แสบสลับขั้ว ตอนที่ 18 อวสานแล้วจ้า
ตรงบริเวณที่พักแมสเซ็นเจอร์ ลุงป่อง ป๋อง มอม และชายสี่ที่ยังไม่หายบาดเจ็บแต่ถูกเพื่อนๆ ลากมากำลังนั่งคุยกันอยู่ ระหว่างนั้นใหญ่ เขียว เบ๊ เดินเข้ามา กลุ่มของลุงป่องลุกขึ้นช้าๆ
“สามต่อสามเว๊ย”
ลุงป่องบอก ระหว่างนั้นกลุ่มของใหญ่เดินเข้ามารวมกลุ่มอีกสามคน
“เฮ้ย...กลายเป็นหกต่อสามแล้วเว้ย” มอมบอก
“เอาไงดี” ป๋องถาม ขณะนั้นกลุ่มของใหญ่เข้ามาสมทบอีกสาม
“9 ต่อ 3”
ลุงป่องบอกพร้อมกับกลืนน้ำลาย ชายสี่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปลาใหญ่และพวกพากันหัวเราะสภาพของชายสี่
“หัวเราะอะไรวะ”
มอมถามอย่างไม่พอใจ กลุ่มของใหญ่ค่อยๆ หุบเสียงหัวเราะลงไปเรื่อยๆ จนสนิท นัยน์ตาแต่ละคนเบิกโพลงเพราะแต่ละคนเห็นใบหน้าชายสี่เปลี่ยนเป็นใบหน้าของเอ็กซ์ซึ่งดูน่ากลัว กลุ่มของปลาใหญ่ค่อยๆ สะกิดกันแล้วถอยหนีออกไป
“อยู่ดีๆ มันก็กลัวพวกเรา”
ป๋องบอกและเมื่อหันกลับมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นร่างชายสี่ยืนโงนเงนอยู่
“เฮ้ย รับหน่อย” ลุงป่องบอก มอมกับป๋องรีบเข้ามารับร่างชายสี่
“พวกมันกลัวชายสี่”
มอม ป๋อง ลุงป่องมองหน้ากันอย่างงุนงง
ส่วนที่ห้องทำงานเกริกก้อง ขณะนั้นเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์กำลังนั่งประชุมกะนอยู่ โทรศัพท์ของปกรณ์ก็ดังขึ้น ปกรณ์หยิบมาดูแล้วบอกเกริกก้อง
“ไอ้ใหญ่ครับ” เกริกก้องพยักหน้าให้รับสาย “ว่าไง...” ปกรณ์สะดุ้งเฮือก “อะไรนะ...”
ปกรณ์นิ่งฟังด้วยสีหน้าตระหนก แล้ววางโทรศัพท์ลง
“มีอะไร พี่กรณ์” จันทร์ทิพย์ถามอย่างแปลกใจ
“ไอ้ใหญ่มันรายงานว่า...พวกวินแว้นนั่น พาไอ้เอ็กซ์มาด้วย”
“หา...เดี๋ยวนี้มีหลอกกลางวันได้แล้วเหรอ”
“พวกไอ้ใหญ่มันบ้า”
“จันทร์ว่า เราหาหมอผีมาปราบมันดีไหมคะ”
“หลอกลวงทั้งเพ”
ทันใดนั้นในห้องก็มืดสลัวลง เกริกก้อง ปกรณ์ จันทร์ทิพย์ถึงกับสะดุ้งเฮือก ประตูหน้าต่างปิดโครม ทั้งสามคนกวาดสายตาไปรอบๆ แล้วค่อยๆ เบือนหน้ามาสบตากัน
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์รีบออกมาหน้าบริษัท ใหญ่ขับรถเข้ามาเทียบสีหน้าใหญ่ยังเหมือนหวาดกลัวอยู่
“ไปไหนครับ”
ใหญ่ถามเมื่อทุกคนขึ้นมานั่งบนรถ
“วัดใกล้ๆ นี่...ผ่านวัดไหนก่อนก็เข้าไปเลย” ปกรณ์บอก
“ดีครับ ผีไอ้เอ็กซ์มันเฮี้ยนขึ้นทุกวัน ต้องให้พระมาปราบ”
ส่วนที่ห้องทำงานของปลาใหญ่ ขณะนั้นปลาใหญ่กับครรชิตกำลังนั่งปรึกษากันอยู่ เซียนเปิดประตูเดินเข้ามาโดยไม่เคาะ
“เฮ้ย...รู้จักมีมารยาทเคาะประตูซะบ้างวิ” ครรชิตต่อว่า
“ไม่มีหรอก...คุณอาก่อง...ก๊อง กับคุณอาจั่น...จั๊น ออกไปข้างนอกกับนายก่อน...ก๊อน ถ้านายจะค้นอะไรในห้องนั้นก็รีบไปค้นซะ”
“นั่นมันโปรแกรมตอนเย็น” ครรชิตบอก
“เห็นกระบอกไปตักน้ำ...เห็นกระรอก...” ปลาใหญ่บอก ครรชิตส่ายหน้าแล้วพูดแก้
“เขาพูดว่า ไม่เห็นน้ำอย่าตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกอย่างโก่งหน้าไม้ครับ”
“นั่นแหละ”
ปลาใหญ่เดินออกไป ครรชิตกับเซียนรีบตาม
ขณะนั้นมอมเดินมาที่ห้องเกริกก้องและเดินตรงมาที่เลขาของเกริกก้อง
“คุณป้าครับ”
เลขาเกริกก้องเงยหน้ามองมอมอย่างไม่พอใจ
“ใครเป็นป้าแกยะ”
“มีผู้ชายมารอพบข้างล่างครับ”
นัยน์ตาเลขาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ใคร”
“ไม่ทราบครับ แต่ว่าหล่อมาก...ก...ก ผมเชิญให้ขึ้นมาก็ไม่ยอม”
เลขารีบเดินไปที่ลิฟท์ มอมหันไปกวักมือเป็นสัญญาเรียก ปลาใหญ่ เซียน ครรชิตรีบเดินตรงมา
“อย่าลืมดูต้นทาง” เซียนบอก
“เออ”
ปลาใหญ่ ครรชิต เซียนรีบเข้าไปในห้องเกริกก้อง ส่วนมอมเดินเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนั้นเพื่อดูต้นทาง
“โคมไฟกลางห้องใช่ไหมคุณครรชิต”
ปลาใหญ่ถามเมื่อเข้ามาในห้องเกริกก้อง
“ครับ”
“ฉันเอง”
เซียนปีนขึ้นไปบนโต๊ะทำงาน
“ตรงดวงกลางนั่น”
ครรชิตบอก เซียนค่อยๆ ปลดโคมไฟ กระดาษที่ทับซ้อนไว้ข้างในหล่นลงมาบนพื้น
“นึกแล้วซีดีจะมาอยู่ในนี้ได้ยังไง” เซียนบอก ปลาใหญ่หยิบกระดาษขึ้นมาคลี่อ่าน
“ซีดีอยู่หลังกรอบรูปไอ้ก้อง” ปลาใหญ่บอก
“คิดได้ยังไง”
“ไม่มีใครคิดได้เหมือนคุณพ่ออีกแล้ว”
“ลูกเป็นเด็กเนิร์ด ส่วนคุณพ่อเป็นผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์”
เซียนปีนหยิบรูปเกริกก้องลงมา
ขณะนั้นรถของเกริกก้องกลับเข้าบริษัท ป๋องสะดุ้งเฮือกรีบกดโทรศัพท์หามอม
“หา...มาแล้วเรอะ นี่นึกว่ายัยเลียขาจะมาก่อนนะเนี่ย”
“ยัยนั่น คุณอดิศักดิ์ศรีพาไปรับประทานอาหารแล้ว รีบไปบอกพวกนั้นเร็วเข้า”
มอมปิดโทรศัพท์แล้วรีบไปเคาะประตู เซียนเดินมาเปิด
“ไอ้ป๋องโทรมาบอกว่าคุณก่อง...ก๊องกลับมาแล้ว”
“เฮ้ย...ทำไมกลับมาเร็วนักวะ”
“ไม่รู้ เดี๋ยวถามกันเองซิ ไปละ”
มอมรีบไปจากที่นั่น เซียนรีบกลับเข้าไปในห้อง
“เร็วเข้า คุณอาก่อง...ก๊อง กลับมาแล้ว”
เซียนบอกปลาใหญ่กับครรชิต
“อะไรวะ ไปเดี๋ยวเดียวเอง หรือว่าวัดปิด”
“วัดคุณคันซิปิด”
“ได้แล้ว...” ปลาใหญ่ดึงซีดีออกมา “รีบปิดเร็ว”
มือครรชิตสั่นเทาขณะปิดจนทำรูปตก กระจกแตก
“ซวยแล้ว”
เซียนบอกอย่างตกใจ
เกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์เดินเข้ามาในลิฟท์
“ไม่น่าเชื่อว่า พระวัดแถวนี้จะไปธุดงค์กันหมด”
“พึ่งพระพึ่งผีไม่ได้ ก็ต้องพึ่งตัวเอง ผีก็แค่พลังงานชนิดนึง”
“แต่เป็นพลังที่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอกเราได้นะคะ”
“ต้องบอกตัวเองว่าไม่กลัว...แล้วเราก็จะไม่กลัว”
ระหว่างนั้นเออร์ซูล่าถูกตามตัวมากวาดเศษกระจกในห้องเกริกก้อง ขณะที่เซียนแขวนรูปเกริกก้องไว้ตามเดิม
“ไม่สังเกตก็ไม่เห็น” เซียนบอก
ลิฟท์ขึ้นมาหยุดที่ชั้นห้องทำงานของเกริกก้อง พอลิฟท์เปิดเกริกก้อง จันทร์ทิพย์ ปกรณ์ก้าวออกมาแล้วเดินมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง ขณะนั้นเออร์ซูว่ากำลังกวาดถูอยู่บริเวณหน้าห้องทำงานเกริกก้อง
“เบื่อหน้านังเออร์ซูล่านี่เหลือเกิน ไม่รู้มันจะกวาดจะถูให้พื้นสึกเรอะไง”
เกริกก้องบ่น จากนั้นทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้อง เออร์ซูล่ามองตาม แล้วถอนหายใจเฮือก
ส่วนที่ห้องปลาใหญ่ ปลาใหญ่ใส่ซีดีเข้าไปในเครื่องเล่นแล้วหยิบรีโมทเปิดทีวี ที่จอทีวีปรากฎภาพเกรียงไกร
“ปลาใหญ่ลูกรัก...เมื่อลูกเปิดซีดีแผ่นนี้นั่นแสดงว่าลูกมีปัญหาเข้าตาจนแล้ว ลูกของพ่อเป็นคนฉลาดมาก...ถึงจะน้อยกว่าพ่อก็ยังนับว่าฉลาดเหนือใครๆ...แต่ก็นั่นแหละ คนฉลาดมากๆ มักจะมั่นใจในตัวเองมากจนขาดความเฉลียว...พ่อเข้าใจเรื่องนี้ดีจึงได้เตรียมทางแก้ไว้ให้ลูก...”
ปลาใหญ่ยกมือไหว้ เซียนกับครรชิตไหว้ตาม
“เอากองไว้ตรงนั้นแหละ”
ภาพเกรียงไกรในทีวีมองครรชิต ครรชิตถึงกับสะดุ้ง
“โห...พ่อนายนี่สุดยอด คาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า คุณคันจะมานั่งไหว้อยู่มุมนี้พอดี”
เกรียงไกรเบือนสายตากลับมาที่ปลาใหญ่
“ปลาใหญ่...ลูกคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “พึงเอาชนะความชั่วด้วยความดี”
“แต่บางคนก็ชั่วเกินจะเยียวยานะครับ” ครรชิตบอก
เกรียงไกรเบือนหน้ากลับมามองครรชิต
“อย่าสอด...สอดตลอดศก”
ครรชิตทำหน้าเลิ่กลั่ก เซียนยกนิ้วให้
“สุดยอด เป๊ะทุกอย่าง”
“ขอบใจ” เกรียงไกรยื่นหน้ากลับมามองตรง “แต่ก็อย่างที่ว่า...คนชั่วบางคนมันชั่วเกินจะเยียวยา”
“เฮ้ย” ครรชิตเกาหัว เกรียงไกรหันมามองครรชิตอีก
“บอกว่าอย่าสอด สอดตลอดศก” ครรชิตกลืนน้ำลาย เกรียงไกรเบือนหน้ากลับ “เพราะฉะนั้น ความชั่วชนิดนั้นจึงไม่อาจใช้ความดีสยบได้ แต่ต้องใช้วิธีที่เรียกว่า “มารสยบมาร” มันถึงจะทันกัน”
“มารสยบมารหรือครับ”
เกรียงไกรมองไปที่แฟ้ม แฟ้มปลิวมาโขกหัวครรชิต
“โอ๊ย”
“พูดไม่รู้ฟัง...ไอ้สอดตลอดศก” เกรียงไกรเบือนหน้ากลับมาทางปลาใหญ่ “พืชพันธุ์ต่างๆ ในโลกนี้มีมากมายหลายชนิด...มีทั้งมีพิษและมีประโยชน์ คนฉลาดจึงต้องรู้จักเลือกใช้ให้ถูกกาละเทศะ พ่อหวังว่าลูกก็คงเข้าใจ ขอให้โชคดี พ่อเอาใจช่วย”
ภาพเกรียงไกรหายไป ขึ้นคำว่า “จบ”
“ต้องท่านประธานเกรียงไกรนี่แหละที่ชอบเอาก้อนหินหรือโน่นนี่นั่นปาหัวผม ต้องใช่แน่ๆ”
ครรชิตบอก ภาพเกรียงไกรปรากฎขึ้นบนจอทีวีอีกครั้ง
“เออ...ใช่ แล้วจะทำไม”
“แน้”
“ฉันสั่งให้ดูแลลูกฉันให้ดี กลับปล่อยให้เน่าเกือบตาย”
ภาพเกรียงไกรหายไป บนจอปรากฎตัวอักษร “คราวนี้จบจริงๆ” ปลาใหญ่และทุกคนจึงก้มกราบง
จันทร์ทิพย์เดินออกมาหน้าห้องเกริกก้องแล้วชะงักเมื่อเห็นเลขาเกริกก้องเดินแกมวิ่งกลับมา
“หายหัวไปไหนมา”
“ไปกินข้าวกับแฟนค่ะ”
“ฮ้า...มีแฟนด้วยเรอะ”
“คือ...เราเพิ่งตกลงเป็นแฟนกันค่ะ” เลขายิ้มเขิน “เมื่อวานมีหมอดูมาทักว่าเขาจะพบเนื้อคู่ที่นี่ ก็เลยลองแวะเข้ามาดู ปรากฎว่า...”
“บ้า...เดี๋ยวฉันได้ไล่ออกเหมือนนังอลิสานั่นเลย”
จันทร์ทิพย์เดินออกไป
ขณะนั้นปลาใหญ่เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องอย่างครุ่นคิด
“ท่านประธานเกรียงไกรให้ข้อคิดที่ลึกซึ้งมาก...ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “มารสยบมาร” หรือต้นไม้มีพิษกับมีประโยชน์”
“คิดเงียบๆ คุณครรชิต...อย่าทำลายสมาธิของผม เพราะผมก็กำลังใช้ความคิดเหมือนกัน” ปลาใหญ่บอก เซียนลุกขึ้น
“ผมคิดออกแล้ว” ปลาใหญ่กับครรชิตหันมามองเซียน “บอกได้เลยว่า งานนี้ป๊ะป๋าคุณปลาใหญ่เจาะจงมาที่ตัวผม”
“ยังไง” ปลาใหญ่กับครรชิตถามพร้อมกัน
“ปลาใหญ่...นายเป็นคนดีใช่มั้ย”
“ฉลาดมากถึงขั้นจีเนียสด้วย...เป็นคนดีที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง”
เซียนหันมาทางครรชิต
“คุณคันล่ะ”
“ผมดีพร้อมรองจากคุณปลาใหญ่”
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณทั้งสองคนก็ไม่ใช่มาร แต่ผมเป็น...เมื่อพิจารณาจากคำพูดของคุณพ่อปลาใหญ่แล้ว...ผมคือมาร...คือต้นไม้มีพิษ เพราะฉะนั้น ผมคือคนที่ถูกกำหนดมาให้ปราบมาร ซึ่งในที่นี้หมายถึง คุณอาก่อง...ก๊องและพรรคพวก”
“มารปราบมาร”
เซียนชี้หน้าปลาใหญ่
“ใช่เลย เพราะฉะนั้นผมขอรับหน้าที่นี้เอง”
“นายต้องการค่าตอบแทนเท่าไหร่” ปลาใหญ่ดักคอถาม เซียนชะงักนัยน์ตาเป็นประกายเจ้าเล่หืแว่บหนึ่ง
“30% ของเงินแสนล้าน และทำความฝันของเพื่อนผมให้เป็นความจริงทุกคน”
“อย่านะคุณปลาใหญ่ ไอ้เซียนมัน...”
“อย่าเพิ่งสอด คุณครรชิต” ครรชิตสะดุ้ง “นายคิดว่านายสามารถจะเอาเงินที่อาก้องโกงไปจากฉันคืนได้ยังงั้นหรือ”
“ถูก”
“มันไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ถูก อ้อยเข้าปากช้างแล้วไม่มีใครยอมคายออกมาง่ายๆ หรอก”
“แต่นายทำได้”
“ถูก แค่ 30% ของแสนล้าน ซึ่งนายมีมากกว่านั้นอยู่แล้ว และยังสามารถจะทำได้มากกว่านั้นอีก แต่ฉันคิดแค่คำนวนแสนล้านถ้วน”
“ตกลง”
“คุณปลาใหญ่” ครรชิตตกใจ
“กรุณาอย่าสอดครับ...คุณครรชิต”
ปลาใหญ่บอก ครรชิตจึงชะงักไม่กล้าพูด
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 18 อวสานแล้วจ้า (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้นขณะที่เกริกก้องกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้องกับจันทร์ทิพย์ จู่ๆ ก็มีเสียงหมาหอนดังขึ้น จันทร์ทิพย์ลืมตาตื่น เงียหูฟังด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“คุณก้องคะ คุณก้อง”
จันทร์ทิพย์รีบปลุกเกริกก้อง เกริกก้องลืมตาขึ้นมา
“อะไร” เกริกก้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหมาหอน “เสียงหมาหอน”
“ใช่ค่ะ จันทร์บอกแล้วว่าอย่ากลับมา”
“นี่มันบ้านฉัน ฉันจะกลับ ไอ้เอ็กซ์มันก็แค่ไอ้ผีข้างถนน”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์หันขวับไปมอง เสียงเคาะประตูดังถี่ๆ ขึ้นอีก เกริกก้องลุกเดินไปเปิดประตู จันทร์ทิพย์กระโดดลงจากเตียง
“อย่าค่ะ อย่าเปิด”
เกริกก้องกระชากประตูเปิด จันทร์ทิพย์ยกมือปิดหน้าทันที
“ไม่เห็นมีอะไร”
เกริกก้องเดินออกไป จันทร์ทิพย์รีบตาม
เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์เดินออกมาหน้าห้องแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใคร
“เห็นมั้ย...ไม่มีอะไรเลย ถ้าเราไม่กลัวผี ผีก็ทำอะไรเราไม่ได้”
เกริกก้องบอกแล้วหันกลับจะเข้าห้องแต่ต้องสะดุ้งเฮือก ขณะที่จันทร์ทิพย์กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกลัวสุดๆ เมื่อเห็นร่างๆ หนึ่งซึ่งคล้ายกับเกรียงไกรยืนอยู่ในเงามืด เกริกก้องอึ้งไปครู่นึง
“ใคร”
“ฉันเอง...ไอ้ก้อง”
“คะ...คะ...คุณ...คุณเกรียงไกร”
เกริกก้องตกใจเช่นกัน
“พี่...พี่เกรียง”
“ฉันมาทวงสมบัติของลูกฉันคืน”
“ของๆ ผม...ผมก็มีสิทธิ์เหมือนกัน”
“มันเป็นของลูกฉัน...แกต้องคืนให้ปลาใหญ่”
มีเสียงเหมือนไมค์หอนดังมาจากร่างนั้น เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ชะงัก มองอย่างแปลกใจ ร่างนั้นขยับเล็กน้อยแล้วรีบวิ่งออกไป เกริกก้องวิ่งตามไปรวบตัวไว้ได้ดึงผ้าออกจึงเป็นว่าเป็นป่องที่ปลอมตัวเป็นผีเกรียงไกร
“พวกไอ้เซียนนี่ ปลอมเป็นผีมาหลอกฉันเรอะ”
“ป๋องไม่ได้ตั้งใจครับ” ป๋องบอกพร้อมกับเอานิ้วจิ้มตาเกริกก้อง “แต่เจตนา”
เกริกก้องหงายหลังร้องลั่น ยกมือปิดตาขณะที่ป๋องรีบหนีไป จันทร์ทิพย์รีบเข้ามาประคองเกริกก้อง
“คุณก้อง เป็นยังไงบ้างคะ”
เกริกก้องลุกขึ้นตามป๋องไปพร้อมกับสั่งจันทร์ทิพย์
“ไปเอาปืนมา”
จันทร์ทิพย์รีบกลับไปเอาปืนในห้อง
ป๋องเดินแกมวิ่งมาทางหลังบ้าน
“ไอ้เซียน ไอ้มอม อยู่ไหน” เซียนเอื้อมมือมาดึงป๋องเข้าหลังพุ่มไม้ “ไอ้บ้าเอ๊ย ทำยังไงวะให้ไมค์หอนได้”
ป๋องต่อว่าเซียน
“มันเป็นอุบัติเหตุ”
เกริกก้องวิ่งเข้ามาโดยมีจันทร์ทิพย์วิ่งถือปืนตามมาและส่งปืนให้เกริกก้องพร้อมกับฉายไฟกราด
“ไอ้เซียน ออกมาให้จับส่งตำรวจซะดีๆ”
“ก้มลง”
มอมกระซิบบอก กลุ่มของเซียนจึงก้มตัวลงแนบกับพื้น
“ไอ้เซียน ไอ้พวกขี้ขลาด พวกแกอยู่ที่ไหน”
“ยิงกราดเลยค่ะคุณก้อง พวกมันดดนข้อหาบุกรุกอยู่แล้ว”
“ออกมา ไม่งั้นพ่อยิงตาย”
“เฮ้ย...เอาไงวะ มันเดินมาทางนี้แล้ว” มอมถาม ป๋องยกมือขยับจะลุกขึ้นเซียนรีบดึงลง
“จะบ้าเรอะ เดี๋ยวมันก็ยิงตายหรอก”
“ยังไงมันก็ยิง”
“แล้วแกจะลุกขึ้นให้มันยิงง่ายๆ เลยเรอะ”
“ไอ้ป๋อง ไอ้เซียนมันพูดถูก”
ป๋องไม่สนใจลุกพรวดขึ้น
“อย่ายิง ป๋องยอมแพ้แล้ว อย่ายิงครับ”
เกริกก้องแสยะยิ้ม “ไอ้หน้าโง่”
เกริกก้องเล็งปืนไปที่ป๋อง ขยับไกจะยิงจังหวะนั้นเสียงเกรียงไกรก็ดังขึ้น
“ไอ้ก้อง”
เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์หันขวับไปมองด้วยความตกใจ เซียน มอม ป๋องถึงกับตาค้าง แล้วรีบวิ่งหนีออกไปทันที
“พี่เกรียงไกร” เกริกก้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“แกต้องคืนทุกอย่างให้ลูกของฉัน”
“ยิงเลยค่ะ...มันก็ไอ้ผีปลอมนั่นแหละ ยิงซิคะ”
เกริกก้องยิงไปที่เกรียงไกร เกรียงไกรยังคงยืนนิ่งสีหน้าน่ากลัวยิ่งขึ้น
“ไอ้ก้อง”
เอ็กซ์ปรากฎขึ้นอีก
“ไอ้ก้อง”
เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์มองซ้ายมองขวาด้วยความตกใจสุดขีด เกริกก้องรีบจับข้อมือจันทร์ทิพย์
“มาทางนี้”
เกริกก้องพาจันทร์ทิพย์วิ่งหนี แต่ไปทางไหนก็มีผีเกรียงไกรกับเอ็กซ์ปรากฎขวางไว้หมด ในที่สุดสองผีบีบเข้ามาใกล้ เกริกก้องกับจันทร์ทิพย์ยกมือปิดหน้าร้องลั่นด้วยความกลัว
เช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่เซียนนอนหลับสนิทอยู่ที่บ้าน สายไหมก็มาเคาะประตูเรียก
“เซียน...ไอ้เซียนเอ๊ย...ไอ้เซียน”
“อะไรป้า”
“มีคนมาหา”
“ใครจะมาแต่เช้า”
เซียนเดินหัวยุ่งออกมาจากห้องจึงเห็นลุงป่องกับสายไหมยืนอายกันไปอายกันมา
“นึกว่าใคร จีบกันต่อไปเหอะ ผมจะนอน”
เซียนจะกลับไปนอนต่อ
“ไอ้เซียน คุณปลาใหญ่เขามาหา” ลุงป่องบอก
“นายเซียน...ฉันอยากให้นายเซียนเข้าใจให้ถูกว่า เงินสามหมื่นล้านไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยสำหรับฉัน ฉันต้องการความจริงใจและความหนักแน่นมั่นคงตามที่นายเซียนให้สัญญากับฉันเท่านั้น...ฉันขอย้ำว่าฉันไม่ใช่คนงกหรือเห็นแก่เงิน” เซียนมีสีหน้าปลาบปลื้มสุดๆ “แต่นายเซียนต้องโอนเงินสามหมื่นล้านเข้าบัญชีฉันให้หมด”
สีหน้าปลาบปลื้มของเซียนค่อยๆ หุบลง น้ำเพชรหลับตาพริ้มราวกับฝันหวานที่อกเซียน
“รวมทั้งดอกเบี้ยด้วย...” เซียนกลืนน้ำลาย น้ำเพชรเงยหน้ามอง “หิวหรือจ๊ะ”
“เปล่าครับ”
น้ำเพชรซบกับอกเซียนต่อ
“และถ้าเราแต่งงานอยู่กินกันจริงๆ แล้ว...ฉันจะจ่ายเป็นค่าแรงรายวันให้นายเซียนวันละ 20 บาท”
“คุณน้ำ”
น้ำเพชรเงยหน้ามองอีกนัยน์ตาหวานใส
“มากไปหรือจ๊ะ...จริงซิ ข้าวปลาก็กินที่บ้านทั้งสามมื้อ ถ้านายเซียนว่ามากไปก็รับวันละ 10 บาทก็แล้วกัน พบกันคนละครึ่งทาง หรือนายเซียนคิดว่า....”
“โอเคครับ 10 บาทก็ 10 บาท” เซียนรีบบอก “ผมไม่คิดอะไรแล้ว กลัวไม่เหลือ”
“อะไรนะ”
“ผมบอกว่าคุณน้ำนี่คิดอะไรถี่ถ้วนดีเหลือเกินครับ”
น้ำเพชรยิ้มอย่างพอใจ ขณะที่เซียนเหงื่อแตก
ที่หน้าห้องขณะนั้นกิมฮวยเอาหูแนบประตูแอบฟังอยู่แล้วชูนิ้วโป้ง 2 นิ้ว
“สุดยอดเลย อาน้ำเพชรนี่สุดยอดจริงๆ...ถอดแบบอย่างอันดีงามของอาหม่าม้าไปทุกอย่าง แบบนี้ครอบครัวเจริญขึ้นๆ แน่ๆ...อาสินเธาว์สอง”
ทางด้านสายพิณขณะนั้นกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านโดยไม่ปลาใหญ่พยายามงอนง้อ แต่ง้อไม่ค่อยเป็นสักเท่าไหร่
“เมื่อวานผมไปเยี่ยมอาก้องกับอาจันทร์มา ทั้งสองคนจำใครไม่ได้เลย” สายพิณยังมีสีหน้าเย็นชา “แต่ก็น่าแปลก ที่สองคนนั่นสามารถให้การเอาผิดทั้งตัวเองแล้วก็พวกคุณกรณ์ได้...สายพิณว่าแปลกมั๊ยครับ” สายพิณยังคงทำหูทวนลม “ผมมาคิดๆ ดู ก็ยังมีที่แปลกอีก...คืนที่พวกนายเซียนเข้ามาช่วยกันวางแผนกระชากหน้ากากอาก้อง ทำไมผมกับคุณครรไม่ได้ยินอะไรเลย จนกระทั่งนายเซียนไปตามตำรวจมา”
สายพิณยังคงเฉยเมย ขณะนั้นยายปิ่นอยู่ในห้องเอาหูแนบฝาแอบฟัง
“อนิจจัง...อนิจจา พ่อคนนี้เขาเกี้ยวพูหญิงแปลกๆ มาเล่าเรื่องตำรวจจับผู้ร้ายอยู่นั่นแล้ว...เฮ้อ”
ปลาใหญ่ถอนหายใจที่สายพิณไม่ยอมพูดอะไรเลย
“คุณพิณไม่มีอะไรจะ comment บ้างหรือครับ”
“ไม่มี”
“อ้อ”
ยายปิ่นเปิดประตูออกมา ปลาใหญ่ยกมือไหว้ยายปิ่น
“คุณยายจะไปไหนหรือครับ”
“แต่งตัวแบบนี้เขาก็ต้องไปวัดซิจ้ะ”
“เขาทึ่มๆ อย่างนี้แหละจ้ะยาย”
“ผมฉลาดมาก เข้าขั้นจีเนียส” ปลาใหญ่บอกเสียงแข็ง
“แต่ทึ่มเรื่องชีวิต พ่อว่าพ่อเป็นคนฉลาดใช่มั้ย”
“แน่นอนครับ...”
“งั้นก็ลองคิดซิว่า ถ้าพ่อเป็นไอ้เจ้ากะล่อนเซียน พ่อจะทำยังไง”
ปลาใหญ่ครุ่นคิด
“ถ้าผมเป็นนายเซียน...”
“นั่นแหละคำตอบ ยายไปล่ะ”
ยายปิ่นเดินออกไป ปลาใหญ่ยังคงคิดอยู่
“ถ้าผมเป็นนายเซียน...”
สายไหมอยู่ในชุดขาวกำลังซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา โดยมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกคันตามมาด้วย ทั้งหมดหยุดตรงที่ยายปิ่นยืนอยู่
“เป็นไง...หลานสาวใจอ่อนบ้างหรือยัง” สายไหมถาม
“ยัง แต่ตอนนี้ฉันให้เคล็ดลับไปแล้ว”
“เคล็ดลับอะไร”
“ก็หลานชายแกไง ไป...คุณปลาใหญ่เขาให้รถเบ๊นซ์รออยู่หน้าปากซอย”
สายไหมกับยายปิ่นซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไป
ปลาใหญ่นั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนึกได้
“รู้แล้ว”
สายพิณตัดกิ่งไม้ที่ยื่นออกมาทิ้ง พลางยิ้มเยาะ ปลาใหญ่เดินเข้ามากอดสายพิณแน่น แล้วก้มลงหอมแก้มโดยที่สายพิณตกใจ ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
“นายเซียนต้องทำอย่างนี้ ใช่ไหมครับ สายพิณ”
“แล้วก็จะโดนแบบนี้”
สายพิณผลักปลาใหญ่แล้วตบ ปลาใหญ่ชะงัก มองสายพิณอย่างน้อยใจแล้วหันหลังให้สายพิณใจหายวาบ
“ขอโทษ พิณไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษ...นะคะ”
ปลาใหญ่กันกลับมา
“ผมก็ต้องขอโทษเหมือนกัน...ปกติ ผมไม่เคยทำอะไรอย่างนี้...ต่อไป...ผมสัญญาว่าจะไม่มากวนใจสายพิณอีก”
ปลาใหญ่เดินออกไป สายพิณอึ้งตะลึงมอง แล้วนึกถึงปลาใหญ่ตอนที่มางอนง้อเธอและตอนที่ปลาใหญ่เสียสละตัวเองเข้ารับกระสุนแทนเธอ
“ปลาใหญ่...ปลาใหญ่อย่าไป” สายพิณวิ่งตามปลาใหญ่ออกมา “อย่าไป...ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่หยุด ยิ้มนิดๆ แบบสุขใจแล้วหันกลับมา สายพิณโผเข้าหา ปลาใหญ่กอดสายพิณแน่น ผู้คนแถวนั้นพากันปรบมือยินดีด้วย
ส่วนเซียนกับน้ำเพชร เซียนโอบเอวน้ำเพชรยืนมองออกไปข้างนอก สีหน้าของทั้งคู่มีความสุขมาก
“ไม่น่าเชื่อว่า ผมจะมีวันนี้ได้...คุณน้ำเกลียดผมแทบตาย อันนี้ต้องชมตัวเองที่มีความหน้าด้านมาก ตื๊ออย่างเอาเป็นเอาตาย จนคุณน้ำใจอ่อน”
“รำคาญต่างหาก”
เซียนทำหูทวนลม
“และท้ายที่สุดก็ต้องขอบใจปลาใหญ่ซึ่งให้ผมอาศัยร่างเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณ”
“นายแย่งร่างเขามาต่างหาก”
“เรียกว่าเป็นเพราะบุพเพดีไหมครับ”
“เรียกว่าลมเพลมพัดจะดีกว่า”
“ฟังดูเป็นไสยศาสตร์ยังไงก็ไม่รู้”
“งั้นมั้ง ไม่อย่างนั้น ฉันคง...คง...ชอบนายยาก”
“ไม่เห็นจะยาก ผมน่ารักจะตายไป”
“ทุเรศน่ะไม่ว่า”
“คราวนี้ ถามจริง...คุณน้ำรักผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็บอกแล้วว่าฉันถูกคุณไสย”
“งั้นผมจะเล่นคุณไสยอีกนิด”
“อะไร”
เซียนจ้องหน้าน้ำเพชร
“โอมเพี้ยง ขอให้คุณน้ำเพชรยอมให้คุณเซียนจูบให้ชื่นใจสักทีเทิ้ด...ด...”
“บ้า”
เซียนคว้าตัวน้ำเพชรมาจูบจนได้
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 18 จบบริบูรณ์แล้วจ้า
ปลาใหญ่อยู่กับสายพิณและกำลังคุยกันเรื่องเซียน
“นายเซียนคงง้อน้ำเพชรสำเร็จ ไม่งั้นคงโทรมาบอกแล้ว” ปลาใหญ่บอก สายพิณนั่งนิ่ง ปลาใหญ่หันมามองอย่างเพ่งพิศ “คุณยังรักเขาอยู่หรือเปล่า”
“ไม่รู้ซิ” ปลาใหญ่หน้าเสีย “เขาเป็นฮีโร่ของฉันมาตั้งแต่ฉันอยู่ชั้นประถม5”
“จำแม่นซะด้วย”
“ตอนนั้นไม่มีใครเท่เท่าพี่เซียนเลย ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ...เป็นหัวหน้าทีมแว้น”
“ผมมัวแต่คร่ำเคร่งเรียนหนังสือ”
สายพิณหันมามอง
“ก็ดีแล้วไง” ปลาใหญ่มองสายพิณอย่างแปลกใจ “คนเราจะให้เหมือนกันทุกอย่างไม่ได้ แล้วฉันก็ชอบอย่างที่นายเป็น”
“สายพิณ” ปลาใหญ่มองสายพิณอย่างซาบซึ้ง
“ต่อไปนี้ห้ามมาถามเซ้าซี้เรื่องรักหรือไม่รัก...รักตั้งแต่ตอนไหน...รักใครมากกว่าใครอีก”
ปลาใหญ่ถอนหายใจ
“ผมเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องเรียน...เรื่องทำงาน...แต่เรื่องเกี่ยวกับสายพิณผมไม่มั่นใจเลยสักนิด อย่างเมื่อกี้ คุณก็ตบผม”
สายพิณยิ้มแห้งๆ
“มือฉันมันไวไปหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นลองอีกทีได้มั๊ย...ผมอยากให้แน่ใจว่าคิดไม่ผิด”
สายพิณไม่ตอบ แต่มองสบตาปลาใหญ่นิ่ง ปลาใหญ่สบตาสายพิณพยายามค้นหาความจริงใจแล้วจึงก้มจูบสายพิณ
เซียนจูงน้ำเพชรเข้ามาในห้องรับแขกซึ่งกิมฮวยกับเติมศักดิ์นั่งคุยกันอยู่
“ทำไมถึงมาช้า เมื่อกี้อั๊วเกือบขึ้นไปตามแล้ว” เติมศักดิ์บอก
“ถึงลื้อจะขึ้น อั๊วก็ไม่ให้ขึ้น...มันเรื่องของเด็กๆ เค้า ลื้อไปยุ่งอะไรด้วย”
เซียนกับน้ำเพชรยิ้ม
“ไม่น่าเชื่อว่าเงินสามหมื่นล้านจะเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้”
“เปลี่ยนไม่ได้อั๊วก็ใจแข็งเกินไปแล้ว แต่ที่เปลี่ยนใจอั๊วได้ก็ไม่ใช่เงินสามหมื่นล้านอย่างเดียว แต่เพราะอาเซียนอีเป็นคนจิตใจมั่นคง รักอาน้ำคนเดียวตลอด จะถูกด่าถูกว่าถูกตบยังไงอีก็ยังรัก...นี่...อันนี้ต่างหากที่ชนะใจอาแม่ยายอย่างอั๊ว”
“อาเซียน”
“ครับ”
“อั๊วเห็นอนาคตลื้อเลย อีกหน่อยลื้อก็เหมือนอั๊วที่คอยแต่รับคำสั่งเมีย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้”
“ก็ลองทนไม่ได้ซิ”
น้ำเพชรหันมาขู่ กิมฮวยกับเติมศักดิ์ชอบอกชอบใจ
วันต่อมาขณะที่สายไหม ยายปิ่น หมอแม่น กระสือ กระหัง และผู้มาถือศีลคนอื่นๆ กำลังไหว้พระอยู่ในโบสถ์ ปลาใหญ่คลานตามสายพิณเข้ามาในโบสถ์
ทั้งคู่จุดธูปเทียนถวายดอกไม้พระ กลุ่มของยายปิ่นมองดูปลาใหญ่กับสายพิณด้วยความเอ็นดู
“น่าเอ็นดูนะ”
หมอแม่นบอก ยายปิ่นพยักหน้าน้ำตาคลอ
“อีกหน่อย แกก็คงจะย้ายเข้าไปอยู่คฤหาสน์ของหลานเขยแล้วล่ะซิ” กระสือบอก
“ไอ้ฉันน่ะไม่อยากไปหรอก แต่พ่อปลาใหญ่เขาขอร้องให้ไปช่วยดูแลเรามันก็ขัดไม่ได้”
“ไปแล้วกลับมาเยี่ยมกันบ้างละกัน”
“ยายปิ่นแกขอคุณปลาใหญ่จะปลูกศาลาปฏิบัติธรรมในบ้าน พวกเราจะได้เข้าไปกันทุกวันพระ” สายไหมบอก
“สาธุ...สาธุ...สาธุ”
ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน
“ดูหนูสายพิณซิ ใครจะไปเชื่อว่าเด็กกะโปโลในซอยจะได้กลายเป็นเมียมหาเศรษฐี”
“สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัสสอนไงว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
“สาธุ...สาธุ...สาธุ” ทุกคนสมยอมพร้อมใจเปล่งวาจา ยกมือท่วมหัว
วันต่อมาปลาใหญ่ในชุดสูทอย่างดีคาดผ้ากันเปื้อนขายของอยู่ที่ร้านข้าวแกง โดยมีสายพิณคอยถือโพยสั่งอาหาร
“โต๊ะ 5 กระเพราะไก่ไข่ดาว 2 จาน”
ปลาใหญ่ตอกไข่ใส่กระทะอย่างคล่องแคล่ว ตักใส่จานสองจานแล้วผัดกระเพรา ผู้คตนในร้านต่างพากันจาม โต๊ะไหนที่ได้อาการก็กินกันไปชมกันไปว่าอร่อย...ยายปิ่นยืนกอดอกอยู่มุมหนึ่ง มองสายพิณสั่งให้ปลาใหญ่ทำโน่นทำนี่พลางส่ายหน้า
“เฮ้อ...เวรกรรม”
มอมเดินเข้ามาที่ยายปิ่น ในมือถือแฟ้มมาให้ปลาใหญ่เซ็น
“ยายปิ่น เมื่อไหร่สายพิณจะเลิกทรมานคุณปลาใหญ่ซักทีเนี่ย...ว่างจากประชุมไม่ได้ต้องมาขายข้าวแกงทุกวัน”
“เห็นมันบอกว่า เพื่อพิสูจน์รักแท้”
“โห...อย่างนี้ไม่เรียกว่ารักแท้ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ายังไงแล้ว”
ปลาใหญ่หันมามองมอมแว่บหนึ่ง
“มีอะไรมอมแมม”
“ผมเอาเอกสารมาให้คุณปลาใหญ่เซ็นชื่อครับ”
“เอาไปวางบนโต๊ะนั่นก่อน”
“ของผมข้าวผัดปูใส่ปูเยอะๆ นะครับ”
“ไอ้ รอเดี๋ยว”
ลุงป่องตบหัวมอม
“นี่แน่ะ...บังอาจใช้เจ้านาย...คุณปลาใหญ่ครับ ของผมอย่างเดิม”
ปลาใหญ่ทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว
เซียนขับรถมาจอดหน้าปากซอยซึ่งมีรถเก๋ง รถตู้จอดอยู่เต็ม
“รถพวกพนักงานบริษัทคุณปลาใหญ่แทบทั้งนั้นเลย...มาอุดหนุนเจ้านายบ้าง...เอาเอกสารมาให้เซ็นบ้าง” น้ำเพชรบอก
“เวรกรรม”
น้ำเพชรหันขวับมามองเซียน
“เรื่องของความรักมีเวรกรรมด้วยเรอะ”
“อ๋อ...ไม่ครับ เรื่องของความรักมีแต่ความสุข”
“ดี”
เซียนเปิดประตูรถลงไปพลางบ่น
“สุกๆ...ดิบๆ...”
เซียนเปิดประตูรถให้น้ำเพชรลง
ปลาใหญ่เดินมานั่งที่โต๊ะ
“ใครมีอะไรให้เซ็นก็เอามาเลย”
บรรดาพนักงานออฟฟิศ มอม ลุงป่อง รีบเข้ามาเข้าแถวให้ปลาใหญ่เซ็นชื่อ สายพิณเดินมานั่งข้างๆ ยายปิ่น
“เหนื่อย”
ยายปิ่นมองค้อนหลานสาว
“แกน่ะเรอะแหนื่อย”
เซียนกับน้ำเพชรเดินเข้ามา
“ปลาใหญ่ งานหลวงไม่ได้ขาด งานราษฎร์ไม่ได้เกินเชียวนะ” เซียนแซว
“สนุกดี”
“กินอะไรมั้ย พี่เซียน...น้ำเพชร”
“ไม่ละ”
ลูกค้าแต่งตัวดีเดินเข้ามา สายพิณรีบลุกต้อนรับลูกค้า
“ข้าวผัดกุนเชียง 2 ผัดซีอี๊ว 1
“ราดหน้ากุ้ง 3”
“เชิญนั่งก่อนค่ะ...ปลาใหญ่” สายพิณเรียกปลาใหญ่เสียงดัง
“ไม่ต้อง ให้พี่เซียนทำก็ได้” น้ำเพชรบอก เซียนถึงกับสะดุ้ง
“คุณน้ำ...”
“ไปทำไป”
“ครับ” เซียนลุกขึ้นไปทำพร้อมบ่น “เวรกรรม”
“ทำไป ไม่ต้องบ่น”
“ครับ” น้ำเพชรกับสายพิณหัวเราะกันคิกคัก “ปลาใหญ่ เซ็นชื่อเร็วๆ หน่อย”
เซียนตะโกนบอกปลาใหญ่
“ผลัดกันบ้างซิ เดี๋ยวขอปลาหมึกผัดผงกะหรี่ด้วยนะ”
“เฮ้ย”
เซียนถอนหายใจแล้ววุ่นวายกับการทำอาหารซึ่งแต่ละคนดูมีความสุขในเพิงขายอาหารนั้น
จ บ บ ริ บู ร ณ์
ขอบพระคุณ...ที่ติดตามอย่างอดทน ตั้งแต่ต้นจบจบ โปรดติดตาม “ไฟมาร” ต่อ