หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 8
ยศวีร์ยืนหอบและพยายามตบท้ายรถที่กำลังจะเคลื่อนเข้าบ้าน ลูกน้องคนที่ 3 และ 4 ปรี่เข้าไปกันยศวีร์ไว้ทันที
“เฮ้ย ทำอะไรของเอ็งวะ !” ลูกน้องคนที่ 3 ว่า
“เออ..ก็รถคันนี้เฉี่ยวรถผม”
“อย่าหาเรื่องนะโว้ย” ลุกน้องคนที่ 4 ว่า
“ไม่ได้หาเรื่องครับพี่ รถคันนี้เฉี่ยวรถผมจริงๆ เนี่ยวิ่งตามมาเหนื่อยจะแย่แล้ว”
ยศวีร์แกล้งทำท่าหอบเหนื่อยอย่างแนบเนียนเพื่อจะถ่วงเวลา รถของอิทธิหาญเคลื่อนเลยไปได้นิดหนึ่งแล้วจอด ปานเปิดประตูลงมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“โวยวายอะไรกันวะ”
“ก็ไอ้นี่สิพี่ปาน บอกว่ารถเสี่ยเฉี่ยวรถมัน” ลูกน้องคนที่ 3 รายงาน
“แล้วไหนรถเอ็ง” ปานถาม
ปานมองยศวีร์ด้วยความสงสัยก่อนอึกอักตอบกลบเกลื่อน
“เออ..เพื่อน เพื่อนผมขับเอาไปทำธุระด่วนน่ะพี่”
ระบิลกับเนติมาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างของตัวบ้าน เนติมามองยศวีร์ด้วยความเป็นห่วง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย ดล !”
เนติมาขยับจะออกไปจากที่ซ่อนแต่ระบิลรั้งไว้ทันที
“อย่าออกไปนะคุณ”
“ทำไมล่ะ ไม่เห็นเหรอว่า...”
ระบิลพูดแทรก
“คุณดลต้องการถ่วงเวลาให้เราหนี”
“อะไรนะ !”
เนติมาพูดด้วยความตกใจและรู้สึกเป็นห่วงดลอย่างมาก
อนงค์วิ่งจะออกจากบ้านไปหาดล แต่เจือจันทร์ตามมารั้งไว้ได้ทัน
“หนูจะไปไหน”
“อ้อจะไปช่วยพี่ดลจ้ะ”
“จะไปช่วยให้เขาลำบากขึ้นน่ะสิ รู้มั้ยว่าพวกนั้นมันโหดเหี้ยมแค่ไหน”
ขวัญชนกเข็นรถเข็นกันต์ตามมาสมทบพอดี อนงค์หันไปถามทุกคนด้วยความร้อนใจ
“แล้วพี่ดลจะเป็นอะไรมั้ยจ๊ะ”
ขวัญชนก กันต์ เจือจันทร์ ตอบอะไรไม่ถูก แต่ละคนมีสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่สบายใจเป็น
อย่างมาก
หน้าประตูบ้านอิสราวัชร ลูกน้องคนที 3 และ 4 เดินวนดูร่องรอยรอบรถ ก่อนเดินกลับมารายงานปาน
“ไม่เห็นมีรอยอะไรเลยพี่ปาน” ลูกน้องคนที่ 3 บอก
“ด้านโน้นก็ไม่มีพี่” ลุกน้องคนที่ 4 บอก
ปานหันไปมองยศวีร์อย่างจับผิด ฝ่ายยศวีร์ชำเลืองมองไปเห็นระบิลกับเนติมาหลบอยู่ที่มุมข้างบ้าน ก็รีบส่งสายตาประมาณว่าให้รีบหนี ก่อนหันไปพูดแก้ตัวกับปานทันที
“เออ..รถพี่อาจแข็งกว่าผมก็ได้เลยไม่เป็นอะไร”
อิทธิหาญลงมาจากรถด้วยความหงุดหงิด พร้อมกับลูกน้องคนที่ 1 และ 2
“เฮ้ย ! อะไรนักหนาวะ”
ระบิลสบโอกาสจะดึงเนติมาออกจากที่ซ่อน แต่เนติมายังขืนตัวไว้ด้วยความเป็นห่วงยศวีร์
“ไปได้แล้วคุณ”
“แต่...”
“น้องชายคุณถ่วงเวลาได้ไม่นานหรอกนะครับ ที่สำคัญยิ่งคุณช้า น้องชายคุณก็ยิ่งอันตราย..ไปเร็ว !”
ระบิลรีบพาเนติมาออกจากที่ซ่อนวิ่งตรงไปยังพุ่มไม้ริมกำแพง อิทธิหาญปรี่เข้าไปหายศวีร์ด้วยความโมโห
“หาเรื่องรึไงวะ”
“ผมไม่ได้หาเรื่องนะครับ รถคันนี้เฉี่ยวรถผมจริงๆ”
“กูนั่งมาไม่เห็นรถเฉี่ยวหมาที่ไหนสักตัว”
ระบิลให้เนติมาขี่หลังขึ้นไปส่งยังสันกำแพง เนติมาพยายามปีนข้ามกลับไปบ้านกันต์ ยศวีร์ชำเลืองสายตามองระบิลกับเนติมานิดหนึ่ง แล้วรีบหันไปพูดถ่วงเวลากับอิทธิหาญทันที
“ซอยมันมืดพี่อาจไม่ทันสังเกต เดี๋ยวผมโทรเรียกเพื่อนให้ขับรถกลับมาก็ได้ครับ”
ยศวีร์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดออก แต่อิทธิหาญพูดเสียงแข็ง
“มาแล้วไงวะ ชนไม่ชน กูก็ไม่ผิด”
อิทธิหาญเงื้อหมัดชกดลลงไปกองกับพื้นท่ามกลางความตะลึงของทุกคน
“โอ๊ย !”
“มึงไม่รู้รึไงว่ากูเป็นใคร ถึงได้แส่มาหาเรื่อง”
เนติมาที่กำลังปีนข้ามกลับไปบ้านกันต์ก็ชะงักด้วยความตกใจ
“ดล !”
ระบิลยังอยู่ด้านล่างรีบเร่งเนติมาทันที
“เร็วสิคุณ เดี๋ยวพวกมันหันมาเห็นก็เรื่องใหญ่หรอก..เร็ว !”
เนติมาก่อนรีบปีนข้ามกำแพงข้ามไปทันที ระบิลหันไปมองยศวีร์นิดหนึ่งแล้วรีบปีนขึ้นกำแพงไปทันที
เนติมาปีนลงบันไดที่พาดไว้กับกำแพง โดยมีขวัญชนกรอรับอยู่ด้วยความร้อนใจ
“เนติ์เป็นไงบ้าง เจอมั้ย”
เนติมาส่ายหน้าด้วยความร้อนใจ อนงค์รีบวิ่งตามเข้ามาหาด้วยความร้อนใจพลางพูดเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้
“พี่เนติ์..พี่ดล !”
“พี่รู้แล้ว”
เนติมาพูดอย่างรีบๆแล้วเดินปรี่จะออกไปทางหน้าบ้าน ระบิลที่ปีนตามเนติมาติดๆรีบกระโดดลงจากบันไดแล้วปรี่เข้ารั้งตัวเนติมาไว้ทันที
“เดี๋ยวคุณ !”
“ปล่อย ! ฉันจะไปช่วยน้องชายฉัน”
“แล้วคิดบ้างมั้ยว่า ถ้ามันรู้ว่าคุณดลเป็นน้องชายคุณ อะไรจะเกิดขึ้น” ระบิลพยายามพูดอย่างใจเย็น
“จริงอย่างคุณระบิลว่านะเนติ์” ขวัญชนกว่า
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะ” อนงค์พูดด้วยความกลัว
“คุณอยู่ที่นี่นะครับที่เหลือเป็นหน้าที่ของผมเอง”
ลูกน้องคนที่ 1 กับ 2 ช่วยกันหิ้วปีกยศวีร์ในสภาพสะบักสะบอมจากการถูกซ้อม อิทธิหาญมองด้วยความสะใจ
“นี่คือบทเรียนที่มึงกะเนียนหวังค่าทำขวัญกับกู”
“ผมไม่ได้หวังค่าทำขวัญนะครับ แต่ถ้าพี่ไม่พอใจงั้นผมขอโทษก็แล้วกันครับ ผมไม่เอาเรื่องแล้ว”
ยศวีร์พูดตัดบทแล้วสะบัดแขนออกจากมือของลูกน้องอิทธิหาญก่อนจะเดินออก แต่อิทธิหาญชักปืนขึ้นมาเล็งไปที่ยศวีร์ทันที
“ง่ายไปมั้ง !”
“เสี่ย !” ปานรีบห้ามอิทธิหาญทันที
ยศวีร์ชะงักด้วยความตกใจ
“ห้ามอะไรอีกวะ นี่ตกลงพ่อส่งแกมาช่วยงานหรือมาเป็นผู้ปกครองฉันกันแน่วะปาน” อิทธิหาญพูดด้วยความโมโห
“แต่เสี่ยครับ ตอนนี้มัน...”
“หลีกไป !”
อิทธิหาญผลักปานออกไปแล้ววาดปืนไปที่ยศวีร์อย่างรวดเร็ว
“จะเอาค่าทำขวัญ เอาลูกปืนไปปลอบขวัญแล้วกันมึง”
อิทธิหาญกำลังจะเหนี่ยวไกปืน จังหวะนั้น หินก้อนหนึ่งก็ลอยมาโดนปืนของอิทธิหาญอย่างแม่นยำ จนปืนอิทธิหาญกระเด็นหลุดมือพร้อมกระสุนลั่นขึ้นหนึ่งนัด แต่ไม่โดนใคร
“โอ๊ย !”
ที่ระเบียงบ้าน เนติมา ขวัญชนก อ้อ กันต์ เจือจันทร์ สะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืน
“พี่ดล !”
อนงค์ขยับจะวิ่งออกไป แต่เนติมารั้งไว้ทันที
“อย่าอ้อ !”
“แต่...”
“พี่ก็เป็นห่วงไม่แพ้อ้อเหมือนกัน แต่เราต้องเชื่อคุณระบิลนะ”
เนติมาพยายามพูดอย่างใจเย็น ทั้งๆที่ก็รู้สึกร้อนใจอยู่ไม่แพ้กัน ขวัญชนก เจือจันทร์ รู้สึกหวั่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น กันต์เอื้อมมือไปจับมือภรรยากับลูกสาวอย่างให้กำลังใจ
อิทธิหาญกุมมือด้วยความเจ็บหันขวับมาเห็นระบิลเดินเข้ามายิ้มอย่างกวนๆ
“ใช้เครื่องทุ่นแรงกับคนมือเปล่าอย่างนี้ไม่แฟร์มั้ง”
-ระบิลชำเลืองมองยศวีร์อย่างรู้กัน ขณะที่ปานถอนใจมองระบิลด้วยสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ระบิล แส่หาเรื่องอีกแล้ว” ปานบ่นเบาๆ
อิทธิหาญสั่งลูกน้องด้วยความโมโหทันที
“มึง เฮ้ย..ยืนบื้ออยู่ทำไมวะ”
ลูกน้อง 3 กับลูกน้อง 4 ปรี่เข้าไปรุมระบิล ระบิลตั้งรับหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะสวนกลับ จนลูกน้องทั้งสองคนกระเด็นไปไม่เป็นท่า ลูกน้องคนที่ 1 ชักปืนขึ้นมาจะยิงยศวีร์ ระบิลหันไปดึงตัวยศวีร์มาอย่างรวดเร็ว กระสุนเฉี่ยวไปนิดเดียว ก่อนระบิลจะหันไปเตะปืนจากมือลูกน้องจนหลุดมือ ก่อนปรี่เข้าไปอัดลูกน้องคนนั้นลงไปกองกับพื้น ลูกน้องคนที่ 2 ปรี่เข้าหาระบิลทางด้านหลัง ยศวีร์วิ่งเข้าไปกระโดดจะไปถีบลูกน้องคนนั้นแต่ถูกปานชกสวนยศวีร์จนหน้าหงาย “ โอ๊ย !”
ระบิลหันกลับมาเจอลูกน้องคนที่ 2 ยกปืนจ่ออยู่ แต่ระบิลไวกว่าตบปืนจนหลุดจากมือลูกน้อง ก่อนจัดการจนลงไปนอนกับพื้น จังหวะนั้น ปานพุ่งเข้ามาชกหน้าระบิลจนหงาย ก่อนจับระบิลล็อกแขนไว้อย่างรวดเร็วพลางเข้าไปกระซิบใกล้ๆด้วยน้ำเสียงเบาและดุ
“ถ้าไม่อยากตายหลีกไป นี่ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง !”
“แต่บังเอิญผมไม่ชอบเห็นหมาหมู่รุมใคร !”
ระบิลพูดเบาๆตอบ ก่อนชกปานจนหน้าหงาย ทั้งปานกับระบิลต่อสู้กันอย่างสูสี ระบิลรีบหันไปบอกยศวีร์ที่ยืนตะลึงอยู่ทันที
“รออะไรอีกล่ะหนีไปสิ..เร็ว !”
ยศวีร์ยังยืนงง ระบิลที่กำลังต่อสู้กับปานย้ำอีกครั้ง พลางส่งสายตาอย่างรู้กัน
“ไปสิ ! วิ่งไปไกลๆเลยเร็ว !”
ยศวีร์ลังเลอยู่นิดหนึ่งก่อนออกวิ่งตรงออกไปทันที
อิทธิหาญมองภาพตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ รีบปรี่ไปหยิบปืนที่หล่นอยู่ใกล้ๆขึ้นมาเล็งไปที่ยศวีร์ที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ระบิลรีบผลักปานออกไปสุดแรงแล้วปรี่เข้าไปตบปืนของอิทธิหาญจนกระเด็น ปืนลั่นพลาดเป้าหมาย พร้อมชกอิทธิหาญอย่างจัง
“โอ๊ย !”
ปานสั่งลูกน้องทันที
ไอ้บ้าเอ๊ย เฮ้ย..ทำอะไรอยู่วะ ช่วยกันจับเร็ว !”
ลูกน้องทั้งสี่คนของอิทธิหาญกรูเข้าล้อมจะจับระบิล แต่กลับโดนระบิลสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“โธ่โว้ย !”
อิทธิหาญร้องขึ้นอย่างขัดใจพลางหยิบปืนที่หล่นอยู่ขึ้นมา
จังหวะเดียวกันนั้น แสงไฟหน้ารถและแสงจากไฟไซเรนก็สาดมากจากด้านหลัง รถตำรวจปราดเข้ามาจอด ผู้กำกับวิเชษฐ์และตำรวจอีก 4 นาย ลงมาจากรถด้วยสีหน้าขึงขัง ผู้กำกับวิเชษฐ์ พูดกับอิทธิหาญอย่างเอาจริง
“มีเรื่องอะไรกันครับ”
อิทธิหาญออกอาการฮึดฮัด แต่ปานรีบมารั้งไว้ ระบิลมองหน้ากับผู้กำกับวิเชษฐ์อย่างรู้กัน แล้วถอนใจอย่างโล่งอก
ภายในบ้านอิสราวัชร อิทธิหาญอาละวาดกวาดข้าวของใกล้มือแตกกระจาย
“โธ่โว้ย !”
“เสี่ยใจเย็นๆนะครับ”
ปานเดินเข้ามาพูดด้วยความหนักใจ อิทธิหาญมองตาขวาง
“เย็น ! โดนมันมาหยามถึงหน้าบ้านยังเย็นอีกเหรอ คนของกูก็ไม่ได้เรื่องสักคน มึงอีกคนพ่อส่งมาช่วยงานกู ไม่ใช่คอยห้ามไปทุกเรื่อง เมื่อกี้มีปืนทำไมไม่ยิง เข้าไปฟัดกับมันทำไมวะหา !”
อิทธิหาญตรงเข้าไปผลักอกปานอย่างเหลืออด ปานถอนใจด้วยความหนักใจ
“เสี่ยก็รู้นี่ครับว่ามันเป็นพวกเดียวกัน เกิดเรื่องขึ้นมาตอนนี้ เราเสียเปรียบนะครับ ผมว่าอย่าให้เรื่องเด็กบ้านั่นกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเลยนะครับ”
“แต่กูนี่แหละ จะทำให้มันเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว !
อิทธิหาญพูดด้วยความแค้น พลางหยิบปืนขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างแรง ปานมองด้วยความไม่สบายใจ
ผู้กำกับวิเชษฐ์เข็นรถเข็นของกันต์ตามเจือจันทร์เข้ามาในห้องนั่งเล่น
“พอระบิลเขาโทรไปผมก็รีบมาทันทีเลยครับ”
“เรื่องไม่จบแค่นี้แน่ คนอย่างเจ้าอิทธิหาญมันยิ่งกว่าหมาบ้า” เจือจันทร์พูดพลางถอนใจ
“ให้มันแสดงความบ้าออกมามากๆก็ดีนะ ทุกอย่างจะได้จบเร็วขึ้น” กันต์พูดอย่างแน่วแน่
“คุณคะ...”
ผู้กำกับวิเชษฐ์มองอย่างเข้าใจแล้วบอก
“อืม..ถ้าคุณอาห่วงเรื่องความปลอดภัย ลองย้ายไปอยู่ข้างนอกมั้ยครับ เดี๋ยวผมดูที่พักให้ หรือถ้าไม่รังเกียจไปอยู่บ้านผมก็ได้นะครับ ยังมีห้องว่างอยู่”
“ขอบคุณผู้กำกับมากนะครับ แต่ไม่ดีกว่า หลังเกิดเรื่องร้ายๆ ครอบครัวผมเคยจะไปจากที่นี่ แต่พวกมันไม่ให้ผมไป แต่ตอนนี้ผมไม่หนีแล้วครับ ผมกับครอบครัวจะอยู่รอรับความยุติธรรมในบ้านที่เป็นบ้านของเรานี่แหละครับ” กันต์พูดยิ้มพลางเอื้อมมือไปกุมมือเจือจันทร์
ขวัญชนกก็ยกแก้วน้ำดื่มมาให้ผู้กำกับวิเชษฐ์
“น้ำค่ะผู้กำกับ”
“ขอบคุณมากครับคุณขวัญ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มอย่างขอบคุณ เอื้อมมือไปรับแก้วน้ำ บังเอิญมือของผู้กำกับวิเชษฐ์ไปสัมผัสโดนมือของขวัญชนก ทั้งสองชะงัก ขวัญชนกรีบดึงมือกลับพลางหลบตาผู้กำกับวิเชษฐ์
“เออ..ไม่เป็นไรค่ะ”
“น้องขวัญไม่ต้องกลัวนะครับ ทางนี้พี่ช่วยดูแลความปลอดภัยให้อีกแรง”
“เออ..ขอบคุณมากค่ะ” ขวัญชนกพูดแล้วหันไปถามกันต์และเจือจันทร์
“คุณพ่อคุณแม่คะ เนติ์ส่งข่าวมาบ้างมั้ยคะ”
ขวัญชนกหันไปถามกันต์กับเจือจันทร์ด้วยความห่วงเป็นอย่างมาก
ในซอยเปลี่ยวที่มีแสงสว่างจากไฟข้างทางไม่มากนัก สองข้างทางมีแต่พงหญ้ารก รถของเนติมาเลี้ยวเข้ามาอย่างช้าๆ ระบิลขับรถพลางมองไปรอบๆ เนติมาที่นั่งอยู่ข้างๆพยายามมองหาน้องชายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ไปหลบอยู่ที่ไหนเนี่ย ตามหาจนทั่วแล้วนะ”
อนงค์พยายามโทรศัพท์แล้วบอก
“มือถือก็ติดต่อไม่ได้จ้ะ รึพวกนั้นจะตามมาจัดการกับ...”
อนงค์พูดแล้วก็น้ำตาไหลออกมาจนระบิลต้องหันมาพูดปลอบอย่างใจเย็น
“ใจเย็นๆนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปในทางลบ คุณดลไม่เคยมาแถวนี้ อาจหลงทางอยู่ก็ได้นะครับ”
เนติมาถอนหายใจก่อนหันมองออกไปทางหน้ารถแล้วตกใจ รีบเรียกระบิลทันที
“ระวัง !”
ระบิลกับอนงค์มองตามไปแล้วตกใจเช่นกันที่เห็นยศวีร์ในสภาพเปียกปอนเดินออกจากพงหญ้าข้างทางอย่างหมดสภาพมาที่ถนน
“พี่ดล !”
ระบิลเหยียบเบรกทันที รถเคลื่อนเข้าไปจอดสนิทตรงหน้ายศวีร์อย่างฉิวเฉียด เนติมากับอนงค์รีบลงจากรถทันที
“ดล ! เป็นไงบ้าง” เนติมาถาม
“ทำไมสภาพเป็นอย่างนี้ล่ะจ๊ะพี่ดล”
“พี่ไม่คุ้นแถวนี้ ไม่รู้จะวิ่งไปไหนเลยเข้าไปหลบในนี้”
ยศวีร์พูดหอบด้วยความเหนื่อย ระบิลลงจากรถตามมาสมทบแล้วยิ้มอย่างโล่งใจ ยศวีร์ยกมือไหว้ “ขอบคุณคุณระบิลมากนะครับ ที่มาช่วยผมไว้”
“ผมกับพี่สาวคุณก็ต้องขอบคุณคุณดลเหมือนกัน ถ้าไม่ได้คุณดลช่วยถ่วงเวลาไว้ เราสองคนคงแย่ คุณกล้าหาญมากนะครับ”
ระบิลยิ้มเอื้อมมือไปตบบ่ายศวีร์เบาๆด้วยความชื่นชม เนติมาดึงยศวีร์เข้ามากอด
“ขอบคุณมากนะน้องรัก”
ภายในห้องพักในคอนโดฯ เนติมากับยศวีร์กำลังกอดกันฉันพี่น้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนผละออก ยศวีร์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เป็นไรครับพี่เนติ์ พี่เนติ์ขอบคุณผมมาตลอดทางแล้วนะครับ”
“พี่สาวคุณเขาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ สงสัยเรียนหนักจนเกิดโรคชราก่อนวัยอันควร ฮ่าๆ” ระบิลว่า
“นี่ !”
เนติมาเงื้อมือตีตันแขนระบิลด้วยความหมั่นไส้ ระบิลยิ้มลอยหน้าลอยตาอย่างกวนๆ
“เสียดายนะจ๊ะที่ไม่เจอเทปลับของคุณพ่อพี่เนติ์กับพี่ดล” อนงค์บอก
“ไอ้บ้านั่นไม่น่ากลับมาก่อนเลยจริงๆ เออ..พี่เนติ์เข้าไปหาในห้องเก็บของรึยังครับ” ยศวีร์ถาม
“จริงด้วย! สมัยเด็กๆ คุณพ่อชอบเอาของไปเก็บในนั้นเพราะกลัวเราแอบเอามาเล่น”
“แล้วเราก็ชอบแอบเข้าไปเล่นในนั้นได้ทุกทีไงครับพี่เนติ์”
“จริงด้วย!”
ยศวีร์พูดพูดอย่างมีความหวัง เนติมาขยับจะเดินออกไป แต่ระบิลรีบคว้าแขนไว้ทันที
“นาย พาฉันกลับเข้าไปในนั้นอีกครั้งนะ”
“กลับไปตอนนี้มีแต่พังกับพังนะคุณ”
“นายกลัวด้วยเหรอ”
“กลัว!” ระบิลตอบด้วยสีหน้าจริงจัง เนติมาถอนใจออกมา
“แต่กลัวคุณได้รับอันตรายน่ะครับ”
แม้เนติมาจะอึ้งกับสิ่งที่ระบิลพูด แต่ก็อดความหงุดหงิดไม่ได้
ภายในห้องนอน ยศวีร์เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพลางใช้ผ้าขนหนูยีผมที่หมาดๆอยู่ ที่หน้ากระจก ยศวีร์เห็นรอยช้ำตรงใบหน้าและริมฝีปากตัวเอง เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น อนงค์เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“อาบน้ำแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
“เรียบร้อย อูย...”
ยศวีร์สะดุ้งด้วยความเจ็บเมื่อสะกิดไปโดนรอยช้ำ อนงค์รีบวิ่งเข้ามาประคองหน้าดูด้วยความเป็นห่วง
“พี่ดล ! เจ็บมากมั้ยจ๊ะ ทายาหน่อยนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกอ้อ เดี๋ยวก็หาย”
“ก็ทายาซะ จะได้หายเร็วขึ้นไงจ๊ะ นะจ๊ะอย่าดื้อ”
อนงค์ถือยาที่ติดมาด้วยทาให้ยศวีร์อย่างเอาใจใส่ ยศวีร์สะดุ้งนิดหนึ่งด้วยความเจ็บ
“อูย !”
“อยู่นิ่งๆสิจ๊ะพี่ดล อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”
“ก็มันเจ็บ..อูย !”
ยศวีร์สะดุ้งรีบคว้ามืออนงค์ไว้ทันที ทั้งคู่ชะงักสบตากันค้างนิ่ง ก่อนอนงค์จะรีบดึงมือกลับอย่างรู้สึกอาย
“เออ..เสร็จแล้วจ้ะ”
“เออ..ขอบใจจ้ะ”
ทั้งสองคนยิ้มอย่างอายๆ ก่อนอนงค์จะหันไปหยิบรูปครอบครัวของยศวีร์ที่วางอยู่หน้ากระจกขึ้นมามอง
“อ้อชอบดูรูปครอบครัวพี่ดล ดูทีไรก็รู้สึกอบอุ่นทุกที”
ยศวีร์หยิบรูปจากมืออนงค์ขึ้นมาดูแล้วอดอมยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อนึกถึงวันคืนเก่าๆ
“ใช่..ครอบครัวพี่อบอุ่นมาก ถึงวันที่พี่เนติ์จะอยู่ไกล ถึงคุณพ่อคุณแม่จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่พี่ก็รู้สึกว่าระยะทางหรือภพที่ต่างกัน มันไม่ใช่อุปสรรคที่ทำให้ครอบครัวของเราห่างกันเลย”
ยศวีร์ยิ้มอย่างรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
ในเวลากลางคืน ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ระบิลถือแก้วกาแฟยื่นให้เนติมาที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ เนติมารับไปจิบอย่างเซ็งๆ
“น่า..คุณ ไว้จังหวะเหมาะๆ เราค่อยเข้าไปที่นั่นอีกครั้งนะ”
“เสียดายชะมัด ไม่น่าลืมห้องเก็บของเลย”
“เข้าไปก็ใช่ว่าจะเจอ อย่าลืมนะว่าของเล็กนิดเดียว ตอนนี้เราเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรกันอยู่นะครับ”
ระบิลพูดอย่างใจเย็นๆ
“ตอนนี้ช่วงรอจังหวะเข้าไปหาเทปลับอีกครั้ง เราจัดการพวกนั้น เรื่องอื่นก่อนดีกว่านะครับ”
“เรื่องอะไรของนาย”
เนติมานิ่วหน้าด้วยความสงสัย ระบิลยิ้มอารมณ์ดีหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดคลิปที่ตัวเองแอบถ่ายอิทธิหาญกับพวกและเจ้าหน้าที่ในป่าให้เนติมาดู เนติมายิ้มออกมาอย่างได้ใจ
ห้องนอน ภายในคอนโดฯหรูของธำรง ชลกรหอมแก้มธำรงก่อนซบลงที่หน้าอกอย่างเอาใจ ธำรงอมยิ้มอย่างมีความสุข ชลกรส่งเสียงอ้อน
“ไม่อยากให้เวลาแห่งความสุขนี่หมดไปเลยนะคะ”
“ไม่มีความสุขไหนอยู่กับเรานานหรอกคุณ”
“แหม..คำตอบคุณนี่จริงจังเลยนะคะ”
“เอ้า..ก็มันจริงนี่คุณ สำคัญอยู่ที่ว่าตอนความสุขยังอยู่ในมือเรา เราใช้มันคุ้มรึเปล่าเท่านั้นแหละ”
“แล้วเมื่อคืน ใช้คุ้มรึเปล่าล่ะคะ”
ชลกรพูดพลางเอามือลูบไล้ธำรงอย่างยั่วยวน ธำรงยิ้มชอบใจ แต่ยังไม่ทันที่ธำรงจะพูดอะไรโทรศัพท์มือถือของธำรงก็ดังขึ้น ธำรงดูเบอร์แล้วรีบกดรับสายทันที
“ว่าไงลูก...”
ธำรงนิ่งฟังปลายสายอย่างตั้งใจพยายามซ่อนความรู้สึกไม่ให้ชลกรสังเกตได้ ก่อนธำรงจะยิ้มออกมาอย่างใจเย็น
“ได้..เดี๋ยวพ่อจะรีบไป”
ธำรงวางสายขยับจะลุกขึ้น แต่ชลกรรีบรั้งไว้พลางพูดอ้อนทันที
“จะรีบไปไหนเหรอค้า”
“ไปประชุมน่ะ”
“เดี๋ยวสิคะ เรายังไม่ได้คุยกันเรื่องสัมปทาน...”
“เดี๋ยวเราไปคุยกันในที่ประชุมก็ได้” ธำรงพูดแทรกทันที
“ไม่เห็นมีใครบอกฉันเลยนี่คะ”
“มีสิ คุณช่วยโทรตามคุณพงษ์เลิศด้วยนะ”
ธำรงยิ้มพูดอย่างใจเย็นแล้วลุกออกจากเตียงไปทันที ชลกรมองตามด้วยความสงสัย
ที่หน้าบ้านกันต์ ขบวนรถของศิวัชจอดเรียงกันอยู่ 3 คัน โดยรถที่ศิวัชนั่งอยู่ตรงกลาง การ์ดของศิวัชยืนรักษาความปลอดภัยอยู่รอบตัวรถ
ศิวัชเดินคู่กับเนติมาออกจากบ้านกันต์มายังรถที่จอดรออยู่ โดยมีระบิลกับผู้กำกับวิเชษฐ์ตามออกมา ระบิลมองการ์ดของศิวัชอย่างสังเกต ขณะที่ศิวัชหันมาพูดกับระบิล
“ไงครับคุณระบิลพออุ่นใจได้รึยัง”
“โอเคครับ แต่ยังไงผมก็ยังอยากไป...”
“ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้ฉันให้นายหยุดวันหนึ่ง ตั้งแต่นายรับเป็นบอดี้การ์ดให้ฉัน นายยังไม่เคยมีวันหยุดเลยนะ”
เนติมารีบพูดดักคอ เมื่อเห็นระบิลออกอาการไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงเนติมา ศิวัชยิ้มให้ระบิล
“ถือว่าเป็นรางวัลที่คุณระบิลทำงานก็แล้วกันนะครับ”
“น่า..พักสักวัน ไปเที่ยวให้สบายใจ ส่วนบ้านนี้ เดี๋ยวฉันดูแลความปลอดภัยให้เอง” วิเชษฐ์ว่า
ผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มตบบ่าระบิลแล้วมองเนติมาอย่างรู้ทัน
“ฝากดูแลขวัญด้วยนะคะผู้กำกับ”
“เออ..ครับ” วิเชษฐ์รับคำอย่างเขินๆ
“ไปกันเถอะค่ะพี่ศิวัช”
“ไปจ้ะ”
ศิวัชรับคำแล้วเดินไปที่รถซึ่งมีการ์ดเปิดประตูรออยู่ ระบิลมองตามเนติมาด้วยความเป็นห่วง ผู้กำกับวิเชษฐ์โอบไหล่ระบิล
“เฮ้ย..ไม่ต้องห่วงน่า คุณเนติ์เขาไปกับคุณศิวัช ยังไงคุณศิวัชเขาก็ดูแลแฟนเขาได้น่า”
ระบิลถอนใจพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
อ่านต่อหน้า 2
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 8 (ต่อ)
ระบิลกับผู้กำกับวิเชษฐ์เดินเข้าประตูรั้วมา
“ไหนๆ ได้หยุดทั้งทีวันนี้ก็ไปดูหนังฟังเพลง หรือทำอะไรที่อยากทำซะ” วิเชษฐ์บอก
“อยากทำงานมากกว่าครับพี่เชษฐ์”
“บ้างานมากๆ ระวังไม่มีแฟนนะระบิล”
ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดทีเล่นทีจริงแต่ทำเอาระบิลอึ้งเพราะนึกถึงคนรักเก่าขึ้นมา ผู้กำกับวิเชษฐ์ชะงักรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“เออ...ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะ...”
“ไม่เป็นไรครับพี่เชษฐ์ ความจริงวันนี้ว่างก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไปทำบุญให้เอมเขา พี่เชษฐ์เข้าไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมปิดประตูเอง”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ตบบ่าระบิลอย่างกันเองก่อนเดินเลี่ยงเข้าบ้าน ระบิลหันจะไปปิดประตู แต่ได้ยินเสียงประตูบ้านอิสราวัชรเปิดออก ปานขับรถปิคอัพออกมา ก่อนจะเปิดกระจกหันไปพูดกับลูกน้องอิทธิหาญที่เปิดประตูรั้วให้
“พวกเอ็งเฝ้าบ้านดีๆล่ะ”
“จะให้ฉันบอกเสี่ยว่าไงอ่ะพี่”
“กูบอกเสี่ยแล้วน่าว่าไปธุระ ยังไงจะรีบกลับมา”
“นั่นแน่..แอบไปหากิ๊กอีกแล้วอ่ะดิ๊ ซุ่มมาตั้งหลายปีแล้วเมื่อไหร่พามาเปิดตัวซะทีล่ะพี่ปาน”
ลูกน้องอิทธิหาญพูดแซวพลางหัวเราะชอบใจ
ในเวลาต่อมา ปานขับรถปิคอัพจากถนนใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางยังรกร้างด้วยพงหญ้าขึ้นรก ระบิลขับรถตามมาจอดที่ปากซอย ระบิลมองตามปานไปด้วยความสงสัย ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าซอยตามปานไปทันที
ปานหิ้วของกินของใช้ลงจากรถไปยังบ้านไม้หลังเล็กๆที่ปลูกอย่างง่ายๆ จิ๊กเดินยิ้มออกจากในบ้านมาเปิดประตูรั้วให้ปาน
“พี่ปาน หายไปหลายวันเลยนะจ๊ะ”
“งานยุ่งน่ะ หิวจัง มีอะไรกินบ้างรึเปล่าจิ๊ก”
“มีจ้ะ จิ๊กทำกับข้าวที่พี่ปานชอบพอดีเลย”
จิ๊กพูดยิ้มอารมณ์ดี ปานเดินเข้าบ้านไป ขณะที่จิ๊กหันไปปิดประตูรั้วไม้แล้วเดินตามเข้าไป
ภายในบ้าน ปานเดินถือของเข้ามาวางบนโต๊ะทานข้าวเล็กๆ พลางหยิบขวดน้ำขึ้นมารินดื่มอย่างคุ้นเคย รอบๆมีจักรเย็บผ้าและกองเสื้อผ้าที่จิ๊กรับมาเย็บกองอยู่ไม่ห่างกันนัก
“ช่วงนี้ออเดอร์เยอะน่ะจ้ะ ขอบคุณพี่ปานมากนะจ๊ะที่อุตส่าห์หางานมาให้ ไม่งั้นฉันต้องแย่แน่ๆ”
“ถึงขนาดนี้แล้วยังต้องขอบคุณอะไรกันอีก พี่กับจิ๊กเป็นคนอื่นคนไกลกันที่ไหนล่ะ”
ปานยิ้มอย่างอบอุ่นมองจิ๊กด้วยความรัก จิ๊กนึกอะไรขึ้นมาได้ก็พูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ
“พี่ปาน ฉันไม่สบายใจเรื่อง...”
ยังไม่ทันที่จิ๊กจะพูดอะไรต่อ ทั้งปานกับจิ๊กก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากหน้าบ้าน
ปานขยับจะเดินออกไปดู แต่ระบิลพรวดเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัด
ทั้งจิ๊กและปานเรียกขึ้นพร้อมกัน “ระบิล !”
ระบิลเงื้อหมัดชกหน้าปานเต็มเหนี่ยวจนหน้าหงายลงไปกองกับพื้น
“นี่ใช่มั้ยคือคำตอบที่พี่ปานไม่ยอมพูด”
“ระบิลเดี๋ยว !” จิ๊กร้องห้าม
ระบิลไม่สนใจปรี่เข้าอัดปานซ้ำด้วยความโมโห
“พี่สองคนคือคนที่พี่ก้องไว้ใจที่สุด แต่ทำไม..ทำไม..ทำไม !”
“ทำไมเหรอ นี่ไง !”
ปานฉุนขาดเงื้อหมัดชกสวนกลับระบิลจนเสียหลักเซไป ปานปรี่เข้าสู้กับระบิลอย่างสูสีจน
ข้าวของในบ้านแตกกระจาย
“พี่ปานอย่า !”
ระบิลถูกไล่ชกจนกระเด็นร่วงออกจากประตูหลังบ้านลงมานอนจุกอยู่กับพื้น ปานตามเข้ามาอัดจนติดรั้ว
“แกตามฉันมาที่นี่เพื่อต้องการคำตอบงั้นเหรอ แต่คำตอบของฉันคือไม่ ฉันไม่มีอะไรตอบแกทั้งนั้น”
“ผมไม่ต้องการคำตอบอะไรจากปากพี่อีกแล้ว เพราะภาพที่ผมเห็นคือคำตอบที่ดีที่สุด พี่กับพี่จิ๊กชั่วมาก” ระบิลพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ปานเงื้อหมัดจะชก แต่ระบิลหลบทันสวนกลับปานอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างไม่มีใครกลัวใคร จิ๊กหน้าเสียพยายามร้องห้าม
“พอ พอได้แล้ว”
ระบิลกับปานไม่มีใครฟังเสียงของจิ๊ก จังหวะหนึ่งทั้งสองคนหยิบปืนที่พกมาจ่อฝ่ายตรงข้ามพร้อมๆกัน
“อย่า !”
จิ๊กตกใจร้องลั่นรีบวิ่งมายืนกั้นกลางระหว่างระบิลกับปานทันที
“พี่ปานเก็บปืน”
จิ๊กหันไปบอกปานด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปานไม่สนใจยังถือปืนค้างอยู่ จนจิ๊กต้องย้ำอีกอย่างขอร้องทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“จิ๊กขอร้องล่ะพี่ปานเก็บปืนเถอะนะจ๊ะ”
ปานมองระบิลและจิ๊กด้วยความอึดอัดใจ ก่อนค่อยๆ เก็บปืน ขณะที่จิ๊กหันกลับไปพูดกับระบิลทั้งน้ำตา
“ระบิล”
ระบิลลดปืนลง จิ๊กพูดเสียงสั่นด้วยความเสียใจ
“กลับไป แล้วก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”
“พี่ก้องอยู่ไหนพี่จิ๊ก”
จิ๊กเบือนหน้าหนีแล้วบอก
“พี่ไม่รู้ พี่ไม่ได้ติดต่อกับพี่ก้องนานแล้ว”
“เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อพี่กับพี่ก้องรักกัน..ยกเว้นเพื่อนหักหลัง !”
ระบิลมองไปที่ปานอย่างขัดใจ จิ๊กเงื้อมือตบหน้าระบิลอย่างจัง ปานตะลึงกับภาพตรงหน้า ระบิลมองจิ๊กด้วยความผิดหวัง
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น กลับไปได้แล้ว”
“พี่จิ๊ก แต่...”
“ฉันบอกให้กลับไป กลับไป !”
จิ๊กตวาดเสียงดังพร้อมทรุดตัวลงนั่งร้องไห้อย่างหนัก ปานเข้าไปประคองปลอบ
“จิ๊ก...”
ระบิลมองจิ๊กแล้วต้องถอนใจเพราะยังไม่รู้ว่าพี่ชายเป็นตายร้ายดียังไง
ภายในบ้าน ปานจัดข้าวของที่เกลื่อนอยู่ที่พื้นให้เข้าที่เข้าทาง จิ๊กนั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่ง
“พี่ไม่น่าชะล่าใจ ปล่อยให้ระบิลตามมาได้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะพี่ปาน ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องตามมาพบอยู่ดี”
“เมื่อกี้ ทำไมจิ๊กไม่บอก ว่าเราสองคนไม่ได้...”
“พูดไป ยังไงระบิลก็ไม่มีทางเชื่อ ช่างมันเถอะจ้ะพี่ปาน แล้ววันหนึ่งเขาจะรู้เอง”
จิ๊กพูดอย่างปลงๆ ปานมองจิ๊กด้วยความรัก ก่อนตัดสินใจพูด
“จิ๊ก แต่พี่ยัง...”
“ขอโทษนะจ๊ะพี่ปาน จิ๊กยังรักพี่ก้องอยู่จริงๆ”
จิ๊กพูดอย่างรู้สึกผิดที่ไม่สามารถรักปานได้ ปานพยักหน้ารับรู้อย่างจำนน
“แล้วพี่ปานจะไม่บอกระบิลจริงๆ เหรอจ๊ะว่า พี่ชายเขาตายไปแล้ว”
ปานชะงักรู้สึกเพราะไม่รู้จะบอกกับระบิลอย่างไร
ภายในห้องประชุม พรรคสยามพัฒนา คลิปที่ระบิลแอบถ่ายอิทธิหาญกับพวกและเจ้าหน้าที่ที่ดินถูกแพร่อยู่บนจอโทรทัศน์
พงษ์เลิศกับบชลกรตะลึงกับภาพจนพูดอะไรไม่ออก
ศิวัชกดรีโมทปิดโทรทัศน์ ทั้งศิวัช เนติมา ธำรง นายพลทวีหันมามองพงษ์เลิศกับชลกรอย่างตั้งคำถาม
“เอาไงดีครับคุณพงษ์เลิศ” ศิวัชถาม
“เออ..คนกันเองน่าท่านนายกฯ” พงษ์เลิศว่า
“ก็เพราะคำว่าคนกันเองนี่แหละครับ ที่ทำให้ประเทศชาติไม่พัฒนา” ธำรงพูดอย่างใจเย็น
พงษ์เลิศรู้สึกโกรธขึ้นมาแต่ชลกรรีบเอื้อมมือไปจับมือพงษ์เลิศที่ใต้โต๊ะไว้เป็นเชิงปราม ชลกรพูดเสียงอ่อนกับทุกคนอย่างขอร้อง
“เออ..ทุกคนคะ ฉันกับคุณพงษ์เลิศก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตเลยนะคะ”
“ถ้าอยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต เราคงไม่เชิญคุณมาคุยเป็นการภายใน แล้วฉันคงเอาคลิปนี้ส่งให้นักข่าวไปแล้วล่ะค่ะ ทำอะไรระวังหน่อยนะคะ เพราะนรกมีตา กรรมมีจริง” เนติมาพูดอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
พงษ์เลิศรู้สึกอึดอัดมากที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างเนติมาท้าทาย
“จะเอายังไงก็ว่ามา” พงษ์เลิศว่า
“การทำงานให้ประเทศชาติ ความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนนะครับ”
นายพลทวีพูดอย่างใจเย็นยิ่งทำให้พงษ์เลิศและชลกรยิ่งรู้สึกอึดอัดและอายมาก
พงษ์เลิศฉุนขาดสะบัดมือชลกรออกแล้วพูดกับศิวัชเสียงแข็ง
“อยากทำอะไรก็ระวัง ไม่งั้นประชุมสภาครั้งหน้าป่วนแน่”
ศิวัชกับเนติมายิ้มอย่างรู้กัน
“จะทำอะไรรึครับ ยกมือสวนทางพรรคร่วมรัฐบาล หรือว่าวอร์กเอาท์ ส.ส.แค่หยิบมือ ไม่มีผลต่อมติที่ประชุมหรอกนะครับ” ศิวัชว่า
“หรือจะลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลคะ ถึงฉันจะเข้ามาทำงานไม่นาน แต่ฉันเคยได้ยินคุณพ่อพูดไว้ว่า..ไม่มีพรรคการเมืองไหนหรอก ที่อยาก เป็นฝ่ายค้าน ฉันยังจำทุกอย่างได้ดี”
เนติมาจ้องตาพงษ์เลิศและจงใจพูดถึงวิเชียรให้สะกิดใจจนพงษ์เลิศกำปั้นทุบโต๊ะด้วยความอัดอั้น
เนติมา ศิวัช ธำรง นายพลทวีสบตากันยิ้มอย่างมีชัย
ศิวัช เนติมา ธำรง นายพลทวีเดินเข้ามาในบริเวณทางเดินในพรรคสยามพัฒนา เนติมามีสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี ศิวัชหันไปพูดด้วยความเป็นห่วง
“ทำเป็นยิ้มไป พวกนั้นต้องโกรธแน่ๆ ที่โดนหักหน้าอย่างนั้น ต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะจ๊ะเนติ์”
“ทราบแล้วค่ะท่านผู้นำรัฐบาล แต่ยังไงเนติ์ก็ไม่กลัวหรอก ไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัวนะคะ แต่เนติ์ทนไม่ได้ที่กับคนที่เห็นประเทศเป็นขนมหวานอย่างนี้”
นายพลทวียิ้มมองเนติมาอย่างชื่นชม ก่อนหันไปพูดกับธำรง
“เทรนมาดีนะครับคุณธำรง”
“เนติ์เขาได้เลือดพ่อเขามามากกว่าครับ คุณวิเชียรคงดีใจที่ลูกสาวรักที่จะต่อสู้กับความถูกต้องอย่างนี้”
ธำรงเอื้อมมือไปลูบหัวเนติมาอย่างเอ็นดู ศิวัชพูดกับธำรง
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปดูหนังกับเนติ์สักเรื่องนะครับคุณพ่อ”
“ไปสิ เราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมานานแล้วนี่”
ธำรงคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนพยักหน้ายิ้มๆก่อนหันไปมองนายพลทวีด้วยความเกรงใจ ขณะที่นายพลทวีอมยิ้มเป็นเชิงว่าไม่ต้องคิดมาก
นายพลทวีหันไปพูดกับศิวัช
“อย่าลืมเอาการ์ดติดไปสักชุดนะ อย่าลืมว่าเราไม่ใช่คนทั่วไปแล้ว”
“ครับคุณอา”
“ไปคุณธำรง งั้นเราไปคุยธุระของเราดีกว่า” นายพลทวีว่า
“เชิญครับท่าน”
ธำรงตอบยิ้มๆก่อนเดินนำนายพลทวีแยกไปอีกทาง เนติมากับศิวัชยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
“ในที่สุดเราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันซะทีนะ” ศิวัชว่า
“กับการ์ดหนึ่งกองทัพ” เนติมาพูดหยอกเล่นอย่างอารมณ์ดี
ศิวัชจูงมือเนติมาเลี้ยวออกไปอีกทาง แต่เห็นระบิลเดินเข้ามาพอดี
“อ้าว..คุณระบิล”
“นายมาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่นายไปทำอะไรมา ทำไมสภาพถึงเป็นอย่างนี้”
เนติมาพูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นรอยช้ำบนใบหน้าของระบิล
ระบิล เนติมา ศิวัช เดินออกมาจากด้านในที่ทำการพรรคสยามพัฒนา ระบิลพูดยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“เรื่องเล็กน้อยน่าคุณ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรหรอก ไม่ต้องเอาทีมการ์ดไปหรอกนะครับ ผมคนเดียวก็พอแล้วครับ..โอ๊ย !”
ระบิลสะดุ้งโหยงเมื่อเนติมาเอามือไปจิ้มที่รอยช้ำบนหน้า
“ไหนว่าเรื่องเล็กไง ฉันว่านายไปหาหมอ แล้วก็กลับไปพักดีกว่านะ วันนี้วันหยุดนายนะ”
“อูย..แต่ผมไม่อยากหยุดนี่คุณ เอาน่าให้ผมไปน่ะดีแล้ว คุณสองคนจะได้รู้สึกส่วนตัวด้วยไงครับ เพราะเวลาคุณหวานใส่กัน ผมก็จะแปลงกายเป็นก้อนหิน”
“แต่ผมเห็นด้วยกับคุณระบิลนะครับ” ศิวัชบอกพลางพูดเนติมา
“พี่ก็เบื่อที่จะไปไหนมาไหน มีการ์ดตามเป็นทีมเหมือนกันนะจ๊ะเนติ์ มีคุณระบิลไปด้วยเนี่ย พี่ก็โอเคแล้ว”
“งั้นก็แล้วแต่พี่ศิวัชค่ะ...อืม..เนติ์ชวนดลกับอ้อไปด้วยได้มั้ยคะ”
ศิวัชสงสัย
“ดล..ใครเหรอ”
“ก็ยศวีร์ไงคะ เขาใช้ชื่อดลพรางตัวเพื่อความปลอดภัย ส่วนอ้อเนี่ยเป็นลูกสาวของลุงคำเที่ยง คนที่ช่วยยศวีร์ไปไงคะ”
“อ๋อ..เอาสิจ๊ะ จะได้คุ้นเคยกัน”
ศิวัชพูดยิ้มๆ เนติมาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะกดโทรออก แต่ต้องชะงักเมื่อเสียงปฏิพรดังเข้ามา
“พี่ศิวัชขา”
ระบิล เนติมา ศิวัชหันไปทางต้นเสียงเห็นปฏิพรที่แต่งตัวเปรี้ยวลงจากรถมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ศิวัชยิ้มเจื่อนเหมือนรู้ชะตากรรม เนติมาหน้าสลดลงอย่างเซ็งๆ ระบิลมองเนติมาด้วยความเข้าใจ
ภายในโรงภาพยนตร์ ทั้งหมดนั่งเรียงกันจากซ้ายไปขวาเริ่มจาก ปฏิพร ศิวัช เนติมา ยศวีร์ อนงค์ และระบิล ยศวีร์หันไปสะกิดกระซิบอนงค์เบาๆ
“อ้อ..อ้อ ดูนั่นสิ”
“อะไรจ๊ะพี่ดล”
อนงค์มองตามยศวีร์ไปเห็นปฏิพรคล้องแขนศิวัชพร้อมเอนหัวซบไหล่อย่างมีความสุข ขณะศิวัชนั่งเกร็งด้วยความความไม่สบายใจ
“อ้าว ! ทำไมถึง...”
“นั่นสิ ทำไมเขาไม่เกรงใจพี่เนติ์เลยอ่ะ”
ระบิลได้ยินจึงชำเลืองตาตามไปมองแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เนติมารู้สึกตัวหันไปมองปฏิพรกับศิวัชนิดหนึ่งแล้วข่มใจเบือนหน้าหนีหันมาเห็นยศวีร์กับอนงค์มองมาพอดี ทั้งสองคนทำหน้ายิ้มเจื่อนให้เนติมาก่อนรีบนั่งดูภาพยนตร์ให้เป็นปกติ
เนติมามองเลยไปที่ระบิลที่ยิ้มอย่างให้กำลังใจ เนติมายิ้มตอบระบิลอย่างรู้สึกขอบคุณ จังหวะเดียวกันที่ระบิลจะขยับตัวก็ต้องสะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บที่ชายโครงขึ้นมา เนติมาขยับตัวด้วยความเป็นห่วงแต่ระบิลหันมาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร
ยศวีร์กับอนงค์ชำเลืองมองระบิลกับเนติมาด้วยความสงสัย ศิวัชที่แอบชำเลืองอยู่ก็สงสัยเช่นเดียวกัน
ทางเดินในศูนย์การค้า ปฏิพรยังเดินประกบศิวัชไม่ห่าง
“หนังสนุกจังเลยนะคะพี่ศิวัช”
ศิวัชยิ้มตอบก่อนหันไปถามเนติมา
“อืม...หนังสนุกมั๊ยจ๊ะเนติ์”
“ก็..สนุกดีค่ะ”
เนติมาฝืนยิ้มให้ศิวัชเบาใจ ศิวัชหันไปพูดกับยศวีร์
“เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกันนะ พี่จะได้คุยกับดลด้วย ดูหนังเลยยังไม่ได้คุยกันเลย”
“ได้เลยครับพี่ศิวัช”
“ตื่นเต้นจัง ได้ทานข้าวกับผู้นำประเทศด้วย เดี๋ยวอ้อต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะคะ”
“ถ่ายเมื่อไหร่พร้อมเสมอ อีกหน่อยเราต้องได้เจอกันบ่อยๆอยู่แล้วนี่ ว่าแต่ไปทานที่ไหนกันดีล่ะ”
ศิวัชถามความเห็นทุกคน แต่ปฏิพรแกล้งปวดหัวอ่อนแรงขึ้นมาทันที
“โอ๊ย !”
“เป็นอะไรน้องตี้”
ศิวัชรีบเข้าไปประคอง ยศวีร์กับอนงค์มองด้วยความตกใจ เนติมามองอย่างไม่ค่อยสบายใจ ขณะที่ระบิลมองอย่างรู้ทัน
“ตี้ปวดหัวมากเลยค่ะพี่ศิวัช สงสัยตี้จะไม่สบาย พี่ศิวัชช่วยไปส่งตี้หน่อยนะคะ” ปฏิพรพูดแกล้งพูดเสียงอ่อน
ศิวัชอึกอักหันไปมองเนติมาอย่างขอคำปรึกษา เนติมาตัดใจฝืนยิ้มให้
“พี่ศิวัชรีบพาคุณตี้ไปหาหมอเถอะค่ะ”
“เออ..แต่”
“ตี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ขอโทษคุณเนติ์ด้วยนะคะ โอย...”
“ไปเถอะค่ะพี่ศิวัช เดี๋ยวคุณตี้จะไม่สบายมากไปกว่านี้นะคะ”
เนติมาฝืนใจพูดทั้งๆที่ในใจรู้สึกเจ็บปวด ศิวัชหันไปถามระบิลอย่างขอคำปรึกษา
“เออ..คุณระบิลครับ”
“คุณศิวัชรีบพาคุณตี้กลับไปเถอะนะครับ เดี๋ยวผมดูแลทางนี้เอง หรือถ้าคุณศิวัชอยากให้ผมไปดูแลความปลอดภัยให้ก็ได้นะครับ ผมไม่มีปัญหา”
ระบิลตอบสบายๆ แต่อดห่วงความรู้สึกเนติมาไม่ได้
ภายในคอนโดฯ ยศวีร์กับอนงค์เดินเข้ามาในห้อง ยศวีร์นั่งลงที่โซฟาแล้วนิ่วหน้าด้วยความสงสัย
“คุณตี้นี่ดูแปลกๆนะ ออกหน้าออกตามากกว่าแฟนตัวจริงอย่างพี่เนติ์อีก”
“อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะจ๊ะ ไม่เห็นพี่เนติ์เขาว่าอะไรเลย”
ยศวีร์พยักหน้ารับรู้ จังหวะเดียวกันเสียงเตือน เอสเอ็มเอส ของอนงค์ก็ดังขึ้นจึงกดอ่านแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“เย้...”
“เย้อะไรตัวแสบ”
“เพื่อนส่งข้อความมาบอกจ้ะ ว่ามีงานพริตตี้มาให้อ้ออีกแล้ว พี่ดลให้อ้อไปทำนะจ๊ะ”
อนงค์กอดแขนอ้อนยศวีร์ที่แกล้งมองอย่างหมั่นไส้
“จะมาขอทำไม พี่เคยห้ามอ้อได้ด้วยเหรอ”
“ไม่ได้”
อนงค์ลอยหน้าลอยตา ยศวีร์เอื้อมมือไปยีผมอย่างเอ็นดูแล้วหยอกล้อกันอย่างมีความสุข
“โอ๊ย..พี่ดล ผมอ้อยุ่งหมดแล้ว”
“ฮ่าๆ ดีสมน้ำหน้า เออ..อ้อ”
“จ๊ะพี่ดล”
“พี่เนติ์เขาจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด เขาชวนเราติดรถนั่งเล่นไปด้วย อ้ออยากไปมั้ย”
อนงค์ครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนพยักหน้ายิ้มเป็นเชิงตกลง ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ความรักกำลังซ่อนอยู่บนสายใยของความความผูกพัน
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านกันต์ในเวลากลางคืน เนติมาเดินวนไปมาด้วยความร้อนใจ ระบิลเดินกลับเข้ามาในบ้าน เนติมารีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เรียบร้อยดีใช่มั้ย”
“เรียบร้อยสิครับ คุณก็รู้นี่ ว่าคุณตี้ไม่ได้เป็นอะไร”
ระบิลพูดตรงๆ เนติมาสลดลงทันที
“คุณจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆเหรอครับ”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง เรื่องพวกนี้ฉันตบตีแย่งชิงกับเขาไม่เป็นหรอกนะ ฉันไว้ใจพี่ศิวัช”
“ถ้าคุณไว้ใจ ผมก็เอาใจช่วยนะครับ แต่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร บอกผมได้เลยนะ”
“ทำไม..นายจะเสกคุณตี้เขาให้หายไปจากโลกรึไง”
เนติมาอดขำในท่าทีของระบิลไม่ได้
“ผมจะจับเขาแปลงเพศเป็นผู้ชาย เขาจะได้ไม่มายุ่งกับคุณศิวัช แต่เขาอาจกลับมาชอบคุณนะ พอถึงตอนนั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน ฮ่าๆ”
“บ้า..พูดอะไรบ้าๆ”
เนติมาพูดพลางตีไปที่ตัวระบิลด้วยความหมั่นไส้ ระบิลสะดุ้งด้วยความเจ็บจากรอยช้ำ
“โอ๊ย...เจ็บนะคุณ”
“อุ๊ย..ขอโทษ เจ็บมากมั้ยตอนดูหนังนายก็สะดุ้งทีหนึ่งแล้ว ไหนดูสิเดี๋ยวฉันทายาให้”
“โอ๊ย..ไม่เป็นไร ผมเป็นเองหายเองได้คุณ”
“ไม่ได้ ต้องทายา ไหนดูสิ”
ระบิลกับเนติมายื้อกันไปมาอย่างสนิทสนม ที่มุมหนึ่ง ขวัญชนกแอบมองด้วยความไม่สบายใจเพราะแอบชอบระบิลอยู่
เช้าวันใหม่ที่บ้านพงษ์เลิศ อิทธิหาญเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธจัด
“จะยึดที่ผืนนั้นคืน นี่พ่อยอมได้ไง”
“ไม่ใช่แค่ยอม แต่พ่อพูดไม่ออกด้วยซ้ำ แกนะแกทำอะไรไม่ระวังตัวเลย”
พงษ์เลิศพูดด้วยความหงุดหงิดไม่แพ้กัน ขณะที่ชลกรชิงพูดว่า
“หลักฐานจะๆ ขนาดนั้น ถ้าไม่ยอมพวกมันเล่นงานเราหนักแน่ค่ะ ยังไงเกมนี้คงต้องปล่อยไปก่อน”
“ก็ไหนว่าเสน่ห์เธอมัดใจมันได้แล้วไง แล้วทำไมทีอย่างนี้ไม่รู้จักใช้”
อิทธิหาญหันมาโวยชลกรที่ถอนใจอย่างระอา ก่อนพูดอย่างอัดอั้น
“ใช้ได้ ถ้าไม่มีใครทำเรื่องโง่ๆ”
“นี่เธอ !”
อิทธิหาญเงื้อมือจะตบชลกร แต่พงษ์เลิศรีบเข้าปรามทันที
“เอาล่ะ..พอได้แล้ว ทะเลาะกันไปมีประโยชน์อะไร หมากเกมนี้คงต้องยอมมันไปก่อน ดีเท่าไหร่แล้วที่มันไม่รู้ถึงป่าผืนอื่นที่เราทำไว้ด้วย ตอนนี้ปล่อยให้พวกมันทำข่าวสร้างผลงานกันไปก่อน เกมหน้าค่อยล้างตากันใหม่” พงษ์เลิศพูดด้วยความหงุดหงิด
อิทธิหาญหันมองออกไปนอกหน้าต่างครุ่นคิด
“ฉันไม่รอถึงเกมหน้าแน่ เพราะเกมนี้ ฉันจะให้บทเรียนพวกแก !”
อิทธิหาญพูดกับตัวเองเบาๆ พลางกำหมัดแน่นด้วยความแค้น
วันใหม่ในเวลากลางวัน ภายในรถตู้มีระบิล เนติมา ศิวัช ยศวีร์ อนงค์และปฏิพรนั่งอยู่ด้วยกัน รถของบรรดาสื่อมวลชนตามหลังมา 4-5 คันวิ่งผ่านถนนในบริเวณชายป่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ร่มรื่น ภายในรถ ยศวีร์และอนงค์ซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลังมองวิวสองข้างทางอย่างอารมณ์ดี
“ต้นไม้แถวนี้สวยจังเลยนะจ๊ะ”
“ดูไม่ออกเลยนะครับว่าแถวนี้ถูกบุกรุก” ยศวีร์ว่า
ระบิลที่นั่งคู่กับคนขับหันมาพูดยิ้มๆ
“ความฉลาดของคนชั่วๆน่ะครับ ถางป่าด้านในแล้วเหลือด้านนอกหลอกคนทั้งประเทศ ว่าป่ายังสมบูรณ์”
“วันนี้เราถึงต้องพาสื่อมวลชนมาเป็นพยานในการเปิดโปงไงครับ” ศิวัชบอก
ปฏิพรที่นั่งติดกับศิวัชรีบพูดอ้อนเอาใจทันที
“คนแอบมาทำผิดกฏหมายไกลหูไกลตาขนาดนี้ ยังไม่พ้นสายตาพี่ศิวัชเลย พี่ศิวัชนี่เก่งจังเลยนะคะ”
“ต้องชมความกล้าหาญของเนติ์เขาน่ะ ถ้าไม่ได้เนติ์พี่คงไม่ทำงานชิ้นนี้ไม่สำเร็จ”
ศิวัชพูดพลางเอื้อมมือไปกุมมือเนติมาที่นั่งติดกันอยู่อีกด้านหนึ่ง ปฏิพรหน้าง้ำด้วยความหงุดหงิดทันที ยศวีร์กับอนงค์มองหน้ากันแล้วยิ้มขำ
“ความจริงต้องชมคุณระบิลเขานะคะ เพราะถ้าไม่ได้เขาเป็นคนถ่ายคลิปนั้นเราก็คงไม่มีหลักฐานเล่นงานนายอิทธิหาญกับพวก อีกอย่างถ้าไม่ได้คุณระบิล ป่านนี้เนติ์กับขวัญคงแย่ไปแล้วแน่ๆ”
ศิวัชชำเลืองมองระบิลกับเนติมาด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดขัดจังหวะขึ้นมา
“เออ..คุณระบิลครับ”
“ครับ คุณศิวัช”
“อีกนานมั้ยครับกว่าจะถึง”
ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวกำลังทำข่าว บันทึกภาพป่าที่ถูกถางเตียนจนโล่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ ศิวัชกำลังให้สัมภาษณ์ โดยมีระบิล เนติมา ปฏิพร ยืนอยู่ไม่ห่างนัก
“พื้นที่ที่มีปัญหาการบุกรุกป่า ผมจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและจะปลูกป่าทดแทนทันที เพื่อคืนความสมดุลย์ให้ธรรมชาติ”
“แล้วที่ผืนนี้ทราบตัวผู้กระทำผิดรึยังคะ” นักข่าวถาม
“ยังครับแต่คาดว่าจะเป็นนายทุนที่มีอิทธิพลพอสมควร”
ปฏิพรได้ยินศิวัชพูดก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“โห..ทำไมพี่ศิวัชไม่แฉไปเลยนะ ว่าคนที่ทำเป็นพวกเจ้าอิทธิหาญ”
ระบิลพูดกับปฏิพร
“เป็นหมากการเมืองที่คุณธำรงวางไว้น่ะครับ”
“เปิดโปงเรื่องนี้มันเล็กไป สำหรับความชั่วที่พวกนั้นทำไว้มากมายค่ะ”
ระบิลพูดอย่างรู้ทันเกม ขณะที่เนติมาพูด้วยความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับพวกของพงษ์เลิศกับอิทธิหาญให้ได้
อ่านต่อหน้า 3
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 8 (ต่อ)
เจ้าหน้าที่ที่ดินในชุดข้าราชการ วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นบันไดบ้านมาเคาะประตูอย่างเร่งรีบ
“พี่บุญส่ง..พี่บุญส่ง !”
บุญส่ง เจ้าหน้าที่ที่ดินในชุดข้าราชการสะพายกระเป๋าเดินทางออกมาจากบ้านด้วยความร้อนใจ
“พี่บุญส่งเกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“รู้แล้ว ถึงรีบมาเก็บของนี่ไง ไปเร็วขืนอยู่มีหวังติดคุกหัวโตแน่” บุญส่งว่า
บุญส่งรีบเดินลงจากบันไดไปที่รถ แต่เพื่อนเจ้าหน้าที่รีบรั้งไว้
“แต่ลูกกับเมียฉัน”
“ลูกกับเมียเดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ต้องเอาตัวรอดก่อน นายกฯลงเล่นเองอย่างนี้ไม่รอดแน่ เร็ว !”
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 คนวิ่งไปที่รถก็มีกระสุนนัดหนึ่งยิงดักหน้าไว้
“เฮ้ย !” เจ้าหน้าที่ร้องด้วยความตกใจ
บุญส่งหันไปเห็นอิทธิหาญ ปาน ทนง ชูศักดิ์ โปรย เดินออกมาจากพงไม้ข้างๆอย่างใจเย็น
“เสี่ย !”
“พวกแกจะรีบไปไหนวะ”
“เออ..ผมสองคนอยู่ไม่ได้แล้วเสี่ย ขืนอยู่มีหวังนายกฯศิวัชจับเข้าคุกแน่ๆ” บุญส่งบอก
“อืม..เรื่องนั้นฉันเข้าใจ” อิทธิหาญแสร้งพูดด้วยรอยยิ้ม
เจ้าหน้าที่ที่ดินคนที่ 2 พูดเสียงสั่นพลางยกมือไหว้
“ปล่อยผมสองคนไปเถอะนะเสี่ย พวกผมรับรองว่าจะรักษาความลับของพวกเราไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด”
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันเข้าใจ...ปาน”
“ครับเสี่ย”
ปานรับคำอย่างรู้กัน ก่อนจะหยิบซองเอกสารโยนให้ บุญส่งรับซองนั้นมาถือไว้อย่างงงๆ
“เงินสำหรับให้พวกแกไว้ใช้ระหว่างหนี”
“รีบไปสิวะ จะยืนรอให้มันมาลากคอเข้าคุกรึไง..ไป !”
เจ้าหน้าที่ที่ดินทั้งสองคนสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว อิทธิหาญมองตามรถของเจ้าหน้าที่ที่ดินอย่างมีเลศนัย
ภายในรถ
“เฮ้อ..นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว เฮ้ย..เปิดดูสิว่า เสี่ยให้เงินมาเท่าไหร่วะ” บุญส่งพูดขึ้น
“หนาขนาดนี้ ท่าทางจะเยอะอยู่นะพี่”
เจ้าหน้าที่คนที่ 2 รีบแกะซองที่อิทธิหาญให้ด้วยความโลภ ก่อนจะต้องตกใจเมื่อหยิบเงินออกมากลายเป็นแบ๊งค์กงเต็กปึกใหญ่
“เฮ้ย อะไรวะ !”
“แบ๊งค์กงเต็ก ไอ้...”
บุญส่งพูดด้วยความโมโห แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงเหมือนสัญญาณอะไรบางอย่างดัง “ติ๊ดๆ” ขึ้นมา
“เสียงอะไรวะ” บุญส่งถาม
เจ้าหน้าที่ชะงักหันไปมองที่ลิ้นชักหน้าคอนโซลด้วยความสงสัย ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักออก
เห็นระเบิดเวลาวางอยู่ด้านใน มีไฟกระพริบและเสียงสัญญาณดังถี่ขึ้น ทั้งสองคนตกใจสุดขีด
ในเวลาต่อมา บนถนนราดยางสายเล็กๆในชนบทเสียงระเบิดดังขึ้นและเพลิงลุกท่วม ด้านหลัง ปานขับรถตามมา อิทธิหาญลดกระจกมองผลงานด้วยความสะใจ
“คิดเหรอว่าฉันจะไว้ใจคนอย่างพวกแก หวังว่าเงินที่ให้ไป คงพอใช้ในปรโลกนะ...ปาน”
“ครับเสี่ย”
“ได้เวลาให้บทเรียนไอ้ศิวัชแล้ว”
อิทธิหาญพูดอย่างเอาจริง สีหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
บริเวณ ภูเขาสูงสวยงามอุดมไปด้วยความสมบูรณ์ของป่าไม้ ยศวีร์กำลังดึงมืออนงค์ขึ้นมาจากเนินเขาด้านล่าง
“ไหวมั้ยอ้อ”
“ไหวสิจ๊ะ อึ๊บ..โอ้โห สวยจังเลยจ้ะพี่ดล”
อนงค์มองทิวทัศน์รอบๆด้วยความตื่นตา
“น่าพาพ่อมาเที่ยวด้วยจังเลย”
“เนอะ วันหลังเราทำงานเก็บเงินแล้วพาพ่อเที่ยวกันดีกว่าเนอะพี่ดลเนอะ..พี่ดลไปดูทางนั้นกัน”
ยศวีร์ยิ้มพยักหน้าตอบรับอย่างอารมณ์ดี อนงค์คว้ามือยศวีร์จะเดินไปอีกทาง แต่พอเดินไปได้
สองสามก้าว ยศวีร์ก็รั้งไว้
“เดี๋ยวอ้อ”
“อะไรจ๊ะพี่ดล”
ยศวีร์ก้มลงเก็บดอกไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้นหลายดอกรวมกันเป็นช่อเล็กๆแล้วยื่นให้
“อ่ะ..พี่ให้” ยศวีร์พูดลอยหน้าลอยตาพูดเป็นเชิงหยอก
อนงค์อึ้งไป
“อยู่กรุงเทพฯไม่เท่าไหร่ ดอกไม้เก็บจากดินอ้อคงไม่สนใจแล้ว”
ยศวีร์แกล้งทำเป็นจะขว้างดอกไม้ในมือทิ้ง แต่อนงค์รีบคว้าไว้
“อย่านะจ๊ะ ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย”
อนงค์รับดอกไม้มาถือไว้อย่างอายๆ ยศวีร์ยิ้มด้วยความชอบใจ
“น่ารักจัง ขอบคุณมากนะจ๊ะพี่ดล”
“ที่ว่าน่ารักน่ะ คนหรือดอกไม้”
“ก็ทั้งคนทั้งดอกไม้แหละจ้ะ โดยเฉพาะพี่ดล พี่ดลไม่เคยไม่น่ารักในสายตาอ้อเลยนะจ๊ะ”
อนงค์พูดจากใจจริง ทั้งคู่สบตากันยิ้มให้กันอย่างมีความสุข พลันสายตาของยศวีร์ก็เห็นอะไรบางอย่างจึงรีบดึงอนงค์หลบหลังต้นไม้ทันที
“อ้อมานี่ !”
“มีอะไรเหรอจ๊ะพี่ดล”
ยศวีร์ไม่ตอบอะไรแต่ชี้ให้ดู อนงค์เห็น โปรย ทนง ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญที่มีอาวุธครบมือ เดินลัดเลาะมาตามหุบเขาด้วยสีหน้าจริงจัง โทรศัพท์มือถือของทนงดังขึ้นและรับสายทันที
“ใกล้ถึงแล้วครับเสี่ย คนของเราอีกส่วนไปซุ่มรออยู่แล้วครับ รับรองวันนี้เสี่ยได้เห็นความพินาศเป็นของขวัญแน่ครับ” พูดแล้วก็หันไปสั่งลูกน้อง “เฮ้ย เร็วโว้ย”
ยศวีร์และอนงค์มองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ
ยศวีร์และอนงค์วิ่งมาตามทางด้วยความเร่งรีบ ดลพยายามต่อสายโทรศัพท์แต่ไม่สำเร็จ
“ตรงนี้ไม่มีคลื่นเลย”
“งั้นรีบไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวไม่ทัน”
ทั้งสองเร่งฝีเท้ามาตามทางแคบคดเคี้ยวที่รกไปด้วยต้นไม้ จังหวะหนึ่งอนงค์เหยียบพลาดเสียหลักลื่นจนช่อดอกไม้หลุดมือ ยศวีร์รวบตัวไว้ในอ้อมกอดได้อย่างฉิวเฉียด
“อุ๊ย !”
“ระวังอ้อ !”
“พี่ดลดอกไม้...”
ยศวีร์ดึงตัวอนงค์เข้าหลบหลังต้นไม้ใหญ่พลางพยักเพยิดให้มองลงไปยังด้านล่างของหุบเขา
อนงค์เห็น ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องของอิทธิหาญเดินอยู่บนทางเดินในหุบเขาด้านล่างไม่ห่างกันนัก โดยมีต้นไม้กิ่งไม้บังสายตาอยู่บ้าง
เศษดินจากด้านบนร่วงกราวลงมายังทางเดินในหุบเขา โปรยหันขวับมองขึ้นไปด้านบนทันที ยศวีร์รีบดึงอนงค์กลับเข้ามาหลบหลังต้นไม้ใหญ่ทันที โปรยเพ่งมองขึ้นไปด้านบนด้วยความสงสัยจนชูศักดิ์ต้องหันมาถาม
“มีอะไรวะโปรย”
“ไม่มีอะไร รีบไปเถอะ”
ยศวีร์กับอนงค์ถอนใจด้วยความโล่งอก
“ซวยแล้วไง ไปเร็วอ้อ !”
ยศวีร์นึกได้ว่า กลุ่มลูกน้องอิทธิหาญเดินแซงนำหน้าไปแล้ว ทั้งคู่รีบวิ่งต่อไปทันที
บริเวณที่โล่งในป่า ศิวัชกำลังพาสื่อมวลชนดูพื้นที่รอบๆ เนติมายืนมองศิวัชอย่างมีความสุข ระบิลซึ่งยืนอยู่ข้างๆก็อดมีความสุขไปด้วยไม่ได้
“ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดีนะครับ ผ่านไปไม่เท่าไหร่ ผมว่าคุณศิวัชได้ใจคนทั้งประเทศไปแล้ว”
“พี่ศิวัชเป็นคนเก่ง ฉันมั่นใจว่าเขาทำได้ ตั้งแต่อยู่ที่ปารีสแล้วล่ะ”
ระบิลยิ้มให้เนติมาก่อนหันไปทางศิวัชแล้วต้องถอนใจอย่างเซ็งๆ
“แต่มีอยู่คนที่จะทำลายความมั่นใจของคุณ”
ปฏิพรเดินเข้ามายืนข้างๆศิวัชคอยเอาอกเอาใจ คอยซับเหงื่อ ยื่นน้ำให้ดื่มอย่างรู้งาน สื่อมวลชนต่างถ่ายรูปศิวัชกับปฏิพรอย่างให้ความสนใจ เนติมามองภาพตรงหน้าด้วยความเศร้า
“คุณ...”
“ไปเดินเล่นตรงโน้นกันเถอะ”
“แต่...”
“เดี๋ยวเราค่อยกลับมาตอนพี่ศิวัชให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วก็ได้ ฉันไม่อยากเห็น”
เนติมาพูดแล้วเดินเลี่ยงออกไปทันที ขณะศิวัชคุยกับสื่อมวลชนอยู่เหลือบไปเห็นระบิลกับเนติมาคุยกันเข้าพอดีก็ครุ่นคิดด้วยความสงสัย
“เดินหนี แล้วจะแก้ปัญหาได้มั้ยเนี่ย”
“ฉันไม่ได้หนี ฉันแค่ไม่อยากอยู่ตรงนั้น”
“นั่นแหละคุณเขาเรียกว่าเดินหนี”
“นี่..ถ้าจะตามมาเลคเชอร์ฉัน ฉันเดินคนเดียวก็ได้นะ เดี๋ยวก็...”
“ไล่ออก..อ๊ะๆ อย่านะคุณ ขาดผมรับรองคุณเฉาตายแน่ รึคุณชอบเหรอ บอดี้การ์ดมาดเข้ม รักโลภโกรธหลงหน้าเดียวกันเหรอไง อย่างคุณต้องเจออย่างผมนี่ รับรองไม่เหมือนใครในจักรวาล” ระบิลรีบพูดแทรกขึ้นทันที
“พูดอย่างกับตัวเองไม่ใช่คนงั้นแหละ”
เนติมามองค้อน ระบิลยิ้มแล้วพูดต่อ
“เรื่องนั้นไม่รู้ รู้แต่สวรรค์ส่งผมมาให้คุณ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันนิดหนึ่ง ก่อนหัวเราะแก้เก้ออย่างอารมณ์ดี ศิวัชรู้สึกถึงความผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้น ปฏิพรมองศิวัชด้วยความสงสัย
“พี่ศิวัชเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“เออ..เปล่าจ้ะ ไม่เป็นอะไร”
“งั้นไปทางโน้นกันดีกว่านะคะ นักข่าวรออยู่..ไปค่ะ”
ปฏิพรพูดยิ้มๆ พร้อมคว้ามือศิวัชเดินไปหานักข่าวที่จับกลุ่มรออยู่อีกด้านหนึ่ง
ระบิลกับเนติมาเดินคุยมายังชายป่าด้านหนึ่ง
“เป็นไงคุณ สบายใจแล้วสิ”
“ขอบใจนายมากนะ”
เนติมายิ้มอย่างอายๆ ขณะที่ระบิลพูดอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าผมปรับเงินคุณทุกครั้งที่คุณพูดประโยคนี้ ผมคงรวยอื้อ”
“งั้นนายก็ไม่ต้องทำอะไรที่ฉันต้องขอบคุณนายสิ”
ระบิลไม่ตอบแต่แกล้งยิ้มลอยหน้าลอยตา เนติมามองด้วยความสงสัย
“นี่..ยิ้มอย่างนี้คิดอะไรอยู่เนี่ย นายระบิล นาย...”
ยังไม่ทันที่เนติมาจะพูดอะไรต่อ ยศวีร์กับอนงค์ก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากชายป่าทันที
“พี่เนติ์ๆ”
“ดล..เกิดอะไรขึ้น ทำไมหน้าตาตื่นอย่างนั้นล่ะ”
“ผมเจอใครก็ไม่รู้มากันตั้งหลายคน แล้วพวกมันก็มุ่งมาทางนี้ด้วยครับ”
“พวกนั้นมีปืนด้วยจ้ะ น่ากลัวมากๆเลย” อนงค์บอก
จังหวะเดียวกัน...เสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากด้านที่ศิวัชและคณะสื่อมวลชนอยู่
“พี่ศิวัช !” เนติมาร้องเรียกด้วยความตกใจ
ระเบิดลูกหนึ่งระเบิดกลางกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจสามสี่นายจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง สื่อมวลชนแตกฮือด้วยความตกใจ ศิวัชโผเข้ารวบตัวปฏิพรให้ล้มลงกับพื้น
“น้องตี้ระวัง !”
ระบิล เนติมา ยศวีร์ อนงค์วิ่งกลับเข้ามามองเหตุการณ์ด้วยความตกใจ เนติมาจะปรี่เข้าไปจะหาศิวัช แต่ระบิลรั้งไว้
“พี่ศิวัช !”
“อย่าคุณ !”
“เนติ์อันตรายอย่าเพิ่งเข้ามา !” ศิวัชตะโกนบอก
การ์ดของศิวัชกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างยิงต่อสู้กับลูกน้องของอิทธิหาญที่ซุ่มล้อมอยู่รอบๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจและการ์ดของศิวัชโดนยิงตายหลายคน ศิวัชตะโกนสั่งงานทันที
“รีบพาทุกคนหนีไปก่อน เร็ว !”
“อย่าไปไหน หลบอยู่ตรงนี้นะคุณ”
ระบิลหันไปพูดกับเนติมา ยศวีร์และอนงค์ก่อนหยิบปืนขึ้นมา แล้ววิ่งเข้าไปในจุดเกิดเหตุทันที
อิทธิหาญซึ่งหลบพรางตัวอยู่หลังแนวไม้บนเนินเขา มองมาที่กลุ่มศิวัชที่โดนยิงล้มตายด้วยความสะใจ
“เก็บมันให้หมดโดยเฉพาะพวกนักข่าว สอนให้พวกมันรู้ว่า ตราบใดที่ไอ้ศิวัชยังอยู่ในตำแหน่ง ทุกชีวิตจะไม่มีความปลอดภัย ฮ่าๆๆ”
อิทธิหาญพูดพลางยกปืนขึ้นเล็งไปที่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่กำลังบันทึกภาพอยู่ ก่อนอิทธิหาญจะเหนี่ยวไกอย่างเลือดเย็น
กระสุนเจาะกลางหน้าอกนักข่าวจนล้มลงสิ้นใจทันที ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“พี่ศิวัช !” ปฏิพรเรียกอย่างเสียขวัญ
ศิวัชพยายามรวบรวมสติรีบหันไปสั่งการ์ดและเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
“คุ้มกันผู้สื่อข่าว ไม่ต้องห่วงผม !”
การ์ดและเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งต่างปรี่เข้าคุ้มกันบรรดาสื่อมวลชน แต่กลับถูกอิทธิหาญกับพวกระดมยิงใส่จนตั้งตัวไม่ติด ผู้สื่อข่าวหลายคนถูกพวกของอิทธิหาญยิงตายอย่างจงใจ ระบิลปรี่เข้ามาดึงศิวัชกับปฏิพรขึ้นมาพร้อมยิงคุ้มกันอย่างขันแข็ง
“ตรงนี้อันตรายครับ มานี่ !”
“คุณระบิล ! แล้วเนติ์ล่ะครับ”
“ปลอดภัยครับ ตามผมมาเร็ว !”
จังหวะนั้น ระเบิดที่พวกของอิทธิหาญยิงมาตกและระเบิดใกล้ๆ จนระบิล ศิวัช ปฏิพร กระเด็นเสียหลักล้มลง
“ว้าย !”
เนติมาตกใจจะปรี่ออกจากที่ซ่อน แต่ยศวีร์รั้งไว้
“พี่เนติ์อย่า !”
“แต่...”
“มันอันตรายนะจ๊ะ” อนงค์บอก
“ผมว่าเชื่อคุณระบิลหลบอยู่ตรงนี้ดีกว่านะครับพี่เนติ์”
อิทธิหาญและพวกกำลังระดมยิงใส่คณะของศิวัชอย่างสนุกมือ จังหวะเดียวกันชูศักดิ์ก็ชำเลืองไปเห็นเนติมาพลางสะกิดและชี้ให้อิทธิหาญดู
“เสี่ย...”
อิทธิหาญหันมองตามที่ชูศักดิ์ชี้ทันที เห็น เนติมา ยศวีร์และอนงค์ยืนหลบอยู่มุมหนึ่ง
“นังเนติมา”
อิทธิหาญมองอย่างได้ใจ แต่ชะงักเมื่อเห็นยศวีร์ยืนอยู่ข้างๆเนติมา อิทธิหาญจำได้และจ้องด้วยความสงสัย
อิทธิหาญปรี่เข้าไปหายศวีร์ด้วยความโมโห
“หาเรื่องรึไงวะ”
“ผมไม่ได้หาเรื่องนะครับ รถคันนี้เฉี่ยวรถผมจริงๆ”
“กูนั่งมาไม่เห็นรถเฉี่ยวหมาที่ไหนสักตัว”
อิทธิหาญจำยศวีร์ได้ทันที
“นี่มันรู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย”
“เอาไงดีครับเสี่ย”
ปานถามด้วยความสงสัย ขณะที่อิทธิหาญไม่ตอบอะไรได้แต่จ้องคนทั้งสามด้วยสายตาครุ่นคิด
ระบิลนอนคว่ำหน้าเอาตัวบังทับศิวัชกับปฏิพรไว้ ก่อนถาม
“ไหวมั้ยครับ”
“ไม่ต้องห่วง ผมสบายมาก”
“แต่ตี้กลัว”
ปฏิพรพูดพลางโผกอดศิวัชด้วยความกลัว ระบิลมองสถานการณ์รอบๆอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมว่าพาทุกคนออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะครับ”
ศิวัชผยักหน้าและหันไปตะโกนบอกทุกคนทันที
“ทุกคนขึ้นรถ แล้วออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“พี่ศิวัชตี้กลัว”
ระบิลดึงศิวัชกับปฏิพรให้ลุกขึ้นพลางยิงคุ้มกันให้อย่างคล่องแคล่ว
ทนงมองนักข่าวกับคณะที่กำลังวิ่งขึ้นรถที่จอดอยู่เป็นแถว
“พวกมันหนีแล้ว”
“พอก่อนมั้ยครับเสี่ย แค่นี้ผมว่ามันก็ขวัญหนีดีฝ่อแล้วล่ะ” ปานว่า
“ไม่ !” อิทธิหาญพูดอย่างเด็ดขาด
ปานหันมามองอิทธิหาญด้วยความไม่สบายใจ
“เสี่ย !”
“ถ้าโค่นไม้แล้วไม่เผาตอ วันหนึ่งตอมันก็มาตำเท้าสิวะ”
“แต่งานนี้คุณพ่อของเสี่ย...”
“เลิกเอาพ่อมาอ้างซะที วิธีการของพ่อมีแต่เปิดประตูแพ้ คอยดูวิธีของฉันนี่ หมดเวลาเลี้ยงไข้ ได้เวลาฉีดยาแรงให้พวกมันแล้ว”
อิทธิหาญพูดแทรกด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
ศิวัชกับปฏิพรวิ่งตามมาสมทบกับเนติมา ยศวีร์และอนงค์ที่รออยู่แล้ว เนติมาวิ่งเข้าไปโผกอดศิวัชด้วยความเป็นห่วง
“พี่ศิวัช”
“เนติ์”
“พี่ศิวัชไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยคะ”
“ไม่จ้ะ เนติ์ก็เหมือนกันใช่มั้ย”
เนติมาพยักหน้ารับคำ ศิวัชถอนใจอย่างโล่งอก ปฏิพรมองด้วยความหงุดหงิด ระบิลมองภาพตรงหน้าอย่างกระอักกระอ่วนใจ
กระสุนปืนสองสามนัดยิงเฉี่ยวผ่านมาที่กลุ่ม ระบิลรีบบอก
“ผมว่ารีบไปที่รถกันเถอะครับ”
ระบิลยิงคุ้มกันให้ทุกคนก่อนจะวิ่งตามกันออกไปทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจและการ์ดของศิวัชช่วยกันเร่งพาสื่อมวลชนที่กำลังตื่นตกใจมาที่รถ โดยมีการยิงตอบโต้กันระหว่างพวกของศิวัชและพวกของอิทธิหาญตลอดเวลา
“ทางนี้ครับ เร็ว !”
ตำรวจคนหนึ่งพยายามโบกเร่งคณะสื่อมวลชนให้วิ่งไปขึ้นรถ แต่กระสุนจากพวกของลูกน้อง
อิทธิหาญก็พุ่งเข้ามาโดนกลางลำตัวสามสี่นัดสิ้นใจตายทันที
“พาทุกคนออกไปก่อนเลย เร็ว !” ระบิลบอก
ศิวัชเห็นคณะที่มาด้วยหลายคนได้รับบาดเจ็บจึงผละไปช่วยประคองผู้บาดเจ็บอย่างกล้าหาญ
“คุณศิวัช !” ระบิลร้องขึ้น
“ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ครับ”
จังหวะเดียวกันรถคณะของศิวัช 5-6 คันที่กำลังจะขยับออกแต่ถูกยิงด้วยเครื่องยิงลูกระเบิดจนไฟลุก คนในรถตายคาที่ทันที
ระบิล เนติมา ศิวัช ยศวีร์ อนงค์และปฏิพรผงะเสียหลักจนล้มลงไปกับพื้นเพราะแรงอัดของระเบิด ทั้งหมดค่อยๆหันไปมองซากรถด้วยความตะลึง
“นี่มันเรื่องอะไรกันจ๊ะ” อนงค์พูดอย่างใจเสียจนน้ำตาคลอเบ้า
ยศวีร์ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามควบคุมสติดึงอนงค์เข้ามากอดปลอบ
ระบิลกับเนติมามองกองเพลิงตรงหน้าด้วยความโมโห
“เลวที่สุด !”
“พวกนั้นต้องการดิสเครดิตพี่ศิวัช” เนติมาบอก
“โธ่โว้ย !” ศิวัชตะโกนออกมาด้วยความอัดอั้น
ฝ่ายปฏิพรร้องไห้อย่างเสียสติ มองไปที่รถที่เหลืออยู่อีกหนึ่งคันซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างนัก ปฏิพรลุกขึ้นจะวิ่งไปยังรถทันที
“อย่าค่ะคุณปฏิพร !” เนติมาวิ่งไปฉุดไว้แล้วร้องห้าม
ระเบิดอีกลูกยิงเข้าใส่รถคันนั้นจนระเบิดไฟลุกท่วมทันที ทั้งเนติมาและปฏิพรเสียหลักล้มลงทันที
“โอ๊ย !” เนติมากับปฏิพรร้องขึ้นพร้อมกัน
“คุณเนติ์ ! - พี่เนติ์ !” ระบิลและยศวีร์ร้องขึ้นด้วยความตกใจ
ระบิลปรี่เข้าไปประคองเนติมาอย่างลืมตัว ยศวีร์และอนงค์ตามเข้าไปติดๆ ขณะที่ศิวัชมองด้วยความตะลึง เสียงปฏิพรร้องเรียก
“พี่ศิวัช”
“น้องตี้”
ศิวัชรีบเข้าไปประคอง ปฏิพรกอดศิวัชแน่น
“พี่ศิวัช..ตี้กลัว”
เนติมาลุกขึ้นนั่งอย่างงงๆเห็นภาพศิวัชกับปฏิพรก็อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ ขณะที่ศิวัชหันมามองเนติมาด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างทำตัวไม่ถูก ยศวีร์หันขวับไปด้านหลังแล้วชี้ให้ทุกคนดู
“ดูนั่นสิครับ !”
รถโฟร์วีล 2 คันที่มีลูกน้องของอิทธิหาญหลายคนอยู่ท้ายรถพร้อมอาวุธครบมือกำลังวิ่งออกมาจากแนวป่าใกล้เชิงเขาตรงดิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ภายในคฤหาสน์ ธำรงเดินคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เกิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง...ได้ครับท่าน ผมจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่ ฝากด้วยนะครับ”
ธำรงวางสายโทรศัพท์พลางถอนใจออกมาด้วยความไม่สบายใจ แต่เมื่อเดินเลี้ยวมาก็ชะงัก เมื่อเห็นชลกรยืนยิ้มหวานให้อย่างออดอ้อน
“คิดถึงจัง”
ธำรงไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าชลกรนิ่ง
ภายในห้องนั่งเล่น ชลกรเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเจื่อน ธำรงเดินตามมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สายตาที่มองชลกรคาดคั้นจริงจัง จนชลกรรู้สึกหนักใจ
“เออ..เชื่อฉันเถอะนะคะ ฉันกับคุณพงษ์เลิศไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ”
“แต่ลูกชายของคุณพงษ์เลิศไม่แน่” ธำรงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เขาคงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“แต่ที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำมันเกินบ้า”
ชลกรชะงักและพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึก เอื้อมมือไปลูบไล้ตามเสื้อผ้าของธำรงช้าๆ
“ใจเย็นๆนะคะ เรื่องอาจไม่เลวร้ายเหมือนข่าวที่คุณได้รับมาก็ได้นะคะ มาค่ะ เดี๋ยวฉันจะคลายความเครียดให้คุณเอง”
ชลกรค่อยๆเลื่อนมือจะไปปลดกระดุมเสื้อธำรงอย่างยั่วยวน ธำรงยิ้มอย่างใจเย็นพลางเอื้อมมือไปกุมมือชลกรขึ้นมาหอม แล้วชลกรต้องสะดุ้งด้วยความเจ็บเพราะธำรงบีบมือทั้งๆที่สีหน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่
ชลกรพยายามจะดึงมือออก แต่ธำรงยิ่งออกแรงบีบแน่น
“โอ๊ย..ฉันเจ็บนะคะ โอ๊ย !”
“ฝากบอกใครก็แล้วแต่ ที่กำลังทำเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะว่า ถ้าลูกชายกับหลานสาวผมเป็นอะไร หายนะที่จะมากกว่าและตกอยู่กับเขาแน่นอน”
ชลกรรู้สึกกลัวธำรงขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ธำรงหอมแก้มชลกรอย่างใจเย็นแล้วเดินออกไป ชลกรมองตามด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
อ่านต่อหน้า 4
หงส์สะบัดลาย ตอนที่ 8 (ต่อ)
ภายในบ้าน พงษ์เลิศเดินคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดชลกรตามเข้ามามองด้วยความไม่สบายใจ
“แกทำบ้าอะไรของแก กลับออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
อิทธิหาญกำลังนั่งพูดคุยโทรศัพท์อยู่ในรถด้วยสีหน้าชอบใจ โดยไม่สนใจกับคำพูดของพ่อ
“จะกลับทำไมพ่อ ในเมื่อทุกอย่างใกล้สำเร็จแล้ว”
“สำเร็จ ...แกรู้ตัวมั้ยว่าแกกำลังทำทุกอย่างพัง” พงษ์เลิศพูดพลางถอนใจ
“ฮ่าๆๆ พ่อกลัวเกินไป”
“ฉันไม่ได้กลัว แต่แผนของฉันไม่ใช่อย่างนี้ ฟังนะลูก...”
พงษ์เลิศพยายามจะอธิบาย แต่อิทธิหาญถอนใจอย่างเบื่อๆก่อนยื่นโทรศัพท์ให้ปานทันที ปานรับมาอย่างงงๆ
“นี่แกฟังพ่ออยู่รึเปล่า”
“เออ..นายครับ”
“ปาน !”
“นายไม่ต้องห่วง...”
ยังไม่ทันที่ปานจะพูดต่อ พงษ์เลิศก็กดสายทิ้งด้วยความหงุดหงิดทันที ปานถอนหายใจด้วยความหนักใจ
“เช็กทางไอ้ทนงสิว่าล่าพวกมันได้รึยัง”
อิทธิหาญสั่งเฉียบขาด สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
ระบิลพาเนติมา ศิวัช ยศวีร์ อนงค์ ปฏิพร เดินไต่ทางชันขึ้นมาพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ระบิลมองไปด้านหลังอย่างระวังตัว
“พักตรงนี้ครู่หนึ่งก่อนก็ได้นะครับ”
ปฏิพรเหนี่ยวแขนศิวัชทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดเรี่ยวแรง
“โอย..ตี้ไม่ไหวแล้วนะคะ ทำไมเราต้องหนีขึ้นมาบนนี้ด้วยคะ”
“ขืนเราวิ่งอยู่ข้างล่าง เราก็เป็นเป้าให้พวกนั้นขับรถไล่ยิงเราง่ายๆน่ะสิครับ...ไหวมั้ยอ้อ” ยศวีร์ว่า
“ไหวจ้ะพี่ดล”
ศิวัชหันมามองเนติมาด้วยความเป็นห่วงพลางเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้
“กลัวมั้ยจ๊ะเนติ์”
“ไม่กลัวค่ะ พี่ศิวัชไม่ต้องเป็นห่วงเนติ์นะคะ เนติ์ไม่มีทางเสียขวัญเพราะพวกนั้นเด็ดขาด”
ศิวัชกับเนติมาเอื้อมมือมากุมมือกันด้วยความอบอุ่น ระบิลกำลังตรวจเช็คกระสุนปืนอยู่ เริ่มสลดใจกับภาพรักตรงหน้าก่อนเรียกสติพูดกับทุกคน
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงผมก็ต้องพาทุกคนกลับออกไปให้ได้”
เนติมามองระบิลแล้วตัดสินใจพูดอย่างมั่นใจ
“ให้ฉันช่วยยิงมั้ย”
“เนติ์...”
ศิวัชเรียกขึ้นด้วยความเป็นห่วง เนติมายิ้มอย่างมั่นใจ
“เนติ์ทำได้ค่ะพี่ศิวัช”
“แต่วันนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะนะครับ”
“แต่...”
“สถานการณ์วันนี้อันตรายเกินกว่าที่ผมจะให้คุณเสี่ยง ผมสัญญานะครับว่า จะพาทุกคนออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ถ้าจะมีใครต้องเป็นอะไรต้องเป็นผม ไม่ใช่พวกคุณ”
เนติมารู้สึกเป็นห่วงระบิลขึ้นมาทันที
“พูดอะไรบ้าๆ ฉันไม่มีวันยอมให้นายเป็นอะไรหรอกนะ”
ระบิลมองยิ้มอย่างขอบคุณ จังหวะเดียวกันอนงค์หันไปเห็นจุดไฟสีแดงของเลเซอร์ที่กำลังส่ายเล็งหาเป้าอยู่บริเวณหัวของศิวัช
“เอ๊ะ..นั่นไฟอะไรอ่ะคะ” อนงค์พูดด้วยความสงสัย
ระบิลหันมองตามก็ตกใจรีบพุ่งไปผลักศิวัชทันที กระสุนปืนยิงเฉียดหัวศิวัชไปโดนต้นไม้อยู่ใกล้ๆอย่างเฉียดฉิว ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ระวังครับ !”
ระบิลหันขวับไปยังด้านหนึ่งเห็น ทนง โปรย ชูศักดิ์ และลูกน้องอิทธิหาญยืนอยู่ที่มุมๆหนึ่งหลังแนวไม้ ทั้งหมดกำลังเล็งปืนมาอีกครั้ง
“ระวัง !”
ระบิลยิงสกัดไปทางกลุ่มของลูกน้องอิทธิหาญ ยศวีร์รีบตะโกนบอกทุกคนทันที
“มาทางนี้ครับ...ไปอ้อ !”
ยศซีร์คว้ามืออนงค์แล้วนำทุกคนวิ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง แต่อนงค์ก้าวพลาดเสียหลักตกลงไปที่หุบเขาข้างทางที่มีต้นไม้ขึ้นทึบ
“โอ๊ย !”
“อ้อ !”
ยศวีร์มองด้วยความตกใจ ก่อนตัดสินใจตามลงไปทันที
“ดล !” เนติมาร้องด้วยความตกใจ
เนติมาปรี่จะตามยศวีร์ไปแต่ระบิลรีบรั้งไว้ ลูกน้องอิทธิหาญยิงปืนเข้าใส่ กระสุนปืนเฉียดเนติมาไปนิดเดียว ก่อนระบิลจะยิงปืนสวนไปโดนลูกน้องอิทธิหาญคนนั้นล้มสิ้นใจตาย
“มานี่”
“แต่น้องชายฉัน”
“มานี่ !”
ระบิลไม่สนใจรีบดึงเนติมาออกไปทันที กระสุนปืนสาดเข้ามาอย่างเฉียดฉิว
“มาทางนี้เร็ว !”
ศิวัชหันมาเรียกระบิล เนติมา ปฏิพร ทันที
ทนง โปรย ชูศักดิ์ และลูกน้องอิทธิหาญจำนวนหนึ่งเดินถือปืนเล็งออกมาจากแนวไม้ แต่ไม่พบใครแม้แต่คนเดียว
“โธ่โว้ย พลาดได้ไงวะ”
ทนงมองสำรวจไปรอบๆจนพบกลุ่มของศิวัช
“ทางโน้น”
ภายในหุบเขา ยศวีร์เดินมองฝ่าแนวไม้หนาไปรอบๆเพื่อหาอนงค์แล้วเรียกหาอนงค์เบาๆ
“อ้อ...อ้อ...”
เสียงอนงค์ดังแว่วมาจากด้านหนึ่ง
“โอ๊ย...”
ยศวีร์หันมองไปตามเสียงนั้น เห็นอนงค์นอนอยู่หลังพุ่มไม้ไม่ห่างไปนัก ยศวีร์เข้าไปกุมมือแล้วมองสำรวจไปทั่วร่างพบรอยช้ำ รอยขีดข่วนอยู่หลายแห่ง
“อ้อ ! เจ็บตรงไหนรึเปล่า อ้อ...”
“พี่ดล...โอ๊ย”
อนงค์รู้สึกเจ็บขึ้นก่อนหมดสติลงไป
“อ้อ...อ้อเป็นอะไรอ่ะ อ้อ...อ้อ”
ยศวีร์พยายามเรียกด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่เป็นผล อนงค์ยังคงนอนหมดสติอยู่ ยศวีร์พยายามคิดหาทางออก
ระบิลกำลังพาเนติมา ศิวัช ปฏิพรเดินมาตามทางรกครึ้มในป่าอย่างระวังตัว ขณะที่เนติมาพยายามโทรศัพท์หายศวีร์แต่ไม่เป็นผล
“โทรศัพท์ไม่มีคลื่นเลย”
ระบิลมองไปรอบๆอย่างสังเกตทิศทาง ก่อนชี้ลงไปที่หุบเขาด้านหนึ่ง
“เราอ้อมลงไปหาคุณดลทางนี้ดีกว่าครับ”
“ทำไมเราไม่รีบออกไปก่อนแล้วค่อยตามคนมาช่วยทีหลังล่ะคะ”
ปฏิพรพูดด้วยความรู้สึก ทั้งเหนื่อยและทั้งกลัว
“กว่าจะรอคนมาช่วย ผมว่าจะสายเกินไปนะครับ”
เนติมาพูดกับปฏิพร
“ขอโทษนะคะ ฉันทิ้งน้องชายฉันไม่ได้จริงๆ นายพาพี่ศิวัชกับคุณปฏิพรออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะนะ ส่วนฉันจะตามหาดลกับอ้อเอง”
เนติมาพูดอย่างมั่นใจเพราะไม่อยากเป็นภาระของใคร ศิวัชรีบค้านทันที
“ไม่ได้นะเนติ์ พี่ก็ทิ้งเนติ์ไม่ได้เหมือนกัน”
จังหวะเดียวกัน...เสียงปืนก็ดังขึ้นมาสามสี่นัด
“หลบ !”
ระบิลรีบกดตัวทุกคนให้ก้มหลบหลังแนวไม้หนาอย่างรวดเร็ว
“เงียบนะครับ มันยังไม่เห็นเรา แต่มันยิงขู่ให้เราตกใจ”
ทนง โปรย ชูศักดิ์และลูกน้องอิทธิหาญเดินตามออกมาจากแนวป่าด้านหนึ่ง ทั้งหมดมองไปรอบๆอย่างสังเกต เนติมามองเห็น ทนง โปรย ชูศักดิ์ แล้วต้องตะลึงด้วยความตกใจ นึกถึงภาพอดีตขึ้นมาทันที
..โปรยพยักหน้ารับคำ ก่อนปรี่เข้าไปกระชากผมพรรณศรีดึงขึ้นมา พรรณศรีพยายามดิ้นด้วยความเจ็บปวด
“มานี่ !”
เนติมาจ้องทนง โปรย ชูศักดิ์ เขม็งเพราะจำได้ว่าเป็นคนร่วมฆ่าพ่อกับแม่ของตน
..ทนงปรี่เข้าตบหน้าพรรณศรีจนเลือดกลบปาก แล้วชกเข้าที่ท้องอย่างจัง ก่อนจะปล่อยมือจากพรรณศรี ร่างของพรรณศรีร่วงลงกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด วิเชียรมองพรรณศรีด้วยความสงสารจับใจ พงษ์เลิศเข้าไปพูดกับวิเชียรอย่างเลือดเย็น
“ทำกับแก อย่างมากแกก็เจ็บตัว แต่ทำกับคนที่แกรัก แกเจ็บไปถึงข้างใน มันสะใจฉันกว่า ฮ่าๆ ในเมื่อแกไม่ยอมบอก ว่าของที่ฉันต้องการอยู่ที่ไหน ฉันก็ไม่บังคับอะไรแกล่ะ ฉันรู้ว่าความลับไม่มีวันตาย แต่คนที่กุมความลับ มันตายเป็น !”
พรรณศรีพยายามกระเสือกกระสนพลิกตัวกลับขึ้นมาต้องชะงักด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นเนติมายืนช็อกด้วยความตกใจอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนหย่อมหน้าบ้าน พรรณศรีพยายามส่งสายตาบอกลูกสาวประมาณว่าอย่าเข้ามา
“ฉันจะไปรอในรถ”
“ครับเสี่”
ทนงรับปากขันแข็งพลางหยิบปืนขึ้นมาแล้วจัดการสวมลำกล้องเก็บเสียงด้วยความชำนาญ
เนติมาจ้อง ทนง โปรย ชูศักดิ์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้น จนระบิลหันมามองด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปคุณ”
“เนติ์ร้องไห้ทำไมจ๊ะ” ศิวัชถาม
“สามคนนั้น ฆ่าคุณพ่อ คุณแม่เนติ์”
เนติมาพูดพร้อมกำมือแน่นด้วยความอัดอั้น ศิวัชเอื้อมมือไปกุมมือเนติมาอย่างปลอบโยน ขณะที่ปฏิพรยิ่งรู้สึกกลัว
อิทธิหาญ ปานและลูกน้องอีก 2 คนเดินเข้ามาสมทบกับพวกของทนง
“ยังตามไม่เจออีกเหรอวะ”
“ยังครับเสี่ย เห็นหลังอยู่ไวๆไม่รู้หายไปไหนแล้ว” ชูศักดิ์บอก
“หายไปในความไม่เอาไหนของพวกแกน่ะสิ ทำงานไม่ทันใจสักคน”
อิทธิหาญกระชากคอเสื้อชูศักดิ์ด้วยความหงุดหงิด ทนงรีบพูดช่วยเพื่อนทันที
“ผมว่าพวกมันไปไหนไม่ไกลหรอกครับเสี่ย คงซ่อนอยู่แถวๆนี้แหละ”
อิทธิหาญขยับเดินออกมาจากกลุ่มนิดหนึ่ง มองไปรอบๆบริเวณที่เต็มไปด้วยกอไผ่อย่างครุ่นคิด ก่อนก้มลงมองใบไม้แห้งจำนวนมากที่หล่นอยู่ตามพื้น อิทธิหาญก้มลงหยิบใบไม้แห้งขึ้นมามองยิ้มอย่างมีแผน
“ซ่อนงั้นเหรอ...”
ริมลำธาร ยศวีร์กำลังเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำจากลำธารขึ้นบิด ก่อนหันไปเช็ดหน้าให้อนงค์ที่นั่งพิงก้อนหินอยู่ด้วยความอ่อนแรง
“ดีขึ้นมั้ย”
“ดีขึ้นจ้ะพี่ดล อ้อทำพี่ดลลำบากอีกแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
อนงค์พูดอย่างรู้สึกผิด ยศวีร์ยิ้มพลางเอื้อมมือไปลูบผมอนงค์ด้วยความอบอุ่น
“พี่เต็มใจที่จะดูแลอ้ออยู่แล้วนี่นา”
“พี่ดล...”
อนงค์โผเข้ากอดยศวีร์ทั้งน้ำตา ยศวีร์เอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้
“ไม่ต้องกลัวนะอ้อ อ้อจะต้องปลอดภัย พี่สัญญา”
“เราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงจ๊ะ”
ยศวีร์มองไปรอบๆ ก่อนพูดยิ้มอย่างมั่นใจ
“คงต้องใช้วิชาลูกเสือนิดหน่อย แต่อ้อก็รู้นี่ ว่าวิชาลูกเสือพี่ได้คะแนนเต็มตลอด”
“พูดเป็นเล่นไปได้”
“อืม..แล้วเราจะหาพี่เนติ์เจอได้ยังไงล่ะจ๊ะพี่ดล”
“พี่ก็ยังไม่รู้”
ยศวีร์รู้สึกกังวลใจขึ้นมาบ้างเหมือนกัน จังหวะนั้น อนงค์มองเห็นควันไฟขึ้นลอยขึ้นมาจากด้านหนึ่งของเขา จึงรีบชี้ให้ดลดูทันที
“เอ๊ะ..นั่นควันอะไรจ๊ะพี่ดล”
บริเวณกอไผ่และพงไม้รายรอบกำลังถูกไฟโหมไหม้ ควันคละคลุ้งหนาตา อิทธิหาญยืนมองเพลิงที่กำลังไหม้ป่าอยู่ โดยมีลูกน้องกระจายจุดไฟตามจุดต่างๆเพิ่มเติม อิทธิหาญหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
“ฮ่าๆๆ เอาสิ ซ่อนอยู่ซอกไหนซ่อนให้ตลอดนะโว้ย ฮ่าๆ เผาเข้าไปอีก ถ้ามันไม่ออกมาก็ใช้ป่าแทนเมรุเผาพวกมันทั้งเป็น ฮ่าๆ”
หลังแนวไม้กลุ่มศิวัชที่ซ่อนอยู่เริ่มสำลักควันไฟที่ลอยมาหนาตา
“โอ๊ย..ตี้ไม่ไหวแล้วนะคะ”
“ทนอีกนิดนะน้องตี้ คุณระบิลเรารีบหาทางออกจากตรงนี้กันเถอะครับ”
ระบิลมองไปรอบๆเพื่อหาทางหนี ก่อนชี้ให้ทุกคนดูไปยังช่องทางหนึ่งพร้อมอธิบาย
“ฟังนะครับ เราจะคลานออกทางนี้ แต่จำไว้นะครับว่าไปช้าๆเงียบๆ เราจะฉวยโอกาสใช้ควันไฟพลางตัวให้พวกเราหนี เข้าใจนะครับ”
เนติมากับศิวัชพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คุณศิวัชนำไปนะครับ ให้คุณเนติ์กับคุณปฏิพรอยู่กลาง ส่วนผมจะคุ้มกันด้านหลังให้เอง”
“ได้เลยครับ”
เนติมากับศิวัชพยักหน้ารับรู้ ระบิลให้สัญญาณ ศิวัชเริ่มคลานออกไปตามที่ตกลง โดยมีเนติมากับ
ปฏิพรที่ออกอาการจะไม่ไหวตามไป ระบิลมองไปรอบๆอย่างระวังตัว ก่อนจะคลานตามปิดท้าย
ปฏิพรที่กำลังคลานอยู่ มือเกิดไปโดนกิ่งไม้ตำเข้าพอดี ปฏิพรร้องด้วยความเจ็บ “โอ๊ย !” ทั้งระบิล
เนติมา ศิวัช ชะงักด้วยความตกใจ
อิทธิหาญ ปาน ชูศักดิ์ ทนง โปรย หันขวับไปทางเสียงปฏิพรที่ดังมาทันที ระบิลตัดสินใจสั่งทันที
“วิ่ง !”
อิทธิหาญชักปืนขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมลั่นกระสุนออกไปทันที
ยศวีร์กำลังประคองอนงค์เดินลัดเลาะมาตามริมลำธาร แต่ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนลั่นหลายนัด จนนึกเป็นห่วงเนติมาขึ้นมาทันที
“พี่เนติ์ !”
หน้าจอโทรทัศน์ที่กำลังเสนอภาพเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ กำลังลำเลียงศพที่ถูกห่อผ้าไว้เรียบร้อย ราว 10ศพขึ้นรถ นักข่าวสาวยืนรายงานข่าว
“เจ้าหน้าที่กำลังลำเลียงศพสื่อมวลชน ตำรวจและการ์ดส่วนตัวของนายกฯศิวัช ซึ่งเสียชีวิตทั้งหมด จากการถูกกลุ่มคนร้ายซุ่มโจมตีขณะตามนายกฯศิวัชไปตรวจยึดพื้นที่ป่าคืนจากนายทุน เบื้องต้นพบว่านายกฯศิวัชพร้อมคณะติดตามอีกจำนวนหนึ่งได้หายตัวไป ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตาม และทางเราจะรีบนำความคืบหน้ามารายงานอีกครั้งค่ะ”
ภายในห้องนั่งเล่น ขวัญชนก กันต์ เจือจันทร์นั่งดูข่าวในโทรทัศน์ด้วยความตกใจแล้วพูดขึ้น
“ฉันนึกแล้วว่า วันหนึ่งต้องเกิดเรื่อง พวกมันไม่ปล่อยให้ใครมาท้าอำนาจง่ายๆแน่”
“ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างก็ไม่รู้ “ ขวัญชนกพูดอย่างใจเสีย
เจือจันทร์รีบพูดด้วยความร้อนใจ
“อีกไม่นานภัยต้องมาถึงตัวเราแน่”
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่าคุณ รอฟังข่าวก่อนดีกว่า แล้วค่อยตัดสินใจ” กันต์ว่า
จังหวะเดียวกัน ผู้กำกับวิเชษฐ์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผมได้รับมอบหมายให้สนับสนุนการตามหาคณะของคุณศิวัชที่หายไป”
“เต็มที่นะครับ ขอให้ทุกคนปลอดภัยกลับมา”
“ผมส่งลูกน้องมาดูแลความปลอดภัยบ้านนี้ให้แล้วนะครับ เขาจะอยู่ด้านนอกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ผู้กำกับไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกครับ พวกเราดูแลกันได้”
“เป็นหน้าที่ ที่ผมเต็มใจทำอยู่แล้วครับ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์พูดด้วยความจริงใจพลางชำเลืองมองไปที่ขวัญชนกซึ่งรีบหลบตาทันที
ผู้กำกับวิเชษฐ์เดินออกมาจากในบ้านมายังบริเวณสวนหย่อม ขวัญชนกเรียก
“เดี๋ยวค่ะ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ชะงักหันกลับไปด้วยความสงสัย ขวัญชนกวิ่งตามออกมาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
“ช่วยทุกคนกลับมาให้ได้นะคะ”
“คุณขวัญไม่ต้องห่วงนะครับ ทุกคนต้องปลอดภัย”
ผู้กำกับวิเชษฐ์รับคำอย่างหนักแน่น ก่อนจะรีบเดินต่อไป ขวัญชนกคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“เออ ผู้กำกับระวังตัวด้วยนะคะ”
ผู้กำกับวิเชษฐ์ยิ้มให้ ขวัญชนกรีบหลบตาผู้กำกับวิเชษฐ์ด้วยความอาย
ภายในป่า ระบิลพาเนติมา ศิวัช ปฏิพร วิ่งหลบมาหลังแนวไม้หนาแล้วชี้
“ถ้าเราลงไปหุบนั้นได้ น่าจะลงไปลำธารที่พาเราออกไปครั้งก่อนนะครับคุณเนติ์”
“โอ๊ย ! ไม่ไหวแล้วนะคะ ตี้ไม่ไหวแล้ว ตี้เหนื่อย ตี้เจ็บมือ” ปฏิพรร้องงอแงและขวัญเสีย
ปฏิพรเอามือแบให้ศิวัชดูแผล ศิวัชพยายามปลอบ
“แข็งใจหน่อยนะน้องตี้ เดี๋ยวลงจากเขาลูกนี้ได้ เราก็ปลอดภัยแล้ว”
“แล้วถ้าลงไม่ได้ล่ะคะ...พี่ศิวัช ตี้กลัว”
ปฏิพรร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ศิวัชหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาผูกฝ่ามือปฏิมาข้างที่เจ็บอย่างเอาใจใส่ เนติมาก้มมองฝ่ามือตัวเองที่มีแผลเช่นกันแล้วเบือนหน้าหนีด้วยความน้อยใจ ระบิลมองมา เนติมารีบกลบเกลื่อนความรู้สึก ทั้งหมดชะงักเมื่อมีควันไฟลอยคลุ้งเข้ามา
“ควันอะไร !”
“ไฟ !” ระบิลบอก
“เผามัน เผาให้เตียนทั้งภูเขา ดูสิว่าพวกมันจะอยู่ยังไงในกองเพลิง ฮ่าๆ” เสียงอิทธิหาญดังเข้ามา
ปฏิพรกำลังจะส่งเสียงโวยวายแต่ศิวัชรีบเอื้อมมือไปปิดปากทันที พลางพูดกับปฏิพรเบาๆแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงจัง
“อย่าร้องนะน้องตี้ไม่งั้นพวกเราตายหมดแน่”
ระบิลรีบมองผ่านกิ่งไม้ใบไม้ลอดออกไป เห็นอิทธิหาญ ปาน ทนง โปรย ชูศักดิ์ ยืนอยู่หลังแนวไฟ โดยมีลูกน้องอิทธิหาญอีกจำนวนหนึ่งที่ถือคบไฟคอยจุดไฟเผาป่าอยู่ เนติมาขยับเข้ามาข้างๆระบิล
“ฉันไม่รู้ว่า ครอบครัวของฉันไปทำอะไรให้เขาโกรธแค้นนัก เขาถึงตามจองล้างจองผลาญขนาดนี้”
“ไม่มีเหตุผลสำหรับคนพาลหรอกครับ มือคุณ...”
ระบิลถามด้วยความเป็นห่วง เนติมาก้มมองและพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ไกลหัวใจ อย่าบอกพี่ศิวัชนะ ฉันไม่อยากให้พี่ศิวัชเป็นห่วง”
“งั้นเรารีบไปจากตรงนี้กันเถอะนะครับ ไฟชักลามใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว”
อีกมุมหนึ่งในป่า ยศวีร์กับอนงค์ยืนมองเปลวไฟที่ลุกลามไปในป่าเป็นบริเวณกว้าง
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะพี่ดล ทำไมจู่ๆไฟถึงไหม้”
ยศวีร์มองไปรอบๆอย่างสังเกต ก่อนจะก้มลงหยิบไฟแช็คที่ตกอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้นขึ้นมาดู
“พี่ว่าไม่ใช่จู่ๆไฟถึงไหม้หรอกอ้อ”
ยศวีร์ยื่นไฟแช็คให้อนงค์ดู ทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
บริเวณหลังแนวไม้ ระบิลวิ่งฝ่าควันไฟและสะเก็ดไฟที่ลอยมา โดยมีคนอื่นๆวิ่งตามมา
“ทางนี้ครับ”
“เดี๋ยว ! ฉันไม่ไหวแล้วนะคะ”
ปฏิพรรั้งแขนศิวัชพลางสำลักควันไฟ เนติมาที่สำลักควันเหมือนกันแต่รีบหันไปพูดให้กำลังใจ
“เรายังหยุดไม่ได้ ไฟลามตามมาเร็วมาก อดทนอีกนิดนะคะคุณตี้”
“แต่ตี้...”
“แต่ถ้าเราไม่ไปต่อ เราจะตายกันอยู่ตรงนี้นะครับ” ระบิลรีบพูดแทรก
ปฏิพรหันไปมองศิวัชเป็นเชิงขอร้อง แต่ศิวัชรีบพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“คุณระบิลพูดถูก แข็งใจอีกนิดนะน้องตี้”
เนติมาตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นกิ่งไม้ที่มีไฟลุกท่วมหล่นลงมาอย่างน่ากลัว ระบิลมองตามแล้วรีบบอกทุกคนทันที
“ระวัง !” เนติมาเตือน
“หลบ !” ระบิลบอก
ระบิลกับศิวัชเงยหน้าขึ้นไปเห็นกิ่งไม้ท่อนหนึ่งกำลังจะหล่นใส่เนติมา ระบิลขยับจะพุ่งไปหาเนติมา แต่ศิวัชรีบพุ่งเข้าไปรวบตัวเนติมาให้พ้นแนวตกของกิ่งไม้อย่างฉิวเฉียด
“เนติ์ระวัง !”
“โอ๊ย !”
“เจ็บตรงไหนรึเปล่าจ๊ะเนติ์”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณคะพี่ศิวัช”
ระบิลถอนใจอย่างโล่งอกพลางได้ยินเสียงกิ่งไม้ลั่นมาจากด้านบน ระบิลเห็นกิ่งไม้ติดไฟกำลังหล่นลงมาใส่ปฏิพร
“ระวัง !”
ระบิลพุ่งไปรวบตัวปฏิพรให้พ้นอันตรายทันที แต่กิ่งไม้หล่นใส่ต้นแขนของระบิลนิดหนึ่ง ระบิลร้องลั่น
“ว้าย ! / โอ๊ย !”
เนติมารีบผละจากอ้อมแขนศิวัช ไปดูอาการระบิลทันที
“นาย ! เป็นไงบ้าง เจ็บมากมั้ย”
“ไม่เป็นไรครับไกลหัวใจ”
ระบิลหันไปพูดกับปฏิพร
“คราวนี้เชื่อที่ผมพูดแล้วใช่มั้ยครับ”
ปฏิพรพูดอะไรไม่ออกได้แต่โผไปซบศิวัชแล้วร้องไห้อย่างเสียขวัญ ขณะที่ศิวัชชะงักมองเนติมาที่กำลังประคองระบิลขึ้นนั่งอย่างเอาใจใส่ ศิวัชมองภาพตรงหน้าด้วยความไม่สบายใจ
เนติมาหันไปเห็นปฏิพรกอดศิวัชอยู่สีหน้าก็สลดลงทันที และจังหวะที่เนติมาจะขยับตัวลุกขึ้น กระสุนสี่ห้านัดยิงโถมเข้าใส่เฉียดกลุ่มของระบิลไปนิดเดียว
“ทุกคนหมอบรอผมอยู่ตรงนี้นะครับ”
ระบิลชักปืนขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยว !”
เนติมาขยับตัวจะลุกขึ้นตาม แต่ศิวัชรีบปรี่เข้ามารั้งตัวไว้
อีกด้านหนึ่ง อนงค์เกาะแขนยศวีร์เดินมาตามทางที่เต็มไปด้วยซากต้นไม้ใบหญ้าที่ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง ทั้งคู่ได้ยินเสียงปืนก็ดังขึ้นมาจากป่าด้านหนึ่ง
“พี่ดล !”
“เสียงมาจากทางโน้น ไปอ้อ !”
ยศวีร์รีบคว้ามืออนงค์จะเดินไปตามต้นเสียง
“พี่ดล !”
“ไม่ต้องกลัวนะอ้อ พี่ไม่ยอมให้อ้อเป็นอะไรเด็ดขาด”
“อ้อไม่ได้กลัว แต่อ้อเป็นห่วงพี่ดล”
อนงค์กระชับมือยศวีร์แน่นด้วยความเป็นห่วง
“พี่กับพี่เนติ์เพิ่งกลับมาพบกันได้ไม่นาน พี่ไม่ยอมเป็นอะไรง่ายๆหรอก”
ภายในป่าด้านใน ลูกน้องอิทธิหาญ 3 คนถือปืนยืนอยู่บนลานหน้าพงไม้ที่กำลังมีไฟขึ้นลุกโชน
“แน่ใจเหรอวะ ว่าพวกมันอยู่ตรงนั้น” ลูกน้องคนแรกบอก
“เมื่อกี้เอ็งไม่ได้ยินเสียงพวกมันเหรอไง” ลูกน้องคนที่สองว่า
“เงียบไปแล้ว สงสัยไปเกิดใหม่แล้วมั้ง” ลูกน้องคนที่สามพูดขึ้น
เสียงระบิลดังขึ้น
“เกิดใหม่น่ะใช่ แต่ไม่ใช่ฉัน”
ลูกน้องสามคนของอิทธิหาญชะงักหันไปเห็นระบิลเดินฝ่าควันไฟหนาทึบเข้ามาอย่างใจเย็น
“แต่พวกแกต่างหากที่ไป”
ลูกน้องคนที่สามรีบชักปืนออกมาจะยิงระบิล แต่ระบิลไวกว่าชักปืนขึ้นยิงใส่จนล้มสิ้นใจ ส่วนลูกน้อง คนที่ 1 และ 2 ยิงสวนใส่ระบิลที่หลบอย่างคล่องแคล่ว ก่อนยิงสวนอย่างแม่นยำจนลูกน้องทั้งคู่ตาย
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.