ชิงนาง ตอนที่ 18
อีกมุมหนึ่งในป่า กองไฟถูกก่อขึ้น โดยมีอาหารเสียบไม้ปิ้งย่างควันฉุยยั่วน้ำลายอยู่ ทั้งหมดนั่งล้อมวงคุยกัน
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะได้เจอกันอีก” ภูผายิ้ม มองหน้าเหนือฟ้า
“นั่นสิครับ! ดูจากสภาพหน้าผาแล้ว...” สว่างสอดขึ้นมา พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เหนือฟ้ายิ้มนิดๆ “นรกคงอยากให้ฉันอยู่ลากคอไอ้วันชัยไปส่งละมั้ง”
“แต่ผมต้องได้ยิงกบาลมันด้วยนะครับ ซักนัดก็ยังดี เออ! ว่าแต่..ทำไมพ่อเลี้ยงถึงต้องมากบดานอยู่ที่นี่ ทำไมไม่กลับไปที่ไร่ล่ะครับ”
มะยอพูดขัดขึ้นลอยๆ “กลับไปให้โง่เรอะ”
มะขิ่นปราม “อีนังมะยอ! อย่าแส่”
มะยอค้อนขวับก่อนจะหันไปปิ้งอาหารต่อไป
“มะยอพูดถูก...ถ้ากลับไป ฉันก็คงกลายเป็นเป้านิ่งให้ไอ้วันชัยมันยิงหัวเอาง่ายๆ อยู่อย่างนี้ดีกว่า ใครไวใครอยู่ เจอก่อนลงมือก่อน” เหนือฟ้าว่า
ภูผาพยักหน้าหงึกๆ “แต่ตอนนี้เรายังหามันไม่เจอ”
เหนือฟ้าบอกอย่างมั่นใจ “อีกไม่นาน”
“งั้นเรามาช่วยกันแกะรอยมัน” ภูผาว่า
“นั่นสิพ่อเลี้ยง กำลังคนมากกว่า เราย่อมได้เปรียบ” สว่างบอก
มะยอพูดลอยๆ อีก “ไม่จริงเสมอไป”
ทุกคนหันขวับ
มะขิ่นฉุนขาด “อีนังมะยอ! เอ๊ะ! นังนี่”
มะยอเสียงดังใส่ทันทีเลย “ก็จริงมั้ยล่ะ คนยิ่งเยอะ ยิ่งเกะกะ ยิ่งอันตราย”
มะขิ่นเกาหัวแกรกๆ “อีนังมะยอ แฮ่...อย่าถือสามันเลยนะครับ ลูกสาวผมมันติงต๊อง
“ใครติงต๊อง ข้าออกจะเก่ง!” มะยอหันมาถามเหนือฟ้า “จริงมั้ย?”
เหนือฟ้าทำเป็นขำๆ “จริง...อาจารย์มะยอ”
มะยอหันไปพยักเพยิดกับมะขิ่น เหนือฟ้ามองขำๆ แล้วหันมาเจอะสายตาของภูผากับสว่างมองอยู่
เหนือฟ้ารีบถามถึงหนูนา “เอ่อ..หนูนา..เป็นไงบ้าง” พอเห็นมะยอหันมามองเป็นเชิงถามว่าใครกันหนูนา? จึงถามย้ำ “สบายดีใช่มั้ย?”
ภูผาและสว่างมองหน้ากันอึ้งๆ พูดไม่ออก เหนือฟ้ามองมาแววตาเป็นคำถาม...สงสัย?
เหนือฟ้าตกใจมากพุ่งเข้ามาหาภูผา
“ว่าไงนะ? ไอ้วันชัยข่มขืนหนูนา”
ภูผานิ่ง พูดไม่ออก
เหนือฟ้าคำรามลั่นลั่น “ไอ้วันชัย” โมโหสุดขีด เตะต่อยต้นไม้ใบหญ้าแถวนั้นอย่างกับคนบ้า “มึงตายๆๆๆ” เหนือฟ้าเตะต่อยไปจนหมดแรง หอบ ทรุดลงกับพื้นร้องครวญคร่ำ “หนูนา! เพราะฉันคนเดียว ฉันปกป้องเธอไม่ได้”
ภูผามองอย่างเห็นใจ และรู้สึกผิด “ไม่ใช่เพราะพ่อเลี้ยงหรอก ฉันเองต่างหากที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ถ้าวันนั้นฉันไม่พูดรุนแรงกับหนูนา เค้าก็คงไม่เสียใจจนหนีออกไปแล้วโดนไอ้วันชัยมันทำร้าย” ภูผาคอตก “ฉันผิดเอง”
เหนือฟ้าตวัดสายตาเหมือนโกรธภูผาไปด้วย “แล้วตอนนี้...หนูนาเป็นยังไงบ้าง”
ภูผาพยักหน้าหงึกๆ “ก็...สบายดี”
เหนือฟ้าโกรธ แต่ยังนั่งหอบอยู่อย่างนั้น
“แต่มีเรื่องนึงเกี่ยวกับหนูนาที่ฉันคิดว่าควรต้องบอกนาย”
เหนือฟ้าหันขวับมองทันที “เรื่องอะไร? รีบพูดมาเร็ว”
ภูผาหนักใจแต่ต้องพูด “ตอนนี้..หนูนากำลังตั้งท้อง”
เหนือฟ้าช็อก “ท้อง”
ภูผาพยักหน้าอีกก่อนบอกออกไป “ไอ้วันชัย”
เหนือฟ้าช็อกหนัก “หนูนา...” ลุกขึ้นยืนจังก้าตะโกนลั่น “ไอ้วันชัย! ฉันจะฆ่าแก”
เสียงเหนือฟ้าดังก้องป่า
ที่บ้านแสนสมุทรเวลานั้น โฉมไฉไลเดินชะเง้อชะแง้มองหาเมฆา ชอุ่มเดินมาเห็นก็ชะงัก ค้อนใส่ทีนึงแล้วจะเลี่ยงไปอีกทาง
“นังบ่าว”
ชอุ่มชะงักนิดนึงแล้วเชิดหน้าเดินต่อ
โฉมไฉไลปรี๊ด เรียกจิกอีกดังกว่าเก่า “นังชอุ่ม”
ชอุ่มชะงัก ค่อยๆ หันมาจ้องหน้า ถามกวนๆ “มีอะไรมิทราบ”
“คุณเมฆาไปไหน”
“มิทราบ! มิได้นั่งเฝ้า” ชอุ่มกวนอีก
โฉมไฉไลปรี๊ด “นี่! ยังไม่เข็ดรึไง? แกอยากกราบเท้าฉันอีกรึไงนังชอุ่ม”
“มิอยาก! เพราะแค่ครั้งเดียวก็ซวยไปหลายวันแล้ว”
โฉมไฉไลเต้นเร่าๆ “นังชอุ่ม! ปากดีนักเหรอ” เงื้อมือหมายจะตบ
เสียงเมฆาตวาดดังขึ้น “หยุด”
โฉมไฉไลชะงัก ปรี่ไปหาทันที
“เมฆา” จะเกาะแขน เมฆารีบปัด
เมฆาบอกเบาๆ ยังรู้สึกผิดกับชอุ่ม “ชอุ่มมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
ชอุ่มเองก็ยังน้อยใจ จึงรีบเดินออกไป
โฉมไฉไลไม่จบ “เอ๊า! เมฆายังไม่ลงโทษนังชอุ่มให้โฉมเลย เมื่อกี๊มันลามปามใส่โฉม”
“พอทีเถอะโฉม ผมขออยู่สงบๆ บ้างได้มั้ย”
โฉมไฉไลสวนคำทันที “ไม่ได้หรอกค่ะ”
เมฆาขึ้นเสียง “โฉม”
โฉมไฉไลเย้ย “ช่วยไม่ได้! คุณเป็นคนเลือกเองนี่คะ ถ้าคุณเลือกโฉม ไม่เลือกนังวงเดือนนั่น ป่านนี้ชีวิตคุณคงจะสงบสุขสมใจไปนานแล้ว”
เมฆาถอนใจเฮือกใหญ่ หน่ายเกินจะทนแล้ว
“โฉมไม่เข้าใจ นังนั่นมันเทียบอะไรโฉมไม่ได้ซักอย่าง ทำไมผู้ชายถึงได้โง่ไปรุมแย่งชิงมันกันนัก”
เมฆาหันขวับ ตาวาววับ
“ผู้ชายฉลาดต่างหากที่อยากจะแย่งชิงผู้หญิงอย่างวงเดือน”
โฉมไฉไลร้อง “ห๊า”
เมฆาพูดต่อ “ผู้หญิงที่สวยด้วยแก่นแท้เท่านั้นถึงจะเหมาะเป็นเมียและแม่ให้ลูกของผู้ชายฉลาดๆ ส่วนผู้หญิงที่สวยด้วยเปลือกอย่างคุณก็คงจะมีแต่ผู้ชายโง่ๆ เท่านั้นที่อยากได้”
โฉมไฉไลกรี๊ดแตก “แอร๊ย... แต่คุณก็เคยอยากได้โฉมนะ”
“ก็เคยไง..ผมมันเคยโง่! โง่บัดซบ” ยิ้มเยาะ “แต่ตอนนี้..ผมฉลาดแล้วโฉมไฉไล”
โฉมไฉไลตาโต
เมฆากระซิบข้างหู “แล้วก็ไม่มีวันจะกลับไปโง่อีก” เมฆาจงใจเน้นคำ “เด็ดขาด”
โฉมไฉไลหันขวับจ้องหน้าเมฆาระยะประชิด เมฆาจ้องตอบอย่างไม่กลัว
โฉมไฉไลพูดเน้นๆ เช่นกัน เสียงลอดไรฟัน “แต่อย่าลืมสิคะว่าคุณก็โง่มากที่พลาดทำโฉมท้อง”
เมฆาอึ้ง นิ่งงันทันตา
โฉมไฉไลยิ้มเย็น กระซิบข้างหู “และถ้ายังฉลาดอยู่ ก็อย่าโง่ทำให้โฉมโกรธ! มิฉะนั้น นังหน้าจืดนั่นมันต้องเลิกเป็นเมียคุณแน่”
เมฆาอึ้งหนัก
โฉมไฉไลจับแก้ม ยิ้มแฉ่ง “และคุณก็จะเหลือแต่โฉมไฉไลคนนี้..ที่เป็นเมียและแม่ของลูกคุณ”
เมฆาปัดมือโฉมไฉไลสุดแรงอย่างขยะแขยง
“โอ๊ย” โฉมไฉไลสำออย “เจ็บนะ” เอามือมาบีบๆ ดู “ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้” แบมือ “จ่ายค่าทำขวัญมาซะดีๆ”
เมฆาชะงักร้อง “ห๊า”
โฉมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า มีปัญหาเรอะ? พร้อมกับกระดิกนิ้วคาดคั้น...จะจ่ายรึไม่จ่าย?
เมฆายัวะ แต่ก็ต้องยอมควักเงินโปะไปที่มือโฉมไฉไล
โฉมไฉไลกวนต่อ “อุ๊ย!” แกล้งบีบมือตัวเอง “หายเจ็บเลยอ่ะ”
เมฆาแทบอยากจะฆ่า เดินหนีไปทันที
โฉมไฉไลมองตามหัวเราะสะใจ ร้องตามหลังไป
“หึ้ย สนุกจริงๆ สะใจที่สุด เรามันกระดูกคนละเบอร์กันค่ะ..ผัวขา...”
อีกมุมในบ้านแสนสมุทร อนงค์ร้อนรนโบกพัดพั่บๆ เดินชะเง้อชะแง้มองหา
“ยัยโฉมนะ..ยัยโฉม..หายหัวไปไหนเนี่ย”
เมฆาเดินหน้าบึ้ง อาการยัวะ มา อนงค์เห็นเข้าก็กระโดดหลบ
อนงค์นิ่งคิด “เมฆา..” ตาวาว “ได้การล่ะ” สะบัดพัดเก็บแล้วโผล่มาดักเมฆาทันที “เมฆา...”
เมฆาชะงักกึก ไม่ค่อยอยากคุยด้วย “มีธุระอะไรครับ”
อนงค์มองหน้า “เมฆาเป็นอะไรไปรึเปล่าจ๊ะ หน้าตาไม่ค่อยแจ่มใส ใครทำอะไรให้โมโหเหรอจ๊ะ”
เมฆาไม่อยากคุย “ถ้าไม่มีอะไร..ผมขอตัว”
อนงค์คว้าแขนไว้ “มีสิจ๊ะ..ทำไมจะไม่มี”
เมฆามองอย่างฉงน
อนงค์จ้องสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ธุระสำคัญมากซะด้วยสิ”
เมฆาชักเริ่มสยอง ว่าจะมาไม้ไหน “ธุระอะไรครับที่ว่าสำคัญมาก”
“เก๊าะ..ธุระเรื่อง ‘หลานยาย’..ลูกในท้องของโฉมไฉไลกับเมฆายังไงล่ะจ๊ะ”
เมฆาผงะ ช็อก! ไม่คิดว่าจะมีคนอื่นรู้
“อะไรกัน ถึงกับช็อกเลยเหรอจ๊ะ” อนงค์ปรี่ไปจับแขนไว้เป็นเชิงปลอบ “ไม่ต้องกลัว เรื่องแบบนี้ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องน่ายินดี” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นร้ายทันที “แต่น้าก็รู้ว่าตอนนี้ยังไม่ควรประกาศให้ใครๆ รู้...จริงมั้ยจ๊ะเมฆา”
เมฆาถามทั้งที่ยังช็อก “คุณ...คุณน้า..ต้องการอะไร”
อนงค์จับคางเขย่า “น่ารักที่สุดเลย..ลูกเขยน้า!! น้าก็เกรงใจไม่อยากรบกวนอะไรมากหรอกจ้ะ…ขอเงินสดซักแสนห้า”
“อะไรนะครับ”
“แค่แสนห้า เมฆาว่าน้อยไปเหรอจ๊ะ”
เมฆาตั้งสติได้ ส่ายหน้า “คุณน้าครับ ผมว่าคุณน้ากับโฉมทำเกินไปแล้ว”
“ไม่เกินหรอกจ้ะ แค่แสนห้า น้าว่าคุ้มนะ”
“โฉมไฉไลได้จากผมไปมากแล้ว”
“เอ๊า! โฉมไฉไลก็ส่วนโฉมไฉไลสิจ๊ะ เกี่ยวอะไรกับหม่าม้าของโฉมไฉไล”
เมฆาบอกด้วยท่าทีแข็งใส่ “ผมไม่มี! ถึงมีผมก็ไม่ให้”
อนงค์แข็งสู้ “งั้นก็ตามใจ ถ้าคิดว่าเงินแค่แสนห้ามีค่ามากกว่านังวงเดือนนั่นก็ตามใจ น้าจะไปบอกมันเดี๋ยวนี้”
อนงค์เอาจริง เดินออก เมฆาหน้าแค้นก่อนจะรีบวิ่งไปดักหน้าไว้
“เดี๋ยว”
อนงค์เลิกคิ้วมองเมฆาเป็นเชิงถาม “มีอะไรจ๊ะ”
เมฆาเงียบสะกดกลั้น กลืนกินความโกรธไว้จนธาตุไฟแทบจะระเบิด
อนงค์ยิ้มอย่างมีชัย
เย็นวันต่อมาชอุ่มส่งชุดแต่งงานของหนูนาให้กับศรีดารา
“ร้านตัดเสื้อเอามาส่งค่ะ เค้าบอกว่าคุณภูผาไปสั่งตัดชุดแต่งงานไว้ให้คุณหนูนา”
วงเดือนใจหล่นวูบ
“โถ..ภูผา...น่าสงสารจริงๆ ยัยหนูนานั่นก็อีกคน อุตส่าห์มาตัดชุดแต่งงานไว้ก็ไม่ทันจะได้เอาไป แล้วนี่จะยังไง..จะเอาชุดที่ไหนใส่วันงานกันล่ะเนี่ย”
“ให้ชอุ่มเอาขึ้นเหนือไปให้มั้ยคะ” ชอุ่มอาสา
“โธ่! ชอุ่ม แก่ปูนนี้แล้วจะมีแรงขึ้นดอยกับเค้าได้เรอะ” ศรีดาราท้วง
เมฆากลับจากทำงานมาพอดี
อนุตเอ่ยขึ้นทันที “เมฆาไง..ช่วยเอาชุดแต่งงานไปให้หนูนาที”
เมฆาชะงัก “อะไรนะครับคุณพ่อ”
“เวทนาภูผามัน วันแต่งงานทั้งทีเจ้าสาวก็ไม่มีชุดใส่” อนุตบอก
เมฆาอึ้ง วงเดือนหลบตาวูบ
ศรีดารายิ้มดีใจ “นะจ๊ะเมฆา? แม่จะได้ฝากของขวัญไปรับขวัญลูกสะใภ้แม่ด้วย”
เมฆาอึ้งมองมา วงเดือนหลบตาไป
ยามเย็นวันนั้น เมฆาสีหน้ามึนตึง อารมณ์บ่จอยหงุดหงิดหลายเรื่อง
“คุณคงไม่อยากไปด้วยใช่มั้ยเดือน”
วงเดือนเหนื่อยใจ “ค่ะ”
“ดีแล้ว! จะไปทำไมให้เหนื่อย”
วงเดือนมองจับอาการ “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ? ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดี”
เมฆาเริ่มรู้สึกตัว “ปะ..เปล่า..ไม่ได้เป็นอะไร ผมแค่..” ทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน “เพลียๆ”
เมฆาหลับตา ทั้งเครียดเรื่องสองแม่ลูกตัวแสบ และไม่อยากสู้ตาวงเดือน
วงเดือนเมียงมอง รู้สึกแปลกๆ
เมฆาพูดทั้งที่ยังหลับตา “เดือน”
“คะ”
เมฆาหลับตาอยู่อย่างนั้น “คุณรักผมบ้างรึยัง”
วงเดือนเงียบ
เมฆาลืมตา มอง สายตาน้อยใจ “ถึงแม้มันจะเหนื่อยแต่ผมก็ยอม ผมจะยอมทำทุกอย่างและก็รอจนกว่าคุณจะรักผมนะเดือน”
วงเดือนหลบตา ซ่อนหน้า
เมฆาจ้องวงเดือนอย่างน้อยใจ และหวั่นใจ
เช้าวันตัวต่อมา
ภูผาประหลาดใจหลังฟังเหนือฟ้าบอก “นายจะกลับไปไร่เหนือฟ้า”
เหนือฟ้าพยักหน้า “จู่ๆ ฉันก็คิดถึงแล้วก็เป็นห่วงหนูนาขึ้นมายังไงไม่รู้”
มะยอหันขวับ
“นายคงไม่ว่า..ที่ฉันพูดอย่างนี้”
ภูผาส่ายหน้า “ฉันเข้าใจดี”
สว่างสอดขึ้น “อ้าว! แล้วไอ้วันชัยล่ะครับ? ผมยังไม่ได้ยิงหัวมันเลย”
ภูผาหันมองหน้าเหนือฟ้าเป็นเชิงถามว่าเอาไงดี
มะขิ่นเสนอ “เอางี้ดีมั้ยครับ ผมขอนำเสนอ ระหว่างที่พ่อเลี้ยงกับทุกคนกลับไปไร่เหนือฟ้า ผมกับนังมะยอจะแกะรอยไอ้วันชัยอยู่ทางนี้ไปพลางๆ ก่อน”
มะยอไม่พอใจ แอบหึง “อะไรพ่อ? ข้าไม่อยาก...”
มะขิ่นดุ “หุบปาก! ข้าเป็นพ่อเอ็ง สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้น!” ถามเหนือฟ้า “ดีมั้ยครับพ่อเลี้ยง”
“โห! แล้วถ้าเกิดจู่ๆ มันโผล่มา ผมก็อดยิงหัวมันสิครับนาย” สว่างโวย
มะยอโพล่งออกมา “ข้าว่าจนป่านนี้..ไอ้หน้าผีนั่นมันไม่โผล่มาแล้วล่ะ”
มะขิ่นด่าทันควัน “อีนังมะยอ! เอ็งพูดบ้าอะไรของเอ็งวะ”
เหนือฟ้านึกสงสัย “ทำไมเธอถึงคิดว่าไอ้วันชัยมันจะไม่โผล่มา”
มะยอบอกในท่าทีเชิดๆ “ไม่โผล่มาที่นี่! แต่ที่อื่น...ไม่แน่”
ภูผาหันขวับมองเหนือฟ้า ในจังหวะเดียวกันเหนือฟ้าหันขวับมองภูผา
สองชายอุทานพร้อมกัน “หนูนา”
สว่างตกใจ “บรรลัยแล้ว”
วันเวลาเดียวกัน หนูนากับดอยเดินมาตามทาง หนูนาถือดอกไม้มาด้วย
ดอยบ่นอุบ “โห..ลูกพี่ นี่ถ้านายรู้เข้าล่ะดอยโดนเตะแน่เลย”
“คุณภูผาเค้าจะเตะแกทำไมไอ้ดอย”
“เอ๊า! ก็นายเค้าสั่งนักสั่งหนาให้ดอยดูแลลูกพี่ให้ดี แล้วก็ให้อยู่กับบ้าน อย่าออกไปไหน (ค้อน) แล้วดูซิ....จะออกมาให้ดอยโดนเตะทำไมก็ไม่รุ๊”
“โอย...นั่งๆ นอนๆ อยู่ก้บบ้าน เบื่อจะตายชัก” หนูนาพูดพลางมองดอกไม้ “แล้วเป็นไรไม่รู้ จู่ๆ ฉันก็คิดถึงไอ้เหนือฟ้ามันขึ้นมาก็เลยอยากเอาดอกไม้มาให้มันซะหน่อย”
ดอยชี้หน้าล้อ “ฮั่นแน่! จะฟ้องนาย แอบมีกิ๊ก”
หนูนาเอาดอกไม้ฟาดหัวดอย “ไอ้บ้า! คนอย่างหนูนารักเดียวใจเดียวแล้วก็รักคุณภูผาคนเดียวเว๊ย” อมยิ้ม “ไอ้เหนือฟ้าน่ะแค่เพื่อน”
“เฮ้อ! นึกแล้วก็สงสารพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า จนตายไปแล้วก็ยังได้แค่เพื่อน” ดอยว่าประสาซื่อ
หนูนาอึ้งๆ ไป ก่อนจะเอาดอกไม้ฟาดหัวดอยอีกที “นี่แน่ะ” ท้าวสะเอว “สงสารไอ้เหนือฟ้ามันมากก็ไปอยู่กับมันมั้ยล่ะ”
“ก็ไม่เลว....อร๊ายยย!! ลูกพี่!! พูดจาอะไรให้ขนหัวลุก” รีบกระโดดเกาะแขนหนูนาแน่น เหลียวซ้ายแลขวา “อย่าพูดอย่างนี้กลางป่ากลางเขาสิลูกพี่..มันไม่ดี!” พนมมือท่วมหัว พูดบ่นเหมือนสวดคาถา “ส้าธุ!! คุณพระคุณเจ้า เจ้าป่าเจ้าเขาและก็ผีพ่อเลี้ยงเหนือฟ้า ลูกขอขมาแทนลูกพี่ที่พูดจาอะไรไม่คิดด้วยเถิ้ด...นะโมตัสสะ” สวดมนต์ไปเรื่อยเจื้อย
หนูนามองดอยขำๆ แล้วเดินออก ปล่อยให้ดอยหลับตาสวดอยู่อย่างนั้น สักพักดอยลืมตา
“อ่ะ เสร็จแล้ว ทีหลังอย่าพูดจาอย่าง..” ดอย ชะงัก “เฮ๊ย! ลูกพี่? ลูกพี่อยู่ไหน? ลูกพี่! รอไอ้ดอยด้วย”
ดอยเต้นเร่าๆ ก่อนจะวิ่งตามหนูนาออกไป
กลางป่าลึก ทุกคนเดินจ้ำมาอย่างเร็ว มีมะยอ กับ มะขิ่น นำทาง หลบหลีกกิ่งไม้เถาวัลย์ไปมา สักพักสว่างสะดุดล้มลง โดนกิ่งไม้แหลมทิ่มร้องลั่น
ภูผาชะงัก “นายสว่าง” วิ่งกลับมาช่วย “เป็นไงบ้าง”
“เห็นมั้ย? ข้าบอกแล้ว มากคนก็เกะกะเป็นภาระ” มะยอว่าลอยๆ
มะขิ่นเอ็ดอีก “อีนังมะยอ”
สว่างบอกภูผา “นายไปก่อนเลยครับ อย่าห่วงผม รีบไปดูไอ้หนูนาก่อน”
ภูผามองดูแผลที่ขาสว่าง “แผลลึกอยู่เหมือนกัน”
มะขิ่นแนะ “เอางี้ครับ ผมขอนำเสนอให้อีนังมะยอนำทางพ่อเลี้ยงกับนายภูผาล่วงหน้าไปก่อน ส่วนอ้ายสว่างปล่อยเป็นหน้าที่ผม”
เหนือฟ้าเห็นด้วย “ดี รีบไปเถอะภูผา”
ภูผาหันมาหามะขิ่น “ฝากนายสว่างด้วยนะมะขิ่น”
“ไม่ต้องห่วงครับ” มะขิ่นรับปาก
“ผมจะรีบตามไปยิงหัวไอ้วันชัยครับนาย” สว่างบอก
ภูผาพยักหน้ากับสว่าง
“ไป! มะยอ”
มะยอออกนำไปอย่างเร็ว ภูผาและเหนือฟ้ารุดตาม
สว่างเป็นห่วงหลานสาวจับจิต
“ไอ้หนูนา..ขออย่าให้เอ็งเป็นอะไรเลย”
หนูนานั่งลงตรงที่ฝังกระดูกเหนือฟ้า ค่อยๆ เอาดอกไม้วาง ทอดสายตามองสีหน้าเศร้า แสนคิดถึง
“ไง..เหงามั้ยไอ้เหนือฟ้า” หนูนายิ้มบางๆ “ฉันบอกให้ไอ้ดอยมันเอาดอกไม้มาเยี่ยมทุกวัน มันเอามารึเปล่า?”
ดอยสะดุ้งโหยง ซวยแล้ว
หนูนาหันไปมองดอยแล้วหันกลับมาพูดกับที่ฝังกระดูก “ถ้ามันไม่มา คืนนี้ตามไปหลอกมันเลยนะ”
ดอยกระโดดเหยงเข้ามากอดหนูนาเลย “โหย..ลูกพี่ ดอยก็มานะ”
หนูนาหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงคาดคั้น
หนูนาพูดกับที่ฝังกระดูกต่อ “ถ้ามันโกหกก็หักคอมันด้วย”
ดอยเสียงอ่อย “ลูกพี่...ของงี้มันก็ต้องมีพลาดกันมั่ง ดอยก็มามั่งไม่มามั่ง”
หนูนาตาโต “ห๊า”
ดอยรีบพูด “แต่มาเยอะกว่าไม่มา แหม..งานที่ไร่เอย ที่บ้านเอย มันเยอะไปหมด พ่อเลี้ยงเหนือฟ้าคงจะเข้าใจดอยนะจ๊ะพ่อ”
หนูนาส่ายหน้าระอาใจ
ดอยมองรอบๆ สีหน้าหวั่นๆ “เสร็จแล้วก็กลับเหอะลูกพี่ อยู่นานๆ ไม่ค่อยจะดี แถวนี้มันวังเวงโหวงเหวง”
“เอ็งอยากกลับก็กลับไปคนเดียวสิ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนไอ้เหนือฟ้ามันซักพัก”
ดอยตาเหลือก “ห๊า”
หนูนาหาที่นั่งแหมะลงตรงนั้น ดอยรีบเผ่นมานั่งด้วย
“มาด้วยกันก็กลับด้วยกันสิลูกพี่ คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย” ดอยยิ้ม “ใช่มะ”
หนูนาส่ายหน้าขำดอย สองคนนั่งจ๋องอยู่ตรงนั้น
ชิงนาง ตอนที่ 18 (ต่อ)
เวลาเดียวกันภูผาเหยียบหินพลาดล้ม มะยอหันขวับส่ายหน้าเซ็งๆ เหนือฟ้ายื่นมือให้ช่วยดึงภูผาขึ้น
“ขอบใจ” ภูผาบอก
เหนือฟ้ายิ้ม แล้วหันมาถามมะยอ “อีกนานมั้ยจะถึง”
มะยอค้อนให้หนึ่งวง “ถามอยู่นั่น!! มัวแต่ถามแล้วจะถึงมั้ย?”
เหนือฟ้าไม่สนใจมะยอ หันมาพูดหารือกับภูผา “ฉันหวังแต่ว่าเราคงจะไปถึงก่อนไอ้วันชัย”
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น รีบไปกันเถอะ” ภูผาบอกท่าทีร้อนใจ
มะยอเดินออกนำไปก่อน สองหนุ่มตามติด
กลางป่าแห่งนั้น หนูนาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ลูกน้องหนึ่งใน สองของ วันชัยมองเห็นแล้วตะโกนบอก
“ฟื้นแล้วครับเจ้านาย”
หนูนาค่อยๆ ปรับสายตามองไปข้างหน้า เห็นใครคนหนึ่งเดินตรงไปที่ตัวเอง
หนูนาเขม้นมอง ถามน้ำเสียงตวาด “แกเป็นใคร? จับฉันมาทำไม”
วันชัยซึ่งโพกผ้าปิดหน้าอยู่ตอบ “จากกันไปไม่นานเท่าไหร่ ก็จำกันไม่ได้แล้วเหรอหนูนา”
หนูนาชะงัก งวยงง ตะคอกถาม “แกเป็นใคร”
วันชัยหัวเราะหึๆ ก่อนจะปลดผ้าโพกหน้าออกเผยให้เห็นสภาพหน้าราวกับผี
หนูนาผงะ “แก”
วันชัยกร้าว “ฉัน...วันชัย ผัวเธอยังไงล่ะ”
หนูนาช็อก คาดไม่ถึง ”ไอ้วันชัย”
วันชัยปราดเข้าไปบีบแก้มหนูนาทันควัน “ใช่! จำได้แล้วใช่มั้ย”
หนูนาแทบช็อก เมื่อเห็นหน้าตาเละ สภาพเหมือนผีของวันชัย จนต้องเบือนหน้าหนี
“อะไร? เดี๋ยวนี้รังเกียจผัว? ใช่สิ ผัวเธอมันไม่หล่อเหลาเหมือนเก่าแล้วนี่!” พูดพร้อมกับบิดหน้าหนูนาให้หันมาประจันอีก “ก็เพราะใครล่ะ เพราะไอ้ภูผาแล้วก็ไอ้เหนือฟ้าของเธอยังไงล่ะ หึๆ แล้วนี่มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ทำไมยังไม่โผล่มาช่วยสุดที่รักของมันกันซะที”
หนูนาร้องขอ “อย่านะ! แกอย่าทำอะไรคุณภูผานะ
วันชัยฉุนกึก ตะคอกใส่ “ห๊า? นี่ห่วงไอ้ภูผามากกว่าผัวเธออีกเรอะเนี่ย?” พูดแล้วส่ายหน้า “ไม่ไหว” ตบหนูหนาดังเผียะ ตะคอกใส่ “หลงชู้มากกว่าผัว”
หนูนาหน้าหัน เจ็บมาก
“วันชัย...ฉันขอร้อง...นึกซะว่าเห็นแก่...” หนูนาจะพูดว่าลูกออกไป แต่ไม่กล้า
และถูกวันชัยพูดสวนทันควัน “ฉันไม่มีวันเห็นแก่ใครหน้าไหนทั้งนั้น” จับตัวหนูนาให้หันมาดูหน้าตัวเองชัดๆ “แกเห็นหน้าฉันมั้ยล่ะ เห็นหน้าฉันมั้ย มันต้องกลายเป็นแบบนี้ เจ็บปวดแสนสาหัส ก็เพราะพวกแก! แล้วยังจะมีหน้ามาขอร้องให้ฉันเห็นแกพวกแกอีกงั้นเรอะ?”
หนูนาได้แต่สะอื้น พูดไม่ออก
วันชัยพ่นต่อ “ฉันได้แต่นับวันรอ รอให้ถึงวันนี้ วันที่ฉันจะได้แก้แค้นพวกแกให้สาสม ให้หายแค้น”
หนูนาสวนออกมา “ถ้าแกอยากจะแก้แค้น ก็แก้แค้นกับฉัน อย่าทำอะไรคุณภูผา”
วันชัยตะคอก “หุบปาก แกไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ตอนนี้ฉันต่างหากที่จะเป็นผู้ออกคำสั่งแต่ผู้เดียว” หันไปสั่งลูกน้อง “เฝ้ามันให้ดี อย่าให้หนีไปได้” วันชัยตาวาววับด้วยความคั่งแค้น “แล้วรอเวลา..ให้ไอ้เหนือฟ้ากับไอ้ภูผามาตายพร้อมกันกับมัน”
หนูนาช็อก สะอึกสะอื้นร้องไห้โฮออกมา
เวลาเดียวกัน เมฆาก้าวเข้ามาหยุดยืนที่หน้าไร่วงเดือนของภูผา ในมือมีกระเป๋าเดินทางใบย่อม จังหวะนั้นเมฆามองเห็นคนงานชายจึงเดินไปหา
“ขอโทษครับ...ผมมาหาคุณภูผาแต่ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย คุณภูผาอยู่ที่นี่รึเปล่า”
“นายเข้าป่าไปนานหลายวันแล้ว” คนงานบอก
เมฆาแปลกใจ “เข้าป่า? แล้วคุณหนูนาล่ะครับอยู่มั้ย?”
“นายหญิงก็ไม่อยู่ ออกไปไร่เหนือฟ้าแต่เช้า”
เมฆางงหนักทวนชื่อ “ไร่เหนือฟ้า”
ที่ไร่เหนือฟ้าในเวลาต่อมา ดอยยังคงนอนสลบอยู่ที่เดิม สักพักคนงานชายคนเดิมก็เดินนำเมฆาเข้ามา
“เห็นว่าจะเอาดอกไม้มาให้พ่อเลี้ยงตรงนี้ล่ะ” คนงานว่า พอหันไปเห็นดอยนอนอยู่ก็ตกใจ “เฮ่ย! ไอ้ดอย” รีบวิ่งไปดู “ไอ้ดอย! ไอ้ดอย! แย่แล้วๆ ช่วยด้วย”
เมฆางงๆ ปราดเข้าไปดูอาการดอยที่ยังสลบสไลไม่ได้สติ
“เกิดอะไรขึ้น” เมฆาพึมพำ
ในป่าลึกเวลาต่อมา มะยอเดินนำภูผา เหนือฟ้าเดินตามเข้ามา มะยอชะงักกึกส่งซิกให้ สองคนซุ่มหลบหลังต้นไม้ ภูผาและเหนือฟ้าค่อยๆ โผล่มาแอบดู สองหนุ่มเห็นหนูนาโดนมัดติดกับต้นไม้อยู่ไกลๆ
ภูผาและเหนือฟ้าตกใจมาก ร้องขึ้นพร้อมกัน “หนูนา”
สองคนจะก้าวพรวดออกไป แต่มะยอส่งเสียง ‘ชู่ว์’ สองหน่มชะงัก
จังหวะนั้นลูกน้องวันชัย สองคนขยับกางเกง เพิ่งไปยิงกระต่ายกลับมา
“เมื่อไหร่มันจะโผล่หัวมาซักทีวะ” คนหนึ่งถาม
“เออว่ะ รอนานแล้วนะเว๊ย” อีกคนว่า
ภูผากับเหนือฟ้ามองหน้ากัน
“พวกมันเป็นใคร” ภูผากระซิบ
เหนือฟ้าถามเบา “รู้มั้ยมะยอ”
มะยอตาวาว ขณะบอก “ไอ้พวกนักฆ่า”
ภูผาเหนือฟ้า ตะลึง
มะยอออกท่าทางบ่ยั่น “แต่ไม่เท่าไหร่! น่าจะเอาอยู่!”
สามคนพยักหน้าให้กัน แล้วค่อยๆ ลัดเลาะไปจนใกล้จุดที่หนูนาอยู่มากๆ
มะยอส่งซิกชี้ที่ตัวเองกับเหนือฟ้าว่าจะอ้อมไปล่ออีกทางหนึ่ง แล้วให้ภูผาเข้าไปช่วยหนูนา ภูผามองเหนือฟ้าแล้วส่ายหน้า ชี้ให้ตัวเองไปกับมะยอแล้วชี้ให้เหนือฟ้าไปช่วยหนูนาแทน เหนือฟ้าดีใจ มะยอค้อนขวับ
ภูผาดึงมะยอออกไปอีกทาง เหนือฟ้ามองหนูนาด้วยความเป็นห่วง หนูนาบังเอิญหันมาเห็นเหนือฟ้าก็ตาโต แทบช็อก
หนูนาจะร้องลั่น “ไอ้...”
เหนือฟ้ารีบชู่ว หนูนาชะงัก สองลูกน้องวันชัยหันขวับ
ลูกน้องคนหนึ่งตวาด “อะไร? จะโวยวายอะไร? จะตายอยู่แล้วยังจะมีฤทธิ์อีกเรอะ เดี๋ยวปั๊ด” มันเงื้อมือจะตบ แต่ลูกน้องอีกคนคว้ามือไว้ “เฮ่ย ใจเย็น!! รอไว้ให้เจ้านายมาจัดการเองดีกว่า”
เหนือฟ้าพึมพำ “เจ้านาย”
หนูนาค่อยๆ เหลือบไปมองเหนือฟ้าจ้องอยู่อย่างนั้น
เหนือฟ้าส่งสายตาเป็นห่วงให้ หนูนายิ้ม น้ำตาคลอ
ทันใดนั้น ลูกน้องเห็นอะไรวูบวาบอยู่อีกมุม “เฮ่ย! อะไรวะ? เอ็งไปดูซิ”
อีกคนเดินไปดู เจอมะยอเป่าลูกดอกใส่ลูกกะตาร้อง “อ๊าก” เสียงดังลั่นป่า
ลูกน้องที่เหลือ รีบผละจากหนูนามาช่วยเพื่อน
ภูผาออกมาตะลุยช่วยจัดการลูกน้อง 2 คนกับมะยอ
ที่อีกมุมห่างจากจุดเกิดเหตุ วันชัยหันขวับเมื่อได้ยินเสียงร้อง ยิ้มอำมหิตออกมา
“โผล่หัวมาแล้วเรอะ ไอ้ภูผา ไอ้เหนือฟ้า” วันชัยหันไปสั่งลูกน้อง 2 คน “ไปเว๊ย”
วันชัยพุ่งออกไปลูกน้องสองคนตามติด
ทางด้านภูผาและมะยอกำลังได้เปรียบ เหนือฟ้าเห็นดังนั้นจึงรีบออกมาช่วยหนูนาที่ตะลึงตาค้างมองเหนือฟ้าอยู่ไม่วางตา
“เหนือฟ้า” หนูนาดีใจมาก “แก...” พูดไม่ออก “แกยังไม่ตาย”
เหนือฟ้ากอดหนูนาแน่น ก่อนจะเอามีดตัดเชือกช่วยหนูนา
เหนือฟ้าจับมือหนูนา บอกเร็วๆ “ไป! เธอรีบหนีไปก่อน”
“ไม่ได้! ฉันเป็นห่วงคุณภูผา”
เหนือฟ้าอึ้งไปเลย
ภูผาตะโกนมาเสียงดังลั่น “เหนือฟ้า! พาหนูนาหนีไปก่อนเร็ว”
เหนือฟ้าบอก “ได้ยินมั้ย”
“ไม่! ฉันไม่ไป”
เหนือฟ้ากระชาก “เธอต้องไป” ลากหนูนาไปแล้วชะงักกึก
ลูกน้องสองคนของวัยชัยโผล่มาขวางหน้า
“จะไปไหนกัน”
เสียงคุ้นหูดังขึ้น “จะไม่อยู่เจอกันก่อนเรอะ”
วันชัยก้าวออกมาจ้อง
เหนือฟ้าตะลึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาแค้น “ไอ้วันชัย”
ภูผาหันขวับมองวันชัย
เหนือฟ้าพุ่งเข้าจู่โจมวันชัยทันที แต่วันชัยโยกหลบแล้วให้ลูกน้อง จัดการแทน โชว์บู๊กันนัวระหว่างเหนือฟ้า ภูผา มะยอ กับลูกน้องวันชัยอีกสามคน
แต่ขณะที่ฝั่งภูผากำลังได้เปรียบ วันชัยก็ง้างไกยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยง ทั้งหมดชะงักหันมาเห็นวันชัยล็อคหนูนาไว้พร้อมจะยิง
“ถ้าอยากให้อีนังนี่ตายก็เอาสิ”
ฝั่งภูผาหยุดกึก ยกเว้นมะยอชักมีดมาจะขว้างใส่วันชัย แต่วันชัยล็อคคอหนูนาแน่นจนร้อง แถมเอาหนูนามาบังตัวเอง
“เอาสิ! แน่จริงก็ลองดูว่าระหว่างฉันกับอีนังนี่ ใครจะตายก่อน”
เหนือฟ้าร้องบอก “อย่า! มะยอ”
มะยอหงุดหงิด
“วันชัย! ผู้หญิงไม่เกี่ยว ปล่อยหนูนาซะ แล้วเรามาว่ากันแบบลูกผู้ชาย” ภูผาพูดดีๆ ด้วย
แต่ไม่ได้ผล วันชัยไม่สน
“ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนออกคำสั่ง! ไม่ใช่แก ไอ้ภูผา แล้วก็แกด้วย...ไอ้เหนือฟ้า!” แค้นจัด “ที่ผ่านมาแก 2 คนมันเอาแต่ออกคำสั่ง! สั่งๆๆๆๆๆ ซะจนเคยตัว พวกแกไม่รู้หัวอกคนที่ต้องรับคำสั่งหรอกว่ามันเป็นยังไง?” สีหน้าวันชัยสะใจมาก “วันนี้ล่ะ..เป็นวันของฉันแล้วที่จะสั่งพวกแกบ้าง!” พลางกระชับล็อคคอหนูนาจนหนูนาร้องลั่น “และคำสั่งของฉันคืออะไรรู้มั้ย ฮ่าๆๆๆ ฉันจะ สั่งตาย สั่งให้พวกแกตายๆๆๆ ทุกคน”
“วันชัย...แกอยากจะฆ่าฉัน ฉันก็จะยอมให้แกฆ่า แต่แกจะทำอะไรหนูนาไม่ได้นะ” ภูผาเอ่ยขึ้น
วันชัยสวนทันควัน “ทำไมฉันจะทำไม่ได้”
ภูผาจะบอก “ก็เพราะ...”
“อย่า! คุณภูผาอย่า” หนูนาฉวยจังหวะกระทืบเท้าวันชัยแล้วฟันศอกใส่หน้าวันชัยหงายเงิบไป
ภูผากับเหนือฟ้าตกใจ ร้องขึ้นพร้อมกัน “หนูนา”
หนูนาวิ่งถลาเข้าไปหาภูผา วันชัยโมโห เล็งปืนไปที่หนูนา
เหนือฟ้าเห็นก็รีบพุ่งตัวเข้ารวบตัวหนูนาเอาตัวเองบังไว้ “หนูนา”
ขังหวะนั้นวันชัยเหนี่ยวไกเปรี้ยง โดนเหนือฟ้าเต็มๆ
“เหนือฟ้า” ภูผาตะลึง มะยอช็อก
เหนือฟ้าทรุดฮวบ หนูนาตะโกนก้อง “เหนือฟ้า! ไอ้เหนือฟ้า”
“หนูนา..ฉัน..ฉัน..รัก..เธอ”
เหนือฟ้าสิ้นใจตายในอ้อมแขนของหนูนา
หนูนาปล่อยโฮ “เหนือฟ้า”
มะยอโกรธแค้น ขว้างมีดปักแขนวันชัยทันที
“อ๊าก”วันชัยตวาดลั่น “จะยืนเซ่ออยู่ทำไม จัดการพวกมันสิวะ”
ลูกน้องอีก สามคน ตะลุยใส่ภูผาและมะยอ สักพักภูผาเสียท่า มะยอเข้าช่วย แต่สุดท้ายมะยอโดนแทงดังฉึ่กแต่มะยอยังยืนนิ่ง
ภูผาชะงัก “มะยอ” จังหวะนั้นภูผาเลยโดนล็อกตัวซ้ายขวาไว้
ลูกน้องที่แทงมะยอจะแทงอีกฉึ่ก แต่วันชัยเรียกไว้
“หยุด”
ลูกน้องชะงัก วันชัยเดินมาจ้องหน้ามะยอ
“แกทำฉันเจ็บ” วันชัยคว้ามีดจากลูกน้องมา “แกต้องเจ็บกว่า” วันชัยจ้วงแทงมะยอไม่นับ
ภูผาร้องลั่น “มะยอ”
ร่างมะยอค่อยๆ ทรุดลง สิ้นใจอย่างไว้ลาย ไม่แสดงความอ่อนแอแม้แต่นิด
ภูผาจ้องหน้าวันชัยเสียงกร้าว “แกมันโหดร้ายผิดมนุษย์แล้วไอ้วันชัย แกทำได้แม้กระทั่งผู้หญิง”
“หุบปาก! แล้วก็เตรียมตัวตายตามไอ้เหนือฟ้ากับอีนังกะเหรี่ยงนี่ได้แล้วไอ้ภูผา”
วันชัยขว้างมีดทิ้ง ควักปืนขึ้นมาเล็งใส่ภูผาจ้องตอบ หนูนากอดเหนือฟ้าอยู่หันขวับ ตาโต
“ตายซะเถอะมึง!”
วันชัยเหนี่ยวไกปืน ภูผาจ้องไม่กลัว
หนูนาตะโกนก้อง “อย่า” แล้วทิ้งร่างเหนือฟ้า วิ่งมาหาภูผา
ภูผาตกใจ “หนูนา...อย่า”
หนูนาวิ่งมาจะถึงภูผาอยู่แล้ว วันชัยลั่นกระสุนเปรี้ยง!
หนูนาผงะ! จดสายตาจ้องใกล้หน้าภูผา ภูผาช็อกส่ายหน้า น้ำตาเอ่อ
“คุณ..ภู..ผา”
หนูนากำลังจะทรุด เผยให้เห็นว่าหนูนาโดนยิงเข้าเต็มๆ กลางหลัง
ภูผาแหกปากร้องลั่น “หนูนา!!! ม่าย.....”
ภูผาสะบัดสุดแรงเกิด จนหลุดจากลูกน้องล็อกซ้ายขวา รับร่างหนูนาไว้ได้ทัน แต่หนูนาสิ้นสติคอพับไปแล้ว
“หนูนาๆๆๆๆ” เหลียวขวับไปจ้องวันชัย ด้วยสายตาเคียดแค้น “ไอ้นรก”
“แกนั่นแหละ! ต้องลงนรกเดี๋ยวนี้!” วันชัยคำราม
วันชัยจะยิง แต่มีเสียงปืนลั่นดังเปรี้ยง! วันชัยผงะล้มลง เป็นสว่างที่เล็งปืนอยู่ และมีมะขิ่นยืนขนาบข้างเล็งหน้าไม้ไปที่สมุนที่เหลือ ก่อนจะยิงฉึ่กร่วงไปอีก 1 และสว่างยิงใส่อีก 1 เก็บจนหมด
พอสว่างเห็นสภาพหนูนาก็ช็อกคาที่ “ไอ้หนูนา!” พุ่งเข้าไปกอดปล่อยโฮออกมาทันที
มะขิ่นเห็นเหนือฟ้า “พ่อเลี้ยง” หันไปเห็นมะยอ “อี...อีนังมะยอ?” ร้องไห้โฮออกมาอีกคน “อีนังมะยอลูกพ่อ” มะขิ่นโผไปกอดลูกสาวร้องไห้โฮๆ
ภูผาอึ้งกับภาพตรงหน้า สลดหดหู่ใจสุดขีด
จังหวะนั้นเมฆากับคนงานไร่วงเดือนก้าวพรวดเข้ามา
“อยู่นี่ไง” คนงานชี้บอก
เมฆาตกตะลึง “นี่มันอะไรกันเนี่ย?” หันไปเห็นภูผา “พี่ผา”
ภูผาแปลกใจระคนดีใจ รีบร้องบอก “เมฆา! ช่วยหนูนาด้วย! ช่วยหนูนาด้วย!”
เมฆาก้าวพรวดทรุดลงตรวจดูชีพจร แล้วรีบอุ้มหนูนาออกไปทันที สว่างตามติด
ภูผาหันไปมองมะขิ่นที่กอดศพมะยอร่ำไห้ระงมอยู่
“นายครับ..พ่อเลี้ยงเหนือฟ้ากับอีนังมะยอลูกผม..มันตายแล้ว” มะขิ่นเงยหน้านองน้ำตาบอกภูผา แล้วร้องโฮลั่น
ภูผาเศร้าใจเหลือแสน ก่อนจะตวัดสายตาไปมองวันชัยที่นอนฟุบอยู่ และมันกำลังจ้องภูผาอยู่เช่นกัน วันชัยพยายามกระเสือกกระสนจะหยิบปืนของตัวเองที่ตกอยู่ใกล้ๆ
ภูผาค่อยๆ ย่างสามขุม ดวงตาเคียดแค้น เข้ามายืนจังก้าหน้าวันชัย กดเท้าเหยียบมือวันชัยไว้จนร้องมัน “อ๊าก”
“ไอ้นรก”
ภูผาก้มลงหยิบปืนของวันชัยมาถือไว้ คำรามลั่น
“ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้แกรอดไปได้เป็นครั้งที่ 2 อีกแล้ว ไอ้-วัน-ชัย”
ภูผารัวจนหมดแม็ก น้ำตาแห่งความแค้นหยดออกมาอย่างเหลืออด
ชายหนุ่มผู้ทระนงยืนมองภาพแห่งความสูญเสียตรงหน้า อย่างเจ็บปวด...ร้าวรานใจ
ในเวลาต่อมาภูผาวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่สถานีอนามัย แหกปากตะโกนลั่น
“หนูนา! หนูนาอยู่ไหน?” พร้อมกับทำท่าจะพรวดเข้าข้างใน
พยาบาลพรวดมากันไว้ “เข้าไม่ได้ค่ะ”
“ผมเป็นสามี! ผมจะเข้าไปหาหนูนาเมียผม!” ภูผาโวยลั่น
พยาบาลไม่ยอม “ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ”
ภูผาทั้งโวยทั้งเหวี่ยงใส่ “เว๊ย”
เมฆายินเสียงเอะอะ จึงโผล่ออกมาในชุดเสื้อกาวน์ “พี่ผา”
ภูผาพุ่งเข้าไปหาทันทีทันควัน “เมฆา! หนูนาไม่เป็นไรใช่มั้ย? พี่จะเข้าไปดูหนูนา”
เมฆากันไว้ “พี่ผา! ฟังก่อนพี่ผา”
ภูผาชะงัก “อะไร” ใจไม่ดีอยู่แล้วโวยลั่น “ทำไม? หนูนาเป็นอะไร”
เมฆาแหกปากกลับ “ผมบอกให้ฟังก่อนไง ใจเย็นๆ ได้มั้ย”
ภูผาชะงัก อึ้ง อ่อนลงทันที
เมฆาลดเสียงเป็นปกติ “หนูนาเสียเลือดมาก” เมฆาพยายามใช้คำไม่ให้สะเทือนใจ “การผ่าตัดค่อนข้างจะยากลำบาก ผมกับทุกคนที่นี่กำลังจะช่วยหนูนากันอย่างสุดความสามารถ”
ภูผาใจเสีย เสียงดังอีก “แกต้องช่วยหนูนานะเมฆา แกต้องช่วยหนูนาให้ได้ แกต้องไม่ปล่อยให้หนูนาเป็นอะไรนะเมฆา สัญญาสิ! รับปากสิเมฆา”
เมฆาเครียด เลี่ยงตอบ “ผมจะทำเต็มที่”
ภูผาได้ยินดังนั้นก็อึ้ง เพราะเมฆาไม่รับปากเต็มร้อย
“พี่ต้องรออยู่ตรงนี้” เมฆาสั่ง แล้วหันไปพูดกับพยาบาล “ไปครับ! เรามีเวลาไม่มากแล้ว”
“ค่ะ”
สองคนรีบพุ่งกลับเข้าไป
ภูผาถึงกับทรุดลงอย่างอ่อนแรง ครางออกมา “หนูนา”
ในห้องผ่าตัด เมฆา และพยาบาลผู้ช่วย 2 คน เตรียมการผ่าตัด เมฆามองร่างหนูนานอนสลบไสลซีดเผือดเผือดเพราะเสียเลือดมาก
เมฆาหน้าเครียด เริ่มการผ่าตัด และกำลังผ่าตัดเป็นไปอย่างคร่ำเคร่งแข่งกับนาทีชีวิตของหนูนา เมฆาแบมือ พยาบาลหยิบส่งเครื่องมือให้
สีหน้าหนูนาไร้ความรู้สึก
ที่ด้านหน้าห้องภูผาเดินงุ่นง่าน ลุ้นอยู่สุดตัว จังหวะหนึ่งนั่งลงกุมขมับเครียดจัด
ขณะที่ด้านในเมฆาคร่ำเคร่ง แข่งเวลา หนูนายังแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ภูผาเครียดชกผนังปั้กๆ ระบายอารมณ์
เวลาต่อมาเมฆาเดินในสภาพเหนื่อยอ่อนออกมา ภูผารีบพุ่งถลาไปถามอย่างรัวเร็ว
“เป็นไงบ้างเมฆา? หนูนาปลอดภัยใช่มั้ย ขอบใจมากนะ..เมฆา ขอบใจมาก..พี่จะ...”
เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “พี่ผา...”
ภูผาชะงักมองจ้องรอฟังใจจดจ่อ?
“หนูนาเสียเลือดมาก เราต้องตัดสินใจช่วยเด็กไว้ก่อน”
ภูผาอึ้ง “แล้วไง?..แกหมายความว่ายังไง”
เมฆาถอนใจก่อนจะพูดออกมา “หมายความว่า..เวลาของหนูนาเหลือน้อยเต็มที”
ภูผาช็อกคาที่ “อะ..อะไรนะ?”
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว ถ้าพี่อยากจะเข้าไป...”
เมฆาพูดไม่ทันจบ ภูผาผลักเมฆาให้หลีกทางแล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องทันที เมฆาทรุดลงนั่งตรงหน้าห้องอย่างหมดแรงเหมือนกัน
ภูผาเดินมาหาหนูนาที่เตียง หนูนายังหลับอยู่ ภูผาค่อยๆ เอามือลูบเรือนผมอย่างสงสาร ภูผาสะเทือนใจมาก ค่อยๆ กระซิบข้างหู
“หนูนา..หนูนา”
หนูนาค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตา อาการเบลอๆ ก่อนจะเห็นเป็นภูผา
“คุณ...” หนูนาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาแทบฟังไม่ได้ยิน ลำคอแห้งผาก
ภูผาสะเทือนใจ “ไม่เป็นไร... ไม่ต้องพูด เธอเหนื่อยมากแล้ว”
หนูนาหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำตาไหลเป็นทาง
ภูผาลูบผมพลางถาม “เจ็บมากใช่มั้ย?”
หนูนาไม่มีแรงตอบ ได้แต่ส่ายหน้านิดๆ แสดงถึงความเข้มแข็ง ก่อนจะพยายามพูดทั้งที่ยังหลับตา
“ห่วง..ชั้น..เหรอ?”
ภูผารีบบอก “ห่วงสิ! ชั้นเป็นห่วงเธอมาก”
หนูนายิ้มบางๆ อย่างดีใจก่อนจะลืมตามอง “รัก…ชั้น...มั้ย”
ภูผาอึ้งพูดไม่ออก
หนูนารอฟังอย่างมีความหวังก่อนจะหายใจเฮือกขึ้นมา
ภูผาตกใจ “หนูนา! หนูนา”
หนูนาตระหนักว่าเหลือเสี้ยววินาทีสุดท้ายในชีวิตแล้ว มองภูผาด้วยสายตารักและอาลัยสุดจะบรรยาย น้ำตาไหลหยดเป็นทาง “ฝาก..ลูก..ด้วย”
แล้วหนูนาก็หมดลมหายใจ
ภูผาแหกปากลั่น “หนูนา” พร้อมกับโผเข้ากอดหนูนาแน่น ร้องเรียกหนูนาสุดเสียง
ภาพอดีตของหนูนาที่เดินเข้ามาในชีวิตของเขาผุดขึ้นมาฉากแล้วตอนเล่าราวกับสายน้ำไหล
นับตั้งแต่ตอนเจอกันที่สถานีรถไฟ หนูนาเขม่นแลบลิ้นใส่ภูผา, หนูนาเช็ดแก้มเปรอะๆ ให้ภูผา, ภูผาสนใจแต่วงเดือน หนูนาแอบเศร้า, ภูผาช่วยหนูนาไม่ให้โดนไฟหล่นใส่ตอนถูกเผาไร่, หนูนาพยายามเติมสวยแต่งตัวเลียนแบบวงเดือน, โดนภูผาไล่ตะเพิด, ภูผาช่วยไว้หลังจากถูกวันชัยข่มขื่น,
กระทั่งตอนไปวัดตัวตัดชุดแต่งงาน นั่งรถสามล้อเที่ยวกัน, และคำพูดสุดท้ายก่อนจะเกิดเรื่องที่หนูนาบอกว่าบอกจะรอภูผากลับมา จากล่าวันชัย กระทั่งหนูนายอมเอาตัวบังกระสุนให้ภูผา
ภูผาตระกองกอดหนูนาแนบแน่น แหกปากร้องตะโกนก้อง “หนูนา.....”
ชิงนาง ตอนที่ 18 (ต่อ)
ค่ำนั้น ที่บ้านแสนสมุทร ชอุ่มตบโต๊ะสุดแรงเสียงดังเปรี้ยงอย่างสะใจ
“สะใจจริงๆ แหม้!! ตั้งแต่เกิดมาชอุ่มยังไม่เคยสะใจอะไรเท่านี้มาก่อน นังโฉมไฉไลมันเป็นโฉมจัญไรไม่พอ ตอนนี้ยังกลายเป็นโฉมบรรลัยไปอีกตะหาก” ชอุ่มยิ้มแฉ่ง กอดวงเดือน “แหม...คุณเดือนของน้าชอุ่มนี่สุดยอดจริงๆ ค่ะ เห็นเงียบๆ หงิมๆ เป็นไงล่ะ? ล่อซะนังโฉมหน้าเละเป็นรูพรุนนับไม่ถ้วนเลย..ฮิๆๆ
วงเดือนยิ้มให้ แล้วหันไปพับผ้าต่อแล้วว่า “ความอดทนของคนเรามันก็มีขีดจำกัดกันทั้งนั้นแหละน้าชอุ่ม พอถึงขีดสุดแล้ว มันก็ต้อง ...” ยิ้มๆ “ซะหน่อย จริงมั้ยจ๊ะ”
ชอุ่มถูกใจมาก “ถูกต้องค่า... หึมม์ ก็เพราะสวยหวานแต่สู้ตายหยั่งงี้ไงเล่า หนุ่มๆ แสนสมุทรถึงได้แย่งกันรักนักรักหนา...” วงเดือนหันขวับมองชอุ่มสีหน้าตำหนิ ชอุ่มชะงัก เอามือปิดปาก “อุ่ย!!...แฮะๆ” รีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ..ป่านนี้คุณเมฆาจะถึงไหนแล้วน้อ” หันไปก้มหน้าก้มตาพับผ้าพูดเรื่อยเจื้อย “ได้เจอคุณภูผารึยังก็ไม่รู้?”
วงเดือนอดคิดถึงภูผาขึ้นมาไม่ได้
เช้าวันใหม่ ภูผายืนมองที่ฝังกระดูกหนูนาที่อยู่เคียงคู่กับที่ฝังกระดูกของเหนือฟ้า สว่างนั่งเหม่อซึมดวงตาไร้แววอยู่ข้างหลุมของหนูนา โดยมีดอยฟุบหน้าร้องไห้ กอดที่ฝังกระดูกหนูนาร้องไห้หนัก
“ลูกพี่...ทำไมลูกพี่ถึงมาทิ้งดอยไปอย่างนี้ ลูกพี่ใจร้าย!! ฮือๆๆ ไม่มีลูกพี่แล้วดอยจะอยู่ยังไง! ลูกพี่ใจร้าย ฮือๆๆ..ลูกพี่...”
ภูผามองอย่างสะเทือนใจ ค่อยๆ นั่งลงเอาดอกไม้วางบนที่ฝังกระดูกหนูนา
“ชีวิตนี้..ฉันเป็นหนี้เธอ..หนูนา ฉันสัญญา...ว่าฉันจะดูแลลูกของเธออย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร แม้แต่ชีวิตของฉัน”
ภูผามองที่ฝังกระดูกเหนือฟ้า แล้วเอาดอกไม้วางลง
“เหนือฟ้า...นายเป็นคนดีที่สุดคนนึงในชีวิตที่ฉันได้รู้จัก ฉันขอให้นายหลับอย่างมีความสุข” มองมาทางหลุมหนูนา “อยู่เคียงข้างกับผู้หญิงที่นายรักสุดหัวใจ”
ดอยสะอึกสะอื้นฮักๆ ปล่อยโฮๆๆ สว่างยังนั่งช็อกเหม่อมองไม่ไหวติง ภูผาตบไหล่สว่างเบาๆ แล้วลุกขึ้น พอหันมาชะงักนิดๆ เมื่อเห็นเมฆาเดินเข้ามาพร้อมกับชุดแต่งงานของหนูนา
เมฆายื่นให้ภูผา “ชุดแต่งงาน..ของหนูนา”
ภูผาอึ้ง หน้าเศร้า รับมาแล้วนิ่งมอง ก่อนจะค่อยๆ เอาไปวางแผ่ราบไปกับหลุมที่ฝังกระดูก เหมือนทาบลงบนตัวหนูนา แล้วมองนิ่งหน้าเศร้า
ดอยปล่อยโฮลั่น เมฆามองดู อดสลดใจไม่ได้ บรรยากาศเต็มไปด้วความเศร้าสลด
ภูผาค่อยๆ หันมาหาเมฆา สีหน้าไม่พอใจนัก
“แกว่าไงนะเมฆา ทำไมแกจะต้องเอาลูกของหนูนา..” เว้นไปนิดหนึ่ง “กับฉันไปกับแกด้วย”
“พี่ผา..เราทำคลอดเด็กก่อนกำหนด เด็กตัวเล็กมาก เราต้องส่งเด็กไปอยู่โรงพยาบาล ที่มีเครื่องมือแพทย์ที่พร้อมกว่านี้ ไม่อย่างนั้น เด็กอาจเป็นอันตรายได้”
ฟังเหตุผลเมฆาแล้วภูผาก็นิ่งงันไป “นานเท่าไหร่ ลูกชั้นต้องไปอยู่ รพ.นานเท่าไหร่”
“ก็จนกว่าเด็กจะแข็งแรงดี”
ภูผาอึ้งหนัก
“พี่ผาไม่ต้องห่วง ผม..กับเดือน จะช่วยกันดูแลลูกพี่ผาให้ดีที่สุด”
ภูผาหันขวับมามองเมฆา รู้ดีว่าอีกฝ่ายจงใจที่จะตอกย้ำ
เมฆามองภูผารู้ว่ายังไงพี่ชายก็ต้องยอม เพราะไม่มีทางเลือก
ภูผาเจ็บปวดปนเศร้า
คืนนั้นพอรู้เรื่องสว่างกับดอยต่างก็อึ้งกันไป
สว่างยังมีอาการโศกเศร้าที่สูญเสียหลานสาวสุดที่รัก “อะไรนะครับนาย ไอ้หนูนามันจากผมไปคนนึงแล้ว นี่ยังจะมาพรากลูกมันไปจากผมอีกเหรอครับ”
“จริงด้วย! ใจร้าย...” พูดจบดอยก็สะอื้นออกมาทันที
ภูผาปลอบโยนพลางอธิบาย “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ เด็กคลอดก่อนกำหนดหลายเดือน ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็ว เด็กก็จะเป็นอันตราย” จับไหล่สว่าง “เมฆารับปากจะดูแลให้ดีที่สุดจนกว่าเค้าจะแข็งแรง ถึงวันนั้น...ฉันจะไปรับเค้ากลับมา”
สว่างถอนใจเฮือก
“แต่ดอยคิดถึง…” ปาดน้ำตา แล้วนึกได้ “คิดถึงใครดีล่ะ?” พูดซื่อๆ “ลูกชายลูกพี่ยังไม่มีชื่อเลยนี่นาย? จะให้ดอยเรียกว่าอะไรดี?”
ภูผาอึ้งๆ ไป “นั่นสิ” พึมพำ “จะเรียกเจ้าตัวเล็กว่าอะไรดี” นึกไปนึกมา “ลูกชายหนูนา...”
ภูผานึกชื่อที่ตนเรียกหนูนาว่า ‘หนูน้อย’ ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน
ภูผายิ้มบางๆ ด้วยความคิดถึงก่อนจะเอ่ยขึ้น “...หนูน้อย..เรียกเค้าว่า หนูน้อย”
ดอยยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกชายลูกพี่ชื่อ..หนูน้อย” หันมาพยักเพยิดกับสว่าง “เนอะลุงหว่างเนอะ”
สว่างเศร้าพยักหน้าหงึกๆ กอดกัน 2 คนกับดอย
“หนูน้อย” ภูผารำพึงชื่อลูก ใจประหวัดถึงแม่
เช้าวันนั้น วงเดือนโผล่เข้ามาผ่านตู้อบในห้องพยาบาลเด็กอ่อนของโรงพยาบาล เด็กทารกน้อยนอนหลับอยู่ วงเดือนมองด้วยความเวทนา เพราะเด็กตัวเล็กมาก เรียกว่าจิ๋วซะด้วยซ้ำเพราะคำนวณด้วยสายตาน้ำหนักน่าจะแค่กิโลกว่าๆ เอง
วงเดือนมองยิ้มบางๆ แววตาสงสารเป็นที่สุด
“หนูน้อย...” วงเดือนยืดตัวขึ้นพูดกับเมฆาที่ยืนอยู่ข้างๆ
“น่าสงสารนะคะ น่าสงสารทั้งหนูน้อยและก็..หนูนา”
เมฆาหยั่งเชิง “แค่นั้นแน่เหรอ”
วงเดือนอึ้งไปทันที “หมายความว่ายังไงคะ”
เมฆารีบยิ้มกลบเกลื่อน “เปล่า...ผมก็แค่แหย่เล่น...ว่าเดือนไม่สงสารผมบ้างเหรอ? ที่ต้องพาเจ้าหนูน้อยข้ามเขาข้ามทะเลมาถึงนี่”
วงเดือนพูดจริง “ไม่เห็นน่าสงสารเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ทำสิจะใจดำมาก” ค้อนให้หนึ่งวง
เมฆาทำเป็นหัวเราะผ่อนคลายบรรยากาศ “โถ...หลานชายแท้ๆ ทั้งคนใครจะไปใจดำได้ลงคอ” โอบวงเดือน “ว่าแต่...ถ้าเดือนใจดีจริง” ยิ้มเป็นนัย “ก็น่าจะหาเพื่อนเล่นให้เจ้าหนูน้อยซักคนนึงนะ”
วงเดือนจ้องหน้าเอ็ดเอา “คุณเมฆา”
เมฆารีบเอามือออก ชูมือยอมแพ้ “กลัวแล้ว! แหย่เล่นเฉยๆ”
“อย่าแหย่บ่อยนะคะ เดือนไม่ชอบ”
เมฆายิ้มแหยๆ รับคำ “ครับผม”
วงเดือนก้มไปมองหนูน้อยในตู้อบต่อไป ขณะที่ใบหน้าเมฆายามนั้นที่เสียใจ ก่อนที่จะทำหน้าฮึดเหมือนจะคิดแผนหาเพื่อนเล่นให้หนูน้อยให้สำเร็จให้ได้..สักวัน!
บ้านแสนสมุทรลุกเป็นไฟทันที ที่อนงค์รู้ข่าวร้ายจากโฉมไฉไล
“โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้าตาย อีนังเด็กดอยนั่นมันแสบจริงๆ ตายโหงไปแล้วยังจะมีฤทธิ์ส่งลูกชายมันมาเป็นก้างขวางคอพวกเราอีก” หันมาเอาเรื่องกับลูกสาว “ไม่ได้แล้วนะนังโฉม! แกจะเชื่องช้าโฉมแฉะอย่างนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด แกจะต้องประกาศว่า แกท้องกับเมฆาได้แล้ว”
โฉมไฉไลนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่ง “จะดีเหรอหม่าม้า? แล้วถ้าไม่มีใครเชื่อ”
อนงค์อึ้งคิดตาม “เออว่ะ!” นึกแล้วเคือง ผลักหัวลูกสาว “เห็นมะ เพราะแกคนเดียว เที่ยวร่อนไปกับผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที เสียประวัติหมดเลยเห็นมั้ย”
โฉมไฉไลฉุน “นี่ๆๆ อย่าขุดเรื่องเก่ามาด่ากันหน่อยเลยหม่าม้า ก็ถ้าหม่าม้าไม่บ้าเล่นไพ่ ขยันหาหนี้มาให้โฉม โฉมก็คงไม่ต้องเที่ยวร่อนไปกับผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที หาเงินมาใช้หนี้ให้หม่าม้าหรอก”
อนงค์กรี๊ด “ว๊าย... แกก็เลิกขุดเรื่องนี้มาด่าฉันซะทีเถอะยัยโฉม” รีบเปลี่ยนเรื่องเลยทันทีเพราะเข้าตัวกันทั้งคู่ “เปลี่ยนเรื่องๆๆ ทำไงดีว้า หึ้ย! คิดไม่ออกว่ะ”
“คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดสิ! เรื่องนี้เราไม่เห็นต้องมานั่งคิดให้ปวดหัวเลยนี่หม่าม้า”
“แกหมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความว่า...เรื่องคิดน่ะ..ไม่ใช่หน้าที่ของเราซักกะหน่อย” โฉมไฉไลยิ้มตาลุกวาว “แต่มันเป็นหน้าที่ของ เมฆา ตะหากล่ะ”
อนงค์นึกตามแล้วยิ้มกว้าง โฉมไฉไลยิ้มร้ายกาจ
ขณะนั้นทุกคนนั่งคุยกันอยู่ในห้องโถง ศรีดาราเอ่ยขึ้น
“น่าสงสารภูผาเหลือเกิน เมียตายแล้วลูกชายก็ยังต้องมาเป็นแบบนี้ น่าเวทนาจริงๆ”
วงเดือนหน้าสลดลง เมฆาเหลือบมอง ไม่พอใจ
อนุตเอ่ยขึ้น “เมฆา...ทำไมไม่ชวนภูผากลับมาอยู่ที่นี่” อนุตจงใจถามเพราะตัวเองอยากชวน แต่ไม่กล้าเพราะฟอร์มจัดนั่นเอง
“เอ่อ...คือ...ผมว่าถึงชวน พี่ผาก็คงไม่อยากกลับมาหรอกครับ เพราะ” พูดเองเออเอง “พี่ผาเค้ายังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียหนูนา” ประโยคหลังเมฆาจงใจพูดทิ่มแทงวงเดือน “พี่ผาเค้ารักหนูนามาก คงอยากอยู่ในที่ของเค้า 2 คนมากกว่า”
ได้ผลซะด้วย เพราะวงเดือนแอบเจ็บจี๊ดในใจ
อนุตพยักหน้าหงึกๆ กำชับหนักแน่น “แกต้องดูแลเจ้าหนูน้อยให้ดีที่สุดนะเมฆา หลานชายของฉันจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด”
โฉมไฉไลแอบฟังอยู่ ตาโตทันที
“เพราะเค้าเป็นทายาทรุ่นต่อไปของแสนสมุทรเพียงคนเดียวในเวลานี้”
ขาดคำอนุตเสียงโฉมไฉไลก็แหลมเข้ามา “แต่ในเวลาต่อไป...ก็ไม่แน่นะคะคุณพ่อ”
เมฆาหันขวับ จ้องโฉมไฉไลที่เดินนวยนาดเข้ามากับอนงค์ โฉมไฉไลจิกตามาถาม
“จริงมั้ยคะ...เมฆา”
เมฆาจ้องตาวาว “คุณหมายความว่ายังไง...โฉมไฉไล”
“ก็หมายความว่า...” โฉมไฉไลเว้นวรรค
ทำเอาเมฆาลุ้นระทึก
“คุณพ่อกับคุณแม่อาจจะได้อุ้มทายาทของแสนสมุทรคนต่อไปในเร็วๆ นี้จากเมฆา...”
เมฆาใจหายวาบ สวนคำพรวดออกมา “โฉมไฉไล”
โฉมไฉไลพูดต่อ “...รึว่า จากพฤกษ์...” ยิ้มหวาน “จริงมั้ยคะคุณพ่อคุณแม่”
เมฆาโล่งอก
“นั่นสิเมฆา! แกกับวงเดือนก็ยังไงเนี่ย? แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะรีบมีหลานให้ฉันซะที”
วงเดือนหลบตามีพิรุธ
เมฆารีบแก้ให้ “โธ่! คุณพ่อครับ เรื่องนี้เร่งกันได้ซะที่ไหน”
โฉมไฉไลลอยหน้าลอยตาพูดเปรยๆ “มันก็ไม่แน่”
เมฆาหันขวับจ้องตาวาว โฉมไฉไลลอยหน้าลอยตาใส่อย่างน่าหมั่นไส้
“ว่าแต่หนูโฉมเถอะ เมื่อไหร่จะคุยกับตาพฤกษ์ให้เรียบร้อย จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แล้วรีบมีหลานให้พ่อกับแม่อุ้มบ้าง” ศรีดาราเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ โฉมรับรองว่าคุณพ่อคุณแม่จะได้อุ้มหลานแบบรวดเร็วทันใจคาดไม่ถึงเลยทีเดียวค่ะ”
เมฆาสะดุ้งโหยง โฉมไฉไลยิ้มเยาะเข้าให้
เมฆาลากโฉมไฉไลมาแล้วเหวี่ยงเข้ามุมสุดแรง จนโฉมไฉไลร้อง “โอ๊ย”
“มันชักจะมากเกินไปแล้วนะโฉมไฉไล ที่ผ่านมาเธอกับแม่เธอก็ขูดรีดฉันอย่างหนัก แล้วนี่ยังไม่ยอมหยุดอีกเหรอ”
“จะให้หยุดยังไง? ท้องโฉมมันก็เริ่มป่องออกมาแล้ว ต่อให้โฉมไม่พูด หลักฐานมันก็ฟ้องอยู่ทนโท่ แล้วคุณจะให้โฉมทำยังไง”
เมฆาเครียดหนัก เดินไปเดินมายังกะหนูติดจั่น
โฉมไฉไลยิ้มสะใจ พูดเสียงอ่อนลง “คุณต้องช่วยโฉมคิดนะคะเมฆา ถึงยังไง...เด็กในท้องโฉมก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณ”
เมฆาขัดขึ้นมาทันที “ไม่! อย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาด”
โฉมไฉไลพูดหวานใส่จริตสุดชีวิต “คุณปฎิเสธไม่ได้หรอกค่ะ แล้วโฉมเองก็คงจะพูดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะลูกในท้องเป็นลูกของคุณจริงๆ”
เมฆาท่าทีอ่อนลง เริ่มลังเล
โฉมไฉไลลุยโลด “ในเมื่อเค้าเป็นลูกของคุณ..กับโฉม คุณก็ต้องช่วยโฉมคิดนะคะว่าเราจะทำยังไงต่อไปกันดี…” พูดเสียงอ้อนสุดขีด “นะคะเมฆา”
เมฆาคิดเครียด โฉมไฉไลลอบยิ้มอย่างพอใจ
เช้าวันนั้น บริเวณตลาดเล็กๆ แห่งหนึ่ง โสภีนั่งขายปลา ที่ใส่ในกะละมังเล็กๆ อยู่เป็นตัวสุดท้าย โสภีกำลังพูดอยู่กับลูกค้า
“ขอโทษนะจ๊ะ..รออีกแป๊บนึงได้มั้ย” หันไปมองอย่างดีใจ “มาแล้วจ้ะ..มาแล้ว”
ระหว่างนั้น พฤกษ์หอบถุงปลามาถุงหนึ่ง ใบหน้ายิ้มแย้ม “ขอโทษนะโสภี มาช้าไปหน่อย” หันไปบอกลูกค้า “ขอโทษนะจ๊ะ ช้าหน่อยแต่รับรองว่าสด เนื้อหวานเจี๊ยบ”
ทั้งคนขายและลูกค้าแฮปปี้มีความสุขกันไป
พฤกษ์มองหน้าโสภี “เหนื่อยมั้ย…โสภี”
โสภีส่ายหน้า “แค่นี้...สบายมากจ้ะพี่พฤกษ์” ควักเงินให้ดู “ดูสิ...วันนี้ขายดีมาก” โสภียิ้มแฉ่ง
พฤกษ์มองเงินที่มีอยู่น้อยนิดแล้วจ๋อย รู้สึกผิดขึ้นมาอีก
“คงอีกนาน...กว่าพี่จะทำให้โสภีสบายได้”
“อย่าคิดมากสิจ๊ะ ขายดีอย่างนี้อีกหน่อยพี่พฤกษ์ก็ไถ่ค่าตัวโสภีจากเสี่ยเส็งได้หมดแล้วล่ะ..จริงมั้ย”
พูดไม่ทันขาดคำ ยินเสียงลูกน้องเสี่ยเส็งดังลั่นแทรกขึ้นมา
“ไอ้พฤกษ์”
ลูกน้องอีกคน คว่ำกะละมังปลาของโสภีเละ เมฆาเดินมาถึงพอดี ชะงัก ยืนมองเหตุการณ์งงๆ อยู่อีกมุม
พฤกษ์เข้าขวาง “เฮ๊ย!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“หนอย ทำมาสั่ง ค่าตัวอีนังโสภีงวดนี้ทำไมจ่ายช้าวะ”
“ช้าไปวัน 2 วัน แค่นี้ต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยเรอะ?”
“แค่นี้ ช้าไปตั้ง 2 วัน เสี่ยฝากมาบอกว่าค่าตัวนังนี่ 50,000 ช้าไป 2 วันคิดดอกเบี้ยวันละ 50,000 ก็เป็นแสนห้า”
เมฆาตาวาว
พฤกษ์เหลืออดยัวะสุดขีด ต่อยผลัวะทันควัน “ไอ้ขี้โกง”
ลูกน้องเสี่ยคนที่ถูกต่อย พุ่งเข้าล็อคตัวพฤกษ์ ให้อีกคนอัดสั่งสอนซะน่วม
ลูกน้องเสี่ยเส็งชี้หน้า “จำไว้! ถ้าไม่รีบหาเงินแสนห้ามาใช้เสี่ยภายใน 3 วัน ข้าจะมาเอานังโสภีเมียเอ็งกลับไปนอนกับผู้ชายทั้งเมืองเหมือนเดิม!”
ลูกน้องเสี่ยเดินออก
โสภีปล่อยโฮถลาเข้ากอดพฤกษ์แน่น
เมฆายิ้มร้าย คิดแผนกำจัดโฉมไฉไลออก ก่อนที่จะพรวดออกมาอย่างปรารถนาดี ด้วยท่าทีตกใจ
“พี่พฤกษ์! เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย”
พฤกษ์ตกใจ “เมฆา”
โสภีมองเมฆาแบบไม่รู้จัก พฤกษ์หลบสายตาเมฆา รู้สึกอายน้อง
เมฆาลอบยิ้ม
ใกล้ๆ บริเวณนั้น เมฆาเอาน้ำแข็งห่อผ้าประคบมุมปาก และตามจุดที่โดนต่อยแล้วยื่นให้โสภีทำแทน
“ประคบไว้เรื่อยๆ พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนเป็นประคบร้อน แล้วก็จะดีขึ้นนะครับ”
โสภีรับมาประคบให้พฤกษ์ เมฆามองพี่ชาย พฤกษ์หลบเพราะอาย ที่ตกอยู่ในสภาพตกต่ำสุดชีวิต
เมฆาพูดอย่างเห็นใจ “พี่คงลำบากมาก”
“ลำบากกาย แต่สบายใจ ฉันเต็มใจเลือกอย่างหลัง ไม่เหมือนแก!” พฤกษ์เหน็บเอา
เมฆายิ้มเยื้อน “ทุกวันนี้...ผมก็มีความสุขดี”
พฤกษ์สวนคำ “แน่ใจเหรอ”
เมฆาเคืองนิดๆ รีบเปลี่ยนเรื่อง “ถ้าพี่พฤกษ์กับโสภีมีเรื่องเดือดร้อนอะไรที่ผมพอจะช่วยเหลือได้ก็ขอให้บอกนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
พฤกษ์กับโสภีมองหน้ากันแล้วก็นิ่ง ท่าทีหยิ่งทั้งคู่
เมฆาโน้มน้าวต่อ “ผมเห็นพี่ 2 คนรักกัน มีความสุขกันแบบนี้ ผมก็ดีใจด้วยนะครับแล้วก็อยากเห็นพี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากให้มีอะไรมาพรากโสภีไปจากพี่พฤกษ์ได้”
สองคนอึ้ง เหลียวมองจ้องหน้าเมฆา
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ผมขอตัวนะครับ อ้อ!” ย้ำ “อย่าลืม..ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดี” ยิ้มแสนดีพูดเน้นคำ “ทุกเรื่อง”
เมฆาเดินออก ทิ้งให้พฤกษ์หนักใจ คิดหนัก
ค่ำคืนนั้นเมฆาสวมชุดนอนนั่งสบายอารมณ์อยู่ หวนนึกถึงคำพูดลูกน้องเสี่ยเส็งบอกให้พฤกษ์เอาเงินแสนห้ามาใช้ใน 3 วัน
เมฆาผุดยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ผมจะรอพี่พฤกษ์…3 วัน”
วงเดือนเพิ่งกลับมาจากข้างนอกเปิดประตูเข้ามา
เมฆาผุดลุกขึ้นยืน เดินมาหาทันที “เดือน...ไปไหนมา ผมเป็นห่วงมากเลย”
“ไปเยี่ยมหนูน้อยมาค่ะ”
เมฆาชะงัก
วงเดือนยิ้ม “วันนี้แกดูดีขึ้นมาก ยิ่งดูแกก็ยิ่งน่ารัก น่ารักนะคะ เดือนไปเยี่ยมตั้งแต่บ่าย นั่งดูเพลินจนเย็นเลย”
เมฆาชักสีหน้าไม่พอใจ พูดเสียงแข็ง “ต่อไปถ้าจะไปไหนมาไหนแบบนี้ก็บอกผมบ้าง”
วงเดือนชะงัก งง “ทำไมล่ะคะ”
เมฆารู้สึกตัว เปลี่ยนท่าทียิ้มแย้ม “เปล่า..ก็..ผมจะได้ไปด้วยไง” ย้ำ “ลูกพี่ผากับหนูนา ก็หลานผมนะ” ยิ้มหวาน “เดือนอย่าลืม”
วงเดือนชะงัก หน้าเปลี่ยนสีทันที “ค่ะ...” เหมือนพูดกับตัวเอง “เดือนไม่เคยลืม”
เมฆายิ้มพอใจ ขณะที่สีหน้าวงเดือนเศร้าลงถนัดตา
คืนเดียวกันนั้น ภูผานั่งเหงาอยู่ตรงระเบียงบ้าน ดอยเดินเข้ามาอาการหงอยๆ
“นายจ๋า...”
“ว่าไง”
“เมื่อไหร่ หนูน้อย จะได้กลับบ้านซะทีจ๊ะ ตั้งแต่เกิดมา ดอยยังไม่เคยเห็นหน้าหนูน้อยเลย” ยิ้มเศร้าๆ “อยากเห็นจังว่าจะหน้าเหมือนลูกพี่รึว่าเหมือนนาย”
ภูผาอึ้งๆ ไปกับคำพูดซื่อๆ ประโยคนั้น
“คงอีกไม่นานหรอกดอย หนูน้อยแข็งแรงเมื่อไหร่ ฉันจะรีบไปรับหนูน้อยกลับมา”
ดอยใจชื้นขึ้นมาหน่อย “จริงนะจ๊ะ? นายต้องไปรับหนูน้อยกลับมาจริงๆ นะจ๊ะ อย่าให้พวกบ้านแสนสมุทรเอาหนูน้อยไป ไม่คืนให้พวกเรานะจ๊ะ”
ภูผาฟังแล้วอึ้ง ฉุกคิดขึ้นมา ลืมนึกถึงเรื่องนี้
ภูผาฮึดขึ้นมาทันควัน “ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางให้ใครมาเอาหนูน้อย ไปจากพวกเราได้เด็ดขาด”
ที่ตลาดเล็กๆ ตรงมุมขายปลาในวันต่อมา พฤกษ์กับโสภีช่วยกันขายปลาอยู่ แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อลูกน้องเสี่ยเส็งโผล่มายืนกวน ทำท่าเอานิ้วเชือดคอแล้วหัวเราะกัน
พฤกษ์กับโสภีทำหน้าหวั่นใจ
พฤกษ์ฮึดขึ้นมารีบพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะโสภี พี่ไม่ยอมให้ไอ้พวกนั้นมาเอาตัวโสภีไปจากพี่ได้เด็ดขาด!”
โสภีถอนใจ “พี่พฤกษ์...เราจะไปหาเงินแสนห้ามาจากไหน?”
พฤกษ์อึ้ง พูดไม่ออก
โสภีมองพฤกษ์ตาละห้อย “ปล่อยฉันไปมั้ยพี่พฤกษ์”
“โสภี” พฤกษ์ตกใจ
“ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วง ตัวอันตรายทำลายชีวิตพี่”
“ไม่ โสภี ไม่”
พฤกษ์รวบตัวโสภีมากอดแน่น สายตาครุ่นคิด ตัดสินใจได้แล้วในวินาทีนั้น
เมฆาเดินจะไปทำงาน แล้วชะงักกึก “มีธุระอะไร”
เป็นอนงค์ยืนจ้องหน้าเครียดอยู่
สองคนคุยกันอยู่ในมุมลับตา ในบ้าน อนงค์พรวดเข้าหาเมฆาหน้าตากังวลมาก พูดเสียงอ้อน
“เมฆาต้องช่วยน้านะ น้าไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริงๆ” เล่นละครทันที “จะบอกยัยโฉมก็เกรงใจลูก สงสารลูก”
เมฆาตัดบทเข้าเรื่องทันที “และคุณน้าก็ควรจะเกรงใจผมบ้าง ทั้งคุณน้าแล้วก็ลูกสาวคุณน้าไถเงินจากผมไปเยอะมากแล้ว”
อนงค์ระคายหู ชักเคือง “ต๊าย! ใช้คำว่าไถ ไม่สุภาพเลยนะเมฆา เมฆามาทำลูกสาวน้าท้อง น้ากับยัยโฉมอุตส่าห์ปิดปากเงียบกริบ ไม่แฉให้เมฆาเสียหายซะขนาดนี้ ถือว่ามีพระคุณต่อเมฆาขนาดไหน มันต้องใช้คำว่า ตอบแทนบุญคุณ ถึงจะถูก”
เมฆาโกรธจัด “คุณน้า”
อนงค์สวนคำ ขู่ทันที “ทำไม น้าพูดผิดตรงไหน รึเมฆาจะลองดูมั้ย ลองให้น้าไปโพนทะนาให้ใครๆ เค้ารู้ อย่าว่าแต่พ่อแม่เธอ รึว่านังวงเดือนเมียเธอเล๊ย ผู้คนทั้งโรงพยาบาล ชาวบ้านทั้งเมือง คงยังจะรักนับถือคุณหมอเมฆาผู้ประเสริฐกันเหมือนเดิมหรอกนะ”
เมฆาโกรธมาก “คุณน้า” กัดกรามแน่น “ผมไม่สงสัยเลยว่าโฉมไฉไลได้ความร้ายกาจมาจากใคร”
อนงค์กรี๊ดแตก “ต๊าย นี่เธอด่าฉันเรอะเมฆา”
“ใช่” เมฆาพูดใส่หน้า
อนงค์ยักไหล่พรืด ไม่แยแส “ไม่เป็นไร ด่าเสร็จก็ช่วยจ่ายเงินมาด้วย” แบมือ “คราวนี้ไม่มาก แสนเดียว”
เมฆาร้องลั่น “แสนนึง”
อนงค์ยักไหล่ ขู่อีก “แค่แสนเดียว ถ้าไม่ให้ จะได้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ฉันจะลากไส้คุณหมอเมฆาผู้แสนดีออกมาแฉให้เละเลย คอยดูสิ”
เมฆาแค้นจนอกแทบระเบิด ขบกรามพูดลอดไรฟัน “ผมไม่ชอบให้ใครมาขู่ผม”
อนงค์จ้องหน้า ตาโต สู้สายตา “ฉันไม่ได้ขู่ ฉันเอาจริง”
เมฆาตะลึง หน้าตาฉายแววอาฆาตแค้น เหี้ยมเกรียม ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วยิ้มเย็น “ได้! ผมจะจัดการให้”
อนงค์ยิ้มเยาะ “เชอะ ก็แค่นี้”
เมฆาคิดแผน “แต่คงต้องดึกๆ หน่อยนะครับคุณน้า”
“เอ๊า จะให้ก็ให้เลยสิ ทำไมต้องดึกๆ ด้วย นี่ คิดจะโยกโย้เรอะ อย่าเชียวนะ” ขู่อีก
“ผมไม่ได้โยกโย้ครับ แต่เงินเยอะขนาดนี้ คงต้องขอเวลาเตรียมการซักนิดนึง”
อนงค์ตัดรำคาญ “ได้ แต่อย่าดึกมากนะ ฉันง่วงนอน”
พูดจบก็สะบัดตัวเดินออกไป
แววตาเมฆาวาวโรจน์ ร้ายกาจมาก “ไม่ต้องกลัวหรอก แกได้นอนนานแน่”
เมฆายิ้มร้ายแววตาน่ากลัวมาก
คืนนั้นขณะที่วงเดือนเดินเข้าบ้านมาเพิ่งกลับจากไปโรงพยาบาลไปเยี่ยมหนูน้อย เจอกับโฉมไฉไลนั่งตะไบเล็บอยู่ตรงโซฟาห้องโถง
โฉมไฉไลเห็นวงเดือนก็เริ่มหาเรื่อง “เป็นผู้หญิงยิงเรือทำเป็นแรดกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ แอบไปสวมเขาให้ผัวมาล่ะเซ่!”
วงเดือนเซ็งปนหน่าย “นั่นมันคุณแล้วล่ะ..โฉมไฉไล”
โฉมไฉไลปรี๊ด ผุดลุกขึ้นพรวด “แอร๊ย... นังวงเดือน ทำเป็นแอ๊บนุ่มนิ่ม ที่ไหนได้..ปากจัดปากร้ายนะแก”
วงเดือนเชิดหน้า “มันก็แล้วแต่..ว่าพูดอยู่กับใคร ถ้าอย่างคุณ ฉันว่ามันก็เหมาะสมมากแล้ว”
“ย่ะ! แม่นางฟ้านางสวรรค์” โฉมไฉไลเยาะเย้ย “ทำเป็นปากเก่งไปเถอะ อีกไม่นานคงได้หล่นสวรรค์ดังตุ้บ ตกกระป๋องดังเป๊งๆๆ ฮิๆ” ขยับเดินมาพูดใส่หน้า “เก่งแต่ปาก อย่างอื่นไม่เอาไหน ไม่มีน้ำยา”
วงเดือนมองจ้องหน้า “คุณหมายความว่ายังไง”
“อ๊ะ เห็นฉลาดเป็นกรดไปซะทุกเรื่อง ทีเรื่องอย่างนี้ดันโง่ซะงั้น” ส่ายหน้า “มิน่า..ไม่ทันกิน โดนฉันปาดหน้าเค้กกินอร่อยไปก่อนซะแล้ว..ฮิฮิ”
วงเดือนยังอึ้งๆ งงๆ อยู่ “คุยกับคุณมันเสียเวลา ฉันขอตัวค่ะ”
พูดจบก็เดินเลี่ยงไปเลย
โฉมไฉไลกรี๊ด “อร๊าย... นังกระแดะ เถียงไม่ออกล่ะสิ..สมน้ำหน้า” กลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา หยิบที่ตะไบเล็บตะไบเร็วๆ แรงๆ “ซ่ากับใครไม่ซ่ามาซ่ากับโฉมไฉไล” ตะไบๆ ไป นึกได้ ชะเง้อมองนอกบ้าน “เอ..ป่านนี้ ทำไมหม่าม้ายังไม่มา มัวไปป๊อกแปดป๊อกเก้าอยู่ที่บ่อนละซิ หึ้ย!” นึกขึ้นมาแล้วก็โมโห ตะไบเล็บแรงจัดจนตะไบพลาดไปทิ่มนิ้วฉึ่ก “ อุ๊ย” มองดูมีเลือดซึมออกมา ยิ่งโมโหหนัก “โอ๊ย! ซวยจริงๆ เว๊ย จะมีอะไรซวยอีกมั้ยเนี่ย วันเนี้ย”
โฉมไฉไลพูดเป็นลาง โดยไม่รู้ตัว
ชิงนาง ตอนที่ 18 (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้น ตรงบริเวณที่เปลี่ยวห่างไกลย่านผู้คนอยู่อาศัยแห่งนั้น บรรยากาศมืดสลัว แสนวังเวง อนงค์เดินเงอะๆ งะๆ มา อย่างไม่ค่อยชินเส้นทาง ปากบ่นอุบ
“ท่าทางเมฆามันจะเพี้ยน นัดที่ไหนไม่นัด ดันมานัดที่แบบนี้ ทั้งมืด ทั้งเปลี่ยว ทุเรศจริงๆ” เดินมาถึงจุดนัดพบ มองหา “เมฆา…” เรียกดังขึ้น “เมฆา น้ามาแล้ว เมฆาเอาเงินมาให้น้ารึยังจ๊ะ”
เงียบกริบ อนงค์เมียงมอง ส่ายตามองหา เมื่อไม่เจอลองเดินหาต่อดูช้าๆ ปากก็บ่นไปเรื่อย
“รึมันจะรอจนหลับ”
อนงค์ทำเป็นชะโงกชะเง้อชะแง้แลหา จนเจอผู้ชายคนนึงยืนหันหลังให้อยู่
อนงค์ดีใจ “เมฆา แหม..มายืนเงียบกริบเลยนะ น้าเรียกก็ไม่ตอบ” ชะงักเพ่งมอง “เอ๊ะ! ทำไมวันนี้แต่งตัวแปลกๆ ล่ะจ๊ะ”
ชายคนนั้นหันขวับมา หน้าตาน่ากลัวมาก สารรูปดูออกว่า...โจรชัดๆ
อนงค์กรี๊ด “ว๊าย แกเป็นใคร”
โจรย่างสามขุมมาหา
อนงค์ชักกลัว “อย่านะ! อย่าทำอะไรฉันนะ”
โจรไม่หยุด เดินเข้ามาใกล้อีก
อนงค์ออกวิ่งแหกปากร้องตะโกน “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”
โจรเร่งฝีเท้าไล่ล่า อนงค์วิ่งหัวซุกหัวซุนจนไปสะดุดล้มแทบเท้าใครคนหนึ่ง อนงค์ค่อยๆ เงยขึ้นมอง
พอเห็นว่าเป็นใครอนงค์ดีใจสุดขีด “เมฆา! เมฆาช่วยน้าด้วย”
เมฆายิ้มให้ถามนิ่งๆ “คุณน้าจะให้ผมช่วยอะไรอีกเหรอครับ”
“โจรจ้ะ มีโจรมันไล่ตามน้า มันจะปล้นน้า” อนงค์บอกด้วยท่าทีตื่นตระหนก
เมฆาเลิกคิ้ว “เหรอครับ”
“จ้ะๆๆ..มันน่ากลัวมากเลย เมฆาต้องช่วยน้านะ ไม่งั้นมันคงปล้นน้าหมดตัวแน่”
เมฆาพูด พลางยิ้มเยาะๆ “คุณน้าเองก็ปล้นคนอื่นเค้ามาเยอะแล้วนี่ครับ”
อนงค์สะดุดหู ชะงักกึก “อะไรนะ? ตะกี๊เมฆาว่าอะไรนะ?
เมฆายิ้มเยื้อน ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไรด้วย “คนเราทำอะไรไว้ มันก็ต้องได้อย่างนั้น ผมเองโดนคุณน้ากับโฉมไฉไลปล้นไปก็มาก ไม่เห็นจะเคยโวยวาย”
อนงค์อึ้งตะลึงงัน “เมฆา”
โจรโผล่เข้ามาดูสยอง
อนงค์นึกรู้ทันที “เมฆา! นี่เธอจะทำอะไรน้า”
เมฆาพยักหน้า โจรวิ่งเข้ามาล็อกอนงค์ไว้ทันที อนงค์ร้องลั่น ดิ้นเร่าๆ ขู่ออกมาอย่างโกรธแค้น
“เมฆา..ปล่อยฉัน ถ้าแกไม่ปล่อย ฉันจะแฉเรื่องของแกให้ทุกคนรู้ จะปล่อยรึไม่ปล่อย?”
เมฆาส่ายหน้า “ก็เพราะคุณน้าเป็นซะอย่างนี้ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะปล่อย แต่คิดไปคิดมา สงสัยจะปล่อยไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
อนงค์ตาเหลือก “เมฆา” ปล่อยโฮออกมา “อย่านะ! อย่าทำน้า น้ายอมแล้ว ปล่อยน้าไป น้าจะไม่พูด ไม่ว่า ไม่แฉอะไรเมฆาทั้งนั้น น้าสาบานก็ได้”
“ใครเชื่อคุณน้าก็โง่แล้วล่ะครับ ที่คุณน้าต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะผม แต่เพราะคุณน้ารนหาที่เอง และในฐานะที่คุณน้าเป็นแม่ของโฉมไฉไล ผมจึงจำเป็นต้องจัดการกับคุณน้าก่อนเพื่อเป็นตัวอย่าง”
อนงค์ช็อก ตาค้าง “อะไรนะ! นี่แก..แกมันไอ้ชาติชั่ว”
ขาดคำเมฆาตบอนงค์ฉาดใหญ่จนหน้าหัน
“มันก็คงชั่วพอกันนั่นแหละ ฉันถึงปล่อยให้คนชั่วอย่างแกลอยนวลอยู่ไม่ได้ยังไงล่ะ คนชั่วอย่างฉันถึงจะลอยตัว”
อนงค์ปล่อยโฮ เปลี่ยนท่าที “เมฆา..ปล่อยน้าไปนะ..และก็อย่าทำอะไรยัยโฉม..น้าขอร้อง”
“น่าเสียดาย ถ้ารู้จักพูดจาดีๆ แบบนี้ซะตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องลงนรกเร็วอย่างนี้”
อนงค์ตวาดลั่น “เมฆา”
“แต่คุณน้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมแค่เชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าการตายของคุณน้าทำให้โฉมไฉไลสำนึกได้ โฉมไฉไลก็คงยังไม่ตามไปเจอคุณน้าในนรกเร็วๆ นี้ เพราะฉนั้น การตายของคุณน้าถือได้ว่าเป็นการตายของแม่ที่เสียสละเพื่อลูก ผมขอให้คุณน้าจงภูมิใจให้มากๆ”
อนงค์เข่าอ่อนทรุดตัวลง “เมฆา”
เมฆาควักมีดปลายแหลมเล็กๆ ออกมา “ผมเลือกมาให้แล้ว..อย่างดีที่สุดทั้งมีด” ปรายตามองไปที่โจร “ทั้งคน”
อนงค์ช็อก “เมฆา”
เมฆาพูดด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับรายงานดินฟ้าอากาศ “มีดเล็กๆ แต่คมมาก มือมีดก็มืออาชีพ แป๊บเดียวครับ รับรอง..ไม่ทรมาน..เท่าไหร่”
อนงค์ตวาลั่น “เมฆา”
เมฆาส่งมีดให้ช้าๆ ท่าทีเลือดเย็นมาก โจรรับไว้
“นอนหลับให้สบายนะครับคุณน้า” เมฆาสั่งลาแม่ยายแสบ
อนงค์ลั่นโฮ “เมฆา”
เมฆาพยักหน้าเป็นเชิงสั่งตายให้อนงค์
อนงค์กรีดร้อง “เมฆา! น้าขอร้อง! อย่าทำน้า! เมฆา...”
โจรลากอนงค์ที่ร้องครวญคร่ำร่ำไห้ห่างเมฆาออกไป เมฆาหน้าตาเครียดอารมณ์แปรปรวนไม่ปกติเท่าไหร่ ความดี ความเลวในตัวตีกันพลุ่งพล่าน
เมฆากุมขมับปลอบตัวเอง “ถูกต้องแล้ว...ทำถูกแล้ว..คนมันเลว คนมันชั่ว”
ยินเสียงอนงค์ตะโกนลั่น “อย่า” จากนั้นทุกอย่างก็เงียบกริบ!
เมฆาทรุดลง น้ำตาไหลริน บอกย้ำตัวเองซ้ำไปซ้ำมา “ทำถูกแล้ว”
เมฆาคุกเข่าอยู่ที่พื้นนิ่งและนาน
วันต่อมาวงเดือนอยู่ที่โรงพยาบาลกำลังยืนยิ้ม ก้มมองดูที่ ‘หนูน้อย’ ซึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มหลับพริ้มน่ารักน่าเอ็นดู
“ยิ่งโตยิ่งน่ารักจังเลย” วงเดือนหันมาถามพยาบาล “คุณพยาบาลจ๊ะ...คุณหมอว่าไงบ้างจ๊ะ”
“เด็กแข็งแรงเร็วมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลย คุณหมอบอกว่า อีกซักวัน สองวันก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”
วงเดือนดีใจมาก “จริงเหรอจ๊ะ” หันมายิ้มกับหนูน้อย “จะได้กลับบ้านแล้วนะจ๊ะ..หนูน้อย” วงเดือนมองไปยิ้มไป พลางพึมพำ “แข็งแรง เข้มแข็งเหมือนใครหึ้ม…เหมือนแม่...” สีหน้าสลดลงนิดหนึ่ง “หรือเหมือนพ่อ” ถอนใจแล้วจึงยิ้มบางๆ ออกมา “หรือเหมือนทั้งพ่อทั้งแม่”
วงเดือนมองหนูน้อยด้วยสายตาแห่งความรัก
ด้านภูผาขุดดินสร็จถอดเสื้อออกซับเหงื่อ นั่งมอง แล้วนึกถึงตอนที่บอกกับวงเดือนว่า นี่เป็นไร่ที่จะตนทำให้ศรีเรือน ชื่อไร่คือวงเดือน
ดอยส่งเสียงทำภูผาสะดุ้ง “นายจ๋า”
“ว่าไง?”
ดอยชูดอกไม้ “ได้แล้วจ้ะ”
ภูผาลุกขึ้นใส่เสื้อ “ไป! พร้อมแล้วก็ไป!”
เวลาต่อมา ภูผาวางดอกไม้บนหลุมฝังกระดูกหนูนา ที่ไร่เหนือฟ้า
“ฉันคิดถึงเธอเสมอนะ..หนูนา” วางลงบนเหนือฟ้า “นายด้วย..เหนือฟ้า”
ดอยวางดอกไม้มั่ง สะอื้นนิดๆ “ดอยก็คิดถึงลูกพี่ตลอดเลย” วางลงบนเหนือฟ้า “อ้ายเหนือฟ้าต้องคอยดูแลลูกพี่ให้ดอยตลอดเวลาด้วยนะจ๊ะ”
สองคนนิ่งกันไป
ดอยถามภูผา “นาย...เมื่อไหร่จะไปเอาหนูน้อยกลับมาซะที”
ภูผานิ่งไป สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ที่บ้านแสนสมุทร โทรศัพท์ดัง วงเดือนรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ บ้านแสนสมุทรค่ะ”
ภูผาชะงักกึก
วงเดือนฟังๆ เห็นเงียบ “ต้องการพูดกับใครคะ”
ภูผายังอึ้ง
“ไม่ได้ยินเสียงนะคะ ดิฉันวางหูนะคะ”
“เดี๋ยว”
วงเดือนชะงัก คุ้นหู ลุ้นระทึก
“หนูน้อยเป็นยังไงบ้าง”
วงเดือนตะลึง ใช่จริงๆ ด้วย
“เค้าจะกลับบ้านได้รึยัง”
วงเดือนยังอึ้งอยู่
“ว่ายังไง” ภูผาถามย้ำ
วงเดือนสะดุ้ง ได้สติ “เอ่อ..คือ..หนูน้อยแข็งแรงดีแล้ว คุณหมอบอกว่า อีกวันสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้”
ภูผายิ้ม “งั้นฉันจะรีบไปรับหนูน้อยกลับบ้านเรา”
วงเดือนสะดุดหูกับคำว่า “บ้านเรา” ฟังแล้วใจหล่นวูบ แวบหนึ่งนั้นคิดถึงหนูน้อยขึ้นมาด้วย
“แต่..หนูน้อยน่าจะได้รับการดูแลที่ดีอีกซักระยะนึง”
ภูผาสวนขึ้นเลย “ฉันต้องดูแลหนูน้อยดีที่สุดอยู่แล้ว...หนูน้อยเป็นลูกของฉัน”
วงเดือนอึ้ง ถอนใจ “เรื่องนั้นเดือนรู้ดีค่ะ
ภูผานิ่งงันไป
“แต่เดือนแค่อยากแนะนำให้หนูน้อยลองออกจาก โรงพยาบาลมาอยู่ข้างนอก คือ ที่บ้านแสนสมุทรซักระยะนึงก่อน จะได้หัดปรับตัวก่อนจะไปอยู่ที่ไร่ อีกอย่างนึง หนูน้อยคงยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไกลขนาดนั้น”
ภูผานิ่งฟัง
วงเดือนเงี่ยหู “คุณภูผา…คุณฟังอยู่รึเปล่าคะ”
เมฆาเข้ามาได้ยินพอดี ชะงักของขึ้น
“ฉันฟังอยู่”
“ไม่ทราบว่าคุณเห็นด้วย..อุ๊ย”
วงเดือนตกใจเพราะเมฆามากระชากโทรศัพท์ไปจากมือวงเดือน
เมฆา “ว่าไง? พี่ผา”
“เมฆา”
เมฆามองหน้าวงเดือนถาม “โทร.มาทำไม?”
“ฉันโทร.ไปถามเรื่อง…หนูน้อย”
เมฆาสวน “ถามทำไม? ถ้ามีอะไรผมจะโทร.ไปเอง”
“แต่หนูน้อยเป็นลูกฉัน ฉันอยากรู้ว่า...”
เมฆาสวนอีก “อยากรู้อะไร? ต่อไปไม่ต้องโทร.มา ผมจะติดต่อไปเอง”
เมฆาวางหูโครมอย่างฉุนเฉียว
ภูผาอึ้ง โกรธจัด
วงเดือนเองก็โกรธเมฆามาก ขึ้นเสียงตำหนิ “ทำอย่างนี้เสียมารยาทนะคะ”
เมฆาอึ้งยัวะขึ้นมาอีก “แล้วทีคุณแอบมาคุยโทรศัพท์กับผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่สามีคุณล่ะ มีมารยาทมากมั้ย..เดือน”
วงเดือน อึ้งจ้องมองเมฆาเขม็ง “คุณเมฆา นี่คุณเป็นอะไรไปรึเปล่าคะ”
เมฆารู้ตัว ได้สติ “เดือน..ผมขอโทษ..” หลบตาวูบ “ช่วงนี้ผมเครียดๆ” ลดเสียงขอความเห็นใจ “เดือนอย่าโกรธผมนะครับ”
วงเดือนอึ้งไป
“เดือน...ชีวิตนี้มีคุณเท่านั้น...ที่ผมรักและยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณได้” เมฆาอ้อน
วงเดือนมองนิ่ง
“อย่าโกรธผม อย่าทิ้งผมไปนะ..รับปากผมได้มั้ย”
วงเดือนมอง เบือนหน้าหนีไปอย่างอ่อนใจ
เมฆามองอย่างหวั่นใจ ความรู้สึกผิดในสิ่งที่เพิ่งทำกับอนงค์ยังคงวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหัว
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง วงเดือนมอง เมฆารีบชิงรับ
เมฆาตะคอกใส่เพราะคิดว่าเป็นภูผา “ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องโทร.มา”
แต่สีหน้าเมฆาซีดลง อึ้งไปนิ่งฟัง
“เอ่อ..ครับ..ใช่ครับ”
วงเดือนมองอย่างสงสัย
“ครับๆ..ผมจะรีบแจ้งญาติเค้าเร็วที่สุดครับ”
เมฆาวางหู ควบคุมอารมณ์ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ใครโทร.มาเหรอคะ”
“ตำรวจโทร.มา”
วงเดือนตกใจ “ตำรวจ”
เมฆาพยายามเก็บอาการไม่แสดงท่าทีเป็นพิรุธ
ภายในห้องดับจิต โรงพยาบาล วันเดียวกัน โฉมไฉไลค่อยๆ ก้าวเดินมาที่เตียงอย่างหวาดหวั่นเอามือปิดๆ หน้า เจ้าหน้าที่ รพ. ค่อยๆ เปิดผ้าคลุมศพอนงค์ออกให้โฉมไฉไลดูหน้า โดยมีตำรวจอยู่ด้วยออีกหนึ่งนาย
โฉมไฉไลช็อก “หม่าม้า”
“ตกลงใช่คุณอนงค์ คุณแม่ของคุณใช่มั้ยครับ?”
โฉมไฉไลไม่ตอบ ปล่อยโฮ วิ่งเข้าไปกอดศพอนงค์ “หม่าม้า ฮือๆ” ร้องลั่น “ใครทำหม่าม้า ใครทำหม่าม้า”
โฉมไฉไลกอดศพแม่ ร้องไห้คร่ำครวญ อย่างน่าสงสาร
โฉมไฉไลกลับมาแสนสมุทร ปล่อยโฮโผซบศรีดารา โดยมีอนุต วงเดือน และชอุ่ม มองอย่างเห็นใจ
โฉมไฉไลพูดออกมาจากใจจริง “โฉมไม่เหลือใครแล้ว หม่าม้าทิ้งโฉมไปแล้ว โฉมจะอยู่กับใคร ฮือๆ”
ศรีดาราปลอบ “ไม่ต้องห่วงนะ โฉมยังมีพวกเราทุกคน ถึงคุณอนงค์จะไม่อยู่แล้ว แต่โฉมก็ยังเป็นลูกสาวอีกคนของพ่อกับแม่นะจ๊ะ”
เมฆาเดินเข้ามาเห็น ชะงักกึก
โฉมไฉไลเห็นก็ตะโกนเรียกทันที “เมฆา”
เมฆาชะงัก ร้อนตัว ประสาวัวสันหลังหวะ
โฉมไฉไลปรี่เข้ามายืนจ้องหน้า ตาวาว เอาเรื่อง “คุณคนเดียว! เมฆา”
ทุกคนมองจ้อง เมฆาร้อนวูบวาบ
เมฆาตีหน้างง “อะไร? ผมเกี่ยวอะไรด้วย?”
โฉมไฉไลปล่อยโฮ “คุณจะไม่เกี่ยวได้ยังไง?” สะอึกสะอื้น “ในเมื่อคุณก็มีเพื่อเป็นตำรวจใหญ่ในเมืองนี้ แล้วคุณไม่คิดจะช่วยโฉมเลยเหรอคะ” โฉมไฉไลปล่อยโฮออกมาอีก
เมฆาโล่งอกอย่างแรง
“นั่นสิ...เมฆา ช่วยโฉมไฉไลด้วยนะ” อนุตสำทับ
“คุณต้องบอกให้ตำรวจ ลากคอไอ้โจรใจโหดมาลงโทษให้ได้นะคะ ชาติชั่วอย่างนั้นมันต้องโดนยิงเป้าถึงจะสาสม! คุณต้องช่วยโฉมนะคะ”
เมฆาอึ้งๆ จำใจพยักหน้า “ได้..ผมจะช่วย”
โฉมไฉไลร้องไห้โฮๆ ทุกคนมองอย่างสงสาร ส่วนเมฆาโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
คืนนั้นเมฆานอนก่ายหน้าผาก หลับด้วยความเพลียเหนื่อยอ่อน
วงเดือนลุกมายืนมอง ก่อนจะหยิบผ้าห่มมาห่มให้ แต่เมฆาสะดุ้งพรวดตกใจตื่น อาการเหมือนคนระแวง ลุกขึ้นนั่ง ร้องโวยวาย
“ไม่! ฉันไม่เกี่ยว”
วงเดือนตกใจปนงง “คุณเมฆา”
เมฆาได้สติ “เอ่อ..เดือน..เดือนเองเหรอ?”
“ค่ะ..เดือนเอง” วงเดือนมองจับอาการ “คุณเป็นอะไรคะ ไม่สบายรึเปล่า”
“เปล่าๆ..ผมไม่เป็นไร ผมสบายดี”
วงเดือนพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เมฆา
วงเดือนพูดลอยๆ “น่าสงสารคุณโฉมไฉไลนะคะ”
เมฆาสะดุ้ง นิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
“ใครนะ..ช่างใจคอโหดเหี้ยม ทำร้ายผู้หญิงตัวคนเดียวได้ลงคอ”
เมฆาหลุกหลิกมีพิรุธ เบือนหน้าหนี รู้สึกกังวลขึ้นมา
“คุณเมฆาต้องช่วยคุณโฉมนะคะ”
เมฆายังเบือนหน้าอยู่
วงเดือนเรียก “คุณเมฆาคะ”
เมฆาหันมาหา “เดือนว่าไงนะ”
“เดือนบอกว่า คุณต้องช่วยคุณโฉม บอกตำรวจให้เอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้นะคะ”
เมฆาคอแห้งผาก พยักหน้า “ได้...ผมจะบอกให้”
วงเดือนพยักหน้าให้เป็นเชิงขอบคุณ
เมฆาฝืนยิ้มหน้าเจื่อนๆ
วันต่อมา ขณะที่เมฆาเดินมาตามทาง แต่แล้วชะงักกึกเมื่อเห็นมีคนมายืนดักหน้า
เมฆาตกใจ “พี่พฤกษ์”
พฤกษ์ยืนจ้องอยู่ เมฆาหวั่นๆ
สองคนคุยกันอยู่ตรงมุมลับตาในโรงพยาบาล
“ฉันได้ยินเรื่องคุณแม่ของโฉมไฉไล ฝีมือใคร”
เมฆาร้อนตัว “พี่พฤกษ์พูดอะไร”
“ก็ฉันถามดู เผื่อแกจะรู้เบาะแสอะไรบ้าง เพื่อนแกก็เป็นตำรวจใหญ่ไม่ใช่เหรอเมฆา”
เมฆาโล่ง “อ๋อ..ใช่ๆ..ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรมาก แต่สงสัยว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการพนัน”
พฤกษ์จ๋อยไป ส่ายหน้านึกถึงเรื่องตัวเอง “การพนัน..ไม่เคยให้คุณแก่ใครเลยจริงๆ”
เมฆารีบเข้าเรื่อง “ว่าแต่พี่พฤกษ์มาหาผมถึงที่นี่ มีธุระสำคัญอะไรรึเปล่าครับ?”
“คือ...” พฤกษ์อึกอัก รู้สึกอาย “ฉันก็มีเรื่องอยากปรึกษาแกหน่อย”
เมฆามอง เดาว่าน่าจะเป็นเรื่องเงิน โสภีแอบยิ้ม
“ไม่รู้ว่าจะรบกวนแกรึเปล่า”
เมฆารีบบอก “โอ๊ย ทำไมพูดอย่างนั้น พี่พฤกษ์เป็นพี่ชายผมนะครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย..ผมยินดีช่วยเต็มที่”
พฤกษ์อึกอัก เมฆามองเหล่
“ก็คือ..ฉันอยากจะรบกวนขอยืมเงินแก..ซัก..แสนห้า”
เมฆารีบทำเป็นตกใจไม่รู้เรื่อง “แสนห้า พี่พฤกษ์จะเอาไปทำอะไรครับ..เงินตั้งแสนห้า”
พฤกษ์จ๋อย..ไม่อยากเล่าเรื่องโสภี “เอ่อ..ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันไม่รบกวนแกแล้วดีกว่า”
เมฆายื้อ รีบรับปาก “เฮ่ย ใจเย็นสิพี่ ไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องตอบผมก็ได้ ตกลงว่าผมยินดีช่วยพี่ แสนห้าใช่มั้ยครับ”
พฤกษ์มองในอาการงงๆ “แกแน่ใจเหรอเมฆา?”
“แน่ใจสิครับ พี่รีบมากมั้ย”
พฤกษ์พยักหน้าอย่างเกรงใจ “ถ้าวันนี้ได้ก็จะดีมาก”
เมฆารีบบอก “ได้! เย็นนี้ผมจะเอาเงินแสนห้าให้พี่เลย”
พฤกษ์ดีใจมาก “ขอบใจมากเมฆา ถ้าหาเงินได้เมื่อไหร่ฉันจะรีบเอามาคืนแกทันที
“พี่ไม่ต้องคืนผมหรอกครับ”
พฤกษ์งง “ว่าไงนะ”
“ผมยกให้พี่ทั้งหมด”
พฤกษ์มองหน้าเมฆา
“ถ้าพี่จะช่วยอะไรผมอย่างนึง ได้มั้ยครับ” เมฆาบอก
“ช่วย? แกจะให้พี่ช่วยอะไร” พฤกษ์งงหนัก
“ช่วยรับลูกในท้องของโฉมไฉไล..ว่าเป็นลูกของพี่
พฤกษ์ตะลึง “อะไรนะ แกว่าอะไรนะ”
“โฉมไฉไลตั้งท้อง ผมอยากให้พี่รับว่าเด็กในท้องเป็นลูกของพี่”
พูดไม่ทันขาดคำ หมัดของพฤกษ์ก็ซัดผลัวะเข้าหน้าเมฆาอย่างแรง
พฤกษ์โกรธจัด ชี้หน้าด่า “ไอ้เมฆา!! แกมันไม่ใช่คน”
เมฆาค่อยๆ ลุกขึ้น เช็ดเลือดที่มุมปาก หน้าตาไม่สะทกสะท้านสักนิด
“พี่ควรจะใจเย็นหน่อย เรื่องนี้พี่จะมีแต่ได้กับได้”
พฤกษ์ส่ายหน้า ทนไม่ไหวแล้ว
เมฆาพร่ำต่อ “คิดดูสิ..การที่คุณพ่อกับคุณแม่รู้ว่า พี่พฤกษ์ลูกชายคนโตของแสนสมุทรกำลังจะมีทายาทให้ท่าน มันจะทำให้ท่านดีใจขนาดไหน นอกจากท่านจะหายโกรธพี่พฤกษ์แล้ว พี่พฤกษ์และลูกก็ยังจะมีสิทธิ์ในมรดกมากมายของแสนสมุทร ถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่เงินแสนห้าเลย ต่อให้เงินเป็นล้าน พี่ก็เอาไปเสวยสุขกับโสภีได้อย่างสบาย”
พฤกษ์ซัดเข้าอีกหมัดหนึ่ง เสียงดังผลัวะ เมฆาหงายเงิบไปอีก
“ไอ้เมฆา ถ้าแกยังไม่อยากโดนฉันต่อยจนตาย แกก็รีบหุบปากซะ หยุดพูด หยุดคิดอะไรเลวๆ ได้แล้ว”
เมฆาลุกขึ้นอย่างเคืองขุ่น
“ตามใจ ถ้าพี่อยากจะเป็นคนดีที่มีชีวิตไม่ต่างจากหมาข้างถนนอย่างนี้ต่อไปก็ตามใจ” เมฆาชี้หน้าขู่พี่ชาย “แล้วก็หุบปากให้สนิทเรื่องโฉมไฉไล ไม่งั้นฉันจะบอกคุณพ่อคุณแม่เรื่องพี่กับเมียโสเภณีนั่น!! ดูซิ..ท่านจะว่ายังไงบ้าง”
พฤกษ์อึ้งไป ไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือน้องตัวเอง “เมฆา” ส่ายหน้า “แก..แกมันไม่ใช่คนจริงๆ”
เมฆามองด้วยสายตาเหยียดเย้ย ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้พฤกษ์มึนตึ้บทั้งเรื่องของตัวเองและท่าทีของเมฆา
โปรดติดตาม "ชิงนาง" ตอนต่อไป