิดหนึ่งแล้วเดินออกมาจากลิฟท์ส่งยิ้มให้เนติมาอย่างกลบเกลื่อน
“เจอกันในลิฟท์น่ะจ้ะเนติ์”
“รีบไปทำเนียบเถอะค่ะ พี่ศิวัชมีนัดท่านฑูตบ่ายนี้นะคะ”
“พี่ไม่ลืมจ้ะ แล้วคืนนี้เราไปดินเนอร์ชดเชยวันเกิดเนติ์กันนะ”
ศิวัชพูดยิ้มๆพลางเอื้อมมือไปโอบเนติมาเป็นเชิงแสดงความเป็นเจ้าของให้ระบิลรู้
“คืนนี้คุณระบิลไม่ต้องตามไปนะครับ ผมใช้การ์ดชุดของผมได้”
“อ้าว..ทำไมล่ะคะ ทุกทีคุณระบิลก็ตามไป”
“ให้คุณระบิลเขาพักบ้างสิจ๊ะเนติ์ จะใช้งานเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเหรอไง...ตามนี้นะครับ”
“ครับผม...”
ระบิลยิ้มรับคำหน้าเจื่อนๆ รู้ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของศิวัชทุกอย่าง
“ไปจ้ะเนติ์ เดี๋ยวไม่ทันนัด”
ศิวัชเดินโอบเนติมาผ่านหน้าระบิลออกไป เนติมาชักสีหน้างงๆกับท่าทีของศิวัช จนอดหันมามองระบิลด้วยความสงสัยไม่ได้
ระบิลหลบตาเนติมาแล้วเดินตามไปด้วยความรู้สึกเศร้าและอึดอัด
ยามเย็น ระบิลนั่งอยู่ริมตลิ่งมองไปในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยสีหน้าครุ่นคิดถึงคำสนทนากับศิวัช
ระบิลถามด้วยความไม่แน่ใจ ศิวัชพูดด้วยความลำบากใจ
“งานคุณไม่มีอะไรบกพร่อง แต่...”
ระบิลนิ่งรอฟังด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
“อาจมีอะไรเกินเลย”
“คุณศิวัช...”
ระบิลถอนใจและพยายามคิดทบทวน
ศิวัชถอนใจความไม่สบายใจ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี คุณเองก็เคยมีคนรัก ผมมีคนรักก็ไม่อยากให้ใครมาขโมยหัวใจคนที่ผมรักไปเหมือนกัน”
“คุณศิวัชครับ คุณกำลังเข้าใจผิดนะครับ”
ระบิลหลับตาลงด้วยความไม่สบายใจมากขึ้น
ศิวัชพูดด้วยความไม่สบายใจ
“ดวงตาคุณกับเนติ์ซ่อนความรู้สึกไม่ได้หรอกครับ”
“คุณศิวัช !”
“คุณกำลังบอกว่า ผมคิดมากไปเองใช่มั้ย ผมคิดมากไปใช่มั้ยคุณระบิล”
ระบิลกุมหัวก้มหน้าด้วยความเครียดที่เพิ่มขึ้น
ระบิลเดินเข้ามายังโถงบ้านกันต์ด้วยสีหน้าเศร้า ขวัญชนกเดินสวนออกมาพอดี ขวัญชนกชะงักมองระบิลแล้วรู้สึกสลดลงนิดหนึ่งก่อนพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก
“คุณระบิล...”
ระบิลฝืนยิ้มให้ขวัญชนกเล็กน้อยก่อนขยับเดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินออกมาจากห้องด้านในพอดี
“อ้าว..ระบิล กลับมาพอดีเลย มากินข้าวกันวันนี้ฉันซื้อมาเพียบเลย”
“เออ...”
ระบิลอึกอักพูดอะไรไม่ออก ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินเข้ามาโอบไหล่ระบิลอย่างกันเอง
“เอออะไรล่ะ เร็วไปช่วยชิมหน่อยว่าของที่ฉันซื้อมาอร่อยรึเปล่า เออ..แล้วคุณเนติ์ล่ะ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์และขวัญชนกหันมามองระบิลด้วยความสงสัย
บนโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่ 5-6 อย่าง กันต์หันมาพูดกับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
“คุณศิวัชเขาน่ารักดีนะ งานการเมืองรัดตัวแทบแย่ ยังอุตส่าห์เจียดเวลาให้คนรักอีก”
“คงถึงเวลาที่หนูเนติ์จะพบช่วงเวลาที่ดีซะที” เจือจันทร์ว่า
“ครอบครัวของเราก็กำลังจะพบเวลานั้นเหมือนกันนะคุณ”
กันต์พูดกับเจือจันทร์และขวัญชนกด้วยรอยยิ้มที่มีกำลังใจเต็มเปี่ยม
“ตอนนี้คุณศิวัช บีบนายพงษ์เลิศกับพวกจนหลังติดฝาแล้ว ส่วนเรื่องชั่วๆที่พวกนั้นทำไว้รอหลักฐานครบก็เช็กบิลกินรวบเข้าตะรางได้เลย” วิเชษฐ์ว่า
“คุณพ่อหายเร็วๆนะคะ เราจะได้ไปเที่ยวกันอีก”
ขวัญชนกพูดอย่างมีความหวัง กันต์ยิ้มด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
“ความสุขที่หลุดลอยไปกลับมาใกล้แค่เอื้อมแล้วนะ อีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้น”
กันต์ยิ้มพูดด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม ขวัญชนกอดดีใจไปด้วยไม่ได้ ผู้กำกับวิเชษฐ์นิ่วหน้าด้วยความสงสัยเมื่อเห็นระบิลนั่งเงียบเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่
“ระบิล..เป็นอะไรไปไม่พูดไม่จา เป็นห่วงคุณเนติ์เหรอ”
ระบิลพูดยิ้มเจื่อนแต่พูดอะไรไม่ออก ขวัญชนกมองระบิลด้วยความสงสัย
ภายในห้องหนังสือบ้านกันต์ ระบิลถอนใจเฮือกใหญ่หลังมองภาพวงจรปิดจากกล้องตัวที่อยู่หน้าประตูบ้าน พบว่าหน้าบ้านกันต์ยังว่างเปล่า ไม่มีรถผ่านเข้ามาเลย
“คุณระบิลรอเนติ์อยู่เหรอคะ”
ระบิลพยายามยิ้มกลบเกลื่อน ขณะที่ขวัญชนกเดินลงมานั่งใกล้ๆระบิล
“ก็..เป็นห่วงน่ะครับ การห่วงคุณเนติ์ดูเหมือนเป็นมากกว่าหน้าที่ผมไปซะแล้ว ทั้งๆที่รู้ว่ามีการ์ดของคุณศิวัชตามไปอีกตั้งหลายคน”
“หมายถึงถ้าคุณระบิลไม่มีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับเนติ์แล้ว คุณระบิลก็ยังเป็นห่วงเนติ์อยู่ใช่มั้ย
คะ”
ระบิลชะงักรู้สึกแปลกๆกับคำพูดของขวัญชนก
“ก็..ไม่รู้เหมือนกันนะครับ คงต้องรอให้ถึงวันนั้น แต่ถ้าวันนั้นมาถึงคุณขวัญก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
“คุณระบิลหมายถึงอะไรคะ”
ขวัญชนกพูดด้วยความรู้สึกใจหายขึ้นมา
“ไม่มีใครรู้ว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงหรอกครับ คุณขวัญก็เหมือนน้องสาวผม...ผมเป็นห่วง”
“น้องสาว...”
ขวัญชนกรู้สึกเศร้าเมื่อรู้ว่าระบิลรู้สึกกับเธอเพียงแค่น้องสาว ระบิลพยักหน้ายิ้มออกมาด้วยความอบอุ่น
“แต่ถ้าคุณขวัญมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ปรึกษาพี่เชษฐ์ได้นะครับ ผมรับรองว่าพี่เชษฐ์ สามารถดูแลครอบครัวคุณขวัญได้ดีไม่แพ้ผม เผลอๆอาจดีกว่าผมก็ได้นะครับ”
ขวัญชนกได้ยินแล้วก็ยิ้มเจื่อนไป
ขวัญชนกนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง ภายในห้องมีเพียงไฟดวงเล็กๆซึ่งเปิดให้แสงสว่างเท่านั้น
ขวัญชนกครุ่นคิดในสิ่งที่ระบิลพูดไว้
“ไม่มีใครรู้ว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงหรอกครับ คุณขวัญก็เหมือนน้องสาวผม..ผมเป็นห่วง”
ขวัญชนกพึมพำพลางถอนหายใจออกมา
“น้องสาว...”
ขวัญชนกรู้สึกเศร้าพยายามกลั้นน้ำตาพลางนึกถึงคำพูดของระบิลอีก
“แต่ถ้าคุณขวัญมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ปรึกษาพี่เชษฐ์ได้นะครับ ผมรับรองว่าพี่เชษฐ์ สามารถดูแลครอบครัวคุณขวัญได้ดีไม่แพ้ผม เผลอๆอาจดีกว่าผมก็ได้นะครับ”
ชนกน้ำตาคลอเบ้าแล้วพยายามตัดใจ
“เราฟุ้งซ่านมากไปแล้วมั้ง”
ขวัญชนกยกมือขึ้นปาดน้ำตา จังหวะเดียวกันแสงไฟจากหน้ารถก็สาดเข้ามา ขวัญชนกชะงักมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นรถของศิวัชพร้อมรถของบอดี้การ์ดที่ประกบหน้าหลังวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ศิวัชลงมาส่งเนติมาที่หน้าประตูรั้วทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี
ขวัญชนกมองภาพตรงหน้า แล้วอดนึกถึงระบิลไม่ได้
“ถ้าขวัญอ่านใจคุณระบิลไม่ผิด คุณกำลังถลำเข้าไปหาความเสียใจนะคะ”
ระบิลมองในจอมอนิเตอร์ด้วยความไม่สบายใจ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินระหว่างเนติมากับศิวัช
เนติมาไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาในบ้าน ในมือเนติมาถือถุงของกินติดมือเข้ามาด้วย เนติมาเดินตรงไปที่หน้าห้องหนังสือเอื้อมมือเคาะประตูเรียกระบิล
“นี่นาย..ฉันซื้อของกินมาฝากล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบจากด้านใน เนติมาเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูแต่ปรากฏว่าประตูล็อก เนติมาพยายามเคาะประตูเรียกอีกครั้ง
“นาย..นอนแล้วเหรอ คุณระบิล..คุณระบิล”
เนติมาพยายามเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
“ทำไมวันนี้นอนเร็วจัง”
เนติมาถอนใจนิ่วหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะเดินออกไป ภายในห้องหนังสือ ระบิลยืนพิงบานประตูด้วยสีหน้าหนักใจและไม่สบายใจ
เช้าวันใหม่ เนติมากำลังแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงานอยู่หน้ากระจก เสียงเคาะประตูดังขึ้น เนติมาหันไปที่ประตูค้อนขวับด้วยความหมั่นไส้เพราะคิดว่าเป็นระบิล
“ไม่ต้องเร่งฉันเลยนะ ทีเมื่อคืนฉันเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปิดประตู”
“เนติ์..นี่ขวัญเอง”
เนติมาชะงักปรายตามองไปที่ประตูห้องด้วยความสงสัยนิดหนึ่ง เสียงของขวัญชนกดูร้อนรนจน
เนติมาต้องรีบเดินไปเปิดประตูห้องทันที ขวัญชนกยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอขวัญ”
ภายในห้องหนังสือ กันต์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นมีเจือจันทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจด้วยกันทั้งคู่ เนติมาวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ มีขวัญชนกตามมาติดๆ เนติมามองเข้าไปรอบๆบริเวณห้องหนังสือพบว่า ข้าวของในห้องถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ และของส่วนตัวของระบิลไม่มีอะไรเหลืออยู่แล้ว
“ตั้งแต่เช้าเขาก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว” เจือจันทร์บอก
เนติมารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะกดโทรหาระบิล แต่ขวัญชนกชิงพูดซะก่อน
“คุณพ่อลองโทรแล้วจ้ะเนติ์ แต่มือถือคุณระบิลปิด”
เนติมาถอนใจก่อนหันไปเห็นหนังสืออาหารไทยวางอยู่ที่มุมหนึ่งของโต๊ะหนังสือ เนติมาเดินเข้าไปหยิบหนังสือขึ้นมาดูก็ชะงักเมื่อเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งสอดอยู่ในหนังสือ
“อืม..เช็กภาพจากกล้องวงจรปิดสิ น่าจะรู้ว่าคุณระบิลออกไปไหนนะ
“ไม่ต้องหรอกค่ะอากันต์”
ทั้งหมดชะงักหันไปมองเนติมาที่กำลังอ่านข้อความของระบิลด้วยความรู้สึกเสียใจก่อนจะตัดสินใจบอกทุกคน
“คุณระบิลเขาลาออกแล้ว”
“อะไรนะ !”
ขวัญชนกพูดด้วยความตกใจ ขณะที่กันต์กับเจือจันทร์ก็รู้สึกตกใจไม่แพ้กัน
“ทำไมจู่ๆลาออกมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า” เจือจันทร์ถามด้วยความสงสัย
เนติมาพยายามคิดด้วยความสับสน
“ก็ไม่มีนี่คะ”
เนติมาพยายามนึกถึงเหตุผลที่ระบิลตัดสินใจแต่ก็นึกไม่ออก
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 11 (ต่อ)
ภายในห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ศิวัชนั่งอ่านจดหมายของระบิลด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนพูดอย่างตัดสินใจ
“เดี๋ยวพี่จัดการ์ดหนึ่งชุดให้เนติ์นะจ๊ะ”
“หมายความว่าพี่ศิวัชจะให้คุณระบิลเขาออกไปง่ายๆเหรอคะ”
เนติมาพูดด้วยความร้อนใจแต่ศิวัชลุกขึ้นมาพยายามอธิบาย
“เนติ์..คุณระบิลเขาอาจมีเหตุผลส่วนตัวอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกก็ได้นะ”
“โดยไม่ร่ำลากันเลยเนี่ยนะคะ”
“ไม่มีใครรู้เหตุผลดีเท่าตัวคุณระบิลเองหรอกนะจ๊ะ”
“นั่นแหละค่ะ เนติ์ถึงอยากเจอเขามาก อยากถามจริงๆว่านึกบ้าอะไรขึ้นมา ตอบไม่เข้าหูจะเล่นงานให้หนักเลย”
เนติมาบ่นอย่างหงุดหงิด ศิวัชมองเนติมาอย่างสังเกตแล้วรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
บอดี้การ์ดร่างใหญ่มาดเข้ม 2 คนยืนอยู่ข้างรถเนติมาที่จอดอยู่ตรงลานจอดหน้าคอนโดฯ บอดี้การ์ดทั้งสองคนมองไปรอบๆบริเวณอย่างระวังภัย
เนติมา ยศวีร์และอนงค์ยืนมองบอดี้การ์ดชุดนั้นอยู่ที่ระเบียงคอนโดฯ เนติมาถอนหายใจด้วยความอึดอัด
“ไม่อยากไปไหนมาไหนกับสองคนนี่เลย พี่พูดไปสิบคำตอบมาคำ เฮ้อ..ไม่รู้จะเข้มไปไหน”
“ก็เขาเป็นบอดี้การ์ดนี่ครับพี่เนติ์”
“คุณระบิลไม่เห็นต้องเข้มอย่างนี้เลย เฮ้อ..พูดแล้วก็หงุดหงิด ป่านนี้ยังไม่เปิดเครื่องอีก คอยดู..จะไล่ออกให้เข็ด”
เนติมาพูดอย่างลืมตัว ยศวีร์กับอนงค์หันหน้ามามองกันนิดหนึ่งอย่างสังเกตในอาการร้อนรนของเนติมาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“พี่เนติ์คะ คุณระบิลเขาลาออกไปแล้วค่ะ” อนงค์ว่า
“เออ..จริงสิ พี่ลืมไป”
เนติมายิ้มเจื่อนแล้วแอบถอนใจอย่างเศร้าๆเมื่อคิดถึงระบิล
คำเที่ยงเดินออกมาจากห้องด้านในก่อนพูดอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าเบื่อ วันนี้ก็นอนค้างที่นี่สักคืนมั้ยล่ะหนูเนติ์จะได้มีเพื่อนคุย”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง แต่หนูอยากกลับไปนอนบ้านขวัญน่ะค่ะ ถึงผู้กำกับวิเชษฐ์จะส่งลูกน้องมาดูแลความปลอดภัยให้ แต่หนูก็ยังไม่ค่อยไว้ใจ”
คำเที่ยงยิ้มพยักหน้าอย่างเข้าใจ เนติมาหันกลับไปมองบอดี้การ์ดที่ศิวัชส่งมาแล้วสีหน้าก็สลดลงเพราะคิดถึงระบิล
ภายในบ้านพักในเวลากลางคืน ผู้กำกับวิเชษฐ์กำลังนั่งดูงานเอกสารอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนพูดขึ้นมาลอยๆ
“แน่ใจนะ ว่าต้องการอย่างนี้”
ไม่มีเสียงตอบ ผู้กำกับวิเชษฐ์ละสายตาจากงานหันมองไประบิลที่นอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง
“ทำแล้วไม่สบายใจ แล้วทำ ทำไมวะ”
ระบิลพูดอะไรไม่ออกได้แต่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่
ผู้กำกับวิเชษฐ์มองอาการของระบิลแล้วพอเข้าใจความรู้สึกจึงตัดสินใจถาม
“นายรู้สึกยังไงกับคุณเนติ์กันแน่วะระบิล”
“โธ่..ถามอะไรอย่างนั้นล่ะครับพี่เชษฐ์”
ผู้กำกับวิเชษฐ์หมุนเก้าอี้มามองจ้องระบิลอย่างจับผิด ระบิลชะงักอึกอักทำอะไรไม่ถูก
“ลืมแล้วเหรอว่าฉันเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นพี่นายนะระบิล”
ระบิลเหล่มองผู้กำกับวิเชษฐ์ก่อนพูดอย่างรู้ทัน
“พี่เชษฐ์ลืมแล้วเหรอครับว่า ผมก็เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นน้องพี่เหมือนกัน”
ระบิลอมยิ้มออกมาได้อย่างคนถือไพ่เหนือกว่า
“ดูแลเทคแคร์ครอบครัวคุณขวัญเช้าถึง เย็นถึงขนาดนั้น มันเกินหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไปหน่อยรึเปล่าครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ชะงักไป อึกอักพูดอะไรไม่ออก ขณะที่ระบิลยิ้มชอบใจก่อนพูดอย่างใจเย็น
“ผมว่าพี่เชษฐ์เติมเต็มสิ่งที่คุณขวัญขาดอยู่ได้นะครับ”
“เออ..นี่ฉันสอบสวนนาย หรือนายสอบสวนฉันกันแน่วะ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดอึกอัก ระบิลมองอย่างรู้ทัน
“ผมแอบสังเกตพี่เชษฐ์มานานแล้วนะครับ แล้วผมก็คิดว่าผมมองไม่พลาดด้วย”
“โอเค ถ้าฉันเป็นอย่างที่นายคิด อย่างน้อยคุณขวัญก็ยังไม่มีใคร แต่คุณเนติ์...”
ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดทิ้งไว้แค่นั้นพลางมองระบิลอย่างต้องการคำตอบ ระบิลอึ้งไปนิดหนึ่งก่อนพูดเสียงอ่อย
“เพราะอย่างนั้นแหละครับ ผมถึงต้องถอยออกมาก่อนจะถลำใจมากไปกว่านี้”
“ไม่น่าเชื่อว่า คุณเนติ์จะทำให้นายลืมเอมได้”
“ผมไม่มีทางลบเอมไปจากใจผมได้หรอกครับพี่เชษฐ์ แต่เอมคงไม่มีความสุขแน่ ถ้าผมยังขังเอมไว้ในความทุกข์ของผม”
ผู้กำกับวิเชษฐ์มองระบิลด้วยความเห็นใจ
“แต่ช่างมันเถอะครับพี่เชษฐ์ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้”
“ไม่น่าเชื่อว่า บอดี้การ์ดมือดีอย่างนายจะแพ้กฎเหล็กของหน้าที่นี้”
“กฎที่ห้ามมีความรักกับเจ้านายตัวเอง กฎเหล็กที่โดนหัวใจงัดกระเจิง” ระบิลพูดพลางแค่นหัวเราะ
ผู้กำกับวิเชษฐ์พยักหน้าช้าๆอย่างเข้าใจ ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงตัดสินใจถาม
“แล้ว..คุณเนติ์เขารู้ตัวมั้ย”
ระบิลชะงักไปนิดหนี่งก่อนตอบด้วยความหนักใจ
“ผม..ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ รู้แต่ว่าผมต้องรีบออกมาจากที่นั่น ไม่เป็นผลดีแน่ ถ้าผมจะรั้นอยู่ที่นั่นต่อไป”
“ไม่เป็นผลดีแม้แต่ความปลอดภัยของคุณเนติ์งั้นเหรอ”
ระบิลครุ่นคิดตามที่ผู้กำกับวิเชษฐ์บอกแล้วรู้สึกที่อดเป็นห่วงเนติมาไม่ได้
บริเวณทางเดินภายในวัดชานเมืองที่ร่มรื่น เนติมาเดินมากับยศวีร์ที่ถือพวงมาลัย,ดอกไม้,ธูป,เทียน ตามด้วยอนงค์และคำเที่ยง โดยมีบอดี้การ์ดเดินประกบอยู่ด้านหลังคอยรักษาความปลอดภัยด้วยมาดเข้ม
เนติมาหันไปพูดกับยศวีร์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย พี่จะเอาอัฐิคุณพ่อกับคุณแม่กลับไปที่บ้าน”
“พี่เนติ์จะกลับเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นอีกเหรอครับ”
ยศวีร์ถามด้วยอย่างไม่แน่ใจ เนติมาเอื้อมมือไปโอบไหล่น้องชายอย่างกันเองพร้อมพูดด้วยความมั่นใจ
“ถึงบ้านนั้นจะมีภาพความทรงจำร้ายๆของเราสองคนฝังอยู่ แต่ก็เป็นที่ๆครอบครัวของเรามีความทรงจำที่ดีอยู่มากกว่านะ”
ยศวีร์คิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“ผมจำได้ครับ คุณพ่อคุณแม่เคยบอกว่ารักบ้านหลังนั้นมาก”
ยศวีร์นึกถึงความสุขในอดีตก็ยิ้มออกมา อนงค์และคำเที่ยงพลอยยิ้มตามไปด้วย
“ปรับปรุง ทำบุญบ้านซะหน่อย แค่นี้ความสุขก็กลับคืนมาแล้วล่ะ”
เนติมาคิดอะไรอยู่นิดหนึ่งก่อนหันไปพูดกับบอดี้การ์ด
“นายสองคนรออยู่แถวนี้แหละ พวกฉันเข้าไปแป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างลังเลจนเนติรู้สึกรำคาญ
“ฉันไม่ฟ้องพี่ศิวัชหรอกน่า”
เนติมาหันไปบอกคำเที่ยง
“เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”
เนติมาเดินนำยศวีร์กับอนงค์เข้าไปด้านในทันที โดยทิ้งให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนไว้ด้านนอก
บริเวณสถูปอัฐิของวิเชียรและพรรณศรี ยศวีร์อุทานลั่นด้วยความตกใจ
“เฮ้ย !”
“อะไรเหรอจ๊ะพี่ดล”
ทั้งหมดมองตามยศวีร์ไปแล้วต้องตกใจ เมื่อเห็นข้างๆป้ายและรูปของวิเชียรกับพรรณศรี มีป้ายหินอ่อนและรูปเพิ่มที่เป็นรูปแอบถ่ายมาอีกสองป้าย ป้ายหนึ่งระบุ “เนติมา อิสราวัชร” อีกป้ายหนึ่งระบุ “ยศวีร์ อิสราวัชร” คำเที่ยงพูดขึ้นด้วยความความกังวล
“ยศวีร์ ! พวกมันรู้ความจริงแล้ว”
เนติมามองไปรอบๆด้วยความไม่ไว้วางใจ ก่อนรีบหันไปบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กลับเร็ว !”
เนติมา ยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงรีบวิ่งออกมาจากด่านในของหมู่สถูปอัฐิ แต่ละคนมองไปรอบๆด้วยความระแวง ทั้งหมดตรงมายังจุดที่แยกกับบอดี้การ์ดเมื่อครู่ แต่ทั้งหมดต้องชะงักเมื่อไม่เห็นบอดี้การ์ดทั้งสองคนอยู่ตรงนั้นแล้ว
“การ์ดพี่เนติ์หายไปไหนแล้ว”
“พี่โทรตามเอง”
เนติมาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออก รอฟังสัญญาณที่ติดแต่ยังไม่มีคนรับอย่างลุ้นๆ
“รับซะทีสิ”
ยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงชะงัก เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแว่วขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ด้านหลังซึ่งเป็นพงไม้หนา อนงค์ค่อยๆเดินไปทางต้นเสียงอย่างลุ้นๆ
“อ้อ...”
เมื่ออนงค์เดินไปยังพุ่มไม้ชะงักด้วยความตกใจสุดขีดเพราะเห็นอะไรบางอย่าง ยศวีร์รีบปรี่เข้าไปหาทันที
“อะไรอ้อ !”
“พี่ดล !”
อนงค์หันมาซบหน้าลงที่ไหล่ยศวีร์ด้วยความกลัวทันที ขณะที่ยศวีร์ก็ตะลึงกับภาพที่เห็นเช่นกัน เนติมากับคำเที่ยงหันมามองหน้ากันอย่างอย่างรู้สึกไม่สู้ดีนัก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอดล !” เนติมาถาม
เนติมากับคำเที่ยงมองตามดลไปแล้วต้องตกใจเมื่อเห็นศพของบอดี้การทั้งสองคนถูกลากไปอยู่หลังแนวไม้ ร่างของบอดี้การ์ดมีแผลจากกระสุนปืนยิงร่างละสามสี่นัด
“หนีเร็ว !”
คำเที่ยงพูดอย่างจริงจังพลางรีบดันหลังยศวีร์กับอนงค์เพื่อให้วิ่งหนี แต่เนติมากลับวิ่งไปที่ร่างของบอดี้การ์ดทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
“พี่เนติ์จะทำอะไรครับ”
“พี่เนติ์หนีเถอะค่ะ”
เนติมารีบปรี่เข้าไปค้นตัวบอดี้การ์ดคนหนึ่งแล้วหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตขอบอดี้การ์ด แล้วชูให้ทุกคนดูพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไป !”
ทั้งคู่วิ่งมายังที่รถซึ่งจอดอยู่ในลานจอดเล็กๆที่ล้อมรอบไปด้วยร่มไม้ครึ้ม เนติมากดรีโมทเปิดล็อครถ พร้อมรีบบอกทุกคนทันที
“ดล ! รีบพาลุงคำเที่ยงกับอ้อขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพี่ขับเอง”
“ครับพี่เนติ์..อ้อ พ่อ เร็วครับ”
ยศวีร์รับปากแข็งขันพลางวิ่งไปเปิดประตูรถด้านหลังให้อนงค์กับคำเที่ยง ส่วนเนติมาวิ่งอ้อมไปเพื่อจะเปิดประตูด้านคนขับ แต่ต้องชะงักเมื่อยศวีร์ร้องโวยวายขึ้น
“เฮ้ย !”
“มีอะไรดล !”
“ยางแบนหมดเลยครับพี่เนติ์”
ยศวีร์ชี้ให้ทุกคนดูยางทั้งสี่ล้อที่ถูกปล่อยลมจนแบนหมด อนงค์รีบดึงอนงค์กับคำเที่ยงออกมาจากรถเนติมามองด้วยความเจ็บใจ
“โธ่เอ๊ย..แถวนี้ไม่มีคนซะด้วย”
“อ้อว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะจ้ะ”
ทั้งหมดวิ่งออกมาจากในวัด และพยายามมองหารถที่จะโดยสาร จังหวะเดียวกับรถแท็กซี่คันหนึ่งวิ่งผ่านมาพอดี
“แท็กซี่มาพอดีเลยครับพี่เนติ์”
ยศวีร์รีบโบกเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งเข้ามาจอดรับทันที
ภายในห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ศิวัชพูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรนะ !”
ศิวัชนิ่งฟังปลายสายนิดหนึ่งแล้วถอนใจออกมาอย่างโล่งอก
“แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกันจ๊ะ”
ภายในรถแท็กซี่ คำเที่ยงนั่งอยู่หน้าเบาะข้างคนขับ เนติมา ยศวีร์และอนงค์นั่งอยู่เบาะหลัง เนติมาพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เนติ์กำลังนั่งรถแท็กซี่ไปที่พรรคสยามพัฒนาค่ะ”
“มาหาพี่ที่ทำเนียบดีกว่านะ พี่เป็นห่วง”
“ก็ได้ค่ะพี่ศิวัช งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”
เนติมารีบวางสายก่อนหันไปสั่งคนขับรถแท็กซี่
“เปลี่ยนไปทำเนียบรัฐบาลนะคะ”
“ครับ”
คนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นลูกน้องของอิทธิหาญปลอมตัวมารับคำด้วยสีหน้านิ่งเรียบ คำเที่ยงมองไปรอบๆด้วยความระแวง ก่อนถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว ไม่น่ามีคนตามมา”
“จริงด้วย”
เนติมารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที
“อะไรเหรอครับพี่เนติ์”
“พี่ชักเป็นห่วงบ้านอากันต์ซะแล้วสิ” เนติมาพูดระหว่างรอปลายสายรับด้วยความไม่สบายใจ
ผู้กำกับวิเชษฐ์ลงมาจากรถที่ขับมาจอดที่หน้าบ้านกันต์พอดี แล้วเดินเลี้ยวไปที่ประตูรั้วซึ่งมีตำรวจ 2 นายยืนรักษาการณ์อยู่ ตำรวจทั้งสองนายทำความเคารพผู้กำกับวิเชษฐ์ ขณะเดินผ่านประตูรั้วเข้าไป
ภายในบ้าน
“ไม่ต้องห่วงครับคุณเนติ์ ที่นี่เรียบร้อยดีครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินคุยโทรศัพท์ผ่านมายังบริเวณทางเดินในสวน
“คุณเนติ์พาทุกคนไปอยู่ที่ทำเนียบก่อนดีแล้วล่ะครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์นิ่งฟังปลายสายนิดหนึ่งก่อนพูดออกมาอย่างใจเย็น
“เรื่องปกติของคนพาลที่ใกล้จนมุมน่ะครับ เขาต้องทำทุกทางที่จะระเบิดทางตันเพื่อหาทางไปให้ได้...ครับคุณเนติ์ ไม่ต้องห่วงทาง นี้นะครับ สวัสดีครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์วางสายแล้วขยับจะเดินต่อไป แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นขวัญชนกกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในแปลงดอกไม้ที่ระบิลปลูกไว้
ผู้กำกับวิเชษฐ์มองขวัญชนกแล้วอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
ขวัญชนกกำลังรดน้ำแปลงดอกไม้อยู่ด้วยสีหน้าเศร้า ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินมายืนอยู่ใกล้ๆ
“อุ๊ย..ผู้กำกับ”
“กลัวดอกไม้เฉาเหรอครับ”
“ก็เจ้าของเขาไม่อยู่แล้วนี่คะ”
ขวัญชนกพูดอย่างสลดลงนิดหนึ่ง ผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มมองอย่างเข้าใจก่อนตัดสินใจพูด
“งั้นให้ผมช่วยนะครับ”
ขวัญชนกชะงักสบตาผู้กำกับวิเชษฐ์แล้วรู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย
ภายในรถแท็กซี่ อนงค์นอนซบไหล่ของยศวีร์ด้วยความอ่อยเพลีย ยศวีร์ซึ่งนั่งอยู่ติดริมกระจกเหลียวมองไปด้านหลังรถอย่างระวังตัว เนติมากำลังก้มมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองพลางเลื่อนเบอร์โทรไปเจอเบอร์ของระบิล เนติมามองอย่างชั่งใจนิดหนึ่ง ก่อนลองตัดสินใจโทรหา เนติมาถอนใจอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าระบิลปิดมือถือ
รถแท็กซี่แล่นอยู่บนถนนชานกรุงเทพฯ บนถนนการจราจรไม่หนาตานัก
เนติมาบ่นเบาๆ
“นายรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันต้องการนายแค่ไหน”
“พี่เนติ์ว่าอะไรนะครับ”
ยศวีร์ละสายตาจากวิวด้านนอกหันขวับมาถามเนติมาด้วยความสงสัย เนติมาพูดอย่างอึกอักอย่างกลบเกลื่อนความรู้สึก
“เออ..ไม่มีอะไรจ้ะ ไม่มีคนตามมาใช่มั้ยดล”
“ไม่มีครับพี่เนติ์”
ยศวีร์ตอบอย่างโล่งใจพลางหันมองอนงค์ที่หลับซบไหล่อยู่ด้วยรอยยิ้ม
เนติมาเลื่อนโทรศัพท์มือถือเพื่อดูในอัลบั้มรูปของระบิลทำหน้ายิ้มและทะเล้นไปเรื่อยในหลากหลายท่าทางเช่น ขับรถ ทำอาหาร ซื้อของ ฯลฯ รูปเหล่านั้นทำให้เนติมาอดนึกถึงภาพในอดีตขึ้นมาไม่ได้
บริเวณตลาดสด ระบิลกำลังเลือกผักบนแผงหลายชนิดใส่กระจาดด้วยความชำนาญก่อนยื่นให้แม่ค้าพร้อมถุงผ้าดิบขนาดใหญ่ที่เตรียมมา
“ใส่ถุงผ้านะจ๊ะป้า”
“จ้า..ลดโลกร้อนใช่มั้ยจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ ลดขยะ ลดมลพิษ โลกจะได้น่าอยู่ ป้าจะได้ไม้เปลืองถุงด้วยไง”
ระบิลยิ้มแย้มพูดอย่างเป็นกันเองกับแม่ค้า แม่ค้ายิ้มชอบใจหยิบผักใส่ถุงผ้าแถมให้อีกเล็กน้อย
“แหม...พูดถูกใจ งั้นเดี๋ยวป้าแถมให้”
“ขอบคุณครับป้า”
ระบิลยิ้มด้วยความขอบคุณ ก่อนจะชะงักที่หันไปเห็นเนติมากำลังเอาโทรศัพท์มือถือถ่ายรูประบิลอยู่ ระบิลมองไปรอบๆแล้วหันไปทำท่าดุเนติมาเบาๆ
“คุณ ! ทำอะไร”
“อ้าว..ก็ถ่ายรูปนายน่ะสิ”
“ถ่ายทำไม ทำอย่างกับนักท่องเที่ยว”
ระบิลถามด้วยความสงสัย เนติมาลอยหน้าลอยตาพูดขำๆพลางทำท่าทางล้อเลียน
“ก็ถ่ายเอาไว้ดูเป็นหลักฐานว่า ตอนนายเลือกผัก นิ้วก้อยนายกระดกขึ้นรึเปล่าน่ะสิ”
เนติมายิ้มเข้าไปพูดกับระบิลใกล้ๆ
“ท่านายเลือกผักขอบอก แม่บ้านมากๆ”
ระบิลชะงักพลางยกมือตัวเองขึ้นมาดูพลางกระดิกนิ้วก้อยไปมา แต่ต้องรีบลดมือลงเมื่อเห็นเนติมายืนขำอยู่ ระบิลถอนใจมองเนติมาอย่างหงุดหงิด
ภายในครัวบ้านกันต์ ระบิลกำลังทำอาหารอยู่หน้าเตาพลางบ่นพึมพำ
“ทฤษฎีเพ้อเจ้อน่าคุณ นิ้วก้อยกระดกใครๆก็เป็นได้ ไม่เห็นต้องเป็นเกย์อย่างที่คิดกันซะหน่อย”
“แหม..ขำๆน่า คิดมากไปได้”
เนติมาที่กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูประบิลทำอาหารอยู่
“ถ่ายอีกแล้ว จะถ่ายไปไหน มาเร็วคุณ..มาชิม”
ระบิลหันมองเนติมาอย่างเซ็งๆเล็กน้อยพลางใช้ช้อนตัก “แกงบวน” ขึ้นมาจากหม้อแกง เนติมายิ้มดีใจรีบขยับเข้าใกล้ๆระบิล ระบิลทำท่าจะเป่าแกงในช้อน แต่เนติมาร้องห้ามทันที
“ว้าย ! จะทำอะไรน่ะ”
“อ้าว..ก็มันร้อน”
“ฉันเป่าเองได้”
เนติมาพูดเสียงเข้มก่อนยื่นหน้าเข้ามาเป่าอาหารในช้อน ทำเอาระบิลลอยหน้าลอยตาพูดประชด
“โอ้โห..คุณหนูอนามัย กินของร้อนใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้ลมปากร่วมกัน”
เนติมาค้อนระบิลด้วยความหมั่นไส้ก่อนชิมอาหารในช้อนแล้วรับรู้ถึงรสอร่อยพลางยิ้มชอบใจ
“อืม..อร่อยจังเลย แกงบวนเนี่ย ฉันเคยเห็นแต่ในหนังสือ ไม่เคยทานจริงๆซะที นายเก่งจังเลยอ่ะ”
“อ๊ะ..แน่นอนอยู่แล้ว ผมเนี่ยพ่อครัวหัวเห็ด มือเด็ดแห่งลุ่มน้ำเพชรเลยนะคุณ”
ระบิลพูดพลางกอดอกยืดคุยโวอย่างโอเว่อร์ จนเนติมาอดขำออกมาไม่ได้
“โอเว่อร์ นี่..มาถ่ายรูปกัน”
“อะไร..ถ่ายรูปอีกแล้วเหรอครับ”
“ฉันจะอัพรูปให้เพื่อนที่ฝรั่งเศสดูว่า ฉันได้ทานเมนูที่อยู่ในหนังสือนี่แล้ว..ไปสิ รีบตักใส่ชามเร็ว”
เนติมาดันหลังระบิลให้ทำตามคำสั่ง ขณะที่ตัวเองรีบหันไปหยิบหนังสืออาหารไทยกับโทรศัพท์มือถือทันที
ในมือของระบิลถือชามที่ใส่แกงบวชอยู่ ขณะที่เนติมาถือหนังสืออาหารไทย ทั้งคู่ยิ้มสดใสมีความสุข ภายในรถแท็กซี่ เนติมาเห็นรูปที่ถ่ายคู่ก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ ยศวีร์เหลือบมองดูรูปจากโทรศัพท์ของพี่สาวพี่เปิดอยู่ก็เข้าใจ
“คิดถึงคุณระบิลเหรอครับพี่เนติ์”
เนติมาสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วรีบกดปิดรูปในโทรศัพท์มือถือทันที ก่อนพูดกลบเกลื่อน
“คิดถึงทำไม เขาไม่อยากอยู่กับเราซะหน่อย ไม่งั้นจะลาออกทำไม”
“แต่ถ้าตอนนี้คุณระบิลอยู่ คงช่วยเราได้เยอะเลยนะครับ”
เนติมาพูดอะไรไม่ออกได้แต่ถอนใจอย่างยอมรับความจริง คำเที่ยงมองไปบนถนนที่รถวิ่งผ่านไปมาอย่างไม่คุ้นตานัก
“เอ..หลงทางรึเปล่าพ่อหนุ่ม”
“ผมจะพาไปทางลัดน่ะลุง”
คนขับรถแท็กซี่ซึ่งเป็นลูกน้องของอิทธิหาญตอบส่งๆ จังหวะเดียวกันเนติมาหันไปเห็นป้ายทางหลวงที่บอกทางเห็นลูกศรชี้บอกทางตรงไปว่า “นนทบุรี” เนติมาชักสีหน้าพูดกับคนขับแท็กซี่อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“นี่ไม่ใช่ทางไปทำเนียบ”
คนขับรถแท็กซี่ไม่ยอมตอบอะไร แต่เลี้ยวรถเข้าไปในถนนเส้นทางเปลี่ยว ถนนสายนั้นเป็นถนนลาดยางเส้นเล็กๆ เนติมาร้องลั่นด้วยความตกใจ
“โอ๊ย !”
อนงค์โดนแรงเหวี่ยงของรถจนงัวเงียตื่นขึ้นมามองไปรอบๆ ก่อนหันไปถามยศวีร์อย่างงงๆ
“ถึงไหนแล้วเหรอจ๊ะ”
“นี่พี่จะไปไหน !” ยศวีร์ถามคนขับแท็กซี่
ในเวลาต่อมา ศิวัชเดินวนไปมาอยู่ในห้องทำงานด้วยความร้อนใจ ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหน้าที่หญิงเปิดประตูนำธำรงเข้ามา
“คุณพ่อ...”
“ไม่ต้องถามว่าพวกไหนก่อเรื่อง แต่พ่ออยากรู้ว่า จู่ๆทำไมคุณระบิลถึงลาออก”
“เออ..ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
ธำรงมองศิวัชอย่างสังเกต ก่อนพูดด้วยความไม่สบายใจ
“รู้มั้ยว่าคุณระบิลมีฝีมือมากกว่าการ์ดสองคนที่แกส่งไปตายไม่รู้กี่เท่า”
ศิวัชครุ่นคิดตามที่ธำรงพูดก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงเนติมา จังหวะเดียวกันเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ศิวัชกับธำรงหันไป เจ้าหน้าที่หญิงเปิดประตูเข้ามาพอดี
“ท่านคะ...”
“คุณเนติ์มาแล้วใช่มั้ย”
“ยังค่ะท่าน แต่...”
หน้าที่หญิงยิ้มเจื่อนพร้อมหลบทางให้พงษ์เลิศกับชลกรเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง ศิวัชกับธำรงมองพงษ์เลิศกับชลกรด้วยความสงสัยว่าจะมาไม้ไหนกันแน่
คนขับรถแท็กซี่เร่งความเร็วของรถอย่างต่อเนื่องจนวิ่งมาบนถนนที่สองข้างทางเป็นหมู่บ้านจัดสรรร้าง มีพงหญ้ารก คำเที่ยงหันไปพูดกับคนขับรถด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่แกจะทำอะไร จอดเดี๋ยวนี้นะ”
“จอด !” ยศวีร์พูดเสียงเข้ม
อนงค์เกาะแขนยศวีร์แน่นด้วยความกลัว
“นี่มันเรื่องอะไรกัน พี่ดล..อ้อกลัว”
เนติมามองคนขับรถแท็กซี่ด้วยความโมโหก่อนตัดสินใจหยิบปืนพกขึ้นมาเล็งไปที่คนขับรถแท็กซี่ทันที ยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงมองเนติมาด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเนติมาจะพกปืนมาด้วย
“พี่เนติ์ !”
“จอด !”
เนติมาพูดกับคนขับรถแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนขับรถแท็กซี่ชำเลืองมามองปืนนิดหนึ่งแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก แล้วขับรถต่อไป เนติมากระชากลูกเลื่อนพร้อมใช้อย่างเอาจริง รอยยิ้มของคนขับแท็กซี่เมื่อครู่จางลงทันที
รถแท็กซี่วิ่งเข้ามาจอดยังถนนในหมู่บ้านร้างด้วยความรวดเร็ว คนขับรถแท็กซี่เปิดประตูรถแล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เนติมายกปืนขึ้นเล็งตามไป
“หยุดนะ..เจ็บใจจริงๆเลย”
คนขับรถแท็กซี่วิ่งหายไปยังบ้านร้างหลังหนึ่ง เนติมาลดปืนลงด้วยความเจ็บใจ
“ผมเองครับพี่เนติ์”
ยศวีร์ขยับจะวิ่งตามไป แต่เนติมารั้งไว้ทันที
“อย่าดล อันตราย”
“จริงด้วยจ้ะพี่ดล อย่าเสี่ยงดีกว่านะจ๊ะ อ้อว่าเรารีบออกไปดีกว่า”
อนงค์มองไปรอบๆบริเวณหมู่บ้านจัดสรรร้างด้วยความกลัว
“ที่นี่น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“แต่เราคงออกไปด้วยรถคันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
เนติมา ยศวีร์ อนงค์ หันไปเห็นคำเที่ยงลงมาจากรถด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“มันดับเครื่องแล้วเอากุญแจไปด้วย”
ทั้งหมดชะงักด้วยความตกใจ เนติมากระชับปืนแน่นพร้อมใช้พลางมองไปรอบๆอย่าง
ระวังตัว ยศวีร์รีบไปหยิบไม้ขนาดเหมาะมือมาท่อนหนึ่ง ก่อนกลับเข้ามารวมกลุ่ม กวาดสายตาไปรอบๆอย่างเอาจริง ยศวีร์เอื้อมมือไปจับมืออนงค์แน่น คำเที่ยงรีบก้าวเข้าเข้ามารวมกลุ่มเช่นกัน
อ่านต่อหน้า 3
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 11 (ต่อ)
ศิวัชหันขวับมากลับมองพงษ์เลิศกับชลกรด้วยความโมโห
“ถ้าเนติ์เป็นอะไรไป ผมไม่ไว้พวกคุณแน่”
“ทุกวันนี้ก็ไม่ไว้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” พงษ์เลิศพูดด้วยความขัดใจ
ธำรงพูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้นมาเช่นกัน
“ทุกอย่างว่ากันตามเนื้อผ้าอยู่แล้วคุณพงษ์เลิศ หลักฐานครบทุกอย่างเมื่อไหร่ กลไกของกรรมจะถูกขับเคลื่อนด้วยกฏหมายทันที”
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ พวกเราไม่รู้เรื่องนะคะ”
“รึอาจเป็นความรู้ใหม่ในเกมการเมืองที่คุณงัดขึ้นมาเล่นงานฝั่งตรงข้ามก็ได้”
พงษ์เลิศพูดอย่างยิ้มเยาะแล้วชายตามองศิวัชกับธำรงอย่างรู้ทัน ศิวัชโมโหมากพูดสวนกลับพงษ์เลิศอย่างไม่เกรงใจ
“อย่าคิดว่าคนอื่น จะทำอะไรได้ชั่วเหมือนตัวเองนะครับ”
“มึง !”
พงษ์เลิศฉุนขาดปรี่จะเข้าหาศิวัชแต่ชลกรรีบรั้งไว้ทันที ศิวัชก็ยืนประจันหน้าจ้องพร้อมขยับเข้าหาพงษ์เลิศอย่างไม่กลัวเกรงจนธำรงต้องยกมือห้ามไว้เช่นกัน
“ใจเย็นค่ะคุณ !”
เสียงโทรศัพท์มือถือของศิวัชดังขึ้นแล้วรีบรับสายทันที
“เนติ์ เนติ์ ตอนนี้เนติ์อยู่ที่ไหนแล้วจ๊ะ”
ธำรง พงษ์เลิศ ชลกร ชะงักมองศิวัชที่รับสายเนติมาด้วยความสนใจขึ้นมาทันที
เนติมาคุยโทรศัพท์พร้อมถือปืนเดินนำคำเที่ยงที่ถือไม้มาพร้อมป้องกันตัว โดยมีอนงค์เดินต่อหลังและปิดท้ายด้วยยศวีร์ที่กระชับท่อนไม้ในมือแน่นพร้อมใช้ ทั้งหมดเดินมองไปรอบๆอย่างระวังตัว
“ตอนนี้พวกเนติ์กำลังเดินออกจากหมู่บ้านร้างแถวชานเมืองค่ะ”
ศิวัชนิ่งฟังเนติมาเล่าเรื่องด้วยความตกใจแล้วหันมามองพงษ์เลิศกับชลกรด้วยความโมโหนิดหนึ่ง ก่อนหันไปถามเนติมาด้วยความเป็นห่วง
“แล้วหมู่บ้านที่เนติ์ว่าเนี่ย หมู่บ้านอะไร”
เนติมาหันไปมองไปรอบๆ บริเวณที่มีสภาพรกร้าง เห็นป้ายชื่อโครงการติดอยู่ แต่สภาพของป้าย
ผุพังจนแทบระบุชื่อไม่ได้เลย
“ไม่รู้เลยค่ะพี่ศิวัชแต่เป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ ยังไงออกไปหน้าหมู่บ้านคงเจอคนที่พอถามได้ แล้วเนติ์จะติดต่อไปอีกครั้งนะคะ”
เนติมาพูดจบก็ได้ยินเสียงโครมครามดังออกมาจากมุมหนึ่งทุกคนหันขวับไปมองด้วยความตกใจทันที
“เสียงอะไรน่ะจ๊ะ” อนงค์ถาม
“พี่เนติ์”
ยศวีร์ถามเนติมาอย่างปรึกษาพลางเอื้อมมือไปจับมืออนงค์แน่น ศิวัชเห็นว่า เนติมาเงียบไปก็ยิ่งรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอเนติ์”
“เหมือนอะไรหล่นสักอย่างค่ะพี่ศิวัช อาจไม่มีอะไรก็ได้ค่ะ”
แต่จังหวะเดียวกันก็มีเสียงโครมครามดังขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่ง เนติมาวาดปืนเล็งไปยังต้นเสียงทันที ขณะที่ยศวีร์ดึงอนงค์กับคำเที่ยงเข้าไปอยู่ใกล้ๆด้วยความเป็นห่วง
“พี่ดล !”
“เนติ์ ! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เนติ์..เนติ์ !”
ศิวัชพยายามเรียก แต่ไม่มีเสียงเนติมาตอบ ขณะที่ธำรง พงษ์เลิศ ชลกร มองศิวัชด้วยความสงสัย
เนติมาวาดสายตาพร้อมเล็งปืนไปรอบๆอย่างระวัง เห็นเงาของคนวิ่งวูบไปมาในบ้านร้างรอบๆตัวสองสามครั้ง เนติมารีบพูดโทรศัพท์บอกศิวัชแล้วกดตัดสาย
“เดี๋ยวเนติ์โทรกลับไปอีกครั้งนะคะพี่ศิวัช”
จังหวะนั้นกระสุนนัดหนึ่งยิงเฉียดกลุ่มของเนติมาไปนิดเดียว เนติมารีบบอกทุกคน
“ทุกคนหลบไปทางนั้นก่อนเร็ว”
ทั้งหมดวิ่งหลบไปหลังกองวัสดุก่อสร้างอย่างรวดเร็ว
ศิวัชพยายามเรียกเนติมาผ่านโทรศัพท์มือถือแต่ไร้ผล
“เนติ์..เนติ์ โธ่โว้ย !”
“เกิดอะไรขึ้นลูก”
ธำรงถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ ศิวัชหันขวับมองไปที่พงษ์เลิศกับชลกรด้วยความเดือดดาล
“เสียงปืนครับคุณพ่อ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
ศิวัชปรี่เข้าไปจะชกพงษ์เลิศ แต่ธำรงรั้งไว้
“ไม่ออกใช่มั้ย !”
“อย่านะศิวัช !”
“คุณพ่อไม่เห็นเหรอครับว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครทำเรื่องชั่วๆแบบนี้ได้เท่าพวกมันหรอกครับ”
“แต่ถ้าแกใจร้อนแกจะตกเป็นเหยื่อ อย่าลืมหัวโขนที่แกสวมอยู่สิ ใจเย็นๆ”
ศิวัชหายใจลึกพยายามสงบจิตใจก่อนชี้หน้าพงษ์เลิศด้วยความโมโห
“ถ้าเนติ์เป็นอะไรไป พวกแกจะเป็นยิ่งกว่า ออกไป !”
“วันนี้แกไล่ฉัน แต่วันหน้าพวกฉันจะกลับมานั่งที่ห้องนี้เหมือนที่เคยเป็น ส่วนพวกแก คิดดูก่อนนะ ว่าฉันจะมีที่ให้พวกแกอยู่บนแผ่นดินนี้รึเปล่า”
“และสิ่งที่คุณระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อกี้ มันแสดงให้เห็นว่าคุณไก่อ่อนสิ้นดี สู้พ่อคุณยังไม่ได้เลย” ชลกรว่า
ชลกรยิ้มเยาะพลางปรายตามองธำรงอย่างยั่วยวน ขณะที่ธำรงเบือนหน้าหนีอย่างไม่ใส่ใจนัก พงษ์เลิศกับชลกรจะพากันออกไปจากห้องด้วยความสะใจ
ศิวัชอัดอั้นจนทุบโต๊ะอย่างแรง
“โธ่โว้ย !”
ธำรงมองลูกชายตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วก็ต้องถอนใจ ธำรงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกทันที
“ผู้กำกับ...”
ภายในสวนหย่อมบ้านกันต์ ผู้กำกับวิเชษฐ์ถลกแขนเสื้อ ใบหน้ามีเหงื่อพราว มือหนึ่งถือเสียมขนาดเล็กเพราะกำลังช่วยขวัญชนกทำสวนดอกไม้อยู่ อีกมือถือโทรศัพท์มือถือคุยด้วยสีหน้าเครียด
“ครับท่าน ผมจะรีบไปด้วยนี้ครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์กดวางสายโทรศัพท์ ขวัญชนกที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มีงานด่วนเหรอคะผู้กำกับ”
เนติมา ยศวีร์ อนงค์และ คำเที่ยงหลบอยู่หลังกองวัสดุก่อสร้างในหมู่บ้านร้าง ทุกคนต่างมองไปรอบๆบริเวณอย่างระวังตัว
“เงียบไปแล้ว อ้อว่าเรารีบออกไปตอนนี้มั้ยจ๊ะ”
คำเที่ยง ถอนหายใจแล้วบอก
“มันเงียบให้เราออกไปเป็นเป้า”
คำเที่ยงพูดอย่างคนมีประสบการณ์ ขณะที่ยศวีร์หันไปเห็นลูกน้องของอิทธิหาญคนหนึ่งที่ซุ่มอยู่พอดีก็กระชับท่อนไม้ในมือด้วยความโมโหและปรี่ออกจากที่กำบังเพื่อจะชาร์ตลูกน้องอิทธิหาญ แต่กลับมีกระสุนปืนนัดหนึ่งพุ่งมาเฉี่ยวขาจนยศวีร์เสียหลักล้มลง
“มึง ! โอ๊ย !”
“พี่ดล !”
เนติมา อ้อ คำเที่ยงตกใจมาก เนติมารีบวาดปืนไปรอบๆ ก่อนจะออกไปกับคำเที่ยงแล้วประคองยศวีร์กลับเข้ามาหลังกองวัสดุก่อสร้าง
“ดล ! อ้อ..ไม่ต้องออกไป” เนติมาบอก
“ดลไหวมั้ยลูก”
“ไหวครับพ่อ”
คำเที่ยงก้มมองดูแผลที่ขาของยศวีร์นิดหนึ่งก่อนถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะที่อนงค์น้ำตาคลอเบ้ามองอย่างใจเสีย
“โชคดีแค่เฉียด” คำเที่ยงบอก
เนติมามองน้องชายด้วยความเป็นห่วงก่อนโวยด้วยความโมโห
“แน่จริงออกมาสู้ซึ่งๆหน้าสิ ออกมา..ออกมา !”
ทันทีที่เนติมาพูดจบ เสียงปืนและกระสุนปืนหลายนัดก็ระดมยิงเข้ามาโดนกองวัสดุก่อสร้างที่พวกของเนติมาหลบอยู่เพื่อกดดันและข่มขวัญ ทุกคนก้มหลบกระสุนปืนที่ระดมใส่ทันที
บริเวณชั้นสองของบ้านร้างหลังหนึ่ง อิทธิหาญเดินเข้ามายืนมองกลุ่มของเนติมาที่รวมกลุ่มหลบอยู่หลังกองวัสดุก่อสร้างด้วยความผวา อิทธิหาญยิ้มด้วยความสะใจ
ปานตามเข้ามายืนมองก่อนหันมาถามด้วยความสงสัย
“กลับกันมั้ยครับเสี่ย พวกมันขวัญหนีดีฝ่อกันหมดแล้ว”
“กลับเหรอ”
อิทธิหาญพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันจะกลับต่อเมื่อพวกมันเป็นศพ”
“เสี่ยครับแต่...”
“เชื่อสิ งานนี้พ่อต้องเห็นด้วยกับที่ฉันทำแน่ๆ เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะถ้าพวกมันไม่ตาย มันต้องเอาเราตายแน่”
อิทธิหาญยกปืนขึ้นเล็งไปยังกลุ่มของเนติมาแล้วลั่นกระสุนออกไปทันที
กระสุนนัดหนึ่งเฉียดหัวเนติมาไปโดนกองวัสดุอย่างเฉียดฉิว ทั้งหมดสะดุ้งด้วยความตกใจ
“พี่ดล..อ้อกลัว !”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ! แน่จริงออกมาสู้กันซึ่งๆหน้าสิวะ”
ยศวีร์พูดด้วยความโมโหและพยายายามมองหาที่มาของกระสุน
เสียงอิทธิหาญดังก้องมาอย่างน่ากลัว
“จะซึ่งหน้าหรือซึ่งหลัง ผลลัพธ์มันก็เหมือนกันคือ พวกแกจะออกไปจากที่นี่ได้ต่อเมื่อเป็นศพออกไปเท่านั้น”
“อิทธิหาญ !”
เนติมาจำเสียงอิทธิหาญได้ทันที ก่อนเนติมาจะตะโกนสวนกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
“แกนี่ลูกไม้หล่นใต้ต้นจริงๆเลยนะ ชั่วเหมือนพ่อ ลอบกัดเก่งเหมือนหมา !”
“คุณเนติ์”
คำเที่ยงปรามเนติมา เพราะกลัวทุกคนจะเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ แต่เนติมาไม่กลัว
“ไม่ต้องกลัวค่ะคุณลุง มันมีปืนเราก็มีปืนเหมือนกัน ขออย่างเดียวอย่ารุม อย่าลอบกัดแบบนี้ มันไม่ลูกผู้ชาย” เนติมาพูดอย่างกล้าหาญ
ยศวีร์กำลังให้อนงค์เอาผ้าเช็ดหน้าพันแผลที่ขาให้อยู่ หันไปเห็นอะไรอย่างหนึ่งแล้วรีบเรียกเนติมาทันที
“มันไม่สนใจคำพูดพี่เนติ์หรอกครับ”
เนติมา อนงค์ คำเที่ยงมองตามยศวีร์ไปก็เห็น โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญ 5-7 คน เดินดาหน้าอย่างย่ามใจออกมาจากมุมต่างๆของหมู่บ้านร้าง ทั้งหมดถือปืนสั้นปืนยาวพร้อมใช้ เนติมามองด้วยความเจ็บใจ
“เลวที่สุด !”
“ทำยังไงกันดีล่ะจ๊ะ” อนงค์ถาม
เนติมาพูดอย่างตัดสินใจ
“หนีไปด้านโน้นก่อนเร็ว”
คำเที่ยงหันไปอีกด้านหนึ่งก็ชะงักด้วยความตกใจ
“เราคงหนีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะครับ”
ทนงและลูกน้องอิทธิหาญ 4-5 คนถือปืนเดินอาดๆมาจากอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้านร้างพร้อมอาวุธครบมือ ยศวีร์มองไปรอบๆอย่างหาทางออกไม่ได้เพราะโดนปิดล้อมหมด ยศวีร์กำมือแน่นพร้อมขยับจะลุกขึ้นไปสู้ แต่อนงค์รั้งไว้
“อย่านะจ๊ะพี่ดล เราสู้เขาไม่ได้หรอก”
“โธ่โว้ย ! พี่เนติ์...”
ยศวีร์สบถออกมาด้วยความเจ็บใจ ก่อนหันไปถามเนติมาด้วยความร้อนใจ เนติมามองลูกน้องของอิทธิหาญที่ขนาบเข้ามาทั้งสองด้านด้วยสีหน้าเครียด
ภายในห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี ธำรงนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทำงานของศิวัชอย่างไม่มีทีท่าร้อนรนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนัก ศิวัชเดินกลับไปกลับมาอยู่กลางห้อง
“แกอย่าแสดงอาการแบบนี้ให้นักข่าวหรือประชาชนเห็นนะ”
ศิวัชหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าธำรงนิดหนึ่ง แล้วถอนใจออกมาอย่างเซ็งๆ
“แต่เนติ์เป็นแฟนผมนะครับคุณพ่อ”
“แกยิ่งต้องเก็บอาการ อย่าลืม...แกคือความมั่นใจของคนทั้งประเทศ”
ศิวัชครุ่นคิดด้วยความอึดอัดกับสถานภาพที่ตัวเองเป็นอยู่
“ผมชักเบื่อหัวโขนที่สวมอยู่เต็มทีแล้ว”
ธำรงมองศิวัชด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดหนึ่ง ก่อนลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่ศิวัชแล้วอมยิ้มพูดอย่างใจเย็น
“ละครยังไม่จบจะถอดหัวโขนได้ยังไงล่ะลูก”
“แต่...”
“ลืมภารกิจที่เรากลับมาเมืองไทยไม่ได้แล้วเหรอ จะเป็นใหญ่ใจต้องกล้านะลูก”
ศิวัชถอนหายใจเพราะยังไม่อยากรับฟังเรื่องอื่นในตอนนี้ ธำรงมองลูกชายอย่างรู้ทันความคิด
“พ่อก็เป็นห่วงหนูเนติ์ไม่น้อยไปกว่าแกเหมือนกัน ผู้กำกับวิเชษฐ์นำกำลังออกตามหาแล้วและพ่อก็เชื่อว่า หนูเนติ์ต้องไม่เป็นอะไร”
“คุณพ่อมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“เพราะพ่อมั่นใจหนูเนติ์”
ศิวัชมองธำรงด้วยความสงสัย
“หนูเนติ์เป็นคนเก่ง แล้วก็เก่งกว่าที่แกคิดมากด้วย”
พวกของเนติมาที่ตกอยู่ในวงล้อมของพวกของอิทธิหาญ
“ไม่มีความสุขอะไรเท่ากับการเห็นคนจนตรอกโดนล้อมฆ่า โดยเฉพาะคนจนตรอกที่ว่าคือพวกนังเนติมา ฮ่าๆ”
อิทธิหาญมองภาพตรงหน้าด้วยความสะใจ โดยมีปานยืนอยู่ข้างๆ จังหวะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของปานก็ดังขึ้น ปานดูเบอร์แล้วรีบรับสายทันที
“ครับนาย...”
ปานนิ่งฟังปลายสายก่อนชักสีหน้าด้วยความไม่สบายใจนิดหนึ่ง
“ใช่ครับนาย สักครู่นะครับ...เสี่ยครับ”
ปานยื่นโทรศัพท์มือถือให้ อิทธิหาญยิ้มชอบใจรับโทรศัพท์มาอย่างรู้อยู่ว่าเป็นสายพ่อของตน
“คราวนี้คงไม่ด่าผมอีกใช่มั้ยครับพ่อ”
พงษ์เลิศพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ถ้าจะทำ อย่าให้เหลือกลับมาเป็นเสี้ยนย้อนกลับมาตำเราเด็ดขาด”
“พ่อก็รู้ว่าผมไม่ธรรมดา ที่สำคัญวันนี้ไอ้ระบิลไม่ได้มาเป็นการ์ดให้นังเนติมาเท่ากับวันนี้งานของเราง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว”
ปานยังอดสงสัยไม่ได้ว่าระบิลหายไปไหน
“ผมไม่อยากโม้ เอาเป็นว่าผมเก็บภาพการล้อมฆ่าที่คลาสสิคที่สุดกลับไปฝากพ่อดีกว่า”
อิทธิหาญหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเปิดกล้องเล็งถ่ายคลิปพวกของเนติมาอย่างย่ามใจ
พงษ์เลิศกดวางสายโทรศัพท์ด้วยสีหน้าจริงจังก่อนหันไปเห็นชลกรยืนมองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“กลัวเหรอ...”
“มันจะทำให้เราเสียเปรียบมากขึ้นรึเปล่าคะ”
“แต่ฉันไม่มีวันปล่อยมันเล่นงานข้างเดียวแน่ เพราะมันต้องการเอาเราตายเหมือนกัน”
“ลองเจรจาอีกสักครั้งมั้ยคะ ในทางการเมืองถ้าเอื้อประโยชน์ที่ต้องกัน ดำก็เปลี่ยนเป็นขาวได้ตลอดเวลานะคะ”
ชลกรพยายามโน้มน้าวความคิดของพงษ์เลิศเพราะไม่อยากปะทะ แต่พงษ์เลิศพูดอย่างหงุดหงิดเพราะไม่เห็นด้วย
“เอื้อประโยชน์ หึ..แล้วมันเคยเอื้อประโยชน์อะไรที่ถวายพานส่งไปให้มันบ้างมั้ยล่ะ”
พงษ์เลิศมองชลกรหัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก
“เธอถวายพานให้ไอ้ธำรงตั้งกี่รอบมันยังไม่เห็นเอื้ออะไรมาให้เลย เสน่ห์เธอตก แม้แต่ฉันยังรู้สึกเลย”
“ตกลงความผิดอยู่ที่ฉัน...”
“หรือจะปฏิเสธว่า ทางที่เธอเดินบนเส้นทางชีวิตทุกวันนี้ ไม่ได้บริหารด้วยเสน่ห์กับเรื่องบนเตียง”
“คุณพงษ์เลิศ !
ชลกรฉุนขาดเงื้อมือขึ้นมาตบ แต่พงษ์เลิศไวกว่าเอื้อมมือขึ้นคว้ามือชลกรกำแน่น
โอ๊ย !
พงษ์เลิศจ้องหน้าชลกรด้วยสายตาดุดัน
“ลูกกวางอย่างเธอ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกชลกร ทางที่ดีอยู่เชื่องๆทำตามจังหวะหายใจที่ฉันกำหนดให้แล้วเธอจะสบายเพราะยังไงขั้วของฉันก็ไม่มีวันแพ้แน่นอน”
“คุณกับลูกชายไม่ต่างกันเลยจริงๆ”
ชลกรพูดด้วยความโมโห ขณะที่พงษ์เลิศยิ้มอย่างได้ใจ
“ไม่อย่างนั้นจะเป็นพ่อลูกกันได้ยังไงล่ะ แต่เห็นอย่างนี้...”
พงษ์เลิศเลื่อนหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ ชลกรฝืนตัวไว้อย่างขยะแขยง แต่พงษ์เลิศกระชากตัวของชลกรเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนกระซิบข้างหูอย่างใจเย็น
“ฉันโหดกว่าลูกชายฉันเยอะ ฮ่าๆ”
พงษ์เลิศหัวเราะพร้อมหอมแก้มชลกรอย่างได้ใจแล้วเดินออกไปทันที ชลกรนิ่งงันและอึดอัดใจอย่างที่สุดจนต้องร้องไห้ออกมา
ในวงล้อม เนติมาถือปืนแน่น อนงค์นั่งอยู่ข้างๆด้วยอาการกลัวจนตัวสั่น
“ไม่ต้องกลัวนะอ้อ พี่ไม่ยอมให้พวกมันทำอันตรายอ้อเด็ดขาด”
คำเที่ยงมองลูกสาวด้วยความสงสาร ก่อนมองไปรอบๆคิดอะไรอยู่นิดหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเนติมาอย่างตัดสินใจ
“ผมจะวิ่งล่อพวกมันออกไปทางโน้น จากนั้นคุณหนูพา...”
“ไม่นะจ๊ะพ่อ หนูไม่ยอมให้พ่อเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นนะจ๊ะ”
อนงค์ร้องไห้พลางโผเข้ากอดคำเที่ยงอย่างใจเสีย เนติมาพยายามทำใจให้เป็นปกติแล้วหันไปอธิบายให้คำเที่ยงฟัง
“ถึงคุณลุงจะล่อพวกมันไปที่อื่น แต่พวกมันมีตั้งเยอะ มันคงไม่ตามคุณลุงไปทั้งหมดหรอกนะคะ”
“อีกอย่างจากตรงนี้อีกตั้งไกล กว่าจะถึงถนนใหญ่...” ยศวีร์บอก
ยศวีร์ไม่กล้าพูดอะไรต่อได้แต่หันไปมองเนติมาอย่างปรึกษา เนติมาพยายามครุ่นคิดอย่างหาทางออก จังหวะเดียวกันโทรศัพท์มือถือของเนติมาก็ดังขึ้น
“ค่ะพี่ศิวัช”
ศิวัชพูดโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ
“เนติ์..เป็นอะไรรึเปล่า ไหนว่าจะติดต่อกลับมาไงจ๊ะ”
“เนติ์ยังไม่สะดวกน่ะค่ะ”
“แล้วเสียงปืนเมื่อกี้ล่ะเนติ์ ตกลงเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนี้รู้รึยังว่าเนติ์อยู่ที่ไหน ผู้กำกับวิเชษฐ์กำลังพาเจ้าหน้าที่ออกตามหาเนติ์อยู่นะจ๊ะ”
เนติมาครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งแล้วรีบกดวางสายทันที
“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะพี่ศิวัช”
“เดี๋ยวสิจ๊ะเนติ์ อย่าเพิ่งวางสาย เนติ์..เนติ์..โธ่เอ๊ย !”
ศิวัชพยายามเรียกเนติมาแต่ไม่เป็นผล ศิวัชถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะชะงักเมื่อหันไปเห็นธำรงนั่งมองอยู่ด้วยสายตาตำหนิ ศิวัชทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาด้วยความขัดใจ
เนติมากำลังหาพิกัดที่ตัวเองอยู่จากโทรศัพท์มือถืออย่างเร่งรีบ
“เจอมั้ยจ๊ะพี่เนติ์”
“เดี๋ยวนะ..เจอแล้ว ดล !”
ยศวีร์กำลังพยายามต่อสายหาผู้กำกับวิเชษฐ์แต่ไม่สำเร็จจึงโวยออกมาอย่างหงุดหงิด
“โทรไม่ติดเลยครับพี่เนติ์..โธ่โว้ย !”
“แย่แล้ว !”
คำเที่ยงพูดด้วยความตกใจเมื่อมองไปที่กลุ่มของลูกน้องอิทธิหาญที่อยู่ด้านหนึ่ง ทนงเล็งปืนมายังกลุ่มของเนติมาอย่างตั้งใจ
“หลบ !”
เนติมาตะโกนพลางพุ่งผลักยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงให้หมอบราบลงกับพื้นแล้วค่อยๆคลานไปหลบยังอีกมุมที่อยู่ใกล้ๆซึ่งมิดชิดกว่า กระสุนปืนของทนงเฉียดเนติมาไปนิดเดียว ก่อนกระสุนปืนจากบรรดาลูกน้องอิทธิหาญจะระดมยิงเข้าใส่กลุ่มของเนติมาไม่ยั้ง
“เฮ้ย ! ยิงมุมนั้นจะโดนอะไรวะ ไปทางโน้นเร็ว !” ทนงบอก
ทนงบ่นลูกน้องอย่างหงุดหงิด ลูกน้องคนที่ 1 วิ่งอ้อมไปด้านหลังเพื่อที่จะเห็นเป้าหมายได้ถนัด แต่จังหวะเดียวกันเนติมาหันมาเห็นพอดี จึงวาดปืนไปแล้วลั่นกระสุนใส่ลูกน้องคนนั้นอย่างแม่นยำ จนล้มลงสิ้นใจตายทันที
ยศวีร์หันขวับไปอีกด้าน เห็นลูกน้องคนที่ 2 อ้อมมาจากอีกด้านและกำลังจะยกปืนขึ้นยิงเข้ามา แต่ดลไวกว่าพุ่งท่อนไม้ที่อยู่ในมือเข้าใส่ที่กลางอกลูกน้องคนที่ 2 อย่างจัง จนลูกน้องคนนั้นลงไปนอนจุกกองอยู่กับพื้น กระสุนที่ยิงออกมาพลาดเป้าไปนิดเดียว
“โอ๊ย !”
อิทธิหาญมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ ขณะที่ปานมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“โธ่โว้ย ! คนตั้งเยอะยังทำอะไรมันไม่ได้อีก”
ฝีมือการยิงปืนของเนติมาอาศัยความกล้า และไม่ได้ยิงปืนเก่งในระดับเซียนเพราะยังไม่ได้มีการฝึกอย่างจริงจังแต่ก็พอมีความแม่นยำอยู่บ้าง เนติมาวาดปืนยิงต่อสู้กับลูกน้องอิทธิหาญอย่างไม่เกรงกลัว จนโปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญจำนวนหนึ่งต่างหลบกระสุนปืนที่เนติมายิงเข้าใส่ โยมียศวีร์คอยเป็นหูเป็นตาระวังให้อีกชั้นหนึ่ง
“พี่เนติ์ระวัง !”
เนติมาวาดปืนจากอีกด้านกลับมายิงอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว กระสุนพุ่งโดนลูกน้องของอิทธิหาญ 2 คนฟุบลงไปทันที ขณะที่คนอื่นต่างพุ่งหลบกันจ้าละหวั่น
เนติมาพยายามเหนี่ยวไกอีกสองสามครั้ง แต่ไม่มีผล กระสุนหมดพอดี
“กระสุนหมด !”
“พี่เนติ์ไม่มีสำรองเหรอครับ”
เนติมาส่ายหน้าอย่างใจไม่สู้ดีนัก คำเที่ยงเอื้อมมือไปจับมือลูกสาวแน่นเพื่อปลอบใจ ทนง โปรย ชูศักดิ์มองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาอย่างได้ใจ ทั้งสามคนประทับปืนเล็งไปที่กลุ่มของเนติมาอย่างมั่นใจ
อิทธิหาญกับปานที่ยืนมองจากระเบียงตึกร้างมีสีหน้ามั่นใจและสะใจ
“ถึงเวลาส่งพวกมันไปหาพ่อแม่ในนรกแล้ว”
ขณะที่โปรยกำลังเหนี่ยวไกปืนเพื่อยิงเนติมา กระสุนปืนนัดหนึ่งก็พุ่งมาเฉียดมือโปรยจนได้เลือด กระสุนปืนของโปรยพลาดเป้า ปืนในมือกระเด็นตกพื้น จนพรรคพวกตกใจ
“โอ๊ย !”
เนติมา ยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงชะงักมองด้วยความแปลกใจ ยศวีร์หันไปมองเนติมาด้วยความสงสัย เนติมาส่ายหน้าอย่างงงๆ
“พี่เปล่านะ !”
อิทธิหาญกับปานมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านนอกด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นวะ !”
ปานครุ่นคิดแล้วชะงักด้วยความตกใจ
ลูกน้องอิทธิหาญคนหนึ่งกำลังเอาผ้าพันแผลที่มือ ทนงมองพวกของเนติมาด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะตะโกนสั่งลูกน้องเสียงดังลั่น
“เฮ้ย ! ถล่มมัน !”
ยังไม่ทันลงมือก็มีระเบิดเพลิงปามาตรงด้านหน้าพอดี ทำเอากลุ่มลูกน้องอิทธิหาญทั้งสองกลุ่มล้มระเนระนาด
“เฮ้ย !”
อิทธิหาญกับปานผงะตะลึงกับภาพตรงหน้า
“ไอ้บ้าเอ๊ย !”
อิทธิหาญพูดด้วยความหงุดหงิดแล้วเดินออกไปทันที ขณะที่ปานมองตามอิทธิหาญสลับกับมองเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความรู้สึกไม่ไม่สบายใจ
ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญลุกขึ้นตั้งหลักได้ก็งงกับเรื่องที่เกิดไม่หาย จังหวะเดียวกันทั้งหมดก็ต้องตกใจเมื่อบิ๊คไบท์พุ่งเข้ามาขวาง คนขับสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ชักปืนขึ้นมายิงใส่กลุ่มลูกน้องอิทธิหาญอย่างรวดเร็ว
กระสุนหลายนัดโดนลูกน้องอิทธิหาญอย่างแม่นยำจนล้มลงสิ้นใจทันที ขณะที่ทนงหลบได้อย่างเฉียดฉิว
โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญที่อยู่อีกมุมหนึ่งระดมยิงเข้าใส่ระบิล แต่ระบิลไวกว่า ชักปืนอีกกระบอกลั่นกระสุนสวนเข้าใส่ ถูกลูกน้องอิทธิหาญสองสามคนร่วงลงอย่างแม่นยำ
ระบิลนั่งคร่อมอยู่บนรถ ปลดแม็กกระสุนออกจากปืนทั้งสองกระบอก ก่อนจะบรรจุแม็กกระสุนปืนชุดใหม่อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะสาดกระสุนเข้าใส่กลุ่มของลูกน้องอิทธิหาญทั้งสองฝั่งทันที ทำเอากลุ่มของลูกน้องอิทธิหาญต้องหลบหาที่กำบังกันอลหม่าน
เนติมา ยศวีร์ อนงค์ คำเที่ยงต่างตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่รู้ว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร ระบิลหันขวับมาพูดเร่งเนติมาทันที
“รออะไร รีบหนีไปสิ เร็ว !”
ระบิลถอนใจรีบลงมาจากรถแล้วปรี่ไปดึงเนติมาขึ้นมาทันที
“ไป !”
เนติมาตกใจเอื้อมมือไปจับมือระบิลข้างที่จับต้นแขนเธออยู่ทำเอาระบิลชะงัก ทั้งสองคนสบตากันค้างนิ่ง เนติมากระชับมือแน่นรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ระบิลมีให้
“โอ๊ย !”
ระบิลกับเนติมาชะงักหันไปเห็นอนงค์กับคำเที่ยงประคองยศวีร์ขึ้นมายืน เนติมารีบเข้าไปประคองน้องชายด้วยความเป็นห่วง
“ดล ! ไหวมั้ย”
“ไหวครับพี่เนติ์”
ลูกน้องของอิทธิหาญสองสามคนโผล่จากที่กำบังจะยิงปืนใส่กลุ่มของเนติมา แต่ระบิลวาดปืนยิงเข้าใส่โดนลูกน้องอิทธิหาญกลุ่มนั้นตายไปอีกหนึ่งคน ทีเหลือต้องรีบหลบกลับเข้าไปในที่กำบัง
ระบิลรีบหันไปพูดกับยศวีร์ทันที
“ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ใช่มั้ย”
“เออ..ได้ครับ”
“พาคนแก่กับผู้หญิงออกไปหน้าหมู่บ้าน เดี๋ยวจะมีคนมารับ”
“ใคร !”
เนติมาถามด้วยความสงสัย ระบิลรีบพูดด้วยความร้อนใจพร้อมกับยิงปืนสกัดลูกน้องอิทธิหาญไปด้วย
“ไม่ต้องถามมาก อยากตายกันหมดนี่รึไง เร็ว !”
ระบิลรีบดันหลังยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ คำเที่ยงหันไปถามระบิลด้วยความเป็นห่วง
อ่านต่อหน้า 4
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 11 (ต่อ)
“ดล ! ไหวมั้ย”
“ไหวครับพี่เนติ์”
ลูกน้องของอิทธิหาญสองสามคนโผล่จากที่กำบังจะยิงปืนใส่กลุ่มของเนติมา แต่ระบิลวาดปืนยิงเข้าใส่โดนลูกน้องอิทธิหาญกลุ่มนั้นตายไปอีกหนึ่งคน ทีเหลือต้องรีบหลบกลับเข้าไปในที่กำบัง
ระบิลรีบหันไปพูดกับยศวีร์ทันที
“ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ใช่มั้ย”
“เออ..ได้ครับ”
“พาคนแก่กับผู้หญิงออกไปหน้าหมู่บ้าน เดี๋ยวจะมีคนมารับ”
“ใคร !”
เนติมาถามด้วยความสงสัย ระบิลรีบพูดด้วยความร้อนใจพร้อมกับยิงปืนสกัดลูกน้องอิทธิหาญไปด้วย
“ไม่ต้องถามมาก อยากตายกันหมดนี่รึไง เร็ว !”
ระบิลรีบดันหลังยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ คำเที่ยงหันไปถามระบิลด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยว..แล้วคุณหนูล่ะ”
“เดี๋ยวผมพาออกไปเอง เร็ว !”
เนติมาพยักหน้าบอกน้องชายด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงพี่ เดี๋ยวพี่ตามไป”
ยศวีร์ขึ้นรถแล้วพาอนงค์กับคำเที่ยงซ้อนขึ้นรถแล้วขี่ออกไป ระบิลยิงคุ้มกันให้อย่างคล่องแคล่ว
ระบิลรีบพาเนติมาเข้าไปหลบหลังกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ ระบิลพูดพลางเปลี่ยนแม็กกระสุนปืนอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีเท่าไหร่ แต่คุณเตรียมวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดตั้งแต่คุณเกิดมา”
“นายเป็นใคร ว้าย !”
เนติมาถามพลางจ้องหน้าระบิลผ่านช่องว่างของหมวกกันน็อกด้วยความสงสัย แต่ต้องตกใจเมื่อระบิลเอื้อมมือไปจับเท้าเนติมาขึ้นมา แล้วจัดการหักส้นรองเท้าส้นสูงของเนติมาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วโดยที่เนติมายังไม่ทันตั้งตัว ระบิลพูดทำเหมือนไม่ได้ยินที่เนติมาถาม
“จะได้วิ่งถนัดๆ รองเท้าซื้อใหม่ได้ แต่ชีวิตซื้อใหม่ไม่ได้นะคุณ”
ระบิลมองปืนในมือเนติมาแล้วเอื้อมมือไปดึงมาถือไว้ อดไม่ได้ที่จะมองเนติมาอย่างตำหนิ ขณะที่เนติมาก็มองระบิลด้วยความสงสัยเช่นกัน
ระบิลรีบเอาปืนของเนติมาใส่ในกระเป๋าถือเนติมาอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองคนต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงอิทธิหาญตะโกนลั่น
“ฉันไม่สนว่ามันเป็นใคร ฉันสนแต่ว่า พวกแกต้องเอากระสุนฝังในหัวพวกมันให้หมด”
ระบิลพยักหน้าให้เนติมาอย่างมั่นใจก่อนจะคว้ามือเนติมาวิ่งออกจากที่ซ่อนทันที
ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญที่อยู่ห่างออกไปทางด้านหลังยิงปืนใส่มา ระบิลเอี้ยวตัวไปด้านหลังยิงปืนสวนกลับไป ก่อนทั้งคู่จะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ยศวรีร์ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ก็ได้ยินเสียงปืนจากด้านในเป็นระยะจนอดหันกลับไปมองด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“พี่เนติ์ !”
“เรากลับเข้าไปช่วยพี่เนติ์กันเถอะนะจ๊ะ”
ยศวีร์กับอนงค์หันไปมองคำเที่ยงอย่างปรึกษา คำเที่ยงลังเลอย่างไม่สบายใจห่วงลูกทั้งสองคนและเป็นห่วงเนติมาด้วยเช่นกัน
ด้านหน้าซึ่งเป็นถนนโค้ง ทุกคนต้องตกใจเมื่อเห็นรถของผู้กำกับวิเชษฐ์วิ่งเลี้ยวเข้ามาด้วยความเร็ว
“เฮ้ย !”
รถของผู้กำกับวิเชษฐ์ที่ขับรถมาด้วยความเร็วรีบเหยียบเบรคทันที
“เฮ้ย !”
รถของผู้กำกับวิเชษฐ์ก็เบรคได้ทันอย่างน่าหวาดเสียวก่อนถอนใจด้วยความโล่งอกและรีบลงมาจากรถทันที
“คุณดล !”
“ผู้กำกับ !”
“ทุกคนปลอดภัยดีนะครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ถามด้วยความร้อนใจ ทั้งหมดได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านในอีกชุด ผู้กำกับวิเชษฐ์หันไปมองทันที
“คุณเนติ์ !”
ระบิลจูงมือเนติมาเลี้ยวเข้ามาหลบหลังผนังของบ้านร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จหลังหนึ่ง กระสุนหลายนัดสาดตามเข้ามา เนติมาชักสีหน้าด้วยความโมโหเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีทางหนีไปที่อื่น เนติมาสะบัดมือจากมือระบิลทันที
“เข้ามาในนี้ก็เท่ากับมาหาทางตันน่ะสิ”
“ก็ยังดีกว่าวิ่งล่อเป้าอยู่ข้างนอกน่า”
ระบิลมองไปรอบๆเพื่อหาทางออก เนติมามองระบิลด้วยความสงสัย
“นายเป็นใคร”
ระบิลไม่ยอมตอบยังคงมองไปรอบๆ โดยที่ไม่หันไปมองเนติมาที่อยู่ด้านหลังที่ตัดสินใจพุ่งเข้าไปจะถอดหมวกกันน็อกของระบิลออกเพื่อดูหน้า แต่ระบิลไวกว่าคว้ามือของเนติมาไว้ได้ทันที
“โอ๊ย..เจ็บนะ !”
“เวลาอย่างนี้สนใจเรื่องความปลอดภัยมากกว่าผมเป็นใครดีกว่ามั้ง” ระบิลพูดเสียงเข้ม
ระบิลเห็นเงาของชูศักดิ์ที่ยกปืนขึ้นเล็งผ่านกระจกสะท้อนจึงรีบรวบตัวเนติมาแล้วดันเข้าหลบที่ผนังด้านหนึ่งทันที กระสุนปืนจากด้านนอกยิงเข้ามาโดนกระจกบานนั้นแตกกระจาย
“ว้าย !”
“ถ้าๆไม่อยากตายทำตามที่ผมบอก”
ระบิลพูดกับเนติมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เนติมามองตาระบิลนิ่งอย่างไม่โต้แย้ง ระบิลหยิบปืนกระบอกหนึ่งให้เนติมาที่มองอย่างงงๆ ระบิลเอื้อมมือไปจับมือเนติมาขึ้นมารับปืนมาถือไว้พลางกระชับมือแน่นเพื่อสร้างความมั่นใจให้เนติมา
“ผมรู้ว่าคุณทำได้”
เนติมามองตาระบิลอย่างสื่อรู้ถึงความหมายที่ระบิลสื่อมาถึง
รถของผู้กำกับวิเชษฐ์วิ่งเลี้ยวเข้ามา กระสุนปืนสามสี่นัดพุ่งมาโดนตัวถังด้านหน้าเพื่อสกัดรถ จนผู้กำกับวิเชษฐ์ต้องจอดหลบทันที
“ผมว่ารอหน่วยสนับสนุนมาถึงก่อนแล้วค่อยเข้าไปดีกว่านะครับ”
“กว่าหน่วยของผู้กำกับมาถึง พี่เนติ์ไม่แย่เหรอครับ”ยศวีร์ว่า
“อีกสักพักก็คงมาถึงแล้วล่ะครับ อีกอย่างคนที่อยู่กับคุณเนติ์ตอนนี้น่าจะทำให้คุณเนติ์ปลอดภัยได้ระดับหนึ่งล่ะครับ”
“ผู้กำกับพูดเหมือนรู้จักคนๆนั้นเลยนะคะ” อนงค์พูดด้วยความสงสัย
กระสุนอีกสองสามนัดก็ยิงมาเฉียดตัวรถเข้ามาอย่างน่าหวาดเสียว ผู้กำกับวิเชษฐ์รีบเปิดประตูอีกด้านพร้อมเร่งให้ทุกคนออกจากรถไปหลบอยู่อีกด้านหนึ่งโดยใช้รถเป็นที่กำบังทันที
“อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้นเลยครับ ผมว่าออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ เร็ว !”
“ถ้าเขาไม่หลงใหลในอำนาจ เขาก็คงไม่ต้องมาไล่ฆ่าคนอย่างนี้” คำเที่ยงว่า
ผู้กำกับวิเชษฐ์ชักปืนขึ้นมายิงสะกัดกลับไปสองสามนัดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างระวังตัว พร้อมพูดออกมาอย่างจริงจัง
“ไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คนกันแน่ ที่สำคัญไม่รู้ว่ามันซุ่มอยู่ตรงไหนบ้าง ผมว่าเราหลบอยู่ตรงนี้ก่อนดีกว่า
นะครับ ผมไม่อยากพาทุกคนเข้าไปเสี่ยงเกินกว่านี้แล้ว”
ยศวีร์มองเลยไปที่บ้านหลังหนึ่งเห็นลูกน้องของอิทธิหาญสองคนซุ่มอยู่ในบ้านก่อนครุ่นคิดอย่างตัดสินใจ
“พี่ดลยังเจ็บแผลอยู่มั๊ยจ๊ะ”
อนงค์พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันไปถามด้วยความเป็นห่วง แต่ต้องตกใจเมื่อไม่เห็นยศวีร์นั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“พี่ดล !”
ผู้กำกับวิเชษฐ์กับคำเที่ยงหันมามองแล้วต้องตกใจเช่นกัน คำเที่ยงมองเลยออกไปทางพงไม้ที่อยู่ใกล้ๆ เห็นยศวีร์วิ่งหายเข้าไป
“ดล..ดลกลับมา !”
“พี่ดล !”
คำเที่ยงกับอนงค์จะวิ่งตาม แต่ผู้กำกับวิเชษฐ์รั้งไว้
“อย่าครับ อย่าออกไป !”
“แต่พี่ดล…”
“เชื่อผมสิครับ”
อนงค์น้ำตาคลอเบ้าอย่างใจเสียจนคำเที่ยงต้องเอื้อมมือไปกุมมือลูกสาวแน่น ผู้กำกับวิเชษฐ์มองตามยศวีร์ไปด้วยความไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะทิ้งหรือพาคำเที่ยงกับอนงค์ก็เสี่ยงพอกัน
อิทธิหาญและปานเดินเข้ามาหา ทนง โปรย และลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าบ้าน
“นังเนติมามันหนีเข้าไปในนั้นครับเสี่ย” ทนงบอก
“วิ่งไปหาทางตัน ในนั้นล่ะที่ตายของแก เฮ้ย..รออะไรอยู่วะ เข้าไปล่ามันสิวะ”
“ครับเสี่ย”
ทนงรับปากแข็งขันก่อนหันไปพยักหน้าให้โปรยกับชูศักดิ์อย่างรู้งาน ทั้งสามคนพาลูกน้องเดินย่ามเข้าไปอย่างได้ใจ ปืนนัดหนึ่งก็ลั่นออกมาจากในบ้าน กระสุนถูกลูกน้องอิทธิหาญอย่างจังจนล้มลงสิ้นใจทันที
ปาน ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญชะงักด้วยความตกใจ อิทธิหาญโมโหขึ้นมาทันทีก่อนพูดเสียงกร้าว
“มึง ! เฮ้ย ไปลากมันออกมา วันนี้มันต้องตาย..วันนี้มันต้องตาย เร็ว !”
ระบิลพาเนติมาวิ่งเลี้ยวมาเพื่อขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็ว เนติมาโวยอย่างไม่เข้าใจ
“นายไปยิงเขาก่อนทำไม”
“นาทีนี้ยิงก่อนได้เปรียบคุณ เร็ว !”
“นายจะพาฉันไปไหน”
“ถามได้ ก็พาออกไปจากที่นี่ไงคุณ ออกไปทางพื้นดินไม่ได้ก็เหาะไป เร็ว !”
ระบิลเร่งฝีเท้าพาเนติมาขึ้นบันได เนติมาพูดโพล่งขึ้น
“นายระบิล !”
ระบิลชะงักก่อนจะรวบตัวเนติมาเข้ามาหลบที่ผนังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่กระสุนสองนัดเฉียดเนติมาไปนิดเดียว
“ถามมาก อยากตายรึไง”
ระบิลโอบเนติมาไว้ในอ้อมกอด เนติมามองตาระบิลด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกถึงความคุ้มครองที่มอบให้ทั้งที่ยังปิดใบหน้า ระบิลเอื้อมมือไปกระชับปืนในมือเนติมาแน่น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พร้อมนะครับ”
เนติมาพยักหน้าด้วยความมั่นใจ ก่อนจะได้ยินเสียงเดินเข้ามา ระบิลเอี้ยวตัวลั่นกระสุนออกไป กระสุนเฉียดตัวชูศักดิ์ที่หลบได้ทันที ทนงกับโปรยลั่นกระสุนสวนมาแต่ไม่ทัน ระบิลรีบพาเนติมาวิ่งขึ้นไปด้านบนแล้ว
“ตาม !”
ระบิลกับเนติมาวิ่งขึ้นมาชั้นบนของบ้านร้าง ทั้งสองคนมองไปรอบๆเพื่อจะหาทางหนี
“ไปทางไหนดี”
ระบิลชะโงกมองไปทางหน้าต่างด้านหลังบ้านแล้วหันมาบอก
“ทางนี้ครับ หลังบ้านมีทางออกอีกซอย”
เนติมาได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงหันขวับไปทางหน้าต่างบานหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ก็เห็นลูกน้องอิทธิหาญคนหนึ่งปีนและชักปืนขึ้นมาถึงพอดี เนติมายกปืนขึ้นยิงสวนไปทันที ลูกน้องอิทธิหาญร่วงลงพื้นสิ้นใจตายทันที เนติมาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ทนง โปรย ชูศักดิ์ และลูกน้องอิทธิหาญอีกจำนวนหนึ่งตามขึ้นมาจากบันไดทางขึ้น ระบิลยิงสกัดไปสองนัดจนพวกของลูกน้องอิทธิหาญต้องหลบวูบ ก่อนระบิลจะออกแรงคว่ำถังน้ำมันสองร้อยลิตรที่มีน้ำบรรจุอยู่เต็มเข้าใส่ เพื่อขัดจังหวะอีกด่านหนึ่ง
“ทางนี้ เร็ว !”
ระบิลรีบคว้ามือเนติมาวิ่งออกไปอีกด้านหนึ่งทันที
บริเวณหลังบ้านร้างหลังที่ 2 ลูกน้องคนที่ 4 และ 5 ของอิทธิหาญพร้อมอาวุธเดินออกมาจากด้านใน
“ไปโว้ย ลงไปเก็บพวกมันให้เรียบ...โอ๊ย !”
ลูกน้องคนที่ 4 พูดกับลูกน้องคนที่ 5 แล้วก็ร้องขึ้นด้วยเสียงดัง
ยศวีร์ซึ่งแอบอยู่หลังประตู ใช้ไม้ท่อนที่ถืออยู่ฟาดเข้าอย่างจังจนล้มลงกับพื้น ลูกน้องคนที่ 5 ยกปืนขึ้นจะยิงดล แต่ดลไวกว่าใช้ไม้ตีปืนจากมือลูกน้องคนนั้นจนปืนกระเด็นหลุดมือ
“โอ๊ย !”
ยศวีร์พุ่งเข้าไปจะหยิบปืนที่หล่นอยู่กับพื้น แต่ลูกน้องคนนั้นตั้งหลักได้ พุ่งเข้าไปแย่ง ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงจนเกือบจะล้มลูกน้องคนนั้นลงได้ จังหวะนั้น ลูกน้องคนที่ 4 ค่อยๆตั้งหลักขึ้นมาได้ แล้วฉวยโอกาสเข้าไปช่วยลูกน้องคนที่ 5 ทันที ทั้งสองคนพากันรุมยศวีร์ในทันที ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาเล็ง
“มึง !”
ลูกน้องคนที่ 4 ยังไม่ทันจะเหนี่ยวไกก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงปืนดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อนร่างจะร่วงลงสิ้นใจตายทันที ด้วยฝีมือผู้กำกับวิเชษฐ์
“ผู้กำกับ !”
ลูกน้องคนที่ 5 รีบพุ่งไปจะหยิบปืนที่พื้น ผู้กำกับวิเชษฐ์ลั่นกระสุนแต่พลาดเป้า ยศวีร์รีบคว้าถังปูนที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาเหวี่ยงใส่ลูกน้องคนนั้นทันทีจนลูกน้องอิทธิหาญคนนั้นเสียจังหวะ ยศวีร์พุ่งไปหยิบท่อนไม้แถวนั้นตีลูกน้องคนนั้นจนสลบเหมือด
ยศวีร์ใบหน้าบอบช้ำ ปากแตกจากการต่อสู้ยืนหอบมองผลงานของตัวเองก่อนโยนไม้ทิ้งและเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบแผลที่ขานิดหนึ่ง ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินเข้ามามองด้วยความชื่นชม
“ฝีมือใช้ได้นี่ครับ..ไหวมั้ย”
“ไหวครับผู้กำกับ แค่นี้เรื่องเล็ก แล้วพ่อกับอ้อล่ะครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ
“ลูกน้องผมมาแล้วล่ะครับ ผมให้พาสองคนนั่นออกไปจากที่นี่แล้ว”
ยศวีร์ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก จังหวะเดียวกัน เสียงปืนดังแว่วมา ทั้งดลและผู้กำกับวิเชษฐ์ชะงักทันที
“พี่เนติ์ !”
ภายในบ้านร้างหลังแรก ระบิลกับเนติมาวิ่งเข้ามาหลบหลังกำแพงปูน พร้อมกับกระสุนหลายนัดสาดตามเข้ามา ทนง โปรย ชูศักดิ์ และลูกน้องอิทธิหาญตามเข้ามายืนมองไปยังผนังปูนที่ยังก่อไม่เสร็จดีนักอย่างชอบใจ
“หนีไปก็เท่านั้น สุดท้ายก็ตายอยู่ดี ฮ่าๆ” ทนงว่า
ระบิลมองไปที่ระเบียงบ้านที่อยู่ไม่ห่างนักพลางชี้ให้เนติมาดู เนติมามองอย่างสงสัย
“จะให้ทำอะไร”
“เห็นมั้ยที่ระเบียงมีเชือกที่ใช้โรยวัสดุก่อสร้างอยู่”
“นายอย่าบอกนะว่าจะให้ฉันโรยตัวลงไป”
“ทางเลือกเดียวที่จะรอด วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วใช้ปืนในมือให้เป็นประโยชน์”
“แต่...”
“อยู่กับผมคุณไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”
เนติมาสบตาระบิลพลางกระชับมือระบิลแน่นมั่นใจเต็มเปี่ยม
“เกลียดฉัน ขนาดหน้ายังไม่ยอมให้ฉันเห็นเลยเหรอ”
เนติมาพูดด้วยความน้อยใจ ระบิลถอนใจออกมาด้วยความลำบากใจก่อนจะถอดหมวกกันน็อกออก เนติมามองระบิลด้วยความดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า
“นายไม่ทิ้งฉันจริงๆ”
ระบิลไม่ยอมตอบอะไรก่อนจะดึงเนติมาวิ่งทันที ระบิลยิงสวนสกัดไปที่กลุ่มลูกน้องอิทธิหาญที่ต่างหลบกันระนาว ทนง โปรย ชูศักดิ์ ยิงสวนกลับไป ระบิลดึงเนติมาหลบกระสุนปืนอย่างคล่องแคล่วจนวิ่งหลุดไปที่ระเบียงบ้าน
ระบิลกับเนติมาวิ่งออกมาที่ระเบียง ระบิลรีบเช็คเชือกที่ขึงลงไปยังถนนของหมู่บ้านที่อยู่ด้านหลังซึ่งมีกองวัสดุกองอยู่ ระบิลเอื้อมมือจับรอกแน่น ก่อนระบิลจะหันไปพูดกับเนติมาด้วยความมั่นใจ
“เชือกน่าจะแข็งแรงพอ กอดผมให้แน่นที่สุดเท่าที่จะแน่นได้ แล้วคอยยิงคุ้มกันให้ด้วย”
“อะไรนะ...”
“ไม่มีเวลาแล้ว เร็ว !”
เนติมาเข้าสวมกอดระบิลแน่นจนใบหน้าของทั้งคู่ชนกัน ทั้งสองคนสบตากันด้วยความรัก มีเสียงโปรยตะโกนออกมาจากในบ้าน
“เฮ้ย !”
ระบิลกับเนติมาหันไปเห็นทนง โปรย ชูศักดิ์ และลูกน้องอิทธิหาญวิ่งตามกันออกมาพร้อมยิงปืนเข้าใส่ ระบิลกับเนติมาตัดสินใจโดดลงไปทันที
ระบิลกับเนติมาโรยตัวไปบนรอก ขณะที่ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญ วิ่งตามออกมายิงที่ระเบียง เนติมาวาดปืนออกมายิงสวนกลับไปไม่ยั้ง จนโดนกลุ่มลูกน้องของอิทธิหาญบางคนร่วง ทนง โปรย ชูศักดิ์ ต้องหลบกันพัลวัน
ระบิลกับเนติมาลงมาที่พื้น ทั้งสองคนล้มลงเสียหลัก ชูศักดิ์ยิงปืนใส่ลงมา ระบิลพาเนติมากลิ้งหลบอีก จังหวะเดียวกันผู้กำกับวิเชษฐ์ก็ขับรถปราดเข้ามาจอดพอดีแล้วยิงคุ้มกันให้ระบิลกับเนติมา โดยมียศวีร์เปิดประตูรับ
“เร็วครับพี่เนติ์ !”
“ดล !”
ระบิล เนติมารีบวิ่งไปขึ้นรถ โดยระบิลยิงคุ้มกันให้
อิทธิหาญกับปานวิ่งอ้อมมาจากด้านหน้าพอดี ระบิลยิงปืนเข้าใส่จนอิทธิหาญกับปานต้องพุ่งหลบหมอบกับพื้น
“เสี่ยระวัง !”
ระบิลจะโดดขึ้นรถผู้กำกับวิเชษฐ์แล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
อิทธิหาญเงยหน้าขึ้นยิงปืนไล่หลังไปจนหมดแม็ก อิทธิหาญมองตามรถของผู้กำกับวิเชษฐ์ไปด้วยความเจ็บใจ
“โธ่โว้ย !”
ศิวัชนิ่งฟังปลายสายของโทรศัพท์ด้วยความโล่งอก
“งั้นเนติ์รีบกลับมานะจ๊ะ..พี่รออยู่นะ”
ศิวัชวางสายพลางถอนใจแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง ธำรงเดินเข้ามาพูด
“เห็นมั้ย แล้วทุกอย่างก็เรียบร้อย งั้นคืนนี้แกก็คงมีอารมณ์ไปงานเลี้ยงกับหนูตี้แล้วใช่มั้ย”
“ก็ไม่ทุกอย่างหรอกครับคุณพ่อ”
“เรื่องเจ้าอิทธิหาญน่ะเหรอ เด็กเกเรจับมาตีเมื่อไหร่ก็ได้ งานนี้ทั้งพ่อทั้งลูกต้องได้รับบทลงโทษจากเราแน่นอน”
ธำรงพูดเสียงเข้มแต่ยังเต็มไปด้วยความสุขุม
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับคุณพ่อ”
ธำรงมองศิวัชด้วยความสงสัย
“คนที่ไปช่วยเนติ์คือคุณระบิล”
ศิวัชกังวลใจกลัวว่าระบิลจะกลับมาอีกครั้ง
ในเวลากลางคืน ระบิลทิ้งตัวลงนั่งที่ระเบียงบ้านพักผู้กำกับวิเชษฐ์ด้วยความไม่สบายใจ ครุ่นคิดถึงเนติมา
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ ลานว่างแห่งหนึ่ง ระบิลนั่งคร่อมอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ เนติมายืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ส่วนผู้กำกับวิเชษฐ์ ยศวีร์ อนงค์และคำเที่ยง ยืนอยู่ข้างรถของผู้กำกับวิเชษฐ์ที่จอดอยู่ไม่ห่างไปนัก
เนติมาพูดกับระบิลด้วยความเศร้า ขณะที่ระบิลหนักใจพยายามไม่สบตาเนติมา
“ทำไมนายต้องทิ้งฉันด้วย”
“คง..เป็นความรักอิสระของผมมั้งครับ ผมอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจผมก็ไป”
“นายบอกฉันมาสิว่า อยู่กับฉันนายไม่สบายใจตรงไหน”
เนติมาพูดด้วยสายตาอ้อนวอน ขณะที่ระบิลถอนใจออกมาด้วยความอึดอัด
ที่ระเบียงบ้านพักผู้กำกับวิเชษฐ์
“ผมบอกไม่ได้หรอกครับเพราะถ้าผมบอกไปแล้ว...” ระบิลพูดขึ้นลอยๆ
“จะต้องเจ็บ”
ระบิลชะงักหันไปเห็นผู้กำกับวิเชษฐ์เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ
“แล้วแกต้องทำอย่างนี้อีกกี่ครั้งวะ”
“ทำอะไรเหรอครับพี่เชษฐ์”
“ก็ขี่รถตามเฝ้าดูคุณเนติ์เขาเนี่ย แล้วอย่างนี้มันจะตัดใจได้เหรอ”
“อย่างน้อยวันนี้มันก็มีประโยชน์ล่ะครับ นี่ยังดีนะครับที่ผมตามไปทันที่หมู่บ้านร้างนั่น ไม่งั้นมีหวัง...”
“หลังงานนี้ คุณศิวัชต้องจัดทีมการ์ดที่แข็งที่สุดมาคุ้มครองคนรักของเขาแน่ๆ”
ระบิลครุ่นคิดสิ่งที่ผู้กำกับวิเชษฐ์พูด
“พี่เชษฐ์กำลังจะบอกว่า ผมไม่ต้องห่วงคุณเนติ์แล้ว และผมควรจะไปจากชีวิตคุณเนติ์ให้เด็ดขาดใช่มั้ยครับ”
“เรื่องการตัดสินใจมันอยู่ที่ใจของแก แกก็เคยจมอยู่กับอดีตแล้วไม่ใช่เหรอ รู้ดีนี่ว่ามันเสียเวลาชีวิตยกเว้นนายจะรักจนไม่อยากจะลืม”
ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดให้ระบิลคิด
เนติมาค่อยๆเปิดประตูห้องหนังสือภายในบ้านกันต์ แสงสว่างจากด้านนอกพาดเข้ามาในห้องที่มืดมิด เนติมาเอื้อมมือเปิดสวิทช์ ไฟในห้องให้สว่างขึ้น แล้วพลางกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ ภายในห้องถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ เนติมาเดินเข้ามาแล้วเอามือสัมผัสตรงโต๊ะที่ระบิลเคยนั่งด้วยความคิดถึง
ที่ลานว่างนั้น เนติมาเอื้อมมือไปจับมือระบิลอย่างอ้อนวอน
“อย่าไปเลยนะ วันนี้นายก็เห็นว่า ไม่มีนาย ชีวิตฉันอันตรายมากแค่ไหน”
ระบิลรู้สึกสับสนแต่พยายามแข็งใจไว้
“ยังมีบอดี้การ์ดฝีมือดีอีกมากครับ เดี๋ยวคุณศิวัชคงจัดมาแทนผมได้ ยังไงคุณศิวัชไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำอันตรายคนที่เขารักมากที่สุดหรอกนะครับ”
“ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่ฝีมือ แต่อยู่ที่...”
เนติมาพูดได้เท่านั้นก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่มองหน้าระบิลด้วยความเศร้า ทั้งสองคนมองตากันด้วยความเข้าใจในความรู้สึกที่มีต่อกัน แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ระบิลเบือนหน้าหนีเนติมาอย่างตัดใจ
เนติมามองระบิลด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เนติมาน้ำตารื้นด้วยความเสียใจนั่งอยู่บนเก้าอี้
“คิดถึงคุณระบิลเหรอเนติ์”
เนติมาชะงักรีบปาดน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนหันไปยิ้มกลบเกลื่อนกับขวัญชนก
“ยังไม่นอนเหรอขวัญ”
ขวัญชนกขยับเข้ามานั่งใกล้ๆอย่างเข้าใจความรู้สึกของเพื่อน
“บ้านนี้เคยหมดชีวิตชีวามาตั้งสิบปี แต่พอคุณระบิลมาอยู่ คุณระบิลก็เติมสีสันจนบ้านนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง แต่พอคุณระบิลจากไปก็เหมือนเขาเอาสีสันจากบ้านนี้ไปด้วยจริงๆ”
“คุณระบิลเคยนั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องนี้ ตอนนี้ลูกน้องผู้กำกับวิเชษฐ์ย้ายไปอยู่ข้างนอกแล้ว”
“อีกหน่อยครัวที่บ้านคงเงียบเหงา แปลงดอกไม้ก็คง...เฉาตาย”
ขวัญชนกใจหายวาบ น้ำตาของเนติมาเอ่อคลอเบ้าอีกครั้ง ขวัญชนกตัดสินใจถาม
“รักเขาเหรอเนติ์”
“ขวัญ..ขวัญพูดอะไรน่ะ”
ขวัญชนกเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้เนติมา ขวัญชนกจะยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆแล้วค่อยๆลุกเดินออกไป
“ผู้หญิงเราจะเสียน้ำตาให้ผู้ชายอยู่ไม่กี่คนหรอกนะเนติ์” ขวัญชนกพูดทิ้งท้าย
เนติมานั่งคิดถึงความรู้สึกที่ตนและระบิลมีต่อกันแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกสับสน
ภายในสวนหย่อมบ้านกันต์ ในเวลากลางคืน แปลงดอกไม้ของระบิลที่ยังออกดอกสะพรั่งอยู่ เนติมาเดินเข้ามามองดอกไม้ด้วยสีหน้าเศร้าเพราะคิดถึงระบิล ก่อนจะชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของขวัญชนก
“รักเขาเหรอเนติ์”
“ขวัญ..ขวัญพูดอะไรน่ะ”
เนติมานิ่วหน้ารู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ผู้หญิงเรา จะเสียน้ำตาให้ผู้ชายอยู่ไม่กี่คนหรอกนะเนติ์”
น้ำตาเนติมาเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งอย่างไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองได้
“นายทำให้ฉันเสียน้ำตา”
เนติมานึกถึงระบิลก็ร้องไห้อีกครั้ง …
นึกย้อนถึงเรื่องราวที่ลานกว้าง ขณะที่ระบิลกำลังสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ เนติมาคว้ามือระบิลแล้วมองด้วยสายตาอ้อนวอน น้ำตาของเนติมาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร
“นายจะทิ้งฉันไปจริงๆเหรอ”
ระบิลเบือนหน้าหนีอย่างสะเทือนใจไม่แพ้กัน ยศวีร์กับอนงค์ส่งสายตามองระบิลอย่างขอร้อง
ผู้กำกับวิเชษฐ์กับคำเที่ยงมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ
ระบิลรู้สึกตัดใจด้วยความปวดร้าวก่อนเอื้อมมือไปแกะมือเนติมาออกจากมือตัวเอง
“ผมต้องไปแล้วครับ”
“นาย !”
เนติมาเอื้อมมือไปรั้งมือระบิลไว้อีกครั้งอย่างน่าสงสาร
“ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
ระบิลพูดด้วยน้ำเสียงกล้ำกลืนก่อนจะมองไปที่ทุกคนแล้วออกรถออกไปทันที
“นาย...”
เนติมาพูดได้เท่านั้น สายตามองตามระบิลไปด้วยความเศร้า
จบตอนที่ 11
อ่านต่อ ตอนที่ 12 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.