ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 18
เสี่ยตงจอดรถอยู่ห่างๆ บังกะโล แล้วก้าวลงจากรถ ชักปืนออกมา มองหาลูกน้องทั้งสองคนที่นัดไว้ ก่อนหันมาบอกลูกน้องอีก 2 คนในรถ
“แกสองคนรออยู่ตรงนี้ เข้าไปหลายคน มันจะรู้ตัวซะก่อน”
จากนั้นเสี่ยตงเดินเข้าไปที่บังกะโล ท่าทีระแวดระวัง
เสี่ยตงถือปืนตั้งท่าที่หน้าห้องบังกะโลหลังนั้น ค่อยๆ เปิดประตูเข้าห้องไป เล็งปืนไปที่เตียง เห็นใต้ผ้าห่มมีคนสองคนนอนอยู่ เห็นกิริยาคนใต้ผ้าห่มขยับไปมา เสี่ยตงยิ่งแค้นหน้ามืดยิงใส่ทันทีหลายนัด
“นังแพศยา !
ร่างในผ้าห่มนิ่งเงียบ เสี่ยตงเดินไปเปิดผ้าห่มดู แล้วตกตะลึง เพราะร่างใต้ผ้าห่มกลายเป็นลูกน้องตัวเองโดนมัดติดกัน ตายคาที่
จังหวะนั้นครองสุขกับธีระเปิดประตูห้องน้ำออกมา เสี่ยตงสะดุ้งเหลียวมองไป
ธีระจะยิงก่อน เสี่ยตงยิงสวนแล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องทันควัน
เสี่ยตงวิ่งหนีออกมาที่รถ พอเปิดประตู เห็นลูกน้องคนหนึ่งคอตกโดนยิง พอมองไปที่นั่งคนขับ ลูกน้องอีกคนก็ตายคาที่ เจิดกับก้าน เดินออกมาจากที่ซ่อนเล็งปืนใส่เสี่ยตง
ครองสุขกับธีระตามมาถึง ธีระเล็งปืนอีกกระบอกจ้องที่เสี่ยตง
“แกติดปีกก็บินหนีไม่รอด”
เสี่ยตงยกมือขึ้น รีบคุกเข่าร้องขอชีวิต พูดกับธีระ “ไว้ชีวิตฉันเถอะ ถ้าแกอยากได้เงิน ฉันจะให้”
“แกใช้กำลังปล้ำฉันเป็นเมีย พอฉันไม่ยอม แกก็จะฆ่าหลานฉัน ฆ่าธีระคนที่ฉันรัก แกสมควรตาย” ครองสุขสร้างภาพ
เสี่ยตงโมโห “มันโกหก มันยอมเป็นเมียฉันเอง แล้วยังบอกว่าแกเป็นแค่คนงานกระจอก มันไม่สนแกหรอก ถ้าฉันเป็นแก ฉันยิงมันไม่นับไปแล้ว”
ธีระหันมามองครองสุข “อย่าไปเชื่อมันนะธีระ มันจะยุให้เราแตกคอกัน” ครองสุขร้องลั่น
ธีระหันไปทางเสี่ย “แกเคยให้ลูกน้องซ้อมฉันเกือบตาย วันนี้ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสความเจ็บปวดบ้าง เฮ้ย อัดมัน”
เจิดกับก้านเก็บปืน เข้าไปซ้อมเสี่ยตง ทั้งเตะ ทั้งถีบ ธีระยืนมองด้วยความสะใจ
ครองสุขยิ้มเยาะกอดแขนธีระ แต่แล้วมีเสียงปืนดังเปรี้ยง!
ทุกคนตกใจมองหาเสียงปืนไม่รู้มาจากทิศทางไหน
เสียงปืนดังอีกเปรี้ยง! ปืนถูกยิงมาอีกรอบ เจิดกับก้านรีบหาที่วิ่งหลบกันวุ่น
เสี่ยตงถือโอกาสวิ่งหนีไปทางป่ารก ธีระยิงออกไปมั่วๆ
“ไอ้หมาลอบกัด ออกมาสิวะ”
ครองสุขวิ่งไปหลบข้างรถเสี่ยตง ธีระวิ่งตาม เจิดกะก้านตามมา
ตรงมุมหนึ่งห่างออกไป มีที่กำบังไม่เห็นตัว เปี๊ยกกับถวิลถือปืนหลบอยู่
เสี่ยตงวิ่งเตลิดหนีมา หันไปมองด้านหลังกลัวคนตาม เสี่ยตงไม่ทันมองข้างหน้า วิ่งชนกับคนที่ยืนขวางทางอยู่ เสี่ยตงชะงักเงยหน้ามอง เห็นใหญ่ยืนหน้าเหี้ยมจ้องมา เสี่ยตงตกตะลึง ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว ใหญ่ยิ้มโหด
“คิดว่าลงนรกมาเจอฉันหรือเสี่ย”
ใหญ่เล็งปืนไปหาเสี่ยตงเขม็ง เสี่ยตงถอยหลังคิดว่าใหญ่จะฆ่า
“อย่า ๆ”
สายตาเสี่ยตงพร่ามัวมองใหญ่ไม่ชัดเจน เสี่ยตงรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ
ใหญ่มองอาการเสี่ยตงอย่างแปลกใจ เสี่ยตงตาดำเหลือกขึ้นไปข้างบน เหลือแต่ตาขาว เสี่ยล้มฟุบหน้าทิ่มพื้นดิน ใหญ่ตกใจ
เวลานั้นปิ่นอนงค์เกาะต้นไม้ชะเง้อชะแง้ไปทางหนึ่ง รอคอยใหญ่ จอมโผล่เข้ามาอีกทาง ปิ่นอนงค์ตกใจ
“อ้าวจอม มาทำอะไรแถวนี้”
“เราอยากคุยกับปิ่นเรื่องที่คุณนะพูด”
“เรื่องอะไร”
“คุณนะพูดถูก เราไม่มีอะไรเลย ทั้งที่ดิน เงินทอง ทรัพย์สินสู้คุณนะไม่ได้เลยสักอย่าง พูดตรงๆกับเราเถอะปิ่นปิ่นจะแต่งงานกับคุณนะใช่มั้ย”
ปิ่นอนงค์ส่ายหน้า “เราไม่ได้คิดอะไรกับคุณนะแล้ว อย่าลืมสิจอม คุณนะ แต่งงานแล้ว ปิ่นไม่มีวันเป็นมือที่สาม ทำให้คุณนะกับคุณอรต้องแตกแยกกันหรอก”
จอมยิ้มสบายใจ “ได้ยินอย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อย เราเชื่อมั่นในตัวปิ่นว่าปิ่นไม่โกหกเรา เรายังมีความหวัง”
ปิ่นอนงค์อัดอั้นอยากบอกความจริง “แต่ว่า...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ขอให้จอมรู้ว่าปิ่นไม่เคยคิดจะทำร้ายจอม แต่จอมต้องรับปากกับปิ่น ต่อไปนี้จะไม่ทำร้ายใคร จะไม่ทำอะไรผิดๆ”
จอมคิ้วขมวด “เดี๋ยวๆ ปิ่นพูดอะไรเราทำผิดอะไร ทำร้ายใคร เราไม่เข้าใจ”
ปิ่นอนงค์สบตาจอม ถอนหายใจ จอมรีบพยักหน้าเข้าใจ
“เอาเถอะเราจะทำตัวดีๆไป เรากลับกันเถอะ แถวนี้มันเปลี่ยวจะตาย ทีหลังอย่ามาคนเดียวนะปิ่น”
จอมพยักหน้าเดินนำไป ปิ่นอนงค์เหลียวหลังหาใหญ่ล่อกแล่ก
ส่วนทางด้านครองสุขยืนอยู่ริมระเบียงคุยโทรศัพท์ หน้าเครียดกลุ้มใจหนัก
“ไอ้เสี่ยมันหายไปได้ยังไง ชั้นไม่สบายใจเลยนะ ตีงูให้หลังหักอย่างนี้ไม่รู้มันจะแว้งมากัดเราอีกเมื่อไหร่”
ที่แท้คุยกับธีระ “ถ้าอย่างนั้นผมก็กลับไปอยู่กับพี่ที่ไร่ได้แล้วสิครับ จะได้คอยปกป้อง คุ้มครองพี่ อย่าลืมคืนตำแหน่งผู้จัดการไร่ให้ผมด้วยก็แล้วกัน”
ครองสุขหรี่ตามองลงไปข้างล่าง เห็นจอมเดินมาส่งปิ่นอนงค์
ปิ่นอนงค์โบกมือน้อยๆ ลาจอม แล้วออกไป จอมมองตาม
“ฮัลโหล ฮัลโหล พี่ครับ พี่”
สีหน้าครองสุขมองจอมแล้วอมยิ้ม อยากกินหญ้าอ่อน จอมออกไป
ทัศนีย์เข้ามาเห็นครองสุข ทัศนีย์ยิ้มจะเดินไปหา ชะงักหลบแอบฟัง
ธีระมองโทรศัพท์งงๆ เห็นครองสุขเงียบไปนาน “ฮัลโหล พี่ครับ”
ครองสุขยิ้มเครียด “อ๋อ...ได้สิได้ตามที่เธอขอ พรุ่งนี้ชั้นจะไปรับเธอด้วยตัวพี่เองเลย ดีไม่ดีไอ้เสี่ยอาจจะโดนฆ่าตายไปแล้วก็ได้”
ครองสุข ยิ้มเหี้ยม กดวางสาย เดินไป
ทัศนีย์มองตาม สงสัยใคร่รู้
ปิ่นอนงค์เช็ดถูกระจกด้านนอกบ้าน ทัศนีย์เข้ามาดึงไป ปิ่นอนงค์ตกใจสงสัย ทัศนีย์เหลียวระแวงกลัวคนได้ยิน
“คุณน้ากลับมาแล้ว แต่ไม่เห็นไอ้เสี่ย ไม่รู้หายไปไหน แปลกจริงๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ปิ่นก็รอฟังข่าวอยู่เหมือนกันค่ะ”
ทัศนีย์จ้องปิ่นอนงค์แววตาสงสัย “นี่ถามจริงๆ ปิ่น เธอใช้ใครไปช่วยคุณน้า”
ปิ่นอนงค์ชะงักคิดคำแก้ตัว “เออะ...อ๋อ...ลุงหวินค่ะ” รีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณนีล่ะคะมีโอกาสได้พูดคุยกับคุณน้าบ้างรึยัง”
“พยายามหาช่องอยู่ เรื่องสำคัญขนาดนี้ให้กลับเนื้อกลับตัวมันไม่ได้พูดกันง่ายๆ แต่วันพรุ่งนี้รับรอง เธอต้องได้ฟังเรื่องดีๆ จากชั้นแน่”
ปิ่นอนงค์งง ส้วนทัศนีย์ยิ้มกระหยิ่ม
คืนนั้นปิ่นอนงค์สวมชุดนอน มุนผมด้วยผ้าเช็ดตัวซับผมให้แห้ง จู่ๆ ใหญ่เข้ามาโอบตัวจากด้านหลัง ปิ่นอนงค์ตกใจจะร้อง ใหญ่ปิดปาก ค่อยๆ จับหันมา แล้วหอมแก้มปิ่นอนงค์ฟอดหนึ่ง ใหญ่ยังมีผ้าขาวม้าพันหน้าอยู่
เวลาผ่านไปใหญ่โดนลูบเรือนผมเบาๆ นอนหนุนตักปิ่นอนงค์ที่พิงหัวนอนเตียงอยู่
“ตั้งใจจะไปรักษาชีวิตนังคุณนายแต่กลับกลายต้องมาดูแลเสี่ยตง คุณนายนี่สารพัดพิษจริงๆ เล่นงานไอ้เสี่ยตงจนคางเหลืองยังไม่ฟื้นเลยนะปิ่น”
“ระวังตัวดีๆนะคะ เสี่ยตงก็ร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกัน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เราจัดให้อยู่ในเซฟเฮ้าส์เฝ้าไม่ให้คลาดสายตา ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ค่อยสอบปากคำมัน”
“คุณนีก็บอกจะได้เรื่องบางอย่างจากคุณนายพรุ่งนี้เหมือนกันค่ะ”
ใหญ่ลุกใส่เสื้อ คลุมผ้าพันหัวบังหน้า ชะโงกหน้าจูบปิ่นอนงค์ที่หน้าผาก แล้วจูบที่แก้มเบาๆ
“รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีล่ะ”
“คุณใหญ่ก็เหมือนกันนะคะ”
“ฉันน่ะมันแมวเก้าชีวิต ไม่ต้องห่วง”
“อย่าประมาทค่ะ”
ใหญ่พยักหน้ารีบปินหน้าต่างหนีไป ปิ่นอนงค์มองตาอย่างห่วงใย
ส่วนเปี๊ยกกำลังจูบแก้มหวานแล้วเอาผ้าขาวม้าพันพรางหน้า ปล่อยตัวจากขอบหน้าต่างหายวูบไป
หวานปะแป้งนุ่งกระโจมอก
เปี๊ยกเดินตะคุ่มๆ มา จู่ๆ มีไฟฉายส่องวาบจับตัวเปี๊ยก
“หยุด ยกมือขึ้น คุกเข่า”
เปี๊ยกยกมือ สมุนเสี่ยตง เล็งปืนใส่เปี๊ยก
สมุนคนหนึ่งถือไฟฉาย พร้อมปืนเดินเข้ามา “จับมันมัดเอาผ้าขาวม้าที่พันหน้ามันนั่นแหละ”
สมุนอีกคนเหน็บปืนที่หลัง ยื่นมือจะกระชากผ้าขาวม้าที่หน้าเปี๊ยก
แต่จังหวะนั้นมี ไม้โผล่เข้ามาก่อน ตีที่มือสมุน ปืนลั่นลงดิน ดังปัง พอปืนหล่น สมุนเสี่ยตง ฉายไฟใส่เห็นเป็นใหญ่ กำลังหวดไม้อีกทีเข้าคางสมุน หงายเงิบหลับไป
เปี๊ยกกอดขาสมุนเสี่ยตงอีกคน แล้วยกจนสมุน ล้มลง เปี๊ยกกระโดดเข้าเตะเสยหน้า สมุนหงายเงิบหลับไปเช่นกัน
เปี๊ยกกะใหญ่โผเข้ามาตรงพุ่มไม้ ยินเสียงม้าร้องแล้ววิ่งออกไป
เวลาต่อมาที่หน้าเรือนคนงาน สมุนสองคน นั่งเช็ดเลือดที่มุมปากคนละข้าง หมู่มวลคนงานยืนเมียงมองหน้าตื่นตกใจ คนงานชายถือมีดพร้า อาการงงๆ
ครองสุขยืนเท้าสะเอว ประกาศกร้าว “พวกแกเคยยิงใครโดนมั่งมั้ย ปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ยังไง” ชี้หน้ากราด “เดี๋ยวแม่ก็ตบล้างตำบลซะนี่”
จอมถือปืนลูกซองยืนเยื้องหลังครองสุข
ปิ่นอนงค์กับหวานยืนอยู่อีกมุม
“ก็เหลือแค่สองคนเองนี่ครับ” สมุนที่ถูกใหญ่จัดการบ่น
“ก็ไปตามที่บ่อนมาเพิ่ม เอามือถึง ใจถึง พวกไก่กาไม่ต้องเสนอหน้ามา”
พูดจบครองสุขเดินออกไป พูดพึมพำเบาๆ “หรือมันจะเป็นไอ้เสี่ยตง”
ครองสุขร้อนใจเดินออกไปทันที
ปิ่นอนงค์หลบตาจอม จอมหันไปสั่งคนงาน “พวกผู้ชาย ไปเบิกปืนที่ชั้นคอยดูแลที่เรือนใหญ่
วันต่อมา ที่มุมหนึ่งในไร่ มีรถมอเตอร์ไซค์ 4 คันจอดอยู่ ครองสุข ยืนพิงรถดูสมุนที่ยืนเรียงแถวกันรวมแล้ว 7 คน มี 2 คนหน้านิ่งตาแข็ง
“ต่อไปนี้ชั้นคือเจ้านายคนใหม่ของพวกแก ทำตามที่ชั้นสั่งก็พอ ศัตรูของเรามันร้ายมาก พวกแกต้องตายไปกี่คนแถมเสี่ยยังถูกอุ้มไปอีก ขอให้ทุกคนเข้มงวดกับบุคคล รถราที่เข้าออกไร่ไพศาลทุกคัน ใครจะเข้าจะออกซักให้ละเอียด”
ครองสุขเปิดประตูรถ หยิบถุงผ้าโยนไปที่สมุนที่อาวุโสสุด
เวลาเดียวกันที่อีกมุม ทัศนีย์แอบมองผ่านกระจกหน้ารถไกลๆ
“ในนั้นมีอยู่แสนสี่แบ่งๆ กันไปเท่าๆ กัน ถ้ามีงานพิเศษก็ได้เพิ่มอีกเป็นคนๆ ไป”
สมุนอาวุโสเดินแจกเงิน ครองสุขขึ้นรถขับออกไป
ธีระยืนกอดอก พิงหน้ารถอยู่ตรงที่เปลี่ยวติดบึงน้ำ ยิ้มแย้มครองสุขขับรถเข้ามาจอด ลงจากรถ
“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ยคุณผู้จัดการรีเทิร์น” ครองสุขแซว
ธีระยิ้มกริ่ม “พร้อมตลอด 24 ชม.ครับพี่ แต่สงสัยว่าทำไมต้องนัดมารับผมแถวนี้ด้วย”
“ที่ตรงนี้พี่จะซื้อให้เธอเป็นของขวัญไงล่ะ เธอจะได้เอาไว้ฝังตัวเองตอนตาย”
ธีระสะดุ้งกับคำพูดครองสุข เสียงรถแบบเดียวกับเคยขับเหยียบผาวิ่งมาข้างหลังธีระ เห็นเจิดกับก้านเป็นคนขับ
ธีระหันขวับมาทางครองสุข “แกหลอกฉัน”
ครองสุขทิ่มมีดไปที่ท้องธีระเต็มแรง ธีระกุมท้องทรุดกองกับพื้น ครองสุขรีบถอยออกห่างกะให้รถเหยียบซ้ำ
รถพุ่งเข้าหาธีระเกือบเหยียบอยู่แล้ว แต่ธีระกลิ้งหลบพ้นล้อไปได้ เจิดก้านหยุดรถหันมามองด้านหลัง
ธีระกัดฟันลุก วิ่งไปที่บึง กระโจนลงน้ำ เจิดกะก้านกระโดดลงจากรถตามติด
เจิดกะก้านยืนที่ริมบึง ยิงใส่ไปในน้ำเพราะไม่เห็นตัวธีระ เห็นแต่เลือดแดงฉานกระจายขึ้นมาบนผิวน้ำ
ครองสุขวิ่งมาดูยืนข้างเจิดกับก้าน มองหาธีระ ร่างธีระลอยขึ้นมาในลักษณะคว่ำหน้า ครองสุขคิดว่าตายโล่งใจ
ครองสุขส่งซองเงินให้เจิด “รางวัลที่แกยอมหักหลังมัน”
เจิดรีบรับไป เปิดซองดูกับก้าน ตาโต “ขอบคุณครับคุณนาย”
ก้านผสมโรง “ไอ้ธีระโคตรขี้เหนียวแบ่งให้พวกผมแค่เศษเงิน คุณนายจ่ายหนักแบบนี้ ผมยอมตายแทนได้เลย”
ครองสุขยิ้มเหยียดเพราะรู้ว่า สองคนตอแหล “มีงานอะไรอีกฉันจะติดต่อไป แต่จำไว้ถ้าแกทำกับฉันเหมือนทำกับไอ้ธีระ แกสองคนจะมีสภาพเดียวกับมัน”
ที่หลังพุ่มไม้เวลานั้น ทัศนีย์แอบดูอยู่ ปิดปากตาเหลือก ถอยหนี แต่ดันสะดุดรากไม้ล้ม ครองสุขได้ยินเสียงหันไปมอง เห็นหลังทัศนีย์ไวๆ วิ่งหนีไปทางถนน
เจิดกะก้านจะตาม ครองสุขจำทัศนีย์ได้รีบสั่ง “ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง พวกแกทำลายหลักฐานแล้วรีบไปซะครองสุขตามทัศนีย์ไป
ทัศนีย์ช็อกร้องไห้ไป ขับรถไป มือไม้สั่น รถครองสุขขับปาดหน้า ทัศนีย์ตกใจเบรกตัวโก่ง พุ่งเข้าหาพวงมาลัยรถ กระแทกมือกับแขนตัวเอง
ทัศนีย์ฟุบหน้ากับพวงมาลัยรถสะอื้นตัวโยน ค่อยๆ เหลือบตามองรถครองสุข เห็นแต่ความว่างเปล่า
จังหวะนั้น มีเสียงเคาะกระจก ทัศนีย์หันไปมองกระจกประตูขวาตัวเอง แล้วสะดุ้งสุดตัว มองผ่านกระจก เห็นครองสุขบอกหน้าตาเฉยชา
“เปิดประตู”
ครองสุขเปิดประตูอีกด้าน ขึ้นไปนั่ง
ครองสุขลูบหัวนี แผ่วเบา หน้าตานิ่งเฉย “ลืมเรื่องที่เห็นซะทัศนีย์ ที่ฉันต้องทำอย่างนี้เพราะมันขู่จะฆ่าฉันก่อน มันขู่จะแฉเรื่องของฉัน ฉันต้องปกป้องตัวเอง หรือว่าแกอยากเห็นฉันต้องตาย หรือต้องติดคุก”
“ก็ไม่เห็นต้องฆ่ากันตาย คุณน้าใจร้าย คุณน้าฆ่าคนมากี่คนแล้วแม้แต่ป้าอุ่นคุณน้าก็ไม่เว้น”
ครองสุขเหยียดยิ้ม “เห็นมั้ย แกก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ศพแรก ขนาดไอ้ผาพ่อของแกชั้นยังฆ่าเองกับมือ”
ครองสุขบีบแก้มทัศนีย์เป็นเชิงขู่ไม่ได้คิดฆ่าจริง “ถึงแกจะเป็นลูกของชั้น แต่ถ้าแกอกตัญญูกับฉัน พูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง ชั้นก็จะไม่ปล่อยแกเอาไว้เหมือนกัน”
ครองสุขผลักหน้าทัศนีย์เต็มแรง แล้วกลับไปขึ้นรถ ขับออกไป
ทัศนีย์กลัวตื่นตระหนก คิดว่าแม่ต้องทำได้จริงๆ
ทัศนีย์ตัวสั่นไปมา เปิดห้องนอนจะเข้าไป จู่ๆ มือปิ่นอนงค์มาจับแขนไว้ ทัศนีย์สะดุ้ง หันไปเห็นปิ่นอนงค์
“ว่ายังไงคะ คุณนีตามคุณนายไป ได้ข่าวอะไรมาบ้าง”
ทัศนีย์หวาดผวาหลบตาไปมา ท่าทางหวาดกลัว “คุณนี คุณนี เป็นอะไรคะ”
ทัศนีย์สะบัดมือปิ่นอนงค์ ร้องโวยวาย กดดันหนัก
“อย่ามาเซ้าซี้ได้มั้ย ชั้นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
ทัศนีย์กระแทกประตูปิดดังโครม แล้วเดินหนี
ปิ่นอนงค์ตกใจ งุนงงว่าทัศนีย์เป็นอะไร
ทัศนีย์นั่งเหม่อลอยพิงต้นไม้ ปานเทพคลุมผ้าขาวม้าใส่หมวกมีปีกกว้างแบบคนงานบังหน้า ย่องมาแอบดู แต่ดันโดนรังมดกัด จนสะดุ้งปัดมด ลุกยืนร้องโวยวายออกมา ทัศนีย์หันมาเห็นตกใจตาเหลือก
“นาย นายปาน”
ทัศนีย์ตกใจลนลานลุกวิ่งหนี แหกปากร้อง “ช่วยด้วย”
ปานเทพวิ่งตาม “เฮ้ย อย่าส่งเสียงดัง เดี๋ยวก่อน”
พอวิ่งมาทัน รวบตัวได้ ปานเทพเสียงดุ ทัศนีย์ร้อง ดิ้นพล่าน “หยุดร้อง เงียบ ไม่งั้นฉันจูบจริงๆ ด้วย”
ทัศนีย์หยุดดิ้นอัดอั้นกับเรื่องที่เพิ่งเจอมา จ้องตาปานเทพ แล้วร้องไห้โฮออกมา
ปานเทพตกใจ “เป็นอะไร ฉันแกล้งขู่ ไม่ได้จูบจริงๆ หรอกน่า”
ทัศนีย์ขยุ้มอกเสื้อปานเทพเขย่าๆ “นายอยากจับชั้นเอาไปขังไว้ที่ไหนก็เอาเลย จะเอาชั้นไปฆ่าก็ได้ ชั้นอยากตาย ชั้นไม่อยากอยู่รับรู้เรื่องบ้าๆอะไรอีกแล้วฉันกลัว”
ทัศนีย์ร้องไห้โฮ
ปานเทพอึ้ง สงสารจับใจ ค่อยๆ จับหัวทัศนีย์ดึงมาซบอก ลูบหลังโดยไม่พูดอะไร ทัศนีย์ยิ่งร้องจนตัวโยน แต่ลึกๆ ก็รู้สึกอบอุ่นใจ
จอมเหงื่อโชกเปิดประตูห้องครองสุขเข้ามาหน้าตาตื่น
ครองสุขอยู่ในชุดคลุมไขว่ห้างอยู่บนเตียง มองจอมแล้วยิ้ม
จอมกวาดตามองรอบห้อง “คุณนายเรียกผมมาที่ห้องนอน เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ
ครองสุขเดินไปปิดประตูล็อก “อะไรกัน เธอรับใช้ชั้นมาตั้งนานเรียกมาคุยธุระในห้องนอนไม่เห็นจะแปลก” แล้วขึ้นเตียงไป นั่งพิงหัวเตียงเหยียดขาซ้อนกัน
“ธุระ ธุระอะไรครับ”
จอมหลบตาไม่กล้ามองขาครองสุขที่แพลมชุดคลุมที่แหวกแคบๆ เห็นเนื้อเนียน
“ชั้นจะตั้งเธอเป็นผู้จัดการของไร่ไพศาล คงไม่มีอะไรขัดข้องใช่มั้ย”
จอมอึ้ง ดีใจ นิ่งคิดถึงอนาคตกับปิ่นอนงค์ “เป็นความจริงหรือครับ”
“เธอทำงานดี ก็สมควรที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง
จอมก้าวไปหาครองสุขใกล้ๆ เตียงพนมมือไหว้
“ขอบคุณครับ ผมสัญญา ผมจะตั้งใจทำงานรับใช้คุณนายให้ดีที่สุด”
ครองสุขขยับตัว กระชากจอมล้มลงบนเตียง จนจอมกระดุมเสื้อขาด เผยอกแกร่ง
ครองสุขตะแคงตัวเอาแขนกับมือกดอกจอม จอมตกใจ
“แล้วไม่คิดจะตอบแทนอะไรชั้นบ้างเหรอ”
ครองสุขพลิกตัวขึ้นทับตัวจอม ระดมจูบไปมา
“อย่า อย่าครับคุณนาย อย่าๆ...”
จอมปัดป้องไปมา พลิกตัวลุกได้ ถอยไปยืนกลางห้อง สูดลมหายใจ
ครองสุขลุกขึ้น โกรธจัด “ทำไม ชั้นมันน่ารังเกียจตรงไหน จะเล่นตัวไปทำไม”
จอมถอยหลัง “เปล่าครับ ผม...ผมรักปิ่นคนเดียว ผมจะแต่งงานกับปิ่นขอโทษจริงๆ ครับ”
จอมเปิดประตู ออกไป ครองสุขโกรธจิกตามองตาม
จอมก้มหน้าก้มตา เช็ดเหงื่อ ขยับเสื้อ เงยหน้ามาเจอปิ่นอนงค์พอดี
ปิ่นอนงค์ถูพื้นอยู่ ตกใจ ตาโต
“ที่ปิ่นได้ยินคนงานเขาพูดกันว่าจอมกับคุณนาย...นี่มันจริงหรือ”
จอมยิ้มแหยๆ ขยับเข้าหาปิ่น อ้าปากจะอธิบาย แต่โดนปิ่นอนงค์ตบหน้าก่อน จอมหน้าหัน ตกใจที่ถูกปิ่นอนงค์ตบ
“ไม่มีศักดิ์ศรี นี่นะเหรอที่จอมเคยบอกว่าจะสร้างอนาคต เธอสร้างอนาคตด้วยวิธีนี้เหรอ”
จอมมองปิ่นอนงค์อย่างช้ำใจ ส่ายหน้าช้าๆ “เราเชื่อมั่นปิ่นทุกอย่าง ปิ่นบอกเราว่าแต่งงานกับคุณใหญ่เพราะความจำเป็นเราก็เชื่อ ปิ่นบอกไม่รักคุณนะแล้วเราก็เชื่อ แต่ปิ่นไม่เคยเชื่อมั่นในตัวเราเลย”
จอมน้อยใจเดินกระแทกเท้าปึงๆ ออกไป ปิ่นอนงค์มองตามอ้ำอึ้ง สับสน
ครองสุข เปิดประตูออกมา ทำผมกระเซิง แบะๆอกเสื้อคลุม รีบเล่นละคร มองตามจอมไปตาละห้อย
ครองสุขมองปิ่นอนงค์ “จอมเค้าเก่งนะ ลีลาท่าทางดุดันเหมือนตัวเขาเลย”
ปิ่นอนงค์เบือนหน้าหนี “ขอโทษค่ะ ปิ่นขอตัวไปทำงาน” แล้วหิ้วถัง ถือไม้ถูพื้นไปเร็วรี่
ครองสุขมองตามสายตาเคียดแค้นชิงชัง
“นังสาระแน ตานะก็หลงแก ไอ้จอมก็รักแก แกมีอะไรดีกว่าชั้น”
ครองสุขโกรธตาลุกเป็นไฟ
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทรรศนะอยู่ที่ห้องทำงานในรีสอร์ท กำลังกดคีย์โน้ตบุ๊กตรวจสอบบัญชีอยู่ ประไพชี้ให้ดูตรงโน้น ตรงนี้ในสมุดบัญชี ระหว่างนั้นครองสุขเข้าประตูมา ทรรศนะกับประไพชะงักหันไปมอง
“ประไพ ออกไปก่อนชั้นมีเรื่องด่วนจะคุยกับตานะ”
“ค่ะ คุณนาย”
ประไพออกไปปิดประตู ครองสุขนั่ง
ทรรศนะ มองครองสุขอย่างสงสัย “มีเรื่องด่วนอะไรเหรอครับ คุณน้า”
“ที่รีสอร์ตน้าจะให้จอมกับประไพดูแลงานแทนนะ ช่วงนี้นะดูแลบริษัทรับเหมาของเสี่ยตงอย่างเดียวเลย”
“ทำไมล่ะครับ แล้วเสี่ยตงล่ะ”
“มันน่าจะตายไปแล้ว” ครองสุขบอกเสียง
“อะไรนะครับ เสี่ย...”
ครองสุขชี้ทรรศนะ แล้วส่ายนิ้วเป็นเชิงบอกไม่ต้องซัก
“ไม่ต้องถามให้มากเรื่อง รีบไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วใช้ตำแหน่งผู้จัดการบริษัทรับเหมาที่เสี่ยมันตั้งให้นะ ยักย้ายถ่ายเทเงินของบริษัทมาเข้าบัญชีใหม่ให้มากที่สุด แล้วเบิกเอามาซื้อทองแท่งในตลาดมาเก็บเอาไว้ที่เรา”
ทรรศนะอึ้ง หน้าเครียด “ทำอย่างนั้นมันผิดกฎหมายนะครับ”
ครองสุขตบโต๊ะ “อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้บริษัทรับเหมาเสี่ยมันเปิดเอาไว้ฟอกเงินที่โกงจากบ่อนมาได้ ถือว่าเราแบ่งเอามาใช้ ไม่มีใครรู้หรอก”
ทรรศนะไม่พอใจ “ผมไม่อยากได้เงินชั่วๆ พวกนี้ คุณน้าอย่าบังคับให้ผมทำเลยครับ”
ครองสุขยื่นหน้าค่อยๆ ลุกขู่อยู่ในที “ก็ไหนบอกว่า นะจะยอมทำทุกอย่าง ถ้าน้ายอมให้นังปิ่นมัน” ค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าหานะ “อยู่ที่นี่ไงละ”
ทรรศนะอ้ำอึ้งหลบตา
ทรรศนะหน้าเครียดรื้อค้นลิ้นชัก ตู้โต๊ะข้างเตียงกระจัดกระจาย ปิ่นอนงค์เปิดประตูห้องถือไม้กวาดเข้ามา ต่างชะงัก มองสบตากัน
“คุณนะ หาอะไรเหรอคะ”
“บัตรประชาชน อรเค้าเป็นคนเก็บพวกเอกสาร แต่เวลาถามหาอะไรก็บอกไม่รู้ๆ”
ปิ่นอนงค์เข้าไปนั่งข้างๆ มองเห็นกล่องใส่เครื่องสำอางของอร ถูกวางทับด้วยซองจดหมาย เอกสารต่างๆ ปิ่นอนงค์หยิบกล่องมาเปิด เห็นรูปทรรศนะ อรสอางค์ และพาสปอร์ต เก็บไว้แทนเครื่องสำอาง ปิ่นอนงค์คลี่ดู ดีใจหยิบบัตรประชาชนยื่นให้ทรรศนะ
“เจอแล้วค่ะ อยู่นี่เอง”
ทรรศนะรับบัตรประชาชนไป มองจ้องหน้าปิ่นอนงค์ แล้วจับไหล่ประคองมานั่งลงบนเตียง ปิ่นอนงค์หน้าเสียอ้ำอึ้ง ทรรศนะคุกเข่าลงตรงหน้า มองปิ่นอนงค์อย่างหลงใหล
“ผู้ชายเค้าอยากได้ผู้หญิงอย่างปิ่นนี่แหละมาเป็นคู่ชีวิต ใจเย็นละเอียดลออไม่ขี้บ่นจุกจิก ไม่รู้เวรกรรมอะไรมาบังตาพี่”
“ห้ามพูดอย่างนี้อีกนะคะ แม้แต่คิด” ปิ่นอนงค์บอก
อรสอางค์เข้าห้องมา หยุดกึก จ้องปิ่นอนงค์ตาวาว ปิ่นอนงค์รีบลุก
“นั่นแกขึ้นไปทำอะไรบนเตียงชั้น ปิ่นอนงค์”
ทรรศนะลุกยื่นบัตรประชาชนโชว์ ผายมือให้อรสอางค์เห็นข้าวของที่กระจายบนพื้น
“ปิ่น เค้ามาช่วยผมหาบัตรประชาชน นี่ไงเจอแล้ว"
“ทำไมต้องให้มันช่วย ไม่มีเหตุผล” อรสอางค์ขึ้นเสียง
ทรรศนะโกรธขึ้นเสียงบ้าง “แล้วคุณช่วยได้เหรอ ถามหาอะไรก็บอกไม่รู้ๆ ให้มารื้อค้นเอาเอง เอาสิ ผมหาเจอแล้ว คุณมาเก็บของพวกนี้เข้าที่เอาเอง”
“ใจเย็นๆค่ะ ค่อยๆคุยกัน เดี๋ยวปิ่นเก็บของให้เอง ปิ่นต้องทำความสะอาดห้องนี้อยู่แล้ว” ปิ่นอนงค์ปราม
“ไม่ต้องมาสะเออะนังตัวดี คอยเข้ามาแทรกเป็นมือที่สามให้ผัวเมียเค้าทะเลาะกันตลอดจะไปไหนก็ไสหัวไป”
ปิ่นอนงค์เม้มปาก เดินเลี่ยงออกไป ทรรศนะมองตาม หันมาทำหน้าเบื่อใส่อรสอางค์
ปิ่นหน้าเครียดเดินเข้าครัวมา ยกแขนปาดเหงื่อที่หน้าผาก เปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม น้อยถือตะกร้าใส่ผักเข้ามาหน้าเครียด พุ่งไปชะโงกดูตามประตู หน้าต่าง
“มีอะไรเหรอน้อย”
น้อยเข้ามาเหลียวล่อกแล่ก “ค.ญ.ฝ.จ.ม.ห.พ.”
“อะไรน้อย พูดมาเถอะ แถวนี้ไม่มีใครหรอก”
น้อยล้วงตะกร้าส่งจดหมายให้ “คุณใหญ่ฝากจดหมายมาให้พี่”
ปิ่นอนงค์เปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ราว 7 วิ รีบเก็บจดหมายใส่กระเป๋ากางเกง
ปิ่นอนงค์จะไป น้อยจับมือเอาไว้ “พวกลูกน้องเสี่ยตง มันเฝ้าประตูทางออกไร่ทุกด้าน ใครเข้าออกมันซักซะถี่ยิบ ระวังถูกสะกดรอยตามนะพี่”
ปิ่นอนงค์พยักหน้ารับรู้แล้วรีบไป
ขณะที่ทรรศนะถือกุญแจรถเดินตรงเข้ามาที่รถ อรสอางค์กับจิ๋ว ตามเข้ามา
“นะไปไหนอรไปด้วย อรไม่ไว้ใจ นะอาจนัดนังปิ่นไว้ที่โรงแรมม่านรูด”
ทรรศนะชี้หน้าด่า “ขืนคุณยังดื้อด้าน ทำตัวปัญญาอ่อนอย่างนี้ ผมจะย้ายห้องนอน”
จิ๋วรีบดึงแขนอรสอางค์พลางส่ายหน้า อรสอางค์จ้องหน้าเห็นทรรศนะจ้องกลับดูเอาจริงมากก็เลยหงอ
ทรรศนะขับรถมาตามทาง เห็นปิ่นอนงค์ถลาออกมาโบกมือยืนขวางถนน ทรรศนะหยุดรถ เปิดกระจกถาม
“มีอะไรเหรอปิ่น”
ปิ่นอนงค์ยืนหอบด้วยความเหนื่อย “ปิ่นนัดจินตนาเอาไว้ที่ปศุสัตว์ เผอิญรถไม่ว่างสักคัน ขอติดรถไปด้วยได้มั้ยคะ”
“ไปสิ พี่ไปส่งปิ่นก่อน แล้วค่อยแวะไปธนาคารก็ได้”
ทรรศนะรีบกุลีกุจอไปเปิดประตูรถให้ แต่แอบระแวงกลัวอรสอางค์มาเห็น จากนั้นทรรศนะขับรถออกไป
ทรรศนะขับรถมาจอดหน้าสำนักปศุกสัตว์ ปิ่นอนงค์ลงจากรถ ไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ คุณนะ”
ทรรศนะดูนาฬิกาข้อมือ “เดี๋ยวพี่มารับตามเวลาที่นัดนะปิ่น”
ปิ่นอนงค์พยักหน้ายิ้มให้ เดินเข้าที่ทำการ ทรรศนะขับรถออกไปแล้ว
ปิ่นอนงค์เดินฉับๆ แล้วหยุดกึก หันกลับมา วิ่งไปโบกรถสองแถวที่ถนน ขึ้นรถสองแถวไป
ที่เซฟท์เฮาส์ ปิ่นอนงค์ยืนอยู่กับใหญ่ที่หน้าประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ ปิ่นอนงค์มองเข้าไป
เห็นเสี่ยตงนอนบนเตียง พยายามจะพูดให้ได้ แต่ฟังคำพูดไม่ชัด เพราะเริ่มจะเป็นอัมพาต พอยกมือ มือตกบนเตียง
“หมอมาตรวจดูคร่าวๆ แล้ว เสี่ยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลัน”
ขณะฟังใหญ่ ปิ่นอนงค์เพ่งพินิจจ้องมองเสี่ยตงเขม็ง บ่นพึมพำ
“คลับคล้าย คลับคลา คล้ายมากเลยค่ะ”
ใหญ่ชะงักมองปิ่นอนงค์งงๆ “คล้ายอะไร คล้ายใคร”
“อาการเสี่ย คล้ายคุณลุงไพศาลตอนป่วยเลยค่ะ”
ปานเทพเดินเข้ามา “หรือว่าจะโดนวางยาพิษเหมือนกัน”
ใหญ่หันไปทางปานเทพเอ่ยขึ้น “แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเสี่ยโดนวางยาพิษเหมือนพ่อชั้น ขืนพาไปโรงพยาบาล นังครองสุขตามมาเก็บอีกแน่”
ปิ่นอนงค์นึกได้ “คุณป้าพยาบาลไงคะ ลองให้คุณป้าพยาบาลที่เคยดูแลคุณลุงไพศาล ช่วยตรวจสอบประวัติการรักษาคุณลุงไพศาลดู”
ปานเทพเห็นด้วย “เข้าท่าดีเหมือนกัน หลักฐานทางการแพทย์มีน้ำหนักไม่น้อยเวลาต่อสู้กันในศาล”
สามคนจ้องหน้า สบตากันไปมา
ใหญ่ และปิ่นอนงค์ นั่งคุยกันบนโซฟารับแขกตัวยาวตัวเดียวกัน
“ปิ่นต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นนะ นายปานเล่าให้ฟังว่า เจอยัยนีแล้วเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ใหญ่ปรารภ
“ใช่ค่ะ คุณนีมีอาการแปลกๆไป เหมือนหวาดกลัวอะไรอยู่ ปิ่นเลยไม่กล้าเล่าเรื่องพินัยกรรมให้รู้”
“ดีแล้ว เรื่องสำคัญอย่างนี้อย่าเพิ่งพูดไปดีกว่า”
ใหญ่เอนตัวลงนอนหนุนตัก ปิ่นอนงค์งง “เป็นอะไรคะ”
ใหญ่อ้อล้อมียรัก “เปล่า อยากนอนหนุนตักเฉยๆ”
ปิ่นอนงค์ตาโต รีบลุก จับใหญ่นั่ง “ต้องรีบกลับแล้วค่ะ เดี๋ยวพวกลูกน้องเสี่ยจะสงสัยปิ่น”
ใหญ่แปลกใจขึ้นมา “แล้วออกมาได้ยังไง”
“มากับคุณนะค่ะ”
ปิ่นอนงค์จะไป ใหญ่หึงจับข้อมือเอาไว้ “ทำไมต้องมากับมัน”
ปิ่นอนงค์ยิ้มแหยๆ พูดเสียงอ่อยกลัวโดนดุ “ก็มันจำเป็นนี่คะ”
ใหญ่หน้าง้ำดึงปิ่นอนงค์ออกจากบ้านเช่าเซฟท์เฮ้าส์ไป
“อุ๊ย คุณใหญ่ จะดึงปิ่นไปไหน ปิ่นต้องรีบกลับ”
จินตนาอยู่ที่บ้านพักไม่ได้ไปทำงาน นั่งนึกเสียใจเรื่องปิ่นอนงค์ เอาคางเกยแขนมองกรอบรูปปิ่นอนงค์ที่ถ่ายคู่กันอยู่ที่ระเบียงบ้าน จินตนายิ้มเศร้าๆ คิดถึงปิ่นอนงค์เหลือเกิน
จอมเดินนิ่งๆ เข้ามา จินตนาเงยหน้าไปมองตาขวาง “กลับไปซะ ชั้นไม่อยากเห็นหน้านาย”
จอมเดินดุ่มขึ้นมานั่งด้วย ตีหน้าตาย “คุณจิน ฟังเราให้ดี ฟังให้ชัดๆ ปิ่นยังไม่ตาย ตอนนี้อยู่ที่ไร่”
จินตนาดีใจ ตาโต อ้าปากค้าง “เป็นไปได้ยังไง ก็ปิ่นตกเหวตายไปแล้ว”
“ปิ่นรอดมาได้ พี่หวานกับน้อยเป็นคนช่วย”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเรา ทำไมปิ่นไม่ติดต่อมา”
“ปิ่นคงอยากมาหาคุณจินด้วยตัวเองมั้ง คงกลัวคุณจินช็อก”
จินตนาทำขรึมใส่ “แล้ว...นายมาหาเราทำไม”
จอมมองเหม่อ “คุณจินเป็นผู้หญิง คงเข้าใจผู้หญิงด้วยกันได้ดีกว่าเรา ถามอะไรหน่อยสิ ถ้าผู้หญิงคิดว่าเราไปนอนกับผู้หญิงอีกคน แล้วตบหน้าเรา แสดงว่าเค้าหึงรึเปล่า”
จินตนางงๆ เหลือบตามองจอม “คงอย่างนั้นมั้ง”
จอมยิ้มแป้นดีใจ จับมือจินตนาเขย่า “ขอบใจมาก เรากลับแล้วนะ อยากเห็นหน้าปิ่น”
จากนั้นจอมรีบเดินกลับไปทันที
จินตนามองตามงงๆ บ่นงึมงำ “อะไรวะ อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไปซะอย่างนั้น”
ที่แท้ใหญ่ขับรถพาปิ่อนงค์มาจอดรอแถวๆ ปศุสัตว์ ปิ่นอนงค์ชะเง้อชะแง้มองหา กลัวทรรศนะมาเห็น จังหวะที่ปิ่นอนงค์จะลงรถ ใหญ่ดึงตัวเข้ามาจูบแก้มซ้ายจูบแก้มขวา
“พอแล้วค่ะ เดี๋ยวใครเห็นเอา”
“ใครที่ว่าน่ะใคร หวานใจวัยเรียนของเธอหรือ” ใหญ่ประชด หึงเห็นๆ
“ปิ่นมาทำงานนะคะ ไม่ได้มาเที่ยวจี๋จ๋ากับเขาสักหน่อย”
“ไม่รู้ล่ะ ห้ามนายนะจับมือถือแขนเด็ดขาด ถ้าฉันรู้ ฉันจะทำโทษเธอ”
ปิ่นอนงค์รีบผลัก แกล้งใหญ่คืนบ้าง “กลัวจัง”
แล้วหนีลงรถไป ใหญ่มองไปทางรถทรรศนะ หวงและห่วงปิ่นอนงค์มากมาย
ทรรศนะยืนพิงรถอยู่หน้าปศุสัตว์รอปิ่นอนงค์ จินตนาขับรถเข้ามาจอด ลงจากรถ ทรรศนะเห็นจึงเดินเข้าไปหาจินตนางงๆ
“ปิ่นล่ะครับ เห็นบอกว่านัดกับคุณเอาไว้”
จินตนางงๆ กำลังอ้าปากพูด “นัดกับฉัน...”
ปิ่นอนงค์วิ่งเข้ามาสวมกอดจินตนาด้วยความคิดถึง
จินตนากอดตอบ พลางจับหน้า จับตัวปิ่นอนงค์ด้วยความตื่นเต้น
“เฮ้ย ปิ่นหรือ ปิ่นจริงๆ อ่ะ ไอ้บ้า” ตีปิ่นอนงค์งอนๆ “ไอ้เพื่อนทุเรศ เราคิดถึงปิ่นมากเลยรู้มั้ย”
จินตนาตื้นตันจนน้ำตาไหลด้วยความดีใจ “ปิ่นก็คิดถึงจิน อยากจะมาหาตั้งนานแล้ว แต่มันมีเรื่องจำเป็นหลายอย่าง
ปิ่นอนงค์มองทรรศนะ ที่จ้องจับสังเกตอยู่ ปิ่นอนงค์จึงไม่กล้าเล่า จำใจโกหกเพื่อนรักไปก่อน
“นี่ปิ่นก็มารอจินตั้งนาน ไม่เห็นมาสักที ปิ่นหิวเลยออกไปหาอะไรกินในตลาดน่ะ”
สองสาวกอดกันด้วยความรักใคร่ ทรรศนะมองยิ้มๆ
น้อยหั่นผักอยู่ในครัว อรสอางค์เดินเข้ามาหน้าบึ้ง “นี่เธอ ปิ่นอนงค์อยู่ไหน”
น้อยแกล้งหันซ้ายหันขวา “ถามใครคะ”
อรสอางค์ตวาด “ก็ถามแกนั่นแหละ ตรงนี้ยังมีใครอีกหรือ”
“ก็หนูมันการศึกษาน้อย คุณอรเรียก นี่ๆๆ ใครจะไปคิดว่าเรียกหนูละคะ” น้อยประชด
อรสอางค์พยายามอดกลั้น “พอๆ ตอบมาแค่เห็นนังปิ่นหรือเปล่า”
“ไปธุระส่วนตัวข้างนอกค่ะ”
อรสอางค์ปรี๊ดคิดว่าต้องไปเจอกับทรรศนะแน่ รีบกดโทรศัพท์หาทรรศนะง่วน แต่ทรรศนะปิดเครื่อง อรสอางค์ประสาทกิน
“นะปิดเครื่อง นะกับนังปิ่นมันต้องทำอะไรกันอยู่แน่ๆ”
น้อยเห็นอาการอรสอางค์ยิ่งเป็นห่วงปิ่นอนงค์
ที่หน้าเรือนคนงาน หวานกับน้อย พร้อมคนงาน ยืนลุ้น หวานกระซิบน้อย
“ปิ่นไปข้างนอกยังไงรู้หรือเปล่า”
“ไม่รู้ คงไม่ได้ไปกับคุณนะหรอก ยัยไฮโซเนี่ยประสาทไปเอง”
น้อยกับหวานมองไปทางอรสอางค์ ที่ยืนกอดอกอยู่อีกมุม จิ๋วเลิ่กลั่กไปมา จอมเดินงงๆ ถือช่อดอกไม้เข้ามาหาหวานกับน้อย
“มีอะไรกัน ปิ่นอยู่แถวนี้รึเปล่า”
อรสอางค์หันมาหาจอม “คอยดูเอาเองก็แล้วกัน ว่านังปิ่นมันร้ายขนาดไหน บริหารเสน่ห์กับผู้ชายไม่เลือก ขอให้เป็นตัวผู้เถอะ ได้ทุกคน”
จอมไม่พอใจอรสอางค์ “คุณอรปากแบบนี้นี่เอง คุณนะถึงเอาแต่เมาเหล้า”
อรสอางค์แถไปหาจอมอย่างเอาเรื่อง จิ๋วดึงไว้ จังหวะนั้นเสียงรถขับเข้ามา อรสอางค์หันขวับไปมอง
ทรรศนะขับรถเข้ามาจอด ปิ่นอนงค์ ทรรศนะ ลงมางงๆ มองหมู่มวลไปมา อรสอางค์ปรี่เข้าหาปิ่นอนงค์ ชี้หน้าเอาเรื่อง
“แกนังปิ่น ทำปากว่าตาขยิบ บอกว่าไม่มีอะไร ไม่คิดอะไรแต่แอบไปโรงแรมนอนกับผัวชาวบ้าน”
“อะไรนะคะ”
“อู๊ย...อีนางเอกหน้าซื่อ ขอซักทีเถอะ”
อรสอางค์เงื้อมือหมายจะตบปิ่นอนงค์ จอมเข้ามาคว้ามือก่อนโดน หมู่มวลกรี๊ด
ทรรศนะดึงอรสอางค์ออกไป อรสอางค์กระหน่ำตีทรรศนะ ทั้งหยิกทั้งข่วน
“คุณนะ คนหลอกลวง โกหกอร โกหกมาตลอด รักมันมากใช่มั้ย คนใจง่าย ใจร้าย”
ครองสุขเดินเข้ามางงๆ สมุนตามประกบ
ครองสุขเข้ามากระชากอรสอางค์กระเด็นไป
ครองสุขชี้หน้าอรสอางค์ “แกกล้าดียังไงมาทำกับตานะอย่างนี้ ชั้นเลี้ยงดูของชั้นมา ซักแปะก็ไม่เคยตี แกเป็นแค่เมียมาถือสิทธิ์อะไร”
จอมประคองปิ่นอนงค์จะไป ครองสุขมองกราดชี้ไปที่ปิ่นอนงค์
“แกอีกคนนังปิ่น นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ชั้นสั่งแกแล้วใช่มั้ย อยู่ที่นี่อย่าก่อเรื่องอะไรอีก ลากตัวมันไป อยากทำอะไรก็เอาเลย”
ครองสุขสั่งกร้าว สมุนตรงเข้าหาปิ่นอนงค์ จอมเข้าขวางกำหมัด จังหวะนั้นทรรศนะพุ่งเข้าหาสมุนข้างหลัง ชักปืนสมุนออกมาขึ้นลำทันที
อรสอางค์มองตาค้าง ครองสุขโผเข้าไป “ใครทำร้ายปิ่นแม้แต่รอยข่วน ผมจะยิงตัวตายเดี๋ยวนี้”
ครองสุขยื่นมือขอปืนอ้อนวอน ทรรศนะชูปืนระดับหัวตัวเอง
ทุกคนชะงักตาค้าง “อย่าตานะ อย่านะลูก ขอปืนให้น้า น้าไม่ทำแล้ว ไม่มีใครทำแล้ว ไม่มีใครทำอะไรปิ่นอนงค์แล้ว ใจเย็นๆ ส่งปืนมา”
อรสอางค์แค้นทรรศนะมากที่ปกป้องปิ่นอนงค์ แค้นจนทนไม่ไหวร้องกรี๊ดเป็นลมไป จิ๋วรีบเข้าประคองเอาไว้
“คุณหนู”
ทรรศนะลดปืนลงมองอรสอางค์ ปิ่นอนงค์ตกใจไปด้วย มองอรสอางค์อย่างเห็นใจ
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ปิ่นอนงค์มานั่งเครียดอยู่ใต้ต้นไม้ จอมเดินเข้ามา ปิ่นอนงค์เงยหน้ามอง จอมดึงมือปิ่นอนงค์ไปกุมบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“เราไปให้พ้นๆจากไอ้ไร่บ้าๆนี่เถอะ”
ปิ่นอนงค์ลุกยืน ค่อยๆ ดึงมือจากจอม
“ปิ่นไปไม่ได้”
“เพราะอะไรล่ะปิ่น ยัยผู้ดีนั่นตามข่มเหงปิ่นสารพัด ปิ่นจะอยู่ให้โดนเหยียบย่ำไปถึงไหน”
ปิ่นอนงค์อึกอัก ไม่กล้าเล่าความจริง “คือ....”
จอมสวนคำออกมา “หรือปิ่นยังสงสัยเรื่องเรากับคุณนาย เราสาบานได้นะว่าไม่มีอะไรกับคุณนายจริงๆ วันนั้นที่ปิ่นเห็น คุณนายเรียกเราเข้าไปหา คือคุณนายเขาพยายามที่จะ.... แต่เราก็ไม่เล่นด้วย”
“แต่จอมก็ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการที่คุณนายประเคนให้ไม่ใช่หรือ คุณนายคงไม่ให้จอมฟรีๆ หรอก”
“ปิ่นไม่คิดว่าเป็นเพราะความสามารถของเราหรือ”
“ปิ่นไม่ได้คิดอย่างนั้น”
จอมเสียงดังใส่ “ปิ่นคิด ปิ่นคิดว่าเราโง่ เราไม่เอาไหน” จอมทำท่าฮึดฮัด “เราจะพิสูจน์ให้ปิ่นเห็น เราจะต้องเก่งกว่าไอ้ใหญ่ เหนือกว่าไอ้ทรรศนะ”
จอมเดินน้อยใจไป ปิ่นอนงค์ถอนหายใจ อย่างเหนื่อยหน่าย
ปิ่นอนงค์เดินกลับเข้ามาที่เรือนใหญ่ ยินเสียงจิ๋วเรียก “หนูปิ่น”
ปิ่นอนงค์หันกลับไปเห็นจิ๋วยืนอยู่ จึงรีบเดินไปหาจิ๋ว “คุณอรเป็นยังไงบ้างพี่จิ๋ว”
จิ๋วรีบจับมือปิ่นเขย่า “พี่จิ๋วขอร้องนะคะ อย่าทำให้คุณหนูของพี่จิ๋วต้องทุกข์ใจไปกว่านี้เลย จะให้พี่จิ๋วกราบพี่จิ๋วก็ยอม”
“พี่จิ๋วก็คิดว่าปิ่นชอบคุณนะหรือคะ”
“ตอนแรกก็ไม่คิดค่ะ แต่สิ่งที่พี่จิ๋วเห็นตลอด คือหนูปิ่นคอยเข้าหาคุณนะทุกครั้งที่มีโอกาส ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะคะ”
“แต่ปิ่นไม่...”
“ถ้าไม่ แล้ววันนี้ไปกับคุณนะทำไมละคะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูเธอจ้องอยู่ เธอรักของเธอมาก”
ปิ่นอนงค์จับมือจิ๋วตบหลังมือเบาๆ “ปิ่นไม่รู้จะพูดยังไง ที่ปิ่นต้องไปกับคุณนะ เพราะปิ่นมีความจำเป็น”
จิ๋วพูดอย่างพาลๆ “จำเป็นแย่งสามีชาวบ้านนะหรือคะ พี่จิ๋วดูคนผิดไป ไว้ใจคนง่ายไป”
จิ๋วดึงมือออก เดินหนีไป ปิ่นอนงค์ยืนนิ่ง
คืนนั้นพอปิ่นอนงค์เปิดประตูเข้ามา เจอใหญ่รออยู่ ปิ่นอนงค์รีบปิดประตู
“คุณใหญ่มาทำไมบ่อยๆคะ เข้าๆออกๆทุกวันอย่างนี้ ระวังจะเกิดเรื่อง”
“ได้ข่าวว่านังปีศาจครองสุขมันจะเล่นงานปิ่นอีกแล้วหรือ”
ปิ่นอนงค์โมโห “พี่หวานนี่จริงๆ เลย ขอแล้วว่าอย่าบอก”
“คืนนี้ฉันจะนอนเฝ้าเธอเอง เกิดมันเปลี่ยนใจส่งคนมาทำร้าย จะได้ช่วยกันทัน”
“คุณนายไม่ทำหรอกค่ะ เพราะคุณนะต้องไม่ยอมอยู่แล้ว”
พอได้ยินดังนั้นใหญ่รู้สึกหึง “อ๋อ มีอดีตหวานใจคอยคุ้มครองว่างั้นเหอะเลยไล่ให้ฉันกลับได้กลับดี ไม่น่ามาแส่เล้ย ฉันไปก็ได้”
ใหญ่แกล้งเดินไปที่หน้าต่าง “ปีนลงไปดีๆ นะคะ ระวังตก”
ใหญ่หันกลับมา ทิ้งตัวลงนอน “ฉันเปลี่ยนใจล่ะ ที่นี่มีหมอนข้างให้นอนก่ายทั้งคืน เรื่องไรจะกลับให้โง่”
ปิ่นอนงค์เข้าไปดึงใหญ่ “นอนไม่ได้นะคะคุณใหญ่ เชื่อปิ่นสิคะ ถ้าโดนจับได้ ไอ้ที่เราลงทุนลงแรงไปก็เปล่าประโยชน์ ลุกสิคะ”
ใหญ่งอแงทำตัวหนักไม่ยอมลุก “วันนี้ฉันทำงานหนักมาก ไม่มีแรงจะปีนหน้าต่าง เกิดตกลงไปขาแข้งหัก กลายเป็นอัมพาต ใครจะเลี้ยงฉัน
ใหญ่หลับตาปี๋ ปิ่นอนงค์ดึงให้ลุก “อย่าโยกโย้ ปิ่นรู้ว่าคุณใหญ่แกล้ง ปิ่นรู้ทัน รู้ทุกมุก ไม่ต้องมาหลอกปิ่นเลย” ปิ่นอนงค์พูดเสียงดุ “ลุกเดี๋ยวนี้”
ใหญ่ลืมตาลุกนั่งตวาดใส่ “อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันไม่ชอบให้เมียมาข่ม”
ปิ่นอนงค์สะดุ้งตกใจ รีบถอยหลังลงจากเตียง ใหญ่หันมาชี้หน้า “แล้วอย่าเรียกอีกนะ คนกำลังง่วง มีน้ำโหได้ง่ายๆ”
ใหญ่ล้มตัวลงนอนอีก หันหลังให้ปิ่นอนงค์ แอบยิ้มย่องที่แกล้งดุปิ่นอนงค์ได้สำเร็จ
ปิ่นอนงค์ยืนกลัว น้อยใจ เดินไปนั่งขอบเตียง หันหลังให้ใหญ่ น้ำตาคลอ
ใหญ่หันมาลืมตามองปิ่นอนงค์ แล้วคลานเข้าไปกอด
“ไหนว่ารู้ทัน รู้ทุกมุกของฉันไง โดนแค่นี้ร้องไห้ขี้มูกโป่งซะแล้ว”
ปิ่นอนงค์อายหันกลับมา ตีอกใหญ่รัวๆ “คุณใหญ่ ทำไมชอบแกล้งปิ่นนักนะ”
ใหญ่สวมกอดปิ่นอนงค์แน่น “ก็คนเขาหวง เอ๊ย เขาห่วง อุตส่าห์มา ก็ยังมาไล่อีก”
ใหญ่ดึงปิ่นอนงค์ลงนอน กอดเป็นหมอนข้าง เหมือนที่นอนด้วยกันครั้งแรก หลับตายิ้ม
ปานเทพอยู่เรือนคนงานที่ฟาร์มแพะ เดินเข้ามาส่งเสียงโวยวาย “ไอ้คุณใหญ่มันเอาอีกแล้ว หาเรื่องอีกแล้ว”
“คุณใหญ่ไปทำอะไรหรือครับ” ถวิลสงสัย
“ไปหาปิ่นอนงค์ เวลาผมห้ามมัน มันก็รับปากดิบดีว่าไม่ไปเพราะสถานการณ์มันหนาสิ่วหน้าขวาน แต่พอเผลอมันก็หายวับไปทุกที”
“ขอร้องคุณใหญ่ดีๆ น่าจะฟังนะครับ”
“โอ๊ย แทบจะกราบเท้ามันอยู่แล้ว มันยังไม่ฟังเลย จะฟ้องพ่อให้จัดการ ก็ฟ้องไม่ได้”
ถวิลก็ห่วงไปด้วย หยิบปืนเหน็บเอว “ผมไปตามดีกว่า”
ปานเทพดึงแขนรั้งไว้ “ไม่ได้นะครับนายหวิน ยิ่งไปกันหลายคน จะยิ่งโดนจับได้”
“แล้วจะทำยังไงละครับ”
ปานเทพบอกอย่างอิดหนาระอาใจ “มีทางเดียว ช่วยกันสวดมนต์ภาวนา”
ใหญ่นอนกอดปิ่นอนงค์อยู่ทั้งคืนจนรุ่งเช้า เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ปิ่นอนงค์รีบลุกไปปิด พลางเขย่าแขนปลุกใหญ่
“คุณใหญ่คะ ตีห้าแล้ว” ใหญ่ปรือตามอง “รีบกลับไปก่อนฟ้าสว่าง คนจะได้ไม่เห็น”
ใหญ่งอแง “นอนอีกหน่อยไม่ได้หรือ ยังนอนไม่อิ่มเลย”
“ไม่ได้ค่ะ คราวนี้ปิ่นโกรธจริงๆ”
ใหญ่ยอมลุก เดินไปหยิบผ้าขาวม้ามาคลุมหัวบังหน้า
“คืนนี้อย่ามาอีกนะคะ”
ใหญ่ตีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เปิดหน้าต่าง ปิ่นอนงค์ดึงไว้
“รับปากก่อนค่ะ”
ใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “จ้ะ...แม่”
ใหญ่จุ๊บแก้มปิ่น แล้วปีนออกไป ปิ่นอนงค์คอยก้มมอง ลุ้นให้ใหญ่ปลอดภัย
ใหญ่ถึงที่พื้นโบกมือให้ แล้ววิ่งหายไปในความมืด ปิ่นอนงค์โล่งใจ
ขณะนั้นจอมเพิ่งตื่นนอน เปิดหน้าต่างออกมา ใหญ่ซึ่งกำลังย่องๆ ผ่านมารีบหลบแนบตัวผนังบ้านด้านล่างเกือบไม่ทัน ใหญ่เงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง จอมกวาดตามองๆ ลุ้นว่าจอมจะเห็นมั้ย แต่จอมไม่เห็นผละจากหน้าต่างไป
ใหญ่โล่งใจรีบหลบไปตามเงามืด
ที่กองฟางวางเรียงซ้อนกันเป็นแนวสูง มีช่องว่างเล็กๆ ที่พอมองเห็นหน้าคนได้บางส่วน ใหญ่วิ่งมายืนหลบ เพื่อดูว่ามีคนหรือเปล่า อีกด้านของกองฟางไอ้เพียว คนงานไร่ไพศาลกำลังยืนยิงกระต่ายอยู่
ใหญ่ได้ยินเสียงฮัมเพลง หันมามองตรงช่องว่าง
ไอ้เพียวก็หันมามองตรงช่องว่างพอดีเหมือนกัน จ๊ะเอ๋กัน มีแสงขาวควันโขมงลอยอยู่ตรงหน้าใหญ่บรรยากาศเหมือนผีเด๊ะ ไอ้เพียวสะดุ้งโหยง ร้องลั่น ใหญ่ตะลึงหลบไม่ทัน
ไอ้เพียวปากคอสั่น ก้าวเท้าไม่ออก ยกมือไหว้หลับหูหลับตาพูดติดๆ ขัดๆ
“สวัสดีครับคุณใหญ่ วันนี้ผมไม่ว่างจริงๆ คุณใหญ่เชิญตามสบายนะครับ ผมขอไปเข้าส้วมก่อน เหอๆ อย่าตามมานะครับ ผมลาขาดละครับ”
ไอ้เพียววิ่งหนีผ้าขาวม้าแทบหลุดจากเอว แหกปากร้องตะโกน “ช่วยด้วย คุณใหญ่มาหาโว้ย”
ไฟตามบ้านพัก ค่อยเปิดสว่างไล่กัน ใหญ่ต้องรีบหนีอย่างด่วน
ครองสุขเดินมาตรวจงานที่คอกวัว ส่งสายตาให้จอม
“งานมีปัญหาอะไรมั้ยจอม”
จอมซ่อนหน้าหลบตา “ช่วงนี้วัวให้น้ำนมน้อย น่าจะเป็นที่เราให้อาหารไม่ถึงคงต้องสั่งอาหารเพิ่มขึ้น ลำพังแค่ให้หญ้าอย่างเดียวคงไม่พอ”
ครองสุขรีบบอก “ไม่ต้องหรอก สิ้นเปลือง กินหญ้าไปนั่นแหละพอแล้ว รอให้ศาลสั่งให้ฉันเป็นผู้รับมรดกทั้งหมดเสียก่อน ฉันจะขายไอ้วัวบ้าพวกนี้ไปให้หมด”
ครองสุขมองคอกวัวไม่มีคนงานเลย “อ้าว ทำไมไม่เห็นคนงานสักคน ไม่ทำงานกันหรือไง”
จอมมองหาคนงาน
ตรงลานกว้างภายในไร่เวลานั้น พวกคนงานหลายคน และป้าคนงานที่เคยเจอผีใหญ่ จิ๋ว น้อย และหวาน รุมฟังไอ้เพียวที่เจอใหญ่เมื่อคืน แต่ไอ้เพียวเล่าเวอร์ “ข้าสาบานได้ ว่าเป็นคุณใหญ่จริงๆ แกลอยมาอยู่ตรงหน้าขาก็ไม่ติดพื้น”
ทุกคนเบียดกันกลัวส่งเสียงฮือ “เฮอ”
ไอ้เพียวเล่าต่อ “หน้าตางี้เละ ขนาดข้าสวดคาถาชุมนุมเทวดา แกยังไม่ไปเลย”
ทุกคน “เฮอ” อีก
น้อยมองหน้าหวานพยักหน้าให้กัน “น้อยก็เคยเห็นคุณใหญ่ห้อยหัวลงมาจากขื่อ ตางี้แดงแจ๋”
“ฉันเจอหนักกว่า ยื่นมือยาวจะมาบีบคอเลยแหละ” หวานตามน้ำ
จิ๋วงง “เฮ้ย นั่นมันผีแม่นากแล้ว เจอผิดตัวหรือเปล่า”
“ผีคุณใหญ่จริงๆ ใช่แน่ๆ เพราะแกชอบตวาดเสียงดังว่า ถ้าไม่ทำตามที่ฉันสั่ง จะฆ่าหมกป่าให้หมด” น้อยบอก
ทุกคนร้องเซ็งแซ่ “เอ้อ ใช่แน่ๆ”
มีถังใส่น้ำถูกปามาตรงกลางวง ทุกคนผวาเข้ากอดกัน ร้องลั่น
“เฮอ ผีคุณใหญ่มา”
ครองสุขเดินเข้ามาพร้อมจอม “ผีบ้าผีบอกอะไร ไอ้ใหญ่มันตายไปแล้ว”
น้อยได้โอกาสหลอกครองสุข “ตายแล้วก็มาได้ เพราะเป็นผี”
หวานผสมโรง “หรือผีคุณใหญ่จะมาหักคอคนที่คุณใหญ่แค้น”
ครองสุขสะดุ้งอยู่ในใจ “ไร้สาระ โง่งมงายอย่างนี้นี่เล่าถึงเป็นได้แค่พวกใช้แรงงานไป ไปทำงานกันได้แล้ว ใครพูดถึงผีไอ้ใหญ่ให้ฉันได้ยินอีกก็ไสหัวออกไปจากไร่ฉันได้เลย”
ครองสุขสะบัดตัวเดินหนีไป จอมตวาด “ยังไม่ไปอีก”
หวานกับน้อยหมั่นไส้จอม หวานเปิดหัว “ทราบแล้วค่ะคุณผู้จัดการคนใหม่ ได้ตำแหน่งมาไวนะ ไม่รู้ว่าใช้เส้นแบบไหน”
น้อยตาม “คงไม่ใช่เส้นก๋วยเตี๋ยวหรือเส้นก๋วยจั๊บหรอก เพราะคุณนายไม่ชอบกิน แต่ชอบกินอย่างอื่น”
จอมกำมือแน่น น้อยกับหวานมองมือจอม แล้วรีบดึงกันไป
คนอื่นๆ ต่างมองจอมแล้วแยกย้ายไปทำงาน
เวลาต่อมา หวานกับน้อย ดึงปิ่นอนงค์มาคุยกันหลบๆ ที่เรือนคนงาน
“เมื่อเช้ามืดไอ้เพียวมันเห็นคุณใหญ่ แต่มันนึกว่าเป็นผีตอนนี้คนทั้งไร่กลัวผีคุณใหญ่แบบขี้หดตดหาย” หวานเอ่ยขึ้น
น้อยเนื้อเต้นชอบใจ “สนุกดีออก น่าจะมาหลอกคุณนายให้หัวโกร๋นไปเลย”
“คุณนายไม่มีทางเชื่อหรอก สักวันคงต้องจับได้แน่ๆ”
ปิ่นอนงค์รู้สึกกังวลรีบบอกหวาน “พี่หวานช่วยส่งข่าวให้ถึงคุณใหญ่ทีนะจ๊ะ บอกว่าอย่ามาที่ไร่อีก มีเรื่องคืบหน้าอะไรปิ่นจะส่งข่าวไปเอง”
หวานพยักหน้า
จินตนาแวะมาที่โรงพยาบาล ยืนคุยกับเพื่อนหมอผู้หญิงยิ้มแย้ม
ระหว่างนั้นปานเทพเดินออกจากห้องเจ้าหน้าที่ ป้าพยาบาลเดินออกมาส่ง จินตนาหันไปเห็นปานเทพ นึกสงสัยว่ามาทำอะไร ปานเทพเดินไป จินตนารีบบอกลาเพื่อนหมอสะกดรอยตามปานเทพไปห่างๆ
ปานเทพเดินไปตามทางเดิน ขณะที่ด้านหลังจินตนายังตามอยู่ ปานเทพรู้สึกว่ามีคนตามชะงักฝีเท้าไปนิดหนึ่ง
ปานเทพคิดไปคิดมา แล้วเดินฉากหลบเลี้ยวตรงมุมทันที จินตนาสาวเท้าตามมาอย่างไวกลัวไม่ทัน
พอจินตนาเลี้ยวตรงมุม มองตลอดแนวทางเดินไม่เห็นปานเทพเลย จินตนามองหา
“ทำไมเดินเร็วนักวะ”
จินตนาหันกลับ เจอปานเทพในระยะประชิดตัว จินตนาตกใจปล่อยหมัดใส่หน้าปานเทพเต็มๆ จนปานเทพหงายเงิบลงไปนอนบนพื้น
ปานเทพจับปากร้องโอดโอย จินตนาตกใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ คนมันตกใจ ดันมายืนข้างหลังทำไมล่ะ”
ปานเทพลุกยืน เดินเข้าหาจินช้าๆ “คุณตั้งใจสะกดรอยตามผมมา เพื่อคิดจะทำร้ายผมใช่มั้ย”
จินตนาถอยหลังกรูด “นี่อย่ามาป้ายสีฉันนะ”
“แล้วตามทำไม”
“ก็นายทำตัวลับๆล่อๆ ชวนให้สงสัย”
“คุณต่างหากไม่ใช่ผม ผมไม่สบายก็มาหาหมอ ไม่เหมือนคุณหรอกชอบเดินตามผม เจอทีไรก็ตามติดทุกที เหมือนอะไรน้า...”
ปานเทพพูดพลางเดินวนรอบตัว ขณะที่จินตนาระวังตัวแจ “เหมือนอะไร”
“เหมือนเด็กสาวมัธยมที่ชอบแอบมองรุ่นพี่ตามซอกตึกเรียนนะสิ ทำไม คลั่งไคล้พี่มากหรือจ๊ะน้องสาว”
จินตนาสะอึก ทำหน้าไม่ถูกเพราะโดนจี้ใจดำ ได้แต่อ้าปากเถียงไม่ออก
ปานเทพหันไปเห็นรปภ.เดินตรงมา รีบเอากระเป๋าเงินยัดใส่มือจินตนา ร้องตะโกนบอกยาม
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย ผมโดนฉกกระเป๋าเงิน” รปภ.วิ่งหน้าตั้งมา “คนนี้เลยครับ จับเลยๆ”
จินตนาพยายามดันกระเป๋าคืนปานเทพ “ฉันเปล่านะ อย่ามามั่ว”
รปภ.เข้ามาจับจินตนา ปานเทพรีบดึงกระเป๋าคืนไป จินตนาพยายามอธิบายบอกรปภ.
“ฉันไม่ได้ทำ ไอ้หมอนี่ต่างหากที่มันมีแผนทำร้ายเพื่อนฉัน”
จินตนาหันมาชี้ไป แต่ปานเทพหายหัวไปแล้ว จินตนาแป่ว หน้าเจื่อนจ๋อย
ทางด้านทรรศนะนั่งทำงานอยู่ที่รีสอร์ต จิ้มคอมพิวเตอร์ยิกๆ ตาเหลือบไปทางโซฟา เห็นอรสอางค์นั่งเฝ้าแต่ทำเป็นเปิดนิตยสารแฟชั่นอ่านอยู่ ทรรศนะเซ็งลุกยืน ทำท่าจะเดินออกไป
อรสอางค์รีบลุกตาม ทรรศนะหันขวับมาหา “อรจะตามผมไปถึงไหน”
อรสอางค์เชิดหน้าใส่ “จนกว่านังปิ่นมันจะออกไปจากไร่นี้”
“อรทำแบบนี้ผมไม่มีสมาธิทำงาน มันมากไป มันเกินไป มันล้ำเส้น ผมต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้างนะอร”
“อยากมีพื้นที่ส่วนตัว เพื่อเอาเวลาไปนอกใจเมีย ไปคบชู้ไปมักมากมั่วกาม นี่ใช่มั้ย ที่ผู้ชายชอบอ้างกันนักว่า ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่มันคือความเห็นแก่ตัวมากกว่า”
ทรรศนะเถียงไม่ออก พาลโกรธตวาดลั่น “เอาเลย อยากตามก็ตามให้พอ ตามได้ตามไป แต่ทำแบบนี้จะยิ่งทำให้ผมอยากเลิกกับอรเร็วขึ้น”
ทรรศนะเดินออกจากห้อง อรสอางค์ไม่แคร์ยังตามต่อ
ค่ำนั้นทรรศนะเมาปลิ้นอยู่ข้างเรือนใหญ่ อรสอางค์กับจิ๋วยืนเฝ้า อรสอางค์ทนไม่ไหวเดินไปแย่งแก้วมา
“พอได้แล้ว”
ทรรศนะแย่งแก้วคืน ยืนเซไปเซมา “ทำไมล่ะ ทนเฝ้าไม่ไหวล่ะสิ อยากเป็นเมียคนขี้เมา ก็ต้องคอยชงเหล้า มา มาทำให้ที วันนี้จะกินโต้รุ่ง”
ทรรศนะดึง อรสอางค์สะบัด “ไม่”
จิ๋วเข้ามาดึงอรสอางค์ ทรรศนะนั่งกระดกเหล้าต่อ “ขึ้นเรือนเถอะค่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้วนะคะ อากาศเย็นๆ น่าขนลุก”
จิ๋วผวากลัวผีใหญ่ กวาดตามองรอบๆ เสียวๆ
อรสอางค์แปลกใจ “มองหาอะไรพี่จิ๋ว”
“คนงานเห็นผีคุณใหญ่ออกมาเพ่นพ่านทุกคืนเลยค่ะ จิ๋วก็เคยเห็นมากับตา”
อรสอางค์ไม่เชื่อ ด่ากลับ “ประสาทกันใหญ่แล้ว คิดกันได้เป็นตุเป็นตะ”
ว่าพลางอรสอางค์เดินไปหาทรรศนะ ที่เริ่มอ้อแอ้ พยายามจะพยุงทรรศนะ
“พี่จิ๋วมาช่วยกันพานะกลับห้องหน่อย”
ทรรศนะแกล้งอ้วกใส่ อรสอางค์ขยะแขยงร้องกรี๊ด“อี๊ สกปรก เรื่องอะไรมาอ้วกใส่อร แหวะเหม็น” ทรรศนะจะอ้วกใส่อีกจิ๋วรีบดึงอรสอางค์หลบ
“รีบไปล้างก่อนเถอะค่ะ ส่วนไอ้ขี้เมานี่ ปล่อยไว้ตรงนี้แหละ”
จิ๋วพาอรสอางค์ออกไป ทรรศนะตะโกนเรียก
“อ้าว อร ไหนว่าจะเฝ้าผมตลอดเวลาไงเล่า นี่หรือวะรักกันจริงแค่เจออ้วกนิดหน่อยยังทนไม่ได้”
ทรรศนะหัวเราะชอบใจแบบคนเมา ลุกยืน เดินไม่ตรงทาง
ปิ่นอนงค์ดึงหน้าต่างมาปิด ล็อกกลอนไม่ยอมเปิดไว้อีก เพื่อไม่ให้ใหญ่เข้ามา
ยินเสียงเคาะประตู ปิ่นอนงค์แปลกใจร้องถาม
“ใครคะ”
ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงเคาะประตูแรงขึ้น ปิ่นอนงค์เดินไปเปิด เจอทรรศนะยืนเมาเซทำท่าจะล้ม ปิ่นอนงค์รับตัวไว้ทัน
“คุณนะ ตายจริงทำไมเมาหนักขนาดนี้ ยืนดีๆค่ะ ปิ่นจะประคองคุณนะกลับเรือนใหญ่นะคะ”
ทรรศนะไม่ยอมไป ผลักปิ่นอนงค์ออก เดินเซๆ ไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอน
“พี่จะนอนที่นี่”
ปิ่นอนงค์รีบเข้าไปดึง “คุณนะต้องกลับไปนอนที่ห้องนะคะ นอนที่นี่ไม่ได้”
ทรรศนะดื้อดึง ปัดป่ายมือไปมา “ไม่เอา อรตามพี่ทุกฝีก้าว กว่าพี่จะหนีอรมาหาปิ่นได้ มันยากแค่ไหนรู้มั้ยปิ่น”
ทรรศนะดึงมือปิ่นอนงค์จนตัวล้มมาทับบนอกตัวเองพร่ำเพ้อ “พี่คิดถึงปิ่น ปิ่นคิดถึงพี่บ้างมั้ย”
“คุณนะ ปล่อยปิ่นค่ะ”
ปิ่นอนงค์จะหนี ทรรศนะไม่ยอมปล่อย จับปิ่นอนงค์นอนหงายจะปล้ำ ปิ่นอนงค์ดิ้นผลักทรรศนะพัลวัน
“อย่าคุณนะ อย่าทำแบบนี้”
เวลาเดียวกันที่ด้านนอกห้องปิ่นอนงค์ตรงหน้าต่าง ใหญ่ย่องๆมาเห็นหน้าต่างปิด ใหญ่เรียกปิ่นเบาๆ
“ปิ่น”
ยินเสียงปิ่นอนงค์ดังมา “อย่า ปล่อยปิ่น คุณนะ อย่า”
ใหญ่ตกใจพยายามงัดหน้าต่าง ปิ่นอนงค์ได้ยินเสียงมองไปทางหน้าต่าง ขณะที่ใช้มือดันหน้าทรรศนะไว้ไม่ให้จูบ
ปิ่นอนงคืรู้ว่าใหญ่มาแต่ก็กลัวทรรศนะจะเห็น ลังเลไม่รู้จะเอายังไงดี
ใหญ่เคาะหน้าต่าง ทรรศนะได้ยิน หันไปมอง ปิ่นอนงค์อาศัยจังหวะที่ทรรศนะเผลอ ผลักทรรศนะกระเด็นตกเตียง
ปิ่นอนงค์รีบควานหามีดใต้หมอน วิ่งไปยืนที่มุมห้อง ถือมีดไว้ป้องกันตัว
“อย่าเข้ามานะคะ ปิ่นแทงจริงๆ”
ทรรศนะมองหน้าปิ่นอนงค์ มองตรงหน้าต่างที่ถูกเขย่า แล้วลุกเดินเซๆ ไปหมายจะเปิด ปิ่นอนงค์ลุ้นระทึกกลัวทรรศนะเจอใหญ่ วิ่งไปดึงมือทรรศนะออก
“คุณนะรีบกลับเรือนไปเถอะค่ะ ถ้าคุณอรหาไม่เจอ อาจมาที่นี่นะคะ”
ทรรศนะไม่สน สะบัดมือปิ่นแล้วเปิดหน้าต่างทันที พอหน้าต่างเปิดอ้า ไม่เห็นอะไร
ทรรศนะยื่นหน้าออกไปเพื่อมองหาคน เจอหมัดใหญ่ซัดเข้าหน้าเต็มๆ ลงไปนั่งมึน แต่ไม่ทันได้เห็นหน้าใหญ่
ทรรศนะตะโกนลั่น “มีผู้ร้ายๆ”
ใหญ่กระโดดหนี ทรรศนะเจอหมัดไปหายเมาเป็นปลิดทิ้ง แต่วิ่งซวนเซออกจากห้องไป
ปิ่นอนงค์ยังยืนตกใจอยู่ พอได้สติรีบวิ่งไปที่หน้าต่างกวาดตามองหาใหญ่ เห็นใหญ่วิ่งหนีไปลับตัวแล้ว แต่ปิ่นอนงค์ยิ่งเป็นห่วง
ปิ่นอนงค์ ตอนที่ 18 (ต่อ)
ทรรศนะวิ่งออกมาในอาการมึนๆ เจอกับลูกน้องเสี่ยตง 2 คน ยืนอยู่จึงรีบบอก
“มีคนร้ายเข้ามา แยกกันไปค้นหา”
ลูกน้องเสี่ยตงแยกไป ทรรศนะวิ่งไปอีกทาง ไล่ตามใหญ่เห็นหลังไวๆ แวบๆ
ใหญ่วิ่งมาหยุดหน้าโรงเก็บของร้าง ซึ่งด้านในมีรอยแตกของไม้ แสงส่องเป็นลำเข้ามา หยากไย่ขึ้นระโยงระยาง มีสิ่งของวางระเกะระกะ มีมุมที่กำบัง ใหญ่กำลังจะวิ่งต่อ แต่พอมองออกไกลออกไปใหญ่เห็นพวกลูกน้องเสี่ยตงอีกหลายคนเดินลาดตระเวนกันอยู่ ใหญ่มองไปที่โรงเก็บของร้าง สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ทรรศนะวิ่งมาถึง ไม่เห็นใหญ่แล้ว มองเข้าไปในโรงเก็บของ
ทรรศนะเดินมึนๆ กวาดตามองหาใหญ่ ค่อยๆ หยิบไม้แถวพื้นขึ้นมาป้องกันตัว
ใหญ่แอบหลังถังน้ำมันหลายถัง เห็นทรรศนะมองหาใหญ่อยู่
ใหญ่มองหาทางหนี เห็นหน้าต่างปิดมีไม้ตอกพาดปิดทับอีกที
ใหญ่พึมพำ “จะออกไปทางไหนดีวะ”
ใหญ่มองไปทางทรรศนะอีกที เห็นทรรศนะกำลังเดินใกล้เข้ามา ใหญ่คิดว่าคงหนีไม่รอด ถ้าออกไปสู้ความก็แตก ใหญ่คิดไปคิดมา แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา คิดใช้วิธีสั่นประสาททรรศนะให้กลัว
จังหวะนั้นถังน้ำมันที่ใหญ่ซ่อนตัวสั่นๆ ทรรศนะสะดุ้งหันขวับมาทางถังน้ำมัน ถือไม้มั่นระวังตัวค่อยๆ ก้าวเข้าไปดู แต่ใหญ่ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ใหญ่ก้มๆ คลานๆ หลบตามจุดต่างๆ ที่พอจะบังตัวได้
จังหวะหนึ่งใหญ่ผลักถังน้ำมันเปล่า ตรงอีกจุดถังล้มโครม ทรรศนะผวาตกใจ
ทิ้งระยะอีกสักครู่ บันไดก็ล้มลงมาดังโครม! ชนเก้าอี้ไม้หักที่วางซ้อนกันล้มระเนระนาด
ทรรศนะหันไปหันมา เริ่มประสาทเสีย ถอยหลังไปชิดชั้นไม้เก่าๆ ที่ปิดทึบตรงด้านหลัง ขนาดสูงเหนือหัวทรรศนะ
จู่ๆ มีสีแดงคล้ายเลือดไหลลงมาเป็นทางยาวตรงข้างตัว ทรรศนะค่อยๆ เหลือบไปเห็น ช็อกสุดๆ คิดว่าเป็นเลือดจริง
ทรรศนะร้องออกมาอย่างตกใจ โดยไม่รู้ว่าเหนือชั้นวางนั้น ใหญ่ซ่อนตัวอยู่ข้างบน ในมือมีกระป๋องสีใบเล็ก ใหญ่สนุกสนานยังไม่หยุดสั่นประสาททรรศนะต่อ รีบเอาก้อนหินปาใส่หลอดไฟเก่าๆ ที่ห้อยโตงเตงอยู่ หลอดไฟแตกดังโพละ!
คราวนี้ทรรศนะไม่ไหวแล้วหันมาอีกทางจะหนี เจอร่างใหญ่ยืนผงาดอยู่ในเงามืด หน้าถูกป้ายสีแดงครึ่งซีก ใหญ่ตาเขม็ง จ้องมองมาอย่างคั่งแค้น
ทรรศนะแหกปากร้องลั่น ล้มลงไม่เป็นท่า ถดตัวหนี ตกใจจนเป็นลม
ใหญ่เดินก๋าออกมายืนมองทรรศนะ ยิ้มเยาะ “ยังขี้ขลาดไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้น้องชาย”
พลางใหญ่ก้มลงตบแก้มทรรศนะเบาๆ “ถ้าฉันเห็นนายกล้าแตะเมียฉันอีก ฉันจะไม่เล่นเป็นเด็กๆ กับนายแบบนี้ แต่จะเอาให้หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี”
ใหญ่ลุกไป ปล่อยให้ทรรศนะนอนนิ่งหมดสติไม่รับรู้อะไรอยู่ตรงนั้น
ก่อนจากใหญ่รีบทำลายหลักฐาน หาพวกกระป๋องสีเก่าๆ วางกองกันอยู่ มาบังๆ ปิดๆ ไว้
ปานเทพกังวลหนักจนไม่ยอมหลับนอน นั่งสัปหงกรอใหญ่ที่แคร่ไม้ ใหญ่โผล่มาสะกิดให้ตื่น “ไอ้ปาน ๆ”
ปานเทพลืมตางัวเงียเห็นหน้าใหญ่ยังมีสีแดงป้ายหน้าอยู่ครึ่งซีก ปานเทพจอมปอดแหกร้องลั่นปัดป่ายมือไปมา
“ผีหลอกๆ”
ใหญ่หัวเราะขำกลิ้ง “มุกหลอกผีเนี่ยได้ผลแฮะ ขนาดแกยังปอดแหก ฉันขอไปล้างหน้าก่อนเว้ย แสบหน้า”
ใหญ่เดินหนีเข้าห้องพัก ปานเทพตามไปเอาเรื่อง “แกไปเล่นอะไรมาอีกวะ”
ใหญ่เข้าห้องน้ำ ไม่ได้ปิดประตูเสียงใหญ่ดังลอดออกมา “ไม่ได้ตั้งใจเล่นหรอก มันจวนตัว ไอ้ทรรศนะมันเกือบเห็นฉัน ฉันก็เลยต้องทำผีหลอกใส่ เสียมาดไอ้เสือใหญ่หมด”
ใหญ่ล้างหน้าแล้ว ถือผ้าขนหนูเช็ดหน้าเดินออกมา ถามเป็นงานเป็นการ
“แล้วนี่เรื่องเสี่ยตงไปถึงไหนแล้ว”
“ป้าพยาบาลรับปากจะช่วย ส่วนไอ้เสี่ยมันยังปากแข็ง ขนาดนอนเดี้ยงใกล้เป็นอัมพาต ยังไม่ยอมแฉนังคุณนาย” ปานเทพว่า
ใหญ่เข้าใจ “มันคงกลัวติดคุกไปด้วย เพราะร่วมทำชั่วกันไว้เยอะ”
รุ่งเช้าครองสุขหน้าตื่นเดินเข้ามาในห้องนอนทรรศนะ “ตานะ ตานะเป็นยังไงบ้าง”
อรสอางค์กำลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้ที่เตียง ทรรศนะเป็นลูกแหง่ยื่นมือไปจับมือครองสุข
“ผมเห็นผีคุณใหญ่”
ครองสุขฉุนกึก ชักสีหน้าไม่พอใจ “นี่เมาจนเพี้ยนไปแล้วหรือ”
ครองสุขดึงอรสอางค์ออก นั่งลงแทน “เลิกเลยนะ ไม่ต้องไปกงไปกินมันแล้ว น้าขอห้าม”
จิ๋วมายืนข้างๆ อรสอางค์ เอ่ยขึ้น “แต่คนงานก็เห็นกันหลายคนนะคะว่าเป็นผีคุณใหญ่ แค่เห็นคนเดียวค่อยว่าไปอย่าง”
ครองสุขได้ยินคนพูดถี่ๆ ชักกลัวแต่ยังทำเป็นปากแข็ง “เหลวไหลกันไปใหญ่แล้ว”
ครองสุขออกจากห้องไป อรสอางค์เดินมาหาทรรศนะ “อย่าบอกนะว่าคนที่ได้เกียรตินิยมอย่างนะจะเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ ที่มันพิสูจน์ไม่ได้”
ทรรศนะอึกอัก อายที่จะบอกว่าตนเชื่อ “ผมคงเมาไปจริงๆ”
“พี่จิ๋วว่าหาพระมาห้อยกันหน่อยก็ดีนะคะ”
ว่าพลางจิ๋วดึงพระออกมาเป็นพวง “พี่จิ๋วจะแบ่งให้ค่ะ เอาองค์นี้แล้วกัน”
อรสอางค์จ้องหน้าจิ๋วเขม็ง จิ๋วหัวหดไม่กล้าให้พระกับทรรศนะ
ทรรศนะเหลือกตามองเพดาน ดูหวาดหวั่นไม่หาย
ปิ่นอนงค์ยืนชะเง้อรอฟังข่าว หวานนั่งรออยู่ด้วย
“เดี๋ยวมันก็มา นั่นมาแล้ว”
น้อยวิ่งแจ้นมาแต่ไกล หยุดหอบ ปิ่นอนงค์ถามอย่างร้อนใจ “ว่าไงน้อย”
“คุณใหญ่หนีไปได้ น้อยได้ยินพี่จิ๋วเล่าว่า คุณนะเธอเมาคิดว่าตัวเองตาฝาดเห็นคุณใหญ่”
“แล้วคุณนายสงสัยมั้ย” ปิ่นอนงค์สงสัย
“คุณนายก็ท่าทางกลัวๆเหมือนกันแต่ทำเป็นวางฟอร์ม”
“แกรู้ได้ไงนังน้อย” หวานงง
“ก็น้อยเห็นคุณนายไปหยิบพระบนหิ้งมาใส่ ทำยังกับพระจะคุ้มครองคนชั่วงั้นแหละ”
ปิ่นอนงค์กลุ้มเรื่องชักจะบานปลายเลยเถิดไปกันใหญ่ “ปิ่นบอกคุณใหญ่แล้วว่าอย่ามาๆ”
“ถ้าคุณใหญ่ไม่มา เมื่อคืนปิ่นก็เสร็จคุณนะไปแล้ว”
จอมเพิ่งเดินเข้ามา และได้ยินแค่ประโยคหลังจอมซักทันที “ใครเสร็จคุณนะหรือพี่หวาน”
ปิ่นอนงค์รีบบอกตัดบท “ไม่มีอะไรหรอกจอม”
น้อยปากสว่างโพล่งออกมา “ก็คุณนะนะสิดอดเข้ามาปล้ำพี่ปิ่นถึงห้องนอนเลย”
จอมโกรธตาลุกวาว “ไอ้ทรรศนะ ไอ้เลว”
จอมเดินอาดๆไปเอาเรื่อง “จอม!” ปิ่นอนงค์โมโหหันมาทางน้อย “น้อยพูดทำไม รู้อยู่ว่าจอมเขาเลือดร้อนแค่ไหน”
น้อยยิ้มแหยๆ “ก็พูดไปแล้วอ่ะ”
ทรรศนะขับรถกอล์ฟมาจอดที่ออฟฟิศรีสอร์ต จอมเข้ามาดึงทรรศนะ
“ไอ้หน้าตัวเมีย”
พอทรรศนะหันมา โดนชกเปรี้ยง ทรรศนะล้มกลิ้งโค่โล่ จอมตามเข้าไปอัดๆ แบบไม่พูดไม่จา
จอมกระชากคอเสื้อทรรศนะขู่ “อย่ามาทำกักขฬะกับปิ่นอีก ถ้าอยากสู้กัน ก็ให้สู้แบบแฟร์ๆ อย่าใช้วิธีสกปรก ดูถูกน้ำใจผู้หญิง”
“ฉันเมา ไม่ได้ตั้งใจ ปิ่นเองก็เข้าใจ ไม่เห็นว่าอะไรสักคำ แกเป็นแค่หัวหน้าคนงาน ไปอยู่ในที่ของแกไป อย่ามายุ่งกับเรื่องของเจ้านาย
จอมจะชกทรรศนะอีก ปิ่นอนงค์ตามมาถึง เข้ามาห้ามดึงจอมให้ออกห่างจากทรรศนะ
“พอแค่นี้เถอะจอม”
ทรรศนะลุกยืนขึ้น จอมฮึดฮัดขัดใจ “แต่มันปล้ำปิ่น แล้วยังพูดจาไม่รับผิดชอบอีก เรายอมไม่ได้”
ปิ่นอนงค์หันไปต่อว่าทรรศนะ “อย่าทำอย่างนี้อีกนะคะ ปิ่นจะไม่ให้อภัยอีกเป็นครั้งสอง”
ทรรศนะเดินเข้ามาหา จะจับมือขอโทษ จอมผลักทรรศนะเซไป
“บอกแล้วไงว่าอย่าโดนตัวปิ่น”
“อย่ามาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของปิ่น” ทรรศนะโมโหอีก
“ผมรักปิ่น รักมานานกว่าคุณเสียอีก รักอย่างแน่วแน่มั่นคงไม่เหมือนกับคุณ จิตใจโลเล เชื่อถือไม่ได้”
ทรรศนะเยาะ “แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่มั่นคงกับปิ่น ปิ่นมากับพี่”
ว่าแล้วทรรศนะดึงมือปิ่นอนงค์มา จอมไม่ยอม ดึงมือกลับ
“อย่าไปยุ่งกับมันปิ่น มันมีเมียแล้ว”
ทรรศนะตะคอก “ปล่อยมือปิ่น”
“ไม่ปล่อย คุณนั่นแหละปล่อย”
ทรรศนะไม่ยอมปล่อยมือจากปิ่นอนงค์ จอมก็ไม่ยอมปล่อย ปิ่นอนงค์เลยอยู่ตรงกลาง และทนไม่ไหวสะบัดมือทั้งคู่ออก
“ฆ่าปิ่นให้ตาย แล้วเอามีดตัดแบ่งไปคนละครึ่งเลยดีมั้ยคะ”
ปิ่นอนงค์ประชด เดินหนีไปที่จักรยานที่จอดอยู่ ปั่นหนีไปอย่างเร็ว
จอมกับทรรศนะหันไปทางปิ่นอนงค์เรียกพร้อมกัน “ปิ่น”
ที่ตรงซุ้มไม้เลื้อยไม่ไกลนัก ใหญ่ยืนมองอยู่ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใหญ่หน้าเครียดจ้องจอมกับทรรศนะแบบหึงหวงสุดขีด ประมาณว่าถ้าทำได้อยากจะออกไปบอกว่าปิ่นอนงค์ของกูว๊อย...แต่ประกาศตัวไม่ได้ ใหญ่ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ
ปิ่นอนงค์ลากรถจักรยานมาจอดหลังเรือนใหญ่ แล้วยืนเครียดอยู่คนเดียว
น้อยที่ยืนรออยู่ทางเข้ารีบเดินมาหา “พี่ปิ่น ห้ามพี่จอมทันหรือเปล่า”
“คุณนะโดนไปหลายหมัดเลย”
“สมน้ำหน้า เสียดายไม่ได้ไปช่วยเชียร์” น้อยว่าท่าทีสะใจ
“แต่มีเรื่องเพราะปิ่นบ่อยๆ มันไม่เป็นผลดี ปิ่นจะอยู่ที่ไร่ต่อไปลำบาก ปิ่นจะชักช้าอีกไม่ได้แล้ว”
น้อยพูดอยู่คนเดียว “เอาอย่างงี้มั้ย ให้คุณใหญ่ปลอมเป็นผี มาหลอกคุณนายให้เป็นบ้าไปเลย จะได้จบเร็วๆ ดีมั้ยพี่ปิ่น”
พอน้อยหันมา ปิ่นอนงค์หายไปแล้ว “อ้าว พี่ปิ่น ไปไหนแล้วอ่ะ”
ปิ่นอนงค์ยกเครื่องดูดฝุ่นเข้ามาในห้องทำงานครองสุข ในขณะที่ครองสุขสะพายกระเป๋าเงินกำลังเดินออกจากห้องพอดี
“ปิ่นจะมาดูดฝุ่นค่ะ”
ครองสุขพยักหน้า ปิ่นก้มๆ เตรียมดูดฝุ่น ครองสุขไม่สงสัยปิ่นอนงค์แล้ว แต่กังวลเรื่องผีใหญ่อยู่ครองสุขหันกลับมา “เอ้อนังปิ่น แกเคยเจอผีไอ้ใหญ่บ้างมั้ย”
“ไม่นี่คะ” ปิ่นอนงค์ลองหยั่งเชิงถาม “แล้วคุณนายเชื่อที่คนงานร่ำลือกันหรือเปล่าคะ”
“ฉันก็ไม่เคยเชื่อ ลองโผล่มาหลอกฉันสิจะยิงมันให้ดิ้นเลย”
ปิ่นอนงค์ทำเป็นไม่สนใจ รีบก้มหน้าทำเป็นปรับปุ่มนั่นนี่ ครองสุขเข้าไปบีบแขนขู่ๆ ปิ่นอนงค์เงยหน้ามองอาการกลัวๆ
“แกก็เหมือนกัน ลดความยั่วยวนลงหน่อย โดยเฉพาะจอมมันคือมือขวาของฉัน อยู่ให้ห่างๆ ไว้ เข้าใจมั้ย”
ปิ่นอนงค์รีบพยักหน้า “เข้าใจค่ะ”
ครองสุขยิ้มแย้ม เดินนวยนาดออกไป ประตูปิดลง ปิ่นอนงค์รีบวางมือจากเครื่องดูดฝุ่น มองที่เก้าอี้ของไพศาล พยายามนึกทวนความจำเรื่องในอดีต
วันนั้น...ไพศาลนั่งบนรถเข็นอยู่ในห้องทำงาน โดยมีปิ่นอนงค์อยู่กับป้าพยาบาล ซึ่งไพศาลยามนั้นดูไร้เรี่ยวแรงลงมากทุกทีๆ
“ผมอยากให้คุณพยาบาลกับปิ่นอนงค์ช่วยเซ็นชื่อ”ปิ่นอนงค์กับป้าพยาบาลสบตากันงงๆ ไพศาลบอกต่อ “เป็นพยานที่ท้ายกระดาษให้หน่อย ผมอยากยกที่ดินเชิงเขาให้วัดทำสำนักสงฆ์ ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าโฉนดเก็บไว้ที่ไหน”
ปิ่นอนงค์ดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบัน
“ถ้ามันเป็นพินัยกรรม มันก็ต้องอยู่ห้องนี้แหละ”
ปิ่นอนงค์คิดในใจ แล้วตรวจดูเก้าอี้ หาร่องรอยแตกที่พอจะซ่อนพินัยกรรมได้ ก้มมองใต้เก้าอี้ไม่เจออะไร
ทางด้านปานเทพลอดรั้วเข้ามาในไร่ เดินตรงไปจุดที่เคยเจอกับทัศนีย์ใต้ต้นไม้ใหญ่
ปานเทพกดๆ โทรศัพท์หาใหญ่ “ไอ้คุณใหญ่เอ๊ยดันปิดเครื่องอีก”
เสียงทัศนีย์ดังขึ้น “มาทำไมแถวนี้บ่อยๆ”
ปานเทพตกใจหันไปเจอนีย์ “คือ...”
ทัศนีย์ก้าวเท้าเดินเข้าหา “มีจุดประสงค์อะไร”
ปานเทพถอยหลังกรูด นึกหาข้อแก้ตัวไม่ทัน “เออ...”
“ลอบเข้ามาอย่างนี้ เขาเรียกว่าหัวขโมย”
“โธ่เว้ย หยุดให้ฉันพูดบ้างสิ เล่นพูดคนเดียวไม่ให้อธิบายความกันบ้างเลย”
ทัศนีย์แกล้งขู่ “ฉันจะเรียกให้คนงานมาจับตัวส่งให้คุณน้า”
ปานเทพขวางทาง “เอาสิ ฉันก็จะแฉเธอว่า เธอโกหกเรื่องคุณใหญ่ตายคุณน้าเธอต้องโกรธจนอยากจะบีบคอเธอให้ตายคามือ”
ปานเทพทำท่าจะบีบคอ ทัศนีย์หวาดกลัวครองสุขที่ขู่จะฆ่า ผลักอกปานเทพเซไป
“อย่านะ ทำไมต้องมาขู่ฉันด้วย ทั้งคุณน้าทั้งนาย ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
ปานเทพสะกิดใจ นึกสงสัย “น้าเธอขู่อะไรเธอ เธอรู้อะไรดีๆ แล้วไม่ยอมบอกใช่มั้ย”
ทัศนีย์เขย่าแขนปานเทพขอร้อง “ฉันอยากไปจากที่นี่ พาฉันหนีไปที”
ปานเทพสะดุ้งโหยง “เฮ้ย ล้อเล่นน่า ให้ฉันเนี่ยนะพาหนี” ออกอาการเขิน “เรายังไม่ได้เป็น แฟนกันสักหน่อย”
“ก็มันไม่มีใครช่วยฉันได้แล้ว พาไปไหนก็ได้ จับฉันไปทรมานที่เหมืองก็ได้ ฉันยอมตักขี้ควาย เลี้ยงหมู ยังดีกว่า”
“ต้องบอกเรื่องที่เธอรู้ เรื่องที่เธอเห็นมาก่อน ถ้าไม่บอกฉันก็ไม่พาไปไหนทั้งนั้น”
ทัศนีย์คิดไปคิดมา แล้วกระแทกเท้าปานเทพสุดแรงเกิด ปานเทพร้องลั่น “คิดว่าวันก่อนฉันร้องไห้ แล้วฉันจะอ่อนแองอนง้อนายหรือ”
ทัศนีย์หนีไป ปานเทพกระโดดเหยงๆ เจ็บมาก ด่าตามหลัง
“อะไรวะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
ทัศนีย์กลัดกลุ้มในใจอย่างหนัก ตั้งใจจะมาหาปิ่นอนงค์ แต่เดินมาจากทางด้านหลังเรือนอ้อมไปด้านหน้า แต่ทัศนีย์ต้องชะงักเมื่อมองเห็นว่ามีคนกำลังปีนหน้าต่างห้องปิ่นอนงค์
ทัศนีย์เห็นหน้าใหญ่ชัดเจน ปิดปากไม่กล้าร้อง แล้วรีบวิ่งไปที่หน้าเรือนเร็วรี่
ที่หน้าเรือนคนงานเวลาเดียวกัน หวานกำลังย่องๆ มาแถวต้นไม้ บ่นอยู่คนเดียว “วันนี้ไอ้เปี๊ยกมันจะมามั้ยวะ”
ทัศนีย์วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาหา “หวาน”
หวานตกใจร้อง “ว๊าย”
พอมองชัดๆ หวานเห็นเป็นทัศนีย์ “นึกว่าใคร คุณนีนี่เอง”
“คุณใหญ่มาที่ไร่กำลังจะปีนเข้าไปในห้อง เพื่อเล่นงานปิ่น ต้องบอกให้ปิ่นรู้ตัว”
หวานกลอกตาไปมา “ได้ค่ะ จะไปบอกเดี๋ยวนี้ คุณนีอย่าบอกใครนะคะว่าเห็นคุณใหญ่ บอกไม่ได้เด็ดขาด โดยเฉพาะคุณนาย”
“เรื่องไรจะบอกล่ะ ขืนบอกฉันก็โดนคุณน้าเอาถึงตายนะสิ” ทัศนีย์ว่า นึกสยองที่ถูกครองสุขขู่ว่าจะฆ่า
หวานบอก “เอาถึงตายเลยหรือคะ ไม่มั้ง คุณอรเป็นหลานนะคะ”
คืนนั้น ปิ่นอนงค์อยู่กับใหญ่ในห้องนอน
“ปิ่นมั่นใจว่าจดหมายที่คุณลุงไพศาลให้ปิ่นเซ็นเป็นพยานต้องอยู่ที่ห้องทำงานคุณนายแน่ๆ ค่ะ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เธอต้องไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“ไปไหนคะ” ปิ่นอนงค์อึ้ง
“ออกจากไร่ไพศาล แผนการทั้งหมดเป็นอันยกเลิก เธอไม่ต้องหาพินัยกรรมแล้ว ฉันจะหาเอง”
“รออีกหน่อยสิคะ ปิ่นจะรีบหาให้เจอ”
ใหญ่หึงปนหวงเสียงดังใส่ “รอให้เธอพลาดท่าเสียทีไอ้ทรรศนะกับไอ้จอมได้ก่อนงั้นหรือมันสองคนเหมือนหมาป่า จ้องจะขย้ำลูกแกะของฉัน ฉันไม่ยอม นี่ถ้าไม่กลัวความแตก จะออกไปอัดมันทั้งคู่”
ปิ่นอนงค์ยิ่งตกใจเมื่อรู้ว่าใหญ่แอบเข้ามาตอนกลางวันอีกต่างหาก “คุณใหญ่แอบเข้ามาตอนกลางวันแสกๆ ด้วยหรือคะ”
ใหญ่ไม่ตอบจะดึงปิ่นอนงค์ไปทางประตู “เธอออกไปทางนี้แล้วไปรอฉันที่ด้านหลัง”
ปิ่นอนงค์รั้งตัวไว้ “คุณใหญ่คิดให้ดี นึกถึงเรื่องสำคัญก่อนนะคะ”
ใหญ่มุ่งมั่นจริงจังมากๆ “เธอนั่นแหละสำคัญ เรื่องอื่นฉันไม่สนแล้ว”
ใหญ่คว้าข้อมือพาปิ่นอนงค์วิ่งมาหลบตรงเงามืดหลังเรือนคนงานเพื่อวิ่งต่อไป ปิ่นอนงค์ยังรั้งตัวไว้
“คุณใหญ่อย่าหึงมั่วสิคะ เรารักกันก็ต้องเชื่อใจกัน”
“ฉันเชื่อใจเธอ แต่ไม่เชื่อคนอื่น ป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุด” ใหญ่พาล
“แต่ปิ่นปล่อยให้คุณใหญ่ติดคุกไม่ได้”
“ถ้างั้นเราก็หนีกันไปไกลๆ ฉันเคยหนีมาแล้ว ถ้าจะต้องหนีอีกก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
ปิ่นอนงค์พยายามพูดเตือนสติ “เราหนีไป แล้วอาปลอดละคะ ปล่อยให้ตายในคุก ติดคุกทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดหรือคะ ถ้าคุณใหญ่ทำใจแบบนั้นได้ปิ่นก็จะไปกับคุณใหญ่”
ใหญ่เพิ่งได้คิด ลืมนึกถึงปลอดไป ใหญ่มองหน้าปิ่น มือของใหญ่ค่อยๆ ปล่อยมือปิ่นอนงค์ เพราะทิ้งปลอดไม่ลง
เสียงจอมดังขึ้น “นั่นใคร”
ปิ่นอนงค์กับใหญ่ตกใจหันไปทางเสียง เห็นจอมส่องไฟฉายมา ปิ่นอนงค์ตั้งสติรีบบอกใหญ่
“หนีไปค่ะ”
ใหญ่รีบวิ่ง จอมวิ่งมาเห็นปิ่นอนงค์ยืนยกมือปิดหน้าก็แปลกใจ “ปิ่นเป็นอะไร มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ปิ่นอนงค์เปิดหน้าแกล้งหวาดกลัว “จอม ปิ่นเจอผีหน้าตาเหมือนคุณใหญ่ ปิ่นกลัว จอมพาปิ่นกลับห้องทีนะ”
จอมมองไปเห็นเงาดำระยะไกลๆ จอมวิ่งไป ปิ่นอนงค์จะคว้าแขนจอมไว้ แต่คว้าไม่ทัน
“จอม!”
ปิ่นอนงค์วิ่งตามเป็นห่วงใหญ่มาก
ใหญ่วิ่งโกยแนบหนีมาถึงคูน้ำเล็กๆ ท้ายไร่ ใหญ่หยุดครู่หนึ่งเหลียวมองไปข้างหลัง เห็นจอมตามมาห่างๆ
ใหญ่รีบเหยียบสะพานไม้เล็กๆที่พาดข้ามคูน้ำเล็กๆ แคบๆ ซึ่งเป็นไม้แผ่นผุๆ วางพาดอยู่ แต่สะพานดันหัก ใหญ่ตกลงไปในน้ำ โชคดีที่น้ำตื้นแค่เข่า ใหญ่รีบวิ่งขึ้นไปอีกด้าน วิ่งหนีหลุดหายไปในความมืดมิด
จอมตามมาถึงเห็นสะพานที่พาดหักสองท่อน ทิ่มอยู่ในน้ำจอมยิ่งมั่นใจว่าไม่ใช่ผี จอมลุยน้ำตามไปอีกฟาก หน้าตามุ่งมั่น
ที่ถนนนอกไร่ไพศาลเวลานั้น มีรถยนต์คันหนึ่งกำลังแล่นมา ในจังหวะเดียวกับที่ใหญ่วิ่งทะลุออกมาจากไร่โผล่มาที่ถนน ใหญ่วิ่งตัดหน้ารถคันนั้น ที่แท้เป็นรถครองสุขขับมาและต้องเบรกตัวโก่ง ใหญ่เองก็ชะงักกึกที่หน้ารถ แสงไฟสาดใส่หน้าใหญ่เต็มๆ ดูน่ากลัว ครองสุขช็อกตาตั้งนึกว่าเห็นผีใหญ่รีบปิดหน้า ใหญ่วิ่งหายไปในป่าอีกฟากอย่างรวดเร็ว
ครองสุขปิดหน้าซบที่พวงมาลัย หวาดผวา กิริยากลัวมากๆ
“อย่า อย่าทำอะไรฉันเลย แกตกเหวตายเองนะ ฉันไม่เกี่ยว”
จอมเคาะกระจก ครองสุขตกใจร้องกรี๊ดลั่นรถ
“ผมเอง” จอมบอก
ครองสุขเปิดหน้าเพ่งมอง พอเห็นเป็นจอมก็รีบเปิดประตูออกมาอาการผวา
“คุณนายเห็นคนวิ่งออกมาทางนี้หรือเปล่า”
ครองสุขหน้าตาเลิ่กลั่ก “มันเป็นคนหรือ ทำไมมันหน้าตาคล้าย ๆ...” ครองสุขค้างคำ ไม่กล้าพูด
จอมจะวิ่งไปอีกฟากตามใหญ่ ครองสุขกลัวรีบดึงไว้
“จอมๆ เดี๋ยวๆ ขับรถให้ฉันที ฉันไม่กล้าไปคนเดียว คือไม่ได้กลัวผีอะไรหรอกนะ แต่กลัวคนร้ายมากกว่า”
ปากครองสุขบอกไม่กลัวแต่ยืนเบียดจอมแจ “แต่คนร้าย…”
“ช่างมันเถอะน่า มันก็แค่พวกโจรลักเล็กขโมยน้อย”
ครองสุขรีบขึ้นไปนั่งอีกข้าง จอมจำใจขึ้นไปนั่งที่คนขับ ขับรถแล่นออกไป
ปิ่นอนงค์ซึ่งหลบอยู่ที่พงหญ้าริมทางใกล้ๆ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามอง โล่งใจที่ใหญ่หนีรอดไปได้อีกครั้งหนึ่ง
โปรดติดตาม "ปิ่นอนงค์" ตอนต่อไป